로고

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เป็นปีที่ ๒ ในรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการ โปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า ค้ามนุษย์

ให้ไว้ ณ วันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๐

โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยแชร์และกฎหมายว่าด้วยกำจัดการ

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติแชร์ พ.ศ. ๒๕๖๐”

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่

วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ให้ยกเลิก

(๑)

พระราชบัญญัติแชร์ พ.ศ. ๒๕๐๕

(๒)

พระราชบัญญัติแชร์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๖

(๓)

พระราชบัญญัติแชร์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๘

(๔)

พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติแชร์ พ.ศ. ๒๕๐๕ พ.ศ. ๒๕๒๐ (ฉบับที่ ๒)

(๕)

พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติแชร์ พ.ศ. ๒๕๐๕ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๔

(๖)

พระราชบัญญัติแชร์ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๙

(๗)

พระราชบัญญัติแชร์ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๔

(๘)

พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติแชร์ พ.ศ. ๒๕๐๕ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๔

(๙)

พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติแชร์ พ.ศ. ๒๕๐๕ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๔๗

(๑๐)

พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติแชร์ พ.ศ. ๒๕๐๕ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๕๐ * ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนที่ ๒๖ ก/หน้า ๑๐/ มีนาคม ๒๕๖๐

มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้

“แร่” หมายความว่า หินหรือทรายธรรมชาติที่เป็นอนินทรีย์วัตถุ มีส่วนประกอบทางเคมีหรือลักษณะทางฟิสิกส์แน่นอนหรือเปลี่ยนแปลงได้เล็กน้อยไม่ว่าจะอยู่หรือหลอมก่อนใช้หรือไม่ และหมายความรวมถึงแร่ดังต่อไปนี้ หินน้ำมัน น้ำยาง โคลนและเกลือแร่ที่ได้จากโคลนธรรมชาติ น้ำเกลือใต้ดิน หินชนวนที่มีคุณค่าทางทรัพยากรหายากเป็นพิเศษหรือฟอสซิลทางธรรมชาติ และสินทรัพยากรตามที่กฎกระทรวงกำหนดว่าเป็นแร่ในระดับหรือวัตถุอุตสาหกรรม และสินทรัพยากรตามที่กฎกระทรวงกำหนดว่าเป็นแร่ในระดับหรือวัตถุอุตสาหกรรม “นักล่อแร่ได้ดี” หมายความว่า นักล่อแร่ที่มีอยู่ใต้ดินตามธรรมชาติ และมีลักษณะเช่นนั้นของเกลือในปริมาณมากกว่าที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด “การบริหารจัดการแร่” หมายความว่า การจัดการและการอนุรักษ์ทรัพยากรแร่อยู่ในฐานธรรมชาติ การสำรวจ การทำเหมือง การทำเหมืองใต้ดิน การดูดแร่ทะเล การล่อแร่ การประกอบธุรกิจแร่ และการประกอบโลหกรรม รวมทั้งการควบคุมกับดูแลการดำเนินการเรื่องดังกล่าว “สำรวจแร่” หมายความว่า การเจาะหรือขุดหรือกระทำด้วยวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใดตามรัฐมนตรีประกาศกำหนด เพื่อให้รู้ว่าในพื้นที่นั้นมีแร่หรือไม่มีแร่ใด “พื้นที่ปลอดภัยและความมั่นคงแห่งชาติ” หมายความว่า เขตปลอดภัยตามกฎหมายว่าด้วยเขตปลอดภัยในการทำเหมืองแร่ เขตเหมืองแร่เพื่อประโยชน์ในการทหารตามกฎหมายว่าด้วยเหมืองแร่ หรือเขตพื้นที่ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามมาตรา 24 เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการแร่ การอนุรักษ์ทรัพยากรแร่ การป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของประชาชน หรือเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประเทศตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด “ทำเหมืองใต้ดิน” หมายความว่า การทำเหมืองด้วยวิธีการเจาะเป็นปล่องหรืออุโมงค์ลึกลงไปใต้ดิน เพื่อให้ได้มาซึ่งแร่ใต้ดิน “ขุดแร่หรือร่อนแร่” หมายความว่า การกระทำในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่หรือทั้งพื้นที่เพื่อให้ได้มาซึ่งแร่โดยใช้แรงงานหรือใช้เครื่องจักรกลไม่เกินสามเครื่องในคราวเดียวกัน ขนาดพื้นที่ วิธีการขุดแร่ และขนาดเครื่องจักรกลที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด “ล่อแร่” หมายความว่า การกระทำในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่หรือทั้งพื้นที่ เพื่อให้ได้มาซึ่งแร่โดยใช้แรงคนแต่ละคนตามจำนวนที่รัฐมนตรีกำหนด และวิธีการร่อนแร่ ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด “ประกอบธุรกิจแร่” หมายความว่า การซื้อแร่ การขายแร่ การครอบครองแร่ การขนส่งแร่ การแปรรูปแร่ การทำผลิตภัณฑ์จากแร่ การนำเข้าแร่ การส่งออกแร่ หรือการกระทำอื่นใดเกี่ยวกับแร่ “ซื้อ” หมายความว่า การรับแร่หรือแร่แปรรูปมาโดยการได้มาจากบุคคลอื่น นอกจากการตกทอดทางมรดก “ขาย” หมายความว่า การโอนกรรมสิทธิ์ในแร่หรือแร่แปรรูปให้บุคคลอื่น นอกจากการตกทอดทางมรดก ``` “ครอบครองรวม” หมายความว่า การมีไว้ การยึดถือ หรือการรับไว้ด้วยประการใดๆ เพื่อดูแลหรืออยู่ใน และไม่ว่าจะเป็นการมีไว้เพื่อขาย เพื่อแสดง เพื่อใช้ หรือเพื่อประการอื่นใด และรวมถึงการที่ให้หรือปรากฏอยู่ในครอบครองของตนเอง ในแบบแห่งการอยู่ตามธรรมดา หรือโดยลักษณะการปรากฏอยู่ของนั้นผู้ครอบครองไม่อาจปฏิเสธได้ “แผ่นที่” หมายความว่า การกระทำใด ๆ เพื่อทำให้ทรัพย์สินที่มีลักษณะของการเป็นแผ่นหรือวัสดุอื่น ๆ ที่มีความบางและแบนราบ มีการแสดงให้เห็นถึงการบันทึกข้อความ การบันทึกภาพ หรือการบันทึกในลักษณะอื่นใดได้สะดวกโดยไม่คำนึงถึงวิธีการที่ประกาศกำหนด “โลหกรรม” หมายความว่า การทำหรือดัดแปลงโลหะเพื่อให้เป็นโลหะ หรือสารประกอบโลหะด้วยวิธีการถลุงหรือวิธีอื่น และหมายความรวมถึงการทำโลหะให้บริสุทธิ์การผสมโลหะ การผลิตโลหะสำเร็จรูปหรือกึ่งสำเร็จรูปชนิดต่าง ๆ โดยวิธีหลอม หล่อ รีด หรือวิธีอื่นใด “เขตควบคุมแร่” หมายความว่า เขตพื้นที่ซึ่งมีแร่สมบูรณ์ประกาศเป็นเขตควบคุมแร่ “เขตประทานบัตร” หมายความว่า เขตพื้นที่เหมืองแร่ “เขตเหมืองแร่” หมายความว่า เขตประทานบัตร และให้รวมถึงเขตพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้แต่งแร่หรือประกอบโลหกรรม หรือที่มีแร่สมบูรณ์ซึ่งมีเหตุอันควรต้องกำหนดเป็นเขตเหมืองแร่ “เขตโลหกรรม” หมายความว่า เขตพื้นที่ซึ่งมีการประกอบกิจการในอุตสาหกรรมโลหกรรม “อาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่” หมายความว่า หนังสือสำคัญที่ออกให้เพื่อผูกขาดสำรวจแร่ภายในเขตที่กำหนดในหนังสือสำคัญนั้น แต่ไม่รวมถึงการสำรวจแร่ในทะเล “อาชญาบัตรพิเศษ” หมายความว่า หนังสือสำคัญที่ออกให้เพื่อผูกขาดสำรวจแร่ภายในเขตที่กำหนดในหนังสือสำคัญนั้น และผู้ยื่นคำขอต้องเสนอข้อมูลเพื่อสำรวจแร่และต้องเสนอผลประโยชน์ให้แก่รัฐ “ประทานบัตร” หมายความว่า หนังสือสำคัญที่ออกให้เพื่อทำเหมืองภายในเขตที่กำหนดในหนังสือสำคัญนั้น “ใบอนุญาต” หมายความว่า ใบอนุญาตที่ออกให้ตามพระราชบัญญัตินี้ “ใบไต่สวน” หมายความว่า ใบไต่สวนที่เป็นสิทธิถือโดยชอบด้วยกฎหมายตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ หรือกฎหมายภายในที่ให้กำหนดกฎบัตรประเทศ “ผู้ถือกรรมสิทธิ์” หมายความว่า บุคคลใด ๆ ซึ่งมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินจากการทำเหมือง และให้หมายความรวมถึงทายาทผู้รับมรดกนั้นด้วย “คนรับ” หมายความว่า สารประกอบหรือสิ่งสรรพสิ่งใดที่เป็นได้เกิดจากการประกอบโลหกรรม ตามข้อยกเว้นที่กำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา “ผู้ออกประทานบัตร” หมายความว่า

(ก)

ในกรณีที่ขอประทานบัตรเหมืองแร่ในประเทศที่ 1 สำหรับการทำเหมืองประเภทที่ 1

(ข)

อธิบดี สำหรับการทำเหมืองประเภทที่ 2 และประเภทที่ 3 ``` "คณะกรรมการ" หมายความว่า คณะกรรมการในคณะบริหารจัดการแร่แห่งชาติ "เจ้าพนักงานท้องถิ่น" หมายความว่า นายกเทศมนตรี หรือนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ทั้งนี้ ในเขตพื้นที่ของตน "เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่" หมายความว่า ผู้ซึ่งอธิบดีแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ "รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หรือรัฐมนตรีอื่นที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายนี้ "องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น" หมายความว่า เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ "องค์กรเอกชน" หมายความว่า องค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ หรือกฎหมายอื่น "องค์กรชุมชน" หมายความว่า องค์กรชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยสภาองค์กรชุมชน หรือกฎหมายอื่น "เจ้าพนักงานในพื้นที่" หมายความว่า เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ และผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ "อธิบดี" หมายความว่า อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ "รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของตน

ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มีอำนาจออกกฎกระทรวงตามมาตรา ๘ มาตรา ๒๓ และมาตรา ๒๘ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีอำนาจออกประกาศตามมาตรา ๒๐ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมมีอำนาจแต่งตั้งเจ้าพนักงานในพื้นที่ กับออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราที่พระราชบัญญัตินี้ ยกเว้นวันหรือค่าธรรมเนียมกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณา และกำหนดเงื่อนไข หรือออกประกาศ และระเบียบเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวง ประกาศ และระเบียบ เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้

มาตรา ๗ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา

และเอกในลำดับที่ ๑

หมวด ๑

นโยบายในการบริหารจัดการแร่

มาตรา 7 รัฐมีหน้าที่ในการบริหารจัดการแร่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างยั่งยืน โดยต้องคำนึงถึงคุณค่าในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนอย่างรอบด้าน รวมทั้งการจัดสรรผลประโยชน์ระหว่างรัฐ ผู้ประกอบการ และชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่ที่เหมืองแร่ตั้งอยู่ให้เกิดขึ้นด้วยความเป็นธรรม

มาตรา 8 ให้มีคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ (คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ) ประกอบด้วย

(ก)

นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ

(ข)

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นรองประธานกรรมการ คนที่หนึ่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นรองประธานกรรมการ คนที่สอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นรองประธานกรรมการ คนที่สาม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นรองประธานกรรมการ คนที่สี่

(ค)

กรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ปลัดกระทรวงมหาดไทย เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน อธิบดีกรมป่าไม้ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อธิบดีกรมเจ้าท่า และอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง

(ง)

กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนไม่เกินห้าคน ซึ่งประธานกรรมการแต่งตั้งจาก (1) ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวนหนึ่งคน (2) ผู้แทนองค์กรเอกชน จำนวนหนึ่งคน (3) ผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือมีประสบการณ์ ด้านธรณีวิทยา ด้านวิศวกรรมเหมืองแร่ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านไม่เกินสามคน ให้ซึ่งคณะกรรมการธรณีนี้ เป็นกรรมการและเลขานุการ และอุตสาหกรรมพื้นฐานและเหมืองแร่ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ให้รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณีซึ่งได้รับมอบหมาย เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ และรองอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและเหมืองแร่ซึ่งได้รับมอบหมาย เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

(จ)

ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา 9 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้

ก. คุณสมบัติ (1) สัญชาติไทย ``` - 6 -

(ข)

มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ หรือทำงานในด้านนั้นที่ตั้งไม่น้อยกว่าสิบปี ข. ลักษณะต้องห้าม

(ก)

เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ

(ข)

เป็นบุคคลล้มละลาย

(ค)

เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ

(ง)

เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ข้าราชการรัฐสภาสามัญตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการรัฐสภา กรรมการหรือผู้ดำรงตำแหน่งอื่นในพรรคการเมือง ที่ปรึกษาพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่พรรคการเมือง

(จ)

เป็นผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เว้นแต่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตาม (๔) (ก) (ข) (ค) (ง) (จ) ซึ่งได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งของตน

(ฉ)

เป็นกรรมการหรือผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจในการจัดการหรือมีส่วนได้เสียในนิติบุคคลขององค์กรที่มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการทางการเมือง

(ช)

ประกอบอาชีพหรือมีรายได้ในลักษณะใดที่ส่งผลหรือมีผลประโยชน์ขัดแย้งกับการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งกรรมการ

มาตรา ๑๐ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปีนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง

ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ หรือในกรณีที่มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มขึ้นในระหว่างที่กรรมการซึ่งแต่งตั้งในลำดับแรกของอยู่ในตำแหน่ง ให้ผู้ได้รับแต่งตั้งเพิ่มเติมนั้นดำรงตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งแต่งตั้งในลำดับแรก เว้นแต่ระยะของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่เหลือไม่ถึงเก้าสิบวันจะไม่แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิได้ เมื่อครบกำหนดตามวาระของตำแหน่ง หากยังมิได้มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่ ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอยู่ในตำแหน่งเพื่อดำเนินการต่อไปจนกว่ากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่ ในกรณีถึงแม้ไม่มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิครบตามวาระ ให้คณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการที่เหลืออยู่ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับแต่งตั้งอีก แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระไม่ได้

มาตรา ๑๑ นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ

(๑)

ตาย ``` (b) ลาออก

(ค)

ประธานกรรมการให้ออก เพราะบกพร่องต่อหน้าที่ มีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือหย่อนความสามารถ

(ง)

ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 9

มาตรา 12 ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

(ก)

เสนอยุทธศาสตร์ นโยบาย และแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำ ต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเกิดประโยชน์สูงสุด ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ สังคม และสิ่งแวดล้อม

(ข)

เสนอแนะแนวทางหรือมาตรการเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ นโยบาย และแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

(ค)

กำกับ ดูแล ตรวจสอบให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ นโยบายและแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำ

(ง)

เสริมสร้างความร่วมมือและประสานงานระหว่างหน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนในเรื่องที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ

(จ)

ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน และกำหนดหลักเกณฑ์การมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารจัดการน้ำ

(ฉ)

ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ นโยบาย และแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำ รวมถึงเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหา

(ช)

ปฏิบัติการอื่นใดที่จำเป็นหรือที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรีตามที่เห็นสมควร

มาตรา 13 การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม

ในการประชุมคณะกรรมการ ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานกรรมการคนที่หนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม ถ้ารองประธานกรรมการคนที่หนึ่งไม่มาประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งมีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียง เป็นเสียงชี้ขาด ในการประชุมคณะกรรมการ ถ้ากรรมการคนใดมีส่วนได้เสียในเรื่องที่พิจารณา กรรมการผู้นั้นไม่มีสิทธิออกเสียงในที่ประชุม

มาตรา 14 ให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่คณะกรรมการ หรือคณะอนุกรรมการมอบหมายได้

ให้บังคับกับอนุกรรมการตามมาตรา 10 มาตรา 13 และมาตรา 14 โดยอนุโลม

มาตรา ๑๕ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการอาจเชิญบุคคลใดมาให้ข้อเท็จจริง อธิบาย ให้ความเห็น ให้คำแนะนำ หรือส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาได้

มาตรา ๑๖ ให้กรมทรัพยากรธรณี เป็นสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการ โดยมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

(๑)

รับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการ

(๒)

ประสานงานกับคณะกรรมการตามกฎหมายว่าด้วยแร่หรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการดำเนินการที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ นโยบาย และแผนแม่บทการบริหารจัดการ

(๓)

ปฏิบัติการอื่นใดตามที่คณะกรรมการมอบหมาย ให้กรมทรัพยากรธรณีและกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ร่วมกันจัดทำฐานข้อมูลพื้นที่ที่มีศักยภาพในการทำเหมืองของประเทศ การประเมินคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคมของแหล่งแร่ที่มี การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ รวมทั้งการเป็นไปได้ในการใช้ประโยชน์พื้นที่ดังกล่าวเพื่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้เกิดผลสูงสุด ควบคู่กับการฟื้นฟูความสมดุลและสุขภาพของประชาชน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการจัดทำยุทธศาสตร์ นโยบาย และแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ตามมาตรา ๑๒ (๕)

มาตรา ๑๗ ให้คณะกรรมการจัดทำแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ ซึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วย การสำรวจทรัพยากรแร่ การจัดทำฐานข้อมูลทรัพยากรแร่ พื้นที่หรือแหล่งแร่ที่มีศักยภาพ การกำหนดเป้าหมายและแนวทางการบริหารจัดการแร่เพื่อประโยชน์สูงสุดทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม การกำหนดมาตรการลดผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและไม่กระทบต่อความมั่นคงทางอาหารและน้ำ รวมทั้งการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ให้กลับคืนสู่สภาพที่เหมาะสมต่อการใช้ประโยชน์ในอนาคต โดยให้คณะกรรมการจัดทำแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ตามวรรคหนึ่งต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ

เมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติการตามแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ดังกล่าว พื้นที่ที่จะกำหนดให้เป็นเขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมืองต้องไม่ใช่พื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตามกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า เขตป่าสงวนแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หรือพื้นที่ที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศหรือมีความเปราะบางทางสิ่งแวดล้อม

