「1998년 근로보호법」
• 국가‧지 역: 태국 • 제 정 일: 1998년 2월 12일 • 개 정 일: 2017년 8월 27일(일부개정)
ภูมิพลอดุลยเดช ป . ร . ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ . ศ . ๒๕๔๑ เป็นปีที่ ๕๓ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคาแนะนาและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้ 푸미폰아둔야뎃 국왕 폐하께서 재위 53번째 해인 1998년(불기2541년) 2월 12일에 하사하셨다. 푸미폰 국왕 폐하께서는 다음과 같이 공포하도록 하셨다 . 근로자 보호에 관한 법률을 개정하는 것이 타당하므로, 의회의 조언과 동의를 통하여 다음과 같이 법을 제정한다.
พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑”
พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกาหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ให้ยกเลิก
บรรดากฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่นในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน
พระราชบัญญัตินี้มิให้ใช้บังคับแก่
นอกจากกรณีตามวรรคหนึ่ง จะออกกฎกระทรวงมิให้ใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแก่นายจ้างประเภทหนึ่งประเภทใดก็ได้ พระราชบัญญัตินี้มิให้ใช้บังคับแก่ ในพระราชบัญญัตินี้
นายจ้าง” หมายความว่า ผู้ซึ่งตกลงรับลูกจ้างเข้าทางานโดยจ่ายค่าจ้างให้และหมายความรวมถึง
บุคคลให้ทาการแทนด้วย “ลูกจ้าง” หมายความว่า ผู้ซึ่งตกลงทางานให้นายจ้างโดยรับค่าจ้างไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไร“ “ผู้ว่าจ้าง” หมายความว่า ผู้ซึ่งตกลงว่าจ้างบุคคลอีกบุคคลหนึ่งให้ดาเนินงานทั้งหมดหรือแต่บางส่วนของงานใดเพื่อประโยชน์แก่ตน โดยจะจ่ายสินจ้างตอบแทนผลสาเร็จแห่งการงานที่ทานั้น “ผู้รับเหมาชั้นต้น” หมายความว่า ผู้ซึ่งตกลงรับจะดาเนินงานทั้งหมดหรือแต่บางส่วนของงานใดจนสาเร็จประโยชน์ของผู้ว่าจ้าง“ “ผู้รับเหมาช่วง” หมายความว่า ผู้ซึ่งทาสัญญากับผู้รับเหมาชั้นต้นโดยรับจะดาเนินงานทั้งหมดหรือแต่บางส่วนของงานใดในความรับผิดชอบของผู้รับเหมาชั้นต้นเพื่อประโยชน์แก่ผู้ว่าจ้าง และหมายความรวมถึงผู้ซึ่งทาสัญญากับผู้รับเหมาช่วงเพื่อรับช่วงงานในความรับผิดชอบของผู้รับเหมาช่วง ทั้งนี้ ไม่ว่าจะรับเหมาช่วงกันกี่ช่วงก็ตาม“ “สัญญาจ้าง” หมายความว่า สัญญาไม่ว่าเป็นหนังสือหรือด้วยวาจาระบุชัดเจน หรือเป็นที่เข้าใจโดยปริยายซึ่งบุคคลหนึ่งเรียกว่าลูกจ้างตกลงจะทางานให้แก่บุคคลอีกบุคคลหนึ่งเรียกว่านายจ้างและนายจ้างตกลงจะให้ค่าจ้างตลอดเวลาที่ทางานให้“ “วันทางาน” หมายความว่า วันที่กาหนดให้ลูกจ้างทางานตามปกติ “วันหยุด” หมายความว่า วันที่กาหนดให้ลูกจ้างหยุดประจาสัปดาห์ หยุดตามประเพณี หรือหยุดพักผ่อนประจาปี “วันลา” หมายความว่า วันที่ลูกจ้างลาป่วย ลาเพื่อทาหมัน ลาเพื่อกิจธุระอันจาเป็น ลาเพื่อรับราชการทหาร ลาเพื่อการฝึกอบรมหรือพัฒนาความรู้ความสามารถ หรือลาเพื่อคลอดบุตร “ค่าจ้าง” หมายความว่า เงินที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกันจ่ายเป็นค่าตอบแทนในการทางานตามสัญญาจ้างสาหรับระยะเวลาการทางานปกติเป็นรายชั่วโมง รายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน หรือระยะเวลาอื่น หรือจ่ายให้โดยคานวณตามผลงานที่ลูกจ้างทาได้ในเวลาทางานปกติของวันทางาน และให้หมายความรวมถึงเงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างในวันหยุดและวันลาที่ลูกจ้างมิได้ทางาน แต่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับตามพระราชบัญญัตินี้ “ค่าจ้างในวันทางาน” หมายความว่า ค่าจ้างที่จ่ายสาหรับการทางานเต็มเวลาการทางานปกติ “อัตราค่าจ้างขั้นต่า” หมายความว่า อัตราค่าจ้างที่คณะกรรมการค่าจ้างกาหนดตามพระราชบัญญัตินี้ “อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ” หมายความว่า อัตราค่าจ้างที่คณะกรรมการค่าจ้างกาหนดขึ้นในแต่ละสาขาอาชีพตามมาตรฐานฝีมือ “อัตราค่าจ้างขั้นต่าพื้นฐาน” (ยกเลิก) “การทางานล่วงเวลา” หมายความว่า การทางานนอกหรือเกินเวลาทางานปกติหรือเกินชั่วโมงทางานในแต่ละวันที่นายจ้างลูกจ้างตกลงกันตามมาตรา ๒๓ ในวันทางานหรือวันหยุด แล้วแต่กรณี “ค่าล่วงเวลา” หมายความว่า เงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเป็นการตอบแทนการทางานล่วงเวลาในวันทางาน “ค่าทางานในวันหยุด” หมายความว่า เงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเป็นการตอบแทนการทางานในวันหยุด “ค่าล่วงเวลาในวันหยุด” หมายความว่า เงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเป็นการตอบแทนการทางานล่วงเวลาในวันหยุด “ค่าชดเชย” หมายความว่า เงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้าง นอกเหนือจากเงินประเภทอื่นซึ่งนายจ้างตกลงจ่ายให้แก่ลูกจ้าง “ค่าชดเชยพิเศษ” หมายความว่า เงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเมื่อสัญญาจ้างสิ้นสุดลงเพราะมีเหตุกรณีพิเศษที่กาหนดในพระราชบัญญัตินี้ “เงินสะสม” หมายความว่า เงินที่ลูกจ้างจ่ายเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง “เงินสมทบ” หมายความว่า เงินที่นายจ้างจ่ายสมทบให้แก่ลูกจ้างเพื่อส่งเข้าสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง “พนักงานตรวจแรงงาน” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ “อธิบดี” หมายความว่า อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน“ “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้“ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอานาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ ออกกฎกระทรวงกาหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัตินี้ ยกเว้นค่าธรรมเนียม และกาหนดกิจการอื่น กับออกระเบียบหรือประกาศ เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ การออกกฎกระทรวงกาหนดค่าธรรมเนียมตามวรรคหนึ่ง จะกาหนดอัตราค่าธรรมเนียมให้แตกต่างกันโดยคานึงถึงชนิดของเครื่องสาอาง ขนาดและกิจการของผู้ประกอบการ และประเภทของการแก้ไขเปลี่ยนแปลงก็ได้ กฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน* รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอานาจแต่งตั้งพนักงานตรวจแรงงาน กับออกกฎกระทรวงและประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ การแต่งตั้งพนักงานตรวจแรงงาน จะกาหนดขอบเขตอานาจหน้าที่และเงื่อนไขในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยก็ได้ กฎกระทรวงและประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
การเรียกร้องหรือการได้มาซึ่งสิทธิหรือประโยชน์ตามพระราชบัญญัตินี้ ไม่เป็นการตัดสิทธิหรือประโยชน์ที่ลูกจ้างพึงได้ตามกฎหมายอื่น
ให้รัฐมนตรีมีอานาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งมีคุณวุฒิไม่ต่ากว่าปริญญาตรีทางนิติศาสตร์ เพื่อมีอานาจฟ้องคดีหรือแก้ต่างคดีแรงงานให้แก่ลูกจ้างหรือทายาทโดยธรรมของลูกจ้างซึ่งถึงแก่ความตาย และเมื่อกระทรวงแรงงาน* แจ้งให้ศาลทราบแล้ว ก็ให้มีอานาจกระทาการได้จนคดีถึงที่สุด
ในกรณีที่นายจ้างไม่คืนหลักประกันที่เป็นเงินตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง หรือไม่จ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทางานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุดภายในเวลาที่กาหนดตามมาตรา ๗๐ หรือค่าชดเชยตามมาตรา ๑๑๘ ค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าหรือค่าชดเชยพิเศษตามมาตรา ๑๒๐ มาตรา ๑๒๑ และมาตรา ๑๒๒ ให้นายจ้างเสียดอกเบี้ยให้แก่ลูกจ้างในระหว่างเวลาผิดนัดร้อยละสิบห้าต่อปี ในกรณีที่นายจ้างจงใจไม่คืนหรือไม่จ่ายเงินตามวรรคหนึ่งโดยปราศจากเหตุผลอันสมควร เมื่อพ้นกาหนดเวลาเจ็ดวันนับแต่วันที่ถึงกาหนดคืนหรือจ่าย ให้นายจ้างเสียเงินเพิ่มให้แก่ลูกจ้างร้อยละสิบห้าของเงินที่ค้างจ่ายทุกระยะเวลาเจ็ดวัน ในกรณีที่นายจ้างพร้อมที่จะคืนหรือจ่ายเงินตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง และได้นาเงินไปมอบไว้แก่อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายเพื่อจ่ายให้แก่ลูกจ้าง นายจ้างไม่ต้องเสียดอกเบี้ยหรือเงินเพิ่มตั้งแต่วันที่นายจ้างนาเงินนั้นไปมอบไว้
ภายใต้บังคับมาตรา ๕๑ วรรคหนึ่ง ห้ามมิให้นายจ้างเรียกหรือรับหลักประกันการทางานหรือหลักประกันความเสียหายในการทางาน ไม่ว่าจะเป็นเงิน ทรัพย์สินอื่นหรือการค้าประกันด้วยบุคคลจากลูกจ้าง เว้นแต่ลักษณะหรือสภาพของงานที่ทานั้นลูกจ้างต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับการเงินหรือทรัพย์สินของนายจ้าง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายจ้างได้ ทั้งนี้ ลักษณะหรือสภาพของงานที่ให้เรียกหรือรับหลักประกันจากลูกจ้าง ตลอดจนประเภทของหลักประกัน จานวนมูลค่าของหลักประกัน และวิธีการเก็บรักษา ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกาหนด ในกรณีที่นายจ้างเรียกหรือรับหลักประกัน หรือทาสัญญาประกันกับลูกจ้างเพื่อชดใช้ความเสียหายที่ลูกจ้างเป็นผู้กระทา เมื่อนายจ้างเลิกจ้าง หรือลูกจ้างลาออกหรือสัญญาประกันสิ้นอายุ ให้นายจ้างคืนหลักประกันพร้อมดอกเบี้ย ถ้ามี ให้แก่ลูกจ้างภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่นายจ้างเลิกจ้างหรือวันที่ลูกจ้างลาออก หรือวันที่สัญญาประกันสิ้นอายุ แล้วแต่กรณี
หนี้ที่เกิดจากเงินที่นายจ้างต้องจ่ายตามพระราชบัญญัตินี้ หรือเงินที่ต้องชดใช้กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างตามมาตรา ๑๓๕ ให้ลูกจ้างหรือกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน แล้วแต่กรณี มีบุริมสิทธิเหนือทรัพย์สินทั้งหมดของนายจ้างซึ่งเป็นลูกหนี้ในลาดับเดียวกับบุริมสิทธิในค่าภาษีอากรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ในกรณีที่ผู้ประกอบกิจการมอบหมายให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นผู้จัดหาคนมาทางานอันมิใช่การประกอบธุรกิจจัดหางาน โดยการทางานนั้นเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดในกระบวนการผลิตหรือธุรกิจในความรับผิดชอบของผู้ประกอบกิจการ และโดยบุคคลนั้นจะเป็นผู้ควบคุมดูแลการทางานหรือรับผิดชอบในการจ่ายค่าจ้างให้แก่คนที่มาทางานนั้นหรือไม่ก็ตาม ให้ถือว่าผู้ประกอบกิจการเป็นนายจ้างของคนที่มาทางานดังกล่าว ให้ผู้ประกอบกิจการดาเนินการให้ลูกจ้างรับเหมาค่าแรงที่ทางานในลักษณะเดียวกันกับลูกจ้างตามสัญญาจ้างโดยตรง ได้รับสิทธิประโยชน์และสวัสดิการที่เป็นธรรมโดยไม่เลือกปฏิบัติ
ในกรณีที่นายจ้างเป็นผู้รับเหมาช่วง ให้ผู้รับเหมาช่วงถัดขึ้นไป หากมีตลอดสายจนถึงผู้รับเหมาชั้นต้นร่วมรับผิดกับผู้รับเหมาช่วงซึ่งเป็นนายจ้างในค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทางานในวันหยุด ค่าล่วงเวลาในวันหยุด ค่าชดเชย ค่าชดเชยพิเศษ เงินสะสม เงินสมทบ หรือเงินเพิ่ม ให้ผู้รับเหมาชั้นต้นหรือผู้รับเหมาช่วงตามวรรคหนึ่ง มีสิทธิไล่เบี้ยเงินที่ได้จ่ายไปแล้วตามวรรคหนึ่งคืนจากผู้รับเหมาช่วงซึ่งเป็นนายจ้าง
ในกรณีที่กิจการใดมีการเปลี่ยนแปลงตัวนายจ้างเนื่องจากการโอน รับมรดกหรือด้วยประการอื่นใด หรือในกรณีที่นายจ้างเป็นนิติบุคคล และมีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลง โอน หรือควบกับนิติบุคคลใด สิทธิต่าง ๆ ที่ลูกจ้างมีอยู่ต่อนายจ้างเดิมเช่นใดให้ลูกจ้างมีสิทธิเช่นว่านั้นต่อไป และให้นายจ้างใหม่รับไปทั้งสิทธิและหน้าที่อันเกี่ยวกับลูกจ้างนั้นทุกประการ
ให้นายจ้างปฏิบัติต่อลูกจ้างให้ถูกต้องตามสิทธิและหน้าที่ที่กาหนดไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เว้นแต่พระราชบัญญัตินี้กาหนดไว้เป็นอย่างอื่น
สัญญาจ้างระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง ข้อบังคับเกี่ยวกับการทางาน ระเบียบ หรือคาสั่งของนายจ้างที่ทาให้นายจ้างได้เปรียบลูกจ้างเกินสมควร ให้ศาลมีอานาจสั่งให้สัญญาจ้าง ข้อบังคับเกี่ยวกับการทางาน ระเบียบ หรือคาสั่งนั้นมีผลใช้บังคับเพียงเท่าที่เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณี
ให้นายจ้างปฏิบัติต่อลูกจ้างชายและหญิงโดยเท่าเทียมกันในการจ้างงาน เว้นแต่ลักษณะหรือสภาพของงานไม่อาจปฏิบัติเช่นนั้นได้
ห้ามมิให้นายจ้าง หัวหน้างาน ผู้ควบคุมงาน หรือผู้ตรวจงานกระทาการล่วงเกิน คุกคาม หรือก่อความเดือดร้อนราคาญทางเพศต่อลูกจ้าง
สัญญาจ้างย่อมสิ้นสุดลงเมื่อครบกาหนดระยะเวลาในสัญญาจ้างโดยมิต้องบอกกล่าวล่วงหน้า ในกรณีที่สัญญาจ้างไม่มีกาหนดระยะเวลา นายจ้างหรือลูกจ้างอาจบอกเลิกสัญญาจ้างโดยบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นหนังสือให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบในเมื่อถึงหรือก่อนจะถึงกาหนดจ่ายค่าจ้างคราวหนึ่งคราวใด เพื่อให้เป็นผลเลิกสัญญากันเมื่อถึงกาหนดจ่ายค่าจ้างคราวถัดไปข้างหน้าก็ได้ แต่ไม่จาต้องบอกกล่าวล่วงหน้าเกินสามเดือน ทั้งนี้ ให้ถือว่าสัญญาจ้างทดลองงานเป็นสัญญาจ้างที่ไม่มีกาหนดระยะเวลาด้วย การบอกเลิกสัญญาจ้างตามวรรคสอง นายจ้างอาจจ่ายค่าจ้างให้ตามจานวนที่จะต้องจ่ายจนถึงเวลาเลิกสัญญาตามกาหนดที่บอกกล่าวและให้ลูกจ้างออกจากงานทันทีได้ การบอกกล่าวล่วงหน้าตามมาตรานี้ไม่ใช้บังคับแก่การเลิกจ้างตามมาตรา ๑๑๙ แห่งพระราชบัญญัตินี้ และมาตรา ๕๘๓ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ในกรณีที่พระราชบัญญัตินี้กาหนดให้นายจ้างต้องแจ้งการดาเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดหรือส่งเอกสารต่ออธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายหรือพนักงานตรวจแรงงาน นายจ้างจะแจ้งหรือส่งด้วยตนเอง ทางไปรษณีย์ โทรศัพท์ โทรสาร สื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศประเภทอื่นก็ได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีประกาศกาหนด
เพื่อประโยชน์ในการคานวณระยะเวลาการทางานของลูกจ้างตามพระราชบัญญัตินี้ ให้นับวันหยุด วันลา วันที่นายจ้างอนุญาตให้หยุดงานเพื่อประโยชน์ของลูกจ้าง และวันที่นายจ้างสั่งให้ลูกจ้างหยุดงานเพื่อประโยชน์ของนายจ้าง รวมเป็นระยะเวลาการทางานของลูกจ้างด้วย
การที่ลูกจ้างไม่ได้ทางานติดต่อกันโดยนายจ้างมีเจตนาที่จะไม่ให้ลูกจ้างนั้นมีสิทธิใดตามพระราชบัญญัตินี้ ไม่ว่านายจ้างจะให้ลูกจ้างทางานในหน้าที่ใด และการจ้างแต่ละช่วงมีระยะเวลาห่างกันเท่าใดก็ตาม ให้นับระยะเวลาการทางานทุกช่วงเข้าด้วยกัน เพื่อประโยชน์ในการได้สิทธิของลูกจ้างนั้น
ในกรณีที่พระราชบัญญัตินี้กาหนดให้นายจ้างต้องดาเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดที่ต้องเสียค่าใช้
งานเกษตรกรรม งานประมงทะเล งานบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าเรือเดินทะเล งานที่รับไปทาที่บ้าน งานขนส่ง และงานอื่นตามที่กาหนดในพระราชกฤษฎีกาจะกาหนดในกฎกระทรวงให้มีการคุ้มครองแรงงานกรณีต่าง ๆ แตกต่างไปจากพระราชบัญญัตินี้ก็ได้
ให้นายจ้างประกาศเวลาทางานปกติให้ลูกจ้างทราบ โดยกาหนดเวลาเริ่มต้นและเวลาสิ้นสุดของการทางานแต่ละวันของลูกจ้างได้ไม่เกินเวลาทางานของแต่ละประเภทงานตามที่กาหนดในกฎกระทรวง แต่วันหนึ่งต้องไม่เกินแปดชั่วโมง ในกรณีที่เวลาทางานวันใดน้อยกว่าแปดชั่วโมง นายจ้างและลูกจ้างจะตกลงกันให้นาเวลาทางานส่วนที่เหลือนั้นไปรวมกับเวลาทางานในวันทางานปกติอื่นก็ได้ แต่ต้องไม่เกินวันละเก้าชั่วโมงและเมื่อรวมเวลาทางานทั้งสิ้นแล้ว สัปดาห์หนึ่งต้องไม่เกินสี่สิบแปดชั่วโมง เว้นแต่งานที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกจ้างตามที่กาหนดในกฎกระทรวงต้องมีเวลาทางานปกติวันหนึ่งไม่เกินเจ็ดชั่วโมง และเมื่อรวมเวลาทางานทั้งสิ้นแล้วสัปดาห์หนึ่งต้องไม่เกินสี่สิบสองชั่วโมง ในกรณีที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกันให้นาเวลาทางานส่วนที่เหลือไปรวมกับเวลาทางานในวันทางานปกติอื่นตามวรรคหนึ่งเกินกว่าวันละแปดชั่วโมงให้นายจ้างจ่ายค่าตอบแทนไม่น้อยกว่าหนึ่งเท่าครึ่งของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันทางานตามจานวนชั่วโมงที่ทาเกินสาหรับลูกจ้างรายวันและลูกจ้างรายชั่วโมงหรือไม่น้อยกว่าหนึ่งเท่าครึ่งของอัตราค่าจ้างต่อหน่วยในวันทางานตามจานวนผลงานที่ทาได้ในชั่วโมงที่ทาเกินสาหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงาน ในกรณีที่นายจ้างไม่อาจประกาศกาหนดเวลาเริ่มต้นและเวลาสิ้นสุดของการทางานแต่ละวันได้ เนื่องจากลักษณะหรือสภาพของงาน ให้นายจ้างและลูกจ้างตกลงกันกาหนดชั่วโมงทางานแต่ละวันไม่เกินแปดชั่วโมง และเมื่อรวมเวลาทางานทั้ง
ห้ามมิให้นายจ้างให้ลูกจ้างทางานล่วงเวลาในวันทางาน เว้นแต่ได้รับความยินยอมจากลูกจ้างก่อนเป็นคราว ๆ ไป ในกรณีที่ลักษณะหรือสภาพของงานต้องทาติดต่อกันไปถ้าหยุดจะเสียหายแก่งาน หรือเป็นงานฉุกเฉิน หรือเป็นงานอื่นตามที่กาหนดในกฎกระทรวง นายจ้างอาจให้ลูกจ้างทางานล่วงเวลาได้เท่าที่จาเป็น
ห้ามมิให้นายจ้างให้ลูกจ้างทางานในวันหยุด เว้นแต่ในกรณีที่ลักษณะหรือสภาพของงานต้องทาติดต่อกันไป ถ้าหยุดจะเสียหายแก่งาน หรือเป็นงานฉุกเฉิน นายจ้างอาจให้ลูกจ้างทางานในวันหยุดได้เท่าที่จาเป็น นายจ้างอาจให้ลูกจ้างทางานในวันหยุดได้สาหรับกิจการโรงแรม สถานมหรสพ งานขนส่ง ร้านขายอาหาร ร้านขายเครื่องดื่ม สโมสร สมาคม สถานพยาบาล หรือกิจการอื่นตามที่กาหนดในกฎกระทรวง เพื่อประโยชน์แก่การผลิต การจาหน่าย และการบริการ นายจ้างอาจให้ลูกจ้างทางาน นอกจากที่กาหนดตามวรรคหนึ่งและวรรคสองในวันหยุดเท่าที่จาเป็น โดยได้รับความยินยอมจากลูกจ้างก่อนเป็นคราว ๆ ไป
ชั่วโมงทางานล่วงเวลาตามมาตรา ๒๔ วรรคหนึ่งและชั่วโมงทางานในวันหยุดตามมาตรา ๒๕ วรรคสองและวรรคสาม เมื่อรวมแล้วจะต้องไม่เกินอัตราตามที่กาหนดในกฎกระทรวง
ในวันที่มีการทางาน ให้นายจ้างจัดให้ลูกจ้างมีเวลาพักระหว่างการทางานวันหนึ่งไม่น้อยกว่าหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่ลูกจ้างทางานมาแล้วไม่เกินห้าชั่วโมงติดต่อกัน นายจ้างและลูกจ้างอาจตกลงกันล่วงหน้าให้มีเวลาพักครั้งหนึ่งน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมงได้ แต่เมื่อรวมกันแล้ววันหนึ่งต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง ในกรณีที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกันกาหนดเวลาพักระหว่างการทางานตามวรรคหนึ่งเป็นอย่างอื่น ถ้าข้อตกลงนั้นเป็นประโยชน์แก่ลูกจ้าง ให้ข้อตกลงนั้นใช้บังคับได้ เวลาพักระหว่างการทางานไม่ให้นับรวมเป็นเวลาทางาน เว้นแต่เวลาพักที่รวมกันแล้วในวันหนึ่งเกินสองชั่วโมง ให้นับเวลาที่เกินสองชั่วโมงนั้นเป็นเวลาทางานปกติ ในกรณีที่มีการทางานล่วงเวลาต่อจากเวลาทางานปกติไม่น้อยกว่าสองชั่วโมง นายจ้างต้องจัดให้ลูกจ้างมีเวลาพักไม่น้อยกว่ายี่สิบนาทีก่อนที่ลูกจ้างเริ่มทางานล่วงเวลา ความในวรรคหนึ่งและวรรคสี่ มิให้ใช้บังคับแก่กรณีที่ลูกจ้างทางานที่มีลักษณะหรือสภาพของงานต้องทาติดต่อกันไปโดยได้รับความยินยอมจากลูกจ้างหรือเป็นงานฉุกเฉิน
ให้นายจ้างจัดให้ลูกจ้างมีวันหยุดประจาสัปดาห์ สัปดาห์หนึ่งไม่น้อยกว่าหนึ่งวัน โดยวันหยุดประจาสัปดาห์ต้องมีระยะห่างกันไม่เกินหกวัน นายจ้างและลูกจ้างอาจตกลงกันล่วงหน้ากาหนดให้มีวันหยุดประจาสัปดาห์วันใดก็ได้ ในกรณีที่ลูกจ้างทางานโรงแรม งานขนส่ง งานในป่า งานในที่ทุรกันดาร หรืองานอื่นตามที่กาหนดในกฎกระทรวง นายจ้างและลูกจ้างอาจตกลงกันล่วงหน้าสะสมวันหยุดประจาสัปดาห์และเลื่อนไปหยุดเมื่อใดก็ได้ แต่ต้องอยู่ในระยะเวลาสี่สัปดาห์ติดต่อกัน
