로고

พระราชบัญญัติ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย พ.ศ. ๒๕๖๐ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นปีที่ ๗๒ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการ ประกอบธุรกิจประกันภัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอม ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติ

คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย พ.ศ. ๒๕๖๐"

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจา

นุเบกษา เป็นต้นไป

มาตรา ๓ พระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. ๒๕๓๕ พระราชบัญญัติประกัน

ชีวิต พ.ศ. ๒๕๓๕ และพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดย พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๘ พระราชบัญญัติคุ้มครอง ผู้ประสบภัยจากรถ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๐ และพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๕ ให้หมายความรวมถึงพระราชบัญญัตินี้ด้วย และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว รวมทั้งให้มีอำนาจออกกฎกระทรวง ประกาศ ระเบียบ และคำสั่งตามพระราชบัญญัติดังต่อไปนี้

ในพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. ๒๕๓๕

ในพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. ๒๕๓๕ คำว่า "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง" ในมาตรา ๓ ให้หมายความถึง "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง" "รัชกาลที่เก้าจงเจริญ" เล่ม ๑๓๔/ตอนที่ ๖๗ ก/หน้า ๓๐/๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๐ คำว่า "รัฐมนตรี" ในมาตรา 7 วรรคสาม มาตรา 13 มาตรา 20 มาตรา 23 มาตรา 28 มาตรา 31 มาตรา 32 มาตรา 34 มาตรา 35 มาตรา 36 มาตรา 53 มาตรา 60 มาตรา 62 มาตรา 67 มาตรา 84 ให้หมายความถึง "คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย" คำว่า "อธิบดีกรมการประกันภัย" ในมาตรา 5 และมาตรา 10 วรรคสอง ให้หมายความถึง "เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย" คำว่า "นายทะเบียน" ในมาตรา 20 มาตรา 22 มาตรา 23 มาตรา 31 มาตรา 33 มาตรา 34 มาตรา 36 มาตรา 60 มาตรา 62 มาตรา 67 วรรคสอง และมาตรา 70 ให้หมายความถึง "คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย" คำว่า "กรมการประกันภัย" ในมาตรา 20 มาตรา 22 มาตรา 31 มาตรา 34 และมาตรา 60 ให้หมายความถึง "สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย" คำว่า "คณะกรรมการ" ในมาตรา 13 (1) ให้หมายความถึง "คณะกรรมการบริษัท" คำว่า "คณะกรรมการ" ในมาตรา 13 (2) ให้หมายความถึง "คณะกรรมการเปรียบเทียบ" (ข) ในพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 คำว่า "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์" ในมาตรา 6 ให้หมายความถึง "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง" คำว่า "รัฐมนตรี" ในมาตรา 7 วรรคสาม มาตรา 13 มาตรา 20 มาตรา 23 มาตรา 28 มาตรา 31 มาตรา 32 มาตรา 34 มาตรา 35 มาตรา 36 มาตรา 53 มาตรา 60 มาตรา 62 มาตรา 67 มาตรา 84 และมาตรา 87 ให้หมายความถึง "คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย" คำว่า "อธิบดีกรมการประกันภัย" ในมาตรา 5 และมาตรา 10 ให้หมายความถึง "เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย" คำว่า "นายทะเบียน" ในมาตรา 20 มาตรา 22 มาตรา 23 มาตรา 31 มาตรา 33 มาตรา 34 มาตรา 36 มาตรา 60 มาตรา 62 มาตรา 67 วรรคสอง มาตรา 70 และมาตรา 84 ให้หมายความถึง "คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย" คำว่า "กรมการประกันภัย" ในมาตรา 20 มาตรา 22 มาตรา 31 มาตรา 34 มาตรา 60 และมาตรา 84 ให้หมายความถึง "สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย" คำว่า "คณะกรรมการ" ในมาตรา 13 (1) ให้หมายความถึง "คณะกรรมการบริษัท" คำว่า "คณะกรรมการ" ในมาตรา 13 (2) ให้หมายความถึง "คณะกรรมการเปรียบเทียบ" (ค) ในพระราชบัญญัติผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติผู้ประสบภัยจากรถ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 พระราชบัญญัติผู้ประสบภัย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา - 3 - ผู้ประกอบวิชาชีพการสอบบัญชี (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2548 และพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2548 คำว่า “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง” ในมาตรา 4 ให้หมายความถึง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง” คำว่า “รัฐมนตรี” ในมาตรา 6 มาตรา 26 มาตรา 28 มาตรา 30 และมาตรา 35 ให้หมายความถึง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง” คำว่า “ปลัดกระทรวงการคลัง” ในมาตรา 6 ให้หมายความถึง “ปลัดกระทรวงการคลัง” คำว่า “องค์กรการประกันภัย” ในมาตรา 30 ทวิ วรรคหก ให้หมายความถึง “คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย” คำว่า “องค์กรการประกันภัย” ในมาตรา 4 มาตรา 8 และมาตรา 30 ทวิ วรรคสาม ให้หมายความถึง “เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย” คำว่า “กรมการประกันภัย” ในมาตรา 18 มาตรา 20 มาตรา 21 และมาตรา 22 ให้หมายความถึง “สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย” คำว่า “ผู้แทนกระทรวงการคลัง” ในมาตรา 6 ให้หมายความถึง “ผู้แทนกระทรวงการคลัง”

มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้

“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย “กรรมการ” หมายความว่า กรรมการในคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย “สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย “บริษัทประกันภัย” หมายความว่า บริษัทตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัย และบริษัทตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต “การประกอบธุรกิจประกันภัย” หมายความว่า การประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัย การประกอบธุรกิจประกันชีวิตตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต และการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

มาตรา 5 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมวด 1

คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย

มาตรา 6 ให้คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยประกอบด้วย ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งไม่อยู่ในภาวะขัดกันแห่งผลประโยชน์กับการประกอบธุรกิจประกันภัย จำนวนห้าคน โดยคำนึงถึงความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในด้านการประกอบธุรกิจ การเงิน เศรษฐศาสตร์ หรือการเงิน ทั้งนี้จะไม่แต่งตั้งบุคคลซึ่งเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทประกันภัย ให้เป็นกรรมการในกรรมการคณะกรรมการและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย

การคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิต้องเป็นไปตามกรรมการตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะรัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา 7 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องมีสัญชาติไทย และไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้

(ก) เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต (ข) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ (ค) เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และไม่ได้รับโทษจำคุกจริงหรือโทษจำคุกนั้นพ้นไปแล้วไม่เกินห้าปี เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ (ง) เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในบริษัทประกันภัย หรือเป็นกรรมการ ผู้บริหาร หรือพนักงานของบริษัทประกันภัย (จ) เป็นหรือเคยเป็นข้าราชการการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น เว้นแต่พ้นจากตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่าสามปี (ฉ) เป็นหรือเคยเป็นกรรมการหรือผู้บริหารหรือผู้ดำรงตำแหน่งอื่นในพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง เว้นแต่พ้นจากตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่าสามปี (ช) เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจจากการกระทำความผิดเอง เพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง

มาตรา 8 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจะอยู่ในตำแหน่งคราวละสามปี และอาจได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอีกได้แต่ไม่เกินสองวาระติดต่อกัน

มาตรา 9 เมื่อกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งตามวาระ ให้ดำเนินการแต่งตั้งใหม่ภายในสามสิบวัน ในระหว่างยังมิได้มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใหม่ ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่ากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้รับการแต่งตั้งใหม่จะเข้ารับหน้าที่

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

มาตรา 10 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งเมื่อ

1

ตาย

2

ลาออก

3

ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 9

4

คณะกรรมการมีมติให้พ้นจากตำแหน่งกรณีขาดประชุมติดต่อกัน 3 ครั้งโดยไม่มีเหตุอันสมควร

