로고

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. เป็นปีที่ ๗๐ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘

โดยที่เป็นการสมควรมีบทกฎหมายว่าด้วยการทำเรือ

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติการทำเรือ พ.ศ. ๒๕๕๘”

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้

“เรือ” หมายความว่า เรือเดินทะเลที่ใช้ในการขนส่งของหรือคนโดยสารทางทะเลระหว่างประเทศ “สิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ” หมายความว่า สิทธิเรียกร้องอันเกิดจาก

(ก)

ความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของบุคคลใด ๆ ที่มีเหตุมาจากเรือหรือการดำเนินงานของเรือ

(ข)

การช่วยเหลือกู้ภัยทางทะเล

(ค)

สัญญาเกี่ยวกับการใช้ เช่น เช่า เช่าซื้อ หรือยืมเรือ การให้บริการเรือ หรือสัญญาอื่นทำนองเดียวกัน

(ง)

สัญญาเกี่ยวกับการรับขนของทางทะเลที่มีการออกใบตราส่ง

(จ)

การเสียหายแก่ทรัพย์สินที่ขนส่ง ในกรณีเรือขนส่ง ผู้ขนส่งและเจ้าของเรือบรรทุกในใบตราส่ง มีหน้าที่ต้องชดใช้ให้แก่เจ้าของทรัพย์สินที่เสียหายตามมูลค่าทรัพย์สินที่เสียหายโดยคำนึงถึงความสมควรและความเป็นธรรมในแต่ละกรณีตามที่กำหนดไว้ในระเบียบ หรือข้อบังคับที่ได้กำหนดไว้โดยเจ้าของเรือเพื่อประโยชน์ร่วมกัน *ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒ ตอนที่ ๙๗ ก/ฉบับพิเศษ หน้า ๑๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘* ของทุกฝ่ายหรือเพื่อความปลอดภัยร่วมกันของเรือและของที่บรรทุกมาในเรือนั้น ทั้งนี้ เมื่อมี บทบัญญัติแห่งกฎหมายหรือสัญญาระหว่างราษฎรที่กำหนดความรับผิดในเรื่องนี้ว่า (๑) การดูแลทรัพย์สินซึ่งตกเป็นภาระร่วมกันแก่ทรัพย์สินที่บรรทุกมาในเรือ (๒) การจัดการการกู้เรือไม่ว่าโดยวิธีใด (๓) การให้บริการกู้เรือ (๔) การจัดหาพัสดุหรือสิ่งใด ๆ เพื่อให้เรือสามารถเดินทางอย่างราบรื่น (๕) การให้บริการของพาเรือ หรือการซ่อมแซมเรือ หรือการซ่อมแซมเครื่องจักรในเรือ หรือการจัดหาบริการในการใช้เรือ (๖) ค่าภาษีของของในเรือหรือสำหรับการใช้เรือ (๗) ค่าภาษีของเรือหรือคนประจำเรือ (๘) ค่าภาษีของเรือที่นายเรือ ผู้เช่าเรือ ต้นเรือ หรือผู้ส่งของได้ตกลงจ่ายไปแทนเจ้าของเรือหรือครอบครองเรือ (๙) ข้อพิพาทเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในตัวเรือ (๑๐) ข้อพิพาทระหว่างเจ้าของรวมเกี่ยวกับการครอบครอง การใช้เรือ หรือรายได้จากเรือ “เจ้าท่า” หมายความว่า ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ “เจ้าของเรือ” หมายความว่า ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ผู้มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ```

มาตรา ๗ คำร้องขอให้กักเรือให้ทำเป็นคำร้องฝ่ายเดียว

คำร้องขอให้กักเรือจะต้องแสดงโดยแจ้งชัดถึงสาเหตุแห่งสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ที่ผู้ขอจะใช้สิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ และอย่างน้อยต้องมีรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อเจ้าหนี้ ชื่อผู้ขอ หมายเลขทะเบียนเรือ ขนาดเรือ สัญชาติ และชื่อท่าที่จดทะเบียนเรือ ชื่อท่าเรือที่เรือผู้ถูกกักจอดเรือ หากทราบ และที่หมายหรือเส้นทางของเรือ

