มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖”
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้ยกเลิก
๑
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๓๑๓ ลงวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๕
๒
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๓๕๔ ลงวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๕
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
“เด็ก” หมายความว่า บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์ แต่ไม่รวมถึงผู้ที่บรรลุนิติภาวะด้วยการสมรส
"เด็กเร่ร่อน" หมายความว่า เด็กที่ไม่มีบิดามารดาหรือผู้ปกครองหรือมีแต่ไม่เลี้ยงดู หรือไม่สามารถเลี้ยงดูได้ จนเป็นเหตุให้เด็กต้องเร่ร่อนเป็นที่ต่าง ๆ หรือเด็กที่มีพฤติกรรมใช้ชีวิตเร่ร่อนอันอาจเกิดอันตรายต่อสวัสดิภาพของตน
"เด็กกำพร้า" หมายความว่า เด็กที่บิดาหรือมารดาเสียชีวิต เด็กที่บิดามารดาปล่อยทิ้งหรือไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรหลานได้
"เด็กที่อยู่ในสภาวะยากลำบาก" หมายความว่า เด็กที่อยู่ในครอบครัวที่ประสบปัญหาความยากลำบากทางเศรษฐกิจ ที่ร้าย ถูกล่วง หรือแยกกับบิดามารดา หรือเด็กที่ต้องรับภาระหน้าที่ในครอบครัวหรือมีข้อจำกัดทางสภาพและสติปัญญา ซึ่งผู้ปกครองไม่สามารถจัดการได้
"เด็กพิการ" หมายความว่า เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกาย สมอง สติปัญญา หรือจิตใจ ไม่ว่าความบกพร่องนั้นจะมีมาแต่กำเนิดหรือเกิดขึ้นภายหลัง
"เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด" หมายความว่า เด็กที่ประพฤติไม่สมควร เด็กที่ประพฤตินอกรีตนอกรอยตามกับบุคคลทั่วไปและขัดขวางในทางศีลธรรมอันดี หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมหรือสถานที่ซึ่งอาจนำไปในทางเสียหาย หรือ ตามที่กำหนดในกฎหมายกระทรวง
"นักเรียน" หมายความว่า เด็กที่สมัครรับการศึกษาในสถานศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ทั้งในระบบการศึกษาภาคบังคับหรือการศึกษานอกระบบที่จัดโดยรัฐหรือเอกชน
"นักศึกษา" หมายความว่า เด็กที่สมัครรับการศึกษาในสถานศึกษาระดับที่สูงกว่าระดับมัธยมศึกษาอยู่ในสังกัดของรัฐหรือเอกชน
"ปกครอง" หมายความว่า บิดามารดา ผู้ปกครอง ผู้บังคับบัญชา และผู้ปกครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และให้หมายความรวมถึงผู้ปกครองสวัสดิภาพ นายจ้าง ตลอดจนบุคคลอื่นที่รับเด็กไปตามอุปการะเลี้ยงดูหรือเด็กที่ต้องคุ้มครอง
"ครอบครัวอุปถัมภ์" หมายความว่า บุคคลหรือครอบครัวที่รับเด็กไปอยู่ในอุปการะเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนหรือพัฒนาทักษะความรู้ความสามารถที่กำหนดในกฎหมายกระทรวง จนบรรลุนิติภาวะแล้วหรืาจนกว่าจะจัดใจของเด็ก
"การคุ้มครอง" หมายความว่า การกระทำหรือสนับสนุนการกระทำต่อใด ๆ จนเป็นเหตุให้เด็กมีสวัสดิภาพหรือสามารถดำรงชีวิตทั้งทางกายหรือจิตใจ การกระทำเพื่อคุ้มครองเด็ก การให้เด็กที่กระทำหรือประพฤติในลักษณะไม่เป็นธรรมอันขัดต่อการดำรงชีวิตปกติหรือศีลธรรมอันดี หรือให้เด็กมีความปลอดภัย
"สวัสดิภาพและพิทักษ์" หมายความว่า การดำเนินการและการจัดการเพื่อให้เด็กกับบุคคลและสังคมมีความมั่นคงยั่งยืนตามหลักวิชาการทางสังคมสงเคราะห์ แพทย์ จิตวิทยา กฎหมายหลักวิชาการอื่นที่เกี่ยวข้องกับบุคคลและครอบครัวของบุคคลนั้น
"สถานรับเลี้ยงเด็ก" หมายความว่า สถานที่ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อรับเลี้ยงเด็กและพัฒนาเด็กในวัยก่อนเกณฑ์บังคับเรียน และมีการดูแลเด็กทุกคน ซึ่งเด็กไม่เกี่ยวข้องเป็นบุตรหลานของผู้ดูแลในสถานรับเลี้ยงเด็กดังกล่าว ทั้งนี้ ไม่รวมถึงสถานพยาบาลหรือโรงเรียนที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายอื่น
```
- ๓ -
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
“สถานแรกรับ” หมายความว่า สถานที่รับเด็กไว้ดูแลการเบื้องต้นก่อนที่จะส่งตัวไปยังสถานสงเคราะห์เด็กหรือครอบครัว เพื่อกำหนดแนวทางในการสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพที่เหมาะสมแก่เด็กแต่ละราย
“สถานสงเคราะห์” หมายความว่า สถานที่ให้การอุปการะเลี้ยงดูและพัฒนาเด็กที่จำเป็นต้องได้รับการสงเคราะห์ ซึ่งมีลักษณะตั้งแต่เด็กแรกเกิดขึ้นไป
“สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ” หมายความว่า สถานที่ให้การศึกษา อบรม ฝึกอาชีพ เพื่อแก้ไขความประพฤติ บำบัด รักษา และฟื้นฟูสมรรถภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจในเด็กที่จำเป็นต้องได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพ
“สถานพัฒนาและฟื้นฟู” หมายความว่า สถานที่ โรงเรียน สถาบัน หรือศูนย์ฝึกอาชีพเพื่อให้การบำบัดรักษา การฟื้นฟูสมรรถภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ ตลอดจนการศึกษา แนะนำ และการฝึกอบรมอาชีพแก่เด็กที่จำเป็นต้องได้รับการสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพเป็นกรณีพิเศษ
“สถานพินิจ” หมายความว่า สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานคร สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัด และสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนในเขตพื้นที่พิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
“กรม” หมายความว่า กรมกิจการเด็กและเยาวชน
“พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้
“รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
“ปลัดกระทรวง” หมายความว่า ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหมายความรวมถึงผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากปลัดกระทรวง
“รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๖ ให้ศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว มีอำนาจพิจารณาคดีตามพระราชบัญญัตินี้ เช่นเดียวกับศาลในจังหวัดใดที่มิได้มีการจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวหรือแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลจังหวัด ให้ศาลจังหวัดมีอำนาจพิจารณาคดีตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ และให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามที่เห็นสมควร
* มาตรา ๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ๑๙) พ.ศ. ๒๕๖๒
```
กับออกกฎกระทรวงหรือระเบียบเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ ในส่วนที่เกี่ยวกับราชการของกระทรวงนั้น
กฎกระทรวงหรือระเบียบนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
**หมวด ๓**
**คณะกรรมการคุ้มครองเด็ก**
**มาตรา ๗** ให้มีคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นรองประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงยุติธรรม ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ อัยการสูงสุด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ อธิบดีกรมสุขภาพจิต อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน และผู้แทนองค์กรเอกชนที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการคุ้มครองเด็กและผู้เยาว์ เป็นกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้และความเชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานด้านการคุ้มครองเด็ก จำนวนไม่เกินห้าคน เป็นกรรมการ
โดยให้รัฐมนตรีแต่งตั้งข้าราชการในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ไม่เกินสองคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ
คณะกรรมการจะเชิญผู้แทนจากกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ หรือเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเพื่อให้ข้อมูลหรือแสดงความคิดเห็นก็ได้
**มาตรา ๘** ให้สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการ โดยให้มีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(ก) ปฏิบัติงานธุรการทั่วไปของคณะกรรมการ
(ข) ประสานงานและร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานของรัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานเกี่ยวกับสวัสดิการ คุ้มครองสวัสดิภาพ และส่งเสริมความประพฤติเด็ก
(ค) พัฒนารูปแบบ รูปแบบ และวิธีการ ตลอดจนให้บริการด้านสวัสดิการ คุ้มครองสวัสดิภาพ และส่งเสริมความประพฤติเด็ก