มาตรา 11 ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ หรือในกรณีมีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มขึ้น ประธานกรรมการมีหน้าที่เสนอชื่อบุคคลในตำแหน่งให้ได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ที่ได้แต่งตั้งไว้แล้ว

มาตรา 12 ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบาย กำกับ ส่งเสริมและพัฒนาการประกอบธุรกิจประกันภัย อำนวยให้เจ้าหน้าที่มีประสิทธิ์

1

กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และแนวปฏิบัติในการประกอบธุรกิจประกันภัยให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล

2

กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และแนวปฏิบัติในการกำกับ ส่งเสริมและพัฒนาการประกอบธุรกิจประกันภัย

3

ให้ความเห็นเกี่ยวกับการพิจารณาอนุมัติหรืออนุญาตเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการออกไปอนุญาต การเพิกถอนใบอนุญาต และการออกคำสั่งตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต กฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัย และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการกำหนดคุณสมบัติของผู้ประกอบวิชาชีพประกันภัย

4

ประกาศกำหนดอัตราเงินสมทบที่จะเรียกเก็บโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีตามมาตรา 27

5

กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการให้ความเห็นชอบการกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัย

6

พิจารณายุทธศาสตร์สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย

7

กำหนดแผน กลยุทธ์ และแนวทางการบริหารงานสำนักงาน

8

ออกข้อบังคับว่าด้วยเรื่ององค์กร การบริหารงานบุคคล การบริหารงานทั่วไป การสรรหา การตรวจสอบภายใน รวมตลอดถึงการเสาะหาและพัฒนาบุคลากรต่าง ๆ ของสำนักงาน

9

อนุมัติแผนการเงินและแผนการใช้จ่ายเงินและประมาณการรายจ่ายประจำปีของสำนักงาน

10

ควบคุมการบริหารงานและการดำเนินการของสำนักงานให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้

11

ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ข้อบังคับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือมติคณะกรรมการที่กำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ บุคคลภายนอกให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

มาตรา 13 ให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่คณะกรรมการมอบหมาย

มาตรา 14 ให้นำบัญญัติว่าด้วยลักษณะต้องห้ามของและคณะกรรมการที่เกี่ยวกับตำแหน่งเจ้าพนักงานในคณะกรรมการกฤษฎีกาและการปฏิบัติราชการทางกฎหมายมาใช้บังคับกับการทำหน้าที่ของคณะกรรมการและอนุกรรมการตามพระราชบัญญัตินี้โดยอนุโลม

มาตรา 15 บรรดาคำสั่งทางปกครองของเจ้าของเรื่องการในอำนาจของเจ้าพนักงานตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัย กฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต และกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ให้พ้นจากคณะกรรมการ

มาตรา 16 ให้กรรมการและอนุกรรมการได้รับประโยชน์ตอบแทนตามที่รัฐมนตรีกำหนด

หมวด 2

สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย

มาตรา 17 ให้มีสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยเป็นหน่วยงานของรัฐที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลและไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ

มาตรา 18 ให้สำนักงานมีสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพมหานครหรือจังหวัดใกล้เคียงและจะตั้งสาขาหรือจัดตั้งหน่วยงานอื่น ณ ที่อื่นใดก็ได้

มาตรา 19 กิจการของสำนักงานไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายว่าด้วยประกันสังคม และกฎหมายว่าด้วยเงินทุนหมุนเวียน แต่พนักงานและลูกจ้างของสำนักงานจะได้รับประโยชน์ตอบแทนไม่ต่ำกว่าที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยประกันสังคม และกฎหมายว่าด้วยเงินทุนหมุนเวียน

