พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นปีที่ ๓ ในรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๓๔ และมาตรา ๓๗ แห่งรัฐธรรมนูญ บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เหตุผลและความจำเป็นในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ เพื่อให้การพิจารณาและวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญมีประสิทธิภาพอันเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ สอดคล้องกับเงื่อนไขในบัญญัติไว้ในมาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้
คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๐/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๘ เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาการดําเนินงานของผู้บริหารท้องถิ่นหรือองค์กรอิสระตาม รัฐธรรมนูญ เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับคํารัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๓/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๒๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๘ เรื่อง ให้หัวหน้าครูศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญดํารงตําแหน่งตามคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๐/๒๕๕๘
“ศาล” หมายความว่า ศาลรัฐธรรมนูญ หรือคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แล้วแต่กรณี “ตุลาการ” หมายความว่า ประธานศาลรัฐธรรมนูญ หรือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แล้วแต่กรณี “คดี” หมายความว่า กระบวนพิจารณาในชั้นศาลที่เกี่ยวกับคดีหรือหนังสือคดีตาม เพื่อขอให้พิจารณาวินิจฉัย “คําร้อง” หมายความว่า คําร้องที่ยื่นต่อศาลเพื่อขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัย “คู่กรณี” หมายความว่า ผู้ร้องหรือผู้ถูกร้อง และให้รวมถึงผู้มีสิทธิหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการดําเนินคดีด้วย “ข้อร้อง” หมายความว่า ผู้มีสิทธิหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการดําเนินคดีตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ “ผู้ปฏิบัติงาน” หมายความว่า บุคคลที่ปฏิบัติงานในศาลหรือเกี่ยวข้องกับการดําเนินงานของศาลที่เกี่ยวข้องกับคดีหรือหนังสือคดี “เจ้าหน้าที่ของศาล” หมายความว่า หน่วยงาน คณะบุคคล หรือบุคคลที่ปฏิบัติงานในศาล และพระราชบัญญัตินี้ประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับคดีหรือหนังสือคดีโดยตุลาการ หรือโดยศาล หรือตามคําสั่งศาล ไม่ว่าการนั้นจะเป็นโดยตุลาการมีอํานาจหน้าที่ตามคําสั่งศาล หรือคําสั่งต่อไปโดยฝ่ายหนึ่ง หรือการกระทําของตุลาการมีผลโดยฝ่ายหนึ่งหรือทุกฝ่าย รวมถึงการสั่งคําร้องและเอกสารอื่น ๆ การพิจารณาคดี และการลงมติ ตลอดจนการปฏิบัติตามหน้าที่และอํานาจตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ และกฎหมายอื่น “การพิจารณาคดี” หมายความว่า การดําเนินกระบวนพิจารณาคดี รวมถึงการให้ความ การประชุมในศาลเพื่อพิจารณาคดีและข้อร้อง หรือการเริ่มพิจารณา “การวินิจฉัยคดี” หมายความว่า การที่ศาลออกคําสั่งเกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาคดี โดยตุลาการมีมติชี้ขาดอยู่ต่อหน้าศาล
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา - ๓ - สารสนเทศ หรือระบบ หรือวิธีการอื่นใดที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก เป็นการดำเนินการโดยขอพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้นๆ ในกรณีที่มีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญให้กำหนดให้คณะหรือเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่รับผิดชอบงานธุรการของศาลล้มละลายกลางหรือสิ่งอื่นใดเป็นผู้เกี่ยวกับการพิจารณาคดี ถ้าไม่ได้กำหนดวิธีการไว้เป็นการเฉพาะ ให้คณะหรือเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่รับผิดชอบงานธุรการของศาลกำหนดโดยคำสั่งเป็นรายกรณี ประเทศ หรือองค์กรระหว่างประเทศ และให้ดำเนินการประกาศในราชกิจจานุเบกษา และให้ถือเป็นการประกาศตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้นๆ ทั้งนี้ ถ้าระเบียบ ประเทศ หรือคำสั่งใดมีการกำหนดขั้นตอนการดำเนินงานไว้ ศาลหรือเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่รับผิดชอบงานธุรการของศาลต้องกำหนดระยะเวลาการดำเนินงานในแต่ละขั้นตอนให้ชัดเจนด้วย
การออกคำสั่งกำหนด ระเบียบ หรือประกาศของศาล ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการรัฐธรรมนูญ และเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
คดีเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมายหรือร่างกฎหมาย
คดีเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรอิสระ
คดีเกี่ยวกับการร้องขอให้ศาลการตัดสินการกระทำที่ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
คดีเกี่ยวกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
คดีเกี่ยวกับพระราชบัญญัติหรือข้อบังคับของหน่วยงานของรัฐที่ไม่ได้รับประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๐ หน้าที่ของรัฐ
คดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกทางของสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา
คดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกทางของสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาที่ไม่เป็นไปตามหลักการของรัฐธรรมนูญ
คดีเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือคณะรัฐมนตรีที่ไม่เป็นไปตามหลักการของรัฐธรรมนูญ
คดีเกี่ยวกับการตรวจสอบข้อเสนอรัฐธรรมนูญของรัฐสภา หรือข้อเสนอรัฐธรรมนูญของผู้แทนราษฎร ร่างข้อเสนอรัฐธรรมนูญของรัฐสภา และร่างข้อเสนอรัฐธรรมนูญ
คดีเกี่ยวกับการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ
คดีเกี่ยวกับหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา
คดีที่ผู้ถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ร้องขอการคุ้มครองหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ
คดีเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม
คดีอื่นที่รัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายอื่นกำหนดให้อยู่ในเขตอำนาจของศาล
องค์ประกอบของศาล
ผู้พิพากษาในศาลฎีกาซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกามาแล้วไม่น้อยกว่าสามปี ซึ่งได้รับการเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา จำนวนสามคน
ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าตุลาการศาลปกครองสูงสุดมาแล้วไม่น้อยกว่าสามปี ซึ่งได้รับการเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด จำนวนสองคน
ผู้ทรงคุณวุฒิทางนิติศาสตร์หรือรัฐศาสตร์ซึ่งดำรงตำแหน่งหรือเคยดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยในประเทศไทยมาแล้วไม่น้อยกว่าสิบปี และยังมีผลงานทางวิชาการเป็นที่ประจักษ์ จำนวนสองคน
ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมีประสบการณ์ทางวิชาการทางรัฐธรรมนูญในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้อำนวยการหรือเทียบเท่ามาแล้วไม่น้อยกว่าสิบปี หรือดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้อำนวยการมาแล้วไม่น้อยกว่าสิบปี จำนวนสองคน ในกรณีเมื่อเวลาเลือกผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกามาแล้ว (๑) ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจะเลือกบุคคลตามผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกามาแล้วไม่น้อยกว่าสามปีได้ การบริหารระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นครั้งหนึ่งที่ได้รับการเลือกหรือสมัครเข้ารับการสรรหา แต่ในกรณี ในกรณีเมื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์แล้ว คณะกรรมการสรรหาจะต้องพิจารณาและเสนอรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิตามตำแหน่งดังกล่าวต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาแต่งตั้ง
มีสัญชาติไทยโดยการเกิด
มีอายุไม่ต่ำกว่าสี่สิบห้าปีบริบูรณ์ในวันสมัครเข้ารับการสรรหา
สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า
มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
มีสุขภาพที่สามารถปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เป็นโรคเรื้อนในระยะติดต่อหรือในระยะที่ปรากฏอาการเป็นที่รังเกียจแก่สังคม
ติดยาเสพติดให้โทษ
เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
เป็นข้าราชการอยู่ในตำแหน่งการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น
เป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช
อยู่ในระหว่างถูกพักถอนสิทธิเลือกตั้งหรือถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่
วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
อยู่ในระหว่างกระบวนการใช้สิทธิอุทธรณ์หรือฎีกาในคดีที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของ สิทธิแผ่นดินหรือรัฐ
ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและคุณสมบัติยังไม่กลับคืนตามที่กฎหมายกำหนด
เคยถูกสั่งให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่าเป็นการกระทำที่ ทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ
เคยต้องคำพิพากษาให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติที่ไม่สามารถ พิสูจน์ได้ว่ามิได้เกิดจากการทุจริต หรือเคยถูกคำพิพากษาให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะทำให้เกิดความเสียหาย แก่รัฐโดยทุจริต หรือเคยถูกคำพิพากษาให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติที่ไม่สามารถ พิสูจน์ได้ว่ามิได้เกิดจากการทุจริต
เคยต้องคำพิพากษาให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติที่ไม่สามารถ พิสูจน์ได้ว่ามิได้เกิดจากการทุจริต หรือเคยถูกคำพิพากษาให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะทำให้เกิดความเสียหาย แก่รัฐโดยทุจริต หรือเคยถูกคำพิพากษาให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติที่ไม่สามารถ พิสูจน์ได้ว่ามิได้เกิดจากการทุจริต
อยู่ในระหว่างต้องห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามที่กฎหมายกำหนด
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือเคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลวินิจฉัยว่ากระทำการอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ข้าราชการการเมือง หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นในระยะสิบปีก่อนเข้ารับการคัดเลือกหรือสรรหา
เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกหรือผู้ดำรงตำแหน่งอื่นในพรรคการเมืองในระยะสิบปีก่อนเข้ารับการคัดเลือกหรือสรรหา
เป็นเจ้าของหรือผู้มีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ
เป็นผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระอื่นที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน หรือกรรมการหรือผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ หรือรัฐพาณิชย์
เป็นผู้ดำรงตำแหน่งในคณะผู้บริหารห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือองค์กรที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน หรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใด
เป็นผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ
มีพฤติการณ์อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ร้ายแรง
ประธานศาลฎีกา เป็นประธานกรรมการ
ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นกรรมการ