(ง) รวบรวมสถิติการกระทำ หรือ ละเว้นการกระทำ และประเมินผลการดำเนินงานในปัญหา รวมทั้งแนวทางในการส่งเสริม คุ้มครองสวัสดิภาพ และส่งเสริมความประพฤติเด็กที่เหมาะสมของรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง แล้วรายงานให้คณะกรรมการทราบ
(จ) ปฏิบัติงานอื่นตามที่คณะกรรมการหรือคณะกรรมการตรวจที่คณะกรรมการมอบหมาย
**มาตรา ๙** กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจะดำรงอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปี
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสิ้นสุดจากตำแหน่งเพราะครบวาระอาจได้รับการแต่งตั้งอีกได้ แต่ต้องไม่เกินสองวาระติดต่อกัน
มาตรา ๑๑ นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา ๙ กรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
๑
ตาย
๒
ลาออก
๓
รัฐสภามีมติหรือหน่วยงานของรัฐหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ มีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือพ้นจากความสามารถ
๔
ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
๕
เป็นบุคคลล้มละลาย
๖
เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
๗
ขาดการประชุมติดต่อกันสามครั้งโดยไม่มีเหตุอันสมควร
มาตรา ๑๒ ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ ให้รัฐมนตรี แต่งตั้งบุคคลที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดในมาตรา ๗ เป็นกรรมการแทน และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดำรง ตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการที่ตนแทน
มาตรา ๑๒ ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระแล้ว แต่ยังไม่ได้ มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใหม่ ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่พ้นจากตำแหน่งทำหน้าที่ปฏิบัติ หน้าที่ไปพลางก่อน
มาตรา ๑๓ การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงเป็นองค์ประชุม
ให้ประธานกรรมการเป็นประธานในที่ประชุม ในกรณีที่ประธานกรรมการไม่มาประชุม หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ให้รองประธานกรรมการเป็นประธานในที่ประชุม หากรองประธานไม่มาประชุม หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม
การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งมีเสียงหนึ่ง ลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด
มาตรา ๑๔ คณะกรรมการมีอำนาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้
๑
เสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีในเรื่องเกี่ยวกับนโยบายและแนวทางในการบริหารและจัดการทรัพย์ คุ้มครองสัตว์ป่า และส่งเสริมความประพฤติของสัตว์ป่า
๒
เสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวงและการกำหนดหลักเกณฑ์ตาม พระราชบัญญัตินี้
๓
วางระเบียบปฏิบัติการเงินของกองทุนคุ้มครองสัตว์ป่าเกี่ยวกับการรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการจัดหาผลประโยชน์ของกองทุน
๔
วางระเบียบเกี่ยวกับวิธีการดำเนินการคุ้มครองสัตว์ป่าตามที่กำหนดในมาตรา ๑๗
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
- 6 -
3
วางหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่
4
ให้คำปรึกษา แนะนำ และประสานงานแก่หน่วยงานของรัฐและเอกชนที่ปฏิบัติงานด้านการศึกษา การสาธารณสุข คุ้มครองสวัสดิภาพ และส่งเสริมความประพฤติเด็ก รวมทั้งเยี่ยมชมหรือไปตรวจสอบในสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานบริการ สถานสงเคราะห์ สถานพยาบาลสัตว์ สถานพัฒนาเด็กเล็ก สถานฝึก หรือสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับการสงเคราะห์ คุ้มครองสวัสดิภาพ และส่งเสริมความประพฤติเด็กทั้งของรัฐและเอกชน
5
ติดตาม ประเมินผลและตรวจสอบการดำเนินงานของคณะกรรมการคุ้มครองเด็กกรุงเทพมหานครและคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด รวมทั้งให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการสงเคราะห์ คุ้มครองสวัสดิภาพ และส่งเสริมความประพฤติเด็กในกรุงเทพมหานครและระดับจังหวัด
6
ดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวกับการสงเคราะห์ คุ้มครองสวัสดิภาพ และส่งเสริมความประพฤติเด็ก
มาตรา 15 คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานเพื่อปฏิบัติการตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
ให้เป็นไปตามบัญญัติมาตรา 9 มาใช้บังคับกับการประชุมของคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงาน โดยอนุโลม
มาตรา 16 ให้มีคณะกรรมการคุ้มครองเด็กกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานกรรมการ ปลัดกรุงเทพมหานคร หรือรองปลัดกรุงเทพมหานครที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมอบหมาย เป็นรองประธานกรรมการ ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนกรมกิจการเด็กและเยาวชน ผู้แทนกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด ผู้แทนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และผู้แทนสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ มีประสบการณ์ในการศึกษา การสาธารณสุข สังคมสงเคราะห์ คุ้มครองเด็ก จิตวิทยา กฎหมาย แพทย์ วิทยาศาสตร์หรืองานด้านสวัสดิการเด็กจำนวนไม่เกินห้าคนอย่างน้อยหนึ่งคนต้องเป็นผู้แทนองค์กรเอกชนที่มีประสบการณ์ด้านสวัสดิการเด็กที่คณะกรรมการเห็นชอบ โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร เป็นกรรมการและเลขานุการ
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามวรรคหนึ่งต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทยและไม่เป็นข้าราชการในตำแหน่งประจำ
คณะกรรมการคุ้มครองเด็กกรุงเทพมหานครจะต้องแต่งตั้งกรรมการในส่วนที่มิใช่ข้าราชการประจำตามวรรคหนึ่งผู้ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง
มาตรา 17 ให้มีคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานกรรมการ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหรือได้รับมอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นรองประธานกรรมการ อัยการจังหวัด ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนกรมกิจการเด็กและเยาวชน ผู้แทนกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
การศึกษา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ผู้แทนศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัด หรือผู้แทนศาลจังหวัด ในกรณีที่จังหวัดนั้นไม่มีศาลเยาวชนและครอบครัว ผู้แทนสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัด หรือผู้แทนกระทรวงยุติธรรมที่ปฏิบัติหน้าที่ด้านการคุ้มครองเด็กในกรณีที่จังหวัดนั้นไม่มีสถานพินิจ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เป็นกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิผู้ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งจากผู้ซึ่งมีความรู้เชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์ในการดำเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครองเด็ก จำนวนไม่เกินห้าคน โดยอย่างน้อยหนึ่งคนต้องเป็นผู้แทนองค์กรเอกชนที่ดำเนินงานด้านการคุ้มครองเด็ก และอย่างน้อยอีกหนึ่งคนต้องเป็นผู้แทนองค์กรสวัสดิการสังคมที่ดำเนินงานด้านการคุ้มครองเด็ก โดยมีพัฒนาสังคมและสวัสดิการจังหวัดเป็นกรรมการและเลขานุการ
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามวรรคหนึ่งอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปีนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง และอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้
มาตรา ๑๘ ให้บังคับบัญญัติตามมาตรา ๗ มาตรา ๑๐ มาตรา ๑๑ และมาตรา ๑๓ มาใช้บังคับกับการจัดตั้งคณะกรรมการคุ้มครองเด็กกรุงเทพมหานคร การแต่งตั้งกรรมการ การประชุม การปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการการคุ้มครองเด็กตามมาตรา ๑๖ และมาตรา ๑๗ โดยอนุโลม เว้นแต่ตำแหน่งของรัฐมนตรีตามมาตรา ๑๐ (๓) และมาตรา ๑๓ ให้เป็นอำนาจของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหรือผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วแต่กรณี
มาตรา ๑๙ ให้บังคับบัญญัติตามมาตรา ๑๘ โดยอนุโลม มาใช้บังคับกับการประชุมและการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานของคณะกรรมการคุ้มครองเด็กกรุงเทพมหานครและคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด โดยอนุโลม
