คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๕๕ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นปีที่ ๖๗ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้
“รถ” หมายความว่า รถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ รถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก รถยนต์ที่การตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ทหาร และหมายความรวมถึงรถอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง “เจ้าของรถ” หมายความว่า ผู้ซึ่งมีกรรมสิทธิ์ในรถหรือผู้ถือกรรมสิทธิ์ครอบครองตามสัญญาซื้อขาย และหมายความรวมถึงผู้จัดการหรือผู้แทนในนามของประเทศที่นำเข้ามาใช้ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวด้วย “ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๙/ตอนที่ ๑๔๕/หน้า ๔๕/วันที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๕” หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๑ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ "ผู้ประสบภัย" หมายความว่า ผู้ซึ่งได้รับอันตรายต่อชีวิต ร่างกายหรืออนามัย เนื่องจากกรณีที่หัวรถอยู่ในทางรถเนื่องจากสิ่งที่บรรทุกหรือติดตั้งในรถนั้น และหมายความรวมถึง หายากโดยธรรมดาของผู้ประสบภัยซึ่งถึงแก่ความตายด้วย "ความเสียหาย" หมายความว่า ความเสียหายต่อชีวิต ร่างกายหรืออนามัยอันเกิดจากรถ "ผู้ขอรับในรถ" หมายความว่า ผู้ซึ่งอยู่ในรถร่วมกับเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถ และ หมายความรวมถึงผู้ซึ่งอยู่ในรถที่สิ่งที่บรรทุกหรือกำลังจะบรรทุกในรถนั้นด้วย "บริษัท" หมายความว่า บริษัทตามความหมายในกฎหมายว่าด้วยบริษัทจำกัดที่ได้รับ ใบอนุญาตให้ประกอบกิจการประกันวินาศภัย "ค่าเสียหายเบื้องต้น" หมายความว่า ค่ารักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายอื่นๆ อันเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล ค่าปลงศพ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดการศพ รวมทั้งค่าเสียหายและ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ อันเกี่ยวเนื่องเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยในเบื้องต้น ทั้งนี้ ตามรายการ และจำนวนเงินที่กำหนดในกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา ๒๖ วรรคสอง "เครื่องหมาย" (ยกเลิก) "คณะกรรมการ" หมายความว่า คณะกรรมการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ "นายทะเบียน" หมายความว่า เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบ ธุรกิจประกันภัย หรือผู้ซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ประกันภัยมอบหมายโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา "กองทุน" หมายความว่า กองทุนทดแทนผู้ประสบภัยที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัตินี้ "รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงและประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ คำว่า "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง" แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ แห่ง พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๐
(ก) พิจารณาและให้ความเห็นเกี่ยวกับการกำหนดจำนวนเงินค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวกับการรักษาพยาบาลตามที่เห็นสมควรตามที่รัฐมนตรีเสนอ (ข) ปฏิบัติการอื่นตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือความในรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย
(ก) ตาย (ข) ลาออก (ค) คณะรัฐมนตรีมีมติให้ออก (ง) เป็นบุคคลล้มละลาย (จ) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ ``` - 4 - (b) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
ในกรณีที่มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคราวเดียวกันหลายราย และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งแต่งตั้งในคราวเดียวกันจะอยู่ในตำแหน่งไม่เท่ากัน ให้ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งในคราวเดียวกันนั้นจับสลากเพื่อกำหนดวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแต่ละรายในคราวนั้น
