로고

พระราชบัญญัติ การบริหารการแปลงบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด พ.ศ. ๒๕๖๖ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร

ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นปีที่ ๘ ในรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการ โปรดเกล้า ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการบริหารการแปลงบำบัดฟื้นฟูเด็กและ เยาวชนที่กระทำผิด พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของ บุคคล ซึ่งมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๓๖ และมาตรา ๓๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่ง กฎหมาย เหตุผลและความจำเป็นในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามพระราชบัญญัติ นี้เพื่อให้กลไกการบริหารการแปลงบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่กระทำผิดเป็นรูปธรรมการเป็นไป อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ อันจะเป็นประโยชน์ในการคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็กและเยาวชน และความสงบเรียบร้อยของสังคม ดังการตราพระราชบัญญัตินี้สอดคล้องกับเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ ในมาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้ตราพระราชบัญญัตินี้ไว้ด้วยคำแนะนำและยินยอม ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่มีรัฐธรรมนูญ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติการบริหารการแปลงบำบัด ฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด พ.ศ. ๒๕๖๖” มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้ - ๒ - “เด็ก” หมายความว่า เด็กตามกฎหมายว่าด้วยศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว “เยาวชน” หมายความว่า เยาวชนตามกฎหมายว่าด้วยศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว “สถานพินิจ” หมายความว่า สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน “ศูนย์ฝึกและอบรม” หมายความว่า ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน “สถานที่ควบคุม” หมายความว่า สถานที่ควบคุมของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน “การจำแนก” หมายความว่า การแยกและจัดประเภทเด็กและเยาวชนเพื่อกำหนดวิธีการปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชน และการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูที่เหมาะสมตามสภาพปัญหาและความจำเป็นของเด็กและเยาวชน “สิ่งของต้องห้าม” หมายความว่า สิ่งของต้องห้ามนำเข้าไปในสถานที่ควบคุมของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการบริหารการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด “กรรมการ” หมายความว่า กรรมการบริหารการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด “เจ้าพนักงานพินิจ” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งตามกฎหมายว่าด้วยศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวให้ปฏิบัติการในฐานะเจ้าพนักงานพินิจ “ผู้อำนวยการ” หมายความว่า ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน “อธิบดี” หมายความว่า อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวง ระเบียบ หรือประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวง ระเบียบ หรือประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ หมวด ๑ คณะกรรมการบริหารการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด มาตรา ๕ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการบริหารการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด” ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นรองประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงแรงงาน ปลัดกระทรวง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สารธารณสุข เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาแผนกคดีครอบครัวและคดีเยาวชน อัยการสูงสุด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อธิบดีกรมควบคุมโรค อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และเลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ด้านจิตวิทยา ด้านสังคมสงเคราะห์ ด้านสาธารณสุข และด้านสังคมวิทยา ด้านละหนึ่งคน เป็นกรรมการ ให้รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์และเลขานุการกรมราชทัณฑ์ และให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์แต่งตั้งข้าราชการกรมราชทัณฑ์ และผู้ควบคุมเด็กและเยาวชนจำนวนไม่เกินสองคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ มาตรา ๒ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องมีคุณสมบัติดังนี้และไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ (๑) มีสัญชาติไทย (๒) มีอายุไม่ต่ำกว่าสามสิบห้าปี (๓) ไม่เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต (๔) ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ (๕) ไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก ไม่ว่าจะได้รับโทษจำคุกจริงหรือไม่ เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ (๖) ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก ให้ออก หรือเลิกจ้างจากหน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานของเอกชนเพราะทุจริตต่อหน้าที่ ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง หรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ มาตรา ๓ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสามปี ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ให้ผู้ได้รับแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่ในกรณีดังกล่าวดำรงตำแหน่งได้เท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิม แต่ทั้งนี้รวมระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมแล้วไม่เกินสองวาระติดต่อกัน และในกรณีที่ให้คณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการที่เหลืออยู่ เมื่อครบกำหนดวาระตามวรรคหนึ่ง หากยังมิได้มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใหม่ ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้นคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใหม่ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระ อาจได้รับแต่งตั้งอีก แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระไม่ได้ มาตรา ๔ นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งเมื่อ (๕) ตาย (๖) ลาออก (๗) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๖ (๘) รัฐบาลหรือออกจากตำแหน่ง เพราะขาดประชุมต่อหน้าที่ มีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือหย่อนความสามารถ มาตรา ๙ คณะกรรมการมีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้ (๑) เสนอแนะนโยบายและแผนในการบริหารการแก้ไขปัญหาฟื้นฟูเด็กและเยาวชน ที่กระทำผิด เพื่อให้สอดคล้องกับกระบวนการยุติธรรมสำหรับเด็กและเยาวชนต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ ความเห็นชอบ (๒) ให้คำแนะนำหรือคำปรึกษาแก่รัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวง ระเบียบ และ ประกาศ ตามพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งให้คำแนะนำเกี่ยวกับการออกระเบียบตามพระราชบัญญัติที่ (๓) พิจารณาให้ความเห็นเกี่ยวกับการบริหารการแก้ไขปัญหาฟื้นฟูเด็กและเยาวชน