มาตรา ๒๐ คณะกรรมการคุ้มครองเด็กกรุงเทพมหานครและคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัดมีอำนาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้
๑
เสนอความเห็นต่อคณะกรรมการเกี่ยวกับนโยบาย แผนงาน งบประมาณ และมาตรการในการเสริมสร้าง คุ้มครองสวัสดิภาพ และส่งเสริมความผาสุกให้แก่เด็กตามบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้
๒
ให้คำปรึกษา แนะนำ และประสานงานแก่หน่วยงานของรัฐและเอกชนที่ปฏิบัติหน้าที่ด้านการศึกษา การสาธารณสุข คุ้มครองสวัสดิภาพ และส่งเสริมความประพฤติเด็ก รวมทั้งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบในสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานพยาบาล สถานศึกษา และที่พัก สถานพินิจ หรือสถานที่เกี่ยวข้องกับการสงเคราะห์ คุ้มครองสวัสดิภาพ และส่งเสริมความประพฤติเด็กของรัฐและเอกชนภายในเขตกรุงเทพมหานครหรือเขตจังหวัด แล้วแต่กรณี
๓
ดำเนินการเกี่ยวกับการสงเคราะห์ คุ้มครองสวัสดิภาพ และส่งเสริมความประพฤติเด็กในเขตกรุงเทพมหานครหรือเขตจังหวัด แล้วแต่กรณี และรายงานผลการดำเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครองเด็กต่อคณะกรรมการตามระยะเวลาที่กำหนด
๔
ตรวจสอบหรือเยี่ยมบุคคลที่เกี่ยวข้องว่ามีการปฏิบัติเด็กโดยมิชอบ
- 8 -
6
เรียกเอกสารหรือพยานหลักฐานใด ๆ หรือขอคำชี้แจงจากผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการวินิจฉัยในการปฏิบัติตามที่กำหนดพระราชบัญญัตินี้
7
ติดตาม ประเมินผลและตรวจสอบการดำเนินงานที่เกี่ยวกับสหกรณ์ และส่งเสริมความประพฤติให้แก่ผู้แทนพระและระดับจังหวัด แล้วแต่กรณี แล้วรายงานผลต่อคณะกรรมการ
8
ดำเนินการอื่นใดตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
มาตรา 22 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ให้กรรมการและอนุกรรมการเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
หมวด 2
การปฏิบัติต่อเด็ก
มาตรา 23 การปฏิบัติต่อเด็กไม่ว่าจะกรณีใด ให้คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญและไม่ให้การเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม
การกระทำใด ๆ ที่อาจมีผลกระทบต่อเด็ก หรือเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อเด็กหรือไม่ ให้พิจารณาตามแนวทางที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 24 ผู้ใดกระทำต่อเด็กการปล่อยปละละเลย จนละเลยต่อ และเพิกเฉยต่อความรับผิดชอบอันพึงมีต่อเด็กจนเป็นเหตุให้เด็กได้รับอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย หรือจิตใจ หรือไม่อำนวยความจำเป็นที่เด็กพึงได้รับตามกฎหมาย หรือพฤติการณ์แห่งธรรมเนียมประเพณี หรือจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่น เพื่อให้เด็กอยู่ในความคุ้มครองและดูแลตามหน้าที่ที่กำหนดในกฎหมาย และต้องคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่อยู่ในความคุ้มครองดูแลของตนให้ปลอดภัยในกรณีอันอาจเป็นเหตุเกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ
มาตรา 25 ปลัดกระทรวง ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าราชการเขต นายอำเภอ ปลัดอำเภอ ผู้บังคับบัญชาประจำท้องถิ่น หรือผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีหน้าที่ผู้ควบคุมสวัสดิภาพเด็กที่อยู่ในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ ไม่ว่าเด็กจะอยู่ในครอบครัวหรือไม่ก็ตาม รวมทั้งผู้มีอำนาจและหน้าที่ดูแลและตรวจสอบสภาพสวัสดิภาพเด็ก สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ สถานพัฒนาและฟื้นฟู และสถานที่อื่นที่มีอยู่ในเขตอำนาจนั้น โดยเฉพาะในเขตอำนาจของคณะกรรมการ คณะกรรมการคุ้มครองเด็กกรุงเทพมหานคร หรือคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด แล้วแต่กรณี เพื่อทราบ และให้ข้อแนะนำและดำเนินการแก้ไขกับเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป
มาตรา 26 ผู้ปกครองต้องไม่กระทำการ ดังต่อไปนี้
(ก) ทอดทิ้งเด็กไว้ในสถานรับเลี้ยงเด็กหรือสถานพยาบาลหรือให้บุคคลซึ่งมิใช่ผู้เลี้ยงเด็กหรือมีสภาวะที่ระยะเวลาสถานที่ใด โดยเจตนาเพื่อไม่รับเด็กกลับคืน
(ข) ละทิ้งเด็กไว้ ณ สถานที่ใด ๆ โดยไม่ให้การป้องกันคุ้มครองสวัสดิภาพหรือให้การเลี้ยงดูที่เหมาะสม
(ล) จงใจหรือละเลยไม่ให้มีสิ่งที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตหรือสุขภาพอนามัยจนก่อจะเกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของเด็ก
(ฉ) ปฏิบัติต่อเด็กในลักษณะที่เป็นการทารุณกรรมจิตใจหรือก่อให้เกิดพัฒนาการของเด็ก
(ช) ปฏิบัติต่อเด็กในลักษณะที่เป็นการเสี่ยงโดยไม่สมควร
มาตรา 26 ภายใต้บังคับบัญญัติแห่งกฎหมายอื่น ไม่ว่าเหตุประการใด ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการ ดังต่อไปนี้
1
กระทำหรือละเว้นการกระทำอันเป็นการทารุณกรรมร่างกายหรือจิตใจของเด็ก
2
จงใจหรือละเลยไม่ให้มีสิ่งจำเป็นแก่การดำรงชีวิตหรือรักษาพยาบาลแก่เด็กที่อยู่ในความดูแลของตน จนก่อจะเกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของเด็ก
3
บังคับ ขู่เข็ญ ใช้ ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติผิดไม่สมควรหรือทำจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด
4
โฆษณาหรือเผยแพร่ข้อความหรือภาพหรือสื่อใด เพื่อรับเด็กหรือแสดงเด็กในบุคคลอันมีลักษณะไม่สมควร เช่นเป็นการยั่วยุทางเพศ การกระทำรุนแรง หรือการกระทำที่ผิดศีลธรรม
5
บังคับ ขู่เข็ญ ใช้ ชักจูง ส่งเสริม ยินยอม หรือกระทำการใดให้เด็กเป็นขอทาน แต่กระนั้นพร้อมทั้งเด็กที่เป็นขอทานตามพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน หรือกระทำการใดให้เด็กเป็นผู้ช่วยขอทานหรือแสดงความสามารถในที่สาธารณะ
6
ให้เด็กทำงานหรือแสดงในที่สาธารณะหรือการจัดการแสดงในลักษณะที่เป็นการแสวงหาประโยชน์จากเด็กหรือมีลักษณะเป็นการทารุณกรรมต่อเด็ก
7
ให้หรือยินยอมให้เด็กเล่นการพนันไม่ว่าจะชนิดใดหรือเข้าไปในสถานที่เล่นการพนัน สถานค้าประเวณี หรือสถานที่ที่มีลักษณะเช่นเดียวกัน
8
บังคับ ขู่เข็ญ ใช้ ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กแสดงหรือกระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจาร ไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าตอบแทนหรือเพื่อการใด
9
จำหน่าย แลกเปลี่ยน หรือให้สุราหรือบุหรี่แก่เด็ก เว้นแต่กรณีปฏิบัติทางการแพทย์
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคแรกมีโทษตามกฎหมายอื่นที่หนักกว่าให้ลงโทษตามกฎหมายนั้น
มาตรา 27 ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาหรือเผยแพร่ข้อความหรือสื่อสารผ่านประการใด ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับเด็กหรือผู้ปกครอง โดยเจตนาที่จะทำให้เด็กหรือผู้ปกครองเสียชื่อเสียง เกียรติคุณ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดของเด็ก หรือเพื่อแสวงหาประโยชน์ในด้านพาณิชย์หรือผู้เป็นตัวเอง
มาตรา 28 ในกรณีผู้ปกครองถูกปฏิเสธการเลี้ยงดูอบรมไม่ว่าด้วยกรณีใดๆ อบรมสั่งสอน และพัฒนาเด็กให้เป็นไปด้วยเหตุใด หรือผู้ปกครองกระทำโดยนำมาซึ่งความเสียหายต่อสวัสดิภาพ
หรือขัดขวางต่อความเจริญเติบโตหรือพัฒนาการของเด็กหรือให้การเลี้ยงดูโดยมิชอบ หรือมีเหตุจำเป็นอื่นใดเพื่อประโยชน์ในการสละหรือรับเด็กมาเป็นบุตรบุญธรรม หรือป้องกันมิให้เด็กได้รับอันตรายหรือถูกเลี้ยงดูโดยไม่เป็นธรรม พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการให้การสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๓๓ ผู้ใดพบเห็นเด็กถูกทอดทิ้งในสภาพที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตหรือสุขภาพ สวัสดิภาพตามมาตรา ๔ และมาตรา ๕ จะต้องให้การช่วยเหลือขั้นต้นและแจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่ที่พนักงานเจ้าหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามมาตรา ๒๒ โดยมิชักช้า
แพทย์ พยาบาล นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ พระภิกษุบาทหลวงที่อารามสงฆ์ หรือบุคคลอื่นในวิชาชีพทางกฎหมาย ครู อาจารย์ หรือบุคคลอื่นซึ่งมีหน้าที่ดูแลเด็กที่เป็นเด็กเร่ร่อนจรจัด จะต้องรายงานให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่พนักงานเจ้าหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามมาตรา ๒๒ หรือพนักงานฝ่ายปกครองหรือเจ้าพนักงานตำรวจโดยมิชักช้า หากพบเห็นว่ามีเด็กถูกทอดทิ้งหรือถูกกระทำกรรมไม่ชอบในลักษณะที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตหรือสุขภาพ
การแจ้งหรือการรายงานตามความในวรรคหนึ่ง เมื่อได้กระทำโดยสุจริตย่อมได้รับความคุ้มครองและไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญาหรือทางปกครอง
มาตรา ๓๔ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๒๓ และมาตรา ๓๑ มีอำนาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้
๑
เข้าไปในสถานที่ใด ๆ สถานที่ใด ๆ หรือยานพาหนะใด ในระหว่างเวลาอันควรแก่การเยี่ยมเยียนหรือการติดต่อเพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการสงเคราะห์หรือการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กหรือครอบครัวเด็ก หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับเด็กที่อยู่ในสถานที่ดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อป้องกันมิให้เด็กถูกทอดทิ้งหรือถูกกระทำกรรมไม่ชอบในลักษณะที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตหรือสุขภาพ หรือถูกนำพาไปในสถานที่ซึ่งอาจก่อให้เกิดความช่วยเหลือ ก็ให้มีอำนาจเข้าไปในเวลาที่เหมาะสมหรือจำกัดได้
๒
ดำเนินการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวเด็กหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับเด็กในกรณีที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการสงเคราะห์หรือการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก ทั้งนี้ จะต้องกระทำโดยสุจริต แต่ไม่กระทำโดยการที่ผู้มีหน้าที่ในสถานที่ดังกล่าวไม่อนุญาตหรือไม่ให้ความร่วมมือเมื่อประมวลผลหลักฐานที่ได้มาในปฏิบัติการ (๒) ระงับการให้เด็กอยู่ในความดูแลของผู้ที่อาจก่อให้เกิดการเลี้ยงดูและการพัฒนาที่ไม่เหมาะสม
๓
มีหนังสือถึงผู้ปกครอง หรือบุคคลอื่นใดให้ต้องทำหรือยับยั้งการกระทำใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถานภาพความเป็นอยู่ สุขภาพ สุขาภิบาล และความสัมพันธ์ในครอบครัวของเด็ก
๔
ออกคำสั่งให้เด็กที่มีความจำเป็นต้องได้รับการสงเคราะห์หรือการคุ้มครองสวัสดิภาพ หรือผู้ครอบครองสถานที่ที่เด็กทำงานหรือศึกษา อาศัยหรืออยู่ภายใต้การดูแล หรือผู้ดูแลสถานที่ที่เด็กกำลังศึกษาอยู่ หรือผู้ปกครองหรือสวัสดิการ ส่งเอกสารหรือหลักฐานเกี่ยวกับสถานภาพเป็นอยู่ การศึกษา การทำงาน หรือความสัมพันธ์ในครอบครัวของเด็ก
๕
เข้าไปในสถานที่ใด ๆ หรือสถานที่ที่เด็กทำงานหรือศึกษาอยู่ ทั้งนี้ ในระหว่างเวลาอันควรแก่การเยี่ยมเยียน
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
พระราชทานิต่อมาเพื่อสอบถามบุคคลที่อยู่ในพื้นที่นั้น ๆ และรวบรวมข้อมูลหรือหลักฐานเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ ความสัมพันธ์ในครอบครัว การเลี้ยงดู อุปนิสัย และความประพฤติของเด็ก
(ข) มอบตัวเด็กให้แก่บุคคลหรือครอบครัวอุปการะเด็กพร้อมกับแนะนำหรือจัดเตรียมข้อมูลจำเป็นอุปกรณ์เลี้ยงดูเด็กในกรณีที่จำเป็น เพื่อให้เด็กได้รับการพัฒนาในทางที่เหมาะสม
(ค) จัดทำรายงานเกี่ยวกับตัวเด็กเพื่อมอบให้แก่สถานพินิจหรือสถานที่ในการส่งเด็กไปยังสถานแรกรับหรือสถานสงเคราะห์เด็ก
เด็กที่อยู่ในความดูแลของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่จะต้องได้รับการเลี้ยงดูและได้รับการศึกษาต้องเหมาะสม และก่อนที่จะจัดให้เด็กเข้าอยู่ในสถานพินิจ สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ และสถานพัฒนาและฟื้นฟู จะต้องปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญในสาขาจิตวิทยาสังคมสงเคราะห์และการแพทย์ก่อนนำเด็กเข้าสถานที่ดังกล่าวได้
ในการปฏิบัติงานที่ตาม (ก) (ข) และ (ค) พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวก่อน และให้บุคคลที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกตามสมควร
บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา ๑๓ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
หมวด ๓
การสงเคราะห์เด็ก
มาตรา ๑๔ เด็กที่ได้รับการสงเคราะห์ ได้แก่
๑
เด็กเร่ร่อน หรือเด็กกำพร้า
๒
เด็กที่ถูกทอดทิ้งหรือพลัดหลง ณ ที่ใดที่หนึ่ง
๓
เด็กที่ผู้ปกครองไม่สามารถอุปการะเลี้ยงดูได้ตามปกติ เช่น ถูกจำคุก กักขัง กิจการ ทุพพลภาพ เจ็บป่วยเรื้อรัง ยากจน เป็นผู้เยาว์ หย่า ถูกพิพากษา เป็นโรคจิตหรือโรคเรื้อรัง
๔
เด็กที่ผู้ปกครองหรือพี่กิจกรรมหรือประกอบอาชีพไม่เหมาะสมอันอาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางร่างกายหรือจิตใจของเด็กที่อยู่ในความควบคุมครอบครัว
๕
เด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูโดยมิชอบ ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำหรือแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ถูกทารุณกรรม หรือถูกปฏิบัติในทางอันเป็นเหตุให้เด็กมีความประพฤติเลวหรือเสียในทางศีลธรรมอันดีงามหรือเกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ
๖
เด็กที่อยู่ในสถานพินิจ
๗
เด็กที่อยู่ในสถานที่ที่จัดให้มีการสงเคราะห์หรือที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 37 ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้มีหน้าที่ผู้ปกครองสงสัยเด็กตามที่ความมาตรา 25 ได้รับแจ้งจากบุคคลตามมาตรา 26 หรือพบเห็นเด็กที่มีให้บำบัดหรือสงเคราะห์ตามมาตรา 31 ให้พิจารณาให้การสงเคราะห์ตามวิธีการที่เหมาะสม ดังต่อไปนี้
1
ให้ความช่วยเหลือและสงเคราะห์แก่เด็กและครอบครัวหรือบุคคลที่ดูแลเด็กเลี้ยงดูเด็กเพื่อให้สามารถดูแลการอยู่กินและเลี้ยงดูเด็กให้ดีตามมาตรา 31
2
ส่งเด็กเข้าสู่กระบวนการสงเคราะห์ที่เหมาะสมและเยียวยาเด็กให้ได้รับการเลี้ยงดูตามระยะเวลาที่เหมาะสม แต่ต้องไม่เกินกำหนดดังต่อไปนี้ ในกรณีที่ไม่อาจบำบัดการตาม (3) ให้ดำเนินการเพื่อให้เด็กได้ไปอยู่กับครอบครัวบุคคลที่ดูแลเด็กหรือสถานสงเคราะห์รับเด็กเป็นบุญธรรม
3
ส่งเด็กเข้ารับการอุปการะในครอบครัวอุปถัมภ์หรือสถานรับเลี้ยงเด็กที่เหมาะสมและยินยอมรับเด็กไว้ดูแล
4
ส่งเด็กเข้ารับการอุปการะในสถานแรกรับ
5
ส่งเด็กเข้ารับการอุปการะในสถานสงเคราะห์
6
ส่งเด็กเข้าสู่การศึกษาวิชาชีพหรือฝึกอาชีพ หรือส่งเด็กเข้าบ้านพักผู้สูงอายุ ศึกษาหรือฝึกอาชีพในสถานพัฒนาและฟื้นฟู หรือส่งเด็กที่สามารถเลี้ยงตนเองได้เข้าศึกษาในวัดหรือสถานที่ทางศาสนาอื่น ที่ยอมรับเด็กไว้
วิธีการในการสงเคราะห์เด็กตาม (1) (2) (3) (4) (5) หรือ (6) ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และไม่ขัดต่อกฎหมาย การดำเนินการให้การสงเคราะห์เด็กตาม (1) (2) (3) (4) (5) หรือ (6) ให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้มีหน้าที่ผู้ปกครองรายงานผลการดำเนินการให้กระทรวงหรือผู้ว่าราชการจังหวัดทราบ และในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้มีหน้าที่ผู้ปกครองเห็นว่าเด็กควรได้รับการสงเคราะห์ตาม (1) (2) (3) (4) (5) หรือ (6) แต่เด็กมีภูมิลำเนาเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมจะขยายระยะเวลาเข้าให้เด็กได้รับการดูแลเพิ่มเติมตามระยะเวลาที่เหมาะสมในระหว่างระยะเวลาดังกล่าวให้พนักงานเจ้าหน้าที่รับผิดชอบในการจัดให้เด็กเข้าสู่กระบวนการสงเคราะห์บุคคลหรือบุคคลที่ดูแลเด็ก
ในกรณีที่เด็กอยู่ระหว่างการสงเคราะห์หรือผู้ปกครองของเด็กและเด็กไม่เห็นด้วยสามารถปกครองและดูแลเด็กได้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้ปกครองรายงานผลการดำเนินการนี้สั่งให้เด็กพ้นจากการสงเคราะห์และมอบตัวเด็กให้แก่ผู้ปกครองหรือผู้ปกครองดูแลได้ แต่ยังไม่ครบกำหนดระยะเวลาในการสงเคราะห์เด็กตาม
ในกรณีที่บุคคลที่ได้รับการสงเคราะห์เด็กไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในบัญชีรับรองได้หรือกระทำการใด ๆ อาจส่งให้บุคคลนั้นไปยังการสงเคราะห์ต่อไปจนกว่าจะอยู่ในบัญชีรับรองได้ดี แต่ถ้ามีบัญชีรับรองที่ไม่ให้การสงเคราะห์ต่อไปเป็นอันยกเลิกได้ทันที ปลัดกระทรวงหรือผู้ว่าราชการจังหวัด และบุคคลนั้น อาจสั่งให้สงเคราะห์บุคคลนั้นต่อไปตามความเห็นที่เหมาะสม แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินระยะเวลาอายุครบยี่สิบอันบริบูรณ์
มาตรา 34 ผู้ปกครองหรือญาติของเด็ก อาจนำเด็กไปขอรับการสงเคราะห์ที่กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการหรือสำนักงานพัฒนาสังคมและสวัสดิการจังหวัด หรือที่สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ หรือสถานพัฒนาและฟื้นฟูของเอกชน เพื่อขอรับการสงเคราะห์ได้