ในกรณีที่ประธานกรรมการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม หน้าที่ให้คณะกรรมการมีมติ ให้ถือเสียงข้างมากเป็นประมาณ ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการให้ใช้จ่ายจากกองทุน การประกันความเสียหาย
```
สำหรับรถของเจ้าของซึ่งได้จัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัย โดยเอาประกันภัยครอบคลุมความเสียหายต่อผู้ประสบภัยและทรัพย์สิน ตามชนิด ประเภท และขนาดของรถ ที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงแล้ว ไม่ต้องจัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยอีก
(ก) รถสำหรับเฉพาะองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท และรถสำหรับผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ (ข) รถของสำนักพระราชวังที่จดทะเบียนและเสียภาษีตามระเบียบที่เลขาธิการพระราชวังกำหนด (ค) รถของกระทรวง ทบวง กรม เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นอื่น และรถของหน่วยทหารตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงกลาโหม (ง) รถอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง
*หมายเหตุ* - มาตรา 7 วรรคสาม เพิ่มโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2551 - มาตรา 9 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2551 - มาตรา 10 วรรคสอง เพิ่มโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2551
(ก) ให้บริการเกี่ยวกับการรับคำขอและการจ่ายค่าสินไหมทดแทนหรือเงินต่าง ๆ ตามพระราชบัญญัตินี้ และดำเนินกิจการตามที่บริษัทหรือสำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยได้มอบหมาย (ข) ประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยเฉพาะกรณีประกันภัยรถตามพระราชบัญญัตินี้ ตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ค) ดำเนินกิจการอื่นที่จำเป็นในกรณีฉุกเฉินหรือวิกฤติเพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย บริษัททุกบริษัทต้องแจ้งชื่อของหุ้นในการจดตั้ง การเพิ่มทุน และดำเนินการใด ๆ ตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ในการจัดตั้งบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ให้รัฐมนตรีกำหนดระยะเวลาให้บริษัทแต่ละแห่งซึ่งเป็นผู้ประกอบการประกันวินาศภัยตามพระราชบัญญัตินี้ ให้โอนทรัพย์สินและหนี้สินที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจประกันภัยรถไปยังบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด เพื่อกำหนดจำนวนหุ้นที่จัดทำขึ้นสองประเภทคือ หุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ และกำหนดให้ผู้เป็นเจ้าของหุ้นบุริมสิทธิเป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ คณะกรรมการและผู้แทนของบริษัทผู้รับประกันภัยรถจะเป็นกรรมการของบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด โดยให้มีจำนวนตามที่กำหนดในข้อบังคับของบริษัท และให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและควบคุมการดำเนินกิจการของบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของบริษัท ในระหว่างที่บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ยังมิได้มีการรับประกันวินาศภัย มีให้หมายบัญญัติเกี่ยวกับการต้องมีทรัพย์สินและเงินสำรองไว้กับนายทะเบียน และการต้องดำรงไว้ซึ่งเงินกองทุนตามกฎหมายว่าด้วยประกันวินาศภัยไว้เป็นต้น การเปลี่ยนแปลงในแผนผังของทรัพย์สินและหนี้สินจะต้องได้รับความเห็นชอบจากบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด การแต่งตั้งกรรมการผู้จัดการของบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการและแต่งตั้งโดยที่ประชุมผู้ถือหุ้น และในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการผู้จัดการ ให้กรรมการผู้จัดการคนเดิมปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่ากรรมการผู้จัดการคนใหม่จะเข้ารับตำแหน่ง
