• 국가‧지 역: 태국 • 제정일: 2001년 12월 2일 • 개정일: 2019년 5월 19일
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ เป็นปีที่ ๕๖ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มี พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์ พระราชบัญญัตินี ้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการ จ ากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระท าได้โดยอาศัย อ านาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ ้น ไว้โดยค าแนะน าและยินยอมของรัฐสภาดังต่อไปนี ้ 푸미폰 아둔야뎃 폐하께서 재위 56번 째 해인 2001년(불기 2544년) 12월 2 일에 하사하셨다. 폐하께서는 다음과 같이 공포하도록 하 셨다. 전자거래 관련 법률을 갖추는 것이 합 당하다. 이 법은 개인의 권리 및 자유의 제한과 관련된 일부 조항을 포함하고 있다. 즉, 「태국 헌법」의 제29조가 제50조 와 연계하여 법률의 규정에 따른 권한 에 의거하여 행하도록 규정한다. 이에 폐하께서 의회의 조언과 승인을 거쳐 다음과 같이 법률을 제정하도록 하셨다.
พระราชบัญญัตินี ้เรียกว่า “พระราชบัญญัติว่าด้วย ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔”
พระราชบัญญัตินี ้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นก าหนดหนึ่งร้อย ยี่สิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้น ไป
พระราชบัญญัตินี ้ให้ใช้บังคับแก่ธุรกรรมในทางแพ่งและ พาณิชย์ที่ด าเนินการโดยใช้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เว้นแต่ ธุรกรรมที่มีพระราชกฤษฎีกาก าหนดมิให้น า พระราชบัญญัตินี ้ทั ้งหมดหรือแต่บางส่วนมาใช้บังคับ ความในวรรคหนึ่งไม่มีผลกระทบกระเทือนถึงกฎหมาย หรือกฎใดที่ก าหนดขึ ้นเพื่อคุ ้มครองผู ้บริโภค พระราชบัญญัตินี ้ให้ใช้บังคับแก่ธุรกรรมในการ ด าเนินงานของรัฐตามที่ก าหนดในหมวด ๔
ในพระราชบัญญัตินี ้ “ธุรกรรม” หมายความว่า การกระท าใด ๆ ที่เกี่ยวกับ กิจกรรมในทางแพ่งและพาณิชย์ หรือในการด าเนินงาน ของรัฐตามที่ก าหนดในหมวด ๔ “อิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า การประยุกต์ใช้วิธีการ ทางอิเล็กตรอน ไฟฟ้า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือวิธีอื่นใด ในลักษณะคล้ายกัน และให้หมายความรวมถึงการ ประยุกต์ใช้วิธีการทางแสง วิธีการทางแม่เหล็ก หรือ อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการประยุกต์ใช้วิธีต่าง ๆ เช่นว่า นั ้น “ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า ธุรกรรมที่ กระท าขึ ้นโดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ทั ้งหมดหรือ แต่บางส่วน “ข้อความ” หมายความว่า เรื่องราว หรือข้อเท็จจริง ไม่ ว่าจะปรากฏในรูปแบบของตัวอักษร ตัวเลข เสียง ภาพ หรือรูปแบบอื่นใดที่สื่อความหมายได้โดยสภาพของสิ่ง นั ้นเองหรือโดยผ่านวิธีการใด ๆ “ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า ข้อความที่ได้ สร้าง ส่ง รับ เก็บรักษา หรือประมวลผลด้วยวิธีการทาง อิเล็กทรอนิกส์ เช่น วิธีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทาง อิเล็กทรอนิกส์ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ โทรเลข โทร พิมพ์ หรือโทรสาร “ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า อักษร อักขระ ตัวเลข เสียงหรือสัญลักษณ์อื่นใดที่สร้างขึ ้นให้ อยู ่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งน ามาใช้ประกอบกับ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง บุคคลกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ระบุตัวบุคคลผู ้เป็นเจ้าของลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่ เกี่ยวข้องกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั ้น และเพื่อแสดงว่า บุคคลดังกล่าวยอมรับข้อความในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ นั ้น “ระบบข้อมูล” หมายความว่า กระบวนการประมวลผล ด้วยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ส าหรับสร้าง ส่ง รับ เก็บ รักษา หรือประมวลผลข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ “การพิสูจน์และยืนยันตัวตน” หมายความว่า กระบวนการพิสูจน์และยืนยันความถูกต้องของตัว บุคคล “ระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล” หมายความว่า เครือข่ายทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อมโยง ข้อมูลระหว่างบุคคลใด ๆ หรือหน่วยงานของรัฐเพื่อ ประโยชน์ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตน และการท า ธุรกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการพิสูจน์และยืนยัน ตัวตน “ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์อัตโนมัติ” หมายความว่า โปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือวิธีการทาง อิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอัตโนมัติอื่น ที่ใช้เพื่อที่จะท า ให้เกิดการกระท าหรือการตอบสนองต่อข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์หรือการปฏิบัติการใด ๆ ต่อระบบข้อมูล ไม่ว่าทั ้งหมดหรือแต่บางส่วน โดยปราศจากการ ตรวจสอบหรือการแทรกแซงโดยบุคคลธรรมดาในแต่ละ ครั ้งที่มีการด าเนินการหรือแต่ละครั ้งที่ระบบได้สร้างการ ตอบสนอง “การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์” หมายความ ว่า การส่งหรือรับข้อความด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์โดยใช้มาตรฐานที่ก าหนดไว้ ล่วงหน้า “ผู ้ส่งข้อมูล” หมายความว่า บุคคลซึ่งเป็นผู ้ส่งหรือสร้าง ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก่อนจะมีการเก็บรักษาข้อมูลเพื่อ ส่งไปตามวิธีการที่ผู ้นั ้นก าหนด โดยบุคคลนั ้นอาจจะส่ง หรือสร้างข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ด้วยตนเอง หรือมีการส่ง หรือสร้างข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในนามหรือแทนบุคคลนั ้น ก็ได้ ทั ้งนี ้ ไม่รวมถึงบุคคลที่เป็นสื่อกลางส าหรับข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์นั ้น “ผู ้รับข้อมูล” หมายความว่า บุคคลซึ่งผู ้ส่งข้อมูล ประสงค์จะส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้ และได้รับข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์นั ้น ทั ้งนี ้ ไม่รวมถึงบุคคลที่เป็นสื่อกลาง ส าหรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั ้น “บุคคลที่เป็นสื่อกลาง” หมายความว่า บุคคลซึ่งกระท า การในนามผู ้อื่นในการส่ง รับ หรือเก็บรักษาข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์อันใดอันหนึ่งโดยเฉพาะ รวมถึงให้บริการ อื่นที่เกี่ยวกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั ้น “ใบรับรอง” หมายความว่า ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือ การบันทึกอื่นใด ซึ่งยืนยันความเชื่อมโยงระหว่าง เจ้าของลายมือชื่อกับข้อมูลส าหรับใช้สร้างลายมือชื่อ อิเล็กทรอนิกส์ “เจ้าของลายมือชื่อ” หมายความว่า ผู ้ซึ่งถือข้อมูล ส าหรับใช้สร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์และสร้าง ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์นั ้นในนามตนเองหรือแทน บุคคลอื่น “คู ่กรณีที่เกี่ยวข้อง” หมายความว่า ผู ้ซึ่งอาจกระท าการ ใด ๆ โดยขึ ้นอยู ่กับใบรับรองหรือลายมือชื่อ อิเล็กทรอนิกส์ “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการธุรกรรม ทางอิเล็กทรอนิกส์ “ผู ้อ านวยการ” หมายความว่า ผู ้อ านวยการส านักงาน พัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ “ส านักงาน” หมายความว่า ส านักงานพัฒนาธุรกรรม ทางอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยส านักงาน พัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู ้รักษาการตาม พระราชบัญญัตินี ้
บทบัญญัติมาตรา ๑๓ ถึงมาตรา ๒๔ และบทบัญญัติ มาตรา ๒๖ ถึงมาตรา ๓๑ จะตกลงกันเป็นอย่างอื่นก็ได
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและ สังคมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี ้
