로고

พระราชบัญญัติ การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ. ๒๕๖๒ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นปีที่ ๔ ในรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการ โปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของ บุคคลซึ่งมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๓๗ มาตรา ๓๘ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๓ และมาตรา ๔๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่ง กฎหมาย จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของ

ชาติทางทะเล พ.ศ. ๒๕๖๒”

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้

"ผลประโยชน์ของชาติทางทะเล" หมายความว่า ผลประโยชน์ของประเทศไทยซึ่งพึงได้รับจากกิจกรรมทางทะเล หรือประโยชน์อื่นใดในเขตทางทะเล ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม เพื่อให้เกิดประโยชน์ในทุก ๆ ด้าน เช่น ด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้านทรัพยากร หรือด้านสิ่งแวดล้อม "เขตทางทะเล" หมายความว่า ชายฝั่งทะเลและพื้นที่ทางทะเลที่อยู่ในประเทศไทย อำนาจอธิปไตยหรือสิทธิอธิปไตย หรือสิทธิหรือเขตอำนาจศาลที่ประเทศไทยมีอยู่ตามกฎหมายระหว่างประเทศหรือสนธิสัญญาที่ประเทศไทยเป็นภาคี ได้แก่ น่านน้ำภายใน ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง เขตเศรษฐกิจจำเพาะ ไหล่ทวีป และเขตทางทะเลอื่นใด รวมถึงเกาะแก่ง สมดุลย์ และสิ่งปลูกสร้างในเขต รวมทั้งทรัพยากรที่มีอยู่หรือที่เกิดขึ้นในเขตดังกล่าว และพื้นที่ทางทะเลอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนดให้เป็นเขตทางทะเล "กิจกรรมทางทะเล" หมายความว่า การดำเนินการเพื่อใช้ประโยชน์ในเขตทางทะเลในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การขนส่งสินค้าทางเรือ การประมง การท่องเที่ยว การแสดงประโยชน์จากทรัพยากรที่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต การอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมทางทะเล การอนุรักษ์และการบริหารทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง การป้องกันและปราบปรามการกระทำผิด หรือการสำรวจและวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเล "บทบาททะเล" หมายความว่า เรื่อง อากาศยาน หรือบทบาททางทะเลใด ๆ ที่สามารถบรรทุกคนหรือสิ่งของไปในทะเลได้ "จังหวัดชายทะเล" หมายความว่า จังหวัดที่มีอาณาเขตติดต่อกับเขตทางทะเลตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกำหนดในกฎกระทรวง "หน่วยงานของรัฐ" หมายความว่า ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่นของรัฐ แต่ไม่รวมถึง สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และองค์กรตามรัฐธรรมนูญ "เจ้าหน้าที่ของรัฐ" หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ "คณะกรรมการ" หมายความว่า คณะกรรมการนโยบายการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล "ศรชล." หมายความว่า ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล "ผู้อำนวยการ" หมายความว่า ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล "พนักงานเจ้าหน้าที่" หมายความว่า ผู้ซึ่งผู้อำนวยการแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ จากบุคคลดังต่อไปนี้ (ก) นายทหารหรือนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร หรือนายทหารหรือนายตำรวจชั้นประทวนที่ดำรงตำแหน่งผู้บังคับบัญชา (ข) ผู้มีคุณสมบัติและขึ้นทะเบียนที่ผู้อำนวยการกำหนด

มาตรา ๖ ให้หน่วยรัฐมีหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล

มาตรา ๗

คณะกรรมการนโยบายการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล

มาตรา 4 ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการนโยบายการรักษา ผลประโยชน์ของชาติทางทะเล” เรียกโดยย่อว่า “คณะกรรมการ นนล.” ประกอบด้วย

1

นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธาน กรรมการ

2

กรรมการโดยตำแหน่ง จำนวนยี่สิบสี่คน ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปลัดกระทรวงพลังงาน ปลัดกระทรวงยุติธรรม ปลัดกระทรวงแรงงาน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) และผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ

3

กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง จำนวนไม่เกินเจ็ดคน จากผู้มี ความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์ในเรื่องที่เกี่ยวกับการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือในเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ให้ปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นกรรมการและเลขานุการ และให้หัวหน้าส่วนราชการหรือหัวหน้าหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งเพิ่มเติม และเจ้าหน้าที่ของ ศรชล. ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งเพิ่มเติม เป็นผู้ช่วยเลขานุการ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ คณะกรรมการอาจแต่งตั้งให้นายกรัฐมนตรีหรือหัวหน้าหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล หรือผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์ในเรื่องที่เกี่ยวกับการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล หรือในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเป็นกรรมการในคณะกรรมการเฉพาะกิจได้ โดยให้มีระเบียบการประชุมเช่นเดียวกับการประชุมคณะกรรมการสำหรับการประชุมครั้งนั้น

มาตรา 5 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้

1

มีสัญชาติไทย

2

ไม่เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต

3

ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ

4

ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับ ความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ

ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น กรรมการหรือผู้ดำรงตำแหน่งซึ่งรับผิดชอบการบริหารพรรคการเมือง ที่ปรึกษาพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่พรรคการเมือง

มาตรา ๗ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปี เมื่อครบกำหนดตามวาระ ให้พ้นจากตำแหน่ง แต่ให้อยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่ ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้นอาจได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่อไปอีกได้ แต่จะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกินสองวาระมิได้

กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระ อาจได้รับแต่งตั้งหรือเลือกตั้งเป็นกรรมการในคณะกรรมการอื่นของราชการได้

มาตรา ๘ นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งเมื่อ

(ก) ตาย (ข) ลาออก (ค) คณะรัฐมนตรีให้ออก (ง) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามอย่างใดอย่างหนึ่งตามมาตรา ๖

มาตรา ๙ ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนครบกำหนดตามวาระ ให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้ผู้ได้รับแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่ในตำแหน่งได้เท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิม ทั้งนี้ ในกรณีการแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง หากวาระที่เหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งปีอาจไม่แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแทนก็ได้

ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ให้คณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการที่มีอยู่ปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่พ้นจากตำแหน่งไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งกรรมการเข้ารับหน้าที่

มาตรา ๑๐ คณะกรรมการที่แต่งตั้งตามพระราชบัญญัตินี้ มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้

กำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ แผนงานและแนวทางปฏิบัติทางวิชาการ และมาตรการในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และยุทธศาสตร์ชาติ

ให้คำแนะนำ ปรึกษา และสนับสนุนการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล

ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานในส่วนที่เป็นนโยบาย ยุทธศาสตร์ แผนแม่บท มาตรการในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลที่คณะรัฐมนตรี ศรชล. หรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง และเสนอผลการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรี

ปฏิบัติการอื่นใดที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ หรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย

มาตรา ๑๓ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้คณะกรรมการมีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือเรียกให้หน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐส่งข้อมูลหรือเอกสารใด ๆ ที่เกี่ยวข้องมาเพื่อใช้ประกอบการพิจารณา หรือขอเรียกให้บุคคลใด ๆ มาให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการก็ได้

มาตรา ๑๔ ให้มีการประชุมคณะอนุกรรมการที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการพิจารณาทางปกครองตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมาใช้กับการประชุมของคณะกรรมการโดยอนุโลม

มาตรา ๑๕ คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อทำการใด ๆ แทนได้ จำนวน คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ รวมตลอดทั้งวิธีการได้มา วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่ง ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนดกำหนดในระเบียบตามกฎหมาย

การประชุมคณะอนุกรรมการ ให้ถือความในมาตรา ๑๒ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

มาตรา ๑๖ ให้คณะกรรมการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการที่ปรึกษาและจัดการความรู้เพื่อประโยชน์ของการดำเนินงานตามพระราชบัญญัตินี้ โดยให้มีคณะอนุกรรมการที่ปรึกษาและจัดการความรู้คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (๑) เป็นประธานคณะอนุกรรมการ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการให้คำปรึกษาและจัดการความรู้เกี่ยวกับการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแก่คณะกรรมการและ ศรช. รวมทั้งปฏิบัติงานที่คณะกรรมการและ ศรช. มอบหมายให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้

การประชุม จดหมาย ให้ถือความในมาตรา ๑๒ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

มาตรา ๑๗ ให้กรรมการ กรรมการบริหาร ศรชอ. อนุกรรมการ ที่ปรึกษา ศรชอ. กรรมการที่ปรึกษา ศรชอ.ภาค และกรรมการที่ปรึกษา ศรชอ.จังหวัด ให้รับเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด

มาตรา ๑๘ ให้นำกฎหมายสภาสถาบันอุดมศึกษาแห่งหนึ่งที่จัดสอบอนุกรรมการและการประชุมของคณะกรรมการ รวมทั้งการดำเนินงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ

หมวด ๒

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล

มาตรา ๑๙ ให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เรียกโดยย่อว่า “ศรช.” ขึ้นในสำนักนายกรัฐมนตรี มีฐานะเป็นส่วนราชการรูปแบบพิเศษ มีหน้าที่และอำนาจและรับผิดชอบเกี่ยวกับการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล

ศรชล. อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อ นายกรัฐมนตรี โดยวิธีการปฏิบัติราชการ และการบริหารงาน การจัดโครงสร้าง การแบ่งส่วนงาน และหน้าที่และอำนาจของส่วนงานและ ตัวกำหนดให้เป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ให้ นายกรัฐมนตรี มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นผู้บังคับบัญชาตามที่นายกรัฐมนตรี มอบหมาย เรียกโดยย่อว่า “ผอ.ศรชล.” เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้างใน ศรชล. และ รับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของ ศรชล. โดยให้มีอำนาจหน้าที่ ดังนี้ ผู้ว่าราชการอาวุโสแห่ง ศรชล. ซึ่งผู้ว่าราชการจากจังหวัดที่เกี่ยวข้องกับ ศรชล. หรือ เจ้าหน้าที่ของรัฐอื่นที่ตามความเหมาะสม โดยคำสั่งจัดโครงสร้างและการแบ่งส่วนงานของ ศรชล. ให้สนับสนุนการบริหารเชิงบูรณาการ ศรชล. มีหน้าที่รับผิดชอบงานอำนวยการและ ธุรการของ ศรชล. รองผู้ว่าราชการ ผู้ช่วยอำนวยการ และเลขานุการ ศรชล. มีอำนาจบังคับบัญชา ข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้างใน ศรชล. และมีหน้าที่และอำนาจอื่น ทั้งนี้ ตามที่ผู้ว่าราชการ กำหนด ให้ผู้ว่าราชการมีอำนาจพิจารณาธรรม ฟ้องคดี ถูกฟ้องคดี และดำเนินการทั้งปวง เกี่ยวกับคดีนั้นเมื่อเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของ ศรชล. ทั้งนี้ โดยกระทำในนามของสำนักงานนายกรัฐมนตรี ในกรณีปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการใช้อำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการ ผู้ว่าราชการจะมอบ อำนาจเป็นหนังสือให้รองผู้ว่าราชการเป็นผู้ปฏิบัติหรือใช้อำนาจแทนก็ได้