ทุกกรณีบริษัทต้องบริจาคเงินสมทบเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ตามสัดส่วนของเบี้ยประกันภัยที่บริษัทได้รับจากการรับประกันภัยตามพระราชบัญญัติในแต่ละรอบเดือนที่ผ่านมา โดยอัตราและวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด เงินสมทบที่บริษัทจ่ายนั้นให้นำไปหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณเงินได้ตามประมวลรัษฎากรได้ ให้คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการบริจาคเงินสมทบของบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ตลอดจนการจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนตามประมวลหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการของบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด กำหนด [คำว่า “เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย” และ “คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย” แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย พ.ศ. ๒๕๔๒]
เมื่อมีการกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยตามมาตรา ๗ วรรคสอง และหลักเกณฑ์ วิธีจ่าย และระยะเวลาการจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นตามจำนวนค่าเสียหายเบื้องต้น ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนดและเสนอต่อรัฐมนตรีเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา [คำว่า “คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย” แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย พ.ศ. ๒๕๕๐]
การปฏิเสธความรับผิดของบริษัทตามวรรคหนึ่งจะกระทำได้ต่อเมื่อบริษัทได้แจ้งให้ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประกันภัยทราบถึงการไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา - 9 - ตั้งสำรองเบื้องต้นจนกว่าที่ในการตรวจสอบว่ามีการประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว จึงจะรับจดทะเบียนรถยนต์หรือรับจ้างระจายรถยนต์ประจำปีได้ ในกรณีที่ไม่ปรากฏว่ามีการประกันความเสียหายตามมาตรา 7 ให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่อให้ถือว่าทำประกันความเสียหายตามมาตรา 7 แล้ว โดยให้จดทะเบียนตามกฎหมายดังกล่าวต่
รถนั้นมีผู้ขับขี่ขณะชนโดยมิอาจทราบได้ว่าความเสียหายเกิดจากรถคันใด
บริษัทไม่จ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นตามมาตรา 20 ให้แก่ผู้ประสบภัย หรือจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัยไม่ครบจำนวน หรือ
รถตามมาตรา 7 ที่ไม่ได้จัดให้มีการประกันความเสียหายตามมาตรา 4
ในกรณีที่รถไม่มีประกันภัย แต่ผู้ประสบภัยเป็นผู้ซึ่งอยู่ในรถ ให้บริษัทจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัยซึ่งอยู่ในรถคันที่ตนประกันภัยให้กับบริษัท สำหรับกรณีที่รถไม่มีประกันภัย ให้กองทุนจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัยซึ่งอยู่ในรถคันที่ตนประกันภัยให้กับบริษัท
ให้ถือว่าค่าเสียหายเบื้องต้นนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเงินค่าเสียหายตามที่กำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ในกรณีที่เจ้าของรถหรือบริษัทไม่จ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัยหรือจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัยไม่ครบจำนวนตามมาตรา 20 (2) หรือ (3) หรือ (4) หรือบริษัทไม่ทราบถึงเหตุขึ้นโดยสุจริตหรือเจ้าของรถซึ่งกระทำธรรมทัณฑ์ตอบแทนแล้วไม่สามารถสืบจับโดย เจ้าของรถจะไม่มีความหลักเลี่ยงการทำประกันภัย หรือในกรณีอื่นที่คณะกรรมการกำกับและส่งเสริม การประกอบธุรกิจประกันภัยประกาศกำหนด นายทะเบียนอาจพิจารณาอนุมัติการคืนเงินค่าเบี้ยได้ หลักเกณฑ์ในการเรียกเงินคืน การจดและแสดงเงินนั้น ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำกับ กำหนดและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยประกาศกำหนด [คำขยาย] “ค่า” ตามที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่งของมาตรา ๒๗ และมาตรา ๒๘ ให้หมายความรวมถึงค่าใช้จ่าย เพิ่มเติมโดยคณะของมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ประกันภัย พ.ศ. ๒๕๕๐
ร้องขอภายในห้าร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ความเสียหายเกิดขึ้น
