「1979년 이민법」
• 국 가 ‧ 지 역: 태국 • 제 정 일: 1979년 2월 24일 • 개 정 일: 2018년 3월 24일(일부개정)
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๒ เป็นปีที่ ๓๔ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มี พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยคน เข้าเมือง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติ ขึ้นไว้ โดยค าแนะน าและยินยอมของสภานิติบัญญัติ แห่งชาติ ท าหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้ 현 왕조의 34번째 해인 1979년(불기2522년) 2월 24일에 푸미폰아둔야뎃 국왕 폐하께서 하 사하셨다. 푸미폰아둔야뎃 국왕 폐하께서는 다음과 같이 공포하도록 하셨다. 이민법을 개정하는 것이 타당하므 로, 국회의 자문과 동의를 통하여 다 음과 같이 법률을 개정한다.
พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติคนเข้า เมือง พ.ศ. ๒๕๒๒”
พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นก าหนดเก้า สิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็น ต้นไป
ให้ยกเลิก
ในพระราชบัญญัตินี้ “คนต่างด้าว” หมายความว่า บุคคลธรรมดาซึ่งไม่ มีสัญชาติไทย “พาหนะ” หมายความว่า ยานพาหนะหรือสัตว์ พาหนะ หรือสิ่งอื่นใดที่อาจน าบุคคลจากที่แห่ง หนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่ง “เจ้าของพาหนะ” หมายความรวมถึงตัวแทน เจ้าของ ผู้เช่า ตัวแทนผู้เช่า ผู้ครอบครอง หรือ ตัวแทนผู้ครอบครองพาหนะ แล้วแต่กรณี “ผู้ควบคุมพาหนะ” หมายความว่า นายเรือหรือ ผู้รับผิดชอบในการควบคุมพาหนะ “คนประจ าพาหนะ” หมายความว่า ผู้ซึ่งมี ต าแหน่งหน้าที่ประจ าหรือท างานประจ าพาหนะ และเพื่อประโยชน์แห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ หมายความรวมถึงผู้ควบคุมพาหนะซึ่งขับขี่ พาหนะโดยไม่มีคนประจ าพาหนะ “คนโดยสาร” หมายความว่า ผู้ซึ่งเดินทางโดย พาหนะไม่ว่าในกรณีใด ๆ นอกจากผู้ควบคุม พาหนะและคนประจ าพาหนะ “คนเข้าเมือง” หมายความว่า คนต่างด้าวซึ่งเข้า มาในราชอาณาจักร “แพทย์ตรวจคนเข้าเมือง” หมายความว่า แพทย์ ซึ่งอธิบดีแต่งตั้งเพื่อปฏิบัติการตาม พระราชบัญญัตินี้ “เจ้าบ้าน” หมายความว่า ผู้ซึ่งเป็นหัวหน้า ครอบครองบ้าน ในฐานะเป็นเจ้าของผู้เช่า หรือใน ฐานะอื่นใด ตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียน ราษฎร “เคหสถาน” หมายความว่า ที่ซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัย เช่น เรือน โรง เรือ หรือแพซึ่งคนอยู่อาศัย และให้ หมายความรวมถึงบริเวณของที่ซึ่งใช้เป็นที่อยู่ อาศัยนั้นด้วย จะมีรั้วล้อมหรือไม่ก็ตาม ตาม ประมวลกฎหมายอาญา “โรงแรม” หมายความว่า บรรดาสถานที่ทุกชนิดที่ จัดตั้งขึ้นเพื่อรับสินจ้างส าหรับคนเดินทางหรือ บุคคลที่ประสงค์จะหาที่อยู่หรือที่พักชั่วคราว ตาม กฎหมายว่าด้วยโรงแรม “ผู้จัดการโรงแรม” หมายความว่า บุคคลผู้ควบคุม หรือจัดการโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการ พิจารณาคนเข้าเมือง “พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า เจ้าพนักงาน ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งเพื่อปฏิบัติการตาม พระราชบัญญัตินี้ “อธิบดี” หมายความว่า อธิบดีกรมต ารวจ “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการ ตามพระราชบัญญัตินี้
ให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัติ นี้ และให้มีอ านาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่และ ออกกฎกระทรวงก าหนดค่าธรรมเนียมกับค่าท า การและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ไม่เกินอัตราตามบัญชี ท้ายพระราชบัญญัตินี้ และก าหนดกิจการอื่นเพื่อ ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้[๒] กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจา นุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้
ให้มีคณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมืองคณะหนึ่ง ประกอบด้วยปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็น ประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ อธิบดีกรมต ารวจ อธิบดีกรมแรงงาน อธิบดีกรม อัยการ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการ ลงทุน เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้อ านวยการองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย เป็นกรรมการ และผู้บังคับการกอง ตรวจคนเข้าเมือง เป็นกรรมการและเลขานุการ
ให้คณะกรรมการมีอ านาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
ในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการตาม พระราชบัญญัตินี้ ให้กรรมการและเลขานุการ เสนอเรื่องที่อยู่ในอ านาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ต่อประธานกรรมการหรือในกรณีที่ประธาน กรรมการไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ให้เสนอ ความเห็นต่อกรรมการซึ่งที่ประชุมมอบหมายโดย มิชักช้า และให้ประธานกรรมการหรือกรรมการ ดังกล่าวเป็นผู้เรียกประชุมตามความรีบด่วนของ เรื่อง ตามหลักเกณฑ์ที่ที่ประชุมก าหนด ในการประชุมของคณะกรรมการ ถ้าประธาน กรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อยู่ในที่ประชุม ให้ที่ ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ ประชุม การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมา ประชุมไม่ต ่ากว่ากึ่งหนึ่งของจ านวนกรรมการ ทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออก เสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
คณะกรรมการอาจตั้งคณะอนุกรรมการหรือมอบ อ านาจให้พนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการอย่าง ใดอย่างหนึ่งตามที่จะมอบหมายก็ได้ การประชุมของคณะอนุกรรมการให้น ามาตรา ๘ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ คณะกรรมการมีอ านาจเรียกเป็นหนังสือให้บุคคล ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อเท็จจริง หรือให้ส่งเอกสาร เกี่ยวกับเรื่องที่อยู่ในอ านาจหน้าที่ของ คณะกรรมการได้
บุคคลซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอก ราชอาณาจักรจะต้องเดินทางเข้ามาหรือออกไป ตามช่องทาง ด่านตรวจคนเข้าเมือง เขตท่า สถานี หรือท้องที่และตามก าหนดเวลา ทั้งนี้ ตามที่ รัฐมนตรีจะได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ห้ามมิให้คนต่างด้าวซึ่งมีลักษณะอย่างใดอย่าง หนึ่งดังต่อไปนี้เข้ามาในราชอาณาจักร
คนต่างด้าวดังต่อไปนี้ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องมี หนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือ เดินทาง
รัฐมนตรีมีอ านาจก าหนดให้คนต่างด้าวซึ่งเข้ามา ในราชอาณาจักรมีเงินติดตัว หรือมีประกันหรือจะ ยกเว้นภายใต้เงื่อนไขใด ๆ ก็ได้ ทั้งนี้ โดย ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ประกาศตามวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่เด็กอายุต ่า กว่าสิบสองปี
คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรตราบเท่าที่ อยู่ในฐานะดังต่อไปนี้ให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้อง ปฏิบัติการตามหน้าที่ของคนต่างด้าวตามที่ ก าหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ นอกจากการ ปฏิบัติหรือการต้องห้ามตามมาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ (๑) (๔) และ (๕) และมาตรา ๑๘ วรรคสอง
ในกรณีที่มีพฤติการณ์ซึ่งรัฐมนตรีเห็นว่า เพื่อ ประโยชน์แก่ประเทศหรือเพื่อความสงบเรียบร้อย วัฒนธรรมหรือศีลธรรมอันดี หรือความผาสุกของ ประชาชน ไม่สมควรอนุญาตให้คนต่างด้าวผู้ใด หรือจ าพวกใดเข้ามาในราชอาณาจักร รัฐมนตรีมี อ านาจสั่งไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวผู้นั้นหรือ จ าพวกนั้นเข้ามาในราชอาณาจักรได้
ในกรณีพิเศษเฉพาะเรื่อง รัฐมนตรีโดยอนุมัติของ คณะรัฐมนตรีจะอนุญาตให้คนต่างด้าวผู้ใดหรือ จ าพวกใดเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรภายใต้ เงื่อนไขใด ๆ หรือจะยกเว้นไม่จ าต้องปฏิบัติตาม พระราชบัญญัตินี้ ในกรณีใด ๆ ก็ได้
พนักงานเจ้าหน้าที่มีอ านาจตรวจบุคคลซึ่งเดิน ทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร เพื่อการนี้ บุคคลซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไป นอกราชอาณาจักรต้องผ่านการตรวจอนุญาตของ พนักงานเจ้าหน้าที่ของด่านตรวจคนเข้าเมือง ประจ าเส้นทางนั้น และถ้าผู้นั้นเป็นคนต่างด้าว ต้องยื่นรายการตามแบบที่ก าหนดในกฎกระทรวง ด้วย
ในการตรวจและพิจารณาว่าคนต่างด้าวผู้ใด ต้องห้ามมิให้เข้ามาในราชอาณาจักรหรือไม่ พนักงานเจ้าหน้าที่มีอ านาจพิจารณาอนุญาตให้ คนต่างด้าวผู้นั้นไปพักอาศัยอยู่ ณ ที่ที่เห็นสมควร โดยให้ค ารับรองว่าจะมาพบพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อรับทราบค าสั่งตามวัน เวลา และสถานที่ที่ ก าหนดก็ได้ หรือถ้าพนักงานเจ้าหน้าที่เห็นสมควร จะเรียกประกันหรือเรียกทั้งประกันและ หลักประกันก็ได้ หรือพนักงานเจ้าหน้าที่จะกักตัวผู้ นั้นไว้ ณ สถานที่ใดตามที่เห็นเหมาะสมเพื่อ ด าเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ก็ได้ เพื่อประโยชน์แห่งบทบัญญัติในวรรคหนึ่ง พนักงานเจ้าหน้าที่มีอ านาจเรียกบุคคลซึ่งมีเหตุ อันควรเชื่อว่าถ้อยค าของบุคคลนั้นอาจเป็น ประโยชน์แก่กรณีที่สงสัยให้มาสาบานหรือ ปฏิญาณตนและให้ถ้อยค าต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ได้ ถ้ามีเหตุอันควรสงสัยว่าคนต่างด้าวผู้ใดเข้ามาใน ราชอาณาจักรเพื่อการอันระบุในมาตรา ๑๒ (๘) หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการนั้น หรือหญิงหรือเด็ก คนใดเข้ามาเพื่อการเช่นว่านั้น พนักงานเจ้าที่อาจ อนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรได้ชั่วคราวโดย สั่งให้บุคคลดังกล่าวมารายงานตน และตอบ ค าถามของพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือจะสั่งให้ไป รายงานตนและตอบค าถามของเจ้าพนักงาน ต ารวจ ณ สถานีต ารวจท้องที่ที่ผู้นั้นอาศัยอยู่ ตาม ระยะเวลาที่พนักงานเจ้าหน้าที่ก าหนดก็ได้แต่ ระยะเวลาที่ก าหนดให้รายงานตนและตอบค าถาม ต้องห่างกันไม่น้อยกว่าเจ็ดวันต่อครั้ง
ในการที่พนักงานเจ้าหน้าที่กักตัวคนต่างด้าวผู้ใด ไว้ตามมาตรา ๑๙ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอ านาจ กักตัวคนต่างด้าวผู้นั้นได้เท่าที่จ าเป็นตาม พฤติการณ์แห่งกรณี แต่ห้ามมิให้กักตัวไว้เกินสี่สิบ แปดชั่วโมงนับแต่เวลาที่ผู้ถูกกักตัวมาถึงที่ท าการ ของพนักงานเจ้าหน้าที่ ในกรณีที่มีเหตุจ าเป็นจะ ยืดเวลาเกินสี่สิบแปดชั่วโมงก็ได้ แต่มิให้เกินเจ็ด วันและให้พนักงานเจ้าหน้าที่บันทึกเหตุจ าเป็นที่ ต้องยืดเวลาไว้ให้ปรากฏด้วย ในกรณีที่มีเหตุจ าเป็นต้องกักตัวคนต่างด้าวผู้ใดไว้ เกินก าหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงาน เจ้าหน้าที่ยื่นค าร้องต่อศาลขอให้มีอ านาจกักตัว คนต่างด้าวผู้นั้นไว้ต่อไปอีกได้ และศาลอาจสั่งให้ มีอ านาจกักตัวไว้เท่าที่จ าเป็นครั้งละไม่เกินสิบสอง วัน แต่ถ้าศาลเห็นสมควรจะสั่งให้ปล่อยตัวไป ชั่วคราวโดยเรียกประกัน หรือเรียกทั้งประกันและ หลักประกันก็ได้
ค่าใช้จ่ายในการกักตัวคนต่างด้าวตามมาตรา ๑๙ และมาตรา ๒๐ ให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุม พาหนะที่น าเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นผู้เสีย ใน กรณีที่ไม่ปรากฏตัวเจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุม พาหนะหรือเข้ามาโดยไม่มีพาหนะ ให้คนต่างด้าว ผู้นั้นเป็นผู้เสีย
ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าคนต่าง ด้าวซึ่งมีลักษณะต้องห้ามมิให้เข้ามาใน ราชอาณาจักรตามมาตรา ๑๒ เข้ามาใน ราชอาณาจักร ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอ านาจสั่ง ให้คนต่างด้าวผู้นั้นกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ได้ โดยมีค าสั่งเป็นหนังสือ ถ้าคนต่างด้าวผู้นั้นไม่ พอใจในค าสั่ง อาจอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีได้ เว้นแต่ กรณีตามมาตรา ๑๒ (๑) หรือ (๑๐) ห้ามมิให้ อุทธรณ์ ค าสั่งของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด แต่ถ้า รัฐมนตรีมิได้มีค าสั่งภายในเจ็ดวันนับแต่วันยื่น อุทธรณ์ให้ถือว่ารัฐมนตรีมีค าสั่งว่าคนต่างด้าวผู้ นั้นไม่เป็นผู้ต้องห้ามมิให้เข้ามาในราชอาณาจักร ตามมาตรา ๑๒ การอุทธรณ์ ให้ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในสี่ สิบแปดชั่วโมงนับแต่เวลาที่ได้ทราบค าสั่งของ พนักงานเจ้าหน้าที่ และให้ท าตามแบบและเสีย ค่าธรรมเนียมตามที่ก าหนดในกฎกระทรวง เมื่อคนต่างด้าวยื่นอุทธรณ์แล้ว ให้พนักงาน เจ้าหน้าที่รอการส่งตัวคนต่างด้าวผู้นั้นออกไปนอก ราชอาณาจักรไว้จนกว่าจะได้มีค าสั่งของรัฐมนตรี ในกรณีนั้น ในระหว่างด าเนินการตามค าสั่งของพนักงาน เจ้าหน้าที่ หรือระหว่างรอฟังค าสั่งของรัฐมนตรี แล้วแต่กรณี ให้น ามาตรา ๑๙ วรรคหนึ่งมาใช้ บังคับโดยอนุโลม แต่มิให้น ามาตรา ๒๐ มาใช้ บังคับด้วย
เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะ จะต้องน า พาหนะเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร ตามช่องทาง ด่านตรวจคนเข้าเมือง เขตท่า สถานี หรือท้องที่และตามก าหนดเวลา ทั้งนี้ ตามที่ รัฐมนตรีจะได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
พนักงานเจ้าหน้าที่มีอ านาจตรวจพาหนะที่เข้ามา ในหรือที่จะออกไปนอกราชอาณาจักร หรือ พาหนะที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ารับคนโดยสารเข้า มาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ใน กรณีที่พาหนะนั้นได้ใช้ในราชการโดยเฉพาะของ รัฐบาลไทยหรือของรัฐบาลต่างประเทศที่ได้รับ อนุญาตจากรัฐบาลไทยแล้ว
พาหนะใดที่เข้ามาในหรือที่จะออกไปนอก ราชอาณาจักร เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุม พาหนะต้องแจ้งก าหนดวันและเวลาที่พาหนะจะ เข้ามาถึงหรือจะออกจากเขตท่าสถานีหรือท้องที่ ตามแบบที่ก าหนดในกฎกระทรวงต่อพนักงาน เจ้าหน้าที่ ณ ที่ท าการตรวจคนเข้าเมืองซึ่งควบคุม เขตท่า สถานี หรือท้องที่นั้น ภายในก าหนดเวลาที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ประกาศไว้ ในกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติตามวรรคหนึ่งได้ ให้ เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะไปแจ้งด้วย ตนเองต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ ที่ท าการตรวจคน เข้าเมืองที่ใกล้ที่สุดโดยมิชักช้า การแจ้งตามความในมาตรานี้ ถ้ารัฐมนตรี เห็นสมควรจะให้ยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติหรือให้ ปฏิบัติภายใต้เงื่อนไขอย่างใดแก่พาหนะใดก็ได้
พาหนะใดที่เข้ามาในหรือที่จะออกไปนอก ราชอาณาจักร เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุม พาหนะต้องยื่นรายการตามแบบที่ก าหนดใน กฎกระทรวงและผ่านการตรวจของพนักงาน เจ้าหน้าที่ ณ ที่และภายใต้เงื่อนไขที่อธิบดี ประกาศก าหนด ในกรณีที่มีเหตุจ าเป็นต้องท าการตรวจ ณ ที่อื่น นอกจากที่อธิบดีประกาศก าหนดตามวรรคหนึ่ง ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีหรือพนักงาน เจ้าหน้าที่ที่อธิบดีมอบหมาย
เพื่อประโยชน์ในการตรวจ ให้เจ้าของพาหนะหรือ ผู้ควบคุมพาหนะที่เข้ามาในหรือที่จะออกไปนอก ราชอาณาจักรมีหน้าที่ปฏิบัติดังต่อไปนี้
ในระหว่างที่ยังอยู่ในราชอาณาจักร ถ้ามีการเพิ่ม หรือลด หรือเปลี่ยนคนประจ าพาหนะที่เข้ามาใน หรือที่จะออกไปนอกราชอาณาจักร หรือคนประจ า พาหนะดังกล่าวผู้ใดจะไม่กลับออกไปนอก ราชอาณาจักร ให้เจ้าของพาหนะหรือในกรณีที่ไม่ มีเจ้าของพาหนะอยู่ในราชอาณาจักร ให้ผู้ควบคุม พาหนะแจ้งแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบที่ ก าหนดในกฎกระทรวง ในกรณีที่คนประจ าพาหนะจะไม่กลับออกไป ดังกล่าวในวรรคหนึ่งและคนประจ าพาหนะนั้น เป็นคนต่างด้าว ให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุม พาหนะ แล้วแต่กรณี น าบุคคลผู้นั้นไปมอบแก่ พนักงานเจ้าหน้าที่โดยมิชักช้า ถ้าคนประจ าพาหนะตามวรรคสองขัดขืนไม่ยอม ให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะ แล้วแต กรณี ปฏิบัติตามวรรคสองให้น ามาตรา ๒๙ วรรค สอง มาใช้บังคับโดยอนุโลม ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ การปฏิบัติการตามวรรคนี้ให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ ควบคุมพาหนะเป็นผู้เสีย
เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจพบคนต่างด้าวผู้ใดมี ลักษณะต้องห้ามมิให้เข้ามาในราชอาณาจักร หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นผู้มีลักษณะต้องห้าม มิให้เข้ามาในราชอาณาจักร พนักงานเจ้าหน้าที่มี อ านาจสั่งให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะ จัดการควบคุมคนต่างด้าวผู้นั้นไว้ในพาหนะ หรือ ให้ส่งตัวไปยังสถานที่ใด เพื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จะได้ควบคุมไว้ตรวจสอบ หรือให้ส่งตัวกลับ ออกไปนอกราชอาณาจักร ในกรณีที่คนต่างด้าวตามวรรคหนึ่งขัดขืนหรือก่อ ความวุ่นวาย เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุม พาหนะหรือผู้แทนอาจขอให้พนักงานฝ่ายปกครอง หรือต ารวจควบคุมหรือจับกุมคนต่างด้าวผู้นั้นไว้ ถ้าไม่สามารถจะขอความช่วยเหลือจากพนักงาน ฝ่ายปกครองหรือต ารวจได้ทันท่วงทีให้มีอ านาจ จับคนต่างด้าวผู้นั้นได้เอง แล้วส่งตัวไปยัง พนักงานฝ่ายปกครองหรือต ารวจ และให้พนักงาน ฝ่ายปกครองหรือต ารวจนั้นรีบจัดส่งตัวไปยัง พนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อด าเนินการตาม พระราชบัญญัตินี้ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการปฏิบัติการตามมาตรานี้ ให้ เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะเป็นผู้เสีย
ในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่า มีการฝ่ าฝืน พระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอ านาจ สั่งให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะ หยุด พาหนะหรือน าพาหนะไปยังที่ใดที่หนึ่งตามท จ าเป็นเพื่อการตรวจ การสั่งตามวรรคหนึ่งจะกระท าโดยใช้สัญญาณ หรือวิธีอื่นใดอันเป็นที่เข้าใจกันก็ได้
พาหนะใดที่เข้ามาในราชอาณาจักร นับแต่เวลาที่ พาหนะนั้นผ่านเข้ามาในราชอาณาจักรแล้ว จนกว่าพนักงานเจ้าหน้าที่จะท าการตรวจเสร็จ ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิใช่เจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ เกี่ยวข้องกับพาหนะนั้น ขึ้นไปบนพาหนะหรือน า พาหนะอื่นเข้าเทียบหรือเข้าไปในบริเวณหรือ สถานที่ที่จัดไว้เพื่อการตรวจ ทั้งนี้ เว้นแต่จะได้รับ อนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ห้ามมิให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะ ยินยอมหรือละเลยให้ผู้ใดกระท าการตามวรรค หนึ่ง
พาหนะใดที่จะออกไปนอกราชอาณาจักร ใน ระหว่างที่พนักงานเจ้าหน้าที่ท าการตรวจหรือ หลังจากที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ท าการตรวจแล้ว แต่พาหนะนั้นยังอยู่ในราชอาณาจักร ห้ามมิให้ ผู้ใดซึ่งมิใช่เจ้าพนักงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับ พาหนะนั้น ขึ้นไปบนพาหนะหรือน าพาหนะอื่นเข้า เทียบ ทั้งนี้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงาน เจ้าหน้าที่ ความในวรรคหนึ่งให้น ามาใช้บังคับเกี่ยวกับ บริเวณหรือสถานที่ที่จัดไว้เพื่อการตรวจใน ระหว่างผู้ซึ่งจะออกไปนอกราชอาณาจักรยังมิได้ ขึ้นไปบนพาหนะด้วย ห้ามมิให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะ ยินยอมหรือละเลยให้ผู้ใดกระท าการตามมาตรานี้
ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องกระท าการตรวจ พาหนะนอกเวลาราชการหรือต้องไปท าการตรวจ พาหนะ ณ ที่อื่น นอกจากที่อธิบดีประกาศก าหนด ตามมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง หรือต้องไปนอก สถานที่ท าการเพื่อควบคุมพาหนะไว้หรือต้องรอ เพื่อตรวจพาหนะอันมิใช่ความผิดของพนักงาน เจ้าหน้าที่ ให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะ นั้นเสียเงินค่าท าการและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามที่ ก าหนดในกฎกระทรวง
คนต่างด้าวซึ่งจะเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการ ชั่วคราวได้จะต้องเข้ามาเพื่อการดังต่อไปนี้
คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการ ชั่วคราวตามมาตรา ๓๔ อธิบดีหรือพนักงาน เจ้าหน้าที่ซึ่งอธิบดีมอบหมายจะอนุญาตให้อยู่ใน ราชอาณาจักรภายใต้เงื่อนไขใด ๆ ก็ได้ ระยะเวลาที่จะอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรให้ ก าหนดดังนี้
คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ใน ราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว หากมีพฤติการณ์ ที่สมควรเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ใน ราชอาณาจักร ให้อธิบดีหรือคณะกรรมการมี อ านาจเพิกถอนการอนุญาตที่ได้อนุญาตไว้นั้นได ไม่ว่าอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายเป็นผู้ อนุญาต ในกรณีที่อธิบดีมีค าสั่งเพิกถอนการอนุญาต คน ต่างด้าวซึ่งถูกเพิกถอนการอนุญาตอาจยื่น อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการได้ ค าสั่งของ คณะกรรมการให้เป็นที่สุด แต่ในกรณีที่ คณะกรรมการมีค าสั่งเพิกถอนการอนุญาต ค าสั่ง ของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด การอุทธรณ์ค าสั่งของอธิบดีตามวรรคสอง ให้ยื่น ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในสี่สิบแปดชั่วโมงนับ แต่เวลาที่ได้ทราบค าสั่งของอธิบดี และให้ท าตาม แบบและเสียค่าธรรมเนียมตามที่ก าหนดใน กฎกระทรวง เมื่อมีการเพิกถอนการอนุญาตตามวรรคหนึ่ง ให้ ท าเป็นหนังสือแจ้งแก่คนต่างด้าว ในกรณีที่ไม่อาจ ส่งหนังสือเช่นว่านี้แก่คนต่างด้าวได้ เมื่อพนักงาน เจ้าหน้าที่ได้ปิดไว้ ณ ที่พักของคนต่างด้าวที่ได้ แจ้งแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ไว้ครบก าหนดสี่สิบแปด ชั่วโมง ให้ถือว่าคนต่างด้าวผู้นั้นได้รับทราบค าสั่ง แล้ว
คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ใน ราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ต้องปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
เจ้าบ้าน เจ้าของหรือผู้ครอบครองเคหสถาน หรือ ผู้จัดการโรงแรมซึ่งรับคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาต ให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเข้าพัก อาศัย จะต้องแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ ที่ท า การตรวจคนเข้าเมืองซึ่งตั้งอยู่ในท้องที่ที่บ้าน เคหสถาน หรือโรงแรมนั้นตั้งอยู่ภายในยี่สิบสี่ ชั่วโมงนับแต่เวลาที่คนต่างด้าวเข้าพักอาศัย ถ้า ท้องที่ใดไม่มีที่ท าการตรวจคนเข้าเมืองตั้งอยู่ให้ แจ้งต่อเจ้าพนักงานต ารวจ ณ สถานีต ารวจท้องที่ นั้น ในกรณีที่บ้าน เคหสถาน หรือโรงแรมที่คนต่าง ด้าวเข้าพักอาศัยตามวรรคหนึ่งตั้งอยู่ในเขตท้องที่ กรุงเทพมหานคร ให้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ กองตรวจคนเข้าเมือง การแจ้งตามวรรคหนึ่งและวรรคสองให้เป็นไปตาม ระเบียบที่อธิบดีก าหนด
คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ใน ราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว หากเดินทางออก ไปนอกราชอาณาจักร ให้ถือว่าการได้รับอนุญาต ให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวดังกล่าว เป็นอันสิ้นสุด แต่ถ้าก่อนเดินทางออกไปนอก ราชอาณาจักร ได้รับอนุญาตจากพนักงาน เจ้าหน้าที่ให้กลับเข้ามาในราชอาณาจักรได้อีก และคนต่างด้าวนั้นได้กลับเข้ามาในราชอาณาจักร โดยไม่เป็นผู้ต้องห้ามตามมาตรา ๑๒ ถ้า ระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ยังมีเหลืออยู่ ให้อยู่ในราชอาณาจักรต่อไปได้เท่า ระยะเวลาที่ยังเหลืออยู่นั้น การขออนุญาตเพื่อกลับเข้ามาในราชอาณาจักร อีก ให้คนต่างด้าวยื่นค าขอตามแบบและเสีย ค่าธรรมเนียมตามอัตราและหลักเกณฑ์ที่ก าหนด ในกฎกระทรวง
ภายใต้บังคับมาตรา ๔๒ มาตรา ๔๓ และมาตรา ๕๑ ให้รัฐมนตรีโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรีมีอ านาจ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาก าหนดจ านวนคน ต่างด้าว ซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรเป็นราย ปี แต่มิให้เกินประเทศละหนึ่งร้อยคนต่อปี และ ส าหรับคนไร้สัญชาติมิให้เกินห้าสิบคนต่อปี เพื่อประโยชน์แห่งการก าหนดจ านวนคนต่างด้าว บรรดาอาณานิคมของประเทศหนึ่งรวมกันหรือแต่ ละอาณาจักรซึ่งมีการปกครองของตนเองให้ถือ เป็นประเทศหนึ่ง
คนต่างด้าวจะเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร มิได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ และด้วยความเห็นชอบของรัฐมนตรี ทั้งนี้ ภายใน จ านวนที่รัฐมนตรีประกาศตามมาตรา ๔๐ และ ได้รับใบส าคัญถิ่นที่อยู่ตามมาตรา ๔๗ แล้ว เพื่อให้การเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรของ คนต่างด้าวเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประเทศให้ มากที่สุด ให้คณะกรรมการก าหนดหลักเกณฑ์ เกี่ยวกับคุณสมบัติของคนต่างด้าวซึ่งขอเข้ามามี ถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยค านึงถึง รายได้ สินทรัพย์ ความรู้ ความสามารถในด้านวิชาชีพ และฐานะในครอบครัวของคนต่างด้าวดังกล่าวกับ บุคคลซึ่งมีสัญชาติไทย เงื่อนไขเกี่ยวกับความ มั่นคงของชาติ หรือเงื่อนไขอื่นตามความ เหมาะสม เพื่อใช้เป็นหลักเกณฑ์และเงื่อนไขใน การพิจารณาอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามามีถิ่นที่ อยู่ในราชอาณาจักร การขออนุญาต คนต่างด้าวจะขอก่อนเดินทางเข้า มาในราชอาณาจักรหรือขอภายหลังได้รับอนุญาต ให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวแล้วก็ได้ เพื่อประโยชน์แห่งพระราชบัญญัตินี้ คณะกรรมการมีอ านาจที่จะก าหนดหลักเกณฑ์ให้ คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการ ชั่วคราวกรณีใดกรณีหนึ่งตามมาตรา ๓๔ อาจยื่น ค าขอเพื่อมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรได้ คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ใน ราชอาณาจักรก่อนเดินทางเข้ามาใน ราชอาณาจักร จะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ต่อเมื่อเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรและได้ยื่น รายการและผ่านการตรวจอนุญาตของพนักงาน เจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๑๘ วรรคสอง และไม่เป็นผู้ ต้องห้ามตามมาตรา ๑๒ และมาตรา ๔๔ และ ได้รับใบส าคัญถิ่นที่อยู่ตามมาตรา ๔๗ แล้ว ใน ระหว่างขอรับใบส าคัญถิ่นที่อยู่ให้คนต่างด้าวผู้นั้น อยู่ในราชอาณาจักรไปพลางก่อนได้
บุคคลดังต่อไปนี้ไม่อยู่ภายใต้บังคับของประกาศ ก าหนดจ านวนคนต่างด้าว ซึ่งรัฐมนตรีประกาศ ตามมาตรา ๔๐
คนต่างด้าวที่น าเงินตราต่างประเทศเข้ามาลงทุน ในราชอาณาจักรเป็นจ านวนไม่น้อยกว่าสิบล้าน บาท เมื่อคณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่ เป็นการฝ่ าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ คณะกรรมการโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีจะ อนุญาตให้คนต่างด้าวผู้นั้นมีถิ่นที่อยู่ใน ราชอาณาจักรนอกเหนือจากจ านวนคนต่างด้าวที่ รัฐมนตรีประกาศตามมาตรา ๔๐ ก็ได้ แต่ในปี หนึ่ง ๆ จะเกินร้อยละห้าของจ านวนดังกล่าวมิได้ เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบเกี่ยวกับเงินตรา ต่างประเทศที่น าเข้ามาลงทุน คนต่างด้าวซึ่งได้รับ อนุญาตให้เข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรตาม วรรคหนึ่งต้องแสดงฐานะการเงินตามระเบียบที คณะกรรมการก าหนดเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสองปี แต่ไม่เกินห้าปี ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการ เห็นสมควร
ห้ามมิให้คนต่างด้าวผู้ใดเข้ามามีถิ่นที่อยู่ใน ราชอาณาจักร ถ้าปรากฏว่า
คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ใน ราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว หากประสงค์จะมี ถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ให้ยื่นค าขอตามแบบที่ ก าหนดในกฎกระทรวง ณ ที่ท าการตรวจคนเข้า เมืองในท้องที่ที่ตนอยู่ ในกรณีที่ท้องที่นั้นไม่มีที่ท า การตรวจคนเข้าเมือง ให้ยื่นค าขอ ณ ที่ท าการ ตรวจคนเข้าเมืองที่ใกล้เคียง เมื่อคณะกรรมการ พิจารณาแล้วเห็นว่ายังไม่เกินจ านวนที่รัฐมนตรี ประกาศตามมาตรา ๔๐ หรือจ านวนตามมาตรา ๔๓ แล้วแต่กรณี หรือเป็นบุคคลตามมาตรา ๔๒ และไม่เป็นผู้ต้องห้ามตามมาตรา ๔๔ แล้ว จะ อนุญาตให้คนต่างด้าวผู้นั้นมีถิ่นที่อยู่ใน ราชอาณาจักรโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีก็ได้ คนต่างด้าวซึ่งได้ยื่นค าขอเพื่อมีถิ่นที่อยู่ใน ราชอาณาจักร หากก าหนดระยะเวลาที่ได้รับ อนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว จะสิ้นสุดลงในระหว่างการพิจารณา คนต่างด้าวผู้ นั้นอาจยื่นค าขอ ณ ที่ท าการตรวจคนเข้าเมือง แห่งเดียวกันนั้น เพื่ออยู่ในราชอาณาจักรต่อไป จนถึงวันได้รับทราบผลการพิจารณา ให้ คณะกรรมการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่ง คณะกรรมการมอบหมายมีอ านาจอนุญาตได้ การ อนุญาตนี้ คณะกรรมการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งคณะกรรมการมอบหมายจะก าหนดเงื่อนไข ประการใดก็ได้ การยื่นค าขออนุญาตตามวรรคหนึ่ง ให้เสีย ค่าธรรมเนียมตามที่ก าหนดในกฎกระทรวง
คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักร ถ้าใน ระหว่างรอรับใบส าคัญถิ่นที่อยู่ตามมาตรา ๔๑ หรืออยู่ในระหว่างรอรับทราบผลของการพิจารณา ของคณะกรรมการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่ง คณะกรรมการมอบหมายตามมาตรา ๔๕ วรรค สอง คนต่างด้าวผู้นั้นเดินทางออกไปนอก ราชอาณาจักร ให้ถือว่าการผ่อนผันให้อยู่ใน ราชอาณาจักรตามมาตรา ๔๑ วรรคห้า หรือ มาตรา ๔๕ วรรคสอง เป็นอันสิ้นสุด เว้นแต่ก่อน เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรได้รับอนุญาต จากพนักงานเจ้าหน้าที่ให้กลับเข้ามาใน ราชอาณาจักรอีก และคนต่างด้าวผู้นั้นได้กลับเข้า มาภายในระยะเวลาที่พนักงานเจ้าหน้าที่ก าหนด ให้คนต่างด้าวผู้นั้นอยู่ในราชอาณาจักรต่อไปได้ ตามที่ได้รับการผ่อนผัน
คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ใน ราชอาณาจักรจะต้องขอรับใบส าคัญถิ่นที่อยู่จาก อธิบดีหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งอธิบดีมอบหมาย ไว้เป็นหลักฐาน ภายในเวลาสามสิบวันนับแต่วันที่ ได้รับแจ้งจากพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นลายลักษณ์ อักษร ในกรณีที่คนต่างด้าวอายุต ่ากว่าสิบสองปีได้รับ อนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ผู้ใช้อ านาจ ปกครองหรือผู้ปกครองต้องขอรับใบส าคัญถิ่นที่ อยู่ในนามของคนต่างด้าวผู้นั้น ในการนี้อธิบดีหรือ พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งอธิบดีมอบหมายจะออก ใบส าคัญถิ่นที่อยู่ให้ต่างหาก หรือรวมกันกับผู้ใช้ อ านาจปกครองหรือผู้ปกครองก็ได้ ถ้าไม่ขอรับใบส าคัญถิ่นที่อยู่ในระยะเวลาตาม วรรคหนึ่ง คณะกรรมการอาจสั่งระงับการอนุญาต ให้มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรเสียได้ ในกรณีเช่นนี้ การผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรตามมาตรา ๔๑ วรรคห้า หรือมาตรา ๔๕ วรรคสอง เป็นอัน สิ้นสุด ผู้ขอรับใบส าคัญถิ่นที่อยู่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ตามอัตราและหลักเกณฑ์ที่ก าหนดในกฎกระทรวง
ใบส าคัญถิ่นที่อยู่ให้ใช้ได้ตลอดไป แต่ถ้าผู้ถือ ใบส าคัญถิ่นที่อยู่ได้เดินทางออกไปนอก ราชอาณาจักรแล้ว ใบส าคัญถิ่นที่อยู่นั้นเป็นอันใช้ ไม่ได้ต่อไป เว้นแต่ก่อนที่จะเดินทางออกไปนอก ราชอาณาจักรผู้ถือใบส าคัญถิ่นที่อยู่ได้น า ใบส าคัญถิ่นที่อยู่ไปให้พนักงานเจ้าหน้าที่ท า หลักฐานการแจ้งออกไปนอกราชอาณาจักรเพื่อ กลับเข้ามาอีกตามมาตรา ๕๐ ในกรณีเช่นนี้ หาก คนต่างด้าวผู้นั้นกลับเข้ามาในราชอาณาจักร ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่พนักงานเจ้าหน้าที่ท า หลักฐานให้ และไม่เป็นผู้ที่มีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา ๑๒ หรือมาตรา ๔๔ ให้ใบส าคัญถิ่นที่ อยู่นั้นคงใช้ได้ต่อไป บทบัญญัติในมาตรา ๑๒ เฉพาะความใน (๑) ใน ส่วนที่เกี่ยวกับการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง หรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง และความใน (๒) (๓) และ (๔) มิให้น ามาใช้บังคับแก่กรณีตาม วรรคหนึ่ง
ใบส าคัญถิ่นที่อยู่ที่ใช้ไม่ได้ตามมาตรา ๔๘ ให้ผู้ ถือหรือผู้ครอบครองส่งคืนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ใบส าคัญถิ่นที่อยู่ของคนต่างด้าวที่ตาย ให้ผู้ ครอบครองส่งคืนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
คนต่างด้าวซึ่งเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร โดยชอบและประสงค์จะเดินทางออกไปนอก ราชอาณาจักรและจะกลับเข้ามาอีก ให้ปฏิบัติ ดังนี้
คนต่างด้าวซึ่งเคยเข้ามามีถิ่นที่อยู่ใน ราชอาณาจักรแต่ไม่มีหลักฐานการแจ้งออกไป นอกราชอาณาจักรเพื่อกลับเข้ามาอีก หรือมี หลักฐานการแจ้งออกไปนอกราชอาณาจักรเพื่อ กลับเข้ามาอีก แต่มิได้กลับเข้ามาภายในเวลาที่ ก าหนดตามมาตรา ๔๘ หากประสงค์จะกลับเข้า มามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรตามเดิม ให้ยื่นค า ขอตามวิธีการที่ก าหนดในกฎกระทรวงเพื่อ พิจารณาอนุญาต เมื่อคณะกรรมการพิจารณา แล้วเห็นว่า คนต่างด้าวผู้นั้นมีเหตุผลและข้อแก้ตัว อันสมควร ทั้งไม่เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามตาม มาตรา ๑๒ และมาตรา ๔๔ จะอนุญาตให้คนต่าง ด้าวผู้นั้นมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรต่อไปโดย ความเห็นชอบของรัฐมนตรีก็ได้แต่ต้องขอรับ ใบส าคัญถิ่นที่อยู่ใหม่ ในระหว่างการขออนุญาต ให้น ามาตรา ๔๕ วรรคสองมาใช้บังคับโดยอนุโลม บทบัญญัติในมาตรา ๑๒ เฉพาะความใน (๑) ใน ส่วนที่เกี่ยวกับการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง หรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง และความใน (๒) (๓) และ (๙) มิให้น ามาใช้บังคับแก่กรณีตาม วรรคหนึ่ง ผู้ขอรับใบส าคัญถิ่นที่อยู่ใหม่ตามวรรคหนึ่ง ต้อง เสียค่าธรรมเนียมตามอัตราและหลักเกณฑ์ที่ ก าหนดในกฎกระทรวง