มาตรา ๑๘ ห้ามมิให้กำหนดพื้นที่ซึ่งจะดำเนินการเป็นเขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมืองในพื้นที่ที่กำหนดให้ทำการสงวนหรือคุ้มครองไว้แล้ว

``` - ๙ -

มาตรา ๑๙ เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการแร่ การอนุญาตให้ทำเหมืองให้จัดการอนุญาตได้เฉพาะในพื้นที่ที่แผนแม่บทการบริหารจัดการแร่กำหนดให้เป็นเขตแหล่งแร่ เพื่อการทำเหมืองมีความคุ้มค่าในทางเศรษฐกิจ และสอดคล้องกับนโยบายและยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้ในแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ และในกรณีที่เห็นว่าไม่มีศักยภาพในการทำเหมือง แต่เทคโนโลยีจะใช้ในการทำเหมืองแร่จะมีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง ให้พิจารณาไม่อนุญาตให้ทำเหมืองในพื้นที่นั้นได้ ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตด้วย ในกรณีที่เห็นว่าการทำเหมืองแร่จะมีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในระดับที่ไม่อาจยอมรับได้ ให้พิจารณาไม่อนุญาตให้ทำเหมือง และจัดทำข้อมูลพื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนด้วย

ภายใต้บังคับบรรทัด ให้คณะกรรมการอุทธรณ์ ให้คณะกรรมการอุทธรณ์กำหนดให้การอนุญาต และการกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ในการออกประกาศบัตรให้ทำเหมืองในพื้นที่นั้นและเงื่อนไขดังต่อไปนี้ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการก่อนการอนุญาต เพื่อพิจารณาความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ความเหมาะสมของเทคโนโลยีที่ใช้ในการทำเหมือง มาตรการในการป้องกันผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน รวมทั้งผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน

มาตรา ๒๐ เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการแร่ การทดลอง การศึกษา หรือการวิจัยเกี่ยวกับแร่ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำหนดพื้นที่ใด ๆ เป็นเขตแหล่งแร่เพื่อการทดลอง การศึกษา หรือการวิจัยเกี่ยวกับแร่ได้

ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการทดลอง การศึกษา หรือการวิจัยเกี่ยวกับแร่ในเขตแหล่งแร่เพื่อการทดลอง การศึกษา หรือการวิจัยเกี่ยวกับแร่ดังกล่าว ประกาศเขตแหล่งแร่ไม่มีผลใช้บังคับไม่เกินสิบปี โดยให้สามารถขยายระยะเวลาการใช้บังคับได้อีกสองครั้ง ครั้งละไม่เกินสองปี ในกรณีที่พบความจำเป็นในการใช้เขตพื้นที่เพื่อประโยชน์ตามวรรคหนึ่ง ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการยกเลิกประกาศเขตแหล่งแร่เพื่อการทดลอง การศึกษา หรือการวิจัยเกี่ยวกับแร่ได้ และให้การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๒๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีอำนาจกำหนดให้พื้นที่ใดเป็นเขตแหล่งแร่เพื่อการสำรวจและการจัดทำแผนประเมินผลประโยชน์ของแร่ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขในการประชุม และการเลิกการประชุม ตลอดจนการให้ผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ที่ได้รับไปทำแผนประเมินผลประโยชน์ของแร่จะกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ประกาศเขตแหล่งแร่เพื่อการสำรวจและการจัดทำแผนประเมินผลประโยชน์ของแร่ตามวรรคหนึ่งให้มีผลใช้บังคับไม่เกินห้าปี โดยเสริมและปรับปรุง ต่อเนื่องจนกว่าจะประเมินผลประโยชน์ของแร่ในพื้นที่นั้นเสร็จสิ้น และต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดในแผนดังกล่าว ```

ส่วนท้องถิ่นที่มีเขตติดต่อกับเขตพื้นที่การทำเหมืองซึ่งอาจจะได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองด้วย โดยต้องพิจารณาดำเนินให้เหมาะสมตามขอบเขตพื้นที่ซึ่งอาจนำมาประมูล

ผู้ขอประมูลจะต้องมีคุณสมบัติของผู้ขออนุญาตและดำเนินการสำรวจหรือทำเหมืองตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติ กฎกระทรวง ประกาศ หรือระเบียบที่ออกตามความในพระราชบัญญัตินี้ ในกรณีที่เห็นสมควร ให้คณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการประมูลไว้ด้วยก็ได้ แล้ว ให้ถือว่าเป็นคำขอที่ไม่อาจอนุญาตได้ และให้ทำบันทึกคำขอพร้อมทั้งเหตุผลไว้ในทะเบียนรับคำขอเหมือนกรณีที่คำขอนั้นยังมิได้ผ่านขั้นตอนการพิจารณาอนุญาตหรือไม่อนุญาตคำขอนั้นต่อไปได้

มาตรา ๒๑ เมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องควบคุมการทำเหมือง การซื้อแร่ การขายแร่ การครอบครองแร่ การขนส่งแร่ การแต่งแร่ หรือการประกอบโลหกรรม เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบการทำเหมือง การลักลอบนำแร่ออกนอกราชอาณาจักรหรือเขตใดเขตหนึ่ง หรือเพื่อประโยชน์ในด้านเศรษฐกิจของประเทศ การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน ความปลอดภัยของประเทศ หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะอื่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีอำนาจออกประกาศกำหนดเขตควบคุมแร่ในเขตใดเขตหนึ่งหรือทั่วราชอาณาจักร โดยจะกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับการทำเหมือง การซื้อแร่ การขายแร่ การครอบครองแร่ การขนส่งแร่ การแต่งแร่ หรือการประกอบโลหกรรมในเขตควบคุมแร่ไว้ด้วยก็ได้

การขยายระยะเวลาตามวรรคสอง ให้กระทำได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อหมดความจำเป็นที่จะต้องมีเขตควบคุมแร่ตามวรรคหนึ่ง ให้รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประกาศยกเลิกโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

หมวด ๒

คณะกรรมการและคณะกรรมการแร่จังหวัด

ส่วนที่ ๑

คณะกรรมการแร่

มาตรา ๒๓ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการแร่” ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธานกรรมการ กรรมการประกอบด้วย อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมป่าไม้ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น

ปกครองท้องถิ่น อธิบดีกรมอนามัย เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประธานกรรมการสภาการพัฒนาเด็กปฐมวัย หรือผู้ดำรงตำแหน่ง เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมแต่งตั้งจำนวนไม่เกินหกคน เป็นกรรมการ ให้ข้าราชการของกระทรวงอุตสาหกรรมที่รัฐมนตรีแต่งตั้ง เป็นเลขานุการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามวรรคหนึ่ง ต้องเป็นผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์ ด้านใดด้านหนึ่งดังต่อไปนี้

(ก)

แพทย์หรือพยาบาล จำนวนไม่เกินสองคน

(ข)

นักวิทยาศาสตร์สุขภาพ จำนวนไม่เกินสองคน

(ค)

ผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์ ด้านการสำรวจและการทำเหมือง ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคมสงเคราะห์ ด้านสุขภาพ ด้านสวัสดิการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๒๔ ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

(ก)

ให้คำแนะนำแก่รัฐมนตรีในการประกาศให้เหมืองแร่เป็นแหล่งแร่

(ข)

ให้คำแนะนำแก่รัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวงหรือประกาศตามพระราชบัญญัตินี้

(ค)

ให้ความเห็นชอบในการอนุญาตหรือไม่อนุญาต การต่ออายุ การโอน การพักถอน และการเพิกถอนใบอนุญาตสำหรับการทำเหมืองประเภทที่ ๒ และประเภทที่ ๓

(ง)

ให้ความเห็นชอบในการอนุญาตหรือไม่อนุญาต การพักถอน และการเพิกถอนใบอนุญาตสำหรับการทำเหมืองประเภทที่ ๑

(จ)

พิจารณาข้อร้องเรียนหรือผลกระทบจากการทำเหมืองประเภทที่ ๒ และประเภทที่ ๓ ตามมาตรา ๑๙

(ฉ)

เสนอความเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมหรือปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนที่เกี่ยวข้องกับการทำเหมือง

(ช)

ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ หรือจากที่คณะกรรมการหรือรัฐมนตรีมอบหมาย

มาตรา ๒๕ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ หรือทำงานในด้านที่แต่งตั้งไม่ต่ำกว่าห้าปี และต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดในมาตรา ๘

มาตรา ๒๖ คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่คณะกรรมการมอบหมายได้

ให้บังคับบัญญัติมาตรา ๙๓ ตามมาตรา ๑๓ และมาตรา ๒๕ มาใช้บังคับแก่คณะอนุกรรมการโดยอนุโลม

มาตรา 27 ให้นำบทบัญญัติมาตรา 10 มาตรา 13 มาตรา 14 และมาตรา 15 มาใช้บังคับแก่คณะกรรมการแรงงานนอกระบบ

ส่วนที่ 2

คณะกรรมการแรงงานจังหวัด

มาตรา 28 ในจังหวัดที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการแรงงานจังหวัด ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานกรรมการ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารแรงงานจังหวัดและสังคมจังหวัด เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ตั้งในจังหวัด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปริมณฑลจังหวัด ผู้แทนกรมเจ้าท่า ผู้แทนกรมทรัพยากรธรณี ผู้แทนกรมศิลปากร ผู้แทนศูนย์อุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ นายอำเภอและผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ตั้งขึ้นเพื่อช่วยงานประจำถิ่น และผู้แทนองค์กรเอกชนหรือมูลนิธิที่เกี่ยวข้องกับการแรงงานโดยดำเนินการและผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

(ก)

ด้านการบริหารจัดการแรงงานในจังหวัดที่เป็นแหล่งแรงงาน

(ข)

ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานในจังหวัด

(ค)

ด้านการคุ้มครองแรงงานในจังหวัด

(ง)

ด้านการส่งเสริมการมีงานทำ หรือมีรายได้ของแรงงานในจังหวัด

(จ)

ด้านสวัสดิการ ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านสุขภาพ ด้านสวัสดิการแรงงาน ด้านแรงงานสัมพันธ์ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการแต่งตั้งกรรมการแรงงานจังหวัด ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา 29 ให้คณะกรรมการแรงงานจังหวัดมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

(ก)

ให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับการอนุญาตหรือไม่อนุญาต การต่ออายุ การโอน การเพิกถอน หรือการเปลี่ยนไปใช้ในลักษณะประเภทงานสำหรับการที่แรงงานต่างด้าว

(ข)

พิจารณาเรื่องร้องเรียนหรือผลกระทบจากการที่แรงงานต่างด้าว ตามมาตรา 3

(ค)

ให้คำปรึกษา คำแนะนำ และความเห็นแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดในการบริหารจัดการแรงงานในจังหวัด

(ง)

ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ หรือความที่รัฐมนตรีหรือผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมาย

มาตรา 30 ให้นำบทบัญญัติมาตรา 10 มาตรา 13 มาตรา 14 มาตรา 15 มาตรา 25 และมาตรา 26 มาใช้บังคับแก่คณะกรรมการแรงงานจังหวัดโดยอนุโลม

หมวด 3

บททั่วไป

มาตรา ๑๓ การอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับแก่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กรมทรัพยากรธรณี และกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ในการกระทำเพื่อประโยชน์แก่การสำรวจ การทดลอง การศึกษา หรือการวิจัยเกี่ยวกับแร่ แต่การดำเนินการต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวง ประกาศ หรือระเบียบที่ออกตามความในพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๑๔ เพื่อประโยชน์ในการควบคุมการทำเหมือง การแต่งแร่ และการประกอบโลหกรรม ให้รัฐมนตรีออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดทำแผนพื้นฐานด้านการทำเหมือง การจัดทำข้อมูลพื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน มาตรฐานและวิธีการควบคุมการปล่อยมลพิษหรือสิ่งอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอันเกิดจากการทำเหมือง การแต่งแร่ และการประกอบโลหกรรม และหลักเกณฑ์หรือวิธีการให้ความคุ้มครองแก่คนงานและความปลอดภัยแก่บุคคลภายนอก

การออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดทำแผนพื้นฐานด้านการทำเหมือง และการจัดทำข้อมูลพื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนดังกล่าว ให้กระทำโดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ทั้งนี้ การกำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดทำข้อมูลพื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน ให้คำนึงถึงความเหมาะสมของพื้นที่และประเภทของแร่ รวมทั้งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการทำเหมือง การแต่งแร่ และการประกอบโลหกรรมด้วย โดยต้องจัดทำข้อมูลพื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาที่รัฐมนตรีกำหนด

มาตรา ๑๕ ในกรณีที่ผู้ถือประทานบัตรหรือผู้ถือใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ หรือผู้รับใบอนุญาตเข้าไปยึดถือหรือครอบครองพื้นที่ในเขตแผ่นดิน ซึ่งในเขตนั้นมีสิทธิใดของผู้อื่นตามกฎหมาย การใช้สิทธิตามในวรรคหนึ่ง นอกจากเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือตามกฎหมายอื่นแล้ว ให้ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนสิทธิของผู้อื่นซึ่งอยู่โดยชอบด้วยกฎหมาย หรือผู้รับใบอนุญาตดังกล่าวแล้วแต่กรณี

มาตรา ๑๖ ในกรณีการรวบรวมหรือการทำเหมืองแร่ ถ้าได้พบโบราณวัตถุ ซากดึกดำบรรพ์ หรือสิ่งที่มีโครงสร้างทางธรรมชาติที่มีลักษณะพิเศษหายากหรือเป็นที่สนใจของนักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการ หรือประชาชนทั่วไป นอกจากการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ และกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์แล้ว ผู้ถืออาชญาบัตรหรือผู้ถือประทานบัตรต้องแจ้งให้กรมทรัพยากรธรณีทราบโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการต่อไป

มาตรา ๑๗ ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปยึดถือครอบครองหรือทำประโยชน์ในพื้นที่ที่มีคำขออาชญาบัตร อาชญาบัตรพิเศษ หรือประทานบัตร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากผู้ขออาชญาบัตร ผู้ถืออาชญาบัตร หรือผู้ถือประทานบัตร แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ให้ผู้ขออาชญาบัตร ผู้ถืออาชญาบัตร หรือผู้ถือประทานบัตร ในแต่ละพื้นที่ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาที่รัฐมนตรีกำหนด

(b) ผู้ที่ได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้ถืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษ หรือผู้ถือประทานบัตร ให้ยินยอมประทานบัตรในเขตพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตนั้นได้

มาตรา ๓๖ การส่งหนังสือหรือคำสั่งที่มีผู้ลงลายมือชื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง เว้นแต่ในกรณีที่ผู้รับผู้รับ หรือผู้รับมอบให้ปฏิบัติงานแทน หรือผู้รับมอบให้ปฏิบัติงานแทน หรือโดยการประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา การประกาศในหนังสือพิมพ์หรือแพร่หลายโดยวิธีอื่น หรือโดยการประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา อิเล็กทรอนิกส์หรือประกาศในลักษณะใดก็ได้ในกรณีที่ไม่สามารถส่งหนังสือหรือคำสั่งดังกล่าวนั้น แต่จนกว่าจะได้แจ้งโดยวิธีดังกล่าว

มาตรา ๓๗ ขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาต แบบอาชญาบัตร แบบประทานบัตร แบบใบอนุญาต รวมทั้งแบบอื่นใดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

หมวด ๔ การสำรวจแร่

ส่วนที่ ๑ บททั่วไป

มาตรา ๓๘ ห้ามมิให้ผู้ใดสำรวจแร่ในที่ใด ไม่ว่าที่ซึ่งสำรวจแร่นั้นจะเป็นสิทธิของบุคคลใดหรือไม่ เว้นแต่จะได้รับอาชญาบัตรสำรวจแร่ อาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ หรืออาชญาบัตรพิเศษ การขอและการออกอาชญาบัตรสำรวจแร่ อาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ หรืออาชญาบัตรพิเศษ และคุณสมบัติของผู้ขออนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๓๙ อาชญาบัตรสำรวจแร่ อาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ และอาชญาบัตรพิเศษ ให้ใช้ได้เฉพาะตัวผู้ถืออาชญาบัตร และให้ผู้ถือสัญชาติของผู้ถืออาชญาบัตรด้วย

ส่วนที่ ๒ อาชญาบัตรสำรวจแร่

มาตรา ๔๐ ผู้ใดประสงค์จะขออาชญาบัตรสำรวจแร่ในท้องที่ใด ให้ยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ในท้องที่นั้น

ในกรณีที่มีผู้ยื่นคำขออาชญาบัตรสำรวจแร่ในลำดับในท้องที่ใด ไม่ว่าติดต่อกันหรือแยกส่วนไป การยื่นคำขออาชญาบัตรสำรวจแร่ในท้องที่เดียวกัน และเมื่อได้ออกอาชญาบัตรสำรวจแร่ให้ผู้ใดในท้องที่ใดแล้วอาจออกอาชญาบัตรสำรวจแร่ใหม่ผู้ยื่นคำขอรายอื่นในท้องที่เดียวกันอีกได้

มาตรา ๑๙ ให้เจ้าพนักงานท้องที่ส่งเรื่องผู้ขออาชญาบัตรสำรวจแร่ไปยังเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่พร้อมด้วยความเห็นของตน

ผู้ถืออาชญาบัตรสำรวจแร่ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการสำรวจแร่ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด รวมทั้งต้องปฏิบัติตามแผนงานที่ได้แจ้งไว้ในคำขอ เมื่อเจ้าพนักงานท้องที่ได้ออกอาชญาบัตรสำรวจแร่แก่บุคคลใด ให้แจ้งกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ภายในกำหนดห้าวันนับแต่วันที่ได้ออกอาชญาบัตร

ส่วนที่ ๓

อาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่

มาตรา ๒๐ ผู้ใดประสงค์จะขออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ในท้องที่ใด ให้ยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่นั้น

คำขออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่แต่ละคำขอให้แสดงในพื้นที่ติดต่อกัน

มาตรา ๒๑ ให้องค์การที่มีแผนขออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่

เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยของบุคคล สัตว์ พืช และทรัพย์สิน อธิบายคำขอภายในเงื่อนไขใด ๆ ตามที่เห็นสมควรไว้ในอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ก็ได้ ผู้ถืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการสำรวจแร่ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด รวมทั้งต้องไปทำคำขอไว้ในอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่

มาตรา ๒๒ ผู้ถืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ต้องยื่นรายงานผลการดำเนินงานและการสำรวจที่กระทำไปในระยะเวลาที่กำหนดพร้อมด้วยเงินค่าธรรมเนียมรายปีที่กำหนดไว้ในอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ต่อเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ที่เกี่ยวในลำดับวันนั้นตามกำหนดระยะเวลาที่กำหนด และต้องยื่นรายงานผลการดำเนินงานและการสำรวจที่กระทำไปในระยะเวลาที่กำหนดต่อกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ในลำดับวันนั้นตามกำหนดระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ ตามแบบที่เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่กำหนด

มาตรา ๒๓ ให้อาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่มีผลสุดลงอย่างช้าภายในกำหนดในอาชญาบัตร เมื่อ

(ก)

ผู้ถืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่หรือทายาทถึงแก่ความตาย

(ข)

ผู้ถืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่เป็นบุคคลล้มละลาย

(ข)

ผู้ถืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแจ้งการขอเลิกอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจ โดยให้มีผลนับแต่วันที่นายอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่รับแจ้ง

(ค)

อธิบดีสั่งเพิกถอนอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจ โดยให้มีผลนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพิกถอนนั้น

ส่วนที่ 4

อาชญาบัตรพิเศษ

มาตรา 58 ผู้ใดประสงค์จะขออาชญาบัตรพิเศษในท้องที่ใด ให้ยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่นั้น