ความเสียหายให้ได้ตามที่ได้มาตรฐานหรือค่าใช้จ่ายที่ได้มาตรฐานก่อนแล้ว จนกว่าจะตรวจสอบได้ว่าค่า ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินที่ผู้ประสบภัยหรือบุคคลอื่นจำนวน หรือค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากทุนภายใน เจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับคำสั่งจากนายทะเบียน และหากการที่ได้รับคำสั่งจากทุนภายในก่อนแล้วหรือ ในกรณีที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินที่ผู้ประสบภัยหรือบุคคลอื่นจำนวน หรือค่า เสียหายที่เกิดขึ้นจากทุนภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับคำสั่งจากนายทะเบียน และหากการที่ได้รับคำสั่ง ให้หมายถึงการชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากทุนภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับคำสั่งจากนายทะเบียน [คำขยาย] “ค่า” ตามที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่งของมาตรา ๒๗ และมาตรา ๒๘ ให้หมายความรวมถึงค่าใช้จ่าย เพิ่มเติมโดยคณะของมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ประกันภัย พ.ศ. ๒๕๕๐
กรณีดังต่อไปนี้
กรณีที่เจ้าของรถตามมาตรา ๒๘ (๑) ไม่จ่ายเงินค่าเสียหายเบื้องต้นที่จ่ายจาก กองทุนแทนตน คืนให้กองทุนภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับคำสั่งจากนายทะเบียน
กรณีที่ไม่มีปรากฏตัวเจ้าของรถที่ก่อให้เกิดความเสียหาย และนายทะเบียนได้ ประกาศหัวข้อข่าวรถโดยบรรยายรายละเอียด ที่ทำการทะเบียนรถที่ได้กระทำให้เกิดความ เสียหายไว้ และประกาศในหนังสือพิมพ์รายวันจำนวนไม่น้อยกว่าสองฉบับติดต่อกัน แต่เจ้าของรถไม่ปรากฏตัวต่อหน้านายทะเบียน ซึ่งได้ครอบคลุมในส่วนในฉบับแรก ที่ประกาศในหนังสือพิมพ์
ให้ปฏิบัติตามประกาศของวิธีการชดใช้ความเสียหายโดยอนุโลม เงินที่ได้จากการขายทอดตลาดรถตามมาตรา ๒๙ ให้หักค่าใช้จ่ายในการขายทอดตลาด แล้วแต่กรณี ถ้ามีเงินเหลือให้ส่งคืนเจ้าของรถ ในกรณีที่เจ้าของรถไม่ปรากฏตัวหรือไม่สามารถ ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย ให้ส่งคืนกองทุนตามที่คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ประกันภัยกำหนด เก็บรักษาเงินนั้นไว้ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา และถ้าเจ้าของจะไม่เรียกเงินนั้นคืน ภายในกำหนดห้าปีนับจากวันที่ขายทอดตลาดให้เงินนั้นตกเป็นของกองทุน [คำว่า “สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย” และ “คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย” ที่ใช้ในกฎหมายนี้ให้หมายความถึง สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย พ.ศ. 2550]
กองทุนประกอบด้วย
เงินทุนประเดิมที่รัฐจัดสรรให้
เงินหรือทรัพย์สินตามมาตรา ๖๒ และเงินที่ได้รับตามมาตรา ๖๒ ทวิ
เงินอุดหนุนที่รัฐจัดสรรให้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
เงินหรือทรัพย์สินที่ได้ตามมาตรา ๒๘ มาตรา ๓๐ หรือมาตรา ๓๒
เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้จัดให้
ดอกผลของเงินกองทุน
เงินที่ได้จากการขายทรัพย์สินที่ได้มาจาก (๔) และ (๕)
เงินรายได้อื่น ๆ เงินและทรัพย์สินดังกล่าวให้นับของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยเพื่อใช้ในประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของกองทุน โดยไม่ต้องนำส่งกระทรวงการคลังเป็นรายได้แผ่นดิน [คำว่า “สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย” แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓๓ แห่งพระราชบัญญัติกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย พ.ศ. ๒๕๕๘]
การจัดเก็บเงินกองทุน
การจัดการกองทุน
การจ่ายเงินกองทุน
การดำเนินงานและอัตราเบี้ยประกันภัยของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ของสำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย การเบิกจ่าย การเก็บรักษา การจัดการกองทุน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและอัตราเบี้ยประกันภัยให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยกำหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง [คำว่า “สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย” และ “คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย” แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓๓ แห่งพระราชบัญญัติกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย พ.ศ. ๒๕๕๘]
๒๕๔๐
๒๕๔๐
๒๕๔๐
๒๕๔๐
บทเฉพาะกาล
ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ และก่อนพ้นเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่ารถของรถที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรา 7 หรือมาตรา 23 ให้พ้นจากบัญญัติตามมาตรา 23 (4) ผลเสียใช้บังคับกับรถที่เจ้าของรถได้จัดให้มีการประกันความเสียหายไว้แล้วตามมาตรา 7 หรือมาตรา 23 ภายใต้บังคับมาตรการคุ้มครอง ตามบัญญัติมาตรา 23 ยังมิให้ใช้บังคับภายในกำหนด สามสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรี หมายนเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากปรากฏว่าผู้พิทักษ์ซึ่งเกิด จากการแต่งตั้งจำนวนหนึ่งในแต่ละปี เป็นเหตุให้ผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก โดยทาง ผู้ประสบภัยดังกล่าวไม่ได้รับการดำเนินคดีที่รวดเร็วเท่าที่ควรเนื่องจากไม่มีกองทุนความเสียหายที่ ได้รับจริง และหากผู้ประสบภัยจะใช้สิทธิทางแพ่งเรื่องค่าสินไหมทดแทนต้องใช้เวลาดำเนินคดี ยาวนาน ดังนั้น เพื่อให้ผู้ประสบภัยได้รับการดำเนินคดีที่เหมาะสมและได้รับค่าเสียหายที่เป็นธรรมก่อน การพิจารณาคดี สมควรขยายระยะเวลาการดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ หมายนเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากพระราชบัญญัติการคุ้มครอง ผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ มีบทบัญญัติไม่เหมาะสมบางประการ และยังมีปัญหาในการบังคับใช้ และการปฏิบัติตาม สมควรขยายระยะเวลาการใช้บังคับออกไปก่อน เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหา ดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๘ มาตรา ๑๙ ให้บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด จัดให้มีสถานที่ ดำเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถในจังหวัดต่าง ๆ ให้เพียงพอและเหมาะสมกับ การปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ และให้ถือว่าบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด เป็น ผู้รับประกันภัยตามพระราชบัญญัตินี้ ส่วนการดำเนินการเกี่ยวกับการรับประกันภัยให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์และเงื่อนไขของคณะกรรมการ มาตรา ๒๐ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ หมายนเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครอง ผู้ประสบภัยจากรถที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีบทบัญญัติบางประการที่ยังไม่เหมาะสมและสอดคล้องกับ สภาพการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ประสบภัย เช่น แบบบัญชี เกี่ยวกับเงินคุ้มครองและจำนวนเงินที่จ่ายตามพระราชบัญญัติการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ แบบแผน ข้อความในกรมธรรม์ประกันภัย และอัตราเบี้ยประกันภัย สมควรเพิ่มเติมบทบัญญัติในเรื่อง ดังกล่าว รวมทั้งเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำหนดให้บริษัทประกันภัยต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทน เฉพาะที่อาจก่อให้เสียหายต่อสิทธิของผู้ประสบภัยหรือทายาทโดยธรรมของผู้ประสบภัย และให้ บริษัทผู้คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถสามารถขึ้นทะเบียนให้บริการเกี่ยวกับการรับประกันและการจ่าย ค่าสินไหมทดแทนแบบกรมธรรม์รับและกำหนดจำนวนทุนตามกรมธรรม์ประกันภัย การกำหนดให้ใช้ค่าเบี้ย บริการสำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยและการกำหนดอัตราเงินสมทบ ระยะเวลา และ หลักเกณฑ์การจ่ายเงินสมทบที่บริษัทต้องจ่ายให้แก่กองทุนคนทุพพลภาพผู้ประสบภัย รวมทั้งปรับปรุงบท กำหนดโทษให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ *พระราชบัญญัตินี้กำหนดให้ยกเลิกข้อกำหนดเกี่ยวกับการโอนอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไป ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ พ.