กรณีมีการนำเด็กมาขอรับการสงเคราะห์ที่กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการหรือสำนักงานพัฒนาสังคมและสวัสดิการจังหวัด ถ้าเป็นเด็กที่ถูกนำไปขอรับการสงเคราะห์ที่สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ หรือสถานพัฒนาและฟื้นฟูของเอกชน ให้ผู้ปกครองหรือสวัสดิการรายงานข้อมูลเกี่ยวกับเด็กต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อพิจารณาดำเนินการตรวจสอบต่อไป
มาตรา 35 เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้ดำเนินการของสวัสดิการเด็กตามมาตรา 24 พบเด็กที่เห็นว่าควรได้รับการสงเคราะห์ตามมาตรา 23 (2) หรือ (3) ให้สอบถามเพื่อทราบข้อมูลเกี่ยวกับเด็ก ถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อการช่วยเหลือเด็กตามมาตรา 23 (2) หรือ (3) ให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้ดำเนินการของสวัสดิการเด็กจัดทำรายงานเกี่ยวกับเด็กและครอบครัว และเสนอรายงานดังกล่าวต่อคณะกรรมการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กแต่ละคนพร้อมด้วยความเห็นเกี่ยวกับการสงเคราะห์เด็กตามมาตรา 23 (2) หรือ (3) และให้คณะกรรมการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กแต่ละคนพิจารณาและมีคำสั่งตามที่เห็นสมควรต่อไป
มาตรา 36 ในระหว่างที่เด็กได้รับการสงเคราะห์ตามมาตรา 23 (2) หรือ (3) หากปรากฏว่าเป็นเด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิดและมิได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพ ให้ปลัดกระทรวงหรือผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วแต่กรณี มีอำนาจสั่งให้ใช้มาตรการคุ้มครองสวัสดิภาพแก่เด็กตามมาตรา 6 ได้
มาตรา 37 เมื่อสถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ หรือสถานพัฒนาและฟื้นฟูได้รับตัวเด็กไว้ตามมาตรา 23 (2) หรือ (3) ให้ผู้ปกครองหรือสวัสดิการพิจารณาและจัดทำรายงานเกี่ยวกับเด็กและครอบครัว และเสนอรายงานดังกล่าวต่อคณะกรรมการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กแต่ละคนพร้อมด้วยความเห็นเกี่ยวกับการสงเคราะห์เด็กตามมาตรา 23 (2) หรือ (3) และให้คณะกรรมการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กแต่ละคนพิจารณาและมีคำสั่งตามที่เห็นสมควรต่อไป
การสงเคราะห์เด็กตามมาตรา 23 (2) หรือ (3) ให้ดำเนินการตามระเบียบที่กระทรวงกำหนด โดยให้ดำเนินการตามความเหมาะสมของเด็กแต่ละคน
การสงเคราะห์เด็กตามมาตรา 23 (2) หรือ (3) ให้ดำเนินการตามระเบียบที่กระทรวงกำหนด โดยให้ดำเนินการตามความเหมาะสมของเด็กแต่ละคน
มาตรา ๑๓ ในกรณีที่ผู้ปกครองซึ่งได้รับเด็กกลับมาอยู่ในความดูแล มีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าจะให้กระทำสิ่งอันอาจเป็นอันตรายแก่เด็ก ให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งทำหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามมาตรา ๒๔ ให้คำแนะนำแก่ผู้ปกครอง หากผู้ปกครองไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำให้ดำเนินการต่อต่อปลัดกระทรวง ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่นายทะเบียนกำหนด เพื่อเรียกผู้ปกครองมาทำพันธะว่าจะไม่กระทำการโดยมีลักษณะเป็นการให้กระทำสิ่งอันอาจเป็นอันตรายแก่เด็ก และให้หมายเรียกตัวเด็กมารับฟังการเจรจาและการทำพันธะดังกล่าวด้วย หากผู้ปกครองไม่ปฏิบัติตามพันธะหรือมีพฤติการณ์ที่น่าเชื่อว่าจะทำให้เด็กได้รับอันตราย ให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งทำหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามมาตรา ๒๔ การให้เด็กและนำเด็กมารับการเรียกคืนให้คืนสิทธิ์สูงสุดของเด็กในสวัสดิภาพและประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญ
หมวด ๔
การคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก
มาตรา ๑๔ เด็กที่พึงได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพ ได้แก่
๑
เด็กที่ถูกทารุณกรรม
๒
เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำดังกล่าว
๓
เด็กที่อยู่ในสภาพที่จำต้องได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๑๕ ผู้ใดพบเห็นหรือรับทราบพฤติการณ์ที่น่าเชื่อว่ามีการกระทำทารุณกรรมต่อเด็กให้รีบแจ้งหรือรายงานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ หรือผู้ทำหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามมาตรา ๒๔
เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ หรือผู้ทำหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามมาตรา ๒๔ ได้รับแจ้งเหตุความรุนแรงดังกล่าว หรือเป็นผู้พบเห็นหรือรับทราบพฤติการณ์ที่น่าเชื่อว่ามีการกระทำทารุณกรรมต่อเด็กในสถานที่ใด ให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและนำตัวเด็กจากครอบครัวจนกว่าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กโดยเร็วที่สุด
การแจ้งหรือการรายงานตามมาตรานี้ เมื่อได้กระทำโดยสุจริตย่อมได้รับความคุ้มครองและไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญาหรือทางปกครอง
มาตรา ๑๖ การดำเนินการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามมาตรา ๑๔ วรรคสอง ต้องรีบจัดให้มีการตรวจร่างกายและจิตใจเด็ก สืบหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องและเสนอผลการพินิจเกี่ยวกับเด็กและครอบครัวเพื่อพิจารณาวิธีการคุ้มครองสวัสดิภาพที่เหมาะสมแก่เด็ก คือส่งตัวเด็กไปสถานแรกรับหรือในชื่ออื่นที่มีกฎหมายกำหนดและสภาพที่เหมาะสมแก่เด็กตามมาตรา ๓๓ และดำเนินการให้ทรัพย์สินบุคคลหรือให้ประโยชน์แก่เด็กในชุมชนและพื้นที่ และดำเนินการให้ทรัพย์สินบุคคลหรือให้ประโยชน์แก่เด็กในชุมชนและพื้นที่ หรือจัดให้เด็กอยู่ในความอุปการะของบุคคลที่เหมาะสมในระหว่างการแรกรับและเพื่อพิจารณาวิธีการคุ้มครองสวัสดิภาพที่เหมาะสม ให้กระทำให้ได้ในเจ็ดวัน
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
แต่ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นและสมควรเพื่อประโยชน์ของเด็ก พนักงานเจ้าหน้าที่หรือพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจอาจขอต่อศาลตามมาตรา 45 เพื่อมีคำสั่งขยายระยะเวลาออกไปรวมแล้วไม่เกินสามสิบวันก็ได้
มาตรา 43 กรณีที่ผู้ปกครองหรือผู้รับอุปการะเด็กไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ หากมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่าเด็กนั้นจะตกอยู่ในสภาพที่อาจเป็นอันตรายต่อสวัสดิภาพหรือพัฒนาการของเด็ก พนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจมีอำนาจนำเด็กนั้นไปอยู่ในความคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามมาตรา 44 หรือพนักงานอัยการยื่นคำร้องต่อศาลตามมาตรา 45 เพื่อออกคำสั่งให้กระทำการดังกล่าวโดยกำหนดมาตรการควบคุมและปกป้องสวัสดิภาพเด็กนั้นก็ได้
ในกรณีที่การกระทำดังกล่าวจะกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของเด็ก หากศาลเห็นว่ามีเหตุจำเป็นและสมควรเพื่อประโยชน์ของเด็ก ให้ศาลมีคำสั่งให้ตรวจสอบหรือรายงานเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ของเด็กนั้นก่อนที่จะมีคำสั่งให้กระทำการดังกล่าว
การพิจารณาออกคำสั่งหรือรายการใดๆ ตามมาตรานี้ ให้ดำเนินการโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญ
มาตรา 44 เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งมีอำนาจคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามมาตรา 24 พบเห็นหรือได้รับแจ้งว่ามีกรณีที่เด็กที่ตกอยู่ในสภาพที่อาจเป็นอันตรายต่อสวัสดิภาพหรือพัฒนาการของเด็ก หรือเด็กที่ถูกทอดทิ้ง ถูกลืมเลือน ถูกทำร้ายร่างกายหรือจิตใจ ถูกแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ หรือเด็กที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมหรือกระทำความผิด ให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวดำเนินการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก โดยวิธีนำเด็กไปยังสถานคุ้มครองสวัสดิภาพหรือสถานพัฒนาและฟื้นฟูที่ได้ขึ้นทะเบียนหรือจดทะเบียนไว้เป็นไปตามกระทรวงหรือกรมราชทัณฑ์จังหวัด แล้วแต่กรณี เพื่อพิจารณาดำเนินการตามวิธีการคุ้มครองสวัสดิภาพที่เหมาะสมแก่เด็ก
ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากพนักงานเจ้าหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามมาตรา 24 เห็นว่าเด็กนั้นอยู่ในอันตรายหรือมีเหตุจำเป็นให้พิจารณาในการคุ้มครองสวัสดิภาพตามมาตรา 43 แต่เห็นว่าเด็กนั้นยังไม่สมควรที่จะให้เด็กไปยังสถานคุ้มครองสวัสดิภาพ สถานพัฒนาและฟื้นฟู หรือสถานอื่นที่เหมาะสม ให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวดำเนินการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามมาตรา 43 หรือไม่ก็ได้ และเมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับการคุ้มครองหรือบุคคลที่อาจรับเด็กไปปกครองดูแลแล้วอาจจะก่อให้เกิดผลเสียกับเด็กหรือความประพฤติที่ไม่เหมาะสมต่อเด็กตามกระทรวงหรือกรมราชทัณฑ์จังหวัด ให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวดำเนินการตามข้อกำหนดความเหมาะสม ดังต่อไปนี้
1
ระมัดระวังไม่ให้เด็กเข้าไปในสถานที่หรือที่ซึ่งอาจก่อให้เกิดประจักษ์พฤติการณ์ไม่สมควร
2
ระมัดระวังไม่ให้เด็กออกนอกสถานที่ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุม เว้นแต่มีเหตุจำเป็นหรือไปกับผู้ปกครอง
```
(ก) ระมัดระวังไม่ให้เด็กคบหาสมาคมกับบุคคลหรือคณะบุคคลที่จะชักนำไปในทางเสื่อมเสีย
(ข) ระมัดระวังไม่ให้เด็กกระทำการใดอันเป็นเหตุให้เด็กประพฤติเสื่อมทราม
(ค) จัดให้เด็กได้รับการศึกษาอบรมตามสมควรแก่เหตุ สติปัญญา และความสนใจของเด็ก
(ง) จัดให้เด็กได้ประกอบอาชีพที่เหมาะสมกับความถนัดและความสนใจของเด็ก
(จ) จัดให้เด็กกระทำกิจกรรมเพื่อพัฒนาตนเองทางด้านคุณธรรม จริยธรรม และนำพืชประโยชน์ต่อสังคม
หากปรากฏว่าผู้ปกครองหรือผู้ซึ่งได้รับโอนการดูแลเด็กไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของพนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้ปกครองหรือผู้ซึ่งได้รับโอนการดูแลเด็กตามมาตรา ๑๔ ก็ให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจัดการเด็กนั้นกลับไปดูแล
มาตรา ๑๕ ห้ามมิให้เด็กซื้อหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุราหรือของมึนเมา หรือเข้าไปในสถานที่ซึ่งขายหรือการจำหน่ายหรือเสพสุรา
มาตรา ๔๘ ในการดำเนินการสงเคราะห์ คุ้มครองสวัสดิภาพ และส่งเสริมความประพฤติเด็กที่ตามพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น ถ้าหน่วยงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตามแต่ผู้รับผิดชอบสวัสดิภาพเด็กที่ทำหน้าที่ดูแลเด็กคนใด เห็นชอบกับข้อยุติของคณะกรรมการจังหวัด หรือคณะกรรมการ ให้แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ นักสังคมสงเคราะห์ หรือบุคคลที่สมัครใจและมีความเหมาะสมเป็นผู้คุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก โดยจะกำหนดหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งที่อยู่ในการกำกับดูแลของผู้คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กก็ได้
กรณีที่เด็กมีพัฒนาความประพฤติจนถึงสถานะรับ สถานะสงเคราะห์ สถานะคุ้มครองสวัสดิภาพ และสถานะพัฒนาและฟื้นฟูแล้ว ถ้ามีเหตุผลสมควรให้ผู้รับผิดชอบสวัสดิภาพเด็กปิดกระทรวงหรือผู้ว่าราชการจังหวัด และแต่งตั้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ นักสังคมสงเคราะห์ หรือบุคคลที่สมัครใจและมีความเหมาะสมเป็นผู้คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กให้ได้
การแต่งตั้งผู้คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กให้มีระยะเวลาการสงเคราะห์ไม่เกินหกปี
มาตรา ๔๙ ผู้คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กมีอำนาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้
๑
เยี่ยมเยียน ให้คำปรึกษา แนะนำ และติดตามเด็กเกี่ยวกับเรื่องความประพฤติ การศึกษา และการประกอบอาชีพแก่เด็กที่อยู่ในการกำกับดูแล
๒
เยี่ยมเยียน ให้คำปรึกษา แนะนำแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องหรือครอบครัวของเด็ก และแจ้งเตือนผู้เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อเด็ก
๓
จัดทำรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานะความเป็นอยู่ของเด็กและส่งรายงานต่อหน่วยงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
๔
ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่คณะกรรมการจังหวัดหรือคณะกรรมการมอบหมาย
มาตรา ๕๐ ห้ามมิให้ผู้คุ้มครองสวัสดิภาพหรือผู้คุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก เปิดเผยชื่อ ชื่อสกุล ภาพหรือข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับตัวเด็ก ผู้ปกครอง ในลักษณะที่นำมาซึ่งความเสียหายแก่ชื่อเสียง เกียรติคุณ หรือสิทธิประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งของเด็กหรือผู้ปกครอง
บทบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา และผู้ดำเนินหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามมาตรา ๔๘ รวมถึงผู้ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวด้วย โดยอนุโลม
ห้ามมิให้เปิดเผยข้อมูลหรือเผยแพร่สื่อสารมวลชนหรือสื่อสารสาธารณะในกรณีดังข้อมูลที่เปิดเผยโดยฝ่าฝืนบทบัญญัตินี้ให้มีโทษตามที่พระราชบัญญัติกำหนด
หมวด ๖
สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานสงเคราะห์ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ และสถานพัฒนาและฟื้นฟู
มาตรา ๕๑ ปลัดกระทรวงซึ่งเป็นอำนาจจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานสงเคราะห์ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ และสถานพัฒนาและฟื้นฟู ได้ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง
จังหวัดมีอำนาจจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ และสถานพัฒนาและฟื้นฟูภายในเขตจังหวัดนั้น
หน่วยงานอื่นของรัฐนอกจากที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจัดตั้งและดำเนินการได้เฉพาะสถานรับเลี้ยงเด็ก โดยแจ้งให้ปลัดกระทรวงหรือผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วแต่กรณีทราบ และให้ปลัดกระทรวงหรือผู้ว่าราชการจังหวัดแนะนำหรือสนับสนุนการจัดตั้งและการดำเนินการดังกล่าว
มาตรา ๕๕ ภายใต้บังคับของมาตรา ๕๓ ผู้ใดจะจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ และสถานพัฒนาและฟื้นฟู ต้องขอรับใบอนุญาตต่อปลัดกระทรวงหรือผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วแต่กรณี
การขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต การขอต่ออายุใบอนุญาต การให้ต่ออายุใบอนุญาต การขอรับใบแทนใบอนุญาตที่สูญหาย ถูกทำลาย หรือชำรุด การออกใบแทนใบอนุญาต และการเพิกถอนใบอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง และให้เสียค่าธรรมเนียมตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๕๖ ให้ปลัดกระทรวง ผู้ว่าราชการจังหวัด คณะกรรมการ คณะกรรมการคุ้มครองเด็ก หรือคณะอนุกรรมการที่ได้รับมอบหมายมีอำนาจตรวจตราและติดตามการดำเนินงานของสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ และสถานพัฒนาและฟื้นฟูที่อยู่ในความรับผิดชอบ
มาตรา ๕๗ ให้สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ และสถานพัฒนาและฟื้นฟูจะต้องไม่ดำเนินกิจการในลักษณะและวัตถุที่ทำในทางธุรกิจ และต้องไม่ผู้ปกครองสวัสดิภาพเป็นปุคคลจดทะเบียนและบังคับบัญชา
การดำเนินงานของสถานที่กล่าววรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามระเบียบที่ปลัดกระทรวงกำหนด
มาตรา ๕๘ ให้ปลัดกระทรวงและผู้ว่าราชการจังหวัด มีอำนาจแต่งตั้งหรือถอดถอนผู้ปกครองสวัสดิภาพของสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ และสถานพัฒนาและฟื้นฟู ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๕๙ ผู้ปกครองสวัสดิภาพของสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ และสถานที่พัก ต้องมีหน้าที่ดังต่อไปนี้
๑
รับเด็กไว้ในความอุปการะและดูแลเด็กให้ได้รับการเลี้ยงดูที่เหมาะสมกับวัย และพัฒนาเด็กให้มีสุขภาพอนามัยที่ดีทั้งทางร่างกายและจิตใจ รวมทั้งให้การศึกษาอบรมตามสมควร ถ้าจำเป็นต้องจัดให้เด็กได้รับการรักษาพยาบาลหรือการฟื้นฟูสมรรถภาพ
๒
ส่งเสริมและฟื้นฟูเด็กเกี่ยวกับ อายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรม สุขภาพ ความเจ็บป่วย และความพิการของเด็ก เพื่อให้เด็กได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพ รวมทั้งช่วยผู้ปกครองเด็กที่เดือดร้อนอยู่ตลอดจนดำเนินการเกี่ยวกับเด็ก
และมูลเหตุที่ทำให้เด็กตกอยู่ในสภาวะดังกล่าวได้รับการสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพ เพื่อรายงาน ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
