로고

ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ (ตามประกาศประธานสภาผู้แทนราษฎร อาศัยอำนาจตาม พล.อ. เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน เป็นปีที่ ๔ ในรัชกาลปัจจุบัน ปรับปรุงรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับธรรมเนียมธรรมเนียมสังคม

ลงวันที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๘๙) ตราไว้ ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๘๙

โดยที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติว่า สมควรตราประมวลรัฐธรรมนูญเพื่อ

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้ให้เรียกว่า “พระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติ

แห่งประมวลรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช ๒๔๘๙”

มาตรา ๒ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พุทธศักราช

๒๔๘๙ เป็นต้นไป

มาตรา ๓ ให้ใช้ประมวลรัฐธรรมนูญตามที่เราได้ต่อท้ายพระราชบัญญัตินี้

เป็นกฎหมายตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๘๙ เป็นต้นไป เว้นแต่บทบัญญัติใน

ลักษณะ ๒ หมวด ๓ ว่าด้วยการแสดงตน ให้ใช้เป็นกฎหมายตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน

พุทธศักราช ๒๔๘๙ เป็นต้นไป

มาตรา ๔ บรรดาที่ใช้พระราชบัญญัติ ให้ยกเลิก

(๑)

พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครอง พุทธศักราช ๒๔๗๕

(๒)

พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแก้ไขเพิ่มเติม ร.ศ. ๑๑๙

(๓)

พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแก้ไขเพิ่มเติมที่ได้ออก ตามพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช ๒๔๗๕

(๔)

พระราชบัญญัติเปลี่ยนสีธงชาติ ร.ศ. ๑๑๙

(๕)

ประกาศพระราชทานอภัยโทษกรณีใหญ่ต่างๆ และเลิกเสนอตัวต้น ผลไม้ใหม่ สำหรับเก็บเป็นภาระค่าใช้จ่ายในโครงการคดี ๑๐๑

(๓)

พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ พุทธศักราช ๒๔๗๕

(๔)

พระราชบัญญัติภาษีการค้า พุทธศักราช ๒๔๗๕

(๕)

พระราชบัญญัติภาษีการธนาคารและการประกันภัย พุทธศักราช ๒๔๗๖

(๖)

บรรดาพิกัดอัตรา ข้อบังคับ กฎ ประกาศ และกฎหมายอื่น ซึ่งออกเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมหรือดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าวข้างต้น และบังคับให้ใช้บรรดาบัญชีเงินคงคลัง ณ พ.ศ. ๒ แห่งพระคง รัฐการด้วยอาการเสมอไป ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติการแสดงปี พุทธศักราช ๒๔๗๔ กับบรรดาพิกัดอัตรา ข้อบังคับ กฎและบทกฎหมายอื่น ซึ่งออกเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมหรือดำเนินการตามพระราชบัญญัตินั้น

มาตรา ๔ บรรดาพระราชบัญญัติ ประกาศ พิกัดอัตรา ข้อบังคับ กฎและบทกฎหมายที่ให้เลิกตามความในมาตรา ๓ วรรคแรกนั้น ยังคงให้ใช้บังคับได้ในการเก็บภาษีอากรจำนวนพุทธศักราชล่วง ๆ ก่อนใช้พระราชบัญญัติการ

ส่วนพระราชบัญญัติ พิกัดอัตรา ข้อบังคับ กฎและบทกฎหมายที่ให้เลิกตามความในมาตรา ๓ วรรคสุดท้าย ยังคงให้ใช้บังคับได้ในการเก็บภาษีอากรที่พึงเรียกเก็บได้ก่อนใช้พระราชบัญญัตินี้ และบังคับประเมินภาษีอากรที่ค้างชำระอยู่

มาตรา ๕ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลังมีหน้าที่กำกับการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ประมวลรัษฎากร

ลักษณะ ๑

ข้อความเบื้องต้น

มาตรา ๑ กฎหมายนี้ให้เรียกว่า "ประมวลรัษฎากร"

มาตรา ๒ ในประมวลรัษฎากรนี้ เว้นแต่ข้อความจะแสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่น

"รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามประมวลรัษฎากรนี้ "อธิบดี" หมายความว่า อธิบดีกรมสรรพากรหรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมสรรพากรมอบหมาย "ผู้ว่าราชการจังหวัด" หมายความรวมถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ``` “อำเภอ” หมายความว่า นายอำเภอ สมุห์บัญชีอำเภอหรือสมุห์บัญชีเขต “นายอำเภอ” หมายความรวมถึงหัวหน้าเขต และปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอด้วย “ที่ว่าการอำเภอ” หมายความรวมถึงที่ว่าการเขต และที่ว่าการกิ่งอำเภอด้วย “องค์การของรัฐบาล” หมายความว่า องค์การของรัฐบาลตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาลและกิจการของรัฐสภามูลนิธิที่ตั้งขึ้นการนี้ และหมายความรวมถึงหน่วยงานธุรกิจที่รัฐบาลเป็นเจ้าของทั้งหมด หรือมีหุ้นส่วนอยู่ในหน่วยงานนั้นไม่ต่ำกว่าร้อยละห้าสิบ “ประเทศไทย” หรือ “ราชอาณาจักร” หมายความรวมถึงเขตไหล่ทวีปที่เป็นสิทธิของประเทศไทยตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศที่ยอมรับกันถือกันโดยทั่วไป และตามความตกลงกับต่างประเทศด้วย

มาตรา ๓(๔) บรรดาธุรกิจประเภทต่าง ๆ ซึ่งเรียกเก็บตามประมาณรัฐบัญญัติ จะตราพระราชบัญญัติเพื่อการต่อไปนี้ก็ได้ คือ

(๑)

ลดอัตรา หรือยกเว้นเพื่อให้เหมาะสมกับเหตุการณ์ กิจการ หรือสภาพของท้องที่บ้านเมืองแห่งหรือทั่วไป

(๒)

ยกเว้นแก่บุคคลหรือองค์การของรัฐบาลต่างประเทศตามข้อมูลที่ประเทศไทยมีอยู่ต่อองค์การหรือรัฐบาลต่างประเทศ หรือมีความตกลงระหว่างรัฐบาลหรือองค์การของรัฐบาลต่างประเทศ

(๓)

ยกเว้นแก่รัฐบาล องค์การของรัฐบาล เทศบาล องค์การศาสนา หรือองค์การกุศลสาธารณะ การลดหรือยกเว้นตาม (๑) (๒) และ (๓) นั้น จะตราพระราชบัญญัติยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงก็ได้

มาตรา ๓ ทวิ(๕) ถ้าพนักงานคงต่อไปนี้ ถ้าผู้ต้องหาไม่ควรต้องได้รับโทษจำคุกหรือไม่ควรถูกฟ้องร้อง ให้มีอำนาจเปรียบเทียบโดยกำหนดค่าปรับแต่ตามเดียวในความผิดต่อไปนี้ วันแต่ตามมติคณะมาตรา ๑๓ คือ

(๑)

ความผิดที่ไทยปรับสถานเดียว หรือมีโทษปรับหรือจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือทั้งจำทั้งปรับหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับรวมทุกมาตรา ให้เป็นอำนาจของอัยการจังหวัดหรืออัยการผู้มีอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด

(๒)

ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด แต่ไม่เกินหนึ่งปี หรือทั้งปรับห้าหมื่นบาท ซึ่งไม่ควรต้องฟ้องร้องดำเนินคดีในศาล ให้เป็นอำนาจของอัยการจังหวัดหรืออัยการผู้มีอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด หรืออัยการศาลทหารในการควบคุมและอธิบายการเปรียบเทียบค่าปรับตามที่กำหนดหมาย ถ้าผู้ต้องหาใช้คำเปรียบเทียบเปรียบเทียบภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ ให้ถือว่าเป็นอันยุติและผู้ต้องหาให้ผู้ต้องหาฟ้องร้องต่อไปในกรณีที่มีความผิดนั้น ``` ถ้าผู้ยื่นคำขอเปรียบเทียบยอมความรวมทั้งเห็นว่า ไม่ควรใช้คำขอเปรียบเทียบ หรือเมื่อเปรียบเทียบแล้วผู้ต้องหาไม่ยอมตามที่เปรียบเทียบหรือยอมแล้วแต่ไม่ชำระค่าปรับภายในระยะเวลาที่ผู้มีอำนาจเปรียบเทียบกำหนด ให้ดำเนินการฟ้องร้องต่อไป และในกรณีนี้ ห้ามมิให้ดำเนินการเปรียบเทียบตามกฎหมายอื่นอีก

มาตรา ๓ ตรี(๖) บุคคลใดจะต้องเสียเงินเพิ่มจากอัตราค่าธรรมเนียมที่กำหนดในกฎกระทรวงแล้ว ให้ถือว่าเงินนั้นอันบุคคลนั้นได้ชำระเป็นเงินค่าธรรมเนียมการอุทธรณ์

มาตรา ๓ จัตวา(๗) ในกรณีที่บันทึกบัญชีเงินเพิ่มค่าธรรมเนียมการอุทธรณ์ให้บุคคลไปเสียภาษีอากร ณ ที่ว่าการอำเภอ รัฐมนตรีย่อมประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดให้ไปเสีย ณ สำนักงานแห่งอื่นก็ได้ ในกรณีเช่นนี้ การเสียภาษีอากรดังกล่าว ให้ถือว่าเป็นการสมบูรณ์เมื่อได้รับใบเสร็จรับเงินซึ่งเจ้าหน้าที่สำนักงานแห่งนั้นได้ลงลายมือชื่อรับเงินแล้ว

มาตรา ๓ เบญจ(๘) เมื่อมีเหตุอันควรเชื่อว่ามีการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ให้ขออำนาจเจ้าพนักงานออกคำสั่งให้เจ้าพนักงานสรรพากรเข้าไปในสถานที่หรือยานพาหนะใดเพื่อทำการตรวจค้น ยึดหรืออายัดบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับหรือสนับสนุนว่ามีการเกี่ยวกับการที่จะต้องเสียให้เจ้าพนักงานสรรพากรดำเนินการตามกฎหมาย

ในบริเวณหรือส่วนอาคารที่บุคคลพำนักอาศัย ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือสรรพากรเขตต้องนำคำสั่งดังกล่าวขออนุมัติศาลครั้งหนึ่ง ครั้งนั้นให้ศาลมีคำสั่งอนุมัติการค้นนั้น การทำการตรวจค้นของเจ้าพนักงานสรรพากร ต้องทำในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก หรือในระหว่างเวลาทำการของผู้ประกอบกิจการนั้น

มาตรา ๓ ฉ(๙) บรรดาบัญชี เอกสาร และหลักฐานต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวกับหรือสนับสนุนว่าเกี่ยวกับการที่จะต้องเสีย ถ้าทำเป็นภาษาอื่นนอกจากภาษาไทย ให้พนักงานประเมินหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งสั่งให้บุคคลใดที่พำนักหรือมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยจัดการแปลเป็นภาษาไทยให้เรียบร้อยในเวลาที่สมควรก็ได้

มาตรา ๓ สัตต(๑๐) เพื่อประโยชน์แห่งการจัดเก็บภาษีอากรตามพระราชบัญญัติ การตรวจสอบและรับรองบัญชีอาจกระทำได้แก่โดยบุคคลที่ได้รับใบอนุญาตจากอนุมัติรัฐมนตรี

บุคคลที่จะขอใบอนุญาตจากอนุมัติรัฐมนตรีต้องมีความในใจก่อนยื่นต่อผู้มีหน้าที่คุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดในกฎกระทรวง บุคคลใดได้รับใบอนุญาตแล้ว ถ้ากระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันเป็นข้อห้ามหรือข้อจำกัดตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ให้รัฐมนตรีมีอำนาจเพิกถอนใบอนุญาตนั้น ใบอนุญาตที่เพิกถอนแล้วหรือสิ้นสุดแล้วจะใช้นับเป็นครั้งใหม่ต่อได้ ให้ถือเป็นอันยกเลิกโดยอนุมัติรัฐมนตรี การประกาศ ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๓ อัฏฐ [๑๑] กำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการหรือแจ้งรายการต่าง ๆ ก็ดี กำหนดเวลาการชำระภาษีก็ดี หรือกำหนดเวลาการเสียภาษีอากรก็ดี หากกำหนดไว้ในประมวลรัษฎากรนี้แล้ว กำหนดนั้นที่ต้องปฏิบัติสามารถกำหนดเวลาล่วงหน้าไว้ต่อผู้ในประเทศไทย หรือมีเหตุจำเป็นจนไม่สามารถจะปฏิบัติตามกำหนดเวลาได้ เมื่อร้องขอจัดการเห็นเป็นการสมควร จะให้ขยายหรือให้เลื่อนกำหนดเวลาออกไปอีกตามความจำเป็นเห็นสมควรก็ได้

กำหนดเวลาต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในประมวลรัษฎากรนี้ เมื่อรัฐมนตรีเห็นเป็นการสมควร จะขยายหรือเลื่อนกำหนดเวลานั้นออกไปอีกตามความจำเป็นเห็นสมควรก็ได้

มาตรา ๓ นว [๑๒] ผู้ใดอยู่ในความไม่อาจแสดงความสะดวกหรือขัดขวางเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ ตามความในมาตรา ๓ ตนบุญ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ

มาตรา ๓ ทศ [๑๓] ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานประเมิน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามความในมาตรา ๓ ฉ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท

มาตรา ๓ เอกาทศ [๑๔] เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร อธิบดีมีอำนาจกำหนดให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากร และผู้มีหน้าที่ที่ต้องไม่เสียภาษีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรได้ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่อธิบดีกำหนด ทั้งนี้ โดยอนุมัติรัฐมนตรี

การกำหนดตามวรรคหนึ่ง ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๓ ทวาทศ [๑๕] ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกำหนดตามมาตรา ๓ เอกาทศ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท

มาตรา ๓ เตรสทศ [๑๖] ในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี ให้ อธิบดีมีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้ต้องปฏิบัติตามมาตรา ๔๐ ซึ่งไม่สามารถที่ทำการได้ ณ ที่ต้องทำการตามมาตรา ๒ ทวิการ ณ ที่ซึ่งต้องทำการดังกล่าว เมื่อจำเป็น และต้องการที่ทำการโดยกฎหมายกระทรวง ในกรณีให้ทำการตามมาตรา ๒๕ มาตรา ๔๗ มาตรา ๕๔ มาตรา ๕๕ มาตรา ๕๖ มาตรา ๖๐ และมาตรา ๖๒ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

มาตรา ๓ จตุทศ [๑๗] ในกรณีที่ต้องทำการ ณ ที่ซึ่งตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร ให้มีหน้าที่ทำการดังกล่าว ณ ที่ซึ่งอธิบดีสั่ง และผู้มีอำนาจสั่งต้องไม่กระทำการดังกล่าวเมื่อเห็นว่าการทำการดังกล่าวหรือคำสั่งของกรมสรรพากรหรือผู้มีอำนาจสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย

มาตรา ๓ ปัญจทศ [๑๘] เพื่อประโยชน์ในการจัดทำเงินได้พึงประเมิน ที่ต้องประเมินภาษีอากร ให้กรมสรรพากรมีอำนาจสั่งให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรต้องจัดทำบัญชีตามมาตรา ๔๐ และสามารถสั่งให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรต้องจัดทำบัญชีตามมาตรา ๔๐ และสามารถสั่งให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรต้องจัดทำบัญชีตามมาตรา ๔๐ และสามารถสั่งให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรต้องจัดทำบัญชีตามมาตรา ๔๐ และสามารถสั่งให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรต้องจัดทำบัญชีตามมาตรา ๔๐

มาตรา ๓ โลจิสต์(๑๙) บรรดาหมายเรียก หนังสือแจ้งให้เสียภาษีอากร แบบในการทำบัญชี รายงาน เอกสารหลักฐานหรือหนังสืออื่นใด ที่ต้องมี จัดทำ หรือใช้ ตามที่บัญญัติในประมวลรัษฎากร และบรรดาเอกสารหลักฐานหรือหนังสือที่กรมสรรพากรต้องใช้ในการติดต่อกับผู้เสียภาษีอากรหรือบุคคลใด หรือที่ผู้เสียภาษีอากรหรือบุคคลใดต้องใช้ในการติดต่อกับกรมสรรพากร อาจกระทำได้ด้วยระบบทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง

กฎกระทรวงตามวรรคหนึ่งให้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการจัดทำ การรับ การรับ การเก็บรักษาเอกสารที่เกี่ยวข้องไว้ด้วย ซึ่งต้องสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์

มาตรา ๓ ตัดตรส(๒๐) เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร ให้บุคคลดังต่อไปนี้เป็นผู้มีหน้าที่รายงานข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่มีธุรกรรมลักษณะเฉพาะในปีที่ล่วงมาเพียงใดในความครอบครองต่อกรมสรรพากรภายในเดือนมีนาคมของทุกปี

(๑)

สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน

(๒)

สถาบันการเงินของรัฐที่กฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น

(๓)

ผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยระบบการชำระเงิน ธุรกรรมลักษณะเฉพาะตามวรรคหนึ่ง หมายความว่า ธุรกรรมฝากเงินและอย่างหนึ่งอย่างใดในปีที่ล่วงมา ดังต่อไปนี้

(๑)

ฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่สามครั้งขึ้นไป

(๒)

ฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่สี่ร้อยครั้งและมียอดรวมของธุรกรรมฝากหรือรับโอนเงินรวมกันตั้งแต่สองล้านบาทขึ้นไป รายการข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่มีธุรกรรมลักษณะเฉพาะและที่ต้องรายงานตามวรรคหนึ่ง และวิธีการรายงาน ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง จำนวนครั้งหรือยอดรวมของธุรกรรมฝากหรือรับโอนเงินตามวรรคสอง ให้กำหนดเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ตามกฎกระทรวง ให้อธิบดีมีหน้าที่กำหนดการเก็บรักษาข้อมูลที่ได้รับรายงานและให้เก็บข้อมูลดังกล่าวไว้ไม่น้อยกว่าสิบปีนับแต่วันที่ได้รับรายงาน

มาตรา ๓ ตัดตรส(๒๑) ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๓ ตัดตรส(๒๐) หรือปฏิบัติไม่ถูกต้องครบถ้วน ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท

ผู้ที่มีหน้าที่รายงานข้อมูลดังต่อไปนี้มิใช่ผู้กระทำความผิดตามมาตรา ๓ ตัดตรส(๒๑) ให้ถือว่าเป็นความผิดทางวินัยตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนหรือกฎหมายว่าด้วยระเบียบพนักงานราชการ แล้วแต่กรณี

มาตรา ๔[๒๒] ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามประมวลรัษฎากรนี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินและเจ้าพนักงานอื่นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษากำกับของกระทรวง

(๑)

ให้ใช้หรือให้ยกเลิกแสตมป์ โดยกำหนดให้มีนามแฝงกันแสตมป์ที่ใช้ได้ภายในเวลาและเงื่อนไขที่กำหนด แต่ต้องไม่เกินเวลาไม่เกินกว่าหกสิบวัน

(๒)

กำหนดกิจการอื่นเพื่อปฏิบัติการตามประมวลรัษฎากรนี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้

มาตรา ๔ ตรี[๒๓] คนต่างด้าวผู้ใดจะเดินทางออกจากประเทศไทย ต้องเสียภาษีอากรที่ค้างชำระ และหรือที่จะต้องชำระ แม้จะยังไม่ได้กำหนดชำระ หรือถึงกำหนดชำระ ให้เสียหรือชำระตามบัญชีแสดงประมวลรัษฎากรที่มีอยู่ก่อนเดินทาง

มาตรา ๔ ตรี[๒๔] ให้คนต่างด้าวซึ่งจะเดินทางออกจากประเทศไทยยื่นคำร้องตามแบบที่อธิบดีกำหนด เพื่อขอรับใบกำกับภาษีอากรภายในกำหนดเวลาไม่เกินสิบวันก่อนออกเดินทาง ไม่ว่ามีเงินภาษีอากรที่ต้องชำระหรือไม่

การยื่นคำร้องตามวรรคหนึ่ง ให้ยื่นต่อเจ้าพนักงานซึ่งมีภูมิลำเนาหรือพักอยู่ในเขตจังหวัดพระนครหรือจังหวัดนนทบุรี ให้ยื่นต่ออธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย ถ้ามีภูมิลำเนาหรือพักอยู่ในเขตจังหวัดอื่น ให้ยื่นต่อเจ้าพนักงานในจังหวัดนั้นหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย ถ้าคนต่างด้าวไม่ยื่นคำร้องขอรับใบกำกับภาษีอากรตามวรรคหนึ่งในกรณีก่อนหรือเกินกำหนดเวลา แต่ยังไม่ได้เดินทางออกจากประเทศไทย ให้เจ้าพนักงานพยายามเดินทางออกจากประเทศไทย นอกจากจะมีความผิดตามบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรนี้ ให้คนต่างด้าวผู้ล่าช้าส่งเงินพร้อมด้วย ๒๐ ของเงินภาษีอากรที่จะต้องเสียทั้งสิ้นอีกด้วย เงินเพิ่มเติมตามมาตรานี้ให้ถือเป็นค่าภาษีอากร

มาตรา ๔ จัตวา[๒๕] บทบัญญัติมาตรา ๔ ตรี และมาตรา ๔ ตรี ไม่ใช้บังคับแก่คนต่างด้าวผู้เดินทางผ่านประเทศไทย หรือชั่วข้าม และอยู่ในประเทศไทยชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือระยะยาวระยะรวมไม่เกินกำหนดหกสิบวันในกรณีใด โดยไม่มีเงินได้พึงประเมิน หรือคนต่างด้าวที่ชื่อเป็นราชการกำหนดโดยอนุมัติของรัฐมนตรี

มาตรา ๔ เบญจ[๒๖] เจ้าพนักงานต้องตรวจสอบมาตรา ๔ ตรี ตรวจสอบว่า ผู้ยื่นคำร้องเสียภาษีอากรที่จะต้องเสียตามมาตรา ๔ ตรี หรือไม่ ถ้าไม่ได้เสียให้บอกในใบกำกับภาษีอากรตามแบบที่อธิบดีกำหนด

ถ้าใบกำกับภาษีอากรตามวรรคหนึ่งในกรณีที่คนต่างด้าวยื่นคำร้องขอรับใบกำกับภาษีอากรแล้ว และยังไม่ได้เดินทางออกจากประเทศไทย ให้เจ้าพนักงานพยายามเดินทางออกจากประเทศไทย นอกจากจะมีความผิดตามบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรนี้ ให้คนต่างด้าวผู้ล่าช้าส่งเงินพร้อมด้วย ๒๐ ของเงินภาษีอากรที่จะต้องเสียทั้งสิ้นอีกด้วย เงินเพิ่มเติมตามมาตรานี้ให้ถือเป็นค่าภาษีอากร

มาตรา ๔ ฉ[๒๗] ในกรณีที่ผู้ยื่นคำร้องตามมาตรา ๔ ตรี ตรวจสอบว่า ผู้ยื่นคำร้องมีเหตุผลสมควรต้องเดินทางออกจากประเทศไทยในกรณีฉุกเฉินและจำต้องตรวจ

และผู้ยื่นคำร้องมีหลักประกันหรือหลักทรัพย์อยู่ในประเทศไทยพอคุ้มค่าแก่การยื่นคำร้อง หรือชำระค่าธรรมเนียม หรืออันเป็นสิทธิ์ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายออกใบผ่านภาษีอากรให้

มาตรา ๔ ตัดสิน (๒๘) คนใดมีเงินฝาก ๕ อัฐ ในหน้าภาษีอากรให้ออกใบใช้ได้สิบห้าบ้านในวันออก ถ้าการขอยืดอายุใบผ่านภาษีอากรย่อมสิ้นอายุ อธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายขอยืดอายุให้อีกสิบห้าบ้านได้

มาตรา ๔ ข้อบัญญัติ (๒๙) คนต่างด้าวซึ่งมีความจำเป็นต้องเดินทางเข้าออกประเทศไทยเป็นปกติธุระหรือการประกอบอาชีพการค้า จะยื่นคำร้องต่ออธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย และเสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรเป็นประจำก็ได้ ถ้าผู้รับคำร้องพิจารณาเห็นว่าคนต่างด้าวผู้นั้นมีความจำเป็นดังที่ร้องขอ และมีหลักประกันหรือหลักทรัพย์อยู่ในประเทศไทยพอคุ้มค่าแก่การยื่นคำร้องหรือชำระแล้ว อธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายก็ออกใบผ่านภาษีอากรนั้นให้ได้ ในหน้าภาษีอากรนั้นๆ ที่มีการผ่านแดนใช้ได้ตามที่ระบุในใบผ่านภาษีอากรนั้น แต่ต้องไม่เกินกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันออก

มาตรา ๔ นูญ (๓๐) คนต่างด้าวผู้ใดเดินทางออกจากประเทศไทยโดยไม่มีใบผ่านภาษีอากร ซึ่งต้องมีตามความในพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาทหรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ

คนต่างด้าวผู้ใดพยายามกระทำการเช่นนั้น ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน

มาตรา ๔ ขูญ (๓๑) ให้อธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายสั่งให้ออกใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว และได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรในกรณีที่คนต่างด้าวได้เสียค่าธรรมเนียมใบผ่านภาษีอากรแล้ว

มาตรา ๘[๓๒] หามเรียก หนังสือแจ้งให้เสียภาษีอากร หรือหนังสืออื่นซึ่งมีถึงบุคคลใดตามลักษณะนี้ ให้ส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ หรือให้เจ้าพนักงานสรรพากรนำไปส่ง ณ ภูมิลำเนา หรือถิ่นที่อยู่ หรือสำนักงานของบุคคลนั้นในระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของบุคคลนั้น ถ้าไม่พบผู้รับ ณ ภูมิลำเนา หรือถิ่นที่อยู่ หรือสำนักงานของผู้รับของส่งให้แก่บุคคลใดในครอบครัวผู้มีอายุสิบห้าปีบริบูรณ์แล้ว และอยู่ด้วยกันในบ้านหรือสำนักงานแห่งนั้น หรือวางไว้ ณ ที่ทำการของผู้รับก็เห็นได้

กรณีไม่สามารถส่งตามวิธีในวรรคหนึ่งได้ หรือบุคคลนั้นออกไปนอกราชอาณาจักร ให้เจ้าพนักงานนำหนังสือหรือสิ่งอื่นส่งไปยังภูมิลำเนา หรือถิ่นที่อยู่ ณ ที่อยู่ หรือสำนักงานของบุคคลนั้น หรือบ้านหรือสำนักงานของบุคคลนั้นในเขตที่ทำการของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจจัดเก็บภาษีอากร หรือโฆษณาข้อความในหนังสือพิมพ์ที่จำหน่ายเป็นปกติในท้องที่นั้นก็ได้ เมื่อได้ปฏิบัติตามวิธีดังกล่าวข้างต้นแล้ว ให้ถือว่าเป็นอันได้รับแล้ว

มาตรา ๙[๓๓] ให้แสดงบัญชีอุปโภคบริโภคอย่างอื่น ถ้าจะต้องมีการตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยเพื่อปฏิบัติการตามลักษณะนี้ ให้คณะกรรมการอำนาจเปลี่ยนซึ่งกระทรวงการคลังประกาศเป็นคราว ๆ

มาตรา ๙ ทวิ[๓๔] ให้แสดงบัญชีอุปโภคบริโภคอย่างอื่น ถ้าจะต้องมีราคาทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นเป็นเงิน ให้ถือราคาหรืออย่างอื่นนั้นเป็นจำนวนเงินที่ได้รับทรัพย์สินหรือประโยชน์นั้น

มาตรา ๑๐ ทวิ[๓๕] เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากร อธิบดีมีอำนาจเปิดเผยรายละเอียด ดังต่อไปนี้

(ก)

[๓๖] ชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนการข้อมูลค่าฐานข้อมูลค่าพื้นฐานค่าข้อมูลค่าเพิ่มหรือจำนวนการข้อมูลค่าเพิ่มที่ถูกประเมินเพิ่มเติมของผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้น

(ข)

ชื่อผู้เสียภาษีอากรและจำนวนการเสีย

(ค)

ชื่อผู้สอบบัญชี และพฤติการณ์ของผู้สอบบัญชีเกี่ยวกับการตรวจสอบและรับรองบัญชีตามมาตรา ๓ สัตต ทั้งนี้ ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด

มาตรา ๙๐ ตรี[๓๗] ให้อธิบดีในฐานะผู้แทนแห่งกระทรวงการคลังซึ่งอาจมอบหมายให้เจ้าพนักงานประเมินเป็นผู้มีอำนาจลงนามในหนังสือหรือคำสั่งเกี่ยวกับการเสียภาษีอากรแทนได้ให้หัวเรื่องไว้ในหนังสือหรือคำสั่งนั้นว่าเป็นการลงนามแทนข้อมูลค่าใช้จ่ายได้แก่เงินค่าภาษีอากรที่ต้องเสียหรือเงินค่าภาษีอากรที่ต้องคืน

ในกรณีนี้ถือเป็นอันว่าเจ้าพนักงานตามลักษณะนี้อาจแสดงในการบันทึกการซื้อและการบันทึกการเสียภาษีอากรที่สำนักงานการคลังเศรษฐกิจได้อีก ให้นักสืบทางเศรษฐกิจและการค้าของต่างประเทศ ให้อธิบดีมีอำนาจแลกเปลี่ยนข้อมูล เช่นเดียวกับที่บัญญัติในกฎหมายธรรมคดีแล้ว ในกรณีที่รัฐบาลไทยได้เข้าผูกพันเป็นสัญญาพิเศษหรือคำตกลงความตกลงระหว่างประเทศใด ซึ่งมีข้อบัญญัติให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลการค้าอาจจะเป็นประโยชน์ในการป้องกันการเลี่ยงอากร ให้อธิบดีในฐานะเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหรือเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจที่ได้รับมอบหมาย มีอำนาจแลกเปลี่ยนข้อมูลได้โดยให้ถือหน้าที่ราชการตามลักษณะนี้ กับเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจอีกฝ่ายหนึ่ง การแลกเปลี่ยนข้อมูลตามมาตรา ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ซึ่งต้องสอดคล้องกับบัญญัติและเจตนารมณ์ของความตกลงหรือสัญญาดังกล่าวนั้น

มาตรา 11 ห้ามแต่ละรับทำบัญชีหรืออินดอร์สอื่นด้วยสิ่งอื่นอย่างอื่น ให้กับเงินการอ้างอิงไปเสีย ณ ที่ทำการอากร และการเสียภาษีอากรอื่นให้ถือว่าเป็นการสมบูรณ์เมื่อได้รับใบเสร็จเงินรับหมายเลขใบเสร็จเงินแล้ว

มาตรา 12 ทวิ(38) ถ้าผู้เสียภาษีอากรต้องการขอใบแทนใบเสร็จที่หาย ให้ทำงานได้ออกให้ไปแล้ว ให้ขอรับได้ ณ ที่ว่าการอากร โดยเสียค่าธรรมเนียมฉบับละ 50 สตางค์

มาตรา 12 ตรี(39) การซื้อหรือสั่งซื้อเสียหรือข้ามลักษณะนี้ เมื่อถึงกำหนดชำระแล้ว ถ้าไม่ได้เสียภาษีอากรแล้ว ให้ถือเป็นการอากรค้า

เพื่อให้ได้รับรายได้จากการค้า ให้อธิบดีมีอำนาจสั่งยกเลิกหรือยกเลิกขายตลาดทรัพย์สินของผู้ต้องเสียภาษีอากรที่ไม่สามารถชำระภาษีอากรได้ตามกำหนด โดยมีเงื่อนไขให้คณะกรรมการอากร หรือเจ้าหน้าที่อากรสั่งให้ขายตลาดทรัพย์สินดังกล่าวได้ ในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานคร ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือขายอำนวยอื่นอำนาจนั้นยื่นคำร้องอินดอร์สสามารถครอบ ภายในเขตท้องที่จังหวัดหรืออำนาจนั้น แต่สำหรับบางเขตอำนาจนั้น จะใช้อำนาจสั่งขายตลาดต่อได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัด วิธีการยึดและขายทอดตลาดทรัพย์สิน ให้ปฏิบัติสอดคล้องพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความแพ่งโดยอนุโลม ส่วนวิธีการรายอัตให้ปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีสั่งกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี เงินที่ได้จากการขายทอดตลาดดังกล่าว ให้หักค่าธรรมเนียมค่าใช้จ่ายในการยึดและขายทอดตลาดและเสียภาษีอากรที่ค้างชำระ ผู้ต้องเสียภาษีอากรสามารถครอบ ให้หมายความรวมถึงผู้ต้องเสียภาษีอากรส่วนจากงานไม่ต้องเกิดความรับผิดในหน้าที่ผู้เสียภาษีบุคคลดัง(40)

มาตรา 12 จัตวา(41) เมื่อได้สั่งยึดหรือขายอัตหรือขายทอดตลาดตามมาตรา 12 แล้วหากผู้ใดทำลาย ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนให้แก่บุคคลอื่นซึ่งทรัพย์สินที่ถูกยึดหรือสั่งอัตดังกล่าว

มาตรา ๑๒ ตรี[42] เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามมาตรา ๑๒ ให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา ๑๒ หรือสรรพากรจังหวัดมีอำนาจ

(๑)

ออกหมายเรียกผู้ต้องรับผิดชำระภาษีอากรค่าภาษี และบุคคลใด ๆ ที่มีเหตุอันควรเชื่อว่าอาจเป็นประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากรดังกล่าวให้มาถ้อยคำ

(๒)

สั่งบุคคลดังกล่าวใน (๑) ให้นำบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานอื่นอันจำเป็นแก่การจัดเก็บภาษีอากรมาตรวจสอบ

(๓)

ออกคำสั่งเป็นหนังสือให้พนักงานสรรพากรเข้าทำการตรวจค้นหรือยึดบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานอื่นของบุคคลดังกล่าวใน (๑) การดำเนินการตาม (๑) หรือ (๒) ต้องมีเหตุอันควรสงสัยว่าไม่ชอบด้วยหน้าที่อันนั้นแล้วได้รับหมายเรียกหรือคำสั่ง การออกคำสั่งและทำการตาม (๓) ต้องเป็นไปตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด

มาตรา ๑๓[43] เจ้าพนักงานผู้ใดฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา ๑๒ มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๔

คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร[44]

มาตรา ๑๔[45] ให้มีคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรประกอบด้วยปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานกรรมการ อธิบดีกรมสรรพากร อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมสรรพสามิต และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นกรรมการ โดยมีอธิบดีกรมสรรพากรเป็นเลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการ

ให้คณะกรรมการแต่งตั้งข้าราชการสังกัดกระทรวงการคลังเป็นเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการ

มาตรา ๑๕[46] ให้กรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งตามมาตรา ๑๔ ทวีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสามปี กรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการอีกได้

มาตรา ๑๖ ชัดว่า[47] นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา ๑๓ ตรี กรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ

(๑)

ตาย

(๒)

ลาออก

(๓)

รัฐมนตรีให้ออก

(๔)

เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ หรือเป็นบุคคลล้มละลาย

(๕)

ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ในกรณีที่กรรมการพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งผู้อื่นเป็นกรรมการแทน กรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งตามวรรคสอง อยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่ากำหนดเวลาของผู้ซึ่งตนแทน

มาตรา ๑๓ เบญจ (๔๘) การประชุมคณะกรรมการวิจัยข้อยกเว้นอากรต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงเป็นองค์ประชุม

ถ้าประธานกรรมการไม่อยู่ในที่ประชุม ให้กรรมการเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม มติของคณะกรรมการให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งมีหนึ่งเสียงเท่ากัน ในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด

มาตรา ๑๓ ตรี (๔๙) ให้กรรมการในคณะกรรมการวิจัยข้อยกเว้นอากรเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา ๑๓ ฉัตต (๕๐) คณะกรรมการตามมาตรา ๑๓ ทวิ มีอำนาจ

(๑)

กำหนดขอบเขตในการใช้อำนาจของเจ้าพนักงานประเมินและพนักงานเจ้าหน้าที่

(๒)

กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาในการตรวจสอบและประเมินภาษีอากร

(๓)

วินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับภาษีอากรที่กรมสรรพากรขอความเห็น

(๔)

ให้คำปรึกษาหรือเสนอแนะให้รัฐมนตรีในการจัดเก็บภาษีอากร การกำหนดตาม (๑) และ (๒) เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้เจ้าพนักงานประเมินและพนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตาม คำวินิจฉัยของคณะกรรมการวิจัยข้อยกเว้นอากรตาม (๓) ให้เป็นที่สุดและในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยในภายหลัง คำวินิจฉัยที่เปลี่ยนแปลงนั้นให้มีผลบังคับย้อนหลัง ไม่เกินกรณีที่ยังมิได้มีการประเมินหรือยังมิได้มีการประเมินเสร็จสิ้น ทั้งนี้ เพื่อให้การปฏิบัติงานประเมินของเจ้าพนักงานประเมินเป็นไปตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวิจัยข้อยกเว้นอากรที่ได้กำหนดไว้ก่อนการดำเนินการตามคำวินิจฉัยใหม่ในส่วนที่เป็นไปตามข้อยกเว้นที่คณะกรรมการวิจัยข้อยกเว้นอากรได้กำหนด

มาตรา ๑๓ อัฏฐ (๕๑) การจัดทำรายงานประเมินเสร็จสิ้น จะต้องได้ลงนามโดยเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา ๑๓ ฉัตต (๔) จะนำรายงานประเมินดังกล่าวมาใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาลไม่ได้

หมวด ๒

วิธีการเกี่ยวกับภาษีอากรประเมิน

มาตรา ๑๔ ภาษีอากรประเมิน คือ ที่ระบุไว้ในหมวดนี้ว่าเป็นภาษีอากรประเมิน

มาตรา ๑๖[52] ขั้นแต่ละขั้นบัญชีให้เป็นอย่างอื่นในหมวดต่าง ๆ แห่งลักษณะนี้ ให้ใช้นำบัญชีในหมวดนี้ขึ้นรับคำนับการถ่ายอธิการประเมินทุกประเภท

มาตรา ๑๗[53] "เจ้าพนักงานประเมิน" หมายความว่า บุคคลหรือคณะบุคคลซึ่งรัฐบาลแต่งตั้ง

ส่วน ๑

การยื่นรายการและการเสียภาษีอากร

มาตรา ๑๘ การยื่นรายการ ให้ยื่นภายในเวลาที่กำหนดไว้ในหมวดต่าง ๆ ด้วยภาษีอากรต่าง ๆ และตามแบบแสดงรายการที่อธิบดีกำหนด

ถ้าอธิบดีต้องการรายงานประจำปี หรือบัญชีบุคคล หรือบัญชีอื่น ๆ ประกอบแบบแสดงรายการใด แต่ไม่ถึงอธิบดีต้องส่งผู้ต้องเสียภาษีอากรให้มีสมุดบัญชีพิเศษ และให้มีการจัดทำความในสมุดบัญชีนั้นได้ เพื่อสะดวกแก่การคำนวณเงินภาษีอากรที่ต้องเสียภาษีอากรนั้น เมื่ออธิบดีเห็นคล้องตามที่ว่ามานี้ ผู้ยื่นรายการหรือผู้ต้องเสียภาษีอากรต้องปฏิบัติตาม เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากร

(๑)

ให้อธิบดีมีอำนาจสั่งบุคคลหรือเจ้าของสมุดบัญชีบุคคลนั้นให้บันทึกบัญชีพิเศษ และให้กระทำข้อความที่ต้องการในบัญชีนั้น คล้ายดังหน้าที่ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

(๒)

ให้อธิบดีมีอำนาจกำหนดให้ผู้ยื่นรายการหรือผู้ต้องเสียภาษีอากรจัดทำบัญชีบุคคล หรือบัญชีอื่น ๆ แสดงรายการทรัพย์ของตนเองโดยละเอียด ๆ เสนอส่งต่อเจ้าพนักงานประเมินพร้อมกับการยื่นรายการตามแบบแสดงรายการที่อธิบดีกำหนด[54]

มาตรา ๑๙ รายการที่ยื่นเพื่อเสียภาษีอากรนั้น ให้ถือเอาเรื่องเจ้าพนักงานประเมินเป็นผู้ประเมินค่าทำงานได้ในหมวดภาษีอากรนั้น ๆ และเมื่อได้ประเมินแล้ว ให้แจ้งจำนวนภาษีอากรที่ประเมินไปยังผู้ยื่นเสียภาษีอากร ในกรณีนี้ จะอุทธรณ์การประเมินก็ได้

ในกรณีที่ผู้ยื่นเสียภาษีอากรเห็นว่าความยกเสียที่อธิบดีได้แจ้งแจ้งจำนวนภาษีอากรที่ประเมิน ให้ถือการหรือเจ้าพนักงานประเมินแจ้งจำนวนภาษีอากรที่ประเมินไปยังผู้จัดการทรัพย์สินของผู้ยื่นเสียภาษีอากรนั้น ๆ หรือผู้จัดการทรัพย์สินของผู้เสียภาษีอากรที่ถึงแก่กรรม[55] ทั้งนี้อธิบดีจะต้องแจ้งให้ผู้ยื่นเสียภาษีอากรทราบถึงจำนวนภาษีอากรที่ประเมินนั้น แต่เมื่ออธิบดีเห็นว่าผู้ยื่นเสียภาษีอากรไม่ยื่นรายการตามมาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๑ ได้[56] การประเมินตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้ทำตามมาตรา ๒๗ มาใช้บังคับโดยอนุโลม[57]

มาตรา ๒๐ ทวิ[58] ถ้าผู้ยื่นเสียภาษีอากรนั้นเป็นผู้ต้องเสียภาษีอากรประโยชน์ในภาษีอากร เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจที่จะเรียกเก็บภาษีอากรที่ผู้ยื่นเสียภาษีก่อนถึงกำหนดตามที่ยื่นรายการได้ เมื่อได้ประเมินแล้วให้แจ้งจำนวนภาษีอากรที่ประเมินไปยังผู้ต้องเสียภาษีอากรนั้น...

เสียและให้ผู้ต้องเสียภาษีชำระภาษีภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการประเมิน ในกรณีนี้จะอุทธรณ์การประเมินได้ ภาษีที่ประเมินเรียกเก็บตามเจตนาความในวรรคก่อน ให้ถือเป็นเครดิตของผู้ต้องเสียภาษีในการคำนวณภาษี ในการใช้อำนาจตามความในมาตรานี้ เจ้าพนักงานประเมินจะสั่งให้ยกรายการตามแบบที่อธิบดีกำหนดต่อธนาคารก็ได้

มาตรา ๑๙๕ (๕๙) ภายในเจ็ดวันตามมาตรา ๑๙๔ ทวิ ในกรณีเจ้าพนักงานประเมินไม่ประเมินให้เสร็จ บุคคลผู้มีหน้าที่เสียภาษีต้องชำระภาษี พร้อมทั้งยื่นขอปรับลดเงินเพิ่มตามที่บัญญัติไว้ในหมวดนี้ ภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งการประเมิน

มาตรา ๑๙๖ (๖๐) เว้นแต่จะมีบทบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น กรณีที่เจ้าพนักงานประเมินมีเหตุอันควรเชื่อว่า ผู้ใดแสดงรายการตามแบบที่ยื่นไม่ถูกต้องตามความจริงหรือไม่บริบูรณ์ให้เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจออกหมายเรียกผู้เสียภาษีมาไต่สวน และออกหมายเรียกพยานหรือผู้เกี่ยวข้องมาเพื่อการพิจารณา รวมทั้งเรียกเอกสารหรือหลักฐานอันควรแก่เรื่องมาแสดงได้ แต่ต้องไม่ให้ความว่าเจ้าพนักงานไม่ต้องดำเนินการแจ้งหมายให้ทราบการออกหมายเรียกดังกล่าวแก่ผู้เสียภาษีหรือผู้เกี่ยวข้องนั้น เว้นแต่จะมีเหตุผลอันสมควรไม่ว่าการเรียกเอกสารหรือหลักฐานจะได้กระทำอยู่ในเขตท้องที่ที่กฎหมายกำหนด หรือเขตท้องที่อื่นหรือไม่ก็ตาม ทั้งนี้ แต่ละกรณีโดยเฉพาะนั้นๆ และเมื่อได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขตามที่กำหนดในกฎกระทรวงแล้ว และเมื่อได้ดำเนินการตามมาตรา ๑๙๔ ทวิ หรือมาตรา ๑๙๕ แล้ว ให้เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษีได้ แต่ต้องไม่ให้ความว่าเจ้าพนักงานไม่ต้องดำเนินการแจ้งหมายให้ทราบการออกหมายเรียกดังกล่าวแก่ผู้เสียภาษีหรือผู้เกี่ยวข้องนั้น เว้นแต่จะมีเหตุผลอันสมควรเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการให้แล้วเสร็จในกำหนดเวลาอันสมควรหรือเพื่อประโยชน์ในการอุทธรณ์การประเมินก็ได้

มาตรา ๒๐๐ (๖๑) เมื่อได้จัดการตามมาตรา ๑๙๖ และทราบข้อความแล้ว เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจที่จะเพิ่มจำนวนเงินที่ประเมินหรือที่เรียกชำระการไว้เดิมโดยอาศัยพยานหลักฐานที่ปรากฏ และแจ้งจำนวนเงินที่ต้องชำระหรือไปยังผู้ต้องเสียภาษีอากร ในกรณีนี้จะอุทธรณ์การประเมินก็ได้

มาตรา ๒๐๑ (๖๒) ผู้ต้องเสียภาษีอากรไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา ๑๙๖ หรือไม่ตอบคำถามเมื่อถูกถามแต่มีเหตุผลอันสมควร เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษีได้ตามที่เห็นสมควร โดยไม่ต้องคำนึงถึงจำนวนเงินที่ต้องชำระไปยังผู้ต้องเสียภาษีอากร ในกรณีนี้ห้ามไม่ให้ผู้ต้องเสียภาษีอุทธรณ์การประเมิน

มาตรา ๒๐๒ (๖๓) ในกรณีการประเมินตามมาตรา ๒๐๑ หรือกรณีใดๆ ผู้ต้องเสียภาษีอาจยื่นอุทธรณ์ต่อเจ้าพนักงานประเมินเพื่อขอให้แก้ไขการประเมิน

มาตรา ๒๐๓ (๖๔) เมื่อเจ้าพนักงานประเมินได้รับอุทธรณ์ตามมาตรา ๒๐๒ แล้วแต่กรณี มีอำนาจออกหมายเรียกผู้ต้องเสียภาษีหรือพยานหรือผู้เกี่ยวข้องมาเพื่อการพิจารณา รวมทั้งเรียกเอกสารหรือหลักฐานอันควรแก่เรื่องมาแสดงได้ แต่ต้องไม่ให้ความว่าเจ้าพนักงานไม่ต้องดำเนินการแจ้งหมายให้ทราบ

มาตรา ๒๐๔ (๖๕) เมื่อได้จัดการตามมาตรา ๒๐๓ และทราบข้อความแล้ว อำนาจหรือเจ้าพนักงานประเมิน แล้วแต่กรณี มีอำนาจแก้ไขการประเมิน และแจ้ง

มาตรา ๒๖ (๖๖) ถ้าผู้ได้รับหมายหรือคำสั่งของอำนาจหรือเจ้าพนักงานประเมิน แล้วแต่กรณี ไม่ปฏิบัติตามหมายหรือคำสั่งของอำนาจหรือเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา ๒๓ หรือไม่ยอมตอบคำถามเมื่อถูกถาม โดยไม่มีเหตุอันสมควรอำนาจหรือเจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินเงินภาษีอากรตามที่ผู้ไม่ปฏิบัติตามต้องเสีย และแจ้งจำนวนการต้องไปยังผู้ต้องเสียภาษีอากรนั้นทันทีที่อุทธรณ์การประเมิน

มาตรา ๒๖ (๖๗) เงินเบี้ยปรับตามมาตรา ๒๖ และมาตรา ๒๖ และเงินเพิ่มในการประเมินตามมาตรา ๒๓ หรือมาตรา ๒๖ (๖๖) ต้องเสียภาษีอากรเป็นเงินเสียเบี้ยปรับอัตราเท่าของจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระ

มาตรา ๒๖ (๖๘) บุคคลใดไม่เสียภาษีอากรภายในกำหนดเวลาตามที่บัญญัติให้หมายความต่าง ๆ แห่งหลักฐานนั้นเกี่ยวกับการอุทธรณ์การประเมิน ให้เสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ ๑.๕ ต่อเดือนหรือเศษของเงินภาษีอากรที่ต้องเสียหรือชำระโดยให้เริ่มเบี้ยปรับ

ในกรณีอธิบดีอนุมัติให้ขายทรัพย์สินหรือชำระภาษีอากรและได้มีการชำระหรือชำระภาษีอากรในกำหนดเวลาที่ขายทรัพย์สินนั้น เงินเพิ่มตามวรรคหนึ่งให้ลดลงเหลือร้อยละ ๐.๗๕ ต่อเดือนหรือเศษของเดือน การคำนวณเงินเพิ่มตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้เริ่มนับเมื่อพ้นกำหนดเวลาการยื่นรายการหรือการชำระภาษีอากรหรือวันที่อธิบดีอนุมัติ แต่เงินเพิ่มที่คำนวณได้แล้วไม่ถึงหนึ่งร้อยบาทให้เสียเงินเพิ่มหนึ่งร้อยบาท และเงินเพิ่มที่คำนวณได้เกินจำนวนเงินภาษีอากรที่ต้องเสียหรือชำระให้เสียเงินเพิ่มเท่ากับจำนวนเงินภาษีอากรที่ต้องเสียหรือชำระ

มาตรา ๒๖ (๖๙) เบี้ยปรับตามมาตรา ๒๖ และมาตรา ๒๖ และเงินเพิ่มตามมาตรา ๒๖ ให้ถือเป็นเงินภาษี

เบี้ยปรับตามวรรคหนึ่ง อาจงดหรือลดลงได้ตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด โดยอนุมัติรัฐมนตรี ระเบียบดังกล่าวนี้ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๒๖ (๗๐) หนี้แต่ละสิทธิของผู้ได้รับยกเว้นอย่างอื่น การยกเว้นภาษีอากรและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ใด ๆ ซึ่งอำนาจ และเจ้าพนักงานมีอำนาจในการดำเนินการอุทธรณ์เงินภาษีอากรที่ยังไม่ได้ชำระหรือให้ผู้เสียภาษีอากรต้องยื่นคำร้องอุทธรณ์เงินภาษีอากรนั้นต่อเจ้าพนักงานที่ตนยื่นรายการการภาษีอากรตามที่กฎหมายกำหนด นั้นแต่

(๑)

ในกรณีสิทธิอุทธรณ์เกี่ยวกับรายการ เมื่อพ้นเวลาที่กฎหมายกำหนดการยื่นคำร้องอุทธรณ์แล้ว ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจอุทธรณ์หรือยื่นคำร้องอุทธรณ์ได้ในเรื่องอันเกี่ยวกับรายการในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการยื่นคำร้องอุทธรณ์

(๒)

ในกรณีสิทธิอุทธรณ์คดีอุทธรณ์การประเมินภาษีอากร ให้ผู้เสียภาษีอากรยื่นคำร้องอุทธรณ์ต่อศาล ให้ผู้เสียภาษีอากรยื่นคำร้องอุทธรณ์ต่อศาลภายในกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนดการยื่นคำร้องอุทธรณ์นั้น และในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาให้ผู้เสียภาษีอากรต้องเสียเงินเพิ่มหรือเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่มและเบี้ยปรับ ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจอุทธรณ์คำพิพากษานั้นได้ คำร้องอุทธรณ์ตามมาตรา ๒๖ (๗๐) ให้เป็นไปตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด และให้ผู้มีสิทธิอุทธรณ์ยื่นคำร้องอุทธรณ์ ณ ที่ทำการอำนวยความสะดวกหรือศูนย์บริการ ณ สถานที่ตามที่อธิบดีกำหนด

มาตรา 27 วรรคหนึ่ง(71) เพื่อประโยชน์ในการคืนภาษีอากรตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร เจ้าพนักงานประเมินอาจส่งหนังสือแจ้งความแก่ผู้เสียอากรอิน หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อยุติ หรือส่งเอกสาร หรือหลักฐานอันควรแก่เรื่องเพื่อประกอบการพิจารณาได้ตามที่เห็นสมควร

ส่วน 2

การอุทธรณ์

มาตรา 29 การอุทธรณ์นั้น ให้ดูพฤติการณ์ตามแบบที่อธิบดีกำหนด

มาตรา 29 ในการอุทธรณ์การประเมินภาษีอากรที่ถือว่าเป็นหน้าที่ประเมิน ให้ดูพฤติการณ์ได้ตามเกณฑ์และวิธีการ ดังต่อไปนี้

(ก)

ให้ดูพฤติการณ์การประเมินของอำเภอต่อเจ้าพนักงานประเมินภายในกำหนด 15 วัน นับแต่ได้รับแจ้งการประเมิน

(ข)

(72) เว้นแต่ในกรณีที่มีพฤติการณ์ตามความในมาตรา 22 หรือมาตรา 25 ให้ดูพฤติการณ์ประเมินของเจ้าพนักงานประเมินต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภายในกำหนดสิบห้าวัน นับแต่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ หรือรับแจ้งการประเมินตามความในมาตรา 18 หรือมาตรา 20 หรือมาตรา 24

(ค)

วันเดียวกันกรณีที่มีพฤติการณ์ตามมาตรา 33 ให้ดูพฤติการณ์วินิจฉัยอุทธรณ์ของเจ้าพนักงานหรือหัวหน้าฝ่ายอัยการภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์

มาตรา 30(73) ในการอุทธรณ์การประเมินภาษีอากรที่ถือว่าไม่มีหน้าที่ประเมิน ให้ดูพฤติการณ์ในกำหนดเวลาสามสิบวันนับแต่ได้รับแจ้งการประเมิน โดยให้ดูพฤติการณ์ตามเกณฑ์และวิธีการดังต่อไปนี้

(ก)

เว้นแต่ในกรณีที่มีพฤติการณ์ตามมาตรา 22 หรือมาตรา 25

(ข)

ถ้าผู้ว่าราชการประเมินผู้ทำการประเมินมีสำนักงานอยู่ในเขตจังหวัดพระนครหรือจังหวัดธนบุรี ให้ดูพฤติการณ์คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ซึ่งประกอบด้วยอธิบดีกรมสรรพากร ผู้แทนกรมสรรพากร และผู้แทนกรมสรรพสามิต

(ค)

ถ้าผู้ว่าราชการประเมินผู้ทำการประเมินมีสำนักงานอยู่ในเขตจังหวัดอื่น ให้ดูพฤติการณ์คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ซึ่งประกอบด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดผู้แทนสรรพากรเขตจังหวัดผู้แทนสรรพสามิต และอัยการจังหวัดหรืออัยการประจำจังหวัด

(ข)

วันเดียวกันกรณีที่มีพฤติการณ์ตามมาตรา 33 ให้ดูพฤติการณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ต่อศาลภายในกำหนดเวลาสามสิบวันนับแต่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตาม (ข) จะมีหลายคณะก็ได้(74)

มาตรา 31(75) การอุทธรณ์ไม่มีผลในการยกเลิกการเสียภาษีอากร ถ้าไม่เสียภาษีอากรในเวลาที่กฎหมายกำหนดให้ถือเป็นการอุทธรณ์ตามมาตรา 22 เว้นแต่กรณีที่ผู้เสียภาษีอากรยื่นคำร้องขอให้ถือคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือคำพิพากษาแทนได้ ก็ได้

มีหน้าที่ซึ่งระบุภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือได้รับทราบคำ พิพากษาถึงที่สุด แล้วแต่กรณี ในกรณีที่มีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ให้เสียภาษีอากรเพิ่มขึ้น ผู้ถูกอุทธรณ์จะต้อง ชำระภายในกำหนดเวลาหนึ่งเดียวกับอุทธรณ์ก่อน

มาตรา ๗๖ (76) เพื่อการวินิจฉัยอุทธรณ์ตามมาตรา ๗๔ หรือมาตรา ๗๕ เจ้าพนักงานประเมิน ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมในคณะกรรมการกิจการอุทธรณ์ แล้วแต่กรณี มีอำนาจออกหมายเรียกผู้ถูกอุทธรณ์ให้ส่งมอบเอกสารหรือพยานหลักฐาน อุทธรณ์หรือพยานหลักฐานอื่น ๆ หรือหมายสำคัญของอย่างอื่นอันควรแก่เรื่องมาแสดงได้ แต่ต้องให้เวลาสำหรับนำไปมอบตามสมควร

มาตรา ๗๗ (77) ผู้ถูกอุทธรณ์ใดไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกหรือคำสั่งตาม มาตรา ๗๖ หรือไม่ยอมตอบคำถามเมื่อซักถาม โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ผู้นั้นพึงหมดสิทธิ์ จะอุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ต่อไป

มาตรา ๗๘ (78) คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้มีหน้าที่พิจารณาอุทธรณ์ตาม มาตรา ๗๔ หรือมาตรา ๗๕ ให้ทำเป็นหนังสือและให้ส่งไปยังผู้ถูกอุทธรณ์

ส่วน ๓

บทกำหนดโทษ

มาตรา ๗๙ (79) ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๗ มาตรา ๖๐ หรือมาตรา ๖๑ หรือมาตรา ๖๒ นั้นแต่ละความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท

มาตรา ๘๐ (80) ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๙ วรรคสอง หรือกระทำการไม่เป็นไปตามมาตรา ๒๐ วรรคสอง และปรับไม่เกินสองแสนบาท

ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นนิติบุคคล ถ้าการกระ ทำความผิดของนิติบุคคลนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น หรือในกรณีที่บุคคลดังกล่าว มีหน้าที่ต้องสั่งการหรือกระทำการและมิได้สั่งการหรือไม่กระทำการจนเป็นเหตุให้ นิติบุคคลนั้นกระทำความผิด บุคคลดังกล่าวต้องรับโทษเช่นเดียวกับนิติบุคคลนั้น

มาตรา ๘๑ (81) ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๖๔ ตรี หรือยื่นรายงาน หรือ เอกสารหรือข้อความตามมาตรา ๖๗ ตรี โดยเจตนาส่งข้อมูลไม่ถูกต้องครบถ้วนโดยไม่มีเหตุ อันสมควร ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาท

มาตรา ๘๒ (82) ผู้ใดยื่นข้อมูลหรือข้อความไม่เป็นไปตามหมายเรียกหรือ คำสั่งของเจ้าพนักงานประเมิน ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมในคณะกรรมการกิจการ อุทธรณ์ หรือเจ้าพนักงานศุลกากรตามมาตรา ๗๖ หรือไม่ยอมตอบคำถามเมื่อซักถาม ตามมาตรา ๗๗ หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๗๘ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาท

มาตรา ๘๓ (83) ผู้ใดกระทำการดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สาม เดือนถึงหกเดือนและปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท

(a) โดยเจตนาจงใจข้อความเท็จ หรือให้ข้อคิดเห็น หรือตอบคำถามด้วย ด้วยคำอันเป็นเท็จหรือทำนองหลอกลวงเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรหรือ เพื่อขอคืนภาษีอากรตามลักษณะนี้ หรือ (b) โดยความเท็จ โดยข้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำให้นอง เอาด้วยกัน ที่เลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรหรือขอคืนภาษีอากรตาม ลักษณะนี้

มาตรา ๗๗๔ ทวิ(84) ผู้ใดโดยเจตนาไม่ส่งรายการที่ต้องยื่นตามลักษณะนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองแสน บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๗๗๔ ตรี(85) ความผิดตามมาตรา ๗๗๔ มาตรา ๗๗๔ ทวิ หรือมาตรา ๗๗๔/๔ ที่ผู้กระทำความผิดเป็นผู้ที่นำที่เสียภาษีอากรหรือนำส่งภาษีอากร และเป็นความ ผิดที่เกี่ยวกับจำนวนภาษีอากรที่หลีกเลี่ยงหรือโดยเลี่ยงเสียภาษีมากกว่าต่อปีภาษีขึ้นไป หรือ จำนวนภาษีอากรที่ขอคืนโดยความเท็จ โดยข้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำให้นอง เอาด้วยกัน ตั้งแต่สองล้านบาทต่อปีภาษีขึ้นไป และผู้ที่ทำให้เลี่ยงการเสียภาษีอากรหรือขอคืนภาษี อากรดังกล่าวได้กระทำในลักษณะเป็นการกระทำความผิดเป็นปกติธุระ โดยวิธีการธุรกิจธรรมดา อันเป็นการกระทำผิดเป็นปกติในลักษณะการประกอบธุรกิจหรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงหรือขอคืนภาษีอากร และ มีพฤติการณ์อันเป็นภัยต่อระบบบริหารจัดเก็บภาษีอากรหรือการจัดทำความผิดให้เกิดความ เสียหายต่อรัฐ ให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และ ให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการ กระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิด ดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็น ความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐาน เลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากร โดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่า การกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิด ดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิด ฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากร โดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่า การกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิด ดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิด ฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากร โดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่า การกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิด ดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิด ฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากร โดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่า การกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิด ดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิด ฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากร โดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่า การกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิด ดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิด ฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากร โดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่า การกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิด ดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิด ฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากร โดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่า การกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิด ดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิด ฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากร โดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่า การกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิด ดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิด ฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากร โดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่า การกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิด ดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิด ฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากร โดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่า การกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิด ดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิด ฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากร โดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่า การกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิด ดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิด ฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากร โดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่า การกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิด ดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิด ฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากร โดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่า การกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิด ดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิด ฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากร โดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่า การกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิด ดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิด ฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากร โดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่า การกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิด ดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิด ฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากร โดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่า การกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิด ดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิด ฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากร โดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่า การกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิด ดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิด ฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากร โดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่า การกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิด ดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิด ฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากร โดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่า การกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิด ดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิด ฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากร โดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่า การกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิด ดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิด ฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากร โดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่า การกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิด ดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิด ฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากร โดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่า การกระทำความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรโดยทุจริต และให้ถือว่าการกระทำความผิด

ไปนี้

(๑)

ผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนเกินกว่ากึ่งจำนวนหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนในนิติบุคคลหนึ่ง เป็นผู้ถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนเกินกว่ากึ่งจำนวนหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนในอีกนิติบุคคลหนึ่ง

(๒)

ผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในนิติบุคคลหนึ่งมีมูลค่าเกินกว่าร้อยละห้าสิบของทุนทั้งหมด ถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในนิติบุคคลหนึ่งมีมูลค่าเกินกว่าร้อยละห้าสิบของทุนทั้งหมด

(๓)

นิติบุคคลหนึ่งถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในอีกนิติบุคคลหนึ่งเกินกว่าร้อยละห้าสิบของทุนทั้งหมด หรือ

(๔)

บุคคลใดก็ตามที่อำนาจกรรมการหรือผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งมีอำนาจจัดการในนิติบุคคลหนึ่ง เป็นกรรมการหรือเป็นผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งมีอำนาจจัดการในอีกนิติบุคคลหนึ่ง "ปฏิบัติ" หมายความว่า ปฏิบัติการ "บริษัทจดทะเบียน"[๘๘] หมายความว่า บริษัทจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย "บริษัทจัดการกิจการลงทุน"[๘๙] หมายความว่า บริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการจัดการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมธุรกิจการค้าหลักทรัพย์หรือกองทุนรวมเพื่อการส่งเสริมการลงทุน "กองทุนรวม"[๙๐] (ยกเลิก) "บริษัทเงินทุน"[๙๑] หมายความว่า บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมธุรกิจการค้าของธนาคารพาณิชย์หรือกฎหมายว่าด้วยการควบคุมธุรกิจการค้าของบริษัทเงินทุนหรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ "บริษัทหรือหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล"[๙๒] หมายความว่า บริษัทหรือหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย หรือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ และให้หมายความรวมถึง

(๑)

กิจการซึ่งดำเนินการเป็นทางค้าหรือการทำโดยรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการของรัฐ หรือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ

(๒)

กิจการซึ่งดำเนินการโดยรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการของรัฐ หรือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ

(๓)

กิจการซึ่งดำเนินการโดยรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการของรัฐ หรือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ

(๔)

กองทุนรวมที่เป็นนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ

(จ)

(95) นิติบุคคลที่ถือหุ้นทั้งหมดโดยมูลนิธิรัฐมนตรี และประกาศในราชกิจจานุเบกษา "คนอนุญาตให้ใช้บัญชีบุคคล" (96) หมายความว่า บุคคลซึ่งแต่ละคนขึ้นไปตกลงกระทำการร่วมกันอันมิใช่เป็นหุ้นส่วนสามัญ "ขาย" (97) หมายความรวมถึง ขายฝาก แลกเปลี่ยน ให้ โอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าด้วยวิธีใดและไม่ว่าจะมีค่าตอบแทนหรือไม่มีให้รวมถึง

(๑)

ขาย แลกเปลี่ยน ให้ หรือโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ให้แก่ส่วนราชการ หรือรัฐวิสาหกิจที่มิใช่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดบุคคลตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และราคาหรือมูลค่าตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา

(๒)

การโอนโดยทางมรดกให้แก่ทายาทซึ่งกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ "ราคาขาย" (98) หมายความรวมถึง ราคาที่เจ้าพนักงานประเมินกำหนดตามมาตรา ๔๙ ทวิ "สิทธิครอบครอง" หมายความถึง สิทธิครอบครองในการถือครองอสังหาริมทรัพย์

ส่วน ๒

การเก็บภาษีจากบุคคลธรรมดา

มาตรา ๔๐ (100) เงินได้พึงประเมินนั้นคือ เงิน เงินแทนเงิน หรือประโยชน์อย่างอื่น รวมตลอดถึงเงินค่าจ้างการที่ผู้จ่ายเงินหรือผู้อื่นจ่ายออกแทนให้สำหรับเงินได้ประเภทต่าง ๆ ดังกล่าว ไม่ว่าในยอดใด (101)

(๑)

(102) เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงานไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส เบี้ยหวัด บำนาญ เงินค่าพาหนะ เงินค่าที่อยู่อาศัย เงินค่าตอบแทนจากการได้อยู่บ้านที่นายจ้างให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า เงินที่นายจ้างจ่ายค่าภาษีให้ ฯลฯ ซึ่งลูกจ้างต้องชำระ และเงินทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใด ๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน

(๒)

(103) เงินได้ของจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่หรือตำแหน่งการรับทำงานให้ ไม่ว่าจะเป็นการรับทำงานในหน้าที่หรือนอกหน้าที่ เช่น เบี้ยประชุม เบี้ยปรึกษา โบนัส เงินค่าทำงาน เงินค่าทำงานล่วงเวลา ฯลฯ เงินตอบแทนที่ได้จากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ผู้จ่ายเงินได้จ่ายให้โดยไม่เสียค่าเช่า เงินที่นายจ้างจ่ายค่าภาษีให้ ฯลฯ ซึ่งลูกจ้างต้องชำระ และเงินทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใด ๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน

(๓)

(104) คนแห่งดิจิทัล ค่าแห่งสิทธิหรือสิทธิหรืออื่นอันเป็นหรือเงินได้มีลักษณะเป็นเงินรายอื่นใดจากทรัพย์ธรรมดาธรรมดาอื่น หรือค่าทางทางของศาล

(๔)

เงินได้ที่เป็น

(ก)

(105) ดอกเบี้ยพันธบัตร ดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบี้ยหุ้นกู้ ดอกเบี้ยอื่นๆ ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมไม่ว่าจะมีหลักประกันหรือไม่ ดอกเบี้ยเงินที่จ่ายอยู่ในบังคับต้องถูกหัก ภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายว่าด้วยการเงินได้โดยเสียเฉพาะส่วนที่เหลือจากฐานที่หัก ภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายดังกล่าว หรือผลต่างระหว่างราคาที่ไถ่ถอนกับราคาที่ขาย ตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนเฉพาะบุคคล หรือบุคคลอื่นเป็น ผู้ออกและจำหน่ายหรือในการดำเนินการกล่าวถึงตั๋วเงิน รวมทั้งเงินได้ที่มีลักษณะเดียวกัน เสียจากนั้นออกเบี้ยดังกล่าวประโยชน์หรือค่าตอบแทนอื่น ๆ ที่ได้จากการให้กู้ยืมหรือจากสิทธิ เรียกร้องในหนี้ทุกชนิดไม่ว่าจะมีหลักประกันหรือไม่ก็ตาม

(ข)

(106) เงินปันผล เงินส่วนแบ่งของกำไร หรือประโยชน์อื่นใดที่ได้จาก บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญบุคคล หรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายโดยเฉพาะของ ประเทศไทยจัดตั้งขึ้นสำหรับให้กู้เงินเพื่อส่งเสริมเกษตรกรรม พาณิชยกรรม หรือ อุตสาหกรรม เป็นเงินหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรที่อยู่ในบังคับต้องถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่าย ตามกฎหมายว่าด้วยการเงินได้โดยเสียเฉพาะส่วนที่เหลือจากฐานที่หักภาษีไว้ ณ ที่จ่าย ตามกฎหมายดังกล่าว(107) เพื่อประโยชน์ในการคำนวณเงินได้ตามมาตรานี้ ในกรณีที่ผู้ครอบครอง ด้วยฐานะที่มิใช่เจ้าของสิทธิถือครองเงินปันผลได้ และความเป็นเจ้าของถือครองบิลและ มารดาได้อยู่ตลอดปี ให้ถือว่าเงินได้ของผู้ครอบครองเป็นเงินได้ของบิดา แต่ถ้าความ เป็นเจ้าของถือครองบิลและมารดาได้อยู่ตลอดปี ให้ถือว่าเงินได้ของผู้ครอบครองเป็น เงินได้ของบิดาหรือมารดาแล้วแต่กรณี หรือของผู้ครอบครองในกรณีที่ผู้ครอบครองได้ อำนาจควบคุมครอบครัว(108) ความในวรรคสองนี้ให้ใช้บังคับแก่ผู้ที่มิใช่เจ้าของสิทธิถือครอง เงินปันผลเงินได้ด้วยโดยอนุโลม(109)

(ก)

เงินโบนัสที่จ่ายแก่ผู้ถือหุ้น หรือผู้เป็นหุ้นส่วนในบริษัทหรือห้างหุ้น ส่วนสามัญบุคคล

(ข)

เงินลดทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญบุคคลเฉพาะส่วนที่ขาดไม่ เกินกว่ากำไรสะสมที่กำไรไว้รวมกัน

(ค)

เงินเพิ่มทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญบุคคลซึ่งตั้งจากกำไรที่ ได้มาหรือเงินที่กำไรไว้รวมกัน

(ง)

ผลประโยชน์ได้จากการเป็นเจ้าของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญบุคคล ความ ถือหุ้น หรือรับจำนำ หรือถือกลัก ซึ่งถือว่าเงินได้เกิดจากการลงทุน

(จ)

(110) ผลประโยชน์ได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หุ้นสามัญ โอนทรัพย์ของทุน หรือโอนหุ้น หุ้นกู้ พันธบัตร หรือถือกลัก หรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่มีลักษณะเดียวกัน รวมถึงผลประโยชน์ได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หุ้นสามัญ หุ้นกู้ พันธบัตร หรือถือกลัก หรือ ตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่มีลักษณะเดียวกันของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญบุคคล หรือ ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญบุคคล หรือของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญบุคคลที่ลงทุน ที่ลงทุน

(ฉ)

(111) เงินส่วนแบ่งของกำไร หรือผลประโยชน์อื่นใดในลักษณะ เดียวกันที่ได้จากการถือครองครองโดยดิจิทัล

(ฉ)

[112] ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล ทั้งนี้ เฉพาะซึ่งถือภาษีเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน

(ซ)

[113] เงินหรือประโยชน์อย่างอื่นที่ได้เนื่องจาก

(ก)

การให้ทรัพย์สิน

(ข)

การคิดสัญญาซื้อขายทรัพย์สิน

(ค)

การคิดสัญญาซื้อขายเงินตรา ซึ่งผู้จ่ายได้รับคืนทรัพย์สินที่ซื้อขายนั้นโดยไม่ต้องเสียเงินหรือประโยชน์อื่นใดเพิ่มขึ้น ในกรณี (ก) ถ้าเจ้าพนักงานประเมินมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้มีเงินได้แสดงเงินได้ต่ำไปไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินเงินได้ตามจำนวนเงินที่ทรัพย์สินนั้นสมควรให้แทนได้ตามปกติ และให้ถือว่า จำนวนเงินที่ประเมินนี้เป็นเงินได้พึงประเมินของผู้มีเงินได้ ในกรณีเช่นว่านี้เจ้าพนักงานประเมินให้ ทั้งนี้ ให้บันทึกบัญชีอ้างอิงคำอธิบายการคำนวณรายรับตาม มาตรา ๒๔ ลักษณะ ๒ มาใช้บังคับโดยอนุโลม ในกรณี (ข) และ (ค) ให้ถือว่าเงินหรือประโยชน์ที่ได้รับในส่วนที่เกินกว่าสัญญาจำนวนเงินคิดซื้อขายทรัพย์สิน เป็นเงินได้พึงประเมินของปีที่มีการคิดสัญญานั้น

(ฌ)

เงินได้ที่ได้รับจากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล สลากออมสิน สลากออมทรัพย์ หรือสลากอื่นใดที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน

(ญ)

เงินได้ที่ได้รับจากการขายทรัพย์สิน หรือจากกิจการอื่นซึ่งอาจได้แก่พระวิหารวรรณ สถาบันอิสระ การบัญชี ประกอบกิจการ หรือวิชาชีพอิสระอื่นซึ่งจะได้เห็นพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดได้

(ฎ)

เงินได้จากการธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง หรือการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ใน (๑) ถึง (ฌ) แล้ว เงินค่าการซื้อการขายวรรคหนึ่ง ถ้าผู้จ่ายเงินหรือผู้อื่นออกแทนให้สำหรับเงินได้ประเภทใด ไม่ว่าทอดใด หรือในปีภาษีใดก็ตาม ให้ถือเป็นเงินได้และของปีภาษีเดียวกันเงินได้ออกแทนเห็นนั้น [114]

มาตรา ๔๐ (๓) [115] ผู้ใดส่งสินค้าออกไปต่างประเทศไม่ว่าหรือมูลค่าสิ่งของสำนักงานใหญ่ สาขา ตัวการ ตัวแทน นายจ้างหรือลูกจ้างให้ถือว่าการที่ได้ส่งสินค้าไปนั้นเป็นเงินได้พึงประเมิน และให้ถือราคาสินค้าตามราคาตลาดในวันที่ส่งไป เป็นเงินได้พึงประเมินในปีที่ส่งไปนั้น

ความในวรรคก่อนนี้ไม่ใช้บังคับในกรณีสินค้าเป็น

(ก)

เป็นของที่ส่งไปเป็นตัวอย่างหรือเพื่อการวิจัยโดยเฉพาะ

(ข)

เป็นของแถมแลกเปลี่ยน

(ค)

เป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร แล้วส่งกลับออกไปให้ผู้ส่งเข้ามาภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่สินค้าเหล่านั้นเข้ามาในราชอาณาจักร (c) เป็นของที่ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร แล้วส่งกลับคืนเข้ามาให้ผู้ส่งในราชอาณาจักรภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร

มาตรา 116 ผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 ในปีภาษีที่ส่งวางมา แล้วเนื่องจากหน้าที่หรืองานกิจการที่ทำในประเทศไทย หรือเนื่องจากกิจการของนายจ้างในประเทศไทย หรือเนื่องจากทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทย ต้องเสียภาษีตามบัญญัติในส่วนนี้ ไม่ว่าเงินได้พึงประเมินนั้นจะจ่ายในหรือนอกประเทศ

ผู้มีภูมิลำเนาในประเทศไทย มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 ในปีภาษีที่ส่งวางมา แล้วเนื่องจากหน้าที่หรืองานกิจการที่ทำในต่างประเทศ หรือเนื่องจากทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศ ต้องเสียภาษีตามบัญญัติในส่วนนี้ เมื่อเงินได้พึงประเมินนั้นนำเข้ามาในประเทศไทย ผู้ใดอยู่ในประเทศไทยชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะรวมเวลาทั้งหมดถึงหนึ่งร้อยแปดสิบสามวันในปีภาษีใด ให้ถือว่าผู้นั้นเป็นผู้อยู่ในประเทศไทย

มาตรา 117 ในกรณีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทน ให้ถือว่าผู้โอนนั้นมีเงินได้ และต้องเสียภาษีตามบทบัญญัติในส่วนนี้

มาตรา 118 เงินได้พึงประเมินประเภทธต่อไปนี้ ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้

(a) ค่าพาหนะเลี้ยง หรือค่าเบี้ยเลี้ยง ซึ่งลูกจ้าง หรือผู้รับทำที่ทำที่ส่งมาทำงานนอกท้องที่ที่ปกติไปโดยอุตสาหกรรมตามความจำเป็นในการที่ต้องปฏิบัติตามหน้าที่หรืองาน และไม่เกินจำนวนที่กำหนดในกฎกระทรวง (b) ค่าพาหนะและเบี้ยเลี้ยงเดินทางตามอัตราที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนดไว้โดยพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยอัตราค่าพาหนะและเบี้ยเลี้ยงเดินทาง (c) เงินค่าเดินทางที่จ่ายชำระล่วงหน้าให้ลูกจ้าง เฉพาะส่วนที่ลูกจ้างได้จ่ายทั้งหมดโดยจำเป็นเพื่อการเดินทางจากถิ่นที่ในการรับงานเป็นครั้งแรก หรือในการกลับคืนถิ่นเดิมเมื่อการจ้างได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ย่อมจะนำให้รวมเงินค่าเดินทางที่ลูกจ้างได้รับในการกลับคืนถิ่นเดิมและในการรับงานของนายจ้างอื่นในการเดินทางในคราวกลับถิ่นนั้น เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 ได้เสมอ (d) ในกรณีที่นายจ้างและลูกจ้างได้ทำสัญญาให้ลูกจ้างเบิกเบื้องต้นเพื่อชำระรายจ่ายอันจำเป็นในการเดินทางจากถิ่นที่ไปทำงานตามมาตรา 40 (c) แล้ว เมื่อมีการจ่ายเงินคืนให้แก่นายจ้างในภายหลัง ให้ถือว่าเงินที่ลูกจ้างได้รับในคราวเบิกเบื้องต้นนั้นไม่เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (c) เว้นแต่ลูกจ้างจะมิได้จ่ายเงินคืนให้แก่นายจ้างภายในกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้ พุทธศักราช 2527 และไม่ถือว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (c) เพื่อเสียภาษีเงินได้ (e) เงินเพิ่มพิเศษประจำตำแหน่ง และเงินค่าเช่าบ้าน หรือบ้านที่ให้อยู่โดยไม่ต้องเสียค่า สำหรับข้าราชการ สถานทูต หรือสถานกงสุลไทยในต่างประเทศ

(จ)

เงินได้จากการขาย หรือส่วนลดจากการซื้ออากรแสตมป์ หรือแสตมป์ไปรษณียากรของรัฐบาล

(ฉ)

เบี้ยประชุมกรรมการหรือกรรมการ หรือค่ากล่อม ค่าลอบ ที่ทางราชการหรือสถานศึกษาของทางราชการจ่ายให้

(ช)

(120) ดอกเบี้ยดังต่อไปนี้ (1) ดอกเบี้ยสลากออมสิน หรือดอกเบี้ยเงินฝากของสินของรัฐบาลเฉพาะประเภทฝากเผื่อเรียก (2) ดอกเบี้ยเงินฝากประเภทออมทรัพย์ที่ได้รับจากสหกรณ์ (3) ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในราชอาณาจักรที่ต้องจ่ายคืน เมื่อทวงถามประเภทออมทรัพย์ เฉพาะกรณีที่ผู้มีเงินได้ได้รับดอกเบี้ยดังกล่าวในจำนวนรวมกันทั้งสิ้นไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทตลอดปีภาษีนั้น ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด

(ซ)

(121) การขายสังหาริมทรัพย์อันเป็นรถ หรือสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยมิได้อยู่ในทางการค้าหรือหากำไร เว้นแต่เรือกำปั่น เรือยนต์ เรือแพ เรือกลไฟหรือเรือยนต์ที่มีระวางตั้งแต่หกตันขึ้นไปหรือแพ

(ฌ)

(122) เงินได้ที่ได้รับจากการรับมรดก

(ญ)

(123) รางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือรางวัลจากการออกสลากกินแบ่งหรือสลากออมสินของรัฐบาล รางวัลที่ได้รับจากการประกวด การแข่งขัน การชิงโชค หรือการเสี่ยงโชคในลักษณะเดียวกันซึ่งทางราชการจัดให้ หรือได้รับจากการกระทำเพื่อประโยชน์ในการบำเพ็ญประโยชน์ของสาธารณะ หรือสนับสนุนราชการส่วนท้องถิ่นเพื่อประโยชน์ในการบำเพ็ญการกุศลหรือทำความดี

(ฎ)

บ้านกฤษฎี บ้านหรือเหย้า บ้านกฤษฎาทอด หรือบ้านเหย้ากฤษฎาทอด

(ฏ)

ค่าสินไหมทดแทนเพื่อชดเชย เงินที่ได้จากการประกันภัย หรือการฉบับกองสงเคราะห์

(ฐ)

(124) (ยกเลิก)