มาตรา 20 ให้สำนักงานมีอำนาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้

(ก) รับผิดชอบในการดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ (ข) กำกับ ส่งเสริม และพัฒนาการประกอบธุรกิจประกันภัยตามนโยบายและมติของคณะกรรมการ ตลอดจนกำหนด วิธีการ เงื่อนไข และแนวปฏิบัติที่คณะกรรมการกำหนด (ค) ศึกษา ค้นคว้า วิเคราะห์ วิจัยและพัฒนาระบบการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจประกันภัย (ง) ออกตราสาร มีสิทธิครอบครอง และจำหน่ายทรัพย์สินต่าง ๆ ``` - 7 - สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

ต่อสิทธิหรือทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สิน

ทำความตกลงและร่วมมือกับองค์กรหรือหน่วยงานในประเทศและต่างประเทศ ในกิจการที่เกี่ยวกับการดำเนินงานของสำนักงาน

๑๐

จัดให้มีและให้ทุนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงาน

๑๑

ลงทุนก่อผลประโยชน์ในกิจการที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจธนาคารกับสถาบันอื่นที่ คณะกรรมการกำหนด

๑๒

เรียกเก็บและรับเงินรายได้ เงินเพิ่ม ค่าธรรมเนียม ค่าอากร ค่าตอบแทนหรือ ค่าบริการในการดำเนินงาน

๑๓

จัดทำรายงานประจำปีแสดงผลงานและอุปสรรคในการดำเนินงานของ คณะกรรมการและสำนักงานเสนอคณะรัฐมนตรี

๑๔

ปฏิบัติการอื่นใดที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงาน

มาตรา ๒๑ ทุนและทรัพย์สินในการดำเนินงานของสำนักงานประกอบด้วย

เงินและทรัพย์สินที่ได้รับโอนมาตามมาตรา ๔๕

เงินที่รัฐอุดหนุนให้เป็นทุนประเดิม

เงินรายได้ตามมาตรา ๑๘

ค่าธรรมเนียม ค่าอากร ค่าตอบแทน ค่าบริการ หรือรายได้จากการดำเนินงาน

ดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินของสำนักงาน

เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคหรือให้เพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานของสำนักงาน

มาตรา ๒๒ บรรดารายได้ทั้งปวงที่สำนักงานได้รับจากการดำเนินงานในปีหนึ่ง ๆ ให้ตกเป็นของสำนักงานเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินงานและค่าภาระต่าง ๆ ที่เหมาะสม เช่น ค่าบำรุงรักษาและค่าดำเนินการ ประโยชน์ตอบแทนของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการและ พนักงานเงินสมทบกองทุนเพื่อสวัสดิการและการสงเคราะห์ และเงินสมทบหรือค่าใช้จ่ายในกิจการ ของสำนักงานหรือที่ทำการอื่น รายได้ที่กล่าวรวมถึงไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน

มาตรา ๒๓ ทรัพย์สินของสำนักงานไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีและบุคคล ใดจะอายุความขึ้นเป็นข้อยกเว้นหรือทรัพย์สินของสำนักงานไม่ได้

มาตรา ๒๔ ผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขาธิการต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้

(ก) มีสัญชาติไทย (ข) มีอายุไม่เกินหกสิบห้าปีบริบูรณ์ (ค) สุขภาพร่างกายและจิตใจเหมาะสม ```

มาตรา 26 ผู้สมัครและจะดำรงตำแหน่งใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ต้องห้ามมิให้เป็นเลขาธิการ

(ก) เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต (ข) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ (ค) เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกและไม่ได้รับการอภัยโทษ เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ (ง) เป็นหรือเคยเป็นกรรมการบริหารหรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง หรือเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือกรรมาธิการในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (จ) เป็นกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลผู้มีอำนาจในกิจการของบริษัทประกันภัย (ฉ) เป็นเจ้าราชการ พนักงานหรือลูกจ้างของส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐหรือของราชการส่วนท้องถิ่น (ช) เป็นหรือเคยเป็นเจ้าหน้าที่การเมือง ผู้จัดการพรรคการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น เว้นแต่ได้พ้นจากตำแหน่งแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี (ซ) เป็นหรือเคยเป็นกรรมการบริหารหรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง เว้นแต่ได้พ้นจากตำแหน่งแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี (ฌ) เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานของเอกชน เพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือประพฤติชั่วร้ายแรง

