로고

พระราชบัญญัติ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2566 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยภาษีโรงเรือนและที่ดินและกฎหมายว่าด้วยภาษีบำรุงท้องที่ พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 26 ประกอบกับมาตรา 32 มาตรา 33 มาตรา 37 มาตรา 40 มาตรา 41 และมาตรา 43 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เหตุผลและความจำเป็นในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามพระราชบัญญัตินี้ เพื่อให้การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเพื่อให้การจัดเก็บภาษีดังกล่าวมีความเหมาะสมและเป็นธรรมยิ่งขึ้น อันจะเป็นประโยชน์ในด้านเศรษฐกิจของประเทศ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัตินี้ไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้ มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2566" มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป มาตรา 3 ให้ยกเลิก (1) พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน ทุกฉบับ *ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 123/ตอนที่ 30 ก/หน้า 1/30 มีนาคม 2566 (ข) พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินแก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช ๒๕๐๔ (ค) พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน (ฉบับที่ ๓) พุทธศักราช ๒๕๐๔ (ง) พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๘ (จ) พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๑๐ (ฉ) พระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. ๒๔๘๑ (ช) ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๐๓ ลงวันที่ ๑๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๑๕ (ซ) พระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๐๔ (ฌ) พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. ๒๕๐๘ ๒๕๔๕ (๑๐) พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. ๒๕๐๘ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๔ (๑๑) พระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๔ (๑๒) พระราชบัญญัติค่าภาคหลวงแร่ทองคำที่ดินสำหรับการประเมินภาษีบำรุง ท้องที่ พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา ๓ กฎหมาย กฎ ระเบียบและข้อบังคับใดที่ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่ พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับซึ่งมีบทบัญญัติในเรื่องโรงเรือนและที่ดินภาษีบำรุงท้องที่ตามที่กล่าวถึงการ โรงเรือนและที่ดินหรือภาษีบำรุงท้องที่ตามกฎหมายว่าด้วยภาษีบำรุงท้องที่ ให้ไม่มีความหมายเป็น การกล่าวถึงหรืออ้างถึงภาษีตามพระราชบัญญัตินี้ กฎหมายใดที่ได้บัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับพระราชบัญญัติที่ใช้บังคับ ซึ่งได้บัญญัติให้ ทรัพย์สินหรือบุคคลได้รับการยกเว้นภาษีโรงเรือนและที่ดินหรือภาษีบำรุงท้องที่ ให้ทรัพย์สินหรือบุคคล ประเภทหนึ่งโดยเฉพาะหรือได้รับการยกเว้นภาษีโรงเรือนและที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยภาษีโรงเรือน และที่ดินหรือภาษีบำรุงท้องที่ตามกฎหมายว่าด้วยภาษีบำรุงท้องที่ ให้ไม่มีความหมายเป็นการยกเว้น ภาษีตามพระราชบัญญัตินี้ ความในวรรคสองนี้ให้บังคับกับการยกเว้นภาระภาษีอากรตามกฎหมายที่ตราขึ้นตาม ข้อมูลที่พบในประเทศไทยไม่อยู่ในอาการที่จะประกาศใช้ หรือกฎหมายระหว่างประเทศ หรือกฎหมาย ความตกลงระหว่างประเทศ หรือกฎหมายที่ต้องปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้ “ภาษี” หมายความว่า ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง “สิ่งปลูกสร้าง” หมายความว่า บุคคลธรรมดาหรือเป็นบุคคลซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินหรือสิ่ง ปลูกสร้างที่ตั้งอยู่บนที่ดินนั้นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจหรือเพื่อประโยชน์ในทางอื่นใด ซึ่งไม่รวมถึงที่ดินที่เสียภาษีตามพระราชบัญญัตินี้ และไม่รวมถึงที่ดินที่ใช้เพื่อการเกษตรกรรมซึ่ง ผู้เสียภาษีตามพระราชบัญญัตินี้ต้อง “ที่ดิน” หมายความว่า ที่ดิน และให้หมายความรวมถึงที่ดินที่มีสิ่งปลูกสร้างหรือสิ่งปลูกสร้างที่ตั้งอยู่ “สิ่งปลูกสร้าง” หมายความว่า อาคาร โรงเรือน สถานที่ หรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น ที่ บุคคลอาจเข้าอยู่อาศัยหรือใช้สอยได้ หรือที่ใช้เป็นที่เก็บสินค้าเพื่อประกอบการอุตสาหกรรมหรือการค้า ยกรวมและให้หมายความรวมถึงห้องชุดหรือแฟลตบุคคลอาจใช้อยู่อาศัยหรือที่มีไว้เพื่อทำ ผลประโยชน์ด้วย “ห้องชุด” หมายความว่า ห้องชุดตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดที่มีเอกสารสิทธิ แสดงกรรมสิทธิ์ห้องชุดแล้ว “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” หมายความว่า เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นตามที่มีกฎหมายกำหนด แต่ไม่หมายความ รวมถึงองค์กรบริหารส่วนจังหวัด “เขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” หมายความว่า (๑) เขตเทศบาล (๒) เขตองค์การบริหารส่วนตำบล (๓) เขตกรุงเทพมหานคร (๔) เขตเมืองพัทยา (๕) เขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นตามที่มีกฎหมายกำหนด แต่ไม่หมายความ รวมถึงเขตขององค์กรบริหารส่วนจังหวัด “ผู้บริหารท้องถิ่น” หมายความว่า (๑) นายกเทศมนตรี (๒) นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (๓) ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (๔) นายกเมืองพัทยา (๕) ผู้บริหารท้องถิ่นอื่นตามที่มีกฎหมายกำหนด แต่ไม่หมายความรวมถึงนายก องค์การบริหารส่วนจังหวัด “ข้อตกลงท้องถิ่น” หมายความว่า (๑) เทศบัญญัติ (๒) ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบล (๓) ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร (๔) ข้อบัญญัติเกมืองพัทยา (๕) ข้อตกลงท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นตามที่มีกฎหมายกำหนด แต่ไม่ หมายความรวมถึงข้อตกลงขององค์กรบริหารส่วนจังหวัด “คณะกรรมการมาตรฐานการเงินท้องถิ่น” หมายความว่า คณะกรรมการ กำหนดกรอบเงินทุนทรัพย์งบประมาณท้องถิ่น “คณะกรรมการประเมินราคาทรัพย์สิน” หมายความว่า คณะกรรมการซึ่งจัดตั้ง ตามพระราชบัญญัติที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง “คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การประเมินภาษี” หมายความว่า คณะกรรมการ พิจารณาอุทธรณ์การประเมินภาษีซึ่งจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีกรุงเทพมหานคร แล้วแต่กรณี “เจ้าหน้าที่ประเมิน” หมายความว่า ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้มีหน้าที่สำรวจที่ดินและสิ่ง ปลูกสร้างหรือผู้เสียภาษีซึ่งเป็นเจ้าของหรือครอบครองอยู่ “เจ้าหน้าที่ประเมิน” หมายความว่า ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้มีหน้าที่ประเมินภาษี "พนักงานเก็บภาษี" หมายความว่า ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้มีหน้าที่รับชำระภาษี และเร่งรัดการเก็บภาษี "ปี" หมายความว่า ปีปฏิทิน "รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่เกี่ยวข้อง รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ ในส่วนที่เกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของตน กฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ หมวด ๑ บททั่วไป มาตรา ๗ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจจัดเก็บภาษีอากรที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ ภาษีที่จัดเก็บได้ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใด ให้เป็นรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น มาตรา ๘ ให้ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่เป็นทรัพย์สินดังต่อไปนี้ได้รับยกเว้นจากการจัดเก็บภาษีตามพระราชบัญญัตินี้ (๑) ทรัพย์สินของรัฐหรือของหน่วยงานของรัฐซึ่งใช้ในกิจการของรัฐหรือของหน่วยงานของรัฐโดยมิได้หาผลประโยชน์ (๒) ทรัพย์สินที่เป็นที่ทำการขององค์กรระหว่างประเทศ หน่วยการบัญชีพิเศษขององค์การระหว่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ ซึ่งประเทศไทยต้องผูกพันต้องยกเว้นภาษีให้ตามสนธิสัญญาหรือความตกลงที่มี (๓) ทรัพย์สินที่เป็นที่ทำการสถานกงสุลของต่างประเทศ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของปฏิญญาต่อกัน (๔) ทรัพย์สินของสถานทูตไทย (๕) ทรัพย์สินที่เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เฉพาะในกิจการสาธารณะ ศาสนสถานที่ใช้ในกิจการสาธารณะ หรือทรัพย์สินที่เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งใช้ในกิจการสาธารณะไม่ว่าในสถานใด หรือทรัพย์สินที่เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งใช้ในกิจการสาธารณะ ทั้งนี้ เฉพาะที่มิได้หาผลประโยชน์ (๖) ทรัพย์สินที่ไม่ได้เป็นสถานประกอบการหรืออยู่ในสถานประกอบการ โดยมิได้รับประโยชน์ตอบแทน (๗) ทรัพย์สินที่เป็นของมูลนิธิหรือองค์กรการกุศลตามที่กระทรวงศึกษาธิการหรือกระทรวงการคลังกำหนดประกาศกำหนด ทั้งนี้ เฉพาะที่มิได้หาผลประโยชน์ (๘) ทรัพย์สินของเอกชนเฉพาะส่วนที่ได้ยินยอมให้ทางราชการจัดให้ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนด (๙) ทรัพย์ส่วนกลางที่ใช้เพื่อหรือเป็นประโยชน์ร่วมกันสำหรับเจ้าของร่วมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด (๑๐) ที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน (๑๑) ที่ดินอันเป็นที่สาธารณประโยชน์ตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมแห่งประเทศไทย (๑๒) ทรัพย์สินอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๘ ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของหรือครอบครองหรือคนครองที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างอยู่ในวันที่ ๑ มกราคม ของปีใด เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีสำหรับปีนั้น ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ การเสียภาษีอาจมอบให้ผู้เสียภาษีตามพระราชบัญญัตินี้ ไม่เป็นเหตุให้เกิดสิทธิขาดตามกฎหมายอื่น มาตรา ๙ ในกรณีที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองหรือการจดทะเบียนทรัพย์สินที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง ขอผู้เสียภาษีจะส่งให้แก่บุคคลใดที่รับรองนิติการแล้ว และอยู่ ณ ภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่หรือสถานที่ทำการที่ปรากฏว่าเป็นของผู้เสียภาษีนั้นก็ได้ ถ้าไม่สามารถส่งหนังสือตามวิธีการที่กำหนดในวรรคหนึ่งได้ จะกระทำโดยวิธีปิดหนังสือในที่ที่เห็นได้ง่าย ณ ภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่หรือสถานที่ทำการของผู้เสียภาษีนั้นหรือส่งประกาศแจ้งความในหนังสือพิมพ์ก็ได้ เมื่อได้ดำเนินการตามวรรคสองและวรรคสามแล้วให้ถือว่าหนังสือนั้นได้ส่งถึงแก่บุคคลดังกล่าว ให้ถือว่าผู้เสียภาษีได้รับหนังสือนั้นแล้ว