(ฑ)

(125) เงินได้ของชาวนา ที่ได้จากการขายข้าวอันเกิดจากกิจกรรมที่ตนและหรือครอบครัวได้ทำเอง

(ฒ)

เงินได้ที่ได้รับจากกองมรดกซึ่งต้องเสียภาษีตามความในมาตรา 57 ทวิ

(ณ)

เงินได้ตามที่รัฐได้กำหนดไว้ในกฎหมายอื่น

(ด)

(126) รางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลไทย เงินได้จากการขายหรือส่วนลดจากการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลไทย

(ต)

(127) ดอกเบี้ยที่ได้รับยกเว้นมาตรา 4 ทศ

(ถ)

(128) (ยกเลิก)

(๒๑)

[๑๒๙] (ยกเลิก)

(๒๒)

[๑๓๐] (ยกเลิก)

(๒๓)

[๑๓๑] (ยกเลิก)

(๒๔)

[๑๓๒] (ยกเลิก)

(๒๕)

[๑๓๓] เงินประโยชน์ทดแทนที่ผู้ประกันตนได้รับจากกองทุนประกันสังคมตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม

(๒๖)

[๑๓๔] เงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทนให้นับบุคคลซึ่งอยู่ในราชวงศ์ชั้นพระบรมวงศ์ หรือชั้นหม่อมเจ้าเฉพาะเงินได้จากการโอนให้แก่บุคคลซึ่งอยู่ในฐานะญาติในระดับชั้นที่กฎหมายกำหนด ในส่วนที่ไม่เกินสิบล้านบาทต่อบุคคลหนึ่งคนตลอดปีภาษีนั้น

(๒๗)

[๑๓๕] เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะหรือการให้โดยเสน่หา จากบุตรทวี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส เฉพาะเงินได้ในส่วนที่ไม่เกินสิบล้านบาทตลอดปีภาษีนั้น

(๒๘)

[๑๓๖] เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา หรือจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี ทั้งนี้ จากบุคคลซึ่งมิใช่บุตรทวี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส เฉพาะเงินได้ในส่วนที่ไม่เกินสิบล้านบาทตลอดปีภาษีนั้น

(๒๙)

[๑๓๗] เงินได้ที่ได้รับจากการให้โดยเสน่หา ที่ผู้ให้แสดงเจตนาเพื่อเป็นการสาธารณประโยชน์ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๔๐ ทวิ[๑๓๘] เงินได้พึงประเมินตามความในมาตรา ๔๐ (๖) และ (๗) ยอมให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ร้อยละ ๕๐ แต่รวมกันต้องไม่เกิน ๙๐๐,๐๐๐ บาท[๑๓๙]

ในกรณีสิทธิการเช่าอย่างต่ำอย่างหนึ่งเงินได้ตามวรรคหนึ่ง และความเป็นกัมมีกรรณได้มีอยู่ตลอดปีภาษี ให้หักค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ใช้จ่ายในเกณฑ์ในกรณีนั้น

มาตรา ๔๐ ตรี[๑๔๐] เงินได้พึงประเมินตามความในมาตรา ๔๐ (๘) เฉพาะที่เป็นค่าบำเหน็จบำนาญ ค่าพ้นตำแหน่งหรือสิทธิหรือสิทธิอย่างอื่น ยอมให้หักค่าใช้จ่ายได้ตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา[๑๔๑]

ในกรณีสิทธิการเช่าอย่างต่ำอย่างหนึ่งเงินได้ตามวรรคหนึ่ง และความเป็นกัมมีกรรณได้มีอยู่ตลอดปีภาษี ให้หักค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ใช้จ่ายในเกณฑ์ในกรณีนั้น

มาตรา ๔๔[๑๔๒] เงินได้พึงประเมินตามความในมาตรา ๔๐ (๘) ยอมให้หักค่าใช้จ่ายได้ตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา

มาตรา ๔๕[๑๔๓] เงินได้พึงประเมินตามความในมาตรา ๔๐ (๘) ยอมให้หักค่าใช้จ่ายได้ตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา

มาตรา ๔๖[๑๔๔] เงินได้พึงประเมินตามความในมาตรา ๔๐ (๘) ยอมให้หักค่าใช้จ่ายได้ตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา

มาตรา ๖๐[145] เงินได้พึงประเมินตามความในมาตรา ๔๐ (๔) ยอมให้หักค่าใช้จ่ายได้ตามที่จ่ายจริงโดยพระราชกฤษฎีกา

มาตรา ๖๐/๑[146] เงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ เมื่อได้หักตามมาตรา ๕๐ หรือมาตรา ๕๐ แล้ว เพื่อเป็นการบรรเทาภาระภาษี ให้หักลดหย่อนได้อีกดังต่อไปนี้

(๑)

ลดหย่อนให้สำหรับ

(ก)

[147] ผู้มีเงินได้ ๖๐,๐๐๐ บาท

(ข)

[148] สามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ ๖๐,๐๐๐ บาท

(ค)

[149] บุตร

(๑)

[150] บุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้มีเงินได้ หรือบุตรชอบด้วยกฎหมายของสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ คนละ ๓๐,๐๐๐ บาท และสำหรับบุตรชอบด้วยกฎหมายซึ่งเกิดหรือเป็นบุตรในปีหรือหลังปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้หักลดหย่อนได้เพิ่มอีกคนละ ๓๐,๐๐๐ บาท โดยในการนับลำดับบุตร ให้นับลำดับของบุตรทุกคนไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม

(ข)

บุตรบุญธรรมของผู้มีเงินได้ คนละ ๓๐,๐๐๐ บาท แต่รวมกันต้องไม่เกินสามคน ในกรณีมีผู้มีเงินได้เป็นคู่ครั้ง (๑) และ (๒) หากหักลดหย่อนสำหรับบุตร ให้แก่บุตรตาม (๑) ทั้งหมดหรือบางส่วนแล้ว คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งจะหักลดหย่อนสำหรับบุตรตาม (๑) ที่มีสิทธิจะหักลดหย่อนได้แต่ตามส่วนที่ไม่ได้หักลดหย่อนแล้วเท่านั้น

(๓)

มารดาและบิดาของผู้มีเงินได้ หรือมารดาและบิดาของคู่สมรสของผู้มีเงินได้ คนละ ๓๐,๐๐๐ บาท โดยมีเงื่อนไขตามที่กำหนดในกฎกระทรวง การรับจำนวนบุตร ให้รับเฉพาะบุตรที่มีชีวิตอยู่ตามลำดับอายุสูงสุดของบุตร โดยให้นับรวมทั้งบุตรที่ไม่อยู่ในเกณฑ์ที่ได้รับการหักลดหย่อนด้วย การหักลดหย่อนสำหรับบุตร ให้หักได้เฉพาะบุตรซึ่งยังมีชีวิตอยู่ไม่เกินยี่สิบปีและยังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาหรืออายุไม่เกินยี่สิบห้าปี และกำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาในประเทศหรือในต่างประเทศ หรือบุตรซึ่งพิการหรือทุพพลภาพและมีรายได้ไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาทต่อปี โดยเงินได้พึงประเมินที่ได้รับในปีภาษีที่บุตรถึงแก่ความตาย ให้หักลดหย่อนได้ไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาท

(๔)

[151] เบี้ยประกันชีวิตของผู้มีเงินได้อันได้จ่ายไปในปีภาษีสำหรับการจ่ายประกันชีวิตซึ่งมีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่สิบปีขึ้นไป ไม่เกิน ๙๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง และการประกันชีวิตต้องเป็นการประกันกับบริษัทที่ประกอบกิจการประกันชีวิตในราชอาณาจักร[152] ในกรณีสมาชิกหรือทายาของผู้มีเงินได้ที่กรมธรรม์ประกันชีวิต และความเป็นสมาชิกได้อยู่ตลอดปีภาษี ให้หักลดหย่อนได้ด้วยจำนวนที่จ่ายสำหรับการประกันชีวิตของสมาชิกหรือทายานั้นตามเกณฑ์ในวรรคหนึ่ง

(จ)

(153) (ยกเลิก)

(ฉ)

(154) (ยกเลิก)

(ช)

(155) เงินสะสมที่จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดโดยกฎกระทรวงว่าด้วยภาษีอากร (ซึ่ง) ตามจำนวนเงินที่จ่ายรวมแล้วไม่เกิน 90,000 บาท(156) ในกรณีสมาชิกหรือทายาของผู้มีเงินได้จ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามวรรคหนึ่ง และความเป็นสมาชิกได้อยู่ตลอดปีภาษี ให้หักลดหย่อนได้ด้วยสำหรับเงินสะสมของสมาชิกหรือทายาที่จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้นตามเกณฑ์ในวรรคหนึ่ง

(ซ)

(157) ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่ผู้มีเงินได้จ่ายให้แก่ธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่น บริษัทประกันชีวิต สหกรณ์หรือกองทุน สำหรับการกู้ยืมเพื่อซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้างอาคารอยู่อาศัยโดยอำนาจของตนเองหรือคู่สมรสตามจำนวนที่จ่ายรวมแล้วไม่เกิน 90,000 บาท ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกรมสรรพากรโดยอนุมัติรัฐมนตรี และประกาศในราชกิจจานุเบกษา อาคารดังกล่าวให้หมายความรวมถึงห้องชุดพร้อมที่ดินด้วย

(ฌ)

(158) เงินสมทบที่ผู้ประกันตนจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคมตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม ในกรณีสมาชิกหรือทายาของผู้มีเงินได้ ซึ่งเป็นผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมตามวรรคหนึ่ง และความเป็นสมาชิกได้อยู่ตลอดปีภาษี ให้หักลดหย่อนได้ด้วย สำหรับเงินสมทบของสมาชิกหรือทายาที่จ่ายเข้ากองทุนประกันสังคมดังกล่าวตามเกณฑ์ในวรรคหนึ่ง(159)

(ญ)

(160) ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาของผู้มีเงินได้ รวมทั้งบิดามารดาของคู่สมรสที่มีรายได้ไม่เกินจำนวนที่กำหนดโดยกฎกระทรวงซึ่งต้องมีอายุหกสิบปีขึ้นไป มีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ และอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของผู้มีเงินได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด ค่าอุปการะเลี้ยงดูตามวรรคหนึ่ง ให้หักลดหย่อนได้สำหรับปีภาษีที่เริ่มในหรือหลังปี พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป

(ฎ)

(161) ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาบุตร บิดามารดา คู่สมรสของผู้มีเงินได้ หรือผู้พิการหรือทุพพลภาพซึ่งอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของผู้มีเงินได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดโดยกฎกระทรวง โดยให้หักลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินจำนวนที่กำหนดในกฎกระทรวง ทั้งนี้ ให้หมายความรวมถึงค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาบุตร บิดามารดา คู่สมรสของผู้มีเงินได้ หรือผู้พิการหรือทุพพลภาพซึ่งอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของผู้มีเงินได้ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศด้วย การหักลดหย่อนสำหรับบุคคลธรรมดา ให้หักได้ในฐานะบุคคลธรรมดาเพียงฐานะเดียว ค่าลูกจ้างเลี้ยงดูตามวรรคหนึ่ง ให้หักลดหย่อนได้สำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่จะต้องยื่นรายการในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นต้นไป

(ก)

(162) เงินที่บริจาคแก่พรรคการเมือง หรือเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดที่ให้เพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรมของพรรคการเมืองตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่รวมกันไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด

(ข)

(163) ในกรณีสามีภริยาต่างฝ่ายต่างมีเงินได้ การหักลดหย่อนตาม (๑) (ก) และ (ข) ให้หักลดหย่อนรวมกันได้ ๒๐๐,๐๐๐ บาท

(ค)

(164) ในกรณีผู้มีเงินได้เสียชีวิตในประเทศไทย การหักลดหย่อนตาม (๑) (ก) และ (ข) ให้หักได้เฉพาะสำหรับรายและบุคคลที่อยู่ในประเทศไทย

(ง)

ในกรณีผู้มีเงินได้เสียชีวิตในความตาย ในระหว่างปีภาษี ให้หักลดหย่อนได้เสมือนผู้เสียชีวิตอยู่ตลอดปีภาษีนั้นนับถึงแก่ความตาย

(จ)

(165) ในกรณีผู้มีเงินได้เป็นเจ้าของรถ ให้หักลดหย่อนได้ ๖๐,๐๐๐ บาท

(ฉ)

(166) ในกรณีผู้มีเงินได้เป็นเจ้าของที่ดินหรืออาคารหรือบุคคลที่มีชื่อในบัญชีบุคคล ให้หักลดหย่อนได้ตาม (๑) (ก) และ (ข) แต่รวมกันไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท และเฉพาะเงินได้อยู่ในประเทศไทย แต่รวมกันต้องไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท

(ช)

(167) ในกรณีผู้มีเงินได้ตามมาตรา (๑) (ก) (ข) (ค) (ง) (จ) หรือ (ฉ) แล้ว เหลือเท่าใดให้หักลดหย่อนได้อีกสำหรับเงินบริจาคครั้งต่อไปนี้ โดยให้หักได้เท่าจำนวนที่บริจาคแต่ต้องไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของเงินที่เหลือนั้น

(ซ)

เงินที่บริจาคแก่กองทัพบกและสถานศึกษาของทางราชการ

(ฌ)

เงินที่บริจาคเป็นสาธารณประโยชน์แก่องค์การหรือสถานสาธารณกุศลหรือแก่สถานพยาบาลและสถานศึกษาอื่นนอกจากที่กล่าวใน (ซ) ทั้งนี้ ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๔๗ ทวิ(168) ให้ผู้มีเงินได้ตามมาตรา ๔๗ (๑) (ข) หรือได้รับจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนที่มีบุคคลสัญชาติไทยไม่ต่ำกว่า ๗๕% ได้รับลดในกรณีการนำเงินเข้ามาในประเทศ โดยให้หักจากรายเงินได้ที่รับหรือหักจากเงินที่แสดงในแผนการนำเงินเข้ามาในประเทศที่มีรายงานต่อกรมสรรพากร ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา และต้องนำเงินเข้ามาในประเทศภายในระยะเวลาที่กำหนดในประกาศดังกล่าว หากไม่ได้นำเงินเข้ามาในประเทศภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าเงินได้ที่หักลดหย่อนไปแล้วนั้นต้องนำมาคำนวณเป็นเงินได้ในปีถัดไป

(ซ)

(169) เครดิตภาษีในกรณีการลงทุนในตราสารหนี้ ให้แก่การลงทุนตามเงื่อนไขเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๔) (ข) และ (ค) ให้หักลดหย่อนได้ตามจำนวนที่ลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลหรือรัฐวิสาหกิจ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา และต้องนำเงินได้เสียภาษีสำหรับเงินได้จากการลงทุนในตราสารหนี้นั้น หรือเสียภาษีในเงินได้ที่เกี่ยวเนื่องกับการลงทุนในตราสารหนี้นั้น ความในวรรคหนึ่งและวรรคสองมิให้ใช้บังคับแก่ผู้มีเงินได้ซึ่งมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย และมิได้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้จ่ายเงินได้แสดงข้อความที่กำหนดให้ต้องระบุในหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายตามวรรคหนึ่งไม่ถูกต้องเป็นเหตุให้เกิดการล่าช้าหรือความเสียหายแก่การที่ผู้มีเงินได้จะได้รับ ให้ผู้จ่ายเงินได้ร่วมรับผิดชอบในค่าเบี้ยปรับจำนวนหนึ่งตามที่เจ้าพนักงานประเมินเห็นสมควร แต่ต้องไม่เกินจำนวนเงินที่มิได้หักหรือมิได้นำส่งเงินดังกล่าวภายในระยะเวลาที่กำหนดในประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ ให้ถือว่าผู้จ่ายเงินได้มิได้กระทำการอันเป็นความผิดตามมาตรา ๓๗ แห่งประมวลรัษฎากรในกรณีที่ได้ร่วมรับผิดชอบในค่าเบี้ยปรับดังกล่าวแล้ว เว้นแต่จะปรากฏว่าผู้จ่ายเงินได้จงใจแจ้งข้อความอันเป็นเท็จหรือจงใจปกปิดข้อความจริงในหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายดังกล่าว

มาตรา ๔๘[172] เงินได้พึงประเมินต้องเสียภาษีเงินได้ดังต่อไปนี้

(๑)

[173] สำหรับผู้มีเงินได้พึงประเมินตั้งแต่ ๑๐๐,๐๐๐ บาทขึ้นไป การคำนวณภาษีอากร (ก) ให้เสียไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๐.๕ ของยอดเงินได้พึงประเมิน[174] การนับรวมเงินได้พึงประเมินตาม (๒) ไม่รวมถึงเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๑)[175]

(๓)

[176] เงินได้พึงประเมินต้องเสียภาษีในอัตราร้อยละ ๑๐.๐ ของเงินได้โดยไม่ต้องนำเงินได้พึงประเมินตาม (๑) และ (๒) ที่ได้เสียภาษีแล้วมารวมคำนวณภาษีอากร (๔) และ (๕) ที่ต้องเสียภาษีในอัตราร้อยละ ๑๐.๐ ดังต่อไปนี้

(ก)

ดอกเบี้ยพันธบัตร ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในราชอาณาจักร ดอกเบี้ยเงินฝากสหกรณ์ ดอกเบี้ยหุ้น ดอกเบี้ยเงินที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรืออื่นๆ ดอกเบี้ยเงินกู้ที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรืออื่นๆ ดอกเบี้ยเงินที่ได้จากการนำเงินที่มีอยู่มาลงทุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยตั้งขึ้นสำหรับให้ผู้มีเงินได้เพื่อส่งเสริมเกษตรกรรม พาณิชยกรรม หรืออุตสาหกรรม

(ข)

ผลต่างระหว่างราคาที่ได้ขายกับราคาที่ซื้อคืน หรือดอกผลแสดงสิทธิในที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรืออื่นๆ

(ค)

ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนพันธบัตร หุ้นหรือเงิน หรือตราสารแสดงสิทธิในที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรืออื่นๆ ทั้งนี้เฉพาะที่จัดทำในประเทศไทยเท่านั้น ผู้มีเงินได้ซึ่งมิได้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยอาจเลือกเสียภาษีในอัตราร้อยละ ๑๐.๐ ของเงินได้โดยไม่ต้องนำเงินได้พึงประเมินตาม (๑) และ (๒) ที่ได้เสียภาษีแล้วมารวมคำนวณภาษีอากร (๔) และ (๕) ที่ต้องเสียภาษีในอัตราร้อยละ ๑๐.๐ หรือเลือกเสียภาษีในอัตราที่กำหนดในกฎหมายโดยเฉพาะสำหรับเงินได้ดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมเกษตรกรรม พาณิชยกรรม หรืออุตสาหกรรม[177] (a)(178) ผู้มีเงินได้จะเลือกเสียภาษีโดยไม่นำมานับไปรวมคำนวณภาษีตาม (๑) และ (๒) ก็ได้ เฉพาะเงินได้ตามมาตรา ๔๐ (๔) ที่ได้รับจากการขายอสังหาริมทรัพย์อันเป็นมรดกหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยไม่ใช่ในการหากำไรหรือหากำไร ดังต่อไปนี้

(ก)

เงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์อันเป็นมรดกหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับจากการให้โดยเสน่หา ให้หักค่าใช้จ่ายร้อยละ ๕๐ ของเงินได้ เหลือเท่าใดเสียเป็นเงินได้สุทธิแล้วคำนวณภาษีที่ต้องชำระด้วยจำนวนเงินที่ถือครอง ให้คำนวณภาษีด้วยจำนวนเงินที่ถือครอง คลังทรัพย์ได้เป็นเงินภาษีที่ต้องเสีย

(ข)

เงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยทางอื่นนอกจาก (ก) ให้หักค่าใช้จ่ายได้เฉพาะค่าทำเนียมจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่เกินอัตราร้อยละ ๒ ของราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ได้รับโดยการกำหนดตามมาตรา ๒๖ (๒) (ข/๑)(180) ผู้มีเงินได้จะเลือกเสียภาษีในอัตราร้อยละ ๕ ของเงินได้ส่วนที่เกินสี่ล้านบาท โดยไม่นำมานับไปรวมคำนวณภาษีตาม (๑) และ (๒) ก็ได้ สำหรับเงินได้ตามมาตรา ๔๐ (๔) ที่เป็นเงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่ต้องยอมให้แก่บุคคลอื่นตามกฎหมายซึ่งไม่นำรวมถึงบุคคลธรรมดาที่ได้รับยกเว้นตามมาตรา ๒๖ (๒) (ข/๒)(181) ผู้มีเงินได้จะเลือกเสียภาษีโดยไม่นำมานับไปรวมคำนวณภาษีตาม (๑) และ (๒) ก็ได้ สำหรับเงินได้ที่ได้รับประเภทเงินตามมาตรา ๔๐ (๔) และ (๒) ซึ่งเป็นเงินที่นายจ้างจ่ายให้หรือเป็นค่าชดเชยการออกจากงาน ซึ่งไม่จำเป็นต้องจ่ายตามกฎหมายแรงงาน และได้จ่ายตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด โดยให้เงินได้ไม่เกินสามแสนบาทหักค่าใช้จ่ายได้ร้อยละ ๕๐ ของเงินได้ เหลือเท่าใดเสียเป็นเงินได้สุทธิแล้วคำนวณภาษีที่ต้องชำระด้วยจำนวนเงินที่ถือครอง คลังทรัพย์ได้เป็นเงินภาษีที่ต้องเสีย ในกรณีที่เสียภาษีโดยไม่นำมานับไปรวมคำนวณภาษีตาม (๑) และ (๒) หนึ่งแสนเงินนำมานับไปรวมคำนวณภาษีตาม (๑) และ (๒) ให้หักค่าใช้จ่ายร้อยละ ๕๐ ของเงินได้ตาม (ก) หรือสามหมื่นบาทโดยหักจากฐานภาษีตาม (ข) แล้วแต่กรณี เหลือเท่าใดนำไปปรับคำนวณภาษีเงินได้อย่างอื่น จำนวนปีที่จำทำงานตามวรรคหนึ่ง ในกรณีเงินนำหนหรือเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน ที่ทางราชการจ่ายให้ต้องคำนวณปีที่ใช้เป็นเกณฑ์คำนวณเงินนำหนหรือเงินอื่นในลักษณะเดียวกันแทนทางกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับของทางราชการ ในการคำนวณจำนวนปีที่ทำงาน นอกจากกรณีตามวรรคสาม เศษของปี ถ้าถึงหนึ่งร้อยแปดสิบสามวันให้ถือเป็นหนึ่งปี ถ้าไม่ถึงหนึ่งร้อยแปดสิบสามวันให้ถือเป็นศูนย์

(ข)

[182] ผู้มีเงินได้จะเลือกเสียภาษีในอัตราร้อยละ 5 ของเงินได้ส่วนที่เกินสี่ล้านบาท โดยไม่ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีตาม (๑) และ (๒) ก็ได้ สำหรับเงินได้ตามมาตรา 40 (4) ที่ได้รับจากการจ่ายบำเหน็จบำนาญหรือการให้โดยเสน่หาหากบุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส ที่ไม่ได้รับยกเว้นตามมาตรา 42 (27)

(ค)

[183] ผู้มีเงินได้จะเลือกเสียภาษีในอัตราร้อยละ 5 ของเงินได้ส่วนที่เกินสี่ล้านบาท โดยไม่ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีตาม (๑) และ (๒) ก็ได้ สำหรับเงินได้ตามมาตรา 40 (4) ที่ได้รับจากการจ่ายบำเหน็จบำนาญโดยที่มิใช่ธรรมจรรยาหรือจากการให้โดยเสน่หาในลักษณะหรือภายใต้เงื่อนไขธรรมจรรยาประเพณี ทั้งนี้ เฉพาะสำหรับเงินได้จากการขายสินค้าสินค้านอก หรือคู่สมรส ที่ไม่ได้รับยกเว้นตามมาตรา 42 (27)

มาตรา 84 ตรี[184] ให้องค์กรของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ หรือหน่วยงานซึ่งบุคคลหรือนิติบุคคลขององค์กรของรัฐบาล ตามวิธีการ อัตรา และประเภทเงินได้ตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวง ทั้งนี้ เฉพาะสำหรับเงินได้จากการขายสินค้าสินค้านอก

การตีเสียแยกตามวรรคหนึ่งให้ถือเป็นเครดิตของผู้เสียภาษีในการคำนวณภาษี[185]

มาตรา 84 ตรี[186] (ยกเลิก)

มาตรา 84 ตรี[187] ในกรณีที่ผู้มีเงินได้ไม่ยื่นรายการเงินได้หรือเจ้าพนักงานประเมินพิจารณาเห็นว่า ผู้มีเงินได้ยื่นรายการเงินได้ต่ำกว่าจำนวนที่ควรยื่น ให้เจ้าพนักงานประเมินโดยมูลเหตุอันสมควร มีอำนาจที่จะกำหนดจำนวนเงินได้ที่แท้จริงขึ้นได้ โดยถือเงินหรือทรัพย์สินที่เป็นการสมมติ หรือที่ปรากฏในครอบครองของผู้มีเงินได้ หรือรายจ่ายของผู้มีเงินได้ หรือฐานะความเป็นอยู่ หรือพฤติการณ์ของผู้มีเงินได้ หรือเงินได้ที่ผู้มีเงินได้ยื่นไว้ หรือพฤติการณ์อื่นใดที่แสดงว่าผู้มีเงินได้มีเงินได้อยู่ในจำนวนที่ควรยื่นรายการ แล้วกำหนดจำนวนเงินได้ที่แท้จริงขึ้นเพื่อประเมินภาษีอากร ทั้งนี้ ให้ทำการประเมินภายในกำหนดเวลาตามมาตรา 19 ซึ่งมาตรา 19 ดังกล่าวให้ถือเป็นอันใช้บังคับต่อไป

มาตรา 84 ตรี[188] ในกรณีที่มีการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองในลักษณะหรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองของสองฝ่ายหรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองของสองฝ่ายหรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองของสองฝ่ายหรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองของสองฝ่ายหรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองของสองฝ่ายหรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองของสองฝ่ายหรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองของสองฝ่ายหรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองของสองฝ่ายหรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองของสองฝ่ายหรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองของสองฝ่ายหรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองของสองฝ่ายหรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองของสองฝ่ายหรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองของสองฝ่ายหรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองของสองฝ่ายหรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองของสองฝ่ายหรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองของสองฝ่ายหรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองของสองฝ่ายหรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองของสองฝ่ายหรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองของสองฝ่ายหรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองของสองฝ่ายหรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองของสองฝ่ายหรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองของสองฝ่ายหรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองของสองฝ่ายหรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองของสองฝ่ายหรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองของสองฝ่ายหรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองของสองฝ่ายหรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองของสองฝ่ายหรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิใดหรือครอบครองของสองฝ่าย

(จ)

ในกรณีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (6) และ (7) ให้คูณเงินได้พึงประเมินที่ต้องยื่นจำนวนคราวการจ่ายต้องยื่น เพื่อให้ได้จำนวนเงินเสมือนหนึ่งว่าได้จ่ายทั้งปีแล้วคำนวณภาษีตามมาตรา 48 (3) เป็นเงินภาษีทั้งสิ้นเท่าใดให้หารด้วยจำนวนคราวที่จะต้องจ่าย ได้ผลลัพธ์เป็นเงินเท่าใด ให้เก็บเป็นเงินภาษีไว้เท่านั้น ถ้าการคำนวณจำนวนคราวการจ่ายต้องยื่นตามมาตราในคราวต่อไปลงตัว หรือเศษเท่าใด ให้เพิ่มเงินเท่าจำนวนที่เหลือเศษนั้นรวมเข้ากับจำนวนคราวที่จะต้องยื่นไว้ครั้งสุดท้ายในปีนั้นเพื่อยอดเงินภาษีสำหรับพึงเก็บทั้งปีเท่ากับจำนวนคราวที่จะต้องเสียเงินภาษี ในกรณีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (6) และ (7) ซึ่งเป็นเงินที่นายจ้างจ่ายให้คราวเดียวเพราะเหตุออกจากงาน ซึ่งได้คำนวณอัตราย่อยตามจำนวนงานและได้อัตราย่อยตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด ให้คำนวณภาษีตามมาตรา 48 (3) เป็นเงินภาษีทั้งสิ้นเท่าใดให้เก็บเป็นเงินภาษีไว้เท่านั้น[190] ในกรณีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2) นอกจากที่ระบุไว้ในวรรคลงท้ายข้อให้แก่ผู้รับเงินได้ที่มีภูมิลำเนาในประเทศไทย ให้คำนวณที่ในอัตราร้อยละ 15.0 ของเงินได้[191]

(ข)

[192] ในกรณีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (3) และ (4) ให้คำนวณหักภาษีอัตราร้อยละ 10.0 เช่นเดียว

(ก)

ในกรณีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (3) และ (4) นอกจากตามระบุไว้ใน (ข) (ค) (ง) และ (จ) ที่จ่ายให้แก่ผู้รับซึ่งมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยให้คำนวณหักในอัตราร้อยละ 15.0 ของเงินได้

(ข)

ในกรณีเงินได้พึงประเมินที่ระบุในมาตรา 40 (3) และ (4) ให้คำนวณหักในอัตราร้อยละ 15.0 ของเงินได้

(ค)

ในกรณีเงินได้พึงประเมินที่ระบุในมาตรา 40 (3) (ข) ให้ถือว่าผู้ออกตั๋วเงิน ผู้จัดการแสดงสารในทันที หรือบุคคลผู้ใดซึ่งเงินหรือสารดังกล่าวให้แก่ผู้รับที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย เป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมิน และให้เรียกเก็บภาษีเงินได้จากผู้มีเงินได้ในอัตราร้อยละ 15.0 ของเงินได้และให้ถือว่าผู้จ่ายที่เรียกเก็บนั้นเป็นการที่หักไว้

(ง)

ในกรณีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (3) (ก) ที่มีได้ระบุใน (ข) และ (ค) แห่งมาตรานี้ ถ้าผู้จ่ายเงินได้เป็นนิติบุคคล และจะจ่ายให้แก่ผู้รับซึ่งมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย ไม่ต้องทำการหักภาษีตามมาตรานี้

(จ)

ในกรณีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (3) (ด) ให้คำนวณหักในอัตราร้อยละ 15.0 ของเงินได้

(ฉ)

[193] ในกรณีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (3) และ (4) ให้คำนวณหักในอัตราร้อยละ 15.0 ของเงินได้

(ช)

[194] ในกรณีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2) (ข) ที่จ่ายให้ผู้รับซึ่งมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยให้คำนวณหักในอัตราร้อยละ 15.0 ของเงินได้

(ซ)

​[195]​ นอกจากกรณีตาม (ฌ) ในกรณีนี้ผู้จ่ายเงินตามมาตรานี้เป็นรัฐบาล องค์การของรัฐบาล เทศบาล สุขาภิบาล หรือองค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่นอื่น ซึ่งจ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2) (6) (7) หรือ (8) แต่ไม่รวมถึงการจ่ายค่าซื้อผลทางการเกษตร ให้หักผู้รับรายหนึ่ง ๆ ซึ่งมีจำนวนรวมทั้งสิ้นตั้งแต่ 90,000 บาทขึ้นไป แต่การจ่ายนั้นจะได้แบ่งจ่ายครั้งหนึ่ง ๆ ไม่ถึง 30,000 บาทก็ตาม ให้หักตามอัตราร้อยละ 1 ของยอดเงินได้พึงประเมิน แต่เฉพาะเงินได้ในการประกอบหรือเนื่องในการประกอบหน้าที่ตามอัตราภาษีเงินได้

(ซ)

​[196]​ ในกรณีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) เฉพาะที่จะต้องให้แก่ผู้รับซึ่งขายอสังหาริมทรัพย์ ให้หักตามอัตราใดอัตราหนึ่งดังต่อไปนี้

(ก)

สำหรับอสังหาริมทรัพย์อันเป็นมรดกหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับจากการให้โดยเสน่หา ให้หักตามอัตราเกณฑ์ในมาตรา 48 (ด) (1) (2) (3) (4) (5) เป็นเงินเท่าใด ให้หักเป็นเงินภาษีไว้เท่านั้น

(ข)

สำหรับอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยทางอื่นนอกจาก (ก) ให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาจากที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา แล้วคำนวณภาษีตามเกณฑ์ในมาตรา 48 (ด) (6) เป็นเงินเท่าใด ให้หักเป็นเงินภาษีไว้เท่านั้น

(ซ)

​[197]​ ในกรณีการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทน ให้ถือว่าผู้จ่ายเงินเป็นผู้จ่ายเงินได้ โดยให้ผู้โอนหักค่าภาษีตามมาตรา 48 (ด) (1) (2) (3) (4) (5) เป็นเงินเท่าใด ให้หักเป็นเงินภาษีไว้เท่านั้น แต่ถ้าผู้โอนมิได้มีเงินได้พึงประเมินในปีนั้น หรือมีเงินได้พึงประเมินในปีนั้นไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี ให้ผู้โอนแสดงหลักฐานการเสียภาษีหรือการได้รับยกเว้นภาษีไว้พร้อมด้วยคำขอให้เจ้าพนักงานออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายในกรณีนั้นและตามกำหนดเวลา ดังต่อไปนี้

(ก)

ในกรณีตามมาตรา 50 เตรส ให้ออกในทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย

(ข)

ในกรณีตามมาตรา 50 (6) ให้ออกภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ของปีถัดจากปีภาษี หรือภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายออกจากงานในระหว่างปีภาษี

(ค)

ในกรณีตามมาตรา 50 (2) (6) หรือ (8) ให้ออกในทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายให้ใช้ตามแบบที่อธิบดีกำหนด อธิบดีอาจกำหนดให้การออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายได้ในกรณีที่เห็นสมควร

มาตรา 50​[199]​ เจ้าพนักงานประเมินต้องส่งหนังสือแจ้งถึงความเป็นบุคคลห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคม หรือคณะบุคคลใดที่ยังมิได้ชำระเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2) (6) (7) (8) และ (1) หรือยกเว้นหลักฐานซึ่งต้องแสดงเกี่ยวกับรายได้ของตนในปีภาษี ณ ที่จ่ายได้ตามที่ได้แจ้งไว้ในหนังสือแจ้งถึงความเป็นบุคคลห้างหุ้นส่วนบริษัท สมาคม หรือคณะบุคคล

มาตรา ๕๐[๒๐๐] บุคคล ห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคมหรือคณะบุคคลซึ่งมีหน้าที่ทำการยื่นตามมาตรา ๔๐ (๑) (๒) (๓) และ (๔) ต้องนำเงินภาษีที่ตนมีหน้าที่ต้องหักไปส่ง ณ ที่ทำการอันภายในเดือนวันที่หักเงิน ไม่ว่าตนจะได้หักภาษีไว้แล้วหรือไม่

การที่มีจำนวนเงินที่ได้หักตามมาตรา ๔๐ (๕) และ (๖) ให้ผู้มีหน้าที่ที่ทำการยื่นส่งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในขณะเดียวกันการจดทะเบียนและห้ามพนักงานเจ้าหน้าที่ดังกล่าวรับจดให้กับหรือบริษัทไว้ จนกว่าจะได้ชำระเงินภาษีที่หักไว้ครบถ้วนถูกต้องแล้ว และในกรณีที่ไม่มีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ให้ส่งผ่านทางกรมสรรพากร[๒๐๑] ภาษีหัก ณ ที่จ่ายตามวรรคสองให้ส่งเป็นรายได้แผ่นดินตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด

มาตรา ๕๒ ทวิ[๒๐๒] ก่อนถึงกำหนดเวลายื่นรายการตามความในมาตรา ๕๐ ผู้มีเงินได้ซึ่งประเมินประเภทที่ไม่ต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ถึงแม้ไม่ได้ยื่นประเมินตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ บาท ขึ้นไป จะนำการยื่นตามเหตุในมาตรา ๕๔ ไปชำระต่อเจ้ากรม ณ ที่ว่าการอำเภอพร้อมกับยื่นรายการแบบที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดก็ได้

การที่ชำระตามความในวรรคก่อน ให้ถือเป็นเครดิตของผู้ต้องเสียภาษีในการคำนวณภาษี

มาตรา ๕๓[๒๐๓] ในกรณีรัฐบาลหรือองค์กรรัฐบาลอื่นมีผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ ให้พนักงานที่ต้องทำหน้าที่จ่ายเงินดังกล่าวตรวจสอบให้แน่ว่าจำนวนเงินที่จ่ายนั้นถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้แล้ว หากปรากฏว่ามิได้หักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ ให้พนักงานที่ต้องทำหน้าที่จ่ายเงินดังกล่าวหักเงินไว้และนำส่งกรมสรรพากรทันที แต่ถ้าไม่มีสิทธิหักเงินได้ ให้พนักงานที่ต้องทำหน้าที่จ่ายเงินดังกล่าวแจ้งกรมสรรพากรเพื่อดำเนินการตามมาตรา ๔๐ และมาตรา ๕๔ โดยเร็วที่สุด

มาตรา ๕๔[๒๐๔] ถ้าผู้จ่ายเงินตามมาตรา ๔๐ และมาตรา ๕๔ มิได้หักและนำเงินส่ง หรือได้หักและนำส่งเงินดังกล่าวแต่ไม่ครบจำนวนที่พึงต้อง ผู้จ่ายเงินต้องรับผิดร่วมกับผู้มีเงินได้ในการเสียภาษีที่ต้องชำระตามจำนวนเงินภาษีที่ได้หักและนำส่งหรือรวมจำนวนที่ขาดไป แล้วแต่กรณี

ในกรณีที่ผู้จ่ายเงินได้หักเงินภาษีไว้ตามมาตรา ๔๐ หรือมาตรา ๕๔ แล้วให้ผู้มีเงินได้ซึ่งต้องเสียภาษีตามจำนวนเงินดังกล่าวถือว่าจำนวนเงินภาษีที่ผู้จ่ายเงินได้หักไว้ดังนั้นและให้ผู้จ่ายเงินรับผิดชำระเงินจำนวนเงินที่ขาดแทนแต่เพียงผู้เดียว

มาตรา ๕๕ อำนาจการเก็บเงินภาษีโดยวิธีหักไว้ตามมาตรา ๔๐ และมาตรา ๕๔ มิให้เป็นเหตุเสื่อมสิทธิของเจ้าพนักงานประเมินในการที่จะเรียกเก็บเงินภาษีนั้นโดยวิธีอื่น

มาตรา ๕๖[๒๐๕] ให้บุคคลทุกคน ไม่แต่ผู้เดียวหรือผู้ที่มีผลต่อให้เป็นคนไร้ความสามารถกรณีเชื่อถือไม่ได้วางหลักทรัพย์ ซึ่งรายการเกี่ยวกับเงินได้ที่ต้องยื่นไว้ในระหว่างปีที่มีสิทธิยื่นรายการตามมาตรา ๕๔ ภายในเดือนมกราคม ทุก ๆ ปี ตามแบบที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดหรือรัฐมนตรีเห็นชอบ ทั้งบุคคลดังนี้

(๑)

ไม่มีสิทธิหรือรายละส่งเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ต้องยื่นตามแล้วเกิน ๖๐,๐๐๐ บาท

(ข)

ไม่มีทรัพย์หรือรายได้ซึ่งไม่ได้พึงประเมินในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วเฉพาะตามมาตรา 40 (8) ประเทศเดียวเกิน 240,000 บาท

(ค)

มีทรัพย์หรือรายได้ซึ่งไม่ได้พึงประเมินในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วเกิน 120,000 บาท หรือ

(ง)

มีทรัพย์หรือรายได้ซึ่งไม่ได้พึงประเมินในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วเฉพาะตามมาตรา 40 (8) ประเทศเดียวเกิน 120,000 บาท[206] ในการดำเนินงานหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลที่ให้บุคคลมีเงินได้พึงประเมินเป็นเงินได้ที่ส่วนรวมกันตั้งแต่จำนวนตาม (1) ให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินที่เกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินในชื่อของหุ้นส่วนหรือคณะบุคคลที่ได้รับแรงจูงใจภาษีที่ส่วนรวมกันในกำหนดตามผลลัพธ์ตามแต่ละส่วนเกี่ยวกับวิธีการคำนวณ การเสียภาษีในกรณีเช่นนี้ผู้จ่ายภาษีจะต้องระบุในแบบแสดงรายการเกี่ยวกับหุ้นส่วนหรือคณะบุคคลที่มีเงินได้พึงประเมินในลักษณะเดียวกันเป็นบุคคลธรรมดาแต่ละคนที่ไม่สามารถแยกแยะ ทั้งนี้ผู้เป็นหุ้นส่วนบุคคลใดบุคคลหนึ่งจะต้องไม่ต้องยื่นรายการภาษีได้พึงประเมินในฐานเงินได้พึงประเมินลักษณะเดียวกัน แต่ต้องยื่นรายการภาษีในฐานหุ้นส่วนหรือคณะบุคคลนั้นด้วย

มาตรา 60 ทวิ[207] เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากรอันถึงกำหนดเวลาตามมาตรา 60 ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรตามมาตรา 60 มาตรา 57 มาตรา 57 ทวิ และมาตรา 57 ตรี ยื่นรายการภาษีอากรพร้อมกับชำระภาษีอากรตามแบบและวิธีการที่อธิบดีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือเจ้าพนักงานประเมินแจ้งให้ทราบ ภายในเดือนถัดจากเดือนที่พึงชำระภาษี

เงินได้ตามมาตรา 60 (5) ตามวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงเงินกินเปล่า เงินช่วยค่าก่อสร้าง เงินค่าตอบแทน ค่าเบี้ยเลี้ยงอาหารหรือโรงเรียนที่ได้รับการยกเว้นสิทธิ์ การยื่นรายการตามวรรคหนึ่ง ให้คำนวณตามมาตรา 48 โดยหักลดหย่อนตามมาตรา 47 ให้หนึ่งหนึ่ง และชำระภาษีพร้อมกับการยื่นรายการนั้นต่อเจ้าพนักงานตามมาตรา 60 การที่ชำระรายการภาษีตาม ให้ถือเป็นเครดิตในการคำนวณภาษีที่ต้องชำระตามมาตรา 57 ด้วย

มาตรา 57[208] ถ้าผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 60 วรรค ๑ เป็นผู้เยาว์ ผู้ที่ศาลตั้งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถหรือเป็นผู้อยู่ในต่างประเทศ ให้เป็นหน้าที่ของผู้ปกครอง ผู้อนุบาล ผู้พิทักษ์ หรือผู้จัดการมรดก หรือทายาท หรือผู้ครอบครองทรัพย์สิน แล้วแต่กรณี ปฏิบัติแทน และโดยเฉพาะในกรณีการจัดเก็บภาษีอากรตามมาตรา 60 วรรค ๑ ให้รวมเงินได้พึงประเมินของผู้เยาว์นั้นเข้ากับเงินได้พึงประเมินของบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง

มาตรา 57 ทวิ[209] ถ้าผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 60 วรรค ๑ ถึงเกณฑ์ภาษีอากรเสียซึ่งผู้ที่ศาลตั้งให้เป็นผู้ปฏิบัติแทนตามมาตรา 57 วรรค ๑ หรือหุ้นส่วนโดยชอบธรรม ถือเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรตามมาตรา 60 วรรค ๑ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบการยื่นรายการ หรือการชำระภาษีอากร หรือการจัดการทรัพย์สิน แล้วแต่กรณี ปฏิบัติแทน และโดยเฉพาะในกรณีการจัดเก็บภาษีอากรตามมาตรา 60 วรรค ๑ ให้รวมเงินได้พึงประเมินของผู้เยาว์นั้นเข้ากับเงินได้พึงประเมินของบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง

มาตรา ๕๗ ได้รับลดอัตราภาษีผู้นั้นจนถึงแก่ความตาย เป็นยอดเงินได้พึงประเมินที่จะต้องยื่นทั้งสิ้น

สำหรับในปีต่อไป ถ้ากองมรดกของผู้ตายยังมีได้พึงประเมิน และมีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีนั้นที่ต้องรวมคำนวณตามมาตรา ๕๖ (๑) ให้ผู้จัดการมรดกหรือทายาทหรือผู้ครอบครองทรัพย์มรดก แล้วแต่กรณี มีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติในส่วนนี้ในชื่อของมรดกของผู้ตาย

มาตรา ๕๗ ตรี[๒๑๑] (ยกเลิก)

มาตรา ๕๗ จัตวา[๒๑๒] ภาษีอันยังค้างตามมาตรา ๕๖ การยื่นรายการตามมาตรา ๕๖ มาตรา ๕๗ มาตรา ๕๗ ทวิ มาตรา ๕๗ ตรี หรือมาตรา ๕๗ เบญจ ถ้ามีการตัดสิน ให้เจ้าพนักงานออก ณ ที่ว่าการอำเภอต้องทำภายในกำหนดเวลา พร้อมกับการยื่นรายการ

มาตรา ๕๗ เบญจ[๒๑๓] (ยกเลิก)

มาตรา ๕๘[๒๑๔] ในการเก็บภาษีเงินได้จากสามีและภริยานั้น ให้สามีและภริยาต่างฝ่ายต่างยื่นบัญชีเกี่ยวกับรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินที่ตนได้รับในรอบปีภาษีที่ต้องยื่นตามบทบัญญัติมาตรา ๕๖

ในกรณีที่เงินได้พึงประเมินไม่อาจแยกได้อย่างชัดแจ้งว่าเป็นของสามีหรือภริยาแต่ละฝ่ายตามมาตราให้ถือเป็นเงินได้พึงประเมินของสามีและภริยาร่วมกัน และให้สามีและภริยามีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีเกี่ยวกับรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินนั้นร่วมกันในนามของสามีและภริยา และเสียภาษีเงินได้พึงประเมินนั้นในฐานะเป็นเงินได้พึงประเมินของสามีและภริยาร่วมกัน สามีและภริยาจะตกลงยื่นรายการและเสียภาษีร่วมกัน โดยให้ถือเอาเงินได้พึงประเมินของตนเป็นเงินได้พึงประเมินของสามีหรือภริยาอีกฝ่ายหนึ่งก็ได้ หรือจะแยกยื่นรายการและเสียภาษีเงินได้พึงประเมินเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๖๐ (๑) โดยให้ถือเอาเงินนั้นเงินได้พึงประเมินของตนก็ได้ แต่ถ้ามีการกล่าวว่าจะร่วมกันเสียภาษีต้องร่วมกันในการเสียภาษีทั้งหมดนั้น เมื่อได้เลือกยื่นรายการตามกรณีของครอบครัวตามวรรคสามในปีใดปีหนึ่ง ให้ถือว่าเป็นวิธีการยื่นรายการสำหรับปีนั้นตลอดไป เว้นแต่ต่อมามีข้อตกลงให้เปลี่ยนแปลงวิธีการเลือกยื่นรายการดังกล่าว

มาตรา ๕๘[๒๑๕] ภายในเดือนมกราคมทุก ๆ ปี

(๑)

ให้เจ้าพนักงานการในกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีหน้าที่ต้องจ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๖๐ หรืออัยการที่รัฐจ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๖๐ (๑) (๒) และ (๔)

มาตรา ๖๙ พร้อมกับการนำเงินภาษีส่งตามมาตรา ๓๗ ให้บุคคล ห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคม หรือคณะบุคคลอื่นซึ่งรายการตามแบบที่อธิบดีกำหนด แสดงการหักภาษีเป็นรายตัวผู้มีเงินได้ด้วยประเมิน

มาตรา ๗๐ (๒๑๖) เพื่อประโยชน์แห่งการคำนวณยอดเงินได้พึงประเมินของผู้ต้องเสียภาษี ให้ถือว่าเงินจำนวนที่ได้หักและนำส่งตามความในมาตรา ๓๗ และมาตรา ๖๙ เป็นเงินได้พึงประเมินที่ผู้ต้องเสียภาษีได้รับ ส่วนจำนวนเงินที่หักและนำส่งไว้นั้น ให้ถือเป็นเครดิตของผู้ต้องเสียภาษีในการคำนวณภาษี

มาตรา ๗๑ (๒๑๗) บรรดาเงินที่จ่ายเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีตามหมวดนี้ หากนายจ้างประเมินค่าจ้างประเมินแรกเกินกว่าจำนวนบุคคลใด ๆ ก่อนดำเนินการแสดงรายการตามความในมาตรา ๖๙ มาตรา ๓๗ หรือมาตรา ๖๙ ทวี แล้วแต่กรณี ดีให้เมื่อได้รับประเมินแล้วให้แจ้งจำนวนภาษีที่ประเมินไปยังผู้ต้องเสียภาษี ในกรณีนี้ข้ออุทธรณ์การประเมินก็ได้

การที่ประเมินเรียกเก็บตามความในวรรคก่อน ให้ถือเป็นเครดิตของผู้ต้องเสียภาษีในการคำนวณภาษีอากรของเงินได้สุทธิทั้งสิ้น

มาตรา ๗๒ (๒๑๘) บุคคลใดมีชื่อในหนังสือสำคัญใด ๆ แสดงว่า

(ก)

เป็นเจ้าของทรัพย์สินอันระบุในหนังสือสำคัญนั้นหรือทรัพย์สินนั้นก่อให้เกิดเงินได้พึงประเมิน หรือ

(ข)

เป็นผู้ได้รับเงินได้พึงประเมินโดยหนังสือสำคัญนั้น เจ้าพนักงานประเมินถือว่าประเมินเรียกเก็บภาษีจากบุคคลที่มีชื่อในหนังสือสำคัญนั้นก็ได้ แต่ถ้าบุคคลนั้นต้องโอนเงินได้พึงประเมินให้แก่บุคคลอื่น บุคคลนั้นมีสิทธิหักเงินจากจำนวนเงินซึ่งต้องโอนให้แก่บุคคลอื่นดังกล่าว

มาตรา ๗๓ (๒๑๙) ในกรณีผู้ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ผู้ที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ ผู้ที่มีแต่กายภาพ บุคคลที่มีตำแหน่งจัดการทรัพย์สิน หรือผู้รับประโยชน์จากทรัพย์สิน เป็นผู้มีเงินได้สุทธิจึงจำนวนต้องเสียภาษี ผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้ปกครอง ผู้อนุบาล ทนายพิเศษ ภายหลังการจัดการทรัพย์สินของผู้มีเงินได้สุทธินั้นแล้วแต่กรณี เป็นผู้แทนที่ต้องปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้แทนผู้ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ผู้ที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ ผู้ที่มีแต่กายภาพ บุคคลที่มีตำแหน่งจัดการทรัพย์สิน หรือผู้รับประโยชน์จากทรัพย์สิน

มาตรา ๗๔ (๒๒๐) บุคคลใดทำหน้าที่ใด ๆ ที่อำนวยและส่งผลลัพธ์เป็นจำนวนเงินแก่บุคคลที่ต้องเสียภาษีตามส่วนนี้ บุคคลนั้นมีสิทธิได้รับเงินจากผู้ที่ต้องเสียภาษีในส่วนดังกล่าว แต่ต้องยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานประเมินภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ผลของหน้าที่ดังกล่าวทำให้เกิดภาษี

มาตรา ๒๒๑[๒๒๑] เว้นแต่กรณีตามมาตรา ๑๙๓ หรือ กรณีซึ่งที่ต้องเสียตามบทบัญญัติแห่งส่วนนี้มีจำนวนตั้งแต่ ๓,๐๐๐ บาทขึ้นไป ผู้ต้องเสียภาษีจะชำระเป็นงวด ๆ ละเท่า ๆ กัน ก็ได้ คือ

(๑)

ในกรณีที่ต้องเสียตามมาตรา ๖๐ ตรี หรือมาตรา ๖๕ ทวิ จัตวา งวดหนึ่งต้องชำระภายในกำหนดในมาตราต่าง ๆ วงศ์ที่ต้องชำระภายในเดือนนั้นนับตั้งแต่ต้องชำระวงศ์ที่หนึ่ง และวงศ์ที่สามต้องชำระภายในเดือนนั้นเป็นวันสุดท้ายที่ต้องชำระวงศ์ที่สอง

(๒)

ในกรณีอื่น ๆ วงศ์หนึ่งต้องชำระภายในสามสิบวันนับแต่ได้รับแจ้งจำนวนภาษีที่ประเมิน วงศ์สองต้องชำระภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันสุดท้ายที่ต้องชำระวงศ์ที่หนึ่งและวงศ์ที่สามต้องชำระภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันสุดท้ายที่ต้องชำระวงศ์ที่สอง การชำระภาษีตาม (๑) ถ้าไม่ชำระภาษีวงศ์ใดวงศ์หนึ่งภายในกำหนดไว้ ผู้ต้องเสียภาษีจะต้องเสียภาษีหรือชำระภาษีเป็นรายงวดต่อไป และต้องเสียเงินเพิ่มตามมาตรา ๒๗ สำหรับวงศ์ที่ไม่ชำระและวงศ์ต่อ ๆ ไป[๒๒๒] การชำระภาษีตาม (๒) ไม่เป็นเหตุให้พ้นการเสียเงินเพิ่มตามมาตรา ๒๗ และถ้าไม่ชำระภาษีวงศ์ใดวงศ์หนึ่งภายในเวลาที่กำหนดไว้ผู้ต้องเสียภาษีจะต้องชำระภาษีเป็นรายงวดต่อไป[๒๒๓]

ส่วน ๓

การเก็บภาษีจากบริษัทและหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล[๒๒๔]

มาตรา ๒๒๕[๒๒๕] เงินได้ที่ต้องเสียภาษีตามความในส่วนนี้คือเงินได้ที่เป็นเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งกำไร ค่าตอบแทนได้จากรายได้จากกิจการ หรือเนื่องจากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชี หักด้วยรายจ่ายตามเงื่อนไขที่บัญญัติในมาตรา ๖๕ ทวิ และมาตรา ๖๕ ตรี และรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดภายในกำหนดสิบสองเดือน วันแรกในกรณีดังต่อไปนี้จะน้อยกว่าสิบสองเดือนก็ได้ คือ

(ก)

บริษัทหรือหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลเริ่มตั้งใหม่จะถือวันเริ่มตั้งวันหนึ่งวันใดเป็นรอบระยะเวลาบัญชีแรกก็ได้

(ข)

บริษัทหรือหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลอาจยื่นคำร้องต่ออธิบดี ขอเปลี่ยนวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ในกรณีเช่นนี้ให้อธิบดีมีอำนาจสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตสุดแต่ดุลพินิจ คำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้แจ้งเป็นหนังสือให้บริษัทหรือหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลทราบภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำร้อง ถ้าอธิบดีไม่แจ้งคำสั่งภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้บริษัทหรือหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลถือว่าอธิบดีได้อนุญาตแล้ว การกำหนดรอบระยะเวลาบัญชีตามวรรคหนึ่งจะต้องไม่เกินสิบสองเดือน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากอธิบดีให้เกินในรอบระยะเวลาหนึ่ง ๆ แม้ว่าอาจไม่ได้รับการอนุญาตในรอบระยะเวลาบัญชีหนึ่ง ๆ ก็ตาม และในกรณีที่ได้รับอนุญาตให้เกินสิบสองเดือนในรอบระยะเวลาบัญชีหนึ่ง ๆ แล้ว รอบระยะเวลาบัญชีถัดไปจะต้องไม่เกินสิบสองเดือน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากอธิบดีให้เกินสิบสองเดือนในรอบระยะเวลาบัญชีถัดไป ในกรณีดังนั้น ผู้มีเงินได้จะขอเปลี่ยนชื่ออธิบดีเพื่อเปลี่ยนแปลงแผนปลงภาษีและวิธีการทางบัญชีเพื่อคำนวณรายได้และรายจ่ายการคงค้างก็ได้ และจะได้รับอนุญาต จากอิมเมจแล้ว ให้ถือปฏิบัติสิ่งแย่บรรยายตามบัญชีชื่ออีกด้านหนึ่งเป็นต้นไป มาตรา 226 หรือ (226) การคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิในส่วนนี้ ให้เป็นไปตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้

(๑)

รายการที่ระบุไว้ในมาตรา 65 ตรี ไม่ให้ถือเป็นรายจ่าย

(๒)

ค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน ให้หักได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา (227) การหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาดังกล่าว ให้คำนวณหักตามส่วนเฉลี่ยแห่งระยะเวลาที่ทรัพย์สินนั้นมีอยู่

(๓)

(228) ราคาทรัพย์สินอื่นนอกจาก (๒) ให้ถือเอาราคาที่ซื้อมาทรัพย์สินนั้นได้ตามปกติ และในกรณีที่การตีราคาทรัพย์สินเพิ่มขึ้น ห้ามมิให้ถือราคาที่ตีราคาเพิ่มขึ้นมารวมคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ ส่วนทรัพย์สินรายการใดมีสิทธิหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคา ก็ให้หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราที่กำหนดไว้ต่อคู่มือการทรัพย์สินเพิ่มขึ้น โดยให้ถือเพียงที่ทรัพย์สินตามส่วนสูงสุดที่คำนวณได้เท่านั้นเพื่อถืออยู่สำหรับทรัพย์สินนั้นเท่านั้น

(๔)

(229) ในกรณีเป็นทรัพย์สิน ให้บริการ หรือให้ผู้เช่าใช้ โดยไม่คิดตอบแทน ค่าบริการหรือออกบิล หรือมีค่าเช่า ค่าบริการหรือออกบิลที่ต่ำกว่าราคาตลาดโดยไม่มีเหตุอันสมควร เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินค่าเช่า ค่าบริการ หรือออกบิลยึดราคาตลาดในขณะนั้น ให้บริการ หรือให้ผู้เช่าใช้

(๕)

(230) เงินตรา ทรัพย์สิน หรือสินสิ่งต่างที่ระบุว่าต่างประเทศที่เหลืออยู่ในส่วนสูงสุดของระบบระยะเวลาระบุ ให้คำนวณหรืออาจเป็นเงินตราไทย อย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้

(ก)

กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญบุคคลนอกจาก (ข) ให้เลือกใช้วิธีการคำนวณค่า หรือราคาของเงินตรา ทรัพย์สิน หรือสินสิ่งเป็นเงินตราไทยตามอัตราตัวเฉลี่ยระยะเวลาต่ออัตราเดียวกันของธนาคารพาณิชย์ที่มีมาตรฐานเหมือนประเทศไทยได้คำนวณได้ หรืออัตราการคำนวณค่า หรือราคาของเงินตราทรัพย์สินหรือสินสิ่งเป็นเงินตราไทยตามอัตราเฉลี่ยที่สามารถคำนวณทรัพย์สินหรือสินสิ่งตามระบบประเทศได้คำนวณไม่ได้ คำนวณตามวิธีการคำนวณที่เป็นไปตามระบบประเทศที่มีมาตรฐานเหมือนประเทศไทยได้คำนวณได้ หรือวิธีการที่ยึดต่อคำนวณหลักเกณฑ์ของวิชาการบัญชีตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในคู่มือการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิของกรมสรรพากร ทั้งนี้ เมื่อใช้วิธีการใดในการคำนวณค่า หรือราคาดังกล่าวแล้ว ให้ถือวิธีการนั้นตลอดไป เว้นแต่มีเหตุจำเป็นอันสมควรเปลี่ยนแปลงได้

(ข)

เงินตรา ทรัพย์สิน หรือสินสิ่งที่มีสิทธิหรือสถานะเงินตราต่างประเทศ ที่รวมถึงหรืออยู่ในประเทศอื่นใด ให้ถือว่า ให้ถือการคำนวณค่า หรือราคานั้นเป็นเงินตราไทยตามราคาตลาดในขณะนั้นหรือบันทึกไปนั้น

(จ)

ราคาสินค้าคงเหลือในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีให้คำนวณตามราคาทุนหรือราคาตลาดแล้วแต่อย่างใดจะน้อยกว่า และให้ถือราคานี้เป็นราคาสินค้าคงเหลือมาถึงสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีใหม่ด้วย การคำนวณราคาทุนตามวรรคก่อน เมื่อได้คำนวณตามหลักเกณฑ์ใดตามวิธีการบัญชี ให้ใช้หลักเกณฑ์นั้นตลอดไป เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากอธิบดีจึงจะเปลี่ยนหลักเกณฑ์ได้

(ข)

การคำนวณราคาทุนของสินค้าที่ส่งเข้ามาจากต่างประเทศนั้น เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินโดยเทียบเคียงกับราคาทุนของสินค้าประเภทและชนิดเดียวกันที่ส่งเข้าไปในประเทศอื่นได้

(ช)

(ยกเลิก)

(ซ)

การจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ อธิบดีจะทำได้ต่อเมื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดโดยกฎกระทรวง แต่ให้ถือว่าระยะหนี้ในรอบระยะเวลาบัญชีใด ให้ผ่านคำนวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น หนี้สูญรายได้ได้ผ่านคำนวณเป็นรายได้แล้ว หากได้รับชำระในภายหลังก็ให้นำมาคำนวณเป็นรายได้อีก

(ฌ)

สำหรับบริษัทจำกัดที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ให้เงินปันผลที่ได้จากบริษัทจำกัดที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย หรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายโดยเฉพาะของประเทศไทยถือหุ้นสำหรับให้ผู้ถือหุ้นเงินเพื่อส่งเสริมเกษตรกรรม พาณิชยกรรม หรืออุตสาหกรรม และเงินส่วนแบ่งกำไรที่ได้จากกิจการร่วมค้า มารวมคำนวณเป็นรายได้

(ญ)

บริษัทจดทะเบียน

(ฎ)

บริษัทจำกัดนอกจาก (ญ) ซึ่งถือหุ้นในบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่าร้อยละ 25 ของทุนที่ชำระแล้วโดยถือหุ้นนั้นในบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลและบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลไม่ได้ถือหุ้นในบริษัทจำกัดผู้รับเงินปันผลไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม ความในวรรคก่อนนี้ให้ใช้บังคับสำหรับเงินปันผลที่ได้รับจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลและเงินปันผลที่ได้รับจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลที่ได้รับเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจำกัด ถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายดังกล่าว (ข๒) (235) เงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไร ที่อยู่ในบังคับต้องถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้โดยเฉลี่ย ให้จำนวนเงินตามส่วนที่บริษัทจ่ายให้แก่บริษัทซึ่งต้องถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายดังกล่าว และซึ่งผู้รับเป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทยซึ่งต้องหักภาษีตามกฎหมายและไม่เข้าลักษณะตามมาตรา ๗๕ ให้เท่ากับจำนวนเงินที่จ่ายไปโดยอนุโลม (ข๓) (236) มูลนิธิหรือสมาคมที่ประกอบกิจการซึ่งมีรายได้ไม่ต้องนำเงินค่าลงทะเบียนหรือค่าบำรุงที่ได้รับจากสมาชิกหรือเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับจากการรับบริจาคหรือจากการให้โดยเสน่หา แล้วแต่กรณี มารวมคำนวณเป็นรายได้ (ข๔) (237) กำไรซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้รับหรือพึงได้รับและภาษีมูลค่าเพิ่มที่ได้ชำระตามมาตรา ๘๔/๑๑ ซึ่งได้รับคืนแล้วจากกรมสรรพากร ถือว่าไม่ต้องนำมารวมคำนวณเป็นรายได้ (ข๕) (238) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เป็นผู้นำของไม่ต้องนำรายได้ซึ่งไม่ใช่เงินได้ตามมาตรา ๔๐ (๔) (๔) มารวมคำนวณเป็นรายได้ มาตรา ๔๐ สรุป (239) รายการต่อไปนี้ไม่ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ

(๑)

(240) เงินสำรองต่าง ๆ นอกจาก

(ก)

เงินสำรองจากเบี้ยประกันภัยเพื่อสมทบทุนประกันภัยที่ตั้งไว้ก่อนกำหนดจ่าย โดยผลรวมที่ไม่เกินร้อยละ ๔๐ ของจำนวนเบี้ยประกันภัยที่ได้รับในรอบระยะเวลาบัญชีซึ่งอ้างถึงการประกันภัยนั้น จะถือเป็นรายจ่ายได้ ในกรณีต้องใช้เงินสำรองจำนวนซึ่งเอาประกันภัยสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตรายใด ไม่ว่าเต็มจำนวนหรือบางส่วนที่ใช้ไปเฉพาะส่วนที่ไม่เกินเงินสำรองตามวรรคก่อนสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตรายนั้น จะถือเป็นรายจ่ายไม่ได้ ในกรณีเลิกสัญญาตามกรมธรรม์ประกันชีวิตรายใด ให้เงินสำรองตามวรรคแรกจำนวนที่มีอยู่สำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตรายนั้นกลับมารวมคำนวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่เลิกสัญญา

(ข)

เงินสำรองจากเบี้ยประกันภัยเพื่อสมทบทุนประกันภัยที่ตั้งไว้ก่อนกำหนดจ่าย โดยผลรวมที่ไม่เกินร้อยละ ๔๐ ของจำนวนเบี้ยประกันภัยที่ได้รับในรอบระยะเวลาบัญชีซึ่งอ้างถึงการประกันภัยนั้น จะถือเป็นรายจ่ายได้ในการคำนวณกำไรสุทธิ

(๒)

(241) เงินสำรองต่าง ๆ ที่ไม่ได้กำหนดให้หักเป็นรายจ่ายได้ สำหรับเงินที่บริษัทให้สินเชื่อเพื่อการซื้อขายสินค้า การให้เช่าซื้อทรัพย์สิน หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ได้ตั้งไว้สำหรับหนี้สงสัยจะสูญในรอบระยะเวลาบัญชีใด ให้ถือเป็นรายจ่ายได้เฉพาะส่วนที่เพิ่มขึ้นจากเงินสำรองซึ่งตั้งไว้จากปีก่อนในงบสุดยอดรอบระยะเวลาบัญชีนั้น เงินสำรองส่วนที่ดีขึ้นเพิ่มขึ้นตามวรรคหนึ่ง และได้มาจากวิธีเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิหรือจากทุนสำรองที่ไม่ได้ในรอบระยะเวลาบัญชีก่อน ต่อมาการตั้งเงินสำรองประเภทดังกล่าวลดลง ให้เงินสำรองส่วนที่ดีขึ้นลดลงซึ่งได้ถือเป็นรายจ่ายไปแล้วนั้น มารวมกลับคืนมาเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ตั้งเงินสำรองลดลงนั้น

(ข)

[242] เงินกองทุน เงินเกษียณอายุหรือเงินอื่นซึ่งจ่ายเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดโดยกฎกระทรวง

(ค)

[243] รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการส่วนตัว การให้โดยเสน่หา หรือการกุศล เว้นแต่

(ก)

รายจ่ายซึ่งเป็นเงินบริจาคแก่พรรคการเมืองตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ให้หักได้ไม่เกินห้าหมื่นบาท ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด

(ข)

รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ตามที่อธิบดีประกาศกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี ให้หักได้ในส่วนที่ไม่เกินร้อยละ ๒ ของกำไรสุทธิ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือการกีฬาตามที่อธิบดีประกาศกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรีให้หักได้อีกในส่วนที่ไม่เกินร้อยละ ๒ ของกำไรสุทธิ

(ค)

[244] ค่ารับรองหรือค่าบำรุงการกุศลที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดโดยกฎกระทรวง

(ง)

รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุน หรือรายจ่ายในการซ่อมแซมเปลี่ยนแปลง ขยายออก หรือทำให้ดีขึ้นซึ่งทรัพย์สิน แต่ไม่ใช่เป็นการซ่อมแซมให้คงสภาพเดิม

(จ)

[245] เบี้ยปรับและหรือเงินเพิ่มภาษีอากร ค่าปรับทางอาญา ภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล

(ฉ)

หรือ[246] ค่าธรรมเนียมศาลหรือทนายความ และค่าใช้จ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน วันเริ่มต้นฐานภาษีและการซื้อขายของผู้ประกอบการตามมาตรา ๗๒/๑๑ ภาษีซึ่งต้องชำระทั้งหมดจากกำไรสุทธิ การคำนวณกำไรเพิ่มตามมาตรา ๖๕ ตรี (๕) หรือการซื้อคืนตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา

(ช)

การถอนเงินโดยราคาค่าตอบแทนของผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล

(ซ)

เงินเดือนของผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล

(ฌ)

เงินได้จากการขายหรือโอนโดยไม่มีการจ่ายจริง หรือการขายหรือการจองซึ่งได้จ่ายในรอบระยะเวลาบัญชี เว้นแต่ในกรณีที่ได้ไม่สามารถจองจ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีได้ ถือความจริงในรอบระยะเวลาบัญชีถัดไป

(ญ)

ค่าออมแทนหุ้นหรือทรัพย์หรือห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลเป็นเจ้าของเองและใช้เอง ดอกเบี้ยที่คิดให้สำหรับเงินทุน เงินสำรองต่าง ๆ หรือเงินกองทุนของตนเอง (ข๒) (247) เคลมเสียหายอันอาจได้กลับคืนเนื่องจากการประกันหรือสัญญาคุ้มกันใด ๆ หรือผลขาดทุนสุทธิในรอบระยะเวลาบัญชีก่อน ๆ เว้นแต่ผลขาดทุนสุทธินานไม่เกินห้าปีก่อนรอบระยะเวลาบัญชีปัจจุบัน (ข๓) รายจ่าย ซึ่งใช้จ่ายเพื่อหากำไร หรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะ (ข๔) รายจ่ายซึ่งมิใช่รายจ่ายเพื่อกิจการในประเทศไทยโดยเฉพาะ (ข๕) ค่าซื้อทรัพย์สินและรายจ่ายเกี่ยวกับการซื้อหรือขายทรัพย์สินในส่วนที่เกินปกติโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร (ข๖) ค่าของทรัพยากรธรรมชาติที่สูญหรือสิ้นไปเนื่องจากกิจการที่ทำ (ข๗) ค่าของทรัพย์สินนอกจากสินค้าที่ตีราคาต่ำลง ทั้งนี้ ภายใต้บังคับมาตรา 65 ทวิ (ข๘) (248) รายจ่ายซึ่งยังมิได้จ่ายไปให้ว่าใครเป็นผู้รับ (ข๙) (249) รายจ่ายใด ๆ ที่กำหนดอย่างกว้างเกินให้ไม่สิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชีแล้ว (ข๑๐) (250) รายจ่ายซึ่งกำหนดแต่เพียงเงื่อนไขอย่างหนึ่งอย่างใด (๑) ถึง (๔) ตามที่จะได้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา

มาตรา 65 ตรี (251) ให้องค์การอุตสาหกรรมสินค้าพอเพียงในแผนกผู้ขายสินค้าทอดหนึ่งทอดใดหรือทุกทอดซึ่งเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดสินค้าจากองค์การของรัฐบาลตามวิธีการ อัตรา และประเภทสินค้าที่กำหนดในกฎกระทรวง ทั้งนี้ เฉพาะสำหรับเงินได้จากการขายสินค้านั้น

การที่เสียความรวดหนึ่งให้ออกเป็นเครดิตของผู้เสียภาษีในการคำนวณภาษี

มาตรา 66 (252) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนตามกฎหมายไทยหรือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศและทำกิจการในประเทศไทย ต้องเสียภาษีตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรนี้

บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนตามกฎหมายของต่างประเทศและกระทำกิจการในประเทศไทย ให้เสียภาษีเฉพาะเงินได้ที่ได้รับในประเทศไทยหรือพึงได้รับในประเทศไทยจากกิจการในประเทศไทยในอัตราที่กำหนดไว้ในมาตรา 67 และการคำนวณกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนตามกฎหมายของต่างประเทศ ให้ใช้บทบัญญัติในมาตรา 65 ทวิ และมาตรา 65 ตรี โดยอนุโลม

มาตรา 67 (253) การเสียภาษีของความในส่วนนี้ ให้เสียภาษีอัตราที่กำหนดไว้ในบัญชีอัตราภาษีเงินได้ท้ายมาตรานี้ เว้นแต่

(จ)

ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา ๒๖ วรรคสอง กระทำกิจการแผ่นผ่านประเทศต่าง ๆ ให้เสียภาษีเฉพาะกิจการแผ่นผานแผนกดังต่อไปนี้

(ฉ)

ในกรณีรับชุบคนโดยสาร ให้เสียภาษีในอัตราร้อยละ ๓ ของค่าโดยสาร ค่าธรรมเนียม และประโยชน์อื่นใดที่เรียกเก็บในประเทศไทยก่อนหักรายจ่ายใด ๆ เนื่องในการรับชุบคนโดยสารนั้น

(ช)

ในกรณีรับขนของ ให้เสียภาษีในอัตราร้อยละ ๓ ของค่าระวาง ค่าธรรมเนียม และประโยชน์อื่นใดที่เรียกเก็บไม่ว่าในหรือนอกราชอาณาจักรไทย ก่อนหักรายจ่ายใด ๆ เนื่องในการรับขนของออกจากประเทศไทยนั้น

(ซ)

มูลนิธิหรือสมาคมที่ประกอบกิจการซึ่งมีรายได้อันไม่ต้องเสียภาษีตามมาตรา ๖๕ ทวิ (๑๓) ให้เสียภาษีในอัตราร้อยละ ๑๐ ของรายได้ก่อนหักรายจ่ายใด ๆ

(ฌ)

เงินได้ตามมาตรา ๔๐ (๔) (ก) ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นกองทุนรวม ให้เสียภาษีในอัตราร้อยละ ๑๕ ของรายได้ก่อนหักรายจ่ายใด ๆ

มาตรา ๖๕ ทวิ (๒๕๔) เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีเงินได้สำหรับกำไรตามเวลาตามมาตรา ๖๖ ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรายได้จากการขายสินค้าหรือบริการ พร้อมกับรายงานชื่ออำนาจ ณ ที่ทำการหรือที่พำนักในสมัยเดียวกันนั้นซึ่งผู้ขายพร้อมระยะเวลาการเดินทางเดินนั้นและพร้อมระยะเวลาการชำระบัญชี ดังนี้

(ญ)

ในกรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามกำหนดใน (๒) ให้ต้องทำบันทึกของประมวลการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าหรือบริการในแต่ละเดือนหรือแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีตามที่กำหนดไว้ในระเบียบกรมสรรพากร

(ฎ)

ในกรณีบริษัทจดทะเบียน ธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ หรือบริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุนธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ หรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่กฎหมายกำหนดให้จัดทำบัญชี หรือมีหน้าที่จัดทำบัญชีตามกฎหมายว่าด้วยการกำกับดูแลกิจการของบริษัทมหาชนจำกัด ให้ต้องจัดทำบันทึกของประมวลการทำธุรกรรมในแต่ละเดือนหรือแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในมาตรา ๖๖ ทวิ และมาตรา ๖๖ ตรี

มาตรา ๖๖ ตรี (๒๕๕) ในกรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลไม่ยื่นรายการแสดงรายได้ตามมาตรา ๖๖ ทวิ (๑) หรือมีรายได้ตามมาตรา ๖๖ ทวิ (๒) โดยแสดงประมาณการกำไรสุทธิออกไปเกินร้อยละ ๒๕ ของกำไรสุทธิที่ได้จากการคำนวณตามมาตรา ๖๕ ทวิ (๒๕๔) หรือไม่ยื่นรายการแสดงรายได้ตามมาตรา ๖๖ ทวิ (๒) หรือยื่นรายการแสดงรายได้ตามมาตรา ๖๖ ทวิ (๒) โดยแสดงประมาณการกำไรสุทธิออกไปเกินร้อยละ ๒๕ ของกำไรสุทธิที่ได้จากการคำนวณตามมาตรา ๖๕ ทวิ (๒๕๔) หรือไม่ยื่นรายการแสดงรายได้ตามมาตรา ๖๖ ทวิ (๒) หรือยื่นรายการแสดงรายได้ตามมาตรา ๖๖ ทวิ (๒) โดยแสดงประมาณการกำไรสุทธิออกไปเกินร้อยละ ๒๕ ของกำไรสุทธิที่ได้จากการคำนวณตามมาตรา ๖๕ ทวิ (๒๕๔) หรือไม่ยื่นรายการแสดงรายได้ตามมาตรา ๖๖ ทวิ (๒) หรือยื่นรายการแสดงรายได้ตามมาตรา ๖๖ ทวิ (๒)

นี่เป็นภาพของเอกสารที่มีข้อความ ฉันจะถอดข้อความให้คุณ: เงินเพิ่มตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้ถือเป็นค่าใช้จ่ายและอาจลดลงได้ตามระเบียบที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี

มาตรา ๒๕๖ ภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวันนับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลส่งรายงานการจ้างนั้นต้องใช้ในการคำนวณภาษีในรอบระยะเวลาบัญชีตามแบบที่อธิบดีกำหนด พร้อมกับชำระภาษีต่อกรมสรรพากร

มาตรา ๒๕๗ ทวิ เพื่อประโยชน์ในการคำนวณภาษี ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจัดทำบัญชีพิเศษ บัญชีทรัพย์สินและบัญชีค่าใช้จ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีตามมาตรา ๒๕๖

บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา ๒๕๖ วรรคสอง ซึ่งกระทำกิจการผ่านส่วนประเภคต่าง ๆ ให้จัดทำบัญชีรายรับก่อนหักรายจ่ายเกี่ยวกับค่าโดยสาร ค่าระวาง ค่าธรรมเนียมและประโยชน์อื่นใด อันต้องเสียภาษีแบบบัญชีพิเศษ บัญชีพิเศษ และบัญชีค่าใช้จ่ายตามบัญชีพิเศษในกิจการแต่ละดังกล่าวแล้ว

มาตรา ๒๕๘ ภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวันนับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลส่งรายงานการจ้างนั้นต้องใช้ในการคำนวณภาษีตามมาตรา ๒๕๖ มาตรา ๒๕๗ วรรคสอง และมาตรา ๒๕๗ ทวิ แล้วแต่กรณีทำให้ครบถ้วนและตรงตามความจริงตามแบบที่อธิบดีกำหนด พร้อมกับชำระภาษีต่อกรมสรรพากร

มาตรา ๒๕๙ ทวิ[259] ภายใต้บังคับมาตรา ๔๐ ทั้งรัฐบาล องค์การของรัฐบาล เทศบาล สุขาภิบาล หรือองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นอื่นใด ให้กับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใด ให้คืนภาษีตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๔๐ ที่ต้องเสียในอัตราร้อยละ ๙ ภาษีที่คืนให้เป็นเครดิตในการคำนวณภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลครอบรอบระยะเวลาบัญชีที่คืนให้ ในกรณี ให้บังคับมาตรา ๒๕๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๔๕ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๕๙ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