คำขออาชญาบัตรพิเศษให้ต้องได้ตามเนื้อที่ที่สามารถดำเนินการสำรวจจนแล้วเสร็จครบถ้วนได้ภายในหกปี ทั้งนี้ ต้องไม่เกินกว่าขอบเขตพื้นที่ซึ่งในใบคำขออาชญาบัตรพิเศษแสดงให้ขอได้ไม่เกินกว่าขอบเขตพื้นที่ดังกล่าว ผู้ยื่นคำขออาชญาบัตรพิเศษต้องเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการสำรวจปริมาณจำนวนเงินที่จะใช้จ่ายเพื่อการสำรวจและข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจ และต้องแสดงประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการสำรวจนั้น รวมทั้งแสดงให้เห็นว่าประโยชน์ดังกล่าวมีความเหมาะสมกับพื้นที่ที่ขอให้ออกอาชญาบัตรพิเศษนั้น ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขออาชญาบัตรพิเศษได้ให้ความยินยอมเป็นหนังสือให้ผู้อื่นยื่นคำขอประทานบัตรในเขตพื้นที่ที่ได้รับอาชญาบัตรพิเศษตามมาตรา 54 (6) ให้ผลประโยชน์พิเศษแก่รัฐตามวรรคสามมีผลผูกพันผู้ขอประทานบัตรดังกล่าวด้วย การกำหนดหลักเกณฑ์การเสนอผลประโยชน์พิเศษแก่รัฐจากการสำรวจแร่ ให้กำหนดวิธีการในการพิจารณาผลประโยชน์พิเศษเพื่อมิให้เป็นภาระต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ที่มีเขตพื้นที่ที่ขอให้ออกอาชญาบัตรพิเศษ ผลประโยชน์พิเศษให้แก่รัฐตามที่กำหนดในวรรคสาม ให้ใช้ในการสำรวจหรือศึกษาวิจัยเกี่ยวกับหรือการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม

มาตรา 59 ให้ย่อคำขอที่ยื่นตามมาตรา 58 ประกาศไว้ ณ สำนักงานของเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่นั้น

ทั้งนี้ อาชญาบัตรพิเศษมิให้ออกเป็นหนังสืออื่นนอกจาก เพื่อประโยชน์ในการสำรวจแร่ในเขตแหล่งแร่ ความปลอดภัยของบุคคล สัตว์ พืช และทรัพย์สินในการอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษต้องกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับการสำรวจแร่ให้ชัดเจน ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการสำรวจแร่ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด รวมทั้งเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในอาชญาบัตรพิเศษ

มาตรา 48 ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษต้องปฏิบัติตามข้อผูกพันสำหรับการสำรวจของแหล่งปิโตรเลียมที่กำหนดไว้ในอาชญาบัตรพิเศษ

ในกรณีที่ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษได้ปฏิบัติตามประการของรัฐมนตรีหรือเงื่อนไขที่กำหนดตามมาตรา 44 และข้อผูกพันตามอาชญาบัตรพิเศษของแต่ละปีแล้ว บรรดาค่าใช้จ่ายสำหรับการสำรวจที่ได้จ่ายไปในปีนั้น ๆ จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำมาคำนวณเป็นรายจ่ายเพื่อการคำนวณกำไรสุทธิในการเสียภาษีเงินได้ตามกฎหมายว่าด้วยภาษีอากร หรืออาจนำมาคำนวณเป็นรายจ่ายเพื่อการคำนวณกำไรสุทธิในการเสียภาษีเงินได้ตามกฎหมายว่าด้วยภาษีอากรได้ตามที่กำหนดในอาชญาบัตรพิเศษหรือในสัญญาเช่นนั้นก็ได้ โดยขึ้นอยู่กับการเลือกของผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษซึ่งจะต้องแจ้งให้ทราบเป็นหนังสือภายในเวลาที่กำหนดในอาชญาบัตรพิเศษหรือในสัญญาเช่นนั้น และให้ถือว่าผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษได้เลือกอย่างใดแล้วเมื่อแจ้งให้ทราบเช่นนั้นแล้ว สำหรับปีที่สิ้นอายุหรืออาชญาบัตรพิเศษที่สิ้นสุดในปีนั้นสิ้นลงไปด้วย แล้วแต่กรณี

มาตรา 49 เมื่อสิ้นรอบปีบัญชีทุกปีไป ถ้าผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษยังปฏิบัติตามข้อผูกพันตามมาตรา 48 สำหรับการสำรวจในรอบปีนั้นไม่ครบถ้วน ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษต้องจ่ายเงินเพิ่มทั้งจำนวนที่คำนวณได้ตามอัตราที่กำหนดในอาชญาบัตรพิเศษสำหรับการเพิ่มและการเร่งรัดภายในกำหนดเวลาสามสิบวันนับแต่สิ้นรอบปีบัญชีนั้นให้สำเร็จ

ในการสำรวจที่ต้องมีอาชญาบัตรพิเศษให้ได้สิทธิในเงินเพิ่มสำหรับการสำรวจเป็นกรณี ๆ ไปตามที่กำหนดในอาชญาบัตรพิเศษหรือในสัญญาเช่นนั้นก็ได้

มาตรา 50 ให้รัฐมนตรีมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสำรวจอุตสาหกรรมปิโตรเลียมที่ทำอยู่ภายในสามสิบวันนับแต่วันสิ้นสิ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าว และต้องส่งรายงานผลการดำเนินงานและการสำรวจที่ได้กระทำไปทั้งหมดต่อเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมประจำท้องที่ภายในสามสิบวันก่อนอาชญาบัตรพิเศษสิ้นอายุ ทั้งนี้ ตามแบบที่อธิบดีคำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา 51 ให้อาชญาบัตรพิเศษสิ้นสุดลงก่อนอายุที่กำหนดไว้ในอาชญาบัตร เมื่อ

(ก)

ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษทรัพย์สินล้มละลายเป็นบุคคล

(ข)

ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษเป็นบุคคลล้มละลาย

(ค)

ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษถูกศาลสั่งบังคับให้ทำตามคำพิพากษา

(ง)

ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษไม่สามารถดำเนินงานการสำรวจที่กระทำไว้ในรอบระยะเวลาที่รัฐมนตรีกำหนดไว้ในมาตรา 48

(จ)

ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษขอเลิกอาชญาบัตรพิเศษด้วยตนเอง

(ฉ)

อธิบดีคำสั่งเพิกถอนอาชญาบัตรพิเศษ โดยให้แจ้งเป็นหนังสือแจ้งคำสั่งเพิกถอนนั้น

หมวด 5

การทำเหมือง

ส่วนที่ 1

บททั่วไป

มาตรา 45 ห้ามมิให้ผู้ใดทำเหมืองในที่ใด ไม่ว่าที่ซึ่งทำเหมืองนั้นจะเป็นสิทธิของบุคคลใดหรือไม่ เว้นแต่จะได้รับประทานบัตร

ประทานบัตรให้ได้เฉพาะตัวผู้ถือประทานบัตร และให้ผู้มีสัญชาติของผู้ถือประทานบัตรด้วย การขอและการออกประทานบัตร และคุณสมบัติของผู้ยื่นคำขอ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง กฎกระทรวงตามวรรคสองต้องคำนึงถึงหลักเกณฑ์ในการพิจารณาอนุญาตให้สอดคล้องกับบัญญัติในมาตรา 6 โดยต้องกำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคุ้มค่าในทางเศรษฐกิจ ความเหมาะสมของเทคโนโลยีที่ใช้ในการทำเหมือง ความเหมาะสมของการป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของประชาชน รวมทั้งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ และต้องกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการพิจารณาอนุญาตให้สอดคล้องกับผลการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมด้วย

มาตรา 46 เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการแร่และการกระจายอำนาจในการบริหารจัดการแร่ ให้รัฐมนตรีมีอำนาจออกประกาศเพื่อนไม่การทำเหมืองออกเป็นสามประเภทดังนี้

(ก)

การทำเหมืองประเภทที่ 3 ได้แก่ การทำเหมืองในเนื้อที่ไม่เกินหนึ่งร้อยไร่ ให้เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการแร่จังหวัดมีอำนาจทำเหมืองในนามของผู้ถือประทานบัตร

(ข)

การทำเหมืองประเภทที่ 2 ได้แก่ การทำเหมืองในเนื้อที่ไม่เกินห้าร้อยไร่ ให้ถือปฏิบัติตามแนวข้อบังคับของคณะกรรมการแร่จังหวัดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการแร่

(ค)

การทำเหมืองประเภทที่ 1 ได้แก่ การทำเหมืองในเนื้อที่เกินกว่าห้าร้อยไร่ หรือการทำเหมืองประเภทพิเศษ ให้การทำเหมืองในเขต และการทำเหมืองในเนื้อที่ดังกล่าวให้ถือปฏิบัติตามแนวข้อบังคับของคณะกรรมการแร่ ชนิดแร่ ลักษณะการทำเหมือง และขนาดของโครงการที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ต้องกำหนดให้เป็นการทำเหมืองประเภทที่ 1 หรือประเภทที่ 2 แล้วแต่กรณี

ส่วนที่ 2

การขอประทานบัตร

มาตรา 45 ผู้ใดประสงค์จะขอประทานบัตร ให้ยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่

ผู้ยื่นคำขอประทานบัตรต้องส่งเอกสารหรือหลักฐานต่าง ๆ ดังต่อไปนี้พร้อมคำขอ

(ก)

หลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเป็นเจ้าของที่ดินหรือมีสิทธิดำเนินการทำเหมืองแร่ในที่ดินของตนตามระเบียบข้อบังคับกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

(ข)

แผนการฟื้นฟู การพัฒนา การใช้ประโยชน์ และการเฝ้าระวังผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในระหว่างที่มีการทำเหมืองและหลังจากปิดเหมือง

(ค)

ข้อเสนอผลประโยชน์แก่แผ่นดินหรือชุมชนท้องถิ่นที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

(ง)

เอกสารหรือหลักฐานที่แสดงว่าเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินในเขตพื้นที่ที่ขอคำขอยินยอมให้ผู้ยื่นคำขอประทานบัตรดำเนินการทำเหมืองแร่ในที่ดินของตน หรือคำยินยอมของหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว หรือคำยินยอมของหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่การบริหารงานอนุญาต

(จ)

เอกสารหรือหลักฐานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวงตามมาตรา 5 กำหนดการพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา 45 (ก) ให้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ประทานบัตรในกรณีแร่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติน

ส่วนที่ 3 การออกประทานบัตร

มาตรา 45 เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองความปลอดภัย ห้ามออกประทานบัตรในลักษณะที่ทำให้เขตเหมืองแร่ซ้อนกันในระดับความลึกที่ต่างกันไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน

มาตรา 46 ประทานบัตรที่ขอไม่เกินสามสิบปีนับแต่วันออก ประทานบัตรให้ผู้ขอประทานบัตรที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดไว้ในกรณีที่ผู้ขอประทานบัตรต้องยื่นคำขอก่อนวันที่ประทานบัตรเดิมสิ้นอายุไม่น้อยกว่าหกเดือนหรือก่อนวันที่ประทานบัตรเดิมสิ้นอายุไม่น้อยกว่าหนึ่งปี ผู้ขอประทานบัตรต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประทานบัตรเดิมและไม่เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ในกรณีที่มีเหตุอันสมควรให้ต่ออายุประทานบัตร ให้ระยะเวลาต่ออายุเริ่มนับแต่วันที่ผู้ขอประทานบัตรเดิมสิ้นอายุ การยื่นคำขอต่ออายุและการอนุญาตให้ต่ออายุประทานบัตร ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ซึ่งอย่างน้อยต้องกำหนดให้มีการประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการป้องกันผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน เพื่อประกอบการพิจารณาการขอต่ออายุประทานบัตรด้วย

ส่วนที่ 4 สิทธิและหน้าที่ของผู้ถือประทานบัตร

มาตรา 47 ผู้ถือประทานบัตรมีสิทธิในเขตเหมืองแร่ ดังต่อไปนี้ (1) เตรียมการเพื่อการทำเหมืองแร่ เช่น การปฏิบัติงานสำรวจ การขจัดสิ่งปกคลุม การตัดต้นหรือรื้อถอนต้นไม้ การขุดหน้าดิน ทำเหมือง หรือทำการอื่นใดในเขตประทานบัตรเพื่อประโยชน์แก่การทำเหมือง (2) แต่งแร่ หรือประกอบโลหกรรม หรือทั้งแต่งแร่และประกอบโลหกรรม (3) ทำเหมืองในเขตประทานบัตร และขนแร่ที่ขุดได้ไปประกอบโลหกรรม รวมถึงเรือนที่เป็นผลพลอยได้จากการทำเหมืองนั้น

ความใน (8) มิให้ใช้บังคับกับผู้ถือบัตรประทานบัตรทำเหมืองใต้ดิน นั่นแต่เป็นการกระทำในเขตพื้นที่ที่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง การใช้สิทธิของผู้ถือประทานบัตรตาม (8) หรือ (9) เมื่อสิ้นอายุประทานบัตรแล้วไม่เป็นเหตุให้ผู้ถือประทานบัตรไม่ต้องส่งสิทธิครอบครองดังกล่าวนั้น

มาตรา (9) ในกรณีผู้ถือประทานบัตรรายหนึ่งมีเขตประทานบัตรติดต่อกัน ให้ถือว่าในเขตประทานบัตรทั้งหมดนั้นเป็นเขตเหมืองเดียวกันได้

ในกรณีผู้ถือประทานบัตรรายหนึ่งมีเขตประทานบัตรที่มีเขตประทานบัตรติดต่อกัน กล่าวรวมแผนผังโครงการเหมืองเป็นเขตเหมืองเดียวกันได้ โดยยื่นคำขอและรับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมประจำท้องที่ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขข้อกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในกรณีผู้ถือประทานบัตรหลายคนมีประทานบัตรที่มีเขตประทานบัตรติดต่อกันและมีพื้นที่เหมืองเดียวกันหรือเหมืองที่ต่อเนื่องกันได้อย่างปลอดภัย หรือไม่ขัดขวางในเขตพื้นที่ของกลุ่มเหมืองได้ เพื่อประโยชน์ในการอนุรักษ์และเพิ่มความปลอดภัยในการทำเหมือง ให้ผู้ถือประทานบัตรรายหนึ่งหรือผู้ถือประทานบัตรหลายคนยื่นคำขอรวมแผนผังโครงการเหมืองเป็นเขตเหมืองเดียวกันได้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขข้ออื่นที่กำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา (10) ในกรณีผู้ถือประทานบัตรรายหนึ่งหรือหลายคนไม่ดำเนินการหรือมิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขใน (8) ตามที่กำหนดไว้ในใบอนุญาตประทานบัตรรายนั้น ผู้ถือประทานบัตรรายนั้นต้องส่งคืนสิทธิครอบครองที่ดินให้โดยยื่นคำขอเพิกถอนประทานบัตรต่อเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมประจำท้องที่

กรณีคืนประทานบัตรทั้งหมด ให้ส่งคืนประทานบัตรนั้นสิ้นสุดลงเมื่อเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมประจำท้องที่ตรวจสอบแล้วเห็นว่าผู้ถือประทานบัตรได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตามวรรคหนึ่งแล้ว และเห็นสมควรให้ยอมรับการเพิกถอนประทานบัตร กรณีคืนประทานบัตรบางส่วน ให้ส่งคืนประทานบัตรนั้นสิ้นสุดลงเมื่อมีการกำหนดเขตพื้นที่ที่คืนให้ถือเป็นประทานบัตรส่วนที่ได้คืนออกจากส่วนที่คืนสิ้นสุดแล้ว และเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมประจำท้องที่พิจารณาแล้วเห็นสมควรให้ถือเป็นผู้ถือประทานบัตรตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด การพิจารณาคำขอคืนประทานบัตรกรณีหนึ่ง เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมประจำท้องที่ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่ได้รับคำขอคืนประทานบัตร ผู้ถือประทานบัตรที่ประสงค์คืนประทานบัตรต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในการกำหนดเขตตามวรรคสาม

มาตรา (11) สิทธิของผู้ถือประทานบัตรสิ้นสุดลงในกรณี ดังต่อไปนี้

(ก)

ผู้ถือประทานบัตรตายหรือสิ้นสภาพนิติบุคคล

(ข)

ผู้ถือประทานบัตรเป็นบุคคลล้มละลาย ```

(๖)

ผู้ถือบัตรทบวงรับราคาคุณสมบัติตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

(๗)

ผู้อื่นตามที่กำหนดไว้สำหรับการออกบัตรชนิดนั้น

(๘)

เมื่อผู้ถือบัตรทบวงรับได้แจ้งความยินยอมหรือได้รับอนุญาตให้เข้าไปในเขต ประทานบัตรหรือเขตเหมืองแร่ต่อไปโดยคำสั่งของศาลหรือคำพิพากษาสุดท้าย ทั้งนี้ เฉพาะในส่วน พื้นที่ที่เจ้าของที่ดินให้ความยินยอมสำหรับไม่อนุญาตให้เข้า และให้บันทึกบัญชีผู้ถือบัตร ๒๖ วรรคสาม และวรรคสี่ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

(๒)

สิ้นอายุตามที่กำหนดไว้ในประทานบัตร

(๓)

ไม่ชำระค่าภาคหลวง หรือชำระค่าภาคหลวงไม่ถูกต้องหรือครบถ้วนใน กำหนดกลับบ้านจนพ้นกำหนดระยะเวลาตามมาตรา ๑๓๓ วรรคสอง

มาตรา ๒๓ ในกรณีที่สิทธิของผู้ถือประทานบัตรสิ้นสุดลง หากมีแร่คงเหลืออยู่ใน

เขตเหมืองแร่ และผู้ถือประทานบัตรหรือทายาทไม่มีข้อขออนุญาตครอบครองภายในกำหนดวันนับแต่ วันที่สิทธิของประทานบัตรสิ้นสุดลง ให้แร่นั้นตกเป็นของแผ่นดิน แร่ที่ตกเป็นของแผ่นดินตามวรรคหนึ่ง ให้อธิบดีมีคำสั่งจำหน่ายออกขาย หากปรากฏว่าการออกขายแร่หรือขายแร่นั้นมีค่าใช้จ่ายเกินกว่าราคาขายแร่ อธิบดีมีอำนาจสั่งให้ ดำเนินการปรับปรุง ตัดแปลง หรือแต่งตั้งกลาง เพื่อให้มีค่าเพิ่มและผู้คนต้องขาย ทั้งนี้ ให้ หักค่าใช้จ่ายในการปรับปรุง ตัดแปลง หรือแต่งตั้งกลางนั้นจากราคาขายแร่ ในกรณีที่มีการออกขายแร่ตามวรรคสอง ให้หักค่าใช้จ่ายในการปรับปรุง หรือแต่งตั้งกลางออกจากราคาขายแร่ และให้ส่งเงินที่เหลือจากการขายแร่ให้แก่กรมทรัพยากรธรณี หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออกขายแร่ตามวรรคสอง ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด ผู้ซึ่งมีที่ดินเป็นของแผ่นดินตามวรรคหนึ่ง ให้ออกอนุญาตครอบครองแร่เป็นกรณี พิเศษเฉพาะราย และเมื่อประสงค์จะขาย ให้ขออนุญาตขายแร่และจำหน่ายแร่เป็นกรณีพิเศษเฉพาะครั้งนั้น ตามมาตรา ๙๗ วรรคสอง

มาตรา ๒๔ เมื่อประทานบัตรได้สิ้นอายุ ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ไว้แน่นใน

กรณีตามมาตรา ๙๔ หรือผู้ถือประทานบัตรมีคำขอต่ออายุ และยังไม่มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ต่ออายุ จากผู้อนุญาตประทานบัตร

มาตรา ๒๕ สิทธิของประทานบัตรไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี

มาตรา ๒๖ ผู้ถือประทานบัตรต้องแจ้งการทำเหมืองแร่ที่ได้ทำในปีหนึ่งเป็นหนังสือให้

รับประทานบัตรนั้นแจ้งผู้ตรวจแร่และได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานแร่ประจำท้องที่เสียก่อนที่จะทำ การทำเหมืองแร่ในปีนั้นหรือในปีต่อมา ให้หมายความถึงการทำเหมืองแร่ที่เกี่ยวกับการเรียกรายการที่แจ้ง ตามมาตรา ๔๕ (๑) ด้วย ก่อนการเปิดการทำเหมืองแร่ครั้งแรก ผู้ถือประทานบัตรต้องแจ้งเป็นหนังสือให้ เจ้าพนักงานแร่ประจำท้องที่ทราบและได้รับอนุญาตให้เปิดการทำเหมืองแร่ และต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ``` เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ และเมื่อได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่แล้ว ให้ดำเนินการทำเหมืองได้ การทำเหมืองต้องมีแผนงานและระยะเวลาไม่ขัดต่อหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไข ในกรณีมีเหตุขัดข้อง ผู้ขอประทานบัตรควรขออนุญาตทำการทำเหมืองต่อเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ และจะขอทำเหมืองได้เมื่อได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ เมื่อมีเหตุ การทำเหมืองตามวารสาร ให้แจ้งต่อเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่เพื่อขอ ให้ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ เหตุขัดข้องในการเปิดการทำเหมือง การหยุดการทำเหมือง ระยะเวลา การตรวจสอบ การขออนุญาตเหตุการณ์เหมือง และการขออนุญาตเปิดการทำเหมือง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่กำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา 8๕ เพื่อประโยชน์ในการควบคุมและเฝ้าระวังผลกระทบจากการทำเหมือง ให้รัฐมนตรีมีอำนาจประกาศกำหนดให้การทำเหมืองในพื้นที่หรือบริเวณใด ๆ ต้องมีการแต่งตั้งคณะกรรมการควบคุมและเฝ้าระวังผลกระทบจากการทำเหมือง ซึ่งประกอบด้วย ตัวแทนผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่ ตัวแทนผู้ประกอบการ ผู้แทนราชการ และผู้ทรงคุณวุฒิ รวมทั้งสิ้นคณะกรรมการมีหน้าที่กำหนดมาตรการเฝ้าระวัง ควบคุม และแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการทำเหมือง โดยผู้ประกอบการต้องปฏิบัติตามมาตรการที่คณะกรรมการกำหนด

หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการแต่งตั้งคณะกรรมการตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา 8๖ ผู้ถือประทานบัตรมีหน้าที่ต้องปฏิบัติ ดังต่อไปนี้

(๑)

ทำเหมืองตามวิธีการทำเหมือง แผนผัง โครงการ และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในการออกประทานบัตร

(๒)

การเพิ่มเขตเหมืองที่ขอทำเหมือง การเปลี่ยนแปลงวิธีการทำเหมือง แผนผัง โครงการและเงื่อนไขสำหรับการทำเหมืองประทานบัตร จะต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ สำนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ และการทำเหมืองประทานบัตรที่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดี

(๓)

ห้ามทำเหมืองใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียหายแก่แหล่งน้ำสาธารณะ หรือทางน้ำสาธารณะภายในระยะที่รัฐมนตรีประกาศสำหรับการทำเหมืองประทานบัตร และภายในระยะที่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่กำหนดไว้ และในระยะที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง

(๔)

ห้ามทำเหมือง ทิ้งดิน หรือตะกอน หรือทำด้วยประการใดให้เกิดผลเสียต่อแหล่งน้ำสาธารณะหรือทางน้ำสาธารณะภายในระยะที่รัฐมนตรีประกาศสำหรับการทำเหมืองประทานบัตร หรือในระยะที่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่กำหนดไว้ โดยผู้ถือประทานบัตรต้องจัดการป้องกันมิให้เกิดผลเสียหาย การปรับปรุง เปลี่ยนแปลง หรือฟื้นฟูทางหลวงหรือทางน้ำสาธารณะให้สามารถใช้ประโยชน์ได้น้อยกว่าเดิม

(๔)

ห้ามทดน้ำหรือกั้นทางทางน้ำสาธารณะ ไม่ว่าจะอยู่ภายในหรือภายนอกเขตเหมืองแร่ เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ และได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

(๕)

ห้ามทำเหมืองในทางน้ำสาธารณะ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ ตามหลักเกณฑ์ที่ต้องกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

(๖)

การทำเหมือง การแต่งแร่ หรือการประกอบโลหกรรม ภายในเขตเหมืองแร่ห้ามกระทำหรือจะไม่กระทำการใดอันจะเป็นเหตุให้แหล่งน้ำที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเป็นเขตอันตรายแก่บุคคล สัตว์ พืช หรือสิ่งของต้อง

(๗)