มาตรา ๑๓ ให้ ศรชล. เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ และกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง

มาตรา ๑๔ ให้ ศรชล. มีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้

วางแผน อำนวยการ ประสานงาน สั่งการ และสนับสนุนการปฏิบัติงานของ หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล

ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลในแผนและโครงการที่เกี่ยวข้องให้เกิดผลดี ทุกภาคผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และรายงานคณะกรรมการ และคณะรัฐมนตรี ศึกษาสั่ง เพื่อพิจารณาต่อไป

เสนอแผนและแนวทางในการปฏิบัติงานและดำเนินการตามนโยบาย ยุทธศาสตร์ หรือแผนความมั่นคงแห่งชาติทางทะเลต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และเมื่อ คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนและโครงการที่ ปฏิบัติให้สอดคล้องกับแผนและแนวทางที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ

วางแผน พัฒนา และดำเนินการเกี่ยวกับระบบข้อมูลข่าวสาร อุปกรณ์ และ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่เกี่ยวกับการปฏิบัติงานของ ศรชล. ให้มีความเหมาะสม หรือ และเชื่อมโยงกับระบบข้อมูลข่าวสาร อุปกรณ์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของ หน่วยงานของรัฐ องค์กรอื่น หรือรัฐอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดประโยชน์ของชาติทางทะเลในทุกด้าน

เสนอแนะการแก้ไขกฎหมาย กฎ ระเบียบ และสิทธิในการรักษาผลประโยชน์ของชาติ ทางทะเลในลักษณะต่าง ๆ และปรับปรุงให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่กระทบต่อผลประโยชน์ของชาติหรืองานของ ศรชล.

6

ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่และอำนาจของ ศรชล. หรือทางที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย

มาตรา 20 นอกจากการมอบอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินแล้ว บรรดากรณีที่มีระเบียบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือระเบียบของผู้บัญชาการทหารสูงสุดกำหนดให้ ผอ.ศรชล.ภาค หรือ ผอ.ศรชล.จังหวัด หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ของ ศรชล. ปฏิบัติแทนก็ได้

มาตรา 21 เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติการตามหน้าที่และอำนาจของ ศรชล. ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้หน่วยงานของรัฐซึ่งมีหน้าที่ของรัฐไปปฏิบัติหน้าที่ใน ศรชล. ตามที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และให้หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับงานของ ศรชล. แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของตนไปปฏิบัติหน้าที่ใน ศรชล. ทั้งนี้ การดำเนินการตามวรรคหนึ่งเป็นไปโดยไม่เป็นการยกเลิกหรือจำกัดอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น

ให้หน่วยงานของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับงานของ ศรชล. ให้ความร่วมมือและดำเนินการให้เป็นไปตามที่ ผอ.ศรชล. ขอความร่วมมือหรือร้องขอ

มาตรา 22 ให้มีคณะกรรมการบริหาร ศรชล. ประกอบด้วย ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานกรรมการ รองผู้บัญชาการทหารเรือซึ่งผู้บัญชาการทหารเรือมอบหมาย เป็นรองประธานกรรมการ อธิบดีกรมการขนส่งทางน้ำ อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมเจ้าท่า อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อธิบดีกรมประมง อธิบดีกรมป่าไม้ อธิบดีกรมสรรพสามิต อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ผู้แทนกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนกระทรวงยุติธรรม ผู้แทนกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนกระทรวงแรงงาน ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ ผู้แทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้แทนกระทรวงพลังงาน ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ผู้แทนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และ ผอ.ศรชล.ภาค เป็นกรรมการ

ให้เลขาธิการ ศรชล. เป็นกรรมการและเลขานุการ และให้รองเลขาธิการ ศรชล. ซึ่งผู้บัญชาการทหารเรือแต่งตั้งเพิ่มเติม เป็นผู้ช่วยเลขานุการ

มาตรา 23 คณะกรรมการบริหาร ศรชล. มีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้

1

พิจารณาให้ความเห็นชอบแผนหรือแนวทางเกี่ยวกับการจัดทำแผนงาน โครงการ และงบประมาณเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการให้ความเห็นชอบ