มาตรา ๒๕๙ ตรี[260] ให้บุคคล ห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคม หรือ คณะบุคคล ผู้ซึ่งมิได้จดทะเบียน ตามมาตรา ๖ (๔) เฉพาะที่มิได้ให้บริการหรือห้างหุ้นส่วนที่มิได้จดทะเบียนตามมาตรา ๖ (๔) เฉพาะที่มิได้ให้บริการหรือห้างหุ้นส่วนที่มิได้จดทะเบียนตามมาตรา ๖ (๔) เฉพาะที่มิได้ให้บริการหรือห้างหุ้นส่วนที่มิได้จดทะเบียนตามมาตรา ๖ (๔) เฉพาะที่มิได้ให้บริการหรือห้างหุ้นส่วนที่มิได้จดทะเบียนตามมาตรา ๖ (๔) เฉพาะที่มิได้ให้บริการหรือห้างหุ้นส่วนที่มิได้จดทะเบียนตามมาตรา ๖ (๔) เฉพาะที่มิได้ให้บริการหรือห้างหุ้นส่วนที่มิได้จดทะเบียนตามมาตรา ๖ (๔) เฉพาะที่มิได้ให้บริการหรือห้างหุ้นส่วนที่มิได้จดทะเบียนตามมาตรา ๖ (๔) เฉพาะที่มิได้ให้บริการหรือห้างหุ้นส่วนที่มิได้จดทะเบียนตามมาตรา ๖ (๔)

```

(จ)

เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2) ให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมา ร้อยละ 20 แต่ต้องไม่เกิน 100,000 บาท แล้วคำนวณภาษีอัตราก้าวหน้าเฉพาะเงินได้สำหรับ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล

(ซ)

เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (6) หรือ (8) ให้คำนวณภาษี ตามอัตราภาษีเงินได้สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เห็นแต่ในกรณีที่เงินได้พึง ประเมินนั้นเป็นดอกเบี้ยที่จ่ายให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งประกอบกิจการ ธนาคาร กิจการประกันภัย หรือกิจการที่คล้ายเช่นเดียวกัน ให้คำนวณภาษีในอัตราร้อยละ 10

(ฌ)

เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (4) ให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมา ร้อย ละ 10 แล้วคำนวณภาษีอัตราก้าวหน้าเฉพาะเงินได้สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล

(ญ)

เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (7) ให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมา ร้อย ละ 60 แล้วคำนวณภาษีอัตราก้าวหน้าเฉพาะเงินได้สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับในกรณีเงินได้เกิดขึ้นหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ ได้รับเงินได้พึงประเมินที่มิใช่เงินได้พึงประเมินที่ออกโดยรัฐบาลหรือ สถานประกอบการที่มีฐานะเทียบเท่ากับองค์การของรัฐบาลไทยซึ่งตั้งขึ้นในต่างประเทศเพื่อให้ผู้มีเงินได้ใช้ ในการส่งเสริมการศึกษา พาณิชยกรรม หรืออุตสาหกรรม(264)

มาตรา 40 ทวิ ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีเงินได้พึงประเมินที่มิใช่เงินได้พึงประเมิน หรือเงินได้พึงประเมินที่ได้เว้นไว้จากการเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา 40 ตรี ให้ถือว่าเงินได้พึงประเมินนั้นเป็นเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา 40 ตรี เว้นแต่เงินได้พึงประเมินนั้นเป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้เว้นไว้จากการเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา 40 ตรี โดยเฉพาะ

การจำหน่ายเงินกำไรตามวรรคหนึ่งให้หมายความรวมถึง

(ก)

การจำหน่ายเงินกำไร หรือเงินประเภทอื่นใดที่มิใช่เงินได้กำไรหรือที่ถือ ได้ว่าเป็นเงินกำไร จากบัญชีกำไรสะสมหรือบัญชีอื่นใด ไปชำระหนี้หรือพักคลายบานที่ หรือไปตั้งเป็นยอดเงินที่เป็นบัญชีของบุคคลใด ๆ ในต่างประเทศ หรือ

(ข)

ในกรณีที่ไม่มีการจำหน่ายดังกล่าวใน (ก) แต่ได้มีการอนุญาต ซื้อและโอนเงินตราต่างประเทศที่ถือเป็นเงินกำไรหรือเงินประเภทอื่นใดจากกำไรหรือ ถือได้ว่าเป็นเงินกำไร ออกไปต่างประเทศ หรือ

(ค)

การปฏิบัติอย่างอื่นซึ่งทำให้เกิดผลตาม (ก) หรือ (ข)

มาตรา 40 ตรี(266) ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีเงินได้พึงประเมินที่เกิดขึ้นใน ประเทศไทยหรือที่ได้รับเงินได้พึงประเมินจากต่างประเทศ ซึ่งมิใช่เงินได้พึงประเมินที่ได้เว้นไว้จากการ เสียภาษีเงินได้ตามมาตรา 40 ตรี ให้ถือว่าเงินได้พึงประเมินนั้นเป็นเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษีเงินได้ ตามมาตรา 40 ตรี เว้นแต่เงินได้พึงประเมินนั้นเป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้เว้นไว้จากการเสียภาษีเงินได้ ตามมาตรา 40 ตรี โดยเฉพาะ

ความในวรรคก่อนนี้มิให้ใช้บังคับในกรณีดังต่อไปนี้

(ก)

เป็นของหรือที่ส่งไปยังองค์การหรือมูลนิธิเพื่อการวิจัยโดยเฉพาะ ```

(ข)

เป็นของผ่านแดน

(ค)

เป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร แล้วส่งกลับออกไปให้ผู้ส่งเข้ามาภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ส่งเข้ามาในราชอาณาจักร

(ง)

เป็นของที่ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร แล้วส่งกลับคืนเข้ามาให้ผู้ส่งในราชอาณาจักรภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร

มาตรา ๒๖๗ ในกรณีที่

(ข)

บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลใดไม่ยื่นรายการซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการคำนวณภาษีตามบทบัญญัติในส่วนนี้ หรือยื่นให้เจ้าพนักงานประเมินภายในกำหนดเวลาไว้ในมาตรา ๑๗ หรือมาตรา ๒๖๖ ทวิ หรือไม่ทำบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานอื่นมาให้เจ้าพนักงานประเมินทำการได้สอบตามมาตรา ๑๗ หรือมาตรา ๒๖๓ เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษีในอัตราร้อยละ ๕ ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ หรือยอดขายก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ของรอบระยะเวลาบัญชีแล้วแต่กรณีโดยอนุโลม ถ้ายอดรายรับก่อนหักรายจ่ายหรือยอดขายก่อนหักรายจ่ายดังกล่าวไม่ปรากฏ เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินโดยอาศัยดุลยพินิจเกี่ยวกับยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายหรือยอดขายในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นนั้นเป็นการทั่วไปหรือในรอบระยะเวลาบัญชีก่อนหน้า

(ข)

บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลใดมิได้ลงรายการหรือกรอกครบถ้วน หรือไม่ลงรายการหรือกรอกข้อความในบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานอื่นตามมาตรา ๑๗ เป็นเหตุให้ไม่ต้องเสียภาษี หรือเสียภาษีน้อยกว่าที่ควรต้องเสีย เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษีในอัตราร้อยละ ๒๐ และอาจกำหนดให้เสียเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ ๒๐ ของจำนวนภาษีที่ขาด

(ข)

บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลใด ได้ยื่นบัญชีเอกสารหรือหลักฐานอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานประเมินเพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษี เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษีในอัตราร้อยละ ๓๐ และอาจกำหนดให้เสียเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ ๓๐ ของจำนวนภาษีที่ขาด บทบัญญัติของมาตรานี้ไม่เป็นการเสื่อมสิทธิที่เจ้าพนักงานประเมินจะประเมินให้เสียภาษีตามบทบัญญัติในมาตราอื่น การประเมินตามความในมาตรานี้ จะอุทธรณ์การประเมินได้

มาตรา ๒๖๘ ทวิ ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลซึ่งสัมพันธ์กับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลอื่นตามมาตรา ๗๑ ทวิ ได้กำหนดราคาซื้อขายสินค้า บริการ หรือทรัพย์สินใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกันในลักษณะที่มิใช่ราคาตลาด โดยมีเจตนาเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี หรือทำให้เสียภาษีน้อยกว่าที่ควรต้องเสีย เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษีโดยคำนวณจากราคาตลาดของสินค้า บริการ หรือทรัพย์สินนั้น และอาจกำหนดให้เสียเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ ๒๐ ของจำนวนภาษีที่ขาด

ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลดังกล่าวได้ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานประเมินเพื่อขอให้กำหนดราคาตลาดของสินค้า บริการ หรือทรัพย์สินนั้น และเจ้าพนักงานประเมินได้กำหนดราคาตลาดตามคำร้องดังกล่าว บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลนั้นจะต้องเสียภาษีตามราคาตลาดที่ได้กำหนดไว้ดังกล่าว และต้องเสียเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ ๒๐ ของจำนวนภาษีที่ขาดตามมาตรา ๒๖๘ ทวิ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง บริษัทหรือหุ้นส่วนจำกัดบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับเจ้าของกรรมสิทธิ์ หมายความว่า บริษัทหรือหุ้นส่วนจำกัดบุคคลซึ่งแสดงถึงบุคคลสัมพันธ์ไปที่มีความสัมพันธ์กันในลักษณะ ดังต่อไปนี้

(ก)

นิติบุคคลหนึ่งถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในอีกนิติบุคคลหนึ่งไม่ว่าทั้งโดยตรงหรือโดยอ้อมไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของทุนทั้งหมด

(ข)

ผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนที่ถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในนิติบุคคลหนึ่งไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของทุนทั้งหมด ถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในอีกนิติบุคคลหนึ่งไม่ว่าทั้งโดยตรงหรือโดยอ้อมไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของทุนทั้งหมด หรือ

(ค)

นิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์ระหว่างกันในด้านทุน การจัดการ หรือการควบคุมในลักษณะที่นิติบุคคลหนึ่งไม่อาจดำเนินการโดยอิสระจากอีกนิติบุคคลหนึ่งตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวง ในกรณีที่เจ้าพนักงานประเมินได้ปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือหุ้นส่วนจำกัดบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันตามวรรคหนึ่งแล้ว มีผลให้บริษัทหรือหุ้นส่วนจำกัดบุคคลใดต้องชำระเงินหรือชำระเงินเพิ่ม หรือที่ต้องได้รับเงินคืนในจำนวนเงินที่แตกต่างจากที่ควรต้องชำระ หรือที่ได้รับคืนในกรณีปกติ บริษัทหรือหุ้นส่วนจำกัดบุคคลนั้นมีสิทธิยื่นคำร้องต่อกรมสรรพากรในลักษณะเดียวกับที่กำหนดไว้ในเรื่องการยื่นคำร้องขอคืนภาษีอากรตามกฎหมายว่าด้วยภาษีอากรที่เกี่ยวข้อง และให้กรมสรรพากรมีอำนาจคืนเงินหรือคืนเงินเพิ่มดังกล่าวได้

มาตรา 269 ให้เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจเรียกบริษัทหรือหุ้นส่วนจำกัดบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันตามมาตรา 65 ทวิ (4) หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับบริษัทหรือหุ้นส่วนจำกัดบุคคลดังกล่าวมาชี้แจงข้อเท็จจริงหรือให้ส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจระหว่างกันในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีตามแบบที่อธิบดีกำหนด และยื่นต่อเจ้าพนักงานประเมินพร้อมกับการยื่นรายการภาษีภายในกำหนดเวลาตามมาตรา 19

ภายในกำหนดเวลาดังกล่าวนี้ให้รายงานข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหรือหุ้นส่วนจำกัดบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันตามวรรคหนึ่ง เจ้าพนักงานประเมินโดยอนุมัติอธิบดี อาจส่งหนังสือแจ้งความไปยังบริษัทหรือหุ้นส่วนจำกัดบุคคลตามวรรคหนึ่ง ให้ยื่นเอกสารหรือหลักฐานแสดงข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการวิเคราะห์หรือตรวจสอบธุรกรรมระหว่างบริษัทหรือหุ้นส่วนจำกัดบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันตามวรรคหนึ่ง และให้บริษัทหรือหุ้นส่วนจำกัดบุคคลดังกล่าวปฏิบัติตามเงื่อนไขและวิธีการที่กำหนดไว้ในหนังสือแจ้งดังกล่าว เว้นแต่มีเหตุอันสมควรที่ไม่อาจปฏิบัติตามเงื่อนไขและวิธีการดังกล่าวได้ภายในกำหนดเวลา ให้บริษัทหรือหุ้นส่วนจำกัดบุคคลดังกล่าวยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานประเมินเพื่อขอขยายระยะเวลาออกไปได้ ทั้งนี้ การขยายระยะเวลาต้องไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งดังกล่าว ความในมาตรานี้มิให้ใช้บังคับแก่บริษัทหรือหุ้นส่วนจำกัดบุคคลที่มีรายได้จากการขายหรือมีรายได้จากการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกินจำนวนที่กำหนดไว้ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ซึ่งจำนวนรายได้ดังกล่าวต้องกำหนดไว้ไม่ต่ำกว่าร้อยล้านบาท

มาตรา 270 ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนเลิกกัน ให้ผู้ชำระบัญชีและผู้จัดการที่พ้นตำแหน่งแล้วแต่ยังมิได้พ้นหน้าที่ตามประมวลกฎหมายนี้ หรือพนักงานบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนในวันที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนเลิก ถ้าบุคคลดังกล่าวไม่ปฏิบัติการ เจ้าพนักงานประเมินอาจสั่งให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนเสียเงินภาษีเงินได้ ภาษีอากรขาเข้าอากรขาออกที่ต้องเสีย หรือเบี้ยปรับค่าปรับตามกฎหมาย

ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนดังกล่าวเลิก เพื่อประโยชน์ในการคำนวณภาษี ให้ถือว่ารายได้ที่เจ้าพนักงานรับจดทะเบียนเลิกในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ให้ผู้ชำระบัญชีและผู้จัดการที่พ้นตำแหน่งแล้วแต่ยังมิได้พ้นหน้าที่ในกรณียื่นรายการและเสียภาษีตามแบบและภายในกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ในมาตรา 67 และมาตรา 69 โดยอนุโลม ถ้าผู้ชำระบัญชีและผู้จัดการไม่สามารถยื่นรายการและเสียภาษีภายในกำหนดเวลาตามความในวรรคก่อนให้ และได้เสียค่าร้องต่ออธิบดีภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่เจ้าพนักงานรับจดทะเบียนเลิก เมื่ออธิบดีพิจารณาเห็นสมควรจะสั่งให้ขยายระยะเวลาออกไปอีกก็ได้ เฉพาะกรณีที่มีการชำระบัญชี อธิบดีอาจสั่งให้ขยายระยะเวลาการชำระบัญชีออกไปอีกก็ได้ ในกรณีที่ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนโดยไม่มีการชำระบัญชี ให้ผู้จัดการห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่พ้นตำแหน่งแล้วแต่ยังมิได้พ้นหน้าที่ผู้จัดการ ร่วมกับผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งมีชื่ออยู่ในรายการที่บัญญัติไว้ในมาตราก่อน

มาตรา 271 ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนกลับกัน บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่กลับกันต้องยื่นรายการและเสียภาษีแทนบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้นให้แก่เจ้าพนักงานประเมินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนที่เลิกกันในกรณีดังกล่าวนั้น

ราคในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้ใช้ยื่นยอมที่พระราชกฤษฎีกากำหนดซึ่งมีผลอยู่สำหรับทรัพย์สินที่แทนกัน และสำหรับกำไรจากขายหุ้นหรือบริษัทร่วมซึ่งหุ้นส่วน นิติบุคคลเดิมถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ

(ก)

ในกรณีที่มีการโอนทรัพย์สินระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่โดยมีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนเดิมเป็นผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นหรือหุ้นส่วนเดิมและการชำระบัญชีในรอบระยะเวลาบัญชีที่สินค้าถึงกำหนด ให้ถือราคาตลาดในวันที่มีการโอนเป็นรายได้และให้หักค่าใช้จ่ายในวันโดยปกติ

(ข)

เงินสำรองหรือเงินใด ๆ ที่ได้จากการชำระบัญชีหรือการชำระหนี้อื่น ๆ เฉพาะส่วนที่ยังมิได้เสียภาษีเงินได้ ให้ถือว่าเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีสุดท้ายด้วย

(ค)

ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนเดิมนิติบุคคลประกอบกิจการประกันภัยให้นำเงินสำรองซึ่งได้กำหนดไว้ในรอบระยะเวลาบัญชีต่าง ๆ ตามมาตรา ๖๕ ตรี (๑) เฉพาะส่วนที่ยังมิได้นำมานับเป็นรายได้ รวมจำนวนเงินเป็นรายได้ด้วย บทบัญญัติตามมาตรานี้ให้ใช้บังคับแก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา ๖๖ วรรคสอง เว้นแต่ที่ระบุถึงการส่งผ่านประเทศต่าง ๆ

มาตรา ๗๔(274) (ยกเลิก)

มาตรา ๗๕(275) (ยกเลิก)

มาตรา ๗๖ ทวิ(276) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มิได้จดทะเบียนตามกฎหมายของประเทศไทย ผู้ถูกต้องตามกฎหมาย หรือผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการประกอบกิจการในประเทศไทย และให้ถือว่าบุคคลผู้เป็นลูกจ้างหรือหุ้นส่วนกรรมการ หรือผู้มีการติดต่อเกี่ยวข้องกันไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล เมื่อมีเหตุแห่งการที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวมีความผูกพันอย่างประเทศไทย ให้บุคคลดังกล่าวนั้นมีหน้าที่แสดงความรับผิดในการยื่นรายการและเสียภาษีตามบทบัญญัติในส่วนนี้ เฉพาะที่เกี่ยวกับเงินได้หรือผลกำไรที่กล่าวแล้ว

ในกรณีที่กล่าวในวรรคแรก ถ้าบุคคลผู้ที่เห็นผลความรับผิดในการยื่นรายการและเสียภาษีไม่สามารถจะตอบสนองความรับผิดดังกล่าวได้ ให้ถือว่าบุคคลดังกล่าวนั้นได้ให้คำรับรองซึ่งอาจกระทำเป็นการยื่นรายการตามมาตรา ๖๕ (๑) หรือคำรับรองโดยปริยาย ในกรณีการประเมินตามความในมาตรานี้ จะยุติการประเมินก็ได้

มาตรา ๗๖ ตรี(277) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มิได้จดทะเบียนตามกฎหมายของประเทศไทยที่มีรายได้จากการดำเนินกิจการในประเทศไทย นอกจากการจ่ายเงินของผู้มีรายได้จากการดำเนินกิจการในประเทศไทย จะเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ในประเทศไทย และจะต้องยื่นรายการเสียภาษีเงินได้ในประเทศไทย และผู้จ่ายเงินได้พึงประเมิน หรือผู้จ่ายรายรับอื่นที่กระทำการแทนบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวนั้นจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย และการคำนวณจำนวนภาษีเงินได้ดังกล่าวนี้

เมื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้แจ้งต่ออธิบดีแล้ว ให้ใช้เงินสำรองสุทธิที่ใช้ในการดำเนินงานเพิ่มการตรวจสอบหนึ่งครั้งในวันแรกของรอบระยะเวลาบัญชีที่สิ้นสุด ได้แล้ว และต้องใช้ตลอดไปจนกว่าจะได้รับอนุมัติจากอธิบดีจึงจะแปลงเปลี่ยนได้ การเบิกสภาพวรรคหนึ่งและการอนุมัติสภาพวรรคสอง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีประกาศกำหนดในการดำเนินงานปกตินายจ้างนายจ้าง การประเมินเงินเงินกรณีและการปรับจำนวนที่ซึ่งต้องชำระ ต้องชำระเพิ่มเติม หรือได้รับคืน รวมทั้งการคำนวณเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่ม และการปฏิบัติกรณีในยอดเงินที่พบว่ามาประเมินกับบริษัทหรือกับหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลที่ให้เงินสาระลูกสินนอกจากมาตราไทยในกรณีการดำเนินงาน ให้ดำเนินการโดยให้เงินสาระลูกสินที่ได้รับคืนจากเงินงานของบริษัทหรือหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลนั้น

มาตรา ๒๗๘ ซึงว่า(278) เมื่อบริษัทหรือหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลที่เป็นสาระลูกสินนอกจากเงินสาระไทยเป็นสาระลูกสินที่ในการดำเนินงาน ได้แจ้งหรือได้รับอนุมัติจากอธิบดีตามมาตรา ๒๗๖ ตรี แล้ว ในการคำนวณค่าพร้อมการของเงินตรา ทรัพย์สิน หนี้สิน และรายการอื่น ๆ ในการดำเนินงาน ให้เงินสินทรัพย์ระยะเวลาจากบัญชีของระยะเวลาจากบัญชีที่ใช้สาระลูกสินนอกจากเงินสาระไทยเป็นสาระลูกสินที่ในการดำเนินงาน หรือการเปลี่ยนแปลงสาระลูกสินที่ใช้ในการดำเนินงาน และบรรรายการการอื่นใด รวมทั้งผลจากสุทธิ์ตามมาตรา ๒๖ (๕) หรือ (๖) ที่ได้ดำเนินการตามมาตรา ๒๗๖ ตรี ให้ดำเนินการค่าหรือรายการเงินสินทรัพย์ที่ได้ในการดำเนินงานดังนี้

(๑)

เงินตรา ทรัพย์สิน หนี้สิน และรายการอื่น ๆ ในงานการเงิน ให้คำนวณค่าพร้อมการหลักเกณฑ์ตามวิธีการบัญชีตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และข้อยืนที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

(๒)

บรรรายการการอื่นใดที่เป็นสาระลูกสินจากสุทธิ์ตามมาตรา ๒๖ (๕) และอัตรารายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณในวันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีของระยะเวลาบัญชีที่ใช้สาระลูกสินอื่นนอกจากเงินสาระไทยเป็นสาระลูกสินที่ใช้ในการดำเนินงาน หรือของรอบระยะเวลาบัญชีถัดที่ได้รับอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงสาระลูกสินที่ใช้ในการดำเนินงาน แล้วแต่กรณี

มาตรา ๒๗๙ บัญญัติ(279) ที่ให้มาตรา ๒๗๖ ตรี (๒) สามารถใช้บังคับการคำนวณค่าพร้อมการของเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินของบริษัทหรือหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลที่ใช้เป็นสาระลูกสินที่เปลี่ยนแปลงที่ในการดำเนินงานตามมาตรา ๒๗๖ ตรี ได้ให้คำนวณค่าพร้อมการของเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินดังกล่าวที่เป็นสาระลูกสินที่ใช้ในการดำเนินงานดังนี้

(๑)

การคำนวณค่าพร้อมการของเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินที่คงอยู่ในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ให้คำนวณใช้วิธีการคำนวณค่าของโดยอย่างต่อเนื่องไปนี้

(ก)

ใช้อัตราเงินตราสำรองที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่ใช้สาระลูกสินดังกล่าว ให้เหมือนกับที่ได้ในอัตราสำรองดังกล่าว ให้ข้อมูลผู้เสียอากรในกรณีการดำเนินงาน

(ข)

ใช้อัตราเงินอื่นที่อธิบดีออกข้อกำหนดหลักเกณฑ์ตามวิธีการบัญชีตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และข้อยืนที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในการดำเนินงานนายจ้าง เมื่อใช้วิธีการใดในการคำนวณค่าหรือราคาดังกล่าวแล้ว ให้ใช้วิธีการนั้นตลอดไป เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากอธิบดีจึงจะเปลี่ยนแปลงได้ การขออนุมัติจากอธิบดีให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา

(ข)

การคำนวณค่าหรือราคาของเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินที่รับมาหรือจ่ายไปในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชี ให้คำนวณค่าหรือราคาตามอัตราแลกเปลี่ยนที่รับมาหรือจ่ายไปนั้น

มาตรา ๗๙ (๒๘๐) การคำนวณรายได้ตามมาตรา ๗๙ ไบส ให้ใช้เงินตราไทย โดยให้นำจำนวนค่าแลกเปลี่ยนที่ได้รับมา หรือจ่ายไปในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชีที่มีการคำนวณค่าหรือราคาตามอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าวมาใช้ในการคำนวณรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น

มาตรา ๗๙ ตัด (๒๘๑) ผลกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสูงสุดในรอบระยะเวลาบัญชี หรือจากการคำนวณค่าหรือราคาตามอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าวมาใช้ในการคำนวณรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น

บัญชีอัตราภาษีเงินได้ (๒๘๒)

(ก)

(๒๘๓) สำหรับบุคคลธรรมดา เงินได้สุทธิไม่เกิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท ร้อยละ ๕ เงินได้สุทธิส่วนที่เกิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท แต่ไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท ร้อยละ ๑๐ เงินได้สุทธิส่วนที่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท แต่ไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท ร้อยละ ๑๕ เงินได้สุทธิส่วนที่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท แต่ไม่เกิน ๗๕๐,๐๐๐ บาท ร้อยละ ๒๐ เงินได้สุทธิส่วนที่เกิน ๗๕๐,๐๐๐ บาท แต่ไม่เกิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ร้อยละ ๒๕ เงินได้สุทธิส่วนที่เกิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท แต่ไม่เกิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ร้อยละ ๓๐ เงินได้สุทธิส่วนที่เกิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ร้อยละ ๓๕

(ข)

(๒๘๔) สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล (n)(285) ภาษีจากกำไรสุทธิของบริษัท หรือทั้งหุ้นส่วนสามัญบุคคล ร้อยละ 20

(ง)

ภาษีตามมาตรา 70 นอกจาก ที่ระบุใน (ค) ร้อยละ 15

(ค)

ภาษีตามมาตรา 70 เฉพาะกรณี การจ่ายเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40 (4) (ข) ร้อยละ 10

(จ)

ภาษีตามมาตรา 70 ทวิ ร้อยละ 10

(ฉ)

(286) (ยกเลิก)

หมวด 4

ภาษีมูลค่าเพิ่ม(287)

ส่วน 1

ข้อความทั่วไป

มาตรา 77(288) ภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการจัดการประเมิน

มาตรา 77/1(289) ในหมวดนี้ เว้นแต่ข้อความจะแสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่น

(ก)

“บุคคล” หมายความว่า บุคคลธรรมดา คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล หรือนิติบุคคล

(ข)

“บุคคลธรรมดา” หมายความรวมถึง กองมรดก

(ค)

“คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล” หมายความว่า ห้างหุ้นส่วนสามัญ กองทุน หรือมูลนิธิที่มิใช่นิติบุคคล และให้หมายความรวมถึงการรวมกัน หรือกิจการของ เอกชนที่ทรัพย์โดยบุคคลธรรมดาซึ่งแต่ละคนมิใช่นิติบุคคล

(ง)

“นิติบุคคล” หมายความว่า บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด ตาม

มาตรา 77 องค์การธุรกิจซึ่งจัดตามมาตรา 86 สหกรณ์ และองค์การอื่นที่กฎหมายกำหนดให้

เป็นนิติบุคคล

(จ)

“ผู้ประกอบการ” หมายความว่า บุคคลซึ่งขายสินค้าหรือให้บริการ ทางธุรกิจหรือวิชาชีพ ไม่ว่าการขายสินค้าหรือการให้บริการนั้นจะได้รับประโยชน์หรือไม่ หรือไม่ และไม่ว่าจะได้ออกใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่

(ฉ)

“ผู้ประกอบการจดทะเบียน” หมายความว่า ผู้ประกอบการที่ได้ หยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 85 หรือมาตรา 85/4 หรือที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่า เพิ่มข้อความตามมาตรา ๘๔/๓

(๔)

"ตัวแทน" หมายความรวมถึงบุคคลซึ่งทำสัญญาหรือหนังสือที่รับผิดชอบในการเก็บรักษาสินค้า ทุกลำภา หรือทำการใด ๆ อันเกี่ยวกับการประกอบกิจการในราชอาณาจักรแทนผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร

(๕)

"ขาย" หมายความว่า จำหน่าย ขาย โอนสินค้า ไม่ว่าจะมีประโยชน์หรือค่าตอบแทนหรือไม่ และให้หมายความรวมถึง

(ก)

สัญญาให้เช่าซื้อสินค้า สัญญาซื้อขายผ่อนชำระที่กรรมสิทธิ์ในสินค้ายังไม่โอนไปยังผู้ซื้อเมื่อได้ส่งมอบสินค้าให้ผู้ซื้อแล้ว หรือสัญญาขายสินค้าให้เชื่อไปตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่จะมีการกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี

(ข)

ส่งมอบสินค้าให้ตัวแทนเพื่อขาย

(ค)

ส่งสินค้าออกนอกราชอาณาจักร

(ง)

นำสินค้าไปใช้ไม่ว่าประการใด ๆ เว้นแต่การนำสินค้าไปใช้เพื่อการประกอบกิจการของตนเองโดยตรงตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่จะมีการกำหนด

(จ)

มีสินค้าตามความหมายสินค้าตามวรรคหนึ่งตามมาตรา ๘๔ (๓) หรือมาตรา ๘๔ วรรคสอง

(ฉ)

สินค้าทั้งหมดและทรัพย์สินที่ผู้ประกอบการมีไว้ในการประกอบกิจการ ณ วันสินทรัพย์ของกิจการเลิกกิจการ หรือโอนกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนกล่าวของผู้ประกอบการซึ่งได้รับอนุมัติได้อนุมัติการทั้งหมด ทั้งนี้ ผู้ประกอบการใหม่จะได้อนุมัติให้ทำหรือผู้โอนกิจการต้องอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๔/๓

(ซ)

กรณีอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

(๖)

"สินค้า" หมายความว่า ทรัพย์สินที่มีรูปร่างและไม่มีรูปร่างที่อาจมีราคาและถือเอาได้ไม่ว่าจะใช้เพื่อขาย เพื่อใช้ หรือเพื่อการใด ๆ และให้หมายความรวมถึงของทุกชนิดที่นำเข้า แต่ทั้งนี้ ไม่รวมถึงทรัพย์สินที่ไม่มีรูปร่างที่ส่งมอบโดยผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด

(๗)

"บริการ" หมายความว่า การกระทำใด ๆ อันอาจนำประโยชน์อันมีมูลค่าซึ่งใช้เป็นการขายสินค้า และให้หมายความรวมถึงการใช้บริการของตนเองไม่ว่าประการใด ๆ แต่ทั้งนี้ ไม่รวมถึง

(ก)

การใช้บริการหรือการจำสินค้านำไปใช้เพื่อประกอบกิจการของตนเองโดยตรง ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่จะมีการกำหนด

(ข)

การนำเงินไปแปลงประโยชน์โดยการทำการซื้อหรือรับมอบหรือหลักทรัพย์

(ค)

การกระทำตามคำสั่งหรือสัญญาโดยอนุมัติรัฐมนตรี (๑๐/๑) "บริการทางอิเล็กทรอนิกส์" หมายความว่า บริการซึ่งรวมถึงทรัพย์สินที่ไม่มีรูปร่างที่ส่งมอบโดยผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด ซึ่งลักษณะของบริการนั้นเป็นโดยอัตโนมัติในสาระสำคัญ โดยบริการดังกล่าวไม่สามารถกระทำได้หากปราศจากเทคโนโลยีสารสนเทศ (๑๐/๒) "อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม" หมายความว่า ตลาด ช่องทาง หรือกระบวนการอื่นใดที่ผู้ให้บริการหลายรายใช้ในการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้รับบริการ

(๑๑)

"ผู้เข้าใช้" หมายความว่า ผู้ประกอบการหรือบุคคลอื่นที่เข้าใช้

(๑๒)

"นำเข้า" หมายความว่า นำสินค้านำมาในราชอาณาจักร และให้หมายความรวมถึงการนำสินค้าที่ต้องเสียอากรขาเข้าที่ได้รับยกเว้นอากรเข้ามาตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรออกจากเขตปลอดอากรโดยมิใช่เพื่อส่งออกด้วย

(๑๓)

"ผู้ส่งออก" หมายความว่า ผู้ประกอบการซึ่งส่งออก

(๑๔)

"ส่งออก" หมายความว่า ส่งสินค้าออกจากราชอาณาจักรเพื่อส่งไปต่างประเทศ และให้หมายความรวมถึง

(๑๕)

การนำสินค้าในราชอาณาจักรเข้าไปในเขตปลอดอากรเฉพาะสินค้าที่ต้องเสียอากรขาออกหรือที่ได้รับยกเว้นอากรขาออกตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด

(๑๖)

"ซื้อ" หมายความว่า การรับโอนหรือรับมอบสินค้าจากการขาย

(๑๗)

"ราคา" หมายความว่า เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใด ๆ อันอาจคิดคำนวณได้เป็นเงินซึ่งได้มีการชำระหรือตกลงจะชำระเพื่อการซื้อขายสินค้าหรือการให้บริการ

(๑๘)

"ภาษีขาย" หมายความว่า ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการขายหยิบยกไปเรียกเก็บหรือถือเป็นราคาขายจากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการมาตรา ๗๗/๔ วรรคหนึ่งและภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการขายชำระไว้ในกรณีการขายสินค้าตามมาตรา ๗๗/๒๓ (๑) (ก) หรือ (ข) (ข) หรือ (ค) หรือในกรณีที่มีการให้บริการตามมาตรา (๑๐) แต่ไม่รวมถึง

(๑๙)

"ภาษีซื้อ" หมายความว่า ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนซื้อสินค้าหรือบริการในราชอาณาจักร (๔) วรรคสี่ และให้หมายความรวมถึง

(ก)

ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนนำเข้าสินค้า

(ข)

ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้เสียเมื่อจ่ายหรือโอนสินค้าเท่าที่จำเป็นแก่การใช้ในราชอาณาจักรซึ่งได้ชำระไว้แล้วตามกฎหมายว่าด้วย ด้วยกำกัดอัตราสูงการตามมาตรา ๔๒/๙๔

(๖)

ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ได้ชำระตามมาตรา ๔๒/๙๔ มาตรา ๘๔/๗ และมาตรา ๘๔/๘

มาตรา ๘๔/๙๔

(๑๙)

"ภาษีสรรพสามิต" หมายความรวมถึงภาษีสุรา ค่าแสตมป์ยาสูบ ค่าธรรมเนียมประทับตราไฟ และภาษีหรือค่าธรรมเนียมอื่นในลักษณะทำนองเดียวกันตามที่กำหนดโดยพระราชบัญญัติ

(๒๐)

"สถานประกอบการ" หมายความว่า สถานที่ซึ่งผู้ประกอบการใช้ประกอบกิจการเป็นประจำ และให้หมายความรวมถึงสถานที่ซึ่งใช้เป็นที่ผลิตหรือเก็บสินค้าเป็นประจำด้วย ในกรณีที่ผู้ประกอบการไม่มีสถานประกอบการตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่า ที่อยู่อาศัยของผู้ประกอบการนั้นเป็นสถานประกอบการ ถ้าผู้ประกอบการที่มีอยู่หลายแห่งให้ผู้ประกอบการเลือกเอาที่อยู่คงที่แห่งหนึ่งเป็นสถานประกอบการ

(๒๑)

(๒๙๕) "เขตปลอดอากร" หมายความว่า เขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร เขตอุตสาหกรรมส่งออกตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และเขตพิเศษตามกฎหมายที่ให้จัดตั้งเขตอำนาจการค้า

(๒๒)

"ใบกำกับภาษี" หมายความรวมถึง ใบกำกับภาษีอย่างย่อ ในพื้นที่ในลักษณะที่ ในเรื่องรับเงินที่มีสาระการออกใบกำกับภาษีตามตลาดกลางซื้อขายโดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ มาตรา ๘๔/๗ และใบรับรองรับเงินของกรมสรรพากร ของกรมสรรพากร หรือของสรรพสามิต ซึ่งหมายความรวมถึงใบกำกับภาษีที่มีลักษณะเดียวกัน

(๒๓)

"เดือนภาษี" หมายความว่าเดือนปฏิทิน

(๒๔)

ในกรณีที่ผู้ประกอบการเริ่มประกอบกิจการที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในเดือนภาษีใด ให้เริ่มนับเดือนภาษีนั้น ตั้งแต่วันเริ่มประกอบกิจการหรือวันที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าตามมาตรา ๘๔/๗ ถึงวันสิ้นเดือนภาษีนั้น แล้วแต่กรณี

(๒๕)

ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้รับอนุมัติให้ถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือเลิกประกอบกิจการที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือย้ายสถานประกอบการจากท้องที่ที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ หรือถูกต้องสิ้นสภาพของการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในเดือนภาษีใด ให้เดือนภาษีนั้นเริ่มตั้งแต่วันแรกของเดือนภาษีนั้นถึงวันที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๔/๙๔

(๒๖)

ในกรณีที่มีพระราชบัญญัตินี้กำหนดให้ผู้ประกอบการยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีตามมาตรา ๘๔/๗ หรือมาตรา ๘๔/๘ ให้ยื่นในวันดังต่อไปนี้และเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามบัญญัติในหมวดนี้

(ก)

การขายสินค้าหรือการให้บริการโดยผู้ประกอบการ

(ข)

การนำเข้าสินค้าโดยผู้นำเข้า การให้บริการในราชอาณาจักรให้หมายถึง บริการที่ทำในราชอาณาจักร โดยไม่คำนึงว่าการใช้บริการนั้นจะอยู่ในต่างประเทศหรือในราชอาณาจักร การให้บริการที่ทำในต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรให้ถือว่าการให้บริการนั้น เป็นการให้บริการในราชอาณาจักร

มาตรา 77/1(297) นอกจากกรณีตามมาตรา 77/4 กิจการใดที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 77/2 หรือได้รับยกเว้นการเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 77/3c ย่อมไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามหมวด 2 นี้

มาตรา 77/1(298) เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มให้บุคคลต่อไปนี้ ที่ได้ทำสัญญาซื้อขายสินค้าหรือสัญญาให้บริการกับผู้ประกอบการมีหน้าที่ต้องส่งสำเนาสัญญาหรือเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงฯ ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่บุคคลนั้นมีภูมิลำเนาอยู่ในวันสิ้นเดือนถัดจากเดือนที่ได้ทำสัญญาดังกล่าว

(ก)

กระทรวง ทบวง กรม หรือการส่วนท้องถิ่น ให้ต้องส่งสำเนาสัญญา ตามประเภท ลักษณะ และมูลค่าของสัญญาตามที่ระบุในกฎกระทรวง

(ข)

บุคคลอื่นตามที่อธิบดีประกาศโดยอนุมัติรัฐมนตรี ให้ต้องส่งสำเนาสัญญาหรือเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ตามประเภท ลักษณะ และมูลค่าของสัญญาหรือเอกสาร ตามที่อธิบดีประกาศโดยอนุมัติรัฐมนตรี มูลค่าของสัญญาตาม (ก) และ (ข) จะต้องกำหนดไม่น้อยกว่า 600,000 บาท

มาตรา 77/1(299) ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับกิจการใดว่าอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีหรือการให้บริการ ให้ถือมติของอธิบดี และคำวินิจฉัย ของรองอธิบดีให้ถือเป็นที่สุด

ส่วน 2

ความรับผิดในการเสียภาษี

มาตรา 77/2(300) ภายใต้บังคับมาตรา 77/3 ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการขายสินค้า ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

(ก)

การขายสินค้าตามอาการที่อยู่ในบังคับตาม (ข) (ค) (ง) หรือ (จ) ให้ความรับผิดทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อส่งมอบสินค้าหรือเมื่อสินค้าถูกส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อก่อนหรือเมื่อผู้ซื้อได้ครอบครองสินค้าตามที่ตกลงกันไว้แล้วแต่กรณี ส่วนมูลค่าของการขายสินค้าจะต้องเสียภาษีเมื่อได้มีการกระทำดังกล่าวข้างต้น ๆ ด้วย

(ก)

โอนกรรมสิทธิ์สินค้า

(ข)

ได้รับชำระราคาสินค้า หรือ

(ค)

ได้ออกใบกำกับภาษี ทั้งนี้ โดยให้ความรับผิดเกิดขึ้นตามลำดับก่อนหลังของการกระทำดังกล่าว และแล้วแต่กรณี

(ข)

การขายสินค้าตามสัญญาให้ทำหรือสั่งทำหรือสัญญาอื่นที่มีลักษณะอย่างเดียวกัน การส่งมอบสินค้าส่วนหนึ่งส่วนใดไม่อาจแยกได้ออก ให้ความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อมีการส่งมอบสินค้าส่วนหนึ่งส่วนใด ชำระราคาตามงวดที่ถึงกำหนดชำระราคาตามแต่ละงวด เว้นแต่กรณีที่ได้มีการกระทำดังต่อไปนี้เกิดขึ้นก่อนถึงกำหนดชำระราคาตามแต่ละงวด ก็ให้ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อได้มีการกระทำดัง ๆ ด้วย

(ก)

ได้รับชำระราคาสินค้า หรือ

(ข)

ได้ออกใบกำกับภาษี ทั้งนี้ โดยให้ความรับผิดเกิดขึ้นตามส่วนของการกระทำดัง ๆ แล้วแต่กรณี

(ค)

การขายสินค้าโดยมีการตั้งตัวแทนเพื่อขายและได้ส่งมอบสินค้าให้ตัวแทนแล้ว ทั้งนี้ เฉพาะสัญญาการตั้งตัวแทนเพื่อขายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ วิธีการ และเงื่อนไขอื่น ๆ อีกตามที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด ให้ความรับผิดทั้งหมดยกเว้นเมื่อมีการส่งมอบสินค้าให้ผู้ซื้อ ในแต่ละกรณีให้ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อมีการส่งมอบสินค้าให้ผู้ซื้อ ทั้งนี้ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อได้มีการกระทำดังต่อไปนี้ด้วย

(ก)

ตัวแทนได้โอนกรรมสิทธิ์สินค้าให้ผู้ซื้อ

(ข)

ตัวแทนได้รับชำระราคาสินค้า

(ค)

ตัวแทนได้ออกใบกำกับภาษี หรือ

(ง)

ได้มีการนำสินค้านำไปใช้ไม่ว่าโดยตัวแทนหรือบุคคลอื่น ทั้งนี้ โดยให้ความรับผิดเกิดขึ้นตามส่วนของการกระทำดัง ๆ แล้วแต่กรณี

(ง)

การขายสินค้าโดยส่งออก ให้ความรับผิดเกิดขึ้นดังต่อไปนี้

(ก)

การส่งออกจากที่ระบุใน (ข) หรือ (ค) ให้ความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อชำระอากรขาออก วางหลักประกันอากรขาออก หรือจัดให้มีผู้ค้ำประกันอากรขาออก เว้นแต่ในกรณีที่ไม่ต้องเสียอากรขาออกหรือได้รับยกเว้นอากรขาออกตามกฎหมายว่าด้วยอากร ก็ให้ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นในวันที่ที่มีการออกใบขนสินค้าขาออกตามกฎหมายว่าด้วยอากร

(ข)

การส่งออกในกรณีที่นำสินค้านำไปในเขตปลอดอากรตามมาตรา ๘๑/๑(๑) (ก) ให้ความรับผิดเกิดขึ้นในวันที่นำสินค้านำเข้าในเขตปลอดอากรดังกล่าว

(ค)

การส่งออกซึ่งสินค้าที่อยู่ในคลังสินค้าทัณฑ์บนตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ให้ความรับผิดเกิดขึ้นในวันที่นำสินค้านำออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บน

(ง)

การขายสินค้าที่ได้เสื่อมสภาพหรือสูญหายไปในระหว่างการขนส่งตาม (ข) หรือ (ค) และการขายสินค้าที่ได้เสื่อมสภาพหรือสูญหายไปในระหว่างการขนส่งตาม (ข) หรือ (ค) และการขายสินค้าที่ได้เสื่อมสภาพหรือสูญหายไปในระหว่างการขนส่งตาม (ข) หรือ (ค) ให้ความรับผิดเกิดขึ้นในวันที่สินค้าดังกล่าวเสื่อมสภาพหรือสูญหายไป เพื่อเป็นการเร่งรัดกระบวนการในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีและการชำระภาษีของผู้ประกอบการจดทะเบียนสรรพากรจึงได้กำหนดให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีตามข้อดังนี้ ทั้งนี้ เฉพาะในกรณีที่การขายสินค้าหรือการให้บริการดังกล่าวเป็นการขายหรือการให้บริการที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักร ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดโดยกฎกระทรวง ทั้งนี้จะต้องมิให้รัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดความรับผิดตาม (๑) (๒) และ (๓) เกิดขึ้นเป็นอย่างอื่นได้

มาตรา cld/๓๐๒ การได้รับชดเชยตาม cld/๓๐๒ ความรับผิดในการเสีย การชำรุดเพิ่มเติมที่เกิดจากการให้บริการ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

(๑)

การให้บริการนอกจากที่อยู่ในบังคับตาม (๒) (๓) หรือ (๔) ให้ความรับผิดทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อได้รับชำระราคาค่าบริการ เว้นแต่กรณีที่มีการกระทำดังต่อไปนี้เกิดขึ้นก่อนที่ได้รับชำระราคาค่าบริการ ก็ให้ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อได้มีการกระทำดังกล่าวนั้น ๆ ด้วย

(ก)

ได้ออกใบกำกับภาษี หรือ

(ข)

ได้ใช้บริการไม่ว่าด้วยตนเองหรือบุคคลอื่น ทั้งนี้ โดยให้ความรับผิดเกิดขึ้นตามส่วนของการกระทำนั้น ๆ แล้วแต่กรณี

(๒)

การให้บริการตามสัญญาที่กำหนดค่าตอบแทนส่วนแบ่งของบริการที่ทำให้ความรับผิดลดส่วนของบริการที่มีมูลค่าสูงสุด เว้นแต่กรณีที่ได้มีการกระทำดังต่อไปนี้เกิดขึ้นก่อนที่ได้รับชำระราคาค่าบริการส่วนของบริการที่มีมูลค่าสูงสุด ก็ให้ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อได้มีการกระทำนั้น ๆ ด้วย

(ก)

ได้ออกใบกำกับภาษี หรือ

(ข)

ได้ใช้บริการไม่ว่าด้วยตนเองหรือบุคคลอื่น ทั้งนี้ โดยให้ความรับผิดเกิดขึ้นตามส่วนของการกระทำนั้น ๆ แล้วแต่กรณี

(๓)

การให้บริการที่ทำในต่างประเทศและได้มีการใช้บริการผ่านในราชอาณาจักร ให้ความรับผิดทั้งหมดหรือบางส่วนเกิดขึ้นเมื่อได้มีการชำระราคาค่าบริการทั้งหมดหรือบางส่วน แล้วแต่กรณี

(๔)

การให้บริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ ๐ ตามมาตรา ๘๐/๑ (๖) และภายหลังได้มีการโอนสิทธิในบริการอันทำให้ผู้รับโอนสิทธิในบริการนั้นต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๐/๑ (๔) ให้ความรับผิดทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อได้รับชำระราคาค่าบริการ เพื่อเป็นการบรรเทาภาระในการชี้แจงแบบแสดงรายการและการชำระภาษีของผู้ประกอบการตามมาตรา ๘๐/๑ (๔) ให้ผู้ประกอบการที่มีการโอนสิทธิในบริการดังกล่าวสามารถเลือกเสียภาษีตามส่วนของบริการนั้น ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดโดยกฎกระทรวง ทั้งนี้จะต้องมิให้รัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดความรับผิดตาม (๑) (๒) และ (๓) เกิดขึ้นเป็นอย่างอื่นได้

มาตรา cld/๓๐๓ การได้รับชดเชยตาม cld/๓๐๓ ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการนำเข้าให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

(๑)

การนำเข้าอากรนอกจากที่อยู่ในบังคับตาม (๒) (๓) หรือ (๔) ให้ความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อชำระอากรนำเข้า วางหลักประกันอากรนำเข้า หรือถือให้ผู้เกี่ยวข้องในการจ่ายภาษี เข้า มันแต่กรณีที่ไม่ต้องเสียอากรขาเข้าหรือได้รับยกเว้นอากรขาเข้าก็ให้ถือว่าความรับผิด เกิดขึ้นในวันที่มีการออกใบขนสินค้าขาออกตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร

(ข)

การนำสินค้าหรือบริการไปบริจาคอาจารย์ที่เข้าไปในเขตปลอดอากรแล้วสินค้าดังกล่าวโดยมิใช่เพื่อส่งออกตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๗๗/๑๑ (๑๒) ให้ความรับผิดเกิดขึ้นในวันที่นำสินค้าเข้ามา ออกจากเขตดังกล่าวโดยมิใช่เพื่อส่งออก

(ค)

การนำเข้าสินค้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ให้ความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อทางราชการใช้ของตกลงหรือขายโดยวิธีอื่น เพื่อชำระเงินค่าภาษี ค่าปรับหรือค่าใช้จ่าย หรือค่าภาระติดพิเศษตามวิธีการตามที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยศุลกากร

(ง)

การนำเข้าสินค้าที่มีมูลค่าในราคาให้ในการค้าอาจารย์ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร อันทำให้ผู้มีความรับผิดตามกฎหมายต้องชำระอากรหรือชำระเงินเพิ่มตามมาตรา ๗๗/๑๑ (๓) (ค) ให้ความรับผิดเกิดขึ้นพร้อมกับความรับผิดตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร

มาตรา ๗๗/๑๑(305) ให้ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการในกรณีต่อไปนี้ เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

(๑)

การขายสินค้าที่ไม่อยู่ในสภาพ สิทธิในสิ่งที่จับต้องได้ หรือสิทธิในสิ่งที่จับต้องไม่ได้

(๒)

การขายสินค้าหรือการให้บริการด้วยเครื่องอัตโนมัติโดยวิธีการชำระราคาด้วยการหยอดเงิน ใช้เหรียญหรือบัตร หรือในลักษณะทำนองเดียวกัน

(๓)

การขายสินค้าหรือการให้บริการโดยการชำระราคาด้วยการใช้บัตรเครดิตหรือในลักษณะทำนองเดียวกัน

(๔)

การขายสินค้าตามสัญญาจะขายสินค้าตามมาตรา ๗๗/๑๑ (๔) (ก) (ข) (ค)

(๕)

การขายสินค้าตามมาตรา ๗๗/๑๑ (๔) (ง) (จ) (ฉ) หรือ (ช) กฎกระทรวงดังกล่าวอาจกำหนดให้ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นแตกต่างกันตามประเภทของสินค้าและบริการหรือตามวิธีการให้บริการก็ได้

ส่วน ๓

ฐานภาษี

มาตรา ๗๗/๑๒(306) ภายใต้บังคับมาตรา ๗๗/๑๑ ฐานภาษีสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการ ได้แก่มูลค่าของสิ่งที่ผู้ขายอาจารย์ได้รับหรือพึงได้รับจากการขายสินค้าหรือการให้บริการ รวมทั้งภาษีสรรพสามิตตามที่กำหนดในมาตรา ๗๗/๑๑ (๔) (จ) ด้วย

มูลค่าของฐานภาษีให้หมายความถึง เงิน ทรัพย์สิน ค่าตอบแทนค่าบริการ หรือประโยชน์ใด ๆ ซึ่งอาจคำนวณได้เป็นเงิน มูลค่าของฐานภาษีไม่ให้รวมถึง

(๑)

ส่วนลดหรือค่าลดหย่อน ที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้ลดให้ในขณะขายสินค้าหรือให้บริการและได้หักส่วนลดหรือค่าลดหย่อนดังกล่าวออกจากราคาสินค้าหรือราคาค่าบริการ โดยได้แสดงให้เห็นในใบกำกับภาษีหรือหลักฐานการรับเงินที่ออกให้ในขณะขายนั้นและครั้งเดียวกันแล้ว ทั้งนี้ แต่ส่วนลดหรือค่าลดหย่อนในขณะขายสินค้าหรือให้บริการของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่มีสิทธิเลือกใช้วิธีการอย่างหนึ่งอย่างตามมาตรา ๗๙/๖ หรือมาตรา ๗๙/๗ ผู้ประกอบการจดทะเบียนจะไม่แสดงส่วนลดหรือค่าลดหย่อนดังกล่าวให้เห็นพร้อมไว้ในใบกำกับภาษีอย่างอื่นก็ได้

(๒)

ค่าอากรหรือเงินอุดหนุนตามที่อธิบดีกรมสรรพากรโดยอนุมัติรัฐมนตรี

(๓)

ภาษีขาย

(๔)

ค่าตอบแทนที่สิ้นสภาพและเงื่อนไขตามที่อธิบดีกรมสรรพากรโดยอนุมัติรัฐมนตรี

มาตรา ๗๙/๑[๓๐๗] ฐานภาษีสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการในการประกอบกิจการเฉพาะอย่าง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

(๑)

ฐานภาษีสำหรับการขายสินค้าภายในประเทศ ได้แก่ มูลค่าของสินค้าส่งออกโดยให้ใช้ราคา เอฟ.โอ.บี. ณ ด่านศุลกากรส่งออกโดยไม่รวมค่าประกันภัยและค่าขนส่งจากด่านศุลกากรส่งออกไปต่างประเทศ

(๒)

ฐานภาษีสำหรับการให้บริการระหว่างประเทศ

(๓)

ในกรณีรับชำระเงินโดยสาร ได้แก่ มูลค่าของค่าโดยสาร ค่าธรรมเนียม และประโยชน์อื่นใดที่เรียกเก็บในราชอาณาจักรก่อนหรือขณะทำรายใด ๆ เนื่องในการรับชำระเงินโดยสารนั้น

(๔)

ในกรณีรับเงินสินจ้าง ได้แก่ มูลค่าของค่าจ้าง ค่าแรงงาน ค่าธรรมเนียม และประโยชน์อื่นใดที่เรียกเก็บในราชอาณาจักรก่อนหรือขณะทำรายใด ๆ เนื่องในการรับเงินสินจ้างนั้นของการประกอบกิจการ

(๕)

ฐานภาษีสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการในการประกอบกิจการอย่างอื่น (ก) หรือ (ข) ให้เป็นไปตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา

มาตรา ๗๙/๒[๓๐๘] ฐานภาษีสำหรับการนำเข้าสินค้า ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

(๑)

ฐานภาษีสำหรับการนำเข้าสินค้าทุกรายการ ได้แก่ มูลค่าของสินค้านำเข้า โดยให้ใช้ราคา ซี.ไอ.เอฟ. ของสินค้านำเข้า บวกด้วยอากรขาเข้า อากรสรรพสามิตตามที่ การนำเข้าสินค้าซึ่งผู้นำเข้าได้รับยกเว้นหรือยกเว้นอากรขาเข้า ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนหรือกฎหมายอื่น ให้ถือว่าอากรขาเข้าซึ่งได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนดังกล่าว มารวมเป็นมูลค่าของฐานภาษี ราคา ซี.ไอ.เอฟ. ได้แก่ราคาสินค้าบวกด้วยค่าประกันภัยและค่าขนส่งด้านสุทธการที่นำสินค้านั้นเข้ามาในราชอาณาจักร นั้นแต่

(ก)

ในกรณีที่ชื่ออัตราศุลกากรประกาศให้ราคาไว้เพื่อใช้เองตลาดสำหรับของประเภทใดประเภทหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงการคำนวณราคาเป็นรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ให้ถือราคานั้นเป็นราคาสินค้าในการคำนวณราคา ซี.ไอ.เอฟ.

(ข)

ในกรณีที่เจ้าพนักงานศุลกากรได้ทำการประเมินราคาเพื่อเสียอากรขาเข้าใหม่ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ให้ถือราคาใหม่นั้นเป็นราคาสินค้าในการคำนวณราคา ซี.ไอ.เอฟ.

(ข)

ฐานภาษีสำหรับการนำเข้าสินค้าที่ซึ่งนำแบบประเภทให้รวมค่าอากรขาเข้าซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งได้รับยกเว้นอันตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร (5) การขายสินค้ในกรณีผู้ประกอบการมีสินค้าคงเหลือและหรือมีทรัพย์สินที่ผู้ประกอบการใช้ในการประกอบกิจการ ณ วันเลิกประกอบกิจการ มูลค่าของฐานภาษีให้ถือราคาตลาดในวันเลิกประกอบกิจการ ราคาตลาดตามมาตรานี้ ให้ถือราคาต่ำสุดของราคาตลาดที่ซึ่งอาจคำนวณตามความเป็นจริงทั่วไปในวันที่ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น ทั้งนี้ ตามที่ได้มีการตรวจสอบราคาตลาดพอสมควรที่ถือว่าเชื่อถือได้ และในกรณีที่ไม่อาจทราบราคาตลาดได้แน่ชัดแน่นอนให้ถือโดยอนุมัติของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้เหมาะสมเพื่อให้เกิดการสั่งราคาตลาดได้

มาตรา 77/2(310) ในกรณีผู้ส่งออกซึ่งฐานภาษีที่ใช้ได้รับหรือได้มาจากการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าซึ่งเป็นเงินตราต่างประเทศให้คำนวณเงินตราต่างประเทศนั้นเป็นเงินตราไทยตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

(1) ในกรณีได้รับเงินตราต่างประเทศจากการขายสินค้าหรือการให้บริการและได้มีการขายเงินตราต่างประเทศที่ได้รับซึ่งเป็นเงินตราไทยในเดือนที่ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นให้คำนวณไทยจากจำนวนเงินตราต่างประเทศที่ได้รับหรือที่ระบุไว้ในเอกสารหลักฐานการให้บริการ หรือการขายสินค้าเป็นเงินตราต่างประเทศในเดือนเดียวกันกับเดือนที่ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น ให้ถือยอดอัตราแลกเปลี่ยนที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้ในวันที่ขายเงินตราต่างประเทศนั้น (2) ในกรณีสินค้าเป็นลักษณะราคาตามราคา ซี.ไอ.เอฟ. ของสินค้านำเข้าที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรให้ถือราคาตามราคา ซี.ไอ.เอฟ. ของสินค้านำเข้าที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยศุลกากร

มาตรา 77/3(311) ฐานภาษีสำหรับการนำเข้าและการขายซึ่งฐานอุปทานประเทศและชนิดคือสิทธิทางโดยอนุมัติรัฐมนตรี ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

(ก)

สำหรับการนำเข้า ให้เป็นไปตามมาตรา 77/2

(ข)

สำหรับการขาย ให้เป็นมูลค่าของอุปทานที่ได้มาจากการจัดจำนวนภาษีมูลค่าเพื่อออกจากจำนวนเดียวของราคาขายปลีกของอุปทาน โดยให้คำนวณจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มออกจากข้อมูลที่เพิ่มรวมอยู่ในจำนวนเดียวของราคาขายปลีก

มาตรา 77/3(312) ฐานภาษีสำหรับการนำเข้าและการขายซึ่งน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดนั้นนำมาจากมวลพาหนะที่กำหนดไว้ในมาตรา 77/3 ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

(ก)

สำหรับการนำเข้า ให้เป็นไปตามมาตรา 77/2

(ข)

สำหรับการขาย

(ก)

กรณีน้ำมันดิบให้เป็นไปตามมาตรา 77/2

(ข)

กรณีน้ำมันผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด ได้คำนวณมูลค่าของผลิตภัณฑ์น้ำมันชนิดนั้นที่ได้จากการจัดจำนวนข้อมูลเพื่อออกจากจำนวนเดียวของราคาขายปลีกของผลิตภัณฑ์น้ำมันทั้งหมด โดยให้คำนวณจำนวนข้อมูลที่เพิ่มรวมอยู่ในจำนวนเดียวของราคาขายปลีกที่รวมอยู่ในจำนวนเดียวของราคาขายปลีก ราคาขายปลีกของผลิตภัณฑ์น้ำมันแต่ละชนิดตามวรรคหนึ่ง ให้คำนวณตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดโดยกฎกระทรวง คำว่า “น้ำมันดิบ” หมายความว่า น้ำมันดิบตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมวันแอลอีเอ็นจีชนิดอื่นอย่างอื่น โดยจะกำหนดเงื่อนไขอย่างหนึ่งอย่างหนึ่งตามที่เห็นสมควรก็ได้ คำว่า “ผลิตภัณฑ์น้ำมัน” หมายความว่า น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล น้ำมันเตา เชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่น น้ำมันก๊าด น้ำมันหล่อลื่น น้ำมันอื่น ๆ ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันดิบ และผลิตภัณฑ์น้ำมันอื่น ทั้งนี้ เฉพาะสินค้าที่คณะกรรมการกลางกำหนดราคาสินค้านและป้องกันการผูกขาดได้กำหนดราคาขายปลีกไว้

มาตรา ๖๐/๗๓[313] รายการสำหรับการขายสินค้าการให้บริการ หรือการนำสินค้าที่ได้รับบัญญัติไว้ในส่วนนี้ ให้เป็นไปตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา และในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวกำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขใด ๆ เพื่อการคำนวณมูลค่าของฐานการสำหรับกิจการดังกล่าวด้วยก็ได้

ส่วน ๔

อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม

มาตรา ๖๐[314] ให้ใช้อัตราภาษีร้อยละ ๑๐.๐ ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการประกอบกิจการดังต่อไปนี้ ทั้งนี้ เว้นแต่กรณีที่กำหนดไว้ในมาตรา ๖๐/๐

(๑)

การขายสินค้า

(๒)

การให้บริการ

(๓)

การนำเข้า อัตราภาษีตามวรรคหนึ่ง ให้ลดลงได้โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกาแต่ต้องกำหนดอัตราภาษีให้เป็นอัตราภาษีเดียวกันสำหรับการขายสินค้า การให้บริการและการนำเข้าทุกกรณี

มาตรา ๖๐/๓๑๕[315] ให้ใช้อัตราภาษีร้อยละ ๐ ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการประกอบกิจการประเภทต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

(๑)

การส่งออกสินค้าที่ไม่ใช่การส่งออกสินค้าที่ต้องได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๖๑ (๑)

(๒)

การให้บริการที่กระทำในราชอาณาจักรและได้มีการใช้บริการนั้นในต่างประเทศ ตามประเภทราย หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในข้อยกเว้น การให้บริการที่กระทำในราชอาณาจักรและได้มีการใช้บริการนั้นในต่างประเทศ ให้รวมถึงการให้บริการที่กระทำในราชอาณาจักรและได้มีการใช้บริการนั้นในต่างประเทศเพื่อผลิต และการให้บริการที่กระทำในราชอาณาจักรเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อส่งออกด้วย[316]

(๓)

[317] การให้บริการส่งระหว่างประเทศโดยอากาศยานหรือเรือเดินทะเลที่กระทำโดยผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคล

(ด)

การขายสินค้าหรือการให้บริการกับกระทรวง ทบวง กรม ราชการส่วนท้องถิ่นหรือรัฐวิสาหกิจตามโครงการเงินกู้เงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี

(ฉ)

(318) การขายสินค้าหรือการให้บริการให้แก่

(ก)

องค์การสหประชาชาติ ทบวงการชำนัญพิเศษของสหประชาชาติ สถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุลใหญ่ สถานกงสุล

(ข)

องค์การระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีพันธกรณีตามความตกลงที่จะต้องปฏิบัติเช่นเดียวกับสมาชิกองค์การดังกล่าว องค์การระหว่างประเทศที่มีความร่วมมือกับรัฐบาลไทยเพื่อประโยชน์แก่ประชาชน

(ค)

สำนักงานเศรษฐกิจและการค้าของต่างประเทศที่ตั้งขึ้นในประเทศไทยตามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลต่างประเทศ ทั้งนี้ เฉพาะการขายสินค้าหรือการให้บริการที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด

(ช)

การขายสินค้าหรือการให้บริการระหว่างคลังสินค้าทัณฑ์บนกับคลังสินค้าทัณฑ์บนหรือระหว่างผู้ประกอบการกับผู้ประกอบการที่ประกอบกิจการอยู่ในเขตปลอดอากร ไม่ว่าจะอยู่ในเขตเดียวกันหรือไม่ หรือระหว่างคลังสินค้าทัณฑ์บนกับผู้ประกอบการที่ประกอบกิจการอยู่ในเขตปลอดอากร หรือระหว่างผู้ประกอบการที่ประกอบกิจการอยู่ในเขตปลอดอากรกับผู้ประกอบการที่ประกอบกิจการอยู่ในเขตปลอดอากร ทั้งนี้ เฉพาะการขายสินค้าหรือการให้บริการที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด(319) คลังสินค้าทัณฑ์บนหรือเขตปลอดอากร ให้หมายความถึงคลังสินค้าทัณฑ์บนตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร

มาตรา 80/3(320) ให้ใช้อัตราภาษีร้อยละ 2.5 ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการในราชอาณาจักร ซึ่งกิจการดังกล่าวต้องคำนวณเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/1

อัตราภาษีตามวรรคหนึ่ง ให้ลดลงได้โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกาแต่ต้องกำหนดอัตราภาษีให้เป็นอัตราภาษีเดียวกันสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการทุกกรณี

ส่วน 5

การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม

มาตรา 81(321) ให้ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการประกอบกิจการประเภทต่าง ๆ ต่อไปนี้

(ก)

การขายสินค้าที่ได้จากการเพาะปลูก หรือการให้บริการดังต่อไปนี้

(ข)

การขายสินค้าหรือการให้บริการของกระทรวง ทบวง กรม ราชการส่วนท้องถิ่น ใน ปลอก หน่วย ราช เหล่า องค์ กอง พล องค์การของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ และสถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่มิได้มีวัตถุประสงค์ในการแสวงหากำไร หรือธนาคารแห่งประเทศไทย หรือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน หรือองค์การมหาชน หรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีกฎหมายจัดตั้งขึ้น ทั้งนี้ เฉพาะการขายสินค้าหรือการให้บริการที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง หรือที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด เป็นสินค้าหรือวิธีอื่น ข้าวสารหรือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการสีข้าว แต่ไม่รวมถึงไม้ซุง ฟืน หรือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการเลื่อยไม้หรือผลิตภัณฑ์จากการที่บรรจุภัณฑ์ป้อง ภาชนะหรืออื่นที่มิใช่เป็นอุตสาหกรรม ตามลักษณะ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด

(ข)

การขายสัตว์ ไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต และในกรณีสัตว์ไม่มีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเนื้อ อวัยวะต่าง ๆ ของสัตว์ ไข่ น้ำนม และวัตถุพลอยได้จากสัตว์ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับ สภาพของกิจการตามกฎหมายไม่มีผลใช้บังคับการควบคุมในระบบทางอุตสาหกรรมเย็น แช่ เย็นแบบแห้ง หรือด้วยการจัดทำรูปแบบอื่นโดยวิธีการอื่น หรือรักษาสภาพไม่ให้เน่าเสีย เพื่อการขายสินค้าหรือขายสัตว์วัตถุพลอยได้ แต่ยกเว้นเนื้อ น้ำนม ให้หมายถึง หรือวิธีการอื่นไม่รวมถึงผลิตภัณฑ์จากการที่บรรจุภัณฑ์ป้อง ภาชนะ หรืออื่นที่มิใช่เป็น อุตสาหกรรม ตามลักษณะ และ เงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด

(ค)

การขายปุ๋ย

(ง)

การขายปลาป่น อาหารสัตว์

(จ)

การขายยา หรือเคมีภัณฑ์ที่ใช้สำหรับพืชหรือสัตว์ เนื่องบำรุงรักษา ป้องกัน ทำลายหรือกำจัดศัตรูหรือโรคของพืชและสัตว์

(ฉ)

การขายหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือตำราเรียน

(ช)

การให้บริการการศึกษาของสถานศึกษาของทางราชการ สถาน ศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยสถานศึกษาเอกชน หรือโรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่า ด้วยโรงเรียนเอกชน

(ซ)

การให้บริการที่เป็นทางทางศิลปะและวัฒนธรรมโบราณ และ ลักษณะการประกอบกิจการที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี

(ฌ)

การให้บริการประกอบโรคศิลปะ การสอบบัญชี การทำความ หรือการประกอบวิชาชีพอิสระอื่นตามที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี ทั้งนี้ เฉพาะ วิชาชีพอิสระที่มีกฎหมายควบคุมการประกอบวิชาชีพอิสระนั้น

(ญ)

การให้บริการรักษาพยาบาลของสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล

(ฎ)

การให้บริการวิจัย หรือการให้บริการทางวิชาการ ทั้งนี้ ในสาขา และลักษณะการประกอบกิจการที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี

(ฏ)

การให้บริการห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์

(ฐ)

การให้บริการสหกรณ์บางประเภท

(ฑ)

การให้บริการจัดแข่งขันกีฬาสมัครเล่น

(ฒ)

การให้บริการของแสดงสาธารณะ ทั้งนี้ เฉพาะการใน สาขาและลักษณะการประกอบกิจการที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี

(ณ)

การให้บริการขนส่งในราชอาณาจักร

(ล)

การให้บริการขนส่งระหว่างประเทศ ซึ่งมิใช่เป็นการขนส่งโดยอากาศยานหรือเรือเดินทะเล

(ฬ)

การให้บริการห้องสมุดหรือทรัพย์

(อ)

การให้บริการของราชการส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้ ไม่รวมถึงบริการที่เป็นการขายสินค้าของราชการส่วนท้องถิ่น หรือเป็นการหารายได้หรือผลประโยชน์ไม่ว่าอย่างใดจากราชการส่วนภูมิภาคหรือไม่ก็ตาม

(ฮ)

การขายสินค้าหรือการให้บริการของกระทรวง ทบวง กรม ซึ่งส่งรายรับทั้งสิ้นให้แก่รัฐโดยไม่หักรายจ่ายใด ๆ

(ษ)

การขายสินค้าหรือการให้บริการเพื่อประโยชน์แก่การศาสนาหรือการสาธารณกุศลภายในประเทศ ซึ่งไม่มุ่งหาผลกำไรไปจ่ายในทางอื่น

(ณ)

การขายสินค้าหรือการให้บริการตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา

(๒)

การนำเข้าสินค้าดังต่อไปนี้

(ก)

สินค้าตาม (๑) (ก) ถึง (ฉ)

(ข)

(322) สินค้าจากต่างประเทศที่นำเข้าไปในเขตปลอดอากร ทั้งนี้ เฉพาะสินค้าที่ได้รับยกเว้นอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร

(ค)

สินค้าที่จำแนกประเภทไว้ภายใต้กฎหมายว่าด้วยอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร

(ง)

สินค้าที่นำเข้าและอยู่ในอารักขาของศุลกากร แล้วได้ส่งกลับออกไปต่างประเทศ โดยได้คืนอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร

(จ)

การส่งออกซึ่งสินค้าหรือบริการของผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๗๒/๑๖ การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการประกอบกิจการตามมาตรานี้ อธิบดีจะเสนอให้คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรพิจารณาออกคำสั่งกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขในการประกอบกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มได้ และเมื่อคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรได้วินิจฉัยแล้ว ให้ประกาศคำสั่งของอธิบดีกรมสรรพากรดังกล่าวในราชกิจจานุเบกษา และให้ถือว่าคำสั่งดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายนี้ และเมื่อมีการประกาศคำสั่งดังกล่าวแล้วจะไม่ใช้บังคับคำสั่งที่ขัดหรือแย้งกับคำสั่งดังกล่าว การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรานี้ จะนำมาใช้บังคับกับการขายสินค้าหรือการให้บริการที่มีมูลค่าของการขายสินค้าหรือการให้บริการในกิจการแต่ละประเภทไม่เกิน ๑๘๐,๐๐๐ บาทต่อปี พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่ ออกคำแถลงนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ทั้งนี้ แต่ในกรณีมูลค่าของฐานภาษีที่กำหนดต่อปีไม่เกินกว่า ๑๐๐,๐๐๐ บาทต่อปี

มาตรา ๘๗/๓[๓๒๔] กิจการใดได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามส่วนนี้ หรือ ตามกฎหมายอื่น ให้ผู้ประกอบการได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามหมวดนี้ แต่ต้องถือว่าเหตุ ให้ผู้ประกอบการต้องจัดทำรายงานตามส่วน ๑๑ ก็ได้

มาตรา ๘๗/๔[๓๒๕] ผู้ประกอบการซึ่งประกอบกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษี มูลค่าเพิ่มต่อไปนี้ มีสิทธิเสนอขอคืนตามแบบที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดเพื่อขอคืนจำนวนภาษี มูลค่าเพิ่มและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามหมวดนี้ได้ โดยต้องคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๔/๓

(๑)

กิจการขายสินค้าตามที่ระบุไว้ในมาตรา ๘๐ (๑) ถึง (๔)

(๒)

กิจการขายของย่อยมาตรา ๘๔/๑

(๓)

กิจการอื่นตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา เมื่อผู้ประกอบการตามวรรคหนึ่ง ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๔/๑ (๒) แล้ว ผู้ประกอบการดังกล่าวจะเลิกเสียภาษีมูลค่าเพิ่มได้ต่อเมื่อได้แจ้งขอถอน ทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๔/๑ (๓) และอธิบดีได้สั่งถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม แล้ว

ส่วน ๖

ผู้มีหน้าที่เสียภาษีและการคำนวณภาษี

มาตรา ๘๗/๕[๓๒๖] ให้บุคคลดังต่อไปนี้ เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มตาม บทบัญญัติในหมวดนี้

(๑)

ผู้ประกอบการ

(๒)

ผู้นำเข้า

มาตรา ๘๗/๖[๓๒๗] เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้บุคคล ดังต่อไปนี้เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย

(๑)

ในกรณีที่ผู้ประกอบการอยู่นอกราชอาณาจักรและได้ขายสินค้าหรือให้ บริการในราชอาณาจักรเป็นนิติบุคคลโดยมีตัวแทนอยู่ในราชอาณาจักร ได้แก่ ตัวแทนดัง กล่าว

(๒)

ในกรณีการขายสินค้าหรือการให้บริการที่ได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มใน อัตราร้อยละ ๐ ตามมาตรา ๘๐/๑ (๔) ซึ่งกิจการดังกล่าวได้มีการโอนกรรมสิทธิ์สินค้าหรือโอน สิทธิบริการนั้นในราชอาณาจักร ให้ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการในราชอาณาจักรเป็นผู้มี หน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในกรณีดังกล่าวแทนผู้ประกอบการนอกราชอาณาจักร สถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุลใหญ่ สถานกงสุล ได้แก่ ผู้รับโอน สินค้าหรือผู้รับโอนสิทธิในบริการดังกล่าว

(๓)

ในกรณีที่ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนไว้ในราชอาณาจักรขายสินค้าที่ได้รับ ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนไว้ในราชอาณาจักรตามมาตรา ๘๔/๑ (๒) (ก) สินค้าที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๔/๑ (๒) (ก) ต้องเป็นสินค้าที่ได้มีการผลิตใน ราชอาณาจักร ได้แก่

(ก)

ผู้ที่มีความรับผิดตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร

(ข)

ผู้รับโอนสินค้า ถ้ามีการโอนสินค้าดังกล่าว

(ค)

ในกรณีที่มีการความข้างต้น ได้แก่ ผู้ค้าภายในนั้นและผู้ประกอบการใหม่

(ง)

ในกรณีโอนกิจการ ได้แก่ ผู้โอนและผู้รับโอน

มาตรา ๘๒/๓๒๙ ในกรณีผู้ประกอบการอยู่ในอาคารจัด ให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการรายงานกิจการ รวมตลอดถึงคู่ค้า ลูกจ้าง หรือผู้ทำการแทนที่มี

อำนาจในการจัดการแทนโดยตรงหรือโดยปริยายที่อยู่ในอาคารจัด เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในฐานะบุคคลธรรมดา

มาตรา ๘๒/๓๓๐ ภายใต้มาตรา ๘๒/๕ มาตรา ๘๒/๖ และมาตรา ๘๒/๑๒ ให้ผู้ประกอบการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มโดยคำนวณจากการซื้อขายทั้งด้วยภาษี

ซื้อในแต่ละเดือนภาษี หากการซื้อขายมากกว่าการซื้อ ให้ผู้ประกอบการชำระภาษีที่ค้างส่วนต่างนั้น หากการซื้อขายมากกว่าการขาย ให้คืนเครดิตภาษีและให้ผู้ประกอบการนั้นมีสิทธิได้รับคืนภาษีหรือชำระเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มได้ตามส่วน ภาษีซื้อที่ไม่ได้หักในในการคำนวณภาษีในเดือนภาษีอาจรวมหนึ่งเพราะมีเหตุอันสมควรก่อนสิ้นกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม ในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษีในเดือนภาษ

(๑)

กรณีไม่มีใบกำกับภาษีหรือไม่อาจแสดงใบกำกับภาษีได้ว่าการชำระภาษีซื้อ นั้นแต่ละใบกรณีมีเหตุอันสมควรตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด

(๒)

กรณีใบกำกับภาษีมีข้อความไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด

(๓)

ภาษีซื้อที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบกิจการของผู้ประกอบการตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด

(๔)

ภาษีซื้อที่เกิดจากรายจ่ายเพื่อการรับรองหรือเพื่อการมีสัมพันธนะที่ทำจนเกินกว่ามูลค่าตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด

(๕)

ภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีซื้อออกโดยผู้ที่ไม่มีสิทธิออกใบกำกับภาษีตามส่วน ๑๐

(๖)

ภาษีซื้อจากที่ซื้อสินค้าหรือบริการตามที่รัฐมนตรีกำหนด

มาตรา ๘๗/๓๒[332] ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนประกอบกิจการทั้งประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และผู้ประกอบการจดทะเบียนได้สินค้าหรือบริการที่ได้มาหรือได้รับมาในการประกอบกิจการของตนไปใช้หรือจะใช้ในการทั้งสองประเภท ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนแยกส่วนที่ต้องนำมาหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๗/๑ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด

มาตรา ๘๗/๓๓[333] ในการขายยานพาหนะตามประเภทของที่ต้องตีราคาใหม่ โดยอนุมัติของรัฐมนตรีตามมาตรา ๘๗/๔ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากราคาขายที่ตีราคาใหม่ตามมาตรา ๘๗/๔ (๒) ของส่วน ๔ และอัตราภาษีตามส่วน ๔ สำหรับการขายทุกทอด

มาตรา ๘๗/๓๔[334] ในการขายน้ำมันลับและผลิตภัณฑ์น้ำมันตามมาตรา ๘๗/๕ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อ โดยให้คำนวณจากราคาขายตามมาตรา ๘๗/๕ (๒) (ก) หรือ (ข) ของส่วน ๓ และอัตราภาษีตามส่วน ๔ สำหรับการขายทุกทอด

มาตรา ๘๗/๓๕[335] ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนขายสินค้าหรือให้บริการและได้มีการกำหนดราคาขายปลีกหรือราคาขายส่งสินค้าหรือบริการนั้นตามมาตรา ๘๗/๖ แล้ว ต้องหักภาษีมูลค่าเพิ่มออกจากราคาขายปลีกหรือราคาขายส่งสินค้าหรือบริการนั้นตามมาตรา ๘๗/๖ และต้องแสดงราคาขายปลีกหรือราคาขายส่งสินค้าหรือบริการนั้นในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออกในใบกำกับภาษีที่ออก in

อธิบายคำ�หนด ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้รับใบกำกับภาษีนี้ นำค่าภาษีมูลค่าเพิ่มที่ปรากฏตามใบเพิ่มนี้ดังกล่าวมาหักออกในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยให้อธิบายการซื้อของตนในเดือนภาษีที่ได้รับใบเพิ่มนี้นั้น

มาตรา ๗๖/๙๐[336] ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนขายสินค้าหรือให้บริการและได้เข้ามารายจ่ายไปรวมค่าภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๗๖/๙๐ แล้ว ต่อมาหากมีเหตุการณ์อย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้เกิดขึ้น อันเป็นเหตุให้ภาระที่คำนวณจากมูลค่าสินค้าหรือบริการดังกล่าวลดลงไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนดังกล่าวนำจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ลดลงจากมูลค่าสินค้าหรือบริการที่ลดลงนั้นมาหักออกจากรายจ่ายของตนในเดือนภาษีที่ได้ออกใบลดหนี้ตามมาตรา ๖๕/๙๐

(ก)

มีการลดราคาสินค้าที่ขายเนื่องจากสินค้าดังกล่าวตกลงกัน สินค้าชำรุดเสียหาย หรือขาดจำนวน คำนวณราคาสินค้าผิดพลาดสูงกว่าที่เป็นจริง หรือเนื่องจากเหตุอื่นตามที่อธิบายกำหนด

(ข)

มีการลดราคาค่าบริการเนื่องจากการให้บริการดังกล่าวตกลงกัน บริการขาดจำนวน คำนวณราคาค่าบริการผิดพลาดสูงกว่าที่เป็นจริง หรือเนื่องจากเหตุอื่นตามที่อธิบายกำหนด

(ค)

ได้รับสินค้าที่ขายคืนกลับเนื่องจากสินค้าชำรุดบกพร่อง ไม่ตรงตามตัวอย่าง ไม่ตรงตามคำพรรณนา หรือเนื่องจากเหตุอื่นตามที่อธิบายกำหนด

(ง)

มีการขนสินค้าสูญหายหรือเสียหายเนื่องจากเหตุอื่น กำหนด ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้รับใบลดหนี้นี้ นำค่าภาษีมูลค่าเพิ่มที่ปรากฏตามใบลดหนี้ดังกล่าวมาหักออกจากการซื้อของตนในเดือนภาษีที่ได้รับใบลดหนี้นั้น

มาตรา ๗๖/๙๐[337] ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนขายสินค้าหรือให้บริการและได้เข้ามารายจ่ายไปรวมค่าภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๗๖/๙๐ แล้ว ต่อมาหากมีเหตุบังคับต้องการขายสินค้าหรือการให้บริการ และการขายที่มีเหตุบังคับกล่าวได้เป็นไปตามกฎหมาย หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบายกำหนด ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนนำจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ลดลงจากมูลค่าสินค้าหรือบริการดังกล่าวมาหักออกจากรายจ่ายของตนในเดือนภาษีที่ได้มีการจำหน่ายที่มีเหตุบังคับ

การจำหน่ายส่วนหนึ่งส่วนใดที่มีเหตุบังคับออกจากการขายสินค้าหรือการให้บริการนั้น ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบายกำหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบายกำหนด ให้ถือว่าผู้ประกอบการจดทะเบียนที่มีเหตุบังคับต้องการขายสินค้าหรือการให้บริการดังกล่าวเป็นการขายสินค้าหรือการให้บริการที่ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม

มาตรา ๗๖/๙๐[338] ในการขายสินค้าหรือการให้บริการที่ได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ ๐ ตามมาตรา ๖๕/๙๐ (๔) และมาตรา ๖๕/๙๐ (๕) และต่อมามีการขายสินค้าหรือบริการในลักษณะเดียวกันในอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ผู้รับใบกำกับภาษีหรือผู้รับใบรับบริการที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนนำค่าภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๖๕/๙๐ เสียภาษี

มูลค่าเพิ่มเมื่อความรับผิดในการเสียภาษีเกิดขึ้น โดยให้คำนวณจากฐานภาษีตามมาตรา 77/1 (4) ของส่วน 3 และอัตราภาษีตามมาตรา 80

มาตรา 77/1(339) ในกรณีที่ผู้ประกอบการที่อยู่ในราชอาณาจักรและได้เข้ามาประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรนั้นเป็นที่รู้จักว่าโดยไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งควรตามมาตรา 77/1 หรือในกรณีที่ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการจากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร ให้ผู้ประกอบการดังกล่าวเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและชำระภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อความรับผิดในการเสียภาษีเกิดขึ้น โดยให้คำนวณจากฐานภาษีตามส่วน 3 และอัตราภาษีตามมาตรา 80 หรือมาตรา 80/1 แล้วแต่กรณี

ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับกรณีผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรโดยผู้ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน ในกรณีเช่นว่านี้ ให้ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์นั้นมีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มโดยคำนวณจากราคาขาย โดยไม่ให้นำภาษีซื้อ ทั้งนี้ ให้ผู้ประกอบการดังกล่าวยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีตามมาตรา 83/6(340) ในกรณีผู้ประกอบการตามวรรคสอง ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม โดยมีการชำระภาษีเมื่อสิ้นเดือนถัดจากเดือนที่เสนอการให้บริการ การชำระค่าสินค้า การส่งมอบบริการ และการยื่นใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ตามที่กำหนด ให้ผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มนั้นมีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในฐานะผู้ประกอบการที่ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์รายรวมกัน โดยไม่ต้องแยกรายละเอียดการให้บริการแก่ผู้ประกอบการแต่ละราย และให้ผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มนั้นมีหน้าที่แสดงรายการรับและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามที่กำหนด(341)

มาตรา 77/1(342) ให้ผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการที่มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มและต้องการเพิ่มราคาสินค้าเพื่อให้ครอบคลุมภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ถือว่าผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการนั้นได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ในราคาสินค้าหรือบริการนั้นแล้ว เว้นแต่จะได้แสดงไว้เป็นอย่างอื่น

มาตรา 77/1(343) ในกรณีนำสินค้าที่นำเข้ามาประเทศไทยไว้ในภาคส่วนนำของที่ได้รับยกเว้นจากอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร และภายหลังได้มีการโอนกรรมสิทธิ์ในสินค้านั้นเป็นเหตุให้ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ผู้รับโอนสินค้านั้นที่เกี่ยวข้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/1 (2) (1) เสียภาษีมูลค่าเพิ่มและชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น โดยให้คำนวณจากฐานภาษีตามมาตรา 77/1 (2) ของส่วน 3 และอัตราภาษีตามมาตรา 80

มาตรา 77/1(344) เพื่อความชอบด้วยกฎหมายให้ผู้ประกอบการ ซึ่งประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/1 (2) แต่ในกรณีที่ผู้ประกอบการดังกล่าวมิได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ผู้ประกอบการดังกล่าวเสียภาษีมูลค่าเพิ่มโดยคำนวณจากฐานภาษีในเดือน ถามอัตราภาษีตามมาตรา 80/1

ในการคำนวณฐานภาษีตามวรรคหนึ่ง มีให้มาตรา 77/1 วรรคสาม (3) มาใช้บังคับ ร้านมิให้ผู้ประกอบการตามวรรคหนึ่งซึ่งได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการตามมาตรา ๗๗/๔ หรือออกใบกำกับภาษี

มาตรา ๘๕/๑๖(๓๔๕) บัญญัติสืบมาตรา ๘๕/๑๕ มิให้เป็นการห้ามผู้ประกอบการที่จะใช้สิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามที่กำหนดในมาตรา ๗๗/๒ แต่เมื่อใช้สิทธิดังกล่าวแล้วจะขอให้นำมาตรา ๘๕/๑๖ มาใช้บังคับอีกไม่ได้

มาตรา ๘๕/๑๗(๓๔๖) ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่มีสิทธิยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๕/๑๖ แล้วให้ยื่นอัตราภายในกรณีและภายในกำหนดเวลาดังต่อไปนี้

(ก)

สำหรับผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประสงค์จะขอเปลี่ยนภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๕/๑๖ ให้แจ้งต่ออธิบดีตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด

(ข)

สำหรับผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งต้องมีมูลค่าของฐานภาษีสินค้าว่างมูลค่าของฐานภาษีตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามความในมาตรา ๘๕/๑๖ ให้แจ้งต่ออธิบดีภายในกำหนดวันที่สินค้ามีมูลค่าของฐานภาษีเกินกว่ามูลค่าของฐานภาษีตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกานั้น ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนตามวรรคหนึ่ง เสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๕/๓ และไม่มีสิทธิกลับมาขอเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๕/๑๖ อีกต่อไป ในการคำนวณเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามวรรคสอง ห้ามมิให้ผู้ซื้อที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นขายสินค้าหรือให้บริการออกใบกำกับภาษีที่ระบุภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๕/๑๖ มาให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๕/๓

ส่วน ๗

การยื่นแบบและการชำระภาษี

มาตรา ๘๗(๓๔๗) ภายใต้บังคับมาตรา ๘๗/๑ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนยื่นแบบแสดงรายการภาษีตามแบบที่อธิบดีกำหนด โดยให้ยื่นเป็นรายเดือนภาษีพร้อมกับชำระภาษีดังกล่าว ไม่ว่าจะได้ขายสินค้าหรือให้บริการในเดือนภาษีนั้นหรือไม่ก็ตาม

การยื่นแบบแสดงรายการภาษีและการชำระภาษีสำหรับเดือนภาษีใด ให้ยื่นภายในวันกำหนดเสร็จสิ้นในเดือนถัดไป เว้นแต่มีเงื่อนไขกำหนดเป็นอย่างอื่น การยื่นแบบแสดงรายการภาษีและการชำระภาษี ให้ยื่นและชำระ ณ ที่ว่าการอำเภอที่มีที่ตั้งสถานประกอบการของผู้ยื่น ทั้งนี้ เว้นแต่มีเงื่อนไขกำหนดเป็นอย่างอื่น ถ้าผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสถานประกอบการหลายแห่ง การยื่นแบบแสดงรายการภาษีและการชำระภาษีให้ยื่นและชำระ ณ ที่ว่าการอำเภอที่มีที่ตั้งสถานประกอบการที่เป็นสำนักงานใหญ่ และกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่มีสถานประกอบการในราชอาณาจักร ให้ยื่นและชำระ ณ ที่ว่าการอำเภอที่อธิบดีกำหนด การยื่นแบบแสดงรายการภาษีและการชำระภาษีตามวรรคสี่ ให้ยื่นปฏิบัติตามเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนดเป็นแต่ไม่เกินเงื่อนไข ในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีตามวรรคหนึ่ง หากมีเครดิตภาษีหรือมีภาษีที่ต้องขอคืนให้ดำเนินการตามส่วน ๔

มาตรา ๖๗/๓(๓๔๘) สำหรับกิจการบางประเภทและหรือบางขนาด ซึ่งผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นบุคคลธรรมดา อาจตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีล่วงหน้าช่วงเวลาภาษี โดยให้แต่ละช่วงเวลาภาษีมีกำหนดไม่เกินสามเดือนก็ได้

และเพื่อประโยชน์ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับกิจการตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าช่วงเวลาภาษีแต่ละช่วงตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกานั้นเป็นเดือนภาษีสำหรับกิจการนั้น ๆ

มาตรา ๖๗/๓(๓๔๙) เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีตามมาตรา ๗๒/๑ (๑) (ค) (๔) หรือ (๗) และมาตรา ๗๒/๒ (๕) ที่มิได้ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีในเดือนกำหนดการจดทะเบียน

มาตรา ๖๗/๓(๓๕๐) ให้บุคคลดังต่อไปนี้เป็นผู้มีหน้าที่ในการยื่นแบบแสดงรายการการยื่นแบบหรือร่วมกับผู้ประกอบการจดทะเบียน

(๑)

ในกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ ได้แก่ ผู้ปกครองหรือผู้พิทักษ์ แล้วแต่กรณี

(๒)

ในกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นผู้ที่ศาลสั่งให้เป็นบุคคลธรรมดาซึ่งถึงแก่ความตาย ได้แก่ ผู้จัดการมรดกหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินของผู้ตาย

(๓)

ในกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นคนที่ศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ ได้แก่ ผู้ปกครองหรือผู้พิทักษ์ของบุคคลดังกล่าว

(๔)

ในกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ได้แก่ กรรมการ ผู้จัดการ ผู้จัดการ หรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการ

(๕)

ในกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเลิกกิจการที่ยังมีการชำระบัญชี ได้แก่ ผู้ชำระบัญชีของกรรมการ ผู้จัดการ ผู้จัดการ หรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการ ซึ่งยังดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนนิติบุคคลนั้น

มาตรา ๖๗/๓(๓๕๑) ในกรณีส่วน ๑๓ และส่วน ๑๔ ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนยื่นแบบแสดงรายการภาษีไว้ไม่ถูกต้องหรือไม่ว่าการลดลดคล้อยหรือเพิ่มให้เหตุให้จำนวนภาษีในเดือนภาษีเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ก็ตาม ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนยื่นแบบแสดงรายการภาษีเพิ่มเติมหรือแก้ไขให้ถูกต้องตามความจริง โดยยื่น ณ สถานที่ที่กำหนดในส่วน ๑๓ หรือส่วน ๑๔ แล้วแต่กรณี

มาตรา ๖๗/๓(๓๕๒) ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนยื่นแบบแสดงรายการภาษีไม่ถูกต้องหรือไม่ว่าการลดลดคล้อยหรือเพิ่มให้เหตุให้จำนวนภาษีในเดือนภาษีเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ก็ตาม ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนยื่นแบบแสดงรายการภาษีเพิ่มเติมหรือแก้ไขให้ถูกต้องตามความจริง โดยยื่น ณ สถานที่ที่กำหนดในส่วน ๑๓ หรือส่วน ๑๔ แล้วแต่กรณี

ให้ผู้จดตลาดที่เป็นส่วนราชการ ออกใบเสร็จรับเงินให้กับผู้ซื้อในการขายทอดตลาด และจัดทำลำดับให้กับผู้ประกอบการจดทะเบียนที่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มให้เป็นหลักฐาน ในกรณีที่ส่วนราชการขายทรัพย์สินของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ถูกยึดมาตามกฎหมายโดยวิธีอื่นนอกจากการขายทอดตลาด ให้ถือความในมาตรานี้มาใช้บังคับโดยอนุโลม ในเสร็จรับเงินที่ส่วนราชการออกให้ตามวรรคสาม และวรรคสี่ ให้ถือเป็นใบกำกับภาษี วันแต่ในเสร็จรับเงินที่ส่วนราชการออกให้ในการขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องเสียภาษีตามมาตรา ๗๗/๒๑ ไม่ให้ถือเป็นใบกำกับภาษี

มาตรา ๗๗/๒๓(๓๕๓) เมื่อมีการชำระราคาสินค้าหรือราคาค่าบริการให้กับผู้ประกอบการดังต่อไปนี้ ให้ผู้ขายสินค้าหรือค่าบริการที่นำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการนั้นทำเสียภาษี

(๑)

ผู้ประกอบการที่อยู่ภายการจดทะเบียนซึ่งได้สินค้าประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรนั้นการชำระราคา และไม่ได้ตายเป็นเงินภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการชำระราคาตามมาตรา ๘๔/๓

(๒)

[๓๕๔] ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการจากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร ทั้งนี้ เฉพาะ

(๓)

ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน

(๔)

ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการอื่นนอกจากการบริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ทุกกรณี

(๕)

ผู้ประกอบการอื่นตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา ให้บังคับมาตรา ๘๔/๒ วรรคสอง มาใช้บังคับ

มาตรา ๘๔/๓[๓๕๕] ในการขายสินค้าหรือการให้บริการที่ได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ ๐ ให้ผู้รับโอนสินค้าหรือผู้รับโอนสิทธิในบริการ ที่จ่ายเงินค่าสินค้าหรือค่าบริการที่ได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๔/๒ เป็นผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น โดยถือเป็นการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มเติม ณ ที่การออกใบกำกับภาษีมูลค่าแทน

ให้บังคับมาตรา ๘๔/๒ วรรคสอง มาใช้บังคับ

มาตรา ๘๔/๓[๓๕๖] ภายใต้บังคับมาตรา ๘๔/๓ ให้ผู้ขายสินค้าที่มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในกรณีที่มีการขายสินค้าหรือให้บริการที่ได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ ๐ โดยให้ถือเป็นการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มเติม ณ ที่การออกใบกำกับภาษีมูลค่าแทน

ในกรณีที่ผู้ขายสินค้าหรือให้บริการดังกล่าวมิได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน ให้ผู้ขายสินค้าหรือให้บริการดังกล่าวต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ ๐ ของมูลค่าของสินค้าหรือค่าบริการที่ได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มเติม ณ ที่การออกใบกำกับภาษีมูลค่าแทน หรือ ณ ที่การออกใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มเติมที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้ วิธีการประกันและการขอประกัน ให้กระทำได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี ในการนำสินค้าที่จำหน่ายในประเทศไปประกาศว่าอันตรายหรือของที่ได้รับยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิธีการศุลกากร ซึ่งใช้เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 81 (2) (ค) ที่ขายสินค้าภายในเขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิธีการศุลกากรให้ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีตามมาตรา 77/2 (3) (ค) นี้ นับเป็นสินค้าที่จะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อมกับการชำระอากรนำเข้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร

มาตรา 87/90 (358) ในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม

(ก)

สำหรับสินค้าที่นำเข้า ให้กรมศุลกากรเรียกเก็บพร้อมภาษีสรรพากร และในกรณีของอากรตามมาตรา 77/2 (2) ให้กรมศุลกากรทำการเสียภาษีเพิ่มพร้อมเรียกปรับเงินเพิ่มเพื่อทราบสรรพากรตามหลักเกณฑ์ที่อธิบดีกำหนด

(ข)

สำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิตด้วย ให้กรมสรรพสามิตเรียกเก็บพร้อมภาษีสรรพากร

ส่วน 8

เครดิตภาษีและการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม

มาตรา 84 (359) เครดิตภาษีที่เหลืออยู่ในแต่ละเดือนภายหลังจากการคำนวณภาษีตามมาตรา 83/4 ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสิทธินำไปขอเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มได้ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดโดยพระราชบัญญัติ หรือมีสิทธิขอคืนพร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 83/4 หรือมาตรา 83/6 หรือในเดือนที่การยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มกระทำด้วยแบบแสดงรายการภาษีไม่ถูกต้องตามมาตรา 83/4 (ค) ให้มีสิทธิขอคืนพร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเพิ่มเติม

มาตรา 87/90 (360) การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการให้กระทำได้ตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้

(ก)

การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้ออกใบกำกับภาษี ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสิทธิขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้เฉพาะในส่วนที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้ชำระภาษีมูลค่าเพิ่มในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าหรือการให้บริการนั้น

(ข)

การขายสินค้าหรือการให้บริการในกรณีอื่น ให้ยื่นคำร้องขอคืนภายในสามปีนับแต่วันที่ได้ชำระภาษี คำร้องขอคืนภาษีให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีกำหนด ในกรณีที่ผู้ขอคืนภาษีเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน ให้ยื่นคำร้องขอคืนภาษี ณ ที่ทำการสรรพากรท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ และถ้าผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสถานประกอบการหลายแห่ง ให้ยื่นคำร้องขอคืนภาษีเป็นรายสถานประกอบการ ทั้งนี้ เว้นแต่ผู้ประกอบการจดทะเบียนดังกล่าวได้รับอนุมัติให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีรวมกัน ก็ให้ยื่นคำร้องขอคืนภาษีรวมกัน ณ ที่ทำการสรรพากรท้องที่ หรือ ณ สถานที่ซึ่งอธิบดีกำหนด ตามมาตรา 84 วรรคสอง และในกรณีที่ผู้ขอคืนภาษีมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน ให้ยื่นคำร้องขอคืนภาษี ณ ที่ทำการสรรพากรท้องที่ที่ผู้ขอคืนภาษีมีภูมิลำเนาอยู่ตามมาตรา 56/3(361) การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับกรณีต่าง ๆ ให้กระทำได้ตามเงื่อนไขดังนี้

(ก)

ในกรณีผู้ขนส่งซึ่งซื้อโดยมีข้อความตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรหรือเป็นคดีในคดี การขอคืนภาษีให้กระทำภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งหรือรับรู้ข้อวินิจฉัยซื้อโดยมีข้อความว่าเข้าเป็นหนังสือ หรือวันเดียวกันที่ศาลพิพากษาถึงที่สุด แล้วแต่กรณี

(ข)

ในกรณีผู้ขนส่งซึ่งซื้อโดยมีข้อความตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรหรือเป็นคดี การขอคืนภาษีให้กระทำภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งหรือรับรู้ข้อวินิจฉัยซื้อโดยมีข้อความว่าเข้าเป็นหนังสือ หรือวันเดียวกันที่ศาลพิพากษาถึงที่สุด แล้วแต่กรณี คำร้องขอคืนภาษีตามมาตรา 81 ให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีกำหนด ในกรณีผู้ขอคืนภาษีเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน ให้ยื่นคำร้องขอคืน ณ ที่ทำการสรรพากรท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ และถ้าผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสถานประกอบการหลายแห่ง ให้ยื่นคำร้องขอคืนภาษีเป็นรายสถานประกอบการ ทั้งนี้ เว้นแต่ผู้ประกอบการจดทะเบียนดังกล่าวได้รับอนุมัติให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีรวมกัน ก็ให้ยื่นคำร้องขอคืนภาษีรวมกัน ณ ที่ทำการสรรพากรท้องที่ หรือ ณ สถานที่ซึ่งอธิบดีกำหนด

มาตรา 84/3(362) การคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ผู้ได้รับคืนภาษีได้รับออกเช็คตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา 7 ทศ

มาตรา 84/3(363) ให้อธิบดีมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้ผู้คืนทางออกไปบอกราชอาณาจักรหรือสิ่งสินค้าจากผู้ประกอบการจดทะเบียนเพื่อนำออกไปบอกราชอาณาจักรขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไปแล้วได้

ส่วน 9

การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

มาตรา 84/3(364) ผู้ประกอบการซึ่งจะเริ่มประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการ ให้ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด

คำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีกำหนดและยื่นต่อเจ้าพนักงานสรรพากรท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ ถ้าผู้ประกอบการมีสถานประกอบการหลายแห่ง ให้ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ที่ทำการสรรพากรท้องที่ที่สถานประกอบการที่เป็นสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ คำขอคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและการออกใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด ทั้งนี้ การยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่มีรายได้ในปีใดเกินเกณฑ์ที่กำหนด

มาตรา ๘๔/๔[๓๖๕] ผู้ประกอบการซึ่งประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการ ต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายในกำหนดเวลาดังต่อไปนี้

(๑)

สำหรับผู้ประกอบการซึ่งประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการและมีมูลค่าของฐานภาษีในการประกอบกิจการเกินมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขายย่อยตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามมาตรา ๘๐/๑ ให้ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายในสามสิบวันนับแต่

(ก)

วันที่มูลค่าของฐานภาษีในการประกอบกิจการเกินมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขายย่อย สำหรับกรณีที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขายย่อยไว้แล้ว หรือ

(ข)

วันที่พระราชกฤษฎีกาใช้บังคับ สำหรับกรณีที่มีการตราพระราชกฤษฎีกากำหนดมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขายย่อยเพิ่มเติม หรือกรณีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกากำหนดมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขายย่อยตามข้อที่กำหนดให้ก่อน

(๒)

สำหรับผู้ประกอบการที่ได้แจ้งต่ออธิบดีถึงการเลิกเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา ๘๐/๓ ให้ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้แจ้งต่ออธิบดี ให้บทบัญญัติมาตรา ๘๔ วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่ มิให้ใช้บังคับ

มาตรา ๘๔/๕[๓๖๖] ให้บทบัญญัติมาตรา ๘๗/๑ (๑) (๒) เป็นบทบัญญัติที่รับรองในกรณีที่ผู้ประกอบการซึ่งมีมูลค่าของฐานภาษีอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

มาตรา ๘๔/๖[๓๖๗] ให้ผู้ประกอบการดังต่อไปนี้ไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

(๑)

ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร และเข้ามาประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นครั้งคราว

(๒)

[๓๖๘] ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการจากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร ทั้งนี้ เฉพาะ

(ก)

ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ซึ่งมิใช่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน

(ข)

ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการอื่นนอกจากบริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใดๆ ก็ตาม

(๓)

ผู้ประกอบการอื่นตามที่อธิบดีประกาศกำหนดเมื่อเห็นสมควร อธิบดีอาจสั่งให้ผู้ประกอบการตาม (๑) หรือ (๒) ซึ่งมิได้ประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการตามวิธีการหรือวิธีการเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่เหมาะสม การยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าว และการออกใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าว ให้เป็นไปตามแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ถือมีลักษณะจำกัดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเพื่อพิจารณากำหนดอากร การเข้ามาประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรอย่างใด เป็นการเข้ามาประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นครั้งคราว

มาตรา ๘๔/๓๖๙ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนแสดงใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ ณ ที่เปิดเผยเห็นได้ง่ายในสถานประกอบการเป็นรายสถานประกอบการ

มาตรา ๘๔/๓๗๐ ในกรณีที่ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสูญหาย ถูกทำลาย หรือชำรุดในสาระสำคัญ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนยื่นคำร้องขอรับใบแทนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สถานที่ได้ออกใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสูญหาย ถูกทำลาย หรือชำรุด

การยื่นคำขอและการออกใบแทนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้เป็นไปตามแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด ใบแทนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ถือเป็นใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

มาตรา ๘๔/๓๗๑ ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงรายการที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสาระสำคัญ ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงชื่อสถานประกอบการ ประเภทกิจการ ประเภทสินค้า หรือบริการ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนแจ้งการเปลี่ยนแปลงนั้น ณ สถานที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น

การแจ้งการเปลี่ยนแปลงรายการตามวรรคหนึ่ง และการออกใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่เปลี่ยนแปลงรายการ ให้เป็นไปตามแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด

มาตรา ๘๔/๓๗๒ ผู้ประกอบการจดทะเบียนใดประสงค์จะปิดสถานประกอบการเพิ่มเติม ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สถานที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ก่อนวันปิดสถานประกอบการเพิ่มเติมไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน เพื่อขอรับใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสถานประกอบการนั้น

ในการปิดสถานประกอบการบางแห่ง ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สถานที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ภายในวันปิดสถานประกอบการ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ต้องการปิดสถานประกอบการ คืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของสถานประกอบการนั้น ณ สถานที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้พร้อมทั้งแจ้งการแจ้งเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้บทบัญญัติมาตรา ๘๔/๓๗๓ วรรคสอง มาใช้บังคับ

มาตรา ๘๔/๓๗๓ ผู้ประกอบการจดทะเบียนใดประสงค์จะย้ายสถานประกอบการ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สถานที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ก่อนวันย้ายสถานประกอบการไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน

ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ย้ายสถานประกอบการแจ้งการเปิดสถานประกอบการแห่งใหม่ ณ ที่ทำการอำเภอท้องที่ที่สถานประกอบการแห่งใหม่นั้นอยู่ภายในเจ็ดวันนับตั้งแต่สถานประกอบการแห่งใหม่เริ่มประกอบกิจการ เพื่อขอรับใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสถานประกอบการแห่งใหม่นั้น พร้อมกันคืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของสถานประกอบการเดิม ให้นำมาตรา 85/7 วรรคสอง มาใช้บังคับ

มาตรา 85/7 (374) ให้อธิบดีมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของสถานประกอบการที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องมีขึ้นในการจัดวางเป็นสถานประกอบการเฉพาะกิจได้

สถานประกอบการชั่วคราวที่มีลักษณะและเงื่อนไขเป็นสถานประกอบการเฉพาะกิจตามที่อธิบดีกำหนด ไม่ให้ถือว่าเป็นสถานประกอบการที่อยู่ในบังคับของมาตรา 85/7 มาตรา 85/8 และมาตรา 85/9 แต่ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งตั้งสถานประกอบการเฉพาะกิจต้องดำเนินการตามและปฏิบัติตามแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด

มาตรา 85/10 (375) ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนดังต่อไปนี้ มีสิทธิขอให้อธิบดีสั่งอนุญาตเปลี่ยนภาษีมูลค่าเพิ่มได้

(1) ในกรณีที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขายต่อย่างใดแล้ว ให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งกิจการของตนมีมูลค่าของฐานภาษีตามอย่างสูงกว่าที่กำหนดไว้ก่อน ให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งกิจการของตนมีมูลค่าของฐานภาษีตามอย่างสูงกว่ามาตราที่กำหนดไว้เพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกา ถ้ามูลค่าของฐานภาษีของกิจการขายต่อที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาตลอดระยะเวลาต่อมาลดต่ำลง (2) ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้แจ้งข้อย่อดังนี้เพื่อเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 85/7 ได้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในสถานที่ติดต่อนั้นไม่อยู่นอกระยะเวลาตามที่กำหนดในกฎกระทรวง โดยจำนวนนี้ที่ผู้เสียภาษีไม่แจ้งการขอภาษีมูลค่าเพิ่ม และต้องปฏิบัติตามฐานภาษีมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขายต่อที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาตลอดระยะเวลาต่อมาลดต่ำลง (3) ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งข้อเสียภาษีตามมาตรา 85/16 ซึ่งกิจการของตนมีมูลค่าของฐานภาษีตามอย่างสูงกว่าที่กำหนดไว้ก่อน ให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งกิจการของตนมีมูลค่าของฐานภาษีตามอย่างสูงกว่ามาตราที่กำหนดไว้เพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกา ถ้ามูลค่าของฐานภาษีของกิจการขายต่อที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาตลอดระยะเวลาต่อมาลดต่ำลง การใช้สิทธิขอให้อธิบดีสั่งอนุญาตเปลี่ยนภาษีมูลค่าเพิ่มตามพระราชกฤษฎีกานี้ ให้เป็นไปตามแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด กฎกระทรวงตาม (1) อาจกำหนดระยะเวลาให้แตกต่างกันในกิจการแต่ละประเภทก็ได้ แต่ระยะเวลาดำเนินการดังกล่าวต้องไม่เกินกว่าสองปี

มาตรา ๕๔/๑๐ (376) กิจการใดที่ผู้ประกอบการได้จดทะเบียนการเพิ่มมูลค่าไว้แล้ว และมีมูลค่าของฐานภาษีสูงกว่ามูลค่าของฐานภาษีของกิจการขายต่อย่อมสามารถได้กำหนดในพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามมาตรา ๘๐/๙ แต่ต้องไม่กำหนดให้เพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกากำหนดมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขายต่อย่อมสูงกว่าที่กำหนดไว้ก่อน ซึ่งมีผลทำให้มูลค่าของฐานภาษีของกิจการดังกล่าวต่ำกว่ามูลค่าของฐานภาษีของกิจการขายต่อย่อมที่กำหนดขึ้นใหม่ ให้การจดทะเบียนของผู้ประกอบการนั้นยังคงมีผลต่อไปแต่ผู้ประกอบการอาจขอเพิกถอนโดยให้สิทธิ์อิงตามมาตรา ๖๔/๑๐ (๒) และ (๔) ขอให้อธิบดีสั่งถอนการจดทะเบียนฐานมูลค่าเพิ่ม

มาตรา ๕๔/๑๑ (377) ผู้ประกอบการจดทะเบียนในประสงค์จะหยุดประกอบกิจการชั่วคราวเป็นเวลาติดต่อกันเกินกว่าสามสิบวัน ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นแจ้งการหยุดประกอบกิจการชั่วคราว ณ ที่ทำการของท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ภายในสิบห้าวันนับจากวันที่หยุดประกอบกิจการชั่วคราว

มาตรา ๕๔/๑๒ (378) ผู้ประกอบการจดทะเบียนในประสงค์จะโอนกิจการบางส่วนหรือทั้งหมด ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนแจ้งการโอนกิจการและการเปลี่ยนแปลงรายการจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงาน ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนฐานมูลค่าเพิ่มไว้ก่อนวันโอนกิจการไม่น้อยกว่าสามวันทำการ

ในกรณีที่ผู้รับโอนกิจการเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน ให้ผู้รับโอนแจ้งการรับโอนกิจการ และการเปลี่ยนแปลงรายการจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงาน ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนฐานมูลค่าเพิ่มไว้ก่อนวันโอนกิจการไม่น้อยกว่าสามวันทำการ และให้ผู้รับโอนกิจการมีสิทธิ์และหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้แทนผู้โอนกิจการตั้งแต่วันที่โอนกิจการ และเมื่อได้ดำเนินการแจ้งแล้วให้ผู้รับโอนประกอบกิจการดังกล่าวต่อเนื่องไปทางก่อนได้ ให้นำมาตรา ๕๔/๑๔ วรรคสอง มาใช้บังคับในกรณีที่เป็นการโอนกิจการทั้งหมด

มาตรา ๕๔/๑๓ (379) ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งเป็นนิติบุคคลใดประสงค์จะจดทะเบียน ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนแจ้งการเลิกประกอบกิจการตามมาตรา ๕๔/๑๔ ตามแบบที่อธิบดีกำหนด และให้นิติบุคคลใหม่ที่ได้รับจดทะเบียนคำขอฐานมูลค่าเพิ่มภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้จดทะเบียนนิติบุคคลใหม่

มาตรา ๕๔/๑๔ (380) ผู้ประกอบการจดทะเบียนใดเลิกประกอบกิจการให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนแจ้งการเลิกประกอบกิจการต่อเจ้าพนักงาน ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนฐานมูลค่าเพิ่มไว้ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่เลิกประกอบกิจการ

ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่เลิกประกอบกิจการคืนใบทะเบียนฐานมูลค่าเพิ่ม ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนฐานมูลค่าเพิ่มไว้พร้อมกับการแจ้งเลิกประกอบกิจการ

มาตรา ๕๔/๑๕ (381) ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาเสียชีวิต ให้ผู้จัดการมรดกแจ้งการเลิกประกอบกิจการตามมาตรา ๕๔/๑๔ และให้ผู้จัดการมรดกมีสิทธิ์และหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้แทนผู้ประกอบการจดทะเบียนที่เสียชีวิตต่อไปได้เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะได้แต่งตั้งผู้จัดการมรดก

การจดทะเบียนสิ้นสุดความตาย แต่ต้องแจ้งให้นายทะเบียนทราบข้อมูลค่าเพิ่มทราบถึงความตายของผู้ประกอบการจดทะเบียนโดยเร็วที่สุด ในกรณีที่ผู้ครอบครองทรัพย์มรดกที่รับผิดชอบในการดำเนินกิจการของผู้ตายใช้สิทธิดำเนินกิจการตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ครอบครองทรัพย์มรดกดังกล่าวมีสิทธิและความรับผิดในฐานะผู้ประกอบการจดทะเบียน และในกรณีที่มีเหตุอันสมควร ผู้ครอบครองทรัพย์มรดกนั้นอาจขอให้อธิบดีสั่งยกเว้นการดำเนินการดังกล่าวได้โดยแสดงเหตุผลความจำเป็นต่ออธิบดี ให้อธิบดีสั่งยกเว้นการดำเนินการดังกล่าวได้ตามที่เห็นสมควร โดยจะกำหนดเงื่อนไขไว้ด้วยก็ได้ ในกรณีที่ผู้ครอบครองทรัพย์มรดกที่รับผิดชอบในการดำเนินกิจการของผู้ตายไม่ได้ใช้สิทธิดำเนินกิจการตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ครอบครองทรัพย์มรดกดังกล่าวดำเนินการจดทะเบียนค่าเพิ่มของผู้ตาย ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนบัญชีค่าเพิ่มภายในวันทำการนับแต่วันที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนถึงแก่ความตาย หากผู้จัดการมรดกหรือทายาทประสงค์ประกอบกิจการของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ถึงแก่ความตายต่อไป ให้ผู้จัดการมรดกหรือทายาทที่มีสิทธิขอใบอนุญาตกิจการของผู้ประกอบการจดทะเบียนได้ตามแบบหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนดและให้บังคับมาตรา 64/1 วรรคสอง และวรรคสาม มาใช้บังคับโดยอนุโลม โดยคำขอใบอนุญาตดังกล่าวให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่อธิบดีกำหนด ให้ผู้จัดการมรดกหรือทายาทที่รับโอนกิจการ คืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ตาย ณ สถานที่ที่ได้ออกใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ ภายในวันทำการนับแต่วันที่ได้รับใบอนุญาตกิจการ

มาตรา 64/4(382) ผู้ประกอบการจดทะเบียนใดกระทำผิดบัญญัติในหมวดนี้ อธิบดีมีอำนาจสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นได้ และให้แจ้งการเพิกถอนดังกล่าวให้ผู้ประกอบการทราบโดยเร็ว

ให้ผู้ประกอบการที่ได้รับมรดกตามวรรคหนึ่ง คืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สถานที่ที่ได้ออกใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ ภายในวันดังกล่าวนั้นนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการเพิกถอน

มาตรา 64/4(383) ในกรณีที่ชื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนเปลี่ยนไปกรณีการเปลี่ยนชื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนตามมาตรา 64/4 หรือในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนโอนกิจการของผู้ประกอบการจดทะเบียนตามมาตรา 64/4 หรือในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนถึงแก่ความตายตามมาตรา 64/4 ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้ครอบครองทรัพย์มรดกที่รับผิดชอบในการดำเนินกิจการของผู้ตายดังกล่าว แล้วแต่กรณีต้องปฏิบัติตามกฎหมาย

ต้องรับผิดในฐานะเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนต่อไปจนกว่าจะอินเดียสั่งชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นออกจากทะเบียนการจดทะเบียนข้อมูลค่าภาษีตามมาตรา 54/54

มาตรา 54/54(384) ในกรณีดังต่อไปนี้ให้อินเดียสั่งชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนดังกล่าวออกจากทะเบียนการจดทะเบียนข้อมูลค่าภาษี

(ก)

เมื่ออินเดียสั่งงดหมายเลขทะเบียนตามมาตรา 54/54

(ข)

เมื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการตามมาตรา 54/54

(ค)

เมื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนตายและไม่มีผู้จัดการมรดกหรือทายาทยื่นขอโอนกิจการของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ตายตามมาตรา 54/54 และ 54/54

(ง)

เมื่ออินเดียสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนข้อมูลค่าภาษีตามมาตรา 54/54 ให้อินเดียแจ้งคำสั่งชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียน ผู้จัดการมรดกทายาท หรือผู้ครอบครองทรัพย์มรดกทราบเป็นหนังสือโดยไม่ชักช้า ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้ครอบครองทรัพย์มรดกที่รับผิดชอบในการดำเนินกิจการอยู่ดูแลและใช้สิทธิ์จัดการดำเนินกิจการตามมาตรา 54/54 จนกว่าจะรับผิดชอบผู้ประกอบการจดทะเบียนในใบแจ้งอินเดียสั่งชื่อออกจากทะเบียน ถ้าผู้ประกอบการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ให้อินเดียแจ้งการสั่งชื่อออกจากทะเบียนผู้จัดการมรดกหรือผู้ครอบครองทรัพย์มรดกทราบเป็นหนังสือโดยไม่ชักช้า และให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนในฐานะนิติบุคคลนั้นรับผิดชอบการดำเนินกิจการตามมาตรา 54/54 จนกว่าจะรับผิดชอบผู้ประกอบการจดทะเบียนในใบแจ้งอินเดียสั่งชื่อออกจากทะเบียน

มาตรา 54/54(385) ในกรณีมีความจำเป็นหรือเหมาะสม รัฐมนตรีมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อกำหนดกระบวนการทางอินเดียทรอนิกส์เพื่อใช้แทนการดำเนินการเกี่ยวกับทะเบียนการจดทะเบียนข้อมูลค่าภาษีบัญญัติไว้ในส่วน 9 ได้

การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงตามวรรคหนึ่ง ให้ถือเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ อันเป็นความผิดและต้องระวางโทษตามมาตราที่เกี่ยวข้องด้วย

ส่วน 10

ในการกำกับภาษี ในเพิ่มเติม ในลดหนี้

มาตรา 54/54(386) ภายใต้บังคับมาตรา 54/54 และมาตรา 54/54 ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนข้อมูลค่าภาษีที่มีการจดทะเบียนตามมาตรา 54/54 และมาตรา 54/54 มีหน้าที่จัดทำบัญชีข้อมูลค่าภาษีที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนข้อมูลค่าภาษีตามมาตรา 54/54 และมาตรา 54/54 ออกโดยให้บันทึกไว้ต่อเนื่องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อินเดียกำหนด

ในกำกับภาษีให้ออกเป็นรายสถานประกอบการ ทั้งนี้ เว้นแต่ข้อยกเว้นซึ่งกำหนดเป็นอย่างอื่น การออกใบกำกับภาษีโดยตัวแทนในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียนให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด

มาตรา ๘๖/๑(๓๘๗) ห้ามมิให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนดังต่อไปนี้ออกใบกำกับภาษี

(๑)

ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่อยู่นอกราชอาณาจักร และได้ให้ตัวแทนของตนออกใบกำกับภาษีแทนตามมาตรา ๘๖/๒ (๑/๑)(๓๘๘) ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรโดยมิใช่ผู้มีใบประกอบการจดทะเบียน

(๒)

ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ทรัพย์สินถูกนำออกขายทอดตลาดหรือขายโดยวิธีอื่นโดยบุคคลอื่นตามมาตรา ๘๗/๕

(๓)

ผู้ประกอบการจดทะเบียนสามานที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามมาตรา ๘๗/๖ (๓)

มาตรา ๘๖/๒(๓๘๙) ผู้ประกอบการจดทะเบียนใดที่อยู่นอกราชอาณาจักรและมีตัวแทนที่กรมสรรพากรแต่งตั้งให้เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มแทน ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นออกใบกำกับภาษีในนามของตนเองโดยผ่านตัวแทนดังกล่าว

การออกใบกำกับภาษีโดยตัวแทนในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียนให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด และให้ตัวแทนต้องเก็บรักษาใบกำกับภาษีและความรับผิดชอบเช่นเดียวกับและร่วมกับผู้ประกอบการจดทะเบียนในส่วนที่เกี่ยวกับใบกำกับภาษี

มาตรา ๘๗/๕(๓๙๐) ในการขายทอดตลาดตามมาตรา ๘๗/๕ ให้ผู้ทอดตลาดที่มีส่วนราชการซึ่งขายทรัพย์สินของผู้ประกอบการจดทะเบียนออกใบกำกับภาษีหรือใบรับแทนตามมาตรา ๑๐๘ แล้วแต่กรณี ในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นหรือทรัพย์สิน

มาตรา ๘๗/๖(๓๙๑) ภายใต้บังคับมาตรา ๘๗/๖ และมาตรา ๘๗/๗ ในการกำกับภาษีซื้อสำหรับการออกรายงานดังต่อไปนี้

(๑)

ชื่อว่า “ใบกำกับภาษี” ในที่ที่เห็นได้เด่นชัด

(๒)

ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ออกใบกำกับภาษี และในกรณีที่ตัวแทนของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่อยู่นอกราชอาณาจักรเป็นผู้ออกใบกำกับภาษีในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่อยู่นอกราชอาณาจักร ให้ระบุชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของตัวแทนด้วย

(๓)

ชื่อ ที่อยู่ ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ (d) หมายเลขลำดับของใบกำกับภาษี และหมายเลขลำดับของเล่มถ้ามี (e) ชื่อ ชนิด ประเภท ปริมาณ และมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ

(๓)

จำนวนรายข้อมูลค้าส่งที่ดำเนินงานจดตามมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ โดยให้แยกออกจากมูลค่าของสินค้าหรือของบริการให้ชัดแจ้ง

(๔)

วัน เดือน ปี ที่ออกใบกำกับภาษี

(๕)

ข้อความอื่นที่อธิบดีกำหนด รายการในใบกำกับภาษี ให้พิมพ์เป็นภาษาไทย เป็นภาษาอังกฤษและใช้ ตัวเลขไทยหรืออารบิก เว้นแต่ในกิจการบางประเภทที่มีความจำเป็นต้องทำเป็นภาษาอื่น ประเทศหรือเป็นหน่วยเงินตราต่างประเทศ ให้กระทำได้เมื่อได้รับอนุมัติจากอธิบดี ในการนำภาษีซื้อออกจากสินค้าหรือบริการขายสินค้าหรือการให้บริการ หลายอย่างก็ได้ เว้นแต่จะยินยอมให้กำหนดใบกำกับภาษีสำหรับสินค้าหรือ บริการอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ต้องระบุที่หมายถึงหมายเหตุ โดยมิให้รวมไว้ในใบกำกับภาษี เดียวกันกับรายการอื่น

มาตรา ๘๗/๔(392) ในการนำภาษีซื้อต่อไปนี้ อธิบดีอาจกำหนดให้มี

รายการในบ่อย่างหนึ่งได้

(๑)

ในการนำภาษีซื้อสินค้าหรือบริการเฉพาะอย่างตามมาตรา ๘๗/๔

(๒)

ในการนำภาษีซื้อสุขภาพตามมาตรา ๘๗/๔ หรือที่นำเข้ามาเพื่อ ผลิตสินค้าตามมาตรา ๘๗/๔

(๓)

ในการนำภาษีซื้ออื่นอันมูลค่าให้เพิ่มเป็นภาษาอย่างประเทศ หรือเป็นหน่วย เงินตราต่างประเทศตามมาตรา ๘๗/๔ วรรคสอง

(๔)

ในการนำภาษีซื้อสินค้าหรือบริการอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๘๗/๔(393) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการจดทะเบียน

ที่ประกอบกิจการขายสินค้าหรือขายบริการหรือรายงานเกี่ยวกับการให้บริการให้กำหนด บริการรายย่อยแบบบุคคลจำนวนมาก อธิบดีอาจกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของ การประกอบกิจการดังกล่าวให้เป็นกิจการค้าปลีก และในการกำหนดหลักเกณฑ์และ สินค้าหรือการบริการที่เกี่ยวข้องกับการค้าปลีก ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่เป็นผู้ประกอบการค้าปลีก มีสิทธิออกใบกำกับ การอย่างอย่างใด แต่ถ้าเป็นการค้าปลีกที่มีการขายอย่างน้อยอย่างหนึ่งต่อไปนี้

(๑)

คำว่า "ใบกำกับภาษี" ในที่ที่เห็นได้เด่นชัด

(๒)

ชื่อหรือชื่อย่อและเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจด ทะเบียนที่ออกใบกำกับภาษี

(ฉ)

หมายเลขลำดับของใบกำกับภาษี และหมายเลขลำดับของเล่มถ้ามี

(ฌ)

ชื่อ ชนิด ประเภท ปริมาณ และมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ

(ญ)

ราคาสินค้าหรือราคาค่าบริการ โดยต้องมีข้อความระบุชัดเจนว่าได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มไว้แล้ว

(ฎ)

วัน เดือน ปี ที่ออกใบกำกับภาษี

(ฏ)

ข้อความอื่นที่อธิบดีกำหนด ชื่อ ชนิดหรือประเภทของสินค้าสามารถหนึ่ง ขอออกเป็นรหัสได้ โดยผู้ประกอบการจดทะเบียนจะต้องแจ้งรหัสให้อธิบดีทราบล่วงหน้าก่อนวันเริ่มต้นวันใช้รหัสนั้น รายการในใบกำกับการย่อย ให้ทำเป็นภาษาไทย เป็นหน่วยเงินตราไทยและใช้ตัวเลขไทยหรืออารบิก ในแต่ในกิจการบางประเภทที่มีความจำเป็นต้องทำเป็นภาษาต่างประเทศ ให้กระทำได้เมื่อได้รับอนุมัติจากอธิบดี ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประกอบกิจการค้าปลีก ซึ่งประกอบใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินเพื่อการออกใบกำกับการย่อย ให้ดำเนินการอนุมัติอธิบดีและการใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินตามข้อกำหนดของอธิบดีเกี่ยวกับลักษณะ วิธีการ และเงื่อนไขในการให้เครื่องบันทึกการเก็บเงินดังกล่าว ให้นำมาตรา ๙๐/๑ มาใช้บังคับในการออกใบกำกับการย่อยด้วย

มาตรา ๙๔

มาตรา ๙๔[394] ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ขายสินค้าหรือให้บริการ ซึ่งใช้เป็นกิจการค้าปลีก ซึ่งมีความประสงค์จะออกใบกำกับการย่อยหรือใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๘๖/๔ จะขออนุมัติอธิบดีพร้อมทั้งแสดงเหตุผลความจำเป็นก็ได้ และในการอนุมัติ อธิบดีอาจกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขใช้ใด ๆ ตามที่เห็นสมควรได้

มาตรา ๙๕

มาตรา ๙๕[395] เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการรายย่อย อธิบดีมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของการประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการรายย่อยเพื่อประโยชน์ในมาตรานี้ได้

ในการประกอบกิจการรายย่อย ผู้ประกอบการจดทะเบียนผู้เล็กจำไม่จำต้องออกใบกำกับภาษี สำหรับการขายหรือการให้บริการที่ได้กระทำไปแล้วเป็นจำนวนเงินไม่เกินจำนวนที่กำหนดในกฎกระทรวง โดยให้ถือว่าการขายสินค้าหรือการให้บริการดังกล่าวเป็นการขายสินค้าหรือการให้บริการรายย่อยตามวรรคหนึ่ง และเมื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนผู้เล็กจำได้ออกใบกำกับภาษีให้ระบุข้อความในใบกำกับภาษีด้วย

มาตรา ๙๖

มาตรา ๙๖[396] ผู้เสียภาษีที่ได้รับสินค้าหรือบริการไปแล้ว แต่ต้องคืนสินค้าหรือบริการดังกล่าวทั้งหมดหรือบางส่วน หรือได้รับส่วนลดหรือเงินคืนไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ขายสินค้าหรือให้บริการออกใบลดหนี้ให้แก่ผู้เสียภาษีภายในวันที่ ๑๕ ของเดือนถัดจากเดือนที่มีการคืนสินค้าหรือบริการ การให้ส่วนลดหรือการคืนเงินนั้น โดยให้ระบุข้อความในใบลดหนี้ด้วย

ที่ไม่สามารถออกใบเพิ่มหนี้ได้ทั้งในเดือนภาษีที่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ก็ให้ออกใบเพิ่มหนี้ให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการในเดือนภาษีถัดจากเดือนที่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ในใบเพิ่มหนี้ต้องมีรายการอย่างน้อยดังต่อไปนี้

(๑)

คำว่า "ใบเพิ่มหนี้" ในที่ที่เห็นได้เด่นชัด

(๒)

ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ออกใบเพิ่มหนี้ และในกรณีที่มีสถานประกอบการถาวรของผู้ประกอบการจดทะเบียนตามมาตรา ๘๖/๔ วรรคสอง หรือมาตรา ๘๖/๒ ให้ระบุชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของสถานประกอบการถาวรดังกล่าว

(๓)

ชื่อ ที่อยู่ ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ

(๔)

วัน เดือน ปี ที่ออกใบเพิ่มหนี้

(๕)

หมายเลขลำดับของใบกำกับภาษีเดิม รวมทั้งหมายเลขลำดับของเล่ม ถ้ามี มูลค่าของสินค้าหรือบริการที่เดิมไม่ได้บันทึกในการออกใบกำกับภาษี มูลค่าที่ถูกต้องของสินค้าหรือบริการ ผลต่างของจำนวนมูลค่าทั้งสองและจำนวนภาษีที่ระบุในใบเพิ่มหนี้สำหรับส่วนต่างนั้น

(๖)

คำอธิบายสั้น ๆ ถึงสาเหตุในการออกใบเพิ่มหนี้

(๗)

ข้อความอื่นที่กฎหมายกำหนด ให้นำมาตรา ๘๖/๔ วรรคสี่ มาใช้บังคับ และให้ออกใบเพิ่มหนี้ตามมาตรานี้เป็นใบกำกับภาษี

มาตรา ๘๖/๑๐[๓๙๗] ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ใช้ขายสินค้าหรือให้บริการไปแล้ว แต่ต้องคืนจำนวนเงินภาษีในใบกำกับภาษีใหม่เนื่องจากมูลค่าของสินค้าหรือบริการจำนวนลดลงเพราะเหตุการณ์ตามที่ระบุในมาตรา ๘๖/๑๐ ออกใบลดหนี้ให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการในเดือนภาษีที่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นซึ่งมิใช่ความผิดของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ทำให้ไม่สามารถออกใบลดหนี้ได้ทั้งในเดือนภาษีที่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ก็ให้ออกใบลดหนี้ให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการในเดือนภาษีถัดจากเดือนที่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น

ในใบลดหนี้ต้องมีรายการอย่างน้อยดังต่อไปนี้

(๑)

คำว่า "ใบลดหนี้" ในที่ที่เห็นได้เด่นชัด

(๒)

ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ออกใบลดหนี้ และในกรณีที่มีสถานประกอบการถาวรของผู้ประกอบการจดทะเบียนตามมาตรา ๘๖/๔ วรรคสอง หรือมาตรา ๘๖/๒ ให้ระบุชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของสถานประกอบการถาวรดังกล่าว

(๓)

ชื่อ ที่อยู่ ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ

(๔)

วัน เดือน ปี ที่ออกใบลดหนี้

(๕)

หมายเลขลำดับของใบกำกับภาษีเดิม รวมทั้งหมายเลขลำดับของเล่ม ถ้ามี มูลค่าของสินค้าหรือบริการที่เดิมไม่ได้บันทึกในการออกใบกำกับภาษี มูลค่าที่ถูกต้องของสินค้าหรือบริการ ผลต่างของจำนวนมูลค่าทั้งสองและจำนวนภาษีที่ระบุในใบลดหนี้สำหรับส่วนต่างนั้น สินค้าหรือบริการ ผลต่างของจำนวนมูลค่าทั้งสองและจำนวนภาษีที่ใช้สินค้าสำหรับส่วนต่างนั้น

(๓)

คำอธิบายสั้น ๆ ถึงสาเหตุในการออกใบลดหนี้

(๔)

ข้อความอื่นที่อธิบายอีกกำหนด ให้นำมาตรา ๗๗/๔ วรรคสอง มาใช้บังคับ และให้ถือว่าใบลดหนี้ตามมาตรานี้เป็นใบกำกับภาษี

มาตรา ๗๗/๑๑(๓๙๘) ในกรณีที่มีการยื่นคำร้องต่อผู้ประกอบการจดทะเบียนขอจากเพิกถอนข้อมูลใดเพิ่ม เพราะข้อมูลดังกล่าวเกิดจากการจดทะเบียน หรือเพราะอธิบดีสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนผู้เสียภาษีของผู้ประกอบการจดทะเบียน อธิบดีจะอนุญาตให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนออกใบกำกับภาษี ในพื้นที่นี้ หรือในเอกสารอื่นไปเป็นการชำระภาษีจากจะหยุดประกอบกิจการก็ได้ แต่ผู้รับอนุญาตดังกล่าวจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด

มาตรา ๗๗/๑๒(๓๙๙) ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ไม่จัดทำใบกำกับภาษี หรือใบเพิ่มหนี้หรือใบลดหนี้แล้ว ต่อมาภายใต้การร้องขอจากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ ซึ่งทำใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้ตามกฎหมาย ถูกทำลาย สูญหาย หรือผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องใบแทนใบกำกับภาษี ใบแทนใบเพิ่มหนี้ หรือใบแทนใบลดหนี้ให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการนั้น ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด

ในใบแทนใบกำกับภาษี ใบแทนใบเพิ่มหนี้ หรือใบแทนใบลดหนี้ ให้มีรายการเช่นเดียวกับใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้ ที่เสียหาย สูญหาย หรือถูกทำลาย และออกโดยผู้ประกอบการจดทะเบียนในพื้นที่นี้ หรือในเอกสารอื่นได้

มาตรา ๗๗/๑๓(๔๐๐) ห้ามมิให้บุคคลซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือมิใช่ผู้มีสิทธิออกใบกำกับภาษีได้ตามพระราชบัญญัตินี้ ออกใบกำกับภาษี ในพื้นที่นี้ หรือเอกสารอื่น

บุคคลใดออกใบกำกับภาษี ในพื้นที่นี้ หรือในเอกสารนี้ โดยไม่มีสิทธิหรือออกตามกฎหมาย บุคคลนั้นต้องรับผิดในภาษีมูลค่าเพิ่มตามจำนวนที่ปรากฏในใบกำกับภาษี ในพื้นที่นี้ หรือในเอกสารนั้นเสมือนเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน

มาตรา ๗๗/๑๔(๔๐๑) ให้ผู้รับบริการหรือผู้ซื้อสินค้าพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สำหรับรับชำระภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๐/๑ วรรคสองมาตรา ๘๐/๒ วรรคสอง หรือมาตรา ๘๐/๓ วรรคสอง ให้สามารถนำใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์หรือเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่กำหนดสำหรับการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๗๗/๑๐ (๔) หรือ (๕) ให้ถือเป็นใบกำกับภาษี

ส่วน ๑๑

การจัดทำรายงานและการเก็บรักษาใบกำกับและเอกสาร

มาตรา ๗๗/๑๕(๔๐๒) ภายในกำหนดเวลาตามมาตรา ๘๓/๑ และมาตรา ๘๓/๒ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนจัดทำรายงานเกี่ยวกับการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังต่อไปนี้

(๑)

รายงานภาษีขาย

(ข)

รายงานภาษีซื้อ

(ค)

รายงานสินค้าคงเหลือและวัตถุดิบ เฉพาะผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประกอบกิจการขายสินค้า ในกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ต้องเสียภาษีตามมาตรา 82/11 ให้มีหน้าที่จัดทำรายงานข้อมูลทางภาษี และรายงานสินค้าคงเหลือและวัตถุดิบ รายงานที่ต้องจัดทำตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีกำหนด และให้จัดทำเป็นรายสถานประกอบการ วิธีการจัดการในรายงาน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด และการตรวจรายงานดังกล่าวในกรณีจำหน่ายสินค้าหรือบริการนั้น ให้แสดงหรือทำสำเนาใบกำกับภาษีหรือบันทึกอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายสินค้าหรือบริการนั้น หรือต้นฉบับใบกำกับภาษี อธิบดีอาจกำหนดเป็นอย่างอื่นตามที่เห็นสมควรก็ได้

มาตรา 84/4(403) ในกรณีที่มีความจำเป็นหรือเหมาะสม อธิบดีโดยอนุมัติรัฐมนตรีมีอำนาจให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนจัดทำรายงานแตกต่างไปจากที่กำหนดในมาตรา 84/3 ก็ได้

มาตรา 84/4(404) ให้อธิบดีมีอำนาจกำหนดได้ด้วยเหตุผลของผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำรายงานที่แตกต่างไปจากที่เห็นสมควร แม้ว่าต้นแบบดังกล่าวมิใช่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน

การจัดทำรายงานของผู้จดทะเบียนตามมาตรา 84/3 ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด

มาตรา 84/4(405) ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่มีหน้าที่แสดงรายการภาษีและชำระภาษี และผู้ที่มีหน้าที่ต้องจัดทำรายงานบัญชีอยู่ในส่วนนี้ เก็บและรักษารายงาน ในที่ทำการของตน สำนักงานบัญชี พร้อมทั้งเอกสารประกอบการรายงานดังกล่าวหรือบันทึกอื่นอันเกี่ยวข้องไว้ ณ สถานประกอบการที่จัดทำรายงานนั้นหรือสถานที่ซึ่งอธิบดีกำหนดเป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปี เว้นแต่วันที่ได้แสดงแบบแสดงรายการภาษีหรือวันที่ทำรายงาน แล้วแต่กรณี วันหนึ่ง

(ง)

ในกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ต้องเก็บรักษาเอกสารตามมาตรา 84/3 การเก็บรักษารายงานและเอกสารดังกล่าว ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาที่อธิบดีกำหนด เว้นแต่ระยะเวลาต่างไปดังที่กำหนดไว้

(ข)

ในกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำรายงานดังกล่าวเก็บรักษารายงาน เก็บและรักษารายงานและเอกสารดังกล่าวไว้ตามที่อธิบดีกำหนด

(ค)

ในกรณีที่มีผลกระทบ อธิบดีอาจกำหนดให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนเก็บและรักษาไว้เกินห้าปี แต่ต้องไม่เกินสิบปี การเก็บใบกำกับภาษีและเอกสารที่ออกก่อนที่ใช้ประกอบการรายงานภาษีซื้อ ตามมาตรา 84/3 (ฉ) ให้จัดเก็บเอกสารดังกล่าวและจัดการรายงานการในรายงานและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด

ส่วน 12

อำนาจเจ้าพนักงานประเมิน

มาตรา 84(406) เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามหมวดนี้ ในเมื่อ

(1) ปรากฏแก่เจ้าพนักงานประเมินว่า ผู้มีหน้าที่เสียภาษีได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษี แบบนำส่งภาษี หรือแบบใบกำกับภาษีในลักษณะที่กฎหมายกำหนด (2) ในกรณีที่เจ้าพนักงานประเมินมีหลักฐานแสดงว่าผู้มีหน้าที่เสียภาษี ยื่นแบบแสดงรายการภาษี แบบนำส่งภาษี หรือแบบใบกำกับภาษีโดยแสดงจำนวนการที่ต้องเสียภาษีต่ำกว่าความเป็นจริง (3) ผู้มีหน้าที่เสียภาษีไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกของเจ้าพนักงานประเมิน หรือไม่ยอมตอบคำถามของเจ้าพนักงานประเมินโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร (4) ผู้ประกอบการไม่สามารถแสดงใบกำกับภาษีในการซื้อสินค้าหรือสำเนาใบกำกับภาษีในการใช้บริการ พร้อมทั้งหลักฐานอื่นเพื่อการคำนวณภาษีหรือการเครดิตภาษี (5) ผู้ประกอบการไม่เก็บรักษาใบกำกับภาษีในการซื้อสินค้าหลักฐานต่าง ๆ ประกอบการตรวจรายงานตามที่กฎหมายกำหนดไว้ หรือ (6) ปรากฏแก่เจ้าพนักงานประเมินว่าผู้ประกอบการได้กระทำการหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 84/1 อันได้ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม

มาตรา 84/1(407) เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามหมวดนี้ ในเมื่อปรากฏว่าบุคคลใดออกใบกำกับภาษี ในพื้นที่หรือในอดีตที่ โดยไม่มีสิทธิที่จะออกตามกฎหมายตามมาตรา 84/1 โดยให้เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มตามจำนวนที่ปรากฏในใบกำกับภาษี ในพื้นที่หรือในอดีตนั้นทันที

มาตรา 84/1(408) เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามมาตรา 84 และมาตรา 84/1 เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจ

(1) จัดทำรายการรวมในแบบแสดงรายการภาษี แบบนำส่งภาษี หรือแบบใบกำกับภาษีหลักฐานที่เกี่ยวกับภาษี เมื่อผู้มีหน้าที่เสียภาษีได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษี แบบนำส่งภาษี หรือแบบใบกำกับภาษี (2) แก้ไขเพิ่มเติมรายการในแบบแสดงรายการภาษี แบบนำส่งภาษี หรือแบบใบกำกับภาษีเพื่อให้ถูกต้อง (3) ประเมินภาษีในกรณีที่มีหลักฐานแสดงว่า ผู้ประกอบการเสียภาษีแสดงต่ำกว่าจำนวนที่จำต้องเสียภาษีจริง (4) กำหนดมูลค่าที่จะได้รับ โดยพิจารณาจากสิ่งฐานความเป็นอยู่หรือพฤติการณ์ของผู้ประกอบการหรือสถิติการค้าของผู้ประกอบการหรือของผู้ประกอบการอื่น ที่กระทำกิจการทำงานเดียวกัน หรือพิจารณาจากหลักเกณฑ์อย่างอื่นอันอาจแสดงมูลค่าที่ได้รับได้โดยสมควร

(๔)

แก้ไขเปลี่ยนแปลงมูลค่าของสินค้าหรือหรือของค่าบริการจากการรับบริการ แล้วแต่กรณี เมื่อมีการตีความมาตรา ๘๗ (๓) (๔) หรือ (๕)

(๕)

ประเมินภาษีตามที่เห็นหรือพิจารณาว่าจำถูกต้อง เมื่อมีกรณีตามมาตรา ๘๗ (๖) หรือ (๗) โดยไม่ลำดับลงปฏิบัติตาม (๑) ถึง (๔) ก็ได้ ในการใช้อำนาจของเจ้าพนักงานประเมินเมื่อมีกรณีตามมาตรา ๘๗ (๔) ให้ถือว่าผู้ประกอบการมิได้ยื่นรายการหรือยื่นรายการไม่ถูกต้องครบถ้วน และให้ถือว่ามีการยื่นรายการข้อมูลภาษีเพิ่ม มีความรับผิดในการเสียภาษีเสมือนเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน

มาตรา ๘๘/๔[409] เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจเข้าไปในสถานประกอบการของผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือไม่ หรือในสถานที่อื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างระยะเวลาที่ขอและระยะเวลาที่ถือครอง หรือระหว่างการขอของผู้ประกอบการ และพิจารณาตรวจสอบเพื่อให้ทราบว่าผู้ประกอบการได้รับบริการโดยถูกต้องตามบัญชีหรือในหมวดที่จัดไว้ไม่ ในกรณีนี้ เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจสั่งผู้ประกอบการหรือบุคคลที่อยู่ในสถานที่นั้นให้แสดงบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือเอกสารสำคัญต่าง ๆ อันควรแก่เรื่อง และเชิญตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบได้ตามนี้

ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้เจ้าพนักงานประเมินแสดงบัตรประจำตัวพร้อมทั้งหนังสือหรือหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องเมื่อมีคำสั่งให้ดำเนินการตรวจสอบได้เสมอ

มาตรา ๘๘/๕[410] ในกรณีที่เจ้าพนักงานประเมินมีความเห็นว่าผู้ประกอบการมีความจำเป็นต้องออกหมายเรียกผู้ที่เกี่ยวข้อง ผู้ทำการแทน หรือพยานที่มีอำนาจสั่งบุคคลเหล่านั้นให้มาชี้แจงบัญชี เอกสารหรือหลักฐานอื่นอันควรแก่เรื่องมาสอบได้เสมอ หรือออกคำสั่งให้พยานออกคำชี้แจงเป็นหนังสือ แต่จะต้องให้เหล่าคำสั่งนั้นไม่บ่อยกว่าเดือนวันนับแต่ได้รับหมายเรียก หรือได้รับคำสั่ง

มาตรา ๘๘/๖[411] เมื่อเจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินภาษีสูงกว่าที่ผู้ประกอบการยื่นไว้ตามมาตรา ๘๔ หรือมาตรา ๘๘/๔ แล้ว ให้แจ้งการประเมินนั้นพร้อมไปยังผู้ที่ทำให้เสียภาษีหรือบุคคลตามความจำเป็น ในกรณีที่มีการประเมินภาษีสูงกว่าที่ผู้ประกอบการยื่นไว้ ให้ใช้สิทธิ์อุทธรณ์การประเมินตามบัญญัติมาตรา ๙๐ ของหมวด ๖ ลักษณะ ๓ ได้ ทั้งนี้ วันแต่ในกรณีที่เจ้าพนักงานประเมินได้ทำการประเมินเพราะเหตุมาตรา ๘๘ (๔) ทั้งหมดในกรณี

มาตรา ๘๘/๗[412] การประเมินของเจ้าพนักงานประเมิน ให้กระทำได้ภายในกำหนดเวลาต่อไปนี้

(๑)

สำหรับผู้ประกอบการ

(ก)

สองปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษีหรือวันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลาที่รัฐมนตรีหรืออธิบดีขยายหรือเลื่อนออกไป แล้วแต่กรณีจะเป็นอย่างใด ทั้งนี้ เฉพาะในกรณีที่ผู้ที่ทำให้เสียภาษีได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีภายในเวลาตามเวลาที่กล่าว

(ข)

สองปีนับแต่วันที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษียื่นแบบแสดงรายการภาษี ทั้งนี้ เฉพาะในกรณีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษียื่นแบบแสดงรายการภาษีหลังวันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลาดังกล่าวใน (ก) แต่ยังไม่เกินวันเป็นต้นสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษี

(ค)

สิบปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษี ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษียื่นแบบแสดงรายการภาษีโดยไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีหรือยื่นแบบแสดงรายการภาษีโดยแสดงรายการซึ่งทำให้จำนวนสุทธิที่ผู้ประกอบการได้รับหรือมีไว้รับเป็นจำนวนเงินภาษีหรือยอดสิ้นบัญชีของภาษีผิดไปจากความจริงในสาระสำคัญ

(ง)

สำหรับผู้ที่มีหน้าที่นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2 มาตรา 77/3 หรือมาตรา 77/7 สองปีนับแต่วันต้นสุดท้ายแห่งกำหนดเวลานำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม ในกรณีมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ประกอบการ ผู้มีหน้าที่หรือผู้นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มแสดงรายการตามแบบแสดงรายการภาษี แบบใบกำกับภาษี หรือเอกสารอื่นไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงหรือไม่สมบูรณ์ ให้เจ้าพนักงานประเมินโดยมิต้องถือระยะเวลาที่ใช้ได้ในกำหนดเวลาห้าปีนับแต่กำหนดเวลาตาม (ก) (ข) (ค) และ (ง) แล้วแต่กรณี เบี้ยปรับ - เงินเพิ่ม

มาตรา 89/4[413] ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษี หรือบุคคลตามมาตรา 85/13 เสียเบี้ยปรับในกรณีและอัตราดังต่อไปนี้

(ก)

ประกอบกิจการโดยมิได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 85 หรือมาตรา 85/4 หรือประกอบกิจการเมื่อถูกสั่งเพิกถอนในทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 85/17 แล้ว ให้เสียเบี้ยปรับร้อยละสองของเงินภาษีที่ต้องเสียในเดือนภาษีหรือระยะเวลาใดที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าวหรือเงินเพิ่มที่พนักงานเจ้าหน้าที่คำนวณอย่างใดจะมากกว่า

(ข)

มิได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีหรือแบบนำส่งภาษีภายในกำหนดเวลา ให้เสียเบี้ยปรับร้อยละสองของเงินภาษีที่ต้องเสียหรือจำคำนวณในเดือนภาษีนั้น

(ค)

ยื่นแบบแสดงรายการภาษีไว้ไม่ถูกต้องหรือครบถ้วนด้วยเหตุผิดพลาดอันเกิดขึ้นโดยมิได้มีเจตนาหลีกเลี่ยงการเสียภาษี ให้เสียเบี้ยปรับร้อยละสองของเงินภาษีที่เสียภาษีคลาดเคลื่อนหรือที่ต้องชำระเพิ่มเติม

(ง)

ยื่นแบบแสดงรายการภาษีไว้ไม่ถูกต้องหรือครบถ้วนด้วยเหตุที่มีเจตนาหลีกเลี่ยงการเสียภาษีหรือโดยทุจริต ให้เสียเบี้ยปรับร้อยละสองของเงินภาษีที่เสียภาษีคลาดเคลื่อนหรือที่ต้องชำระเพิ่มเติมในเดือนภาษีนั้นหรือในระยะเวลาใดที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว

(จ)

มิได้ออกใบกำกับภาษีแสดงส่วนให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการตามที่กำหนดในส่วน (จ) ให้เสียเบี้ยปรับร้อยละสองของเงินภาษีที่ต้องเสียในใบกำกับภาษี

(ข)

ออกใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้ โดยไม่มีสิทธิที่จะออกตามกฎหมายตามมาตรา ๘๖/๑๓ ให้เสียเบี้ยปรับอีกสองเท่าของจำนวนภาษีตามใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้นั้น

(ค)

นำใบกำกับภาษีปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนมาใช้ในการคำนวณภาษีให้เสียเบี้ยปรับอีกสองเท่าของจำนวนภาษีตามใบกำกับภาษีนั้น ในกรณีใบกำกับภาษีที่ผู้ได้รับประโยชน์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าบุคคลใดเป็นผู้ออกใบกำกับภาษี ให้ถือว่าเป็นใบกำกับภาษีปลอม

(ง)

มิได้เก็บใบกำกับภาษีในการนำสินค้าหรือบริการที่กฎหมายกำหนดให้เสียเบี้ยปรับอีกสองของจำนวนภาษีตามใบกำกับภาษี

(จ)

มิได้เก็บใบกำกับภาษีในการนำสินค้าที่ใช้เครดิตภาษีในการคำนวณภาษีใช้ตามที่กฎหมายกำหนด ให้เสียเบี้ยปรับอีกสองของจำนวนภาษีที่นำมาเครดิตนั้น

(ฉ)

มิได้ทำรายงานตามที่กฎหมายกำหนด หรือรายงานที่ยอมรับเพื่อบันทึกกำหนดตามมาตรา ๘๖/๔ หรือสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายสินค้าภายใต้การขายส

(ข)

ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีตามมาตรา ๔๕ หรือมาตรา ๖๕/๒

(ค)

ผู้มีหน้าที่เสียภาษีไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีตามมาตรา ๔๕/๒

(ง)

ผู้มีหน้าที่อื่นไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีตามมาตรา ๖๗/๓

(จ)

ผู้มีหน้าที่นำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ได้นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๖๗/๕ มาตรา ๖๗/๖ หรือมาตรา ๖๗/๗

(ฉ)

ผู้นำเข้าไม่ยื่นใบขนสินค้า ตามมาตรา ๖๗/๘ หรือมาตรา ๖๗/๙

(ช)

ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลงรายการทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๖๗/๑๐

(ซ)

ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่คืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๖๗/๑๑ วรรคสาม มาตรา ๖๗/๑๒ วรรคสอง มาตรา ๖๗/๑๓ วรรคสอง หรือมาตรา ๖๗/๑๔ วรรคสอง

(ฌ)

ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่แจ้งการย้ายสถานประกอบการตามมาตรา ๖๗/๑๕ วรรคหนึ่ง

(ญ)

ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่แจ้งการหยุดประกอบกิจการชั่วคราวตามมาตรา ๖๗/๑๖

(ฎ)

ผู้ครอบครองทรัพย์สิน หรือ ผู้จัดการมรดก หรือทายาท หรือผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่คืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๖๗/๑๗ วรรคสามหรือวรรคห้า

(ฏ)

ผู้ประกอบการจดทะเบียนออกใบกำกับภาษี ใบกำกับภาษีอย่างย่อในพื้นที่ หรือใบลดหนี้ โดยมีรายการในส่วนที่เป็นสาระสำคัญไม่ครบถ้วนตามมาตรา ๖๗/๑๘ มาตรา ๖๗/๑๙ มาตรา ๖๗/๒๐ มาตรา ๖๗/๒๑ หรือมาตรา ๖๗/๒๒

(ฐ)

ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่ออกใบแทนใบกำกับภาษี ใบแทนใบเพิ่มหนี้หรือใบแทนใบลดหนี้ ตามมาตรา ๖๗/๒๓

(ฑ)

ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสินค้าคงค้างรายงานสินค้าคงเหลือต่ำกว่าความจริงตามมาตรา ๖๗

(ฒ)

ผู้ประกอบการจดทะเบียนจัดทำรายงานโดยไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดตามมาตรา ๖๗/๑ หรือมาตรา ๖๗/๒ หรือมาตรา ๖๗/๑๑

(ณ)

ผู้ประกอบการจดทะเบียนจงใจไม่เก็บและรักษาใบกำกับภาษีหรือสำเนาใบกำกับภาษี หรือเอกสารอื่นที่ต้องจัดทำโดยไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดตามมาตรา ๖๗/

มาตรา ๖๗/๑๗ บุคคลต้องโทษ ผู้นั้นหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติที่ระบุไว้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท

(a) ต้นทางและเลยไม่ดำเนินการเกี่ยวกับการจดทะเบียนของผู้ประกอบการ ที่อยู่อาการชอกจักรตามมาตรา ๔๕/๒ (b) ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่แสดงใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตาม มาตรา ๔๕/๔ (c) ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่แจ้งการเปิดสถานประกอบการเพิ่มเติม หรือปิดสถานประกอบการตามมาตรา ๔๕/๗ วรรคหนึ่งหรือวรรคสอง (d) ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่แจ้งการโอนกิจการบางส่วนหรือการรับ โอนกิจการตามมาตรา ๔๕/๑๑ (e) ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่แจ้งการเลิกหรือการโอนกิจการทั้งหมด ตามมาตรา ๔๕/๑๗ หรือมาตรา ๔๕/๑๘ วรรคหนึ่ง (b) ต้นทางผู้ประกอบการจดทะเบียนที่อยู่อาการชอกจักรจัดทำ รายงานโดยไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดตามมาตรา ๗๗/๒

มาตรา ๘๐/๔(๑๘) บุคคลดังต่อไปนี้ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติ ระบุไว้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

(a) ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๖๖/๑๔ (b) ผู้ประกอบการใดซึ่งมีหน้าที่ต้องรายงานข้อมูลที่เกี่ยวกับประกอบกิจการ โดยไม่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๖๖/๒ มาตรา ๖๖/๓ หรือมาตรา ๖๖/๔ (c) ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่ดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำบัญชี หรือจัดทำและส่งงบให้ผู้ซื้อหรือผู้รับบริการตามมาตรา ๖๖ วรรคหนึ่ง หรือไม่จัด ทำบัญชีหรือส่งงบในกำกับภาษีและไม่ส่งงบให้ผู้ซื้อหรือผู้รับบริการตามที่ผู้ซื้อ หรือผู้รับบริการเรียกร้องตามมาตรา ๖๖/๔ วรรคสอง (d) ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจัดทำหรือออกใบกำกับภาษีที่ ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดตามมาตรา ๖๖ วรรคสอง (a) ต้นทางออกใบกำกับภาษีในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ไม่เป็น ไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดตามมาตรา ๖๖ วรรคสี่ (b) ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่ปฏิบัติตามระเบียบเกี่ยวกับการใช้เครื่อง บันทึกการเงินตามมาตรา ๖๖/๕ วรรคสี่ (c) ไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกหรือคำสั่งของเจ้าพนักงานตามประเด็นตาม มาตรา ๖๖/๔

มาตรา ๘๐/๔(๑๙) บุคคลดังต่อไปนี้ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติ ระบุไว้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

(a) ต้นทางผู้ประกอบการจดทะเบียนที่อยู่อาการชอกจักรออกใบ กำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิตามมาตรา ๖๖/๒ วรรคสอง

(ข)

ผู้ประกอบการจดทะเบียนใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินโดยไม่ได้รับอนุมัติตามมาตรา 86/6 วรรคหก หรือมาตรา 86/7

(ค)

ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่จัดทำรายงานตามมาตรา 87/4 หรือตามที่อธิบดีกำหนดตามมาตรา 87/5

(ง)

ตัวแทนผู้ประกอบการจดทะเบียนที่อยู่นอกราชอาณาจักรไม่จัดทำรายงานตามมาตรา 86/2

(จ)

ผู้จัดทำงบหรือไม่จัดทำงบตามระยะเวลาการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานประเมินหรือจัดส่งข้อมูลให้กับกรมสรรพากรตามมาตรา 87/3 หรือมาตรา 87/4

(ฉ)

บุคคลซึ่งต้องไม่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบัญญัติแห่งมาตรา 40/4(420) บุคคลดังกล่าวนี้ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบัญญัติดังระบุไว้ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองแสนบาท

(ช)

ผู้ประกอบการจดทะเบียนโดยเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการชำระภาษี ออกใบกำกับภาษี ในแฟ้มนี้ หรือในเอกสารที่มิใช่สิ่งที่ต้องออกเอกสารดังกล่าวตามมาตรา 86 วรรคสอง หรือมาตรา 86/1

(ซ)

ตัวแทนผู้ประกอบการจดทะเบียนที่อยู่นอกราชอาณาจักรโดยเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการชำระภาษี ออกใบกำกับภาษี ในแฟ้มนี้ หรือในเอกสารที่มิใช่สิ่งที่ต้องออกเอกสารดังกล่าวตามมาตรา 86/2 วรรคหนึ่ง

(ฌ)

ผู้ออกใบกำกับภาษี ในแฟ้มนี้ หรือในเอกสารที่ โดยไม่มีสิทธิ์ออกเอกสารดังกล่าวตามมาตรา 86/3

(ญ)

ผู้ประกอบการจดทะเบียนโดยเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการชำระภาษี ไม่ออกใบกำกับภาษี ในแฟ้มนี้หรือในเอกสารที่ หรือในเอกสารดังกล่าว

(ฎ)

ผู้ประกอบการจดทะเบียนโดยเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการชำระภาษี ไม่ออกใบกำกับภาษี ในแฟ้มนี้หรือในเอกสารที่ หรือในเอกสารดังกล่าว

(ฏ)

ผู้ประกอบการจดทะเบียนโดยเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการชำระภาษี ออกใบกำกับภาษีในลักษณะหรือวิธีการใด ๆ โดยความเท็จ โดยฉ้อโกง หรืออุบาย หรือโดยวิธีใดที่น่าเชื่อถือกัน

(ฐ)

ผู้ประกอบการโดยเจตนาไม่ทำใบกำกับภาษีปลอม หรือใบกำกับภาษีออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

(ฑ)

ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดตามมาตรา 40/4(422) ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดตามมาตรา 40/4(422) เป็นบุคคลธรรมดา หรือผู้กระทำความผิดเป็นกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคล หรือผู้กระทำความผิดเป็นผู้แทนของนิติบุคคล ให้ถือว่าผู้กระทำความผิดดังกล่าวนี้เป็นผู้กระทำความผิดในนามของนิติบุคคลนั้นด้วย บัญชีชื่อธนาคารการค้า(423) (ยกเลิก)

หมวด ๕

ภาษีธุรกิจเฉพาะ(424)

มาตรา ๗๐(425) ภาษีธุรกิจเฉพาะเป็นการเรียกการประเมิน

มาตรา ๗๐/๑(426) ในหมวดนี้

(๑)

“รายรับ” หมายความว่า เงิน ทรัพย์สิน ค่าตอบแทน หรือประโยชน์ใด ๆ อันมีมูลค่าที่ได้รับหรือพึงได้รับไม่ว่าในหรือนอกราชอาณาจักรอันเนื่องมาจากการประกอบกิจการ

(๒)

“มูลค่า” หมายความว่า ราคาตลาดของทรัพย์สินของกิจการ ของค่าตอบแทนหรือของประโยชน์ใด ๆ

(๓)

“ราคาตลาด” หมายความว่า ราคาที่ซื้อขายกันหรือที่คิดค่าบริการกันตามความเป็นจริงทั่วไปในขณะใดขณะหนึ่ง ในกรณีที่ราคาตลาดมีหลายราคา หรือไม่อาจทราบราคาตลาดได้แน่นอน ให้ถือเป็นอำนาจของผู้มีอำนาจประเมินภาษีประกาศใช้ในแต่ละกรณีตามแต่เห็นสมควรเพื่อให้ใกล้ราคาตลาดเป็นมูลค่าของสินค้าหรือบริการได้

(๔)

“ขาย” หมายความรวมถึงสัญญาจะขาย ขายฝาก แลกเปลี่ยน ให้ ให้เช่าซื้อหรือจำหน่ายโดยไม่ว่าในลักษณะใด ๆ และไม่ว่าจะมีหรือไม่มีค่าตอบแทนหรือไม่

(๕)

“บุคคล” หมายความว่า “บุคคลธรรมดา” “คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล” “นิติบุคคล” “สถาบันการออมทรัพย์” และ “สถาบันการเงิน” ตามมาตรา ๗๗/๑(๑) มาใช้บังคับ

มาตรา ๗๐/๒(427) ภาษีใช้บังคับมาตรา ๗๐/๑ การประกอบกิจการดังต่อไปนี้ในราชอาณาจักร ให้ผู้อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามบัญญัติในหมวดนี้

(๑)

การธนาคาร ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์หรือกฎหมายเฉพาะ

(๒)

การประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์

(๓)

(428) การรับประกันชีวิตตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต

(๔)

การรับจำนำตามกฎหมายว่าด้วยโรงรับจำนำ

(๕)

การประกอบกิจการโดยปกติเป็นการค้าหรือหากำไร เช่น การให้กู้ยืมเงิน การให้เช่าทรัพย์สิน การขายอสังหาริมทรัพย์ หรือการรับจ้างทำของหรือให้บริการอย่างใดอย่างหนึ่ง

(๖)

การขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร ไม่ว่าซื้อหรือหามาซึ่งทรัพย์นั้นจะได้มาโดยวิธีใดก็ตาม ทั้งนี้ เฉพาะที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา ```

(ซ)

การขายหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในตลาดหลักทรัพย์

(ฌ)

การประกอบกิจการอื่นตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา ในกรณีที่บุคคลอยู่ในอาณาจักรประกอบกิจการ โดยผ่านสถานประกอบการหรือสำนักงานของตนที่อยู่ในราชอาณาจักร ให้ถือว่าประกอบกิจการในราชอาณาจักรตามมาตรานี้ ในกรณีที่มีปัญหาว่ากิจการใดเป็นกิจการตาม (4) หรือไม่ อธิบดีจะเสนอให้คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรพิจารณาเห็นชอบก่อน และเมื่อคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรที่อยู่ภายใต้บังคับตามมาตรานี้ให้ได้ และเมื่อคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรได้วินิจฉัยแล้ว ให้ประกาศคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา 70/4(429) ให้ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับกิจการดังต่อไปนี้

(ก)

กิจการของธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

(ข)

กิจการของบริษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

(ค)

กิจการของทรัสต์เพื่ออสังหาริมทรัพย์ เฉพาะการให้กู้ยืมเงินแก่ทรัสต์หรือแก่สหกรณ์ออมทรัพย์นั้น

(ง)

กิจการของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

(จ)

กิจการของการเคหะแห่งชาติ เฉพาะการขายหรือให้เช่าอสังหาริมทรัพย์

(ฉ)

กิจการรับจำนำของกระทรวง ทบวง กรม และราชการส่วนท้องถิ่น

(ช)

กิจการอื่นตามมาตรา 70/2 ตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา

มาตรา 70/4(430) กิจการเฉพาะอย่างของกิจการตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 70/2 ดังต่อไปนี้ ให้เสียภาษีธุรกิจเฉพาะในอัตราร้อยละ 4

(ก)

กิจการเฉพาะอย่างที่มิใช่กิจการที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับกิจการตามมาตรา 70/2

(ข)

กิจการเฉพาะอย่างที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับกิจการตามมาตรา 70/2 ซึ่งพระราชกฤษฎีกากำหนดให้เป็นกิจการที่เสียภาษีในอัตราร้อยละ 4 ในกรณีที่มีปัญหาว่ากิจการใดเป็นกิจการที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับกิจการตามมาตรา 70/2 หรือไม่ อธิบดีจะเสนอให้คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรพิจารณาเห็นชอบก่อน และเมื่อคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรที่อยู่ภายใต้บังคับตามมาตรานี้ให้ได้ และเมื่อคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรได้วินิจฉัยแล้ว ให้ประกาศคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรในราชกิจจานุเบกษา ```

มาตรา ๗๑/๔[๔๓๑] ฐานภาษีสำหรับการประกอบกิจการตามบทบัญญัติในหมวดนี้ให้นำรายรับต่อไปนี้ ที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีได้รับหรือพึงได้รับเนื่องจากการประกอบกิจการ

(๑)

สำหรับกิจการธนาคาร ตามมาตรา ๗๑/๒ (๑) รายรับจากการประกอบกิจการ คือ

(ก)

ดอกเบี้ย ส่วนลด ค่าธรรมเนียม ค่าบริการ หรือค่าไร่ถอนหักรายจ่ายใด ๆ จากการซื้อหรือขายหรือให้กู้ยืมค่าเงิน หรืออัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา

(ข)

กำไรอื่นหรือรายจ่ายใด ๆ จากการแลกเปลี่ยนหรือซื้อขายเงินตรา การออกตั๋วเงิน หรืออัตราแลกเปลี่ยนสิทธิในตั๋วเงิน หรือการส่งเงินไปต่างประเทศ

(๒)

สำหรับกิจการธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ ตามมาตรา ๗๑/๒ (๒) รายรับจากการประกอบกิจการ คือ

(ก)

รายรับตาม (๑) (ก) และ

(ข)

รายรับตาม (๑) (ข)

(๓)

[๔๓๒] สำหรับกิจการรับประกันชีวิตตามมาตรา ๗๑/๒ (๓) รายรับจากการประกอบกิจการได้แก่ ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการ

(๔)

สำหรับกิจการโรงรับจำนำตามมาตรา ๗๑/๒ (๔) รายรับจากการประกอบกิจการ คือ

(ก)

ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และ

(ข)

เงิน ทรัพย์สิน ค่าตอบแทน หรือประโยชน์ใด ๆ อันมีมูลค่าที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการขายของที่จำนำหลุดเป็นสิทธิ

(๕)

สำหรับกิจการเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ ตามมาตรา ๗๑/๒ (๕) รายรับจากการประกอบกิจการ คือ

(ก)

รายรับตาม (๑) (ก) และ

(ข)

รายรับตาม (๑) (ข)

(๖)

สำหรับกิจการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไรตามมาตรา ๗๑/๒ (๖) รายรับจากการประกอบกิจการ คือ รายรับอื่นที่หักรายจ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น

(๗)

สำหรับกิจการขายหลักทรัพย์โดยกฎหมายว่าด้วยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยตลาดหลักทรัพย์ตามมาตรา ๗๑/๒ (๗) รายรับจากการประกอบกิจการ คือ รายรับอื่นที่หักรายจ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น

(๘)

สำหรับกิจการอื่นตามมาตรา ๗๑/๒ (๘) รายรับจากการประกอบกิจการ ให้เป็นไปตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา

มาตรา ๗๑/๕[๔๓๓] อัตราภาษีธุรกิจเฉพาะมีดังต่อไปนี้

(๑)

ร้อยละ ๐.๑ สำหรับรายรับตามมาตรา ๗๐/๕ (ข)

(๒)

ร้อยละ ๒.๕ สำหรับรายรับตามมาตรา ๗๐/๕ (ค) และมาตรา ๗๐/๕ (๔)

(๓)

ร้อยละ ๓.๐ สำหรับรายรับตามมาตรา ๗๐/๕ นอกจากกรณีตาม (๑) และ (๒)

มาตรา ๗๐/๗๔[๔๓๔] ให้บุคคลซึ่งประกอบกิจการที่อยู่ภายใต้บังคับของหมวดนี้เท่านั้นที่เสียภาษีตามบัญญัติในหมวดนี้

ในการนี้ผู้ประกอบกิจการอยู่ก่อนราชอาณาจักร ให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการประกอบกิจการ รวมตลอดถึงผู้จัดทำบัญชี ดำเนินการจัดทำการแบ่ง ซึ่งมีอำนาจในการจัดการแทนโดยตรงหรือโดยปริยายที่อยู่ในราชอาณาจักรเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีร่วมกับบุคคลตามวรรคหนึ่ง

มาตรา ๗๐/๗๕[๔๓๕] ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ เสียภาษีโดยคำนวณจากฐานภาษีตามมาตรา ๗๐/๕ ในเดือนแรกของปีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามอัตราภาษีที่กำหนดไว้ตามมาตรา ๗๐/๖ แต่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะกรณีรายเบิกจ่ายตามบทบัญญัติว่าด้วยการตรวจราชการแผ่นดิน มาตรา ๒๐ และ ๒๓ และ

การคำนวณรายรับตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามวิธีการ หลักเกณฑ์ และการปฏิบัติทางบัญชี และเพื่อประโยชน์ในการคำนวณรายรับ เมื่อได้เสียภาษีแล้วเป็นอย่างใดแล้วในเดือนปฏิบัติเป็นอย่างนั้น ให้ถือเป็นอย่างนั้น แม้แต่จะได้รับข้อมูลอันถือได้ว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ความในวรรคหนึ่งไม่กระทบกระเทือนถึงการหักค่าใช้จ่ายตามมาตรา ๖๕ ทวิ (๒) เฉพาะสำหรับกิจการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือกำไรตามมาตรา ๖๕ ทวิ (๖) และให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะเสียภาษีโดยคำนวณจากฐานภาษีตามมาตรา ๗๐/๕ (๑) ในเขตที่ดินทะเลสาบลิงค์และนิคมกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ตามอัตราภาษีที่กำหนดไว้ในมาตรา ๗๐/๖ รวมทั้งสิทธิอุทธรณ์การประเมินภาษีตามบทบัญญัติด้วยการอุทธรณ์ในส่วน ๒ หมวด ๑๐ ลักษณะ ๒[๔๓๖]

มาตรา ๗๐/๗๖[๔๓๗] ในกรณีการขายอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา ๖๕ ทวิ (๖) ให้สถาบันที่เป็นตัวแทนของผู้ขายที่มีหน้าที่ธุรกิจเฉพาะตามลักษณะนี้รายงานการขายในสาระสำคัญตามมาตรา ๖๕ ทวิ (๖) แทนผู้ขายในนามของตนเอง โดยผู้ขายไม่ต้องยื่นรายงานการขายอีก และให้ถือว่าผู้ขายเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะในกรณีนี้ด้วย

มาตรา ๗๐/๗๗[๔๓๘] ผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะยื่นแบบแสดงรายการตามแบบที่อธิบดีกำหนด โดยให้ยื่นพร้อมกับการชำระภาษี หรือหากมีรายการที่ ไม่จำเป็นต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะในเดือนนั้น ให้ยื่นแบบแสดงรายการในเดือนนั้นด้วย

การยื่นแบบแสดงรายการการเสียภาษีธุรกิจเฉพาะอาจกระทำได้ ให้ยื่นภายในวันสิ้นกำหนดเดือนถัดไป เว้นแต่มีเหตุอันสมควรที่อธิบดีเห็นชอบ การยื่นแบบแสดงรายการการเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ให้ยื่น ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่มีสถานประกอบการตั้งอยู่ ทั้งนี้ แต่ไม่ต้องถือข้อห้ามแต่เนื้อที่เบื้องอื่น ถ้าผู้มีหน้าที่เสียภาษีมีสถานประกอบการหลายแห่ง การยื่นแบบแสดงรายการภาษีและการชำระภาษีตามวรรคหนึ่ง ให้ยื่นเป็นรายสถานประกอบการ ทั้งนี้ หัวหน้าผู้มีหน้าที่เสียภาษีจะยื่นคำร้องต่ออธิบดีขอยื่นแบบแสดงรายการภาษีรวมกัน ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่แห่งใดแห่งหนึ่ง หรือ ณ สถานที่อื่นอีกท่านตามวรรคสามก็ได้ และเมื่ออธิบดีพิจารณาเห็นสมควรจึงอนุมัติได้ ความในวรรคหนึ่งถึงวรรคสี่ให้ใช้บังคับแก่การยื่นแบบแสดงรายการภาษีและการชำระภาษีของผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับบริการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไรตามมาตรา ๙๑/๖ (๒) โดยผู้มีหน้าที่เสียภาษีดังกล่าวต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษี ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่แห่งที่ตั้งอสังหาริมทรัพย์ พร้อมกับชำระภาษีต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมนั้น ในการชำระภาษีธุรกิจเฉพาะ ให้กรมสรรพากรจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะเพื่อกรมสรรพากรและห้ามพนักงานเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรยอมให้พักหรือบันทึกไว้ว่าผู้ชำระได้รับเงินภาษีดังกล่าวจะให้ครบจำนวนทุกต้องแล้ว ภาษีที่ได้ชำระแต่ละภาษีธุรกิจ ให้ส่งเป็นรายได้แผ่นดินตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด

มาตรา ๙๑/๑๐ การขอคืนภาษีธุรกิจเฉพาะ ให้กระทำได้ตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้

(๑)

ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษียื่นคำร้องขอคืนภาษีธุรกิจเฉพาะในสามสิบวันนับตั้งแต่วันที่ชำระภาษี

(๒)

คำร้องขอคืนภาษีจะยื่นไปตามแบบที่อธิบดีกำหนด และให้ยื่น ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ เว้นแต่ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีได้รับอนุมัติจากอธิบดีให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีรวมกัน ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่แห่งใดแห่งหนึ่งหรือ ณ สถานที่อื่นตามมาตรา ๙๑/๑๐ วรรคสี่ ก็ให้ยื่นคำร้องขอคืนภาษี ณ ที่แห่งนั้น

มาตรา ๙๑/๑๑ บุคคลซึ่งประกอบกิจการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา ๙๑/๒ โดยกิจการนั้นไม่ได้เริ่มประกอบกิจการในมาตรา ๙๑/๓ และผู้ประกอบกิจการไม่ได้รับเลขประจำตัวของผู้เสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา ๙๑/๗ ต้องชำระเงินภาษีธุรกิจเฉพาะ โดยให้ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะในสามสิบวันนับตั้งแต่วันเริ่มประกอบกิจการ

คำขอจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะตามวรรคหนึ่ง ให้ยื่นไปตามแบบที่อธิบดีกำหนด และให้ยื่น ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ ถ้าผู้ประกอบกิจการมีสถานประกอบการหลายแห่ง ให้ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่แห่งใดแห่งหนึ่งหรือ ณ สถานที่อื่นอีกท่านตามวรรคสามก็ได้ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ และการออกใบทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ ให้เป็นไปตามที่อธิบดีกำหนด ในกรณีผู้ประกอบการตามราชอาณาจักร ให้บุคคลดังกล่าวเป็นผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะด้วยตนเองในการขอจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะของผู้ ประกอบกิจการที่อยู่ในรายการขาดจากจักรด้วย

มาตรา ๗๐/๑๕๔[444] ผู้ประกอบกิจการดังต่อไปนี้ไม่ต้องจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ

(๑)

ผู้ประกอบกิจการขายหลักทรัพย์ตามมาตรา ๗๗/๒ (๗)

(๒)

ผู้ประกอบกิจการที่ประกอบกิจการเป็นการซื้อขาย

(๓)

ผู้ประกอบกิจการอื่นตามที่อธิบดีประกาศกำหนดเมื่อมีเหตุอันสมควร ให้อธิบดีมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขเพื่อพิจารณากำหนดว่าการประกอบกิจการในลักษณะใดเป็นการประกอบกิจการซื้อขายตาม (๒)

มาตรา ๗๐/๑๕๕[445] ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ มีหน้าที่ทำรายงานแสดงรายรับอันหักรายจ่ายต้องเสียภาษี และรายรับที่ไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษี

รายงานที่ต้องจัดทำตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีกำหนดและให้จัดทำเป็นรายสถานประกอบการ วิธีการยกเว้นในการรายงาน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่อธิบดีกำหนดและการลงรายการในรายงานให้ลงภายในเวลาที่กำหนดเว้นแต่มีเหตุจำเป็นที่มิอาจลงรายการได้ภายในเวลาที่กำหนด ให้ลงรายการในรายงานดังกล่าวในกรณีที่มีเหตุจำเป็นดังกล่าวโดยเร็วที่สุดหลังจากที่เหตุจำเป็นนั้นสิ้นสุดลง

มาตรา ๗๐/๑๕๖[446] ในกรณีที่มีการตรวจสอบรายงานและพบว่า

(๑)

ปรากฏแก่เจ้าพนักงานประเมินว่าผู้มีหน้าที่เสียภาษีได้ยื่นแบบแสดงรายการภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด

(๒)

ในกรณีเจ้าพนักงานประเมินเห็นหลักฐานแสดงว่าผู้มีหน้าที่เสียภาษียื่นแบบแสดงรายการไม่ถูกต้อง หรือมีข้อผิดพลาดทำให้อำนาจการที่จะต้องเสียคลาดเคลื่อนไป หรือ

(๓)

ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือผู้มีหน้าที่อื่นยื่นแบบแสดงรายการแทนผู้ประกอบกิจการไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์รายงานเจ้าพนักงานประเมิน หรือไม่ชอบด้วยคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร หรือไม่สามารถแสดงหลักฐานเพื่อการคำนวณภาษี

มาตรา ๗๐/๑๕๗[447] เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามมาตรา ๗๐/๑๕ เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจ

(๑)

ออกคำสั่งการตรวจสอบแบบแสดงรายการตามหลักฐานที่เจ้าพนักงานประเมินเห็นว่าถูกต้องเมื่อผู้ประกอบกิจการมิได้ยื่นแบบแสดงรายการ

(๒)

แก้ไขเพิ่มเติมรายการในแบบแสดงรายการหรือในเอกสารอื่นประกอบแบบแสดงรายการเพื่อให้ถูกต้อง ```

(๓)

กำหนดราคาขายสินค้าโดยเปรียบเทียบกับราคาขายในวันเดียวกัน หรือใกล้เคียงกันของสินค้าประเภทหรือชนิดเดียวกันตามราคาตลาดที่อาจเปรียบเทียบได้

(๔)

กำหนดดอกเบี้ย ส่วนลด ค่าธรรมเนียม ค่าบริการ ค่าใช้จ่ายที่หักจากรายได้ ๆ จากการซื้อหรือขายเงินทรัพย์แลกเปลี่ยนหรือซื้อขายเงินตรา การออกตั๋วเงิน หรือการตั้งเงินไว้ต่างประเทศตามราคาตลาดที่อาจเปรียบเทียบได้

(๕)

กำหนดรายรับซึ่งผู้ประกอบกิจการจะได้รับ เพราะผู้ประกอบกิจการนั้นผู้ซื้อมีการควบคุมหรือความสัมพันธ์กันในฐานะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ

(๖)

กำหนดดอกเบี้ย ราคาพิเศษ หรือค่าบริการตามราคาตลาดในวันให้กู้ยืมเงิน วันที่โอน หรือให้บริการ ในกรณีที่การให้กู้ยืมเงิน การโอนทรัพย์สิน หรือการให้บริการไม่มีกอกเบี้ย ค่าตอบแทน หรือค่าบริการ หรือมีดอกเบี้ย ค่าตอบแทน หรือค่าบริการต่ำกว่าราคาตลาดโดยไม่มีเหตุอันสมควร

(๗)

กำหนดรายรับโดยพิจารณาถึงฐานความเป็นอยู่หรือพฤติกรรมของผู้ประกอบกิจการ หรือสถิติการค้าของผู้ประกอบกิจการหรือของผู้ประกอบกิจการอื่น ๆ ที่กระทำการทำนองเดียวกันหรือพิจารณาจากหลักเกณฑ์อย่างอื่นอันสมควรซึ่งได้โดยสมควร

(๘)

ประเมินภาษีรายปีที่เพิ่มขึ้นหรือหรือลดลงจากฐานดังต่อเมื่อมีกรณีตามมาตรา ๘๐/๑๔ (๓) โดยไม่ต้องปฏิบัติตาม (๑) ถึง (๗) ก็ได้

มาตรา ๘๐/๑๔[๔๔๘] สำหรับหมวดนี้ ถ้าในเดือนภาษีใดไม่มีรายได้หรือรายจ่ายที่ไม่ต้องเสียภาษีตามมาตรา ๘๐/๑๔

มาตรา ๘๐/๑๕[๔๔๙] บุคคลใดประกอบธุรกิจเฉพาะชั่วคราวหรือเสียภาษีธุรกิจเฉพาะประกอบกิจการโดยไม่จดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา ๘๐/๑๖ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

บุคคลตามมาตรา ๘๐/๑๖ วรรคหน้า ละเลยไม่ดำเนินการเกี่ยวกับการจดทะเบียนของผู้ประกอบกิจการที่อยู่ในการชำระภาษีธุรกิจเฉพาะ ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับวรรคหนึ่ง

มาตรา ๘๐/๑๗[๔๕๐] ผู้ที่ทำให้เสียภาษีธุรกิจเฉพาะชั่วคราวหรือผู้ใด ไม่ต้องทำรายงานตามมาตรา ๘๐/๑๖ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๘๐/๒๐[๔๕๑] ผู้ที่ทำให้เสียภาษีธุรกิจเฉพาะผู้ใด จัดทำรายงานโดยไม่เป็นไปตามแบบหรือวิธีไม่ต้องทำรายงานตามมาตรา ๘๐/๑๖ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๘๐/๒๑[๔๕๒] ให้บันทึกบัญชีตามที่กำหนดในหมวด ๔ ตั้งแต่บัดนี้ ให้ใช้บังคับโดยอนุโลม

(๑)

ส่วน ก การยื่นแบบและการชำระภาษี มาตรา ๘๐/๑๔ และมาตรา ๘๐/๑๕ ```

(ข)

ส่วน ๘ เครติดการชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม มาตรา ๘๔/๗

(ค)

ส่วน ๙ การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม มาตรา ๘๔/๘ มาตรา ๘๔/๙ มาตรา ๘๔/๑๐ มาตรา ๘๔/๑๑ มาตรา ๘๔/๑๒ มาตรา ๘๔/๑๓ มาตรา ๘๔/๑๔ มาตรา ๘๔/๑๕ มาตรา ๘๔/๑๖ มาตรา ๘๔/๑๗ มาตรา ๘๔/๑๘ และมาตรา ๘๔/๑๙

(ง)

ส่วน ๑๐ การจัดทำรายงาน และการเก็บรักษาหลักฐานและเอกสาร มาตรา ๘๔/๒๐

(จ)

ส่วน ๑๑ อำนาจเจ้าพนักงานประเมิน มาตรา ๘๔/๒๑ มาตรา ๘๔/๒๒ และมาตรา ๘๔/๒๓

(ฉ)

ส่วน ๑๒ เบี้ยปรับ - เงินเพิ่ม ทุกมาตรา

(ช)

ส่วน ๑๓ บทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้องกับบทบัญญัติมาตราต่างๆข้างต้น รวมทั้ง มาตรา ๙๐/๔

มาตรา ๙๗ (ยกเลิก)

มาตรา ๙๗/๑ (ยกเลิก)

หมวด ๕

ภาษีป้าย

มาตรา ๙๘ ถึง มาตรา ๑๐๖ และบัญชีอัตราภาษีป้าย (ยกเลิก)

หมวด ๖

อาการแสดงปี

มาตรา ๑๐๗ ในหมวดนี้ เว้นแต่ข้อความจะแสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่น

"ตราสาร" หมายความว่า เอกสารที่ต้องเสียอากรตามหมวดนี้ "กระดาษ" หมายความตลอดถึงแผ่นหนังฟอกหรือสิ่งอื่น ๆ ซึ่งใช้เขียนตราสาร "แสตมป์" หมายความว่า แสตมป์อันพิมพ์หรือแสตมป์อันบรรจุในแผ่นแสตมป์ปัจจุบันกระดาษนี้ ให้หมายความรวมถึงแสตมป์พิมพ์บนกระดาษด้วย ทั้งนี้ตามที่กำหนดหลักเกณฑ์โดยกฎกระทรวง "กระดาษ" เมื่อใช้เกี่ยวกับตราสาร หมายความว่า การลงลายมือชื่อออกมาในบัญชีต้นฉบับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ "ปิดแสตมป์" หมายความว่า การปิดแสตมป์กับตราสาร หรือการมีแสตมป์บนตราสาร "ตีดวง" หมายความว่า การกระทำเพื่อให้แสตมป์ใช้ได้ โดยในกรณีแสตมป์ปิดต้นได้ลงลายมือชื่อ หรือสิ่งอื่นๆบนแสตมป์ หรือใช้เครื่องหมาย แสดงมีปิดทับกระดาษ และลงวัน เดือน ปีที่กระทำสิ่งเหล่านี้ด้วย ในกรณีแสดงปัญจุบันได้เขียนบนเอกสารหรือยื่นเอกสาร ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประทับแสดงปัญจุบันให้แสดงปัญจุบันปรากฏอยู่ในด้านหน้าของเอกสารนั้น "ปิดแสดงปัญจุบัน[459][458]" หมายความว่า

(๑)

ในกรณีแสดงปิดทับ คือการได้เสียอากรโดยปิดแสดงปัญจุบันกระดาษก่อนกระทำหรือในหน้าที่ที่ทำเอกสารเป็นราคาไม่ใช่อากรที่ต้องเสียและชำระแล้วได้ต่อแสดงปัญจุบันแล้ว หรือ

(๒)

ในกรณีแสดงปัญจุบัน คือการได้เสียอากรโดยใช้กระดาษแสดงปัญจุบันเป็นราคาไม่ใช่อากรที่ต้องเสียและชำระแล้ว หรือโดยยื่นเอกสารให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประทับแสดงปัญจุบัน และชำระเงินเป็นจำนวนไม่ใช่อากรที่ต้องเสียและชำระแล้ว หรือ

(๓)

ในกรณีชำระเป็นตัวเงิน คือ การได้เสียอากรเป็นตัวเงิน เป็นราคาไม่น้อยกว่าอากรที่ต้องเสียตามบัญชีในหมวดนี้ หรือตามระเบียบซึ่งอธิบดีจะได้กำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี การปิดแสดงปัญจุบันตามที่กำหนดใน (๑) และ (๒) ดังกล่าวข้างต้นนั้นให้ถือเป็นอันชำระเงินปฏิบัติตามหน้าที่ใน (๓) แทนได้ "ในวัน" หมายความว่า

(ก)

บันทึก หรือหนังสือใด ๆ ที่เป็นหลักฐานแสดงว่าเอกสารนั้น ได้รับเก็บภาษีหรือชำระหรือปลดให้แล้ว หรือ

(ข)

บันทึก หรือหนังสือใด ๆ ที่เป็นหลักฐานแสดงว่าหนังสือสิทธิเรียกร้องได้รับชำระหรือปลดให้แล้ว บันทึก หรือหนังสือที่กล่าวนั้นจะมีลายชื่อของบุคคลใด ๆ หรือไม่ ไม่สำคัญ "พนักงานเจ้าหน้าที่" หมายความว่า เจ้าพนักงานซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง "นายตรวจ"[460] หมายความว่า เจ้าพนักงานกรมสรรพสามิตแต่งตั้ง

ส่วน ๑

การเสียอากร

มาตรา ๑๐๘ ตราสารที่อยู่ในบังคับหมวดนี้ ต้องปิดแสดงปัญจุบันตามอัตราที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายนี้

มาตรา ๑๐๙[461] ในกรณีต่อไปนี้ ผู้ขาย ผู้ซื้อ ผู้จ่ายเงินหรือผู้รับราคา ในหน้าที่ซึ่งตราสารนั้นเกี่ยวข้องกับการเสียอากร ผู้เกี่ยวข้องในหน้าที่ซึ่งตราสารนั้นเกี่ยวข้องกับการเสียอากร หรือรับจ้างทำตราสารนั้น ต้องเสียอากรตามอัตราที่กำหนดในบัญชีท้ายนี้

(๑)

การรับเงินหรือรับราคาจากการขายการจำนองการแลกเปลี่ยนการให้บริการของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมตามมาตรา ๑๐๔ และการรับเงินรับราคาจากการ การระทำกิจการของผู้ประกอบกิจการที่ต้องจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามหมวด 5 ซึ่งรวมเงินหรือรางวัลที่ได้รับหรือรายได้สุทธิเกินจำนวนเงินตามที่อธิบดีกำหนด แต่อธิบดีจะกำหนดเกินหนึ่งพันบาทไม่ได้

(ข)

การรับเงินหรือรับรางวัลจากในการเสี่ยงโชคซึ่งรวมเงิน หรือรางวัลที่ได้รับชำระแต่ละครั้งเกินจำนวนเงินตามที่อธิบดีกำหนด แต่อธิบดีจะกำหนดเกินหนึ่งพันบาทไม่ได้ ถ้าการรับเงินหรือรับรางวัลจากในการเสี่ยงโชคมีจำนวนเกินกว่าที่อธิบดีกำหนดตาม (ก) หรือ (ข) แต่มีมูลค่าไม่เกินเงินหรือรางวัลจากในการเสี่ยงโชคตามที่กำหนด ให้ออกใบรับทุกคราวในทันทีที่รับเงินหรือรับรางวัลจากนั้น ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งได้ออกใบกำกับภาษีที่มีข้อความแสดงว่าได้รับเงินหรือรับรางวัลแล้ว จะถือเอาใบกำกับภาษีนั้นเป็นใบรับที่ต้องออกตามมาตรานี้ได้

มาตรานี้ไม่ใช้บังคับแก่การจำหน่ายแสดงปิดการ หรือแสดงปิดของรัฐบาลที่ยังมิได้ใช้

มาตรา 108 ทวิ[462] ในการออกใบรับ ให้ผู้มีหน้าที่ออกใบรับตามมาตรา 108 (4) หรือผู้มีหน้าที่ออกใบรับตามมาตรา 108 (2) แสดงข้อความที่เป็นปกติธุระ ทำขึ้นเพื่อรับหรือรับเงิน และเก็บไว้เป็นตัวสำเนาใบรับดังกล่าวไว้ไม่น้อยกว่าสิบปีนับแต่วันออกใบรับ[463]

ถ้ามีการออกใบรับหรือรับรางวัลจากการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามใบรับตามวรรคหนึ่ง ไม่มีข้อความที่เป็นปกติธุระ ให้ถือว่าไม่ได้ออกใบรับ ใบรับและสำเนา หรือสำเนาใบรับตามวรรคหนึ่ง อย่างน้อยต้องมีลำดับเลขไทยหรืออารบิก และอักษรไทยให้ปรากฏข้อความต่อไปนี้

(ก)

[464] เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ต้องออกใบรับ

(ข)

ชื่อหรือชื่อย่อของผู้ต้องออกใบรับ

(ค)

เลขลำดับของเล่มและของใบรับ

(ง)

วันเดือนปีที่ออกใบรับ

(จ)

จำนวนเงินที่รับ

(ฉ)

ชื่อ ชนิด จำนวนเงินและราคาสินค้าในการดำเนินการตามที่ระบุไว้ในใบรับสินค้าเฉพาะรายที่มีการออกใบรับหรือรางวัลที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามที่กำหนดไว้ข้างต้น ในกรณีที่มีการออกใบรับหรือรับรางวัลจากการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะที่กำหนดไว้ในประเทศไทยซึ่งมีการออกใบรับหรือรางวัลที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามที่กำหนดไว้ในประเทศไทย ให้ถือว่า “ข้อความในใบรับตามมาตรานี้” มีค่าเป็นภาษาอังกฤษประเทศให้มีการนำมาใช้ได้ด้วย ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่กิจการตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๑๐๔ ตรี[๔๖๕] ในกรณีที่ผู้ประกอบการตามมาตรา ๑๐๓ ต้องการจดทะเบียนมูลค่าเพิ่ม หรือผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ รับเงินหรือรับชำระราคาสินค้าครั้งหนึ่ง ๆ ไม่ถึงจำนวนที่ต้องยื่นคำขอตามมาตรา ๑๐๓ (๑) ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ รวมถึงร้านค้าเฉพาะในการติดตั้งเครื่องทุกครั้งและเมื่อสิ้นวันหนึ่ง ๆ ได้จำนวนเท่าใด ให้ทำบันทึกจำนวนเงินนั้นรวมสิ้นวันนั้น ๆ ตามแบบที่อธิบดีกรมสรรพากรและแก้ไขเพิ่มเติมไว้เป็นบางคราวให้บันทึกจำนวนเงินนั้นทันที

มาตรา ๑๐๔ จัตวา[๔๖๖] ในการขายสินค้าผู้ประกอบการตามมาตรา ๑๐๓ ที่เป็นผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออกหรือผู้ขายส่ง เพื่อการขายสินค้าดังกล่าวให้แก่ผู้ซื้อ ให้ผู้ซื้อจัดทำใบส่งของให้แก่ผู้ขายในวันเวลาที่ได้รับสินค้านั้น โดยใบส่งของนั้นจะต้องมีข้อความอย่างน้อยดังต่อไปนี้

(๑)

ชื่อ หรือชื่อและเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ขาย

(๒)

ชื่อ หรือชื่อของผู้ซื้อ

(๓)

เลขลำดับของเล่ม (ถ้ามี) และของใบส่งของ

(๔)

วัน เดือน ปี ที่ออกใบส่งของ

(๕)

ชื่อ ชนิด จำนวน และราคาของสินค้าที่ขายซึ่งได้จ่ายไปนั้นจะใช้เลขอารบิกแทนก็ได้ ผู้ประกอบการจดทะเบียนมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๑๐๓ ซึ่งได้ออกใบส่งของการซื้อขายสินค้าดังกล่าวไม่เป็นไปตามที่กำหนดแล้ว จะถือเอาใบกำกับภาษีมาใช้เป็นใบส่งของที่ต้องออกตามมาตรานี้ไม่ได้

มาตรา ๑๐๕[๔๖๗] ในรับที่ต้องมีใบแสดงสภาพปัจจุบัน แม้ไม่อยู่ในบังคับให้จำต้องออกใบรับตามความในมาตรา ๑๐๔ เมื่อผู้มีส่วนได้เสียเรียกร้อง ผู้มีหน้าที่ออกใบรับต้องออกให้ทันทีที่ผู้เรียกร้อง

มาตรา ๑๐๖ เว้นแต่ที่บัญญัติในมาตรา ๑๐๓ ข้าให้เสียค่าธรรมเนียมอย่างอื่นซึ่งหน้าที่เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้เสียให้เป็นไปตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้

ถ้าผู้มีหน้าที่ต้องเขียนหนังสือไม่เป็น จะให้ผู้อื่นเขียนแทนโดยมีพยานเป็นผู้ลงนามก็ได้ ถ้าผู้มีหน้าที่ต้องทำไม่อยู่ด้วยตน หรือไม่อยู่ด้วยที่หรือการจัดทำได้ ให้ผู้พิพากษาหรือผู้มีอำนาจจัดทำแทนได้

มาตรา ๑๐๗ ถ้าตำราหรือหลายลักษณะต้องทำขึ้นในที่เดียวกัน ให้บรรจุรวมกันเป็นเล่มเดียวกัน หรือเป็นฉบับเดียวกัน เช่น แสดงบัญชีรายรับรายจ่าย หรือทำการจดทะเบียนหรือทำการบันทึกการซื้อขาย ให้บรรจุรวมกันในที่เดียวกัน และขายสิ่งที่บรรจุในเล่มเดียวกันนั้น ซึ่งสามารถทำควบรวมกันได้ ต้องเป็นแสดงใบรับรองให้มีระบุลักษณะหรือการจัดทำอื่น ๆ โดยใบแสดงสภาพปัจจุบันและการบรรจุแยกให้ไว้ในฐานะที่จัดทำโดยผู้ใด และแสดงโดยใครสำหรับบรรดาสาระหรือเรื่องใด

มาตรา ๑๐๘ สัญญาใดเป็นตราสาร จึงเกิดขึ้นโดยมีหนังสือได้ตอบกัน และได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ ถ้าสัญญาใดทำ หนังสือฉบับหนึ่งส่วนใดขาดว่าเป็นในการทำให้เกิดสัญญานั้นขึ้นได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ตามอากรและชื่อแสตมป์แล้ว ให้ถือว่าสัญญานั้นได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว

มาตรา ๑๐๙ คู่ฉบับหรือคู่สำเนาตราสารใด แม้จะได้ปิดแสตมป์สำหรับคู่ฉบับหรือคู่สำเนาแล้วก็ตามในบัญชีอัตราพวกนั้นก็ดี ถ้าได้ใช้ตราสารฉบับนั้นหรือพวกหลักฐานแสตมป์ให้เห็นพ้องใจว่าตราสารฉบับนั้นได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว มิให้ถือว่าคู่ฉบับหรือคู่สำเนานั้นได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ตามว่าได้เสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนอากรสำหรับตราสารฉบับนั้นแล้ว

มาตรา ๑๑๐ ถ้าตราสารที่ต้องเสียอากรได้ทำขึ้นนอกราชอาณาจักร ให้เป็นหน้าที่ของผู้ทรงตราสารคนแรกในสยามต้องเสียอากรโดยปิดแสตมป์บริบูรณ์ตามจำนวนอากรและชื่อค่า ภายใน ๖๐ วัน นับแต่ได้รับตราสารนั้น ถ้าไม่ปฏิบัติตามนี้ให้ถือว่าตราสารที่ได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์

ถ้าได้ปฏิบัติตามความในวรรคก่อน ผู้ทรงคนใดคนหนึ่งแห่งตราสารต้องเสียอากรโดยปิดแสตมป์บริบูรณ์ตามจำนวนอากรและชื่อค่าเสียก่อน แล้วจึงจะยื่นตราสารนั้นให้จ่ายเงิน รับรอง ละลักษณ์ โดย หรือถือเอาประโยชน์ได้ ผู้ทรงตราสารคนใดได้เสียอากรตามความในวรรคแรกนั้นให้แสดงตราสารก่อนพันหน้าหนังสือพิมพ์ไว้ในราชอาณาจักรแห่งหนึ่งแห่งใดว่าได้เสียอากรโดยปิดแสตมป์บริบูรณ์ตามจำนวนอากรและชื่อค่าได้ โดยมีลักษณะเป็นการแสดงคนพอ ๆ

มาตรา ๑๑๑ ถ้าตราสารที่ได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้วสูญหาย ให้ใช้สำเนาตราสารนั้นแทนได้โดยมีคำรับรองของเจ้าพนักงาน และให้ถือสำเนานั้นเสมือนตราสารที่เสียอากร หรือหลักคำอากรจากเงินที่จะชำระค่าได้

ส่วน ๒

เบ็ดเตล็ด

มาตรา ๑๑๒ ตราสารใดได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ ผู้มีหน้าที่เสียอากร หรือผู้ทรงตราสารหรือผู้ถือเอาประโยชน์ ของที่อยู่ยื่นตราสารนั้นต่อเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ขอเสียอากรได้ เมื่อเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับตราสารแล้ว ให้อนุมัติให้เสียอากรภายในบังคับแห่งบทบัญญัตินี้ต่อไปนี้

๑. (๔๖๘) ถ้าตราสารที่ได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์นั้น เป็นตราสารที่กระทำในประเทศใด เมื่อผู้ขอเสียอากรได้ยื่นตราสารต่อเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว เจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ต้องอนุมัติให้เสียอากรในบัญชีท้าย ๑๕ วันนั้นแต่ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ ก็ให้อุมัติให้เสียเพียงอากรตามชื่อค่าในบัญชีท้ายหมวดนี้ ๒. ถ้าการณีเป็นอย่างอื่น ก็ให้อุมัติให้เสียอากร และให้เรียกเก็บเงินเพิ่มอากร ดังต่อไปนี้ด้วย

(ก)

ถ้าปรากฏต่อเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ว่า ตราสารที่ได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์นั้นล่วงมาไม่เกินหนึ่งเดือน ๔๐ วันนับแต่ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ ให้เรียกเก็บเงินเพิ่มอากรเป็น เท่าจำนวนอากร หรือเป็นเงิน ๕ บาท แล้วแต่จำนวนใดจะมากกว่า

(ข)

ถ้าปรากฏต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่า ตราสารมิได้แสดงปริบูรณ์เป็นเวลาหนึ่งกำหนด 90 วันนับแต่วันที่ต้องแสดงปริบูรณ์แล้ว ให้เรียกเก็บเงินเพิ่มการเป็น 5 เท่าของอากร หรือเป็นเงิน 10 บาท แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า

มาตรา 104(469) โดยการตรวจสอบตามความในมาตรา 103 นี้ โดยการกล่าวหาแห่งความของบุคคลใด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าพนักงานรัฐหรืมิใช่ก็ตาม ให้ถือว่า

(ก)

มิได้มีการออกใบรับในกรณีที่ต้องออกใบรับตามความในมาตรา 104 หรือมาตรา 109 ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ต้องการเรียกเก็บเงินอากรครบครัน และเงินเพิ่มการอีกเป็นจำนวน 5 เท่าของเงินอากร หรือเป็นเงิน 25 บาท แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า

(ข)

ตราสารมิได้แสดงปริบูรณ์ โดย

(ก)

มิได้แสดงปิเลย ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ต้องการเรียกเก็บเงินอากรครบครัน และเงินเพิ่มการอีกเป็นจำนวน 2 เท่าของเงินอากรที่ต้องเสีย หรือเป็นเงิน 25 บาท แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า

(ข)

เป็นแสดงปิเมื่อภายหลังอากรที่ต้องเสีย ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ต้องการเรียกเก็บเงินอากรครบครัน และเงินเพิ่มอีกเป็นจำนวน 2 เท่าของเงินอากรที่ต้องเสีย หรือเป็นเงิน 25 บาท แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า

(ค)

ในกรณีนี้ ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจเรียกเก็บเงินเพิ่มการเป็นจำนวน 2 เท่าของเงินอากร หรือเป็นเงิน 10 บาท แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า วรรคสอง(470) (ยกเลิก)

มาตรา 105(471) เมื่ออากรและเงินเพิ่มการที่กล่าวในมาตรา 103 และมาตรา 104 นั้น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ต้องการเรียกเก็บจากผู้ที่มีหน้าที่เสียอากร ถ้าไม่ได้แจ้งแก่ผู้ที่มีหน้าที่เสียอากร จึงให้ถือการเรียกเก็บจากผู้ทรงตราสารหรือผู้ถืออาประโยชน์แห่งตราสารนั้น

ผู้ถูกเรียกเก็บเงินอากรและเงินเพิ่มการตามความในวรรคก่อนอุทธรณ์คำสั่งได้ ทั้งนี้ ให้ฟ้องบัญญัติว่าด้วยอากรตราสารตามส่วน หมวด 2 ลักษณะ 6 มาใช้บังคับโดยอนุโลม

มาตรา 106(472) วิธีเสียเงินอากรและเงินเพิ่มการดังบัญญัติไว้ในมาตรา 103 หรือมาตรา 104 ให้เสียโดยวิธีชำระเงินแล้วมอบให้พนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อป้องกันระยะเวลานั้น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกใบรับเงินให้แก่ผู้เสียอากร และให้ถือว่าเป็นการไม่มีสิทธิบังคับการ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันมิให้เกิดการเสียอากรซ้ำซ้อนในกรณีที่ตราสารนั้นได้มีการส่งไปยังผู้มีอำนาจเสียอากรแล้ว และต้องมีการออกใบรับเงินให้แก่ผู้เสียอากรนั้นไว้เป็นหลักฐาน

มาตรา 107(473) ตราสารหรือหลักฐานตามความในมาตรา 106 ที่มิได้เสียอากร หรือเสียอากรและเงินเพิ่มการตามความในมาตรา 103 หรือมาตรา 104 ให้ถือว่าเป็นตราสารที่มิได้แสดงปริบูรณ์ ส่วนเงินเพิ่มการที่เรียกเก็บนั้นให้ถือว่าเป็นเงินเพิ่ม

มาตรา 108 ตราสารใดไม่ได้แสดงปริบูรณ์ จะใช้บังคับ คู่ฉบับ คู่สัญญา หรือสำเนาตราสารนั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ เว้นแต่จะได้เสียอากรโดยปิ.

แสดงข้อความจำนวนมาตราในบัญชีท้ายหมวดนี้ และเช็ดท่าแล้ว แต่ทั้งนี้ ไม่เป็นการเสื่อมสิทธิหรือเรียกเงินเพิ่มจากกรณีมาตรา ๑๑๑ และมาตรา ๑๑๘

มาตรา ๑๑๑ ตราสารซึ่งเจ้าพนักงานรัฐจานหรือเทศบาลต้องลงนามหรือรับรองให้ ตราสารซึ่งต้องที่เจ้าพนักงานรัฐจานหรือเทศบาลต้องลงนามหรือรับรองให้ เจ้าพนักงานรัฐจานหรือเทศบาลลงนามก็ได้ ทั้งนี้ให้เจ้าพนักงานลงนามรับรู้ ยอมให้ทำหรือรับทำให้ตามวาระโดยมิได้แสดงเป็นสมบัติบริจาคตามเงื่อนไขบัญชีท้ายหมวดนี้ และมาตรา ๑๑๘ ไม่เป็นการเสื่อมสิทธิหรือเรียกเงินเพิ่มจากกรณีมาตรา ๑๑๑ และมาตรา ๑๑๘

มาตรา ๑๒๐ ผู้ใดได้เสียอากรหรือค่าภาษีอากรโดยมิใช่เป็นผู้ที่มีหน้าที่เสีย ผู้นั้นมีสิทธิไล่เบี้ยเอาค่าอากรหรือค่าเพิ่มอากรซึ่งตนได้เสียไปจากบุคคลผู้ที่แท้เสียได้

มาตรา ๑๒๑(474) ถ้าภาษีที่ต้องเสียอากรเป็นรัฐบาล เจ้าพนักงานผู้กระทำงานของรัฐบาลโดยหน้าที่ บุคคลผู้กระทำการในนามของรัฐบาล องค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่น สภากาชาดไทย วัดอารามหลวง และองค์การกุศลต่าง ๆ ในราชอาณาจักรซึ่งเป็นนิติบุคคล อาการนั้นจึงไม่ต้องเสีย แต่ย่อมทำให้เงินนั้นให้แก่องค์การของรัฐบาลที่แท้หรือหน่วยงานเพื่อประโยชน์ของการพาณิชย์ หรือการพาณิชย์ซึ่งองค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่นนั้นผู้มีอำนาจ

มาตรา ๑๒๒ ผู้ใดได้เสียอากรหรือค่าภาษีเพิ่มจากเงินที่ไม่เกินกว่า ๒ บาท สำหรับการสำคัญสัญญาเดียวหรือเรื่องเดียว ผู้นั้นย่อมที่จะกล่าวถึงกันหรือย่อมต่อหน้าที่หน้าที่เจ้าพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้คืนเงินที่ได้เสียไปนั้นได้ แต่ถ้าผู้ใดได้เสียอากรหรือค่าภาษีเพิ่มจากเงินที่เกินกว่า ๒ บาท แต่ไม่เกินกว่า ๕ บาท ผู้นั้นย่อมที่จะกล่าวถึงกันหรือย่อมต่อหน้าที่หน้าที่เจ้าพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้คืนเงินที่ได้เสียไปนั้นได้เช่นกัน

มาตรา ๑๒๓(475) เมื่อมีเหตุสมควร หน้าที่งานเจ้าหน้าที่ที่หรือขายตรวจมีอำนาจดำเนินในสถานการณ์ หรือสถานที่ที่เกี่ยวข้องระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก หรือในสถานที่มีการขออนุญาตการค้าหรือสถานที่นั้น เพื่อทำการตรวจเอกสารว่าได้แสดงสมบูรณ์หรือสมควรในมาตรา ๑๑๑ มาตรา ๑๑๘ หรือทำการตรวจเอกสารว่าได้ออกใบรับรองตามในมาตรา ๑๑๑ มาตรา ๑๑๘ หรือทำการตรวจเอกสารว่าได้ออกใบรับรองตามในมาตรา ๑๑๑ หรือทำการตรวจเอกสาร หรือเก็บบันทึกตามกฎหมายมาตรา ๑๑๑ ศรีหรือไม่ กับมีอำนาจยึดเอกสาร หรือเอกสาร และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการกระทำการ ผู้บรรดาราชการ หรือผู้มีอำนาจประโยชน์มาตรา ๑๑๑ และพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเรื่องดังไฉนได้

มาตรา ๑๒๔ หรือ ทวี(476) เพื่อให้การบังคับการในหมวดนี้เป็นไปโดยชอบ ให้ดำเนินโดยมติผู้บังคับบัญชาตามวิธีการให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามวิธีการที่เหมาะสมได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้บังคับใช้ได้

ให้ถือความสะดวกของผู้มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง การปฏิบัติการให้ชัดเจนตามความในมาตรา ๑๑๑ หรือปฏิบัติการตามมาตรา ๑๑๑ หรือปฏิบัติการตามมาตรา ๑๑๑ หรือมาตรา ๑๑๘ ดังนั้น ดำเนินโดยมติผู้บังคับบัญชา ซึ่งมีอำนาจกำหนดวิธีการให้ปฏิบัติอย่างอื่น หรืออาจทำให้ไม่ให้ต้องปฏิบัติได้

มาตรา ๑๒๑ ตรี(477) ถ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีเหตุอันควรเชื่อว่าจำนวนเงินที่แสดงไว้ในใบรับตามลักษณะแห่งมาตรา ๒๖ (๗) และ (๘) แห่งบัญชีอัตราการแสดงมีต่ำไป พนักงานเจ้าหน้าที่ดังกล่าวทำการคำนวณเงินที่แสดงไว้ในใบรับนั้นเทียบกับจำนวนเงินที่สมควรได้รับตามมาได้ และให้ผู้ออกใบรับหน้าที่เสียอากรจากจำนวนเงินที่กำหนดนั้น

ผู้ออกใบรับซึ่งถูกกำหนดจำนวนเงินตามวรรคหนึ่งจะอุทธรณ์การกำหนดจำนวนเงินนั้นได้ ทั้งนี้ ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยการอุทธรณ์ตามส่วน ๒ หมวด ๒ ลักษณะ ๒ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

ส่วน ๓

บทลงโทษ

มาตรา ๑๒๒(478) ผู้ใดมีหน้าที่เสียอากร หรือชำระแสดงปี เพิกเฉยหรือปฏิเสธไม่เสียอากร หรือไม่ชำระแสดงปี ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท

มาตรา ๑๒๓(479) ผู้ใดออกใบรับไม่ต้อง ๑๐ บาท สำหรับบุคคลตั้งแต่ ๑๐ บาทขึ้นไป หรือแบบแผนลูกจ้างที่ได้ระบุไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียอากร หรือมีเจตนา หรือทำ สาระให้ผิดความจริง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองร้อยบาท

มาตรา ๑๒๔(480) ผู้ใดออกใบรับจำนวนเงินเดือนที่ต้องแสดงแสดงปีเป็นเท็จ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท

มาตรา ๑๒๕(481) ผู้ใดไม่ทำหน้าที่เสียอากรตามมาตรา ๙๘ หรือไม่ออกใบรับตามมาตรา ๑๐๘ หรือไม่แสดงความจริงในใบรับ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท

มาตรา ๑๒๖(482) ผู้ใดโดยเจตนาหรือโดยสมคบกับผู้อื่นทำให้ไม่มีการออกใบรับ หรือไม่ออกใบรับในพื้นที่ที่รับเงินหรือรับทรัพยากรตามมาตรา ๑๐๘ หรือออกใบรับเป็นจำนวนเงินอย่างที่รับเงินหรือรับทรัพยากรจริง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือทั้งปรับทั้งจำ

มาตรา ๑๒๗(483) ผู้ใดอยู่ในอำนาจไม่อำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือพนักงานตรวจ ในการปฏิบัติหน้าที่ที่พึงต้องปฏิบัติ หรือจงใจไม่ปฏิบัติค่าธรรมเนียม หรือไม่ปฏิบัติตามระเบียบอากร หรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ หรือทำการขัดขวาง หรือทำการในลักษณะเป็นอุปสรรคแก่เจ้าหน้าที่ หรือพนักงานตรวจ ตามมาตรา ๙๘ มาตรา ๑๐๘ หรือไม่ออกใบรับตามแบบที่เจ้าหน้าที่กำหนด ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ

มาตรา ๑๒๘(484) ผู้ใดโดยเจตนาทำลายเอกสารหรือทำให้เอกสารสูญหาย เป็นเหตุให้ปลอมแปลง หรือดัดแปลงเอกสารที่เกี่ยวกับการเสียอากรหรือการแสดงปี หรือเป็นพยานความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรือจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ

บัญชีอัตราการแสดงปี(485)

ลักษณะแห่งธรรมนูญ

1.(486) เช่าที่ดิน โรงเรือน สิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น หรือแพ ทุกจำนวนเงิน 1,000 บาท หรือเศษของ 1,000 บาท แห่งค่าเช่าหรือเงินกินเปล่า หรือทั้งสองอย่างรวมกัน ตลอดอายุการเช่า หมายเหตุ

(ก)

ถ้าสัญญาเช่ามิได้กำหนดอายุการเช่า ให้ถือว่ามีกำหนด 3 ปี

(ข)

ถ้าสัญญาเช่าจบับใดครบกำหนดอายุการเช่า หรือครบกำหนด 3 ปี ตาม (ก) แล้ว ผู้เช่าจะครอบครองทรัพย์เช่าต่อไป และผู้ให้เช่ารับความนั้นแล้วไม่ทักท้วง ทั้งมิได้ทำสัญญาใหม่ ให้ถือว่าสัญญาเช่านั้นได้เริ่มทำกันใหม่โดยไม่มีมีกำหนดอายุการเช่า และต้องเสียอากรแสตมป์ในอัตราสูงขึ้นนั้นแต่เมื่อเริ่มทำสัญญาใหม่นั้น ยกเว้นไม่ต้องเสียอากร เช่าทรัพย์สินใช้ในการทำนา ไร่ สวน 2.(487) โอนใบหุ้น ใบหุ้นกู้ พันธบัตร และใบรับรองหนี้ ซึ่งบริษัท สมาคม คณะบุคคลหรือองค์กรใด ๆ เป็นผู้ออก คิดตามราคาหุ้นที่ตราไว้หรือราคาตลาดในขณะตรา แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า ทุกจำนวนเงิน 1,000 บาท หรือเศษของ 1,000 บาท ยกเว้นไม่ต้องเสียอากร ก. โอนพันธบัตรของรัฐบาลไทย ``` ข. โอนใบหุ้น ใบหุ้นกู้ และใบรับรอง หนี้ซึ่งมีการจด หรือธนาคารเพื่อการ สหกรณ์ เป็นผู้ออก ๔.[๔๘๘] เช่าซื้อทรัพย์สิน ทุกจำนวนเงิน ๑,๐๐๐ บาทหรือ เศษของ ๑,๐๐๐ บาทแห่งราคาทั้งหมด ยกเว้นไม่ต้องเสียอากร เช่าซื้อทรัพย์สินใช้ในการทำนา ไร่ สวน ๑ บาท ผู้ให้เช่า ผู้เช่า ๕.[๔๘๙] จ้างทำของ ทุกจำนวนเงิน ๑,๐๐๐ บาท หรือ เศษของ ๑,๐๐๐ บาท แห่งสินจ้างที่กำหนดไว้ หมายเหตุ

(ก)

ถ้าในสัญญาการทำสัญญาจ้างทำของไม่ระบุจำนวนสินจ้างว่าเป็นราคาเท่าใด ให้ประมาณจำนวนสินจ้างตามสมควร แล้วเสียอากรตามจำนวนสินจ้างที่ประมาณนั้น

(ข)

ถ้ามีการรับเงินสินจ้างเป็นคราว ๆ และอากรที่เสียไว้เดิมยังไม่ครบ ให้เสียอากรเพิ่มเติมให้ครบตามจำนวนที่ต้องเสียทุกครั้งในทันทีที่มีการรับเงิน

(ค)

เมื่อการรับจ้างทำของได้สิ้นสุดลงแล้วและปรากฏว่าได้เสียอากรเกินให้ขอคืนได้ ตามมาตรา ๒๓ ได้ ๑ บาท ผู้รับจ้าง ผู้ว่าจ้าง ไม่ต้องเสียอากร สัญญาที่ทำขึ้นนอกราชอาณาจักรไทย และการปฏิบัติตามข้อสัญญานั้นมิได้ทำในประเทศไทย ๖.[๔๙๐] กู้ยืมเงิน หรือการตกลงให้ เงินเป็นเบิกเกินบัญชีธนาคาร ``` ทุกจำนวนเงิน 2,000 บาท หรือเศษของ 2,000 บาท แห่งยอดเงินที่ให้กู้ยืม หรือถอนให้เบิกเกินบัญชี 1 บาท ผู้ให้กู้ ผู้กู้ ค่าธรรมเนียมลักษณะแห่งตราสารนี้ เมื่อคำนวณแล้ว ถ้าเกิน 90,000 บาท ให้เสีย 90,000 บาท ยกเว้นไม่ต้องเสียอากร การยืมเงินซึ่งสมาชิกผู้ยืมจากสหกรณ์หรือสหกรณ์ผู้ยืมจากสหกรณ์หรือจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 6.(491) กรมธรรม์ประกันภัย

(ก)

กรมธรรม์ประกันวินาศภัย ทุก 250 บาท หรือเศษของ 250 บาท แห่งเบี้ยประกันภัย 1 บาท ผู้รับประกันภัย ผู้รับประกันภัย

(ข)

กรมธรรม์ประกันชีวิต ทุก 2,000 บาท หรือเศษของ 2,000 บาท แห่งจำนวนเงินที่เอาประกันภัย 1 บาท ผู้รับประกันภัย ผู้รับประกันภัย

(ค)

กรมธรรม์ประกันภัยอื่น ๆ ทุก 2,000 บาท หรือเศษของ 2,000 บาท แห่งจำนวนเงินที่เอาประกันภัย 1 บาท ผู้รับประกันภัย ผู้รับประกันภัย

(ง)

กรมธรรม์เงินบำนาญ ทุก 2,000 บาท หรือเศษของ 2,000 บาท แห่งต้นทุนเงินนั้น หรือถ้าไม่ปรากฏต้นทุน ให้คิดทุก 2,000 บาท หรือเศษของ 2,000 บาท แห่ง ตต. ค/1 เท่าของรายได้ประจำปี 1 บาท ผู้รับประกันภัย ผู้รับประกันภัย

(จ)

กรมธรรม์ประกันภัยซึ่งผู้รับประกันภัยนำไปให้ผู้รับประกันภัยต่อหนึ่ง 1 บาท ผู้รับประกันภัย ผู้รับประกันภัย ```

(ฉ)

บันทึกการต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัยเดิม ทั้งอัตราซึ่งเรียกเก็บสำหรับกรมธรรม์เดิม ผู้รับประกันภัย ผู้รับประกันภัย ยกเว้นไม่ต้องเสียอากร

(ช)

การประกันภัยสัตว์พาหนะซึ่งใช้ในการเกษตรกรรม

(ซ)

บันทึกประกันภัยหรือกรมธรรม์ประกันภัยอัคคีภัย ซึ่งรับรองออกกรมธรรม์ประกันภัยตัวจริง แต่ถ้ายังระบุเรียกร้องเอาสิทธิ์อย่างอื่นนอกจากให้ส่งมอบกรมธรรม์ประกันภัยตัวจริงแล้วต้องปิดแสตมป์เสียอากรเช่นเดียวกับที่จะต้องปิดสำหรับประกันภัยตัวจริง ฌ.492) ใบมอบอำนาจ คือ ใบซึ่งตัวแทนผู้มีอำนาจในธุรกิจขณะตราสารนี้สัญญา รวมทั้งใบตั้งอนุญาโตตุลาการ

(ก)

มอบอำนาจให้บุคคลคนเดียวหรือหลายคนกระทำการครั้งเดียว 10 บาท ผู้มอบอำนาจ ผู้รับมอบอำนาจ

(ข)

มอบอำนาจให้บุคคลคนเดียวหรือหลายคนร่วมกระทำการมากกว่าครั้งเดียว 30 บาท ผู้มอบอำนาจ ผู้รับมอบอำนาจ

(ค)

มอบอำนาจให้กระทำการมากกว่าครั้งเดียว โดยให้บุคคลหลายคนต่างคนต่างกระทำกิจการแยกกันได้ตามรายชื่อบุคคลที่รับมอบ คนละ 30 บาท ผู้มอบอำนาจ ผู้รับมอบอำนาจ หมายเหตุ ถ้ามีผู้มอบอำนาจมีหลายคน แต่มีได้เป็นฉบับเดียวกันรวมกันแล้วมอบอำนาจให้กระทำการฉบับเดียวกัน ต้องคิดอากรตามจำนวนผู้มอบคนหนึ่งเป็นเรื่องหนึ่ง ตามมาตรา 10 ยกเว้นไม่ต้องเสียอากร ```

(จ)

ใบแต่งทนายและใบมอบ อำนาจซึ่งทนายความให้แก่เสมียน ของตน เพื่อเป็นตัวแทนดำเนินคดีใน ศาล

(ฉ)

ใบมอบอำนาจให้ถอน หรือให้ กระทำการใด ๆ เกี่ยวด้วยสัตว์ พาหนะ ตามกฎหมายว่าด้วยสัตว์ พาหนะ

(ช)

ใบมอบอำนาจให้รับเงินหรือ สิ่งของแทน

(ซ)

ใบมอบอำนาจซึ่งสหกรณ์เป็น ผู้มอบ และใบมอบอำนาจซึ่งสหกรณ์ เป็นตัวแทนหรือตัวการให้สหกรณ์ได้รับ สิทธิในอสังหาริมทรัพย์

(ฌ)

ใบมอบอำนาจสำหรับให้ลง มติในที่ประชุมของบริษัท

(ญ)

ใบมอบอำนาจสำหรับการประชุม ครั้งเดียว

(ฎ)

ใบมอบอำนาจสำหรับการประชุม กว่าครั้งเดียว ๙. (494) (ก) อัตราแลกเงินหรือธนสาร ทำนองเดียวกันที่ใช้อย่างอัตราแลกเงิน ฉบับละ

(ข)

ตราสัญญาใช้เงินหรือธนสาร ทำนองเดียวกันที่ใช้อย่างตราสัญญา ใช้เงิน ฉบับละ ยกเว้นไม่ต้องเสียอากร ถ้าได้ออกเป็นสำเนาและจดบันทึกใน สำรับสำหรับใช้เฉพาะในรัฐรูปรัฐแล้ว ฉบับอื่น ๆ ไม่ต้องปิดอากร แต่ต้องลงลัก ฉบับนั้น ๆ ไว้ว่า ได้เสียอากรแล้ว ๑๐. (495) บัตรพลีดิง หมายเหตุ ๒๐ บาท ผู้มอบอำนาจ ผู้มอบอำนาจ ๑๐๐ บาท ผู้มอบอำนาจ ผู้มอบอำนาจ ๓ บาท ผู้สั่งจ่าย ผู้สั่งจ่าย ๓ บาท ผู้ออกตั๋ว ผู้ออกตั๋ว ๒ บาท ผู้กระทำ ตราสาร ผู้กระทำ ตราสาร ถ้าออกเป็นสำเนาให้ปิดแสตมป์ตามอัตราทุกฉบับ ๑๑. (๑)(๔๙๖) ในหุ้นหรือใบหุ้นกู้ หรือใบรับรองหุ้นของบริษัท สมาคม คณะบุคคลหรือองค์กรใด ๆ ๕ บาท ผู้ทรงตราสาร ผู้ทรงตราสาร

(๒)

พันธบัตรของรัฐบาลใด ๆ ที่ขายในประเทศไทย ทุกจำนวนเงิน ๑๐๐ บาท หรือเศษของ ๑๐๐ บาท ๑ บาท ผู้ทรงตราสาร ผู้ทรงตราสาร ยกเว้นไม่ต้องเสียอากร ใบหุ้น ใบหุ้นกู้ หรือใบรับรองหนี้ของสหกรณ์ ๑๒. (๔๙๗) เช็ค หรือหนังสือคลังใด ๆ ซึ่งใช้แทนเช็ค ฉบับละ ๓ บาท ผู้สั่งจ่าย ผู้สั่งจ่าย ๑๓. (๔๙๘) ใบรับฝากเงินประเภทประจําของธนาคาร โดยมีดอกเบี้ย ๕ บาท ผู้รับฝาก ผู้รับฝาก ๑๔. (๔๙๙) เลตเตอร์ออฟเครดิต

(ก)

ออกในประเทศไทย เงินต่ำกว่า ๑๐,๐๐๐ บาท ๒๐ บาท ผู้ออกตราสาร ผู้ออกตราสาร เงินตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ บาทขึ้นไป ๓๐ บาท ผู้ออกตราสาร ผู้ออกตราสาร

(ข)

ออกในต่างประเทศ และให้ชำระเงินในประเทศไทย ควรละหมายเหตุ ตรวจสารเลตเตอร์ออฟเครดิตที่ออกในประเทศไทย และให้ชำระเงินในต่างประเทศ ถือว่าศาลาเก็บไว้ในประเทศไทย ส่วนการตรวจสารให้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ เฉพาะในฉบับสําเนาดังกล่าวนั้น ๑๕. (๕๐๐) เช็คสำหรับผู้เดินทาง

(ก)

ออกในประเทศไทย ฉบับละ ๓ บาท ผู้ออกเช็ค ผู้ออกเช็ค

(ข)

ออกในต่างประเทศ แต่ให้ชำระในประเทศไทย ฉบับละ 3 บาท ผู้ทรงคนแรกในประเทศไทย ผู้ทรงคนแรกในประเทศไทย 16. (501) ใบรับของ ซึ่งออกให้เนื่องในกิจการรับขนส่งสินค้าโดยทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ คือ อากรสารซึ่งลงลายมือชื่อพนักงานหรือขายสินค้าอย่างย่อมพาหนะรับขนส่ง ซึ่งออกรับของดังระบุไว้ในใบรับนั้นเมื่อไม่ได้ออกดิสปาชแล็ด ฉบับละ 9 บาท ผู้ออกใบรับ ผู้ออกใบรับ หมายเหตุ ถ้าออกเป็นสำรับให้ชำระสมปีตามอัตราทุกฉบับ 17. (502) คำประกัน

(ก)

สำหรับกรณีที่มีได้จำกัดจำนวนเงินไว้ 10 บาท ผู้ค้ำประกัน ผู้ค้ำประกัน

(ข)

สำหรับจำนวนเงินไม่เกิน 1,000 บาท 1 บาท ผู้ค้ำประกัน ผู้ค้ำประกัน

(ค)

สำหรับจำนวนเงินเกิน 9,000 บาท แต่ไม่เกิน 10,000 บาท 5 บาท ผู้ค้ำประกัน ผู้ค้ำประกัน

(ง)

สำหรับจำนวนเงินเกิน 10,000 บาทขึ้นไป 10 บาท ผู้ค้ำประกัน ผู้ค้ำประกัน ยกเว้นไม่ต้องเสียอากร

(จ)

คำประกันหนี้เนื่องแต่การที่รัฐบาลให้ทรัพย์สินหรือยืม หรือเพื่อการบริโภคหรือการเกษตรกรรม

(ฉ)

คำประกันหนี้เนื่องแต่การที่สหกรณ์ให้สมาชิกยืมหรือยืม 18. (503) จำนวน จำนวนเงินที่ถูก 2,000 บาท หรือย่อของ 10,000 บาท 9 บาท ผู้รับจำนำ ผู้รับจำนำ ถ้าการจำนำได้จำกัดจำนวนที่นี้ไว้ 1 บาท ผู้รับจำนำ ผู้รับจำนำ ยกเว้นไม่ต้องเสียอากร

(ก)

ตั๋วนำของโรงจำกัดที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย

(ข)

ตั๋วนำสินค้าเกี่ยวกับผู้ยืมซึ่งได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้วตามข้อ ๕ ๑๔.[504] ใบรับของคลังสินค้า ๑ บาท นายคลังสินค้า นายคลังสินค้า ๒๐.[505] ตั๋วคลังให้มอบของ คือ ตราสารซึ่งบุคคลผู้ปรากฏชื่อในตราสารนั้น หรือซึ่งบุคคลผู้มีนิติกรซื้อตั๋วหรือผู้ทรงสิทธิที่จะรับมอบสินค้าอันอยู่ในหรือเมืองท่าหรือคลังสินค้าที่ ซึ่งรับเก็บหรือรับฝากโดยเรียกเก็บค่าเช่า หรือรับสินค้าอื่นอยู่ที่คลังสินค้านั้น โดยเขียนชื่อของลายมือชื่อหรือประทับตราลงลายมือชื่อแทนในเนื้อของ หรือโอนทรัพย์สินอันปรากฏในตราสารนั้น ๑ บาท ผู้ออกคลัง ผู้ออกคลัง ๒๑.[506] ตั๋วแทน

(ก)

มอบอำนาจเฉพาะการ ๑๐ บาท ตั๋วการ ตั๋วการ

(ข)

มอบอำนาจทั่วไป ๓๐ บาท ตั๋วการ ตั๋วการ ยกเว้นไม่ต้องเสียอากร การตั้งตั๋วแทนในกรณีสหกรณ์เป็นตั๋วการ ๒๒.[507] คำขอของอนุญาโตตุลาการ

(ก)

ในกรณีมีพิพาทกันด้วยจำนวนเงินหรือราคาทุกจำนวนเงิน ๙,๐๐๐ บาท หรือเกินกว่า ๙,๐๐๐ บาท ๑ บาท อนุญาโตตุลาการ อนุญาโตตุลาการ

(ข)

ในกรณีอื่นซึ่งไม่กล่าวถึงจำนวนเงินหรือราคา ๑๐ บาท อนุญาโตตุลาการ อนุญาโตตุลาการ ๒๒.[508] คู่ฉบับหรือฉบับแห่งตราสาร คือ ตราสารซึ่งมีข้อความอย่างเดียวกันกับต้นฉบับหรือฉบับต้น

(ก)

ถ้าไม่มีบุคคลถือป้ายหนึ่งเป็นผู้สัญญาคนที่ สัญญา และผู้กระทำตราสารได้ลงลายมือชื่อไว้อย่างเดียวกันต้นฉบับ

(ก)

ถ้าต้นฉบับเสียอาการไม่เกิน 5 บาท เสียอาการสำหรับต้นฉบับเป็นผู้เสีย 1 บาท คนเดียวกันผู้ซื้อต้นฉบับ

(ข)

ถ้าเกิน 5 บาท ยกเว้นไม่ต้องเสียอาการ ถ้าฝ่ายที่ต้องเสียอาการเป็นสหกรณ์ 26.(509) หนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทจำกัด ที่ส่งต่อนายทะเบียน 200 บาท ผู้เริ่มก่อการ ผู้เริ่มก่อการ 26.(510) ข้อบังคับของบริษัทจำกัด ที่ส่งต่อนายทะเบียน 200 บาท กรรมการ กรรมการ 26.(511) ข้อบังคับใหม่หรือสำเนาหนังสือบริคณห์สนธิ หรือข้อบังคับของบริษัทจำกัด ซึ่งเปลี่ยนแปลงใหม่ที่ส่งต่อนายทะเบียน 50 บาท กรรมการ กรรมการ 26.(512) หนังสือสัญญาซื้อขายหุ้นส่วน

(ก)

หนังสือสัญญาซื้อขายตั้งทั้งหุ้นส่วน 100 บาท ผู้เป็นหุ้นส่วน ผู้เป็นหุ้นส่วน

(ข)

หนังสือสัญญาที่แก้ไขสัญญาซื้อขายตั้งหุ้นส่วน 50 บาท ผู้เป็นหุ้นส่วน ผู้เป็นหุ้นส่วน 26.(513) ใบรับ เฉพาะรายการที่ระบุต่อไปนี้

(ก)

ใบรับจ่ายวิสาสะลากกินแบ่งของรัฐบาล

(ข)

ใบสำหรับการโอน หรือก่อตั้งสิทธิใด ๆ เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ในเมื่อมีอัตราธรรมที่เป็นเหตุให้ออกใบรับนั้นมีกำรจดทะเบียนตามกฎหมาย

(ก)

ใบรับสำหรับการขาย ขายฝาก ให้เช่าซื้อหรือโอนกรรมสิทธิ์ยานพาหนะ ทั้งนี้ เฉพาะยานพาหนะซึ่งมีการจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยยานพาหนะนั้น ๆ ถ้าใบรับตาม (ก) (ข) หรือ (ค) มีจำนวนเงินตั้งแต่ ๒๐๐ บาทขึ้นไป ทุก ๒๐๐ บาท หรือเศษของ ๒๐๐ บาท ยกเว้นไม่ต้องเสียอากร[514] ใบรับ สำหรับจำนวนเงินที่ผู้รับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือภาษีธุรกิจเฉพาะ ๒๕.[515] (ยกเลิก) ต๑.[516] (ยกเลิก)

หมวด ๗

อากรมหรสพ[517]

มาตรา ๑๓๑๐ ถึง มาตรา ๑๓๗ และบัญชีอัตราอากรมหรสพ[518] (ยกเลิก)

ลักษณะ ๓

ภาษีบำรุงท้องที่[519]

มาตรา ๑๓๙ ถึง มาตรา ๑๖๔[520] (ยกเลิก)

ลักษณะ ๔

เงินช่วยการประถมศึกษา[521]

มาตรา ๑๖๕ ถึง มาตรา ๑๗๔[522] (ยกเลิก)

ลักษณะ ๕

ภาษีการซื้อโคคงค้าวัว[523]

มาตรา ๑๗๕ ถึง มาตรา ๑๘๔ หรือ[524] (ยกเลิก)

ลักษณะ ๕

ภาษีการซื้อข้าว[525]

มาตรา ๑๘๐ ถึง มาตรา ๒๖๒ (ยกเลิก)

ลักษณะ ๖

ภาษีการซื้อขาย (ยกเลิก)

มาตรา ๒๖๓ ถึง มาตรา ๒๗๗ (ยกเลิก)

ลักษณะ ๗

ภาษีโรงแรมที่ตลาดครัว (ยกเลิก)

มาตรา ๒๗๘ ถึง มาตรา ๒๘๒ (ยกเลิก)

พระราชบัญญัติในเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร พุทธศักราช ๒๔๘๔

มาตรา ๑ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

พระราชบัญญัติในเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒) พุทธศักราช ๒๔๘๔

มาตรา ๒ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๑๘ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

พระราชบัญญัติในเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓) พุทธศักราช ๒๔๘๔

มาตรา ๒ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

พระราชบัญญัติในเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔) พุทธศักราช ๒๔๘๔

มาตรา ๒ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

พระราชบัญญัติในเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๔๘๔

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันและเวลาประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่

(๑)

บทบัญญัติมาตรา ๓ ถึงมาตรา ๑๘ มาตรา ๑๙ มาตรา ๒๑ และมาตรา ๒๕ ให้ใช้สำหรับการจัดเก็บภาษีเงินได้ ซึ่งพึงประเมินเรียกเก็บในปี พ.ศ. ๒๔๘๕ เป็นต้นไป ```

(ข)

บทบัญญัติมาตรา ๒๐ ถึงมาตรา ๒๒ ให้ใช้สำหรับการจัดเก็บภาษีโรงค้า ซึ่งเริ่มประเมินเรียกเก็บในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ เป็นต้นไป

(ค)

บทบัญญัติมาตรา ๒๓ และมาตรา ๒๔ ให้ใช้สำหรับการจัดเก็บภาษีการธนาคาร การเครดิตฟองซิเอร์ การออกสินเชื่อ การออกสินเชื่อ และการประกันภัย ซึ่งเริ่มประเมินเรียกเก็บในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ เป็นต้นไป

(ง)

บทบัญญัติมาตรา ๓๐ (๑) และ (๒) ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๐ เป็นต้นไป

(จ)

บทบัญญัติมาตรา ๓๐ ถึงมาตรา ๓๕ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๐ เป็นต้นไป

(ฉ)

บทบัญญัติมาตรา ๓๖ ให้ใช้สำหรับการจัดเก็บเงินช่วยการประถมศึกษา จำนวนปี พ.ศ. ๒๕๔๐ - ๒๕๔๕ เป็นต้นไป

(ช)

บทบัญญัติมาตรา ๓๙ สำหรับการโรงแรมมัชฌิมาคาร ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๐ เป็นต้นไป

มาตรา ๔๐ บรรดาบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ยังคงใช้บังคับในการจัดเก็บภาษีอากรในปีหรือภาษีการศึกษาใด ๆ หรือการเก็บภาษีอากรที่พึงชำระในปีหรือภาษีการศึกษานั้น ๆ ต่อไป

มาตรา ๑ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

พระราชบัญญัตินี้ให้แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๔๐[536]

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

พระราชบัญญัตินี้ให้แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๔๐[537]

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

พระราชบัญญัตินี้ให้แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๔๐[538]

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป วันแต่

(๑)

บทบัญญัติมาตรา ๑๗ ถึงมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัตินี้และบัญชีอัตราภาษีเงินได้ (๒) ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้สำหรับการจัดเก็บภาษีเงินได้สำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับในปีภาษี พ.ศ. ๒๕๔๐ เป็นต้นไป ```

(ข)

บัญญัติในมาตรา ๓๓ แห่งพระราชบัญญัตินี้และบัญชีอัตราภาษีเงินได้ (๒) ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้บังคับแก่การรับและหักหุ้นส่วนสามัญบุคคล ซึ่งรวมระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดในหรือหลังวันที่ใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่บทบัญญัติมาตรา ๓๓ คริ่งแรกของระหว่างการคำนวณที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้

(ค)

บัญญัติในมาตรา ๓๔ ถึงมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้บังคับสำหรับการจัดเก็บภาษีโรงเรือนที่ดินในปี พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นต้นไป

(ง)

บัญญัติในมาตรา ๓๗ ถึงมาตรา ๔๕ แห่งพระราชบัญญัตินี้ด้วยอาการแสดงป่วย ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดวันหนึ่งนับแต่วันที่ใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้

(จ)

บัญญัติในมาตรา ๔๖ ถึงมาตรา ๔๘ แห่งพระราชบัญญัตินี้ด้วยอาการพรสภาพ ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดวันหนึ่งนับแต่วันที่ใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้

(ฉ)

บัญญัติในมาตรา ๔๙ แห่งพระราชบัญญัตินี้ด้วยอาการที่ใช้โรงแรมจัดอาคาร ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดวันหนึ่งนับแต่วันที่ใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๕๐ บรรดาบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่เกี่ยวกับการยกเว้นหรือแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้คงใช้ได้ในการปฏิบัติการเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีอากรที่ต้องชำระก่อนวันที่ใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้แม้แต่

(ฉ)

มาตรา ๑๙ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้บังคับกับการยกเว้นภาษีซึ่งได้ยื่นไว้แล้วไม่เกินกำหนดวันที่ใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้

(ช)

มาตรา ๕๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้บังคับกับการลดค่าภาษีพื้นที่ซึ่งอย่างเงินซึ่งได้เกิดขึ้นก่อนวันที่ใช้บังคับบัญญัติมาตรา ๖๐ และความผูกพันที่เกี่ยวข้องอยู่หลังวันที่ใช้บังคับกัน ในกรณีเช่นเมื่อมีการจ่ายเงินตามบัญชีภาษีครึ่งสุดท้าย ให้ผู้จ่ายเงินหักภาษีตามมาตรา ๖๐ สำหรับเงินซึ่งได้จ่ายไปแล้วในครึ่งก่อน ๆ ก่อนวันที่ใช้บังคับบัญญัติมาตรา ๖๐ ด้วย

(ซ)

มาตรา ๓๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้บังคับกับการจัดเก็บภาษีหุ้นส่วนสามัญบุคคลที่มีการยื่นคำขอไว้แล้วก่อนวันที่ใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้และยังไม่ได้รับการอนุมัติให้ยกเว้นภาษีในวันที่ใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้ เพื่อประโยชน์ในการคำนวณภาษี ให้ถือว่าได้ใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้ในวันสุดท้ายที่กำหนดของรอบระยะเวลาบัญชีของหุ้นส่วนสามัญบุคคลนั้น ๆ ตามที่ยื่นไว้ พระราชบัญญัติให้แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๔๕[539]

มาตรา ๗ บรรดาบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่เกี่ยวกับการยกเว้นหรือแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้ได้ในการปฏิบัติการเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีอากรที่ต้องชำระก่อนวันที่ใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๘ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496[540]

มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่

(1) บทบัญญัติมาตรา 18 ถึงมาตรา 30 และมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัตินี้ว่าด้วยการเก็บภาษีเงินได้จากบุคคลธรรมดา ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินตั้งแต่ปีภาษี 2497 เป็นต้นไป (2) บทบัญญัติมาตรา 30 ถึงมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัตินี้ว่าด้วยการเก็บภาษีเงินได้จากบริษัทและห้างหุ้นส่วน ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินตั้งแต่ปีภาษี 2497 เป็นต้นไป (3) บทบัญญัติมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัตินี้ว่าด้วยภาษีการค้า ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นสิ้นกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้เป็นต้นไป (4) บทบัญญัติมาตรา 40 ถึงมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัตินี้ว่าด้วยอากรแสตมป์ ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นสิ้นกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้เป็นต้นไป (5) บทบัญญัติมาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัตินี้ว่าด้วยโคดหมาย ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นสิ้นกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้เป็นต้นไป

มาตรา 14 บรรดาพระราชบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้อยู่ใช้ได้ในการปฏิบัติอันเป็นการอาการที่ค้างอยู่ หรือที่พึงชำระก่อนวันใช้บังคับบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้

มาตรา 15 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496[541]

มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่

(1) บทบัญญัติมาตรา 1 มาตรา 4 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัตินี้ว่าด้วยการเก็บภาษีเงินได้จากบุคคลธรรมดา ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินตั้งแต่ปีภาษี 2497 เป็นต้นไป (2) บทบัญญัติมาตรา 6 ถึงมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัตินี้ว่าด้วยภาษีการค้า ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินตั้งแต่ปีภาษี 2497 เป็นต้นไป

มาตรา 14 บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้อยู่ใช้ได้ในการปฏิบัติอันเป็นการอาการที่ค้างอยู่ หรือที่พึงชำระก่อนวันใช้บังคับบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๑๙ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องด้วยเงินได้พึงประเมินได้มีการถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้อยู่ ยังน้อยประเทศอยู่ และการใช้จ่ายเงินบำรุงท้องที่ การลดหนี้อันทรงการค้า และวิธีปฏิบัติอันเก็บไม่เหมาะสมตามกาลสมัย จึงเห็นเป็นการสมควรเพิ่มเติมให้รัฐมนตรีมีอำนาจเกี่ยวกับการหักภาษี ณ ที่จ่ายและด้วยอำนาจเกี่ยวกับการบำรุงท้องที่ การหักลดหย่อนอัตราภาษีและวิธีปฏิบัติอันเก็บ พระราชบัญญัตินี้ได้เพิ่มเติมประกอบพระราชบัญญัติ (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๐๒(๕๔๒)

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๒๕ บรรดากฎหมายบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่เคยเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ยังคงใช้ได้ในการปฏิบัติอันเก็บภาษีอากรที่ค้างอยู่หรือที่พึงรู้ล่วงหน้าในทันทีบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

มาตรา ๒๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องด้วยวิธีการเสียภาษีอากรกับวิธีปฏิบัติอันเก็บภาษีอากรยังไม่เหมาะสมตามกาลสมัยได้แก่, ภาษีการค้า, ภาษีป้าย, ภาษีเงินได้, อากรแสตมป์, อากรสุราและอากรสรรพสามิต จึงเห็นเป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมให้เหมาะสมตามกาลสมัย โดยให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมดังนี้ คือ :- ๑. ภาษีเงินได้, ภาษีการค้า, ภาษีป้าย เพิ่มให้มีการเรียกเก็บภาษีและการขอเสียภาษีอันล่วงกำหนดเวลาได้ ทั้งนี้ เพื่อรักษาประโยชน์ของรัฐ และเพื่อความสะดวกแก่ผู้เสียภาษีในบางกรณี ๒. ภาษีเงินได้

(ก)

แก้ไขเพิ่มเติมให้หลักเกณฑ์ใช้จ่ายเงินในการเหมาสำหรับเงินได้พึงประเมินบางประเภท เพื่อให้สะดวกในการคำนวณภาษีของผู้เสียภาษีและเพื่อบำรุงท้องที่บางส่วน

(ข)

แก้ไขเพิ่มเติมการเสียภาษีหักภาษี ณ ที่จ่ายพร้อมกับเงินอากร ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกในการชำระภาษีของผู้เสียภาษีและการปฏิบัติของเจ้าพนักงานด้วย ๓. อากรแสตมป์

(ก)

แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำใบรับ เพื่อให้การควบคุมการจัดเก็บอากรสตมป์ง่ายขึ้น กับทั้งให้มีการผ่อนผันการปฏิบัติในบางกรณีได้ เพื่อความสะดวกของผู้เสียอากร ๔. อากรสรรพสามิต

(ก)

เพิ่มวิธีเสียอากรให้เป็นตัวเงินได้ ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกแก่ผู้เสียอากร

(ข)

กำหนดให้มีการจ่ายเงินสินบนรางวัลไว้ด้วย ทั้งนี้ เพื่อเป็นทาง ควบคุมการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ๕. ภาษีการซื้อโคคัณฑ์ เพื่อให้มีการชำระภาษีการซื้อโคคัณฑ์ล่วงหน้า ได้ ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกในการเสียภาษีของผู้ค้าโคคัณฑ์ พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร พ.ศ. ๒๕๖๐[543]

มาตรา ๒ พระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุ เบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราช กำหนดนี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกำหนดฉบับนี้ คือ เนื่องด้วยประกาศคำ และโคคัณฑ์ที่นำบัญชีไว้ในบัญชีอันมิใช่ราคุ และอัตราภาษีการค้าสำหรับการซื้อ โคคัณฑ์ที่จัดเก็บอยู่ในปัจจุบันยังไม่เหมาะสมกับสภาวการณ์ จึงสมควรให้เพิ่มโทษ และผลทางลงอาญาอื่นๆ และจัดเก็บเบี้ยปรับในการพิจารณาโดยอนุโลม และลับเพื่อรักษา ประโยชน์ของแผ่นดินพระเป็นกฎหมายเกี่ยวด้วยการค้าอาชีวการ พระราชบัญญัติอันมีพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร พ.ศ. ๒๕๖๐ พ.ศ. ๒๕๖๐[544]

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุ เบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ให้อุทิศพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร พ.ศ. ๒๕๖๐

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชกำหนด แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร พ.ศ. ๒๕๖๐ ประกาศใช้เป็นกฎหมายเมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๐ ไปแล้ว รัฐบาลจึงขอเสนอร่างพระราชบัญญัตินี้เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา ๗๗ ของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ แก้ไขเพิ่มเติมพุทธศักราช ๒๕๖๔ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๖๐[545]

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่มีการจัดทำสำหรับ การค้าอาชีวการขาย และการขายผลิตภัณฑ์ และอัตราภาษีการซื้อโคคัณฑ์สำหรับ การค้าอาชีวการ และอุปกรณ์การขนส่ง รถยนต์ และอุปกรณ์การขนส่งอื่นๆ ที่จัดเก็บอยู่ใน ปัจจุบันยังไม่เหมาะสมกับสภาวการณ์ จึงสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๖๐

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นต้นไป

มาตรา 6 บัญชีอัตราภาษีบำรุงท้องที่ที่ท้ายลักษณะ 3 แห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ยกเลิกโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้อัตราภาษีบำรุงท้องที่ในการปฏิบัติอัตราเงินที่ค้างอยู่หรือที่พึงชำระก่อนวันที่ใช้บังคับแห่งพระราชบัญญัตินี้

มาตรา 7 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติรายได้น้อย คือ ผู้ประกอบกิจการเกษตรกรรมรายได้น้อยไม่สามารถได้เกษตรกรรมจากผลผลิตทางการเกษตรและจากการเลี้ยงสัตว์ในขณะนี้ เงินที่นำมาชำระภาษีอากรที่เกิดจากการขายผลผลิตที่เกิดจากการเกษตรในที่ดินของตน ปกติพอที่จะปลูกพืชจากที่ดิน ในปัจจุบันราคาต่างๆ ลด การหาเงินได้ผลน้อยอยู่แล้ว จะเห็น สมควรที่จะลดอัตราภาษีบำรุงท้องที่ จึงจำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติบำรุงท้องที่ประมวลรัษฎากร พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2502[547]

มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา 4 บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ให้ยกเลิกใช้ในการปฏิบัติอัตราอากรที่ยังค้างอยู่ หรือที่พึงชำระก่อนวันที่บทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

มาตรา 6 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เพื่อให้อัตราภาษีการซื้อโภคภัณฑ์ประเภททองคำเป็นไปโดยเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และลดภาระภาษีให้แก่ประชาชน พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2502[548]

มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่

(ก)

บทบัญญัติมาตรา 1 แห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2502 เป็นต้นไป

(ข)