ฟื้นฟูสภาพพื้นที่ทำเหมืองตามแผนการฟื้นฟู การพัฒนา การใช้ประโยชน์ และการประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในประเทศที่มีการทำเหมืองและหลังจากปิดเหมืองแล้วตามที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ

(๘)

ห้ามลักลอบหรือกระทำการฟื้นฟูสภาพพื้นที่ทำเหมืองในประเทศที่มีผลกระทบต่อการทำเหมืองหรือการแต่งแร่

(๙)

การจัดการของเสียตามที่คณะกรรมการกำหนด และในการทำเหมืองในประเทศที่ และประเทศที่มีผลกระทบต่อการทำเหมืองหรือการแต่งแร่ ต้องจัดการของเสียตามที่คณะกรรมการกำหนด

(๑๐)

ชำระค่าภาคหลวงแร่ตามที่กำหนด

(๑๑)

ต้องรายงานการทำเหมืองให้ถูกต้องตามความเป็นจริง ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ออกเป็นกฎหมายโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในการพิจารณาการทำเหมืองได้ต้องพิจารณาการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติและตามหลักเกณฑ์ตาม (๒) (๓)

(๑๒)

หรือ (๒) มีผลกระทบต่อสาธารณะอื่นๆ ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ได้รับความเห็นชอบในลักษณะการอนุญาตตาม (๒) (๓) (๔) หรือ (๕) ต่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในกรณีที่สภาพสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป ผู้อนุญาตอาจมีคำสั่งกำหนดให้การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพื้นที่ฟื้นฟู การพัฒนา การใช้ประโยชน์ และการประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในประเทศ (๔) และ (๕) ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๓๘ ภายใต้บังคับมาตรา ๓๗ และมาตรา ๓๙ ไม่มีผู้ใดจะเริ่มหรือประกอบการทำเหมืองเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ และต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา

คณะกรรมการแรหรือคณะกรรมการจังหวัด แล้วแต่กรณี พิจารณาเพื่อสอบหาข้อเท็จจริงและวินิจฉัยโดยรวดเร็วและเป็นธรรมตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ในกรณีที่ปรากฏผลจากการสอบหาข้อเท็จจริงตามวรรคหนึ่งว่าผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนเกิดจากการทำนาเกลือ ให้คณะกรรมการหรือคณะกรรมการจังหวัดแล้วแต่กรณีแจ้งเป็นหนังสือไปยังผู้ขอประทานบัตรดำเนินการเยียวยาผลกระทบภายในระยะเวลาที่กำหนด การชดเชยไม่เป็นเหตุให้พ้นจากการบังคับตามคำสั่งของคณะกรรมการหรือคณะกรรมการจังหวัดตามวรรคสอง

มาตรา 70 ในกรณีที่ผู้ถือประทานบัตรไม่ปฏิบัติตามมาตรา 68 (4) หรือไม่เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการทำนาเกลือ ให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่แจ้งกรมหลักประกันหรือสำนักงานเขตทางการประกันภัยตามมาตรา 84 (2) มาเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ และแจ้งให้ผู้ถือประทานบัตรหลักประกันมาจัดทำประกันภัยให้ครบถ้วนตามเงินคุ้มครองในส่วนที่ขาดไปแต่ทั้งนี้

ในกรณีที่หลักประกันหรือหลักใดแทนทางการประกันภัยมีจำนวนไม่เพียงพอ ผู้ถือประทานบัตรต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนที่ขาด ในกรณีที่ผู้ถือประทานบัตรไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่งหรือไม่ชำระค่าใช้จ่ายส่วนที่ขาด หรือให้พ้นสภาพพื้นที่การทำนาเกลือของตนหรือไม่เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการทำนาเกลือ ให้ดำเนินการตามมาตรา 68 (4) ส่วนที่เหลือให้ผู้มีอำนาจ ในกรณีที่ผู้ถือประทานบัตรไม่ปฏิบัติตามวรรคสองหรือวรรคสาม ให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่แจ้งกรมหลักประกันหรือสำนักงานเขตทางการประกันภัยตามมาตรา 84 (2) มาเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ และแจ้งให้ผู้ถือประทานบัตรหลักประกันมาจัดทำประกันภัยให้ครบถ้วนตามเงินคุ้มครองในส่วนที่ขาดไปแต่ทั้งนี้

ส่วนที่ 5 การรับช่วง การโอน และการสวมสิทธิ

มาตรา 71 ห้ามมิให้ผู้ถือประทานบัตรยอมให้ผู้อื่นรับช่วงการทำนาเกลือไม่ว่าเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของเขตเหมืองแร่ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากผู้อนุญาตประทานบัตร

ผู้ถือประทานบัตรที่ได้รับอนุญาตให้ผู้อื่นรับช่วงการทำนาเกลือต้องมีหนังสือยินยอมที่มีค่าและความรับผิดตามกฎหมาย และให้ผู้รับช่วงการทำนาเกลือรับผิดชอบการดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้และเงื่อนไขในประทานบัตร การยื่นคำขอและการอนุญาตการรับช่วงทำนาเกลือ และการโอนกิจการรับช่วงทำนาเกลือให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา 72 ในกรณีที่ผู้ถือประทานบัตรประสงค์จะโอนประทานบัตร ต้องได้รับอนุญาตจากผู้อนุญาตประทานบัตร

การยื่นคำขอโอนประทานบัตรตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ถือประทานบัตรและผู้ประสงค์จะรับโอนยื่นคำขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ ผู้รับโอนประทานบัตรต้องมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับผู้ขอประทานบัตรและต้องโอนใบสำคัญแสดงสิทธิของผู้ถือประทานบัตรที่มีกำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประทานบัตร การโอนประทานบัตรตามวรรคหนึ่งจะกระทำได้เมื่อได้รับการอนุญาตเป็นหนังสือจากรัฐมนตรีตามพระราชบัญญัตินี้เท่านั้นตามอายุของประทานบัตรที่กำหนดไว้ การยื่นคำขอโอนประทานบัตรและการขออนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา 73 ในการโอนประทานบัตร นอกจากจะต้องเสียค่าธรรมเนียมการโอนแล้ว ผู้โอนจะต้องเสียค่าธรรมเนียมใบคำตอบแทนการโอนสิทธิทำเหมืองที่ตนพึงได้รับตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศโดยความเห็นชอบจากรัฐมนตรี

ค่าธรรมเนียมใบคำตอบแทนการโอนสิทธิทำเหมือง ให้เรียกเก็บและแสดงในส่วนที่เป็นค่าตอบแทนการโอนสิทธิทำเหมืองของประทานบัตร โดยไม่รวมถึงค่าตอบแทนการโอนทรัพย์สินอื่น การโอนประทานบัตรให้แก่บุคคลธรรมดา สมาคม บริษัท หรือผู้มีสิทธิอื่นที่ผู้โอนเองไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใบคำตอบแทนการโอนสิทธิทำเหมือง

มาตรา 74 ผู้ถือประทานบัตรจะโอนประทานบัตร และหากมีความประสงค์จะประสานกิจการต่อไป ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบการดำเนินการของผู้ถือประทานบัตรเพื่อเสนอไปยังผู้ขออนุญาตประทานบัตรเพื่อพิจารณา หากพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วเห็นว่าไม่อนุญาต ให้ถือว่าสิทธิของประทานบัตรสิ้นสุดลงก่อนอนุญาตประทานบัตร

ในการพิจารณาผู้ถือประทานบัตรหรือผู้จัดการประทานบัตรต้องชำระค่าธรรมเนียมประทานบัตรโดยการตกลงกันในหน้าที่ของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เสนอไปยังเสนอมาประทานบัตรตามความเหมาะสมและคำสั่งไม่อนุญาตให้โอนประทานบัตร การที่พนักงานเจ้าหน้าที่เสนอไปยังคำขอรับโอนประทานบัตรโดยการตกลงกันในหน้าที่ของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ไม่เป็นการตัดสิทธิจากทางอ้อมหรือผู้จัดการประทานบัตรหรือผู้ถือประทานบัตรด้วยตนเองใด ๆ ก่อนยื่นคำขอประทานบัตรขออนุญาตให้การรับโอนประทานบัตรนั้น การโอนประทานบัตรโดยการตกลง ผู้รับโอนไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใบคำตอบแทนการโอนสิทธิทำเหมือง ในการยื่นคำขอโอนประทานบัตรถูกกล่าวสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ ให้คำวินิจฉัยสิ้นวรรคก่อนใบคำขอที่ผู้ยื่นขออนุญาตโดยอนุโลม

มาตรา 75 ในกรณีสิทธิของผู้ถือประทานบัตรสิ้นสุดสุดลงผู้ถือประทานบัตรสิ้นอายุ ผู้ถือประทานบัตรต้องดำเนินการให้แก่ผู้รับโอนหรือผู้จัดการประทานบัตรที่กำหนดไว้ในประทานบัตรนั้น ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

ผู้ได้รับอนุญาตให้สมบสิทธิการทำเหมืองตามวรรคหนึ่ง มีสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดตามพระราชบัญญัตินี้ตลอดอายุประทานบัตรเต็มที่เหลืออยู่ และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประทานบัตรนั้น

หมวด 6

การทำเหมืองใต้ดิน

ส่วนที่ 1

บททั่วไป

มาตรา 47 ให้บทบัญญัติในหมวดอื่นแห่งพระราชบัญญัตินี้มาใช้บังคับกับการทำเหมืองใต้ดินเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติในหมวดนี้

มาตรา 48 การทำเหมืองใต้ดินไม่ว่าลักษณะกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดินของบุคคลอื่น หรือการทำเหมืองใต้ดินที่อยู่ภายในเขตเหมืองแร่ประทานบัตรหรือตามความในมาตรา 6 ส่วนที่ 1 ไม่อยู่ในบังคับของบทบัญญัติในหมวดนี้ โดยต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการในมาตรา 54

มาตรา 49 การทำเหมืองใต้ดินต้องไม่กระทบต่อความสงบเรียบร้อย โดยพิจารณาจากโครงสร้างทางธรณีวิทยา รวมทั้งวิธีการทำเหมืองตามหลักวิศวกรรมเหมืองแร่ในแต่ละพื้นที่ และความปลอดภัยของสิ่งมีชีวิตและทรัพย์สิน

มาตรา 50 การทำเหมืองใต้ดินที่อยู่ในระดับความลึกจากผิวดินไม่เกินหนึ่งร้อยเมตร ผู้ยื่นคำขอประทานบัตรต้องแสดงหลักฐานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าผู้ขอมีสิทธิทำเหมืองในเขตที่ดินนั้น

มาตรา 51 เขตประทานบัตรทำเหมืองใต้ดินต้องไม่ครุคล้ำเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ หรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า

ในกรณีที่พบว่าการทำเหมืองใต้ดินในเขตประทานบัตรจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างสำคัญโดยตรงหรือโดยอ้อม ให้ยกเลิกประทานบัตรทำเหมืองในส่วนที่ในประทานบัตรนั้นให้เหมืองใต้ดินในบริเวณนั้น

ส่วนที่ 2

การออกประทานบัตรทำเหมืองใต้ดิน

มาตรา ๑๘ คำขอประกอบบัตรทำเหมืองใต้ดินต้องประกอบด้วยข้อมูลตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ซึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วยข้อมูล ดังต่อไปนี้

(๑)

ข้อมูลโดยสังเขปแสดงความสอดคล้องตามมาตรการทางเทคนิคตามมาตรา ๑๗

(๒)

แผนที่แสดงเขตเหมืองใต้ดินซึ่งใช้แผนที่ พร้อมข้อมูลประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมในบริเวณต่าง ๆ เพื่อประกอบการพิจารณาตามมาตรา ๖๐ วรรคสอง

(๓)

ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ในที่ดินบริเวณที่ขอประทานบัตรทำเหมืองใต้ดิน และบริเวณที่เกี่ยวข้อง พร้อมเหตุผลของทางเลือกดังกล่าว

(๔)

ข้อมูล แผนผัง ขั้นตอน วิธีการในการทำเหมือง และการแต่งแร่ ที่แสดงถึงมาตรการในการลดผลกระทบหรือการใช้ประโยชน์จากสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่อาจกระทบต่อดารดำรงอยู่ของธรรมชาติและชุมชน

(๕)

ข้อมูลเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมตรวจสอบการทำเหมืองใต้ดินของตัวแทนผู้มีส่วนได้เสียชุมชนในพื้นที่ และระบบการรับฟังความคิดเห็น และระบบการตรวจสอบการทำเหมืองใต้ดินในระหว่างดำเนินการและเมื่อมีผลกระทบต่อการดำรงอยู่ของธรรมชาติและชุมชนที่อาจเกิดขึ้นได้ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๔๘

(๖)

เส้นทางขนส่ง และแผนผังน้ำที่จำเป็นต่อโครงการ ทั้งที่มีอยู่แล้วและที่จะพัฒนาเพิ่มเติม พร้อมรายละเอียดการใช้เส้นทางขนส่งและแผนผังน้ำดังกล่าวที่แสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าโครงการจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำรงอยู่ของธรรมชาติและชุมชน

(๗)

ข้อมูลเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรา ๖๐ วรรคสอง

(๘)

ผลการศึกษาด้านการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และด้านการประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในระหว่างที่มีการทำเหมืองและหลังจากปิดเหมือง

(๙)

การวางหลักประกันเพื่อฟื้นฟูสภาพพื้นที่ที่ทำเหมืองและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการทำเหมือง

มาตรา ๑๙ เมื่อราชการมีการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของผู้ขอประทานบัตรทำเหมืองใต้ดินได้รับความเห็นชอบจากมติคณะกรรมการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้ว ให้ส่งเรื่องพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อให้ความเห็นต่อไป โดยผู้ว่าราชการจังหวัดต้องส่งเรื่องพร้อมความเห็นของตนไปยังรัฐมนตรีตามลำดับทันทีที่ได้รับข้อมูล แล้วแต่กรณี เพื่อประกอบการกำหนดเงื่อนไขอย่างอื่นเป็นไปในประเภทบัตรต่อไป

(๑)

ข้อมูลโครงการที่ประกอบด้วยการขอประทานบัตรทำเหมืองใต้ดิน

(๒)

ความเห็นของผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวกับการดำเนินการตามมาตรา ๖๐ วรรคสอง ว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ที่มีการทำเหมืองใต้ดิน ในการพิจารณาให้ความเห็นดังกล่าว ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องดำเนินการรับฟังความคิดเห็นทั้งด้านบวกและด้านลบ โดยจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ที่มีการทำเหมืองใต้ดินและพื้นที่ใกล้เคียงที่อาจได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองใต้ดิน โดยต้องมีตัวแทนผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย และต้องจัดทำรายงานการรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวพร้อมทั้งข้อคิดเห็นที่ได้จากการรับฟังความคิดเห็นนั้นแนบท้ายเป็นส่วนหนึ่งในไปประกอบคำเห็นอย่างถูกต้อง

มาตรา ๔๓ เมื่อกระบวนการรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา ๔๒ สิ้นสุดลง ให้ถือว่ามี โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการตามมาตรา ๔๖ พิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ สิ่งแวดล้อมและความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย แล้วนำมาดำเนินการต่อไปประกาศบัตรให้ตาม หลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้

(๑)

เมื่อเป็นไปในประเภทบัตรครอบคลุมโครงการ อย่าให้อยู่ในประเภทบัตรที่ รัฐบาลประกาศกำหนดไว้ตามมาตรา ๔๑

(๒)

เมื่อเป็นไปในประเภทบัตรครอบคลุมสิ่งแวดล้อมในโครงการที่มีผู้ขอ ประทานบัตรได้เสนอไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และโครงการดังกล่าวหรือ มาตรการเพิ่มเติมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้วย

มาตรา ๔๔ การออกประกาศบัตรทำเหมืองให้ดำเนินการต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข ดังต่อไปนี้

(๑)

ผู้ขอประทานบัตรเสนอคำขอความยินยอมไว้ในมาตรา ๔๑

(๒)

ได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา ๔๒

(๓)

ได้กำหนดเงื่อนไขในประกาศบัตรตามมาตรา ๔๓

มาตรา ๔๕ การแก้ไขเงื่อนไขในประกาศบัตรทำเหมืองให้ดำเนินการที่กำหนดไว้ตาม มาตรา ๔๓ โดยให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง เป็นการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย โดยหัวข้อในเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในมาตรา ๔๓

ส่วนที่ ๓ การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย

มาตรา ๔๖ ให้มีประสงค์ของประกาศบัตรทำเหมืองให้ดำเนินการปรึกษาหารือกับผู้มีส่วนได้เสียเพื่อพัฒนาโครงการทำเหมืองได้ตามข้อบังคับ โดยให้มีนายอำเภอหรือเพื่อนตั้ง คณะกรรมการดำเนินการปรึกษาหารือชุมชนขั้นตอนที่รัฐบาลประกาศกำหนด โดยผู้ประสงค์จะ ขอประทานบัตรเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย

ประกาศเงื่อนไขกำหนดขั้นตอนการปรึกษาหารือชุมชน อย่างน้อยต้องระบุ ถึงหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้

(ก)

ความสมบูรณ์ของรายงานที่นำเสนอทั้งในส่วนที่ต้องนำไปสู่การพิจารณาต้องประกอบด้วย ข้อมูลอ้างอิงที่เป็นและประโยชน์โดยชุมชน

(ข)

หลักเกณฑ์ของกลุ่มหรือองค์กรอิสระที่เป็นตัวแทนของผู้มีส่วนได้เสียและ การได้มาซึ่งตัวแทนดังกล่าวต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ และ สมาชิกของกลุ่มหรือองค์กรอิสระดังกล่าวต้องมีความรู้และประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง

(๓)

องค์ประกอบของคณะกรรมการจัดการประชุมปรึกษาเบื้องต้นซึ่งจะต้องมีตัวแทนราชการส่วนภูมิภาคที่เกี่ยวข้อง และสถานีอนามัยคุ้มครองผู้บริโภคของรัฐร่วมอยู่ด้วย

(๔)

ขั้นตอนการประชุมปรึกษา รวมทั้งการประกาศเชิญโดยทั่วไป ให้ผู้มีส่วนได้เสียส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุม การลงทะเบียนเข้าร่วมประชุม และระยะเวลาสำหรับให้ผู้มีส่วนได้เสียเสนอ (๒) ศึกษาข้อมูลตามสมควร

มาตรา ๔๗ ในกรณีที่ให้การรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา ๔๕ ครั้งใดให้ชอบประกาศข้อราชบัญญัติในที่ใกล้เคียงที่สุดตามมาตรา ๔๖ (๒) เพื่อให้บุคคลผู้มีสิทธิรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด

มาตรา ๔๘ ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่อธิบดีประกาศบัตรหนึ่งเมื่อได้รับรายใดให้อธิบดีเรียกประชุมตัวแทนผู้มีส่วนได้เสียตามมาตรา ๔๖ (๒) เพื่อกลั่นกรองตัวบุคคลผู้มีสิทธิตรวจสอบการทำเหมืองตามที่กำหนดไว้ในแผนประชาชนตรา

ให้อธิบดีประกาศแจ้งวันนัดหมายผู้มีส่วนได้เสียซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ที่จะต้องมีผู้มีสิทธิตรวจสอบตามวรรคหนึ่งตามที่กำหนดไว้ในแผนประชาชนตรา มาว่าให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ประกาศในลักษณะนั้นจนเป็นบริการที่ทุกคนผู้มีสิทธิตรวจสอบตามวรรคหนึ่ง เมื่อได้รับแจ้งดังกล่าวแล้วและมีการกำหนดวันประชุมผู้มีส่วนได้เสียตามวรรคสองแล้ว ให้อธิบดีประกาศแจ้งวันนัดหมายผู้มีส่วนได้เสียซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ที่จะต้องมีผู้มีสิทธิตรวจสอบ และระเบียบการเข้ามาในลักษณะนั้น ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

ส่วนที่ ๕

การคุ้มครองสิทธิในอสังหาริมทรัพย์

มาตรา ๔๙ การทำเหมืองให้ดำเนินในเขตประชาชนตราในลักษณะดังต่อไปนี้ ถือเป็นการทำให้เสียหายซึ่งสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่นั้น ผู้เสียหายมีสิทธิร้องเรียนต่อประชาชนตราเพื่อขอให้มีมติรับรองการกระทำและจัดการแก้ไขตามที่จำเป็นเพื่อป้องกันความเสียหายอันอาจเกิดขึ้นได้

(ก)

การทำเหมืองใดที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อกิจกรรมทางกฎหมายอื่นที่กำหนดให้เป็นเขตประชาชนตราหรือใกล้เคียง และมีผลกระทบต่อสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่นั้น

(ข)

การทำเหมืองใดที่ดำเนินไปในระยะความลึกใด ๆ ที่มีผลกระทบต่อพื้นที่ของมาตรการวิเคราะห์เหมืองแร่เพื่อประกันความมั่นคงของพื้นที่ไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในแผนประชาชนตราทำเหมืองได้ถ้วน

มาตรา ๔๐ ในกรณีที่พื้นที่จับบริเวณในเขตประกาศบัตรเหมืองได้ถูกรุกล้ำจนในลักษณะที่ก่อให้เกิดความเสียหาย ให้เจ้าหลักการจับผิดต่อไปมิให้รับจับกับกฎหมายเสียหายทั้งปวงที่เกิดขึ้น

(๑)

ให้เสนอนำรายไปยังนายอำเภอการพิจารณาตรวจพื้นที่จับเหมืองเกิดขึ้นการทำเหมืองได้ตาม (๒) หากกรณีอาจการพิจารณาระงับผู้รับสัมปทานและการเหมืองหรือเพิกถอนบัตรเหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเนินไปแล้วตามกรณีการพิจารณาให้เหมืองที่การทำเหมืองได้ดำเน

มาตรา ๕๓ เมื่อคณะกรรมการกำหนดเงินค่าทดแทนได้ตามจำนวนเงินค่าทดแทนแล้ว ให้เจ้าหน้าที่พนักงานอัยการประจำจังหวัดแจ้งผู้เสียหายโดยการปิดประกาศบัตรที่แจ้งจำนวนเงินค่าทดแทน ณ สำนักงานพนักงานอัยการประจำจังหวัด หรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ หรือวิธีการอื่นใดที่สามารถตรวจสอบได้ว่าเจ้าทุกข์ได้รับแจ้งแล้ว ให้ผู้เสียหายยื่นคำขอรับค่าทดแทนดังกล่าว

ในกรณีที่มีข้ออุทธรณ์บัตรทดแทนหมดไปตามแล้ว ผู้ยื่นอุทธรณ์ไม่มีเอกสารเงินค่าทดแทนตามเงื่อนไขบัตร ให้ผู้ยื่นอุทธรณ์บัตรดังกล่าวสิ้นสุดลงจากประกาศบัตร

หมวด ๗ การชดเชยรายย่อยและการร้อนแรง

มาตรา ๕๔ ห้ามมิให้ผู้ดูแลการรายย่อย รับแต่จะได้รับใบอนุญาตชดเชยรายย่อยจากเจ้าพนักงานอัยการประจำจังหวัดหรือพนักงานอัยการประจำจังหวัด เพื่อประโยชน์ในการป้องกันหรือแก้ไขผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเกิดจากการชดเชยรายย่อย เจ้าพนักงานอัยการประจำจังหวัดจะต้องแจ้งให้ผู้ดูแลการรายย่อยทราบถึงเงื่อนไขในอนุญาตชดเชยรายย่อย และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา ๕๕ ผู้ใดประสงค์ชะร้อนแรง ให้แจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น การแจ้งและการรับแจ้ง และการร้อนแรง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา ๕๖ เพื่อประโยชน์ในการควบคุมและกำกับดูแลการชดเชยรายย่อยและการร้อนแรงให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจออกข้อบัญญัติหรือคำสั่งเพิ่มเติมกำหนดรายละเอียดเพิ่มเติมจากหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีกำหนดได้โดยไม่ขัดหรือแย้งกับประกาศดังกล่าว