ให้นายจ้างประกาศกาหนดวันหยุดตามประเพณีให้ลูกจ้างทราบเป็นการล่วงหน้าปีหนึ่งไม่น้อยกว่าสิบสามวันโดยรวมวันแรงงานแห่งชาติตามที่รัฐมนตรีประกาศกาหนด ให้นายจ้างพิจารณากาหนดวันหยุดตามประเพณีจากวันหยุดราชการประจาปี วันหยุดทางศาสนาหรือขนบธรรมเนียมประเพณีแห่งท้องถิ่น ในกรณีที่วันหยุดตามประเพณีวันใดตรงกับวันหยุดประจาสัปดาห์ของลูกจ้าง ให้ลูกจ้างได้หยุดชดเชยวันหยุดตามประเพณีในวันทางานถัดไป ในกรณีที่นายจ้างไม่อาจให้ลูกจ้างหยุดตามประเพณีได้ เนื่องจากลูกจ้างทางานที่มีลักษณะหรือสภาพของงานตามที่กาหนดในกฎกระทรวง ให้นายจ้างตกลงกับลูกจ้างว่า จะหยุดในวันอื่นชดเชยวันหยุดตามประเพณีหรือนายจ้างจะจ่ายค่าทางานในวันหยุดให้ก็ได้
ลูกจ้างซึ่งทางานติดต่อกันมาแล้วครบหนึ่งปีมีสิทธิหยุดพักผ่อนประจาปีได้ปีหนึ่งไม่น้อยกว่าหกวันทางานโดยให้นายจ้างเป็นผู้กาหนดวันหยุดดังกล่าวให้แก่ลูกจ้างล่วงหน้าหรือกาหนดให้ตามที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกัน ในปีต่อมานายจ้างอาจกาหนดวันหยุดพักผ่อนประจาปีให้แก่ลูกจ้างมากกว่าหกวันทางานก็ได้ นายจ้างและลูกจ้างอาจตกลงกันล่วงหน้าให้สะสมและเลื่อนวันหยุดพักผ่อนประจาปีที่ยังมิได้หยุดในปีนั้นรวมเข้ากับปีต่อ ๆ ไปได้ สาหรับลูกจ้างซึ่งทางานยังไม่ครบหนึ่งปี นายจ้างอาจกาหนดวันหยุดพักผ่อนประจาปีให้แก่ลูกจ้างโดยคานวณให้ตามส่วนก็ได้
ห้ามมิให้นายจ้างให้ลูกจ้างทางานล่วงเวลาหรือทางานในวันหยุดในงานที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกจ้างตามมาตรา ๒๓ วรรคหนึ่ง
ให้ลูกจ้างมีสิทธิลาป่วยได้เท่าที่ป่วยจริง การลาป่วยตั้งแต่สามวันทางานขึ้นไป นายจ้างอาจให้ลูกจ้างแสดงใบรับรองของแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งหรือของสถานพยาบาลของทางราชการ ในกรณีที่ลูกจ้างไม่อาจแสดงใบรับรองของแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งหรือของสถานพยาบาลของทางราชการได้ ให้ลูกจ้างชี้แจงให้นายจ้างทราบ ในกรณีที่นายจ้างจัดแพทย์ไว้ ให้แพทย์นั้นเป็นผู้ออกใบรับรอง เว้นแต่ลูกจ้างไม่สามารถให้แพทย์นั้นตรวจได้ วันที่ลูกจ้างไม่สามารถทางานได้เนื่องจากประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นเนื่องจากการทางาน และวันลาเพื่อคลอดบุตรตามมาตรา ๔๑ มิให้ถือเป็นวันลาป่วยตามมาตรานี้
ให้ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อทาหมันได้และมีสิทธิลาเนื่องจากการทาหมันตามระยะเวลาที่แพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งกาหนดและออกใบรับรอง
ให้ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อกิจธุระอันจาเป็นได้ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทางาน
ให้ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อรับราชการทหารในการเรียกพลเพื่อตรวจสอบ เพื่อฝึกวิชาทหารหรือเพื่อทดลองความพรั่งพร้อมตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร
ให้ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อการฝึกอบรมหรือพัฒนาความรู้ความสามารถตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กาหนดในกฎกระทรวง
ห้ามมิให้นายจ้างให้ลูกจ้างทางานยก แบก หาม หาบ ทูน ลาก หรือเข็นของหนักเกินอัตราน้าหนักตามที่กาหนดในกฎกระทรวง
ห้ามมิให้นายจ้างให้ลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงทางานอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
ห้ามมิให้นายจ้างให้ลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์ทางานอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
ห้ามมิให้นายจ้างให้ลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์ทางานในระหว่างเวลา ๒๒.๐๐ นาฬิกา ถึงเวลา ๐๖.๐๐ นาฬิกา ทางานล่วงเวลา หรือทางานในวันหยุด ในกรณีที่ลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์ทางานในตาแหน่งผู้บริหาร งานวิชาการ งานธุรการ หรืองานเกี่ยวกับการเงินหรือบัญชี นายจ้างอาจให้ลูกจ้างนั้นทางานล่วงเวลาในวันทางานได้เท่าที่ไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพของลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์โดยได้รับความยินยอมจากลูกจ้างก่อนเป็นคราว ๆ ไป
ในกรณีที่นายจ้างให้ลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงทางานระหว่างเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ถึงเวลา ๐๖.๐๐ นาฬิกา และพนักงานตรวจแรงงานเห็นว่างานนั้นอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของหญิงนั้น ให้พนักงานตรวจแรงงานรายงานต่ออธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายเพื่อพิจารณาและมีคาสั่งให้นายจ้างเปลี่ยนเวลาทางาน หรือลดชั่วโมงทางานได้ตามที่เห็นสมควร และให้นายจ้างปฏิบัติตามคาสั่งดังกล่าว
ให้ลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์มีสิทธิลาเพื่อคลอดบุตรครรภ์หนึ่งไม่เกินเก้าสิบวัน วันลาตามวรรคหนึ่ง ให้นับรวมวันหยุดที่มีในระหว่างวันลาด้วย
ในกรณีที่ลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์มีใบรับรองของแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งมาแสดงว่าไม่อาจทางานในหน้าที่เดิมต่อไปได้ ให้ลูกจ้างนั้นมีสิทธิขอให้นายจ้างเปลี่ยนงานในหน้าที่เดิมเป็นการชั่วคราวก่อนหรือหลังคลอดได้ และให้นายจ้างพิจารณาเปลี่ยนงานที่เหมาะสมให้แก่ลูกจ้างนั้น
ห้ามมิให้นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงเพราะเหตุมีครรภ์
ห้ามมิให้นายจ้างจ้างเด็กอายุต่ากว่าสิบห้าปีเป็นลูกจ้าง
ในกรณีที่มีการจ้างเด็กอายุต่ากว่าสิบแปดปีเป็นลูกจ้าง ให้นายจ้างปฏิบัติดังนี้
ให้นายจ้างจัดให้ลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กมีเวลาพักวันหนึ่งไม่น้อยกว่าหนึ่งชั่วโมงติดต่อกันหลังจากที่ลูกจ้างทางานมาแล้วไม่เกินสี่ชั่วโมง แต่ในสี่ชั่วโมงนั้นให้ลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กได้มีเวลาพักตามที่นายจ้างกาหนด
ห้ามมิให้นายจ้างให้ลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กอายุต่ากว่าสิบแปดปีทางานในระหว่างเวลา ๒๒.๐๐ นาฬิกา ถึงเวลา ๐๖.๐๐ นาฬิกา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย นายจ้างอาจให้ลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กอายุต่ากว่าสิบแปดปีและเป็นผู้แสดงภาพยนตร์ ละครหรือการแสดงอย่างอื่นที่คล้ายคลึงกันทางานในระหว่างเวลาดังกล่าวได้ ทั้งนี้ ให้นายจ้างจัดให้ลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กนั้นได้พักผ่อนตามสมควร
ห้ามมิให้นายจ้างให้ลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กอายุต่ากว่าสิบแปดปีทางานล่วงเวลาหรือทางานในวันหยุด
ห้ามมิให้นายจ้างให้ลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กอายุต่ากว่าสิบแปดปีทางานอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
ห้ามมิให้นายจ้างให้ลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กอายุต่ากว่าสิบแปดปีทางานในสถานที่ ดังต่อไปนี้
ห้ามมิให้นายจ้างเรียกหรือรับหลักประกันเพื่อการใด ๆ จากฝ่ายลูกจ้างซึ่งเป็นเด็ก ห้ามมิให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างของลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กให้แก่บุคคลอื่น ในกรณีที่นายจ้างจ่ายเงินหรือประโยชน์ตอบแทนใด ๆ ให้แก่ลูกจ้างซึ่งเป็นเด็ก บิดามารดา ผู้ปกครอง หรือบุคคลอื่น เป็นการล่วงหน้าก่อนมีการจ้าง ขณะแรกจ้าง หรือก่อนถึงงวดการจ่ายค่าจ้างในแต่ละคราว มิให้ถือว่าเป็นการจ่ายหรือรับค่าจ้างสาหรับลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กนั้น และห้ามมิให้นายจ้างนาเงินหรือประโยชน์ตอบแทนดังกล่าวมาหักจากค่าจ้างซึ่งต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กตามกาหนดเวลา
เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาและส่งเสริมคุณภาพชีวิตและการทางานของเด็กให้ลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กอายุต่ากว่าสิบแปดปี มีสิทธิลาเพื่อเข้าประชุม สัมมนา รับการอบรม รับการฝึกหรือลาเพื่อการอื่น ซึ่งจัดโดยสถานศึกษาหรือหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนที่อธิบดีเห็นชอบ โดยให้ลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กแจ้งให้นายจ้างทราบล่วงหน้าถึงเหตุที่ลาโดยชัดแจ้ง พร้อมทั้งแสดงหลักฐานที่เกี่ยวข้องถ้ามี และให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กเท่ากับค่าจ้างในวันทางานตลอดระยะเวลาที่ลา แต่ปีหนึ่งต้องไม่เกินสามสิบวัน
ในกรณีที่งานมีลักษณะและคุณภาพอย่างเดียวกันและปริมาณเท่ากัน ให้นายจ้างกาหนดค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทางานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุดให้แก่ลูกจ้างเท่าเทียมกันไม่ว่าลูกจ้างนั้นจะเป็นชายหรือหญิง
ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทางานในวันหยุด ค่าล่วงเวลาในวันหยุด และเงินผลประโยชน์อื่นเนื่องในการจ้าง บรรดาที่จ่ายเป็นเงินต้องจ่ายเงินตราไทย เว้นแต่ได้รับความยินยอมจากลูกจ้างให้จ่ายเป็นตั๋วเงินหรือเงินตราต่างประเทศ
ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทางานในวันหยุด ค่าล่วงเวลาในวันหยุดและเงินผลประโยชน์อื่นเนื่องในการจ้างให้แก่ลูกจ้าง ณ สถานที่ทางานของลูกจ้าง ถ้าจะจ่าย ณ สถานที่อื่นหรือด้วยวิธีอื่นต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง
ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างเท่ากับค่าจ้างในวันทางานสาหรับวันหยุด ดังต่อไปนี้
ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างในวันลาป่วยตามมาตรา ๓๒ เท่ากับอัตราค่าจ้างในวันทางานตลอดระยะเวลาที่ลา แต่ปีหนึ่งต้องไม่เกินสามสิบวันทางาน ในกรณีที่ลูกจ้างใช้สิทธิลาเพื่อทาหมันตามมาตรา ๓๓ ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างในวันลานั้นด้วย
ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างในวันลาเพื่อรับราชการทหารตามมาตรา ๓๕ เท่ากับค่าจ้างในวันทางานตลอดระยะเวลาที่ลา แต่ปีหนึ่งต้องไม่เกินหกสิบวัน
ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงในวันลาเพื่อคลอดบุตรเท่ากับค่าจ้างในวันทางานตลอดระยะเวลาที่ลา แต่ไม่เกินสี่สิบห้าวัน
เพื่อประโยชน์แก่การจ่ายค่าจ้างตามมาตรา ๕๖ มาตรา ๕๗ มาตรา ๕๘ มาตรา ๕๙ มาตรา ๗๑ และมาตรา ๗๒ ในกรณีที่ลูกจ้างได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคานวณเป็นหน่วย ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างในวันหยุดหรือวันลาเท่ากับค่าจ้างโดยเฉลี่ยในวันทางานที่ลูกจ้างได้รับในงวดการจ่ายค่าจ้างก่อนวันหยุดหรือวันลานั้น
ในกรณีที่นายจ้างให้ลูกจ้างทางานล่วงเวลาในวันทางานให้นายจ้างจ่ายค่าล่วงเวลาให้แก่ลูกจ้างในอัตราไม่น้อยกว่าหนึ่งเท่าครึ่งของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันทางานตามจานวนชั่วโมงที่ทา หรือไม่น้อยกว่าหนึ่งเท่าครึ่งของอัตราค่าจ้างต่อหน่วยในวันทางานตามจานวนผลงานที่ทาได้สาหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคานวณเป็นหน่วย
ในกรณีที่นายจ้างให้ลูกจ้างทางานในวันหยุดตามมาตรา ๒๘ มาตรา ๒๙ หรือมาตรา ๓๐ ให้นายจ้างจ่ายค่าทางานในวันหยุดให้แก่ลูกจ้างในอัตรา ดังต่อไปนี้
ในกรณีที่นายจ้างให้ลูกจ้างทางานล่วงเวลาในวันหยุด ให้นายจ้างจ่ายค่าล่วงเวลาในวันหยุดให้แก่ลูกจ้างในอัตราไม่น้อยกว่าสามเท่าของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันทางานตามจานวนชั่วโมงที่ทา หรือไม่น้อยกว่าสามเท่าของอัตราค่าจ้างต่อหน่วยในวันทางานตามจานวนผลงานที่ทาได้สาหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคานวณเป็นหน่วย
ในกรณีที่นายจ้างมิได้จัดให้ลูกจ้างหยุดงาน หรือจัดให้ลูกจ้างหยุดงานน้อยกว่าที่กาหนดไว้ตามมาตรา ๒๘ มาตรา ๒๙ และมาตรา ๓๐ ให้นายจ้างจ่ายค่าทางานในวันหยุดและค่าล่วงเวลาในวันหยุดให้แก่ลูกจ้างตามอัตราที่กาหนดไว้ในมาตรา ๖๒ และมาตรา ๖๓ เสมือนว่านายจ้างให้ลูกจ้างทางานในวันหยุด
ลูกจ้างซึ่งมีอานาจหน้าที่หรือซึ่งนายจ้างให้ทางานอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ ไม่มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลาตามมาตรา ๖๑ และค่าล่วงเวลาในวันหยุดตามมาตรา ๖๓ แต่ลูกจ้างซึ่งนายจ้างให้ทางานตาม (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) หรือ (๙) มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเท่ากับอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันทางานตามจานวนชั่วโมงที่ทา
ทั้งนี้ เว้นแต่นายจ้างตกลงจ่ายค่าล่วงเวลาหรือค่าล่วงเวลาในวันหยุดให้แก่ลูกจ้าง
ลูกจ้างตามมาตรา ๖๕ (๑) ไม่มีสิทธิได้รับค่าทางานในวันหยุดตามมาตรา ๖๒ เว้นแต่นายจ้างตกลงจ่ายค่าทางานในวันหยุดให้แก่ลูกจ้าง
ในกรณีที่นายจ้างเลิกจ้างโดยมิใช่กรณีตามมาตรา ๑๑๙ ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างสาหรับวันหยุดพักผ่อนประจาปีในปีที่เลิกจ้างตามส่วนของวันหยุดพักผ่อนประจาปีที่ลูกจ้างพึงมีสิทธิได้รับตามมาตรา ๓๐ ในกรณีที่ลูกจ้างเป็นฝ่ายบอกเลิกสัญญาหรือนายจ้างเลิกจ้าง ไม่ว่าการเลิกจ้างนั้นเป็นกรณีตามมาตรา ๑๑๙ หรือไม่ก็ตาม ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างสาหรับวันหยุดพักผ่อนประจาปีสะสมที่ลูกจ้างพึงมีสิทธิได้รับตามมาตรา ๓๐
เพื่อประโยชน์แก่การคานวณค่าล่วงเวลา ค่าทางานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุด ในกรณีที่ลูกจ้างได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือน อัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันทางานหมายถึงค่าจ้างรายเดือนหารด้วยผลคูณของสามสิบและจานวนชั่วโมงทางานในวันทางานต่อวันโดยเฉลี่ย
เพื่อประโยชน์แก่การคานวณชั่วโมงทางานล่วงเวลา ในกรณีที่นายจ้างกาหนดเวลาทางานปกติเป็นสัปดาห์ ให้นับวันหยุดตามประเพณี วันหยุดพักผ่อนประจาปี และวันลา เป็นวันทางาน
ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทางานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุดให้ถูกต้องและตามกาหนดเวลา ดังต่อไปนี้
ในกรณีที่นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้าง ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทางานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุด ตามที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับ ให้แก่ลูกจ้างภายในสามวันนับแต่วันที่เลิกจ้าง
ในกรณีที่นายจ้างให้ลูกจ้างเดินทางไปทางานในท้องที่อื่น นอกจากท้องที่สาหรับการทางานปกติในวันหยุด ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างเท่ากับค่าจ้างในวันทางานให้แก่ลูกจ้างซึ่งไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันหยุดตามมาตรา ๕๖ (๑) สาหรับการเดินทางนั้น
ในกรณีที่นายจ้างให้ลูกจ้างเดินทางไปทางานในท้องที่อื่น นอกจากท้องที่สาหรับการทางานปกติ ลูกจ้างไม่มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลาตามมาตรา ๖๑ และค่าล่วงเวลาในวันหยุดตามมาตรา ๖๓ ในระหว่างเดินทาง แต่สาหรับการเดินทางในวันหยุดให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างเท่ากับค่าจ้างในวันทางานให้แก่ลูกจ้างซึ่งไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันหยุดตามมาตรา ๕๖ (๑) ด้วย เว้นแต่นายจ้างตกลงจ่ายค่าล่วงเวลาหรือค่าล่วงเวลาในวันหยุดให้แก่ลูกจ้าง
ให้นายจ้างออกค่าใช้จ่ายสาหรับการเดินทางตามมาตรา ๗๑ และมาตรา ๗๒
ในกรณีที่นายจ้างตกลงจ่ายค่าล่วงเวลา ค่าทางานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุด ในอัตราสูงกว่าที่กาหนดไว้ตามมาตรา ๖๑ มาตรา ๖๒ และมาตรา ๖๓ ก็ให้เป็นไปตามข้อตกลงดังกล่าว
ในกรณีที่นายจ้างมีความจาเป็นโดยเหตุหนึ่งเหตุใดที่สาคัญอันมีผลกระทบต่อการประกอบกิจการของนายจ้างจนทาให้นายจ้างไม่สามารถประกอบกิจการได้ตามปกติซึ่งมิใช่เหตุสุดวิสัยต้องหยุดกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นการชั่วคราว ให้นายจ้างจ่ายเงินให้แก่ลูกจ้างไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบห้าของค่าจ้างในวันทางานที่ลูกจ้างได้รับก่อนนายจ้างหยุดกิจการตลอดระยะเวลาที่นายจ้างไม่ได้ให้ลูกจ้างทางาน ให้นายจ้างแจ้งให้ลูกจ้างและพนักงานตรวจแรงงานทราบล่วงหน้าเป็นหนังสือก่อนวันเริ่มหยุดกิจการตามวรรคหนึ่งไม่น้อยกว่าสามวันทาการ
ห้ามมิให้นายจ้างหักค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทางานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุด เว้นแต่เป็นการหักเพื่อ
การหักตาม (๒) (๓) (๔) และ (๕) ในแต่ละกรณีห้ามมิให้หักเกินร้อยละสิบและจะหักรวมกันได้ไม่เกินหนึ่งในห้าของเงินที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับตามกาหนดเวลาการจ่ายตามมาตรา ๗๐ เว้นแต่ได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง
ในกรณีที่นายจ้างต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง หรือมีข้อตกลงกับลูกจ้างเกี่ยวกับการจ่ายเงินตามมาตรา ๕๔ มาตรา ๕๕ หรือการหักเงินตามมาตรา ๗๖ นายจ้างต้องจัดทาเป็นหนังสือและให้ลูกจ้างลงลายมือชื่อในการให้ความยินยอมหรือมีข้อตกลงกันไว้ให้ชัดเจนเป็นการเฉพาะ
ให้มีคณะกรรมการค่าจ้าง ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงแรงงาน* เป็นประธานกรรมการ ผู้แทนฝ่ายรัฐบาลสี่คน ผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายลูกจ้างฝ่ายละห้าคนซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง เป็นกรรมการ และข้าราชการกระทรวงแรงงาน* ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นเลขานุการ หลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อให้ได้มาซึ่งผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายลูกจ้างตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกาหนด
คณะกรรมการค่าจ้างมีอานาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
ในการเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรี คณะกรรมการค่าจ้างจะมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการพัฒนาระบบรายได้ของประเทศด้วยก็ได้
ให้กรรมการค่าจ้างซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งมีวาระดารงตาแหน่งคราวละสองปี กรรมการซึ่งพ้นจากตาแหน่งอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ ในกรณีที่กรรมการค่าจ้างซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตาแหน่งก่อนวาระ ให้คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการในประเภทเดียวกันเป็นกรรมการแทน และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งอยู่ในตาแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการที่ตนแทน เว้นแต่วาระของกรรมการเหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งร้อยแปดสิบวัน จะไม่แต่งตั้งกรรมการแทนก็ได้ ในกรณีที่กรรมการค่าจ้างซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตาแหน่งตามวาระ แต่ยังมิได้มีการแต่งตั้งกรรมการใหม่ ให้กรรมการนั้นปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อน จนกว่าจะได้แต่งตั้งกรรมการใหม่เข้ารับหน้าที่ ซึ่งต้องแต่งตั้งให้เสร็จสิ้นภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่กรรมการเดิมพ้นจากตาแหน่ง