2

เสนอแนะหรือให้คำปรึกษาในการปฏิบัติงานในหน้าที่และอำนาจของ ศรชล. (ก) วางระเบียบเกี่ยวกับการอำนวยการและประสานงานกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ข) วางระเบียบเกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อให้การบูรณาการในการปฏิบัติการร่วมกันระหว่างหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อประเมิน ตรวจสอบ หรือเตรียมการป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์หรือสถานการณ์ใด ๆ ที่กระทบหรืออาจส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเล หรือกิจกรรมทางทะเลเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติการร่วมกันอย่างมีเอกภาพและมีประสิทธิภาพ (ค) วางระเบียบเกี่ยวกับการรวบรวมและบูรณาการข้อมูลข่าวสารที่สามารถติดต่อ เชื่อมโยง หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้ เพื่อประโยชน์ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเล (ง) วางระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของ ศรชล. ศรชล.ภาค และ ศรชล.จังหวัด (จ) วางระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติงานที่ การสืบสวน และการสอบสวนตามพระราชบัญญัตินี้ ระเบียบดังกล่าวต้องคำนึงถึงหลักเกณฑ์และวิธีการในการปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนพนักงานสอบสวนที่มีหน้าที่สอบสวนตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา กำหนดสถานที่ควบคุมตัวผู้ต้องหา และการเฝ้าระวังและการดำเนินการเกี่ยวกับของกลาง ทั้งนี้ ต้องสอดคล้องกับระเบียบหรือวิธีพิจารณาความอาญา (ฉ) ออกข้อบังคับเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล การเงิน การคลัง การจัดการทรัพย์สินของ ศรชล. ศรชล.ภาค และ ศรชล.จังหวัด และการดำเนินการอื่นใดที่จำเป็น (ช) แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ (ซ) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ ศรชล. เพื่อให้การดำเนินงานของ ศรชล. เป็นไปตามแผนและให้คำแนะนำหรือเสนอแนะต่อ ศรชล.ภาค และ ศรชล.จังหวัด (ฌ) ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการบริหาร ศรชล. หรือคณะที่คณะกรรมการมอบหมาย (ญ) แต่งตั้งคณะที่ปรึกษา ศรชล. ตาม (๑๐) ให้มีส่วนร่วมของประชาชนในภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลในด้านต่าง ๆ ตามระเบียบที่คณะกรรมการบริหาร ศรชล. กำหนด

มาตรา ๒๔ การประชุมของคณะกรรมการบริหาร ศรชล. ให้มีคณะไม่น้อยกว่า ๑๒ มาใช้งานบังคับต่อไป

มาตรา ๒๕ ให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจาก เรียกโดยย่อว่า “ศรชล.ภาค” ให้เป็น ศรชล. โดยมีผู้บัญชาการทหารเรือเป็นหัวหน้าอำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เรียกโดยย่อว่า “ผอ.ศรชล.” มีหน้าที่และอำนาจและรับผิดชอบเกี่ยวกับการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลในพื้นที่รับผิดชอบของ ทัพเรือภาคและจังหวัดชายทะเลตามที่คณะกรรมการบริหาร ศรชล. กำหนด

เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานของ ศรชล. ภาค ให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบตั้งข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของทัพเรือภาค พนักงาน และลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐที่อยู่ในพื้นที่ให้มาปฏิบัติงานประจำหรือเป็นครั้งคราวใน ศรชล.ภาค ได้ ย่อ.ตรช.ภาค เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้างที่ได้รับคำสั่งให้มาปฏิบัติงานใน ตรช.ภาค และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของ ตรช.ภาค การจัดโครงสร้าง การแบ่งส่วนงานและหน้าที่และอำนาจ อัตรากำลัง และการบริหารงานของส่วนงานภายใน ตรช.ภาค ให้เป็นไปตามที่ผู้บัญชาการกำหนด เพื่อประโยชน์ในการอำนวยการและการประสานงานของ ตรช.ภาค ผู้บังคับบัญชาอาจแต่งตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษา ตรช.ภาค เพื่อให้คำปรึกษาหรือช่วยเหลือ ย่อ.ตรช.ภาค ในการปฏิบัติงานในหน้าที่และอำนาจของ ตรช.ภาค รวมทั้งให้คำปรึกษาหรือช่วยเหลือ ผอ.ตรช.ภาค ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลในเขตพื้นที่ ตรช.ภาค ทั้งนี้ การประชุมและการดำเนินงานอื่นของคณะกรรมการที่ปรึกษา ตรช.ภาค ให้เป็นไปตามระเบียบที่ผู้บัญชาการกำหนด ให้ ตรช. และหน่วยงานของรัฐจัดการสนับสนุนด้านบุคลากร ทรัพย์สิน และงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนด้านบุคลากรและทรัพย์สิน ในการปฏิบัติงานของ ตรช.ภาค ตามที่ ผอ.ตรช.ภาค ร้องขอ และให้ถือว่าเวลาปฏิบัติงานของบุคคลดังกล่าวเป็นเวลาของหน่วยงานต้นสังกัด

มาตรา 26 ให้ตั้งศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัด เรียกโดยย่อว่า “ตรช.จังหวัด” ตามเขตจังหวัดที่ตั้งขึ้นในแต่ละเขตพื้นที่ของ ตรช.ภาค โดยมีผู้บังคับบัญชาของ ตรช.ภาค เป็นหัวหน้าศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลประจำจังหวัด และอำนาจและรับผิดชอบเกี่ยวกับการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลในเขตพื้นที่รับผิดชอบของจังหวัดชายทะเล เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของ ตรช.จังหวัด ให้มีข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐที่อยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบมาปฏิบัติงานใน ตรช.จังหวัด ได้ ผอ.ตรช.จังหวัด เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้างที่ได้รับคำสั่งให้มาปฏิบัติงานใน ตรช.จังหวัด และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของ ตรช.จังหวัด การจัดโครงสร้าง การแบ่งส่วนงานและหน้าที่และอำนาจ อัตรากำลัง และการบริหารงานของส่วนงานภายใน ตรช.จังหวัด ให้เป็นไปตามที่ผู้บัญชาการกำหนด ให้บุคคลตามวรรค 2 ของมาตรา 25 มาปฏิบัติหน้าที่กับการแต่งตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษา ตรช.จังหวัด โดยอนุโลม ให้ ตรช. และหน่วยงานของรัฐจัดการสนับสนุนด้านบุคลากร ทรัพย์สิน และงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนด้านบุคลากรและทรัพย์สิน ในการปฏิบัติงานของ ตรช.จังหวัด ตามที่ ผอ.ตรช.จังหวัด ร้องขอ และให้ถือว่าเวลาปฏิบัติงานของบุคคลดังกล่าวเป็นเวลาของหน่วยงานต้นสังกัด