มาตรา ๘ เมื่อได้รับคำร้องขอให้กักเรือ ให้ศาลดำเนินการไต่สวนคำขอโดยเร็วเป็นการด่วน

ถ้าเป็นพอใจจากพยานหลักฐานที่แสดงตามสมควรว่าสิทธิเกี่ยวกับเรืออาจบังคับเรือที่ถูกกักได้ในกรณีของการบังคับคดี และในกรณีเรือที่เจ้าหนี้ขอให้กักเพื่อให้หลักประกันที่ได้อยู่ในราชอาณาจักรในเวลายื่นคำร้อง เจ้าพนักงานศาลจะสั่งกักเรือไว้หรือไม่ก็ได้ แต่ถ้าเห็นว่าพยานหลักฐานที่แสดงยังไม่เพียงพอ ให้ศาลสั่งให้ผู้ร้องแสดงพยานหลักฐานเพิ่มเติม การสั่งกักเรือของศาลถือเป็นการสั่งที่ไม่มีผลผูกพันในราชอาณาจักร ศาลจะสั่งให้กักเรือในหลักประกันของความรับผิดของผู้ร้องหรือเพื่อประกันความเสียหายที่อาจเกิดจากการกักเรือ ซึ่งเจ้าพนักงานศาลจะกำหนดก็ได้ แต่ในกรณีที่มีมูลค่าสินไหมในราชอาณาจักร ให้ศาลสั่งให้กักเรือในมูลค่าสินไหมที่อาจเกิดขึ้นในราชอาณาจักรหรือในมูลค่าสินไหมที่อาจเกิดขึ้นในราชอาณาจักรในกรณีที่ไม่มีผลผูกพันในราชอาณาจักร คำสั่งกักเรือของศาล ให้ศาลกำหนดระยะเวลาที่ผู้ร้องหรือบุคคลตามมาตรา ๒๒ จะต้องดำเนินคดีเพื่อบังคับเรือในราชอาณาจักรให้แล้วเสร็จ คำสั่งกักเรือของศาลให้เป็นที่สุด

มาตรา ๙ ในการบังคับตามคำสั่งกักเรือ ให้ศาลออกหมายกักเรือส่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อดำเนินการหรือไปเป็นการด่วน และให้เจ้าพนักงานบังคับคดีนั้น ดำเนินการตามหมายกักเรือให้ทรัพย์ราชอาณาจักร

หมายกักเรือตามวรรคหนึ่ง ให้ทำตามแบบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกำหนด กำหนด

มาตรา ๑๐ ก่อนเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการกักเรือ ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเรียกเก็บค่าธรรมเนียมกักเรือในอัตราร้อยละหนึ่งของค่าเรือที่เจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ แต่ไม่เกินหนึ่งแสนบาท

ในกรณีที่เจ้าหนี้ฟ้องคดีเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเรียกเก็บค่าธรรมเนียมกักเรือในอัตราร้อยละหนึ่งของค่าเรือที่เจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือ แต่ไม่เกินหนึ่งแสนบาท