นอกจากการพ้นจากตาแหน่งตามวาระตามมาตรา ๘๐ กรรมการค่าจ้างซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตาแหน่ง เมื่อ
การประชุมคณะกรรมการค่าจ้างต้องมีกรรมการเข้าประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจานวนกรรมการทั้งหมด โดยมีกรรมการฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้างอย่างน้อยฝ่ายละหนึ่งคนจึงจะเป็นองค์ประชุม ในการประชุมเพื่อพิจารณากาหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่าหรืออัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือตามมาตรา ๗๙ จะต้องมีกรรมการเข้าประชุมไม่น้อยกว่าสองในสามของจานวนกรรมการทั้งหมดโดยมีกรรมการฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้างอย่างน้อยฝ่ายละสองคนจึงจะเป็นองค์ประชุม และต้องได้มติอย่างน้อยสองในสามของกรรมการที่เข้าประชุม ในการประชุมเพื่อพิจารณากาหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่าหรืออัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือคราวใดถ้าไม่ได้องค์ประชุมตามที่กาหนดไว้ในวรรคสอง ให้จัดให้มีการประชุมอีกครั้งหนึ่งภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่นัดประชุมครั้งแรก การประชุมครั้งหลังนี้แม้จะไม่มีกรรมการซึ่งมาจากฝ่ายนายจ้างหรือฝ่ายลูกจ้างเข้าร่วมประชุม ถ้ามีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่าสองในสามของจานวนกรรมการทั้งหมดก็ให้ถือเป็นองค์ประชุม และต้องได้มติอย่างน้อยสองในสามของกรรมการที่เข้าประชุม
ในการประชุมคราวใด ถ้าประธานกรรมการไม่อยู่ในที่ประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
ให้คณะกรรมการค่าจ้างมีอานาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่คณะกรรมการค่าจ้างมอบหมายได้ ให้คณะกรรมการค่าจ้างกาหนดองค์ประชุมและวิธีการดาเนินงานของคณะอนุกรรมการได้ตามความเหมาะสม
ให้คณะกรรมการค่าจ้างมีอานาจแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิจานวนไม่เกินห้าคนเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการค่าจ้าง ซึ่งในจานวนนี้อย่างน้อยต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านแรงงาน การบริหารค่าจ้างและเงินเดือน เศรษฐกิจ อุตสาหกรรม หรือกฎหมาย วาระการดารงตาแหน่งและการพ้นจากตาแหน่งของที่ปรึกษาซึ่งคณะกรรมการค่าจ้างแต่งตั้งตามวรรคหนึ่ง ให้นาความในมาตรา ๘๐ และมาตรา ๘๑ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
ในการปฏิบัติหน้าที่ให้คณะกรรมการค่าจ้าง หรือคณะอนุกรรมการ หรือผู้ซึ่งคณะกรรมการค่าจ้างหรือคณะอนุกรรมการมอบหมายมีอานาจ ดังต่อไปนี้
ในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา ๘๕ ให้กรรมการค่าจ้าง อนุกรรมการ หรือผู้ซึ่งคณะกรรมการค่าจ้างหรือคณะอนุกรรมการมอบหมาย แสดงบัตรประจาตัวหรือหนังสือมอบหมาย แล้วแต่กรณี ต่อบุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง บัตรประจาตัวกรรมการค่าจ้างและอนุกรรมการตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีกาหนด
ในการพิจารณากาหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่าให้คณะกรรมการค่าจ้างศึกษาและพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอัตราค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับอยู่ประกอบกับข้อเท็จจริงอื่นโดยคานึงถึงดัชนีค่าครองชีพ อัตราเงินเฟ้อ มาตรฐานการครองชีพ ต้นทุนการผลิต ราคาของสินค้าและบริการความสามารถของธุรกิจ ผลิตภาพแรงงาน ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ และสภาพทางเศรษฐกิจและสังคม การพิจารณากาหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่าจะกาหนดให้ใช้เฉพาะกิจการ งานหรือสาขาอาชีพประเภทใด เพียงใด ในท้องถิ่นใดก็ได้ ในการพิจารณากาหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ ให้คณะกรรมการค่าจ้างศึกษาและพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอัตราค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับในแต่ละอาชีพตามมาตรฐานฝีมือที่กาหนดไว้ โดยวัดค่าทักษะฝีมือ ความรู้ และความสามารถ แต่ต้องไม่ต่ากว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่าที่คณะกรรมการค่าจ้างกาหนด
เมื่อได้ศึกษาข้อมูลและพิจารณาข้อเท็จจริงตามที่กาหนดไว้ในมาตรา ๘๗ แล้วให้คณะกรรมการค่าจ้างประกาศกาหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่าหรืออัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือโดยเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ประกาศกาหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่าหรืออัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือตามมาตรา ๘๘ ให้ใช้บังคับแก่นายจ้างและลูกจ้างทุกคนโดยไม่เลือกปฏิบัติ
เมื่อประกาศกาหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่าหรืออัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือมีผลใช้บังคับแล้ว ห้ามมิให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างน้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่าหรืออัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือที่กาหนด ให้พนักงานตรวจแรงงานส่งประกาศกาหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่าหรืออัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือให้แก่นายจ้างที่อยู่ในข่ายบังคับ และให้นายจ้างนั้นปิดประกาศดังกล่าวไว้ในที่เปิดเผย เพื่อให้ลูกจ้างได้ทราบ ณ สถานที่ทางานของลูกจ้างตลอดระยะเวลาที่ประกาศดังกล่าวมีผลใช้บังคับ
ให้มีสานักงานคณะกรรมการค่าจ้างในกระทรวงแรงงานมีอานาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
ให้มีคณะกรรมการสวัสดิการแรงงานประกอบด้วย ปลัดกระทรวงแรงงาน* เป็นประธานกรรมการ กรรมการผู้แทนฝ่ายรัฐบาลสี่คน กรรมการผู้แทนฝ่ายนายจ้างและกรรมการผู้แทนฝ่ายลูกจ้างฝ่ายละห้าคน ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง เป็นกรรมการ และข้าราชการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง เป็นเลขานุการ
คณะกรรมการสวัสดิการแรงงานมีอานาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
ให้นามาตรา ๗๘ วรรคสอง มาตรา ๘๐ มาตรา ๘๑ มาตรา ๘๒ วรรคหนึ่ง มาตรา ๘๓ มาตรา ๘๔ มาตรา ๘๕ และมาตรา ๘๖ มาใช้บังคับกับคณะกรรมการสวัสดิการแรงงานโดยอนุโลม
ให้รัฐมนตรีมีอานาจออกกฎกระทรวงกาหนดให้นายจ้างต้องจัดสวัสดิการในเรื่องใดหรือกาหนดให้การจัดสวัสดิการในเรื่องใดต้องเป็นไปตามมาตรฐานได้
ในสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ห้าสิบคนขึ้นไปให้นายจ้างจัดให้มีคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ ประกอบด้วยผู้แทนฝ่ายลูกจ้างอย่างน้อยห้าคน กรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการให้มาจากการเลือกตั้งตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกาหนด ในกรณีที่สถานประกอบกิจการใดของนายจ้างมีคณะกรรมการลูกจ้างตามกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์แล้ว ให้คณะกรรมการลูกจ้างทาหน้าที่เป็นคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการตามพระราชบัญญัตินี้
คณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการมีอานาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
นายจ้างต้องจัดให้มีการประชุมหารือกับคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการอย่างน้อยสามเดือนต่อหนึ่งครั้ง หรือเมื่อกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการเกินกึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมดหรือสหภาพแรงงานร้องขอโดยมีเหตุผลสมควร
ให้นายจ้างปิดประกาศการจัดสวัสดิการตามกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา ๙๕ หรือตามที่มีข้อตกลงกับลูกจ้างให้จัดขึ้นไว้ในที่เปิดเผยเพื่อให้ลูกจ้างได้ทราบ ณ สถานที่ทางานของลูกจ้าง
ให้นายจ้างซึ่งมีลูกจ้างรวมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป จัดให้มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทางานเป็นภาษาไทย และข้อบังคับนั้นอย่างน้อยต้องมีรายละเอียดเกี่ยวกับรายการ ดังต่อไปนี้
ให้นายจ้างประกาศใช้ข้อบังคับเกี่ยวกับการทางานภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่นายจ้างมีลูกจ้างรวมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป และให้นายจ้างจัดเก็บสาเนาข้อบังคับนั้นไว้ ณ สถานประกอบกิจการหรือสานักงานของนายจ้างตลอดเวลา และให้ส่งสาเนาข้อบังคับให้แก่อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายภายในเจ็ดวันนับแต่วันประกาศใช้ข้อบังคับดังกล่าว ให้อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายมีอานาจสั่งให้ นายจ้างแก้ไขข้อบังคับเกี่ยวกับการทางานที่ขัดต่อ กฎหมายให้ถูกต้องภายในเวลาที่กาหนด ให้นายจ้างเผยแพร่และปิดประกาศข้อบังคับเกี่ยวกับการทางานโดยเปิดเผย ณ สถานที่ทางานของลูกจ้าง หรือเพิ่มเติมโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วยก็ได้ เพื่อให้ลูกจ้างได้ทราบและเข้าถึงได้โดยสะดวก
การร้องทุกข์ตามมาตรา ๑๐๘ (๗) อย่างน้อยต้องมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับเกี่ยวกับการทางานที่นายจ้างประกาศใช้ตามมาตรา ๑๐๘ ให้นายจ้างประกาศข้อบังคับที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมนั้น และให้นามาตรา ๑๐๘ วรรคสองและวรรคสาม มาใช้บังคับโดยอนุโลม
เมื่อนายจ้างได้ประกาศใช้ข้อบังคับเกี่ยวกับการทางานตามมาตรา ๑๐๘ แล้ว แม้ว่าต่อมานายจ้างจะมีลูกจ้างลดต่ากว่าสิบคนก็ตาม ให้นายจ้างยังคงมีหน้าที่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๐๘ และมาตรา ๑๑๐ ต่อไป
ให้นายจ้างซึ่งมีลูกจ้างตั้งแต่สิบคนขึ้นไปจัดทาทะเบียนลูกจ้างเป็นภาษาไทย และเก็บไว้ ณ สถานประกอบกิจการหรือสานักงานของนายจ้าง พร้อมที่จะให้พนักงานตรวจแรงงานตรวจได้ในเวลาทาการ การจัดทาทะเบียนลูกจ้างตามวรรคหนึ่ง ให้นายจ้างจัดทาภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ลูกจ้างเข้าทางาน
ทะเบียนลูกจ้างนั้นอย่างน้อยต้องมีรายการ ดังต่อไปนี้
เมื่อมีความจาเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรายการในทะเบียนลูกจ้าง ให้นายจ้างแก้ไขเพิ่มเติมทะเบียนลูกจ้างให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลงนั้น หรือภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ลูกจ้างได้แจ้งการเปลี่ยนแปลงให้นายจ้างทราบ
ให้นายจ้างซึ่งมีลูกจ้างรวมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปจัดให้มีเอกสารเกี่ยวกับการจ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทางานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุด ซึ่งอย่างน้อยต้องมีรายการ ดังต่อไปนี้
เมื่อมีการจ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทางานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุดให้แก่ลูกจ้าง ให้นายจ้างจัดให้ลูกจ้างลงลายมือชื่อในเอกสารตามวรรคหนึ่งไว้เป็นหลักฐาน รายการในเอกสารตามวรรคหนึ่งจะอยู่ในฉบับเดียวกันหรือจะแยกเป็นหลายฉบับก็ได้ ในกรณีที่นายจ้างจ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทางานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุดให้แก่ลูกจ้าง โดยการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากในธนาคารพาณิชย์ หรือสถาบันการเงินอื่น ให้ถือว่าหลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของลูกจ้างเป็นเอกสารเกี่ยวกับการจ่ายเงินดังกล่าว
ให้นายจ้างเก็บรักษาทะเบียนลูกจ้างไว้ไม่น้อยกว่าสองปีนับแต่วันสิ้นสุดของการจ้างลูกจ้างแต่ละราย และให้นายจ้างเก็บเอกสารเกี่ยวกับการจ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทางานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุดให้แก่ลูกจ้างไว้ไม่น้อยกว่าสองปีนับแต่วันจ่ายเงินดังกล่าว ในกรณีที่มีการยื่นคาร้องตามหมวด ๑๒ แห่งพระราชบัญญัตินี้ หรือมีข้อพิพาทแรงงานตามกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ หรือมีการฟ้องร้องคดีแรงงาน ให้นายจ้างเก็บรักษาทะเบียนลูกจ้างและเอกสารเกี่ยวกับการจ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทางานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุดไว้จนกว่าจะมีคาสั่งหรือคาพิพากษาถึงที่สุดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานตรวจแรงงานตามมาตรา ๑๓๙ ให้นายจ้างซึ่งมีลูกจ้างรวมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปยื่นแบบแสดงสภาพการจ้างและสภาพการทางานต่ออธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายภายในเดือนมกราคมของทุกปี ทั้งนี้ ให้พนักงานตรวจแรงงานส่งแบบตามที่อธิบดีกาหนดให้นายจ้างภายในเดือนธันวาคมของทุกปี ในกรณีที่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพการจ้างและสภาพการทางานที่ได้ยื่นไว้ตามวรรคหนึ่งเปลี่ยนแปลงไป ให้นายจ้างแจ้งการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นหนังสือต่ออธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายภายในเดือนถัดจากที่มีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
ในกรณีที่นายจ้างทาการสอบสวนลูกจ้างซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทาความผิด ห้ามมิให้นายจ้างสั่งพักงานลูกจ้างในระหว่างการสอบสวนดังกล่าว เว้นแต่จะมีข้อบังคับเกี่ยวกับการทางานหรือข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างให้อานาจนายจ้างสั่งพักงานลูกจ้างได้ ทั้งนี้ นายจ้างจะต้องมีคาสั่งพักงานเป็นหนังสือระบุความผิดและกาหนดระยะเวลาพักงานได้ไม่เกินเจ็ดวันโดยต้องแจ้งให้ลูกจ้างทราบก่อนการพักงาน ในระหว่างการพักงานตามวรรคหนึ่ง ให้นายจ้างจ่ายเงินให้แก่ลูกจ้างตามอัตราที่กาหนดไว้ในข้อบังคับเกี่ยวกับการทางานหรือตามที่นายจ้างและลูกจ้างได้ตกลงกันไว้ในข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ทั้งนี้ อัตราดังกล่าวต้องไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของค่าจ้างในวันทางานที่ลูกจ้างได้รับก่อนถูกสั่งพักงาน
เมื่อการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว ปรากฏว่าลูกจ้างไม่มีความผิด ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างเท่ากับค่าจ้างในวันทางานนับแต่วันที่ลูกจ้างถูกสั่งพักงานเป็นต้นไป โดยให้คานวณเงินที่นายจ้างจ่ายตามมาตรา ๑๑๖ เป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้างตามมาตรานี้พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละสิบห้าต่อปี
ให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่งเลิกจ้าง ดังต่อไปนี้
การเลิกจ้างตามมาตรานี้ หมายความว่า การกระทาใดที่นายจ้างไม่ให้ลูกจ้างทางานต่อไปและไม่จ่ายค่าจ้างให้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุสิ้นสุดสัญญาจ้างหรือเหตุอื่นใด และหมายความรวมถึงกรณีที่ลูกจ้างไม่ได้ทางานและไม่ได้รับค่าจ้างเพราะเหตุที่นายจ้างไม่สามารถดาเนินกิจการต่อไป ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่ลูกจ้างที่มีกาหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอนและเลิกจ้างตามกาหนดระยะเวลานั้น การจ้างที่มีกาหนดระยะเวลาตามวรรคสามจะกระทาได้สาหรับการจ้างงานในโครงการเฉพาะที่มิใช่งานปกติของธุรกิจหรือการค้าของนายจ้างซึ่งต้องมีระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดของงานที่แน่นอนหรือในงานอันมีลักษณะเป็นครั้งคราวที่มีกาหนดการสิ้นสุด หรือความสาเร็จของงาน หรือในงานที่เป็นไปตามฤดูกาลและได้จ้างในช่วงเวลาของฤดูกาลนั้น ซึ่งงานนั้นจะต้องแล้วเสร็จภายในเวลาไม่เกินสองปีโดยนายจ้างและลูกจ้างได้ทาสัญญาเป็นหนังสือไว้ตั้งแต่เมื่อเริ่มจ้าง
นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่งเลิกจ้างในกรณีหนึ่งกรณีใด ดังต่อไปนี้
หนังสือเตือนให้มีผลบังคับได้ไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่ลูกจ้างได้กระทาผิด
ในกรณี (๖) ถ้าเป็นความผิดที่ได้กระทาโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษต้องเป็นกรณีที่เป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหาย การเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยตามวรรคหนึ่ง ถ้านายจ้างไม่ได้ระบุข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุที่เลิกจ้างไว้ในหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้างหรือไม่ได้แจ้งเหตุที่เลิกจ้างให้ลูกจ้างทราบในขณะที่เลิกจ้างนายจ้างจะยกเหตุนั้นขึ้นอ้างในภายหลังไม่ได
ในกรณีที่นายจ้างจะย้ายสถานประกอบกิจการไปตั้ง ณ สถานที่อื่นอันมีผลกระทบสาคัญต่อการดารงชีวิตตามปกติของลูกจ้างหรือครอบครัว นายจ้างต้องแจ้งให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามสิบวันก่อนวันย้ายสถานประกอบกิจการ ในการนี้ ถ้าลูกจ้างไม่ประสงค์จะไปทางานด้วยให้ลูกจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาจ้างได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากนายจ้างหรือวันที่นายจ้างย้ายสถานประกอบกิจการ แล้วแต่กรณี โดยลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าชดเชยพิเศษไม่น้อยกว่าอัตราค่าชดเชยที่ลูกจ้างพึงมีสิทธิได้รับตามมาตรา ๑๑๘ ในกรณีที่นายจ้างไม่แจ้งให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้าตามวรรคหนึ่ง ให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้ายสามสิบวัน หรือเท่ากับค่าจ้างของการทางานสามสิบวันสุดท้ายสาหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคานวณเป็นหน่วย ให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยพิเศษ หรือค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้แก่ลูกจ้างภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ลูกจ้างบอกเลิกสัญญา ในกรณีที่นายจ้างไม่จ่ายค่าชดเชยพิเศษ หรือค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตามวรรคสาม ให้ลูกจ้างมีสิทธิยื่นคาร้องต่อคณะกรรมการสวัสดิการแรงงานภายในสามสิบวันนับแต่วันครบกาหนดการจ่ายค่าชดเชยพิเศษ หรือค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ห้คณะกรรมการสวัสดิการแรงงานพิจารณาและมีคาสั่งภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคาร้อง เมื่อคณะกรรมการสวัสดิการแรงงานพิจารณาแล้ว ปรากฏว่า ลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าชดเชยพิเศษ หรือค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ให้คณะกรรมการสวัสดิการแรงงานมีคาสั่งเป็นหนังสือให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยพิเศษ หรือค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า แล้วแต่กรณี ให้แก่ลูกจ้าง ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบ หรือถือว่าทราบคาสั่ง ในกรณีที่คณะกรรมการสวัสดิการแรงงานพิจารณาแล้วปรากฏว่า ลูกจ้างไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชย หรือค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า แล้วแต่กรณี ให้คณะกรรมการสวัสดิการแรงงานมีคาสั่งเป็นหนังสือและแจ้งให้นายจ้างและลูกจ้างทราบ คาสั่งของคณะกรรมการสวัสดิการแรงงานให้เป็นที่สุด เว้นแต่นายจ้างหรือลูกจ้างจะอุทธรณ์คาสั่งต่อศาลภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้ทราบคาสั่ง ในกรณีที่นายจ้างเป็นฝ่ายนาคดีไปสู่ศาลนายจ้างต้องวางหลักประกันต่อศาลตามจานวนที่ต้องจ่ายตามคาสั่งนั้น จึงจะฟ้องคดีได้