3
จัดให้มีการตรวจสุขภาพกายและสุขภาพจิต พร้อมทั้งดำเนินการรักษาเยียวยา แก่เด็กที่อยู่ในความปกครองดูแล
4
จัดที่พักอาศัย ที่พักชั่วคราว เครื่องอุปโภค บริโภคที่จำเป็นให้เหมาะสมและถูกสุขลักษณะ และจัด อาหารให้ถูกสุขลักษณะและเพียงพอแก่เด็กที่อยู่ในความปกครองดูแล
5
จัดการศึกษา การฝึกอบรม และนันทนาการให้แก่เด็กที่อยู่ในความปกครองดูแล ให้เหมาะสมกับวัยและสภาพของเด็กแต่ละคน
6
จัดส่งเด็กที่ตกอยู่ในสภาวะตาม (1) และ (2) ไปยังสถานสงเคราะห์ สถานพัฒนา เด็กเล็ก โรงเรียน หรือสถานที่อื่นที่มีวัตถุประสงค์ในการสงเคราะห์ หรือคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก ให้เหมาะสมกับวัยและสภาพของเด็กแต่ละคน
7
มอบตัวเด็กแก่ผู้ปกครอง หรือบุคคลที่เหมาะสมและยินยอมรับเด็กไว้ดูแลรักษา เลี้ยงดู และศึกษาโดยแสดงรายงานเกี่ยวกับสภาวะระหว่างที่อยู่ในความปกครองดูแล แต่ทั้งนี้ผู้ปกครองหรือบุคคลดังกล่าวต้องได้รับความเห็นชอบจากศาล
8
ให้คำปรึกษา แนะนำ และช่วยเหลือแก่ผู้ปกครอง ในกรณีเด็กที่จำต้องได้รับการ สงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพ
ผู้ปกครองหรือบุคคลดังกล่าวใน (7) ต้องให้คำมั่นว่าจะเลี้ยงดูเด็กให้เด็กมีสภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผู้ปกครองอื่น สมาชิกในครอบครัว หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับเด็กต้องให้ความร่วมมือกับ ผู้ปกครองที่ได้รับเด็กไปดูแลในสถานะผู้ปกครอง สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ หรือสถานพัฒนา เด็ก และทั้งนี้ ให้ดำเนินการในวิธีที่ถูกต้อง
มาตรา 54 ผู้ปกครองสวัสดิภาพของสถานสงเคราะห์หรือผู้ปกครองสวัสดิภาพของ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพที่ดำเนินงานตามพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่นต้องควบคุมดูแลให้การ รับเด็กที่ต้องได้รับการสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพทุกคนให้อยู่ในกรอบระเบียบ
มาตรา 55 ผู้ปกครองสวัสดิภาพของสถานสงเคราะห์หรือผู้ปกครองสวัสดิภาพมีอำนาจและหน้าที่ตาม มาตรา 52 (3) (6) และ (8) และให้มีอำนาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้
1
จัดการศึกษา อบรม ฝึกอบรม และจัดพักผ่อนหย่อนใจแก่เด็กที่อยู่ในความปกครองดูแล ของสถานสงเคราะห์ให้เหมาะสมกับเด็กแต่ละคน
2
จัดบริการแนะนำ ให้คำปรึกษา และช่วยเหลือแก่ผู้ปกครอง
3
สอดส่องและติดตามให้คำปรึกษา แนะนำ และช่วยเหลือแก่เด็กที่ออกจาก สถานสงเคราะห์แล้ว เพื่อป้องกันการสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพแก่เด็กที่เคยอยู่ในสถานสงเคราะห์ มิให้กลับไปสู่สภาวะเดิม
การเลี้ยงดูและพักพิงตามมาตรา 52 (6) ถ้ามีบัตรกรณีเด็กถูกส่งไปอยู่สถานสงเคราะห์ ซึ่งมีรายงานการสืบเสาะและพินิจแล้ว จากอาการสืบเสาะและพินิจนั้น
มาตรา 56 ผู้ปกครองสวัสดิภาพของสถานคุ้มครองสวัสดิภาพมีอำนาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้
1
ปกครองดูแลและอุปการะเลี้ยงดูเด็กที่อยู่ในสถานคุ้มครองสวัสดิภาพ
(ข) จัดการศึกษา อบรม และฝึกอาชีพแก่เด็กที่อยู่ในสถานคุ้มครองสวัสดิภาพ
(ค) แก้ไขความประพฤติ บำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพทั้งทางร่างกายจิตใจแก่เด็กที่อยู่ในสถานคุ้มครองสวัสดิภาพ
(ง) สอดส่องและติดตามให้คำปรึกษา แนะนำ และช่วยเหลือแก่เด็กที่ออกจากสถานคุ้มครองสวัสดิภาพไปแล้ว
มาตรา ๒๖ ผู้ปกครองสวัสดิภาพของสถานพัฒนาและฟื้นฟูผู้มีอายุและคนไร้ที่พึ่งต้องดำเนินการดังต่อไปนี้
(ก) รับเด็กที่จำต้องได้รับการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพด้านร่างกายหรือจิตใจไว้ในการควบคุมดูแล
(ข) ทำการสืบเสาะและพินิจเกี่ยวกับเด็กและครอบครัวเพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาและฟื้นฟูเด็กแต่ละคน
(ค) จัดกิจกรรมศึกษา ฝึกอบรม สั่งสอน บำบัดรักษา แนะนำ และฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจให้เหมาะสมแก่เด็กแต่ละคนที่อยู่ระหว่างการควบคุมดูแล
มาตรา ๒๗ ห้ามมิให้เจ้าของ ผู้ปกครองสวัสดิภาพ และผู้ปฏิบัติงานในสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์เด็ก สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ หรือสถานพัฒนาและฟื้นฟูผู้มีอายุและคนไร้ที่พึ่ง กระทำ หรือละเว้นการกระทำอันเป็นการขัดขวางหรือแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๒๘ ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นต้องย้ายเด็กที่อยู่ในสถานแรกรับ สถานสงเคราะห์เด็ก สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ หรือสถานพัฒนาและฟื้นฟูผู้มีอายุและคนไร้ที่พึ่งไปยังสถานอื่น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
หมวด ๗
การส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา
มาตรา ๒๙ โรงเรียนและสถานศึกษาต้องจัดให้มีระบบงานและกิจกรรมในการแนะแนวให้คำปรึกษาและควบคุมนักเรียน นักศึกษา และผู้ปกครอง เพื่อส่งเสริมความประพฤติที่เหมาะสม ความรับผิดชอบต่อสังคม และความปลอดภัยแก่นักเรียนและนักศึกษา ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๓๐ นักเรียนและนักศึกษาต้องประพฤติตามระเบียบของโรงเรียนหรือสถานศึกษาและตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๓๑ นักเรียนหรือนักศึกษาผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๓๐ ให้เป็นงานเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติราชการในเขตพื้นที่รับผิดชอบ และเชิญตัวนักเรียนหรือผู้ปกครองมาที่โรงเรียนหรือสถานศึกษา
ของนักเรียนหรือนักศึกษาเท่านั้น เพื่อดําเนินการสอบสวนและอบรมสั่งสอนหรือสั่งสอนภายใต้ระบบ ในกรณี ที่ไม่สามารถทําได้ในสถานศึกษาอันเนื่องมาจากกรณีที่เห็นสมควรให้ดําเนินการดังนี้
เมื่อได้สอบสวนหรืออบรมสั่งสอนนักเรียนหรือนักศึกษาแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือ ผู้บริหารโรงเรียนหรือนักศึกษาแจ้งให้ผู้ปกครองหรือคณะกรรมการหรือสื่อมวลชนที่เกี่ยวข้องทราบ
การลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษาให้กระทําเท่าที่มีความจําเป็นควรแก่กรณีและต้องเป็นไปตาม ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
มาตรา ๒๖ พนักงานเจ้าหน้าที่ตามหมวดนี้มีอํานาจดําเนินการเพื่อเสริมสร้างความ ประพฤติแก่นักเรียนและนักศึกษา ดังต่อไปนี้
๑
สอบถามครู อาจารย์ หรือหัวหน้าสถานศึกษา เกี่ยวกับความประพฤติ การศึกษา มัธยและสติปัญญาของนักเรียนหรือนักศึกษาที่ได้มีในมาตรา ๒๔
๒
เรียกให้ผู้ปกครอง ครู อาจารย์ หรือหัวหน้าสถานศึกษาเกี่ยวกับนักเรียนหรือนักศึกษา ที่มีลักษณะต้องสงสัยว่ามีความประพฤติไม่เหมาะสม เพื่อหารือการอบรมสั่งสอนต่อไป
๓
ให้คําแนะนําแก่ผู้ปกครอง ครู อาจารย์ หรือหัวหน้าสถานศึกษาเกี่ยวกับนักเรียนหรือ นักศึกษาที่มีลักษณะต้องสงสัยว่ามีความประพฤติไม่เหมาะสม
๔
เชิญผู้ปกครองมาร่วมการกล่าวเตือน หรือทําเนินการอบรมสั่งสอนดูแลให้ นักเรียนหรือนักศึกษาที่ได้มีในมาตรา ๒๔ อีก
๕
ขอความร่วมมือจากหน่วยงานของรัฐ องค์กรเอกชนหรือสถาบันการศึกษาเพื่อดําเนินการแก้ไข ความประพฤติของนักเรียนหรือนักศึกษาให้ประพฤติปฏิบัติตามระเบียบวินัย
๖
แจ้งให้ผู้ปกครองทราบถึงความประพฤติของนักเรียนหรือนักศึกษา ครู ผู้บริหารคณะ ตํารวจ หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดําเนินการตามหน้าที่
มาตรา ๒๗ ในกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการฝ่าฝืนกฎหมายหรือระเบียบเกี่ยวกับ ความประพฤติของนักเรียนหรือนักศึกษา ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจเข้าไปในบุคคล สถานที่ หรือยานพาหนะใด ๆ ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก หรือในระหว่างเวลาที่จําเป็น เพื่อทําการตรวจสอบการฝ่าฝืนดังกล่าวได้
ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจําตัวก่อน และให้บุคคลที่เกี่ยวข้องอํานวยความสะดวกตามสมควร
การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กําหนดโดยประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา
หมวด ๔
กองทุนคุ้มครองเด็ก
มาตรา ๒๘ ให้รัฐมนตรีจัดสรรงบประมาณเพื่อจัดตั้งกองทุนนี้ขึ้นภายใต้การดูแลของ สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานและมีชื่อเรียกว่า “กองทุนคุ้มครองเด็ก” เพื่อเป็นทุนในกิจการสงเคราะห์ คุ้มครองสวัสดิภาพ และส่งเสริมความประพฤติของเด็ก รวมทั้ง เพื่อสนับสนุนการดําเนินงานเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนที่อยู่ในสภาวะยากลําบาก