ที่กระทำผิดตามที่คณะรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีขอมา (๔) พิจารณาให้ความเห็นชอบการกำหนดกรอบนโยบายการบริหารงานที่ควบคุม ซึ่งเป็นสาธารณะประโยชน์ปลอดภัย (๕) กำหนดหลักเกณฑ์และแนวทาง มาตรการ หลักสูตร และมาตรการในการแก้ไขฟื้นฟู เด็กและเยาวชนที่กระทำผิด หรือการดำเนินการตามแนวทางการบริหารการแก้ไขปัญหาฟื้นฟูเด็กและ เยาวชนที่กระทำผิด ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสัมฤทธิผล รวมทั้งแนวทางในการดูแลช่วยเหลือ เด็กและเยาวชนเพื่อไม่ให้กลับไปกระทำผิดซ้ำ (๖) ให้คำแนะนำ เสนอแนะ หรือให้ความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง กับการพัฒนาพฤติกรรมเด็กและเยาวชนที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม การติดตามตัวเด็กและเยาวชน เด็กหรือเยาวชนภายหลังปล่อย และการป้องกันการกระทำผิดของเด็กและเยาวชน (๗) กำหนดมาตรฐานการดำเนินงานต่าง ๆ ของเจ้าพนักงานพินิจให้เป็นไปตาม พระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งให้ความเห็นชอบการจัดการฝึกอบรมเจ้าพนักงานพินิจ (๘) พัฒนาวิธีแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ อันเนื่องจากการใช้พระราชบัญญัตินี้ หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน (๙) ปฏิบัติการอื่นตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น มาตรา ๑๐ การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม ในการประชุมแต่ละครั้ง ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติ หน้าที่ได้ ให้รองประธานกรรมการเป็นประธานในที่ประชุม ถ้ารองประธานกรรมการไม่มาประชุม หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนใดที่ไม่เห็นชอบ ในการลงคะแนน ให้ลงคะแนนไว้ในบันทึกการประชุมด้วย กรรมการคนละเสียงถือเป็น เสียงข้างต้น มาตรา ๑๑ คณะกรรมการจะแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่คณะกรรมการมอบหมายก็ได้ การประชุมคณะอนุกรรมการให้ถือความในมาตรา ๑๐ มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม มาตรา ๑๒ ให้กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน หน่วยงานที่เป็นสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการ และประสานงานกับหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กและเยาวชนที่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม การติดตามช่วยเหลือสวัสดิการเด็กหรือเยาวชนภายหลังปล่อย และการป้องกันการกระทำผิดเด็กและเยาวชน รวมทั้งปฏิบัติงานอื่นใดตามที่คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการมอบหมาย หมวด ๒ หน้าที่และอำนาจของเจ้าพนักงานพินิจ มาตรา ๑๓ ให้เจ้าหน้าที่และอำนาจกำหนดหน้าที่และอำนาจของเจ้าพนักงานพินิจในส่วนที่เกี่ยวกับการแสวงหาข้อเท็จจริง ตลอดจนเมื่อปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจนั้นพึงให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับที่กำหนด มาตรา ๑๔ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัตินี้และกฎหมายและระเบียบวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ ทั้งนี้ให้เจ้าพนักงานพินิจแต่ละคนแสดงตนต่อผู้ปกครองของผู้เยาว์ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องเมื่อปฏิบัติหน้าที่ดังต่อไปนี้ (๑) เพื่อป้องกันการหลบหนี เมื่อเจ้าตัวเยาวชนออกมาจากสถานที่ควบคุม หรือ (๒) เพื่อความปลอดภัยของเด็กหรือเยาวชนหรือบุคคลอื่น ในกรณีที่เกิดความไม่สงบในสถานที่ควบคุม การให้เครื่องพันธนาการแก่เด็กและเยาวชนตาม (๑) และ (๒) ต้องให้ผู้เยาวการเป็นผู้พิจารณาสั่งการ และต้องบันทึกความจำเป็นและเหตุผลที่ต้องให้ใช้เครื่องพันธนาการกับเด็กและเยาวชนไว้ด้วย ประเภท