ในกรณีที่นายจ้างจะเลิกจ้างลูกจ้างเพราะเหตุที่นายจ้างปรับปรุงหน่วยงาน กระบวนการผลิต การจาหน่าย หรือการบริการ อันเนื่องมาจากการนาเครื่องจักรมาใช้หรือเปลี่ยนแปลงเครื่องจักรหรือเทคโนโลยี ซึ่งเป็นเหตุให้ต้องลดจานวนลูกจ้าง ห้ามมิให้นามาตรา ๑๗ วรรคสอง มาใช้บังคับ และให้นายจ้างแจ้งวันที่จะเลิกจ้าง เหตุผลของการเลิกจ้างและรายชื่อลูกจ้างต่อพนักงานตรวจแรงงาน และลูกจ้างที่จะเลิกจ้างทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกสิบวันก่อนวันที่จะเลิกจ้าง ในกรณีที่นายจ้างไม่แจ้งให้ลูกจ้างที่จะเลิกจ้างทราบล่วงหน้า หรือแจ้งล่วงหน้าน้อยกว่าระยะเวลาที่กาหนดตามวรรคหนึ่ง นอกจากจะได้รับค่าชดเชยตามมาตรา ๑๑๘ แล้ว ให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้ายหกสิบวัน หรือเท่ากับค่าจ้างของการทางานหกสิบวันสุดท้ายสาหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคานวณเป็นหน่วยด้วย ในกรณีที่มีการจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตามวรรคสองแล้ว ให้ถือว่านายจ้างได้จ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ด้วย
ในกรณีที่นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างตามมาตรา ๑๒๑ และลูกจ้างนั้นทางานติดต่อกันเกินหกปีขึ้นไป ให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยพิเศษเพิ่มขึ้นจากค่าชดเชยตามมาตรา ๑๑๘ ไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายสิบห้าวันต่อการทางานครบหนึ่งปี หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทางานสิบห้าวันสุดท้ายต่อการทางานครบหนึ่งปีสาหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคานวณเป็นหน่วย แต่ค่าชดเชยตามมาตรานี้รวมแล้วต้องไม่เกินค่าจ้างอัตราสุดท้ายสามร้อยหกสิบวัน หรือไม่เกินค่าจ้างของการทางานสามร้อยหกสิบวันสุดท้ายสาหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคานวณเป็นหน่วย เพื่อประโยชน์ในการคานวณค่าชดเชยพิเศษ กรณีระยะเวลาทางานไม่ครบหนึ่งปี ถ้าเศษของระยะเวลาทางานมากกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบวัน ให้นับเป็นการทางานครบหนึ่งปี
ในกรณีที่นายจ้างฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเกี่ยวกับสิทธิได้รับเงินอย่างหนึ่งอย่างใดตามพระราชบัญญัตินี้และลูกจ้างมีความประสงค์ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดาเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ลูกจ้างมีสิทธิยื่นคาร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานแห่งท้องที่ที่ลูกจ้างทางานอยู่หรือที่นายจ้างมีภูมิลาเนาอยู่ตามแบบที่อธิบดีกาหนด ในกรณีที่เกี่ยวกับสิทธิได้รับเงินอย่างหนึ่งอย่างใดตามพระราชบัญญัตินี้ ถ้าลูกจ้างถึงแก่ความตายให้ทายาทโดยธรรมมีสิทธิยื่นคาร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานได้
เมื่อมีการยื่นคาร้องตามมาตรา ๑๒๓ ให้พนักงานตรวจแรงงานสอบสวนข้อเท็จจริงและมีคาสั่งภายในหกสิบวันนับแต่วันที่รับคาร้อง ในกรณีที่มีความจาเป็นไม่อาจมีคาสั่งภายในเวลาตามวรรคหนึ่งได้ ให้พนักงานตรวจแรงงานขอขยายเวลาต่ออธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายพร้อมด้วยเหตุผล และอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายอาจพิจารณาอนุญาตได้ตามที่เห็นสมควร แต่ต้องมีระยะเวลาไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ครบกาหนดตามวรรคหนึ่ง เมื่อพนักงานตรวจแรงงานสอบสวนแล้วปรากฏว่าลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงินอย่างหนึ่งอย่างใดที่นายจ้างมีหน้าที่ต้องจ่ายตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานตรวจแรงงานมีคาสั่งให้นายจ้างจ่ายเงินดังกล่าวให้แก่ลูกจ้างหรือทายาทโดยธรรมของลูกจ้างซึ่งถึงแก่ความตาย ตามแบบที่อธิบดีกาหนดภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบหรือถือว่าได้ทราบคาสั่ง[47 ] ให้นายจ้างจ่ายเงินตามวรรคสามให้แก่ลูกจ้างหรือทายาทโดยธรรมของลูกจ้างซึ่งถึงแก่ความตาย ณ สถานที่ทางานของลูกจ้าง ในกรณีที่ลูกจ้างหรือทายาทโดยธรรมของลูกจ้างซึ่งถึงแก่ความตายร้องขอ ให้พนักงานตรวจแรงงานมีอานาจสั่งให้นายจ้างจ่ายเงินดังกล่าว ณ สานักงานของพนักงานตรวจแรงงานหรือสถานที่อื่นตามที่นายจ้าง และลูกจ้างหรือทายาทโดยธรรมของลูกจ้างซึ่งถึงแก่ความตายตกลงกัน ในกรณีที่ลูกจ้างหรือทายาทโดยธรรมของลูกจ้างซึ่งถึงแก่ความตายไม่มารับเงินดังกล่าวภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่พนักงานตรวจแรงงานมีคาสั่ง ให้พนักงานตรวจแรงงานนาส่งเงินนั้นเพื่อเก็บรักษาในกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างโดยฝากไว้กับธนาคาร ในการนี้ ถ้ามีดอกเบี้ยหรือดอกผลใดเกิดขึ้นเนื่องจากการฝากเงิน ให้ตกเป็นสิทธิแก่ลูกจ้าง หรือทายาทโดยธรรมของลูกจ้างซึ่งถึงแก่ความตายซึ่งมีสิทธิได้รับเงินนั้น ในกรณีที่พนักงานตรวจแรงงานเห็นว่าลูกจ้างหรือทายาทโดยธรรมของลูกจ้างซึ่งถึงแก่ความตายไม่มีสิทธิได้รับเงินตามมาตรา ๑๒๓ ให้พนักงานตรวจแรงงานมีคาสั่งและแจ้งเป็นหนังสือให้นายจ้างและลูกจ้างหรือทายาทโดยธรรมของลูกจ้างซึ่งถึงแก่ความตายทราบ
ในกรณีที่นายจ้างปฏิบัติตามคาสั่งของพนักงานตรวจแรงงานตามมาตรา ๑๒๔ ภายในระยะเวลาที่กาหนดหรือได้ปฏิบัติตามคาพิพากษาหรือคาสั่งของศาลแล้ว การดาเนินคดีอาญาต่อนายจ้างให้เป็นอันระงับไป
เมื่อพนักงานตรวจแรงงานได้มีคาสั่งตามมาตรา ๑๒๔ แล้ว ถ้านายจ้าง ลูกจ้าง หรือทายาทโดยธรรมของลูกจ้างซึ่งถึงแก่ความตายไม่พอใจคาสั่งนั้น ให้นาคดีไปสู่ศาลได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันทราบคาสั่ง ในกรณีที่นายจ้าง ลูกจ้าง หรือทายาทโดยธรรมของลูกจ้างซึ่งถึงแก่ความตายไม่นาคดีไปสู่ศาลภายในกาหนด ให้คาสั่งนั้นเป็นที่สุด ในกรณีที่นายจ้างเป็นฝ่ายนาคดีไปสู่ศาล นายจ้างต้องวางเงินต่อศาลตามจานวนที่ถึงกาหนดจ่ายตามคาสั่งนั้น จึงจะฟ้องคดีได้ เมื่อคดีถึงที่สุดและนายจ้างมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินจานวนใดให้แก่ลูกจ้างหรือทายาทโดยธรรมของลูกจ้างซึ่งถึงแก่ความตาย ให้ศาลมีอานาจจ่ายเงินที่นายจ้างวางไว้ต่อศาลให้แก่ลูกจ้างหรือทายาทโดยธรรมของลูกจ้างซึ่งถึงแก่ความตาย หรือกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างในกรณีที่ได้จ่ายเงินตามมาตรา ๑๓๔ ได้ แล้วแต่กรณี[49 ]
ให้มีกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างในกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนสงเคราะห์ลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างออกจากงาน หรือตาย หรือในกรณีอื่นตามที่กาหนดโดยคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างประกอบด้วย
ให้กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างจัดให้มีบัญชีประกอบด้วย
การส่งเงินค่าปรับตามมาตรา ๑๒๗ (๔) เข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างและกาหนดเวลาส่งเงินดังกล่าว ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างกาหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เพื่อประโยชน์ในการดาเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ถือว่าเงินและทรัพย์สินของกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างตามมาตรา ๑๒๗ เป็นกรรมสิทธิ์ของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน โดยไม่ต้องนาส่งกระทรวงการคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ให้มีคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างประกอบด้วย ปลัดกระทรวงแรงงาน*เป็นประธานกรรมการ ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนสานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นกรรมการ กับผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายลูกจ้างฝ่ายละห้าคน ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นกรรมการ และอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเป็นกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างมีอานาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
ให้นามาตรา ๗๘ วรรคสอง มาตรา ๘๐ มาตรา ๘๑ มาตรา ๘๒ วรรคหนึ่ง มาตรา ๘๓ และมาตรา ๘๔ มาใช้บังคับกับคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างโดยอนุโลม
ให้ลูกจ้างสาหรับกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่สิบคนขึ้นไปเป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่กิจการที่นายจ้างได้จัดให้มีกองทุนสารองเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสารองเลี้ยงชีพ หรือจัดให้มีการสงเคราะห์แก่ลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างออกจากงานหรือตาย ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กาหนดในกฎกระทรวง ความในวรรคหนึ่งจะใช้บังคับแก่ลูกจ้างสาหรับกิจการที่มีลูกจ้างน้อยกว่าสิบคนเมื่อใดให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา คณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างอาจออกระเบียบเพื่อกาหนดให้ลูกจ้างสาหรับกิจการที่มิได้อยู่ภายใต้บังคับตามพระราชบัญญัตินี้สมัครเข้าเป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างได้ เมื่อลูกจ้างประสงค์จะเป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างโดยความยินยอมของนายจ้าง และให้นายจ้างมีหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้เสมือนเป็นกิจการที่อยู่ภายใต้บังคับพระราชบัญญัตินี้ ให้นายจ้างซึ่งมีลูกจ้างเป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างตามวรรคหนึ่งยื่นแบบรายการแสดงรายชื่อลูกจ้างและรายละเอียดอื่น ๆ เมื่อนายจ้างยื่นแบบรายการดังกล่าวแล้ว ให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานออกหนังสือสาคัญแสดงการขึ้นทะเบียนให้แก่นายจ้าง ในกรณีที่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อความในแบบรายการแสดงรายชื่อลูกจ้างที่ได้ยื่นไว้เปลี่ยนแปลงไป ให้นายจ้างแจ้งเป็นหนังสือต่อกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเพื่อขอเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเพิ่มเติมแบบรายการดังกล่าว การยื่นขอเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเพิ่มเติมแบบรายการแสดงรายชื่อลูกจ้าง และการออกหนังสือสาคัญแสดงการขึ้นทะเบียนให้แก่นายจ้าง ให้เป็นไปตามแบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการที่คณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างกาหนด ให้ถือว่าผู้ซึ่งยื่นแบบรายการ หรือแจ้งขอเปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขเพิ่มเติมแบบรายการตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม ได้ปฏิบัติตามความในวรรคห้า วรรคหก และวรรคเจ็ดของมาตรานี้แล้ว
นับแต่วันที่ลูกจ้างเป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ทุกครั้งที่มีการจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างจ่ายเงินสะสม โดยให้นายจ้างหักจากค่าจ้างและนายจ้างจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ทั้งนี้ ตามอัตราที่กาหนดในกฎกระทรวงแต่ต้องไม่เกินร้อยละห้าของค่าจ้าง ถ้านายจ้างไม่จ่ายค่าจ้างตามกาหนดเวลาที่ต้องจ่าย ให้นายจ้างมีหน้าที่นาส่งเงินสะสมและเงินสมทบโดยถือเสมือนว่ามีการจ่ายค่าจ้างแล้ว ในกรณีที่นายจ้างไม่ส่งเงินสะสมหรือเงินสมทบหรือส่งไม่ครบจานวนภายในเวลาที่กาหนดตามวรรคสี่ ให้นายจ้างจ่ายเงินเพิ่มให้แก่กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างในอัตราร้อยละห้าต่อเดือนของจานวนเงินสะสมหรือเงินสมทบที่ยังมิได้นาส่งหรือยังขาดอยู่นับแต่วันที่ต้องนาส่งเงินดังกล่าว สาหรับเศษของเดือนถ้าถึงสิบห้าวันหรือกว่านั้นให้นับเป็นหนึ่งเดือน ถ้าน้อยกว่านั้นให้ปัดทิ้ง ทั้งนี้ ห้ามมิให้นายจ้างอ้างเหตุที่ไม่ได้หักค่าจ้าง หรือหักไปแล้วแต่ไม่ครบจานวนเพื่อให้พ้นความรับผิดที่ต้องนาส่งเงินดังกล่าว การนาส่งเงินสะสม เงินสมทบ และเงินเพิ่มเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างกาหนด
ในกรณีที่นายจ้างไม่นาส่งเงินสะสมหรือเงินสมทบหรือนาส่งไม่ครบตามกาหนดเวลา ให้พนักงานตรวจแรงงานมีคาเตือนเป็นหนังสือให้นายจ้างนาเงินที่ค้างจ่ายมาชาระภายในกาหนดไม่น้อยกว่าสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือนั้น ในการมีคาเตือนตามวรรคหนึ่ง ถ้าไม่อาจทราบจานวนค่าจ้างได้แน่ชัด ให้พนักงานตรวจแรงงานมีอานาจประเมินเงินสะสมและเงินสมทบที่นายจ้างจะต้องนาส่งได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างกาหนด
ในกรณีที่ลูกจ้างออกจากงาน ให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจ่ายเงินจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างในส่วนที่เป็นเงินสะสม เงินสมทบ และดอกผลจากเงินดังกล่าวให้แก่ลูกจ้าง ในกรณีที่ลูกจ้างตาย ถ้าลูกจ้างมิได้กาหนดบุคคลผู้จะพึงได้รับเงินจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างไว้ โดยทาเป็นหนังสือตามแบบที่อธิบดีกาหนดมอบไว้แก่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน หรือได้กาหนดไว้แต่บุคคลผู้นั้นตายก่อน ให้จ่ายเงินจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างตามวรรคหนึ่งให้แก่บุตร สามี ภรรยา บิดา มารดา ที่มีชีวิตอยู่คนละส่วนเท่า ๆ กัน ถ้าผู้ตายไม่มีบุคคลผู้มีสิทธิได้รับเงินจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างตามวรรคสอง ให้เงินดังกล่าวตกเป็นของกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
การจ่ายเงินจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างในกรณีอื่นนอกจากกรณีตามมาตรา ๑๓๓ ให้คณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างกาหนดระเบียบการจ่ายเงินสงเคราะห์ อัตราเงินที่จะจ่ายและระยะเวลาการจ่าย โดยพิจารณาจากจานวนเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างส่วนที่มิใช่เงินที่จะต้องนาไปจ่ายตามมาตรา ๑๓๓
ในกรณีที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้จ่ายเงินจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา ๑๓๔ แล้ว ให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานมีสิทธิไล่เบี้ยคืนจากผู้ซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายต้องจ่ายเงินดังกล่าวให้แก่ลูกจ้างนั้นพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละสิบห้าต่อปีนับแต่วันที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้จ่ายเงินจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างให้แก่ลูกจ้าง ทั้งนี้ ไม่ว่าผู้ซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายจะได้จ่ายเงินดังกล่าวให้แก่ลูกจ้างอีกหรือไม่ สิทธิไล่เบี้ยตามวรรคหนึ่งให้มีอายุความสิบปีนับแต่วันที่จ่ายเงินจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
ให้พนักงานตรวจแรงงานมีอานาจออกคาสั่งเป็นหนังสือให้ยึด อายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายที่ไม่นาส่งเงินสะสม เงินสมทบ หรือเงินเพิ่ม หรือนาส่งไม่ครบจานวน หรือเงินที่ต้องจ่ายตามมาตรา ๑๓๕ การมีคาสั่งให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินตามวรรคหนึ่งจะกระทาได้ต่อเมื่อได้ส่งคาเตือนเป็นหนังสือให้ผู้ซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายนาเงินสะสม เงินสมทบ หรือเงินเพิ่มที่ค้างจ่าย หรือเงินที่ต้องจ่ายตามมาตรา ๑๓๕ มาจ่ายภายในเวลาที่กาหนด แต่ต้องไม่น้อยกว่าสามสิบวันนับแต่วันที่ผู้นั้นได้รับคาเตือนนั้นและไม่จ่ายภายในเวลาที่กาหนด หลักเกณฑ์และวิธีการยึด อายัด และขายทอดตลาดทรัพย์สินตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกาหนด ทั้งนี้ ให้นาหลักเกณฑ์และวิธีการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม เงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สิน ให้หักไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการยึด อายัด และขายทอดตลาด และจ่ายเงินสะสม เงินสมทบ หรือเงินเพิ่มที่ค้างจ่าย หรือเงินที่ผู้ซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายต้องจ่ายตามมาตรา ๑๓๕ ถ้ามีเงินเหลือให้คืนแก่ผู้นั้นโดยเร็ว โดยให้พนักงานตรวจแรงงานมีหนังสือแจ้งให้ทราบเพื่อขอรับเงินที่เหลือคืน โดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ถ้าไม่มาขอรับคืนภายในห้าปีให้ตกเป็นของกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
ิทธิเรียกร้องเงินจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างไม่อาจโอนกันได้และไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี
ภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันสิ้นปีปฏิทิน ให้คณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างเสนองบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินของกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างในปีที่ล่วงมาแล้วต่อสานักงานตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อตรวจสอบรับรองก่อนเสนอต่อรัฐมนตรี งบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินดังกล่าว ให้รัฐมนตรีเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบและจัดให้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ให้พนักงานตรวจแรงงานมีอานาจดังต่อไปนี้
ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ของพนักงานตรวจแรงงานตามมาตรา ๑๓๙ (๑) ให้พนักงานตรวจแรงงานแสดงบัตรประจาตัวต่อนายจ้างหรือผู้ซึ่งเกี่ยวข้อง และให้นายจ้างหรือบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องอานวยความสะดวกและไม่ขัดขวางการปฏิบัติการตามหน้าที่ของพนักงานตรวจแรงงาน บัตรประจาตัวพนักงานตรวจแรงงานให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีกาหนด
คาสั่งของพนักงานตรวจแรงงานตามมาตรา ๑๓๙ (๓) ให้อุทธรณ์ต่ออธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายได้ภายในระยะเวลาที่กาหนดในคาสั่ง และให้อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายพิจารณาคาอุทธรณ์และแจ้งผู้อุทธรณ์โดยไม่ชักช้า แต่ต้องไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์ คาวินิจฉัยของอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายดังกล่าวให้เป็นที่สุด การอุทธรณ์ตามวรรคหนึ่งย่อมไม่เป็นการทุเลาการปฏิบัติตามคาสั่งของพนักงานตรวจแรงงาน เว้นแต่อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายจะมีคาสั่งเป็นอย่างอื่น หรือมีการวางหลักประกันตามที่อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายกาหนด ในกรณีที่นายจ้างหรือลูกจ้างได้ปฏิบัติตามคาสั่งของพนักงานตรวจแรงงานตามมาตรา ๑๓๙ (๓) หรือได้ปฏิบัติตามคาวินิจฉัยของอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายตามวรรคหนึ่งภายในระยะเวลาที่กาหนด การดาเนินคดีอาญาต่อนายจ้างหรือลูกจ้างให้เป็นอันระงับไป
ในการตรวจสถานประกอบกิจการหรือสานักงานของนายจ้าง หรือสถานที่ทางานของลูกจ้าง อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายอาจจัดให้แพทย์ นักสังคมสงเคราะห์ หรือผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งเข้าไปในสถานที่ดังกล่าวเพื่อให้ความคิดเห็น หรือช่วยเหลือแก่พนักงานตรวจแรงงานในการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ให้นายจ้างหรือบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องอานวยความสะดวกและไม่ขัดขวางการปฏิบัติการตามหน้าที่ของแพทย์ นักสังคมสงเคราะห์ หรือผู้เชี่ยวชาญตามวรรคหนึ่ง
ในการส่งคาสั่งหรือหนังสือของอธิบดีหรือพนักงานตรวจแรงงานซึ่งสั่งการตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับหรือพนักงานตรวจแรงงานจะนาไปส่งเอง หรือให้เจ้าหน้าที่นาไปส่ง ณ ภูมิลาเนาหรือถิ่นที่อยู่ หรือสานักงานของนายจ้างในเวลาทาการของนายจ้าง ถ้าไม่พบนายจ้าง ณ ภูมิลาเนาหรือถิ่นที่อยู่ หรือสานักงานของนายจ้าง หรือพบนายจ้างแต่นายจ้างปฏิเสธไม่ยอมรับ จะส่งให้แก่บุคคลใดซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้วและอยู่หรือทางานในบ้านหรือสานักงานที่ปรากฏว่า เป็นของนายจ้างนั้นก็ได้ เมื่อได้ดาเนินการดังกล่าวแล้ว ให้ถือว่านายจ้างได้รับคาสั่งหรือหนังสือของอธิบดีหรือพนักงานตรวจแรงงานนั้นแล้ว ถ้าการส่งตามวรรคหนึ่งไม่สามารถกระทาได้ ให้ส่งโดยปิดคาสั่งหรือหนังสือของอธิบดีหรือพนักงานตรวจแรงงานในที่ซึ่งเห็นได้ง่าย ณ สานักงานของนายจ้าง สถานที่ทางานของลูกจ้าง ภูมิลาเนา หรือถิ่นที่อยู่ของนายจ้าง เมื่อได้ดาเนินการดังกล่าว และเวลาได้ล่วงพ้นไปไม่น้อยกว่าสิบห้าวันแล้ว ให้ถือว่านายจ้างได้รับคาสั่งหรือหนังสือของอธิบดีหรือพนักงานตรวจแรงงานนั้นแล้ว
นายจ้างผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
ในกรณีที่นายจ้างฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๓๗ มาตรา ๓๘ มาตรา ๓๙ มาตรา ๓๙/๑ มาตรา ๔๒ มาตรา ๔๗ หรือมาตรา ๔๘ เป็นเหตุให้ลูกจ้างได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ หรือถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาทหรือทั้งจาทั้งปรับ
ผู้ประกอบกิจการผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๑/๑ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
นายจ้างผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๒๓ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท
นายจ้างผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๕ มาตรา ๒๗ มาตรา ๒๘ มาตรา ๒๙ มาตรา ๓๐ วรรคหนึ่ง มาตรา ๔๕ มาตรา ๕๓ มาตรา ๕๔ มาตรา ๕๖ มาตรา ๕๗ มาตรา ๕๘ มาตรา ๕๙ มาตรา ๖๕ มาตรา ๖๖ มาตรา ๗๓ มาตรา ๗๔ มาตรา ๗๕ วรรคหนึ่ง มาตรา ๗๗ มาตรา ๙๙ มาตรา ๑๐๘ มาตรา ๑๑๑ มาตรา ๑๑๒ มาตรา ๑๑๓ มาตรา ๑๑๔ มาตรา ๑๑๕ มาตรา ๑๑๗ หรือไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ตามมาตรา ๑๒๐ มาตรา ๑๒๑ วรรคหนึ่ง หรือมาตรา ๑๓๙ (๒) หรือ (๓) ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๖ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
นายจ้างผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๓๑ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
นายจ้างผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๔๔ หรือกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา ๒๒ ในส่วนที่เกี่ยวกับการจ้างเด็กอายุต่ากว่าที่กาหนดในกฎกระทรวงเป็นลูกจ้างหรือการรับเด็กซึ่งมีอายุต่ากว่าที่กาหนดในกฎกระทรวงเข้าทางาน ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สี่แสนบาทถึงแปดแสนบาทต่อลูกจ้างหนึ่งคน หรือจาคุกไม่เกินสองปี หรือทั้งปรับทั้งจา
นายจ้างผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๔๙ หรือมาตรา ๕๐ หรือกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา ๒๒ ในส่วนที่เกี่ยวกับการห้ามมิให้นายจ้างให้ลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กอายุต่ากว่าสิบแปดปีทางานตามประเภทของงานและสถานที่ที่กาหนด ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สี่แสนบาทถึงแปดแสนบาทต่อลูกจ้างหนึ่งคน หรือจาคุกไม่เกินสองปี หรือทั้งปรับทั้งจา ถ้าการกระทาความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นเหตุให้ลูกจ้างได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจหรือถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่แปดแสนบาทถึงสองล้านบาทต่อลูกจ้างหนึ่งคน หรือจาคุกไม่เกินสี่ปี หรือทั้งปรับทั้งจา
นายจ้างผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๕๒ มาตรา ๕๕ มาตรา ๗๕ วรรคสอง มาตรา ๙๐ วรรคสอง มาตรา ๑๑๐ หรือมาตรา ๑๑๖ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
ผู้ใดไม่อานวยความสะดวก ไม่มาให้ถ้อยคา ไม่ส่งเอกสารหรือวัตถุใด ๆ ตามหนังสือเรียกของคณะกรรมการค่าจ้าง คณะกรรมการสวัสดิการแรงงาน คณะอนุกรรมการของคณะกรรมการดังกล่าว หรือผู้ซึ่งคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการเช่นว่านั้นมอบหมาย แล้วแต่กรณี หรือไม่อานวยความสะดวกแก่พนักงานตรวจแรงงาน หรือแพทย์ นักสังคมสงเคราะห์ หรือผู้เชี่ยวชาญตามมาตรา ๑๔๒ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
ผู้ใดขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการค่าจ้าง คณะกรรมการสวัสดิการแรงงาน คณะอนุกรรมการของคณะกรรมการดังกล่าว หรือผู้ซึ่งคณะกรรมการ หรือคณะอนุกรรมการเช่นว่านั้นมอบหมาย แล้วแต่กรณี หรือขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานตรวจแรงงาน หรือแพทย์ นักสังคมสงเคราะห์ หรือผู้เชี่ยวชาญตามมาตรา ๑๔๒ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคาสั่งของคณะกรรมการสวัสดิการแรงงานที่สั่งตามมาตรา ๑๒๐ หรือคาสั่งของพนักงานตรวจแรงงานที่สั่งตามมาตรา ๑๒๔ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ[60 ]
นายจ้างผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๙๖ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท
นายจ้างผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๙๘ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
นายจ้างผู้ใดไม่ยื่นหรือไม่แจ้งแบบแสดงสภาพการจ้าง และสภาพการทางานตามมาตรา ๑๑๕/๑ และได้รับหนังสือเตือนจากพนักงานตรวจแรงงานแล้วยังไม่ยื่นหรือไม่แจ้งภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือเตือนต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
นายจ้างผู้ใดไม่ยื่นแบบรายการหรือไม่แจ้งเป็นหนังสือขอเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเพิ่มเติมรายการภายในกาหนดเวลาตามมาตรา ๑๓๐ หรือยื่นแบบรายการ หรือแจ้งเป็นหนังสือขอเปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขเพิ่มเติมรายการตามมาตรา ๑๓๐ โดยกรอกข้อความอันเป็นเท็จ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดเปิดเผยข้อเท็จจริงใดเกี่ยวกับกิจการของนายจ้างอันเป็นข้อเท็จจริงตามที่ปกติวิสัยของนายจ้างจะพึงสงวนไว้ไม่เปิดเผยซึ่งตนได้มาหรือล่วงรู้เนื่องจากการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ เว้นแต่เป็นการเปิดเผยในการปฏิบัติราชการเพื่อประโยชน์แห่งพระราชบัญญัตินี้ หรือเพื่อประโยชน์แก่การคุ้มครองแรงงาน การแรงงานสัมพันธ์ หรือการสอบสวน หรือการพิจารณาคดี
ในกรณีที่ผู้กระทาความผิดเป็นนิติบุคคล ถ้าการกระทาความผิดของนิติบุคคลนั้นเกิดจากการสั่งการ หรือการกระทาของบุคคลใด หรือไม่สั่งการ หรือไม่กระทาการอันเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทาของกรรมการผู้จัดการ หรือบุคคลใด ซึ่งรับผิดชอบในการดาเนินงานของนิติบุคคลนั้น ผู้นั้นต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สาหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย
บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่ความผิดตามมาตรา ๑๕๗ ถ้าเจ้าพนักงานดังต่อไปนี้เห็นว่าผู้กระทาผิดไม่ควรได้รับโทษจาคุกหรือไม่ควรถูกฟ้องร้อง ให้มีอานาจเปรียบเทียบดังนี้
ในกรณีที่มีการสอบสวน ถ้าพนักงานสอบสวนพบว่าบุคคลใดกระทาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ และบุคคลนั้นยินยอมให้เปรียบเทียบ ให้พนักงานสอบสวนส่งเรื่องให้อธิบดี หรือผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วแต่กรณี ภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่บุคคลนั้นแสดงความยินยอมให้เปรียบเทียบ เมื่อผู้กระทาผิดได้ชาระเงินค่าปรับตามจานวนที่เปรียบเทียบภายในสามสิบวันแล้ว ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ถ้าผู้กระทาผิดไม่ยินยอมให้เปรียบเทียบ หรือเมื่อยินยอมแล้วไม่ชาระเงินค่าปรับภายในกาหนดเวลาตามวรรคสาม ให้ดาเนินคดีต่อไป
มิให้นามาตรา ๔๔ มาใช้บังคับกับลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กอายุตั้งแต่สิบสามปีบริบูรณ์ แต่ยังไม่ถึงสิบห้าปีบริบูรณ์ ที่นายจ้างรับเข้าทางานตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๐๓ ลงวันที่ ๑๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ อยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
ให้นายจ้างแจ้งการจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กอายุต่ากว่าสิบแปดปีที่นายจ้างรับเข้าทางานตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๐๓ ลงวันที่ ๑๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ทั้งนี้ ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
ให้คณะกรรมการค่าจ้าง คณะอนุกรรมการ และคณะทางานซึ่งดารงตาแหน่งอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ คงอยู่ในตาแหน่งต่อไปได้จนกว่าจะครบวาระการดารงตาแหน่ง
การจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบเพื่อเป็นทุนสงเคราะห์ลูกจ้างตามบทบัญญัติว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างในหมวด ๑๓ จะเริ่มดาเนินการเมื่อใดให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
คาร้องที่ยังไม่ถึงที่สุดหรือคดีที่ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้บังคับตามประกาศกระทรวงมหาดไทยหรือประกาศกระทรวงแรงงาน* ซึ่งออกตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๐๓ ลงวันที่ ๑๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ จนกว่าคาร้องหรือคดีนั้น ๆ จะถึงที่สุด
ผู้ใดมีสิทธิได้รับค่าจ้างหรือเงินอื่นจากนายจ้างตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๐๓ ลงวันที่ ๑๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ อยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้คงได้รับต่อไป
บรรดาประกาศหรือคาสั่งที่ออกตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๐๓ ลงวันที่ ๑๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ ให้ยังคงใช้ได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ จนกว่าจะมีกฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี
「1998년 근로보호법」
• 국가‧지 역: 태국 • 제 정 일: 1998년 2월 12일 • 개 정 일: 2017년 8월 27일(일부개정)
ภูมิพลอดุลยเดช ป . ร . ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ . ศ . ๒๕๔๑ เป็นปีที่ ๕๓ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคาแนะนาและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้ 푸미폰아둔야뎃 국왕 폐하께서 재위 53번째 해인 1998년(불기2541년) 2월 12일에 하사하셨다. 푸미폰 국왕 폐하께서는 다음과 같이 공포하도록 하셨다 . 근로자 보호에 관한 법률을 개정하는 것이 타당하므로, 의회의 조언과 동의를 통하여 다음과 같이 법을 제정한다.
이 법은 “1998 년 근로보호법"이라고 한다.
이 법은 관보에 게재한 날부터 180일이 지난 날에 시행한다.
다음 각 항의 법령은 폐지한다.
이 법에 규정이 있거나 이 법에 반하는 모든 법률과 규정 및 규칙은 이 법을 대신 적용한다.
이 법은 다음 각 항에는 적용하지 아니한다.
첫 번째 단락의 경우 이외에 어떠한 일부 사용자에 대하여 이 법의 전체 또는 일부분을 적용하지 않는 부령을 제정할 수도 있다. 이 법은 다음 각 항에는 적용하지 아니한다. 이 법에서 사용하는 용어의 뜻은 다음과 같다.
“사용자"란 임금을 지불하여 근로자를 근로하도록 동의하는 사람을 뜻하며 , 다음 각 항을 포함하여 뜻한다.
"근로자"란 그 명칭에 상관없이 , 임금을지급받고 사용자에게 근로를 제공하는것에 동의하는 사람을 말한다. "발주자"란 자신의 이익을 위하여 , 업무 완성에 대한 보수를 지급하여 어떤 한 사람에게 전체 또는 일부 업무를 수행하도록 하는 고용에 동의하는 사람을 말한다. “원수급인"이란 어떠한 업무의 전체 또 는 일부를 고용자의 이익이 완성될 때까지 수행하기로 동의하는 사람을 말한다. "하도급자"란 고용자의 이익을 위한 원수급인의 책임에 속하는 어떠한 업무의 전부 또는 일부 이행에 대하여 원수급인과 위탁 계약을 체결하는 사람을 말하여 , 하도급의 횟수에 관계없이 하도급자의 책임에 속하는 업무 부분의 도급을 위하여 원수급인과 계약을 체결하는 사람을 포함하여 말한다. “고용계약"이란 문서나 정확한 구술 또는 간접적으로 이해하는 것을 불문하고 , 근로자로 불리는 사람이 사용자로 불리는 사람에게 근로를 제공하고 근로 제공기간 동안 사용자가 임금을 지불하는 것을 목적으로 체결되는 계약을 말한다 . "근로일"이란 근로자가 통상적으로 근로하도록 정한 날을 말한다. "휴일"이란 근로자가 주중이나 관습에 따라서 또는 연중에 쉬도록 정한 날을 말한다. "휴가일"이란 근로자가 병가 , 불임수술 , 필요한 업무 , 군복무 , 지식 및 능력 훈련 또는 계발이나 출산을 위하여 휴가를 얻는 날을 말한다. "임금"이란 통상 근로 기간에 대하여 시급 , 일급 주급 , 월급 또는 기타 기간의 보수로 지급하거나 근로일의 통산 근로기간에 근로자의 근로 결과에 따라 산정하여 지급하는 금품을 말하며 , 휴일 및 근로자가 근로하지 아니하나 이 법에 따라 근로자가 지급받을 권리가 있는 날에 사용자가 근로자에게 지급하는 금품까지 포함하여 말한다. "근로일에 대한 임금"이란 통상 근로시간에 풀타임으로 근로한 것에 대하여 지급하는 임금을 말한다 "최저임금률"이란 이 법에 따라 임금위원회가 정하는 임금률을 말한다. "기술 표준에 따른 임금률"이란 임금위원회가 기술 표준에 따라 직업 분야 별로 정한 임금을 말한다. “기본최저임금률 ” (삭제) "초과근로"란 제 23 조에 따라 사용자와 근로자가 합의한 근로일 또는 휴일의 시간외근로 나 통상 근로 시간을 초과한 근 로 또는 일일 근로 시간을 초과한 근로를 말한다. "초과근로수당"이란 근로일의 초과 근로에 대한 보수로 사용자가 근로자에게 지급하는 금품을 말한다. “휴일근로수당"이란 휴일의 근로에 대한 보수로 사용자가 근로자에게 지급하는 금품을 말한다. "휴일초과근로수당"이란 휴일의 초과 근로에 대한 보수로 사용자가 근로자에게 지급하는 금품을 말한다. "보상금"이란 사용자가 근로자에게 지급하기로 결정한 기타 종류의 금품 이외에 고용이 종료되었을 때 사용자가 근로자에게 지급하는 금품을 말한다. “특별보상금"이란 이 법에서 정한 특별한 사유로 고용 계약이 종료되었을 때 사용자가 근로자에게 지급하는 금품을 말한다. "적립금"이란 근로자가 근로자지 원기금에 납부하는 금품을 말한다. “분담금"이란 근로자지원기금 분담을 위하여 사용자가 근로자에게 분담 납부하여 주는 금품을 말한다. “근로조사관이"란 이 법의 집행을 위하여 장관이 임명한 사람을 말한다. “국장"이란 근로복지보호국장을 말한다. “장관"이란 이 법에 따른 주무 장관을 말한다. 보건부장관이 이 법에 따른 주무장관이 되며 , 담당관 임명권과 이 법 별표의 요율을 초과하지 아니하는 수수료를 규정하는 부령을 제정할 수 있는 권한 및 이법에 따른 집행을 위한 그 밖의 업무 관련 규정 · 규칙 또는 고시 를 제정할 수 있는 권한을 갖는다. 첫 번째 단락에 따 라 수수료 를 규정하는 부령을 제정하는 때에는 화장품의 종류 , 사업자의 규모 · 사업 및 수정 · 변경 유형을 고려하여 다르게 규정할 수 있다. 해당 부령과 규칙 및 고시는 관보에 게재한 날부터 시행할 수 있다.
노동부장관이 이 법에 따른 주무 장관이 되며 , 이 법의 집행을 위한 근로조사관을 임명하고 부령 및 고시를 제정하는 권한을 갖는다. 근로조사관을 임명할 때에는 직무 수행과 관련한 권한과 직무의 범위 및 조건을 규정할 수 있다. 해당 부령 및 고시는 관보에 게재한 때에 시행할 수 있다.
이 법에 따른 권리 또는 이익의 청구 또는 취득이 다른 법률에 따라 근로자가 취득한 권리 또는 이익을 결정하는 것은 아니다.
장관이 근로자 또는 사망한 근로자의 법적상속인의 소송 권리 또는 변호를 위하여 학사 이상의 학력을 갖춘 담당관을 임명하는 권리를 갖도록 하며 , 노동부가 법원에 통지를 완료하였을 때에는 사건이 종결될 때까지 업무를 수행할 권한도 갖는다
사용자가 제10조 두 번째 단락에 따른 담보금을 반환하지 않거나 제70조에 따른 임금 , 초과근로수당 , 휴일근로수당 , 휴일초과근로수당 또는 제118조에 따른 퇴직수당이나 예고 해고를 대신하는 특별퇴직수당 또는 제120조 , 제121조 및 122조에 따른 특별퇴직수당을 지급하지 않는 경우 , 각각의 잘못이 있는 동안 , 사용자는 근로자에게 연간 15%의 이자를 지급한다. 사용자가 정당한 이유 없이 의도적으로 첫 번째 단락에 따른 금전을 반환 또는 지급하지 아니하는 경우 반환 또는 지급 기일부터 7일이 경과한 때에는 사용자가 근로자에게 7일마다 체납된 금전의 15%에 해당하는 추가금을 지급하여야 한다. 사용자가 첫 번째 단락에 따른 금품을 반환 또는 지급할 준비가 되었으며 , 금전을 근로자에게 지급하기 위하여 국장 또는 국장에게 위임을 받은 자에게 공탁한 경우 , 사용자가 해당 금전을 공탁한 날부터는 더 이상 이자 또는 추가금을 지불할 필요가 없다.
제51조 첫 번째 단락의 적용 하에 , 금품이나 기타 재산 또는 인적 담보에 상관없이, 사용자가 근로 담보금이나 손해담보금을 청구하거나 수령하는 것을 금지한다. 다만, 사용자에게 피해를 유발할 수 있는 근로자가 사용자의 금품이나 재산에 대하여 책임져야 하는 업무의 형태나 상황은 예외로 한다. 이와 관련하여, 근로자로부터 담보를 청구 또는 수령하는 업무의 형태나 상황과 담보의 종류, 담보의 액수 및 관리 방법은 장관이 정하고 공고한 원칙과 방법에 따른다. 근로자에 의한 손해를 보상하기 위하여 사용자가 근로자에게 담보금을 청구 또는 수령하거나 근로자와 담보계약을 체결한 경우 , 사용자가 고용을 종료하거나 근로자가 퇴직하거나 담보계약의 유효기간이 만료되었을 때에는 , 경우에 따라 사용자가 고용을 종료하거나 근로자가 퇴직한 날 또는 담보계약이 만료된 날부터 7일 이내에 사용자는 근로자에게 담보금 및 이자가 발생하면 이를 함께 반환하여야 한다.
이 법에 따라 사용자가 지급해야 하는 금품에서 발생한 부채 또는 제135조에 따른 근로자지원기금에 배상해야 하는 금품은 , 경우에 따라 근로자 또는 채무 자인 사용자의 재산 전체에 대하여 「민상법전」에 의거한 세금에 대한 우선권과 동급의 우선권을 가진 근로복지보호국에 지불한다.
특정인에게 근로를 제공할 사람의 구인을 대행하도록 위임하는 경우 , 제공받고자 하는 근로가 직업소개업이 아니며 제조과정의 일부분이거나 사업자의 책임 하에 있는 사업이고 , 해당 사업자가 근로 제공자의 업무 감독관 또는 임금 지불에 대한 책임자가 되거나 그렇지 않더라도 , 해당 사업자를 근로를 제공하는 사람의 사용자로 간주한다. 사업자는 직접적인 근로계약에 의한 근로자와 동일한 형태의 업무를 하는 하청직 근로자에게 차별없이 공평한 혜택과 복지를 제공하여야 한다.
사용자가 하도급자인 경우 원수급자가 있으면 원수급자까지 포함하는 상위 도급자가 사용자인 하도급자와 공동으로 임금, 초과근로수당, 휴일근로수당, 휴일근로수당, 휴일초과근로수당, 퇴직수당,특별퇴직수당, 적립금, 분담금 또는 추가금에 대한 책임을 져야 한다. 첫 번째 단락에 따른 원수급자 또는 하도급자는 첫 번째 단락에 따라서 지급한 금품에 대하여 사용자인 하도급자에게 청구할 권리가 있다.
양도나 상속 또는 기타 사항으로 인하여 업무의 사용자가 변경된 경우나, 사용자가 법인이며, 그 법인이 변경이나 양도 또는 어떠한 법인과의 합병 등기를 한 경우, 근로자가 원래의 사용자에 대하여 가지고 있는 각 권리들과 동일한 권리를 근로자에게 부여하도록 하며, 새로운 사용자는 해당 근로자에 관한 모든 사항과 관련한 책임과 의무를 승계한다.
사용자는 근로자에 대하여 「민상법전」에 규정된 권리와 의무에 따라 올바르게 이행하여야 한다. 다만, 이 법에서 다르게 규정한 것은 예외로 한다.
사용자가 근로자에 대하여 지나치게 유리하도록 하는 사용자와 근로자 간의 근로계약, 근로 관련 규칙, 사용자의 규정 또는 명령에 대하여 법원이 해당 근로계약 근로 관련 규칙, 사용자의 규정 또는 명령을 사안에 따라 공정하고 타당하게 적용하도록 명할 권한을 갖는다.
사용자는 남성과 여성 근로자에게 동등한 고용을 이행하여야 한다 . 다만 동등하게 이행할 수도 없는 근로의 형태 또는 상황은 예외로 한다.
사용자, 책임자, 관리자 또는 작업 검사자가 근로자에 대하여 성적 침해나 위협 또는 고통을 야기하는 행위를 하는 것을 금지한다.
근로계약은 사전에 통고할 필요가 없이 근로계약 기간이 만료된 때에 종료된다. 기간의 정함이 없는 근로계약인 경우, 사용자 또는 근로자는 차례의 임금 지급일이 도달하였을 때 계약 종료 효력이 발생하도록 어떤 차례의 임금 지급일 또 는 그 이전에 다른 일방에게 문서로 사적 고지하여 근로 계약 종료를 통지할 수도 있다. 그러나 3 개월을 초과하여 사전에 고지할 필요는 없다. 이와 관련하여 수습근로계약은 기간이 정함이 없는 계약으로 간주한다. 두 번째 단락에 따라 근로계약의 종료를 통고함에 있어서, 명시한 규정에 따라 계약이 종료될 때까지 지급해야 하는 금액에 따라 임금을 지불하고 근로자가 즉시 퇴직하게 할 수도 있다. 이 조에 따른 사전 통고는 이 법의 제 119 조 및 「민상법전」의 제 583 조에 따른 고용 종료에는 적용하지 아니한다 .
이 법에서 사용자가 어떠한 조치에 대하여 국장이나 국장이 위임한 사람 또는 근로조사관에게 신고하거나 서류를 송달하도록 규정하는 경우 , 사용자는 직접 또는 우편 , 전화 , 팩스 , 전자 매체 또는 다른 종류의 정보통신매체를 통하여 신고 또는 송달할 수도 있다 . 이와 관련하여 국장이 정하고 공고한 원칙 및 방법을 따른다.
이 법에 따라 근로자의 근로 기간을 산정하기 위하여 휴일 , 휴가일 , 근로자의 이익을 위하여 근로하지 않도록 사용자가 허가한 날과 사용자의 이익을 위하여 근로하지 않도록 위하여 명한 날을 모두 근로자의 근로 기간으로 합산한다.
근로자에게 이 법에 따른 어떠한 권리를 부여하지 않으려는 사용자의 의도에 의하여 근로자가 근속하지 못 하는 것은, 사용자가 근로자에게 어떠한 직무의 근로를 하게 하고 , 고용의 각 기간이 얼마의 간격을 두고 이루어졌는지에 상관없이 , 해당 근로자의 권리 취득을 위하여 모든 근로 기간을 합산한다.
이 법에서 사용자에게 , 비용이 발생하는 어떠한 조치를 취하도록 규정하는 경우 해당 조치를 위한 비용은 사용자가 지불한다.