มาตรา ๑๔ กำหนดเวลาการชำระภาษีพร้อมดอกเบี้ยหรือเงินเพิ่มตามมาตรา ๙ หรือกำหนดเวลาการดำเนินการประเมินภาษีตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ ถ้ากำหนดเวลาที่กำหนดไว้ดังกล่าวไม่อาจปฏิบัติตามกำหนดเวลาได้ ให้ยื่นคำร้องขอขยายเวลาต่อกรมกำหนดเวลาภายในกำหนดเวลาสุดท้าย เมื่อมีเหตุหรือหลักฐานเห็นเป็นการสมควร จะให้ขยายหรือให้เลื่อนกำหนดเวลาต่อไปตามความจำเป็นแก่กรณีได้

กำหนดเวลาต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ มิใช่ระยะเวลาที่กระทรวงมหาดไทยเห็นเป็นการสมควรที่จะเลื่อนหรือเลิกกำหนดเวลานั้นออกไปเป็นการทั่วไปตามความจำเป็นแก่กรณีได้

หมวด ๒

คณะกรรมการวินิจฉัยอาชีพที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

มาตรา ๑๕ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการวินิจฉัยอาชีพที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง” ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมที่ดิน อธิบดีกรมธนารักษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น อธิบดีกรมสรรพากร และผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นกรรมการ

ให้ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ราชการของสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเป็นเลขานุการ และอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ราชการของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นผู้ช่วยเลขานุการ

มาตรา ๑๖ คณะกรรมการวินิจฉัยอาชีพที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีหน้าที่และอำนาจดังต่อไปนี้

ให้คำวินิจฉัยเกี่ยวกับการกำหนดประเภทที่ดินสำหรับการจัดเก็บภาษีและการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ตามที่คณะกรรมการประจำจังหวัดหรือเจ้าพนักงานประเมิน กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย หรือผู้เสียภาษีร้องขอ

ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้และตามที่คณะกรรมการวินิจฉัยอาชีพที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

มาตรา ๑๗ การประชุมคณะกรรมการวิจัยน้อยฯ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม ในการประชุมคณะกรรมการ ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม การลงมติในที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนใดมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับการลงมติ ถ้ากรรมการผู้นั้นไม่ออกไปให้พ้นห้องประชุมคณะกรรมการในขณะที่มีการพิจารณาเรื่องนั้น ให้ถือว่ากรรมการผู้นั้นงดออกเสียงในเรื่องนั้น

มาตรา ๑๘ ความลับของคณะกรรมการวิจัยน้อยฯ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้เป็นที่สุด และในกรณีที่กรรมการเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยไปจากเดิม คำวินิจฉัยที่เปลี่ยนแปลงนั้น ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่คำวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงเป็นต้นไป

มาตรา ๑๙ ในกรณีที่คณะกรรมการวิจัยน้อยฯ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้คำวินิจฉัย คำปรึกษาหรือคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีและการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ให้แจ้งคำวินิจฉัย คำปรึกษาหรือคำแนะนำดังกล่าวไปยังผู้ที่ขอคำวินิจฉัย คำปรึกษาหรือคำแนะนำ และให้ส่งเรื่องดังกล่าวไปยังกระทรวงมหาดไทยเพื่อให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทราบและถือปฏิบัติต่อไป

มาตรา ๒๐ คณะกรรมการวิจัยน้อยฯ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอาจจ้างจากองค์คณะอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติงานตามที่คณะกรรมการวิจัยน้อยฯ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมอบหมายก็ได้ ในกรณีประชุมคณะอนุกรรมการ ให้ถือความในมาตรา ๑๗ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

หมวด ๓ คณะกรรมการภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประจำจังหวัด

มาตรา ๒๑ ในแต่ละจังหวัดยกเว้นกรุงเทพมหานคร ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประจำจังหวัด” ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานกรรมการ ปลัดจังหวัด หัวหน้าสำนักงานที่ดินจังหวัด ธนารักษ์พื้นที่ โดยมีการคลังและสันนิษฐานจังหวัด สรรพากรพื้นที่ผู้ดำรงตำแหน่งในจังหวัดดังกล่าวตามที่กำหนด นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายกเทศมนตรีของเทศบาล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลจำนวนหนึ่งคน เป็นกรรมการ และให้มีหัวหน้าส่วนราชการและเลขานุการ ในกรณีที่จังหวัดใดมีผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัด ให้ผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้บริหารท้องถิ่น เป็นกรรมการร่วมด้วยจำนวนหนึ่งคน ให้เฉพาะนายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล และผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัด เป็นผู้มีสิทธิเลือกนายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตำบล หรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นในจังหวัดตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ตามระเบียบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยประกาศกำหนด คณะกรรมการการขีดแนวเขตที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประจำจังหวัด มีหน้าที่และอำนาจพิจารณาให้ความเห็นชอบข้อราชการเกี่ยวกับการขีดแนวเขตที่ดินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามมาตรา ๑๓ วรรคหนึ่ง ให้ความเห็นชอบการลดหย่อนภาษีหรือยกเว้นภาษีของผู้บริหารท้องถิ่นตามมาตรา ๑๓ วรรคสอง และให้ความเห็นชอบการกำหนดอัตราภาษีของผู้บริหารท้องถิ่นตามมาตรา ๑๓ วรรคสาม รวมทั้งปฏิบัติการอื่นใดตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ทั้งนี้ “ผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นในจังหวัด” ให้หมายความรวมถึงนายกเมืองพัทยาด้วย

มาตรา ๒๖ การประชุมคณะกรรมการการขีดแนวเขตที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประจำจังหวัด ให้มีค quorum ในมาตรา ๑๗ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

มาตรา ๒๗ เมื่อคณะกรรมการการขีดแนวเขตที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประจำจังหวัดให้คำปรึกษาหรือคำแนะนำแก่ผู้บริหารท้องถิ่นเกี่ยวกับการดำเนินการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดแล้ว ให้ส่งสำเนาคำปรึกษาหรือคำแนะนำดังกล่าวไปยังกระทรวงมหาดไทยเพื่อทราบต่อไป ในกรณีที่กระทรวงมหาดไทยเห็นด้วยกับคำปรึกษาหรือคำแนะนำของคณะกรรมการการขีดแนวเขตที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประจำจังหวัด ให้กระทรวงมหาดไทยแจ้งเรื่องดังกล่าวไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นเพื่อดำเนินการต่อไปตามคำปรึกษาหรือคำแนะนำดังกล่าว

ในกรณีที่กระทรวงมหาดไทยไม่เห็นด้วยกับคำปรึกษาหรือคำแนะนำของคณะกรรมการการขีดแนวเขตที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประจำจังหวัดตามวรรคหนึ่ง ให้กระทรวงมหาดไทยส่งเรื่องพร้อมกับความเห็นไปยังคณะกรรมการวินิจฉัยการขีดแนวเขตที่ดินและสิ่งปลูกสร้างภายในกำหนดเวลาดังนี้ได้รับคำปรึกษาหรือคำแนะนำดังกล่าว การแจ้งและการส่งเรื่องตามมาตรานี้ ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยประกาศกำหนด

มาตรา ๒๘ ในแต่ละปี ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยกเว้นกรุงเทพมหานครส่งข้อมูลเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษี จำนวนภาษีที่จัดเก็บได้ มูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เป็นฐานในการคำนวณภาษีให้แก่คณะกรรมการการขีดแนวเขตที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประจำจังหวัดในเขตพื้นที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามวรรคหนึ่ง และจัดส่งให้กระทรวงมหาดไทยเพื่อทราบต่อไป

ให้กรุงเทพมหานครจัดส่งข้อมูลที่เกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีในกรุงเทพมหานครให้แก่กระทรวงมหาดไทยโดยตรง ให้กระทรวงมหาดไทยประมวลผลข้อมูลที่ได้รับจากวรรคสองและวรรคสาม และให้จัดส่งข้อมูลที่ได้จากการประมวลผลแล้วให้แก่คณะกรรมการการขีดแนวเขตที่ดินและสิ่งปลูกสร้างต่อไป ให้หน่วยงานควบคุมส่วนท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การรวบรวมและการจัดส่งข้อมูลตามมาตรานี้ ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยประกาศกำหนด

มาตรา 25 ในการสำรวจที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามกฎหมายนี้ ให้ผู้บริหารท้องถิ่น คณะกรรมการภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจังหวัดและกรุงเทพมหานคร รายงานสภาพปัญหา และอุปสรรคเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษี พร้อมทั้งเสนอแนวทางการแก้ไขต่อไปด้วย

หมวด 4

การสำรวจและจัดทำบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

มาตรา 26 เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องให้มีการสำรวจที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้น ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง

มาตรา 27 ก่อนที่จะดำเนินการสำรวจที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ให้ผู้บริหารท้องถิ่นประกาศกำหนดระยะเวลาที่จะทำการสำรวจที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และแจ้งให้เจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ โดยปิดประกาศหรือแจ้งเป็นหนังสือ ณ สำนักงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือสถานที่ที่เหมาะสมภายในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

มาตรา 28 ให้นักงานสำรวจมีหน้าที่และอำนาจสำรวจที่ดินและสิ่งปลูกสร้างภายในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในส่วนที่เกี่ยวกับประเภท ขนาดของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง การใช้ประโยชน์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และรายละเอียดอื่นที่จำเป็นในการจัดทำบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวเจ้าพนักงานสำรวจต้องแสดงบัตรประจำตัวต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง บัตรประจำตัวตามวรรคสอง ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยประกาศกำหนด

มาตรา 29 ในการสำรวจที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ให้นักงานสำรวจมีอำนาจเข้าไปในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างหรือสถานที่ที่เกี่ยวข้องในระหว่างเวลาราชการเพื่อสำรวจที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง และแจ้งเจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามวัน เว้นแต่มีเหตุอันสมควรที่ไม่อาจแจ้งล่วงหน้าได้ ทั้งนี้ ให้ผู้เสียภาษีหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกแก่เจ้าพนักงานสำรวจด้วย

ในการดำเนินการสำรวจดังกล่าว หากเจ้าพนักงานสำรวจขอให้ผู้เสียภาษีจัดเตรียมเอกสารหรือให้รายละเอียดเกี่ยวกับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างได้ ในการสำรวจที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามวรรคหนึ่ง ถ้าที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างมีลักษณะพิเศษ ให้นักงานสำรวจขอคำแนะนำผู้เชี่ยวชาญหรือที่ปรึกษาเพื่อมีหนังสือรับรองเอกสารหรือหลักฐานดังกล่าวต่อไป

มาตรา 30 เมื่อนายทะเบียนได้รับดำเนินการสำรวจที่ดินและสิ่งปลูกสร้างภายในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทำบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโดยต้องแสดงประเภท จำนวน ขนาดของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง การใช้ประโยชน์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และรายละเอียดอื่นที่จำเป็นแก่การประเมินภาษี ตามระเบียบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยประกาศกำหนด และให้ประกาศบัญชีรายการดังกล่าว ณ สำนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือสถานที่อื่นที่เหมาะสมที่เห็นสมควร ภายในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสามสิบวัน พร้อมทั้งให้ส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้เสียภาษีตามที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นกำหนดให้ผู้เสียภาษีรายงานทราบด้วย

มาตรา 31 ในกรณีที่ปรากฏว่าบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ได้จัดทำขึ้นไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ให้ผู้บริหารท้องถิ่นมีอำนาจสั่งให้แก้ไขเพิ่มเติมบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้

มาตรา 32 ในกรณีที่ผู้เสียภาษีเห็นว่าบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ได้จัดทำขึ้นไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ให้ผู้เสียภาษียื่นคำร้องต่อผู้บริหารท้องถิ่นเพื่อขอแก้ไขบัญชีดังกล่าวได้ โดยให้ยื่นคำร้องภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้ประกาศบัญชีรายการดังกล่าว และให้ผู้บริหารท้องถิ่นมีคำสั่งภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องดังกล่าว ทั้งนี้ ในกรณีที่เห็นสมควรให้แก้ไขบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ให้ผู้บริหารท้องถิ่นมีอำนาจสั่งให้แก้ไขบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้

มาตรา 33 ในกรณีที่มีการใช้ประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างเปลี่ยนแปลงไปไม่ว่าด้วยเหตุใด อันมีผลทำให้ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงขึ้นหรือลดลง ให้ผู้เสียภาษีแจ้งการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างนั้นต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภายในกำหนดหกสิบวันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือวันที่ผู้เสียภาษีรู้หรือควรรู้เหตุที่กล่าว ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยประกาศกำหนด

มาตรา 34 การแจ้งประกาศคำสั่งท้องถิ่นกระยะเวลาต่าง ๆ ที่จะทำการตรวจตามมาตรา 28 การจัดส่งข้อมูลของผู้เสียภาษีและรายละเอียดประกาศบัญชีตามมาตรา 30 การแจ้งอัตราการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามมาตรา 31 และการแจ้งการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างตามมาตรา 33 ให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยประกาศกำหนด

หมวด 5 ฐานภาษี อัตราภาษี และการคำนวณภาษี

มาตรา ๓๕ ฐานภาษีเพื่อการคำนวณภาษีตามพระราชบัญญัตินี้ ให้เป็นมูลค่าทั้งหมดของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง

การคำนวณมูลค่าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้

ที่ดิน ให้ใช้ราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินนั้นในแต่ละปีในการคำนวณ

สิ่งปลูกสร้าง ให้ใช้ราคาประเมินทุนทรัพย์สิ่งปลูกสร้างในแต่ละปีในการคำนวณ

สิ่งปลูกสร้างที่เป็นห้องชุด ให้ใช้ราคาประเมินทุนทรัพย์ห้องชุดนั้นในแต่ละปีในการคำนวณ คำนวณ กรณีที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มีราคาประเมินทุนทรัพย์ การคำนวณให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง ราคาประเมินทุนทรัพย์ของที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง หรือสิ่งปลูกสร้างที่เป็นห้องชุด ให้เป็นไปตามราคาประเมินทุนทรัพย์ของอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวกับภาระภาษีตามพระราชบัญญัติภาษีและกิจการตามประมวลกฎหมายที่ดิน ที่คณะอนุกรรมการประจำจังหวัดกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์

มาตรา ๓๖ ให้กรมธนารักษ์หรือสำนักงานธนารักษ์พื้นที่ แต่ละแห่งมี สัญญูชี กำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง หรือสิ่งปลูกสร้างที่เป็นห้องชุดตามมาตรา ๓๕ และประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ดังกล่าวในราชกิจจานุเบกษา และแจ้งให้เจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างทราบโดยตรง หรือแจ้งให้ทราบผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภายในกำหนดห้าปีนับแต่วันที่คณะกรรมการประจำจังหวัดกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์

มาตรา ๓๗ ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ให้พิจารณาเพื่อการยกเว้นภาษี ดังต่อไปนี้

ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม ให้มีอัตราภาษีไม่เกินร้อยละศูนย์จุดหนึ่งห้าของฐานภาษี

ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัย ให้มีอัตราภาษีไม่เกินร้อยละศูนย์จุดสองของฐานภาษี

ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์อื่นนอกจาก (๑) หรือ (๒) ให้มีอัตราภาษีไม่เกินร้อยละศูนย์จุดเจ็ดห้าของฐานภาษี

ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้ระบุไว้ในลำดับที่หนึ่งถึงสาม ให้มีอัตราภาษีไม่เกินร้อยละหนึ่งของฐานภาษี การใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม (๑) ต้องเป็นการทำนา ทำไร่ ทำสวน เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงสัตว์น้ำ และกิจการอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมกันออกกฎกระทรวงกำหนดการใช้ประโยชน์ดังกล่าว การใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัย (๒) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมกันออกกฎกระทรวงกำหนด ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้ระบุไว้ในลำดับที่หนึ่งถึงสาม (๔) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวง ``` อัตราภาษีที่ใช้จัดเก็บความวรรคนั้น ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา โดยจะกำหนดเป็นตัวการเสียภาษีอากรหรือจำนวนลูกสุกรอย่างอื่นหรือสิ่งปลูกสร้างก็ได้ ทั้งนี้ ต้องไม่เป็นอัตราภาษีที่กำหนดตามความวรรคนั้น และจะกำหนดแตกตามประเภทการใช้ประโยชน์หรือความจำเป็นในแต่ละประเภทการใช้ประโยชน์ก็ได้ ในการนี้ต้องกำหนดการจัดเก็บความวรรคนั้นให้มีความประสงค์ที่จะจัดเก็บภาษีในอัตราที่สูงกว่าอัตราภาษีที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาในความวรรคนั้น แต่ต้องไม่เกินอัตราภาษีที่กำหนดในความวรรคนั้น ในการตรวจบัญชีของผู้ต้องเสียภาษีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามความวรรคนั้น ยกเว้นกรุงเทพมหานครการสอบบัญชีจะต้องใช้บัญชีของผู้ต้องเสียภาษีที่จัดเก็บตามบัญชีในกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้บัญชีการจัดเก็บเสนอต่ออัตราการสอบบัญชีของผู้ต้องเสียภาษีให้คณะกรรมการภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประจำจังหวัดให้ความเห็นชอบก่อน เมื่อคณะกรรมการภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประจำจังหวัด เห็นชอบอัตราการสอบบัญชีของผู้ต้องเสียภาษีแล้วจึงให้บัญชีการจัดเก็บเสนอไปยังกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ ในการนี้คณะกรรมการภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประจำจังหวัดไม่เห็นชอบกับอัตราการสอบบัญชีตามบัญชีของผู้ต้องเสียภาษี ให้ส่งความเห็นเกี่ยวกับอัตราการสอบบัญชีของผู้ต้องเสียภาษีไปยังกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น หรือหากมีความเห็นว่าอัตราการสอบบัญชีตามบัญชีของผู้ต้องเสียภาษีไม่เหมาะสมหรือไม่ถูกต้อง ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาให้คณะกรรมการภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประจำจังหวัดทราบ หากคณะกรรมการภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประจำจังหวัดยังไม่เห็นชอบกับอัตราการสอบบัญชีตามบัญชีของผู้ต้องเสียภาษี ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเป็นผู้ตัดสิน

มาตรา ๓๗ ในกรณีที่ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างใดมีการใช้ประโยชน์นอกเหนือจากประเภทให้จัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเก็บภาษีตามอัตราของการใช้ประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยร่วมกันกำหนด