มาตรา ๑๑ เมื่อได้รับหมายกักเรือจากศาล ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งโดยทางโทรศัพท์ โทรเลข โทรสาร หรือวิธีการอื่น ให้เจ้าหนี้ที่ขอให้กักเรือหรือเจ้าของเรือออกจากท่าเทียบโดยพลันหากไม่อาจได้ดำเนินการกักเรือทันที ทั้งนี้ ตามระยะเวลาที่ศาลกำหนด

``` เมื่อได้รับแจ้งจากเจ้าพนักงานจับกุมคดีตามวรรคหนึ่ง ให้เจ้าพนักงานที่มีอํานาจสั่งการเกี่ยวกับ การปล่อยเรือออกจากท่าระงับการปล่อยเรือนั้นออกจากท่า เพื่อให้เจ้าพนักงานจับกุมคดีปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา ๑๒ ต่อไปจนกว่าจะได้รับแจ้งเป็นอย่างอื่น

มาตรา ๑๓ เมื่อได้รับหมายกักเรือจากศาล ให้เจ้าพนักงานจับกุมคดีดําเนินการดังนี้

(ก)

ส่งหมายกักเรือไปยังเจ้าของหรือผู้ครอบครองเรือที่ระบุในหมายกักเรือเป็น หลักฐาน

(ข)

ปิดหมายกักเรือไว้ ณ ที่เห็นสมควรในเรือ

(ค)

ดําเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้บรรลุตามหมายกักเรือ และ

(ง)

แจ้งเป็นหนังสือให้สถานทูตของประเทศที่เรือจดทะเบียนทราบ ในกรณีหมายกักเรือตาม (ก) ถ้าใบเรือหรือผู้ครอบครองเรือไม่ยอมลงลายมือ ชื่อรับหมายกักเรือจากเจ้าพนักงานจับกุมคดี เจ้าพนักงานจับกุมคดีต้องทํารายงานไว้เพื่อบันทึกว่าได้ส่งหมาย หรือจัดการไปเช่นใดเพื่อเป็นหลักฐาน และถ้าใบเรือหรือผู้ครอบครองเรือยังไม่ยอมลงลายมือชื่อรับ อีกให้เจ้าพนักงานจับกุมคดีแจ้งให้พนักงานอัยการทราบเพื่อดําเนินการต่อไป ในกรณีที่ไม่สามารถส่งหมายกักเรือเป็นได้ตามความใน (ก) หรือกรณีอื่น ให้เจ้า พนักงานจับกุมคดีปิดหมายกักเรือไว้ ณ ที่เห็นสมควรในเรือ และให้ถือว่าบุคคลดังกล่าวได้รับหมาย กักเรือนั้นแล้ว ให้เจ้าพนักงานจับกุมคดีจัดการการปฏิบัติหน้าที่ตามหมายกักเรือ และส่งต่อศาลเพื่อ รวมไว้ในสํานวนความต่อไป

มาตรา ๑๔ ในกรณีเรือที่ถูกกักตามหมายกักเรือ เจ้าพนักงานจับกุมคดีต้องแจ้งให้ ประมงตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการจับกุมคดีทางทะเลหรือคําสั่งโดยอนุโลม และให้ออกคําสั่งให้นายเรือ ผู้ควบคุมเรือ คนประจําเรือ และบุคคลอื่นซึ่งเกี่ยวข้อง กระทําการหรือ งดเว้นกระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้บรรลุตามหมายกักเรือ ถ้าบุคคลดังกล่าวนั้นไม่ปฏิบัติหรือไม่ ปฏิบัติตาม ให้เจ้าพนักงานจับกุมคดีร้องขอต่อศาลออกหมายจับหรือหมายเรียกบุคคลดังกล่าวเพื่อ สามารถดําเนินการตามกฎหมายต่อไป และในกรณีที่เจ้าพนักงานจับกุมคดีหรือเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับมอบ หมายจากเจ้าพนักงานจับกุมคดีเห็นว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อมิให้เจ้าพนักงานจับกุมคดี