농경 작업, 어로 작업, 적재 작업 또는 해상 운송 작업, 재택 작업, 운송 작업 및 왕실 칙령에 정한 바에 따른 기타 작업은 이 법과 다르게 각 경우의 근로자보호를 규정하도록 부령에 정할 수 있다.
사용자는 부령에서 정하는 각 업종의 근로시간을 초과하지 않도록 하여 , 근로자의 매일 근로 시작 시간과 종료 시간을 정하여 근로자에게 정상근로시간을 공지한다 . 그러나, 하루 8 시간을 초과하지 아니하도록 해야 한다. 어떠한 날의 근로시간이 8 시간 미만인 경우, 잔여 근로시간을 다른 정상 근로일의 근로시간에 더하도록 사용자와 근로자가 합의할 수도 있다. 그러나, 1일 9시간을 초과하지 아니하여야 하며, 총근로시간을 더하였을 때, 일주일에 48시간을 초과하지 아니하여야 한다. 다만, 부령에서 정하는 바에 따라 근로자의 건강과 안전에 위험이 될 수 있는 일은 1일 정상근로시간이 7시간을 초과하지 아니하여야 하며 , 총 근로시간을 합산하였을 때 , 일주일에 42시간을 초과하지 아니하여야 한다. 사용자와 근로자가 첫 번째 단락에 따라 1일 8시간을 초과하여, 잔여 근로시간을 다른 정상 근로일의 근로시간에 더하도록 합의한 경우, 사용자는 일용근로자 및 시간제근로자에 대하여 초과 시간에 따라 근로일의 시간당 임금 비율의 1.5배 이상, 또는 업무 성과에 따라 임금을 받는 근로자에 대해서는 초과 시간에 할수 있었던 업무 성과의 양에 따라 , 근로일 노임단가 비율의 1.5배 이상에 해당하는 보수를 지급한다. 업무의 형태 또는 상황에 의하여 사용자가 매일 근로 시작 시간과 종료 시간을 공고할 수 없을 수도 있는 경우, 사용자와 근로자가 합의하여 8시간을 초과하지 아니하는 하루 근로시간을 정하고 총근로시간을 합산 한 때 주당 48시간을 초과하지 아니하도록 하여야 한다.
매번 근로자의 사전 승낙을 받은 경우를 제외하고 사용자가 근로자에게 근로일에 초과근로를 하도록 하는 것은 금지된다. 업무의 형태나 상황이 연속적으로 근로하여야 하며 만약 휴업 시 업무에 피해를 주거나 긴급한 업무 또는 부령에서 정하는 바에 따른 업무라면 사용자가 필요한 시간만큼 근로자에게 시간외근로를 하도록 하는 것이 가능할 수 있다.
사용자가 근로자에게 휴일에 근로하게 하는 것을 금한다. 다만, 업무의 형태나 상황이 연속적으로 근로하여야 하는 경우는 예외로 한다. 만약, 휴업하는 경우, 업무에 손해를 끼치거나 긴급한 업무라면, 사용자는 필요한만큼 휴일에 근로자가 근로하도록 하는 것이 가능할 수 있다. 사용자는 숙박업, 오락시설, 운송업, 음식점, 카페, 클럽, 협회, 의료기관 또는 부령에서 정하는 바에 따른 기타 업종에 대하여 근로자에게 휴일 근로를 하도록 할 수 있다. 생산, 판매 및 서비스의 이익을 위하여 사용자가 매번 근로자의 사전 승낙을 받아 첫 번째 단락과 두 번째 단락에 따라 정한 사항 이외에 필요한만큼 근로자가 휴일에 근로하도록 하는 것이 가능할 수 있다.
제24조 첫 번째 단락에 따른 초과근로 시간과 제25조 두 번째 및 세 번째 단락에 따른 휴일근로 시간은 합산하였을 때 부령에서 정하는 수준을 상회하여서는 아니된다.
근로일의 경우 근로자가 5시간 이상 연속으로 근로한 후 사용자는 1시간 이상을 1일 근로 도중 휴게시간으로 근로자에게 제공한다 . 사용자와 근로자는 사전에 1회의 휴게 시간을 1시간 미만으로 합의할 수 있으나 , 합산하였을 때 하루 1시간보다 적지 아니하여야 한다. 사용자와 근로자가 첫 번째 단락에 따른 근로 도중 휴게시간을 다르게 정하도록 합의하는 경우, 만약 해당 합의가 근로자에게 유리하다면, 해당 합의를 적용할 수도 있다. 근로 도중 휴게시간은 근로시간으로 합산하지 아니한다. 다만, 합산한 휴게시간이 하루 2시간을 초과한다면, 2시간을 초과한 시간은 정상근로시간으로 계산한다. 정상근로시간에서 이어지는 초과근로시간이 2시간 이상인 경우, 사용자는 근로자가 초과근로를 시작하기 전에 20분 이상의 휴게시간을 제공하여야 한다. 첫 번째 단락과 네 번째 단락의 내용은 근로자의 승낙을 받아 연속으로 하여야하는 업무의 형태나 상황의 근로를 하는 근로자인 경우 또는 긴급한 업무인 경우에는 적용하지 아니한다.
사용자는 주간 휴일의 간격이 6 일을 초과하지 아니하도록 하여 근로자에게 1 주일에 1 일 이상의 주간 휴일을 제공하여야 한다. 사용자와 근로자는 사전에 어떤 날을 주간 휴일로 정할지 사전에 합의할 수 있다. 근로자가 숙박업소 , 운송업 , 임업 , 벽지에서의 업무 또는 부령에서 정한 바에 따른 기타 업무에서 근로하는 경우 사용자와 근로자는 주간 휴일을 축적하여 언제든 쉴 수 있도록 연기하는 것을 사전에 합의할 수도 있으나 , 연속 4 주의 기간 범위에 있어야 한다 .
사용자는 장관이 정하여 공고한 바에 따라 근로자의 날과 국경일을 포함하여 1년에 13 일 이상 관례에 따른 휴일을 정하여 사전에 근로자에게 공지한다. 사용자는 공휴일이나 종교 휴일 또는 지방 풍습에서 관례에 따른 휴일을 정하는 것을 검토한다. 관례에 따른 휴일이 근로자의 주간 휴일과 겹치는 경우 , 바로 다음 첫 번째 근로일에 관례에 따른 휴일을 대체하여 근로자가 쉬도록 한다. 근로자가 부령에서 정하는 바에 따른 형태나 상황의 근로를 하기 때문에 사용자가 근로자에게 관례에 따른 휴일을 제공하지 못하는 경우 , 사용자와 근로자는 관례에 따른 휴일을 대체하여 다른 날에 쉬거나 사용자가 휴일의 임금을 지불하는 것으로 합의할 수도 있다.
1년 동안 계속하여 근로한 근로자는, 사용자가 근로자에게 휴일을 사전에 정해 주거나 사용자와 근로자가 합의한 바에 따라 정하도록 하여 1년에 최소한 6일의 근로일을 연차 휴가로 제공받을 권리가 있다. 그 다음 해에는 사용자가 6일 이상의 근로일을 근로자에게 연차 휴가로 정할 수 있다. 사용자와 근로자는 아직 사용하지 못한 연차 휴가를 축적하고 연기하여 다음 해에 하도록 사전에 합의할 수 있다. 1년을 충족하지 못한 근로자에 대해서는 근로한 날의 비율에 따라 산정한 연차 휴가를 제공할 수도 있다.
사용자가 , 제 23 조 첫 번째 단락에 따라 근로자의 건강과 안전에 위험이 될 수 있는 업무에서, 근로자를 시간 외에 근 로하게 하거나 휴일에 근로하게 하는 것을 금한다.
근로자가 실제로 아픈 동안 병가를 낼 권리를 갖는다. 근로일 3 일 이상의 병가에 대하여, 사용자가 근로자에게 1등급 양의 洋醫나 공공의료시설의 진단서를 제시하도록 할 수 있다. 근로자가 1등급 양의나 공공의료시설의 진단서를 제시할 수 없는 경우, 근로자는 사용자가 이해할 수 있도록 설명하여야 한다. 사용자가 의사를 정하여 둔 경우, 해당 의사가 진단서를 발급한다. 다만, 근로자가 해당 의사에게 진료를 받을 수 없는 경우는 예외로 한다. 근로로 인하여 발생한 부상 또는 질병에 의하여 근로자가 근로할 수 없는 날과 제41조에 따른 출산휴가일은 이 조에 따른 병가로 간주하지 않도록 한다.
근로자는 불임수술을 받기 위하여 휴가를 낼 권리와 1 등급 양의가 정하고 진단서를 발급한 기간에 의거하여 불임수술에 따른 휴가를 낼 권리를 갖는다.
근로자가 업무와 관련한 규칙에 따라 필요한 용무를 위하여 휴가를 낼 권리를 갖는다.
병역에 관한 법률에 따라 근로자가 징병검사나 군사훈련 또는 전투대비태세 시험을 위하여 휴가를 낼 권리를 갖는다.
부령에서 정하는 원칙과 방법에 따라 근로자가 지식과 능력을 배양하거나 개발하기 위하여 휴가를 낼 권리를 갖는다.
사용자가 근로자에게 부령에서 정하는 바에 따른 중량수준을 초과하여 무거운 것을 들어 올리거나 , 짊어지거나 , 떠메거나 , 이거나 , 끌거나 , 밀도록 하는 것을 금지한다.
사용자가 여성인 근로자에게 다음 각 항에 해당하는 근로를 하도록 하는 것을 금한다.
사용자가 임산부인 근로자에게 다음 각 항에 해당하는 근로를 하도록 하는 것을 금한다.
사용자가 임산부인 근로자를 22시부터 06시까지의 시간 동안에 근로하도록 하거나 시간외근로 를 하게 하거나 휴일에 근로하도록 하여서는 아니된다. 임산부인 여성이 경영자 직위 , 학술 업무, 행정사무 또는 금융이나 회계와 관련한 업무를 하는 경우 사용자는 매번 근로자의 사전 승낙을 받아, 임산부인 여성의 건강에 영향을 주지 아니하는 범위에서 근로자가 근로일에 시간외근로를 하도록 하는 것이 가능할 수 있다.
사용자가 임산부인 근로자를 22시부터 06시까지의 시간 동안에 근로하도록 하였으며, 근로감독관이 해당 근로가 해당 여성의 건강과 안전에 위험을 끼칠 수 있다고 판단하는 경우, 근로감독관은 국장 또는 국장이 위임한 사람이 검토하여 타당하다고 판단하는 바에 따라 사용자에게 근로시간의 변경 또는 단축을 명할 수 있게 보고하도록 하고 사용자는 해당 명령에 따라 이행한다.
임산부인 근로자는 90 일을 초과하지 아니하는 출산휴가를 신청할 권한이 있다. 첫 번째 단락에 따른 휴가는 휴가 기간 동안에 포함된 휴일을 합산한다.
임산부인 여성이 원래의 책임에 있는 업무를 계속할 수 없을 수도 있다는 사실을 나타내는 1 등급 양의의 진단서가 있으면 해당 근로자는 사용자에게 원래의 책임에 있는 업무를 임시 또는 출산 이후로 변경하여 주도록 요청할 권리가 있으며 , 사용자는 해당 근로자에게 적합한 업무로 변경하는 것을 검토한다.
임신을 이유로 하여 사용자가 근로자를 해고하여서는 아니된다.
사용자가 만15 세 미만의 미만의 아동을 고용하여서는 아니된다.
만18세 미만의 아동을 근로자로 고용하는 경우, 사용자는 다음 각 항을 준수하여야 한다.
첫 번째 단락에 따른 신고 또는 기록은 국장이 정한 양식을 따르도록 한다.
사용자는 아동인 근로자가 4시간 이하의 시간 동안 근로한 후에 연속해서 1시간 이상의 휴게시간을 제공하여야 한다. 그 러나 , 4시간 내에는 사용자가 정한 바에 따라서 아동인 근로자가 휴게시간을 가질 수 있도록 한다.
사용자가 만 18 세 미만의 아동인 근로자를 22시부터 06시까지의 시간 동안에 근로하게 하는 것을 금한다. 다만, 국장이나 국장이 위임한 사람으로 부터 문서로 승인을 받은 것은 예외로 한다. 사용자는 영화 , 연극 또는 유사한 공연의 연기자인 만 18세 미만의 아동이 해당 시간에 근로하도록 할 수 있을 수 있다. 이와 관련하여 사용자는 해당 아동이 적합한 바에 따라 쉴 수 있도록 한다.
사용자가 만18세 미만의 아동인 근로자를 시간 외에 근로하게 하거나 휴일에 근로하게 하여서는 아니된다.
사용자가 만18세 미만의 아동인 근로자에게 다음 각 항의 근로를 하도록 하여서는 아니된다.
사용자가 만 18 세 미만의 아동인 근로자를 다음 각 항에 해당하는 업장에서 근로하도록 하여서는 아니된다.
사용자가 아동인 근로자측으로부터 어떤 업무를 위한 담보를 청구하거나 수령하는 것을 금한다. 사용자가 아동인 근로자의 임금을 타인에게 지급하여서는 아니된다. 사용자가 아동인 근로자에게 지급하는 임금이나 어떠한 혜택을 고용하기 전 도는 처음 고용한 때나 각 임금지급일이 도래하기 전에 부모나 보호자 또는 다른 사람에게 선지급한 경우, 해당 아동인 근로자에 대하여 임금을 지급하였거나 수령하였다고 간주하지 않도록 하며, 사용자가 해당 금전이나 혜택을 아동인 근로자에게 기한에 따라 지급해야 하는 임금에서 차감하는 것을 금한다.
아동의 삶과 근로의 질을 향상시키고 지원하기 위하여 만18세 미만의 아동인 근로자가 회의, 세미나, 교육, 수련 또는 교육 기관이나 정부 부서 또는 국장이 승인하는 민간 기관에서 주관하는 다른 행사에 참가하기 위하여 아동인 근로자는 사용자에게, 만약 있다면 관련 증빙과 함께, 휴가 사유를 사전에 명확하게 고지하도록 하여 휴가를 낼 권리를 갖도록 하고, 사용자는 아동인 근로자에게 휴가 기간 동안 근로 시간의 임금과 동일한 임금을 지급하되 1년에 30일을 초과하지 아니하여야 한다.
동일한 형태와 질량을 가지는 업무의 경우, 사용자는 근로자가 남성 또는 여성에 관계없이 같은 임금, 시간 외수당, 휴일근로수당 및 휴일초과근로수당을 정한다.
사용자는 임금, 시간 외수당, 휴일근로수당, 휴일초과근로수당 및 고용에 의한 기타 혜택을 지급하도록 하며, 금전으로 지급하는 모든 것은 태국 화폐를 지급하여야 한다. 다만, 유가증권이나 외화로 수령하기로 근로자에게 승낙을 받은 것은 제외한다.
사용자는 시간 외수당, 휴일근로수당, 휴일초과근로수당 및 고용에 의한 기타 혜택을 근로자가 근로하는 장소에서 근로자에게 지급한다. 만약 다른 장소 또는 따른 방법으로 지급하면 근로자로부터 승낙을 받아야 한다.
다음 각 항 의 휴일에 대하여 사용자는 근로자에게 근로일의 임금과 같은 임금을 지급한다.
사용자는 근로자에게 제32조에 따른 병가에 대하여 병가 기간 동안 근로일의 임금 비율과 동일한 임금을 지급하되, 연간 30일을 초과하지 아니하여야 한다. 근로자가 제33조에 따라 불임시술을 위한 휴가 권리를 사용하는 경우, 사용자는 근로자에게 해당하는 휴가일에 대한 임금을 지급한다.
사용자는 근로자에게 제35조에 따른 병역을 위한 휴가일에 , 휴가 기간 동안 근로일의 임금과 동일한 임금을 지급하되, 연간 60일을 초과하지 아니하여야 한다.
사용자는 여성 근로자에게 출산 휴가에 대하여 휴가 기간 동안 근로일의 임금과 동일한 임금을 지급하되, 연간 45일을 초과하지 아니하여야 한다.
제56조, 제57조, 제58조, 제59조, 제71조 및 제72조에 따라 임금을 지불하는 편의를 위하여, 단위로 계산하여 성과에 따라 임금을 받는 근로자의 경우, 사용자는 근로자가 휴일 또는 휴가 전 임금 지불 회차에서 받은 근로일을 평균한 임금과 같은 휴일 또는 휴가일의 임금을 지급한다.
사용자가 근로자를 근로일에 초과근무하도록 하는 경우 사용자는 근로일의 시간당 임금 비율의 최소한 1배를 근로한 시간에 따라 시간 외수당으로 지급하거나 단위로 계산하여 성과에 따라 임금을 받는 근로자에 대해서는 근로일의 단위당 임금 비율의 최소한 1 배를 달성한 성과에 따라 시간 외수당으로 지급한다.
제28조나 제29조 또는 제20조에 따라 사용자가 근로자를 휴일에 근로하도록 하는 경우 사용자는 다음 각 항의 비율에 따라 근로자에게 휴일근로수당을 지급한다.
사용자가 근로자를 휴일에 초과근로하도록 하는 경우, 사용자는 근로일의 시간당 임금 비율의 최소한 3배를 근로한 시간에 따라 시간 외수 당으로 지급하거나 위로 계산하여 성과에 따라 임금을 받는 근로자에 대해서는 근로일의 단위당 임금 비율의 최소한 3배를 달성한 성과에 따라 시간 외수당으로 지급한다.
사용자가 근로자에게 휴일을 제공하지 아니하거나 제28조와 제29조 및 제30조에 따라 규정한 것보다 적은 휴일을 제공하는 경우 사용자가 근로자를 휴일에 근로하게 한 것과 마찬가지로 제62조와 제63조에 규정한 비율에 따라 사용자는 근로자에게 휴일근로수당과 휴일초과근로수당을 지급한다.
다음 각 항 에 해당하는 어떤 한가지의 권한이 있거나 사용자가 다음 각 항에 해당하는 어떠한 한가지 근로를 하도록 하는 근로자는 61조에 따른 시간 외 근로수당 및 제63조에 따른 휴일초과근로수당을 수령할 권리가 없다. 그러나, 사용자가 제(3)항이나 제(4)항, 제(5)항, 제 (6)항, 제(7)항, 제(8)항 또는 제(9)항에 따른 근로를 하도록 하는 근로자는 근로일의 시간당 임금 비율과 동일한 보수를 근로한 시간에 따라 수령할 권리가 있다.
이와 관련하여, 사용자가 근로자에게 시간 외근로수당 또는 휴일초과근로수당을 지급하기로 합의한 것은 제외한다.
제65조 제(1)항에 따른 근로자는 제62조에 의거하여 휴일근로수당을 수령할 권리가 없다. 다만, 사용자가 근로자에게 휴일근로수당을 지급하기로 합의한 것은 제외한다.
제119조에 따른 것이 아닌 사정으로 사용자가 고용을 종료하는 경우, 사용자는 제30조에 따라 근로자가 부여받은 권리인 연차 휴가의 부분에 따라서 고용을 종료하는 해의 연차 휴가에 대하여 근로자에게 임금을 지급한다. 근로자가 계약 종료를 고하거나 사용자가 고용을 종료하는 경우, 해당 고용 종료가 제119조를 따르는 것인지의 여부에 관계없이 사용자는 근로자가 제30조에 따라 부여받은 권리인 연차 휴가에 대하여 근로자에게 임금을 지급한다.
시간 외수당과 휴일근로수당 및 휴일초과근로수당 계산의 편의를 위하여, 근로자가 임금을 월급으로 수령하는 경우, 근로일의 시간당 임금율은 월급을 30과 일일 평균근로시간을 곱한 몫으로 나누는 것을 말한다.
초과근로시간 계산의 편의를 위하여, 사용자가 평상근로시간을 주 단위로 규정한 경우, 관습 휴일과 연가 및 휴가일을 근로일로 간주한다.
사용자는 임금과 시간 외수당 및 휴일초과근로수당을 다음 각 항에 부합하도록하며, 각 항에서 정한 시간에 따르도록 한다.
사용자가 근로자의 고용을 종료하는 경우, 사용자 임금과 시간 외수당, 휴일근로수당 및 휴일초과근로수당을 근로자가 수령할 권리에 따라 고용 한 날부터 3일 이내에 근로자에게 지급한다.
휴일에 사용자가 근로자를 통상 근무지 이외의 다른 곳에 출장가서 근로하게 하는 경우, 사용자는 제 56 조 제 (1)항에 따른 휴일근로수당을 수령할 권리가 없는 근로자에게 해당 출장에 대하여 근로일의 임금과 동일한 임금을 지급한다.
사용자가 근로자를 통상 근무지 이외의 다른 장소에 출장 가서 근로하게 하는경우 , 근로자는 제61조에 따른 시간 외 수당 및 제63조에 따른 휴일초과근로수당을 수령할 권리가 없다. 그러나 휴일의 출장에 대하 여 사용자는 제56조 제(1)항에 따른 휴일근로수당을 수령할 권리가 없는 근로자에게 근로일의 임금과 동일한 임금을 지급한다. 다만, 사용자가 근로자에게 시간 외수당 또는 휴일초과 근로수당을 지급하기로 합의한 경우는 예외로 한다.
사용자는 제71조 및 제72조에 따른 출장에 대하여 비용을 지급한다.
사용자가 제61조와 제62조 및 제63조에 정한 것보다 높은 비율의 시간 외수당과 휴일근로수당 및 휴일초과근로수당을 지급하기로 합의한 경우에는 합의한 바에 따르도록 한다.
불가항력의 사유는 아니나 , 사용자의 사업 운영에 영향을 주어 사업자가 통상적인 사업을 운영을 하지 못하도록 하는 중요한 사유로 인하여 사업자가 사업 전체 또는 일부를 임시 휴업하여야 하는 경우, 사업자는 근로자에게 사업자가 휴업하기 전 근로일에 근로자가 수령한 임금의 75% 이상을 사업자가 근로자를 근로하지 못하게 하는 기간 동안 근로자에 게 지급한다. 사용자는 첫 번째 단락에 따라 휴업을 시작하는 날부터 근로일을 기준으로 최소한 3일 전에 근로자와 근로조사관에게 문서로 통지하여야 한다.
사용자가 임금, 시간 외수당, 휴일근로수당 및 휴일초과근로수당을 공제하는 것을 금한다. 다만, 다음 각 항을 위한 공 제는 제외한다.
제(2)항과 제(3)항 , 제(4)항 및 제(5)항에 따른 공제는 각각의 사안마다 10% 이상을 공제하여서는 아니되며 , 합산하여 제70조에 따른 지급 기한에 따라 근로자가 수령할 권리가 있는 금액의 1/5를 초과하지 아니하도록 하여 공제할 수 있으나, 근로자에게 승낙을 받은 것은 제외한다.