มาตรา ๓๘ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประการการคำนวณประเมินทุนทรัพย์ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อัตราภาษีที่จัดเก็บ และรายละเอียดอื่นที่จำเป็นในการจัดเก็บภาษีในแต่ละปี ณ สำนักงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก่อนวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ของปีนั้น ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๓๙ ในกรณีที่ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่เจ้าของซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาใช้ประโยชน์ในเกษตรกรรมซึ่งอยู่นอกเขตการรวมอยู่ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ใช้ระยะวันตามที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการคำนวณระยะไม่นับเกินจำนวนบาท

``` สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา การยกเว้นมูลค่าของฐานภาษีตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยร่วมกันประกาศกำหนด

มาตรา 48 ในกรณีที่มีการส่งมอบอาคารที่ใช้แล้วซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรไม่น้อยกว่า 1 ปี นับจากเวลาที่ภาษีนั้นให้ถือว่ามีมูลค่าของฐานภาษีตามมูลค่าของอาคารที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยดังกล่าว

ในกรณีที่บุคคลธรรมดาเป็นเจ้าของสิ่งปลูกสร้าง แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดิน และใช้สิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเป็นที่อยู่อาศัย และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรไม่น้อยกว่า 1 ปี มูลค่าคงของฐานภาษีนั้น ให้ได้รับยกเว้นมูลค่าของฐานในการคำนวณภาษีไม่เกินสิบล้านบาท ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อคำนวณการยกเว้นมูลค่าของฐานภาษีตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง มีให้พิจารณาการโอนกรรมสิทธิ์หรือการครอบครองในสิ่งปลูกสร้างที่เป็นสิ่งปลูกสร้างหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรไม่น้อยกว่า 1 ปี นับจากเวลาที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือการครอบครองดังกล่าว ตั้งกล่าวมานี้จะเหตุขึ้นในกรณีการจดทะเบียนหรือการโอนกรรมสิทธิ์หรือการครอบครองสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรไม่น้อยกว่า 1 ปี นับจากเวลาที่มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือการครอบครองดังกล่าว

มาตรา 49 ให้ผู้เสียภาษีที่มีมูลค่าของฐานภาษีที่ได้รับยกเว้นในความตามมาตรา 48 หรือมาตรา 48 แล้วดูด้วยอัตราภาษีตามมาตรา 37 ตามลำดับวันที่กำหนดในมาตรา 37 ผลลัพธ์ที่ได้เป็นจำนวนภาษีที่ต้องเสีย

เพื่อประโยชน์ในการคำนวณจำนวนภาษีตามวรรคหนึ่ง กรณีที่ดินตามแปลงดังมีอาณาเขตติดต่อกันและเป็นของเจ้าของเดียวกัน ให้คำนวณมูลค่าที่ดินทั้งหมดรวมกันเป็นฐานภาษี

มาตรา 50 ในกรณีที่มีการส่งมอบสิ่งปลูกสร้างที่ต่อเติมหรือเสริมเป็นที่พักหรือสิ่งปลูกสร้างที่มีไว้ใช้งานแล้วหรือไม่ได้เป็นประโยชน์ตามวรรคแรกหรือวรรคสอง ให้แยกเก็บภาษีสำหรับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างเป็นปีที่เสีย เพิ่มขึ้นจากอัตราภาษีที่กำหนดตามมาตรา 48 ในอัตราร้อยละศูนย์จุดศูนย์สองหากที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวไม่ได้ทำประโยชน์ตามวรรคแรกเป็นเวลาติดต่อกัน

ให้แจ้งอัตราภาษีดังกล่าวด้วยข้อมูลมูลค่าในทุกส่วน แต่ต้องการให้มีการแจ้งเพิ่มเติมให้แล้วเสร็จในระยะเวลา

หมวด 6 การประเมินภาษี การชำระภาษี และการคืนภาษี

มาตรา ๔๔ ในแต่ละปี ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแจ้งการประเมินภาษี โดยส่งแบบประเมินภาษีแก่ผู้เสียภาษีตามมาตรา ๓๓ ภายในเดือนกุมภาพันธ์

การแจ้งการประเมินภาษี และแบบประเมินภาษี ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยประกาศกำหนด ซึ่งอย่างน้อยต้องมีรายการที่แสดงถึงมูลค่าที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ราคาประเมินทุนทรัพย์ อัตราภาษี และจำนวนภาษีที่ต้องชำระ

มาตรา ๔๕ ในการประเมินภาษี ให้พนักงานเจ้าหน้าที่พิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับผู้เสียภาษีหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล หรือส่งเอกสารหรือหลักฐานอื่นใดมาเพื่อการพิจารณาได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยจะต้องมีหนังสือแจ้งให้บุคคลดังกล่าวทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามวัน

มาตรา ๔๖ ให้ผู้เสียภาษีชำระภาษีตามแบบแจ้งการประเมินภาษีภายในเดือนเมษายนของทุกปี

มาตรา ๔๗ ให้บุคคลดังต่อไปนี้มีหน้าที่ชำระภาษีแทนผู้เสียภาษี

ผู้จัดการมรดกกรณีทรัพย์สินที่เสียภาษีตกอยู่แก่กองมรดก

ผู้จัดการทรัพย์สิน กรณีทรัพย์สินที่เสียภาษีไม่อยู่ภายใต้การประกอบกองมรดกและพาณิชย์ด้วยส่วนตัว

ผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ ในกรณีทรัพย์สินที่เสียภาษีเป็นของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ แล้วแต่กรณี

ผู้แทนของนิติบุคคล ในกรณีทรัพย์สินที่เสียภาษีเป็นของนิติบุคคล

ผู้แทนของบุคคลที่ไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย ในกรณีทรัพย์สินที่เสียภาษีเป็นของบุคคลดังกล่าว

เจ้าของรวมคนหนึ่งคนใด ในกรณีทรัพย์สินที่ต้องเสียภาษีเป็นของบุคคลหลายคนรวมกัน

มาตรา ๔๘ ในกรณีที่ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางส่วนเป็นที่ดินของเจ้าของคนหนึ่งและเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นผู้เสียภาษี สำหรับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ตนเป็นเจ้าของ

มาตรา ๔๙ ให้ผู้เสียภาษีชำระภาษีต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามจำนวนภาษีที่ได้รับแจ้งประเมิน ณ สถานที่ ดังต่อไปนี้

สำนักงานเขตเทศบาล สำหรับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในเขตเทศบาล

ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล สำหรับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบล

สำนักงานเขตที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างตั้งอยู่ สำหรับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร

สำนักงานเมืองพัทยา สำหรับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในเขตเมืองพัทยา

ที่ทำการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายกำหนด สำหรับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น ในกรณีที่มีความจำเป็น ผู้บริหารท้องถิ่นอาจกำหนดให้ใช้สถานที่อื่นภายในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น เป็นสถานที่สำหรับชำระภาษีสรรพสามิตได้ตามที่เห็นสมควร การชำระภาษีสรรพสามิต ให้ถือว่าวันที่พนักงานเก็บภาษีลงลายมือชื่อในใบเสร็จรับเงินเป็นวันที่ชำระภาษี

มาตรา ๕๔ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาจมอบหมายให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐรับชำระภาษีแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็ได้ การชำระภาษีสรรพสามิตดังกล่าว ให้ถือว่าวันที่เจ้าหน้าที่ของส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐได้รับมอบหมายลงลายมือชื่อในใบเสร็จรับเงินเป็นวันที่ชำระภาษี

มาตรา ๕๕ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกสำหรับการชำระภาษี ผู้เสียภาษีอาจชำระภาษีโดยทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ทะเบียนตอบรับ หรือโดยการชำระผ่านธนาคารหรือโดยวิธีการอื่นใดที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกำหนด การชำระภาษีโดยวิธีการอื่นใดที่กำหนด ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยประกาศกำหนด กรณีที่ชำระภาษีทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ทะเบียนตอบรับ ให้ผู้เสียภาษีชำระค่าภาษีตามที่ได้รับแจ้งการประเมิน โดยส่งธนบัตร ตั๋วแลกเงินไทยหรือเช็ค ที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินของรัฐ สั่งจ่ายให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง และให้ถือว่าวันที่ผู้เสียภาษีส่งทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ทะเบียนตอบรับเป็นวันที่ชำระภาษี กรณีที่ชำระภาษีผ่านธนาคารหรือโดยวิธีการอื่นใดที่กำหนด ให้ถือว่าวันที่ธนาคารหรือผู้ให้บริการรับชำระภาษีออกใบเสร็จรับเงินหรือหลักฐานการชำระเงินให้แก่ผู้เสียภาษีเป็นวันที่ชำระภาษี

มาตรา ๕๖ ในการชำระภาษีตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้เสียภาษีอาจขอผ่อนชำระเป็นงวดๆตลอดห้าๆ คนก็ได้ จำนวนงวดและจำนวนเงินภาษีขั้นต่ำที่จะมีสิทธิ์ผ่อนชำระ รวมทั้งหลักเกณฑ์และวิธีการในการผ่อนชำระให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ในกรณีที่ผู้เสียภาษีขอผ่อนชำระภาษีแต่ไม่ชำระภาษีตามระยะเวลาที่กำหนดในการผ่อนชำระ ให้ผู้เสียภาษีชำระเงินภาษีที่ค้างผ่อนชำระ และต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละหนึ่งต่อเดือนของจำนวนภาษีที่ค้างชำระ เศษของเดือนให้นับเป็นหนึ่งเดือน

มาตรา ๕๗ ในกรณีที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมอบอำนาจให้กรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีหรือไม่มอบอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดเก็บภาษี ให้การชำระภาษีเป็นไปตามวิธีการที่กรมสรรพสามิตกำหนด การชำระภาษีตามวิธีการที่กรมสรรพสามิตกำหนด จะถือว่าวันที่ผู้เสียภาษีส่งใบแจ้งชำระภาษีให้แก่เจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตเป็นวันที่ชำระภาษี