หมวด ๘ การประกอบธุรกิจน้ำ การแบ่ง และการประกอบโลหกรรม

ส่วนที่ ๑ การประกอบธุรกิจน้ำ

มาตรา ๙๗ แร่ที่ได้มาจากประชาชนบริเวณหรือแร่ที่เป็นผลพลอยได้จากการทำเหมืองในอุตสาหกรรมหรือการร่อนแร่ตามที่ได้แจ้งไว้ เมื่อได้ชำระค่าภาคหลวงแร่ตามหมวด ๔ แล้ว ให้เป็นหน้าที่ของซื้อ ขาย ครอบครอง เก็บ หรือขนส่งได้ตามพระราชบัญญัตินี้ โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตหรือเสียค่าธรรมเนียมใด ๆ เว้นแต่ในกรณีที่เป็นแร่ที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะราย และเมื่อได้ชำระค่าภาคหลวงแร่ครบถ้วนแล้ว ให้เป็นหน้าที่ของผู้ซื้อหรือขายได้เป็นการสิ้นสุดในแต่ละครั้งนั้น

การขอครอบครอง การขอขาย และการขอขนเป็นกรณีพิเศษตามวรรคสอง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด

มาตรา ๙๘ ให้รัฐมนตรีมีอำนาจประกาศกำหนดให้แร่ชนิดใด สภาพอย่างใด ปริมาณเท่าใด หรือในพื้นที่ใด เป็นแร่ที่อยู่ในความควบคุมเกี่ยวกับการซื้อแร่ การขายแร่ การครอบครองแร่ การเก็บแร่ หรือการขนแร่

มาตรา ๙๙ กรณีแร่ การขนแร่ การครอบครองแร่ การเก็บแร่ หรือการแปรแร่ที่อยู่ในความควบคุมตามมาตรา ๙๘ ให้ดำเนินไปตามกฎหมายว่าด้วยแร่

การยื่นคำขออนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยแร่ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา ๑๐๐ การซื้อแร่ การขายแร่ การครอบครองแร่ การเก็บแร่ หรือการแปรแร่ที่ได้มาจากการสำรวจแร่เพื่อทำไปวิเคราะห์ หรือวิจัยไม่เกินปริมาณที่กำหนดไว้ในอาชญาบัตร

(ก)

การครอบครองแร่หรือการขนแร่แต่ละชนิดปริมาณไม่เกินสิบกิโลกรัม แต่เมื่อเห็นสมควรอธิบดีอาจกำหนดในอาชญาบัตรให้ลดลงก็ได้

(ข)

การขนแร่ที่ได้จากการสำรวจแร่แต่ละชนิดไม่เกินปริมาณที่กำหนดไว้ในอาชญาบัตร ซึ่งแร่ที่ขนส่งนั้นต้องเป็นแร่ที่ได้จากการสำรวจแร่ในพื้นที่ที่กำหนดไว้ในอาชญาบัตร

(ค)

การครอบครองแร่หรือการขนแร่เพื่อการศึกษาหรือการวิจัยของเอกชนที่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดี ส่วนราชการ องค์การของรัฐ หรือสถาบันการศึกษา

(ง)

การครอบครองแร่หรือการขนแร่ในสถานที่ผลิตเครื่องมือที่ใช้ในเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือเครื่องจักรที่ใช้ในอุตสาหกรรม

(จ)

การครอบครองแร่หรือการขนแร่ที่ได้จากการทำเหมืองในเขตเหมืองแร่ที่กำหนดไว้

มาตรา ๑๐๑ การซื้อแร่ การขายแร่ การครอบครองแร่ การเก็บแร่ และการขนแร่ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

ในกรณีที่เห็นสมควรเพื่อประโยชน์ในการควบคุมและกำกับดูแลการทำระทำการหลอมให้ถูกต้องครบถ้วน ให้เจ้าหน้าที่ออกประกาศกำหนดให้ผู้ซื้อ ผู้ขาย ผู้ครอบครอง ผู้เก็บ ผู้รับใบอนุญาตแต่ละราย ผู้รับใบอนุญาตประเภทใดประเภทหนึ่ง หรือผู้ใดให้ ต้องรายงานการซื้อ การขาย การครอบครอง การเก็บ การแต่งแร่ การประกอบโลหกรรม หรือการนำแร่ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดก็ได้

มาตรา ๑๐๖ ใบอนุญาตตามมาตรา ๙๔ ให้มีอายุไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่ออกใบอนุญาต

มาตรา ๑๐๗ ในกรณีที่ใบอนุญาตครอบครองแร่สิ้นอายุ และผู้ได้รับใบอนุญาตมิได้ยื่นขอต่ออายุใบอนุญาต หรือไม่ได้รับอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาต ให้เริ่มนับถือนับของแร่เดิม และให้นำบทบัญญัติมาตรา ๒๖ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

มาตรา ๑๐๘ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาทางเศรษฐกิจ การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม หรือความปลอดภัยของประชาชน รัฐมนตรีอาจออกประกาศกำหนดดังนี้

(๑)

ชนิดและลักษณะแร่ที่ห้ามนำเข้าในราชอาณาจักรหรือส่งออกไปต่างประเทศนอกจากตามลักษณะที่รัฐมนตรีกำหนด

(๒)

ชนิดและลักษณะแร่ที่ต้องขออนุญาตนำเข้าในราชอาณาจักรหรือส่งออกไปต่างประเทศหรือส่งออกนอกจากลักษณะที่รัฐมนตรีกำหนด

(๓)

ชนิด สภาพ และปริมาณแร่ที่ต้องแจ้งการนำเข้าในราชอาณาจักรหรือส่งออกไปต่างประเทศหรือส่งออกนอกจากลักษณะที่รัฐมนตรีกำหนด ความในวรรคหนึ่ง (๑) มิให้ใช้บังคับกับการนำแร่นำเข้าในราชอาณาจักรหรือเขตใดแห่งหนึ่ง เพื่อนำไปวิเคราะห์หรือวิจัย แต่ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดี ให้อธิบดีมีอำนาจออกใบอนุญาตหรือรับแจ้งการนำแร่นำเข้าในราชอาณาจักรหรือเขตใดแห่งหนึ่ง หรือส่งแร่ออกจากราชอาณาจักรหรือเขตใดแห่งหนึ่งตามวรรคหนึ่ง (๒) และ (๓) การขออนุญาตหรือการแจ้งการนำแร่นำเข้าในราชอาณาจักรหรือเขตใดแห่งหนึ่ง หรือส่งแร่ออกจากราชอาณาจักรหรือเขตใดแห่งหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา ๑๐๙ ให้รัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการควบคุมการขนแร่และการจัดเก็บแร่ที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรหรือเขตใดแห่งหนึ่ง และในการส่งแร่ออกจากราชอาณาจักรหรือเขตใดแห่งหนึ่งเพื่อมิให้แร่ที่ส่งออกไปยังต่างประเทศจะถูกปฏิบัติส่วนใด หรือส่วนหนึ่ง ของมาตรา ๑๐๘

ส่วนที่ ๒

การแต่งแร่

มาตรา ๑๐๖ ห้ามมิให้ผู้ใดแต่งแร่ เว้นแต่ได้รับใบอนุญาตจากอธิบดี

ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับผู้อนุญาตซึ่งแต่งแร่อยู่ในเขตประทานบัตร ใบอนุญาตแต่งแร่ให้มีอายุไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่ออกใบอนุญาต เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และสุขภาพอนามัยของ ประชาชน สัตว์ พืช และทรัพย์สิน ผู้ขอใบอนุญาตอาจกำหนดเงื่อนไขได้ไซร้ ตามที่เห็นสมควรไว้ใน ใบอนุญาตดังต่อไปนี้ การขอและการออกใบอนุญาต และคุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาต ให้เป็นไป ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา ๑๐๗ ในการแต่งแร่ ผู้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่

รัฐมนตรีประกาศกำหนด ก่อนเริ่มการแต่งแร่ ให้ผู้รับใบอนุญาตแจ้งเป็นหนังสือต่ออธิบดีล่วงหน้าไม่น้อยกว่า สิบห้าวัน และต้องนำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ และเมื่อได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีแล้ว ให้ดำเนินการแต่งแร่ได้ ผู้รับใบอนุญาตแต่งแร่หรือรายงานการแต่งแร่ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๑๐๘ การขยายหรือลดเขตแต่งแร่ การเปลี่ยนแปลงแผนผังและวิธีการแต่งแร่

การหยุดแต่งแร่ชั่วคราว การแจ้งแต่งแร่ใหม่ และการเลิกแต่งแร่ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและ เงื่อนไขที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๑๐๙ ในการแต่งแร่ ห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตกระทำหรือจะนำกระทำการใด

อันน่าจะเป็นเหตุให้มีพิษหรือสิ่งใดที่มีพิษก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์สิน หรือ สิ่งแวดล้อม

ส่วนที่ ๓

การประกอบโลหกรรม

มาตรา ๑๑๐ ให้รัฐมนตรีอำนาจประกาศกำหนดให้การประกอบโลหกรรมประเภทหนึ่ง

ใด ปรึกษาสภาแร่ฐานใด และโดยกระบวนวิธีใด เป็นการประกอบโลหกรรมภายใต้ พระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๑๑๑ ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบโลหกรรมภายใต้พระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่ได้รับใบอนุญาต

จากอธิบดี ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับผู้อนุญาตซึ่งประกอบโลหกรรมภายในเขต ประทานบัตร และผู้ประกอบโลหกรรมควบคู่กับการแต่งแร่ซึ่งได้รับใบอนุญาตแต่งแร่ ใบอนุญาตประกอบโลหกรรมให้มีอายุไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่ออกใบอนุญาต สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา - ๒๖ - เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และสุขภาพอนามัยของประชาชน สัตว์ หรือทรัพย์สิน ผู้ออกใบอนุญาตอาจกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ตามที่เห็นสมควรไว้ในใบอนุญาตด้วยก็ได้ การขออนุญาต การออกใบอนุญาต และคุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา ๑๑๒ ในการประกอบโลหกรรม ผู้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

ก่อนเริ่มประกอบโลหกรรม ให้ผู้รับใบอนุญาตแจ้งเป็นหนังสือต่ออธิบดีล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสิบห้าวันและต้องนำเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ และเมื่อได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีแล้ว ให้ดำเนินการประกอบโลหกรรมได้ ผู้รับใบอนุญาตประกอบโลหกรรมต้องรายงานการประกอบโลหกรรมตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๑๑๓ การขยายหรือดัดแปลงโลหกรรม การเปลี่ยนแปลงแผนผังและวิธีการประกอบโลหกรรม การย้ายประกอบโลหกรรมยังสังกัด การแจ้งประกอบโลหกรรมใหม่ และการเลิกประกอบโลหกรรม ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๑๑๔ ในการประกอบโลหกรรม ห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบโลหกรรมกระทำการอันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายหรือเป็นอันตรายต่อสิ่งที่มีลักษณะหรือสภาพตามที่กำหนดในกฎกระทรวง เช่น บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์สิน หรือสิ่งแวดล้อม

ส่วนที่ ๕ การต่ออายุและการโอนใบอนุญาต

มาตรา ๑๑๕ ผู้รับใบอนุญาตซึ่งตน ผู้รับใบอนุญาตครอบครอง ผู้รับใบอนุญาตตั้งสถานที่แทนที่ ผู้รับใบอนุญาตเดิม หรือผู้รับใบอนุญาตประกอบโลหกรรมที่ประสงค์จะต่ออายุใบอนุญาตจะต้องยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตล่วงหน้า เมื่อได้ยื่นคำขอต่ออายุแล้ว ให้ถือว่าผู้รับใบอนุญาตได้รับใบอนุญาตและให้ประกอบกิจการต่อไปจนกว่าจะมีคำสั่งไม่ต่อใบอนุญาตนั้น

ใบอนุญาตตามมาตรานี้ ให้ต่ออายุได้ตามระยะเวลาที่กำหนดในใบอนุญาตนั้น การต่ออายุใบอนุญาตตามวรรคแรก ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๑๑๖ ห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตแต่งตั้งหรือรับโอนใบอนุญาตประกอบโลหกรรมโดยโอนใบอนุญาตให้แก่ผู้อื่น เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากอธิบดี

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา การขอโอนใบอนุญาตและการอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๑๐๙ ในกรณีที่ผู้รับอนุญาตในหมวดนี้ตาย และทรัพย์ที่มีตามประสงค์จะ ประกอบกิจการต่อไป ให้บังคับบัญญัติมาตรา ๑๔ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

ส่วนที่ ๕ การออกใบแทน

มาตรา ๑๑๐ ในกรณีอาชญาบัตร ประทานบัตร หรือใบอนุญาตสูญหาย ชำรุด สูญหาย หรือ ถูกทำลาย ให้ผู้ถืออาชญาบัตร ผู้ถือประทานบัตร หรือผู้รับใบอนุญาตยื่นคำขอรับใบแทนต่อเจ้าพนักงาน อุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ หรือเจ้าพนักงานท้องถิ่น แล้วแต่กรณี ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไขที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

หมวด ๘ การรังวัด

มาตรา ๑๑๑ เมื่อได้รับคำขออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจ คำขออาชญาบัตรพิเศษ คำขอประทานบัตร คำขอใบอนุญาตสำรวจแร่ คำขอใบอนุญาตร่อนแร่ คำขอใบอนุญาตขุดหาแร่ มูลดินทรายแล้ว ให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดพื้นที่ที่ขอตาม โดยวิธีการรังวัดหรือรังวัด ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในกรณีที่การกำหนดเขตโดยการรังวัด ให้ผู้ยื่นคำขอหรือผู้ได้รับมอบหมาย นำรังวัดตามวัน เวลา และสถานที่ ซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินกำหนดเป็นหลัก

มาตรา ๑๑๒ เพื่อประโยชน์แก่การรังวัดให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งพนักงาน เจ้าหน้าที่มอบหมาย มีอำนาจเข้าไปในพื้นที่ของผู้ยื่นคำขอหรือผู้ครอบครองพื้นที่ตามคำขอได้ แต่จะต้องแจ้งให้ผู้ยื่นคำขอหรือผู้ครอบครองพื้นที่ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามวัน เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนหรือกรณีที่ผู้ยื่นคำขอหรือผู้ครอบครองพื้นที่ยินยอมให้เข้าไปในพื้นที่ได้โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า การเข้าไปในพื้นที่ตามวรรคหนึ่งต้องกระทำในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตกเท่านั้น ในกรณีที่เจ้าของหรือผู้ครอบครองพื้นที่ไม่อยู่ หรือกรณีที่ไม่สามารถแจ้งเจ้าของ หรือผู้ครอบครองพื้นที่ได้ พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่มอบหมาย มีอำนาจเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวได้ โดยผู้ยื่นคำขอหรือผู้ครอบครองพื้นที่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายได้ โดยผู้ยื่นคำขอหรือผู้จัดต้องรับ ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น

มาตรา ๑๒๑ การกำหนดเขตพื้นที่ที่กำหนดตามมาตรา ๑๑๙ ให้ผู้ยื่นคำขอเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย

ในกรณีที่นายอำเภอประทานบัตร ให้พนักงานเจ้าหน้าที่สำรวจหลักฐานการเหมืองแร่หรือหลักฐานเขตเหมืองแร่ในทางภูมิศาสตร์และตรวจสอบต่อไป ถ้าหลักฐานเขตเหมืองแร่ในทางภูมิศาสตร์ไม่ตรงตามแผนที่พื้นที่เหมืองแร่ที่ทำให้สูงยกพร่องถูกทำลาย ให้ย่อมประทานบัตรให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบโดยทันที และต้องจัดชอบค่าใช้จ่ายในการรังวัดทำหลักฐานเขตเหมืองแร่พร้อมหลักฐานการเหมืองแร่ใหม่ ในกรณีที่ผู้ขอประทานบัตรไม่แจ้งตามวรรคสาม หากมีการทำเหมืองออกนอกเขตประทานบัตร ให้อำนาจเจ้าพนักงานออกเขตประทานบัตร

มาตรา ๑๒๒ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้จัดทำหลักหมายเขตเหมืองแร่หรือหมุดหลักฐานเหมืองแร่ตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว ให้แจ้งให้ผู้ใดทำลาย ตัดแปลง เคลื่อนย้าย ถอน หรือแอบอ้างอุปจากข้อมูลประทานบัตรหรือผู้ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย แล้วแต่กรณี

มาตรา ๑๒๓ ในกรณีที่ต้องมีการกำหนดเขตพื้นที่ที่กำหนดตามมาตรา ๑๑๙ โดยการสำรวจหรือรังวัดใหม่ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งให้ผู้ขอประทานบัตรทราบถึงกำหนดการสำรวจหรือรังวัดใหม่ที่กำหนดได้ ตามความเหมาะสม วิธีการ และเงื่อนไขซึ่งอาจกำหนดโดยประกาศเป็นรายกรณี และให้ผู้ขอประทานบัตรหรือผู้แทนเข้าร่วมในการสำรวจหรือรังวัดนั้นด้วย

หมวด ๑๐

การยกคำขอ การยกเลิก การแก้ไข และเพิกถอนการอนุญาต

ส่วนที่ ๑

การยกคำขอ

มาตรา ๑๒๔ อธิบดีมีอำนาจสั่งยกคำขออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจหรือคำขออาชญาบัตรพิเศษได้ เมื่อผู้ยื่นคำขอ

(๑)

ขาดดำเนินการภารกิจจัดได้ไม่เหมาะสมสมควร

(๒)

ละเลยเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือข้อกำหนดที่เจ้าพนักงานกำหนดไว้ให้ดำเนินการตามความจำเป็นเพื่อออกอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจหรืออาชญาบัตรพิเศษ

(๓)

กระทำการที่มีลักษณะหรือไม่ปฏิบัติตามบัญญัติในหมวด ๔ หรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำเช่นนั้น

มาตรา ๑๒๕ อธิบดี หรือเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ มีอำนาจสั่งยกคำขอประทานบัตรได้ เมื่อผู้ยื่นคำขอ

(ก)

ขาดเจตนาในการบำรังรักษาโดยไม่มีเหตุอันสมควร

(ข)

ละเลยเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งสั่งให้ดำเนินการตามความจำเป็นเพื่อออกประกาศนียบัตร

(ค)

กระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติในหมวด 4 หรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำเช่นว่านั้น

(ง)

เมื่อปรากฏว่ามีจำนวนเรือประมงซึ่งใบอนุญาตทำการประมงไม่เพียงพอที่จะเปิดการทำประมงได้

ส่วนที่ 2

การยกเลิก การแก้ไข และเพิกถอนการอนุญาต

มาตรา 16 เมื่อใบสำคัญการอนุญาตโดยการออกอาชญาบัตร อาชญาบัตรพิเศษประมงน่านน้ำ หรือใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้สิ้นอายุแล้ว และผู้ได้รับอนุญาตดังกล่าวไม่มารับภายในสามวันนับแต่วันที่ใบดังกล่าวไม่มีเหตุอันควร ให้ผู้มีอำนาจออกใบอนุญาตนั้นเสียได้

มาตรา 17 เมื่อปรากฏในภายหลังว่าได้ออกอาชญาบัตร ประมงน่านน้ำ หรือใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ไปโดยคลาดเคลื่อนหรือผิดพลาดในข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ ให้ผู้ออกอาชญาบัตร ผู้ออกใบอนุญาต หรือผู้มีอำนาจออกใบอนุญาตนั้นเพิกถอนเสียได้ และการเพิกถอนดังกล่าวให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ออกอาชญาบัตรหรือใบอนุญาตนั้น

ในกรณีที่มีการแก้ไขหรือเพิกถอนการอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้ถืออาชญาบัตร ผู้ถือประทานบัตรหรือผู้รับใบอนุญาตจะเรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ จากการแก้ไขหรือเพิกถอนนั้นไม่ได้ เพื่อประโยชน์แก่การยับยั้งสารธารณูปโภค การป้องกันประเทศ หรือเพื่อประโยชน์สารธารณะอย่างอื่นของรัฐ ให้รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีออกอาชญาบัตรพิเศษ อาชญาบัตรพิเศษ หรือประทานบัตร มาแก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือกำหนดเงื่อนไข หรือระยะเวลาที่ใบอนุญาตให้ได้มาความจำเป็น หรือเพิกถอนให้ แล้วแต่กรณี และในกรณีเช่นนี้ ให้ผู้ได้รับผลกระทบจากการกระทำดังกล่าวมีสิทธิได้รับเงินชดเชยตามสมควรแต่เฉพาะค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจริง และยังมิได้ชดใช้จากรัฐมนตรีหรือจากคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ความเสียหายดังกล่าวไม่รวมถึงมูลค่าของสิ่งที่ยังไม่ได้รับมาจากการทำเหมือง

มาตรา 18 ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่ต้องจัดทำอาชญาบัตร หรือใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ หรือเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมประจำจังหวัด หรือเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ไม่จัดทำหนังสือให้กระทำแล้ว และไม่กระทำภายในกำหนดห้าวันนับแต่วันที่มีคำบอกกล่าว ให้ผู้อนุญาตหรือผู้ออกประทานบัตร หรือผู้ออกใบอนุญาต แล้วแต่กรณี มีอำนาจสั่งให้ดำเนินการแก้ไขออกประทานบัตร หรือใบอนุญาตนั้นเสียได้

มาตรา ๑๒๙ เมื่อปรากฏว่าผู้ถืออาชญาบัตร ผู้ถือประทานบัตร หรือผู้รับใบอนุญาตผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวง ประกาศ หรือระเบียบที่ออกตามความในพระราชบัญญัตินี้ หรือเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในอาชญาบัตร ประทานบัตร ใบอนุญาต หรือดำเนินการโดยที่อาจก่อให้เกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญ ความเสียหาย หรืออันตรายที่มีผลกระทบต่อบุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์สิน หรือสิ่งแวดล้อม ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีหนังสือแจ้งให้ผู้กระทำหรือผู้รับผิดชอบแก้ไขการฝ่าฝืนหรือแก้ไขให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวง ประกาศ หรือระเบียบที่ออกตามความในพระราชบัญญัตินี้ หรือเงื่อนไขดังกล่าว

ในกรณีที่มีเหตุสมควร ผู้ถืออาชญาบัตร ผู้ถือประทานบัตร หรือผู้รับใบอนุญาตอาจเสนอให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจอนุญาตปรับรูปแบบหรือเครื่องมือ เครื่องใช้ หรือวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้ทำงานได้ในระหว่างการปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง

มาตรา ๑๓๐ ในกรณีที่ผู้ถืออาชญาบัตร ผู้ถือประทานบัตร ผู้รับใบอนุญาตแต่เพียงรายเดียวหรือผู้รับใบอนุญาตประกอบโลหกรรม จงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๑๒๙ โดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้อธิบดี หรือผู้ออกอาชญาบัตร ผู้ออกประทานบัตร หรือผู้ออกใบอนุญาตแล้วแต่กรณี มีอำนาจสั่งให้ผู้ถืออาชญาบัตร ผู้ถือประทานบัตร หรือผู้รับใบอนุญาตหยุดการทำเหมืองหรือการประกอบโลหกรรมทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นการชั่วคราว และให้ปรับรูปแบบหรือปรับปรุงแก้ไขตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ในระยะเวลาที่กำหนด