บทบัญญัติมาตรา 16 มาตรา 17 มาตรา 19 มาตรา 20 มาตรา 25 มาตรา 29 มาตรา 30 มาตรา 31 มาตรา 32 มาตรา 33 มาตรา 34 มาตรา 35 มาตรา 36 มาตรา 37 มาตรา 38 มาตรา 39 มาตรา 40 มาตรา 41 มาตรา 42 มาตรา 43 มาตรา 44 มาตรา 45 มาตรา 46 มาตรา 47 มาตรา 48 มาตรา 49 มาตรา 50 มาตรา 51 มาตรา 52 มาตรา 53 มาตรา 54 มาตรา 55 มาตรา 56 มาตรา 57 มาตรา 58 มาตรา 59 มาตรา 60 มาตรา 61 มาตรา 62 มาตรา 63 มาตรา 64 มาตรา 65 มาตรา 66 มาตรา 67 มาตรา 68 มาตรา 69 มาตรา 70 มาตรา 71 มาตรา 72 มาตรา 73 มาตรา 74 มาตรา 75 มาตรา 76 มาตรา 77 มาตรา 78 มาตรา 79 มาตรา 80 มาตรา 81 มาตรา 82 มาตรา 83 มาตรา 84 มาตรา 85 มาตรา 86 มาตรา 87 มาตรา 88 มาตรา 89 มาตรา 90 มาตรา 91 มาตรา 92 มาตรา 93 มาตรา 94 มาตรา 95 มาตรา 96 มาตรา 97 มาตรา 98 มาตรา 99 มาตรา 100 มาตรา 101 มาตรา 102 มาตรา 103 มาตรา 104 มาตรา 105 มาตรา 106 มาตรา 107 มาตรา 108 มาตรา 109 มาตรา 110 มาตรา 111 มาตรา 112 มาตรา 113 มาตรา 114 มาตรา 115 มาตรา 116 มาตรา 117 มาตรา 118 มาตรา 119 มาตรา 120 มาตรา 121 มาตรา 122 มาตรา 123 มาตรา 124 มาตรา 125 มาตรา 126 มาตรา 127 มาตรา 128 มาตรา 129 มาตรา 130 มาตรา 131 มาตรา 132 มาตรา 133 มาตรา 134 มาตรา 135 มาตรา 136 มาตรา 137 มาตรา 138 มาตรา 139 มาตรา 140 มาตรา 141 มาตรา 142 มาตรา 143 มาตรา 144 มาตรา 145 มาตรา 146 มาตรา 147 มาตรา 148 มาตรา 149 มาตรา 150 มาตรา 151 มาตรา 152 มาตรา 153 มาตรา 154 มาตรา 155 มาตรา 156 มาตรา 157 มาตรา 158 มาตรา 159 มาตรา 160 มาตรา 161 มาตรา 162 มาตรา 163 มาตรา 164 มาตรา 165 มาตรา 166 มาตรา 167 มาตรา 168 มาตรา 169 มาตรา 170 มาตรา 171 มาตรา 172 มาตรา 173 มาตรา 174 มาตรา 175 มาตรา 176 มาตรา 177 มาตรา 178 มาตรา 179 มาตรา 180 มาตรา 181 มาตรา 182 มาตรา 183 มาตรา 184 มาตรา 185 มาตรา 186 มาตรา 187 มาตรา 188 มาตรา 189 มาตรา 190 มาตรา 191 มาตรา 192 มาตรา 193 มาตรา 194 มาตรา 195 มาตรา 196 มาตรา 197 มาตรา 198 มาตรา 199 มาตรา 200 มาตรา 201 มาตรา 202 มาตรา 203 มาตรา 204 มาตรา 205 มาตรา 206 มาตรา 207 มาตรา 208 มาตรา 209 มาตรา 210 มาตรา 211 มาตรา 212 มาตรา 213 มาตรา 214 มาตรา 215 มาตรา 216 มาตรา 217 มาตรา 218 มาตรา 219 มาตรา 220 มาตรา 221 มาตรา 222 มาตรา 223 มาตรา 224 มาตรา 225 มาตรา 226 มาตรา 227 มาตรา 228 มาตรา 229 มาตรา 230 มาตรา 231 มาตรา 232 มาตรา 233 มาตรา 234 มาตรา 235 มาตรา 236 มาตรา 237 มาตรา 238 มาตรา 239 มาตรา 240 มาตรา 241 มาตรา 242 มาตรา 243 มาตรา 244 มาตรา 245 มาตรา 246 มาตรา 247 มาตรา 248 มาตรา 249 มาตรา 250 มาตรา 251 มาตรา 252 มาตรา 253 มาตรา 254 มาตรา 255 มาตรา 256 มาตรา 257 มาตรา 258 มาตรา 259 มาตรา 260 มาตรา 261 มาตรา 262 มาตรา 263 มาตรา 264 มาตรา 265 มาตรา 266 มาตรา 267 มาตรา 268 มาตรา 269 มาตรา 270 มาตรา 271 มาตรา 272 มาตรา 273 มาตรา 274 มาตรา 275 มาตรา 276 มาตรา 277 มาตรา 278 มาตรา 279 มาตรา 280 มาตรา 281 มาตรา 282 มาตรา 283 มาตรา 284 มาตรา 285 มาตรา 286 มาตรา 287 มาตรา 288 มาตรา 289 มาตรา 290 มาตรา 291 มาตรา 292 มาตรา 293 มาตรา 294 มาตรา 295 มาตรา 296 มาตรา 297 มาตรา 298 มาตรา 299 มาตรา 300 มาตรา 301 มาตรา 302 มาตรา 303 มาตรา 304 มาตรา 305 มาตรา 306 มาตรา 307 มาตรา 308 มาตรา 309 มาตรา 310 มาตรา 311 มาตรา 312 มาตรา 313 มาตรา 314 มาตรา 315 มาตรา 316 มาตรา 317 มาตรา 318 มาตรา 319 มาตรา 320 มาตรา 321 มาตรา 322 มาตรา 323 มาตรา 324 มาตรา 325 มาตรา 326 มาตรา 327 มาตรา 328 มาตรา 329 มาตรา 330 มาตรา 331 มาตรา 332 มาตรา 333 มาตรา 334 มาตรา 335 มาตรา 336 มาตรา 337 มาตรา 338 มาตรา 339 มาตรา 340 มาตรา 341 มาตรา 342 มาตรา 343 มาตรา 344 มาตรา 345 มาตรา 346 มาตรา 347 มาตรา 348 มาตรา 349 มาตรา 350 มาตรา 351 มาตรา 352 มาตรา 353 มาตรา 354 มาตรา 355 มาตรา 356 มาตรา 357 มาตรา 358 มาตรา 359 มาตรา 360 มาตรา 361 มาตรา 362 มาตรา 363 มาตรา 364 มาตรา 365 มาตรา 366 มาตรา 367 มาตรา 368 มาตรา 369 มาตรา 370 มาตรา 371 มาตรา 372 มาตรา 373 มาตรา 374 มาตรา 375 มาตรา 376 มาตรา 377 มาตรา 378 มาตรา 379 มาตรา 380 มาตรา 381 มาตรา 382 มาตรา 383 มาตรา 384 มาตรา 385 มาตรา 386 มาตรา 387 มาตรา 388 มาตรา 389 มาตรา 390 มาตรา 391 มาตรา 392 มาตรา 393 มาตรา 394 มาตรา 395 มาตรา 396 มาตรา 397 มาตรา 398 มาตรา 399 มาตรา 400 มาตรา 401 มาตรา 402 มาตรา 403 มาตรา 404 มาตรา 405 มาตรา 406 มาตรา 407 มาตรา 408 มาตรา 409 มาตรา 410 มาตรา 411 มาตรา 412 มาตรา 413 มาตรา 414 มาตรา 415 มาตรา 416 มาตรา 417 มาตรา 418 มาตรา 419 มาตรา 420 มาตรา 421 มาตรา 422 มาตรา 423 มาตรา 424 มาตรา 425 มาตรา 426 มาตรา 427 มาตรา 428 มาตรา 429 มาตรา 430 มาตรา 431 มาตรา 432 มาตรา 433 มาตรา 434 มาตรา 435 มาตรา 436 มาตรา 437 มาตรา 438 มาตรา 439 มาตรา 440 มาตรา 441 มาตรา 442 มาตรา 443 มาตรา 444 มาตรา 445 มาตรา 446 มาตรา 447 มาตรา 448 มาตรา 449 มาตรา 450 มาตรา 451 มาตรา 452 มาตรา 453 มาตรา 454 มาตรา 455 มาตรา 456 มาตรา 457 มาตรา 458 มาตรา 459 มาตรา 460 มาตรา 461 มาตรา 462 มาตรา 463 มาตรา 464 มาตรา 465 มาตรา 466 มาตรา 467 มาตรา 468 มาตรา 469 มาตรา 470 มาตรา 471 มาตรา 472 มาตรา 473 มาตรา 474 มาตรา 475 มาตรา 476 มาตรา 477 มาตรา 478 มาตรา 479 มาตรา 480 มาตรา 481 มาตรา 482 มาตรา 483 มาตรา 484 มาตรา 485 มาตรา 486 มาตรา 487 มาตรา 488 มาตรา 489 มาตรา 490 มาตรา 491 มาตรา 492 มาตรา 493 มาตรา 494 มาตรา 495 มาตรา 496 มาตรา 497 มาตรา 498 มาตรา 499 มาตรา 500 มาตรา 501 มาตรา 502 มาตรา 503 มาตรา 504 มาตรา 505 มาตรา 506 มาตรา 507 มาตรา 508 มาตรา 509 มาตรา 510 มาตรา 511 มาตรา 512 มาตรา 513 มาตรา 514 มาตรา 515 มาตรา 516 มาตรา 517 มาตรา 518 มาตรา 519 มาตรา 520 มาตรา 521 มาตรา 522 มาตรา 523 มาตรา 524 มาตรา 525 มาตรา 526 มาตรา 527 มาตรา 528 มาตรา 529 มาตรา 530 มาตรา 531 มาตรา 532 มาตรา 533 มาตรา 534 มาตรา 535 มาตรา 536 มาตรา 537 มาตรา 538 มาตรา 539 มาตรา 540 มาตรา 541 มาตรา 542 มาตรา 543 มาตรา 544 มาตรา 545 มาตรา 546 มาตรา 547 มาตรา 548 มาตรา 549 มาตรา 550 มาตรา 551 มาตรา 552 มาตรา 553 มาตรา 554 มาตรา 555 มาตรา 556 มาตรา 557 มาตรา 558 มาตรา 559 มาตรา 560 มาตรา 561 มาตรา 562 มาตรา 563 มาตรา 564 มาตรา 565 มาตรา 566 มาตรา 567 มาตรา 568 มาตรา 569 มาตรา 570 มาตรา 571 มาตรา 572 มาตรา 573 มาตรา 574 มาตรา 575 มาตรา 576 มาตรา 577 มาตรา 578 มาตรา 579 มาตรา 580 มาตรา 581 มาตรา 582 มาตรา 583 มาตรา 584 มาตรา 585 มาตรา 586 มาตรา 587 มาตรา 588 มาตรา 589 มาตรา 590 มาตรา 591 มาตรา 592 มาตรา 593 มาตรา 594 มาตรา 595 มาตรา 596 มาตรา 597 มาตรา 598 มาตรา 599 มาตรา 600 มาตรา 601 มาตรา 602 มาตรา 603 มาตรา 604 มาตรา 605 มาตรา 606 มาตรา 607 มาตรา 608 มาตรา 609 มาตรา 610 มาตรา 611 มาตรา 612 มาตรา 613 มาตรา 614 มาตรา 615 มาตรา 616 มาตรา 617 มาตรา 618 มาตรา 619 มาตรา 620 มาตรา 621 มาตรา 622 มาตรา 623 มาตรา 624 มาตรา 625 มาตรา 626 มาตรา 627 มาตรา 628 มาตรา 629 มาตรา 630 มาตรา 631 มาตรา 632 มาตรา 633 มาตรา 634 มาตรา 635 มาตรา 636 มาตรา 637 มาตรา 638 มาตรา 639 มาตรา 640 มาตรา 641 มาตรา 642 มาตรา 643 มาตรา 644 มาตรา 645 มาตรา 646 มาตรา 647 มาตรา 648 มาตรา 649 มาตรา 650 มาตรา 651 มาตรา 652 มาตรา 653 มาตรา 654 มาตรา 655 มาตรา 656 มาตรา 657 มาตรา 658 มาตรา 659 มาตรา 660 มาตรา 661 มาตรา 662 มาตรา 663 มาตรา 664 มาตรา 665 มาตรา 666 มาตรา 667 มาตรา 668 มาตรา 669 มาตรา 670 มาตรา 671 มาตรา 672 มาตรา 673 มาตรา 674 มาตรา 675 มาตรา 676 มาตรา 677 มาตรา 678 มาตรา 679 มาตรา 680 มาตรา 681 มาตรา 682 มาตรา 683 มาตรา 684 มาตรา 685 มาตรา 686 มาตรา 687 มาตรา 688 มาตรา 689 มาตรา 690 มาตรา 691 มาตรา 692 มาตรา 693 มาตรา 694 มาตรา 695 มาตรา 696 มาตรา 697 มาตรา 698 มาตรา 699 มาตรา 700 มาตรา 701 มาตรา 702 มาตรา 703 มาตรา 704 มาตรา 705 มาตรา 706 มาตรา 707 มาตรา 708 มาตรา 709 มาตรา 710 มาตรา 711 มาตรา 712 มาตรา 713 มาตรา 714 มาตรา 715 มาตรา 716 มาตรา 717 มาตรา 718 มาตรา 719 มาตรา 720 มาตรา 721 มาตรา 722 มาตรา 723 มาตรา 724 มาตรา 725 มาตรา 726 มาตรา 727 มาตรา 728 มาตรา 729 มาตรา 730 มาตรา 731 มาตรา 732 มาตรา 733 มาตรา 734 มาตรา 735 มาตรา 736 มาตรา 737 มาตรา 738 มาตรา 739 มาตรา 740 มาตรา 741 มาตรา 742 มาตรา 743 มาตรา 744 มาตรา 745 มาตรา 746 มาตรา 747 มาตรา 748 มาตรา 749 มาตรา 750 มาตรา 751 มาตรา 752 มาตรา 753 มาตรา 754 มาตรา 755 มาตรา 756 มาตรา 757 มาตรา 758 มาตรา 759 มาตรา 760 มาตรา 761 มาตรา 762 มาตรา 763 มาตรา 764 มาตรา 765 มาตรา 766 มาตรา 767 มาตรา 768 มาตรา 769 มาตรา 770 มาตรา 771 มาตรา 772 มาตรา 773 มาตรา 774 มาตรา 775 มาตรา 776 มาตรา 777 มาตรา 778 มาตรา 779 มาตรา 780 มาตรา 781 มาตรา 782 มาตรา 783 มาตรา 784 มาตรา 785 มาตรา 786 มาตรา 787 มาตรา 788 มาตรา 789 มาตรา 790 มาตรา 791 มาตรา 792 มาตรา 793 มาตรา 794 มาตรา 795 มาตรา 796 มาตรา 797 มาตรา 798 มาตรา 799 มาตรา 800 มาตรา 801 มาตรา 802 มาตรา 803 มาตรา 804 มาตรา 805 มาตรา 806 มาตรา 807 มาตรา 808 มาตรา 809 มาตรา 810 มาตรา 811 มาตรา 812 มาตรา 813 มาตรา 814 มาตรา 815 มาตรา 816 มาตรา 817 มาตรา 818 มาตรา 819 มาตรา 820 มาตรา 821 มาตรา 822 มาตรา 823 มาตรา 824 มาตรา 825 มาตรา 826 มาตรา 827 มาตรา 828 มาตรา 829 มาตรา 830 มาตรา 831 มาตรา 832 มาตรา 833 มาตรา 834 มาตรา 835 มาตรา 836 มาตรา 837 มาตรา 838 มาตรา 839 มาตรา 840 มาตรา 841 มาตรา 842 มาตรา 843 มาตรา 844 มาตรา 845 มาตรา 846 มาตรา 847 มาตรา 848 มาตรา 849 มาตรา 850 มาตรา 851 มาตรา 852 มาตรา 853 มาตรา 854 มาตรา 855 มาตรา 856 มาตรา 857 มาตรา 858 มาตรา 859 มาตรา 860 มาตรา 861 มาตรา 862 มาตรา 863 มาตรา 864 มาตรา 865 มาตรา 866 มาตรา 867 มาตรา 868 มาตรา 869 มาตรา 870 มาตรา 871 มาตรา 872 มาตรา 873 มาตรา 874 มาตรา 875 มาตรา 876 มาตรา 877 มาตรา 878 มาตรา 879 มาตรา 880 มาตรา 881 มาตรา 882 มาตรา 883 มาตรา 884 มาตรา 885 มาตรา 886 มาตรา 887 มาตรา 888 มาตรา 889 มาตรา 890 มาตรา 891 มาตรา 892 มาตรา 893 มาตรา 894 มาตรา 895 มาตรา 896 มาตรา 897 มาตรา 898 มาตรา 899 มาตรา 900 มาตรา 901 มาตรา 902 มาตรา 903 มาตรา 904 มาตรา 905 มาตรา 906 มาตรา 907 มาตรา 908 มาตรา 909 มาตรา 910 มาตรา 911 มาตรา 912 มาตรา 913 มาตรา 914 มาตรา 915 มาตรา 916 มาตรา 917 มาตรา 918 มาตรา 919 มาตรา 920 มาตรา 921 มาตรา 922 มาตรา 923 มาตรา 924 มาตรา 925 มาตรา 926 มาตรา 927 มาตรา 928 มาตรา 929 มาตรา 930 มาตรา 931 มาตรา 932 มาตรา 933 มาตรา 934 มาตรา 935 มาตรา 936 มาตรา 937 มาตรา 938 มาตรา 939 มาตรา 940 มาตรา 941 มาตรา 942 มาตรา 943 มาตรา 944 มาตรา 945 มาตรา 946 มาตรา 947 มาตรา 948 มาตรา 949 มาตรา 950 มาตรา 951 มาตรา 952 มาตรา 953 มาตรา 954 มาตรา 955 มาตรา 956 มาตรา 957 มาตรา 958 มาตรา 959 มาตรา 960 มาตรา 961 มาตรา 962 มาตรา 963 มาตรา 964 มาตรา 965 มาตรา 966 มาตรา 967 มาตรา 968 มาตรา 969 มาตรา 970 มาตรา 971 มาตรา 972 มาตรา 973 มาตรา 974 มาตรา 975 มาตรา 976 มาตรา 977 มาตรา 978 มาตรา 979 มาตรา 980 มาตรา 981 มาตรา 982 มาตรา 983 มาตรา 984 มาตรา 985 มาตรา 986 มาตรา 987 มาตรา 988 มาตรา 989 มาตรา 990 มาตรา 991 มาตรา 992 มาตรา 993 มาตรา 994 มาตรา 995 มาตรา 996 มาตรา 997 มาตรา 998 มาตรา 999 (5) บทบัญญัติมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้บังคับสำหรับภาษี บำรุงท้องที่ที่ถึงกำหนดชำระใน พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป

มาตรา 17 บรรดากฎหมายบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติการที่ยกเลิกหรือแก้ไข เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้คงใช้ได้ในการปฏิบัติอันเกิดจากการที่ค้างอยู่หรือที่ พึงชำระก่อนวันที่บทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

ให้ถือว่าอายุความที่ได้เริ่มในลำคอก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ซึ่งยัง มิได้สิ้นสุดลงเมื่อไปยังผู้มีอำนาจรับผิด เป็นกรณีที่ได้เริ่มต่อผู้มีอำนาจวินิจฉัยอายุความ ตามประมวลรัษฎากรที่ได้แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้

มาตรา 18 บทบัญญัติมาตรา ต่อ มาตรา 60 มาตรา 76 และมาตรา 91 ไม่กระทบกระเทือนสิทธิ์ที่บุคคลอยู่ในลำคอก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

มาตรา 19 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องด้วยภาษีบำรุงท้องที่ ประมวลรัษฎากรเกี่ยวกับบริการจัดเก็บภาษีอากรยังไม่รัดกุม เป็นโอกาสให้ผู้มีหน้าที่เสีย ภาษีอากรหลีกเลี่ยงได้ง่าย และให้เกิดความไม่ยุติธรรมต่อผู้เสียภาษีอากรที่มีความรับผิดชอบ อันนำไปสู่ความไม่เป็นธรรมในระบบภาษี นอกจากนี้ยังอาจก่อให้เกิดการบิดเบือนการประกอบการไม่เหมาะ สม จึงสมควรแก้ไขปรับปรุงเสียใหม่ให้รัดกุมและเหมาะสมยิ่งขึ้น พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 47) พ.ศ. 2560[549]

มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 47) พ.ศ. 2560

มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป

(ก)

บทบัญญัติมาตรา 3 เฉพาะที่เกี่ยวกับบัญชีอัตราภาษีเงินได้สำหรับ บุคคลธรรมดาให้ใช้บังคับสำหรับรายได้ของบุคคลธรรมดาที่ต้องยื่นรายการใน พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป

(ข)

บทบัญญัติมาตรา 3 เฉพาะที่เกี่ยวกับบัญชีอัตราภาษีเงินได้สำหรับ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญบุคคล ให้ใช้บังคับสำหรับรายได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน สามัญบุคคลที่ต้องยื่นรายการใน พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป

(ค)

บทบัญญัติมาตรา 3 ให้ใช้บังคับสำหรับการที่ต้องนำเงินมาเวลาชำระในปี พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป

มาตรา 3 บรรดากฎหมายบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้คงใช้ได้ในการปฏิบัติอันเกิดจากการที่ค้างอยู่หรือที่พึงชำระก่อนวันที่บทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ อัตราภาษีเงินได้บุคคล ธรรมดาในประมวลรัษฎากรที่ใช้อยู่ในปัจจุบันยังไม่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมใน ปัจจุบัน จึงสมควรปรับปรุงอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้เหมาะสม และยังรักษาความเป็นธรรม ช่วยสนับสนุน อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปัจจุบัน และยังรักษาความเป็นธรรม ยังกล่าวที่ควร แต่นำประเทศที่มีอัตราสูงไปกว่าที่ควรเฉพาะอัตราการเสมอภาษีสำหรับ อัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เงินอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทั่วไป ได้แสดงอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เก็บรักษาอยู่จนถึงและเปรียบเทียบกับอัตราการอ้างอิงของประเทศ อื่น ๆ แล้ว เห็นได้ชัดว่าอัตราการอ้างอิงของประเทศไทยยังไม่เหมาะสมและไม่เพียงพอ แก่การทำบัญชีประเทศศาสตร์ให้สามารถการได้ เพื่อประโยชน์แห่งรายได้ของรัฐที่จำเป็นมา ใช้พัฒนาสาธารณสุขและสังคมของประเทศให้รุ่งเรือง จึงได้ปรับปรุงอัตราการอ้างอิงดังกล่าว ให้เป็นไปตามกระแสการณ์ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติภาษี (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๔๔(550)

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่

(๑)

มาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ และมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัตินี้ ว่า ด้วยการเงินได้บุคคลธรรมดา ให้ใช้บังคับตั้งแต่

(ก)

กรณีภาษีหัก ณ ที่จ่าย ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินที่จ่าย ในเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นต้นไป

(ข)

กรณีอื่น และกรณีรายการเงินได้ ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำ พ.ศ. ๒๕๔๕ ที่จะต้องยื่นรายการใน พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นต้นไป

(๒)

มาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัตินี้ ว่าด้วยการค้า ให้ใช้บังคับ สำหรับรายรับอยู่ที่ประกอบการค้าซึ่งเริ่มต้นกันยายน พ.ศ. ๒๕๔๕ ที่จะต้องรายการที่ เป็นเงินสุดคงคา พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นต้นไป

(๓)

มาตรา ๑๐ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ และมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัตินี้ ว่า ด้วยการแสดงปี ให้ใช้บังคับสำหรับการรับเงินตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๔๕ ที่จะต้องเสีย อาการเป็นตัวเงินในเดือนสุดคงคา พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นต้นไป

(๔)

มาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัตินี้ ว่าด้วยการซื้อโภคภัณฑ์ ให้ใช้ บังคับสำหรับการซื้อหรือเช่าซึ่งโภคภัณฑ์ตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นต้นไป

มาตรา ๑๔ ผู้ประกอบการค้าและหรือผู้ค้าโภคภัณฑ์ตามประมวล รัฐบาลการอันพระราชบัญญัตินี้ให้เป็นบังคับและเป็นผู้ประกอบการค้าสำมะโนครัวบัญชี เมื่อได้รับรายที่ที่ต้องจ่ายอยู่ หรือได้รับรายที่ที่ต้องจ่ายหรือที่ที่มีการนำไปใช้ใน การประกอบการค้าหรือการค้าในประเทศหรือการค้าต่างประเทศ ให้ถือว่าเป็นผู้ ประกอบการค้าสำมะโนครัวบัญชีตามพระราชบัญญัตินี้

บุคคลใดที่มีสินค้าคงคลังหรือโภคภัณฑ์ที่ต้องการผลิตตามวันพระราช บัญญัตินี้ให้ถือว่าเป็นผู้ประกอบการค้าสำมะโนครัวบัญชีตั้งแต่วันนั้นไป ให้ถือว่าเป็นผู้ ประกอบการค้าสำมะโนครัวบัญชีตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้ประกอบการค้าและหรือผู้ค้าโภคภัณฑ์ตามประมวลรัฐบาลการอันพระราช บัญญัตินี้ ซึ่งไม่เป็นผู้ประกอบการค้าสำมะโนครัวบัญชี แต่มีสินค้าที่จะได้รับ สินค้าตามบัญชีแนบท้ายมีสินค้าคงเหลืออยู่ หรือมีวัตถุที่นำมาการค้าค้างชำระอยู่ให้เสียภาษี การค้าและอากรแสดงปิดงบประมวลรัษฎากรก่อนพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ทั้งนี้ จนกว่า สินค้านั้นจะหมดหรือวัตถุนั้นใช้จ่ายหมด หรือบุคคลนั้นจะชำระค้าหรือจดงบตามแบบที่อธิบดี กำหนดโดยเสียภาษีการค้าตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้หรือไม่ โดยลำดับราคาขายจาก ราคาตลาดของสินค้านั้นและวัตถุจากราคาที่จำหน่ายก่อนลำดับราคานั้น ทั้งนี้ ในกรณีที่ เป็นการค้าโภคภัณฑ์ ให้ผู้เสียภาษีการซื้อโภคภัณฑ์ตามประมวลรัษฎากรก่อนด้วย

มาตรา ๑๔ เพื่อรักษาประโยชน์ของการจัดเก็บภาษีอากร ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีการค้า ตามประมวลรัษฎากรก่อนพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ซึ่งยังมิได้ปิดงบการค้าตามประมวลรัษฎากรดังกล่าว มีหน้าที่ส่งรายการตามแบบที่อธิบดีกำหนดส่งกรมสรรพากรของจังหวัดที่มีสถานการค้าตั้งอยู่ในเขตจังหวัดพระนคร หรือจังหวัดธนบุรี หรือจังหวัดอื่นที่อธิบดีกำหนด ทั้งนี้ ภายในกำหนดเวลาที่อธิบดีประกาศในราชกิจจานุเบกษา

แบบแสดงรายการตามวรรคก่อนให้ต่อไปนี้ต่อ

(๑)

อธิบดี ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่มีสถานการค้าตั้งอยู่ในเขตจังหวัดพระนคร หรือจังหวัดธนบุรี

(๒)

สรรพากรจังหวัด ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่มีสถานการค้าตั้งอยู่ในเขต จังหวัดอื่น การยื่นแบบแสดงรายการดังกล่าว ให้ยื่นภายในเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๐๔ และถ้าไม่ยื่น ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่มีสถานการค้าตั้งอยู่ ก็ให้ถือว่าไม่ยื่นแล้ว

มาตรา ๑๕ ผู้ใดไม่ยื่นแบบแสดงรายการตามมาตรา ๑๔ หรือยื่น แบบแสดงรายการตามมาตรา ๑๔ แล้วแต่ไม่ชำระภาษีอากรให้ถูกต้องในกำหนดเดือน หรือปรับ ไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๖ บรรดาบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่ยกเลิกหรือแก้ไข เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ยังคงใช้ได้

(๑)

ในการปฏิบัติอันเกี่ยวกับการที่ค้างอยู่หรือที่ต้องพึ่งชำระก่อนวันพระราช บัญญัตินี้ใช้บังคับ และ

(๒)

ในการปฏิบัติอันเกี่ยวกับการซื้อการตามมาตรา ๑๔

มาตรา ๑๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราช บัญญัตินี้

หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัตินี้ คือ

(๑)

การบังคับ เพื่อเพิ่มรายการภาษีอากรแก่ผู้มีเงินได้ให้ลดน้อยลง

(๒)

ภาระภาษีลด เพื่อให้เหมาะสมสอดคล้องกับการจัดเก็บภาษีทั้งทางใหญ่เล็ก การเสียและเจ้าพนักงาน ทั้งทำให้เกิดความยั่งยืน

(๓)

การลดภาษี ยกเลิกอากรสำหรับในรัชนี้ทั้งประการเพื่อการค้าค้างเสีย เพราะจะมีผลทำให้การเก็บอากรซื้อขายสินค้ามีเสมอในลักษณะและค่าใช้จ่าย ไม่สะดวก ควรเก็บภาษีการค้าอย่างเดียว ```

(๔)

การยกเว้นโทษดังนี้ ยกเลิกเพราะเหตุผลอันเดียวกันกับการเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติภาษีรัษฎากร พ.ศ. ๒๔๘๑[551]

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ให้ยกเลิกลักษณะ ๓ ภาษีบำรุงท้องที่แห่งประมวลรัษฎากร

บรรดากฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่น ในส่วนที่บัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน

มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้

มาตรา ๕[552] บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่แก้ไขเพิ่มเติมตามมาตรา ๓ ให้คงใช้บังคับได้ในการเก็บภาษีบำรุงท้องที่ จำนวนพุทธศักราชต่าง ๆ ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากประมวลรัษฎากรได้บัญญัติให้มีการจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ซึ่งเป็นภาษีที่จัดเก็บจากที่ดิน แต่ได้มีการตราพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งมีผลใช้บังคับแล้ว และได้กำหนดให้ยกเลิกการจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๕) พ.ศ. ๒๕๖๒[553]

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่

(๑)

บทบัญญัติมาตรา ๓ และมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัตินี้ที่ว่าด้วยภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินของบุคคลธรรมดาประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่ต้องยื่นรายการในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้นไป

(๒)

บทบัญญัติมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัตินี้ ที่ว่าด้วยภาษีเงินได้บริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้ใช้บังคับสำหรับกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดในหรือหลังวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป

(๓)

บทบัญญัติมาตรา ๓ มาตรา ๔ มาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๑๐ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ มาตรา ๑๓ มาตรา ๑๔ มาตรา ๑๕ มาตรา ๑๖ มาตรา ๑๗ มาตรา ๑๘ มาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ มาตรา ๒๑ มาตรา ๒๒ มาตรา ๒๓ มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๕ มาตรา ๒๖ มาตรา ๒๗ มาตรา ๒๘ มาตรา ๒๙ มาตรา ๓๐ มาตรา ๓๑ มาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๓๗ มาตรา ๓๘ มาตรา ๓๙ มาตรา ๔๐ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ มาตรา ๔๓ มาตรา ๔๔ มาตรา ๔๕ มาตรา ๔๖ มาตรา ๔๗ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ มาตรา ๕๐ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๒ มาตรา ๕๓ มาตรา ๕๔ มาตรา ๕๕ มาตรา ๕๖ มาตรา ๕๗ มาตรา ๕๘ มาตรา ๕๙ มาตรา ๖๐ มาตรา ๖๑ มาตรา ๖๒ มาตรา ๖๓ มาตรา ๖๔ มาตรา ๖๕ มาตรา ๖๖ มาตรา ๖๗ มาตรา ๖๘ มาตรา ๖๙ มาตรา ๗๐ มาตรา ๗๑ มาตรา ๗๒ มาตรา ๗๓ มาตรา ๗๔ มาตรา ๗๕ มาตรา ๗๖ มาตรา ๗๗ มาตรา ๗๘ มาตรา ๗๙ มาตรา ๘๐ มาตรา ๘๑ มาตรา ๘๒ มาตรา ๘๓ มาตรา ๘๔ มาตรา ๘๕ มาตรา ๘๖ มาตรา ๘๗ มาตรา ๘๘ มาตรา ๘๙ มาตรา ๙๐ มาตรา ๙๑ มาตรา ๙๒ มาตรา ๙๓ มาตรา ๙๔ มาตรา ๙๕ มาตรา ๙๖ มาตรา ๙๗ มาตรา ๙๘ มาตรา ๙๙ มาตรา ๑๐๐ มาตรา ๑๐๑ มาตรา ๑๐๒ มาตรา ๑๐๓ มาตรา ๑๐๔ มาตรา ๑๐๕ มาตรา ๑๐๖ มาตรา ๑๐๗ มาตรา ๑๐๘ มาตรา ๑๐๙ มาตรา ๑๑๐ มาตรา ๑๑๑ มาตรา ๑๑๒ มาตรา ๑๑๓ มาตรา ๑๑๔ มาตรา ๑๑๕ มาตรา ๑๑๖ มาตรา ๑๑๗ มาตรา ๑๑๘ มาตรา ๑๑๙ มาตรา ๑๒๐ มาตรา ๑๒๑ มาตรา ๑๒๒ มาตรา ๑๒๓ มาตรา ๑๒๔ มาตรา ๑๒๕ มาตรา ๑๒๖ มาตรา ๑๒๗ มาตรา ๑๒๘ มาตรา ๑๒๙ มาตรา ๑๓๐ มาตรา ๑๓๑ มาตรา ๑๓๒ มาตรา ๑๓๓ มาตรา ๑๓๔ มาตรา ๑๓๕ มาตรา ๑๓๖ มาตรา ๑๓๗ มาตรา ๑๓๘ มาตรา ๑๓๙ มาตรา ๑๔๐ มาตรา ๑๔๑ มาตรา ๑๔๒ มาตรา ๑๔๓ มาตรา ๑๔๔ มาตรา ๑๔๕ มาตรา ๑๔๖ มาตรา ๑๔๗ มาตรา ๑๔๘ มาตรา ๑๔๙ มาตรา ๑๕๐ มาตรา ๑๕๑ มาตรา ๑๕๒ มาตรา ๑๕๓ มาตรา ๑๕๔ มาตรา ๑๕๕ มาตรา ๑๕๖ มาตรา ๑๕๗ มาตรา ๑๕๘ มาตรา ๑๕๙ มาตรา ๑๖๐ มาตรา ๑๖๑ มาตรา ๑๖๒ มาตรา ๑๖๓ มาตรา ๑๖๔ มาตรา ๑๖๕ มาตรา ๑๖๖ มาตรา ๑๖๗ มาตรา ๑๖๘ มาตรา ๑๖๙ มาตรา ๑๗๐ มาตรา ๑๗๑ มาตรา ๑๗๒ มาตรา ๑๗๓ มาตรา ๑๗๔ มาตรา ๑๗๕ มาตรา ๑๗๖ มาตรา ๑๗๗ มาตรา ๑๗๘ มาตรา ๑๗๙ มาตรา ๑๘๐ มาตรา ๑๘๑ มาตรา ๑๘๒ มาตรา ๑๘๓ มาตรา ๑๘๔ มาตรา ๑๘๕ มาตรา ๑๘๖ มาตรา ๑๘๗ มาตรา ๑๘๘ มาตรา ๑๘๙ มาตรา ๑๙๐ มาตรา ๑๙๑ มาตรา ๑๙๒ มาตรา ๑๙๓ มาตรา ๑๙๔ มาตรา ๑๙๕ มาตรา ๑๙๖ มาตรา ๑๙๗ มาตรา ๑๙๘ มาตรา ๑๙๙ มาตรา ๒๐๐ มาตรา ๒๐๑ มาตรา ๒๐๒ มาตรา ๒๐๓ มาตรา ๒๐๔ มาตรา ๒๐๕ มาตรา ๒๐๖ มาตรา ๒๐๗ มาตรา ๒๐๘ มาตรา ๒๐๙ มาตรา ๒๑๐ มาตรา ๒๑๑ มาตรา ๒๑๒ มาตรา ๒๑๓ มาตรา ๒๑๔ มาตรา ๒๑๕ มาตรา ๒๑๖ มาตรา ๒๑๗ มาตรา ๒๑๘ มาตรา ๒๑๙ มาตรา ๒๒๐ มาตรา ๒๒๑ มาตรา ๒๒๒ มาตรา ๒๒๓ มาตรา ๒๒๔ มาตรา ๒๒๕ มาตรา ๒๒๖ มาตรา ๒๒๗ มาตรา ๒๒๘ มาตรา ๒๒๙ มาตรา ๒๓๐ มาตรา ๒๓๑ มาตรา ๒๓๒ มาตรา ๒๓๓ มาตรา ๒๓๔ มาตรา ๒๓๕ มาตรา ๒๓๖ มาตรา ๒๓๗ มาตรา ๒๓๘ มาตรา ๒๓๙ มาตรา ๒๔๐ มาตรา ๒๔๑ มาตรา ๒๔๒ มาตรา ๒๔๓ มาตรา ๒๔๔ มาตรา ๒๔๕ มาตรา ๒๔๖ มาตรา ๒๔๗ มาตรา ๒๔๘ มาตรา ๒๔๙ มาตรา ๒๕๐ มาตรา ๒๕๑ มาตรา ๒๕๒ มาตรา ๒๕๓ มาตรา ๒๕๔ มาตรา ๒๕๕ มาตรา ๒๕๖ มาตรา ๒๕๗ มาตรา ๒๕๘ มาตรา ๒๕๙ มาตรา ๒๖๐ มาตรา ๒๖๑ มาตรา ๒๖๒ มาตรา ๒๖๓ มาตรา ๒๖๔ มาตรา ๒๖๕ มาตรา ๒๖๖ มาตรา ๒๖๗ มาตรา ๒๖๘ มาตรา ๒๖๙ มาตรา ๒๗๐ มาตรา ๒๗๑ มาตรา ๒๗๒ มาตรา ๒๗๓ มาตรา ๒๗๔ มาตรา ๒๗๕ มาตรา ๒๗๖ มาตรา ๒๗๗ มาตรา ๒๗๘ มาตรา ๒๗๙ มาตรา ๒๘๐ มาตรา ๒๘๑ มาตรา ๒๘๒ มาตรา ๒๘๓ มาตรา ๒๘๔ มาตรา ๒๘๕ มาตรา ๒๘๖ มาตรา ๒๘๗ มาตรา ๒๘๘ มาตรา ๒๘๙ มาตรา ๒๙๐ มาตรา ๒๙๑ มาตรา ๒๙๒ มาตรา ๒๙๓ มาตรา ๒๙๔ มาตรา ๒๙๕ มาตรา ๒๙๖ มาตรา ๒๙๗ มาตรา ๒๙๘ มาตรา ๒๙๙ มาตรา ๓๐๐ มาตรา ๓๐๑ มาตรา ๓๐๒ มาตรา ๓๐๓ มาตรา ๓๐๔ มาตรา ๓๐๕ มาตรา ๓๐๖ มาตรา ๓๐๗ มาตรา ๓๐๘ มาตรา ๓๐๙ มาตรา ๓๑๐ มาตรา ๓๑๑ มาตรา ๓๑๒ มาตรา ๓๑๓ มาตรา ๓๑๔ มาตรา ๓๑๕ มาตรา ๓๑๖ มาตรา ๓๑๗ มาตรา ๓๑๘ มาตรา ๓๑๙ มาตรา ๓๒๐ มาตรา ๓๒๑ มาตรา ๓๒๒ มาตรา ๓๒๓ มาตรา ๓๒๔ มาตรา ๓๒๕ มาตรา ๓๒๖ มาตรา ๓๒๗ มาตรา ๓๒๘ มาตรา ๓๒๙ มาตรา ๓๓๐ มาตรา ๓๓๑ มาตรา ๓๓๒ มาตรา ๓๓๓ มาตรา ๓๓๔ มาตรา ๓๓๕ มาตรา ๓๓๖ มาตรา ๓๓๗ มาตรา ๓๓๘ มาตรา ๓๓๙ มาตรา ๓๔๐ มาตรา ๓๔๑ มาตรา ๓๔๒ มาตรา ๓๔๓ มาตรา ๓๔๔ มาตรา ๓๔๕ มาตรา ๓๔๖ มาตรา ๓๔๗ มาตรา ๓๔๘ มาตรา ๓๔๙ มาตรา ๓๕๐ มาตรา ๓๕๑ มาตรา ๓๕๒ มาตรา ๓๕๓ มาตรา ๓๕๔ มาตรา ๓๕๕ มาตรา ๓๕๖ มาตรา ๓๕๗ มาตรา ๓๕๘ มาตรา ๓๕๙ มาตรา ๓๖๐ มาตรา ๓๖๑ มาตรา ๓๖๒ มาตรา ๓๖๓ มาตรา ๓๖๔ มาตรา ๓๖๕ มาตรา ๓๖๖ มาตรา ๓๖๗ มาตรา ๓๖๘ มาตรา ๓๖๙ มาตรา ๓๗๐ มาตรา ๓๗๑ มาตรา ๓๗๒ มาตรา ๓๗๓ มาตรา ๓๗๔ มาตรา ๓๗๕ มาตรา ๓๗๖ มาตรา ๓๗๗ มาตรา ๓๗๘ มาตรา ๓๗๙ มาตรา ๓๘๐ มาตรา ๓๘๑ มาตรา ๓๘๒ มาตรา ๓๘๓ มาตรา ๓๘๔ มาตรา ๓๘๕ มาตรา ๓๘๖ มาตรา ๓๘๗ มาตรา ๓๘๘ มาตรา ๓๘๙ มาตรา ๓๙๐ มาตรา ๓๙๑ มาตรา ๓๙๒ มาตรา ๓๙๓ มาตรา ๓๙๔ มาตรา ๓๙๕ มาตรา ๓๙๖ มาตรา ๓๙๗ มาตรา ๓๙๘ มาตรา ๓๙๙ มาตรา ๔๐๐ มาตรา ๔๐๑ มาตรา ๔๐๒ มาตรา ๔๐๓ มาตรา ๔๐๔ มาตรา ๔๐๕ มาตรา ๔๐๖ มาตรา ๔๐๗ มาตรา ๔๐๘ มาตรา ๔๐๙ มาตรา ๔๑๐ มาตรา ๔๑๑ มาตรา ๔๑๒ มาตรา ๔๑๓ มาตรา ๔๑๔ มาตรา ๔๑๕ มาตรา ๔๑๖ มาตรา ๔๑๗ มาตรา ๔๑๘ มาตรา ๔๑๙ มาตรา ๔๒๐ มาตรา ๔๒๑ มาตรา ๔๒๒ มาตรา ๔๒๓ มาตรา ๔๒๔ มาตรา ๔๒๕ มาตรา ๔๒๖ มาตรา ๔๒๗ มาตรา ๔๒๘ มาตรา ๔๒๙ มาตรา ๔๓๐ มาตรา ๔๓๑ มาตรา ๔๓๒ มาตรา ๔๓๓ มาตรา ๔๓๔ มาตรา ๔๓๕ มาตรา ๔๓๖ มาตรา ๔๓๗ มาตรา ๔๓๘ มาตรา ๔๓๙ มาตรา ๔๔๐ มาตรา ๔๔๑ มาตรา ๔๔๒ มาตรา ๔๔๓ มาตรา ๔๔๔ มาตรา ๔๔๕ มาตรา ๔๔๖ มาตรา ๔๔๗ มาตรา ๔๔๘ มาตรา ๔๔๙ มาตรา ๔๕๐ มาตรา ๔๕๑ มาตรา ๔๕๒ มาตรา ๔๕๓ มาตรา ๔๕๔ มาตรา ๔๕๕ มาตรา ๔๕๖ มาตรา ๔๕๗ มาตรา ๔๕๘ มาตรา ๔๕๙ มาตรา ๔๖๐ มาตรา ๔๖๑ มาตรา ๔๖๒ มาตรา ๔๖๓ มาตรา ๔๖๔ มาตรา ๔๖๕ มาตรา ๔๖๖ มาตรา ๔๖๗ มาตรา ๔๖๘ มาตรา ๔๖๙ มาตรา ๔๗๐ มาตรา ๔๗๑ มาตรา ๔๗๒ มาตรา ๔๗๓ มาตรา ๔๗๔ มาตรา ๔๗๕ มาตรา ๔๗๖ มาตรา ๔๗๗ มาตรา ๔๗๘ มาตรา ๔๗๙ มาตรา ๔๘๐ มาตรา ๔๘๑ มาตรา ๔๘๒ มาตรา ๔๘๓ มาตรา ๔๘๔ มาตรา ๔๘๕ มาตรา ๔๘๖ มาตรา ๔๘๗ มาตรา ๔๘๘ มาตรา ๔๘๙ มาตรา ๔๙๐ มาตรา ๔๙๑ มาตรา ๔๙๒ มาตรา ๔๙๓ มาตรา ๔๙๔ มาตรา ๔๙๕ มาตรา ๔๙๖ มาตรา ๔๙๗ มาตรา ๔๙๘ มาตรา ๔๙๙ มาตรา ๕๐๐ มาตรา ๕๐๑ มาตรา ๕๐๒ มาตรา ๕๐๓ มาตรา ๕๐๔ มาตรา ๕๐๕ มาตรา ๕๐๖ มาตรา ๕๐๗ มาตรา ๕๐๘ มาตรา ๕๐๙ มาตรา ๕๑๐ มาตรา ๕๑๑ มาตรา ๕๑๒ มาตรา ๕๑๓ มาตรา ๕๑๔ มาตรา ๕๑๕ มาตรา ๕๑๖ มาตรา ๕๑๗ มาตรา ๕๑๘ มาตรา ๕๑๙ มาตรา ๕๒๐ มาตรา ๕๒๑ มาตรา ๕๒๒ มาตรา ๕๒๓ มาตรา ๕๒๔ มาตรา ๕๒๕ มาตรา ๕๒๖ มาตรา ๕๒๗ มาตรา ๕๒๘ มาตรา ๕๒๙ มาตรา ๕๓๐ มาตรา ๕๓๑ มาตรา ๕๓๒ มาตรา ๕๓๓ มาตรา ๕๓๔ มาตรา ๕๓๕ มาตรา ๕๓๖ มาตรา ๕๓๗ มาตรา ๕๓๘ มาตรา ๕๓๙ มาตรา ๕๔๐ มาตรา ๕๔๑ มาตรา ๕๔๒ มาตรา ๕๔๓ มาตรา ๕๔๔ มาตรา ๕๔๕ มาตรา ๕๔๖ มาตรา ๕๔๗ มาตรา ๕๔๘ มาตรา ๕๔๙ มาตรา ๕๕๐ มาตรา ๕๕๑ มาตรา ๕๕๒ มาตรา ๕๕๓ มาตรา ๕๕๔ มาตรา ๕๕๕ มาตรา ๕๕๖ มาตรา ๕๕๗ มาตรา ๕๕๘ มาตรา ๕๕๙ มาตรา ๕๖๐ มาตรา ๕๖๑ มาตรา ๕๖๒ มาตรา ๕๖๓ มาตรา ๕๖๔ มาตรา ๕๖๕ มาตรา ๕๖๖ มาตรา ๕๖๗ มาตรา ๕๖๘ มาตรา ๕๖๙ มาตรา ๕๗๐ มาตรา ๕๗๑ มาตรา ๕๗๒ มาตรา ๕๗๓ มาตรา ๕๗๔ มาตรา ๕๗๕ มาตรา ๕๗๖ มาตรา ๕๗๗ มาตรา ๕๗๘ มาตรา ๕๗๙ มาตรา ๕๘๐ มาตรา ๕๘๑ มาตรา ๕๘๒ มาตรา ๕๘๓ มาตรา ๕๘๔ มาตรา ๕๘๕ มาตรา ๕๘๖ มาตรา ๕๘๗ มาตรา ๕๘๘ มาตรา ๕๘๙ มาตรา ๕๙๐ มาตรา ๕๙๑ มาตรา ๕๙๒ มาตรา ๕๙๓ มาตรา ๕๙๔ มาตรา ๕๙๕ มาตรา ๕๙๖ มาตรา ๕๙๗ มาตรา ๕๙๘ มาตรา ๕๙๙ มาตรา ๖๐๐ มาตรา ๖๐๑ มาตรา ๖๐๒ มาตรา ๖๐๓ มาตรา ๖๐๔ มาตรา ๖๐๕ มาตรา ๖๐๖ มาตรา ๖๐๗ มาตรา ๖๐๘ มาตรา ๖๐๙ มาตรา ๖๑๐ มาตรา ๖๑๑ มาตรา ๖๑๒ มาตรา ๖๑๓ มาตรา ๖๑๔ มาตรา ๖๑๕ มาตรา ๖๑๖ มาตรา ๖๑๗ มาตรา ๖๑๘ มาตรา ๖๑๙ มาตรา ๖๒๐ มาตรา ๖๒๑ มาตรา ๖๒๒ มาตรา ๖๒๓ มาตรา ๖๒๔ มาตรา ๖๒๕ มาตรา ๖๒๖ มาตรา ๖๒๗ มาตรา ๖๒๘ มาตรา ๖๒๙ มาตรา ๖๓๐ มาตรา ๖๓๑ มาตรา ๖๓๒ มาตรา ๖๓๓ มาตรา ๖๓๔ มาตรา ๖๓๕ มาตรา ๖๓๖ มาตรา ๖๓๗ มาตรา ๖๓๘ มาตรา ๖๓๙ มาตรา ๖๔๐ มาตรา ๖๔๑ มาตรา ๖๔๒ มาตรา ๖๔๓ มาตรา ๖๔๔ มาตรา ๖๔๕ มาตรา ๖๔๖ มาตรา ๖๔๗ มาตรา ๖๔๘ มาตรา ๖๔๙ มาตรา ๖๕๐ มาตรา ๖๕๑ มาตรา ๖๕๒ มาตรา ๖๕๓ มาตรา ๖๕๔ มาตรา ๖๕๕ มาตรา ๖๕๖ มาตรา ๖๕๗ มาตรา ๖๕๘ มาตรา ๖๕๙ มาตรา ๖๖๐ มาตรา ๖๖๑ มาตรา ๖๖๒ มาตรา ๖๖๓ มาตรา ๖๖๔ มาตรา ๖๖๕ มาตรา ๖๖๖ มาตรา ๖๖๗ มาตรา ๖๖๘ มาตรา ๖๖๙ มาตรา ๖๗๐ มาตรา ๖๗๑ มาตรา ๖๗๒ มาตรา ๖๗๓ มาตรา ๖๗๔ มาตรา ๖๗๕ มาตรา ๖๗๖ มาตรา ๖๗๗ มาตรา ๖๗๘ มาตรา ๖๗๙ มาตรา ๖๘๐ มาตรา ๖๘๑ มาตรา ๖๘๒ มาตรา ๖๘๓ มาตรา ๖๘๔ มาตรา ๖๘๕ มาตรา ๖๘๖ มาตรา ๖๘๗ มาตรา ๖๘๘ มาตรา ๖๘๙ มาตรา ๖๙๐ มาตรา ๖๙๑ มาตรา ๖๙๒ มาตรา ๖๙๓ มาตรา ๖๙๔ มาตรา ๖๙๕ มาตรา ๖๙๖ มาตรา ๖๙๗ มาตรา ๖๙๘ มาตรา ๖๙๙ มาตรา ๗๐๐ มาตรา ๗๐๑ มาตรา ๗๐๒ มาตรา ๗๐๓ มาตรา ๗๐๔ มาตรา ๗๐๕ มาตรา ๗๐๖ มาตรา ๗๐๗ มาตรา ๗๐๘ มาตรา ๗๐๙ มาตรา ๗๑๐ มาตรา ๗๑๑ มาตรา ๗๑๒ มาตรา ๗๑๓ มาตรา ๗๑๔ มาตรา ๗๑๕ มาตรา ๗๑๖ มาตรา ๗๑๗ มาตรา ๗๑๘ มาตรา ๗๑๙ มาตรา ๗๒๐ มาตรา ๗๒๑ มาตรา ๗๒๒ มาตรา ๗๒๓ มาตรา ๗๒๔ มาตรา ๗๒๕ มาตรา ๗๒๖ มาตรา ๗๒๗ มาตรา ๗๒๘ มาตรา ๗๒๙ มาตรา ๗๓๐ มาตรา ๗๓๑ มาตรา ๗๓๒ มาตรา ๗๓๓ มาตรา ๗๓๔ มาตรา ๗๓๕ มาตรา ๗๓๖ มาตรา ๗๓๗ มาตรา ๗๓๘ มาตรา ๗๓๙ มาตรา ๗๔๐ มาตรา ๗๔๑ มาตรา ๗๔๒ มาตรา ๗๔๓ มาตรา ๗๔๔ มาตรา ๗๔๕ มาตรา ๗๔๖ มาตรา ๗๔๗ มาตรา ๗๔๘ มาตรา ๗๔๙ มาตรา ๗๕๐ มาตรา ๗๕๑ มาตรา ๗๕๒ มาตรา ๗๕๓ มาตรา ๗๕๔ มาตรา ๗๕๕ มาตรา ๗๕๖ มาตรา ๗๕๗ มาตรา ๗๕๘ มาตรา ๗๕๙ มาตรา ๗๖๐ มาตรา ๗๖๑ มาตรา ๗๖๒ มาตรา ๗๖๓ มาตรา ๗๖๔ มาตรา ๗๖๕ มาตรา ๗๖๖ มาตรา ๗๖๗ มาตรา ๗๖๘ มาตรา ๗๖๙ มาตรา ๗๗๐ มาตรา ๗๗๑ มาตรา ๗๗๒ มาตรา ๗๗๓ มาตรา ๗๗๔ มาตรา ๗๗๕ มาตรา ๗๗๖ มาตรา ๗๗๗ มาตรา ๗๗๘ มาตรา ๗๗๙ มาตรา ๗๘๐ มาตรา ๗๘๑ มาตรา ๗๘๒ มาตรา ๗๘๓ มาตรา ๗๘๔ มาตรา ๗๘๕ มาตรา ๗๘๖ มาตรา ๗๘๗ มาตรา ๗๘๘ มาตรา ๗๘๙ มาตรา ๗๙๐ มาตรา ๗๙๑ มาตรา ๗๙๒ มาตรา ๗๙๓ มาตรา ๗๙๔ มาตรา ๗๙๕ มาตรา ๗๙๖ มาตรา ๗๙๗ มาตรา ๗๙๘ มาตรา ๗๙๙ มาตรา ๘๐๐ มาตรา ๘๐๑ มาตรา ๘๐๒ มาตรา ๘๐๓ มาตรา ๘๐๔ มาตรา ๘๐๕ มาตรา ๘๐๖ มาตรา ๘๐๗ มาตรา ๘๐๘ มาตรา ๘๐๙ มาตรา ๘๑๐ มาตรา ๘๑๑ มาตรา ๘๑๒ มาตรา ๘๑๓ มาตรา ๘๑๔ มาตรา ๘๑๕ มาตรา ๘๑๖ มาตรา ๘๑๗ มาตรา ๘๑๘ มาตรา ๘๑๙ มาตรา ๘๒๐ มาตรา ๘๒๑ มาตรา ๘๒๒ มาตรา ๘๒๓ มาตรา ๘๒๔ มาตรา ๘๒๕ มาตรา ๘๒๖ มาตรา ๘๒๗ มาตรา ๘๒๘ มาตรา ๘๒๙ มาตรา ๘๓๐ มาตรา ๘๓๑ มาตรา ๘๓๒ มาตรา ๘๓๓ มาตรา ๘๓๔ มาตรา ๘๓๕ มาตรา ๘๓๖ มาตรา ๘๓๗ มาตรา ๘๓๘ มาตรา ๘๓๙ มาตรา ๘๔๐ มาตรา ๘๔๑ มาตรา ๘๔๒ มาตรา ๘๔๓ มาตรา ๘๔๔ มาตรา ๘๔๕ มาตรา ๘๔๖ มาตรา ๘๔๗ มาตรา ๘๔๘ มาตรา ๘๔๙ มาตรา ๘๕๐ มาตรา ๘๕๑ มาตรา ๘๕๒ มาตรา ๘๕๓ มาตรา ๘๕๔ มาตรา ๘๕๕ มาตรา ๘๕๖ มาตรา ๘๕๗ มาตรา ๘๕๘ มาตรา ๘๕๙ มาตรา ๘๖๐ มาตรา ๘๖๑ มาตรา ๘๖๒ มาตรา ๘๖๓ มาตรา ๘๖๔ มาตรา ๘๖๕ มาตรา ๘๖๖ มาตรา ๘๖๗ มาตรา ๘๖๘ มาตรา ๘๖๙ มาตรา ๘๗๐ มาตรา ๘๗๑ มาตรา ๘๗๒ มาตรา ๘๗๓ มาตรา ๘๗๔ มาตรา ๘๗๕ มาตรา ๘๗๖ มาตรา ๘๗๗ มาตรา ๘๗๘ มาตรา ๘๗๙ มาตรา ๘๘๐ มาตรา ๘๘๑ มาตรา ๘๘๒ มาตรา ๘๘๓ มาตรา ๘๘๔ มาตรา ๘๘๕ มาตรา ๘๘๖ มาตรา ๘๘๗ มาตรา ๘๘๘ มาตรา ๘๘๙ มาตรา ๘๙๐ มาตรา ๘๙๑ มาตรา ๘๙๒ มาตรา ๘๙๓ มาตรา ๘๙๔ มาตรา ๘๙๕ มาตรา ๘๙๖ มาตรา ๘๙๗ มาตรา ๘๙๘ มาตรา ๘๙๙ มาตรา ๙๐๐ มาตรา ๙๐๑ มาตรา ๙๐๒ มาตรา ๙๐๓ มาตรา ๙๐๔ มาตรา ๙๐๕ มาตรา ๙๐๖ มาตรา ๙๐๗ มาตรา ๙๐๘ มาตรา ๙๐๙ มาตรา ๙๑๐ มาตรา ๙๑๑ มาตรา ๙๑๒ มาตรา ๙๑๓ มาตรา ๙๑๔ มาตรา ๙๑๕ มาตรา ๙๑๖ มาตรา ๙๑๗ มาตรา ๙๑๘ มาตรา ๙๑๙ มาตรา ๙๒๐ มาตรา ๙๒๑ มาตรา ๙๒๒ มาตรา ๙๒๓ มาตรา ๙๒๔ มาตรา ๙๒๕ มาตรา ๙๒๖ มาตรา ๙๒๗ มาตรา ๙๒๘ มาตรา ๙๒๙ มาตรา ๙๓๐ มาตรา ๙๓๑ มาตรา ๙๓๒ มาตรา ๙๓๓ มาตรา ๙๓๔ มาตรา ๙๓๕ มาตรา ๙๓๖ มาตรา ๙๓๗ มาตรา ๙๓๘ มาตรา ๙๓๙ มาตรา ๙๔๐ มาตรา ๙๔๑ มาตรา ๙๔๒ มาตรา ๙๔๓ มาตรา ๙๔๔ มาตรา ๙๔๕ มาตรา ๙๔๖ มาตรา ๙๔๗ มาตรา ๙๔๘ มาตรา ๙๔๙ มาตรา ๙๕๐ มาตรา ๙๕๑ มาตรา ๙๕๒ มาตรา ๙๕๓ มาตรา ๙๕๔ มาตรา ๙๕๕ มาตรา ๙๕๖ มาตรา ๙๕๗ มาตรา ๙๕๘ มาตรา ๙๕๙ มาตรา ๙๖๐ มาตรา ๙๖๑ มาตรา ๙๖๒ มาตรา ๙๖๓ มาตรา ๙๖๔ มาตรา ๙๖๕ มาตรา ๙๖๖ มาตรา ๙๖๗ มาตรา ๙๖๘ มาตรา ๙๖๙ มาตรา ๙๗๐ มาตรา ๙๗๑ มาตรา ๙๗๒ มาตรา ๙๗๓ มาตรา ๙๗๔ มาตรา ๙๗๕ มาตรา ๙๗๖ มาตรา ๙๗๗ มาตรา ๙๗๘ มาตรา ๙๗๙ มาตรา ๙๘๐ มาตรา ๙๘๑ มาตรา ๙๘๒ มาตรา ๙๘๓ มาตรา ๙๘๔ มาตรา ๙๘๕ มาตรา ๙๘๖ มาตรา ๙๘๗ มาตรา ๙๘๘ มาตรา ๙๘๙ มาตรา ๙๙๐ มาตรา ๙๙๑ มาตรา ๙๙๒ มาตรา ๙๙๓ มาตรา ๙๙๔ มาตรา ๙๙๕ มาตรา ๙๙๖ มาตรา ๙๙๗ มาตรา ๙๙๘ มาตรา ๙๙๙ มาตรา ๑๐๐๐ มาตรา ๑๐๐๑ มาตรา ๑๐๐๒ มาตรา ๑๐๐๓ มาตรา ๑๐๐๔ มาตรา ๑๐๐๕ มาตรา ๑๐๐๖ มาตรา ๑๐๐๗ มาตรา ๑๐๐๘ มาตรา ๑๐๐๙ มาตรา ๑๐๑๐ มาตรา ๑๐๑๑ มาตรา ๑๐๑๒ มาตรา ๑๐๑๓ มาตรา ๑๐๑๔ มาตรา ๑๐๑๕ มาตรา ๑๐๑๖ มาตรา ๑๐๑๗ มาตรา ๑๐๑๘ มาตรา ๑๐๑๙ มาตรา ๑๐๒๐ มาตรา ๑๐๒๑ มาตรา ๑๐๒๒ มาตรา ๑๐๒๓ มาตรา ๑๐๒๔ มาตรา ๑๐๒๕ มาตรา ๑๐๒๖ มาตรา ๑๐๒๗ มาตรา ๑๐๒๘ มาตรา ๑๐๒๙ มาตรา ๑๐๓๐ มาตรา ๑๐๓๑ มาตรา ๑๐๓๒ มาตรา ๑๐๓๓ มาตรา ๑๐๓๔ มาตรา ๑๐๓๕ มาตรา ๑๐๓๖ มาตรา ๑๐๓๗ มาตรา ๑๐๓๘ มาตรา ๑๐๓๙ มาตรา ๑๐๔๐ มาตรา ๑๐๔๑ มาตรา ๑๐๔๒ มาตรา ๑๐๔๓ มาตรา ๑๐๔๔ มาตรา ๑๐๔๕ มาตรา ๑๐๔๖ มาตรา ๑๐๔๗ มาตรา ๑๐๔๘ มาตรา ๑๐๔๙ มาตรา ๑๐๕๐ มาตรา ๑๐๕๑ มาตรา ๑๐๕๒ มาตรา ๑๐๕๓ มาตรา ๑๐๕๔ มาตรา ๑๐๕๕ มาตรา ๑๐๕๖ มาตรา ๑๐๕๗ มาตรา ๑๐๕๘ มาตรา ๑๐๕๙ มาตรา ๑๐๖๐ มาตรา ๑๐๖๑ มาตรา ๑๐๖๒ มาตรา ๑๐๖๓ มาตรา ๑๐๖๔ มาตรา ๑๐๖๕ มาตรา ๑๐๖๖ มาตรา ๑๐๖๗ มาตรา ๑๐๖๘ มาตรา ๑๐๖๙ มาตรา ๑๐๗๐ มาตรา ๑๐๗๑ มาตรา ๑๐๗๒ มาตรา ๑๐๗๓ มาตรา ๑๐๗๔ มาตรา ๑๐๗๕ มาตรา ๑๐๗๖ มาตรา ๑๐๗๗ มาตรา ๑๐๗๘ มาตรา ๑๐๗๙ มาตรา ๑๐๘๐ มาตรา ๑๐๘๑ มาตรา ๑๐๘๒ มาตรา ๑๐๘๓ มาตรา ๑๐๘๔ มาตรา ๑๐๘๕ มาตรา ๑๐๘๖ มาตรา ๑๐๘๗ มาตรา ๑๐๘๘ มาตรา ๑๐๘๙ มาตรา ๑๐๙๐ มาตรา ๑๐๙๑ มาตรา ๑๐๙๒ มาตรา ๑๐๙๓ มาตรา ๑๐๙๔ มาตรา ๑๐๙๕ มาตรา ๑๐๙๖ มาตรา ๑๐๙๗ มาตรา ๑๐๙๘ มาตรา ๑๐๙๙ มาตรา ๑๑๐๐ มาตรา ๑๑๐๑ มาตรา ๑๑๐๒ มาตรา ๑๑๐๓ มาตรา ๑๑๐๔ มาตรา ๑๑๐๕ มาตรา ๑๑๐๖ มาตรา ๑๑๐๗ มาตรา ๑๑๐๘ มาตรา ๑๑๐๙ มาตรา ๑๑๑๐ มาตรา ๑๑๑๑ มาตรา ๑๑๑๒ มาตรา ๑๑๑๓ มาตรา ๑๑๑๔ มาตรา ๑๑๑๕ มาตรา ๑๑๑๖ มาตรา ๑๑๑๗ มาตรา ๑๑๑๘ มาตรา ๑๑๑๙ มาตรา ๑๑๒๐ มาตรา ๑๑๒๑ มาตรา ๑๑๒๒ มาตรา ๑๑๒๓ มาตรา ๑๑๒๔ มาตรา ๑๑๒๕ มาตรา ๑๑๒๖ มาตรา ๑๑๒๗ มาตรา ๑๑๒๘ มาตรา ๑๑๒๙ มาตรา ๑๑๓๐ มาตรา ๑๑๓๑ มาตรา ๑๑๓๒ มาตรา ๑๑๓๓ มาตรา ๑๑๓๔ มาตรา ๑๑๓๕ มาตรา ๑๑๓๖ มาตรา ๑๑๓๗ มาตรา ๑๑๓๘ มาตรา ๑๑๓๙ มาตรา ๑๑๔๐ มาตรา ๑๑๔๑ มาตรา ๑๑๔๒ มาตรา ๑๑๔๓ มาตรา ๑๑๔๔ มาตรา ๑๑๔๕ มาตรา ๑๑๔๖ มาตรา ๑๑๔๗ มาตรา ๑๑๔๘ มาตรา ๑๑๔๙ มาตรา ๑๑๕๐ มาตรา ๑๑๕๑ มาตรา ๑๑๕๒ มาตรา ๑๑๕๓ มาตรา ๑๑๕๔ มาตรา ๑๑๕๕ มาตรา ๑๑๕๖ มาตรา ๑๑๕๗ มาตรา ๑๑๕๘ มาตรา ๑๑๕๙ มาตรา ๑๑๖๐ มาตรา ๑๑๖๑ มาตรา ๑๑๖๒ มาตรา ๑๑๖๓ มาตรา ๑๑๖๔ มาตรา ๑๑๖๕ มาตรา ๑๑๖๖ มาตรา ๑๑๖๗ มาตรา ๑๑๖๘ มาตรา ๑๑๖๙ มาตรา ๑๑๗๐ มาตรา ๑๑๗๑ มาตรา ๑๑๗๒ มาตรา ๑๑๗๓ มาตรา ๑๑๗๔ มาตรา ๑๑๗๕ มาตรา ๑๑๗๖ มาตรา ๑๑๗๗ มาตรา ๑๑๗๘ มาตรา ๑๑๗๙ มาตรา ๑๑๘๐ มาตรา ๑๑๘๑ มาตรา ๑๑๘๒ มาตรา ๑๑๘๓ มาตรา ๑๑๘๔ มาตรา ๑๑๘๕ มาตรา ๑๑๘๖ มาตรา ๑๑๘๗ มาตรา ๑๑๘๘ มาตรา ๑๑๘๙ มาตรา ๑๑๙๐ มาตรา ๑๑๙๑ มาตรา ๑๑๙๒ มาตรา ๑๑๙๓ มาตรา ๑๑๙๔ มาตรา ๑๑๙๕ มาตรา ๑๑๙๖ มาตรา ๑๑๙๗ มาตรา ๑๑๙๘ มาตรา ๑๑๙๙ มาตรา ๑๒๐๐ มาตรา ๑๒๐๑ มาตรา ๑๒๐๒ มาตรา ๑๒๐๓ มาตรา ๑๒๐๔ มาตรา ๑๒๐๕ มาตรา ๑๒๐๖ มาตรา ๑๒๐๗ มาตรา ๑๒๐๘ มาตรา ๑๒๐๙ มาตรา ๑๒๑๐ มาตรา ๑๒๑๑ มาตรา ๑๒๑๒ มาตรา ๑๒๑๓ มาตรา ๑๒๑๔ มาตรา ๑๒๑๕ มาตรา ๑๒๑๖ มาตรา ๑๒๑๗ มาตรา ๑๒๑๘ มาตรา ๑๒๑๙ มาตรา ๑๒๒๐ มาตรา ๑๒๒๑ มาตรา ๑๒๒๒ มาตรา ๑๒๒๓ มาตรา ๑๒๒๔ มาตรา ๑๒๒๕ มาตรา ๑๒๒๖ มาตรา ๑๒๒๗ มาตรา ๑๒๒๘ มาตรา ๑๒๒๙ มาตรา ๑๒๓๐ มาตรา ๑๒๓๑ มาตรา ๑๒๓๒ มาตรา ๑๒๓๓ มาตรา ๑๒๓๔ มาตรา ๑๒๓๕ มาตรา ๑๒๓๖ มาตรา ๑๒๓๗ มาตรา ๑๒๓๘ มาตรา ๑๒๓๙ มาตรา ๑๒๔๐ มาตรา ๑๒๔๑ มาตรา ๑๒๔๒ มาตรา ๑๒๔๓ มาตรา ๑๒๔๔ มาตรา ๑๒๔๕ มาตรา ๑๒๔๖ มาตรา ๑๒๔๗ มาตรา ๑๒๔๘ มาตรา ๑๒๔๙ มาตรา ๑๒๕๐ มาตรา ๑๒๕๑ มาตรา ๑๒๕๒ มาตรา ๑๒๕๓ มาตรา ๑๒๕๔ มาตรา ๑๒๕๕ มาตรา ๑๒๕๖ มาตรา ๑๒๕๗ มาตรา ๑๒๕๘ มาตรา ๑๒๕๙ มาตรา ๑๒๖๐ มาตรา ๑๒๖๑ มาตรา ๑๒๖๒ มาตรา ๑๒๖๓ มาตรา ๑๒๖๔ มาตรา ๑๒๖๕ มาตรา ๑๒๖๖ มาตรา ๑๒๖๗ มาตรา ๑๒๖๘ มาตรา ๑๒๖๙ มาตรา ๑๒๗๐ มาตรา ๑๒๗๑ มาตรา ๑๒๗๒ มาตรา ๑๒๗๓ มาตรา ๑๒๗๔ มาตรา ๑๒๗๕ มาตรา ๑๒๗๖ มาตรา ๑๒๗๗ มาตรา ๑๒๗๘ มาตรา ๑๒๗๙ มาตรา ๑๒๘๐ มาตรา ๑๒๘๑ มาตรา ๑๒๘๒ มาตรา ๑๒๘๓ มาตรา ๑๒๘๔ มาตรา ๑๒๘๕ มาตรา ๑๒๘๖ มาตรา ๑๒๘๗ มาตรา ๑๒๘๘ มาตรา ๑๒๘๙ มาตรา ๑๒๙๐ มาตรา ๑๒๙๑ มาตรา ๑๒๙๒ มาตรา ๑๒๙๓ มาตรา ๑๒๙๔ มาตรา ๑๒๙๕ มาตรา ๑๒๙๖ มาตรา ๑๒๙๗ มาตรา ๑๒๙๘ มาตรา ๑๒๙๙ มาตรา ๑๓๐๐ มาตรา ๑๓๐๑ มาตรา ๑๓๐๒ มาตรา ๑๓๐๓ มาตรา ๑๓๐๔ มาตรา ๑๓๐๕ มาตรา ๑๓๐๖ มาตรา ๑๓๐๗ มาตรา ๑๓๐๘ มาตรา ๑๓๐๙ มาตรา ๑๓๑๐ มาตรา ๑๓๑๑ มาตรา ๑๓๑๒ มาตรา ๑๓๑๓ มาตรา ๑๓๑๔ มาตรา ๑๓๑๕ มาตรา ๑๓๑๖ มาตรา ๑๓๑๗ มาตรา ๑๓๑๘ มาตรา ๑๓๑๙ มาตรา ๑๓๒๐ มาตรา ๑๓๒๑ มาตรา ๑๓๒๒ มาตรา ๑๓๒๓ มาตรา ๑๓๒๔ มาตรา ๑๓๒๕ มาตรา ๑๓๒๖ มาตรา ๑๓๒๗ มาตรา ๑๓๒๘ มาตรา ๑๓๒๙ มาตรา ๑๓๓๐ มาตรา ๑๓๓๑ มาตรา ๑๓๓๒ มาตรา ๑๓๓๓ มาตรา ๑๓๓๔ มาตรา ๑๓๓๕ มาตรา ๑๓๓๖ มาตรา ๑๓๓๗ มาตรา ๑๓๓๘ มาตรา ๑๓๓๙ มาตรา ๑๓๔๐ มาตรา ๑๓๔๑ มาตรา ๑๓๔๒ มาตรา ๑๓๔๓ มาตรา ๑๓๔๔ มาตรา ๑๓๔๕ มาตรา ๑๓๔๖ มาตรา ๑๓๔๗ มาตรา ๑๓๔๘ มาตรา ๑๓๔๙ มาตรา ๑๓๕๐ มาตรา ๑๓๕๑ มาตรา ๑๓๕๒ มาตรา ๑๓๕๓ มาตรา ๑๓๕๔ มาตรา ๑๓๕๕ มาตรา ๑๓๕๖ มาตรา ๑๓๕๗ มาตรา ๑๓๕๘ มาตรา ๑๓๕๙ มาตรา ๑๓๖๐ มาตรา ๑๓๖๑ มาตรา ๑๓๖๒ มาตรา ๑๓๖๓ มาตรา ๑๓๖๔ มาตรา ๑๓๖๕ มาตรา ๑๓๖๖ มาตรา ๑๓๖๗ มาตรา ๑๓๖๘ มาตรา ๑๓๖๙ มาตรา ๑๓๗๐ มาตรา ๑๓๗๑ มาตรา ๑๓๗๒ มาตรา ๑๓๗๓ มาตรา ๑๓๗๔ มาตรา ๑๓๗๕ มาตรา ๑๓๗๖ มาตรา ๑๓๗๗ มาตรา ๑๓๗๘ มาตรา ๑๓๗๙ มาตรา ๑๓๘๐ มาตรา ๑๓๘๑ มาตรา ๑๓๘๒ มาตรา ๑๓๘๓ มาตรา ๑๓๘๔ มาตรา ๑๓๘๕ มาตรา ๑๓๘๖ มาตรา ๑๓๘๗ มาตรา ๑๓๘๘ มาตรา ๑๓๘๙ มาตรา ๑๓๙๐ มาตรา ๑๓๙๑ มาตรา ๑๓๙๒ มาตรา ๑๓๙๓ มาตรา ๑๓๙๔ มาตรา ๑๓๙๕ มาตรา ๑๓๙๖ มาตรา ๑๓๙๗ มาตรา ๑๓๙๘ มาตรา ๑๓๙๙ มาตรา ๑๔๐๐ มาตรา ๑๔๐๑ มาตรา ๑๔๐๒ มาตรา ๑๔๐๓ มาตรา ๑๔๐๔ มาตรา ๑๔๐๕ มาตรา ๑๔๐๖ มาตรา ๑๔๐๗ มาตรา ๑๔๐๘ มาตรา ๑๔๐๙ มาตรา ๑๔๑๐ มาตรา ๑๔๑๑ มาตรา ๑๔๑๒ มาตรา ๑๔๑๓ มาตรา ๑๔๑๔ มาตรา ๑๔๑๕ มาตรา ๑๔๑๖ มาตรา ๑๔๑๗ มาตรา ๑๔๑๘ มาตรา ๑๔๑๙ มาตรา ๑๔๒๐ มาตรา ๑๔๒๑ มาตรา ๑๔๒๒ มาตรา ๑๔๒๓ มาตรา ๑๔๒๔ มาตรา ๑๔๒๕ มาตรา ๑๔๒๖ มาตรา ๑๔๒๗ มาตรา ๑๔๒๘ มาตรา ๑๔๒๙ มาตรา ๑๔๓๐ มาตรา ๑๔๓๑ มาตรา ๑๔๓๒ มาตรา ๑๔๓๓ มาตรา ๑๔๓๔ มาตรา ๑๔๓๕ มาตรา ๑๔๓๖ มาตรา ๑๔๓๗ มาตรา ๑๔๓๘ มาตรา ๑๔๓๙ มาตรา ๑๔๔๐ มาตรา ๑๔๔๑ มาตรา ๑๔๔๒ มาตรา ๑๔๔๓ มาตรา ๑๔๔๔ มาตรา ๑๔๔๕ มาตรา ๑๔๔๖ มาตรา ๑๔๔๗ มาตรา ๑๔๔๘ มาตรา ๑๔๔๙ มาตรา ๑๔๕๐ มาตรา ๑๔๕๑ มาตรา ๑๔๕๒ มาตรา ๑๔๕๓ มาตรา ๑๔๕๔ มาตรา ๑๔๕๕ มาตรา ๑๔๕๖ มาตรา ๑๔๕๗ มาตรา ๑๔๕๘ มาตรา ๑๔๕๙ มาตรา ๑๔๖๐ มาตรา ๑๔๖๑ มาตรา ๑๔๖๒ มาตรา ๑๔๖๓ มาตรา ๑๔๖๔ มาตรา ๑๔๖๕ มาตรา ๑๔๖๖ มาตรา ๑๔๖๗ มาตรา ๑๔๖๘ มาตรา ๑๔๖๙ มาตรา ๑๔๗๐ มาตรา ๑๔๗๑ มาตรา ๑๔๗๒ มาตรา ๑๔๗๓ มาตรา ๑๔๗๔ มาตรา ๑๔๗๕ มาตรา ๑๔๗๖ มาตรา ๑๔๗๗ มาตรา ๑๔๗๘ มาตรา ๑๔๗๙ มาตรา ๑๔๘๐ มาตรา ๑๔๘๑ มาตรา ๑๔๘๒ มาตรา ๑๔๘๓ มาตรา ๑๔๘๔ มาตรา ๑๔๘๕ มาตรา ๑๔๘๖ มาตรา ๑๔๘๗ มาตรา ๑๔๘๘ มาตรา ๑๔๘๙ มาตรา ๑๔๙๐ มาตรา ๑๔๙๑ มาตรา ๑๔๙๒ มาตรา ๑๔๙๓ มาตรา ๑๔๙๔ มาตรา ๑๔๙๕ มาตรา ๑๔๙๖ มาตรา ๑๔๙๗ มาตรา ๑๔๙๘ มาตรา ๑๔๙๙ มาตรา ๑๕๐๐ มาตรา ๑๕๐๑ มาตรา ๑๕๐๒ มาตรา ๑๕๐๓ มาตรา ๑๕๐๔ มาตรา ๑๕๐๕ มาตรา ๑๕๐๖ มาตรา ๑๕๐๗ มาตรา ๑๕๐๘ มาตรา ๑๕๐๙ มาตรา ๑๕๑๐ มาตรา ๑๕๑๑ มาตรา ๑๕๑๒ มาตรา ๑๕๑๓ มาตรา ๑๕๑๔ มาตรา ๑๕๑๕ มาตรา ๑๕๑๖ มาตรา ๑๕๑๗ มาตรา ๑๕๑๘ มาตรา ๑๕๑๙ มาตรา ๑๕๒๐ มาตรา ๑๕๒๑ มาตรา ๑๕๒๒ มาตรา ๑๕๒๓ มาตรา ๑๕๒๔ มาตรา ๑๕๒๕ มาตรา ๑๕๒๖ มาตรา ๑๕๒๗ มาตรา ๑๕๒๘ มาตรา ๑๕๒๙ มาตรา ๑๕๓๐ มาตรา ๑๕๓๑ มาตรา ๑๕๓๒ มาตรา ๑๕๓๓ มาตรา ๑๕๓๔ มาตรา ๑๕๓๕ มาตรา ๑๕๓๖ มาตรา ๑๕๓๗ มาตรา ๑๕๓๘ มาตรา ๑๕๓๙ มาตรา ๑๕๔๐ มาตรา ๑๕๔๑ มาตรา ๑๕๔๒ มาตรา ๑๕๔๓ มาตรา ๑๕๔๔ มาตรา ๑๕๔๕ มาตรา ๑๕๔๖ มาตรา ๑๕๔๗ มาตรา ๑๕๔๘ มาตรา ๑๕๔๙ มาตรา ๑๕๕๐ มาตรา ๑๕๕๑ มาตรา ๑๕๕๒ มาตรา ๑๕๕๓ มาตรา ๑๕๕๔ มาตรา ๑๕๕๕ มาตรา ๑๕๕๖ มาตรา ๑๕๕๗ มาตรา ๑๕๕๘ มาตรา ๑๕๕๙ มาตรา ๑๕๖๐ มาตรา ๑๕๖๑ มาตรา ๑๕๖๒ มาตรา ๑๕๖๓ มาตรา ๑๕๖๔ มาตรา ๑๕๖๕ มาตรา ๑๕๖๖ มาตรา ๑๕๖๗ มาตรา ๑๕๖๘ มาตรา ๑๕๖๙ มาตรา ๑๕๗๐ มาตรา ๑๕๗๑ มาตรา ๑๕๗๒ มาตรา ๑๕๗๓ มาตรา ๑๕๗๔ มาตรา ๑๕๗๕ มาตรา ๑๕๗๖ มาตรา ๑๕๗๗ มาตรา ๑๕๗๘ มาตรา ๑๕๗๙ มาตรา ๑๕๘๐ มาตรา ๑๕๘๑ มาตรา ๑๕๘๒ มาตรา ๑๕๘๓ มาตรา ๑๕๘๔ มาตรา ๑๕๘๕ มาตรา ๑๕๘๖ มาตรา ๑๕๘๗ มาตรา ๑๕๘๘ มาตรา ๑๕๘๙ มาตรา ๑๕๙๐ มาตรา ๑๕๙๑ มาตรา ๑๕๙๒ มาตรา ๑๕๙๓ มาตรา ๑๕๙๔ มาตรา ๑๕๙๕ มาตรา ๑๕๙๖ มาตรา ๑๕๙๗ มาตรา ๑๕๙๘ มาตรา ๑๕๙๙ มาตรา ๑๖๐๐ มาตรา ๑๖๐๑ มาตรา ๑๖๐๒ มาตรา ๑๖๐๓ มาตรา ๑๖๐๔ มาตรา ๑๖๐๕ มาตรา ๑๖๐๖ มาตรา ๑๖๐๗ มาตรา ๑๖๐๘ มาตรา ๑๖๐๙ มาตรา ๑๖๑๐ มาตรา ๑๖๑๑ มาตรา ๑๖๑๒ มาตรา ๑๖๑๓ มาตรา ๑๖๑๔ มาตรา ๑๖๑๕ มาตรา ๑๖๑๖ มาตรา ๑๖๑๗ มาตรา ๑๖๑๘ มาตรา ๑๖๑๙ มาตรา ๑๖๒๐ มาตรา ๑๖๒๑ มาตรา ๑๖๒๒ มาตรา ๑๖๒๓ มาตรา ๑๖๒๔ มาตรา ๑๖๒๕ มาตรา ๑๖๒๖ มาตรา

มาตรา 29 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เพื่อความชัดเจน ความเป็นธรรมและเหมาะสมแก่สถานการณ์ปัจจุบันกับป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีอากร พระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2507

มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2509 เป็นต้นไป

มาตรา 3 ให้ยกเลิกหมวด 4 ภาษีป้ายในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร

บรรดากฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่นในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน

มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากป้ายเป็นภาษีของราชการส่วนท้องถิ่น ควรออกจากประมวลรัษฎากร และมอบให้ราชการบริหารส่วนท้องถิ่น โดยกำหนดให้จัดเก็บภาษีป้ายในเขตเทศบาล สุขาภิบาล และองค์การบริหารส่วนจังหวัด เพื่อให้เหมาะสมแก่สถานการณ์ปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 90 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา 5 บรรดาบัญชีแนบท้ายพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามความในประมวลรัษฎากร ในส่วนที่เกี่ยวกับการลดอัตราภาษีและยกเว้นภาษีซึ่งพระราชกฤษฎีกานั้น ให้มีผลใช้ได้โดยอาศัยบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชกฤษฎีกานั้นหรือบทเฉพาะกาลที่ระบุไว้ในพระราชบัญญัตินี้

มาตรา 6 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกำหนดนี้

กำหนดนี้ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกำหนดฉบับนี้ คือ โดยที่อัตราภาษีการค้าตามบัญชีอัตราภาษีการค้าประกอบพระราชบัญญัติการค้า (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2504 มีผลกระทบต่อการจัดเก็บภาษีของกระทรวงการคลังในขณะนี้ ซึ่งจำเป็นต้องตราพระราชกำหนดนี้ พระราชบัญญัติให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 90 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๑๙ บรรดากฎหมายบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่ยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้คงใช้ได้ในการปฏิบัติอธิบดีกรมสรรพากรสำหรับรายรับก่อนวันพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

มาตรา ๒๐ บรรดากฎกระทรวงที่ออกตามประมวลรัษฎากรและยังใช้บังคับก่อนวันพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ยังคงใช้ได้ต่อไปจนกว่าจะมีการยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติม โดยประกาศกฎกระทรวง ซึ่งออกตามมาตรา ๔ แห่งประมวลรัษฎากรที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๒๑ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เพื่อความชัดเจนและเหมาะสมแก่สถานการณ์ปัจจุบัน พระราชบัญญัติอันเป็นพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑(556)

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ให้อนุมัติพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ได้มีพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นมา และโดยที่พระราชกำหนดดังกล่าวมีบทบัญญัติบางประการที่มีผลกระทบต่อการจัดเก็บภาษีอากรของรัฐ จึงสมควรตราพระราชบัญญัตินี้เพื่ออนุมัติพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๓๕๕ ลงวันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๖(557) โดยที่สมควรปฏิวัติอัตราภาษีเงินได้ อัตราภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรที่จัดเก็บอยู่ในปัจจุบันนี้ไม่เหมาะสมและเป็นอุปสรรคแก่การส่งเสริมการเจริญของอุตสาหกรรมและการประกอบการค้าของประเทศ สมควรปรับปรุงโดยยกเว้นหรือลดอัตราภาษีอากรบางประเภทลงหรือกำหนดอัตราการจัดทำให้ชัดเจนในการเหมาะสำหรับกิจการบางประเภทเสียใหม่ด้วย ข้อ ๑ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๒ ของพระราชบัญญัติประมวลรัษฎากร สำหรับเงินได้ที่เป็นรายได้ตามมาตรา ๔๐ (๔) (ก) แห่งประมวลรัษฎากร เฉพาะที่ได้เป็นรายได้ของบริษัท ซึ่งมีอำนาจตามกฎหมายของรัฐบาลไทยหรือได้รับการส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้จากสถานประกอบการที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยโดยเฉพาะเพื่อใช้ในกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน ข้อ ๒ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๔๐ (ข) แห่งประมวลรัษฎากร เฉพาะในกรณีเงินได้ที่เป็นรายได้ตามมาตรา ๔๐ (๔) (ก) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งได้จากรัฐบาลหรือจากบริษัทที่มีสัญชาติไทยโดยเฉพาะประเทศไทยอย่างอื่นสำหรับให้ผู้มีเงินได้เพื่อส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน ข้อ ๓ ให้ลดอัตราภาษีเงินได้ตามมาตรา ๗๐ (๒) แห่งประมวลรัษฎากร เฉพาะในกรณีนี้ให้คงประเมินตามมาตรา ๖๐ (๔) (ก) แห่งประมวลรัษฎากร ที่ต้องให้แก่ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญบุคคลซึ่งประกอบกิจการธนาคาร กิจการประกันภัยหรือกิจการ การเงินอื่นซึ่งมีลักษณะทำนองเดียวกัน คงจัดเก็บในอัตราร้อยละ ๑๐ ข้อ ๔ ให้ยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับการนำเข้ากิจการดังต่อไปนี้

(๑)

กิจการผลิตปุ๋ยเคมี

(๒)

กิจการของเรือนจำ สถานพินิจและคุ้มครองเด็ก สถานที่ควบคุมหรือ สถานที่กักกันและสถานสงเคราะห์ ที่มิใช่สถานที่ในของทางราชการ ข้อ ๕ ให้ลดอัตราภาษีการค้าสำหรับการขายสินค้าดังต่อไปนี้ คงจัดเก็บ ในอัตราร้อยละ ๐.๕ ของราคาขาย

(๑)

อาหารสัตว์

(๒)

กระดาษสำหรับพิมพ์หนังสือพิมพ์

(๓)

เทปสำหรับบันทึกเสียงที่ใช้เฉพาะในอุตสาหกรรมสร้างภาพยนตร์

(๔)

ฟิล์มภาพยนตร์ขาวดำและฟิล์มถ่ายภาพสีเล็กน้อย ซึ่งยังไม่ได้อัดหรือ ถ่าย ข้อ ๖ ให้ยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับนำเข้าภาพยนตร์และต้นแบบตามกฎหมายว่าด้วย การประกันวินาศภัยและกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต ทั้งนี้ เฉพาะรายที่ได้มีการ เป็นนายหน้าหรือตัวแทนตามกฎหมายดังกล่าว ข้อ ๗ ค่าธรรมเนียมแสตมป์สำหรับตราสารกรรมธรรม์ประกันชีวิตตาม (ข) ของ ๖. แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายหมวด ๗ ลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร ถ้ามีจำนวน สูงกว่า ๒๐ บาท ลดให้เหลือ ๒๐ บาท ข้อ ๘ ให้ยกเว้นอากรสรรพสามิตประมวลรัษฎากรทุกประเภท นอกจาก

(๑)

ภาพยนตร์

(๒)

มหรสพผสมภาพยนตร์

(๓)

โบว์ลิ่ง

(๔)

แข่งม้า ข้อ ๙ ให้ประธานคณะกรรมการปฏิบัติอันมีสิทธิอำนวยการใช้บังคับเฉพาะกับพระ ราชกฤษฎีกาที่ออกตามในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ให้ เพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาประกาศราชกิจจานุเบกษา (ฉบับที่ ๑๔๕๖) ข้อ ๑๐ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกา คณะปฏิบัติฉบับนี้ ข้อ ๑๙ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่ข้อ ๑๐ และข้อ ๑๑ ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปี พ.ศ. ๒๕๑๔ หรือปีอื่นที่เริ่มรายการใน พ.ศ. ๒๕๑๔ เป็นต้นไป ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๖๐ ลงวันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๕(558) โดยที่คณะปฏิวัติพิจารณาเห็นว่า อัตราเงินได้ การคำนวณการหักค่าใช้จ่าย และการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคเพื่อบุคคล รวมทั้งวิธีจัดเก็บภาษีดังกล่าวยังไม่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและกิจการงานในปัจจุบัน นอกจากนี้บางกรณีที่บัญญัติในพระราชบัญญัติยังมีข้อความไม่ชัดเจนให้ถือได้โดยระหว่างหน้าที่กับประชาชนผู้เสียภาษีอยู่เสมอ สมควรปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติให้เหมาะสมและเป็นธรรมยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่เศรษฐกิจการซื้อคืนเงินภาษีที่ได้เรียกเก็บไว้โดยไม่ถูกต้องให้แก่ผู้เสียภาษี สมควรที่จะคิดดอกเบี้ยให้แก่ผู้รับคืนตามจำนวนที่ต้องคืนด้วย ข้อ ๑๙ บรรดาบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่บัญญัติให้เพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ ให้ใช้บังคับได้ต่อไปเฉพาะในการปฏิบัติอันเกิดแก่การอันที่ค้างอยู่หรือที่พึงกระทำขึ้นภายหลังจากออกประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ ข้อ ๒๐ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่

(ก)

ข้อ ๑๐ ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินจากรายการที่ได้กระทำตั้งแต่ปีภาษี พ.ศ. ๒๕๑๔ เป็นต้นไป

(ข)

ข้อ ๑๑ ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับรวมถึงเงินที่ได้รับภาษีเงินได้ไปแล้ว

(ค)

ข้อ ๔ ข้อ ๕ ข้อ ๖ ข้อ ๗ ข้อ ๘ ข้อ ๙ ข้อ ๑๐ และข้อ ๑๔ ในส่วนที่ว่าด้วยภาษีเงินได้สำหรับบุคคลธรรมดาให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ที่จะต้องยื่นรายการใน พ.ศ. ๒๕๑๕ เป็นต้นไป

(ง)

ข้อ ๔ ในส่วนที่ว่าด้วยภาษีเงินได้สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเฉพาะจากการทำไร่สุกร ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งระยะเวลารายได้ที่สิ้นสุดในปีภาษีหลังวันประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้เป็นต้นไป

(จ)

ข้อ ๔ ข้อ ๙ และข้อ ๑๐ ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินจากรายการที่ได้กระทำตั้งแต่ปีภาษี ๒๕๑๔ เป็นต้นไป ข้อ ๒๑ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๕(559)

มาตรา ๑ พระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๔ บรรดาบทบัญญัติแห่งพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามความในประมวลรัษฎากร ในส่วนที่เกี่ยวกับการลดอัตราการจัดเก็บและยกเว้นยังคงมีผลบังคับอยู่ก่อนวันที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับ ให้คงใช้บังคับได้ต่อไปโดยถือว่าเป็นการลดอัตราภาษีการค้า ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดนี้จนกว่าจะมีการยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติม

มาตรา ๕ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกำหนดนี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกำหนดฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงอัตราภาษีการค้าสำหรับสินค้าบางชนิดให้เหมาะสมแก่สถานการณ์ดังนั้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชกำหนดนี้ขึ้น พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๖[560]

มาตรา ๖ พระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป โดยแก้ไขบทบัญญัติมาตรา ๔ มาตรา ๕ มาตรา ๗ มาตรา ๙ และมาตรา ๑๐ แห่งพระราชกำหนดนี้ ให้มีข้อความดังต่อไปนี้แทน

มาตรา ๔ มาตรา ๕ และมาตรา ๑๐ แห่งพระราชกำหนดนี้ ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินของบุคคลธรรมดาประจำปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ที่ต้องยื่นรายการใน พ.ศ. ๒๕๒๗ เป็นต้นไป

มาตรา ๙ บรรดาบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่ขัดหรือแย้งกับหรือที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดนี้ให้ถือใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่มิใช่การปฏิบัติแก่รายจ่ายที่อยู่หรือที่พึงชำระก่อนวันที่บัญญัติแห่งพระราชกำหนดนี้ใช้บังคับ

มาตรา ๑๑ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกำหนดนี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกำหนดฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประมวลรัษฎากร เพื่อลดภาระรายจ่ายเงินได้ที่เกี่ยวกับบุคคลธรรมดา และแก้ไขวิธีการจัดเก็บเพื่อความเป็นธรรม จึงจำเป็นต้องตราพระราชกำหนดนี้ขึ้น ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การยกเลิกพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร (ฉบับที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๐๔ พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๔ และพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๖ ลงวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๖[561] ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การยกเลิกพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๒๖[562] พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๐) พ.ศ. ๒๕๔๐[563]

มาตรา ๖ พระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่

(๑)

บทบัญญัติมาตรา ๔ มาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๙ มาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดนี้ ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้ พึงประเมินของบุคคลธรรมดาประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕ ที่จะต้องยื่นรายการใน พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป

(๒)

บทบัญญัติมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัตินี้กำหนดว่าเงินได้ของบริษัท และห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้ของบริษัทและห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลซึ่ง รอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดลงในหรือหลังวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป

มาตรา ๑๒ ความใน (๔) ของมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติภาษีธุรกิจเฉพาะ แก้ไขโดยมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ยกเลิกบังคับใช้ต่อไปได้เฉพาะในส่วนที่ยังมิได้ รับจากหนังสือของรัฐบาลหรือคำสั่งของเจ้าหน้าที่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

มาตรา ๑๓ บรรดากฎหมายบัญญัติแต่เพียงประการอื่นว่าภาษีธุรกิจเฉพาะที่ถูกเก็บเพิ่ม โดยพระราชบัญญัตินี้ ให้เลิกใช้บังคับได้ในการปฏิบัติอันเกิดจากหรือที่ต้องอยู่หรือที่ต้อง ชำระก่อนวันที่บทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

มาตรา ๑๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัตินี้ คือ โดยที่ในปัจจุบันมีกฎหมาย ว่าด้วยยกเลิกหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยใช้บังคับ และเพื่อเป็นการส่งเสริมให้การพัฒนา ตลาดหลักทรัพย์ สมควรปรับปรุงประมวลรัษฎากร เพื่อพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ จึงจำเป็น ต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๒) พ.ศ. ๒๕๖๕[564]

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๒ บทบัญญัติมาตรา ๗๒ ตรี แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำ พ.ศ. ๒๕๖๗ ที่จะต้องยื่นรายการใน พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้นไป

มาตรา ๓ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัตินี้ คือ โดยที่วิธีการหักค่าใช้จ่าย สำหรับเงินที่นำเข้ามาในต่างประเทศไม่เหมาะสม สมควรแก้ไขเสียใหม่ให้เหมาะสม และเป็นการบริหารการยกเว้นเงินได้ให้แก่บุคคลทั้งหลาย จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๖๕ ลงวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๕[565] โดยที่ในปัจจุบันมีปัญหาเกี่ยวกับการจัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยการจัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังไม่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ ทำให้เกิดค่า ประมาณที่สูงเกินควร จึงจำเป็นต้องปรับปรุงการจัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ด้วยการให้ฝ่ายจัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมควรจัดการดังกล่าว ให้มี ประสิทธิภาพมากขึ้น และเพื่อให้การจัดการดังกล่าวเป็นไปโดยรวดเร็ว และโดยที่สมควร เร่งรัดการตรวจสอบรายชื่อการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ``` ข้อ ๑ ในกรณีที่เจ้าพนักงานสอบสวนประสงค์จะขอให้ออกหมายเรียกหรือหนังสือเชิญผู้มีหน้าที่หรือพยานที่เกี่ยวข้องมาทำการตรวจสอบได้ส่งมอบก่อนวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ใช้บังคับ ให้เจ้าพนักงานสอบสวนประสานงานดำเนินการประสานหรือออกคำสั่งให้พร้อมดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ใช้บังคับ และให้อธิบดีกรมตำรวจทราบรายงานจำนวนผู้ถูกเรียกตรวจสอบได้ตาม และผลการตรวจสอบต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอย่างน้อยทุกหกเดือน เมื่อพนักงานสอบสวนรายงานดังกล่าวถึง ให้เจ้าพนักงานสอบสวนประสานหรือออกคำสั่งให้กระทรวงการคลังหรือไม่แล้วเสร็จสำหรับรายงานดังกล่าว ให้รายงานตรวจสอบได้ตามและการประเมินหรือการออกคำสั่งให้กระทรวงการคลังดำเนินการสำหรับรายงานนั้นในกรณีที่มีเหตุจำเป็นต้องขยายกำหนดเวลาออกไปตามควรแก่กรณีได้ แต่ต้องไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันสิ้นกำหนดเวลาดังกล่าว ข้อ ๒ นับแต่วันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ใช้บังคับห้ามมิให้เจ้าพนักงานตำรวจดำเนินการเกี่ยวกับการดำเนินการตามประสงค์รัฐบาล ให้แต่กรณีดำเนินคดีอาญาตามคำสั่งของเจ้าพนักงานตามประสงค์รัฐบาล ข้อ ๓ บรรดาคดีที่เกี่ยวกับการดำเนินการตามประสงค์รัฐบาลที่เจ้าพนักงานตำรวจได้ทำการค้นและยึดบัญชีหลักฐานและเอกสารไว้แล้วก่อนวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ใช้บังคับ ให้เจ้าพนักงานตำรวจตรวจสอบได้โดยไม่ต้องมีคำสั่งหรือใบอนุญาตเรื่องให้เจ้าพนักงานตามประสงค์รัฐบาลการดำเนินการเมื่อมีผลบังคับใช้ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ใช้บังคับ และให้เจ้าพนักงานตำรวจรายงานการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาสามเดือน ข้อ ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ ข้อ ๕ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๐ ลงวันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยที่คณะปฏิวัติพิจารณาเห็นว่า นายบัญชีและอธิบดีกรมตำรวจของประกอบการรัฐวิสาหกิจที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่เหมาะสมสำหรับการตรวจสอบสมควรให้เพิ่มเติมให้สมควร อันควรแก่บรรรษ และให้การจัดเก็บเงินไปโดยมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้น ข้อ ๑ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามข้อได้ทราบในพื้นที่ได้รับตั้งแต่วันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ใช้บังคับ

(๑)

ให้เจ้าพนักงานสอบสวนดำเนินการในราชการตามประสงค์รัฐบาล ในกรณีหลังวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ใช้บังคับในราชการตามประสงค์รัฐบาลซึ่งเป็นคณะกรรมการที่มีหน้าที่ในการดำเนินการในราชการตามประสงค์รัฐบาลประกาศในราชกิจจานุเบกษาไม่ต้องมีอำนาจตามกฎหมาย ``` (6) ออกเป็นเงินฝากธนาคารในราชอาณาจักรที่ได้รับในหรือหลังวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ถ้าเป็นออกเบี้ยสำหรับเงินฝากที่ถึงกำหนดเวลาเก่าก่อนวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ไม่ต้องนำมารวมคำนวณภาษี ข้อ 26(567) (ยกเลิก) ข้อ 27 ดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดในเดือนที่ออกเดินในวันหรือหลังวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้เสียภาษีในอัตราเดียวกับอัตราภาษีเงินได้พึงประเมินโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ ทั้งนี้ ตามวิธีการที่อธิบดีกำหนด โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข้อ 28 บรรดาบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่ถูกยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเฉพาะในการปฏิบัติอากรภาษีอากรที่ค้างอยู่หรือที่พึงชำระก่อนวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ใช้บังคับ ข้อ 29 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่

(ก)

ข้อ 3 ข้อ 6 ข้อ 7 ข้อ 8 ข้อ 9 ข้อ 10 ข้อ 11 และ ข้อ 13 ในส่วนที่เกี่ยวกับการเสียภาษีบุคคลธรรมดา ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปี พ.ศ. 2520 อันต้องยื่นรายการภายใน พ.ศ. 2521 เป็นต้นไป

(ข)

ข้อ 12 ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินที่จ่ายในหรือพึงจ่ายในปี พ.ศ. 2520 เป็นต้นไป ข้อ 30 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 23) พ.ศ. 2520(568)

มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา 2 ให้ยกเลิกชื่อ 22 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 10 ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2519

มาตรา 3 บรรดาบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรและประกาศของคณะปฏิวัติที่กล่าวถึงในมาตรา 2 ซึ่งใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเฉพาะในการปฏิบัติอากรภาษีอากรที่ค้างอยู่หรือที่พึงชำระก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เว้นแต่ในกรณีที่มีการกำหนดหลักทรัพย์เพิ่มประเภทรายได้ ที่กระทรวงการคลังประกาศกำหนด

มาตรา 12 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมายเหตุ: เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่เห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมการจัดการภาษีอากรตามหลักทรัพย์ในลักษณะหลักทรัพย์เพิ่มประเภทในบทแห่งภาษี เงินได้บุคคลธรรมดาสุทธิที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพื่อขจัดความยุ่งยากในการปฏิบัติและเพื่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็วและแน่นอนในการเสียภาษี จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชทานหมอบให้ไว้ ณ วันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่

(๑)

บทบัญญัติมาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๙ มาตรา ๑๐ มาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๔ แห่งพระราชกฤษฎีกานี้ ที่อาศัยเงินได้บุคคลธรรมดา ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปีภาษี พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ต้องยื่นรายการในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป

(๒)

บทบัญญัติมาตรา ๑๕ มาตรา ๑๖ และมาตรา ๑๗ แห่งพระราชกฤษฎีกานี้ ที่อาศัยเงินได้บริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้ของบริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งรอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้นไป

(๓)

บทบัญญัติมาตรา ๑๘ และมาตรา ๑๙ แห่งพระราชกฤษฎีกานี้ ที่อาศัยภารกิจภาษี ให้ใช้บังคับสำหรับรายรับของผู้ประกอบการค้าในเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้นไป

มาตรา ๓ บทบัญญัติเพิ่มเติมพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิตว่าด้วยวิธีที่ถูกต้องสำหรับเงินได้พึงประเมินโดยพระราชกฤษฎีกานี้ ให้ถือว่าใช้บังคับได้ไม่ขัดแย้งในการปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต

มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้

หมายเหตุ: เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงพระราชบัญญัติให้เหมาะสมกับสภาพและเหตุการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งจะต้องได้รับการพิจารณาโดยถี่ถ้วนและลึก เพื่อรักษาประโยชน์ของแผ่นดิน เพื่อเป็นการบรรเทาการกระทำ ความเป็นธรรม ความสะดวก รวดเร็ว และแน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ขึ้น ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การอนุมัติพระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ ลงวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒ พระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่

(๑)

ในกรณีเงินได้บุคคลธรรมดา ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปีภาษี พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ต้องยื่นรายการในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป

(๒)

ในกรณีเงินได้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งรอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลังวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้นไป เหตุผล :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากพระราชบัญญัติการเงินได้โดยเสนียม พ.ศ. ๒๕๐๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเงินได้โดยเสนียม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๒ ได้เพิ่มบทบัญญัติเป็นกรณีพิเศษสำหรับการเงินได้โดยเสนียมขึ้น และเพื่อให้มีการยกเว้นเงินเพิ่มและเงินปันผล หรือเงินส่วนแบ่งจากกำไรเฉพาะส่วนที่เกิดจากทุกกิจการเงินได้ใน ๑๐ ที่ซึ่งสำหรับกรณีพิเศษตามความหมายว่า ต้องการเงินได้โดยเสนียมดังกล่าวอยู่ในบังคับย่อมต้องเสียภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากร สมควรแก้ไขประมวลรัษฎากรเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการเงินได้โดยเสนียมดังกล่าวด้วยการเงินได้โดยเสนียมดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๓[572]

มาตรา ๒ พระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่

(๑)

บทบัญญัติมาตรา ๓ มาตรา ๔ มาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๒ มาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๔ แห่งพระราชกำหนดนี้ ที่จะต้องเกี่ยวกับการเงินได้บุคคลธรรมดา ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปี พ.ศ. ๒๕๒๓ ที่จะต้องยื่นรายการใน พ.ศ. ๒๕๒๔ เป็นต้นไป

(๒)

บทบัญญัติมาตรา ๑๐ แห่งพระราชกำหนดนี้ที่เกี่ยวกับการเงินได้บุคคลธรรมดา ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ที่จะต้องยื่นรายการใน พ.ศ. ๒๕๒๕ เป็นต้นไป

(๓)

บทบัญญัติมาตรา ๑๑ แห่งพระราชกำหนดนี้ที่เกี่ยวกับการเงินได้บุคคลธรรมดา ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ที่จะต้องยื่นรายการใน พ.ศ. ๒๕๒๖ เป็นต้นไป

มาตรา ๑๖ บทบัญญัติ (๓) ของมาตรา ๔๗ (๖) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๐๐ ลงวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๗ ที่ถูกแก้ไขโดยพระราชกำหนดนี้ ให้ยกเลิกใช้บังคับได้สำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปี พ.ศ. ๒๕๒๓ ที่จะต้องยื่นรายการใน พ.ศ. ๒๕๒๔

มาตรา ๑๘ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกำหนดนี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๓ นี้ คือ เนื่องจากพระราชบัญญัติการเงินได้โดยเสนียม พ.ศ. ๒๕๐๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเงินได้โดยเสนียม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๒ ได้เพิ่มบทบัญญัติเป็นกรณีพิเศษสำหรับการเงินได้โดยเสนียมขึ้น และเพื่อให้มีการยกเว้นเงินเพิ่มและเงินปันผล หรือเงินส่วนแบ่งจากกำไรเฉพาะส่วนที่เกิดจากทุกกิจการเงินได้ใน ๑๐ ที่ซึ่งสำหรับกรณีพิเศษตามความหมายว่า ต้องการเงินได้โดยเสนียมดังกล่าวอยู่ในบังคับย่อมต้องเสียภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากร สมควรแก้ไขประมวลรัษฎากรเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการเงินได้โดยเสนียมดังกล่าวด้วยการเงินได้โดยเสนียมดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การอนุมัติพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๓ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๓[573] พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๒ พระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๔ บทบัญญัติในประมวลรัษฎากรที่ถูกแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดนี้ ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไป เฉพาะในการปฏิบัติอันเกี่ยวกับรายจ่ายหรือที่พึงชำระก่อนวันที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับ

มาตรา ๕ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกำหนดนี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกำหนดฉบับนี้ คือ โดยที่มีความจำเป็นต้องเพิ่มอัตราการจัดเก็บสำหรับสินค้าบางชนิดให้เหมาะสมกับสภาพทางเศรษฐกิจปัจจุบัน ซึ่งในการนี้ต้องได้รับการพิจารณาโดยย่อม และสนับสนุนประโยชน์ของแผ่นดิน และโดยที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องมีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด และโดยการตรากฎหมายในเรื่องดังกล่าวเป็นกรณีที่กระทบความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกำหนดนี้ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การอนุมัติพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ ลงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒ พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๒ พระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่

(๑)

บทบัญญัติมาตรา ๔ แห่งพระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่จะต้องยื่นรายการใน พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป

(๒)

บทบัญญัติมาตรา ๔ แห่งพระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำ พ.ศ. ๒๕๖๓ ที่จะต้องยื่นรายการใน พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป

(๓)

บทบัญญัติมาตรา ๔ แห่งพระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้ของบริษัท และห้างหุ้นส่วนจำกัดครึ่งรอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้นไป

(๔)

บทบัญญัติมาตรา ๔ แห่งพระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดครึ่งรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดในหรือหลังวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้นไป

มาตรา ๓ บทบัญญัติในประมวลรัษฎากรนี้ และพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ถูกยกเลิกโดยพระราชกำหนดนี้ให้ยังคงใช้บังคับได้สำหรับเงินได้พึงประเมินประจำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่จะต้องยื่นรายการใน พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๙ การยื่นรายการตามมาตรา ๗๗ ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดนี้ เฉพาะกรณีของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าวสามารถยื่นรายการภาษีมูลค่าเพิ่มการใช้จ่ายอื่น ๆ