ในกรณีที่ต้องมีการชำระภาษีเพิ่มเติม ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแจ้งการประเมินภาษีตามพระราชบัญญัติ และส่งแบบประเมินภาษีแก่ผู้เสียภาษี และให้ผู้เสียภาษีชำระภาษีที่ต้องเสียเพิ่มเติมโดยไม่ต้องเสียเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่มภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับการประเมิน ในกรณีที่มีการชำระภาษีไว้เกินจำนวนที่ต้องเสีย ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีหนังสือแจ้งให้ผู้เสียภาษีทราบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ตรวจสอบพบว่ามีการประเมินภาษีผิดพลาด เพื่อให้การเงินส่วนที่ชำระเกินคืนแก่ผู้เสียภาษีในทันทีหรือในกำหนดเวลาที่เหมาะสม

มาตรา ๕๔ ผู้ใดเสียภาษีโดยไม่สมควรหรือเสียภาษีเกินจำนวนที่ต้องเสียภาษีอันเนื่องมาจากความผิดพลาดของตนเองหรือจากการประเมินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นั้นมีสิทธิได้รับเงินคืน

การขอรับเงินคืนตามวรรคหนึ่ง ให้ยื่นคำร้องต่อผู้บริหารท้องถิ่นตามแบบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยประกาศกำหนด ภายในสามปีนับแต่วันที่ชำระภาษี ในการนี้ให้ผู้ยื่นคำร้องแสดงหลักฐาน หรือคำชี้แจงใด ๆ ประกอบคำร้องด้วย ให้ผู้บริหารท้องถิ่นพิจารณาคำร้องและแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ยื่นคำร้องทราบภายในกำหนดเวลาที่เหมาะสม ทั้งนี้ ในกรณีที่ผู้บริหารท้องถิ่นพิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ยื่นคำร้องมีสิทธิได้รับเงินคืน ให้ผู้บริหารท้องถิ่นคืนเงินให้แก่ผู้ยื่นคำร้อง โดยต้องแจ้งคำสั่งให้ผู้ยื่นคำร้องทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่มีคำสั่ง ในกรณีที่มีคำสั่งให้คืนเงินแก่ผู้ยื่นคำร้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาจคืนเงินให้แก่ผู้ยื่นคำร้องเป็นเงินสดหรือเช็ค หรือโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ยื่นคำร้องตามที่ผู้ยื่นคำร้องแจ้ง ทั้งนี้ หากผู้ยื่นคำร้องไม่ขอรับเงินคืนในภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ให้เงินนั้นตกเป็นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

หมวด ๗ การลดและการยกเว้นภาษี

มาตรา ๕๕ การลดภาษีสำหรับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างบางประเภท เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพความจำเป็นทางเศรษฐกิจ สังคม เหตุการณ์ ภัยการ หรือสถานการณ์พิเศษที่อาจทำให้กระทบต่อการเป็นอยู่ของราษฎรอย่างร้ายแรง แต่ต้องไม่เกินกว่าที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา

มาตรา ๕๖ ในกรณีที่ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างบางประเภทหรือบางกรณีสมควรลดภาษีหรือยกเว้นภาษีเพื่อความเหมาะสมกับสภาพความจำเป็นทางเศรษฐกิจ สังคม เหตุการณ์ ภัยการ หรือสถานการณ์พิเศษที่อาจทำให้กระทบต่อการเป็นอยู่ของราษฎรอย่างร้ายแรง ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดให้ลดภาษีหรือยกเว้นภาษีสำหรับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างบางประเภทหรือบางกรณี ทั้งนี้ ตามระยะเวลาที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเห็นสมควร แต่ต้องไม่เกินกว่าที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา

มาตรา 59 ในกรณีที่มีเหตุอันทำให้เชื่อได้ว่ามีความเสียหายหรือทำให้สิ่งปลูกสร้างถูกชำรุดหรือทำให้ความเสียหายอันเป็นเหตุให้ต้องทำการซ่อมแซมในส่วนสำคัญ ให้ผู้เสียภาษีสิ่งปลูกสร้างดำเนินการร้องขอเข้ามาสำรวจข้อเท็จจริงต่อผู้บริหารท้องถิ่นหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้รับมอบหมายจากผู้บริหารท้องถิ่นภายในระยะเวลาที่กระทรวงมหาดไทยประกาศกำหนด

เมื่อมีการสำรวจข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่ามีความเสียหายจริง ให้จัดการดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากปรากฏข้อเท็จจริงเป็นที่เชื่อได้ว่ามีเหตุให้ต้องลดราคาประเมินทุนทรัพย์ ให้ผู้บริหารท้องถิ่นแจ้งให้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ทราบเพื่อพิจารณาและดำเนินการตามมาตรา 60 หรือผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาและดำเนินการตามมาตรา 61 แล้วแต่กรณี หากคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์หรือผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นชอบด้วย ให้ผู้บริหารท้องถิ่นดำเนินการแก้ไขบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่ได้รับประโยชน์จากที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างนั้น

หมวด 8 ภาษีล่าช้าชำระ

มาตรา 58 ภาษีที่ไม่ได้ชำระในเวลาที่กำหนด ให้ถือเป็นภาษีล่าช้าชำระ

มาตรา 59 การลงทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างตามพระราชบัญญัตินี้ จะกระทำได้ เมื่อปรากฏหลักฐานทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือสำนักงานที่ดินว่า ภาษีล่าช้าชำระสำหรับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างนั้น ชำระเป็นกรณีตามมาตรา 27

มาตรา 60 ภายในเดือนมิถุนายนของปี ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแจ้งรายการภาษีล่าชำระให้สำนักงานที่ดินหรือสำนักงานที่ดินสาขา ซึ่งที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างอยู่ในเขตท้องที่ของสำนักงานที่ดินหรือสำนักงานที่ดินสาขานั้นทราบ เพื่อเป็นข้อมูลในการตรวจสอบและนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ต่อไป เว้นแต่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและสำนักงานที่ดินหรือสำนักงานที่ดินสาขาจะตกลงกันตามเงื่อนไขอย่างอื่น

มาตรา 61 เพื่อประโยชน์ในการเร่งรัดการชำระภาษีล่าชำระ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีหนังสือแจ้งเตือนผู้เสียภาษีที่มีภาษีล่าชำระภายในเดือนพฤษภาคมของปี เพื่อให้มาชำระภาษีล่าชำระพร้อมทั้งเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามที่กำหนดในหมวด 9

มาตรา 62 ถ้าผู้เสียภาษียังมิได้ชำระภาษีล่าชำระ เบี้ยปรับและเงินเพิ่มภายในเวลาที่กำหนดไว้ในหนังสือแจ้งเตือนตามมาตรา 61 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีหนังสือแจ้งเตือนครั้งสุดท้าย ให้ผู้เสียภาษีชำระภาษีล่าชำระ เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และค่าใช้จ่ายอื่นภายในเวลาการยึดทรัพย์ของผู้เสียภาษีที่ไม่ชำระภาษีล่าชำระ เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง

อายัด และขายทอดตลาดทรัพย์สินนั้นไม่ได้ แต่ห้ามมิให้อายัด อายัด และขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้เสียภาษีในกรณีว่าภาระจำเป็นของครัวเรือนที่จำเป็นสำหรับการยังชีพ เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามคำสั่งเป็นหน้าที่ของอธิบดี อายัด และขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้บริหารท้องถิ่นตามวรรคหนึ่ง ในกรณีที่เป็นนายกเทศมนตรี นายองค์การบริหารส่วนตำบล และนายเมืองพัทยา ต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ว่าราชการจังหวัด วิธีการอายัด และขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้เสียภาษีตามมาตรา 26 ให้ดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีการทางปกครองและไม่ให้นำประมวลกฎหมายวิธีการทางปกครองมาใช้บังคับโดยอนุโลม เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ การอายัด อายัด และขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้เสียภาษี ไม่ให้นำมาตราว่าด้วยการอายัด อายัด และขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้เสียภาษีที่ทำการอายัดแทนตามมาตรา 9

มาตรา 26 เพื่อประโยชน์ในการอายัดหรืออายัดทรัพย์สินตามมาตรา 26 ให้ผู้บริหารท้องถิ่นหรือเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้บริหารท้องถิ่นมีอำนาจ (1) เรียกผู้เสียภาษีมาให้ถ้อยคำ (2) สั่งให้ผู้เสียภาษีนำบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานอื่นซึ่งจำเป็นในการจัดเก็บภาษีค่าธรรมเนียมการอายัด ออกมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่จัดเก็บภาษีหรือค่าธรรมเนียม หรือจัดเก็บภาษีของผู้เสียภาษี (3) สั่งให้ผู้เสียภาษีหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องจัดทำบัญชีหรือเอกสารที่จำเป็นในการจัดเก็บภาษีค่าธรรมเนียมการอายัด หรือ (4) ต้องให้เจ้าหน้าที่ไม่อยากนำไปแจ้งงานในวันที่ได้รับหนังสือแจ้งหรือคำสั่ง และการออกคำสั่งและการทำงาน (3) หรือ (4) ต้องเป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยประกาศกำหนด

มาตรา 27 ในกรณีที่มีการอายัดหรืออายัดทรัพย์สินของผู้เสียภาษีตามมาตรา 26 ถ้าผู้เสียภาษีได้ชำระเงินภาษีค่าธรรมเนียมค่าภาษีอากร เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และค่าใช้จ่ายอื่นอันเนื่องมาจากการอายัดหรืออายัดทรัพย์สินโดยครบถ้วนก่อนการขายทอดตลาด ให้ผู้บริหารท้องถิ่นหรือเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้บริหารท้องถิ่นยุติการอายัดหรืออายัดทรัพย์สินนั้น และดำเนินการคืนทรัพย์สินหรือเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดให้แก่ผู้เสียภาษีโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้หลังจากที่ผู้เสียภาษีได้ชำระค่าภาษีอากร เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และค่าใช้จ่ายอื่นอันเนื่องมาจากการอายัดหรืออายัดทรัพย์สินครบถ้วนแล้ว

มาตรา 28 การขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้เสียภาษีตามมาตรา 26 จะต้องไม่มีในระหว่างระยะเวลาที่ฟ้องคดีหรืออยู่ระหว่างการอุทธรณ์ตามมาตรา 27 หรือให้งดไว้เพื่อเป็นคดีต่อศาลตามมาตรา 26 และตลอดเวลาที่การพิจารณาและการตัดสินคดีดังกล่าวยังไม่สิ้นสุด

มาตรา 26 เงินที่ได้จากการขายทอดตลาดตามมาตรา 26 ให้ถือว่าเป็นค่าภาษีค่าชำระ เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และค่าใช้จ่ายอื่นอันเนื่องมาจากการยึด อายัด และขายทอดตลาด ทรัพย์สินนั้นเหลือเท่าใดให้คืนแก่ผู้เสียภาษี