ความผิดบุคคลดังกล่าวนั้นให้เจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานจับกุมคดีตามที่เจ้าพนักงานจับกุมคดี มอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ตามหมายกักเรือ ร้องขอหรือพนักงานอัยการที่มีส่วนร่วม พนักงานอัยการที่มีส่วนร่วมในคดีต้องแจ้งให้ศาลทราบ ที่ ปล่อยคดี หรือดําเนินการอย่างอื่นเพื่อให้บรรลุตามหมายกักเรือได้ แต่ทั้งนี้ต้องไม่เป็นอุปสรรคใน การปล่อยหรือพิจารณาคดีต่อไป

มาตรา ๑๕ เจ้าพนักงานจับกุมคดีต้องแจ้งให้เจ้าพนักงานจับกุมคดีหรือเจ้าหน้าที่อื่น ทั้งในส่วนที่เป็นข้อยุ่งยากในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานจับกุมคดีตามมาตรา ๑๓ มาตรา ๑๒ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๕

ช่วยเหลือหรือไม่ช่วยเหลือหรือไม่ช่วยเหลือหรือไม่ช่วยเหลือหรือไม่ช่วยเหลือหรือไม่ช่วยเหลือหรือไม่ช่วยเหลือหรือไม่ช่วยเหลือ เมื่อได้รับรายงานจากเจ้าพนักงานจับกุมดังตามวรรคสอง ให้ดำเนินการดังนี้ ดังนี้

(๑)

ในกรณีที่มีมูลเหตุแห่งการเรียกตามมาตรา ๑๖ (๒) ให้เจ้าพนักงานจับกุมสั่งกักเรือไว้ จนกว่ากัปตันหรือคนประจำเรือจะยอมกระทำตามที่ประสงค์แห่งการเรียกตามมาตรา ๑๖ หรือจนกว่าจะพ้นระยะเวลาตามมาตรา ๒๒ ถ้ากัปตันไม่ยอมชำระเสียและหรือตกลงให้เจ้าพนักงานจับกุมสั่งกักเรือไว้ทันทีที่สิ้นระยะเวลาตามวรรคก่อน เพื่อให้ยกเลิกการเรียกตามมาตรา ๑๖ การกักเรือโดยให้เจ้าพนักงานจับกุมอนุโลม

(๒)

ในกรณีที่ได้มีมูลเหตุการเรียกตามมาตรา ๑๖ (๒) ให้เจ้าพนักงานจับกุมช่วยเหลือและหรือตรวจดูให้ชัด โดยแสดงความจำนงของเจ้าพนักงานจับกุมต่อในระยะเวลาที่กำหนดซึ่งไม่เกินเวลานับถัดการ ถ้ากัปตันไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว ให้กักหลังปล่อยหรือคืนหลักประกันตามที่ได้ตามมาตรา ๒๒ หรือมาตรา ๒๒ แล้วแต่กรณี คำสั่งตามความมาตรานี้เป็นที่สุด

มาตรา ๑๖ ความผิดดังต่อไปนี้ของเรือ นายเรือ ผู้ควบคุมเรือ คนประจำเรือ หรือต่อบุคคลภายนอก เพื่อความเสียหาย ถ้าหาก อันเกิดจากการกระทำเรือ หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกิดเหตุเท่านั้น จับและเจ้าพนักงานจับกุมผิดหรือพนักงานเจ้าหน้าที่กระทำการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือตามกฎหมายอื่น

มาตรา ๑๗ หากเจ้าพนักงานจับกุมหรือเจ้าพนักงานสอบสวนทำการจับกุมหรือฟ้องดำเนินคดีในกรณีเรือร้องเรียนหรืออื่น

มาตรา ๑๘ เมื่อได้ดำเนินการตามมาตรา ๑๖ (๑) และ (๒) แล้ว

(ก)

ให้การกักเรือตามคำสั่งกักเรือมีผลใช้บังคับจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น และ

(ข)

การก่อให้เกิด โอน หรือเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในเรือ หรือสิทธิครอบครองเรือระหว่างการกักเรือมีผลใช้บังคับจะใช้บังคับแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้

มาตรา ๑๙ เรื่องที่ถูกฟ้องตามพระราชบัญญัตินี้ให้ถือว่าเป็นทรัพย์สินอื่นเจ้าพนักงานได้ดำเนินการตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