```

(๑)

รอบระยะเวลาบัญชีที่สิ้นสุดลงในหรือหลังวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้คำนวณและชำระภาษีจากจำนวนร้อยละ ๒๐ ของประมาณการกำไรสุทธิ

(๒)

รอบระยะเวลาบัญชีที่สิ้นสุดลงในหรือหลังวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ให้คำนวณและชำระภาษีจากจำนวนร้อยละ ๒๓ ของประมาณการกำไรสุทธิ

มาตรา ๒๑ บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่ถูกยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดนี้ ให้ยังคงใช้บังคับต่อไปเฉพาะในการปฏิบัติอันเกี่ยวกับภาษีอากรที่ค้างอยู่ หรือที่พึงชำระก่อนวันที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับ

มาตรา ๑๑ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกำหนดนี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกำหนดฉบับนี้ คือ โดยที่มีความจำเป็นต้องปรับปรุงประมวลรัษฎากร เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพและเหตุการณ์ในปัจจุบันและข้อจำกัดของสิทธิและหน้าที่อากร ซึ่งจะต้องจัดการโดยด่วนและลำดับเพื่อรักษาประโยชน์ของแผ่นดิน และโดยที่กรณีนี้มีความเร่งด่วนที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกำหนดนี้ขึ้น ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การอนุมัติพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๔ ลงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๔ พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๔

มาตรา ๑ พระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๑๖ มาตรา ๑๗ มาตรา ๑๘ และมาตรา ๒๐ ว่าด้วยการเงินได้สำหรับบุคคลธรรมดา ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำ พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่จะต้องยื่นรายการใน พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต้นไป

มาตรา ๒๒ บทบัญญัติใน (๗) ของมาตรา ๒๔ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งถูกยกเลิกโดยพระราชกำหนดนี้ ให้ยังคงใช้บังคับสำหรับเงินได้จากการขายทรัพย์สิน อันเป็นมรดก หรือการขายทรัพย์สินซึ่งทรัพย์สินนั้นได้มาโดยไม่ใช่ในการดำเนินการค้าหรือการทำไร่ ทั้งนี้ เฉพาะที่ได้กระทำก่อนวันที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับ

มาตรา ๒๓ บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่ถูกยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดนี้ ให้ยังคงใช้บังคับต่อไปเฉพาะในการปฏิบัติอันเกี่ยวกับภาษีอากรที่ค้างอยู่หรือที่พึงชำระก่อนวันที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับ

มาตรา ๑๑ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกำหนดนี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกำหนดฉบับนี้ คือ โดยที่มีความจำเป็นต้องปรับปรุงประมวลรัษฎากร เพื่อรักษาประโยชน์ของแผ่นดินและเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพและเหตุการณ์ในปัจจุบันและข้อจำกัดของสิทธิและหน้าที่อากร ซึ่งจะต้องจัดการโดยด่วนและลำดับเพื่อรักษาประโยชน์ของแผ่นดิน และโดยที่กรณีนี้มีความเร่งด่วนที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกำหนดนี้ขึ้น ``` มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะรักษาความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกำหนดนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นปีที่ ๖ ในรัชกาลปัจจุบัน พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๖๔

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๑๑ บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่ถูกยกเลิก หรือแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดนี้ ให้ยังคงใช้บังคับต่อไป เฉพาะในการปฏิบัติอันเกี่ยวกับรายการที่ค้างอยู่หรือที่มีถิ่นกำเนิดหรือกระทำก่อนวันที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับ

มาตรา ๑๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกำหนดนี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกำหนดฉบับนี้ คือ โดยที่ความจำเป็นต้องปรับปรุงอัตราภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะและเหตุการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งจะต้องพิจารณาโดยคำนึงและสัมพันธ์กับประโยชน์ของชนส่วนรวม และโดยที่การดำเนินการดังกล่าวมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะรักษาความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกำหนดนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นปีที่ ๖ ในรัชกาลปัจจุบัน พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๕) พ.ศ. ๒๕๖๔

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ในส่วนแห่งบัญชีอัตรา ๑๖ มาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๑ ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งรอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป

มาตรา ๒๙ บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่ถูกยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ยังคงใช้บังคับต่อไป เฉพาะในการปฏิบัติอันเกี่ยวกับรายการที่ค้างอยู่ หรือที่มีถิ่นกำเนิดหรือกระทำก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

บทบัญญัติในมาตรา ๒๕ (๓) (ข) วรรคหนึ่งและ (๗) แห่งประมวลรัษฎากรซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินที่จ่ายในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป

มาตรา ๓๐ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรเพื่อความเป็นธรรม ความชัดเจน ความรัดกุม และความเหมาะสม แถลงการณ์ และเพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีอากรให้ได้ผลดียิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัติ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 26) พ.ศ. 2525(583)

มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่

(1) บทบัญญัติมาตรา 7 มาตรา 8 และมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัตินี้ ด้วยความเห็นชอบให้บุคคลธรรมดา ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปี พ.ศ. 2525 ที่ต้องยื่นรายการภายใน พ.ศ. 2526 เป็นต้นไป (2) บทบัญญัติมาตรา 9 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัตินี้ ว่าด้วยการเงินได้บริษัทและห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้ของบริษัทและห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ซึ่งรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดในหรือหลังวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2525 เป็นต้นไป

มาตรา 12 บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่ถูกยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ยังคงใช้บังคับต่อไป เฉพาะในการปฏิบัติการเกี่ยวกับการที่ค้างอยู่หรือกระทำก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

มาตรา 13 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมายเหตุ: เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน และเพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีอากรให้ได้ผลดียิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2527(584)

มาตรา 2 พระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่

(1) บทบัญญัติมาตรา 11 และมาตรา 12 ว่าด้วยการเงินได้บุคคลธรรมดา ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปี พ.ศ. 2527 ที่ต้องยื่นรายการใน พ.ศ. 2528 เป็นต้นไป (2) บทบัญญัติมาตรา 9 ว่าด้วยการเงินได้บริษัทและห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ซึ่งรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดในหรือหลังวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2526 เป็นต้นไป (3) บทบัญญัติมาตรา 9 ว่าด้วยการจัดเก็บภาษีสำหรับรายรับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2526 เป็นต้นไป

มาตรา 15 บทบัญญัติในพระราชกฤษฎีกาการที่ถูกยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกานี้ ให้ยังคงใช้บังคับต่อไปเฉพาะในการปฏิบัติหรือในการใช้อากรที่ค้างอยู่หรือที่พึงชำระก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ

มาตรา 16 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่มีความจำเป็นต้องปรับปรุงพระราชบัญญัติการ ให้เหมาะสมกับสภาวะและเหตุการณ์ในปัจจุบัน อันให้เกิดความเป็นธรรมในสังคมและป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีอากรทางการค้า ซึ่งจะต้องได้รับการพิจารณาโดยด่วนและสนับสนุนต่อการประโยชน์ของแผ่นดินและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การอนุมัติพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการ (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2525 ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2525(585) พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการ (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2526(586)

มาตรา 2 พระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่บทบัญญัติ มาตรา 67 มาตรา 68 และ มาตรา 69 ซึ่งเกี่ยวกับเงินได้บุคคลธรรมดา แห่งพระราชกำหนดนี้ ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปี พ.ศ. 2526 ที่ต้องยื่นรายการภายในปี พ.ศ. 2527 เป็นต้นไป

มาตรา 15 บทบัญญัติในพระราชกฤษฎีกาการที่ถูกยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกานี้ ให้ยังคงใช้บังคับต่อไปเฉพาะในการปฏิบัติหรือในการใช้อากรที่ค้างอยู่หรือที่พึงชำระก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ

มาตรา 17 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่มีความจำเป็นต้องปรับปรุงพระราชบัญญัติการ ให้เหมาะสมกับสภาวะและเหตุการณ์ในปัจจุบัน อันให้เกิดความเป็นธรรมในสังคมและป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีอากรทางการค้า ซึ่งจะต้องได้รับการพิจารณาโดยด่วนและสนับสนุนต่อการประโยชน์ของแผ่นดินและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การอนุมัติพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการ (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2526 ลงวันที่ 6 มิถุนายน 2526(587) พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการ (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2526(588)

มาตรา 2 พระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่

(1) บทบัญญัติมาตรา 10 มาตรา 20 มาตรา 21 มาตรา 22 มาตรา 15 มาตรา 20 มาตรา 21 และมาตรา 22 ว่าด้วยการยื่นเงินได้บุคคลธรรมดา แห่งพระราชกำหนดนี้ ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปี พ.ศ. 2526 ที่ต้องยื่นรายการในปี พ.ศ. 2527 เป็นต้นไป (b) บทบัญญัติในมาตรา 23 มาตรา 24 มาตรา 25 มาตรา 26 มาตรา 27 และมาตรา 28 ว่าด้วยอากรขาเข้าแห่งพระราชกำหนดนี้ ให้ใช้บังคับสำหรับรายรับในเดือนมกราคม พ.ศ. 2520 เป็นต้นไป (c) บทบัญญัติในมาตรา 29 ว่าด้วยอากรพิเศษแห่งพระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2520 เป็นต้นไป

มาตรา 30 เงินค่าภาษีอากรที่นายอำเภอหรือผู้ว่าราชการจังหวัดออกแทนให้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 เป็นต้นไป สำหรับเงินดังกล่าวตามมาตรา 10 (a) และ (b) แห่งประมวลรัษฎากร ของปีก่อน พ.ศ. 2520 ให้ถือเป็นเงินได้ของปีก่อน พ.ศ. 2520

มาตรา 31 บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่ถูกยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดนี้ ให้ยังคงใช้บังคับต่อไปจนจบในการปฏิบัติอันเกี่ยวกับรายจ่ายที่ค้างอยู่ หรือที่พึงชำระก่อนที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับ

มาตรา 32 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกำหนดนี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกำหนดฉบับนี้ คือ โดยที่มีความจำเป็นต้องปรับปรุงประมวลรัษฎากรให้เหมาะสมกับสถานการณ์และเหตุการณ์ในปัจจุบันด้วยข้ออันพิจารณาโดยถ้วนและคำนึงถึงการประโยชน์ของแผ่นดิน และเป็นการอุดมสมบูรณ์ความจำเป็นเร่งด่วนในอันจะรักษาความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกำหนดนี้ ประกาศสำนักงานราชกิจจานุเบกษา เรื่อง การอนุมัติพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 19) พ.ศ. 2520 ณ วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2520(589) พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 19) พ.ศ. 2520(590)

มาตรา 2 พระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่

(a) บทบัญญัติในมาตรา 9 มาตรา 10 มาตรา 11 มาตรา 12 มาตรา 13 มาตรา 14 มาตรา 15 และมาตรา 16 ว่าด้วยการเงินได้บุคคลธรรมดาแห่งพระราชกำหนดนี้ ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปี พ.ศ. 2520 หรือยังมีรายได้จาก พ.ศ. 2519 เป็นต้นไป (b) บทบัญญัติในมาตรา 17 มาตรา 18 และมาตรา 19 ว่าด้วยการเงินได้บริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลแห่งพระราชกำหนดนี้ ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้ของบริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดในหรือก่อนวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2519 เป็นต้นไป

มาตรา 30 ในกรณีรายได้ที่เสียภาษีอากรตามพระราชกำหนดนี้ไม่ได้เสียภาษีอากรหรือเสียไม่ถูกต้องครบถ้วนหรือมิได้ยื่นรายการไว้ ได้เสียภาษีอากรตามแบบที่อธิบดีกำหนดในเดือนมีนาคมของปีถัดไป และได้เสียภาษีอากรตามแบบที่อธิบดีกำหนดในเดือนมีนาคมของปีถัดไป และได้เสียภาษีอากรตามแบบที่อธิบดีกำหนดในเดือนมีนาคมของปีถัดไป และได้เสียภาษีอากรตามแบบที่อธิบดีกำหนดในเดือนมีนาคมของปีถัดไป และได้เสียภาษีอากรตามแบบที่อธิบดีกำหนดในเดือนมีนาคมของปีถัดไป

ก่อนหรือในปีภาษี พ.ศ. ๒๕๒๗ หรือรอบระยะเวลาบัญชีที่สิ้นสุดลงก่อนหรือในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๗ การคำนวณภาษีอากรตามวรรคหนึ่งให้คำนวณดังนี้

(๑)

ในอัตราร้อยละ ๓๐ ของมูลค่าของทรัพย์สินทั้งหมดหักด้วยมูลค่าของ หนี้สินทั้งหมดที่มีอยู่ ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๗ หรือ ณ วันสุดท้ายของรอบระยะ เวลาบัญชีที่สิ้นสุดลงในปี พ.ศ. ๒๕๒๗

(๒)

ในอัตราร้อยละของยอดเงินได้ดังต่อไปนี้ ยอดเงินได้ไม่เกิน ๑๐๐ ล้านบาท ร้อยละ ๑.๕ ยอดเงินได้ส่วนที่เกิน ๑๐๐ ล้านบาท แต่ไม่เกิน ๕๐๐ ล้านบาท ร้อยละ ๑.๐ ยอดเงินได้ส่วนที่เกิน ๕๐๐ ล้านบาท ร้อยละ ๐.๕๐ ยอดเงินได้ หมายความถึงยอดเงินได้พึงประเมินหรือยอดรายได้ก่อนหัก รายจ่ายใด ๆ ตามที่กฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้พึงระบุได้และไม่หักที่ก่อนปิดบัญชีรอบ ระยะเวลาบัญชีที่สิ้นสุดลงก่อนหรือในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๗ โดยที่เงินได้พึง ประเมินให้คำนวณรายรับจากยอดเงินได้หรือยอดรายได้ดังกล่าว ในปีนั้นได้ หรือ ในรอบระยะเวลาบัญชี ถ้ารอบระยะเวลาบัญชีไม่ถึงหนึ่งปีให้คำนวณยอดเงินได้พึงรายได้ จำนวนหนึ่งปีแทนสำหรับปีภาษีหรือรอบระยะเวลาบัญชีที่สิ้นสุดลงในปี พ.ศ. ๒๕๒๗ การชำระค่าภาษีอากรตาม (๑) หรือ (๒) ถ้าคำนวณได้สูงกว่า ให้เสียภาษี จำนวนนั้น ในกรณีมีการชำระภาษีที่ได้ชำระตามวรรคหนึ่งถึงกำหนดชำระแล้ว ถ้าไม่ ชำระไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนภายในระยะเวลและตามหลักเกณฑ์ที่อธิบดีกำหนด ผู้ที่ หมดสิทธิที่จะได้รับการยกเว้นตามวรรคหนึ่ง และไม่มีสิทธิได้รับคืนการชำระจำนวนที่ ชำระไปแล้ว บทบัญญัติในมาตรานี้ให้ใช้บังคับแก่

(๑)

บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญบุคคลที่กฎหมายให้นำมาคำนวณภาษีอากรได้จากกำไรสุทธิ

(๒)

บุคคลที่ทำหน้าที่หักภาษีเงินได้พึงประเมินให้หักภาษีเงินได้สิทธิหรือนำ ส่งภาษีอากร สำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับในปี พ.ศ. ๒๕๒๗ หรือก่อนวันที่ ๓๑ ธันวาคม หรือรอบระยะเวลาบัญชีที่สิ้นสุดลงก่อนหรือในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๗ โดยทำการหักภาษีเงินได้พึงประเมินที่ได้รับในปีนั้นหรือรอบระยะเวลาบัญชี หรือรายรับรับรายจ่ายตามที่ทำหน้าที่หักภาษีเงินได้พึงประเมินหรือรายรับรับส่ง บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามัญบุคคลที่เสียภาษีอากรตามบทบัญญัตินี้จะนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่สิ้นสุดลงก่อนหรือในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๗ มาใช้เป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิในรอบระยะเวลาบัญชีที่สิ้นสุดในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๗ เป็นต้นไปไม่ได้

มาตรา ๓๐ บัญญัติยกเลิกมาตรา ๔๘ (๔) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกานี้ ไม่กระทบกระเทือนถึงการที่ได้เสียภาษีอากรก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ

มาตรา ๓๑ บัญญัติยกเลิกมาตรา ๗๗ ทวิ (๔) แห่งประมวลรัษฎากร ที่ถูกยกเลิกโดยพระราชกฤษฎีกานี้ ให้บังคับใช้บังคับต่อไปสำหรับการโอนกรรมสิทธิ์หรือโอนการครอบครองในทรัพย์สินที่ได้กระทำก่อนวันที่มาตรา ๗๗ ทวิ (๔) แห่งประมวลรัษฎากร หรือการนำสินค้าไปใช้ในการใด ๆ ที่ได้กระทำก่อนวันที่มาตรา ๗๗ ทวิ (๔) แห่งประมวลรัษฎากรที่ถูกยกเลิกโดยพระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ และไม่กระทบกระเทือนถึงการที่ได้เสียภาษีอากรสำหรับการโอนกรรมสิทธิ์หรือโอนการครอบครองในทรัพย์สิน หรือการนำสินค้าไปใช้ในการใด ๆ ที่ได้กระทำก่อนวันที่มาตรา ๗๗ ทวิ (๔) แห่งประมวลรัษฎากรที่ถูกยกเลิกโดยพระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ

มาตรา ๓๒ บัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่ถูกยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกานี้ ให้บังคับใช้บังคับต่อไปเฉพาะในการปฏิบัติการเกี่ยวกับการที่ค้างอยู่ หรือที่พึงกระทำจนกว่าพระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ

มาตรา ๓๓ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้

กำหนดเหตุผล : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่มีความจำเป็นต้องปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากรให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน อันจะเป็นการส่งเสริมการลงทุนโดยส่วนรวมและก่อให้เกิดความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การอนุมัติพระราชกฤษฎีกา รวม ๗ ฉบับ ลงวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๒๗(591) พระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๗) พ.ศ. ๒๕๒๗(592)

มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๘ เป็นต้นไป

มาตรา ๑๑ บัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่ถูกยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกานี้ ให้บังคับใช้บังคับต่อไปเฉพาะในการปฏิบัติการเกี่ยวกับการที่ค้างอยู่ หรือที่พึงกระทำจนกว่าพระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ

มาตรา ๑๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้

กำหนดเหตุผล : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่มีความจำเป็นต้องปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากรให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน อันจะเป็นการส่งเสริมการลงทุนโดยส่วนรวมและก่อให้เกิดความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การอนุมัติพระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๗) พ.ศ. ๒๕๒๐ ลงวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๒๐ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๒๐

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

เหตุผล :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ได้มีการตรากฎหมายว่าด้วยการประกันสังคมขึ้นบังคับโดยมีลักษณะให้ลูกจ้างและนายจ้างร่วมกันส่งเงินสมทบในกองทุน เพื่อประโยชน์ในการประกันสังคมให้ลูกจ้างได้รับการคุ้มครองดังกล่าว เนื่องจากการทำงานสมควรให้การสนับสนุนผู้ที่ต้องส่งเงินสมทบในกองทุนดังกล่าว โดยการให้เงินที่ได้ส่งเข้ามาในกองทุนนี้นำไปหักลดหย่อนได้ และเงินประโยชน์ตอบแทนที่ผู้ประกันตนได้รับจากกองทุนนี้ไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากร จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ ประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ฉบับที่ ๓๗ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๙ โดยที่คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติพิจารณาเห็นว่า บทบัญญัติและข้ออ้างอิงของประมวลรัษฎากรเกี่ยวกับการเก็บภาษีเงินได้จากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของลูกจ้างยังไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ สมควรแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อเป็นการกระตุ้นการออมทรัพย์ และเพื่อความเป็นธรรมทางภาษีอากร ข้อ ๑๓ บัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติฉบับนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นต้นไป ข้อ ๑๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติฉบับนี้ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๒๐

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ การโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ที่ได้กระทำไปก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ และอยู่ในระหว่างการพิจารณาของเจ้าพนักงานที่ดินหรือเจ้าพนักงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้ถือว่าการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์นั้นได้ชอบด้วยกฎหมายแล้ว และให้เจ้าพนักงานที่ดินหรือเจ้าพนักงานอื่นที่เกี่ยวข้องดำเนินการจดทะเบียนทรัพย์ที่ใช้อยู่ในวันที่มีการโอนนั้น

มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

เหตุผล :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงบทบัญญัติว่าด้วยการดำเนินการเงินได้จากการโอนอสังหาริมทรัพย์ที่ยึดทรัพย์ตามพระราชบัญญัติให้เป็นไปในแนวเดียวกันกับหลักเกณฑ์การคำนวณค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน โดยให้เจ้าพนักงานประเมินกำหนดราคาขายอสังหาริมทรัพย์โดยถือยอมราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อให้เกิดความสะดวกและเป็นธรรมแก่ประชาชนผู้ต้องขอเฉลี่ยทรัพย์มากกว่าหนึ่งครั้ง จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๑) พ.ศ. ๒๕๖๕(597)

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๑๑ บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่ถูกยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติฉบับนี้ยังคงใช้บังคับต่อไปเฉพาะในการปฏิบัติอันเกี่ยวกับการยึดทรัพย์ที่ค้างอยู่ หรือที่พึงกระทำก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

มาตรา ๑๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่มีความจำเป็นต้องปรับปรุงพระราชบัญญัติว่าด้วยการผ่อนผันและเหตุการณ์ปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๒) พ.ศ. ๒๕๖๕(598)

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป วันแต่

(๑)

บทบัญญัติมาตรา ๓ มาตรา ๔ มาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๐ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ และมาตรา ๑๓ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป

(๒)

บทบัญญัติมาตรา ๖ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป นอกจากบทบัญญัติมาตรา ๖ ในส่วนของ ค่าภาษี และ ค่าภาษี แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการผ่อนผันและเหตุการณ์ปัจจุบันแห่งพระราชบัญญัติให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

(ก)

มาตรา ๑๖/๑ และมาตรา ๑๖/๒ เกี่ยวกับสิทธิการขอหักเหยียบและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ที่เกี่ยวกับการซื้อสินค้าพิเศษ

(ข)

มาตรา ๑๖/๓ และมาตรา ๑๖/๔ เกี่ยวกับการขอหักเหยียบมูลค่าเพิ่มและขอหักเหยียบภาษีมูลค่าพิเศษด้วยวาจา

(ค)

มาตรา ๑๖/๕ เกี่ยวกับการขอให้คืนถอนออกในคำกับคำกับการโอนผู้ประกอบการที่อยู่ภายใต้ราชอาณาจักร

มาตรา ๑๔ กฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือข้อบังคับใดที่ใช้บังคับอยู่ก่อน วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ที่กล่าวถึง หรืออ้างถึงการดำารงตำาแหน่งประธานรัฐสภาให้มีเพิ่ม ความหมายเป็นการกล่าวถึง หรืออ้างถึงการดำารงตำาแหน่งเพิ่มตามมาตรา ๔ ในลักษณะ ๒ แห่ง ประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้

นอกจากกฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้โดนเสียม กฎหมายใดที่ใช้บังคับอยู่ก่อนวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ซึ่งในบัญญัติให้บุคคลใดหรือกิจการใดได้รับการยกเว้น ภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรโดยได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีโดยระบุในกฎหมายหนึ่งโดย เฉพาะไม่ให้มีความหมายเป็นการยกเว้นภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรเพิ่มตามมาตรา ๔ แห่ง ประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๑๕ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ เมื่อบทบัญญัติมาตรา ๔ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ มีผลใช้บังคับแล้ว ให้บุคคลดังต่อไปนี้มีสิทธิ์ยื่นคำาร้องตามมาตรานี้ได้ก่อน วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕

(๑)

ผู้ประกอบการที่มีข้อเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๔ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ มีสิทธิยื่นคำาร้องขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือขอแก้ไขรายการในคำาร้องขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ยื่นไว้ก่อนวันที่บทบัญญัติมาตรา ๔ ตามที่แก้ไขเพิ่มเติมตามที่มี อธิบดีประกาศกำาหนด และให้มาตรา ๖๕ และมาตรา ๖๗/๑ มาใช้บังคับ

(๒)

ผู้ประกอบการที่ได้รับใบกำากับภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๑๖ (๙) (ก) ถึง (จ) และมาตรา ๖๗/๑ มีสิทธิขออนุมัติอธิบดีเพื่อขอจดทะเบียนและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มได้ ตามหลักเกณฑ์ที่อธิบดีกำาหนด และให้มาตรา ๖๕/๑ มาตรา ๖๗/๑ มาตรา ๖๗/๒ มาใช้บังคับ

(๓)

ผู้ประกอบการที่มีผู้อาศัยจากต่างประเทศและเข้ามาประกอบกิจการขาย สินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวหรือผู้ประกอบการที่ให้บริการจาก ต่างประเทศและมีการใช้บริการในราชอาณาจักร ที่ประสงค์จะให้ยื่นแบบขอจดทะเบียน กำาหนดในบทมาตรา ๖๗/๑ มีสิทธิขออนุมัติอธิบดีได้ตามกำาหนดเวลาและหลัก เกณฑ์ที่อธิบดีกำาหนด และให้มาตรา ๖๕/๑ วรรคหนึ่ง มาใช้บังคับ

(๔)

ผู้ประกอบกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา ๔ ใน ลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ มีสิทธิยื่นคำาร้องขอ จดทะเบียนธุรกิจเฉพาะตามกำาหนดเวลาและหลักเกณฑ์ที่อธิบดีกำาหนด และให้มาตรา ๖๕/๑ และมาตรา ๖๗/๑ มาใช้บังคับ

มาตรา ๑๖ บุคคลซึ่งประกอบกิจการอุตสาหกรรมตามที่กำาหนดในกฎกระทรวงนี้ บังคับอื่นเป็นการชั่วคราวหรือเป็นการถาวรในราชอาณาจักรที่มีการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือภาษีธุรกิจเฉพาะ หรือภาษีอื่น ๆ เพิ่มประมวลรัษฎากรที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้สิทธิขอยกเว้นภาษีตามมาตรา ๖๗/๒ (ข) หรือมาตรา ๖๗/๑ วรรคหนึ่ง หรือมาตรา ๖๗/๒ (ข) หรือมาตรา ๖๗/๑ วรรคหนึ่ง แล้วแต่กรณี

มาตรา ๑๗ เพื่อเป็นการบริหารการยกเว้นภาษีให้แก่ผู้ประกอบการจด ทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่มีผู้บริโภคในราชอาณาจักรเป็นผู้รับบริการตามลักษณะกิจการ ตามมาตรา ๖๕/๑ และมีสิทธิขอยกเว้นภาษีตามมาตรา ๖๗/๒ (ข) หรือมาตรา ๖๗/๑ วรรคหนึ่ง

ทะเบียนพิจารณาได้ว่า สินค้าทุนที่เห็นเป็นไปตามประเภท ลักษณะ และเงื่อนไขทุกข้อโดยครบถ้วนต่อไปนี้ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนดังกล่าวได้รับเครดิตในการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าทุนที่ในอัตราร้อยละ ๗.๕ ของมูลค่าสินค้าทุนดังกล่าว

(๑)

เป็นสินค้าทุนประเภทเครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องกล หรือยานพาหนะ

(ก)

สำหรับผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประกอบกิจการขายสินค้าทุนมันจะต้องเป็นเครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องกล หรือยานพาหนะที่ใช้ในการผลิตของตนเอง และถ้าเป็นยานพาหนะ ยานพาหนะนั้นจะต้องไม่ใช่ยานพาหนะที่นำมาใช้เป็นการส่วนตัวหรือที่ใช้ในงานบริหารกิจการ

(ข)

สำหรับผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประกอบกิจการให้บริการ สินค้าทุนมันจะต้องเป็นเครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องกลหรือยานพาหนะที่ใช้ในการให้บริการของตนเอง และถ้าเป็นยานพาหนะ ยานพาหนะนั้นจะต้องไม่ใช่ยานพาหนะที่นำมาใช้เป็นการส่วนตัวหรือที่ใช้ในงานบริหารกิจการ

(๒)

เป็นสินค้าทุนเฉพาะที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีกรรมสิทธิ์ และมีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าได้มาในเวลาระหว่างวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ หรือระหว่างวันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ และยังคงมีกรรมสิทธิ์อยู่ในวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗

(๓)

เป็นสินค้าทุนที่เมื่อขายหรือการใช้งานเป็นการเปลี่ยนเป็นมูลค่าเพิ่มไม่ยอมกว่าที่เพิ่มเสมานาท

(๔)

เป็นสินค้าทุนที่ผู้จดทะเบียนได้มาเพื่อใช้ในกิจการที่สามารถหักภาษีมูลค่าเพิ่มได้ในอัตราร้อยละ ๗.๕ ของมูลค่าสินค้าทุนดังกล่าว และไม่ได้รับการยกเว้นภาษีการค้า ตามกฎหมายใด ๆ และ

(๕)

เป็นสินค้าทุนที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามหมวด ๔ ในลักษณะ แห่งพระราชบัญญัติการ ซึ่งมิได้เพิ่มหรือลดโดยพระราชบัญญัตินี้ และเป็นสินค้าทุนที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสิทธิในการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประสงค์จะได้รับเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ยื่นคำขอเครดิตภาษีภายในเวลานับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗ และเมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวให้หมดสิทธิในการยื่นคำขอเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มต่อไป คำขอเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ยื่นตามแบบคำขอที่อธิบดีกำหนดโดยให้ยื่น ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่หรือสำนักงานสรรพากรเขต หรือสำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสถานประกอบการ ทั้งนี้ ให้แนบเอกสารหรือหลักฐานประกอบคำขอเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มตามที่อธิบดีกำหนดด้วย และให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบคำขอเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มและเอกสารหรือหลักฐานประกอบคำขอเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่อธิบดีกำหนด เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๗ นี้ ให้เฉลี่ยเป็นส่วนเท่า ๆ กัน และให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนนำเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มไปใช้ในการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มในเดือนถัดจากเดือนที่ประมวลรอบ โดยให้เสร็จสิ้นเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นต้นไป และ ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสถานประกอบการหลายแห่ง ให้เครดิตภาษีดังกล่าวเป็นเครดิตในการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มของสถานประกอบการที่ครอบครองสินค้าทุนตามความเป็นจริง เครดิตตามมาตรานี้ ไม่ต้องนำมารวมคำนวณเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๖๕ หรือรายได้ตามมาตรา ๔๐ แห่งประมวลรัษฎากร คำว่ามูลค่าที่แท้จริงสินค้าได้แก่ ราคาของสินค้าโดยไม่รวมออกบันทึกค่าภาษีซื้อหรือค่าใช้จ่ายอย่างอื่น ในกรณีที่มีปัญหาในการปฏิบัติและในการวินิจฉัยตามมาตรานี้ ให้ถือเอามีอำนาจวินิจฉัย และคำวินิจฉัยของอธิบดีให้ถือเป็นที่สุด

มาตรา ๑๘ ภายในปีภาษีมาตรา ๒๐ เพื่อเป็นการบรรเทาภาระภาษีให้กับผู้ประกอบการจดทะเบียนตามที่อธิบดีประกาศหรือภายหลังจากสิ้นปีภาษีผู้ประกอบการจดทะเบียนดังกล่าวได้เป็นผู้มีสิทธิ และได้รับผู้ประกอบการจดทะเบียนรายอื่นสามารถยื่นคำขอเพื่อขอรับเครดิตภาษีตามมาตรา ๑๘/๑ หรือยังมีสิทธิคำขอคืนสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ดังนี้ ผู้มีสิทธิขอคืนสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ได้แก่ ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ยังคงประกอบกิจการในวันที่ได้รับเครดิตภาษีตามมาตรา ๑๘/๑ และยังคงมีสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยได้รับการตรวจสอบจากเจ้าพนักงานประเมินในกรณีที่ได้ทำให้การค้าขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากการขายสินค้าทุนที่เหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗

การคำนวณราคาทุนของสินค้าคงเหลือ ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้ถือเอาหลักบัญชีที่กำหนดออกก่อน ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประสงค์จะได้รับเครดิตตามวรรคหนึ่ง ให้ยื่นคำขอเครดิตภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ และเมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวให้หมดสิทธิในการยื่นคำขอเครดิตอีกต่อไป คำขอเครดิตตามวรรคสาม ให้ยื่นตามแบบที่อธิบดีกำหนด โดยให้ยื่น ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่หรือสำนักงานสรรพากรเขตพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ และในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสถานประกอบการหลายแห่งให้ยื่นคำขอเครดิตเป็นรายสถานประกอบการ ทั้งนี้ ในแต่ละผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องกล่าวโดยรวมผู้มีสถานะเป็นผู้แทนแสดงรายการสินค้าคงเหลือรวมกัน ที่เกี่ยวข้องของเครดิตรวมกัน ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่หรือสำนักงานสรรพากรเขตพื้นที่ที่สถานประกอบการที่เป็นสำนักงานใหญ่นั้นตั้งอยู่ เครดิตตามมาตรานี้ ให้แยกย่อยออกเป็นสองส่วนหลัก ๆ กัน และให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนนำเครดิตที่เหลือไปใช้ได้ในการชำระรายงวดในเดือนมกราคมถึงเดือนธันวาคมทางภาษีของปี พ.ศ. ๒๕๖๕ และในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสถานประกอบการหลายแห่ง ให้เครดิตที่เหลือไปใช้ได้ในการชำระรายงวดในเดือนมกราคมถึงเดือนธันวาคมทางภาษีของปี พ.ศ. ๒๕๖๕ และในกรณีที่ผู้ประกอบการที่เป็นร้านค้าสินค้าคงเหลือจะต้องกล่าวตามความจำเป็นว่า ร้านใดเป็นร้านค้าที่มีข้อยกเว้นตามกฎหมายว่าด้วยอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มปกติ ให้เห็นชัดเจนในกรณีการชำระรายงวดในเดือนมกราคมถึงเดือนธันวาคมทางภาษีของปี พ.ศ. ๒๕๖๕ แล้วแต่กรณี ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้รับเครดิตตามมาตรานี้ต้องมีการคำนวณสินค้าคงเหลือ ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามแบบที่อธิบดีกำหนด และในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสถานประกอบการหลายแห่งให้จัดทำรายงานเป็นรายสถานประกอบการ และเพื่อประโยชน์ในการเก็บรักษาเอกสารให้ต้องจัดทำรายงานสินค้าคงเหลือตามมาตราที่เป็นรายงานตามมาตรา ๘๗ (๓) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ เครดิตตามมาตรานี้ ไม่ต้องนำมารวมคำนวณเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ หรือรายได้ตามมาตรา ๗๕ แห่งประมวลรัษฎากร ในกรณีที่มีปัญหาในการปฏิบัติและในการวินิจฉัยอย่างสมควรให้ถือเอาดังคำอธิบายข้อย่อ และคำวินิจฉัยของอธิบดีเพื่อให้เกิดเป็นที่สุด อธิบดีจะต้องจัดให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการเสียภาษีตามมาตรานี้ต้องจัดทำบัญชี ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงผู้เสียภาษีและผู้มีหน้าที่เสียภาษีที่เกี่ยวข้องกับการเสียภาษีตามมาตรานี้ ในระหว่างเดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยให้มีการลงรายการที่เกี่ยวข้องกับการเสียภาษีในระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว และต้องจัดทำรายงานสินค้าคงเหลือในระหว่างเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อเป็นหลักฐานในการคำนวณราคาทุนของสินค้าคงเหลือ หนังสือรับรองการคำนวณ ให้มีรายการดังต่อไปนี้

(๑)

ชื่อ ที่อยู่ และเลขทะเบียนการค้าของผู้มีสิทธิขอหนังสือรับรอง ```

(ข)

ชื่อและที่อยู่ของผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งเป็นผู้ซื้อสินค้า

(ค)

เลขที่ของหนังสือรับรอง

(ง)

ชื่อ ชนิด ปริมาณของสินค้า และราคาสินค้าเป็นเงินตราไทย

(จ)

อัตราภาษีการค้าผู้ผลิตสินค้านำที่ต้องเสีย

(ฉ)

วัน เดือน ปี ที่ออกหนังสือรับรอง ในกรณีที่ผู้ผลิตมีสถานการค้าหลายแห่ง ให้ออกหนังสือรับรองเป็นรายสถานการค้า ผู้ผลิตที่ออกหนังสือรับรองจะต้องจัดทำสำนา หนังสือรับรองดังกล่าวและเก็บรักษาสำนาไว้ ณ สถานการค้าที่ออกไม่น้อยกว่าห้าปีนับแต่วันออกหนังสือรับรอง ผู้ผลิตซึ่งเป็นผู้ประกอบการค้าดังได้ ไม่ออกหนังสือรับรองตามที่ผู้ซื้อร้องขอหรือออกหนังสือรับรองล่าช้าไม่ส่งมอบให้ผู้ซื้อประกอบการจดทะเบียนซึ่งเป็นผู้ซื้อสินค้าตามธรรมดา หรือไม่จัดทำสำเนาหนังสือรับรองตามธรรมดา คือกระทำโดยจงใจไม่เกินหนึ่งเดือน หรือรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ผลิตซึ่งเป็นผู้ประกอบการค้าดังกล่าวที่ออกหนังสือรับรองตามธรรมดา ผู้ใดจงใจไม่เก็บรักษาสำนา หนังสือรับรองตามธรรมดา คือกระทำโดยจงใจไม่เกินห้าพันบาท มาตรา ๒๖ (๒) ซึ่งมีสินค้าคงค้างจากปีเป็นสินค้าคงเหลืออยู่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ ถ้าผู้ประกอบการจดทะเบียนพิสูจน์ได้ว่าสินค้าคงเหลือดังกล่าวเป็นไปตามประมวลกฎหมายและเมื่อปฏิบัติในคราวเดียวกันต่อไปนี้ ผู้มีผู้ประกอบการจดทะเบียนจะต้องนำรายได้จากการขายสินค้าคงเหลือดังกล่าว (๒) ในลักษณะ แบ่งประมวลราชการฯ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ เมื่อขายสินค้าคงเหลือดังกล่าว

(๑)

เป็นสินค้าประเภทรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถแทรกเตอร์ เรือกำปั่น หรือเรือที่ระวางบรรทุกตั้งแต่หกตันขึ้นไป เรือกลไฟหรือเรือยนต์ที่ใช้ระวางบรรทุกตั้งแต่หกตันขึ้นไป

(๒)

สินค้าอื่นๆ ต้องเป็นสินค้าที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งเป็นผู้ขายโดยได้ซื้อสินค้าดังกล่าวจากผู้ผลิตหรือจากผู้นำเข้ามา และได้มีการจดทะเบียนในวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๕ หรือเป็นสินค้าที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้ดำเนินการในวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๕

(๓)

เป็นสินค้าที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีกรรมสิทธิ์อยู่ในวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยผู้ประกอบการจดทะเบียนจะต้องแสดงรายการสินค้าคงเหลือดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานประเมินภายในกำหนดเวลาที่เจ้าพนักงานประเมินได้กำหนดไว้

(๔)

เป็นสินค้าที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีสรรพสามิตตามที่มีลักษณะ ๒ แห่งประมวลราชการฯ จึงแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ และ ```

(จ)

เป็นสินค้าที่ยังมิได้มีการจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยยานพาหนะนั้น ๆ ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประสงค์จะได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามวรรคหนึ่ง ให้ยื่นคำขอภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ และเมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้วให้หมดสิทธิในการยื่นคำขอภายหลังอีกต่อไป คำขอยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามวรรคสอง ให้ยื่นตามแบบที่อธิบดีกำหนดโดยให้ยื่น ณ ที่ทำการสาขาอากรหรือสำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ และในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสถานประกอบการหลายแห่งให้ยื่นคำขอยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สาขาอากร หรือ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่สถานประกอบการที่เป็นสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ในการยื่นคำขอให้ปฏิบัติและในการปฏิบัติและในการพิจารณาคำขอนั้น ให้ถือมีผลย้อนหลังไปยัง และการจดทะเบียนขอรับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกต้อง

มาตรา ๒๐ บัญญัติมาตรา ๗ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากรก่อนการแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ยกเลิกบังคับต่อไปสำหรับ

(๑)

การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๕ และมาตรา ๒๖ ทั้งนี้ ภายใต้เงื่อนไขในบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัตินี้

(๒)

การจัดเก็บภาษีการค้าตั้งค้างอยู่หรือที่ถึงกำหนดชำระก่อนวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙

(๓)

กรณีที่ผู้ได้รับการส่งเสริมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนได้จัดทำเครื่องจักรโดยได้รับการออกใบขนสินค้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรก่อนวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ และหากต่อมามีการวางจำหน่ายโดยประโยชน์เกี่ยวกับกิจการถูกระงับไปไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม ในกรณีนี้ผู้ได้รับการส่งเสริมต้องเสียภาษีการค้า ตามหมวด ๒ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร ต่อกรมสรรพากรที่เกี่ยวข้องโดยระบุรายละเอียดโดยอธิบดีกรมสรรพากรจะกำหนดให้เป็นอยู่ในวันนั้นหรือในเขตที่ในการคำนวณการค้าต่อไป

(๔)

กรณีที่ผู้ได้รับการส่งเสริมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนได้รับอนุมัติให้การยกเว้นภาษีการค้าสำหรับการนำเข้าเครื่องจักรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรที่นำเข้าเครื่องจักรก่อนการนำเข้าเครื่องจักรตามวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ไม่ว่าจะได้มีการนำเข้าเครื่องจักรดังกล่าวหรือไม่ก็ตาม และหากต่อมามีการวางจำหน่ายโดยประโยชน์เกี่ยวกับกิจการถูกระงับไปไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม ในกรณีนี้ผู้ได้รับการส่งเสริมต้องเสียภาษีการค้า ตามหมวด ๒ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร ต่อกรมสรรพากรที่เกี่ยวข้องโดยระบุรายละเอียดโดยอธิบดีกรมสรรพากรจะกำหนดให้เป็นอยู่ในวันนั้นหรือในเขตที่ในการคำนวณการค้าต่อไป

มาตรา ๒๑ เพื่อเป็นการบริหารการจัดเก็บภาษีให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนยื่นคำขอข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งประกอบกิจการให้บริการตามสัญญาที่กำหนดให้ชำระค่าตอบแทนส่วนงานของบริการ โดยได้กำหนดให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องยื่นคำขอการดำเนินการต่อไปต่อไป ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนยื่นคำขอภายในระยะเวลาที่กำหนด

การขยายอายุข้าราชการตามมาตรา 27/4 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติราชการ จึงแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัตินี้ และขอเลื่อนการกำจัด ตามมาตรา 4 ในลักษณะ 2 แห่งพระราชบัญญัติราชการแผ่นดินการแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ต่อไป

(ก)

ผู้สัญญาฝ่ายไทยที่มีชื่อมิใช่กระทรวง ทบวง กรม ราชการส่วนท้องถิ่น หรือผู้ประกอบการตามทะเบียนการค้าเพิ่มเติมให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนการค้าผู้สัญญาเพิ่มเติมชื่อเสียงสมาชิกตามมาตรา 45/16 และ

(ข)

ผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นได้ส่งมอบงานบางส่วนใหม่ให้ผู้สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง และได้มีการทำรายชื่อค่าตอบแทนตามส่วนของงานที่ได้ส่งมอบพร้อมผู้ทำหน้าที่กำหนดในสัญญาและก่อนวันพระราชบัญญัตินี้เริ่มบังคับ โดยค่าตอบแทนและจำนวนที่ได้ส่งมอบต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละสิบห้าของค่าตอบแทนและจำนวนสัญญา ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประสงค์จะได้รับสิทธิตามวรรคหนึ่ง ให้ยื่นคำขอภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 และเมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวให้หมดสิทธิในการยื่นคำขอต่อไป คำขอรับสิทธิตามวรรคหนึ่ง ให้ยื่นตามแบบที่อธิบดีกำหนด โดยให้ยื่น ณ ที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานทะเบียนการค้าซึ่งทรัพย์สินตั้งอยู่ และให้เจ้าหน้าที่ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีความประสงค์การขายแบบแบ่ง ให้ส่งคำขอรับสิทธิเป็นรายส่วนตามแบบที่อธิบดีกำหนด ทั้งนี้ เว้นแต่ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่มีความประสงค์การขายแบบแบ่ง ให้ส่งคำขอรับสิทธิเป็นรายส่วนตามแบบที่อธิบดีกำหนด ทั้งนี้ เว้นแต่ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่มีความประสงค์การขายแบบแบ่ง ให้ส่งคำขอรับสิทธิเป็นรายส่วนตามแบบที่อธิบดีกำหนด สิทธิได้รับยกเว้นการเรียกเก็บภาษีขายตามมาตรานี้ ให้สิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2565 เว้นแต่ในกรณีที่มีสัญญารับเหมาทำสัญญาไว้ก่อนวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2566 ในกรณีที่มีปัญหาในการปฏิบัติและการวินิจฉัยตามมาตรานี้ ให้อธิบดีมีอำนาจวินิจฉัย และคำวินิจฉัยของอธิบดีให้เป็นที่สุด

มาตรา 32 ในกรณีมีลักษณะประกาศที่ 01.00 หรือ ประกาศที่ 05.00 หรือ ในกรณีมีลักษณะประกาศที่ 01.00 หรือ ประกาศที่ 05.00 หรือ ในกรณีมีลักษณะประกาศที่ 01.00 หรือ ประกาศที่ 05.00 แห่งกฎหมายว่าด้วยการสรรพสามิตที่พระราชบัญญัติสรรพสามิต พ.ศ. 2560 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสรรพสามิต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2564 และในกรณีมีลักษณะประกาศที่ 01.00 หรือ ประกาศที่ 05.00 หรือ ในกรณีมีลักษณะประกาศที่ 01.00 หรือ ประกาศที่ 05.00 แห่งกฎหมายว่าด้วยการสรรพสามิตที่พระราชบัญญัติสรรพสามิต พ.ศ. 2560 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสรรพสามิต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2564

๒๕๕๙ มีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้า โดยให้การค้าครั้งสุดท้ายกับภาษีสรรพสามิตตาม มูลค่าฐานภาษีของผู้ได้รับมอบอำนาจ ๘ แห่งพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๒๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๕ เพื่อประโยชน์ในการเสียภาษีตามมาตรานี้ ให้ถือว่าความรับผิดในการเสีย ภาษีการค้าตามมาตรานี้เกิดขึ้นในวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เว้นแต่สินค้าที่เป็นรถยนต์ และสินค้าอื่นที่เป็นประเภทหรือชนิดเดียวกัน ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นตามมาตรา ๗๗ แห่ง ประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ต้องเสียภาษีตามมาตราหนึ่ง ยื่นแบบแสดง รายการเสียภาษีตามแบบที่อธิบดีกรมสรรพสามิตกำหนดพร้อมชำระภาษีภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่ วันที่ความรับผิดเกิดขึ้น และให้เก็บบันทึกบัญชีตามหมวด ๔ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวล รัษฎากร ก่อนการแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ มาใช้บังคับโดยอนุโลม สินค้าใดที่ถูกกำหนดให้เป็นสินค้าตามประเภทที่กล่าวในวรรคหนึ่งและได้ มีการนำเข้าในราชอาณาจักรก่อนหน้าวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้ถือว่าสินค้านั้นที่ต้องเสียภาษีการค้า ตามมาตรา ๒๕ แห่งประมวลรัษฎากร ก่อนการแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๒๖ ในกรณีที่มีสินค้าอยู่ในราชอาณาจักร ณ แห่งประมวลรัษฎากร ก่อนการแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ผู้นำเข้าต้องยื่นไปยังผู้ประกอบการ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เฉพาะการขายสินค้าที่มีการขายเกิดขึ้นต่อภายหลังการให้บริการในวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ และให้ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นในวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ และให้ความรับผิดต้องอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่มีหน้าที่ผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในฐานะผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการที่ได้รับมอบอำนาจตามมาตรา ๗๗ แห่งประมวลรัษฎากร ก่อนการแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๒๗ การคืนภาษีการค้าตามหมวด ๔ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวล รัษฎากร ก่อนการแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้กระทำได้ดังต่อไปนี้

(๑)

การคืนภาษีการค้าให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับคืนภาษีการค้าตามหมวด ๔ ใน ลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร ก่อนการแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้กระทำได้ ตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขข้อยกเว้น แต่ผู้ที่มีผลสรุปจะได้รับคืนภาษีการค้าต้องยื่น คำร้องขอคืนภาษีต่อเจ้าพนักงานสรรพากรภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙

(๒)

ในกรณีที่ผู้ประกอบการค้าประเภทการขายของซึ่งได้ขายสินค้าก่อน วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ และได้ชำระภาษีการค้าตามหมวด ๔ ในลักษณะ ๒ แห่ง ประมวลรัษฎากร ก่อนการแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ผู้ประกอบการค้าประเภท การขายของดังกล่าวมีสิทธิได้รับคืนภาษีการค้าในส่วนที่เกินจากจำนวนภาษีที่ต้องชำระ ตามกฎหมายในวันที่ขายสินค้าหรือให้บริการนั้น โดยให้ยื่นคำร้องขอคืนภาษีต่อเจ้าพนักงาน สรรพากรภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙

(๓)

ในกรณีที่ผู้ประกอบการค้าสินค้าในราชอาณาจักรก่อนวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ และได้ชำระภาษีการค้าตามหมวด ๔ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร รับจ้างการนำความเข้าเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้แล้ว ถ้าต่อมาได้มีการส่งสินค้านั้น หรือสินค้าที่ผลิตหรือประกอบด้วยสินค้านั้นออกนอกราชอาณาจักรในหรือก่อนวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ให้สิทธิยื่นคำร้องขอคืนอากรสำหรับสินค้านั้นตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราส่วนเดียวกับการคืนอากรขาเข้าสำหรับกฎหมายว่าด้วยศุลกากร

มาตรา ๒๖ ผู้ประกอบการจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยภาษีมูลค่าเพิ่มเฉพาะการขายสินค้า หรือการให้บริการตามประเภท ลักษณะ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงออกตามมาตรา ๗๗/๑ หมวด ๒ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากรการนำความเข้าเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ต่อไปนี้

(๑)

การขายสินค้าตามสัญญาจะขายหรือให้ทำซื้อสินค้าตามมาตรา ๗๙ วรรคสอง และวรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร ก่อนการแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ โดยได้การทำสัญญาและได้มีการส่งมอบสินค้าตามสัญญานั้นแล้วก่อนวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ไม่ว่าการขายสินค้าดังกล่าวจะกระทำโดยผู้ประกอบการจดทะเบียนที่เป็นผู้ผลิตหรือไม่เป็นผู้ผลิต

(๒)

การให้เช่าเครื่องจักร เครื่องมือ หรือเครื่องกลที่มีมูลค่าต้นทุนไม่น้อยกว่ากำหนดบาท เพื่อใช้ในการผลิตหรือการให้บริการโดยได้การทำสัญญาและได้มีการชำระค่าเช่านั้นบางส่วนแล้วก่อนวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประสงค์จะได้รับสิทธิตามวรรคหนึ่ง ให้ยื่นคำขอภายในกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง และเมื่อพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวแล้วจะไม่มีสิทธิในการยื่นคำขอต่อไป คำขอรับสิทธิตามวรรคหนึ่ง ให้ยื่น ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ หรือที่การอธิบดีกรมสรรพากรหรือสำนักงานสรรพากรเขตพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ และในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสถานประกอบการหลายแห่งให้ยื่นคำขอรับสิทธิเป็นรายสถานประกอบการ ทั้งนี้ เว้นแต่ผู้ประกอบการจดทะเบียนดังกล่าวได้รับอนุมัติจากอธิบดีแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีรวมกัน ที่ให้ยื่นคำขอรวมกัน ณ ที่ทำการอำเภอท้องที่หรือสำนักงานสรรพากรเขตพื้นที่ที่สถานประกอบการที่เป็นสำนักงานใหญ่อยู่พร้อมทั้งหลักฐานตามที่อธิบดีกำหนด ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่มีสิทธิตามวรรคหนึ่งและได้ยื่นคำขอตามวรรคสองเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๔ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร ก่อนการแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้สำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการที่ได้กระทำไปแล้วก่อนวันที่ได้รับการจดทะเบียนดังกล่าวไม่ว่าผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการจะเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือไม่ก็ตาม ให้ถือสินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าหรือบริการที่ได้กระทำในราชอาณาจักรและให้ถือว่าผู้ประกอบการจดทะเบียนดังกล่าวได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามประมวลรัษฎากรแล้ว ในกรณีที่มีปัญหาในการปฏิบัติตามมาตรานี้ ให้อธิบดีมีอำนาจวินิจฉัยและคำวินิจฉัยของอธิบดีถือเป็นที่สุด บทบัญญัติแห่งมาตรา ๔ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ใช้บังคับแก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้รับอนุมัติให้เสียภาษีตามมาตรานี้

มาตรา 27 บทบัญญัติในหมวด 7 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้บังคับกับการขายสินค้าหรือการนำเข้าสินค้า ตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิตในกรณีดังต่อไปนี้

(ก)

การขายสินค้าภายในประเทศโดยผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งเป็นผู้ประกอบอุตสาหกรรมตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิต และเป็นสินค้าที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนดังกล่าวได้เสียภาษีสรรพสามิตโดยใช้แสตมป์สรรพสามิตหรือเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 ก่อนการแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 หรือสินค้าที่นำเข้าโดยผู้ประกอบอุตสาหกรรมหรือคลังสินค้าก่อนวันที่พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 ใช้บังคับหรือไม่เกินสาม

(ข)

การขายสินค้าประเภทที่ได้รับการยกเว้นจากการชำระภาษีตามมาตรา 14 วรรคสอง หรือมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 โดยผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งเป็นผู้ประกอบอุตสาหกรรมตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิตและเป็นการขายสินค้าดังกล่าวให้แก่สินค้าที่ออกจากโรงอุตสาหกรรมหรือคลังสินค้าก่อนที่บทบัญญัติพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 ก่อนวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2554

(ค)

การขายสินค้าที่เป็นน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันสำหรับพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 โดยผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งเป็นผู้ประกอบอุตสาหกรรมตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิต และผลิตภัณฑ์น้ำมันดังกล่าวเป็นสินค้าที่ออกจากโรงอุตสาหกรรมหรือคลังสินค้าก่อนวันที่บทบัญญัติพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 ก่อนวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2554

(ง)

การนำเข้าสินค้าประเภทที่ระบุในพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 ก่อนการแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 ซึ่งความรับผิดของผู้นำเข้าในอันจะต้องเสียภาษีสรรพสามิตเกิดขึ้นก่อนวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2554 ไม่ว่าจะได้ชำระภาษีสรรพสามิตไว้ก่อนวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2554 หรือไม่ก็ตาม

(จ)

การขายสินค้านำเข้าตาม (ง) หลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2554 โดยผู้นำเข้าซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ถ้าได้การขายสินค้าตามกรณีหนึ่ง (ก) (ข) (ค) และ (จ) ภายในสินค้านั้นมีมูลค่าภาษีสรรพสามิตที่ได้ชำระไว้แล้ว ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งเป็นผู้ประกอบอุตสาหกรรมตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิตหรือผู้นำเข้าต้องแสดงมูลค่าภาษีสรรพสามิตที่ได้ชำระไว้แล้วในใบกำกับภาษีด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ซื้อสินค้าสามารถใช้ใบกำกับภาษีดังกล่าวเป็นหลักฐานของเจ้าของสินค้าในการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ มูลค่าภาษีสรรพสามิตที่ได้ชำระไว้แล้วรวมเข้ากับเงินได้เป็นร้อยเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าสินค้าตามที่กำหนดในกฎหมายนี้ หลักฐานการขายสินค้าตามกรณีดังกล่าว ให้มีสาระสำคัญดังต่อไปนี้

(๑)

ชื่อ ที่อยู่ ของผู้ประกอบการและเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร

(๒)

ชื่อ ที่อยู่ ของผู้ซื้อสินค้a

(๓)

เลขที่ของหลักฐาน

(๔)

ชื่อ ประเภท ชนิด ปริมาณสินค้า และราคาสินค้าเป็นเงินตราไทย

(๕)

วัน เดือน ปี ที่ออกหลักฐาน

(๖)

ข้อความแสดงว่าเป็นสินค้าตามวรรคหนึ่ง หลักฐานการขายสินค้าตามวรรคสอง ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียน มีสถานประกอบการหลายแห่งให้ออกหลักฐานเป็นรายสถานประกอบการ และให้เก็บรักษา ต้นฉบับหลักฐานนั้นไว้ ณ สถานประกอบการที่ออกหลักฐานเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันสิ้นปีที่ออก หลักฐาน และให้นำมาตรา ๘๗/๔ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราช บัญญัตินี้มาใช้บังคับ

มาตรา ๒๗ บทบัญญัติแห่งมาตรา ๙ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้บังคับแก่ผู้ประกอบการดังต่อไปนี้

(๑)

ผู้ประกอบการที่ซื้อสุราจากโรงงานอุตสาหกรรมสุราที่ผลิตสุราผูกขาด กับกรมสรรพสามิตหรือกรมสรรพสามิตออกหลักฐานตามที่กำหนดใน มาตรา ๒๖ ต้องจำหน่ายสุราดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ และอยู่ในบังคับตามมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติ สุรา (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๔

(๒)

ผู้ประกอบการที่ประกอบกิจการขายสุราผลิตสุราหรือสุรานำเข้า ได้มาจากผู้ประกอบการตาม (๑) ทุกกรณี แต่ไม่รวมถึงผู้ประกอบการจดทะเบียนที่มีมูลค่า เพิ่มประกอบกิจการค้าสุรา กิจการค้าสุราได้แก่กิจการขายอาหารหรือเครื่องดื่มต่างชนิดใด ๆ รวมทั้งกิจการรับจัดบุฟเฟ่ต์หรือเครื่องดื่ม ทั้งนี้ ไม่ว่าในหรือจากสถานที่ซึ่งจัดให้แก่ ประชาชนเข้าไปบริโภคได้

มาตรา ๒๘ บทบัญญัติแห่งมาตรา ๙ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้บังคับแก่การขายและการนำเข้าสุราตาม กฎหมายว่าด้วยสุรา ในกรณีดังต่อไปนี้

(๑)

สุราที่อยู่ในบังคับมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติสุรา (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๔

(๒)

สุราที่นำเข้าจากต่างประเทศโดยได้เสียภาษีสุราตามกฎหมายและได้ทำ ออกจากโรงงานสุราตามพระราชบัญญัติสุรา (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๔ ใช้บังคับ

(๓)

สุราที่นำมาจากในราชอาณาจักรที่ได้เสียภาษีสุราโดยเดินสำเนาปิดสุรา แล้วและได้ทำออกจากสถานที่สุราตามกฎหมายว่าด้วยพระราชบัญญัติสุรา (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๔ ใช้บังคับ ถ้าได้มีการขายสุราตามกรณีดังกล่าวในกลุ่มวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนสุราตามกฎหมายว่าด้วยสุราดังกล่าวนำหลักฐานการขายสุรานั้น ให้นำผู้ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนในวันที่ส่งมอบสุราได้ และให้นำมาตรา 27 วรรคสอง วรรคสาม วรรคสี่และวรรคห้า มาใช้บังคับ

มาตรา 30 บัญญัติเพิ่มมาตรา 4 ในลักษณะ 2 แห่งพระราชบัญญัติการซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ในเรื่องสินค้าการขายและการนำเข้าสุราเส้น หรือยาสูบตามกฎหมายว่าด้วยสุราในกรณีดังต่อไปนี้

(ก)

ยาสูบหรือสุราที่อยู่ในบังคับมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติยาสูบ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2535 ใช้บังคับ

(ข)

ยาสูบหรือสุราที่ทำในราชอาณาจักรโดยรัฐจะผูกและปิดแสตมป์ครบถ้วนแล้วและได้ออกจากโรงอุตสาหกรรมยาสูบก่อนวันที่พระราชบัญญัติยาสูบ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2535 ใช้บังคับ

(ค)

ยาสูบตามมาตรา 87/5 แห่งพระราชบัญญัติการซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ เฉพาะยาสูบที่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบตามกฎหมายว่าด้วยยาสูบได้รับรัฐอนุญาตปิดแสตมป์ยาสูบครบถ้วนแล้วและได้ออกจากโรงอุตสาหกรรมยาสูบก่อนวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2535

(ง)

ยาสูบหรือสุราที่นำมาในราชอาณาจักรที่ได้ปิดแสตมป์ยาสูบและได้ออกจากคลังสุกราก่อนวันที่พระราชบัญญัติยาสูบ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2535 ใช้บังคับ ถ้าได้มีการขายยาสูบหรือสุราตามกรณีหนึ่งกรณีใดภายในกำหนดหนึ่งวัน ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2535 ให้ผู้ประกอบการขายยาสูบหรือสุรานั้นต้องเสียภาษีการขายยาสูบหรือสุราในอัตราที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติยาสูบ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2535 และให้นำมาตรา 27 วรรคสอง วรรคสาม วรรคสี่ และวรรคห้า มาใช้บังคับ

มาตรา 31 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงพระราชบัญญัติให้เหมาะสมกับสภาพและเหตุการณ์ในปัจจุบันโดยกำหนดมูลค่าสินค้าและบริการต้องคำนวณภาษีในการจัดการค้า และปรับปรุงอัตราภาษีให้สอดคล้องกับเงื่อนไข อัตราเงินได้บุคคลและนิติบุคคลของประเทศรวมทั้งการกำหนดให้สอดคล้องกับการบัญชีสากล ทั้งนี้ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติยาสูบ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2535[600]

มาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติการซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ยกเลิกข้อความในมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติการซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ และให้ใช้ข้อความดังต่อไปนี้แทน

“มาตรา 32 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้”

มาตรา 9 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประมวลระเบียบการให้เหมาะสมกับสภาพและเหตุการณ์ในปัจจุบัน เพื่อความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีเงินได้แก่บุคคลธรรมดา จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2525(601)

มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่

(1) บทบัญญัติมาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 8 มาตรา 9 มาตรา 10 มาตรา 11 มาตรา 12 มาตรา 13 มาตรา 14 มาตรา 15 มาตรา 19 และมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัตินี้ ที่ว่าด้วยภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปี พ.ศ. 2526 ที่ต้องยื่นรายการในปี พ.ศ. 2527 เป็นต้นไป (2) บทบัญญัติมาตรา 20 มาตรา 21 มาตรา 22 มาตรา 23 มาตรา 24 และมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัตินี้ว่าด้วยภาษีเงินได้สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตาม (2) (ก) (ข) และ (ค) แห่งพระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2526 เป็นต้นไป (3) บทบัญญัติมาตรา 20 มาตรา 22 มาตรา 23 มาตรา 24 และมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัตินี้ว่าด้วยภาษีเงินได้สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตาม (2) (ก) (ข) และ (ค) แห่งพระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ในระยะเวลาหนึ่งสิ้นสุดในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2526 เป็นต้นไป

มาตรา 29 บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่ถูกยกเลิก หรือแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ยังคงใช้บังคับต่อไปเฉพาะในการปฏิบัติอันเกี่ยวกับการที่ค้างอยู่หรือที่พึงจะต้องกระทำก่อนที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

มาตรา 30 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

กำหนดนี้ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2526(602) พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2526(603)

มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากในปัจจุบันนี้ ประมวลรัษฎากรได้บัญญัติให้ผู้จ่ายเงินได้จากเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรที่จ่ายให้รับ จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยได้รับยกเว้นในการคำนวณ การยื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเฉพาะในส่วนของเงินได้ที่ได้รับจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยซึ่งมีสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือเป็นบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือเป็นบริษัทที่มีการประกอบกิจการขนส่งระหว่างประเทศ หรือเป็นบริษัทที่มีการประกอบกิจการธนาคาร ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ หรือธุรกิจประกันชีวิต หรือเป็นบริษัทที่มีการประกอบกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือเป็นบริษัทที่มีการประกอบกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือเป็นบริษัทที่มีการประกอบกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือเป็นบริษัทที่มีการประกอบกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือเป็นบริษัทที่มีการประกอบกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือเป็นบริษัทที่มีการประกอบกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือเป็นบริษัทที่มีการประกอบกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือเป็นบริษัทที่มีการประกอบกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือเป็นบริษัทที่มีการประกอบกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือเป็นบริษัทที่มีการประกอบกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือเป็นบริษัทที่มีการประกอบกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือเป็นบริษัทที่มีการประกอบกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือเป็นบริษัทที่มีการประกอบกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือเป็นบริษัทที่มีการประกอบกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือเป็นบริษัทที่มีการประกอบกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือเป็นบริษัทที่มีการประกอบกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือเป็นบริษัทที่มีการประกอบกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือเป็นบริษัทที่มีการประกอบกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือเป็นบริษัทที่มีการประกอบกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือเป็นบริษัทที่มีการประกอบกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือเป็นบริษัทที่มีการประกอบกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือเป็นบริษัทที่มีการประกอบกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือเป็นบริษัทที่มีการประกอบกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน ตัวหนังสือในภาพ은 다음과 같습니다: ตำแหน่งผู้ประกอบการขนส่งจะรับเป็นตำแหน่งให้กับหลายบริษัท หากมีแนวปฏิบัติในแนวทางเดียวกันแล้วคณะกรรมการแต่งตั้งตำแหน่งนั้นได้ ตลอดจนเพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการคมนาคมในภูมิภาคประกอบกับสมควรแก้ไขเพิ่มเติมให้การรับประกันวินาศภัยตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัยส่งเสริมเป็นการประกอบกิจการที่อยู่ในบังคับของเงื่อนไขหรือข้อจำกัดเฉพาะเป็นการประกอบกิจการที่อยู่ในบังคับเงื่อนไขเสียภาษีสูงสุดเพิ่มแทนเพื่อให้เหมาะสมประกอบกิจการในระบบเศรษฐกิจสมัยใหม่มากยิ่งขึ้น จึงสมควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติในเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๗) พ.ศ. ๒๕๖๖(607)

มาตรา ๕ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป วันแถบที่บัญญัติมาตรา ๔ มาตรา ๕ และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๖ บทบัญญัติในมาตรา ๔ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากรก่อนการแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้นำมาใช้บังคับต่อไปสำหรับการจัดเก็บภาษีที่ค้างอยู่หรือที่ถึงกำหนดชำระก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่มีความจำเป็นต้องปรับปรุงระบบการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันและเพื่อให้การจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในส่วนที่เกี่ยวกับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการขายอสังหาริมทรัพย์ยื่นทางการหรือจากกำไรหรือจากกำไรไม่มีสิทธิริการแพทย์ที่ควร เนื่องจากกฎหมายปัจจุบันกำหนดให้ผู้ที่เสียภาษีที่เสียยากต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีธุรกิจเฉพาะการดังกล่าวในเดือนถัดไป ซึ่งปรากฏว่ามีการหลีกเลี่ยงไม่ชำระภาษีจำนวนมาก ทำให้รัฐรายได้ส่วนนี้ลดไป ดังนั้น สมควรปรับปรุงประมวลรัษฎากร เพื่อให้การบริหารจัดเก็บภาษีมีความสะดวกมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและเพื่อให้การจัดเก็บภาษีอ่านออกความสะดวกให้แก่ผู้เสียภาษีและป้องกันการหลีกเลี่ยงการเสียภาษี ส่งผลให้รัฐมีรายได้เพิ่มมากขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติในเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๗) พ.ศ. ๒๕๖๖(608)

มาตรา ๘ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยอุตสาหกรรมส่งออกของไทย สมควรแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้การจัดเก็บภาษีในกรณีส่งเสริมการส่งออก โดยปรับปรุงกฎหมายในส่วนดังกล่าวให้ได้รับประโยชน์ทางการเงินในลักษณะการส่งเสริมการส่งออกให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันและเพื่อให้การจัดเก็บภาษีในกรณีส่งเสริมการส่งออกมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สมควรแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีในกรณีส่งเสริมการส่งออกของไทย และโดยที่บทบัญญัติของพระราชบัญญัตินี้จะได้กำหนดให้สิทธิประโยชน์ทางการเงินสำหรับกิจการอุตสาหกรรมส่งออกสมควรแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขยายกลุ่มเป้าหมายออกออก และเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย กำหนดให้ยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับของที่ได้มีการจัดตั้งขึ้นต่อไปด้วย จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัติ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๗) พ.ศ. ๒๕๕๘(609)

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติสูงสุด พ.ศ. ๒๕๕๘ กำหนดให้ผู้บุกรุกเสียอุปการะชีพที่ผู้บุกรุกที่ไม่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ สิทธิได้รับการพักหนี้อายัดทรัพย์สินจากหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในพระราชบัญญัติฯ ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการอุปการะเสียอุปการะจากผู้ให้แก่กันโดยสุจริต สมควรกำหนดให้ผู้บุกรุกเสียอุปการะเสียอุปการะของตนหรือบิดามารดาของสามีหรือภรรยาของตนสามารถนำค่าอุปการะเสียอุปการะมาหักลดหย่อนในการคำนวณเงินได้บุคคลธรรมดา จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๘) พ.ศ. ๒๕๕๘(610)

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่รัฐบาลมีนโยบายเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของคนพิการหรือทุพพลภาพ สมควรกำหนดให้ผู้มีเงินได้จ่ายค่าซื้ออุปการะเสียอุปการะของคนพิการหรือทุพพลภาพ สามารถนำค่าอุปการะเสียอุปการะของคนพิการหรือทุพพลภาพมาหักลดหย่อนในการคำนวณเงินได้บุคคลธรรมดา โดยบุคคลดังกล่าวต้องมีลักษณะเป็นคนพิการหรือทุพพลภาพตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และต้องมีใบรับรองแพทย์แสดงความพิการหรือทุพพลภาพตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ ประกาศสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เรื่อง ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าบัญญัติแห่งกฎหมายดังหรือยังขัดรัฐธรรมนูญ(611) พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๘) พ.ศ. ๒๕๕๘(612)

มาตรา ๑ พระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่บทบัญญัติมาตรา ๓ และมาตรา ๔ ซึ่งให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘ หรือเมื่อมีประกาศใน พ.ศ. ๒๕๕๘ แล้วแต่กรณี

มาตรา ๒ บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรซึ่งถูกแก้ไขหรือเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดนี้ให้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของประมวลรัษฎากรและให้ใช้บังคับแก่การปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากรที่ค้างอยู่หรือที่พึงต้องเสียในพระราชกำหนดนี้

มาตรา ๓ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกำหนดนี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกำหนดฉบับนี้ คือ โดยที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่ ๑๗/๒๕๕๘ มาตรา ๗๕ ตรี และมาตรา ๗๕ เบญจ แห่งประมวลรัษฎากรขัดหรือแย้งต่อมาตรา ๓๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บทบัญญัติดังกล่าวจึง เป็นอันใช้บังคับมิได้ตามมาตรา ๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งกำหนดให้มีความจำเป็นต้องกำหนดหลักเกณฑ์ในการเสียภาษีเงินได้และการยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินของผู้มีเงินได้ที่มีลักษณะหรือฐานะที่มีความประการสมควรแก่การเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับประมวลรัษฎากรในเรื่องดังกล่าว เพื่อใช้บังคับกับการยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินประจำปีก่อนปี พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ทั้งนี้ ผู้มีเงินได้ดังกล่าวที่ยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินประจำปีภาษี พ.ศ. ๒๕๕๘ ใน พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งต้องเริ่มต้นยื่นเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ประกอบกับการจัดเก็บภาษีเงินได้และการบริหารจัดเก็บภาษีเงินได้ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวอาจก่อให้เกิดข้อขัดข้องในการจัดเก็บภาษีอากรซึ่งเป็นรายได้สำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วอันจะมีผลกระทบต่อความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกำหนดนี้ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การอนุมัติพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๘) พ.ศ. ๒๕๕๘[613] พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๗) พ.ศ. ๒๕๕๘[614]

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

หมายเหตุ: เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัตินี้ คือ โดยที่มาตรา ๓๙ แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดให้การยื่นคำร้องขอคืนภาษีเงินได้ที่ถูกหักไว้ ณ ที่จ่ายต้องยื่นภายในกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ในมาตรา ๓๖ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งในปัจจุบันได้กำหนดไว้ในระยะเวลาสามปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่มีกรณีที่ผู้มีเงินได้บางรายไม่สามารถยื่นคำร้องขอคืนภาษีเงินได้ที่ถูกหักไว้ ณ ที่จ่ายภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในมาตรา ๓๖ แห่งประมวลรัษฎากรได้ เนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย เช่น เจ็บป่วย หรือประสบอุบัติเหตุ หรือมีเหตุจำเป็นอื่นที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จึงสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรเพื่อให้ผู้มีเงินได้สามารถยื่นคำร้องขอคืนภาษีเงินได้ที่ถูกหักไว้ ณ ที่จ่ายได้ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัยหรือเหตุจำเป็นดังกล่าวได้ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดระยะเวลาการยื่นคำร้องขอคืนภาษีเงินได้ที่ถูกหักไว้ ณ ที่จ่าย ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๗) พ.ศ. ๒๕๕๘[615]

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ของปีภาษีถัดจากปีที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่ถูกแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับต่อไปเฉพาะในการปฏิบัติการเกี่ยวกับรายการที่ต้องอยู่หรือที่พึงมีรายการก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมายเหตุ: เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัตินี้ คือ โดยที่มีการสมควรปรับปรุงบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ให้เกิดความชัดเจนและเป็นธรรมยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๐) พ.ศ. ๒๕๕๘[616]

มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา 8 การเสียภาษีเงินได้ในส่วนของเงินได้พึงประเมินที่ไม่ได้รับยกเว้นตามมาตรา 26 (26) และ (27) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้คิดเฉพาะเงินได้ที่ได้รับนับจากวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

มาตรา 9 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ได้มีการตรากฎหมายเพื่อจัดเก็บภาษีจากการรับรถยนต์ แต่ประมวลรัษฎากรยังมีการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา หรือจากการให้โดยเสน่หาเนื่องเป็นพระคุณโดยแทนคุณแห่งมนุษยธรรมเป็นพิเศษ และเงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่เสียค่าตอบแทนให้แก่บุตรอย่างกฎหมายหรือปู่ย่าตายายหรือบุพการี เป็นการไม่สอดคล้องกับการจัดเก็บภาษีจากการรับรถ สมควรปรับปรุงบทบัญญัติในประมวลรัษฎากรสำหรับการให้ในกรณีดังกล่าวให้สอดคล้องกัน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติให้แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 60) พ.ศ. 2542

มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา 47 แห่งประมวลรัษฎากรกำหนดให้เงินได้พึงประเมินที่ได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา หรือจากการให้โดยเสน่หาเนื่องเป็นพระคุณโดยแทนคุณแห่งมนุษยธรรมเป็นพิเศษ หรือจากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่เสียค่าตอบแทนให้แก่บุตรอย่างกฎหมายหรือปู่ย่าตายายหรือบุพการี เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา การยกเว้นดังกล่าวเป็นการไม่เหมาะสมกับสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป สมควรแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับความดังกล่าวให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติให้แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 54) พ.ศ. 2545

มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา 4 บทบัญญัติมาตรา 3 ให้บังคับสำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งรอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2545 เป็นต้นไป

มาตรา 5 บทบัญญัติเกี่ยวกับประมวลรัษฎากรที่ถูกแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้มีผลใช้บังคับต่อไปโดยไม่กระทบต่อการปฏิบัติในเรื่องภาษีอากรที่ค้างอยู่หรือที่พึงชำระก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

มาตรา 7 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

บัญญัตินี้ ``` หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่มีการสมควรปรับ ลดอัตราภาษีเงินได้บุคคล สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีลักษณะขนาดเล็กลงกว่าเดิม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๗) พ.ศ. ๒๕๔๕(619)

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นต้นไป

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๒๖ (๒๖) แห่งประมวลรัษฎากรกำหนดให้เงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทน ให้แก่บุตรซึ่งโดยกฎหมายยังไม่รวมถึงบุตรบุญธรรม เฉพาะในส่วนที่เป็นอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น เป็นเหตุให้บุตรบุญธรรมที่ได้รับเงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทน ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในฐานเงินได้พึงประเมินที่ได้รับ ยกเว้นในส่วนที่เป็นอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในฐานเงินได้พึงประเมินที่ได้รับจากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทน เพื่อเป็นการเพิ่มสิทธิแก่บุตรบุญธรรมเกี่ยวกับฐานะบุตรที่ได้รับเงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทน ให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๘) พ.ศ. ๒๕๔๖(620)

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๑๓ บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่ยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปีภาษี พ.ศ. ๒๕๔๖ ที่จะต้องยื่นรายการใน พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นต้นไป

มาตรา ๑๔ บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่ถูกยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ยังคงใช้บังคับต่อไปเฉพาะในการปฏิบัติอันเกี่ยวกับรายการที่ค้างอยู่หรือที่พึงกระทำสำหรับเงินได้พึงประเมินก่อนปีภาษี พ.ศ. ๒๕๔๖

มาตรา ๑๕ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่หลักเกณฑ์การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปัจจุบันยังไม่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป สมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน เพื่อเป็นการลดภาระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่ผู้มีเงินได้ในระดับต่ำและระดับปานกลาง และลดความเหลื่อมล้ำในระบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาดังกล่าวให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ ``` พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่เกี่ยวกับความรับผิดในทางอาญาของผู้แทนนิติบุคคล พ.ศ. 2560

มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยว่าพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2545 และพ.ศ. 2548 เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการมารดาผู้จัดการ ผู้มีอำนาจ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น ต้องรับโทษทางอาญาร่วมกับการกระทำความผิดของนิติบุคคล โดยไม่ปรากฏว่ามีการกระทำความผิดของบุคคลดังกล่าวนั้นเป็นการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้น ถือว่าเป็นข้อขัดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 39 วรรคสอง บั่นทอนสิทธิและไม่ได้สัดส่วนซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 29 และยังขัดต่อหลักรัฐธรรมนูญไม่ได้สัดส่วนจึงต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายดังกล่าวเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2560

มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากประเทศไทยในฐานะสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง Asia Pacific Group on Money Laundering (APG) มีเหตุผลความจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามข้อบังคับ (Terms of References) ที่กำหนดให้ประเทศสมาชิกต้องปฏิบัติตามข้อแนะนำของ Financial Action Task Force (FATF) ในการกำหนดให้อาชญากรรมเกี่ยวกับการยักยอกที่มีลักษณะร้ายแรงเป็นความผิดฐานฟอกเงินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และเพื่อให้มีความสอดคล้องกับข้อแนะนำดังกล่าว อีกทั้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปราบปรามการหลีกเลี่ยงภาษีอากรและการกระทำความผิดทางภาษีอากรที่มีลักษณะร้ายแรงซึ่งเป็นอาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2560

มาตรา 2 พระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกำหนดฉบับนี้ คือ โดยที่ในปัจจุบันได้มีการถือครองคริปโทเคอร์เรนซี หรือการซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจก่อให้เกิดการหลีกเลี่ยงภาษีหรือการเสียภาษีที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อการจัดเก็บภาษีอากรให้มีความเป็นธรรม อันเนื่องมาจากเดิมทีอัตราภาษีเป็นการเฉพาะเป็นเหตุให้รัฐไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้ครบถ้วน ดังนั้น เพื่อให้การจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในการดึงดูดกำลังซื้อไปอย่างสม่ำเสมอมีประสิทธิภาพ จึงมีความจำเป็นที่ต้องแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และโดยที่เป็นกฎหมายเกี่ยวด้วยการจัดสรรทรัพยากรซึ่งจะต้องได้รับการพิจารณาโดยคณะกรรมาธิการวิสามัญประโยชน์ของแผ่นดิน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การอนุมัติพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๘) พ.ศ. ๒๕๖๑[624] พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๘) พ.ศ. ๒๕๖๑[625]

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๔ บทบัญญัติมาตรา ๓ ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปีภาษี พ.ศ. ๒๕๖๑ หรือยังมีรายการในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้นไป

มาตรา ๗ บทบัญญัติในประมวลรัษฎากรที่ถูกแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้มีผลบังคับใช้เฉพาะในการปฏิบัติการที่ยังคงอยู่หรือที่มีผลที่จะสร้างสิทธิให้ผู้เสียภาษีเงินได้ประเมินก่อนปี พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๙ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ประเทศไทยมีอัตราการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตราที่ต่ำกว่าประเทศอื่น ๆ และมีการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตราที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน อันจะส่งผลให้เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น เพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้มีเงินได้สมบูรณ์มากกว่าหนึ่งคน อันจะส่งผลให้โครงสร้างของประเทศมีความเหมาะสมกับการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต สมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์การหักลดหย่อนสำหรับบุคคล จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๙) พ.ศ. ๒๕๖๑[626]

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ บทบัญญัติมาตรา ๓ และมาตรา ๔ ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งระยะเวลาบัญชีสิ้นในหรือหลังสิ้นปี มาตรา ๓ มาตรา ๔

หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เพื่อให้การจัดเก็บภาษีเงินได้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และเพื่อให้การจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อันจะส่งผลให้การจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อันจะส่งผลให้การจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เกณฑ์การจัดเก็บภาษีเงินได้ให้กับบุคคลสำหรับกรณีดังกล่าว ให้สอดคล้องกับหลักการและแนวปฏิบัติที่เป็นสากล จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 47) พ.ศ. 2562

มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้ใช้สื่อสารการยิ้มออนไลน์ในการดำเนินการปฏิบัติหน้าที่ของกรมสรรพากร หรือการให้บริการกับองค์กรระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีพันธกรณีตามความตกลงที่จะต้องปฏิบัติเท่าเทียมกับสถานเอกอัครราชทูต องค์การสหประชาชาติ หรือหน่วยงานราชการอื่นของสมประชาชาติ และสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าของต่างประเทศที่มีสถานที่ตั้งในประเทศไทยตามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลต่างประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถปฏิบัติหน้าที่ตามพันธกรณีตามความตกลง และเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับนานาประเทศ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 47) พ.ศ. 2562

มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา 3 ให้ผู้มีหน้าที่รายงานข้อมูลตามมาตรา 3 ตัดตรา แห่งประมวลรัษฎากรที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ส่งรายงานข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่มีรายได้ลักษณะเดียวกับรายได้ตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร

มาตรา 6 การดำเนินการออกกฎกระทรวงเพื่อประกาศตามมาตรา 3 ปันผล มาตรา 3 โฆษณา และมาตรา 3 ตัดตรา แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ หากไม่สามารถดำเนินการได้ ให้รัฐมนตรีรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการได้ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ

มาตรา 7 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการเงินของประเทศกำหนดให้มีการจัดเก็บภาษีเงินได้โดยใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์และให้มีการดำเนินการตามมาตรการเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล รวมทั้งเพื่อให้การจัดเก็บภาษีเงินได้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรมยิ่งขึ้น และเพื่อให้การพัฒนาระบบการจัดเก็บภาษีเงินได้เป็นไปตามมาตรฐานสากล จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ การจัดเก็บภาษีอากรและปรับปรุงอัตราโทษสำหรับการนี้เจ้าพนักงานเปิดเผยข้อมูลของผู้ เสียภาษีอากรหรือของผู้อื่นที่เกี่ยวข้องให้แพร่หลายมิได้ จึงจำเป็นต้องตราพระราช บัญญัตินี้ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 50) พ.ศ. 2562[629] มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา 2 บทบัญญัติมาตรา 3 และมาตรา 4 ให้ใช้บังคับสำหรับรอบ ระยะเวลาภาษีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป มาตรา 3 บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่ถูกยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ยังคงใช้บังคับต่อไปจนกว่าการปฏิบัติอันเกี่ยวกับการที่ค้างอยู่ หรือที่พึงทำระหว่างวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราช บัญญัตินี้ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรฐานบัญชี ได้มีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่างประเทศ โดย กำหนดให้กิจการที่มีธุรกรรมทางการเงินที่มีลักษณะเป็นการเช่าซื้อ บางกรณีต้องแสดงค่า ใช้จ่ายเงินที่ได้กระทำไปแล้วในรูปเงินกู้สินเชื่อแทนการเช่าซื้อไทยได้ ดังนั้น เพื่อให้การ ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีอากรของกรมสรรพากรมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับ การเปลี่ยนแปลงทางการเงินดังกล่าว สมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์ของประมวลรัษฎากรเกี่ยวกับ การคำนวณค่าเสื่อมราคาของเงินกู้สินเชื่อที่ได้กระทำไปแล้วในรูปเงินกู้สินเชื่อแทนการเช่าซื้อไทย และวิธีการคำนวณและการ จ่ายภาษีของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีเงินกู้สินเชื่อจากประเทศไทยเป็นเงินกู้สินเชื่อใน การดำเนินงาน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 50) พ.ศ. 2562[630] มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา 2 บทบัญญัติมาตรา 3(9) (1) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้บังคับสำหรับรอบระยะเวลาภาษีที่เริ่มในหรือหลัง วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2562 หรือสิ้นสุดรอบระยะเวลาภาษีในปี พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป บทบัญญัติมาตรา 26 ตรี (2) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้บังคับกับการคำนวณกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคลซึ่งรอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป มาตรา 3 บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่ถูกยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระ ราชบัญญัตินี้ให้ยังคงใช้บังคับต่อไปเฉพาะในการปฏิบัติอันเกี่ยวกับการที่ค้างอยู่หรือที่พึง 죄송하지만, 이미지를 처리하는 동안 문제가 발생했습니다. 이미지를 다시 업로드해 주시겠습니까? เล่มโดยพระราชบัญญัตินี้ จนกว่าจะได้มีการกระทรวงที่ออกตามมาตรา 3 โล่ศิล แห่ง ประมวลรัษฎากรขึ้นใหม่เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้

มาตรา 13 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ปัจจุบันมีการใช้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศมากขึ้น สมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์ในการจัดเก็บ ภาษีมูลค่าเพิ่มกรณีการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการ ในประเทศไทยโดยผู้ซื้อต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขายโดย ให้เหมาะสมสอดคล้องกับ แนวทางปฏิบัติของนานาประเทศและการใช้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศที่เกี่ยวกับการมี การใช้ หรือการจัดทำเอกสารหลักฐานหรือหนังสืออื่นใดตามประมวล รัษฎากร ให้สามารถดำเนินการด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่ออำนวยความสะดวก แก่ประชาชนและเพิ่มความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 48) พ.ศ. 2565(633)

มาตรา 7 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ปัจจุบันแม้ว่ารัฐ ทำหน้าที่ในการจัดเก็บภาษีอากรอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังมีปัญหาเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยง ภาษีอากรในประเทศที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น สมควรแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรใน เรื่องที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งการแลกเปลี่ยนข้อมูลภาษีอากรระหว่างกันที่มีการกำหนด ไว้ในความตกลงหรืออนุสัญญาเพื่อการเก็บภาษี และการป้องกันการเลี่ยง รัษฎากร หรือความตกลงระหว่างประเทศ จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการดำเนินการดังกล่าว สมควรแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ของอธิบดีกรมสรรพากรในการแลก เปลี่ยนข้อมูลที่ได้มาโดยหน้าที่ที่ราชการการเพื่อการปฏิบัติตามพันธกรณีตามความตกลงหรือ อนุสัญญาดังกล่าว และเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประเทศในการ ป้องกันการเลี่ยงรัษฎากร จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ นิธิวรรธ / Maker 13 พฤษภาคม 2567 ปฏิญาณีย์ / Checker 20 พฤษภาคม 2567 ปฏิญาณีย์ / Authorizer 20 พฤษภาคม 2567 (1) ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๖/-/หน้า ๑๑/๑ เมษายน ๒๕๖๒ (2) มาตรา ๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๐ ลงวันที่ ๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๒๐ (3) มาตรา ๒ นิยามคำว่า "อธิบดี" แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ. ๒๕๒๗ (4) มาตรา ๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๒๖ (5) มาตรา ๓ ทวิ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๒ (6) มาตรา ๓ ตรี เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๓๔ (7) มาตรา ๓ จัตวา เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๓๔ (8) มาตรา ๓ เบญจ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๓๔ (9) มาตรา ๓ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๓๔ (10) มาตรา ๓ ฉ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๒๖ (11) มาตรา ๓ อัฏฐ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๒๖ (12) มาตรา ๓ นว เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๒๖ (13) มาตรา ๓ ทศ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๒๖ (14) มาตรา ๓ เอกาทศ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๒๖ (15) มาตรา ๓ ทวาทศ เพิ่มโดยพระราชกฤษฎีกาของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๐ ลงวันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๐ (16) มาตรา ๓ เตรส เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๓๔ (17) มาตรา ๓ จตุทศ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๒๖ (18) มาตรา 3 ปิยธร เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 48) พ.ศ. 2562 (19) มาตรา 3 โลฟัส แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 45) พ.ศ. 2545 (20) มาตรา 3 สัตตรส เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 54) พ.ศ. 2562 (21) มาตรา 3 อัฏฐารส เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 54) พ.ศ. 2562 (22) มาตรา 3 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2513 (23) มาตรา 4 ทวี เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2502 (24) มาตรา 4 ตรี เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2502 (25) มาตรา 4 ซ้อน แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 1) พ.ศ. 2484 (26) มาตรา 4 บนญจ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2502 (27) มาตรา 4 ฉ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2502 (28) มาตรา 4 สัตต เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2502 (29) มาตรา 4 อัฏฐิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2502 (30) มาตรา 4 นว เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2502 (31) มาตรา 4 ทศ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 27) พ.ศ. 2525 (32) มาตรา 4 ซ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2524 (33) มาตรา 4 ซ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2502 (34) มาตรา 9 ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2484 (35) มาตรา 10 ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2525 (36) มาตรา 10 ตรี (1) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 110) พ.ศ. 2563 (37) มาตรา 10 ตรี เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 48) พ.ศ. 2542 (38) มาตรา 10 ตรี เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร พุทธศักราช 2527 (39) มาตรา 12 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2525 (40) มาตรา 12 วรรคแรก เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2526 (41) มาตรา 12 ทวิ เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2525 (42) มาตรา 12 ตรี เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2525 (43) มาตรา 13 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 48) พ.ศ. 2562 (44) หมวด 1 ทวิ คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร มาตรา 13 ทวิ ถึง มาตรา 13 อัฏฐ เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2525 (45) มาตรา 13 ทวิ เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2525 (46) มาตรา 13 ตรี เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2525 (47) มาตรา 13 จัตวา เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2525 (48) มาตรา 13 เบญจ เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2525 (49) มาตรา 13 ฉ เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2525 [50] มาตรา 13 สัตต เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2524 [51] มาตรา 13 อัฏฐ เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2524 [52] มาตรา 14 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2545 [53] มาตรา 16 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2545 [54] มาตรา 17 วรรคสาม แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 25) พ.ศ. 2560 [55] มาตรา 17 วรรคสอง เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2533 [56] มาตรา 17 วรรคสาม เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2533 [57] มาตรา 17 วรรคสี่ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 25) พ.ศ. 2560 [58] มาตรา 18 ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2527 [59] มาตรา 18 ตรี เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2527 [60] มาตรา 19 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2524 [61] มาตรา 20 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2484 [62] มาตรา 20 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2526 [63] มาตรา 22 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2526 [64] มาตรา 23 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2484 [65] มาตรา 23 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 25) พุทธศักราช 2560

มาตรา ๒๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๒๖

มาตรา ๒๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๒๘

มาตรา ๒๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ. ๒๕๒๗

มาตรา ๒๖ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๒๘

มาตรา ๒๖ ตรี เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๔๕

มาตรา ๒๖ จัตวา เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๔๕

มาตรา ๒๖ (๒) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๒๗

มาตรา ๓๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๒๖

มาตรา ๓๐ วรรคสอง เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ. ๒๕๒๗

มาตรา ๓๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๒๖

มาตรา ๓๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๒๖

มาตรา ๓๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๒๖

มาตรา ๓๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๒๖

มาตรา ๓๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๒๖

มาตรา ๓๖ ทวิ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นหรือคืนภาษีอากรให้แก่ผู้ประกอบการในเขตปลอดอากร พ.ศ. ๒๕๕๐

มาตรา ๓๕ ตรี แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๔) พ.ศ. ๒๕๖๑

มาตรา 82 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2525

มาตรา 83 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 41) พ.ศ. 2545

มาตรา 84 ทวิ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 41) พ.ศ. 2545

มาตรา 85 เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 45) พ.ศ. 2548

มาตรา 86 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 61) พ.ศ. 2562

มาตรา 87 นิยามคำว่า "เงินได้พึงประเมิน" แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2527

มาตรา 88 นิยามคำว่า "บริษัทจดทะเบียน" เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2534

มาตรา 89 นิยามคำว่า "บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน" เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2534

มาตรา 90 นิยามคำว่า "กองทุนรวม" ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2534

มาตรา 91 นิยามคำว่า "บริษัทเงินทุน" เพิ่มโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 10 ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2516

มาตรา 92 นิยามคำว่า "บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล" เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2522

มาตรา 93 นิยามคำว่า "บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล" (ข) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 25) พ.ศ. 2542

มาตรา 94 นิยามคำว่า "บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล" (ค) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 25) พ.ศ. 2542

มาตรา 95 นิยามคำว่า "บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล" (ง) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 25) พ.ศ. 2542

มาตรา 96 นิยามคำว่า "คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล" เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 25) พ.ศ. 2542

มาตรา 97 นิยามคำว่า "ขาย" เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2525

มาตรา ๙๗ นิยามคำว่า "ราษฎรชาย" เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๔

มาตรา ๙๘ นิยามคำว่า "สิทธิครอบครอง" เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๔

มาตรา ๑๐๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๕๖

มาตรา ๑๐๑ วรรคหนึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๑๐๒ (๑) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๑๐๒ (๒) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๑๐๓ (๑) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๑๐๓ (๒) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๑๐๓ (๓) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๑๐๓ (๔) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๑๐๓ (๕) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๑๐๓ (๖) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๑๐๓ (๗) วรรคหนึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๕) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๑๐๓ (๗) วรรคสอง เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๑๐๓ (๗) วรรคสาม เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๑๐๓ (๘) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๔) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๑๐๓ (๙) เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๔) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๑๐๓ (๑๐) เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๑๐๓ (๑๑) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๑๔ วรรคสอง เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๒๒

มาตรา ๑๔ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๒๒

มาตรา ๑๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๒๔

มาตรา ๑๔ ทวิ เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๔

มาตรา ๑๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๒๘

มาตรา ๑๗ (๓) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๓๐

มาตรา ๑๗ (๔) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๔๒

มาตรา ๑๗ (๕) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๔๒

มาตรา ๑๗ (๑๐) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๔๔

มาตรา ๑๗ (๑๑) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๔๔

มาตรา ๑๗ (๑๔) ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๗) พ.ศ. ๒๕๔๔

มาตรา ๑๗ (๑๕) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๗) พ.ศ. ๒๕๔๔

มาตรา ๑๗ (๑๖) เพิ่มโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๖๐ ลงวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๔

มาตรา ๑๗ (๑๗) เพิ่มโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๖๐ ลงวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๔

มาตรา ๑๗ (๑๘) ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๔๒

มาตรา ๑๗ (๒๐) ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๔๒

(130) มาตรา ๒๒ (๒๖) ยกเลิกโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๘) พ.ศ. ๒๕๒๕ (131) มาตรา ๒๒ (๒๗) ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๕) พ.ศ. ๒๕๖๒ (132) มาตรา ๒๒ (๒๘) ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๕) พ.ศ. ๒๕๖๒ (133) มาตรา ๒๒ (๒๙) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๓๙ (134) มาตรา ๒๒ (๒๙) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๓) พ.ศ. ๒๕๔๕ (135) มาตรา ๒๒ (๒๙) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๐) พ.ศ. ๒๕๕๘ (136) มาตรา ๒๒ (๒๙) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๐) พ.ศ. ๒๕๕๘ (137) มาตรา ๒๒ (๒๙) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๐) พ.ศ. ๒๕๕๘ (138) มาตรา ๒๒ ทวิ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๔๖ (139) มาตรา ๒๒ ทวิ วรรคหนึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๕) พ.ศ. ๒๕๖๒ (140) มาตรา ๒๒ ตรี เพิ่มโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๐ ลงวันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๔ (141) มาตรา ๒๒ ตรี วรรคหนึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๕) พ.ศ. ๒๕๖๒ (142) มาตรา ๒๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๔๗ (143) มาตรา ๒๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๔๗ (144) มาตรา ๒๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๔๗ (145) มาตรา ๒๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๔๗ (146) มาตรา ๔๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๔) พ.ศ. ๒๕๐๔ (147) มาตรา ๔๗ (๑) (ก) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๔) พ.ศ. ๒๕๖๐ (148) มาตรา ๔๗ (๑) (ข) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๔) พ.ศ. ๒๕๖๐ (149) มาตรา ๔๗ (๑) (ค) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๔) พ.ศ. ๒๕๖๐ (150) มาตรา ๔๗ (๑) (ง) (๑) (ก) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๔) พ.ศ. ๒๕๖๐ (151) มาตรา ๔๗ (๑) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ (152) มาตรา ๔๗ (๑) (จ) วรรคหนึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ฉบับที่ ๓๗๗ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ (153) มาตรา ๔๗ (๑) (จ) ยกเลิกโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๖๔ (154) มาตรา ๔๗ (๑) (ฉ) ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๔) พ.ศ. ๒๕๖๐ (155) มาตรา ๔๗ (๑) (ซ) เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๖๔ (156) มาตรา ๔๗ (๑) (ซ) วรรคหนึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ฉบับที่ ๓๗๗ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ (157) มาตรา ๔๗ (๑) (ซ) แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ฉบับที่ ๓๗๗ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ (158) มาตรา ๔๗ (๑) (ฌ) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๒๗ (159) มาตรา ๔๗ (๑) (ญ) วรรคสอง เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๖๔ (160) มาตรา ๔๗ (๑) (ฎ) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๒๗ (161) มาตรา ๔๗ (๑) (ฏ) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๒๗ [162] มาตรา ๔๗ (๑) (๑) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๕) พ.ศ. ๒๕๖๒ [163] มาตรา ๔๗ (๒) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๕) พ.ศ. ๒๕๖๒ [164] มาตรา ๔๗ (๓) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๗) พ.ศ. ๒๕๖๔ [165] มาตรา ๔๗ (๔) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๗) พ.ศ. ๒๕๖๔ [166] มาตรา ๔๗ (๕) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๗) พ.ศ. ๒๕๖๔ [167] มาตรา ๔๗ (๖) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๙) พ.ศ. ๒๕๐๘ [168] มาตรา ๔๗ ทวิ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๖๒ [169] มาตรา ๔๘ วรรคหนึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๕) พ.ศ. ๒๕๕๙ [170] มาตรา ๔๘ ทวิ วรรคสี่ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๕) พ.ศ. ๒๕๕๙ [171] มาตรา ๔๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๕) พ.ศ. ๒๕๕๙ [172] มาตรา ๔๘ (๑) แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๐ ลงวันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๔ [173] มาตรา ๔๘ (๒) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๖๒ [174] มาตรา ๔๘ (๒) วรรคสี่ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๕) พ.ศ. ๒๕๕๙ [175] มาตรา ๔๘ (๒) วรรคสอง เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๖๒ [176] มาตรา ๔๘ (๓) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๔๒ [177] มาตรา ๔๘ (๓) วรรคสอง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๕) พ.ศ. ๒๕๕๙ (178) มาตรา ๔๔ (๔) เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๔ (179) มาตรา ๔๔ (๔) วรรคสอง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๒๙ (180) มาตรา ๔๔ (๔/๑) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๐) พ.ศ. ๒๕๔๘ (181) มาตรา ๔๔ (๔) เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๒๘ (182) มาตรา ๔๔ (๕) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๐) พ.ศ. ๒๕๔๘ (183) มาตรา ๔๔ (๖) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๐) พ.ศ. ๒๕๕๘ (184) มาตรา ๔๔ ทวิ แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๐ ลงวันที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๙ (185) มาตรา ๔๔ ทวิ วรรคสอง เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๓๔ (186) มาตรา ๔๔ ตรี ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๐) พ.ศ. ๒๕๔๘ (187) มาตรา ๔๔ ทวิแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๒๙ (188) มาตรา ๔๔ ทวิ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๘) พ.ศ. ๒๕๓๔ (189) มาตรา ๔๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๐) พ.ศ. ๒๕๕๘ (190) มาตรา ๔๔ (๑) วรรคสอง แก้ไขโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๒๘ (191) มาตรา ๔๔ (๑) วรรคสี่ เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๒๘ (192) มาตรา ๔๔ (๒) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๔) พ.ศ. ๒๕๒๖ (193) มาตรา ๔๔ (๒) เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๔) พ.ศ. ๒๕๒๖

มาตรา 60 (3) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2524

มาตรา 60 (4) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2524

มาตรา 60 (5) เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2524

มาตรา 60 (6) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2525

มาตรา 60 ทวิ เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2520

มาตรา 60 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2524

มาตรา 62 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2524

มาตรา 62 วรรคสอง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2524

มาตรา 62 ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2527

มาตรา 63 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2527

มาตรา 64 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2529

มาตรา 65 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2527

มาตรา 66 วรรคหนึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2530

มาตรา 66 ทวิ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2524

มาตรา 67 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2529

มาตรา 67 ทวิ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2524

(210) มาตรา 57 วรรคสอง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2527 (211) มาตรา 57 ตรี ยกเลิกโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2535 (212) มาตรา 58 อัตรา แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 25) พ.ศ. 2525 (213) มาตรา 58 เบญจ ยกเลิกโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2534 (214) มาตรา 59 ล เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2535 (215) มาตรา 59 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2487 (216) มาตรา 60 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2494 (217) มาตรา 60 ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2487 (218) มาตรา 60 ตรี แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2487 (219) มาตรา 60 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2533 (220) มาตรา 62 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 37) พ.ศ. 2544 (221) มาตรา 64 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2525 (222) มาตรา 65 วรรคสอง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2527 (223) มาตรา 65 วรรคสาม เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2527 (224) ตามคำสั่งกรมสรรพากรจำกัดและหักหนี้สินเฉพาะบุคคล ตามมาตรา 65 ตรี แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2527 (225) มาตรา 68 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2527

มาตรา ๒๕ ทวิ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๐๒

มาตรา ๒๕ ทวิ (๒) วรรคหนึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๒๕

มาตรา ๒๕ ทวิ (๓) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๓๔

มาตรา ๒๕ ทวิ (๔) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๕) พ.ศ. ๒๕๔๐

มาตรา ๒๕ ทวิ (๕) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๐) พ.ศ. ๒๕๔๒

มาตรา ๒๕ ทวิ (๖) ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๐) พ.ศ. ๒๕๔๒

มาตรา ๒๕ ทวิ (๗) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๓) พ.ศ. ๒๕๔๕

มาตรา ๒๕ ทวิ (๘) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๐) พ.ศ. ๒๕๕๘

มาตรา ๒๕ ทวิ (๙) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๒๒

มาตรา ๒๕ ทวิ (๑๐) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๒๒

มาตรา ๒๕ ทวิ (๑๑) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๒๒

มาตรา ๒๕ ทวิ (๑๒) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๒๒

มาตรา ๒๕ ทวิ (๑๓) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๒๒

มาตรา ๒๕ ทวิ (๑๔) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๒๕

มาตรา ๒๕ ทวิ (๑๕) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๕) พ.ศ. ๒๕๔๐

มาตรา ๒๕ ตรี เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๐๒

มาตรา ๒๕ ตรี (๑) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๔๐

มาตรา ๒๕ ตรี (๑) (ก) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๔๐

มาตรา ๙๕ ตรี (๒) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๔๕

มาตรา ๙๕ ตรี (๓) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๑) พ.ศ. ๒๕๕๙

มาตรา ๙๕ ตรี (๔) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๙๕ ตรี (๕) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๗) พ.ศ. ๒๕๖๓

มาตรา ๙๕ ตรี (๖ ทวิ) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๐) พ.ศ. ๒๕๖๔

มาตรา ๙๕ ตรี (๑๖) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๔๕

มาตรา ๙๕ ตรี (๑๗) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๔๕

มาตรา ๙๕ ตรี (๑๘) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๔๕

มาตรา ๙๕ ตรี (๑๙) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๔๕

มาตรา ๙๕ จัตวา เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๒) พ.ศ. ๒๕๖๕

มาตรา ๙๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๔๘

มาตรา ๙๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๕) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๙๗ ทวิ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๔๕

มาตรา ๙๗ ตรี แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๔๕

มาตรา ๙๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๔๘

มาตรา ๙๘ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๔๘

(258) มาตรา ๒๙๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๒๕ (259) มาตรา ๒๙๔ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๒๔ (260) มาตรา ๒๙๔ ตรี เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๕ (261) มาตรา ๓๑๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๒๔ (262) มาตรา ๓๑๐ วรรคหนึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๒๙ (263) มาตรา ๓๑๐ (๒) แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๐๐ ลงวันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๗ (264) มาตรา ๓๑๐ วรรคสอง เพิ่มโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๐๐ ลงวันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๗ (265) มาตรา ๓๑๐ ทวิ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๕ (266) มาตรา ๓๑๐ ตรี เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๐) พ.ศ. ๒๕๖๒ (267) มาตรา ๓๑๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๙๐ ลงวันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๐ (268) มาตรา ๓๑๐ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๗) พ.ศ. ๒๕๖๐ (269) มาตรา ๓๑๐ ตรี เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๗) พ.ศ. ๒๕๖๐ (270) มาตรา ๓๑๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๔ (271) มาตรา ๓๑๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๔ (272) มาตรา ๓๑๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๒๙ (273) มาตรา ๓๑๒ (๑) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๒๙ (274) มาตรา ๗๕ ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๕๔ (275) มาตรา ๗๖ ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๕๔ (276) มาตรา ๗๖ ทวิ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๔๕ (277) มาตรา ๗๖ ตรี เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๐) พ.ศ. ๒๕๖๒ (278) มาตรา ๗๖ จัตวา เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๐) พ.ศ. ๒๕๖๒ (279) มาตรา ๗๖ เบญจ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๐) พ.ศ. ๒๕๖๒ (280) มาตรา ๗๖ ฉ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๐) พ.ศ. ๒๕๖๒ (281) มาตรา ๗๖ สัตต เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๐) พ.ศ. ๒๕๖๒ (282) บัญชีอัตราภาษีเงินได้ (๑) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๒๓ (283) บัญชีอัตราภาษีเงินได้ (๑) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๕) พ.ศ. ๒๕๖๐ (284) บัญชีอัตราภาษีเงินได้ (๒) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๔๐ (285) บัญชีอัตราภาษีเงินได้ (๒) (ก) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๘) พ.ศ. ๒๕๔๕ (286) บัญชีอัตราภาษีเงินได้ (๒) (ข) ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๕๔ (287) มาตรา ๘ ตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๐) มาตรา ๗๖ มาตรา ๗๖ ตรี มาตรา ๗๖ จัตวา มาตรา ๗๖ เบญจ มาตรา ๗๖ ฉ และมาตรา ๗๖ สัตตา ให้ใช้บังคับสำหรับการคำนวณภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓ และให้ใช้บังคับสำหรับการคำนวณภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรอบระยะเวลาบัญชีคร่อมปี พ.ศ. ๒๕๖๓ เฉพาะสำหรับเงินได้และรายจ่ายที่เกิดขึ้นในรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป (288) มาตรา ๙๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๔๕ [289] มาตรา ๗๗/๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ [290] มาตรา ๗๗/๑ (๙) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๓) พ.ศ. ๒๕๔๖ [291] มาตรา ๗๗/๑ (๑๐/๑) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๓) พ.ศ. ๒๕๕๙ [292] มาตรา ๗๗/๑ (๑๐/๒) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๓) พ.ศ. ๒๕๕๙ [293] มาตรา ๗๗/๑ (๑๒) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๓) พ.ศ. ๒๕๔๖ [294] มาตรา ๗๗/๑ (๑๓) (ก) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๓) พ.ศ. ๒๕๔๖ [295] มาตรา ๗๗/๑ (๑๓) (ข) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๓) พ.ศ. ๒๕๔๖ [296] มาตรา ๗๗/๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๓) พ.ศ. ๒๕๔๖ [297] มาตรา ๗๗/๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๓) พ.ศ. ๒๕๔๖ [298] มาตรา ๗๗/๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ [299] มาตรา ๗๗/๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ [300] มาตรา ๗๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ [301] มาตรา ๗๘ (ข) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๓) พ.ศ. ๒๕๔๖ [302] มาตรา ๘๔/๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๓) พ.ศ. ๒๕๔๖ [303] มาตรา ๘๔/๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ [304] มาตรา ๘๔/๒ (ข) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๓) พ.ศ. ๒๕๔๖ (305) มาตรา ๗๗/๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (306) มาตรา ๗๗/๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (307) มาตรา ๗๗/๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (308) มาตรา ๗๗/๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (309) มาตรา ๗๗/๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (310) มาตรา ๗๗/๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (311) มาตรา ๗๗/๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (312) มาตรา ๗๗/๑๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (313) มาตรา ๗๗/๑๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (314) มาตรา ๘๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (315) มาตรา ๘๐/๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (316) มาตรา ๘๐/๑ (๒) วรรคสอง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๗) พ.ศ. ๒๕๔๔ (317) มาตรา ๘๐/๑ (๓) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (318) มาตรา ๘๐/๑ (๔) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (319) มาตรา ๘๐/๑ (๕) วรรคหนึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๗) พ.ศ. ๒๕๔๔ (320) มาตรา ๘๐/๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ ``` (321) มาตรา ๑๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (322) มาตรา ๑๘ (๒) (ข) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๕) พ.ศ. ๒๕๔๘ (323) มาตรา ๑๘/๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (324) มาตรา ๑๘/๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (325) มาตรา ๑๘/๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (326) มาตรา ๑๘/๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (327) มาตรา ๑๘/๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (328) มาตรา ๑๘/๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (329) มาตรา ๑๘/๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (330) มาตรา ๑๘/๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (331) มาตรา ๑๘/๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (332) มาตรา ๑๘/๑๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (333) มาตรา ๑๘/๑๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๕) พ.ศ. ๒๕๔๘ (334) มาตรา ๑๘/๑๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๕) พ.ศ. ๒๕๔๘ (335) มาตรา ๑๘/๑๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๕) พ.ศ. ๒๕๔๘ (336) มาตรา ๑๘/๑๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๕) พ.ศ. ๒๕๔๘ (337) มาตรา ๑๘/๑๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๕) พ.ศ. ๒๕๔๘ (338) มาตรา ๑๘/๑๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๕) พ.ศ. ๒๕๔๘ ``` [337] มาตรา ๓๐/๑๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๕ [338] มาตรา ๓๐/๑๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๕ [339] มาตรา ๓๐/๑๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๕ [340] มาตรา ๓๐/๑๔ วรรคสอง เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๕ [341] มาตรา ๓๐/๑๕ วรรคสาม เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๕ [342] มาตรา ๓๐/๑๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๕ [343] มาตรา ๓๐/๑๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๕ [344] มาตรา ๓๐/๑๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๕ [345] มาตรา ๓๐/๑๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๕ [346] มาตรา ๓๐/๒๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๕ [347] มาตรา ๓๐/๒๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๕ [348] มาตรา ๓๐/๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๕ [349] มาตรา ๓๐/๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๕ [350] มาตรา ๓๐/๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๕ [351] มาตรา ๓๐/๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๕ [352] มาตรา ๓๐/๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๕ (353) มาตรา 17/6 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2560 (354) มาตรา 17/7 วรรคหนึ่ง (2) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ. 2564 (355) มาตรา 17/7 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2560 (356) มาตรา 17/8 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2560 (357) มาตรา 17/9 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2560 (358) มาตรา 17/10 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2560 (359) มาตรา 18 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2560 (360) มาตรา 18/1 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2560 (361) มาตรา 18/2 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2560 (362) มาตรา 18/3 เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 37) พ.ศ. 2540 (363) มาตรา 18/4 เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 37) พ.ศ. 2540 (364) มาตรา 18/5 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2560 (365) มาตรา 18/6 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2560 (366) มาตรา 18/7 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2560 (367) มาตรา 18/8 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2560 (368) มาตรา 18/9 วรรคหนึ่ง (2) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ. 2564

มาตรา ๓๖๙/๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐๐) พ.ศ. ๒๕๔๙

มาตรา ๓๖๙/๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐๐) พ.ศ. ๒๕๔๙

มาตรา ๓๖๙/๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐๐) พ.ศ. ๒๕๔๙

มาตรา ๓๖๙/๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐๐) พ.ศ. ๒๕๔๙

มาตรา ๓๖๙/๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐๐) พ.ศ. ๒๕๔๙

มาตรา ๓๖๙/๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐๐) พ.ศ. ๒๕๔๙

มาตรา ๓๖๙/๑๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐๐) พ.ศ. ๒๕๔๙

มาตรา ๓๖๙/๑๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐๐) พ.ศ. ๒๕๔๙

มาตรา ๓๖๙/๑๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐๐) พ.ศ. ๒๕๔๙

มาตรา ๓๖๙/๑๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐๐) พ.ศ. ๒๕๔๙

มาตรา ๓๖๙/๑๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐๐) พ.ศ. ๒๕๔๙

มาตรา ๓๖๙/๑๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐๐) พ.ศ. ๒๕๔๙

มาตรา ๓๖๙/๑๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐๐) พ.ศ. ๒๕๔๙

มาตรา ๓๖๙/๑๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐๐) พ.ศ. ๒๕๔๙

มาตรา ๓๘๕/๖๐ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๓) พ.ศ. ๒๕๖๔

มาตรา ๓๘๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๕๘

มาตรา ๓๘๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๕๘

มาตรา ๓๘๘/๑ (๑)/(๑) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๕) พ.ศ. ๒๕๖๐

มาตรา ๓๘๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๕๘

มาตรา ๓๙๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๕๘

มาตรา ๓๙๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๕๘

มาตรา ๓๙๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๕๘

มาตรา ๓๙๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๕๘

มาตรา ๓๙๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๕๘

มาตรา ๓๙๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๕๘

มาตรา ๓๙๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๕๘

มาตรา ๓๙๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๕๘

มาตรา ๓๙๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๕๘

มาตรา ๓๙๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๕๘

มาตรา ๔๐๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๕๘

(401) มาตรา ๘๗/๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (402) มาตรา ๘๗/๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (403) มาตรา ๘๗/๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (404) มาตรา ๘๗/๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (405) มาตรา ๘๗/๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (406) มาตรา ๘๗/๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (407) มาตรา ๘๗/๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (408) มาตรา ๘๗/๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (409) มาตรา ๘๗/๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (410) มาตรา ๘๗/๑๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (411) มาตรา ๘๗/๑๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (412) มาตรา ๘๗/๑๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (413) มาตรา ๘๗/๑๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (414) มาตรา ๘๗/๑๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (415) มาตรา ๘๗/๑๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (416) มาตรา ๘๗/๑๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (417) มาตรา 70/1 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2544 (418) มาตรา 70/2 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2544 (419) มาตรา 70/3 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2544 (420) มาตรา 70/4 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2544 (421) มาตรา 70/5 (1) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 40) พ.ศ. 2544 (422) มาตรา 70/5 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร กฎหมายที่เกี่ยวกับความรับผิดในทางอาญาของผู้แทนนิติบุคคล พ.ศ. 2560 (423) บัญชีอัตราภาษีการค้า ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2544 (424) หมวด 2 สาระสำคัญของพระ มาตรา 70 ถึง มาตรา 70/20 เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2544 (หมายเหตุ สารบัญ (เดิม) มาตรา 70 ถึง มาตรา 101 ถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัติฉบับที่ 30 พ.ศ. 2544) (425) มาตรา 70 เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2544 (426) มาตรา 70/1 เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2544 (427) มาตรา 70/2 เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2544 (428) มาตรา 70/2 (1) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2544 (429) มาตรา 70/3 เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2544 (430) มาตรา 70/4 เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2544 (431) มาตรา 70/5 เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2544 (432) มาตรา 70/5 (3) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2544

มาตรา ๗๐/๖ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔

มาตรา ๗๐/๗ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔

มาตรา ๗๐/๘ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔

มาตรา ๗๐/๙ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔

มาตรา ๗๐/๑๐ วรรคสาม เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๗) พ.ศ. ๒๕๔๐

มาตรา ๗๐/๑๑ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔

มาตรา ๗๐/๑๒ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔

มาตรา ๗๐/๑๓ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔

มาตรา ๗๐/๑๔ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔

มาตรา ๗๐/๑๕ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔

มาตรา ๗๐/๑๖ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔

มาตรา ๗๐/๑๗ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔

มาตรา ๗๐/๑๘ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔

มาตรา ๗๐/๑๙ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔

มาตรา ๗๐/๒๐ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔

มาตรา ๗๐/๒๑ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔

มาตรา ๗๐/๒๒ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔

มาตรา ๗๐/๒๓ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔

มาตรา ๗๐/๒๔ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔

มาตรา ๗๐/๒๕ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔

(449) มาตรา ๑๘/๑๘ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔ (450) มาตรา ๑๘/๑๙ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔ (451) มาตรา ๑๘/๒๐ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔ (452) มาตรา ๑๘/๒๑ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔ (453) มาตรา ๙๙ ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔ (454) หมวด ๕ ลักษณะ ๒ ภาษีป้าย มาตรา ๙๗ ถึง มาตรา ๑๐๖ ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. ๒๕๑๐ (455) มาตรา ๙๗ ถึง มาตรา ๑๐๖ และบัญชีอัตราภาษีป้าย ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. ๒๕๑๐ (456) มาตรา ๑๐๑ นิยามคำว่า “แสดงปี” แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๔๕ (457) มาตรา ๑๐๒ นิยามคำว่า “ชื่อย่อ” แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พุทธศักราช ๒๕๔๕ (458) มาตรา ๑๐๓ นิยามคำว่า “วันแสดงปีปัจจุบัน” แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๔๕ (459) มาตรา ๑๐๓ นิยามคำว่า “วันแสดงปีปัจจุบัน” แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๔๕ (460) มาตรา ๑๐๗ นิยามคำว่า “นายตรวจ” เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร พุทธศักราช ๒๕๔๒ (461) มาตรา ๑๐๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๔๕ (462) มาตรา ๑๐๘ ทวิ แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๐ ลงวันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๔ (463) มาตรา ๑๐๘ วรรคหนึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๐ (464) มาตรา ๑๐๘ ทวิ วรรคสาม (๑) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔

มาตรา ๑๐๔ ตรี แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔

มาตรา ๑๐๔ จัตวา แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๔๔

มาตรา ๑๑๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๒๖

มาตรา ๑๑๑ ทวิ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๗

มาตรา ๑๑๑ ตรี แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๗

มาตรา ๑๑๑ จัตวา ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๓๒

มาตรา ๑๑๑ เบญจ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๓๒

มาตรา ๑๑๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๒๖

มาตรา ๑๑๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๒๖

มาตรา ๑๑๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๒๖

มาตรา ๑๑๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๒๖

มาตรา ๑๑๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๒๖

มาตรา ๑๑๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๒๖

มาตรา ๑๑๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๒๖

มาตรา ๑๑๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๒๖

มาตรา ๑๒๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๒๖

มาตรา ๑๒๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๒๖

มาตรา ๑๒๒ หก แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๒๖

มาตรา ๑๒๓ ตรี เพิ่มโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๒๐

มาตรา ๑๒๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๓๒

มาตรา ๑๒๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๓๒

มาตรา ๑๒๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๓๒

(481) มาตรา 127 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2562 (482) มาตรา 127 ตรี เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2562 (483) มาตรา 128 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2562 (484) มาตรา 129 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2494 (485) บัญชีอัตราการแสดงปัง หมวด 3 อักษรละ 2 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2545 (486) บัญชีอัตราการแสดงปัง ง. แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2545 (487) บัญชีอัตราการแสดงปัง ข. แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2545 (488) บัญชีอัตราการแสดงปัง ค. แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2545 (489) บัญชีอัตราการแสดงปัง ด. แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2545 (490) บัญชีอัตราการแสดงปัง ฉ. แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2545 (491) บัญชีอัตราการแสดงปัง ซ. แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2545 (492) บัญชีอัตราการแสดงปัง ช. แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2545 (493) บัญชีอัตราการแสดงปัง ญ. แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2545 (494) บัญชีอัตราการแสดงปัง ฎ. แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2545 (495) บัญชีอัตราการแสดงปัง ฏ. แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2545 (496) บัญชีอัตราการแสดงปัง 11. (1) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2545 (497) บัญชีอัตรากานแสดงปี 12. แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมาณ รัฐจาร (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2562 (498) บัญชีอัตรากานแสดงปี 13. แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมาณ รัฐจาร (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2562 (499) บัญชีอัตรากานแสดงปี 14. แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมาณ รัฐจาร (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2562 (500) บัญชีอัตรากานแสดงปี 15. แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมาณ รัฐจาร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2565 (501) บัญชีอัตรากานแสดงปี 16. แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมาณ รัฐจาร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2565 (502) บัญชีอัตรากานแสดงปี 17. แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมาณ รัฐจาร (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2562 (503) บัญชีอัตรากานแสดงปี 18. แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมาณ รัฐจาร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2565 (504) บัญชีอัตรากานแสดงปี 19. แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมาณ รัฐจาร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2565 (505) บัญชีอัตรากานแสดงปี 20. แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมาณ รัฐจาร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2565 (506) บัญชีอัตรากานแสดงปี 21. แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมาณ รัฐจาร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2565 (507) บัญชีอัตรากานแสดงปี 22. แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมาณ รัฐจาร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2565 (508) บัญชีอัตรากานแสดงปี 23. แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมาณ รัฐจาร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2565 (509) บัญชีอัตรากานแสดงปี 24. แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมาณ รัฐจาร (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2562 (510) บัญชีอัตรากานแสดงปี 25. แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมาณ รัฐจาร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2565 (511) บัญชีอัตรากานแสดงปี 26. แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมาณ รัฐจาร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2565 (512) บัญชีอัตรากานแสดงปี 27. แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมาณ รัฐจาร (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2562 (513) บัญชีอัตรากำลังพลแสดงปี ๒๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมาณ รัฐจาร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๒๕ (514) บัญชีอัตรากำลังพลแสดงปี ๒๖ ยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราช บัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมาณรัฐจาร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๒๕ (515) บัญชีอัตรากำลังพลแสดงปี ๒๙ ยกเลิกโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมาณ รัฐจาร (ฉบับที่ ๑๘) พ.ศ. ๒๕๒๗ (516) บัญชีอัตรากำลังพลแสดงปี ๓๐ ยกเลิกโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมาณ รัฐจาร (ฉบับที่ ๑๘) พ.ศ. ๒๕๒๗ (517) หมวด ๗ ลักษณะ ๒ อากรพิเศษ มาตรา ๑๓๐ ถึง มาตรา ๑๓๘ ยกเลิกโดยพระราช กำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมาณรัฐจาร (ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ. ๒๕๒๗ (518) มาตรา ๑๓๐ ถึง มาตรา ๑๓๘ มาตรา ๑๓๐ ถึง มาตรา ๑๓๘ ยกเลิกโดยพระราช กำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมาณรัฐจาร (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๒๗ ยกเลิกโดยพระราช กำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมาณรัฐจาร (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๒๗ (519) ลักษณะ ๓ การบริหารราชการท้องที่ มาตรา ๑๔๘ ถึง มาตรา ๑๖๖ ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติ การปกครองท้องที่ พ.ศ. ๒๕๐๕ (520) มาตรา ๑๔๘ ถึง มาตรา ๑๖๖ ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติการปกครองท้องที่ พ.ศ. ๒๕๐๕ (521) หมวด ๔ ลักษณะ ๔ การศึกษาระดับอุดมศึกษา มาตรา ๑๘๐ ถึง มาตรา ๑๘๗ ยกเลิก โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมาณรัฐจาร (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๔๔ (522) มาตรา ๑๘๐ ถึง มาตรา ๑๘๗ ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมาณ รัฐจาร (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๔๔ (523) หมวด ๗ ลักษณะ ๔ การทำธุรสิโลกคันต์ มาตรา ๑๙๖ ถึง มาตรา ๑๙๙ หรือ ยกเลิก โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมาณรัฐจาร (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๔๘ (524) มาตรา ๑๙๖ ถึง มาตรา ๑๙๙ หรือ ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมาณ รัฐจาร (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๔๘ (525) หมวด ๗ ลักษณะ ๕ การทำธุรสื่อชั้นนำ มาตรา ๒๐๐ ถึง มาตรา ๒๐๖ ยกเลิกโดยพระ ราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมาณรัฐจาร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (526) มาตรา ๒๐๐ ถึง มาตรา ๒๐๖ ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมาณ รัฐจาร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (527) หมวด ๗ ลักษณะ ๖ การทำธุรสื่อชั้นนำ มาตรา ๒๐๗ ถึง มาตรา ๒๑๐ ยกเลิกโดย พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมาณรัฐจาร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ (528) มาตรา ๒๐๗ ถึง มาตรา ๒๑๐ ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมาณ รัฐจาร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๔๔ [529] หมวด 7 ลักษณะ 7 ฐานะโรงแรมสวัสดิการ มาตรา 248 ถึง มาตรา 262 ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 [530] มาตรา 248 ถึง มาตรา 262 ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 [531] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 70/-/หน้า 145/6 พฤศจิกายน 2496 [532] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 45/-/หน้า 4/9 มกราคม 2468 [533] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 45/ตอนที่ 2/หน้า 22/9 มกราคม 2468 [534] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 45/ตอนที่ 16/หน้า 131/13 ตุลาคม 2468 [535] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 45/ตอนที่ 27/หน้า 154/30 ธันวาคม 2468 [536] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 46/ตอนที่ 27/หน้า 72/12 สิงหาคม 2469 [537] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 46/ตอนที่ 34/หน้า 78/2 กันยายน 2469 [538] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 46/ตอนที่ 50/หน้า 154/19 เมษายน 2470 [539] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 47/ตอนที่ 12/หน้า 62/29 มีนาคม 2471 [540] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 47/ตอนที่ 18/ฉบับพิเศษ หน้า 9/9 กุมภาพันธ์ 2472 [541] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 47/ตอนที่ 19/หน้า 26/19 กุมภาพันธ์ 2472 [542] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 50/ตอนที่ 48/หน้า 145/12 ตุลาคม 2476 [543] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 54/ตอนที่ 27/ฉบับพิเศษ หน้า 9/9 เมษายน 2480 [544] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 54/ตอนที่ 30/ฉบับพิเศษ หน้า 9/14 เมษายน 2480 [545] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 54/ตอนที่ 69/ฉบับพิเศษ หน้า 9/14 เมษายน 2480 [546] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 54/ตอนที่ 76/หน้า 9/1 ตุลาคม 2480 [547] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 54/ตอนที่ 77/ฉบับพิเศษ หน้า 9/4 มิถุนายน 2480 [548] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 54/ตอนที่ 78/ฉบับพิเศษ หน้า 9/4 มิถุนายน 2480 [549] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 54/ตอนที่ 79/ฉบับพิเศษ หน้า 9/4 มิถุนายน 2480 [550] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 54/ตอนที่ 80/ฉบับพิเศษ หน้า 9/4 มิถุนายน 2480 [551] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 54/ตอนที่ 81/ฉบับพิเศษ หน้า 9/10 สิงหาคม 2480 [552] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 54/ตอนที่ 82/ฉบับพิเศษ หน้า 9/6 ธันวาคม 2480 [553] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 54/ตอนที่ 83/ฉบับพิเศษ หน้า 9/23 พฤศจิกายน 2480 รายกิจจานุเบกษา เล่ม ๗๕/ตอนที่ ๕๔/ฉบับพิเศษ หน้า ๒๖/๓๐ มิถุนายน ๒๕๒๑ รายกิจจานุเบกษา เล่ม ๗๕/ตอนที่ ๕๐/หน้า ๕๔๕/๒๕ สิงหาคม ๒๕๒๑ รายกิจจานุเบกษา เล่ม ๗๕/ตอนที่ ๗๓/ฉบับพิเศษ หน้า ๗/๗ ตุลาคม ๒๕๒๑ รายกิจจานุเบกษา เล่ม ๗๕/ตอนที่ ๘๔/ฉบับพิเศษ หน้า ๑/๑ มิถุนายน ๒๕๒๕ รายกิจจานุเบกษา เล่ม ๗๕/ตอนที่ ๑๓๗/ฉบับพิเศษ หน้า ๑/๑๔ กันยายน ๒๕๒๕ รายกิจจานุเบกษา เล่ม ๗๕/ตอนที่ ๑๖๒/หน้า ๑๙๕/๑๙ ธันวาคม ๒๕๒๕ รายกิจจานุเบกษา เล่ม ๗๕/ตอนที่ ๑๖๑/หน้า ๗๖๕/๑๘ ธันวาคม ๒๕๒๖ รายกิจจานุเบกษา เล่ม ๗๕/ตอนที่ ๒๕/หน้า ๙๕/๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๗ รายกิจจานุเบกษา เล่ม ๗๕/ตอนที่ ๒๖/หน้า ๑๐๑/๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๗ รายกิจจานุเบกษา เล่ม ๗๕/ตอนที่ ๒๖๒/ฉบับพิเศษ หน้า ๑/๑๙ ธันวาคม ๒๕๒๗ รายกิจจานุเบกษา เล่ม ๗๕/ตอนที่ ๖๔/ฉบับพิเศษ หน้า ๑/๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๘ รายกิจจานุเบกษา เล่ม ๗๕/ตอนที่ ๖๕/ฉบับพิเศษ หน้า ๙/๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๘ รายกิจจานุเบกษา เล่ม ๗๕/ตอนที่ ๖๐/ฉบับพิเศษ หน้า ๑/๑๖ พฤษภาคม ๒๕๒๘ รายกิจจานุเบกษา เล่ม ๗๕/ตอนที่ ๖๔/ฉบับพิเศษ หน้า ๑/๑ พฤศจิกายน ๒๕๒๘ ๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