มาตรา 27 ในกรณีที่มีการขายทอดตลาดที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างใดตามคำพิพากษาก่อนทำการขายทอดตลาด ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือเจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งให้เจ้าพนักงานประเมินหรือเจ้าพนักงานสรรพากรที่รับผิดชอบเรื่องค่าภาษีแจ้งจำนวนเงินค่าภาษีที่ค้างชำระให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบก่อนการขายทอดตลาด และเมื่อมีการขายทอดตลาดแล้วให้เจ้าพนักงานบังคับคดีส่งเงินที่ได้รับจากการขายทอดตลาดให้แก่เจ้าพนักงานสรรพากร และนำส่งเงินดังกล่าวให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อชำระค่าภาษีที่ค้างชำระดังกล่าว

หมวด 9 เบี้ยปรับและเงินเพิ่ม

มาตรา 28 ในกรณีที่ผู้เสียภาษีมีได้ชำระภาษีภายในเวลาที่กำหนด ให้เสียเบี้ยปรับร้อยละสิบของจำนวนภาษีที่ค้างชำระ เว้นแต่ผู้เสียภาษีได้ชำระภาษีภายในเวลาที่ขยายออกไปตามมาตรา 26 ให้เสียเบี้ยปรับร้อยละสิบของจำนวนภาษีที่ค้างชำระ

มาตรา 29 ในกรณีที่ผู้เสียภาษีมีได้ชำระภาษีภายในเวลาที่กำหนด แต่ต้องจ่ายภาษีภายในเวลาที่กำหนดให้ชำระเงินเพิ่มในอัตราร้อยละหนึ่งต่อเดือนของจำนวนภาษีที่ค้างชำระ

มาตรา 30 ผู้เสียภาษีมีได้ชำระภาษีในเวลาที่กำหนด ให้เสียเงินเพิ่มอีกร้อยละหนึ่งต่อเดือนของจำนวนภาษีที่ค้างชำระ เศษของเดือนให้นับเป็นหนึ่งเดือน ทั้งนี้ ให้ไม่นับเบี้ยปรับมารวมคำนวณเพื่อเสียเงินเพิ่มด้วย

ในกรณีผู้บริหารหรือผู้อนุมัติให้ยกเว้นภาษีในเหตุผลอันควรแก่การยกเว้น และได้มีการชำระภาษีภายในกำหนดเวลาที่ขยายให้นั้น เงินเพิ่มตามวรรคหนึ่งให้ลดลงหรือยกเว้นตามที่กำหนดหรือเหตุผลเดือน เงินเพิ่มตามวรรคหนึ่ง ให้ไม่นับเป็นองค์ประกอบในการคำนวณภาษีเงินได้ที่มีการชำระภาษี แต่ให้ถือเป็นภาระภาษีที่ต้องชำระโดยไม่รวมเบี้ยปรับ และไม่ให้คำนวณดอกเบี้ย

มาตรา 31 เบี้ยปรับจากยอดหรือผลได้ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา 32 เบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามพระราชบัญญัตินี้ถือเป็นภาษี

หมวด 10 การค้าค้นและการอุทธรณ์การประเมินภาษี

มาตรา 13 ผู้เสียภาษีผู้ใดได้รับแจ้งการประเมินภาษีตามมาตรา 45 หรือมาตรา 45 ทวิ หรือการเรียกเก็บภาษีตามมาตรา 12 แล้วเห็นว่าการประเมินภาษีหรือการเรียกเก็บภาษีนั้นไม่ถูกต้อง ให้มีสิทธิคัดค้านและขอให้ผู้บริหารท้องถิ่นพิจารณาทบทวนการประเมินหรือการเรียกเก็บภาษีนั้น โดยให้ยื่นคำร้องต่อผู้บริหารท้องถิ่นภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการประเมินหรือการเรียกเก็บภาษีดังกล่าว ทั้งนี้ ภายในเวลาสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการประเมินหรือการเรียกเก็บภาษี แล้วแต่กรณี

ผู้บริหารท้องถิ่นต้องพิจารณาคำร้องของผู้เสียภาษีและแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้เสียภาษีทราบโดยไม่ชักช้า กรณีผู้บริหารท้องถิ่นพิจารณาคำร้องของผู้เสียภาษีไม่แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าผู้บริหารท้องถิ่นเห็นชอบกับคำร้องของผู้เสียภาษี ในกรณีที่ผู้บริหารท้องถิ่นพิจารณาเห็นชอบกับคำร้องของผู้เสียภาษี ให้แจ้งจำนวนภาษีที่ต้องเสียเพิ่มเติมหรือเงินส่วนที่ต้องชำระคืนแก่ผู้เสียภาษี และให้ผู้เสียภาษีชำระเงินภาษีภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งผลการพิจารณาดังกล่าว ในกรณีที่ผู้บริหารท้องถิ่นพิจารณาไม่เห็นชอบกับคำร้องของผู้เสียภาษี ให้ผู้เสียภาษีนั้นมีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การประเมินภาษี โดยยื่นอุทธรณ์ต่อผู้บริหารท้องถิ่นภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งผลการพิจารณา ทั้งนี้ ให้ผู้บริหารท้องถิ่นส่งคำอุทธรณ์พร้อมทั้งความเห็นของตนไปยังคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การประเมินภาษีเพื่อพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์ให้ผู้เสียภาษีทราบโดยเร็ว การคัดค้านการประเมินภาษีไม่เป็นการงดเว้นการชำระภาษี เว้นแต่ผู้บริหารท้องถิ่นหรือคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การประเมินภาษีจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ในกรณีที่ผู้เสียภาษีไม่ชำระภาษีภายในกำหนดเวลา ให้ผู้บริหารท้องถิ่นมีอำนาจเรียกเก็บเงินเพิ่มจากจำนวนภาษีที่ค้างชำระในอัตราร้อยละสองต่อเดือนของจำนวนภาษีที่ค้างชำระ ทั้งนี้ การคำนวณเงินเพิ่มให้คิดเป็นรายวันตามจำนวนวันที่ค้างชำระ ในกรณีที่ผู้บริหารท้องถิ่นให้เหตุอันควรที่จะระงับการชำระภาษีไว้แล้ว ถ้าต่อมาปรากฏว่าผู้เสียภาษีเป็นฝ่ายแพ้คดีหรือหากมีคำสั่งให้ชำระภาษีหรือชำระภาษีบางส่วน ให้ผู้บริหารท้องถิ่นมีอำนาจเรียกเก็บเงินเพิ่มจากจำนวนภาษีที่ค้างชำระในอัตราร้อยละสองต่อเดือนของจำนวนภาษีที่ค้างชำระ ทั้งนี้ การคำนวณเงินเพิ่มให้คิดเป็นรายวันตามจำนวนวันที่ค้างชำระ

มาตรา 14 ให้มีคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ เรียกว่า “คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การประเมินภาษีประจำจังหวัด” ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานกรรมการ ที่ดินจังหวัด ธนาคารที่ดิน โดยมีการแต่งตั้งและมีมติของจังหวัด สรรพากรพื้นที่ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งจำนวนสามที่นั่ง ผู้แทนของผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดจำนวนไม่เกินสองคน ตามแต่ละกรณีโดยที่มติที่ประชุม และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งจำนวนไม่เกินสองคน เป็นกรรมการ

ให้ผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นเลขานุการ เป็นผู้พิจารณาร่วมกับเลขานุการของผู้บริหารท้องถิ่นตามมาตรา 5 ทั้งนี้ ตามระเบียบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกำหนด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัด เป็นเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการ

มาตรา ๔๕ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การประเมินภาษีกรุงเทพมหานคร” ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานกรรมการ อธิบดีกรมที่ดิน อธิบดีกรมธนารักษ์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น อธิบดีกรมสรรพากร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแต่งตั้งอีกจำนวนไม่เกินสองคน เป็นกรรมการ

ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแต่งตั้งข้าราชการสังกัดกรุงเทพมหานคร เป็นเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการ เมื่อประธานกรรมการหรือกรรมการรายใดพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา ๔๗ และมาตรา ๔๘ มีการยกร่างตำแหน่งใหม่คราวละสามปี

มาตรา ๔๖ ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๔๕ และมาตรา ๔๕ มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสามปี

เมื่อครบกำหนดตามวาระในวรรคหนึ่ง หากยังไม่ได้มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่ ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้น อยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่ากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับแต่งตั้งใหม่จะเข้ารับหน้าที่ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระไม่ได้

มาตรา ๔๗ นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๔๕ และมาตรา ๔๕ พ้นจากตำแหน่งเมื่อ

ตาย

ลาออก

เป็นบุคคลล้มละลาย

เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ

ถูกจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก

คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การประเมินภาษีมีมติสำคัญให้ออกจากตำแหน่งบางกรณีอย่างอื่นที่หรือมีความประพฤติเสื่อมเสียอย่างร้ายแรง ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ให้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การประเมินภาษีแต่งตั้งผู้ซึ่งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแทน และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างนั้นอยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่าที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่พ้นตำแหน่งแล้ว

มาตรา ๔๘ การประชุมคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การประเมินภาษี ให้มีความในมาตรา ๑๗ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

มาตรา ๔๙ ในการปฏิบัติหน้าที่ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การประเมินภาษีจะมีข้อเสนอใดที่มีผลให้การประเมินภาษีหรืออำนาจการจัดเก็บลดลงมิได้เว้นแต่มีข้อร่วมกันได้

มาตรา ๑๐ เพื่อประโยชน์ในการวินิจฉัยอุทธรณ์ ให้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ การประเมินภาษีมีอำนาจออกหนังสือเรียกผู้ถูกอุทธรณ์หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง มาให้ถ้อยคำหรือส่งเอกสารหรือหลักฐานอื่นมาแสดงได้ โดยให้เจาะจงเหตุผลที่จำเป็นว่าข้อเท็จจริงในหนังสือนั้นจะได้รับหนังสือเรียก

ผู้ถูกอุทธรณ์ซึ่งไม่ปฏิบัติตามหนังสือเรียกของกรรมการดังกล่าวนี้ โดยไม่มีเหตุอันสมควร คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การประเมินภาษีอาจอนุญาตหรือยกอุทธรณ์นั้นเสียก็ได้

มาตรา ๑๑ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การประเมินภาษี เมื่อพิจารณาเรื่องอุทธรณ์ การประเมินภาษี ให้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การประเมินภาษีให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาที่กำหนดตามวรรคสองซึ่งอาจขยายได้ ให้ผู้ถูกอุทธรณ์มีสิทธิยื่นคำคัดค้านต่อศาลได้ โดยไม่ต้องรอฟังผลการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การประเมินภาษี แต่ต้องยื่นฟ้องต่อศาลภายในสามสิบวันนับแต่วันที่พ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าว