เอกสารที่ออกให้ตามพระราชบัญญัตินี้ของผู้ใด สูญหายหรือช ารุดและผู้นั้นประสงค์จะได้ใบ แทน หรือกรณีขอเปลี่ยนใบส าคัญถิ่นที่อยู่ตาม มาตรา ๕๐ (๓) เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่สอบสวน เป็นที่พอใจแล้ว ให้ออกใบแทนหรือเปลี่ยน ใบส าคัญถิ่นที่อยู่ให้ โดยผู้ขอต้องเสีย ค่าธรรมเนียมตามที่ก าหนดในกฎกระทรวง
คนต่างด้าวซึ่งเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร แล้วภายหลังปรากฏว่าเป็นบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์ อย่างใดอย่างหนึ่งตามมาตรา ๑๒ (๗) หรือ (๘) หรือเป็นบุคคลตามมาตรา ๑๒ (๑๐) หรือไม่ ปฏิบัติตามระเบียบที่คณะกรรมการก าหนดตาม มาตรา ๔๓ วรรคสอง หรือเป็นผู้มีลักษณะ ต้องห้ามตามมาตรา ๔๔ หรือเป็นผู้ได้รับโทษตาม มาตรา ๖๓ หรือมาตรา ๖๔ ให้อธิบดีเสนอเรื่องไป ยังคณะกรรมการ ถ้าคณะกรรมการเห็นว่าควร เพิกถอนการอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ใน ราชอาณาจักร ก็ให้เสนอความเห็นต่อรัฐมนตรี เพื่อสั่งเพิกถอนการอนุญาตต่อไป
คนต่างด้าวผู้ใดเข้ามาหรืออยู่ในราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือการอนุญาตนั้นสิ้นสุด หรือถูกเพิกถอนแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่จะส่งตัว คนต่างด้าวผู้นั้นกลับออกไปนอกราชอาณาจักรก็ ได้ ถ้ามีกรณีต้องสอบสวนเพื่อส่งตัวกลับตามวรรค หนึ่ง ให้น ามาตรา ๑๙ และมาตรา ๒๐ มาใช้ บังคับโดยอนุโลม ในกรณีที่มีค าสั่งให้ส่งตัวคนต่างด้าวกลับออกไป นอกราชอาณาจักรแล้ว ในระหว่างรอการส่งกลับ พนักงานเจ้าหน้าที่มีอ านาจอนุญาตให้ไปพัก อาศัยอยู่ ณ ที่ใด โดยคนต่างด้าวผู้นั้นต้องมาพบ พนักงานเจ้าหน้าที่ตามวัน เวลา และสถานที่ที่ ก าหนด โดยต้องมีประกัน หรือมีทั้งประกันและ หลักประกันก็ได้ หรือพนักงานเจ้าหน้าที่จะกักตัว คนต่างด้าวผู้นั้นไว้ ณ สถานที่ใดเป็นเวลานาน เท่าใดตามความจ าเป็นก็ได้ ค่าใช้จ่ายในการกัก ตัวนี้ให้คนต่างด้าวผู้นั้นเป็นผู้เสีย บทบัญญัติในมาตรานี้มิให้ใช้บังคับแก่คนต่างด้าว ซึ่งเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรก่อนวันที่ พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พุทธศักราช ๒๔๘๐ ใช้บังคับ
การส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ตามพระราชบัญญัตินี้พนักงานเจ้าหน้าที่จะส่งตัว กลับโดยพาหนะใดหรือช่องทางใดก็ได้ตามแต่ พนักงานเจ้าหน้าที่จะพิจารณาเห็นสมควร ค่าใช้จ่ายในการส่งคนต่างด้าวกลับดังกล่าวนี้ ให้ เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะที่น าเข้ามา นั้นเป็นผู้เสีย ในกรณีที่ไม่ปรากฏตัวเจ้าของ พาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะ ให้ผู้กระท าความผิด ตามมาตรา ๖๓ หรือมาตรา ๖๔ เป็นผู้เสีย โดย พนักงานเจ้าหน้าที่มีอ านาจเรียกค่าใช้จ่ายในการ ส่งคนต่างด้าวกลับจากผู้กระท าความผิดคนใดคน หนึ่งโดยสิ้นเชิงหรือร่วมกันตามแต่จะเลือก แต่ถ้า คนต่างด้าวนั้นจะขอกลับโดยพาหนะอื่นหรือทาง อื่น โดยยอมเสียค่าใช้จ่ายของตนเอง พนักงาน เจ้าหน้าที่จะอนุญาตก็ได้
ในกรณีที่มีการยกเว้นการตรวจลงตราส าหรับคน ต่างด้าวตามมาตรา ๑๒ (๑) และคนต่างด้าวได้ แสดงตั๋วหรือเอกสารที่ใช้เดินทางอย่างใดอย่าง หนึ่งของเจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะใด หรือแสดงหลักฐานของบุคคลอื่นใด ต่อพนักงาน เจ้าหน้าที่ตามเงื่อนไขที่ก าหนดในกฎกระทรวง เพื่อเป็นประกันในการกลับออกไปนอก ราชอาณาจักรของคนต่างด้าวดังกล่าว ให้ พนักงานเจ้าหน้าที่มีอ านาจสั่งเจ้าของพาหนะ ผู้ ควบคุมพาหนะหรือผู้ที่ออกตั๋ว เอกสารหรือ หลักฐานดังกล่าว แล้วแต่กรณี มิให้ยกเลิก คืน หรือเปลี่ยนแปลงสาระส าคัญในตั๋ว เอกสารหรือ หลักฐานดังกล่าว ทั้งนี้ โดยจะก าหนดเงื่อนไขใด ๆ หรือไม่ก็ได้ การสั่งตามวรรคหนึ่ง ให้กระท าโดยการติดค าสั่ง ไว้กับหรือประทับข้อความค าสั่งลงไว้บนตั๋ว เอกสารหรือหลักฐานดังกล่าว และเมื่อพนักงาน เจ้าหน้าที่ได้สั่งการแล้ว ถ้ามีการยกเลิก คืนหรือ เปลี่ยนแปลงสาระส าคัญในตั๋ว เอกสารหรือ หลักฐานดังกล่าวให้แตกต่างไปจากที่พนักงานเจ้า ที่ได้สั่งการไว้ โดยมิได้รับความเห็นชอบจาก พนักงานเจ้าหน้าที่ การนั้นย่อมไม่สามารถใช้อ้าง กับพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ และพนักงานเจ้าหน้าที่มี อ านาจสั่งเจ้าของพาหนะ ผู้ควบคุมพาหนะหรือผู้ ที่ออกตั๋ว เอกสารหรือหลักฐาน แล้วแต่กรณี ให้ กระท าการตามข้อผูกพันเดิมในตั๋ว เอกสารหรือ หลักฐาน เพื่อประโยชน์ในการส่งคนต่างด้าวนั้น กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
เพื่อประโยชน์แห่งพระราชบัญญัตินี้ ผู้ใดอ้างว่า เป็นคนมีสัญชาติไทย ถ้าไม่ปรากฏหลักฐานอัน เพียงพอที่พนักงานเจ้าหน้าที่จะเชื่อถือได้ว่าเป็น คนมีสัญชาติไทย ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นเป็น คนต่างด้าวจนกว่าผู้นั้นจะพิสูจน์ได้ว่าตนมี สัญชาติไทย การพิสูจน์ตามวรรคหนึ่ง ให้ยื่นค าขอต่อพนักงาน เจ้าหน้าที่ตามแบบและเสียค่าธรรมเนียมตามที่ ก าหนดในกฎกระทรวง หากผู้นั้นไม่พอใจค าสั่ง ของพนักงานเจ้าหน้าที่จะร้องขอต่อศาลให้ พิจารณาก็ได้ ในกรณีที่มีการร้องขอต่อศาล เมื่อได้รับค าร้องขอ แล้ว ให้ศาลแจ้งต่อพนักงานอัยการ พนักงาน อัยการมีสิทธิที่จะโต้แย้งคัดค้านได้
คนต่างด้าวผู้ใดไม่มีหลักฐานการเข้ามาใน ราชอาณาจักรโดยถูกต้องตามมาตรา ๑๒ (๑) หรือไม่มีใบส าคัญถิ่นที่อยู่ตามพระราชบัญญัตินี้ และทั้งไม่มีใบส าคัญประจ าตัวตามกฎหมายว่า ด้วยการทะเบียนคนต่างด้าว ให้สันนิษฐานไว้ก่อน ว่าคนต่างด้าวผู้นั้นเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่า ฝืนพระราชบัญญัตินี้
ให้อธิบดีหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งอธิบดี มอบหมายมีอ านาจหน้าที่ท าการจับกุมและ ปราบปรามผู้กระท าผิดต่อพระราชบัญญัตินี้ โดย ให้มีอ านาจออกหมายเรียก หมายจับ หรือหมาย ค้น หรือจับ ค้น หรือควบคุม และให้มีอ านาจ สอบสวนคดีความผิดต่อพระราชบัญญัตินี้ เช่นเดียวกับพนักงานสอบสวนตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ในเขตท้องที่ใด รัฐมนตรีเห็นเป็นการสมควรที่จะ ยกเว้นค่าธรรมเนียมอย่างใดอย่างหนึ่งตาม พระราชบัญญัตินี้ ให้รัฐมนตรีมีอ านาจกระท าได้ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามหนังสือเรียกตามมาตรา ๑๐ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท
ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๑ หรือมาตรา ๑๘ วรรคสอง ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกินสองปี และ ปรับไม่เกินสองหมื่นบาท ถ้าผู้กระท าความผิดตามวรรคหนึ่งมีสัญชาติไทย ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท
ผู้ใดน าหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร หรือกระท าการด้วยประการใด ๆ อันเป็นการ อุปการะหรือช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกแก่คน ต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักร โดยฝ่ าฝืน พระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกินสิบ ปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะผู้ใดไม่ปฏิบัติ ตามมาตรา ๒๓ และภายในพาหนะนั้นมีคนต่าง ด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืน พระราชบัญญัตินี้ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเจ้าของ พาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะนั้นได้กระท า ความผิดตามวรรคหนึ่ง เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตน ไม่สามารถรู้ได้ว่าภายในพาหนะนั้นมีคนต่างด้าว ดังกล่าวอยู่ แม้ว่าได้ใช้ความระมัดระวังตาม สมควรแล้ว
ผู้ใดรู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักร โดยฝ่ าฝืนพระราชบัญญัตินี้ ให้เข้าพักอาศัย ซ่อน เร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าว นั้นพ้นจากการจับกุม ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกิน ห้าปี และปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท ผู้ใดให้คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักร โดย ฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้เข้าพักอาศัย ให้ สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นรู้ว่าคนต่างด้าวดังกล่าว เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติ นี้ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนไม่รู้โดยได้ใช้ความ ระมัดระวังตามสมควรแล้ว ถ้าการกระท าความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นการ กระท าเพื่อช่วยบิดา มารดา บุตร สามีหรือภริยา ของผู้กระท า ศาลจะไม่ลงโทษก็ได้
เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะผู้ใดไม่ปฏิบัติ ตามมาตรา ๒๓ ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ
เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะผู้ใดไม่ปฏิบัติ ตามมาตรา ๒๕ มาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง หรือ มาตรา ๒๗ (๒) ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกินสอง เดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจ าทั้ง ปรับ
เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะผู้ใดไม่ปฏิบัติ ตามมาตรา ๒๗ (๑) วรรคหนึ่ง หรือไม่ให้ความ สะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๒๗ (๓) ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะผู้ใดไม่ปฏิบัติ ตามมาตรา ๒๘ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่ เกินหนึ่งหมื่นบาท
เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะผู้ใดไม่ปฏิบัติ ตามมาตรา ๒๘ วรรคสอง ต้องระวางโทษปรับ เรียงรายตัวคนประจ าพาหนะที่มิได้น าไปมอบนั้น คนละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
พาหนะใดมีคนโดยสารซึ่งเป็นคนต่างด้าวซึ่งมี ลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๒ (๑) เข้ามาใน ราชอาณาจักร เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุม พาหนะนั้น ต้องระวางโทษปรับเรียงรายตัวคนต่าง ด้าวคนละไม่เกินสองหมื่นบาท
เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะผู้ใดไม่ปฏิบัติ ตามค าสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งสั่งตามมาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท ถ้าการไม่ปฏิบัติตามค าสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ ดังกล่าวในวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้คนต่างด้าว หลบหนี ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกินสิบปี และ ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
คนต่างด้าวผู้ใดหลบหนีไปจากพาหนะหรือ หลบหนีไปในระหว่างส่งตัวไปยังสถานที่ใด ๆ ที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ได้สั่งให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ ควบคุมพาหนะควบคุมตัวไว้หรือให้ส่งตัวไปตาม มาตรา ๒๙ หรือหลบหนีไปในระหว่างที่ถูกกักตัว หรือควบคุมตามอ านาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจ าคุกไม่ เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้ง จ าทั้งปรับ
เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะผู้ใดไม่ปฏิบัติ ตามค าสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งสั่งตามมาตรา ๓๐ ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่ เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ
ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๓๑ หรือมาตรา ๓๒ ต้องระวาง โทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
คนต่างด้าวผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๓๗ (๑) ต้อง ระวางโทษจ าคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่ง หมื่นบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ
คนต่างด้าวผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๓๗ (๒) (๓) (๔) หรือ (๕) ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพัน บาทและปรับอีกไม่เกินวันละสองร้อยบาท จนกว่า จะปฏิบัติให้ถูกต้อง
ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๓๘ ต้องระวางโทษปรับ ไม่เกินสองพันบาท แต่ถ้าผู้นั้นเป็นผู้จัดการ โรงแรม ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สองพันบาทถึง หนึ่งหมื่นบาท
ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๔๙ ต้องระวางโทษปรับ ไม่เกินหนึ่งพันบาท
เจ้าของพาหนะ ผู้ควบคุมพาหนะหรือผู้ที่ออกตั๋ว เอกสารหรือหลักฐานผู้ใด ไม่ปฏิบัติตามค าสั่งของ พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๕๖ ต้องระวาง โทษจ าคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินวันละ ห้าร้อยบาทจนกว่าคนต่างด้าวดังกล่าวจะกลับ ออกไปนอกราชอาณาจักร แต่มิให้ปรับเกินห้า หมื่นบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ
ผู้ใดท าลายค าสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งการ ตามมาตรา ๕๖ วรรคสอง หรือท าให้ค าสั่ง ดังกล่าวลบเลือน โดยมีเจตนามิให้เจ้าของพาหนะ ผู้ควบคุมพาหนะหรือผู้ที่ออกตั๋ว เอกสารหรือ หลักฐานทราบถึงค าสั่งดังกล่าวของพนักงาน เจ้าหน้าที่ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท
คนต่างด้าวผู้ใดอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับ อนุญาตหรือการอนุญาตสิ้นสุดหรือถูกเพิกถอน ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกิน สองหมื่นบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ
คนต่างด้าวผู้ใดหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตาม ขัดขืน หรือไม่ยอมรับทราบค าสั่งของรัฐมนตรี คณะกรรมการ อธิบดี หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่ง คณะกรรมการมอบหมายซึ่งสั่งการแก่คนต่างด้าว ผู้นั้นตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษปรับไม่ เกินห้าพันบาท ถ้าค าสั่งตามวรรคหนึ่งเป็นค าสั่งให้กลับออกไป นอกราชอาณาจักร คนต่างด้าวผู้นั้น ต้องระวาง โทษจ าคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองหมื่น บาท
ในกรณีที่ผู้กระท าความผิดเป็นนิติบุคคล ถ้าการ กระท าความผิดของนิติบุคคลนั้นเกิดจากการสั่ง การหรือการกระท าของกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการด าเนินงานของ นิติบุคคลนั้น หรือในกรณีที่บุคคลดังกล่าวมีหน้าที่ ต้องสั่งการหรือกระท าการและละเว้นไม่สั่งการ หรือไม่กระท าการจนเป็นเหตุให้นิติบุคคลนั้น กระท าความผิด ผู้นั้นต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้ ส าหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย
บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ นอกจาก ความผิดตามมาตรา ๖๒ วรรคหนึ่ง มาตรา ๖๓ มาตรา ๖๔ มาตรา ๗๑ และมาตรา ๘๒ วรรคสอง ให้มีคณะกรรมการเปรียบเทียบ ซึ่งประกอบด้วย อธิบดีกรมต ารวจหรือผู้แทน อธิบดีกรมอัยการหรือ ผู้แทน และผู้บังคับการกองตรวจคนเข้าเมืองหรือ ผู้แทนเป็นกรรมการ มีอ านาจเปรียบเทียบได้และ ในการนี้คณะกรรมการเปรียบเทียบมีอ านาจ มอบหมายให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงาน เจ้าหน้าที่ด าเนินการเปรียบเทียบแทนได้ โดยจะ ก าหนดหลักเกณฑ์ในการเปรียบเทียบหรือเงื่อนไข ประการใด ๆ ก็ได้ตามที่เห็นสมควร เมื่อผู้กระท าความผิดได้เสียค่าปรับตามที่ เปรียบเทียบแล้ว ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ให้ถือว่าคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ใน ราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวอยู่แล้วในวันที่ พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เป็นผู้ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัตินี้ แต่คงได้รับสิทธิและ ประโยชน์เพียงเท่าที่ปรากฏในหลักฐานการ อนุญาตไว้แล้วเท่านั้น
ให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ใน ราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและได้อยู่เกินเก้า สิบวันแล้วในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ แจ้ง ครั้งแรกต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๓๗ (๕) ภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้ บังคับ
ให้เจ้าบ้าน เจ้าของหรือผู้ครอบครองเคหสถาน หรือผู้จัดการโรงแรมซึ่งรับคนต่างด้าวซึ่งได้รับ อนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว เข้าพักอาศัยอยู่แล้วในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้ บังคับ แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๓๘ ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้ บังคับ
ให้ถือว่าใบส าคัญถิ่นที่อยู่ที่ได้ออกตามกฎหมาย ว่าด้วยคนเข้าเมืองก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้ บังคับและที่ยังสมบูรณ์อยู่เป็นใบส าคัญถิ่นที่อยู่ที่ ได้ออกให้ตามพระราชบัญญัตินี้
ให้ถือว่าหลักฐานการแจ้งออกนอกราชอาณาจักร เพื่อกลับเข้ามาอีกซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ท าไว้ ในใบส าคัญถิ่นที่อยู่ของคนต่างด้าวก่อนวันที่ พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เป็นหลักฐานการแจ้ง ออกนอกราชอาณาจักร เพื่อกลับเข้ามาอีกตามที่ บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้
ให้ถือว่าคนต่างด้าวซึ่งถูกสั่งให้กักตัวไว้เพื่อรอการ ส่งกลับอยู่แล้วในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เป็นผู้ซึ่งถูกสั่งให้กักตัวไว้เพื่อรอการส่งกลับตาม พระราชบัญญัตินี้
ให้ถือว่าค าร้องต่าง ๆ ของคนต่างด้าวที่ค้าง พิจารณาอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เป็นค าร้องที่ได้ยื่นตามพระราชบัญญัตินี้
ให้บรรดากฎกระทรวง ข้อบังคับ ระเบียบ ค าสั่ง หรือมติของคณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมือง ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๔๙๓ ซึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗ ซึ่งใช้บังคับอยู่ในวันก่อน วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ยังคงใช้บังคับได้ ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่ง พระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ จนกว่าจะได้มี กฎกระทรวง ข้อบังคับ ระเบียบ ค าสั่ง หรือมติของ คณะกรรมการตามพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ แทน ผู้รับสนองพระบรมราชโอลการ ส. โหตระกิตย์ รองนายกรัฐมนตรี
「1979년 이민법」
• 국 가 ‧ 지 역: 태국 • 제 정 일: 1979년 2월 24일 • 개 정 일: 2018년 3월 24일(일부개정)
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๒ เป็นปีที่ ๓๔ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มี พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยคน เข้าเมือง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติ ขึ้นไว้ โดยค าแนะน าและยินยอมของสภานิติบัญญัติ แห่งชาติ ท าหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้ 현 왕조의 34번째 해인 1979년(불기2522년) 2월 24일에 푸미폰아둔야뎃 국왕 폐하께서 하 사하셨다. 푸미폰아둔야뎃 국왕 폐하께서는 다음과 같이 공포하도록 하셨다. 이민법을 개정하는 것이 타당하므 로, 국회의 자문과 동의를 통하여 다 음과 같이 법률을 개정한다.
이 법은 “1979년 이민법”이라고 칭한다.
이 법은 관보에 게재하고 90일 이 경과한 날부터 시행한다.
다음의 법령은 폐지한다.
이 법에서 사용하는 용어의 뜻 은 다음과 같다. “외국인”이란 태국 국적자가 아 닌 자연인을 뜻한다. “교통수단” 이란 사람을 어떤 한 곳에서 다른 곳으로 옮겨 주 는 탈 것이나 축생 또는 기타의 것을 뜻한다. “교통수단 소유주”란 경우에 따 라 소유주의 대리인, 임차인, 임 차인의 대리인, 점유인 또는 점 유자의 대리인을 뜻한다. “교통수단 관리자”란 교통 수단 의 소유주 또는 교통수단의 관 리 책임자를 뜻한다. “승무원”이란 교통수단에 관한 직무가 있거나 교통수단에서 근 로하는 사람을 뜻한다. 또한, 이 법의 효력을 위하여 승무원 없 이 교통수단을 조종하는 교통수 단 관리자를 포함하도록 한다. “승객”이란 교통수단 관리자와 승무원 이외에, 어떠한 경우이 든, 교통수단으로 여행하는 사람 을 뜻한다. “입국자”란 왕국1 내에 입국한 외국인을 뜻한다. “이민국 의사”란 국장이 이 법 의 집행을 위하여 임명한 의사 를 뜻한다. “집주인”이란 주민등록 관련 법 률에 따라 주인, 임차인 자격 또 는 기타 자격으로 집을 점유하 는 장(長)을 뜻한다. “거주지”란 사람이 거주하는 주 택, 창고, 선박 또는 수상 가옥 과 같이 주거를 위해 사용되는 곳을 뜻한다. 또한, 「형법전」 에 따라, 울타리의 유무를 막론 하고 주거를 위해 사용되는 곳 의 주변을 포함하도록 한다. “숙박업소”란 숙박업소 관련 법 률에 따라 여행객 또는 임시로 거주할 곳을 찾는 사람에게 대 가(代價)를 받기 위해 세운 모든 종류의 장소를 뜻한다. “숙박업소 지배인”이란 숙박업 소 관련 법률에 따라 숙박업소 를 관리하거나 관장하는 사람을 뜻한다. “위원회”란 입국자심사위원회를 뜻한다. “담당관”이란 이 법의 집행을 위하여 장관이 임명한 담당자를 뜻한다. “장관”이란 이 법에 따른 주관 자인 장관을 뜻한다.
1 태국의 정식 국명은 타이 왕국(Kingdom of Thailand)이므로 왕국은 태국을 뜻한다.
총리 및 내무부 장관이 이 법의 주관자가 되도록 하며, 담당관의 임명과 이 법 별표의 비율을 초 과하지 아니하는 수수료와 업무 비용 및 기타 비용과 이 법을 집행하기 위한 기타 업무를 규 정하는 부령을 제정하는 권한을 갖도록 한다. 해당 부령은 관보에 게재하였을 때 시행하도록 할 수 있다.
내무부 차관을 위원장으로 하고 외무부 차관, 경찰국장, 노동국 장, 검찰국장, 투자청장, 국가안 전보장회의 위원장, 태국관광청 장을 위원으로 하며, 이민국장을 위원 및 서기로 하는 하나의 입 국자심사위원회를 둔다.
위원회에 다음 각 항의 권한을 부여한다.
이 법률에 의거한 위원회의 직 무 수행에 있어서 위원 및 서기 는 지체없이 위원장에게 위원회 의 소관에 속하는 안건을 제시 하거나 위원장이 부재 또는 직 무를 수행할 수 없는 경우에는 회의에서 위임한 위원에게 의견 을 제시하도록 한다. 또한, 회의 에서 정하는 원칙에 따라 사안 의 긴급성에 따라 위원장 또는 해당 위원이 회의를 소집하도록 한다. 위원회의 회의가 있는 경우, 만 약 위원장이 회의에 불참하거나 회의에 부재한다면 회의에서 위 원 중 1인을 회의의 의장으로 선출한다. 위원회의 회의는 전체 위원의 과반수 이상이 출석해야 의사정 족수가 된다. 의결은 다수결로 하고 위원 1인 은 표결에 있어서 1개의 의결권 을 갖도록 한다. 만약 가부동수 가 된다면 의장이 추가로 1개의 의결권을 행사하도록 한다.
위원회는 위원회를 설치하거나 위임한 바에 따른 어떠한 한 가 지 직무를 수행하도록 담당관에 게 위임할 수도 있다. 소위원회의 회의는 제8조를 준 용하도록 한다.
이 법에 따라 직무를 수행하는 데 있어서 위원회는 서면으로 관계자를 소환하여 진상을 밝히 거나 위원회의 소관에 속하는 일과 관련한 서류를 제출하도록 하는 권한을 갖는다.
왕국을 입국 또는 출국하는 사 람은 입국심사대, 항만 또는 공 항 지역이나 기차역 또는 버스 터미널의 경로 또는 구역, 그리 고, 정해진 시간에 따라 입국 또 는 출국하여야 한다. 이와 관련 하여 장관이 관보에 게재하는 바를 따른다.
다음 각 항에 해당하는 외국인 의 왕국 입국을 금지한다.
다음 각 항의 외국인은 여권이 나 여권 대체 서류가 면제된다.
장관은 외국인이 어떠한 조건 하에 금전을 소지하거나 보증이 있거나 또는 면제로 왕국에 입 국하도록 관보에 규정할 권한을 가진다. 이와 관련하여 관보에 게재한다. 첫번째 단락의 고시는 만12세 미만의 아동에게는 적용하지 아 니한다.
왕국에 입국한 외국인이 다음 각 항의 자격으로 체류하는 동 안은 제11조, 제12조의 제(1)항, 제(2)항 및 제(3)항 그리고 제18 조 두번째 단락에 의한 이행 또 는 금지 이외에는 이 법에 정하 는 바에 따른 외국인의 의무 이 행이 면제된다.
장관이 국익이나 국민의 질서, 문화 또는 미풍양속이나 안보를 위하여 어떠한 외국인 개인 또 는 단체의 행위가 입국을 불허 하는 것이 합당하다고 판단하는 경우, 장관은 해당 외국인 개인 또는 단체의 입국 불허를 명할 권한이 있다.
특별한 경우, 내각의 인가를 통 해, 장관은 어떠한 외국인 개인 또는 단체에 대하여 어떠한 조 건 하의 왕국 입국 및 체류 또 는 어떠한 경우, 이 법률에 따른 이행의 면제를 허가할 수도 있 다.
담당관은 왕국을 입국 또는 출 국하는 외국인을 조사할 권한이 있다. 이를 위하여 왕국을 입국 또는 출국하는 외국인은 부령에서 정 하는 서식에 따른 목록을 제출 하여야 하며 해당 경로의 입국 심사대 담당관의 허가 심사를 통과하여야 한다.