ชนิด และขนาดของเครื่องพันธนาการให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๑๕ ให้รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีหน้าที่และอำนาจประกาศกำหนดสถานที่รวมถึงเวลาที่จะอนุญาตให้เยาวชนออกจากสถานที่ควบคุมเพื่อการศึกษา หรือการทำกิจกรรมที่เกิดประโยชน์ตามที่เห็นสมควร ให้เจ้าพนักงานพินิจดำเนินการส่งตัวเยาวชนให้บุคคลหรือหน่วยงานที่ออกเอกสารรับรองความปลอดภัยได้ มาตรา ๑๖ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของสถานที่ควบคุม ให้เจ้าพนักงานพินิจมีหน้าที่และอำนาจตรวจค้นสิ่งของต้องห้าม ตรวจสอบจดหมาย เอกสาร พัสดุภัณฑ์ หรือสิ่งสื่อสารอื่น หรือสกัดกั้นการติดต่อสื่อสารทางโทรคมนาคมหรือทางใด ๆ ซึ่งมีลักษณะต้องห้ามหรืออาจขยายระยะเวลาการร้องทุกข์ ร้องเรียน หรือกรณีเป็นการสื่อสารระหว่างเด็กและเยาวชนที่เข้ารับการพินิจหรือทนายความ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด มาตรา ๑๗ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ เจ้าพนักงานพินิจต้องแสดงบัตรประจำตัวต่อคู่กรณีเสมอ บัตรประจำตัวเจ้าพนักงานพินิจ ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด มาตรา ๑๘ ให้กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจัดให้เจ้าพนักงานพินิจเข้ารับการฝึกอบรมก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้มีการพัฒนาความรู้ ความสามารถ คุณธรรม จริยธรรม และมีประสบการณ์การปฏิบัติงาน รวมถึงการจัดฝึกอบรมเพื่อพัฒนาและความเชี่ยวชาญ ทั้งนี้ ตามหลักสูตรการฝึกอบรมที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ มาตรา ๑๙ ให้เจ้าพนักงานพินิจซึ่งมีหน้าที่การฝึกอบรมตามมาตรา ๑๘ เป็นตำแหน่งที่ต้องมีความรู้ความสามารถเฉพาะด้านเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน และต้องมีคุณสมบัติอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง โดยได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และเงินอื่นตามที่กำหนดโดยกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน หมวด ๓ สถานที่ควบคุม การจำแนก และมาตรฐานสถานที่ควบคุมเด็กและเยาวชน มาตรา ๒๐ เพื่อประโยชน์ในการควบคุมเด็กและเยาวชนที่เข้ารับการพินิจและเพื่อการพัฒนา พฤติกรรมเด็กและเยาวชน อธิบดีอาจประกาศกำหนดให้ห้องแยกภายในสถานที่ควบคุมออกเป็นส่วน ๆ โดยคำนึงถึงเพศและลักษณะการดำเนินคดีและสถานะของเด็กและเยาวชน การจำแนกประเภทและรูปแบบของสถานที่ที่ควบคุม ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด กำหนด มาตรา ๒๑ เพื่อให้การควบคุมเด็กและเยาวชนที่เข้ารับการพินิจเป็นไปตามมาตรฐานและมาตรฐานเดียวกัน ให้จัดทำมาตรฐานสถานที่ควบคุมเด็กและเยาวชน การปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานพินิจ การแก้ไขพฤติกรรมเด็กและเยาวชนที่เข้ารับการพินิจ รวมทั้งการปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชนแต่ละประเภท และการจัดทำรายงานเกี่ยวกับการควบคุมเด็กและเยาวชนที่เข้ารับการพินิจ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด (ข) น้ำสะอาดสำหรับการบริโภคและอุปโภค (ค) ยาสามัญประจำบ้านที่จำเป็น (ง) เสื้อผ้าที่เหมาะสมตามฤดูกาลและสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น (จ) อุปกรณ์นันทนาการและการกีฬา (ฉ) อุปกรณ์ในการศึกษาในขั้นพื้นฐานและการฝึกอบรม (ช) ที่พักอาศัยเพิ่มเติมและเหมาะสมต่อสุขลักษณะ (ซ) สิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ที่จำเป็น หมวด 4 การรับตัว การจำแนก และการพัฒนาพฤติกรรมเด็กและเยาวชน ส่วนที่ 1 การรับตัวเด็กและเยาวชนเข้าสถานที่ควบคุม มาตรา 32 ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจรับตัวเด็กและเยาวชนซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิด ไว้ในระหว่างการสอบสวน หรือการพิจารณาคดี หรือจนกว่าศาลจะมีคำสั่งควบคุมดูแล เพื่อแก้ไขบำบัดฟื้นฟูหรือฝึกอบรมในสถานที่ควบคุม เมื่อได้รับหมายของพนักงานผู้มีอำนาจ มาตรา 33 ในกรณีรับตัวเด็กและเยาวชนเข้าสถานที่ควบคุม ให้เจ้าพนักงาน พิจารณาจัดทำข้อมูลการรับตัว สมุดประวัติเด็กและเยาวชน ชั้นแจ้งสิทธิ หน้าที่ กฎ ระเบียบของสถานที่ ควบคุม และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตนระหว่างอยู่ในสถานที่ควบคุมให้เด็กและเยาวชนทราบ รวมทั้งจัดให้มีบุคลากรทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงและให้คำปรึกษาแก่เด็กและเยาวชน มาตรา 34 ในกรณีที่เด็กหรือเยาวชนมีบุคคลซึ่งมีความสัมพันธ์ฉันบิดามารดาหรือลูก ควบคุมตัว หรือรับการฝึกอบรม หรือคอยดูแลกันระหว่างการควบคุมตัวหรือรับการฝึกอบรมนั้น หากมีความจำเป็น หรือมีความจำเป็น หรือมีความเหมาะสม เด็กหรือเยาวชนในกรณีดังกล่าว ผู้มีอำนาจอนุญาตให้ไปอยู่ในครอบครัวหรือสถานที่อื่นตามความเหมาะสมได้เฉพาะในกรณีที่เด็ก อยู่ภายใต้การควบคุมตัว หรือให้ส่งตัวกลับไปยังหน่วยงานอื่นที่ให้การสงเคราะห์หรือผู้ครองชีพสวัสดิภาพ หรือพัฒนาฟื้นฟูเด็ก เพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไป ทั้งนี้ ตามระเบียบที่อธิบดีกรมพินิจ โดยคำแนะนำประโยชน์สูงสุดของบุคคลควบคุมตัวหรือเยาวชนเป็นสำคัญ ส่วนที่ 2 การจำแนกเด็กและเยาวชนและการพัฒนาพฤติกรรมเด็กและเยาวชน มาตรา 26 เพื่อประโยชน์ในการดูแล แก้ไขบำบัดฟื้นฟู และพัฒนาพฤติกรรมเด็กและเยาวชนให้กลับเป็นคนดี ให้จัดแนวเด็กและเยาวชนในสถานที่ควบคุมตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด มาตรา 27 ให้ผู้อำนวยการจัดให้มีการดำเนินการแก่เด็กและเยาวชน เพื่อศึกษาอิริยสถาพ สภาพปัญหา สาเหตุหรือปัจจัยอื่นที่กระทบต่อพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเด็กและเยาวชน รวมทั้งพฤติกรรมของเด็กและเยาวชน เพื่อกำหนดวิธีการปรับตัวเด็กและเยาวชน การวางแผนแก้ไขบำบัดฟื้นฟู และการพัฒนาชีวิตทั้งทางจิตใจ พร้อมทั้งเสนอความเห็นเกี่ยวกับการศึกษา หรือการใช้วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนที่เหมาะสมต่อศาล ในการวางแผนแก้ไขเด็กและเยาวชนที่ศาลสั่งให้พักการฟ้องหรือคำสั่งให้เข้ารับการฝึกอบรมในศูนย์ฝึกและอบรม ให้ผู้อำนวยการดำเนินการให้สอดคล้องกับคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลด้วย การดำเนินการเด็กและเยาวชนตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้ผู้อำนวยการรับฟังข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสงเคราะห์หรือคณะกรรมการสงเคราะห์ครอบครัวและวิธีการสงเคราะห์ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 28 เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการควบคุมดูแลเด็กและเยาวชนในสถานที่ควบคุม ให้ผู้อำนวยการจัดให้มีการดำเนินการเกี่ยวกับการควบคุมดูแล การแก้ไขบำบัดฟื้นฟู และพัฒนาพฤติกรรมเด็กและเยาวชนตามแนวทางที่เหมาะสมแก่เด็กและเยาวชนแต่ละคน ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด หมวด 4 การแก้ไขบำบัดฟื้นฟูและการฝึกอบรม มาตรา 29 ให้สถานพินิจและศูนย์ฝึกและอบรมจัดทำแนวทางในการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูและการฝึกอบรมเด็กและเยาวชนให้เหมาะสมกับเพศ อายุ ทุพพลภาพ วัฒนธรรม นิยม จารีตประเพณี สภาพสุขภาพทางกายและจิต บุคลิก ลักษณะ ระดับสติปัญญา ระดับการศึกษา การประกอบอาชีพ สภาพครอบครัว ตลอดจนสถานะทางสังคมของเด็กและเยาวชน และกำหนดวิธีการและแนวทางในการดำเนินการดังกล่าวและจัดทำเป็นคู่มือสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและเยาวชนเป็นสำคัญ ในการจัดดำเนินการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูและการฝึกอบรมเด็กและเยาวชนแต่ละราย ผู้อำนวยการสถานพินิจและศูนย์ฝึกและอบรมต้องพิจารณาสภาพปัญหาและความจำเป็นของเด็กและเยาวชนแต่ละรายที่ทำให้เกิดการกระทำผิด เพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนให้ตรงตามสภาพปัญหาและความจำเป็นของเด็กและเยาวชนแต่ละราย และต้องจัดให้มีการสร้างปัจจัยสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนเป็นคนดี มาตรา 30 ให้สถานพินิจจัดทำแนวทางการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนเป็นรายบุคคลที่เหมาะสมกับสภาพปัญหาและความจำเป็น เพื่อแก้ไขปัญหาและพัฒนาพฤติกรรมปรับตัว และการดำเนินชีวิตของเด็กและเยาวชน สนับสนุนให้มีความพร้อมที่จะดำรงชีวิตในสังคม และเตรียมความพร้อมในการเข้ารับกิจกรรมแก้ไขบำบัดฟื้นฟูที่เหมาะสมในกรณีที่ต้องเข้ารับการฝึกอบรม มาตรา 13 ให้ศูนย์ฝึกและอบรมจัดทำแนวทางการฝึกอบรม โดยกำหนดให้มีการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย และแนวทางการฝึกอบรมให้เด็กและเยาวชน และบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือบุคคลซึ่งเด็กและเยาวชนให้ความยำเกรง ภายหลังการจัดทำแนวทางการฝึกอบรมแล้ว หากพบว่าข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์เปลี่ยนแปลงไป ให้ทำการปรับปรุงแนวทางดังกล่าวให้เหมาะสม และรายงานแนวทางที่ได้ปรับปรุงแล้วให้คณะกรรมการทราบ ให้มีการประเมินผลการฝึกอบรมตามแนวทางการฝึกอบรมที่พิจารณาแล้วในระยะ หรือเมื่อการฝึกอบรมตามแนวทางดังกล่าวสำเร็จสิ้น มาตรา 14 ในกรณีที่มีคำสั่งให้สถานพินิจจัดทำแผนการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนก่อนมีคำพิพากษา ให้มีการรับฟังความคิดเห็นของเด็กและเยาวชน รวมทั้งผู้ปกครองประกอบในการจัดทำแนวทางการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูด้วย ให้เจ้าพนักงานพินิจจัดทำแนวทางการแก้ไขบำบัดฟื้นฟู โดยวิเคราะห์ผลการพินิจพิเคราะห์พฤติการณ์และสภาพปัญหา และระยะเวลาที่เหมาะสมที่ใช้ในการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูในกรณีที่ศาลมีคำสั่งให้ดำเนินการตามแนวทางแก้ไขบำบัดฟื้นฟูไว้ มาตรา 15 ในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้เด็กและเยาวชนเข้ารับการฝึกอบรมในศูนย์ฝึกและอบรม ให้ศูนย์ฝึกและอบรมจัดทำแนวทางการฝึกอบรมให้เหมาะสมกับผู้กระทำความผิด หรือเด็กในความใกล้ชิดที่ได้รับความเห็นชอบจากอธิบดี และต้องจัดให้มีแนวทางการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเฉพาะราย มาตรา 16 ศูนย์ฝึกและอบรมจะต้องจัดให้มีการศึกษาสายสามัญหรือการฝึกวิชาชีพ และการบำบัดฟื้นฟูพฤติกรรมและอารมณ์เด็กและเยาวชนให้เหมาะสมกับอายุ สภาพร่างกาย สภาพจิตใจ วุฒิภาวะ ระยะเวลาการฝึกอบรม และประโยชน์ที่เด็กและเยาวชนจะได้รับในอนาคตตามหลักสูตรการฝึกอบรมที่อธิบดีกำหนด มาตรา 17 ให้ศูนย์ฝึกและอบรมจัดทำแนวทางการฝึกอบรมเพื่อเป็นแนวทางแก้ไขการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนตามสภาพปัญหาและความจำเป็น โดยมีการกำหนดระยะเวลาที่สอดคล้องกับพฤติการณ์ของผู้กระทำความผิด เพื่อเสริมสร้างศักยภาพเด็กและเยาวชนในการกลับไปดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข ทั้งนี้ แนวทางการฝึกอบรมต้องสอดคล้องกับการดำเนินลักษณะของศูนย์ฝึกและอบรมแต่ละแห่ง มาตรา 18 ในการจัดทำแนวทางการฝึกอบรม ให้พิจารณาข้อมูล ดังต่อไปนี้ (1) รายงานเกี่ยวกับตัวผู้กระทำผิดและเยาวชน (2) ระยะเวลาการฝึกอบรมที่ศาลพิจารณาหรือคำสั่งศาล (ฉ) ผลการจําแนก (ช) ความสมัครใจ ความสนใจ และความต้องการของเด็กและเยาวชน (ซ) หลักสูตรการฝึกอบรมซึ่งสถานที่ควบคุมสามารถจัดได้ หมวด 6 สิทธิ หน้าที่ ประโยชน์ และกิจกรรมอื่น