ในกรณีที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การประเมินภาษี มีคำวินิจฉัยให้คืนเงินแก่ผู้ถูกอุทธรณ์ ให้แจ้งคำวินิจฉัยไปยังผู้รับคำร้องที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการคืนเงินแก่ผู้ถูกอุทธรณ์ภายในกำหนดวันที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การประเมินภาษีกำหนด ให้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การประเมินภาษี สั่งคืนหรือหักเงินให้คืนตามคำวินิจฉัยนั้นในกรณีที่มีคำวินิจฉัยให้คืนเงิน แต่ต้องไม่เกินจำนวนเงินที่ได้รับคืน ถ้าผู้ถูกอุทธรณ์ไม่รับเงินคืนภายในกำหนดวันที่บัญญัติไว้ในคำวินิจฉัย ให้เงินคืนตกเป็นของกรมภาษีอากรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

มาตรา ๑๒ ผู้กระทำผิดอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การประเมินภาษี โดยต้องยื่นคำคัดค้านภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์

หมวด ๑๑

บทกำหนดโทษ

มาตรา ๔๓ ผู้ใดฝ่าฝืนการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนตามมาตรา ๒๘ หรือมาตรา ๒๙ หรือของผู้บริหารท้องถิ่นหรือเจ้าหน้าที่ผู้ซึ่งผู้บริหารท้องถิ่นมอบหมายตามมาตรา ๒๓ (๓) หรือ (๔) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๔๔ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามหนังสือเรียกของผู้บริหารท้องถิ่น ตามมาตรา ๒๘ หรือของพนักงานสอบสวนตามมาตรา ๔๕ หรือหนังสือเรียกของผู้บริหารท้องถิ่นหรือเจ้าหน้าที่ผู้ซึ่งผู้บริหารท้องถิ่นมอบหมายตามมาตรา ๒๓ (๓) หรือ (๔) ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท

มาตรา ๔๕ ผู้ใดไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๓๓ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

มาตรา ๔๖ ผู้ใดทำด้วยการขัดขวางหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บริหารท้องถิ่นตามมาตรา ๒๖ หรือคำสั่ง ย้ายไปเสีย ซ่อมแซม หรือเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือคำสั่งให้แก้ไขการกระทำที่เป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เงินค่าปรับที่ได้จากการเปรียบเทียบตามพระราชบัญญัตินี้เกิดขึ้นในเขตขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใด ให้ตกเป็นรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น บทเฉพาะกาล

มาตรา ๓๓ บัญชีผู้เสียภาษีตามกฎหมายว่าด้วยภาษีโรงเรือนและที่ดิน กฎหมายว่าด้วยภาษีบำรุงท้องที่ และกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรการคลังระหว่างรัฐและท้องถิ่นที่จัดทำขึ้นสำหรับการจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ของลูกค้าโดยพระราชบัญญัติ ให้คงใช้บังคับต่อไป ในการจัดเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดินและภาษีบำรุงท้องที่ ที่ต้องเสียภาษีหรือที่พึงชำระหรือที่ค้างชำระซึ่งถึงกำหนดวันชำระ ณ วันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

มาตรา ๓๔ ให้กรมที่ดินจัดส่งข้อมูลรูปแบบสิ่งปลูกสร้างและข้อมูลเอกสารสิทธิของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น ๆ เพื่อใช้ในการเตรียมการจัดเก็บภาษีภายในกำหนดวันที่บังคับพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

การจัดส่งข้อมูลให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามวรรคหนึ่ง ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยวิธีการที่เป็นธรรมและหรือที่อาจตามประกาศกำหนดตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด

มาตรา ๓๕ ให้บังคับความในมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับแก่การจัดเก็บภาษีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีมูลค่าของฐานภาษีไม่เกินห้าสิบล้านบาท หรือสิ่งปลูกสร้างไว้ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

มาตรา ๓๖ ในสองปีแรกของการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้อัตราการจัดเก็บมูลค่าของฐานภาษี ดังต่อไปนี้

ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม (ก) มูลค่าของฐานภาษีไม่เกินห้าสิบล้านบาท ให้ใช้อัตราการย่อยศูนย์จุดศูนย์หนึ่ง (ข) มูลค่าของฐานภาษีเกินห้าสิบล้านบาท แต่ไม่เกินหนึ่งร้อยล้านบาท ให้ใช้อัตราการย่อยศูนย์จุดศูนย์สอง (ค) มูลค่าของฐานภาษีเกินหนึ่งร้อยล้านบาท แต่ไม่เกินห้าร้อยล้านบาท ให้ใช้อัตราการย่อยศูนย์จุดศูนย์สาม (ง) มูลค่าของฐานภาษีเกินห้าร้อยล้านบาท แต่ไม่เกินหนึ่งพันล้านบาท ให้ใช้อัตราการย่อยศูนย์จุดศูนย์ห้า (จ) มูลค่าของฐานภาษีเกินหนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป ให้ใช้อัตราการย่อยศูนย์จุดหนึ่ง

ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เจ้าของซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาใช้เป็นที่อยู่อาศัยและชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร (ก) มูลค่าของฐานภาษีไม่เกินสิบล้านบาท ให้ใช้อัตราภาษีร้อยละศูนย์จุดศูนย์ห้า (ข) มูลค่าของฐานภาษีเกินสิบล้านบาท แต่ไม่เกินห้าสิบล้านบาท ให้ใช้อัตราภาษีร้อยละศูนย์จุดศูนย์เจ็ดห้า (ค) มูลค่าของฐานภาษีเกินห้าสิบล้านบาทขึ้นไป ให้ใช้อัตราภาษีร้อยละศูนย์จุดหนึ่ง (ง) ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัยโดยการยื่นขอจดทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร (จ) มูลค่าของฐานภาษีไม่เกินห้าสิบล้านบาท ให้ใช้อัตราภาษีร้อยละศูนย์จุดศูนย์สอง (ฉ) มูลค่าของฐานภาษีเกินห้าสิบล้านบาท แต่ไม่เกินหนึ่งร้อยล้านบาท ให้ใช้อัตราภาษีร้อยละศูนย์จุดศูนย์สาม (ช) มูลค่าของฐานภาษีเกินหนึ่งร้อยล้านบาทขึ้นไป ให้ใช้อัตราภาษีร้อยละศูนย์จุดศูนย์ห้า (ซ) ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัยโดยการยื่นขอจดทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร (ฌ) มูลค่าของฐานภาษีไม่เกินห้าสิบล้านบาท ให้ใช้อัตราภาษีร้อยละศูนย์จุดศูนย์สอง (ญ) มูลค่าของฐานภาษีเกินห้าสิบล้านบาท แต่ไม่เกินหนึ่งร้อยล้านบาท ให้ใช้อัตราภาษีร้อยละศูนย์จุดศูนย์สาม (ฎ) มูลค่าของฐานภาษีเกินหนึ่งร้อยล้านบาทขึ้นไป ให้ใช้อัตราภาษีร้อยละศูนย์จุดศูนย์ห้า (ฏ) ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์นอกจากการประกอบเกษตรกรรมและเป็นที่อยู่อาศัย (ฐ) มูลค่าของฐานภาษีไม่เกินห้าสิบล้านบาท ให้ใช้อัตราภาษีร้อยละศูนย์จุดศูนย์สอง (ฑ) มูลค่าของฐานภาษีเกินห้าสิบล้านบาท แต่ไม่เกินหนึ่งร้อยล้านบาท ให้ใช้อัตราภาษีร้อยละศูนย์จุดศูนย์สาม (ฒ) มูลค่าของฐานภาษีเกินหนึ่งร้อยล้านบาทขึ้นไป ให้ใช้อัตราภาษีร้อยละศูนย์จุดศูนย์ห้า (ณ) มูลค่าของฐานภาษีไม่เกินห้าสิบล้านบาท ให้ใช้อัตราภาษีร้อยละศูนย์จุดศูนย์สอง (ด) มูลค่าของฐานภาษีเกินห้าสิบล้านบาท แต่ไม่เกินหนึ่งร้อยล้านบาท ให้ใช้อัตราภาษีร้อยละศูนย์จุดศูนย์สาม (ต) มูลค่าของฐานภาษีเกินหนึ่งร้อยล้านบาทขึ้นไป ให้ใช้อัตราภาษีร้อยละศูนย์จุดศูนย์ห้า ``` (ก) มูลค่าของฐานภาษีเกินสองร้อยล้านบาท แต่ไม่เกินห้าร้อยล้านบาท ให้ใช้อัตราภาษีร้อยละสี่จุดหกห้า (ข) มูลค่าของฐานภาษีเกินห้าร้อยล้านบาท แต่ไม่เกินหนึ่งพันล้านบาท ให้ใช้อัตราภาษีร้อยละสี่จุดหกศูนย์ (ค) มูลค่าของฐานภาษีเกินหนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป ให้ใช้อัตราภาษีร้อยละสี่จุดหกศูนย์ห้า

มาตรา ๕๔ ในกรณีโครงการคำนวณภาษีตามพระราชบัญญัตินี้ ให้เจ้าภาษีของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งจำแนกได้ตามมาตรา ๔๕ หักด้วยมูลค่าฐานภาษีตามมาตรา ๕๐ หรือมาตรา ๕๑ แล้วคูณด้วยอัตราภาษีตามมาตรา ๕๔ ตามสัดส่วนที่กำหนดในมาตรา ๕๓ ผลลัพธ์ที่ได้เป็นจำนวนภาษีที่ต้องเสีย

เพื่อประโยชน์ในการคำนวณจำนวนภาษีตามพระราชบัญญัตินี้ กรณีที่ดินหลายแปลงซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกันและเป็นของเจ้าของเดียวกัน ให้ถือว่ามูลค่าที่ดินทั้งหมดรวมกันเป็นฐานภาษี

มาตรา ๕๕ เพื่อเป็นการบริหารการจัดเก็บภาษี ในกรณีเป็นการออกจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามพระราชบัญญัตินี้ ให้คำนวณว่าการจัดเก็บภาษีสำหรับเจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่มีฐานภาษีตามธรรมดาและใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม

มาตรา ๕๖ เพื่อเป็นการบริหารการจัดเก็บภาษี ในกรณีเป็นการออกจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามพระราชบัญญัตินี้ ให้คำนวณว่าการจัดเก็บภาษีสำหรับเจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่มีฐานภาษีตามธรรมดาและใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม

ต้องเสียภาษีหรือจ่ายไปก่อน เฉลี่ยอัตราภาษีเท่าใด ให้ผู้เสียภาษีชำระภาษีดังนี้

ปีที่หนึ่ง ร้อยละสิบจากจำนวนภาษีที่เหลือ

ปีที่สอง ร้อยละห้าสิบของจำนวนภาษีที่เหลือ

ปีที่สาม ร้อยละเจ็ดสิบของจำนวนภาษีที่เหลือ

มาตรา ๕๗ การดำเนินการออกกฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในห้าร้อยสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ หากไม่สามารถดำเนินการได้ ให้รัฐมนตรีรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ

ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ``` หมาเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่กฎหมายว่าด้วยการชั่งตวง และตวงและกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดที่ใช้บังคับอยู่ในเวลานี้มีความล้าสมัย การดำเนินการพัฒนากฎหมายทั้งสองฉบับไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน สมควรแก้ไขกฎหมายทั้งสองฉบับดังกล่าวและให้มีกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดและสิ่งปลูกสร้างแทน โดยมุ่งเน้นการปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้รับผิดชอบการจัดเก็บรายได้หลักๆ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัติฉบับนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พัชราภรณ์/ธนบดี/จัดทำ 13 มีนาคม 2562 นุสรา/ตรวจ 17 มีนาคม 2562