มาตรา 27 ให้คณะกรรมการมีอำนาจเบิกจ่ายเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนอื่นของเลขาธิการได้ตามที่เห็นชอบของรัฐมนตรี

มาตรา 28 เลขาธิการอยู่ในตำแหน่งคราวละสี่ปี เลขาธิการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ แต่ต้องไม่เกินสองวาระติดต่อกัน

มาตรา 29 เลขาธิการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ เลขาธิการพ้นจากตำแหน่งเมื่อ

(ก) ตาย (ข) ลาออก (ค) ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 26 หรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 26 (ง) เป็นผู้ไม่ปฏิบัติได้ตามมาตรา 23 (จ) คณะกรรมการมีมติให้พ้นจากตำแหน่งเพราะมีพฤติการณ์ที่มิชอบ ประพฤติเสื่อมเสียหรือหย่อนความสามารถ

มาตรา 30 ให้เลขาธิการเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้าง และรับผิดชอบในการดำเนินการทั้งปวงของสำนักงาน ในการบริหารกิจการของสำนักงาน เลขาธิการต้องรับผิดชอบต่อคณะกรรมการ

มาตรา ๑๓ ให้มีรองเลขาธิการตามจำนวนที่คณะกรรมการกำหนดเพื่อช่วยเลขาธิการในการปฏิบัติหน้าที่ตามที่เลขาธิการมอบหมาย

มาตรา ๑๔ เลขาธิการมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

บรรจุ แต่งตั้ง ถอดถอน เลื่อน ลด ตัดเงินเดือนหรือค่าจ้าง ลงโทษทางวินัย พนักงานของสำนักงาน ตามข้อบังคับว่าด้วยการบริหารงานบุคคลของสำนักงาน ทั้งนี้ ให้รายงานคณะกรรมการก่อนแต่งตั้งเป็นพนักงานตำแหน่งรองเลขาธิการ ผู้บริหารระดับสูง และผู้ตรวจสอบภายใน ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการก่อน

วางระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของสำนักงานโดยไม่ขัดหรือแย้งกับข้อบังคับหรือมติคณะกรรมการกำหนด

มาตรา ๑๕ ในการปฏิบัติหน้าที่ เลขาธิการจะมอบอำนาจให้พนักงานกระทำการใดแทนก็ได้ตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด

ให้ถือว่าเป็นอำนาจตามาตรา ๖๕ เมื่อมีอำนาจหน้าที่อย่างเดียวกับเลขาธิการในเรื่องที่ได้รับมอบอำนาจนั้น

มาตรา ๑๖ ในกรณีที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก ให้เลขาธิการเป็นผู้แทนสำนักงานเพื่อการนั้น เลขาธิการจะมอบอำนาจให้บุคคลใดกระทำการแทนก็ได้ตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา ๑๗ ในกรณีที่ไม่มีผู้รักษาการตำแหน่งเลขาธิการหรือเลขาธิการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้คณะกรรมการแต่งตั้งรองเลขาธิการคนหนึ่งเป็นผู้รักษาการแทนเลขาธิการ ในกรณีที่ไม่มีรองเลขาธิการหรือรองเลขาธิการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้คณะกรรมการแต่งตั้งพนักงานของสำนักงานคนหนึ่งเป็นผู้รักษาการแทนเลขาธิการ

ให้ถือว่าเป็นการแทนเลขาธิการตามมาตรา ๖๕ เมื่อมีอำนาจหน้าที่อย่างเดียวกับเลขาธิการ

มาตรา ๑๘ เลขาธิการต้องไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในสัญญาที่สำนักงานหรือกิจการที่สำนักงานเข้าเป็นคู่สัญญาหรือร่วมลงทุน ไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในผู้มีประโยชน์ในกิจการที่สำนักงานโดยชัดเจนในข้อบังคับว่าด้วยการบริหารงานบุคคลของสำนักงานกำหนด ทั้งนี้ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของเลขาธิการเป็นไปด้วยความโปร่งใสและปราศจากผลประโยชน์ทับซ้อนตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด

ในกรณีที่เลขาธิการ คู่สมรส หรือบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของเลขาธิการกระทำการตามวรรคหนึ่ง ให้เลขาธิการรายงานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาและมีมติให้เลขาธิการดำเนินการต่อไปได้หรือไม่ คณะกรรมการให้เป็นธรรมในการพิจารณาโดยต้องชี้แจงเหตุผลที่ชัดเจนและเปิดเผยต่อสาธารณชน

มาตรา ๑๙ บทบัญญัติที่กำหนดไว้ในกฎหมายนี้โดยไม่ถูกต้องตามมาตรา ๑๘ ไม่มีผลผูกพัน

สำนักงาน

มาตรา ๑๓๗ ห้ามมิให้ผู้ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเลขาธิการดำรงตำแหน่งใดในบริษัทประกันภัยเป็นเวลาไม่ต่ำกว่าตำแหน่งแล้วไม่น้อยกว่าสองปี

หมวด ๓

การตรวจสอบและการบัญชี

มาตรา ๑๓๘ ให้สำนักงานวางและรักษาไว้ซึ่งบัญชีที่เป็นไปตามหลักสากลและสอดคล้องกับระบบการบัญชีที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้

มาตรา ๑๓๙ ให้สำนักงานจัดให้มีการตรวจสอบภายในเป็นประจำ ให้คณะกรรมการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนไม่น้อยกว่าสามคนเป็นคณะกรรมการตรวจสอบ เพื่อเสนอความเห็นเกี่ยวกับการตรวจสอบภายในต่อคณะกรรมการ ในการตรวจสอบภายใน ให้ผู้ตรวจสอบภายในรายงานผลการตรวจสอบโดยตรงต่อคณะกรรมการตรวจสอบ

ให้สำนักงานบัญชีดำเนินการตรวจสอบการที่สำนักงานดำเนินการหรือควบคุมดูแลการดำเนินการของบริษัทประกันภัยให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการประกันภัยและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับสำนักงาน รวมทั้งรายงานผลการตรวจสอบโดยปฏิบัติ

มาตรา ๑๔๐ ให้ผู้สอบบัญชีรายงานผลการสอบบัญชีต่อคณะกรรมการเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับตั้งแต่ปิดบัญชี และให้สำนักงานเผยแพร่รายงานผู้สอบบัญชีรับรองแล้วภายในสิบห้าวันนับตั้งแต่คณะรัฐมนตรีรับทราบ

หมวด ๔

เงินสมทบ

มาตรา ๑๔๑ ให้บริษัทประกันภัยส่งเงินสมทบให้แก่สำนักงานทุกระยะเวลาเดือนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสำนักงาน

อัตราเงินสมทบให้กำหนดไว้ในกฎกระทรวงโดยคำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการดำเนินงานของสำนักงานและให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา คณะกรรมการประกาศกำหนดโดยคำนึงถึงความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการดำเนินงานของสำนักงานและความสามารถของบริษัทประกันภัยในการชำระเงินสมทบ แต่การใช้งบเงินสมทบจะต้องไม่เกินกว่าร้อยละห้าของเบี้ยประกันภัยสุทธิที่ได้รับจากผู้เอาประกันภัยทุกประเภทในแต่ละปี ในกรณีที่มีเงินสมทบคงเหลือ ให้คณะกรรมการโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดสรรเงินดังกล่าว

มาตรา 44 บริษัทประกันซึ่งไม่ได้นำส่งเงินสมทบหรือไม่นำส่งเงินสมทบโดยไม่ครบถ้วนตามมาตรา 43 ต้องเสียเงินเพิ่มในอัตราร้อยละสองต่อเดือนของเงินสมทบที่ไม่นำส่งหรือ นำส่งไม่ครบ