ห้ามมิให้ปฏิเสธความมีผลผูกพันและการบังคับใช้ทาง กฎหมายของข้อความใดเพียงเพราะเหตุที่ข้อความนั ้น อยู ่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งมาตรา ๙ ในกรณีที่ กฎหมายก าหนดให้การใดต้องท าเป็นหนังสือ มี หลักฐานเป็นหนังสือหรือมีเอกสารมาแสดง หรือก าหนด ผลทางกฎหมายกรณีไม่ท าเป็นหนังสือ ไม่มีหลักฐาน เป็นหนังสือหรือไม่มีเอกสารมาแสดง ถ้าได้มีการจัดท า ข้อความขึ ้นเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถเข้าถึง และน ากลับมาใช้ได้โดยความหมายไม่เปลี่ยนแปลง ให้ ถือว่าข้อความนั ้นได้ท าเป็นหนังสือ มีหลักฐานเป็น หนังสือหรือมีเอกสารมาแสดงตามที่กฎหมายก าหนด ในกรณีที่กฎหมายก าหนดให้ต้องมีการปิดอากรแสตมป์ หากได้มีการช าระเงินแทนหรือด าเนินการอื่นใดด้วย วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ หน่วยงานของรัฐซึ่งเกี่ยวข้องประกาศก าหนด ให้ถือว่า หนังสือ หลักฐานเป็นหนังสือ หรือเอกสาร ซึ่งมีลักษณะ เป็นตราสารนั ้นได้มีการปิดอากรแสตมป์และขีดฆ่าตาม กฎหมายนั ้นแล้ว ในการนี ้ในการก าหนดหลักเกณฑ์และ วิธีการของหน่วยงานของรัฐดังกล่าว คณะกรรมการจะ ก าหนดกรอบและแนวทางเพื่อเป็นมาตรฐานทั ่วไปไว้ ด้วยก็ได้
ในกรณีที่กฎหมายก าหนดให้มีการลงลายมือชื่อ หรือ ก าหนดผลทางกฎหมายกรณีที่ไม่มีการลงลายมือชื่อไว้ ให้ถือว่าได้มีการลงลายมือชื่อแล้ว ถ้า
(ก) วิธีการที่เชื่อถือได้โดยเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ ของการสร้างหรือส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดย ค านึงถึงพฤติการณ์แวดล้อมทั ้งปวง รวมถึง ข้อตกลงใด ๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือ (ข) วิธีการอื่นใดที่สามารถยืนยันตัวเจ้าของลายมือ ชื่อและสามารถแสดงเจตนาของเจ้าของลายมือชื่อ ตาม (๑) ได้ด้วยวิธีการนั ้นเองหรือประกอบกับ พยานหลักฐานอื่น วิธีการที่เชื่อถือได้ตามวรรคหนึ่ง (๒) (ก) ให้ค านึงถึง
ในกรณีที่กฎหมายก าหนดให้น าเสนอหรือเก็บรักษา ข้อความใดในสภาพที่เป็นมาแต่เดิมอย่างเอกสาร ต้นฉบับ ถ้าได้น าเสนอหรือเก็บรักษาในรูปข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ให้ถือว่าได้มี การน าเสนอหรือเก็บรักษาเป็นเอกสารต้นฉบับตาม กฎหมายแล้ว
ความถูกต้องของข้อความตาม (๑) ให้พิจารณาถึง ความครบถ้วนและไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดของข้อความ เว้นแต่การรับรองหรือบันทึกเพิ่มเติม หรือการ เปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตามปกติในการ ติดต่อสื่อสาร การเก็บรักษา หรือการแสดงข้อความซึ่ง ไม่มีผลต่อความถูกต้องของข้อความนั้น ในการวินิจฉัยความน่าเชื่อถือของวิธีการรักษาความ ถูกต้องของข้อความตาม (๑) ให้พิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ ที่เกี่ยวข้องทั้งปวง รวมทั้งวัตถุประสงค์ของการสร้าง ข้อความนั้น ในกรณีที่มีการท าสิ่งพิมพ์ออกของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ตามวรรคหนึ่งส าหรับใช้อ้างอิงข้อความของข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์หากสิ่งพิมพ์ออกนั้นมีข้อความถูกต้อง ครบถ้วนตรงกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์และมีการรับรอง สิ่งพิมพ์ออกโดยหน่วยงานที่มีอ านาจตามที่ คณะกรรมการประกาศก าหนดแล้ว ให้ถือว่าสิ่งพิมพ์ ออกดังกล่าวใช้แทนต้นฉบับได