มาตรา ๒๐ วรรคสี่ โดยอนุโลมให้เจ้าพนักงานจับกุมมีอำนาจสั่งกักเรือหรือกักเรือที่ไว้ในเขตพื้นที่

ในกรณีเช่นนี้ ให้ถือว่าได้มีคำพิจารณาของศาลถึงที่สุดให้เจ้าพนักงานตัดสินสิทธิเรียกร้องกับคำพิพากษาหรือไปในกรณีข้อใดกรณีหนึ่ง

มาตรา ๒๐ ในกรณีที่มีเหตุที่มีมูลอันน่าในราชอาณาจักร ถ้าลูกหนี้นำเงินมาชำระค่าเต็มจำนวนที่กำหนดไว้ในหลักทรัพย์ตามมาตรา ๔๗ วรรคสี่ โดยไม่ยอมรับผิด ให้การกักเรือจนกว่าศาลจะพิพากษาให้ลูกหนี้พ้นจากความรับผิด หรือจนกว่าลูกหนี้จะได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาแล้วแต่กรณี

มาตรา ๒๑ ถ้าศาลยังไม่มีคำพิพากษาในราชอาณาจักรอาจขอให้ศาลสั่งให้ปล่อยเรือปล่อยเรือได้โดยให้ลูกหนี้วางหลักประกันไว้ตามจำนวนที่กำหนดไว้ในหลักทรัพย์ตามมาตรา ๔๗ วรรคสี่ หรือวางหลักประกันไว้ตามจำนวนที่ศาลเห็นว่าเพียงพอเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ในกรณีที่ลูกหนี้แพ้คดี

ลูกหนี้จะต้องวางจำนวนโดยทำเป็นหนังสือหรือโดยทางโทรเลขหรือโทรพิมพ์ให้บุคคลตามวรรคหนึ่งจะมอบอำนาจโดยทำเป็นหนังสือหรือโดยทางโทรเลขหรือโทรพิมพ์ให้บุคคลดังกล่าวมีมูลอันน่าในราชอาณาจักรเป็นตัวแทนในการยื่นคำร้องขอให้ปล่อยเรือก็ได้ ในกรณีที่บุคคลตามวรรคหนึ่งเป็นผู้ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยเรือโดยลูกหนี้ไม่ได้ตั้งตัวแทนตามมาตรา ๒๖ วรรคสามไว้ ให้ต้องยื่นคำร้องนั้นไปยังนายทะเบียนตามมาตรา ๒๖ วรรคสามด้วย ให้ยกเว้นตามมาตรา ๒๖ วรรคสาม ให้ต้องยื่นคำร้องนั้นไปยังนายทะเบียนตามมาตรา ๒๖ วรรคสามด้วย

มาตรา ๒๒ บุคคลอื่นซึ่งได้รับหรือจะได้รับความเสียหายจากการที่เรือถูกกักอาจยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ปล่อยเรือได้โดยการกล่าวถึงหลักทรัพย์ตามมาตรา ๔๗ วรรคสี่ หรือวางหลักประกันไว้ตามจำนวนที่ศาลเห็นว่าเพียงพอเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ในกรณีที่ลูกหนี้แพ้คดี

บุคคลตามวรรคหนึ่งจะมอบอำนาจโดยทำเป็นหนังสือหรือโดยทางโทรเลขหรือโทรพิมพ์ให้บุคคลดังกล่าวมีมูลอันน่าในราชอาณาจักรเป็นตัวแทนในการยื่นคำร้องขอให้ปล่อยเรือก็ได้ ในกรณีที่บุคคลตามวรรคหนึ่งเป็นผู้ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยเรือโดยลูกหนี้ไม่ได้ตั้งตัวแทนตามมาตรา ๒๖ วรรคสามไว้ ให้ต้องยื่นคำร้องนั้นไปยังนายทะเบียนตามมาตรา ๒๖ วรรคสามด้วย ให้ยกเว้นตามมาตรา ๒๖ วรรคสาม ให้ต้องยื่นคำร้องนั้นไปยังนายทะเบียนตามมาตรา ๒๖ วรรคสามด้วย

มาตรา ๒๓ ในกรณีที่ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยเรือ นอกจากต้องปฏิบัติตามมาตรา ๒๗ วรรคหนึ่ง หรือมาตรา ๒๗ วรรคสาม แล้ว

(๑)

ในกรณีที่ผู้ยื่นคำร้องไม่มีมูลอันน่าในราชอาณาจักร ให้ปฏิบัติตามหลักการตามมาตรา ๒๖ วรรคสอง ไปพร้อมกับคำร้อง

(๒)