ถ้าผู้ประกอบกิจการตามวรรคแรกยังไม่ปรับรูปแบบหรือปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้อธิบดีหรือผู้ออกอาชญาบัตร ผู้ถือประทานบัตร หรือผู้รับใบอนุญาตแล้วแต่กรณี มีอำนาจสั่งเพิกถอนอาชญาบัตร ประทานบัตร หรือใบอนุญาตนั้น ถ้าผู้ประกอบกิจการตามวรรคแรกไม่ปรับรูปแบบหรือปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กำหนด และการดำเนินการดังกล่าวก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต สุขภาพ หรือสิ่งแวดล้อมโดยไม่อาจแก้ไขได้ ให้อธิบดี หรือผู้ออกอาชญาบัตร ผู้ถือประทานบัตร หรือผู้รับใบอนุญาตแล้วแต่กรณี มีอำนาจสั่งเพิกถอนอาชญาบัตร ประทานบัตร หรือใบอนุญาตโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ผู้ถือปฏิบัติแก้ไขก่อน

หมวด ๑๑ ค่าภาคหลวง ค่าธรรมเนียม และเงินบำรุงพิเศษ

มาตรา ๑๓๑ ผู้ถือประทานบัตร ผู้รับใบอนุญาตผู้ควบคุมการทำเหมือง ผู้แจ้งการทำเหมือง ผู้รับใบอนุญาตแต่งแร่ ผู้รับใบอนุญาตประกอบโลหกรรม หรือผู้รับใบอนุญาตครอบครองแร่ ต้องชำระค่าภาคหลวงแร่ ดังต่อไปนี้

(๑)

แร่ที่ขนส่งไปไว้ในสถานประกอบการ รวมถึงแร่ที่เป็นผลพลอยได้จากการทำเหมือง

(๒)

แร่ที่เป็นผลพลอยได้จากการทำเหมืองแร่ หรือจากการแต่งแร่ซึ่งมิได้นำไปจำหน่ายอันอยู่เกินปริมาณที่อธิบดีกำหนด ซึ่งยังมิได้ชำระค่าภาคหลวงแร่

(๓)

แร่ที่ได้จากการขายทอดตลาดซึ่งอธิบดีสั่งริบ

(๔)

แร่ที่ได้รับอนุญาตให้ครอบครองตามมาตรา ๗๗ วรรคสอง ซึ่งยังมิได้ชำระค่าภาคหลวงแร่

(๕)

การชำระเงินตามข้อย่อยแต่ละข้อ หากปรากฏว่ามีการชำระเงินไม่ครบถ้วนให้ถือว่าชำระค่าภาคหลวงแร่

มาตรา ๑๓๒ อัตราค่าภาคหลวงให้เรียกเก็บไม่เกินร้อยละสิบของราคาตลาด

หลักเกณฑ์และวิธีการจัดเก็บค่าภาคหลวงนั้น การกำหนดราคาตลาด ตลอดทั้งการตรวจสอบและการประเมินค่าภาคหลวง ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๑๓๓ ในกรณีผู้มีหน้าที่ต้องชำระค่าภาคหลวงไม่ชำระค่าภาคหลวง หรือชำระค่าภาคหลวงไม่ครบถ้วน หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าการชำระค่าภาคหลวงไม่ถูกต้อง ให้ อธิบดีหนังสือเรียกให้มาชี้แจงข้อเท็จจริงโดยกำหนดเวลาไม่น้อยกว่าสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ

มาตรา ๑๓๔ ผู้ขออนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ต้องเสียค่าธรรมเนียมพร้อมกับการยื่นคำขอ และต้องออกใช้จ่ายหรือวางเงินส่วนหนึ่งล่วงหน้าเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดดำเนินงานตามความจำเป็นอันสมควรเท่าที่คณะกรรมการเห็นชอบให้ประกาศกำหนด

มาตรา ๑๓๕ การตรวจรับรองมาตรฐานด้านสุขภาพต้องเสียค่าธรรมเนียมตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา ๑๒๓ ผู้ถือประทานบัตรต้องเสียเงินบำรุงพิเศษในอัตราไม่เกินร้อยละสิบของค่าภาคหลวงที่ชำระได้จากประทานบัตรนั้น

เงินบำรุงพิเศษตามวรรคหนึ่งให้ใช้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการพัฒนาท้องถิ่น การศึกษาวิจัยด้านแร่ การปรับสภาพพื้นที่ที่ผ่านการทำเหมืองแล้วตามหลักสุขลักษณะ และการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากการทำเหมืองตามที่กำหนดในกฎกระทรวง อัตรา หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการเรียกเก็บ รวมตลอดถึงการจัดสรรเงินบำรุงพิเศษ ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ในกรณีที่มีความจำเป็นในทางเศรษฐกิจ ให้รัฐมนตรีมีอำนาจออกประกาศกำหนดให้แรงจูงใจได้รวมการต่อหรือยกเว้นการเรียกเก็บเงินบำรุงพิเศษตามระยะเวลาเท่าที่เหมาะสมได้

หมวด ๑๒

การพัฒนาและการส่งเสริม

มาตรา ๑๒๔ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาและส่งเสริมการประกอบกิจการตามพระราชบัญญัตินี้ รัฐมนตรีย่อมมีอำนาจลดหรือยกเว้นอากรขาเข้า ขาออก หรือลดค่าธรรมเนียมอื่น รวมทั้งค่าภาคหลวงที่ดินและอุดหนุนเงินให้แก่ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตหรือค่าธรรมเนียมในเรื่องดังกล่าว ในกรณีดังต่อไปนี้

(ก)

ผู้ขอประทานบัตร ผู้รับใบอนุญาตแต่งแร่ หรือผู้รับใบอนุญาตประกอบโลหกรรมที่ประกอบกิจการเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมแร่ในประเทศ

(ข)

เหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรืออุบัติภัย

(ค)

เหตุอื่นอันสมควร

มาตรา ๑๒๕ หากปรากฏว่าพื้นที่ใดน่าจะมีแร่เพียงพอและเหมาะสมเพียงพอที่จะพัฒนาเป็นแหล่งแร่เพื่อการทำเหมือง รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการแร่ อาจประกาศกำหนดพื้นที่แหล่งแร่และกำหนดเงื่อนไขอากรที่จำเป็นในการขอประทานบัตร และจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมต่อพื้นที่นั้นเพื่อเป็นแนวทางในการพิจารณาอนุญาตประทานบัตร และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่นั้นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง หากปรากฏว่าพื้นที่นั้นอยู่ในเขตที่ต้องขออนุญาตหรือคำยอมรับจากหน่วยงานอื่น ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยมิต้องไปเสียเวลารอการดำเนินการตามมาตรา ๕๗ วรรคหนึ่ง ในกรณีที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดพื้นที่แหล่งแร่ตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ถือประทานบัตรที่อยู่ในพื้นที่นั้นต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ประกาศกำหนด หากปรากฏว่าผู้ถือประทานบัตรไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามวรรคหนึ่ง (ค) มีสิทธิได้รับการคิดลดหรือยกเว้น ผู้ถือประทานบัตรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติของการทำเหมืองที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และเสียเงินบำรุงพิเศษตามที่กำหนดในประกาศ และต้องชำระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ได้ดำเนินการไปตามวรรคหนึ่งทั้งหมดในวันที่ได้รับประกาศนียบัตร

หมวด 13

ความรับผิดทางแพ่ง

มาตรา 137 ผู้ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในเขตเหมืองแร่หรือค่าเสียหายที่เกิดจากการประกอบกิจการของตนต่อความเสียหายหรือความเดือดร้อนรำคาญอันเกิดขึ้นแก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์สิน หรือสิ่งแวดล้อม

ในกรณีที่ความเสียหายเกิดขึ้นในเขตที่ได้รับอนุญาต ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าความเสียหายดังกล่าวเกิดจากการกระทำของผู้ได้รับอนุญาตรายนั้น

มาตรา 140 ผู้ใดทำเหมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือผู้ถือประทานบัตรรดาเหมืองแร่ออกนอกเขตประทานบัตร หรือผู้ถือประทานบัตรรดาเหมืองแร่ออกนอกเขตประทานบัตร แต่เป็นพื้นที่ที่หัวหน้าเหมืองตามมาตรา 58 (3) หรือตามกฎหมายอื่น นอกจากจะต้องรับผิดทางอาญาแล้ว ยังต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่เจ้าของแร่หรือเจ้าของทรัพย์สินที่แร่ตกอยู่ในกรณีที่แร่ตกอยู่ในบริเวณดังกล่าวด้วย

มาตรา 141 ผู้ที่ทำการสำรวจแร่หรือทำเหมืองแร่โดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 137 วรรคท้าย หรือมาตรา 138 วรรคสอง มีสิทธิได้รับค่าแทนความเสียหายได้ หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นค่าเสียหายที่เกิดจากการดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่จ่ายเงินค่าแทนความเสียหายดังกล่าวจากเงินที่ได้จากการประมูลตามมาตรา 60 หรือมาตรา 61 แล้วแต่กรณี แต่ทั้งนี้ ค่าแทนดังกล่าวไม่รวมถึงมูลค่าของแร่ซึ่งยังไม่ได้เข้าสู่มูลค่าการทำเหมือง

มาตรา 142 นอกจากความรับผิดตามมาตรา 137 ศาลมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายทดแทนเพื่อการลงโทษแก่ผู้กระทำผิดได้ด้วย

(ก)

ค่าเสียหายสำหรับความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมเป็นผลเนื่องมาจากความเสียหายต่อร่างกาย สุขภาพ หรืออนามัยของผู้เสียหาย และทุกกรณีที่ผู้เสียหายสามารถพิสูจน์ได้

(ข)

หากพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายดังกล่าวเกิดจากการกระทำโดยเจตนา หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง หรือมีเจตนาร่วมประกอบกิจการเหมืองแร่ในลักษณะดังกล่าว การกำหนดค่าเสียหายดังกล่าวไม่จำกัดจำนวน ดำเนินการใด ๆ ตามสมควร เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย ให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ผู้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าหรือบทแห่งนี้ซึ่งขัดขวางการดำเนินงานตามที่เจ้าพนักงานที่ได้รับมอบหมายเห็นสมควร แต่ไม่เกินสองเท่าของจำนวนบทแห่งนี้ทั้งจำนวน ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงพฤติการณ์ต่าง ๆ เช่น ความร้ายแรงของความเสียหายที่ผู้เสียหายได้รับ กรณีผู้ประกอบกิจการรู้หรือควรจะต้องไม่ปลอดภัยของการประกอบกิจการ ระยะเวลาที่ผู้ประกอบกิจการปฏิบัติตามไม่ปลอดภัยของการประกอบกิจการหรือผู้ประกอบกิจการมีเจตนาหรือไม่เจตนาในการกระทำความผิดดังกล่าว ผลประโยชน์ที่ผู้ประกอบกิจการได้รับ สถานะทางการเงินของผู้ประกอบกิจการ การที่ผู้ประกอบกิจการได้รับการทดสอบเสียหายที่เกิดขึ้น ตลอดจนการที่ผู้เสียหายเสียในในการดำเนินการเสียหายด้วย

หมวด 14

การควบคุมและการตรวจสอบ

ส่วนที่ 1

พนักงานเจ้าหน้าที่

มาตรา 144 ในการปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

(1) เข้าไปในอาคารหรือที่ดิน เขตประกอบธุรกิจ เขตแดนเร่ง เขตโลกร้อน เขตภูมินำร่องย่อย หรือเขตที่มีการรอนเร่ เพื่อตรวจสอบการประกอบกิจการดังกล่าวได้ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของสถานที่ดังกล่าว (2) สั่งเป็นหนังสือให้ผู้สอบบัญชี ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ผู้สอบบัญชีรายย่อย ผู้ประกอบกิจการรอนเร่ ผู้ประกอบธุรกิจเสรี ผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาต หรือผู้ที่อยู่ในอุปการะของโครงการระงับการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืน หรือแก้ไขปรับปรุง หรือปฏิบัติให้ถูกต้องตามเงื่อนไข หรือข้อกำหนดป้องกันข้อบกพร่องอันอาจเกิดจากการประกอบกิจการนั้นภายในระยะเวลาที่กำหนด (3) นำเอกสารหรือพยานหลักฐานไปใช้ตรวจสอบในการตรวจสอบกิจการ (4) ยึดหรืออายัดเอกสารหรือสิ่งใดตามมาตรา 144 (2) แล้ว ถ้ายังดำเนินการไม่แล้วเสร็จเมื่อได้ดำเนินและทำการตรวจสอบตาม (1) แล้ว ถ้ายังดำเนินการไม่แล้วเสร็จจะกระทำต่อไปในเวลาทำการของสถานที่นั้นก็ได้

มาตรา 145 ในกรณีที่ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งที่ออกตามมาตรา 144 (2) ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีรายงานต่อรัฐ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ผู้สอบบัญชีรายย่อย หรือผู้มีใบอนุญาตเพื่อพิจารณาให้ได้รับการอนุญาตตามฐานธุรกิจ ประเทศชาติ ในอนุญาต หรือระงับการประกอบกิจการต่อไป

มาตรา 146 ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ผู้ซึ่งเกี่ยวข้องต้องอำนวยความสะดวกตามสมควร

มาตรา ๑๔๓ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เพื่อประโยชน์ในการจับกุมผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

มาตรา ๑๔๔ ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง

บัตรประจำตัวเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ส่วนที่ ๖

การดำเนินการเกี่ยวกับของกลางและเงินค่าปรับ

มาตรา ๑๔๕ บรรดาเรือที่มีไว้เพื่อในการกระทำความผิด และเครื่องมือ เครื่องใช้ สัตว์พาหนะ ยานพาหนะ หรือเครื่องจักรกลใด ๆ ที่บุคคลไม่พึงมีไว้ใช้ในการกระทำความผิด หรือเป็นเหตุอันควรสงสัยว่าได้ใช้ในการกระทำความผิด หรือเป็นปัจจัยที่ใช้ร่วมในการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจยึดหรืออายัดไว้เพื่อดำเนินคดี หรือเพื่อป้องกันมิให้ใช้ในการกระทำความผิดต่อไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ทั้งนี้ ไม่ว่าพัสดุสิ่งนั้นจะอยู่ในความครอบครองของผู้กระทำความผิดหรือบุคคลอื่น และไม่ว่าผู้กระทำความผิดจะมีผู้ใดหรือไม่ และไม่ว่าผู้กระทำความผิดหรือบุคคลอื่นจะถูกดำเนินคดีหรือไม่ก็ตาม ให้พนักงานเจ้าหน้าที่จัดทำบัญชีและฐานข้อมูลของสิ่งของที่ยึดหรืออายัดไว้ดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ที่อธิบดีกำหนด

ในการยึดหรืออายัดเครื่องมือ เครื่องใช้ สัตว์พาหนะ ยานพาหนะ หรือเครื่องจักรกลใด ๆ ตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ ประทับตรา จัดทำบัญชี และฐานข้อมูลของผู้กระทำความผิดและเก็บรักษาไว้ตามหลักเกณฑ์ที่อธิบดีกำหนด ในกรณีที่สิ่งของที่ยึดหรืออายัดไว้มีลักษณะเป็นของสด ของเสียง่าย หรือของที่ไม่พึงพกพาเก็บรักษาไว้ ถ้าเจ้าของหรือครอบครองมิได้รับของหรือทรัพย์สินนั้นไปภายในกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ในประกาศหรือคำสั่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจสั่งขายทรัพย์สินนั้นตามหลักเกณฑ์ที่อธิบดีกำหนด และให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจจัดทำบัญชีและฐานข้อมูลของสิ่งของที่ขายไปดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ที่อธิบดีกำหนด

มาตรา ๑๔๖ อธิบดีมีอำนาจสั่งให้คืนของกลาง หรือสิ่งของที่ยึดหรืออายัดไว้ให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่แท้จริง และไม่ใช่ผู้กระทำความผิด หรือสั่งให้ขายของกลางหรือสิ่งของที่ยึดหรืออายัดไว้ และให้เงินที่ได้จากการขายของกลางหรือสิ่งของที่ยึดหรืออายัดไว้ดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน แต่ถ้าศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่แท้จริงไม่ใช่ผู้กระทำความผิด หรือสั่งให้คืนของกลางหรือสิ่งของที่ยึดหรืออายัดไว้ดังกล่าวแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่แท้จริง ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่แท้จริงมีสิทธิได้รับของกลางหรือสิ่งของที่ยึดหรืออายัดไว้ดังกล่าวคืน หรือได้รับเงินค่าขายของกลางหรือสิ่งของที่ยึดหรืออายัดไว้ดังกล่าวคืน แล้วแต่กรณี

มาตรา ๑๔๙ ในกรณีทรัพย์สินถูกยึดไว้ตามมาตรา ๑๔๔ วรรคหนึ่ง มิใช่เป็นของผู้กระทำความผิดหรือผู้มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นผู้กระทำความผิด ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้รับอนุมัติคืนทรัพย์สินหรือเงิน แล้วบันทึกไว้ในคำร้องขออย่างชัดเจนตามมาตรา ๑๔๔ วรรคสามได้ในกรณีดังต่อไปนี้

(๑)

เมื่อทรัพย์สินนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีที่เป็นเหตุให้ทรัพย์สินนั้นถูกยึด

(๒)

เมื่อผู้กระทำความผิดหรือผู้มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นผู้กระทำความผิดได้ทรัพย์สินนั้นมาจากผู้เป็นเจ้าของโดยการกระทำความผิดทางอาญา ในการดำเนินการคืนทรัพย์สินตามวรรคหนึ่ง อาจมีการกำหนดเงื่อนไขการคืน และการตรวจสอบเพื่อรับคืนให้การบริหารทรัพย์สินนั้นกลับไปใช้ในการกระทำความผิดอีก ทั้งนี้ตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด

มาตรา ๑๕๐ ในกรณีที่มีการเรียกของกลางที่ต้องสงสัยในการกระทำความผิดโดยไม่ปรากฏตัวเจ้าของหรือผู้ครอบครอง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนของกลางให้แก้พนักงานอุตสาหกรรมประจำท้องที่หรือเจ้าพนักงานที่มีอำนาจสั่งให้เก็บหรือทำลาย และให้จัดมีเสียงอาจประกาศดังกล่าวข้างต้นหรือครอบครอง เพื่อให้บุคคลดังกล่าวไปแสดงหลักฐานของการครอบครองทรัพย์สินนั้น

ประกาศดังกล่าวข้างต้นต้องมีข้อความดังนี้ ที่พักอาศัยใหญ่ในท้องที่ที่มีการเก็บของกลางหรือทรัพย์สินประจำท้องที่ หรือเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมที่มีอำนาจสั่งให้เก็บหรือทำลายทรัพย์สินนั้น

(๑)

รายการทรัพย์สินที่ต้องสงสัย

(๒)

สถานที่ที่เก็บทรัพย์สินนั้น

(๓)

วันเวลาที่กำหนดให้ไปแสดงหลักฐาน ในกรณีที่ไม่มีผู้ใดแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองเพื่อขอรับของกลางคืนภายในกำหนดเวลาตามวรรคสาม ให้ของกลางนั้นตกเป็นของแผ่นดิน แต่ถ้ามีบุคคลใดแสดงตัวเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองและขอรับของกลางคืนภายในกำหนดเวลา ให้ยึดดำเนินการตามวรรคหนึ่งต่อไป ในกรณีที่ปรากฏว่าผู้แสดงตัวนั้นเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สิน เป็นบุคคลที่พนักงานอัยการให้พิจารณาว่าเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นผู้กระทำความผิด และต้องนำไปเป็นพยานหลักฐานในคดีอาญา หรือเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ให้พนักงานอัยการดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้ของกลางตกเป็นของแผ่นดินหรือขอให้ศาลมีคำสั่งให้ของกลางนั้นตกเป็นของแผ่นดิน ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยการจัดการทรัพย์สิน

มาตรา ๑๕๑ ถ้าทรัพย์สินและของกลางที่ยึดหรืออายัดไว้ตามมาตรา ๑๔๕ หรือมาตรา ๑๔๖ จะเป็นการเสื่อมสภาพเสียหาย หรือค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงกว่าค่าของทรัพย์สินหรือมีเหตุอื่นสมควร อธิบดีอาจดำเนินการ ดังต่อไปนี้

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา - 47 -

(ก)

จัดการขายทรัพย์สินหรือของกลางก่อนครบกำหนดเวลาตามมาตรา 145 วรรคสาม หรือมาตรา 148 วรรคสาม แล้วแต่กรณี เมื่อให้เงินเป็นสุทธิที่เกิดได้เพื่อใช้แทนทรัพย์สินหรือของกลางนั้น หรือ

(ข)

ดำเนินการนำทรัพย์สินหรือของกลางที่ยึดหรืออายัดไปใช้ประโยชน์จะเป็นการบรรเทาความเสียหายหรือค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา ให้เก็บทรัพย์สินหรือของกลางนั้นไว้เพื่อประโยชน์ของราชการหรือการดำเนินการตามกฎหมายอื่น หรือเพื่อใช้ในราชการอื่นใด ก่อนที่จะจัดดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้จัดเป็นราคาตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา 145 วรรคสอง เพื่อให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายรับทรัพย์สินหรือของกลางคืนไปเก็บรักษาได้ตามเงื่อนไขในระยะเวลาที่พนักงานเจ้าหน้าที่กำหนด ซึ่งต้องไม่อยู่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ประกาศ และถ้าเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายทำสัญญาไว้กับกรมศุลกากรกรมสรรพสามิตหรือเจ้าหน้าที่รักษาทรัพย์สินหรือของกลางดังกล่าวโดยปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ หรือเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ให้ถือเป็นการคืนทรัพย์สินหรือของกลางให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว แต่หากไม่มีเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายมานำทรัพย์สินหรือของกลางดังกล่าวไปใช้หรือเอามาใช้ประโยชน์ในราชการอื่นใด ๆ ในกรณีที่เจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายรับทรัพย์สินหรือของกลางไปเก็บรักษา หรือในกรณีที่เจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายรับทรัพย์สินหรือของกลางคืนไปแล้ว แต่กลับไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือสัญญาที่ทำไว้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งให้ดำเนินการจับกุมทรัพย์สินหรือของกลางดังกล่าวกลับคืนมาได้ และดำเนินการตามวรรคหนึ่งได้ หลักเกณฑ์และวิธีการในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง (ก) และ (ข) ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด และในกรณีเช่นนี้ เจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายจะฟ้องเรียกค่าเสียหายหรือค่าใช้จ่ายใด ๆ จากการดำเนินการดังกล่าวมิได้ ทรัพย์สินหรือของกลางที่ยึดหรืออายัดไปใช้ประโยชน์ของราชการตามวรรคดังกล่าวนี้ให้

มาตรา 152 บรรดาค่าธรรมเนียมหรือเงินอื่นใดตามพระราชบัญญัตินี้ที่ค้างชำระอยู่ในความรับผิดชอบของกรมศุลกากรกรมสรรพสามิตหรือกรมเหมืองแร่ หรือเจ้าหน้าที่ของอุตสาหกรรมในประจำตำบล หรือเจ้าหน้าที่ของกรมอื่น แล้วแต่กรณี ถ้ามีผู้มารับผิดชำระเงินนั้นเป็นจำนวนเงินที่ค้างชำระทั้งหมดหรือบางส่วน ให้เจ้าพนักงานของกรมศุลกากรกรมสรรพสามิตหรือกรมเหมืองแร่ หรือเจ้าหน้าที่ของอุตสาหกรรมในประจำตำบล หรือเจ้าหน้าที่ของกรมอื่น แล้วแต่กรณี ให้ดำเนินการต่อไป

หมวด 14 บทกำหนดโทษ