ศ. ๒๕๔๖* มาตรา ๔๔ ในพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๒๓ ให้แก้ไขคำ ว่า “ผู้แทนกรมการประกันภัย” เป็น “ผู้แทนกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ” หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ ได้บัญญัติให้ยกเลิกข้อกำหนดเกี่ยวกับการตั้งและการยุบโดยมีผลการจัดใหม่ ซึ่งได้มี การตราพระราชกฤษฎีกาโอนกิจการบริหารและอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตาม พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม นั้นแล้ว และเนื่องจากพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัย จากรถยังคงมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดตั้งและการยุบส่วนราชการ รวมทั้งการโอนอำนาจหน้าที่ของ ส่วนราชการเดิมมาเป็นของส่วนราชการใหม่ โดยให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับ ข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนแปลง อันเป็น เพื่อมุ่งหมายให้บทบัญญัติในพระราชบัญญัติและพระราชกฤษฎีกา มีความสอดคล้องกัน รวมทั้งเพื่อให้การบริหารงานของส่วนราชการในอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการที่มี การจัดตั้งใหม่มีความสะดวกและเหมาะสมยิ่งขึ้น และเพื่อให้การบริหารงานของส่วนราชการในอำนาจ หน้าที่ของส่วนราชการที่มีการจัดตั้งใหม่มีความสะดวกและเหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัติ นี้ พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๖ มาตรา ๒๐ สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนหรือค่าเสียหายอันเกิดจากคนทุพพลภาพหรือคนที่อยู่ในอำนาจ พระราชบัญญัตินี้ยังคงดำเนินให้แล้วเสร็จอยู่ต่อไป ทั้งนี้ ภายใต้หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขและระยะเวลาที่ได้ บังคับอยู่ในขณะนั้น มาตรา ๒๑ บรรดากฎกระทรวงที่ออกมาโดยมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติ คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๒๓ และยังใช้บังคับในวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลบังคับในราช กิจจานุเบกษา ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติผู้คุ้มครอง ผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๔๖ ทั้งนี้ให้แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ จนกว่าจะได้มีประกาศที่ออก ตามพระราชบัญญัตินี้ “ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐ ตอนที่ ๑๑๐ ก/๒๘ ลงวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๔๖” “ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐ ตอนที่ ๑๑๐ ก/๒๘ ลงวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๔๖” สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติฉบับนี้บังคับ มาตรา 26 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ในปัจจุบันปรากฏว่าผู้ประสบภัยจากรถบางประเภทที่ยังไม่ได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ทำให้ผู้ประสบภัยไม่ได้รับการชดใช้ค่าเสียหายเบื้องต้นในทันทีเมื่อมีเหตุอันสมควร นอกจากนี้ ยังมีบางบัญญัติของพระราชบัญญัติดังกล่าวที่ไม่เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน เช่น บางบัญญัติที่เกี่ยวกับสิทธิการเรียกร้องค่าเสียหาย การแจ้งการบอกเลิกกรมธรรม์ การใช้เงินในกองทุน การจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นจากเงินกองทุนและการเรียกค่าเสียหายเบื้องต้นคืน สมควรแก้ไขเพิ่มเติมบัญญัติในเรื่องดังกล่าว รวมทั้งปรับปรุงบทกำหนดโทษให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2565 มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2565" และพระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา 2 ให้ยกเลิกความในมาตรา 7 วรรคหนึ่ง และมาตรา 13 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “มาตรา 7 ให้มีคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยตามพระราชบัญญัตินี้ ประกอบด้วย (1) ในพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 คำว่า “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์” ในมาตรา 4 ให้หมายความถึง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง” คำว่า “รัฐมนตรี” ในมาตรา 7 วรรคสาม มาตรา 13 มาตรา 16 มาตรา 23 มาตรา 24 มาตรา 26 มาตรา 31 มาตรา 32 มาตรา 35 มาตรา 36 มาตรา 40 และมาตรา 45 ให้หมายความถึง “คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย” คำว่า “อธิบดีกรมการประกันภัย” ในมาตรา 7 และมาตรา 110 วรรคสาม ให้หมายความถึง “เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย” คำว่า “นายทะเบียน” ในมาตรา 20 มาตรา 21 มาตรา 22 มาตรา 23 มาตรา 24 มาตรา 25 มาตรา 27 มาตรา 31 มาตรา 32 มาตรา 35 มาตรา 36 มาตรา 37 มาตรา 45 มาตรา 47 ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 139 ตอนที่ 45 ก/หน้า 47 วันที่ 23 สิงหาคม 2565 มาตรา ๒๓ มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๖ มาตรา ๒๙ วรรคสอง และมาตรา ๔๐ ให้หมายความถึง “คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย” คำว่า “กรรมการประกันภัย” ในมาตรา ๒๐ มาตรา ๒๖ มาตรา ๔๐ และมาตรา ๑๑๑ ให้หมายความถึง “สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย” คำว่า “คณะกรรมการ” ในมาตรา ๓๓ (๑๔) ให้หมายความถึง “คณะกรรมการบริษัท” คำว่า “คณะกรรมการ” ในมาตรา ๑๑๑ ให้หมายความถึง “คณะกรรมการเปรียบเทียบ” (๖) ในพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. ๒๕๓๕; คำว่า “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง” ในมาตรา ๖ ให้หมายความถึง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง” คำว่า “รัฐมนตรี” ในมาตรา ๖ วรรคสอง มาตรา ๑๔ มาตรา ๑๕ มาตรา ๒๐ มาตรา ๒๒ มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๖ มาตรา ๒๗ มาตรา ๓๓ มาตรา ๔๐ มาตรา ๔๕ มาตรา ๔๖ มาตรา ๔๗ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ มาตรา ๕๐ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๒ มาตรา ๕๓ มาตรา ๕๔ มาตรา ๕๕ มาตรา ๕๖ มาตรา ๕๗ มาตรา ๕๘ มาตรา ๕๙ มาตรา ๖๐ มาตรา ๖๑ มาตรา ๖๒ มาตรา ๖๓ มาตรา ๖๔ มาตรา ๖๕ มาตรา ๖๖ มาตรา ๖๗ มาตรา ๖๘ มาตรา ๖๙ มาตรา ๗๐ มาตรา ๗๑ มาตรา ๗๒ มาตรา ๗๓ มาตรา ๗๔ มาตรา ๗๕ มาตรา ๗๖ มาตรา ๗๗ มาตรา ๗๘ มาตรา ๗๙ มาตรา ๘๐ มาตรา ๘๑ มาตรา ๘๒ มาตรา ๘๓ มาตรา ๘๔ มาตรา ๘๕ มาตรา ๘๖ มาตรา ๘๗ มาตรา ๘๘ มาตรา ๘๙ มาตรา ๙๐ มาตรา ๙๑ มาตรา ๙๒ มาตรา ๙๓ มาตรา ๙๔ มาตรา ๙๕ มาตรา ๙๖ มาตรา ๙๗ มาตรา ๙๘ มาตรา ๙๙ มาตรา ๑๐๐ มาตรา ๑๐๑ มาตรา ๑๐๒ มาตรา ๑๐๓ มาตรา ๑๐๔ มาตรา ๑๐๕ มาตรา ๑๐๖ มาตรา ๑๐๗ มาตรา ๑๐๘ มาตรา ๑๐๙ มาตรา ๑๑๐ มาตรา ๑๑๑ มาตรา ๑๑๒ มาตรา ๑๑๓ มาตรา ๑๑๔ มาตรา ๑๑๕ มาตรา ๑๑๖ มาตรา ๑๑๗ มาตรา ๑๑๘ มาตรา ๑๑๙ มาตรา ๑๒๐ มาตรา ๑๒๑ มาตรา ๑๒๒ มาตรา ๑๒๓ มาตรา ๑๒๔ มาตรา ๑๒๕ มาตรา ๑๒๖ มาตรา ๑๒๗ มาตรา ๑๒๘ มาตรา ๑๒๙ มาตรา ๑๓๐ มาตรา ๑๓๑ มาตรา ๑๓๒ มาตรา ๑๓๓ มาตรา ๑๓๔ มาตรา ๑๓๕ มาตรา ๑๓๖ มาตรา ๑๓๗ มาตรา ๑๓๘ มาตรา ๑๓๙ มาตรา ๑๔๐ มาตรา ๑๔๑ มาตรา ๑๔๒ มาตรา ๑๔๓ มาตรา ๑๔๔ มาตรา ๑๔๕ มาตรา ๑๔๖ มาตรา ๑๔๗ มาตรา ๑๔๘ มาตรา ๑๔๙ มาตรา ๑๕๐ มาตรา ๑๕๑ มาตรา ๑๕๒ มาตรา ๑๕๓ มาตรา ๑๕๔ มาตรา ๑๕๕ มาตรา ๑๕๖ มาตรา ๑๕๗ มาตรา ๑๕๘ มาตรา ๑๕๙ มาตรา ๑๖๐ มาตรา ๑๖๑ มาตรา ๑๖๒ มาตรา ๑๖๓ มาตรา ๑๖๔ มาตรา ๑๖๕ มาตรา ๑๖๖ มาตรา ๑๖๗ มาตรา ๑๖๘ มาตรา ๑๖๙ มาตรา ๑๗๐ มาตรา ๑๗๑ มาตรา ๑๗๒ มาตรา ๑๗๓ มาตรา ๑๗๔ มาตรา ๑๗๕ มาตรา ๑๗๖ มาตรา ๑๗๗ มาตรา ๑๗๘ มาตรา ๑๗๙ มาตรา ๑๘๐ มาตรา ๑๘๑ มาตรา ๑๘๒ มาตรา ๑๘๓ มาตรา ๑๘๔ มาตรา ๑๘๕ มาตรา ๑๘๖ มาตรา ๑๘๗ มาตรา ๑๘๘ มาตรา ๑๘๙ มาตรา ๑๙๐ มาตรา ๑๙๑ มาตรา ๑๙๒ มาตรา ๑๙๓ มาตรา ๑๙๔ มาตรา ๑๙๕ มาตรา ๑๙๖ มาตรา ๑๙๗ มาตรา ๑๙๘ มาตรา ๑๙๙ มาตรา ๒๐๐ มาตรา ๒๐๑ มาตรา ๒๐๒ มาตรา ๒๐๓ มาตรา ๒๐๔ มาตรา ๒๐๕ มาตรา ๒๐๖ มาตรา ๒๐๗ มาตรา ๒๐๘ มาตรา ๒๐๙ มาตรา ๒๑๐ มาตรา ๒๑๑ มาตรา ๒๑๒ มาตรา ๒๑๓ มาตรา ๒๑๔ มาตรา ๒๑๕ มาตรา ๒๑๖ มาตรา ๒๑๗ มาตรา ๒๑๘ มาตรา ๒๑๙ มาตรา ๒๒๐ มาตรา ๒๒๑ มาตรา ๒๒๒ มาตรา ๒๒๓ มาตรา ๒๒๔ มาตรา ๒๒๕ มาตรา ๒๒๖ มาตรา ๒๒๗ มาตรา ๒๒๘ มาตรา ๒๒๙ มาตรา ๒๓๐ มาตรา ๒๓๑ มาตรา ๒๓๒ มาตรา ๒๓๓ มาตรา ๒๓๔ มาตรา ๒๓๕ มาตรา ๒๓๖ มาตรา ๒๓๗ มาตรา ๒๓๘ มาตรา ๒๓๙ มาตรา ๒๔๐ มาตรา ๒๔๑ มาตรา ๒๔๒ มาตรา ๒๔๓ มาตรา ๒๔๔ มาตรา ๒๔๕ มาตรา ๒๔๖ มาตรา ๒๔๗ มาตรา ๒๔๘ มาตรา ๒๔๙ มาตรา ๒๕๐ มาตรา ๒๕๑ มาตรา ๒๕๒ มาตรา ๒๕๓ มาตรา ๒๕๔ มาตรา ๒๕๕ มาตรา ๒๕๖ มาตรา ๒๕๗ มาตรา ๒๕๘ มาตรา ๒๕๙ มาตรา ๒๖๐ มาตรา ๒๖๑ มาตรา ๒๖๒ มาตรา ๒๖๓ มาตรา ๒๖๔ มาตรา ๒๖๕ มาตรา ๒๖๖ มาตรา ๒๖๗ มาตรา ๒๖๘ มาตรา ๒๖๙ มาตรา ๒๗๐ มาตรา ๒๗๑ มาตรา ๒๗๒ มาตรา ๒๗๓ มาตรา ๒๗๔ มาตรา ๒๗๕ มาตรา ๒๗๖ มาตรา ๒๗๗ มาตรา ๒๗๘ มาตรา ๒๗๙ มาตรา ๒๘๐ มาตรา ๒๘๑ มาตรา ๒๘๒ มาตรา ๒๘๓ มาตรา ๒๘๔ มาตรา ๒๘๕ มาตรา ๒๘๖ มาตรา ๒๘๗ มาตรา ๒๘๘ มาตรา ๒๘๙ มาตรา ๒๙๐ มาตรา ๒๙๑ มาตรา ๒๙๒ มาตรา ๒๙๓ มาตรา ๒๙๔ มาตรา ๒๙๕ มาตรา ๒๙๖ มาตรา ๒๙๗ มาตรา ๒๙๘ มาตรา ๒๙๙ มาตรา ๓๐๐ มาตรา ๓๐๑ มาตรา ๓๐๒ มาตรา ๓๐๓ มาตรา ๓๐๔ มาตรา ๓๐๕ มาตรา ๓๐๖ มาตรา ๓๐๗ มาตรา ๓๐๘ มาตรา ๓๐๙ มาตรา ๓๑๐ มาตรา ๓๑๑ มาตรา ๓๑๒ มาตรา ๓๑๓ มาตรา ๓๑๔ มาตรา ๓๑๕ มาตรา ๓๑๖ มาตรา ๓๑๗ มาตรา ๓๑๘ มาตรา ๓๑๙ มาตรา ๓๒๐ มาตรา ๓๒๑ มาตรา ๓๒๒ มาตรา ๓๒๓ มาตรา ๓๒๔ มาตรา ๓๒๕ มาตรา ๓๒๖ มาตรา ๓๒๗ มาตรา ๓๒๘ มาตรา ๓๒๙ มาตรา ๓๓๐ มาตรา ๓๓๑ มาตรา ๓๓๒ มาตรา ๓๓๓ มาตรา ๓๓๔ มาตรา ๓๓๕ มาตรา ๓๓๖ มาตรา ๓๓๗ มาตรา ๓๓๘ มาตรา ๓๓๙ มาตรา ๓๔๐ มาตรา ๓๔๑ มาตรา ๓๔๒ มาตรา ๓๔๓ มาตรา ๓๔๔ มาตรา ๓๔๕ มาตรา ๓๔๖ มาตรา ๓๔๗ มาตรา ๓๔๘ มาตรา ๓๔๙ มาตรา ๓๕๐ มาตรา ๓๕๑ มาตรา ๓๕๒ มาตรา ๓๕๓ มาตรา ๓๕๔ มาตรา ๓๕๕ มาตรา ๓๕๖ มาตรา ๓๕๗ มาตรา ๓๕๘ มาตรา ๓๕๙ มาตรา ๓๖๐ มาตรา ๓๖๑ มาตรา ๓๖๒ มาตรา ๓๖๓ มาตรา ๓๖๔ มาตรา ๓๖๕ มาตรา ๓๖๖ มาตรา ๓๖๗ มาตรา ๓๖๘ มาตรา ๓๖๙ มาตรา ๓๗๐ มาตรา ๓๗๑ มาตรา ๓๗๒ มาตรา ๓๗๓ มาตรา ๓๗๔ มาตรา ๓๗๕ มาตรา ๓๗๖ มาตรา ๓๗๗ มาตรา ๓๗๘ มาตรา ๓๗๙ มาตรา ๓๘๐ มาตรา ๓๘๑ มาตรา ๓๘๒ มาตรา ๓๘๓ มาตรา ๓๘๔ มาตรา ๓๘๕ มาตรา ๓๘๖ มาตรา ๓๘๗ มาตรา ๓๘๘ มาตรา ๓๘๙ มาตรา ๓๙๐ มาตรา ๓๙๑ มาตรา ๓๙๒ มาตรา ๓๙๓ มาตรา ๓๙๔ มาตรา ๓๙๕ มาตรา ๓๙๖ มาตรา ๓๙๗ มาตรา ๓๙๘ มาตรา ๓๙๙ มาตรา ๔๐๐ มาตรา ๔๐๑ มาตรา ๔๐๒ มาตรา ๔๐๓ มาตรา ๔๐๔ มาตรา ๔๐๕ มาตรา ๔๐๖ มาตรา ๔๐๗ มาตรา ๔๐๘ มาตรา ๔๐๙ มาตรา ๔๑๐ คำว่า "ปลัดกระทรวงพาณิชย์" ในมาตรา 6 ให้หมายความถึง "ปลัดกระทรวงการคลัง" คำว่า "อธิบดีกรมการประกันภัย" ในมาตรา 10 หรือวรรคแรก ให้หมายความถึง "คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย" คำว่า "อธิบดีกรมการประกันภัย" ในมาตรา 4 มาตรา 8 และมาตรา 13 หรือวรรคสาม ให้หมายความถึง "เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย" คำว่า "กรมการประกันภัย" ในมาตรา 28 มาตรา 30 มาตรา 31 มาตรา 32 และมาตรา 45 ให้หมายความถึง "สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย" คำว่า "ผู้แทนกระทรวงการคลัง" ในมาตรา 6 ให้หมายความถึง "ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์" หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ปัจจุบันการประกอบธุรกิจประกันภัยได้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว รูปแบบการประกันภัยมีความหลากหลาย มีแนวโน้มขยายไปในธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นตามไปแต่ละปี และยังมีปัญหาในเรื่องการเงินในรูปแบบต่าง ๆ การประกอบธุรกิจประกันภัยมีลักษณะเป็นธุรกิจบริการทางการเงินประเภทหนึ่งซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ แต่ละขณะยังมีปัญหาที่ผู้มีปัญหาด้านการเงิน องค์กรกำกับดูแลการประกอบธุรกิจประกันภัยในปัจจุบันมีความจำกัดในด้านอำนาจหน้าที่และขอบเขตการดำเนินการ จึงจำเป็นต้องปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการประกันภัยให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เพื่อให้เกิดความคุ้มครองสิทธิของผู้เอาประกันภัยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ การส่งเสริมสวัสดิการและการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจประกันภัยที่มีความเป็นธรรมและสอดคล้องตัวในการกำกับดูแลธุรกิจอื่นที่เป็นการเฉพาะ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติผู้ควบคุมผู้ประสบภัยจากรถ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2554 มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่เพื่อให้เจ้าของรถที่เอาประกันภัยครอบคลุมความเสียหายต่อผู้ประสบภัยและทรัพย์สินแล้ว ยังได้กำหนดรายละเอียดให้ผู้ประสบภัยที่ได้รับบาดเจ็บอย่างร้ายแรง ร่างกาย หรือจิตใจและเสียหายร้ายแรงต่อความเสียหายต่อทรัพย์สินและผู้ประสบภัยอย่างร้ายแรง รวมทั้งประกันภัยในลักษณะอื่นที่จำเป็นอย่างยิ่งจึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ ประหยัดค่าใช้จ่ายและเกิดความเป็นธรรมเพราะปัจจุบันเจ้าของรถผู้ใช้รถประกันภัยต้องจ่ายเงินให้มีการประกันความเสียหายต่อทรัพย์สินร่วมกับลักษณะทรัพย์ฯ ที่เจ้าของรถได้รับความเสียหายต่อผู้ประสบภัยและทรัพย์สินแล้ว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ ชาญชัย/จัดทำ 23 มกราคม 2526 ศิริชัย/ปรับปรุง 27 กรกฎาคม 2545