ในกรณีที่มีตัวแทนตามมาตรา ๒๖ วรรคสอง ของผู้ยื่นคำร้อง ให้ปฏิบัติตามหลักการตามมาตรา ๒๖ วรรคสอง ไปพร้อมกับคำร้อง ในกรณีที่บุคคลตามมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง เป็นผู้อยู่ในคำร้อง ถ้าผู้อยู่ในคำร้องนั้นมีใบอนุญาตเดินเรือจากต่างประเทศและไม่ได้ขอใบอนุญาตเดินเรือตามมาตรา ๒๖ วรรคสาม ของลูกหนี้ ต้องแนบหลักฐานการเดินเรือตามมาตรา ๒๖ วรรคสาม ไปพร้อมกับคำร้อง ถ้าผู้อยู่ในคำร้องไม่มีใบอนุญาตเดินเรือตามวรรคหนึ่ง ให้ศาลสั่งไม่รับพิจารณาคำร้องนั้น

มาตรา ๒๕ คำร้องขอให้ปล่อยเรือให้พ้นจากคำร้องฝ่ายเดียว

มาตรา ๒๖ นอกจากกรณีตามมาตรา ๒๔ และมาตรา ๒๕ ศาลมีคำสั่งให้ปล่อยเรือได้ในกรณีต่อไปนี้

(๑)

เจ้าหนี้ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยเรือ

(๒)

เจ้าหนี้ไม่ยื่นฟ้องคดีตามสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือภายในสามสิบวันนับแต่วันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำสั่งของมาตรา ๒๔ (๒)

(ก)

เมื่อคำร้องขอให้ปล่อยเรือตามมาตรา ๒๔ หรือมาตรา ๒๕ และศาลได้พิจารณาเป็นที่พอใจว่าการประกันหรือหลักประกันซึ่งลูกหนี้ผู้ถูกฟ้องคดีมูลหนี้จากการไม่ชำระหนี้ตามกำหนดไว้ในคำสั่งศาล หรือในคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำสั่งของศาลที่กำหนดไว้ในคำสั่งเรือโดยไม่มีเหตุผลให้สงสัย เมื่อศาลได้สั่งปล่อยเรือให้พ้นจากการบังคับคดีตามคำสั่งในเวลาที่กำหนดไว้ในคำสั่งศาล หรือในคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำสั่งของศาลที่กำหนดไว้ในคำสั่งนั้น ให้ศาลสั่งปล่อยเรือให้พ้นจากการบังคับคดีตามคำสั่งในเวลาที่กำหนดไว้ในคำสั่งศาล หรือในคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำสั่งของศาลที่กำหนดไว้ในคำสั่งนั้น

(ข)

เมื่อศาลได้สั่งปล่อยเรือให้พ้นจากการบังคับคดีตามคำสั่งในเวลาที่กำหนดไว้ในคำสั่งศาล หรือในคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำสั่งของศาลที่กำหนดไว้ในคำสั่งนั้น

มาตรา ๒๖ เมื่อศาลได้มีคำสั่งปล่อยเรือตามมาตรา ๒๕ แล้ว ให้ศาลแจ้งคำสั่งดังกล่าวให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบ และให้เจ้าพนักงานบังคับคดีมีหน้าที่

(ก)

แจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าหนี้หรือทนายที่ทราบ แล้วเก็บค่าธรรมเนียม

(ข)

แจ้งเป็นหนังสือให้ตัวแทนกงสุลของประเทศที่เรือมีทะเบียนอยู่ทราบ และ

(ค)

แจ้งโดยโทรศัพท์ โทรเลข โทรสาร หรือวิธีการอื่นใดที่เหมาะสม ให้เจ้าหนี้เกี่ยวข้องกับการปล่อยเรือออกจากท่าทราบโดยพลันตามคำสั่งปล่อยเรือนั้น ทั้งนี้ ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด เมื่อได้รับแจ้งจากเจ้าพนักงานบังคับคดีตาม (ก) ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยเรือออกจากท่าดำเนินการปล่อยเรือนั้นโดยไม่ล่าช้า