이 법의 집행을 위하여 어떠한 외국인에 대하여 입국 금지 여 부를 조사하고 심사하는 데 있 어서 담당관은, 정하는 날짜와 시간 및 장소에 담당관을 만나 명령을 인정하겠다는 확언을 하 도록 하여 해당 외국인을 적당 하다고 판단하는 곳에 머무르게 할 수 있으며 또는 만약 담당관 이 타당하다고 판단한다면 보증 이나 보증과 담보를 모두 요구 할 수도 있고, 또는 담당관이 해 당자를 합당하다고 판단하는 바 에 따라 해당자를 어떠한 장소 에 구금할 수도 있다. 첫번째 단락의 규정의 효과를 위하여 담당관은 해당자의 진술 이 의심스러운 경우에 대해 효 력이 있다고 신뢰할 만한 타당 한 이유가 있는 사람을 소환하 여 선서 또는 서약을 하고 담당 자 앞에서 진술하도록 할 수도 있다. 만약, 어떠한 외국인이 제12조 제(8)항에 명시한 일을 목적으로 하거나 그 일에 관련된 부분이 있거나 또는 어떠한 여성 또는 아동이 그와 같은 일을 위해 왕 국에 입국했다고 의심할 만한 타당한 이유가 있다면, 담당관은 자신이 정하는 기간에 해당 외 국인이 자진 출두하여 담당관에 게 보고하고 질문에 답변하도록 명령하거나 해당자가 거주하는 지역의 경찰서에 자진 출두하여 경찰관에게 보고하고 질문에 답 변하도록 명령하여 왕국에 임시 로 입국하는 것을 허가할 수도 있다. 그러나 자진 출두하여 보 고하는 시간과 질문에 답변하도 록 정하는 기간 사이에 7일 이 상의 간격을 두어야 한다.
담당관이 제19조에 따라 외국인 을 구금하는 경우, 담당관에게 사건의 정황에 따라 해당 외국 인을 필요한 기간 동안 구금하 는 권한을 갖도록 한다. 그러나, 구금되는 사람이 담당관의 사무 실에 도착한 때부터 24시간을 초과하여 구금하는 것은 금한다. 불가피한 이유가 있는 경우에는 시간을 연장하여 24시간을 초과 할 수도 있으나 7일을 초과하지 아니하도록 하고 담당관은 시간 을 연장하여야 하는 불가피한 이유를 분명하게 기록하여야 한 다. 첫번째 단락에 따라 규정하는 시간을 초과하여 구금하여야 하 는 불가피한 이유가 있는 경우, 담당관은 법원에 해당 외국인을 계속하여 구금할 수 있는 권한 을 줄 것을 요청하는 신청서를 제출하여야 하며, 법원은 회당 12일을 초과하지 아니하는 기간 내에서 필요한 만큼 구금할 권 한을 가지도록 명할 수도 있다. 그러나 만약 법원이 타당하다고 판단한다면, 보증을 요구하거나 보증 및 담보를 모두 요구하여 임시 석방을 명할 수도 있다.
제19조 및 제20조에 의거한 외 국인 구금 비용은 외국인을 데 려와 왕국에 입국시킨 교통수단 소유주 또는 교통수단 관리자가 지불하도록 한다. 교통수단 소유 주 또는 교통수단 관리자가 나 타나지 아니하거나 교통수단을 이용하지 아니하고 입국한 경우 에는 해당 외국인이 지불하도록 한다.
담당관이 제12조에 따라 왕국 입국을 금지한 형태의 외국인이 입국한 것을 발견한 경우, 담당 관이 서면으로 해당 외국인을 왕국에서 출국하도록 명령할 권 한을 가지도록 한다. 만약 해당 외국인이 명령에 불만이 있다면, 제12조 제(1)항 또는 제(10)항 에 따라 이의 제기를 금하는 경 우를 제외하고 장관에게 이의를 제기할 수도 있다. 장관의 명령 이 최종 결정이 된다. 그러나 만 약 장관이 이의를 제기한 날부 터 7일 이내에 명령을 하지 아 니한다면, 장관이 해당외국인을 제12조에 따라 왕국 입국을 금 지하여야 하는 사람이 아니라고 명령한 것으로 간주한다. 이의 제기는 담당관의 명령을 인지한 날부터 48시간 이내에 담당관에게 제출하도록 하며 부 령에서 정하는 바에 의거한 서 식을 따르고 지불하도록 한다. 외국인이 이의를 제기하였을 때 에는 담당관은 해당 경우에 대 한 장관의 명령이 있을 때까지 해당 외국인에 대한 국외 송환 을 유예하도록 한다. 담당관의 명령에 따라 집행하거 나 장관의 명령을 기다리는 동 안에는 경우에 따라서 제19조 첫번째 단락을 준용하도록 한다. 그러나 제20조는 적용하지 아니 한다.
교통수단 소유주 또는 교통수단 관리자는 입국심사대, 항만 또는 공항 지역이나 기차역 또는 버 스터미널의 경로나 구역 그리고, 정해진 시간에 따라 입국 또는 출국하여야 한다. 이와 관련하여 장관이 관보에 게재하는 바를 따른다.
담당관은 왕국을 입출국하는 교 통수단 또는 승객을 탑승하도록 하여 왕국을 입출국한다는 의심 할 만한 이유가 있는 교통수단 에 대한 조사 권한이 있다. 다 만, 해당 교통수단이 태국 정부 또는 태국 정부의 허가를 받은 외국 정부의 공무에 사용된 경 우는 제외한다.
왕국을 입출국하는 교통수단은 교통수단 소유주 또는 교통수단 관리자가 입출국 일시 및 항만 이나 공항 또는 기차역이나 버 스터미널을 정하여 해당 항만이 나 공항 또는 기차역이나 버스 터미널을 관할하는 출입국관리 사무소에서 담당관이 고시하는 기한 내에 부령에서 정하는 서 식에 따라 담당관에게 신고하여 야 한다. 첫번째 단락에 따라 이행할 수 없는 경우 교통수단 소유주 또 는 교통수단 관리자는 지체없이 가장 가까운 출입국관리사무소 에서 담당관에게 직접 신고하여 야 한다. 이 조에 의거한 신고는 만약 장 관이 타당하다고 판단한다면, 어 떠한 교통수단에 대해서는 제외 하여 이행할 필요가 없도록 하 거나 어떠한 조건 하에 이행하 도록 할 수도 있다.
왕국을 입국 또는 출국하는 교 통수단은, 국장이 정하여 고시하 는 장소 및 조건 하에, 교통수단 의 소유주 또는 교통수단의 관 리자가 부령에서 정하는 서식에 따라 목록을 제출하고 담당관의 조사를 통과하여야 한다. 첫번째 단락에 따라 국장이 정 하여 고시하는 곳 이외의 다른 곳에서 조사하여야 하는 불가피 한 이유가 있는 경우에는 국장 또는 국장이 위임한 담당관의 허가를 받아야만 한다.
조사의 편의를 위하여 교통수단 소유주 또는 교통수단 관리자는 다음 각 항을 준수할 의무가 있 다.
왕국에 있는 동안에, 만약 왕국 을 입국이나 출국하는 승무원을 충원이나 감원 또는 변경하거나 해당 승무원이 왕국에서 출국하 지 아니한다면 교통수단 소유주 가, 또는 교통수단 소유주가 왕 국에 있지 아니하는 경우에는 교통수단 관리자가 부령에서 정 하는 서식에 따라 담당관에게 신고하도록 한다. 첫번째 단락에서 언급한 것처럼 승무원이 출국하지 아니하고 해 당 승무원이 외국인인 경우에는 경우에 따라 교통수단 소유주 또는 교통수단 관리자가 해당자 를 지체없이 담당관에게 인도하 도록 한다. 만약 두번째 단락에 해당하는 승무원이, 경우에 따라 교통수단 소유주 또는 교통수단 관리자의 두번째 단락에 따른 이행에 불 복한다면 제29조 두번째 단락을 준용하도록 한다. 이 단락에 따 른 이행과 관련한 비용은 교통 수단 소유주 또는 교통수단 관 리자가 지불하도록 한다.
담당관이 어떠한 외국인을 조사 하여 왕국 입국을 금지하는 유 형에 해당하거나 발견하였거나 왕국 입국을 금지하는 유형에 해당한다고 의심하여야 하는 이 유가 있다면 담당관은 교통수단 소유주 또는 교통수단 관리자에 게 해당 외국인을 교통수단 내 에서 통제하도록 명령하거나 담 당관이 통제해 조사할 수 있도 록 어떠한 장소로 보내도록 명 령하거나 국외로 송환하도록 명 령할 권한이 있다. 첫번째 단락에 따른 외국인이 불복 또는 소동을 일으키는 경 우에는 교통수단 소유주나 교통 수단 관리자 또는 대리인이 행 정담당관 또는 경찰관에게 해당 외국인을 통제 또는 체포하도록 요청할 수도 있다. 만약 제때에 행정담당관 또는 경찰관에게 도 움을 요청할 수 없다면 직접 해 당 외국인을 구인하여 행정담당 관 또는 경찰관에게 인계할 권 한을 갖도록 하고 해당 행정담 당관 또는 경찰관은 이 법의 이 행을 위해 신속히 담당관에게 인계하도록 한다. 이 조에 따른 이행과 관련된 비 용은 교통수단 소유주 또는 교 통수단 관리자가 지불하도록 한 다.
이 법을 위반하였다고 의심하여 야 하는 이유가 있는 경우 담당 관은 교통수단 소유주 또는 교 통수단 관리자에게 조사를 위해 필요한 바에 따라 교통수단을 정지시키거나 교통수단을 어떠 한 장소로 옮겨 가도록 명령할 권한이 있다. 첫번째 단락에 따른 명령은 상 호 이행하는 신호 또는 기타 방 법을 통해 행사한다.
왕국에 입국한 교통수단은 해당 교통수단이 왕국을 통과하여 입 국한 시각부터 담당관이 조사를 완료할 때까지 해당 교통수단과 관련한 책임이 있는 담당자가 아닌 사람이 탑승하거나 다른 교통수단을 접근시키거나 조사 를 위하여 마련해 놓은 지역 또 는 장소에 출입하는 것을 금한 다. 이와 관련하여 담당관에게 허가를 받은 것은 제외한다. 교통수단 소유주 또는 교통수단 관리자가 어떠한 사람이 첫번째 단락에 따른 행위를 하는 것을 승낙하거나 방치하는 것을 금한 다.
국외로 출국할 교통수단은 담당 관이 조사하고 있는 동안 또는 담당관이 조사를 완료하였으나 왕국 내에 있는 동안은 해당 교 통수단과 관련한 책임이 있는 담당자가 아닌 사람이 탑승하거 나 다른 교통수단을 접근시키는 것을 금한다. 이와 관련하여 담 당관에게 허가를 받은 것은 제 외한다. 첫번째 단락의 내용은 왕국을 출국할 사람이 아직 교통수단에 탑승하지 아니한 동안 조사하기 위하여 마련해 놓은 지역 또는 장소와 관련하여 적용한다. 교통수단 소유주 또는 교통수단 관리자가 어떠한 사람이 이 조 에 따른 행위를 하는 것을 승낙 하거나 방치하는 것을 금한다.
담당관이 공무 시간 이외에 교 통수단을 조사하여야 하거나, 국 장이 제26조 첫번째 단락에 따 라 고시하는 장소 이외의 다른 곳에 가서 조사하여야 하거나, 교통수단을 관리하기 위하여 업 무 장소 외에 가야 하거나, 담당 관의 잘못이 아닌 것으로 교통 수단 조사를 위하여 기다려야 하는 경우에는 해당 교통수단 소유주 또는 교통수단 관리자가 부령에서 정하는 바에 따라 업 무추진비 및 각종 비용을 지불 하도록 한다.
왕국에 임시로 입국할 수 있는 사람은 다음 각항을 목적으로 입국한 사람이어야 한다.
제34조에 따라 입국한 외국인 은, 국장 또는 국장이 위임한 담 당관이 어떠한 조건을 단서로 하여 왕국에 체류하도록 허가할 수도 있다. 왕국 내 체류 허가 기간은 다음 각항과 같이 정한다.
왕국에 임시 체류하도록 허가 받은 외국인이, 만약, 왕국 체류 허가를 취소될 수 있는 행위를 한다면, 국장 또는 위원회가 취 득한 해당 허가를 취소할 권한 을 갖도록 한다. 국장이 허가 취소를 명령하였을 경우, 허가가 취소된 외국인은 위원회에 이의를 제기할 수 있 으며, 위원회의 명령은 최종 결 정이 되도록 한다. 두번째 단락에 따른 국장의 명 령에 대한 이의 제기는 국장의 명령을 인지한 때부터 18시간 이내에 담당관에게 제출하도록 하며, 부령에서 정하는 서식을 따르고 수수료를 납부하도록 한 다. 첫번째 단락에 따른 허가의 취 소가 있는 때에는 서면으로 작 성하여 외국인에게 통지한다. 이 와 같은 문서를 외국인에게 송 달하지 못 하였을 경우, 담당관 에게 신고한 외국인의 숙소에 담당관이 게시하였을 때부터 48 시간이 만료되었을 때 해당 외 국인이 명령을 인지하였다고 간 주하도록 한다.
왕국에 임시 체류하도록 허가를 받은 외국인은 다음 각항을 준 수하여야 한다.