ห้ามมิให้ปฏิเสธการรับฟังข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เป็น พยานหลักฐานในกระบวนการพิจารณาตามกฎหมาย ทั ้งในคดีแพ่ง คดีอาญา หรือคดีอื่นใด เพียงเพราะเหตุ ว่าเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ในการชั ่งน ้าหนักพยานหลักฐานว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ จะเชื่อถือได้หรือไม่เพียงใดนั ้นให้พิเคราะห์ถึงความ น่าเชื่อถือของลักษณะหรือวิธีการที่ใช้สร้าง เก็บรักษา หรือสื่อสารข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ลักษณะหรือวิธีการเก็บ รักษา ความครบถ้วน และไม่มีการเปลี่ยนแปลงของ ข้อความลักษณะ หรือวิธีการที่ใช้ในการระบุหรือแสดง ตัวผู ้ส่งข้อมูล รวมทั ้งพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องทั ้งปวง ให้น าความในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับกับสิ่งพิมพ์ออกของ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ด้วย
ภายใต้บังคับบทบัญญัติมาตรา ๑๐ ในกรณีที่กฎหมาย ก าหนดให้เก็บรักษาเอกสารหรือข้อความใด ถ้าได้เก็บ รักษาในรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี ้ ให้ถือว่าได้มีการเก็บรักษาเอกสารหรือ ข้อความตามที่กฎหมายต้องการแล้ว
ความในวรรคหนึ่ง มิให้ใช้บังคับกับข้อความที่ใช้เพียง เพื่อวัตถุประสงค์ในการส่งหรือรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบในการเก็บรักษาเอกสาร หรือข้อความใด อาจก าหนดหลักเกณฑ์รายละเอียด เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเก็บรักษาเอกสารหรือข้อความนั้น ได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติในมาตราน
ให้น าบทบัญญัติในมาตรา ๑๐ มาตรา ๑๑ และมาตรา ๑๒ มาใช้บังคับกับเอกสารหรือข้อความที่ได้มีการจัดท า หรือแปลงให้อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ใน ภายหลังด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์และการเก็บ รักษาเอกสารและข้อความดังกล่าวด้วยโดยอนุโลม การจัดท าหรือแปลงเอกสารและข้อความให้อยู่ในรูป ของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการก าหนด
ค าเสนอหรือค าสนองในการท าสัญญาอาจท าเป็นข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ก็ได้และห้ามมิให้ปฏิเสธการมีผลทาง กฎหมายของสัญญาเพียงเพราะเหตุที่สัญญานั้นได้ทา ค าเสนอหรือค าสนองเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
การเสนอเพื่อท าสัญญาผ่านการติดต่อสื่อสารทาง อิเล็กทรอนิกส์ครั้งเดียวหรือหลายครั้ง ซึ่งไม่ได้ส่งถึง บุคคลใดโดยเฉพาะเจาะจง แต่บุคคลทั่วไปที่ใช้ระบบ ข้อมูลนั้นสามารถเข้าถึงได้รวมถึงการเสนอโดยให้ ระบบข้อมูลสามารถโต้ตอบได้โดยอัตโนมัติในการท า ค าสั่งผ่านระบบข้อมูลให้ถือเป็นค าเชิญชวนเพื่อท าค า เสนอเว้นแต่การเสนอเพื่อท าสัญญาระบุได้โดยแจ้งชัด ถึงเจตนาของบุคคลที่ท าการเสนอที่จะผูกพันหากมีการ สนองรับ
ห้ามมิให้ปฏิเสธความสมบูรณ์หรือการบังคับใช้ของ สัญญาที่ท าโดยการโต้ตอบระหว่างระบบแลกเปลี่ยน ข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์อัตโนมัติกับบุคคลธรรมดา หรือระหว่างระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ อัตโนมัติด้วยกัน เพียงเพราะเหตุที่ไม่มีบุคคลธรรมดา เข้าไปเกี่ยวข้องในการด าเนินการในแต่ละครั้งที่กระท า โดยระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์อัตโนมัติ หรือในผลแห่งสัญญา
ในระหว่างผู้ส่งข้อมูลและผู้รับข้อมูล การแสดงเจตนา หรือค าบอกกล่าวอาจท าเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้
บุคคลใดเป็นผู้ส่งข้อมูลไม่ว่าจะเป็นการส่งโดยวิธีใด ให้ ถือว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เป็นของผู้นั้น ในระหว่างผู้ส่งข้อมูลและผู้รับข้อมูล ให้ถือว่าเป็นข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ของผู้ส่งข้อมูล หากข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ นั้นได้ส่งโดย
ผู้รับข้อมูลชอบที่จะถือว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เป็นของผู้ ส่งข้อมูลและชอบที่จะด าเนินการไปตามข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์นั้นได้ถ้า
ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับ ถ้า