ๆ เกี่ยวกับเด็กและเยาวชน ส่วนที่ 1 สิทธิของเด็กและเยาวชน มาตรา 37 ให้สถานที่ควบคุมจัดให้เด็กและเยาวชนได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ โดยต้องดําเนินการให้สอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษาของ กระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งต้องมีการฝึกอบรมด้านคุณธรรมและจริยธรรม และการฝึกอบรมเพื่อ เพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ ให้เด็กและเยาวชนมีโอกาสในการศึกษาต่อหรือการฝึกอบรมตามศักยภาพ ให้สถานที่ควบคุมจัดให้เด็กและเยาวชนได้รับความรู้เกี่ยวกับศาสนาที่ เหมาะสมแก่เด็กและเยาวชนแต่ละคน การดําเนินหลักสูตร หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดการศึกษาและการ ฝึกอบรมให้แก่เด็กและเยาวชน ให้เป็นไปตามระเบียบที่อธิบดีกําหนด มาตรา 38 ให้สถานที่ควบคุมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการศึกษาขั้นพื้นฐานและการ ฝึกอบรมให้แก่เด็กและเยาวชน รวมทั้งต้องจัดหาวัสดุเครื่องอุปกรณ์ในการศึกษาเพิ่มเติมและ การฝึกอบรมให้แก่เด็กและเยาวชน มาตรา 39 ให้สถานที่ควบคุมจัดการกีฬา ดนตรี และนันทนาการ ให้แก่เด็กและ เยาวชนที่เหมาะสมกับวัยและสภาพของเด็กและเยาวชนแต่ละคน รวมทั้งจัดกิจกรรมการแข่งขันกีฬา หรือการแสดงดนตรีของเด็กและเยาวชน ให้สถานที่ควบคุมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดการแข่งขันและจัดหาวัสดุเครื่องอุปกรณ์ ตามวรรคหนึ่ง มาตรา 40 ให้สถานที่ควบคุมจัดให้มีการสอนหลักศาสนาแก่เด็กและเยาวชน ให้คําแนะนํา ทางจิตใจ หรือประกอบศาสนกิจในสถานที่ควบคุมให้แก่เด็กและเยาวชน มาตรา 41 เด็กและเยาวชนมีสิทธิได้รับเงินรางวัลจากการทํางานผลิตสิ่งที่เกิด จากการฝึกวิชาชีพหรือกิจกรรมในสถานที่ควบคุม หรือรางวัลจากการแสดงหรือการทํากิจกรรมของ เด็กและเยาวชน ทั้งนี้ ตามระเบียบที่อธิบดีกําหนด ส่วนที่ 2 สุขอนามัยของเด็กและเยาวชน มาตรา 34 ในกรณีที่แพทย์ พยาบาล หรือเจ้าพนักงานพินิจซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบด้านการพยาบาล พบว่าเด็กหรือเยาวชนเป็นโรคซึ่งต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ถ้าเป็นอาการเริ่มป่วยที่ยังไม่อาจวินิจฉัยหรือยืนยันโรคติดต่อต้องให้แยกเด็กหรือเยาวชนออกจากเด็กหรือเยาวชนอื่น โดยให้มีผู้ดูแลอย่างใกล้ชิดและรายงานผู้อำนวยการเพื่อดำเนินการให้ได้รับการตรวจจากแพทย์โดยเร็ว หากแพทย์ พยาบาล หรือเจ้าพนักงานพินิจที่ผ่านการอบรมด้านการพยาบาล เห็นว่าเด็กหรือเยาวชนป่วยด้วยโรคที่ต้องการการดูแลพิเศษด้าน หรือมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต ให้เสนอความเห็นต่อผู้อำนวยการเพื่อพิจารณาส่งตัวเด็กหรือเยาวชนดังกล่าวไปยังสถานบริการด้านการรักษาโรคจิตในขั้นเฉียบพลัน โรงพยาบาล หรือสถานบริการด้านสุขภาพจิตที่เหมาะสมต่อไป และให้ผู้อำนวยการแจ้งให้บิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือบุคคลที่เด็กหรือเยาวชนอยู่ด้วยทราบ มาตรา 35 ให้สถานพินิจจัดให้เด็กและเยาวชนที่ได้รับการปล่อยตัวจากสถานพินิจ สายการพินิจและคุ้มครองเด็ก การบริการที่เหมาะสม รวมถึงให้มีการจัดบริการด้านสุขภาพ ดังนี้ (1) ให้สถานพินิจควบคุมดูแลให้การตรวจสุขภาพเด็กและเยาวชนอย่างต่อเนื่อง (2) ให้บิดา มารดา หรือผู้ปกครองของเด็กและเยาวชนที่ได้รับการปล่อยตัวจากสถานพินิจ โดยผู้มีอาชีพชำนาญด้านสุขภาพเด็ก เพื่อวินิจฉัยและให้การรักษาตามความจำเป็น รวมทั้งการตรวจป้องกันโรคและการบริการด้านสุขอนามัย การดำเนินการตามวรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสาม ให้เป็นไปตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด มาตรา 36 