```

มาตรา ๔๕ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศที่รัฐมนตรีกำหนดตามมาตรา ๒๒ มาตรา ๒๓ หรือมาตรา ๑๑๐ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๔๖ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๓๐ มาตรา ๓๑ หรือมาตรา ๓๒ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๔๗ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๓๓ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๔๘ ผู้ถืออาชญาบัตรสำรวจแร่ใดไม่ปฏิบัติตามประกาศที่รัฐมนตรีกำหนด หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขตามมาตรา ๑๕ วรรคสาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๔๙ ผู้ถืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่รายใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๔๓ วรรคสาม หรือไม่ปฏิบัติตามประกาศที่รัฐมนตรีกำหนดหรือตามเงื่อนไขตามมาตรา ๑๕ วรรคสี่ หรือมาตรา ๔๔ วรรคสี่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๕๐ ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๔๙ วรรคสี่ หรือไม่ปฏิบัติตามประกาศที่รัฐมนตรีกำหนดหรือเงื่อนไขตามมาตรา ๑๕ วรรคสี่ หรือมาตรา ๔๔ วรรคสี่ หรือมาตรา ๕๐ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๕๑ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๕๒ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๒๑ ผู้ใด

(๑)

ไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๒๖ วรรคสาม วรรคสี่ หรือวรรคหก มาตรา ๔๘ (๑) (๒) (๓) (๔) หรือ (๕) หรือไม่มาดำเนินการเพื่อจัดทำประกันภัยตามมาตรา ๗๐ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

(๒)

ไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๔๙ (๒) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละห้าหมื่นบาทตลอดระยะเวลาที่ไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องหรือจนกว่าจะหยุดการกระทำทันที ```

(๔)

ไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๒๘ (๑๑) หรือ (๑๒) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๑๒ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๗๑ มาตรา ๗๒ มาตรา ๑๐๘ มาตรา ๑๑๑ หรือมาตรา ๑๑๑/๑ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๑๓ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๙๔ วรรคหนึ่ง หรือวรรคสอง หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขกำหนดในมาตรา ๙๔ วรรคสอง หรือไม่ปฏิบัติตามมติหรือการสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมตามมาตรา ๙๔ วรรคสอง หรือไม่ปฏิบัติตามบัญชีเงื่อนไขตามมาตรา ๙๕ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๑๔ ผู้ใดโฆษณา ขายส่ง ครอบครอง และ หรือขนส่ง ซึ่งยังไม่ได้การรับรองค่าความคงแรงตามมาตรา ๙๗ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนถึงห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๑๕ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๙๘ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับตั้งแต่สามหมื่นบาทถึงหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๑๖ ผู้ใดไม่จัดทำรายงานตามมาตรา ๑๐๐ วรรคสอง หรือจัดทำรายงานที่มีข้อความไม่เป็นจริง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๑๗ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๐๘ ต้องระวางโทษดังนี้

(๑)

ฝ่าฝืนประกาศที่ออกตามมาตรา ๑๐๘ (๑) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับตั้งแต่สองแสนถึงห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

(๒)

ฝ่าฝืนประกาศที่ออกตามมาตรา ๑๐๘ (๒) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนถึงสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

(๓)