บุคคลซึ่งที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเลือกจากผู้แทนสาธารณชน เป็นกรรมการ
บุคคลซึ่งที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดเลือกจากผู้แทนสาธารณชน เป็นกรรมการ บุคคลซึ่งที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาและที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดเลือกตาม (๓) และ (๔) และไม่เคยเป็นและต้องห้ามมิให้เป็นบุคคลตามมาตรา ๕ (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) (๙) (๑๐) (๑๑) (๑๒) (๑๓) (๑๔) (๑๕) (๑๖) (๑๗) (๑๘) (๑๙) (๒๐) และ (๒๑) ให้เลขาธิการศาลยุติธรรมเป็นเลขานุการของคณะกรรมการสรรหา และให้สำนักงานเลขาธิการศาลยุติธรรมปฏิบัติหน้าที่เป็นหน่วยธุรการของคณะกรรมการสรรหา ในการดำเนินการแต่งตั้งบุคคลตาม (๒) ให้องค์กรอิสระดำเนินการเสนอชื่อบุคคลซึ่งองค์กรนั้นแต่งตั้งเป็นกรรมการสรรหาในส่วนอื่นนับแต่วันที่มีการแต่งตั้งบุคคลดังกล่าว โดยให้องค์กรอิสระดังกล่าวมีมติเอกฉันท์ ซึ่งถือว่าผู้ได้รับการแต่งตั้งในกรณีดังกล่าวและผู้จะได้รับการคัดเลือกเป็นกรรมการสรรหาต้องได้รับคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งหมดที่มีอยู่ของกรรมการองค์กรอิสระนั้น ให้เสนอชื่อบุคคลโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในกรณีที่มีผู้ได้รับการเสนอชื่อไม่ถึงจำนวนที่กำหนด ให้เสนอใหม่ในกรณีที่มีผู้ได้รับการเสนอชื่อไม่ถึงจำนวนที่กำหนด ให้เสนอใหม่ในกรณีที่มีผู้ได้รับการเสนอชื่อไม่ถึงจำนวนที่กำหนด ให้เสนอใหม่ในกรณีที่มีผู้ได้รับการเสนอชื่อไม่ถึงจำนวนที่กำหนด ให้เสนอใหม่ในกรณีที่มีผู้ได้รับการเสนอชื่อไม่ถึงจำนวนที่กำหนด ให้เสนอใหม่ในกรณีที่มีผู้ได้รับการเสนอชื่อไม่ถึงจำนวนที่กำหนด ให้เสนอใหม่ในกรณีที่มีผู้ได้รับการเสนอชื่อไม่ถึงจำนวนที่กำหนด ให้เสนอใหม่ในกรณีที่มีผู้ได้รับการเสนอชื่อไม่ถึงจำนวนที่กำหนด ให้เสนอใหม่ในกรณีที่มีผู้ได้รับการเสนอชื่อไม่ถึงจำนวนที่กำหนด ให้เสนอใหม่ในกรณีที่มีผู้ได้รับการเสนอชื่อไม่ถึงจำนวนที่กำหนด ให้เสนอใหม่ในกรณีที่มีผู้ได้รับการเสนอชื่อไม่ถึงจำนวนที่กำหนด ให้เสนอใหม่ในกรณีที่มีผู้ได้รับการเสนอชื่อไม่ถึงจำนวนที่กำหนด ให้คณะกรรมการสรรหาที่มีอยู่ปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจไปพลางก่อนได้ โดยในระหว่างนั้นให้ถือว่าคณะกรรมการสรรหาเป็นคณะกรรมการสรรหาที่มีอยู่ ให้กรรมการสรรหาตาม (4) อยู่ในวาระการดำรงตำแหน่งจำนวนหนึ่งปีกรณีที่ต้องสรรหาคณะกรรมการใหม่ แต่ในกรณีการสรรหาใหม่หรือการสรรหาเพิ่มเติมตามมาตรา (4) วรรคหก วรรคเจ็ด และวรรคสิบ และมาตรา (8) และให้กรรมการสรรหาดำรงตำแหน่งตามที่แต่งตั้งจนกว่าจะครบเมื่อพ้น ตำแหน่ง ออกตามวาระตามที่กำหนดไว้ หรือสิ้นสภาพด้วยเหตุอื่น ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการสรรหาตาม (4) แล้ว จะเป็นกรรมการสรรหาในคณะกรรมการสรรหาสำหรับองค์กรอิสระในขณะเดียวกันไม่ได้ ให้ประธานกรรมการสรรหา และกรรมการสรรหาเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
ให้คณะกรรมการสรรหาดำเนินการสรรหาผู้สมัครที่มีความเหมาะสมตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 11 และมาตรา 12 และให้คณะกรรมการสรรหาดำเนินการสรรหาผู้สมัครที่มีความเหมาะสมตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 11 และมาตรา 12 และให้คณะกรรมการสรรหาดำเนินการสรรหาผู้สมัครที่มีความเหมาะสมตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 11 และมาตรา 12 และให้คณะกรรมการสรรหาดำเนินการสรรหาผู้สมัครที่มีความเหมาะสมตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 11 และมาตรา 12 และให้คณะกรรมการสรรหาดำเนินการสรรหาผู้สมัครที่มีความเหมาะสมตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 11 และมาตรา 12 และให้คณะกรรมการสรรหาดำเนินการสรรหาผู้สมัครที่มีความเหมาะสมตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 11 และมาตรา 12 และให้คณะกรรมการสรรหาดำเนินการสรรหาผู้สมัครที่มีความเหมาะสมตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 11 และมาตรา 12 และให้คณะกรรมการสรรหาดำเนินการสรรหาผู้สมัครที่มีความเหมาะสมตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 11 และมาตรา 12 และให้คณะกรรมการสรรหาดำเนินการสรรหาผู้สมัครที่มีความเหมาะสมตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 11 และมาตรา 12 และให้คณะกรรมการสรรหาดำเนินการสรรหาผู้สมัครที่มีความเหมาะสมตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 11 และมาตรา 12 และให้คณะกรรมการสรรหาดำเนินการสรรหาผู้สมัครที่มีความเหมาะสมตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 11 และมาตรา 12 และให้คณะกรรมการสรรหาดำเนินการสรรหาผู้สมัครที่มีความเหมาะสมตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 11 และมาตรา 12 และให้คณะกรรมการสรรหาดำเนินการสรรหาผู้สมัครที่มีความเหมาะสมตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 11 และมาตรา 12 และให้คณะกรรมการสรรหาดำเนินการสรรหาผู้สมัครที่มีความเหมาะสมตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 11 และมาตรา 12 และให้คณะกรรมการสรรหาดำเนินการสรรหาผู้สมัครที่มีความเหมาะสมตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 11 และมาตรา 12 ให้ความเห็นชอบ โดยผู้ได้รับการสรรหาหรือคัดเลือกนั้นต้องได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา ในการนี้ผู้สมัครสภาไม่ให้ความเห็นชอบผู้ได้รับการสรรหาหรือคัดเลือกไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ให้ส่งรายชื่อกลับไปยังคณะกรรมการสรรหา ที่ประธานผู้พิพากษาศาลฎีกา หรือประธานศาลปกครองสูงสุด แล้วแต่กรณี พร้อมด้วยเหตุผลเพื่อให้ดำเนินการสรรหาหรือคัดเลือกใหม่ โดยให้คณะกรรมการสรรหาหรือคัดเลือกดำเนินการสรรหาหรือคัดเลือกเพิ่มเติมให้ครบตามจำนวนที่ต้องสรรหาหรือคัดเลือกต่อไป โดยผู้สมัครไม่ให้ความเห็นชอบจากวุฒิสภาในครั้งแรก จะเข้ารับการสรรหาหรือคัดเลือกในครั้งใหม่ไม่ได้ เมื่อมีผู้ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาแล้ว หากเป็นกรณีประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ้นจากตำแหน่งด้วย ให้ผู้ได้รับความเห็นชอบประชุมร่วมกับตุลาการศาลปกครองสูงสุด เพื่อเลือกกันเองให้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ และส่งผลให้ประธานศาลมีการทำงาน ในกรณีนี้ผู้ที่วุฒิสภาไม่เห็นชอบจะไม่ได้เข้าร่วมงานที่ต้องสรรหาหรือคัดเลือก แต่ถือรวมกับบุคคลซึ่งยังดำรงตำแหน่งอยู่ อีกสามี สมาชิกที่เหลือ ให้ดำเนินการประชุมเพื่อเลือกประธานศาลรัฐธรรมนูญใหม่ และส่งไปให้ประธานศาลปกครองสูงสุดแต่งตั้ง ให้คณะกรรมการสรรหาหรือคัดเลือกดำเนินการสรรหาหรือคัดเลือกใหม่ต่อไป โดยประธานศาลปกครองสูงสุดแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่อไป
การเสนอเรื่องเพื่อให้คณะกรรมการสรรหาวินิจฉัยตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการสรรหากำหนด การวินิจฉัยให้ถือเป็นที่สุดโดยพลัน ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของกรรมการสรรหา ให้สอบถามคณะสูงสุดที่มีผู้มีอำนาจเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวเป็นผู้ดำเนินการเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ ไม่กระทบต่อการดำเนินการใดที่คณะกรรมการสรรหาดำเนินการไปก่อนแล้วตามข้อวินิจฉัย
ที่มาประชุมในอัตราไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของประธานกรรมการหรือกรรมการในคณะกรรมการ ข้าราชการรัฐสภาตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการรัฐสภาได้รับในแต่ละเดือน แล้วแต่กรณี
หลักฐานตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด
กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด
มีอายุครบห้าสิบห้าปี ในการคำนวณอายุงานเพื่อขอรับบำเหน็จบำนาญ ให้ถือว่าครบปีเมื่อครบตามเดือนตามมาตรา ๒๔ คุณด้วยจำนวนปีที่ดำรงตำแหน่ง เศษของปีให้นับเป็นหนึ่งปี สิทธิในบำเหน็จบำนาญตามหมวดนี้ เป็นสิทธิเฉพาะตัว จะโอนให้ไม่ได้ เว้นแต่กรณีถ่ายให้ตกได้แก่คู่สมรสและทายาทที่ได้แจ้งไว้ และถึงการยกเว้นนั้นเกิดขึ้นเพราะเหตุปฏิบัติหน้าที่หรือในการปฏิบัติหน้าที่ ให้ได้รับเป็นของทายาทของเจ้าหน้าที่ตามแบบที่กำหนดไว้ตามระเบียบ
การพิจารณา
บททั่วไป
การพิจารณาของศาลต้องเป็นไปในครอบครัวตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ และข้อกำหนดของศาล ในการปฏิบัติหน้าที่ ศาลมีอำนาจเรียกเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากบุคคลใด หรือเรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยคำต่อศาลจนเห็นว่าเพียงพอสมควร หรือพนักงานสอบสวน ดำเนินการใดเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาคดี
เคยเป็นผู้ถูกฟ้องจากหรือถูกการในคดีอื่นหรือเคยเป็นคู่ความในคดีที่ศาลสั่งเคยพิจารณาในข้อเดียวกันหรือเกี่ยวข้องกับคำพิพากษาหรือคำสั่งในคดีนั้นมาก่อน
เป็นหรือเคยเป็นโจทก์ในคดีหรือจำเลย หรือคู่ความอื่นในคดีที่เกี่ยวข้องโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง คือ เป็นบุคคลหรือสิ่งมีลักษณะน่าเชื่อว่าใด ๆ หรือเป็นที่พึ่งของคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือเป็นญาติทางการสมรสในลำดับที่สอง
เคยให้ข้อคิดเห็นหรือคำชี้แจงในคดีนั้นหรือในคดีที่มีเหตุการณ์ในคดีเดียวกัน
เป็นหรือเคยเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
มีหรือเคยมีลักษณะดังกล่าวในข้อ (1) ถึง (4) กับคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
เมื่อมีการขอถอนตัวตามวรรคหนึ่งและศาลอนุญาตแล้ว ให้ผู้การซึ่งขอถอนตัวงดการปฏิบัติหน้าที่ในคดีนั้น
เมื่อมีการยื่นคำร้องคำคัดค้านตามวรรคหนึ่ง ให้ศาลดำเนินการแจ้งคำคัดค้านโดยเร็ว
การสั่งลงโทษตาม (๓) ต้องมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ในการดำเนินการให้เป็นไปตามคำสั่งศาลตาม (๔) ให้ดำเนินการตามกฎหมายหรือวิธีการตามความจำเป็นภายในขอบเขตที่ชอบด้วยกฎหมาย
การยื่นคำร้องและการยื่นหนังสือ ขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัย
(ก) ประธานรัฐสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือประธานวุฒิสภา ส่งความเห็นของสมาชิกในสภาเสนอต่อศาล หรือยกคำร้องขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมาย (ข) ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง หรือศาลทหาร ขอให้ศาลพิจารณาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมาย (ค) ประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือประธานวุฒิสภาขอให้ศาลพิจารณาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของพระราชกำหนด (ง) สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรอิสระ ขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยปัญหาที่เกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจ (จ) ประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือประธานวุฒิสภาขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับการเสนอร่างพระราชบัญญัติที่มีลักษณะต้องห้ามเชื่อมกันหรือเกี่ยวกันกับการของร่างพระราชบัญญัติที่ต้องยับยั้งไว้ (ฉ) ประธานรัฐสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือประธานวุฒิสภา ส่งความเห็นของสมาชิกในสภาเสนอต่อศาล หรือยกคำร้องขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ร่างข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา และร่างข้อบังคับการประชุมรัฐสภา (ช) คณะรัฐมนตรีหรือให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา
ประธานรัฐสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือประธานวุฒิสภาแสดงความคิดเห็นของสมาชิกรัฐสภาตาม (๔) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามข้อยอมรับของรัฐธรรมนูญของรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม
การขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามมาตรา ๗ (๔) ที่ข้อกำหนดของศาลกำหนดให้เป็นหนังสือ การดำเนินการตาม (๖) ให้ส่งความเห็นหรือข้อโต้แย้งของคู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไปยังสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานศาลปกครอง หรือกรมพระธรรมนูญ แล้วแต่กรณี เพื่อส่งให้ศาลพิจารณาวินิจฉัย
(ก) ชื่อและที่อยู่ของผู้ร้อง (ข) เรื่องหรือกระบวนการที่ทำหลายอันเป็นเหตุให้ต้องขอให้ศาลวินิจฉัยพร้อมทั้งข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้อง (ค) มาตราของรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเหตุในคำร้อง (ง) คำขอที่ระบุความประสงค์ที่จะให้ศาลดำเนินการอย่างใดพร้อมทั้งเหตุผลสนับสนุนโดยย่อดังนี้ การยื่นคำร้องตามวรรคแรก ให้ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลภายในกำหนดวันกำหนดในข้อกำหนดของศาลด้วย ในกรณีที่เป็นการระงับพิธีกรรม ผู้ร้องจะดำเนินการทั้งปวงด้วยตนเองหรือจะมอบอำนาจให้ทนายความหรือบุคคลอื่นดำเนินการแทนผู้ร้องได้ ผู้ร้องเองจะต้องทราบข้อเท็จจริงแล้วและมีความรู้ความสามารถที่จำเป็นในการแก้คดีแทนผู้ร้องเองเท่านั้น
การปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องครบถ้วนหรืออาศัยตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ ย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยคดีตามมาตรา ๗๗ (๔) ได้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ดังต่อไปนี้
บุคคลหรือชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำดังกล่าวของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดให้คนหรือชุมชนได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐมิได้ปฏิบัติในการหรือไม่ดำเนินการในกำหนดวันนั้นจนถึงวันที่ได้รับทราบข้อเท็จจริงของการปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้อง และบุคคลหรือชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดให้คนหรือชุมชนได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐมิได้ปฏิบัติในการหรือไม่ดำเนินการในกำหนดวันนั้นจนถึงวันที่ได้รับทราบข้อเท็จจริงของการปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดให้คนหรือชุมชนได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐมิได้ปฏิบัติในการหรือไม่ดำเนินการในกำหนดวันนั้นจนถึงวันที่ได้รับทราบข้อเท็จจริงของการปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดให้คนหรือชุมชนได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐมิได้ปฏิบัติในการหรือไม่ดำเนินการในกำหนดวันนั้นจนถึงวันที่ได้รับทราบข้อเท็จจริงของการปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดให้คนหรือชุมชนได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐมิได้ปฏิบัติในการหรือไม่ดำเนินการในกำหนดวันนั้นจนถึงวันที่ได้รับทราบข้อเท็จจริงของการปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดให้คนหรือชุมชนได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐมิได้ปฏิบัติในการหรือไม่ดำเนินการในกำหนดวันนั้นจนถึงวันที่ได้รับทราบข้อเท็จจริงของการปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดให้คนหรือชุมชนได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐมิได้ปฏิบัติในการหรือไม่ดำเนินการในกำหนดวันนั้นจนถึงวันที่ได้รับทราบข้อเท็จจริงของการปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดให้คนหรือชุมชนได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐมิได้ปฏิบัติในการหรือไม่ดำเนินการในกำหนดวันนั้นจนถึงวันที่ได้รับทราบข้อเท็จจริงของการปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดให้คนหรือชุมชนได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐมิได้ปฏิบัติในการหรือไม่ดำเนินการในกำหนดวันนั้นจนถึงวันที่ได้รับทราบข้อเท็จจริงของการปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดให้คนหรือชุมชนได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐมิได้ปฏิบัติในการหรือไม่ดำเนินการในกำหนดวันนั้นจนถึงวันที่ได้รับทราบข้อเท็จจริงของการปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดให้คนหรือชุมชนได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐมิได้ปฏิบัติในการหรือไม่ดำเนินการในกำหนดวันนั้นจนถึงวันที่ได้รับทราบข้อเท็จจริงของการปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดให้คนหรือชุมชนได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐมิได้ปฏิบัติในการหรือไม่ดำเนินการในกำหนดวันนั้นจนถึงวันที่ได้รับทราบข้อเท็จจริงของการปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดให้คนหรือชุมชนได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐมิได้ปฏิบัติในการหรือไม่ดำเนินการในกำหนดวันนั้นจนถึงวันที่ได้รับทราบข้อเท็จจริงของการปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดให้คนหรือชุมชนได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐมิได้ปฏิบัติในการหรือไม่ดำเนินการในกำหนดวันนั้นจนถึงวันที่ได้รับทราบข้อเท็จจริงของการปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดให้คนหรือชุมชนได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐมิได้ปฏิบัติในการหรือไม่ดำเนินการในกำหนดวันนั้นจนถึงวันที่ได้รับทราบข้อเท็จจริงของการปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดให้คนหรือชุมชนได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐมิได้ปฏิบัติในการหรือไม่ดำเนินการในกำหนดวันนั้นจนถึงวันที่ได้รับทราบข้อเท็จจริงของการปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดให้คนหรือชุมชนได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญ
การกระทำของรัฐสภา
รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญมิได้ให้หมายถึงการร้อง หรือมิให้สิทธิเพื่อให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยไว้ในการเฉพาะแล้ว
กฎหมายบัญญัติขั้นตอนและวิธีการไว้ในการพิจารณา และมิได้กำหนดไว้ตามขั้นตอนหรือวิธีการที่ครบถ้วน
เรื่องที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาพิพากษาของศาลอื่น หรือเรื่องที่ศาลอื่นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งที่สุดแล้ว
การกระทำของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๙
การกระทำเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของคณะกรรมการตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการตุลาการปกครอง คณะกรรมการตุลาการทหาร รวมถึงการดำเนินการเกี่ยวกับวินัยทหาร
ในกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินไม่ยื่นคำร้องตามวรรคหนึ่ง หรือไม่ยื่นคำร้องภายในกำหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง ผู้ถูกละเมิดสิทธิยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลได้ ให้คำวินิจฉัยในวรรคหนึ่งและวรรคสองนำไปใช้บังคับกับการยื่นคำร้องเพื่อขอให้เสรีภาพประชาสังคมที่เกี่ยวข้องต่อศาลเพื่อขอให้ศาลสั่งการหรือวินิจฉัยในเรื่องนั้นด้วยโดยอนุโลม ให้บทความในมาตรา ๔๘ วรรคสองและวรรคสามนำไปใช้บังคับกับการยื่นและการพิจารณาคำร้องตามมาตรา ๔๖ ด้วยโดยอนุโลม
ในการพิจารณาวินิจฉัย ให้ศาลมีอำนาจสั่งการหรือวินิจฉัยในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคำร้องภายในขอบเขตที่จำเป็นเท่านั้นตามที่ปรากฏในคำร้องและข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง และให้คณะกรรมการดำเนินการตามคำสั่งหรือคำวินิจฉัยของศาล คำสั่งหรือคำวินิจฉัยนั้นถือเป็นที่สุดและมีผลผูกพันทุกองค์กร ในกรณีที่คณะตุลาการตามวรรคหนึ่งมีความเห็นควรหรือไม่รับคำร้องไว้พิจารณา วินิจฉัย ให้เสนอคำพิพากษาแก้ไขทบทวนคำวินิจฉัยของตน และให้คำพิพากษานั้นเป็นที่สุด ภายในกำหนดวันเดียวกันที่ได้รับเรื่องจากคณะตุลาการดังกล่าว หากคณะเห็นพ้องด้วยกับความเห็นนั้น ให้จดทำเป็นคำสั่งของศาล หากคณะไม่เห็นพ้องด้วย ให้ดำเนินการตามความเห็นของศาล คำสั่งของคณะตุลาการตามวรรคสองให้ถือเป็นที่สุด ในกรณีที่ไม่มีกรณีแห่งผู้พิพากษาและตุลาการตามวรรคหนึ่ง ให้คำพิพากษาและคำสั่งศาล จะรับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่ภายในกำหนดวันหนึ่งนับแต่วันที่มีเหตุอันพึงรับคำร้องตามที่ระบุไว้ในคำร้อง
องค์คณะของศาลในการพิจารณาคดีและในการทำคำวินิจฉัย ต้องประกอบด้วยตุลาการไม่น้อยกว่าห้าคน ตุลาการซึ่งมีไว้ว่าในการพิจารณาในประเด็นสำคัญแห่งคดี ย่อมไม่มีอำนาจในการพิจารณาคดีนั้น เว้นแต่เป็นปัญหาของใครจะเป็นผู้มีอำนาจพิจารณาคดีนั้น หรือในกรณีที่ตุลาการผู้นั้นได้ให้ความเห็นไว้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคดีนั้นในฐานะผู้ตรวจคดีไปแล้ว ทั้งนี้ ในแต่ละกรณีจะต้องมีคำวินิจฉัยว่าให้มีหรือให้ยกเลิกและไม่ถือเป็นเด็ดขาด
ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งให้มีการพิจารณาคดีในที่ลับ ให้ศาลแจ้งเหตุผลแห่งคำสั่งนั้นให้ผู้ร้องทราบ ให้ผู้ร้องหรือผู้ร้องใดมีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้าน และให้ศาลดำเนินการพิจารณา
เมื่อผู้ถูกร้องได้รับสำเนาคำร้องนั้นแล้วให้ยื่นแก้ข้อกล่าวหาเป็นหนังสือต่อศาลนับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง หรือภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนด และให้ดำเนินการในมาตรา ๔๕ มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม การยื่นคำร้องเปลี่ยนคำร้องเพิ่มเติมหรือแก้ไขคำร้องภายในระยะเวลาตามวรรคหนึ่งต้องได้รับอนุญาตจากศาลตามความเหมาะสม ทั้งนี้หากผู้ถูกร้องไม่ยื่นคำให้แก้ข้อกล่าวหาภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
วิธีการดังกล่าวจะกำหนดให้รวมถึงการส่งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้
ตุลาการทุกคน ในแต่ละตุลาการที่ได้รับอนุญาตให้แสดงหรือสอบตัดพยานคู่ความ ต้องทำความเห็นส่วนตนในประเด็นและข้อเท็จจริงที่ศาลได้กำหนดหรือข้อเดิมไว้ เมื่อศาลรับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว ตุลาการผู้เดียวจะไม่รับไว้พิจารณาเรื่องนั้นไม่อยู่ในอำนาจของศาลได้
เมื่อศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงในคดีใดที่ไม่ชัดเจน หรือมีได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาทหรือประเด็นที่จะพิจารณาวินิจฉัย หรือจะทำให้คดีล่าช้าโดยไม่สมควร ศาลอาจสั่งงดการสืบหรือไม่รับพยานหลักฐานนั้นก็ได้ ตุลาการหรือพยานจะไม่ต้องรับผิดในเรื่องใดที่เป็นผลมาจากการพิจารณาหรือมีอยู่จริงแล้วให้ถือเอาสาระสำคัญของหลักฐานที่มีอยู่ในสำนวนของศาลหรือพยานที่ได้แสดงไว้ในคดีนั้น
เมื่อศาลประกาศกำหนดวันนัดไต่สวนครั้งแรก ให้ส่งสำเนาประกาศให้แก่คู่กรณีไม่น้อยกว่าสิบห้าวันก่อนวันนัด ส่วนกำหนดวันนัดไต่สวนครั้งต่อไป ให้เป็นไปตามที่ศาลกำหนด และให้เป็นประกาศกำหนดดังกล่าวไว้ ณ ที่ทำการศาลด้วย
การอ้างพยานหลักฐานตามความวรรคหนึ่ง ให้คู่กรณียื่นบัญชีพยานหลักฐาน และวิธีการที่จะได้มาซึ่งพยานหลักฐานดังกล่าว เว้นแต่ในกรณีตามมาตรา ๕๔ ที่ศาลมีสิทธิวินิจฉัย คู่กรณีอาจยื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ แต่ต้องยื่นก่อนที่ศาลกำหนดวันนัดไต่สวนในข้อกล่าวหานั้น
เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลอาจอนุญาตให้คู่กรณีถามพยานเพิ่มเติมตามประเด็นและข้อเท็จจริงที่ศาลกำหนดได้โดยให้พยานที่เบิกความแล้วไม่อยู่ในศาลก่อนหลังจากที่ศาลเบิกความพยานตามวรรคสองแล้ว ศาลไม่ให้คู่กรณีไปถามพยานอีก เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
การไต่สวนพยานตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าเป็นการทำในห้องพิจารณาของศาล
ต่อศาล และสำนวณผู้คุ้มครองอื่นเพื่อทราบก่อนวันนัดไต่สวนพยานบุคคลหรือพยานผู้เชี่ยวชาญนั้น ไม่ช้ากว่าเจ็ดวัน คู่กรณีที่ติดใจคัดค้านข้อเท็จจริงหรือความเห็นในบันทึกข้อความนั้น ต้องทำคำคัดค้านในประเด็นใด ให้ทำคำคัดค้านเป็นหนังสือยื่นต่อศาลก่อนวันนัดไต่สวนพยานบุคคล หรือพยานผู้เชี่ยวชาญไม่น้อยกว่าสามวัน มิฉะนั้นให้ถือว่าไม่ติดใจคัดค้าน ในบันทึกข้อความตามวรรคหนึ่ง ให้พยานรับรองบันทึกข้อความนั้นว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือความเห็น แล้วตอบปัญหาซักถามเพิ่มเติมของศาลและคู่กรณีที่เป็นผู้ถามปัญหาซักถามตามวรรคสอง และศาลอนุญาต หากพยานไม่สามารถ หรือศาลเห็นว่าไม่สมควรซักถาม ให้ศาลมีอำนาจรับฟังบันทึกข้อความนั้นต่อไปเว้นแต่จะมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบันทึกข้อความนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นประโยชน์แก่ความยุติธรรม ศาลจะรับฟังบันทึกข้อความนั้นต่อไปเว้นแต่จะมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบันทึกข้อความนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นประโยชน์แก่ความยุติธรรม ศาลจะรับฟังบันทึกข้อความนั้นต่อไปเว้นแต่จะมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบันทึกข้อความนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นประโยชน์แก่ความยุติธรรม ศาลจะรับฟังบันทึกข้อความนั้นต่อไปเว้นแต่จะมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบันทึกข้อความนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นประโยชน์แก่ความยุติธรรม ศาลจะรับฟังบันทึกข้อความนั้นต่อไปเว้นแต่จะมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบันทึกข้อความนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นประโยชน์แก่ความยุติธรรม ศาลจะรับฟังบันทึกข้อความนั้นต่อไปเว้นแต่จะมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบันทึกข้อความนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นประโยชน์แก่ความยุติธรรม ศาลจะรับฟังบันทึกข้อความนั้นต่อไปเว้นแต่จะมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบันทึกข้อความนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นประโยชน์แก่ความยุติธรรม ศาลจะรับฟังบันทึกข้อความนั้นต่อไปเว้นแต่จะมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบันทึกข้อความนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นประโยชน์แก่ความยุติธรรม ศาลจะรับฟังบันทึกข้อความนั้นต่อไปเว้นแต่จะมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบันทึกข้อความนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นประโยชน์แก่ความยุติธรรม ศาลจะรับฟังบันทึกข้อความนั้นต่อไปเว้นแต่จะมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบันทึกข้อความนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นประโยชน์แก่ความยุติธรรม ศาลจะรับฟังบันทึกข้อความนั้นต่อไปเว้นแต่จะมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบันทึกข้อความนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นประโยชน์แก่ความยุติธรรม ศาลจะรับฟังบันทึกข้อความนั้นต่อไปเว้นแต่จะมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบันทึกข้อความนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นประโยชน์แก่ความยุติธรรม ศาลจะรับฟังบันทึกข้อความนั้นต่อไปเว้นแต่จะมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบันทึกข้อความนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นประโยชน์แก่ความยุติธรรม ศาลจะรับฟังบันทึกข้อความนั้นต่อไปเว้นแต่จะมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบันทึกข้อความนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นประโยชน์แก่ความยุติธรรม ศาลจะรับฟังบันทึกข้อความนั้นต่อไปเว้นแต่จะมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบันทึกข้อความนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นประโยชน์แก่ความยุติธรรม ศาลจะรับฟังบันทึกข้อความนั้นต่อไปเว้นแต่จะมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบันทึกข้อความนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นประโยชน์แก่ความยุติธรรม ศาลจะรับฟังบันทึกข้อความนั้นต่อไปเว้นแต่จะมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบันทึกข้อความนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นประโยชน์แก่ความยุติธรรม ศาลจะรับฟังบันทึกข้อความนั้นต่อไปเว้นแต่จะมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบันทึกข้อความนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นประโยชน์แก่ความยุติธรรม ศาลจะรับฟังบันทึกข้อความนั้นต่อไปเว้นแต่จะมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบันทึกข้อความนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นประโยชน์แก่ความยุติธรรม ศาลจะรับฟังบันทึกข้อความนั้นต่อไปเว้นแต่จะมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบันทึกข้อความนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นประโยชน์แก่ความยุติธรรม ศาลจะรับฟังบันทึกข้อความนั้นต่อไปเว้นแต่จะมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบันทึกข้อความนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นประโยชน์แก่ความยุติธรรม