หมวด 5

ความสัมพันธ์กับรัฐบาล

มาตรา 45 ให้รัฐมนตรีมีอำนาจกำกับดูแลโดยทั่วไปซึ่งกิจการของสำนักงาน เพื่อ การนี้จะสั่งให้สำนักงานดำเนินการใด ๆ หรือแสดงความคิดเห็นหรือทำรายงานเสนอ และมีอำนาจสั่ง ยับยั้งการกระทำของสำนักงานที่เห็นว่าขัดต่อนโยบายของรัฐบาล

ในการนี้คณะกรรมการสามารถร้องขอสำนักงานส่งเสนอต่อเรื่องไปยังคณะรัฐมนตรี ให้ สำนักงานแจ้งเรื่องเสนอต่อรัฐมนตรีก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี บทกำหนดโทษ

มาตรา 47 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 37 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท

มาตรา 48 บริษัทประกันซึ่งไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการ ให้ปรับตามจำนวนเงิน ที่ค้างชำระจนกว่าจะปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวหรือจนกว่าคณะกรรมการจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

มาตรา 49 ความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้คณะกรรมการเปรียบเทียบซึ่ง รัฐมนตรีแต่งตั้งมีอำนาจเปรียบเทียบได้

คณะกรรมการเปรียบเทียบซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งต้องประกอบด้วย คนหนึ่งซึ่งต้องเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรตามกฎหมายว่าด้วยภาษีอากร เมื่อคณะกรรมการเปรียบเทียบได้เปรียบเทียบแล้วและผู้ต้องหายินยอม ให้ชำระค่าปรับตาม จำนวนเงินที่เปรียบเทียบในเวลาสิบห้าวันนั้น ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา บทเฉพาะกาล

มาตรา 50 ให้อนุกรรมการกิจการ อำนาจหน้าที่ ทรัพย์สิน งบประมาณ เงินของ กองทุนเพื่อการพัฒนาธุรกิจประกันภัย เงินของกองทุนเพื่อการพัฒนาธุรกิจประกันภัย เงินของ กองทุนทดแทนผู้ประสบภัย ที่ดิน สิ่งก่อสร้าง และกรรมสิทธิ์ของกองทุนประกันภัย กระทรวงการคลัง ใน

ส่วนที่เกี่ยวกับงานประกันวินาศภัย งานประกันชีวิต และงานคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ที่มีอยู่ใน วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับไปยังส่วนต่าง ๆ ในแต่ละกระทรวงตามที่คณะกรรมการกำหนด กับกิจการการตรวจบัญชีและเงินของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์และกิจการของกรมการประกันภัย ที่ซึ่ง ครอบกับเงินเดือนผู้ตรวจบัญชีไปยังส่วนต่าง ๆ ในแต่ละกระทรวงตามที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา 50 เมื่อพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ในวาระแรกเริ่ม ให้คณะกรรมการประกอบด้วยปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เลขาธิการ คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการ กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เป็นกรรมการ และให้ข้าราชการในสำนักงานคณะกรรมการกำกับฯ เป็นกรรมการและเลขานุการ

ให้คณะกรรมการตามวรรคหนึ่งและผู้ปฏิบัติหน้าที่อื่นซึ่งเป็นข้าราชการประจำปฏิบัติ หน้าที่คณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีคณะกรรมการ หรือเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ซึ่งยังไม่แต่งตั้งกลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ดังเดิม

มาตรา 51 ภายในตั้งแต่วันใช้บังคับ ให้ข้าราชการและลูกจ้างของกรมการ ประกันภัยกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งราชการดังกล่าวอยู่ในบังคับพระราชบัญญัตินี้เป็นการชั่วคราว เป็นเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ไปพลางก่อน จนกว่าจะมีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ โดยให้ถือ ว่าการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานคณะกรรมการกำกับฯ กระทรวงการคลัง