ฝ่าฝืนประกาศที่ออกตามมาตรา ๑๐๘ (๓) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เมื่อปรากฏว่ามีการส่งออกอากาศรายการวิทยุหรือโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา ๑๐๘ (๔) เป็นการปรากฏว่าหน่วยงานรัฐ สถานีวิทยุชุมชน สถานีวิทยุสมัครเล่น หรือสถานีโสตโทรทัศน์ให้ผู้ออกประกาศหรือผู้จัดทำอยู่ในอุปการะนั้น ให้ถอนประกาศหรือใบอนุญาตนั้นเสียได้

มาตรา ๑๑๘ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการควบคุมการผลิตและการจัดเก็บในพื้นที่ต่าง ๆ ในราชอาณาจักรหรือในเขตพื้นที่ตามมาตรา ๑๔ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๑๙ ผู้

(a) ฝ่าฝืนมาตรา ๑๐๖ วรรคหนึ่ง หรือมาตรา ๑๑๓ วรรคหนึ่ง (b) ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขตามมาตรา ๑๐๖ วรรคสี่ หรือมาตรา ๑๑๓ วรรคสี่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีผู้รับใบอนุญาตไม่ส่ง หรือผู้รับใบอนุญาตประกอบโครงการ หรือผู้ฝ่าฝืน

มาตรา ๑๑๓ วรรคหนึ่ง หรือมาตรา ๑๑๓ วรรคสี่ นำมาซึ่งได้มาจากการกระทำผิดตามมาตรา ๕๕

หากทำให้การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหรือการจัดการของผู้รับใบอนุญาต หรือผู้ฝ่าฝืน ถึงแก่เสนาบดี หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าความผิดตามวรรคหนึ่ง (๑) เป็นการกระทำของผู้ต้องโทษตามคำพิพากษา ในใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ด้วย ให้ผู้ออกประกาศนียบัตรหรือผู้ออกใบอนุญาตเพิกถอนประกาศนียบัตร หรือใบอนุญาตนั้นเสียได้

มาตรา ๑๑๔ ผู้ใดฝ่าฝืนหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับคำตาม

มาตรา ๑๐๘ หรือมาตรา ๑๐๙ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาท

ถึงเก้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๑๕ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๑๐ หรือมาตรา ๑๑๒ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน

หกปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านสองแสนบาท และปรับเป็นรายวันในระหว่างที่ฝ่าฝืนมาตลอด ระยะเวลาที่ได้รับใบอนุญาตให้ต้องหักหรือพิจารณาเพิกถอนการกระทำ

มาตรา ๑๑๖ ผู้ใดจัดทำรายงานการจัดทำตามมาตรา ๑๑๑ อันเป็นเท็จหรือไม่

ชอบด้วยกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๑๗ ผู้ใดขัดขวางหรือไม่อำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือไม่

ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๑๔๕ (๒) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๑๘ ผู้ใดนำทรัพย์สินหรือของกลางที่ได้รับอนุญาตให้เป็นผู้เก็บรักษา

ตามมาตรา ๔๕ วรรคสอง ไปใช้หรือแสวงหาประโยชน์ ต้องระวางโทษปรับจำนวนสองเท่าของ ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้หรือแสวงหาประโยชน์

มาตรา ๑๑๙ บรรดาสินค้า อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ สัตว์พาหนะ ยานพาหนะ

หรือของอื่นใด ที่บุคคลใดนำเข้า หรือใช้ได้ในการกระทำผิด หรือใช้ได้ในอุปกรณ์ที่ได้รับผลในการกระทำผิดตามมาตรา ๔๕ มาตรา ๔๖

มาตรา ๔๗ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ เฉพาะการไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๕๘ (๒) (๓) (๔) (๕) หรือ (๖)

มาตรา ๑๑๒ หรือมาตรา ๑๑๓ หรือมาตรา ๑๑๔ หรือมาตรา ๑๑๕ ไว้ในเสีย

ให้พนักงานอัยการร้องขอต่อศาลให้ศาลสั่งริบทรัพย์สินจากกรณี และเมื่อเจ้าพนักงาน ยึดทรัพย์ไว้แล้วจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนด สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา แปรสภาพท้องที่ ที่ว่าการอำเภอ ที่ทำการกำนัน ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน และที่ทำการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ซึ่งทรัพย์ของบุคคลสูญหายหรือชำรุดเสียหาย ทั้งนี้ ไม่ว่าในกรณีดังกล่าวจะปรากฏตัวบุคคลซึ่งอ้างเป็นเจ้าของหรือไม่ก็ตาม ในกรณีที่ปรากฏหลักฐานหรือพยานยืนยันว่าเจ้าของทรัพย์มีความบกพร่อง ให้ส่งมอบทรัพย์ดังกล่าวประจวบด้วยการลงทะเบียนของไปยังมูลนิธิของเจ้าของทรัพย์สินนั้น เพื่อให้บุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้นร้องขอในสภาพที่เกิดเหตุการณ์ของสาธารณภัย ในกรณีที่ไม่มีผู้ใดอ้างตัวเป็นเจ้าของก่อนมีคำพิพากษาของศาลถึงที่สุด หรือมีเจ้าของแต่เจ้าของไม่สามารถพิสูจน์ให้ศาลเชื่อว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้นได้และการพิจารณาไม่มีเหตุที่การกระทำความผิดดังกล่าว อาทิเช่นได้ทำลายระเบิดจากสมรภูมิแล้วจะป้องกันมิให้มีการกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าว ทั้งนี้ไม่สามารถพิสูจน์ให้ศาลเชื่อได้และการพิจารณาไม่มีเหตุที่การกระทำดังกล่าวจะมีการทรัพย์สินดังกล่าวไปใช้ในการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติ ให้คณะกรรมการสั่งทรัพย์สินดังกล่าวเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในกรณีที่ปรากฏหลักฐานหรือพยานยืนยันว่าเจ้าของทรัพย์สินนั้นให้แจ้งเจ้าของทรัพย์สินโดยเร็วที่สุดว่าเจ้าของทรัพย์สินนั้นมีสิทธิขอคืนทรัพย์สินดังกล่าว และในกรณีที่ไม่แจ้งภายในกำหนด ๒ แห่งพระราชบัญญัตินายกไม่บังคับ

มาตรา ๑๕๔ ในกรณีที่มีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เกี่ยวข้องกับการจัดการผิด ซึ่งถูกเป็นของแผ่นดินตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ร้องเป็นคำขอ หรือดำเนินไปใช้ประโยชน์ในทางศึกษาด้วย หรือเพื่อประโยชน์ในทางอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด ให้ดำเนินการบัญญัติมาตรา ๑๓๓ แห่งนี้ในการดำเนินการตามกรณีโดยอนุโลม

มาตรา ๑๕๕ ในกรณีที่มีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ถือว่าบุคคลซึ่งได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำความผิดเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

มาตรา ๑๕๖ ผู้สนับสนุนหรือได้รับผลตอบแทนจากการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำในการลงโทษนั้น

มาตรา ๑๕๗ บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ที่มีโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือมีโทษปรับสถานเดียว ให้คณะกรรมการเปรียบเทียบอำนาจเปรียบเทียบได้ ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด ทั้งนี้ ให้ถือว่าได้เปรียบเทียบแล้วแต่ผู้เสียหายไม่ประสงค์จะดำเนินคดี

มาตรา ๑๕๘ คณะกรรมการเปรียบเทียบตามมาตรา ๑๕๗ ให้ประกอบด้วยบุคคล ดังต่อไปนี้

(ก)

ในเขตกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นประธานกรรมการ ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นกรรมการ และผู้แทนกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เป็นกรรมการและเลขานุการ

(ข)

ในเขตจังหวัดอื่น ประกอบด้วย อัยการจังหวัดที่เป็นหัวหน้าสำนักงานอัยการจังหวัด เป็นประธานกรรมการ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด เป็นกรรมการ และเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ เป็นกรรมการและเลขานุการ

มาตรา ๑๔๐ ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งตามพระราชบัญญัตินี้ให้กระทำในราชอาณาจักรตามมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง หรือฝ่าฝืนหลักเกณฑ์ วิธีการ หรือมาตรการที่กำหนดในประกาศตามมาตรา ๒๖ วรรคสอง ผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษสำหรับความผิดนั้น ๆ เป็นสองเท่า

มาตรา ๑๔๑ ในกรณีผู้กระทำความผิดเป็นนิติบุคคล ถ้าการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น หรือเกิดจากการละเว้นการสั่งการหรือการละเว้นการกระทำอันเป็นหน้าที่ในลักษณะเดียวกันนั้น ให้ถือว่ากรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลนั้นกระทำความผิดด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่ากระทำไปโดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดนั้น ๆ ด้วย

มาตรา ๑๔๒ พนักงานเจ้าหน้าที่ เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ หรือผู้ใดที่เกี่ยวข้องโดยตรงหรือทางอ้อมกับการกระทำความผิดใด ๆ โดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๔๓ มูลค่าในความผิดตามหมวดนี้ ให้ถือตามราคาตลาดที่อธิบดีประกาศกำหนดและใช้อยู่ในวันที่กระทำความผิด

หมวด ๑๖

บทเฉพาะกาล

มาตรา ๑๔๔ ในวาระแรกเริ่มแรก ให้คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ ปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติตามพระราชบัญญัตินี้ไปพลางก่อนจนกว่าจะจัดตั้งผู้ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติชุดใหม่ขึ้น ทั้งนี้ ต้องไม่เกินหกเดือนนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

มาตรา ๑๔๕ ในวาระแรกเริ่มแรก หากยังไม่มีแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ตรวจคุณสมบัติ (ก) ให้คณะกรรมการแร่ ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานกรรมการ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ อธิบดีกรมศุลกากร

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี อธิบดีกรมที่ดิน อธิบดีกรมป่าไม้ อธิบดีกรมศิลปากร อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น อธิบดีกรมธนารักษ์ เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประธานกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมาย เป็นกรรมการ และอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นเลขานุการ ปฏิบัติหน้าที่ในฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นหน่วยงานดำเนินการ (8) ให้คณะกรรมการแบ่งหน้าที่ ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานกรรมการ ผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถมอบหมายให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานกรรมการแทนได้ ผู้แทนกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ผู้แทนกรมทรัพยากรธรณี ผู้แทนกรมที่ดิน ผู้แทนกรมป่าไม้ ผู้แทนกรมศิลปากร ผู้แทนกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผู้แทนกรมธนารักษ์ ผู้แทนสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้แทนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ผู้แทนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นกรรมการ และเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมในระดับจังหวัด เป็นเลขานุการ ปฏิบัติหน้าที่ในฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นหน่วยงานดำเนินการ

มาตรา 147 บรรดากฎกระทรวง ประกาศ ระเบียบ หรือคำสั่งที่ออกตามพระราชบัญญัติ พ.ศ. 2540 และพระราชบัญญัติพิทักษ์ทรัพยากรทางทะเล พ.ศ. 2546 ที่ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้คงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ จนกว่าจะมีกฎกระทรวง ประกาศ ระเบียบ หรือคำสั่งที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

การดำเนินการออกกฎกระทรวง ประกาศ หรือระเบียบ ตามวรรคหนึ่ง ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในห้าปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ หากไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาดังกล่าวได้ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขยายระยะเวลา

มาตรา 148 บรรดาคำสั่งหรือการอนุญาตที่เจ้าหน้าที่ หรือเจ้าพนักงานได้ออกให้ตามพระราชบัญญัติ พ.ศ. 2540 และพระราชบัญญัติพิทักษ์ทรัพยากรทางทะเล พ.ศ. 2546 ที่ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้คำสั่งหรือการอนุญาตนั้นยังคงใช้บังคับได้ต่อไปจนกว่าจะมีคำสั่งหรือการอนุญาตใหม่ตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ โดยต้องไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้ และให้ถือว่าคำสั่งหรือการอนุญาตนั้นเป็นคำสั่งหรือการอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้

และการจัดทำข้อมูลพื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนตามมาตรา 37 การฟื้นฟู สภาพพื้นที่ที่ทรัพยากรเพิ่มขึ้น การวางหลักประกันและการจัดทำประกันภัยตามมาตรา 54 (4) และ (5) ให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในการออกประกาศนียบัตร บรรดาข้อผูกพันตามสัญญาอื่น ๆ ที่กระทำขึ้นภายใต้บังคับพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 ซึ่งยังมีผู้รับจ้างโดยกระทรวงอุตสาหกรรมและกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและ การเหมืองแร่เป็นคู่สัญญาอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะครบกำหนดระยะเวลาตามสัญญา ทั้งนี้ บทวิเคราะห์การได้รับใบอนุญาตสัมปทานล่าสุด สำหรับกรณีการออกประกาศนียบัตร หรือใบอนุญาตใด ๆ ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เล่ม ลำดับ รายการ อัตราค่าธรรมเนียม

1 ค่าธรรมเนียมออกอาชญาบัตร ประทานบัตร และใบอนุญาต

(ก)

ค่าคำขออาชญาบัตรสำรวจแร่ ฉบับละ 10,000 บาท

(ข)

ค่าคำขออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ ฉบับละ 50,000 บาท

(ค)

ค่าคำขออาชญาบัตรพิเศษ ฉบับละ 100,000 บาท

(ง)

ค่าประทานบัตร ก. ค่าประทานบัตรการทำเหมืองประเภทที่ 1 ฉบับละ 200,000 บาท ข. ค่าประทานบัตรการทำเหมืองประเภทที่ 2 ฉบับละ 400,000 บาท ค. ค่าประทานบัตรการทำเหมืองประเภทที่ 3 ฉบับละ 600,000 บาท ง. ค่าประทานบัตรการทำเหมืองใต้ดิน ฉบับละ 600,000 บาท

(จ)

ค่าใบอนุญาต ก. ใบอนุญาตดูดทรายรายย่อย ฉบับละ 4,000 บาท ข. ใบอนุญาตแต่งแร่ ฉบับละ 20,000 บาท ค. ใบอนุญาตประกอบโลหกรรม ฉบับละ 50,000 บาท ง. ใบอนุญาตอื่น ๆ ตามพระราชบัญญัติ ฉบับละ 10,000 บาท

2 ค่าธรรมเนียมรายปี

(ก)

การแต่งแร่ ปีละ 10,000 บาท

(ข)

ประกอบโลหกรรม ปีละ 50,000 บาท

(ค)

การประกอบธุรกิจแร่ ปีละ 10,000 บาท

3 ค่าธรรมเนียมครั้งจัด

(ก)

ค่าขึ้นทะเบียนหรือจำลองแผนที่ ฉบับละ 5,000 บาท

(ข)

ค่ารังวัดตามจำนวนเนื้อที่ทุก ๆ 1 ไร่ หรือเศษของ หนึ่งไร่ ไร่ละ 500 บาท

(ค)

ค่าหลักเขตเหมืองแร่ หลักละ 6,000 บาท

(ง)

ค่าตรวจสอบเหมืองแร่ เรื่องละ 10,000 บาท

4 ค่าธรรมเนียมต่ออายุ โอนสิทธิการทำเหมืองและ ใบอนุญาต

(ก)

ค่าต่ออายุประทานบัตร ก. ค่าต่ออายุประทานบัตรการทำเหมืองประเภทที่ 1 ฉบับละ 200,000 บาท ข. ค่าต่ออายุประทานบัตรการทำเหมืองประเภทที่ 2 ฉบับละ 400,000 บาท ค. ค่าต่ออายุประทานบัตรการทำเหมืองประเภทที่ 3 ฉบับละ 600,000 บาท ง. ค่าต่ออายุประทานบัตรการทำเหมืองใต้ดิน ฉบับละ 600,000 บาท

(ข)

ค่าต่ออายุใบอนุญาตดูดทราย ฉบับละ 4,000 บาท

(ค)

ค่าต่ออายุใบอนุญาตประกอบโลหกรรม ฉบับละ 50,000 บาท เลขลำดับ รายการ อัตราค่าธรรมเนียม

(๔)

ค่าต่ออายุใบอนุญาตประกอบธุรกิจแร่ ฉบับละ ๑๐,๐๐๐ บาท

(๕)

ค่าโอนประทานบัตร ก. ค่าโอนประทานบัตรการทำเหมืองประเภทที่ ๑ ฉบับละ ๕๐,๐๐๐ บาท ข. ค่าโอนประทานบัตรการทำเหมืองประเภทที่ ๒ ฉบับละ ๖๐,๐๐๐ บาท ค. ค่าโอนประทานบัตรการทำเหมืองประเภทที่ ๓ ฉบับละ ๘๐,๐๐๐ บาท ง. ค่าโอนประทานบัตรการทำเหมืองใต้ดิน ฉบับละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท

(๖)

ค่าตอบแทนการโอนสิทธิทำเหมืองตามประทานบัตร ร้อยละ ๕ ของค่าตอบแทน

(๗)

ค่าโอนใบอนุญาตแต่งแร่ ฉบับละ ๔,๐๐๐ บาท

(๘)

ค่าโอนใบอนุญาตประกอบโลหกรรม ฉบับละ ๕,๐๐๐ บาท

(๙)

ค่าโอนใบอนุญาตอื่น ๆ ตามพระราชบัญญัตินี้ ฉบับละ ๕,๐๐๐ บาท ๕ ค่าธรรมเนียมเบ็ดเตล็ด

(ก)

ค่าคัดสำเนาเอกสารต่อแผ่น หน้าละ ๑๐ บาท

(ข)

ค่ารับรองสำเนาเอกสาร ฉบับละ ๔๐ บาท

(ค)

ค่าคุ้มครองทำเหมืองทุก ๑ ไร่ หรือเศษของ ๑ ไร่ ปีละ ๕๐๐ บาท

(ง)

ค่าคุ้มครองทรัพยากรออกนอกเหมืองแร่ เมตริกตันละ ๕ บาท

(จ)

ค่าต่อใบสำคัญประจำตัวผู้ควบคุมงานเหมืองแร่ หรือใบอนุญาต

(ฉ)

ค่ายายหรือลดเขตแต่งแร่ ฉบับละ ๕,๐๐๐ บาท

(ช)

ค่ายายหรือลดเขตโลหกรรม ฉบับละ ๕,๐๐๐ บาท

(ซ)

ค่าลดพื้นที่ในเขตของเขตอุตสาหกรรมพิเศษ ฉบับละ ๕,๐๐๐ บาท

(ฌ)

ค่าลดพื้นที่ในเขตประทานบัตร ฉบับละ ๕,๐๐๐ บาท ๖ ค่าตรวจสอบ ทดลอง หรือวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ตัวอย่างหนึ่ง ๆ แร่หรือหรือตัวอย่างการละ ๑๐,๐๐๐ บาท หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติภิกขีตรา ค่าภาคหลวงแร่ พ.ศ. ๒๔๗๔ และพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๐๙ ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานาน ทำให้บทบัญญัติบางประการไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน สมควรปรับปรุงหลักการ ของกฎหมายทั้งสองฉบับมาบัญญัติไว้ในกฎหมายฉบับเดียวกัน เพื่อให้การอนุญาตและการจัดเก็บ ค่าภาคหลวงแร่เป็นไปอย่างมีระบบ โดยกำหนดอำนาจหน้าที่ในการบริหารจัดการ เพื่อให้เกิดคุณค่า และประโยชน์สูงสุดจากการใช้ทรัพยากรแร่ของประเทศ และกำหนดให้มีการกำกับดูแลด้าน การอนุญาตและการกำกับดูแลการทำเหมืองให้เหมาะสมกับสถานการณ์และความจำเป็น ส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมการสำรวจและการทำเหมืองแร่ในพื้นที่ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ และวิธีการในการจัดเก็บค่าภาคหลวงแร่ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พรวิภา/ปริญญ์/จัดทำ ๖ มีนาคม ๒๕๖๐ พจน/ตรวจ ๗ มีนาคม ๒๕๖๐