มาตรา ๒๗ ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งปล่อยเรือให้พ้นจากการบังคับคดีตามคำร้องของลูกหนี้ตามมาตรา ๒๒ วางไว้ต่อศาลแล้ว

(ก)

เจ้าหนี้ไม่ยื่นฟ้องคดีตามสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือภายในสามสิบวันนับแต่วันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำสั่งของมาตรา ๒๔ (๒)

(ข)

เจ้าหนี้ไม่ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งปล่อยเรือให้พ้นจากการบังคับคดีตามคำสั่งในเวลาที่กำหนดไว้ในคำสั่งศาล หรือในคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำสั่งของศาลที่กำหนดไว้ในคำสั่งนั้น

(๒)

ลูกหนี้มิให้ฟ้องคดีเรียกค่าเสียหายอันเป็นผลจากการที่เจ้าหนี้ขอให้ส่งหลักเรือ ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่เจ้าหนี้นำหลักเรือมาคืนลูกหนี้หรือจากวันที่ระยะเวลามาตรา ๒๖ (๒) และเจ้าหนี้ยื่น คำร้องต่อศาลขอให้หลักเรือนั้นประกันชอบด้วยกฎหมายกลับคืนตามคำสั่งศาล

(๓)

เจ้าหนี้อาจยื่นคำร้องต่อศาลขอให้หลักเรือประกันชอบด้วยกฎหมายกลับคืนมาในเวลาใด ๆ และศาลมีคำสั่งให้คืนหลักเรือนั้น

(๔)

ในกรณีตามมาตรา ๒๖ (๒) (ข) เจ้าหนี้มิให้ฟ้องคดีตามสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือกับใครอื่นในเวลาสิบวันนับแต่ วันที่เจ้าหนี้นำหลักเรือมาคืนลูกหนี้ตามมาตรา ๒๖ (๒) และลูกหนี้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้หลักเรือนั้นประกันชอบด้วยกฎหมายกลับคืนตามคำสั่งศาล

(๕)

เจ้าหนี้หรือบุคคลตามมาตรา ๒๖ ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้หลักเรือประกัน ของตนไม่ว่าในเวลาใด ๆ และเจ้าหนี้หรือบุคคลตามมาตรา ๒๖ แล้วแต่กรณี ไม่คัดค้าน

มาตรา ๒๘ เมื่อเจ้าหนี้นำหลักเรือมาคืนลูกหนี้ตามมาตรา ๒๖ (๒) แล้ว เจ้าหนี้จะฟ้องคดีตามสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรืออย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ได้ คือ

(ก)

ค่าสินค้าสูญหาย

(ข)

ค่าสินค้าที่ล่าช้า

(ค)

ค่าสินค้าที่เสียหายอันเกิดจากเหตุที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งผู้มีส่วนได้เสียในเรือหรือในสินค้าหรือในทรัพย์สินอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับเรือหรือในสินค้าที่เสียหายอันเกิดจากเหตุที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

มาตรา ๒๙ ในกรณีที่เจ้าหนี้นำหลักเรือมาคืนลูกหนี้ตามมาตรา ๒๖ (๒) แล้ว และยังมิได้ฟ้องคดีตามสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือในเวลาสิบวันนับแต่วันที่นำหลักเรือมาคืนลูกหนี้ เจ้าหนี้จะต้องปฏิบัติดังนี้

(ก)

ถ้ามีเขตตามมาตรา ๒๖ วรรคสาม ให้ส่งแก่คนตามดังกล่าว

(ข)

ถ้ามีเขตตามมาตรา ๒๖ วรรคสาม ให้ส่งแก่ผู้ยื่นคำร้องหรือบุคคลซึ่งผู้ยื่นคำร้องตั้งไว้เพื่อรับคำคุ้มครองหรือเอกสาร แล้วแต่กรณี

(ค)