การกำหนดมาตรการหรือวิธีการชั่วคราวดังกล่าว ศาลต้องพิจารณาโดยคำนึงถึงความเหมาะสมควรแก่กรณี ให้ศาลไม่ใช้อำนาจนั้นในกรณีที่ไม่จำเป็นหรือเกินสมควรแก่เหตุ ไม่เป็นการลิดรอนสิทธิในวันหนึ่งวันใดที่ศาลมีเหตุผลตามมาตรการหรือวิธีการชั่วคราวนั้น
คำวินิจฉัยของศาลต้องลงลายมือชื่อของตุลาการที่วินิจฉัย ถ้าคำวินิจฉัยโดยเหตุจำเป็นมิได้ลงลายมือชื่อได้ไม่สามารถทำได้ ให้ตุลาการที่ลงลายมือชื่อคนหนึ่งลงลายมือชื่อกำกับไว้แทน ทั้งนี้เพื่อป้องกันความเสียหายหรือความไม่เหมาะสมอันอาจเกิดขึ้น
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา คำวินิจฉัยของศาลไว้ในคำวินิจฉัยนั้น โดยศาลอาจกำหนดให้มีผลไปในอนาคตจนถึงขณะใดขณะหนึ่ง หลังวันอ่านคำวินิจฉัย หรือออกคำสั่งเพิกถอนหรือยกเลิกการกระทำของหน่วยงานที่ชอบด้วยกฎหมาย ตามความจำเป็นหรือสมควร ตามความเป็นธรรมแก่กรณี และให้องค์กร หน่วยงานของรัฐ หรือบุคคลที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการบังคับตามผลการปฏิบัติหรือข้อสั่งการปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาล ที่มีผลกระทบในลักษณะเป็นการบังคับตามข้อสั่งการดังกล่าว หรือภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนด ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ศาลกำหนดในคำวินิจฉัยตามที่กฎหมายบัญญัติ
ความเห็นส่วนตนตามวรรคหนึ่ง ให้ทำโดยลับและต้องเผยแพร่ต่อสาธารณะตามข้อกำหนดของศาล การทำคำวินิจฉัยของศาล องค์คณะอาจมอบหมายให้ตุลาการคนหนึ่งเป็นผู้จัดทำคำวินิจฉัยตามมติที่ได้ คำวินิจฉัยของศาล ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปตามสิ่งบังคับแห่งบทบัญญัติที่มีกำหนดไว้
ในกรณีที่ศาลมีคำวินิจฉัยให้เพิกถอนหรือยกเลิกการกระทำของหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานของรัฐ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องให้หลีกเลี่ยงการกระทำดังกล่าว และให้ถือว่าวันที่ศาลลงมติเป็นวันที่ปรากฏในคำวินิจฉัยเป็นวันอ่าน ในกรณีที่ศาลมีคำวินิจฉัยขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๗ มาตรา ๒๒๐ มาตรา ๒๒๓ หรือมาตรา ๒๒๔ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบงานธุรการของศาลจัดทำประกาศเผยแพร่คำวินิจฉัยของศาลในราชกิจจานุเบกษาโดยเร็ว การแจ้งให้คู่กรณีมาฟังคำวินิจฉัยและการอ่านคำวินิจฉัยของศาลตามวรรคสอง และการแจ้งคำวินิจฉัยตามวรรคสาม ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามข้อกำหนดของศาล
ให้ทำความในมาตรา ๕๔ วรรคสาม มาใช้บังคับแก่การทำคำสั่งด้วยโดยอนุโลม เมื่อข้อกำหนดดังกล่าวมีผลแล้วให้แจ้งคู่กรณีทราบ พร้อมประกาศในราชกิจจานุเบกษา คำสั่งของศาลตามมาตรา ๕๖ วรรคสอง ให้มีผลในวันที่ศาลลงมติถึงแม้ในวันที่ปรากฏในคำสั่ง ปรากฏในคำสั่ง
การคำสั่งแก้ไขเพิ่มเติมตามวรรคหนึ่งจะต้องไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยหรือคำสั่งเดิม เมื่อได้ทำคำสั่งเช่นว่านั้นแล้ว ให้แจ้งคู่กรณีทราบ และให้บันทึกลงในสำนวนคดี วรรคสามและวรรคสี่ มาใช้บังคับแก่คำสั่งโดยอนุโลม หลักเกณฑ์และวิธีดำเนินการจัดทำคำสั่งตามวรรคสามและวรรคสี่ ให้เป็นไปตามข้อกำหนดของศาล บทเฉพาะกาล
ในกรณีที่ไม่มีประธานศาลรัฐธรรมนูญหรือประธานศาลรัฐธรรมนูญพ้นจากตำแหน่ง ให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเลือกกันเองเพื่อทำหน้าที่ประธานศาลรัฐธรรมนูญเป็นการชั่วคราวไปพลางก่อนจนกว่าจะมีการแต่งตั้งประธานศาลรัฐธรรมนูญตามพระราชบัญญัตินี้
ภายในสิบวันนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งตามวรรคหนึ่ง ให้องค์กรที่มีหน้าที่สรรหาแต่งตั้งและส่งชื่อบุคคลที่ได้รับการสรรหาแต่งตั้งภายในระยะเวลาที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้ให้คณะกรรมการสรรหาฯ หรือในกรณีที่ไม่มีผู้ใดปฏิบัติหน้าที่ในองค์กรนั้น ให้คณะกรรมการสรรหาฯ ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ โดยให้ถือว่าคณะกรรมการสรรหาประกอบด้วยกรรมการสรรหาฯ ที่เหลืออยู่ แต่ไม่ตัดสิทธิองค์กรอื่นๆ ที่จะแต่งตั้งขึ้นแทนในภายหลัง การแต่งตั้งดังกล่าวไม่ส่งผลให้การดำเนินการของคณะกรรมการสรรหา ที่ได้ดำเนินการไปแล้วต้องเสียไป ภายในสิบวันนับแต่วันที่พ้นจากระยะเวลาตามวรรคสอง ให้คณะกรรมการสรรหา พิจารณาและวินิจฉัยว่าบุคคลที่คณะรัฐมนตรีมอบและคณะกรรมาธิการสรรหาผู้ซึ่งต้องปฏิบัติหน้าที่ อยู่ในตำแหน่งวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับตามมาตรา ๙๗ วรรคสอง ถือว่า เป็นผู้ซึ่งจะต้องได้รับการสรรหาต่อเนื่องไปจนกว่าจะครบวาระตามมาตรา ๔๘ (๒) และ (๓) คำวินิจฉัยของคณะกรรมการสรรหาให้เป็นที่สุด
ในกรณีที่ไม่มีประชุมใหญ่ศาลฎีกาหรือที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดให้มีการสรรหาหรือคัดเลือกแล้ว ให้ผู้ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งยังอยู่ในตำแหน่งตามมาตรา ๙๗ วรรคสี่ ประชุมร่วมกันเพื่อเลือกกันเองให้หนึ่งเป็นประธาน ศาลรัฐธรรมนูญ และแจ้งให้ประธานวุฒิสภาทราบเพื่อดำเนินการต่อไป
ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ และยังไม่มีบัญญัติไว้ ให้ประธานศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาด และให้ถือเป็นที่สุด
ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หมวดเหตุ :: เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้ คือ โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้คณะกรรมการและการดำเนินการที่พ้นจากตำแหน่งของศาลรัฐธรรมนูญ การพิจารณาวินิจฉัยเรื่องตามหน้าที่และอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ และการดำเนินงานของศาลรัฐธรรมนูญเป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พัชราภรณ์/จัดทำ ๕ มีนาคม ๒๕๖๑ พจมาน/ตรวจ ๘ มีนาคม ๒๕๖๑