หมวด 3

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ภารกิจการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล

มาตรา 27 ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลโดยทั่วไป ให้เป็นไปตามหน้าที่และอำนาจของหน่วยงานของรัฐตามบทของกฎหมายที่ให้อำนาจหน้าที่และอำนาจแก่หน่วยงานของรัฐนั้น

ในกรณีความผิดเกี่ยวกับภารกิจการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลโดยทั่วไป ตามวรรคหนึ่งกรณีใดที่มีความสงสัยว่าอาจจะของหน่วยงานของรัฐ กรณีที่ไม่มีหน่วยงานของรัฐใดรับผิดชอบ กรณีที่มีความจำเป็นต้องมีการบูรณาการในการปฏิบัติงาน หรือกรณีที่มีความจำเป็นอันควรตามที่คณะกรรมการกำหนดให้ ศรชล. เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการฝ่ายพลเรือน ข้าราชการฝ่ายทหาร และลูกจ้างในการจัดการหรือแก้ไขปัญหา รวมทั้งเพื่อเพิ่มอำนาจและอำนาจของหน่วยงานของรัฐเกี่ยวข้องที่เห็นว่าเป็นการป้องกัน ปราบปราม หรือแก้ไขปัญหา เหตุการณ์ หรือการกระทำที่ผิดกฎหมายเกี่ยวกับหรืออาจส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องมีการบูรณาการในการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การป้องกัน ปราบปราม หรือแก้ไขปัญหาเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ศรชล. ที่กระทรวงต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่กระทรวงหรือกรมผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่กระทรวงหรือกรมผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่กระทรวงหรือกรมผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่กระทรวงหรือกรมผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่กระทรวงหรือกรมผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่กระทรวงหรือกรมผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่กระทรวงหรือกรมผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่กระทรวงหรือกรมผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่กระทรวงหรือกรมผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่กระทรวงหรือกรมผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่กระทรวงหรือกรมผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่กระทรวงหรือกรมผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่กระทรวงหรือกรมผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่กระทรวงหรือกรมผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่กระทรวงหรือกรมผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่กระทรวงหรือกรมผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่กระทรวงหรือกรมผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่กระทรวงหรือกรมผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่กระทรวงหรือกรมผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่กระทรวงหรือกรมผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่กระทรวงหรือกรมผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่กระทรวงหรือกรมผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่กระทรวงหรือกรมผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่กระทรวงหรือกรมผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่กระทรวงหรือกรมผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่กระทรวงหรือกรมผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่กระทรวงหรือกรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ทะเลเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติการกิจตามมาตรา ๒๗ ได้พ้นต่อสถานการณ์และมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ตามระเบียบที่คณะกรรมการบริหาร ศรชล. กำหนด

กำกับ ติดตาม และเร่งรัดหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการหรือรู้นาการในการดำเนินการให้เป็นไปตามแผนเผชิญเหตุ หรือคำสั่งการของ ศรชล. ที่เกี่ยวข้อง

สั่งการและกำกับดูแลหน่วยงานหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ โดยให้มีอำนาจสั่งการฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ทหารเรือรวมถึง กิจการแพทย์ และหน่วยที่หรือสถานที่ซึ่งอยู่นอกการบังคับ กำหนด ทั้งนี้ ในกรณีตามมาตรา ๒๗ วรรคหนึ่ง หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ควบคุมดูแลหรือกิจการดังกล่าวต้องร้องขอ

มาตรา ๒๙ เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาเกี่ยวกับการรักษาผลประโยชน์ของชาติ ทางทะเลตามพระราชบัญญัตินี้หรือการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วย การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร แล้วแต่กรณี ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาและคณะกรรมการพิจารณาเพื่อให้ข้อเสนอการรักษาผลประโยชน์ของชาติ ทางทะเลต่อศาลากลาง ตามกฎหมายว่าด้วยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเพื่อพิจารณา เรื่องดังกล่าวได้

หมวด ๔ การปฏิบัติการและหน้าที่ของเจ้าหน้าที่

มาตรา ๓๐ ในการปฏิบัติการกิจตามมาตรา ๒๗ เมื่อปรากฏว่ามีการกระทำหรือมี เหตุอันควรสงสัยว่าอาจมีการกระทำของบุคคลในเขตทางทะเลนั้น ได้กระทำความผิดตามกฎหมายของ ประเทศไทยในเขตทางทะเลเกี่ยวกับผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลใด ๆ แล้วว่า จะมีการกระทำความผิดดังกล่าวนั้น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งการและสอบสวน รวมถึง การดำเนินงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจเกี่ยวข้องกับ พนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยให้พนักงานเจ้าหน้าที่ในเขต ทางทะเลมีอำนาจหน้าที่ในการปฏิบัติการในเขตทางทะเลตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ และ กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมถึงให้มีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการในกรณีดังต่อไปนี้

สั่งการหรือควบคุมเรือหรือยานพาหนะที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด รวมถึงให้มีอำนาจในการตรวจค้นเรือหรือยานพาหนะนั้นเพื่อเป็นการป้องกันหรือปราบปราม การกระทำความผิดที่เกี่ยวข้อง

สั่งการหรือควบคุมเรือหรือยานพาหนะที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด และ การตรวจสอบเรือหรือยานพาหนะนั้นเพื่อเป็นการป้องกันหรือปราบปรามการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้อง

สั่งการค้นหา และควบคุมเรือหรือยานพาหนะที่ต้องสงสัย ให้ตรวจหรือยึดของ ในเขตทางทะเลใด ๆ เพื่อการค้น โดยไม่ต้องมีหมายค้น

ควบคุมผู้ต้องสงสัย ตลอดจนควบคุมยานพาหนะ และสิ่งของที่จะใช้หรือได้ใช้ในการกระทำความผิด หรือได้มาจากการกระทำความผิด ถ้าการตรวจค้นพบพยานหลักฐานที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าอาจมีหรือได้มีการกระทำความผิด ห้ามมิให้ควบคุมยานพาหนะ ผู้ควบคุมยานพาหนะ หรือบุคคลในยานพาหนะไว้เกินความจำเป็นจนเป็นเหตุให้การเดินทางล่าช้าเกินควร

ให้ตรวจยานพาหนะ หรือให้ทำการอื่นเพื่อให้ยานพาหนะนั้นไปยังที่ซึ่งจะตรวจแก่การตรวจค้น การตรวจเอกสาร หรือการดำเนินการอื่น

ได้ตามยานพาหนะใด ๆ ที่กระทำหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าได้กระทำการความผิดตามกฎหมายที่ประเทศไทยมีเขตอำนาจ รวมทั้งได้ตามจับกุมผู้ต้องสงสัยในกรณีความจำเป็น

สอบสวนและควบคุมผู้ต้องหาว่าการกระทำความผิดไว้ได้เป็นสิ่งแปลกซึ่งไม่แน่ใจว่าผู้ต้องหาสามารถหลบหนี ณ ที่ทำการของพนักงานเจ้าหน้าที่ และมิให้เดินทางตามปกติที่นำผู้ต้องหามาส่งที่ทำการของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เป็นสถานควบคุมผู้ต้องหาของพนักงานสอบสวนหรือสถานที่ซึ่งพนักงานสอบสวนกำหนด ทั้งนี้ เพื่อการสอบสวนเสร็จสิ้น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งผู้ต้องหาไปยังสถานที่ที่พนักงานสอบสวนกำหนดโดยเร็วที่สุด และมิให้ควบคุมผู้ต้องหาไว้เกินความจำเป็นในกรณีที่ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องส่งผ่านไปยังพนักงานสอบสวนที่กำหนด ให้ส่งไปยังสถานที่ที่ยึดทรัพย์หรือสถานที่ยึดทรัพย์

กรณีตรวจสอบหรือการสอบสวนของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจบัญญัติในกฎหมาย และคำสั่งนั้นไม่ให้คำสั่งของอัยการสูงสุดหรือศาล ให้มีผลในกรณีตรวจสอบหรือการสอบสวนของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจบัญญัติในกฎหมาย และคำสั่งนั้นไม่ให้คำสั่งของอัยการสูงสุดหรือศาล ให้มีผลในกรณีตรวจสอบหรือการสอบสวนของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจบัญญัติในกฎหมาย และคำสั่งนั้นไม่ให้คำสั่งของอัยการสูงสุดหรือศาล ให้มีผลในกรณีตรวจสอบหรือการสอบสวนของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจบัญญัติในกฎหมาย และคำสั่งนั้นไม่ให้คำสั่งของอัยการสูงสุดหรือศาล ให้มีผลในกรณีตรวจสอบหรือการสอบสวนของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจบัญญัติในกฎหมาย

มาตรา 31 เพื่อประสิทธิภาพในการสอบสวนคดีที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้อำนวยการจะให้ความเห็นชอบให้แต่งตั้งพนักงานอัยการหรือพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แล้วแต่กรณี มาร่วมสอบสวนร่วมกับพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ให้คำแนะนำและตรวจสอบพยานหลักฐานดำเนินการสอบสวนคดีนั้น ทั้งนี้ การสอบสวนร่วมกันหรือการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันดังกล่าวให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการ กศรส. กำหนด

มาตรา 32 ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวของ กศรส. หรือบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐของหน่วยงานของรัฐต้นสังกัดประกอบกับคำสั่งแต่งตั้งให้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ของ กศรส. ต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ บัตรประจำตัวดังกล่าวให้พนักงานเจ้าหน้าที่ถือไว้เป็นไปตามแบบที่คณะกรรมการกำหนด

ผู้อำนวยการจะกำหนดให้เครื่องหมายแสดงเป็นบัตรประจำตัวสำหรับพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ได้ ทั้งนี้ การใช้หรือแสดงเครื่องหมายให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา 33 เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีเหตุผลเชื่อได้ว่า เรื่องการดำเนินการที่อาจจะทำให้เกิดความกังวลภายในประเทศเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าคดีนั้นจะถูกปฏิบัติหน้าที่โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญและมีความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องดังกล่าว โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีเหตุผลเชื่อได้ว่าเรื่องดังกล่าวจะก่อให้เกิดความกังวลภายในประเทศเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ ให้แจ้งให้ผู้อำนวยการทราบเพื่อพิจารณาแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญและมีความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องดังกล่าวโดยเฉพาะ ทั้งนี้ การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ดังกล่าวให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด

การไล่ตามติดในวรรคหนึ่ง อาจกระทำโดยเรือหรืออากาศยานอย่างอื่นของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการระดับ กศรส. ก็ได้ ในกรณีที่การไล่ตามติดดังกล่าวโดยอากาศยาน ให้เกิดความในวรรคหนึ่งแล้ว ให้บันทึกข้อมูลปูม โดยอาศัยข้อมูลคำสั่งเหตุผลที่ต้องไล่ตามติดหรือการจำกัดเสรีภาพของบุคคลด้วยเหตุผลระหว่างเรือหรืออากาศยานที่เกี่ยวข้องตามที่เห็นสมควรอย่างชัดเจนจริงจัง ติดแนบไว้ และในขณะเดียวกันให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เสร็จเรียบร้อยภายในกำหนดกระชับที่ได้ออกจากนายของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้ไล่ตามติดหรือแต่งตั้งเป็นผู้แทนระดับอาวุโสของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในกรณีที่การไล่ตามติดดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการให้เสร็จสิ้นได้ภายในกำหนดกระชับที่ได้ออกจากนายของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้ไล่ตามติดหรือแต่งตั้งเป็นผู้แทนระดับอาวุโสของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในกรณีที่การไล่ตามติดดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการให้เสร็จสิ้นได้ภายในกำหนดกระชับที่ได้ออกจากนายของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้ไล่ตามติดหรือแต่งตั้งเป็นผู้แทนระดับอาวุโสของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในกรณีที่การไล่ตามติดดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการให้เสร็จสิ้นได้ภายในกำหนดกระชับที่ได้ออกจากนายของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้ไล่ตามติดหรือแต่งตั้งเป็นผู้แทนระดับอาวุโสของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในกรณีที่การไล่ตามติดดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการให้เสร็จสิ้นได้ภายในกำหนดกระชับที่ได้ออกจากนายของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้ไล่ตามติด เป็นเรือแห่หรือเรือเข้าในเขตทางทะเลที่ประเทศไทยมีเขตอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นตัวการร่วมกระทำ หรือ เป็นผู้สนับสนุนกระทำความผิด แม้กระทั่งนอกอาณาเขต ให้ถือว่าเป็นการกระทำในราชอาณาจักร และให้เป็นไปตามราชอาณาจักร

มาตรา ๑๙ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติการตามมาตรการของ ศรชล. ถ้ามีความจำเป็นที่ ศรชล. หรือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่อยู่ในพื้นที่ใด ให้ผู้บัญชาการ ศรชล. หน่วยงานของรัฐใด ให้คณะรัฐมนตรีสามารถแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งใน ศรชล. เป็นเจ้าหน้าที่ หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายอื่น หรือมติให้หน่วยงานของรัฐนั้นมอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ของ ศรชล. ความรับผิดชอบตามกฎหมายในเรื่องดังกล่าวให้ ศรชล. ดำเนินการแทนหรือเข้ามาดำเนินการควบคุมภายใต้พื้นที่และระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ ต้องกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการใช้อำนาจนั้นไว้ด้วย

มาตรา ๒๐ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติการตามมาตรา ๒๗ ให้ผู้อำนวยการโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีมีอำนาจออกคำสั่งกำหนด ดังต่อไปนี้ (๑) ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องปฏิบัติการหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด (๒) ให้เจ้าหน้าที่หรือเจ้าของอาคารหรือทรัพย์สินหรือทรัพย์สินอื่น ๆ ตลอดจนพื้นที่ทางบก อาคาร หรือสถานที่ใด ๆ ในบริเวณปฏิบัติการ (๓) ห้ามการออกเรือหรือเข้าออกในที่ต่าง ๆ (๔) ห้ามการใช้น่านน้ำหรือการใช้อากาศยาน หรือกำหนดเงื่อนไขการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการเดินทางอื่น ๆ

ข้อกำหนดตามวรรคหนึ่งจะกำหนดหลักเกณฑ์ ข้อยกเว้น เงื่อนไขเวลาหรือเงื่อนไขที่กำหนดไว้ด้วยก็ได้ ทั้งนี้ การกำหนดดังกล่าวต้องไม่ก่อความเดือดร้อนแก่ประชาชนเกินสมควรแก่เหตุ

มาตรา ๒๑ ให้ผู้อำนวยการและพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ผู้อำนวยการมอบหมายเป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา ๒๒ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ ผอ.ศรชล.ภาค ผอ.ศรชล.จังหวัด และเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา ๒๓ ผู้ว่าราชการ รองผู้ว่าราชการ เลขาธิการ ผอ.ศรชล.ภาค ผอ.ศรชล.จังหวัด และเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ทางบก ทางน้ำ หรือทางอากาศ เนื่องจากการที่ได้ปฏิบัติหน้าที่และจำเป็นต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๒๔ ในการใช้อำนาจของ ศรชล. ถ้าก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ผู้มีอำนาจ ศรชล. ให้ดำเนินการชดเชยค่าเสียหายตามความเหมาะสมที่เกิดแก่หลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะรัฐมนตรีกำหนด

มาตรา ๕๐ พนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ภายในพื้นที่ที่กำหนดตามมาตรา ๒๗ วรรคสาม อาจได้รับสิทธิในค่าตอบแทนเท่าที่จำเป็นตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด

พนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในกรณีได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต ทุพพลภาพ พิการหรือสูญเสียอวัยวะอันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ ให้ได้รับสิทธิประโยชน์อื่นนอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ ตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกำหนด

มาตรา ๕๑ บรรดาข้อกำหนด ประกาศ คำสั่ง หรือการกระทำของพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเจ้าหน้าที่ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นผู้รับผิดชอบตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินใด ๆ ซึ่งเกี่ยวเนื่องจากข้อกำหนด ประกาศ คำสั่ง หรือการกระทำตามหมวดนี้ให้อยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรม ทั้งนี้ ในกรณีที่ศาลจะต้องพิจารณาเพื่อให้เกิดการกระทำหรือวิธีการที่จะควรต้องปกปักรักษาตามประสงค์ตามมาตราหรือวิธีการตามความเหมาะสมของเหตุการณ์หรือสถานการณ์ความฉุกเฉิน แล้วแต่กรณี ให้ศาลสามารถกำหนดเงื่อนไขหรือวิธีการที่เห็นว่าเหมาะสมเพื่อปกปักรักษาตามประสงค์ดังกล่าวได้ และเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาคดี ศาลอาจสั่งให้มีการสอบสวนหรือรายงานข้อเท็จจริงเพื่อประกอบการพิจารณาและมีคำสั่งหรือวิธีการดังกล่าวด้วย

หมวด ๕

บทกำหนดโทษ

มาตรา ๕๒ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของ ศรช. ตามมาตรา ๔๕ (๔) หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๓๐ วรรคหนึ่ง (๑) หรือ (๒) หรือวรรคสี่ หรือข้อกำหนดการปฏิบัติงานที่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ต้องระวังไม่ให้กระทำไม่เกินหน้าที่ หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าการกระทำดังกล่าวมีความร้ายแรง เป็นการขัดขวางหรือฝ่าฝืนการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ให้กระทำการอันเป็นการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ดังกล่าว ผู้กระทำความผิดต้องรับโทษตามที่บัญญัติสำหรับความผิดนั้น ๆ ตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา ๕๓ ผู้ใดฝ่าฝืนข้อกำหนดหรือคำสั่งตามมาตรา ๓๐ วรรคหนึ่ง (๒) หรือ (๔) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในแต่กรณีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการประมงหรือสิ่งแวดล้อมในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ ต้องระวางโทษไม่ต่ำกว่าที่แสนบาทหรือสิ่งอื่นตามทาง

มาตรา ๕๔ ผู้สนับสนุนช่วยหรือได้รับผลตอบแทนจากการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดนั้น เว้นแต่ในกรณีที่ผู้กระทำการกระทำความผิดในระดับที่ไม่ร้ายแรงหรือไม่เป็นอันตรายต่อสาธารณะ และสามารถพิสูจน์ได้ว่าการกระทำไปตามคำสั่งการของเจ้าของหรือผู้ควบคุมเรือ ก็อาจจะไม่ให้ระวางโทษดังกล่าวนี้นอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเป็นโทษเดียว

มาตรา 45 ให้บรรดาระเบียบหรือข้อบังคับในเรื่องใดที่เกี่ยวกับวิธีปฏิบัติหน้าที่ของศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลซึ่งมีผลใช้บังคับอยู่ตามมติคณะรัฐมนตรีครั้งที่ 2/2545 เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2545 และตามคำสั่งคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2545 หรือศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ยังคงมีผลใช้บังคับ ศรชล. ไปพลางก่อนจนกว่าจะมีระเบียบ ประกาศ หรือข้อบังคับในเรื่องนั้น ๆ ออกโดยคณะกรรมการ คณะกรรมการบริหาร ศรชล. หรือผู้อำนวยการตามพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับแทน

การดำเนินการออกระเบียบ ประกาศ หรือข้อบังคับตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ หากไม่สามารถดำเนินการได้ ให้คณะรัฐมนตรีรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการให้คืบหน้าและให้สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเพื่อทราบ

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ในปัจจุบันมีปัญหาเกี่ยวกับการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ทั้งภายในและภายนอกอาณาเขตของรัฐ ซึ่งปัญหาดังกล่าวอยู่ในเขตทางทะเลอันมีลักษณะซับซ้อนที่การทหารและประชาชนไทยต้องใช้อธิปไตยที่ไทยต้องรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลไว้ รวมทั้งมีข้อกำหนดที่มีนานาอารยประเทศทั่วโลกที่ประเทศไทยไม่มีพันธกรณีจะต้องปฏิบัติตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ อันทำให้ทุกหน่วยที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่สามารถใช้บังคับในเขตทางทะเลที่อยู่ภายนอกอาณาเขตของรัฐ หรือรวมถึงการปฏิบัติการในเขตทางทะเลของชาติทางทะเลที่มีอยู่ในทุก ๆ ด้าน เช่น ด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้านทรัพยากร หรือด้านสิ่งแวดล้อม จึงมีความจำเป็นต้องมีหน่วยปฏิบัติหน้าที่เฉพาะซึ่งรับผิดชอบดำเนินการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลโดยมุ่งเอกภาพบูรณาการ และประสานการปฏิบัติการในเขตทางทะเลให้มีอย่างมีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พัชราภรณ์/ธนบดี/จัดทำ 13 มีนาคม 2562 นุสรา/ตรวจ 17 มีนาคม 2562