왕국에 임시 체류하도록 허가 받은 외국인이 체류하도록 들인 집주인, 거주지의 소유주나 점유 자 또는 숙박시설 지배인은 외 국인이 입주, 투숙한 때부터 24 시간 이내에 집, 거주지 또는 숙 박시설 관할지역 설치된 이민국 사무소 담당관에게 신고하여야 한다. 만약 관할 지역에 설치된 이민국 사무소가 없다면, 해당 관할지역 경찰서 담당 경찰관에 게 신고하도록 한다. 외국인이 체류하는 주택이나 거 주지 또는 숙박시설이 방콕 관 할지역 내에 있는 경우에는 이 민국 담당관에게 신고하도록 한 다. 첫번째 단락 및 두번째 단락에 따른 신고는 국장이 정하는 규 칙을 따르도록 한다.
왕국에 임시 체류하도록 허가 받은 외국인이 만약 국외로 출 국한다면 왕국에 임시 체류하도 록 하는 해당 허가는 종결된 것 으로 간주하도록 한다. 그러나 만약, 국외로 출국하기 전에 담 당관에게 재입국 허가를 받았고, 해당 외국인이 제12조에 따른 입국금지자가 아닌 상태로 왕국 에 입국하였고, 허가 받은 왕국 체류기간이 남아 있다면, 남은 해당 기간만큼 왕국에 계속 체 류하도록 할 수 있다. 왕국 재입국 신청은 외국인이 부령에서 정하는 서식에 따라 신청서를 제출하도록 하며, 부령 에서 정하는 비율과 규칙에 따 라 수수료를 납부하도록 한다.
제42조, 제43조 및 제51조의 적 용 하에, 매년, 내각의 인가로, 장관이 관보에 게재하여 왕국 내에 주소지를 가질 외국인의 수를 정하는 권한을 가지도록 한다. 그러나 한 국가 당 연간 100명을 넘지 아니하도록 하며, 국적이 없는 사람은 연간 50명 을 넘지 아니하도록 한다. 외국인 수를 규정하기 위하여, 한 국가의 속국이나 자치령은 하나의 국가로 간주된다.
외국인은 왕국 내에 주소지를 가질 수 없다. 다만, 위원회의 허가와 장관의 승인을 받는 것 은 제외한다. 이는 제40조에 따 라 장관이 고시하는 인원 수 이 내이며, 제47조에 따라 주소지 등록증을 취득한다. 외국인의 왕국 내 주소지 취득 이 국익에 최대한 도움이 되도 록, 외국인에게 왕국 내 주소지 허가를 검토하는 데 원칙과 조 건으로 사용하기 위하여, 위원회 가, 신청한 외국인의 수입, 재산, 지식, 직업적 능력 및 해당 외국 인과 태국 국적인 사람과의 가 족 관계, 국가 안보와 관련한 조 건 또는 타당한 기타 조건을 고 려하여 왕국 내 주소지를 신청 한 외국인의 자격에 관한 원칙 을 정하도록 한다. 허가 요청은 외국인이 왕국에 입국하기 전 또는 왕국에 임시 체류하도록 허가를 받은 후에 할 수도 있다. 이 법의 목적을 위하여 위원회 는 제34조에 따른 어떠한 경우 로 왕국에 임시 입국한 외국인 에게 왕국에 주소지를 취득하기 위한 신청서를 제출하도록 하는 원칙을 정할 권한을 가진다. 왕국에 입국하기 전 왕국 내 주 소지 취득 허가를 받은 외국인 은, 왕국에 입국하여 제18조 두 번째 단락에 의거한 목록을 제 출하고 담당관의 조사를 통과하 며, 제12조 및 제44조의 입국금 지자에 해당하지 아니하고 제47 조에 따라 주소지등록증을 받아 야 주소지를 유지할 수 있다. 주 소지 등록증을 신청한 기간 동 안 해당 외국인을 우선 체류하 도록 할 수 있다.
다음 각항에 해당하는 사람은 제40조에 따라 장관이 고시하는 외국인 인원 수 제한 고시의 적 용을 받지 아니한다.
1천만 바트 이상의 외화를 왕국 에 반입하여 투자한 외국인은, 위원회가 검토하여 이 법의 조 항 위반에 해당하지 아니한다고 판단하였을 때, 장관의 승인을 통하여, 해당 외국인이 제40조 에 따라 장관이 고시하는 외국 인 수 이외로 왕국에 주소지를 갖도록 허가할 수 있다. 그러나, 연간 해당 인원 수의 5%를 초 과할 수는 없다. 반입하여 투자한 외화와 관련한 조사의 편의를 위하여 첫번째 단락에 따라 왕국 내에 주소지 를 갖도록 허가를 받은 외국인 은 2년 이상 5년 이하의 기간 동안 위원회가 정하는 규칙에 따라 금융 상태를 밝혀야 한다. 이와 관련하여 위원회가 타당하 다고 간주하는 바를 따른다.
만약, 다음 각항에 해당하는 사 항이 드러난다면, 해당 외국인은 왕국 내에 주소지를 취득하는 것을 금한다.
왕국에 임시 체류하도록 허가 받은 외국인이 만약 왕국 내에 주소지를 갖기를 희망한다면, 부 령에서 정하는 서식에 따라 자 신이 거주하는 지역의 이민국 사무소에 신청서를 제출하도록 한다. 해당 지역에 이민국 사무 소가 없는 경우 가까운 지역의 이민국 사무소에 신청서를 제출 하도록 한다. 위원회가 검토하 여, 경우에 따라 제40조에 따라 장관이 고시하는 인원 수 또는 제43조에 의거한 인원 수를 초 과하지 아니하거나, 제43조에 해당하는 사람이고, 제44조에 따라 금지하는 사람이 아니라고 판단하였을 때에는 장관의 승인 을 통하여 해당 외국인이 왕국 내에 주소지를 갖도록 허가할 수도 있다. 왕국 내에 주소지를 갖기 위하 여 신청서를 제출한 외국인이, 만약, 검토 기간 동안 왕국에 임 시 체류하도록 허가 받은 기한 이 만료된다면, 해당 외국인은 동일한 이민국 사무소에 검토 결과를 알게 될 날까지 왕국에 체류하기 위한 신청서를 제출하 며, 위원회 또는 위원회가 위임 한 담당관이 허가권을 갖도록 한다. 이 허가와 관련하여, 위원 회 또는 위원회가 위임한 담당 관이 조건을 정할 수도 있다. 첫번째 단락에 따라 신청서를 제출할 때에는 부령에서 정하는 바에 따라 수수료를 납부하도록 한다.
왕국에 입국한 외국인이, 만약, 제41조에 의거한 주소지 등록증 의 발급을 기다리는 동안이나 제45조 두번째 단락에 따른 위 원회 또는 담당관의 검토 결과 인지를 기다리는 기간 동안, 해 당 외국인이 국외로 출국한다면 제41조 다섯 번째 단락에 의거 한 왕국 체류 유예 기간이 만료 된 것으로 간주한다. 다만, 국외 출국 전에 담당관에게 재입국 허가를 받고 해당 외국인이 담 당관이 정하는 기한 내에 재입 국을 하는 경우는 제외하여, 해 당 외국인이 유예 받은 기간에 따라 왕국에 계속 체류할 수 있 도록 한다.
왕국에 주소지를 갖도록 허가 받은 외국인은, 담당관에게 서면 으로 통지를 받은 날부터 30일 이내에, 국장 또는 국장이 위임 한 담당관에게 근거 서류로 주 소지 등록증 발급을 요청하여야 한다. 12세 미만의 외국인이 왕국에 주소지를 갖도록 허가 받은 경 우에는 친권자 또는 보호자가 해당 외국인 명의의 주소지 등 록증 발급을 요청하여야 한다. 이에 대하여 국장 또는 국장이 위임한 담당관이 별도 또는 친 권자 또는 보호자와 함께 등록 한 증서를 발급할 수도 있다. 만약, 첫번째 단락에 따른 기간 동안 주소지 등록증 발급을 요 청하지 아니한다면, 위원회는 왕 국 내 주소지 취득 허가의 중지 를 명할 수 있다. 이러한 경우, 제41조 다섯 번째 단락 또는 제 45조 두번째 단락에 의거한 체 류 유예 기간은 종료된다.
주소지 등록증은 1년 내내 사용 할 수 있다. 그러나 만약 주소지 등록증 취득자가 국외로 출국한 다면 해당 주소지 등록증은 더 이상 사용할 수 없다. 다만, 국 외로 출국하기 전 주소지 등록 증 취득자가 주소지 제50조에 따라 재입국하기 위하여 담당관 에게 출국 신고 증빙 자료를 만 들도록 제출한 경우는 제외한다. 이러한 경우, 만약 담당관이 증 빙 자료를 만든 날부터 1년 이 내에 해당 외국인이 재입국하고 제12조 또는 제44조에 의거한 입국 금지 유형에 해당하지 아 니한다면 해당 주소지 등록증을 계속 사용할 수 있도록 한다. 제12조의 조항, 특히 제(1)항의 여권 또는 여권 대체 서류 사증 에 관한 내용과 제(2)항, 제(3) 항 및 제(4)항의 내용은 첫번째 단락에 따른 경우에는 적용하지 아니한다.
제48조에 따라 사용하지 못 하 는 주소지 등록증은 소지자 또 는 보호자가 담당관에게 반납하 도록 한다. 사망한 외국인의 주소지 등록증 은 보호자가 담당관에게 반납하 도록 한다.
왕국 내에 주소지를 취득하고 국외로 출국하였다가 재입국하 기를 희망하는 외국인은 다음 각항을 이행하도록 한다.
왕국 내 주소지가 있었으나 재 입국을 위한 출국 신고 증빙이 없거나 재입국을 위한 출국 신 고 증빙은 있으나 제48조에 따 라 정하는 기한 내에 재입국하 지 아니한 외국인이 만약 원래 대로 왕국에 재입국하여 주소지 를 갖기를 원한다면, 허가 검토 를 위하여 부령에서 정하는 방 법에 따라 신청서를 제출하도록 한다. 위원회가 이를 검토하여 해당 외국인에게 타당한 이유와 해명이 있고, 제12조 및 제44조 에 의거한 금지 유형이 없는 사 람이라고 판단하였을 때에는, 장 관의 승인을 통하여, 해당 외국 인이 계속해서 주소지를 가질 수 있도록 허가할 수도 있으나, 새로운 주소지 등록증 발급을 요청하여야 한다. 허가를 기다리 는 동안은 제45조 두번째 단락 을 준용한다. 제12조의 조항, 특히 제(1)항의 여권 또는 여권 대체 서류 사증 에 관한 내용과 제(2)항, 제(3) 항 및 제(9)항의 내용은 첫번째 단락에 따른 경우에는 적용하지 아니한다. 첫번째 단락에 따라 새로운 주 소지 등록증 발급을 요청한 사 람은 부령에서 정하는 비율과 원칙에 따라 수수료를 납부하여 야 한다.
이 법에 따라 발급한 서류를 분 실하였거나 서류가 훼손되어 대 체 증서의 취득을 희망하거나 제50조 제(3)항에 따라 주소지 등록증의 교체를 요청하는 경우, 담당관이 만족할 만한 조사를 완료하였을 때, 신청자가 부령에 서 정하는 바에 따라 수수료를 납부하도록 하여, 대체 증서를 발급하거나 주소지 등록증을 교 체해 주도록 한다.
왕국에 입국하여 주소지가 있는 외국인이, 이후, 제12조 제(7)항 또는 제(8)항에 해당하는 행위를 하거나, 제12조 제(8)항에 해당 하는 사람이거나, 제43조 두번 째 단락에 위원회가 정하는 바 를 이행하지 아니하거나, 제44 조에 따른 금지 유형에 속하는 사람이라고 밝혀지면, 국장이 그 러한 사안에 대하여 위원회에 상정하도록 한다. 만약 위원회가 왕국 내 주소지 취득에 대한 허 가를 취소해야 한다고 판단한다 면, 허가 취소를 명하도록 장관 에게 의견을 제출하도록 한다.
허가를 받지 아니하고 왕국에 입국하거나, 허가가 만료 또는 취소된 외국인은, 담당관이 해당 외국인을 국외로 송환할 수도 있다. 만약 첫번째 단락에 따라 송환 하기 위한 조사를 하여야 하는 경우에는 제19조 및 제20조를 준용하도록 한다. 외국인의 국외 송환 명령이 있 는 경우, 송환을 대기하는 동안 담당관은, 해당 외국인이, 지정 하는 날짜와 시간 및 장소에서 담당관을 면담하도록 하고, 보증 이나 담보, 또는 보증과 담보를 모두 하도록 하여 어떠한 곳에 체류하는 것을 허가하거나, 담당 관이 필요로 하는 기간 동안 어 떠한 장소에 해당 외국인을 구 금할 권한이 있다. 구금에 소요 되는 비용은 해당 외국인이 지 불하도록 한다. 이 조의 규정은 「1937년 이민 법」 시행되기 전에 왕국에 입 국한 외국인에게는 적용하지 아 니한다.
이 법에 따라 외국인을 국외로 송환하는 경우, 담당관이 검토하 여 타당하다고 판단하는 바에 따라, 담당관이 어떠한 교통수단 이나 경로를 통하여 송환할 수 도 있다. 외국인의 송환에 소요되는 비용 은 교통수단 소유주 또는 교통 수단 관리자가 지불하도록 한다. 교통수단 소유주 또는 교통수단 관리자가 나타나지 아니하는 경 우에는 제63조 또는 제64조에 따른 위법 행위를 한 사람이 지 불하도록 하며, 담당관은, 외국 인의 송환 비용에 대하여, 잘못 을 저지른 어느 한 사람에게 전 적으로 지불하도록 하거나 공동 으로 지불하도록 선택하여 청구 할 권한이 있다. 그러나 만약, 해당 외국인이 본인이 비용을 지불하는 것을 동의하여 다른 교통수단이나 경로를 통한 송환 을 요청한다면, 담당관은 이를 허가할 수도 있다.