제54조 또는 제55조에 따른 지급 또는 제76조에 따른 공제와 관련하여 사용자가 근로자의 승낙을 받거나 근로자와 합의하여야 하는 경우 사용자는 이를 서면으로 작성하고 근로자가 승낙하는 서명을 하거나 명확하게 동의하도록 하여야 한다.
노동부차관을 위원장으로 하고, 내각이 임명한 정부측 대리인 4인과 사용자측 대리인 및 근로자측 대리인 각 5 인을 위원으로 하며 , 장관이 간사로 임명한 노동부 공무원으로 구성되는 임금위원회를 둔다. 첫 번째 단락에 따른 사용자측 대리인 및 근로자측 대리인을 선정하기 위한 원칙 및 방법은 장관이 정하는 규칙에 따 르도록 한다.
임금위원회는 다음 각 항의 권한 및 직무를 담당한다.
내각에 제안하는 때에는 임금위원회는 국가의 소득 체계 개발에 관한 소견을 포함할 수도 있다.
내각이 임명한 위원의 임기는 2년으로 한다. 퇴임한 위원은 재임명될 수 있다. 내각이 임명한 위원이 임기 전에 면직되는 경우, 내각은 동일 유형의 위원을 대리 위원으로 임명하고, 임명 받은 사람은 자신이 대신하는 위원의 잔여 임기동안 재임한다. 다만, 위원의 잔여 임기가 180일 미만인 경우에는 대리 위원을 임명하지 아니할 수 있다. 내각이 임명한 위원이 임기에 따라 퇴임하였으나 아직 새로운 위원을 임명하지 아니하는 경우, 새로운 위 원이 임명되어 직무를 인수할 때까지 해당 위원이 우선 직무를 수행한다. 새로운 위원의 임명은 기존의 위원이 퇴임한 날부터 90일이 내에 완료하여야 한다.
제80조에 따른 임기 만료에 의한 퇴임 이외에 내각이 임명한 위원의 퇴임 사유는 다음 각 항과 같다.
임금위원회의 회의는 사용자측 위원과 근로자측 위원이 각각 1인 이상 참석하여 전체 위원의 과반수 이상이 참석하여야 의사정족수가 된다. 제79조에 따른 최저임금률 또는 기술표준에 따른 임금률 규정을 검토하기 위한 회의에는 사용자측 위원과 근로자측 위원이 각각 2인 이상 참석하여 , 전체 위원의 2/3 이상이 참석하여야 정족수가 되며 회의에 참석한 위원의 2/3 이상이 의결하여야 한다. 최저임금률 또는 기술표준에 따른 임금률 규정을 검토하기 위한 특정 회차의 회의에서 두 번째 단락에 따른 의사 정족수가 성립되지 아니하면, 첫 번째 회의의 지정일부터 15일 이내에 한 차례 더 회의를 갖도록 조치한다. 이 차후 회의는 사용인측 또는 근로자측 위원이 회의에 출석하지 아니하더라도 전체 위원의 2/3 이상이 출석하면 , 의사정족수로 간주하며 회의에 참석한 위원의 2/3 이상이 의결하여야 한다
어떠한 회차의 회의에서 위원장이 회의에 출석하지 아니하거나 직무를 수행할 수 없으면 위원 회의에 참석한 위원들이 위원 1인을 의장으로 선임한다. 회의의 결정은 다수결을 따른다. 위원 1인은 한 표의 표결권을 가지며 표수가 동수라면 의장이 한 표의 표결권을 추가로 행사한다.
임금위원회는 위원회가 위임한 어떠한 한가지의 검토 또는 이행을 위한 소 위원회를 임명할 권한을 갖는다. 임금위원회는 타당한 바에 따라 소위원회의 정족수 및 업무 수행 방법을 규정한다.
임금위원회는 5인 이하의 적격자를 임금위원회의 자문으로 임명하도록 하며, 이 인원에는 최소한 노동 또는 임금 및 급여 관리, 경제, 산업 또는 법률 분야의 전문가가 되어야 한다. 첫 번째 단락에 따라 임금위원회가 임명한 전문가의 임기 및 면직을 제80조 및 제81조의 내용을 준용한다.
직무 수행에 있어서, 임금위원회 또는 임금소위원회나 임금위원회가 고용하거나 소위원회가 위임한 사람은 다음 각 항에 해당하는 권한을 갖는다 .
제85조에 따른 직무를 집행하는 데 있어서, 임금위원회 위원이나 소위원회 위원 또는 임금위원회가 고용하거나 소위원회가 위임한 사람은 경우에 따라 신분증 또는 위임장을 관련자에게 제시한다 . 첫 번째 단락에 따른 임금위원회 위원 또는 소위원회 위원의 신분증은 장관이 정한 양식을 따른다.
최저임금률 규정을 검토하는 경우 임금위원회는 생계비 지표, 물가상승률, 생활수준, 생산원가, 상품 및 서비스 가격, 기업경쟁력, 노동생산성, 국민총생산과 경제 및 사회 상황을 고려한 기타 사실을 참조하여, 근로자가 수령하고 있는 임금과 관련한 사실을 연구, 검토한다. 최저임금률 규정의 검토는 특정 지역에서 특정 종류의 사업이나 업무 또는 직업 분야에 일정 수준으로 특정하여 규정할 수도 있다. 기술표준에 따른 임금률 규정을 검토하는 경우 임금위원회가 기술과 지식 및 능력을 측정하여 정한 기술 표준에 따라 직업별로 근로자가 수령하는 임금률과 관련한 사실을 연구, 검토하되, 임금위원회가 정한 최저임금률보다 낮아서는 이니된다.
임금위원회는 관보에 공고하기 위하여, 제87조에 규정한 바에 따라 자료에 대한 연구와 사실에 대한 검 토를 완료하였을 때장관에게 제출하여, 최저임금률 또는 기술표준에 따른 임금률을 공고한다.
제88조에 따른 최저임금률 또는 기술표준에 따른 임금률 규정 공고는 모든 사용자와 근로자에게 차별없이 적용한다.
최저임금률 또는 기술표준에 따른 임금률 규정을 공고하여 적용을 완료한 때에는 사용자가 근로자에게 규정한 최저임금률 또 는 기술표준에 따른 임금률 미만의 임금을 지급하는 것을 금한다. 근로조사관은 관할구역 내에 있는 사용자에게 최저임금률 또는 기술표준에 따른 임금률 규정 공고를 송부하도록 하고 , 해당 사용자는 근로자가 인지할 수 있도록 해당 공고가 적용되는 기간 동안 근로자의 업무 장소의 공개된 곳에 부착하여 둔다.
노동부의 임금위원회 사무처는 다음 각 항에 해당하는 직무 및 권한을 담당한다.
노동부사무차관을 위원장으로 하고, 장관이 임명한 정부측 대리인 위원 4인과 사용자측 대리인 위원 및 근로자측 대리인 위원 각 5인을 위원으로 하며, 장관이 임명한 복지근로자보호국 공무원을 간사로 하여 구성되는 근로자복지위원회를 둔다.
근로자복지위원회는 다음 각 항의 직무 및 권한을 담당한다.
제78조 두 번째 단락, 제89조, 제81조, 제82조 첫 번째 단락, 제83조, 제84조, 제85조 및 제86조를 근로자복지위원회 에 준용한다.
장관은 사용자가 특정 사안에 대하여 복지를 마련하거나 어떠한 사안에 대한 복지의 마련이 표준에 따르도록 규정하는 부령 제정권을 갖는다.
50인 이상의 근로자가 있는 사업장의 경우, 사업자는 사업장 내에 5인 이상의 근로자측 대표로 구성된 근로자복지위원회를 둔다. 사업장 내의 근로자복지위원회는 국장이 정한 원칙 및 방법에 따라 선출한다. 사업자의 어떠한 사업장에 근로관계에 관한 법률에 따라 근로자위원회가 있는 경우, 근로자위원회가 이 법에 따라 사업장 내의 근로자복지위원 회로서 임무를 이행한다.
사업장 내의 근로자복지위원회는 다음 각 항의 직무 및 권한을 담당한다.
사용자는 사업장 내의 근로자복지위원회와 최소한 3개월에 1차례 또는 사업장 내의 근로자복지위원회 전체 위원의 과반수 이상이나 노동조합이 타당한 사유로 요청하는 때에 회의를 마련하여야 한다.
사용자는 제95조에 따라 제정된 부령 또는 마련하기로 근로자와 협의한 사항에 따른 복지 마련 공고를 근로자가 근로하는 장소의 공개된 곳에 게재하여 근로자에게 알려야 한다.
총10인 이상의 근로자가 있는 사업자는 태국어로 근로에 관한 규칙을 마련하도록 하고, 해당 규칙은 최소한 다음 각 항의 항목에 관한 세부 항목이 있어야 한다.
사용자는 근로자가 총10인 이상인 날부터 근로에 관한 규칙을 공고한다. 또한 사용자는 사업장이나 근로자의 근로 장소에 해당 규칙의 사본을 항시 보관하고, 해당 규칙의 적용에 대한 공고를 한 날부터 7 일 이내에 국장 또는 국장이 위임한 사람에게 규칙 사본을 송부한다. 국장 또는 국장이 위임한 사람은, 정한 기한 내에, 법률에 위배되는 근로에 관한 규칙을 올바르게 수정하도록 명할 권한을 갖는다. 국장은 근로자가 인지할 수 있고, 쉽게 확인할 수 있도록 근로자의 근로 장소에 공개적으로 근로에 관한 규칙을 공개하고 부착한다.
제108조 제(7)항에 따른 진정은 최소한 다음 각 항에 해당하는 상세 항목을 포함하여야 한다.
근로에 관한 규칙의 수정, 보충이 있는 경우, 사용자는 수정, 보충 규칙 적용 공고를 한 날부터 7일 이내에, 해당 수정, 보충 규칙을 공고하도록 하며, 제108조 두 번째 단락과 세 번째 단락 및 네 번째 단락을 준용한다.
사용자가 제108조에 따라 근로에 관한 규칙 적용 공고를 완료한 때에는, 이후 근로자가 10인 미만으로 감소되더라도, 사용자는 계속해서 제108조 및 제110조에 따라 이행할 의무가 있다.
10인 이상의 근로자가 있는 사용자는 태국어로 근로자 등록증을 마련하여, 근로조사관이 업무 시간에 조사할 수 있도록 준비하여 사업장 또는 사업자의 사무실에 보관해 두도록 한다. 첫 번째 단락에 따른 근로자 등록증은, 근로자가 입사한 날부터 15일 이내에 사업자가 마련한다.
해당 근로자 등록증은 최소한 다음 각 항의 항목이 포함되어야 한다.
근로자 등록증의 항목을 수정할 필요성이 있는 경우 사용자는 , 변경이 있는 날부터 15 일 이내 또는 근로자가 사용자 에게 변경을 고지한 날부터 15 일 이내에 근로자 등록증의 수정 , 보충을 완료한다.
총10인 이상의 근로자가 있는 사업자는 최소한 다음 각항의 항목을 포함하여, 임금과 시간 외근로수당, 휴일근로수당 및 휴일의 시간 외근로수당의 지급에 관한 서류를 마련한다.
근로자에게 임금과 시간 외근로수당, 휴일근로수당 및 휴일의 시간 외근로수당을 지급한 때에는 근거로, 사용자는 첫 번째 단락에 따른 서류에 근로자가 서명한다. 첫 번째 단락에 따른 항목은 동일한 서류 내에 포함하거나 또는 여러 부의 서류로 분리할 수도 있다. 사용자가 임금과 시간 외근로수당 , 휴일근로수당 및 휴일의 시간 외근로수당을 상업은행 또는 기타 금융기관의 예금계좌에 이체하여 지불한 때에는, 근로자의 예금계좌에 이체한 증거를 해당 지급에 관한 서류로 간주한다.
사용자는 각 근로자의 고용이 종료된 날부터 최소한 년간 근로 등록증을 보관한다. 또한 사용자는 임금과 시간 외 근로수당 , 휴일근로수당 및 휴일의 시간 외 근로수당을 지불한 날부터 최소한 2년간 해당 지불에 관한 서류를 보관한다. 이 법 제12조에 따른 청구가 제기되거나, 노동관계에 관한 법률에 따른 논쟁이 있거나, 근로 소송이 있는 경우, 사용자는 해당 사건에 관한 최종 명령이나 판결이 있을 때까지 근로자 등록증과 임금, 시간 외수당, 휴일근로수당 및 휴일의 시간 외근로수당 지급에 관한 서류를 보관해 두도록 한다.
제139조에 따른 근로조사관의 직무 수행 편리를 위하여 10인 이상의 근로자가 있는 사업자는 매년 1월 이내에, 국장 또는 국장이 위임한 사람에게 고용상황 및 근로상황의 보고 서식을 제출한다. 이와 관련하여 근로담당관은 매년 12월 이내에 국장이 정한 바에 따른 서식을 사용자에게 송부한다. 첫 번째 단락에 따라 제출한 고용상황 및 근로상황에 관한 진상이 변경된 경우 사용자는 해당 변경이 있는 익월 이내에 해당 변경을 국장 또는 국장이 위임한 사람에게 문서로 신고하여야 한다.
사용자가 잘못을 저질렀다는 혐의를 받은 근로자를 조사하는 경우, 사용자가 해당 조사기간 동안 근로자에게 근무 정지 명령을 하지 않도록 금지한다. 다만, 근로에 관한 규칙 또는 고용상황에 관한 혐의 사항이 있는 것은 예외로 하여, 사용자가 근로자에게 근무 정지를 명할 권한을 부여한다. 이와 관련하여 사용자는 근무 정지 전에 근로자에게 알려, 잘못과 7일 이하의 근무 정지 기간을 기재한 문서로 근로자에게 근무 정지를 명하여야 한다. 첫 번째 단락에 따른 근무 정지 기간에는, 사용자가 근로자에게 근로에 관한 규칙에 따라 정한 비율 또는 사용자와 근로자가 고용에 관한 합의서에 합의한 바에 따라 임금을 지급한다. 이와 관련하여 해당 비율은 근로자가 근무 정지 명령을 받기 직전 근로일 임금의 50% 이상이어야 한다.
조사가 완료되고 근로자가 잘못이 없다고 판명된 때에는, 사용자가 근로자에게, 년간 15%의 이자와 함께 이 조에 따른 임금의 일부분으로 제 116 조에 따라 사용자가 지불해야 하는 금액을 산정하여, 근로자가 근무 정지 명령을 받은 날부터 계산한 근로일의 임금과 같은 임금을 지급한다.
사용자는 고용이 해지된 근로자에게 다음 각항에 해당하는 보상금을 지급한다.
이 조에 따른 고용의 해지는 고용 계약의 종료 또는 기타 사유에 상관없이, 근로자가 계속하여 근로하지 못하도록 하는 사용자의 어떠한 행위를 의미하며, 사용자가 사업 운영을 지속하지 못하는 사유로 근로자가 근로하지 아니하였으며, 임금을 지급받지 아니한 경우를 포함하여 의미한다. 첫 번째 단락의 내용은 확실한 기간의 정함이 있는 고용이며, 해당 기한에 따라 고용이 해지되는 근로자에게는 적용하지 않도록 한다. 세 번째 단락에 따라 기간의 정함이 있는 고용은, 업무가 2년을 초과하지 아니하는 기간 내에 종료되는 사업의 통상 업무가 아닌 특정 프로젝트에서의 고용이나 확실한 시작 및 종료 기간이 있는 사용자의 영업 또는 종료가 규정된 간헐적 형태의 업무나 업무의 완수 또는 계절에 따른 업무이고, 해당 계절에 고용되는 것에 대하여, 사용자와 근로자가 고용이 시작되었을 때부터 문서로 계약하여 행할 수 있다.
다음 각항의 어느 한가지 항에 해당하는 경우, 사용자는 근로자에게 보상금을 지급할 필 요가 없다.
경고장은 근로자가 행위를 한 날부터 1년 이상 적용할 수 있다.
제( 6)항의 경우, 만약 과실에 의한 범법 행위이거나 경범죄라면, 사용자가 피해를 입는 원인이 되어야만 한다. 첫 번째 단락에 따른 보상금을 지불하지 아니하는 해고는 사용자가 계약해지서에 해고의 원인이 되는 진상을 기재하지 아니하거나 해고 시에 근로자에게 해고 사유를 통지하지 아니 하면 사용자는 차후에 그 사유를 구실로 삼을 수 없다.
사용자가 근로자 또는 그 가족의 일상적인 생활에 영향을 주는 곳으로 이전하는 경우, 사용자는 사업장을 이전하기 최소한 30일 전에 반드시 근로자에게 사전 고지하여야 한다. 근로자가 사용자 이전하여 근로하는 것을 희망하지 아니하는 경우, 근로자는 제118조에 의거하여 근로자가 받아야 하는 권리가 있는 보상금 비율 이상의 특별보상금을 수령할 권리를 가지며, 경우에 따라, 사용자로부터 고지 받은 날 또는 사업자가 사업장을 이전한 날부터 30일 이 내에 사용자에게 계약의 해지를 통고할 권리를 갖는다. 사용자가 첫 번째 단락에 따라 근로자에게 사전에 고지하지 않은 경우, 사용자는 근로자에게 최종 30일의 임금에 해당하거나, 단위로 계산하여 실적에 따라 임금을 수령하는 근로자에 대해서는 최종 30일을 근로한 임금에 상응하는 특 별보상금을 사전 고지를 대신하여 지급하여야 한다. 사용자는 근로자가 계약의 해지를 통고한 날부터 7일 이내에 특별보상금 또는 사전 고지를 대신하는 특별보상금을 근로자에게 지급한다. 사용자가 세 번째 단락에 따른 특별보상금 또는 사전 고지를 대신하는 특별보상금을 지급하지 아니하는 경우, 특별보상금 또는 사전 고지를 대신하는 특별보상금 지급일이 만료된 날부터 30일 이내에 근 로복지위원회에 청원할 권리를 갖는다. 근로복지위원회는 청원을 접수한 날부터 60 일이내에 검토하여 명한다. 근로복지위원회가 검토를 완료하여 근로자가 특별보상금 또는 사전 고지를 대신하는 특별보상금을 수령할 권리가 있다고 나타났을 때에는, 근로복지위원회는 사용자가 명령을 인지하였거나 인지하였다고 간주되는 날부터 30일 이내에 근로자에게 경우에 따라 특별보상금 또는 사전 고지를 대신하는 특별보상금을 지급하도록 서면으로 명한다. 근로복지위원회가 검토를 완료하여 경우에 따라 근로자가 특별보상금 또는 사전고지를 대신하는 특별보상금을 수령할 권리가 없다고 나타난 경우, 근로복지위원회는 명령을 서면으로 사용자와 근로자에게 고지한다. 근로복지위원회의 명령은 최종 결정이 되도록 한다. 다만, 사용자 또는 근로자가 명령을 인지한 날부터 30일 법원에 명령에 대하여 이의를 제기하는 것은 예외로 한다. 사용자가 법원에 법적절차를 진행하는 경우, 사용자는 해당 명령에 따라 납입하여야 하는 비용에 의거하여 법원에 공탁을 하여야만 소송을 제기할 수 있다.
근로자 수를 감축하도록 하는 원인이 되는 기계 도입 사용이나 기계 또는 기술의 변경으로, 사용자의 조직, 생산과정, 판매 또는 서비스 개편으로 인하여 사용자가 근로자의 고용을 해지하는 경우에는 제17조 두 번째 단락을 적용하지 않도록 금하며, 사용자는, 고용을 해지하는 날부터 최소한 60일 이전에, 근로조사관과 근로자에게 고용 해지 일자와 고용 해지 사유 및 근로자 명단을 사전 통지한다. 사용자가 근로자에게 고용 해지를 사전 통지하지 아니하거나 첫 번째 단락에 규정한 기간보다 적은 기간에 사전 통지한 경우 , 제118조에 따른 보상금 수령 이외에, 사용자는 사전 통지를 대신하여 마지막 60일 임금 비율과 동일하거나, 단위로 계산하여 업무 성과에 따라 임금을 수령하는 근로자는 마지막 60일 근로의 임금과 동일한 특별보상금을 지급한다. 두 번째 단락에 따라 사전 통지를 대신하는 특별보상금의 지급이 있는 경우, 사용자가 「민상법전」에 의거하여 사전통지를 대신한 급여를 지급한 것을 간주한다.
제121조에 따라 사용자가 근로자 고용을 해지하고, 해당 근로자가 연속으로 6년 이상 근로한 경우, 사용자는 만 1년의 근로에 대하여 마지막 15일 비율의 임금 이상 또는 단위로 계산하여 업무 성과에 따라 임금을 수령하는 근로자는 만 1년의 근로에 대하여 마지막 15일 근로의 임금 이상 제118조에 따른 보상금에서 증가한 특별보상금을 지급한다. 그러나 이 조에 따른 보상금은 합산하여, 마지막 360일 비율의 임금을 초과하거나 또는 단위로 계산하여 업무 성과에 따라 임금을 수령하는 근로자는 마지막 360일 근로의 임금을 초과하지 아니하여야 한다. 1년 미만의 근로 기간의 경우에 대한 특별보상금 계산 편의를 위하여 만약 180일 이상 근로 기간의 잔여일은 만 1년의 근로기간으로 계산한다.
사용자가 이 법에 의거하여 어떠한 금전을 받을 권리와 관련하여 위반하거나 이에 따라 실행하지 않고, 근로자가 담당관에게 이 법에 따라 이행하도록 하고자 하는 경우, 근로자가 국장이 정한 양식에 따라, 근로자가 근로하고 있거나 사용자가 거주하고 있는 관할 구역 근로조사관에게 청원서를 제출하는 권리를 갖는다. 이 법에 따라 어떠한 금전을 수령할 권리와 관련한 경우, 만약 근로자가 사망하였다면, 법적상속인이 근로조사관에게 청원서를 제출할 수 있다.
제123조에 의거하여 청원서를 제출하는 때에는 근로조사관이 사실관계를 조사하여 청원을 접수한 날부터 60일 이내에 명령이 있도록 한다. 첫 번째 단락의 기간 내에 명령이 있을 수 없는 필수불가결한 경우, 근로조사관은 국장 또는 국장이 위임한 사람에게 사유와 함께 기간 연장을 요청하도록 하며, 국장 또는 국장이 위임한 사람은 타당하다고 판단하는 바에 따라 허가를 검토할 수 있다. 그러나 첫 번째 단락에 따른 만기일부터 30일의 기간을 초과하지 아니하여야 한다. 근로조사관이 조사를 완료하여, 근로자가, 이 법률에 의거하여 사용자가 지급할 의무가 있는 어떠한 금전을 수령할 권리가 있다고 드러났을 때에는, 근로조사관이 명하여, 사용자가 인지한 날 또는 인지하였다고 간주되는 날부터 30일 이내에 국장이 정한 양식에 따라 근로자 또는 사망한 근로자의 법적상속인에게 해당 금전을 지급한다. 사용자는 세 번째 단락에 따른 금전을 근로자의 근무지에서 근로자 또는 사망한 근로자의 법정상속인에게 지급한다. 근로자 또는 사망한 근로자의 법정상속인이 요청하는 경우, 근로조사관은 해당 금전을 근로조사관의 사무실 또는 사용자와 근로자 또는 사망한 근로자의 법적 상속인이 합의한 기타 장소에서 지급하도록 명한 권한을 갖는다 . 근로자 또는 사망한 근로자의 법정 상속인이 근로조사관이 명한 날부터 15일 이내에 해당 금전을 수령하지 아니하는 경우, 근로조사관은 해당 금전을 은행에 예치하여 근로자지원기금에 보관한다. 만약 예치금으로부터 이자 또는 이윤이 발생하는 경우, 해당 금전을 수령할 권리가 있는 근로자 또는 사망한 근로자의 상속인의 권리가 되도록 한다. 근로조사관이 근로자 또는 사망한 근로자의 법적상속인이 제123조에 따른 금전을 수령할 권리가 없다고 판단하는 경우, 근로조사관은 명명을 내리고 문서로 사용자와 근로자 또는 사망한 근로자의 법적상속인에게 통지한다.