มาตรา ๒๙ กองทุน ประกอบด้วย
๑
เงินทุนประเดิมที่รัฐจัดสรรให้
๒
เงินที่ได้รับจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
๓
เงินหรือทรัพย์สินที่ผู้บริจาคหรือมอบให้
๔
เงินอุดหนุนจากต่างประเทศหรือองค์กรระหว่างประเทศ
๕
เงินหรือทรัพย์สินที่ได้เป็นของกองทุนโดยชอบด้วยกฎหมายหรือโดยนิติกรรมอื่น
๖
เงินที่ได้จากเงินประกันของผู้ประกอบวิชาชีพที่ต้องดำเนินตามมาตรา ๒๔
๗
ดอกผลที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินของกองทุน
มาตรา ๓๐ เงินและดอกผลที่กองทุนได้รับตามมาตรา ๒๙ ไม่ต้องนำส่งกระทรวงการคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
มาตรา ๓๑ ให้มีคณะกรรมการบริหารกองทุนคณะหนึ่ง ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ผู้แทนสำนักงานประกันสังคม ผู้แทนกระทรวงยุติธรรม และผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งไม่เกินสามคน ในจำนวนนี้ต้องมีผู้แทนจากเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองเด็กอย่างน้อยหนึ่งคน เป็นกรรมการ และให้ผู้อำนวยการเป็นกรรมการและเลขานุการ
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามวรรคหนึ่ง ต้องเป็นผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือมีประสบการณ์ในด้านการคุ้มครองเด็ก หรือด้านอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อการบริหารกองทุน และการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการของคณะกรรมการบริหารกองทุน โดยอนุโลม
มาตรา ๓๒ ให้คณะกรรมการบริหารกองทุนมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
๑
บริหารกองทุนให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
๒
พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินเพื่อการสงเคราะห์ คุ้มครอง สวัสดิภาพ และส่งเสริมความประพฤติเด็ก รวมทั้งครอบครัวและชุมชนที่อยู่ใกล้ชิดเด็กตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนดหรือตามที่กฎหมายกำหนด
๓
รายงานสภาพการเงินและการบริหารกองทุนต่อคณะกรรมการตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
มาตรา ๓๓ การรับเงินหรือการจ่ายเงินของกองทุน ให้ดำเนินการตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
มาตรา ๓๔ ให้คณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของกองทุน จำนวนหนึ่งคน ประกอบด้วย ประธานกรรมการและกรรมการซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ด้านการเงิน การคุ้มครองเด็ก และการประเมินผล และให้คณะกรรมการติดตามและประเมินผลมีอำนาจหน้าที่ในการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของกองทุน และรายงานผลต่อคณะกรรมการและเลขาธิการ
ให้บังคับบัญญัติมาตรา ๙ มาตรา ๑๐ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ และมาตรา ๑๓ มาใช้บังคับกับการคัดเลือกตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง และการประชุมของคณะกรรมการติดตามและประเมินผลตามวรรคหนึ่ง โดยอนุโลม
มาตรา ๓๗ คณะกรรมการติดตามและประเมินผลตามมาตรา ๓๖ มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
๑
ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานของกองทุน
๒
รายงานผลการปฏิบัติงานหรือข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมการ
๓
เสนอแนะหรือให้คำปรึกษาเกี่ยวกับกองทุนแก่บุคคลใดหรือเรียกบุคคลใดมาเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับรายงานการติดตามประเมินผล
มาตรา ๓๘ ให้คณะกรรมการบริหารกองทุนจัดทำงบและบัญชีการตรวจสอบบัญชีรายจ่ายภายในหกเดือนนับแต่วันสิ้นปีบัญชี
ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินซึ่งมีอำนาจตรวจสอบบัญชี แล้วทำรายงานผลการสอบและรับรองบัญชีเสนอต่อกรรมการบริหารกองทุนเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายในหกเดือนนับแต่วันสิ้นปีบัญชี เพื่อคณะกรรมการต่อคณะรัฐมนตรี
รายงานผลการตรวจสอบบัญชีดังกล่าวให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินส่งต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาและดำเนินการประกาศในราชกิจจานุเบกษา
หมวด ๔ บทกำหนดโทษ
มาตรา ๓๙ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๖ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๔๐ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๙ มาตรา ๓๐ หรือมาตรา ๓๑ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๔๑ ผู้ใดขัดขวางไม่ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๐ (๑) หรือ (๔) หรือไม่ยอมส่งเอกสารหรือส่งเอกสารโดยรู้อยู่แล้วว่าเอกสารที่ส่งนั้นเป็นเอกสารเท็จแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติตามมาตรา ๑๐ (๔) หรือกระทำการใดๆ อันเป็นการขัดขวางไม่ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๐ (๔) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ถ้าผู้ใดขัดขวางไม่ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๐ (๔) โดยใช้กำลังประทุษร้าย การกระทำดังกล่าวให้เป็นความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน
มาตรา ๔๘ ผู้ใดฝ่าฝืนข้อกำหนดของศาลในการควบคุมความประพฤติ ห้ามเข้าเขตห้ามคบ หรือห้ามเข้าใกล้เด็กตามมาตรา ๓๓ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๔๙ ผู้ใดจัดตั้งหรือดำเนินกิจการสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ หรือสถานพัฒนาและฟื้นฟู โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือใบอนุญาตถูกเพิกถอนหรือหมดอายุ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าผู้ฝ่าฝืนตามบัญญัติในวรรคหนึ่งไม่ใช่บุคคลธรรมดา ผู้จัดการหรือผู้แทนของนิติบุคคลนั้น ต้องรับระวางโทษตามที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่งด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการกระทำความผิดนั้นตนมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
มาตรา ๕๐ เจ้าของหรือผู้ปกครองสวัสดิภาพของสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ หรือสถานพัฒนาและฟื้นฟู ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกฎกระทรวง หรือระเบียบที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าผู้ฝ่าฝืนตามบัญญัติในวรรคหนึ่งไม่ใช่บุคคลธรรมดา ผู้จัดการหรือผู้แทนของนิติบุคคลนั้น ต้องรับระวางโทษตามที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่งด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการกระทำความผิดนั้นตนมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
มาตรา ๕๑ ผู้ใดกระทำการเป็นผู้ปกครองสวัสดิภาพของสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ หรือสถานพัฒนาและฟื้นฟู โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือใบอนุญาตถูกเพิกถอนหรือหมดอายุ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๕๒ ผู้ใดกระทำการอินเทอร์ยูธ ส่งเสริม ช่วยเหลือ หรือสนับสนุนให้เด็กเร่ร่อนหรือเด็กที่ตกเป็นผู้ปฏิบัติตามมาตรา ๑๙ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๕๓ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของศาลในการทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์ตามมาตรา ๒๕ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
บทเฉพาะกาล
มาตรา ๕๔ ให้สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ หรือสถานพัฒนาและฟื้นฟูที่ได้จดทะเบียนหรือได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ และยังคงดำเนินกิจการอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ ให้ถือว่าเป็นสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ หรือสถานพัฒนาและฟื้นฟูที่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๕๕ บรรดากฎกระทรวง ข้อบังคับ ประกาศ หรือคำสั่งที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไป
```
- 25 - สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 312 ลงวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2515 ให้คงใช้บังคับต่อไปได้ เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้ จนกว่าจะมีการออกกฎกระทรวง ข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งตามพระราชบัญญัตินี้