มาตรา 52 ให้ข้าราชการและลูกจ้างที่ปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานคณะกรรมการกำกับฯ ได้รับเงินเดือน หรือค่าจ้างในอัตราเดิมต่อไปจนกว่าจะมีการกำหนดอัตราเงินเดือนหรือค่าจ้างใหม่ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในสำนักงาน แต่จะให้ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างต่ำกว่าเงินเดือน หรือค่าจ้างที่ได้รับอยู่เดิมไม่ได้

มาตรา 53 ข้าราชการและลูกจ้างตามมาตรา 52 ซึ่งสมัครใจเปลี่ยนไปเป็น พนักงานหรือลูกจ้างของสำนักงาน ให้แจ้งความจำนงเป็นหนังสือถึงผู้อำนวยการภายในหกสิบวันนับ แต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ สำหรับผู้ซึ่งไม่ได้แจ้งความจำนงภายในระยะเวลาดังกล่าว ให้กลับไป ปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง กระทรวงการคลัง

กระทรวงการคลังให้โอนข้าราชการจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับฯ ให้ดำรงตำแหน่งใดใน สำนักงานดังกล่าวไปปฏิบัติงานองค์กรการค้า คุณสมบัติและอัตราเงินเดือนของตำแหน่งที่คณะกรรมการกำหนด แต่หากข้าราชการและลูกจ้างดังกล่าวไม่ประสงค์จะดำรงตำแหน่งในสำนักงานดังกล่าว ให้ถือว่า การดำรงตำแหน่งดังกล่าวสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้โอนเงินเดือนของข้าราชการและลูกจ้างดังกล่าวไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับฯ ที่ซึ่งครอบ กับเงินเดือนของข้าราชการและลูกจ้างของสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง กระทรวงการคลังที่ได้รับการ บรรจุและแต่งตั้งให้เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของสำนักงานคณะกรรมการกำกับฯ ไปเป็นของสำนักงานนับแต่ วันที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้ง การบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการตามมาตรานี้ให้ถือว่าเป็นการให้ออกจากราชการ เพราะสิ้นตำแหน่งตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการหรือกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ การบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการตามมาตรานี้ให้ออกประกาศในราชกิจจานุเบกษา รายการบรรจุแต่งตั้งหรือการยกเลิกการแต่งตั้งโดยไม่มีความผิด และให้ได้รับบำเหน็จตามระเบียบกระทรวงการคลังที่กำหนดไว้ต่อไป

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ``` - ๑๔ - สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ปัจจุบันการประกอบธุรกิจประกันภัยให้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว รูปแบบการประกันภัยมีลักษณะหลากหลาย มีความเชื่อมโยงกับสถาบันการเงินมากขึ้นแต่ละนิติบุคคลผู้ประกอบธุรกิจประกันภัยมีขนาดที่แตกต่างกัน การประกอบธุรกิจประกันภัยจึงมีลักษณะเป็นธุรกิจทางการเงินประเภทหนึ่งที่มีผลกระทบโดยตรงต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศและต่อผู้เอาประกันภัยในผู้บริโภค จึงจำเป็นต้องมีการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจประกันภัยให้มีความเหมาะสมกับสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในลักษณะที่เป็นการดำเนินงาน เพื่อให้การกำกับดูแลการประกันภัยเป็นไปตามมาตรฐานสากลและเพื่อให้การกำกับดูแลการประกันภัยในปัจจุบันเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจประกันภัยในปัจจุบันจึงควรอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงการคลัง นอกจากนี้ การประกันภัยยังมีลักษณะเป็นส่วนราชการจึงไม่สามารถต่อจัดและขาดความเป็นอิสระในการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจประกันภัย ดังนั้น เพื่อให้การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจประกันภัยและการคุ้มครองสิทธิของผู้เอาประกันภัยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ การส่งเสริมให้มีคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยที่มีความเป็นอิสระและมีตัวตนในการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยโดยเฉพาะ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ กฤษฎา/รัชดาภิทักษ์ ๓ มกราคม ๒๕๕๖ ชาญ/ตรวจ ๓ มกราคม ๒๕๕๖ ```