ถ้าไม่มีเขตตาม (ก) และไม่มีเขตตาม (ข) ให้ส่งแก่บาเยอหรือผู้ควบคุมเรือนั้น ที่เรือนั้น ณ ที่อยู่ของบุคคลดังกล่าวในราชอาณาจักร ผู้ซึ่งได้รับคำคุ้มครองหรือเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลอาจสั่งให้บุคคลตาม (ก) หรือ (ข) หรือ (ค) นำบัญชีแสดงที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งให้ ศาลตรวจสอบได้ในเวลาที่เห็นสมควร ณ ภูมิลำเนาซึ่งมีคำสั่งให้บุคคลตาม (ก) หรือ (ข) หรือ (ค) ส่งคำคุ้มครองหรือเอกสารให้แก่เจ้าหนี้ตามมาตรา ๒๖ ได้กำหนดส่งให้แก่เจ้าหนี้ในเวลาสิบวันนับแต่วันที่เจ้าหนี้นำหลักเรือมาคืนลูกหนี้

มาตรา ๓๐ ในกรณีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือเป็นกรณีความเสียหายอันเกิดจาก ร่างกาย หรือทรัพย์สินของบุคคลใด ๆ ที่มิใช่เจ้าหนี้หรือเจ้าของเรือหรือการเดินเรือเพื่อทำงาน ยื่นการเรียกร้องจะระงับได้เมื่อศาลมีคำสั่งสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือเป็นกรณีความเสียหายอันเกิดจาก

ให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องขอให้คำร้องแห้งเรือนแทนเจ้าหน้าที่และให้ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลเรือนตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา 13 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจจดทะเบียนเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรี หมาเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากเรือเดินทะเลที่ให้บริการขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศที่มีระวางบรรทุกตั้งแต่ ๓๐ ตันกรอสขึ้นไป ซึ่งจดทะเบียนเป็นของคนต่างด้าวและผู้ดำเนินงานของเรือนั้นส่วนมากไม่มีภูมิลำเนาอยู่ในราชอาณาจักร เมื่อเกิดกรณีที่เจ้าของเรือหรือผู้ดำเนินงานของเรือดังกล่าวไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือข้อกำหนดในสัญญา หรือมีกรณีพิพาทเกี่ยวกับการรับขนของทางทะเลเพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ส่งของหรือผู้รับของในราชอาณาจักร ไม่ว่าจะเป็นความรับผิดตามสัญญา ความรับผิดเพื่อละเมิด หรือความรับผิดโดยผลแห่งกฎหมาย บุคคลดังกล่าวอาจหลีกเลี่ยงหรือเพิกเฉยไม่รับผิดชอบได้โดยง่าย อันจะเป็นการเสียเปรียบแก่ผู้ส่งของหรือผู้รับของในราชอาณาจักร สมควรกำหนดให้เจ้าของเรือหรือผู้ดำเนินงานของเรือดังกล่าวต้องมีตัวแทนในราชอาณาจักรที่มีอำนาจจัดการแทนได้ในกรณีที่เป็นของดังกล่าว หรืออาจกำหนดให้ผู้ครอบครองของในไทยจ่ายเงินประกันการชำระหนี้อันมีมูลมาจากสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับเรือนั้นได้ ทั้งนี้ เพื่อคุ้มครองเจ้าหนี้ในราชอาณาจักรไม่ให้เสียเปรียบเจ้าของเรือหรือผู้ดำเนินงานต่างชาติ โดยไม่เป็นธรรม จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ กองกฎหมายไทย ๑ กรกฎาคม ๒๕๔๘