제12조 제(1)항에 따라 외국인 에 대한 사증이 면제되고, 해당 외국인의 국외 출국 보증을 위 하여, 부령에서 정하는 조건에 따라 담당관에게 외국인이 여행 에 사용하는 교통수단 소유주 또는 교통수단 관리자의 탑승권 이나 서류 제시 또는 다른 사람 의 증빙을 제시하는 경우에는, 담당관이 경우에 따라 교통수단 소유주나 교통수단 관리자 또는 탑승권이나 서류 또는 증빙을 발행한 사람에게 해당 탑승권 또는 서류나 증빙의 주요 내용 에 대한 취소나 반환 또는 변경 의 금지를 명할 권한을 갖도록 한다. 이와 관련하여 어떠한 조 건을 정하거나 정하지 아니할 수도 있다. 첫번째 단락에 따른 명령은 해 당 탑승권 또는 서류나 증빙에 명령을 부착하거나 명령의 내용 을 날인하여 행하고, 담당관의 명령이 있었던 때에는, 만약 해 당 탑승권 또는 서류나 증빙의 주요 내용에 담당관의 동의 없 이 담당관이 명령한 것과 달라 진 취소나 반환 또는 변경이 있 다면, 담당관에게 이를 핑계로 삼을 수 없으며, 담당관은 해당 외국인의 국외 송환을 위하여 경우에 따라 교통수단 소유주나 교통수단 관리자 또는 탑승권이 나 서류 또는 증빙을 발급한 사 람에게, 탑승권이나 서류 또는 증빙의 원래약정대로 이행하도 록 명할 권한이 있다.
이 법의 목적을 위하여, 어떠한 사람이 태국 국적을 가지고 있 다고 주장하였으나, 만약 태국 국적을 가지고 있다고 담당관이 신뢰할 만한 근거를 제시하지 못 한다면, 당사자가 본인이 태 국 국적을 가지고 있다고 증명 할 수 있을 때까지 우선 외국인 으로 추정하도록 한다. 첫번째 단락에 따른 증명은, 부 령에서 정하는 바에 따른 서식 대로 신청서를 제출하고 수수료 를 납부하도록 한다. 만약 당사 자가 담당관의 명령에 불복한다 면 법원에 심사를 청원할 수도 있다. 법원에 청원한 경우, 청원을 접 수하였을 때에는 법원이 검찰 담당관에게 통보하도록 한다. 검 찰담당관은 반박할 권한이 있다.
외국인이 제12조 제(1)항에 따 라 적법하게 왕국에 입국한 근 거가 없거나 이 법에 따른 주소 지 증명서가 없으며 외국인 등 록에 관한 법률에 의거한 증명 서도 없다면 해당 외국인이 이 법을 위반하여 왕국에 입국한 것으로 추정하도록 한다.
국장 또는 국장이 위임한 담당 관은 소환장이나 체포영장 또는 수색영장을 발부하는 권한을 갖 도록 하여 이 법을 위반한 사람 을 구인하고 진압하거나 체포, 수색 또는 통제할 권한과 책무 가 있으며, 「형사소송법전」에 따른 조사관과 마찬가지로, 이 법을 위반한 사건에 대한 조사 권을 갖는다.
어떠한 지역에서 장관이 어떠한 한 가지의 수수료를 면제하는 것이 타당하다고 판단한다면, 장 관이 관보에 게재하여 이행할 권한을 갖도록 한다.
제10조에 의거한 소환장에 따라 이행하지 아니하는 사람은 5천 바트 이하의 벌금형에 처한다.
제11조 또는 제18조 두번째 단 락에 따라 이행하지 아니하 사 람은 2년 이하의 징역형 및 2만 바트 이하의 벌금형에 처한다. 만약 첫번째 단락에 따른 위법 행위를 한 사람이 태국 국적자 라면, 2천바트 이하의 벌금형에 처한다.
이 법을 위반하여 외국인을 왕 국에 입국하도록 하거나 지원 또는 조력에 해당하는 행위를 하거나 외국인이 왕국에 입국하 도록 편의를 제공한 사람은 10 년 이하의 징역형 및 10만바트 이하의 벌금형에 처한다. 교통수단 소유주 또는 교통수단 관리자가 제13조를 준수하지 아 니하였으며, 해당 교통수단 내에 이 법을 위반하여 왕국에 입국 한 외국인이 있다면, 해당 교통 수단 소유주 및 교통수단 관리 자는 우선, 첫번째 단락에 따른 잘못을 저지른 것으로 추정하도 록 한다. 다만, 충분한 주의를 기울였음에도 불구하고, 해당 교 통수단 내에 그와 같은 외국인 이 있었다는 것을 인지하지 못 하였다는 것을 증명할 수 있는 경우는 제외한다.
외국인이 이 법을 위반하여 왕 국에 입국하였다는 것을 인지하 고, 해당 외국인의 구인을 회피 하기 위하여 거주, 은신하게 하 거나 조력한 사람은 5년 이하의 징역형 및 5만바트 이하의 벌금 형에 처한다. 이 법을 위반하여 왕국에 입국 한 외국인을 거주하도록 한 사 람은, 그 외국인이 이 법을 위반 하여 왕국에 입국한 것을 알고 있었다고 우선 추정하도록 한다. 다만, 자신이 충분한 주위를 기 울였음에도 알지 못하였음을 증 명할 수 있는 경우는 제외한다. 만약 첫번째 단락에 따른 위반 이 행위자의 부모나 자녀, 남편 또는 아내를 위한 것이라면 법 원이 처벌하지 아니할 수도 있 다.
제23조를 준수하지 아니하는 교 통수단 소유주 또는 교통수단 관리자는 5년 이하의 징역형 또 는 5만바트 이하의 벌금형에 처 하거나 징역형과 벌금형을 병과 한다.
제25조, 제26조 첫번째 단락 또 는 제27조 제(2)항을 준수하지 아니하는 교통수단 소유주 또는 교통수단 관리자는 2개월 이하 의 징역형 또는 1만바트의 벌금 형에 처하거나 징역형과 벌금형 을 병과한다.
제27조 제(1)항 첫번째 단락을 준수하지 아니하거나 제27조 제 (3)항에 따라 담당관에게 편의를 제공하지 아니하는 교통수단 소 유주 또는 교통수단 관리자는 2 만바트 이하의 벌금형에 처한다.
제28조 첫번째 단락을 준수하지 아니하는 교통수단 소유주 또는 교통수단 관리자는 1만바트 이 하의 벌금형에 처한다.
제28조 두번째 단락을 준수하지 아니하는 교통수단 소유주 또는 교통수단 관리자는, 인도하지 아 니하는 승무원 1인당 1만바트 이하의 벌금형에 처한다.
제12조 제(1)항에 따른 금지 유 형이 있는 외국인 승객이 있는 교통수단이 왕국에 들어오면, 해 당 교통수단 소유주 또는 교통 수단 관리자는, 외국인 1인당 2 바트 이하의 벌금형에 처한다.
담당관이 제29조 첫번째 단락에 따라 명한 바를 이행하지 아니 하는 교통수단 소유주 또는 교 통수단 관리자는 5년 이하의 징 역과 5만바트 이하의 벌금형에 처한다. 만약 첫번째 단락에 해당하는 담당관의 명령을 이행하지 아니 하는 것이 외국인을 도주하게 한 이유가 된다면, 10년 이하의 징역형 및 10만바트 이하의 벌 금형에 처한다.
교통수단에서 도주하거나, 제29 조에 따라 담당관이 교통수단 소유주 또는 교통수단 관리자에 게 통제하게 하거나 이송하게 한 장소에서 도주하거나, 이 법 률에 의거한 담당관의 권한에 따라 구금 또는 통제하고 있는 동안 도주한 외국인은 2년 이하 의 징역형 또는 1만바트 이하의 벌금형에 처하거나 징역형과 벌 금형을 병과한다.
담당관이 제30조에 따라 명한 바를 이행하지 아니하는 교통수 단 소유주 또는 교통수단 관리 자는 5년 이하의 징역형 또는 5 만바트 이하의 벌금형 또는 징 역형과 벌금형을 병과한다.
제31조 또는 제32조를 위반한 사람은 1만바트 이하의 벌금형 에 처한다.
제37조 제(1)항을 준수하지 아 니하는 외국인은 1년 이하의 징 역형 또는 1만바트 이하의 벌금 형에 처하거나 징역형과 벌금형 을 병과한다.
제37조 제(2)항이나 제(3)항, 제 (4)항 또는 제(5)항을 준수하지 아니하는 외국인은 5천바트 이 하의 벌금형 및 올바르게 이행 할 때까지 1일 경과시마다 2백 바트 이하의 벌금을 추가로 부 과한다.
제38조를 준수하지 아니하는 사 람은 2천바트 이하의 벌금형에 처한다. 그러나, 해당자가 숙박 업소의 지배인이 아니라면 2천 바트 이상 1만바트 이하의 벌금 형에 처한다.
제49조를 준수하지 아니하는 사 람은 1천바트 이하의 벌금형에 처한다.
제56조에 의거한 담당관의 명령 을 이행하지 아니하는 교통수단 소유주나 교통수단 관리자 또는 탑승권이나 서류 또는 증빙을 발급한 사람은 6개월 이하의 징 역형 또는 해당 외국인이 국외 로 출국하는 날까지 1일 경과할 때마다 5백바트 이하의 벌금을 부과한다. 그러나 5만바트 이상 의 벌금형에 처하거나 징역형과 벌금형을 병과하지는 아니한다.
제56조 두번째 단락에 의거한 담당관의 명령을 파기하거나 교 통수단 소유주나 교통수단 관리 자 또는 탑승권이나 서류 또는 증빙을 발급한 사람에게 담당관 의 해당 명령을 알리지 아니할 의도로 이를 삭제하는 사람은 5 천바트 이하의 벌금형에 처한다.
허가를 받지 아니하거나 허가가 만료 또는 취소되고 왕국에 체 류하는 외국인은 2년 이하의 징 역형 또는 2만바트 이하의 벌금 형에 처하거나 징역형과 벌금형 을 병과한다.
이 법에 따라 장관이나 위원회, 국장 또는 위원회가 위임한 담 당관이 해당 외국인에게 명한 바의 이행을 회피하거나, 항명하 거나, 해당 명령의 인지를 거부 한 외국인은 5천바트 이하의 벌 금형에 처한다. 만약 첫번째 단락에 따른 명령 이 국외 출국 명령이라면, 해당 외국인은 2년 이하의 징역형 및 2만바트 이하의 벌금형에 처한 다.
범법행위의 주체가 법인인 경우, 만약 해당 법인의 범법행위가 이사나 전무 또는 법인의 업무 실행에 대한 책임자의 지휘 또 는 행위로 발생하는 경우, 또는 해당자가 지휘하거나 실행할 책 무가 있으며, 지휘 또는 실행을 소홀히 하여 해당 법인이 범법 행위를 하는 원인이 되는 경우, 해당자는 해당하는 범법행위에 대하여 이 법에 따라 처벌된다.
제62조 첫번째 단락, 제63조, 제64조, 제71조 및 제82조 두번 째 단락을 제외한 이 법에 의거 한 모든 위법 행위는 경찰국장 또는 대리인, 검찰국장 또는 대 리인 및 이민국장 또는 대리인 이 위원으로 구성된 결정위원회 를 설치하고 결정할 권한을 갖 도록 할 수 있으며, 이와 관련하 여 결정위원회는 타당하다고 판 단하는 바에 따라 비교하는 데 있어서의 원칙이나 어떠한 조건 을 정하여 조사담당관 또는 담 당관에게 대신 결정을 이행하도 록 위임할 권한을 갖는다. 위법 행위를 한 사람이 부과된 바에 따라 벌금을 납부하였을 때에는 형사소송법에 따라 사건 이 종결된 것으로 간주하도록 한다.
이 법의 시행일에 왕국 임시 체 류 허가를 취득한 외국인은 이 법에 따라 허가를 받은 사람으 로 간주하도록 한다. 그러나, 권 리와 혜택은, 허가 근거에 드러 난 바에 한해서만 주어진다.
왕국에 임시 체류 허가를 취득 하고 이 법의 시행일까지 90일 이상 체류한 외국인은, 이 법을 시행한 날부터 7일 이내에 제37 조 제(5)항에 따라 담당관에게 처음으로 신고하도록 한다.
이 법의 시행일에 왕국 임시 체 류 허가를 취득한 외국인을 입 주 또는 투숙하도록 하는 집주 인이나 거주지의 소유주 또는 점유자, 숙박시설의 지배인은 이 법을 시행한 날부터 30일 이내 에 제38조에 따라 담당관에게 신고하여야 한다.
이 법의 시행 전 이민 관련 법 률에 의하여 발급되었으며 아직 유효한 주소지 증명서는 이 법 에 따라 발급된 주소지 증명서 로 간주하도록 한다.
이 법의 시행 전 담당관이 외국 인의 주소지 증명서에 작성한 재입국을 위한 출국 신고 증명 은 이 법의 규정에 따른 재입국 을 위한 출국 신고 증명으로 간 주하도록 한다.
이 법을 시행한 날에 송환 대기 를 위하여 구금을 명 받은 외국 인은 이 법에 따라 송환 대기를 위해 구금 명령을 받은 사람으 로 간주하도록 한다.
이 법을 시행한 날에 검토가 완 료되지 아니한 외국인의 각종 청원은 이 법에 따라 제출된 청 원으로 간주하도록 한다.
이 법을 시행하기 전에 「1954 년 이민법」 (제2권)에 의해 수 정‧보완된 「1950년 이민법」에 따라 적용한 모든 부령과 규칙, 규정 및 입국자심사위원회의 명 은 이 법에 위배되거나 모순되 지 아니하는 한에서, 이 법에 따 라 부령과 규칙, 규정 및 입국자 심사위원회의 명이 시행될 때까 지 계속 적용하도록 한다. 부서 쏨폽 호따라낏 부총리