사용자가 기한 내에 제124조에 의거한 사용자의 명령에 따라 이행하였거나 법원의 판결 또는 명령에 따라 이행을 완 료한 경우, 사용자에 대한 법적조치의 집행을 중지한다.
근로조사관이 제124조에 따라 명령을 완료한 때에, 만약 사용자나 근로자 또는 사망한 근로자의 법적상속인이 해당 명령에 불만이 있다면, 명령을 인지한 날부터 30일 이내에 법원에 소송을 제기할 수 있도록 한다. 사용자나 근로자 또는 사망한 근로자의 법적상속인이 기한 내에 법원에 소송을 제기하지 아니하는 경우, 해당 명령은 최종적인 것이 되도록 한다. 사용자가 법원에 소송을 제기하는 경우, 사용자는 해당 명령에 따라 지불 규정한 금액에 따라 법원공탁금을 지불하여야 소송이 가능하다. 소송이 최종심에 이르고 사용자가 근로자나 사망한 근로자의 법정상속인에게 얼마의 금액을 지불하여야 할 때에, 법원이 사용자가 법원에 공탁해 놓은 금전을 경우에 따라 근로자나 사망한 근로자의 법정상속인에게 지급하거나 제134조에 따라 지급을 완료한 경우 근로자지원 기금에 지급하는 권한을 갖는다.
근로복지보호국 내에, 근로자의 퇴직 또는 사망이나 근로자지원기금위원회가 규정한 기타 경우에 지원 자금이 되는 것을 목적으로 하는 근로자지원기금을 설치한다.
근로자지원기금은 다음 각항으로 구성된다.
근로자지원기금은 다은 각항으로 구성된 회계장부를 갖추도록 한다.
제127조의 제(4)항에 따른 벌금을 근로자지원기금으로 투입하는 것과 해당 금전을 투입하는 기간을 규정하는 것은 관보에 공고하여 정한 근로자지원기금위원회의 규칙에 따르도록 한다.
이 법에 따라 집행하는 데에 편리하도록 제127조에 따른 근로자지원기금의 금전과 자산은 국가 수입으로 재정부에 송금할 필요없이 근로복지보호국의 소유가 되도록 한다. 노동부차관을 위원장으로 하고, 재정부 대리인과 국가경제사회개발위원회사무처 대리인 및 태국은행 대리인을 위원으로 하며, 장관이 임명하는 사용자 측 대리인과 근로자측 대리인 각 5인을 위원으로 하고, 근로복지보호국장을 간사로 하여 구성하는 근로자지원기금위원회를 설치한다. 근로자지원기금위원회는 다음 각항에 해당하는 권한을 갖는다.
제78조 두 번째 단락과 제80조, 제81조, 제82조 첫 번째 단락, 제83조 및 제84조를 근로자지원위원회에 준용한다.
10인 인상의 근로자가 있는 사업의 근로자를 근로자지원기금의 회원이 되도록 한다. 첫 번째 단락의 내용은, 생계예비금에 관한 법률에 따라 생계예비기금을 마련하거나, 부령에서 정하는 원칙과 방법에 따라 근로자가 퇴직하거나 사망하는 경우 근로자에 대한 지원을 마련한 사업자에게는 적용하지 아니한다. 첫 번째 단락은 칙령이 제정된 때에 10인 미만 사업장의 근로자에게 적용할 것이다. 근로자지원기금위원회는, 근로자가 사용자의 승인을 얻어 근로자지원기금의 회원이 되고자 할 때, 이 법률의 적용 하에 있지 아니하는 사업의 근로자가 근로자지원기금의 회원으로 지원할 수 있도록 규정하기 위한 규칙을 제정할 수도 있으며, 이 법의 적용 하에 있는 사업과 마찬가지로 사업자가 이 법에 따른 의무를 갖는다. 첫 번째 단락에 따라 근로자지원기금 회원인 근로자가 있는 사업자는, 근로자의 명단과 기타 세부항목을 표시하는 사항 양식을 제출한다. 사용자가 해당 사항 양식의 제출을 완료했을 때에는, 근로복지보호국이 사용자에게 등록증서를 발행해 주도록 한다. 제출한 근로자 명단 표시 항목 양식의 내용과 관련한 사실관계가 변경된 경우, 사용자는 해당 항목 양식의 변경이나 수정, 보충 요청을 위하여 근로복지보호국에 문서로 신고한다. 근로자 명단 표시 항목 양식의 변경이나 수정, 보충 요청 제출과 사용자에게 등록 증서를 발행하는 것은 근로자지원기금위원회가 정한 양식과 원칙 및 방법에 따르도록 한다. 사회보장에 관한 법률에 따라 항목 양식을 제출하거나 변경 또는 수정, 보충을 요청한 사람은 이 조의 다섯 번째 단락과 여섯 번째 단락 및 일곱 번째 단락을 이행한 것으로 간주한다.
근로자가 근로자지원기금에 가입한 날부터 임금의 지급이 있는 때마다 사용자가 근로자의 임금에서 차감하고, 사업자가 근로자지원기금 분담금을 납부하여 근로자가 분담금을 납부한다. 만약 사용자가 지급하여야 하는 기한에 따라 임금을 지급하지 아니하는다면 임금 지급을 완료한 것과 마찬가지로 간주하도록 하여 적립금과 분담금을 납부할 책임을 지도록 한다. 사용자가 네 번째 단락에 규정한 기간 내에 적립금 또는 분담금을 납부하지 아니하거나 전액을 납부하지 않은 경우, 사용자는, 해당 금전을 납부해야 하는 날부터 아직 납부하지 아니하거나 부족한 적립금 또는 분담금 금액의 월간 5%비율에서 근로자지원기금에 할증료를 납부한다 . 1개월에 부족한 기간에 대하여, 만약 15일에 도달하였거나 그 이상이라면, 1개월로 간주하도록 하고 만약 그 이하라면 끊어버리도록 한다. 이와 관련하여, 해당 자금을 납부하여야 하는 책임을 면하기 위해 사용자가 임금을 차감하지 아니하거나 차감하였으나 전액이 아닌 이유를 구실로 삼지 않도록 금한다. 적립금과 분담금 및 할증료를 근로자지원기금에 납부하는 것은 근로자지원 기금위원회가 정한 원칙과 방법에 따르도록 한다.
사용자가 기한에 따라 적립금이나 분담금을 납부하지 아니하거나 전액을 납부하지 않은 경우, 근로조사관은 경고장을 발부하여, 해당 문서를 수령한 날부터 30일 이내에, 사용자가 연체한 금액을 납부한다. 첫 번째 단락에 따른 경고장의 발부는, 만약 임금 액수를 정확히 알지 못한다면, 근로조사관에게, 근로자지원위원회가 정한 원칙과 방법에 따라 사업자가 납부하여야 하는 적립금과 분담금을 산정할 권한을 부여한다.
근로자가 퇴직하는 경우, 근로복지보호국이 근로자지원기금에서 적립금과 분담금 및 해당 금액에서 발생한 이윤 부분을 근로자에게 지급한다. 근로자가 사망한 경우, 만약 근로자가, 국장이 근로복지보호국에 위임하여 정한 양식에 따른 문서로 근로복지기금을 수령할 사람을 정해두지 않았거나, 정해두었으나 해당자가 먼저 사망하였다면, 첫 번째 단락에 따른 근로지원기금을 생존해 있는 자녀, 배우자, 부모에게 같은 비율로 지급한다. 만약 사망자에게 두 번째 단락에 따라 근로자지원기금을 수령할 권리가 있는 사람이 없다면, 해당 금액을 근로자지원기금의 소유가 되도록 한다.
근로자지원기금의 지급은, 제133조에 따른 경우를 제외한 기타 경우에 대하여 근로자지원기금위원회가 제133조에 따라 지급하여야 하는 금액이 아닌 근로자지원기금 금액 부분에서 검토하여, 지원금 지급과 지급금 비율 및 지급 기간을 정한다.
근로복지보호국이 제134조에 의거하여, 전액 또는 일부에 관계없이 근로자기원기금에서 근로자에게 지급한 경우, 근로자복지보호국이, 법률에 따라 근로자에게 해당 금전을 지급하여야 하는 책임이 있는 사람에게 차례로, 근로자복지보호국이 기금에서 근로자에게 지급한 날부터, 년간 15% 비율의 이자와 함께 비용을 반환하도록 요구할 권리를 갖는다. 이와 관련하여 법률에 따라 책임이 있는 사람이 해당 금액을 근로자에게 다시 지급했는지 여부는 무관한다. 첫 번째 단락에 따른 비용 반환 요구는 근로자지원기금에서 지급한 날부터 10년간의 시효를 갖는다.
근로조사관에게 적립금이나 분담금 또는 추가금을 송금하지 아니하거나 전액을 송금하지 아니하거나 제135조에 따라 지급하여야 하는 금액을 송금하지 아니하는 법적책임자의 재산을 압수하거나 압류하거나 경매하도록 문서로 명할 권한을 부여한다. 첫 번째 단락에 따라 재산을 압수 또는 압류하도록 하는 명령은 법적책임자가 경고장을 수령한 날부터 최소 30일로 정하는 기한 내에 적립금이나 분담금, 추가금 또는 제135조에 따라 지급하여 야 하는 금액을 송금하도록 하는 경고장을 송부하고 정한 기한 내에 지급하지 않은 때에 행할 수 있다. 첫 번째 단락에 의거한 재산 압수와 압류 및 경 매 원칙 및 방법은 장관이 정한 규칙을 따르도록 한다. 이와 관련하여 「민사재판법전」에 따른 원칙과 방법을 준용한다. 재산을 경매하여 획득한 금액은 압수와 압류 및 경매 비용을 제하고 체불된 적립금이나 분담금, 추가금 또는 제135조에 따라 지급하여야 하는 금액으로 지급한다. 만약 잔액이 있다면, 잔액 환불 신청을 위하여, 근로조사관이 해당자에게 등기우편을 통하여 신속하게 통지한다. 만약 5년 이내에 환불을 받지 아니한다면, 근로자지원기금의 소유가 되도록 한다.
근로자기금에 대한 청구권은 양도할 수 없으며, 집행의 책임하에 있지 아니하다.
역년(曆年) 마지막 날부터 120일 이내에 근로자기금위원회는 대차대조표 및 전년도의 근로자기금 입출 보고서를 장관에게 제출하기 전 조사, 승인을 위하여 국가자금감사원에 제출한다. 해당 대차대조표 및 입출보고서는 양지하고 관보에 공고하도록 준비하기 위하여 장관이 내각에 제출한다.
직무를 수행함에 있어서 근로조사관은 다음 각항에 해당하는 권한을 갖는다.
제139조 제(1)항에 따 근로조사관의 직무를 수행함에 있어서 근로조사관은 사용자 또는 관계자에게 신분증을 제시하도록 하며 사용자 또는 관련된 사람은 근로조사관의 직무 수행에 편의를 제공하고 방해하지 않도록 한다. 근로조사과의 신분증은 장관이 정한 양식에 따르도록 한다.
제139조 제(3)항에 따른 근로조사관의 명령은 명령서의 기한 내에 국장 또는 국장이 위임한 사람에게 이의를 제기하도록 하고, 국장 또는 국장의 위임을 받은 사람은 이의제기를 접수한 날부터 30일 이내에 지체없이 이의제기서를 검토하여 이의제기자에게 통지한다. 국장 또는 국장이 위임한 사람의 결정은 최종적인 것이 되도록 한다. 첫 번째 단락에 따른 이의제기는 근로조사관의 명령에 따른 이행을 완화하는 것이 되지 아니한다. 다만 국장 또는 국장이 위임한 사람이 다르게 명하거나 국장 또는 국장이 위임한 사람이 정한 바에 따라 공탁한 경우는 예외로 한다. 사용자 또는 근로자가 제139조 제(3)항에 따른 근로조사관의 명령을 이행하였거나 첫 번째 단락에 따른 국장 또는 국장이 위임한 사람의 명령을 이행한 경우, 사용자 또는 근로자에 대한 형사소송절차는 종결되도록 한다.
사업장의 사업장이나 사무실 또는 근로자의 근로지를 조사함에 있어서 국장 또는 국장이 위임한 사람은, 제안 또는 이 법률에 따른 이행에 대하여 근로조사관을 보조하도록 의사나 사회복지사 또는 장관이 임명한 전문가를 투입한다. 사용자 또는 관계자는 첫 번째 단락에 따른 의사나 사회복지사 또는 전문가의 직무 수행에 편의를 제공하고 방해하지 않도록 한다.
이 법률에 따라 명한 국장 또는 근로조사관의 명령서를 송부함에 있어서 사용자의 근무 시간 내에 사용자의 주소지나 거주지 또는 사무실에 등기우편으로 송부하거나 근로조사관이 직접 송달하거나 담당관이 전달한다. 만약 사용자의 주소지나 거주지 또는 사무실에서 사용자를 만나지 못하거나 사용자가 수령을 거부한다면 해당 사용자의 소유로 나타난 자택 또는 사무실에 거주하거나 근로하는 성인에게 전달한다. 이와 같은 때에는 사용자가 국장 또는 근로조사관의 명령서 또는 통지서를 수령한 것을 간주한다. 만약 첫 번째 단락에 따른 송부가 불가능하다면, 사용자의 사무실이나 근로자의 근무지 또는 사용자의 거주지 잘 보이는 곳에 국장 또는 근로조사관의 명령서 또는 통지서를 부착하여 송부한다. 이상과 같이 이행하고 15일 이상 경과한 때에는 사용자가 국장 또는 근로조사관의 명령서 또는 통지서를 수령한 것을 간주한다.
다음 각항에 해당하는 조항을 위반하거나 이행하지 아니하는 사용자는 6개월 이하의 징역이나 10만 밧 이하의 벌금 또는 징역과 벌금 모두에 처한다.
근로자의 신체 또는 정신을 위험하게 하거나 사망하도록 하는 원인이 되는 제37조, 제38조, 제39조, 제39조의1, 제42조, 제47조 또는 제48조를 사용자가 위반하거나 이행하지 아니하는 경우 1년 이하의 징역이나 20만 밧 이하의 벌금 또는 징역과 벌금 모두에 처한다 .
제11조의 1을 이행하지 아니하는 사업자는 10만 밧 이하의 벌금에 처한다.
제23조를 이행하지 아니하는 사용자는 5천 밧 이하의 벌금에 처한다.
제15조, 제27조, 제28조, 제29조, 제30조 첫 번째 단락, 제45조, 제53조, 제54조, 제56조, 제57조, 제58조, 제59조, 제65조, 제66조, 제73조, 제74조, 제75조 첫 번째 단락, 제77조, 제99조, 제108조, 제111조, 제112조, 제113조, 제114조, 제115조, 제117조를 이행하지 아니하거나 제120조 , 제121조 첫 번째 단락 또는 제139조 제(2항)이나 제(3)항에 따라 사전 통지를 하지 아니하는 사용자는 2만 밧 이하의 벌금에 처한다.
제16조를 위반한 사람은 2만 밧 이하의 벌금에 처한다.
제31조를 위반하는 사용자는 1년 이하의 징역이나 20만 밧 이하의 벌금 또는 징역과 벌금 모두에 처한다.
제44조 또는 제22조에 의거하여 제정된 부령 중 부령에서 정한 연령 미만의 아동을 고용하거나, 부령에서 정한 취업 가능 연령 미만의 아동을 취업시키는 사업자는, 근로자 1인에 대하여 40만 밧 이상 80만 밧 이하의 벌금이나 2년 이하의 징역에 처하거나 벌금과 징역을 병과한다.
제49조나 제50조 또는 제22조에 의거하여 제정된 부령 중 사용자가 18세 이하의 아동 근로자를 지정 업종 또는 장소에서 근로하도록 하는 것을 금지하는 것과 관련된 부분을 위반하는 사용자는 근로자 1인에 대하여 10만 밧 이상에서 80만 밧 이하의 벌금 또는 2년 이하의 징역에 처하거나 이를 병과한다. 만약 첫 번째 단락에 따른 범법행위가 근로자의 신체 또는 정신에 위험을 초래하거나 사망하는 원인이 된다면 근로자 1인에 대해서는 80만 밧 이상에서 200만 밧 이하의 벌금 또는 4년 이하의 징역에 처하거나 이를 병과한다.
제52조, 제55조, 제75조 두 번째 단락, 제90조 두 번째 단락, 제110조 또는 제116조를 이행하지 아니하는 사용자는 1만 밧 이하의 벌금에 처한다.
경우에 따라 임금위원회, 근로복지위원회, 이 위원회들의 소위원회 또는 이와 같은 위원회나 소위원회가 위임한 사람의 소환장에 따라 편의를 제공하지 아니하거나, 출석하여 진술하지 아니하거나, 서류 또는 물품을 송부하지 아니하거나 근로조사관이나 제142조에 따른 의사, 사회복지사 또는 전문가에게 편의를 제공하지 아니하는 사람은 1개월 이하의 징역 또는 2천 밧 이하의 벌금에 처하거나 이를 병과한다.
경우에 따라 임금위원회, 근로복지위원회, 이 위원회들의 소위원회 또는 이와 같은 위원회 또는 소위원회가 위임한 사람의 직무 수행을 방해하거나 근로조사관이나 제142조에 따른 의사, 사회복지 사 또는 전문가의 직무 수행을 방해하는 사람은 1년 이하의 징역 또는 2만 밧 이하의 벌금에 처하거나 이를 병과한다. 제120조에 따른 근로복지위원회의 명령또는 제124조에 따른 근로조사관의 명령을 이행하지 아니하는 사람은 1년 이하의 징역 또는 2만 밧 이하의 벌금에 처하거나 이를 병과한다.
제96조를 이행하지 아니하는 사용자는 5만 밧 이하의 벌금에 처한다.
제98조를 이행하지 아니하는 사용자는 1개월 이하의 징역 또는 2천 밧 이하의 벌금에 처하거나 이를 병과한다.
제115조의 1에 따른 고용상황 및 근로상황 보고 서식을 제출하지 아니하거나 신고하지 아니하여 근로조사관의 경고를 받고 경고를 받은 날부터 15일 이내에 제출 또는 신고하지 아니하는 사용자는 2만 밧 이하의 벌금에 처한다.
130조에 따른 기한 내에 항목 양식을 제출 또는 항목 변경이나 수정, 보충 신청서를 신고하지 아니하거나 제130조에 따른 항목 양식 또는 항목 변경이나 수정, 보충 신고서를 허위로 작성하여 제출하는 사용자는 6개월 이하의 징역 또는 1만 밧 이하의 벌금에 처하거나 이를 병과한다.
이 법률에 따른 집행을 통하여 자신이 입수하거나 사전 인지한, 통상적으로 사용자가 기밀로 취급하고 공개하지 아니하는 사 실인 사용자의 사업과 관련한 어떠한 사실을 공개하는 담당관은 1개월 이하의 징역 또는 2천 밧 이하의 벌금에 처하거나 이를 병과하되, 이 법률의 목적 또는 근로자 보호나 근로 관계 또는 조사나 검토 목적을 위한 공무를 수행함에 있어서의 공개는 제외한다.
위반자가 법인인 경우, 만약 해당 법인의 위반이 어떠한 사람의 명령이나 행위에서 기인하거나 상무이사 또는 해당 법인의 업무 수행 책임자가 반드시 이행하여야 하는 임무인 명령을 하지 아니하거나 행위를 하지 않음으로써 발생한 경우 그에 해당하는 사람은 해당 위반에 대하여 규정한 바에 따른 처벌을 받아야 한다.
제157조에 따른 위반을 제외한 이 법률에 의거한 모든 위반은 만약 다음 각항에 해당하는 담당관이 위반자가 징역에 처해지지 아니하거나 기소를 당하지 아니하는 것이 마땅하다고 판단하는 경우 다음과 같이 갈음하는 권한을 갖는다.
조사를 진행하여 만약 조사관이 이 법을 위반한 사람을 발견하고 해당자가 갈음하도록 승복한 경우, 조사관은 해당자가 갈음하도록 승복한 날부터 7일 이내에, 사건을 경우에 따라 국장이나 도지사에게 회부한다. 위반자가 30일 이내에 갈음 한 액수에 따른 벌금을 납부한 때에는 「형사소송법전」에 따라 사건이 종결된 것으로 간주한다. 만약 해당자가 갈음하도록 승복하지 아니하거나 승복하고 세 번째 단락에 정한 기한 내에 벌금을 납부하지 않은 때에는 계속하여 법적조치를 집행한다.
제44조는 이 법률이 시행되기 전, 1972년 3월 16일자 혁명단 공고 제103호에 따라 사용자가 취업시킨 만13세 이상 15세 미만의 아동 근로자에게 준용하지 아니한다.
사용자는 이 법률이 시행되 기 전, 1972년 3월 16일자 혁명단 공고 제103호에 따라 사용자가 취업시킨 18세 미만의 아동 근로자 고용을 이 법률이 시행된 날부터 15일 이내에 신고한다.
이 법이 시행되는 날 직무를 담당하고 있는 임금위원회와 소위원회 및 작업단은 임기가 만료될 때까지 재임한다.
제13장 근로자지원기금에 관한 조항에 따른 근로자지원기금을 위한 적립금 및 분담금의 징수는 칙령으로 제정되었을 때 집행을 개시한다.
이 법률이 시행되기 전에 종결되지 못한 청원이나 법원의 검토 중에 있는 사건은 해당 청원 또는 사건이 종결될 때까지 1972년 3월 16일자 혁명단 공고 제13호에 따라 공포된 내무부 공고 또는 노동부 공고를 적용한다.
이 법률이 시행되기 전 1972년 3월 16일 혁명단 공고 제13호에 따라 사용자로부터 임금 또는 기타 금품을 수령할 권리가 있는 사람은 계속하여 수령한다.
1972년 3월 16일자 혁명단 공고 제13호에 따라 공포된 모든 공고와 명령은 이 법률에 위배되지 아니하는 한 이 법률에 따라 부령 및 규칙 및 공고가 공포될 때까지 계속하여 적용할 수 있도록 한다. 부서 추언 릭파이 총리