ให้สถานที่ควบคุมดูแลเด็กและเยาวชนที่มีผู้พิพากษาสั่งให้คุมขังในโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลตามคำสั่งศาลดูแลสุขภาพจิต เพื่อรักษาสุขภาพจิตของผู้ป่วย เมื่อเด็กและเยาวชนที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแล ให้เด็กและเยาวชนที่ป่วยนั้นอยู่ในที่รักษาตัวต่อไปตามหลักการควบคุมตัวไม่เกินวันหนึ่งวันตลอด ในกรณีมีจำเป็นต้องพักรักษาตัวนานกว่านี้ ให้เสนอความเห็นของแพทย์เพื่อขออนุญาตต่อศาลด้วย มาตรา 37 ให้สถานที่ควบคุมดูแลเด็กและเยาวชนหญิงผู้ต้องขังหรือผู้ที่มีพฤติการณ์ต้องได้รับคำแนะนำจากพนักงานพินิจและโครงการจากแพทย์ พยาบาล หรือเจ้าพนักงานพินิจซึ่งมีความชำนาญด้านการพยาบาล และต้องจัดบริการที่เหมาะสมในสถานที่เหมาะสมแก่เยาวชนหญิงที่มีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ และต้องไม่แยกเด็กและเยาวชนจากการให้แนวปฏิบัติเช่นเดียวกับสุขภาพจิต ส่วนที่ 3 การติดต่อเด็กและเยาวชน มาตรา 47 เด็กและเยาวชนที่ได้รับการอนุญาตให้ติดต่อกับบุคคลภายนอกตามระเบียบหรือข้อบังคับที่กำหนด และบุคคลภายนอกซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้าไปในสถานที่ควบคุมเพื่อเยี่ยมเด็กและเยาวชน หรือเพื่อประโยชน์อย่างอื่น จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับของสถานที่ควบคุมที่ประกาศไว้โดยเคร่งครัด หากฝ่าฝืนให้เจ้าพนักงานมีอำนาจสั่งให้ออกจากสถานที่ควบคุมได้ มาตรา 48 ให้สถานที่ควบคุมจัดสถานที่ให้เด็กและเยาวชนได้พบและปรึกษากับที่ปรึกษากฎหมายหรือทนายความของตนเป็นการเฉพาะตัวตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด ส่วนที่ 4 ทรัพย์สินของเด็กและเยาวชน มาตรา 49 ทรัพย์สินชนิดใดจะเป็นสิ่งของต้องห้าม หรือสิ่งของที่อนุญาตหรือไม่อนุญาตให้เด็กและเยาวชนในสถานที่ควบคุม ให้เป็นไปตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด ระเบียบดังกล่าวต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา และให้แจ้งให้เด็กและเยาวชนทราบโดยทั่วกัน และให้แจ้งผู้ปกครองหรือญาติของเด็กและเยาวชนทราบด้วย ทรัพย์สินที่เป็นสิ่งของอนุญาตให้เก็บรักษาไว้ในสถานที่ควบคุม หากมีปริมาณหรือจำนวนเกินกว่าที่อธิบดีกำหนด หรือเป็นสิ่งของที่ไม่อนุญาตให้เก็บรักษาไว้ในสถานที่ควบคุม ให้แจ้งให้บิดา มารดา หรือผู้ปกครองมารับสิ่งของดังกล่าวกลับภายในกำหนดที่กำหนด หากไม่มีผู้มารับ สถานที่ควบคุมอาจจำหน่ายสิ่งของนั้นตามระเบียบที่กำหนด และให้เก็บรักษาเงินที่ได้จากการจำหน่ายไว้ในบัญชีเงินฝากในนามเด็กและเยาวชน หรือปล่อยเงินนั้นเป็นของเด็กและเยาวชนเมื่อพ้นจากการควบคุม การจำหน่ายและการทำลายสิ่งของตามวรรคสอง ให้เป็นไปตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด มาตรา 50 ทรัพย์สินของเด็กและเยาวชนที่ได้รับการปล่อยตัวหรือพ้นจากการควบคุมต้องอยู่ในสภาพที่สมควร หากเด็กและเยาวชนไม่มารับคืนไปในวันที่พ้นจากการควบคุม ให้เจ้าพนักงานปล่อยตัวหรือพ้นฯ ให้ดำเนินการส่งคืน หมวด 9 การเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยและการติดตามภายหลังปล่อยจากสถานที่ควบคุม มาตรา ๔๕ ให้สถานพินิจและศูนย์ฝึกและอบรมจัดให้มีแนวทางการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เด็กและเยาวชนได้รับคำแนะนำและความช่วยเหลือในการเตรียมพร้อมและขยายโอกาสเด็กและเยาวชนให้มีความเหมาะสม เพื่อให้เด็กและเยาวชนกลับไปใช้ชีวิตไม่กลับไปใช้ชีวิตไม่กลับไปใช้ชีวิตไม่กลับไปใช้ชีวิตไม่กลับไปใช้ชีวิตไม่กลับไปใช้ชีวิตไม่กลับไปใช้ชีวิตไม่กลับไปใช้ชีวิตไม่กลับไปใช้ชีวิตไม่กลับไปใช้ชีวิตไม่กลับไปใช้ชีวิตไม่กลับไปใช้ชีวิตไม่กลับไปใช้ชีวิตไม่กลับไปใช้ชีวิตไม่กลับไปใช้ชีวิตไม่กลับไปใช้ชีวิตไม่กลับไปใช้ชีวิตไม่กลับไปใช้ชีวิตไม่กลับไปใช้ชีวิตไม่กลับไปใช้ชีวิตไม่กลับไปใช้ชีวิตไม่กลับไปใช