ในกรณีตามมาตรา ๑๕ หรือมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง ใน ระหว่างผู ้ส่งข้อมูลและผู ้รับข้อมูล ผู ้รับข้อมูลมีสิทธิถือ ว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับนั ้นถูกต้องตามเจตนา ของผู ้ส่งข้อมูลและสามารถด าเนินการไปตามข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์นั ้นได้ เว้นแต่ผู ้รับข้อมูลได้รู ้หรือควรจะได้ รู ้ว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับนั ้นมีข้อผิดพลาดอันเกิด จากการส่ง หากผู ้รับข้อมูลได้ใช้ความระมัดระวังตาม สมควรหรือด าเนินการตามวิธีการที่ได้ตกลงกันไว้ก่อน แล้ว
ในกรณีที่มีการลงข้อมูลผิดพลาดโดยบุคคลธรรมดา และส่งผ่านระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ อัตโนมัติของผู้อื่น และระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลทาง อิเล็กทรอนิกส์อัตโนมัตินั้นไม่มีช่องทางให้บุคคล ดังกล่าวแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น บุคคลดังกล่าวหรือ ผู้แทนมีสิทธิที่จะถอนการแสดงเจตนาในส่วนที่เกิดจาก การลงข้อมูลผิดพลาดได้หาก
ผู้รับข้อมูลชอบที่จะถือว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับแต่ ละชุดเป็นข้อมูลที่แยกจากกัน และสามารถด าเนินการ ไปตามข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์แต่ละชุดนั้นได้เว้นแต่ข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ชุดนั้นจะซ ้ากับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์อีกชุด หนึ่งและผู้รับข้อมูลได้รู้หรือควรจะได้รู้ว่าข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์นั้นเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ซ ้า หากผู้รับ ข้อมูลได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรหรือด าเนินการ ตามวิธีการที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนแล้ว
ในกรณีที่ต้องมีการตอบแจ้งการรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าผู้ส่งข้อมูลได้ร้องขอหรือตกลงกับผู้รับข้อมูลไว้ก่อน หรือขณะที่ส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือปรากฏในข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปน
(ก) ผู้ส่งข้อมูลอาจส่งค าบอกกล่าวไปยังผู้รับข้อมูลว่า ตนยังมิได้รับการตอบแจ้งการรับและก าหนด ระยะเวลาอันสมควรให้ผู้รับข้อมูลตอบแจ้งการรับ และ (ข) หากผู้ส่งข้อมูลมิได้รับการตอบแจ้งการรับภายใน ระยะเวลาตาม (ก) เมื่อผู้ส่งข้อมูลบอกกล่าวแก่ ผู้รับข้อมูลแล้ว ผู้ส่งข้อมูลชอบที่จะถือว่าข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์นั้นมิได้มีการส่งเลยหรือผู้ส่งข้อมูล อาจใช้สิทธิอื่นใดที่ผู้ส่งข้อมูลมีอยู่ได้
ในกรณีที่ผู้ส่งข้อมูลได้รับการตอบแจ้งการรับจากผู้รับ ข้อมูล ให้สันนิษฐานว่าผู้รับข้อมูลได้รับข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ข้อสันนิษฐานดังกล่าว มิให้ถือว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้รับข้อมูลได้รับนั้น ถูกต้องตรงกันกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ส่งข้อมูลได้ส่ง มา
ในกรณีที่ปรากฏในการตอบแจ้งการรับข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์นั้นเองว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้รับ ข้อมูลได้รับเป็นไปตามข้อก าหนดทางเทคนิคที่ผู้ส่ง ข้อมูลและผู้รับข้อมูลได้ตกลงหรือระบุไว้ในมาตรฐานซึ่ง ใช้บังคับอยู่ ให้สันนิษฐานว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ ส่งไปนั้นได้เป็นไปตามข้อก าหนดทางเทคนิคทั้ง หมดแล้ว
การส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้ถือว่าได้มีการส่งเมื่อ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นได้เข้าสู่ระบบข้อมูลที่อยู่ นอกเหนือการควบคุมของผู้ส่งข้อมูล
การรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้ถือว่ามีผลนับแต่เวลาที่ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นได้เข้าสู่ระบบข้อมูลของผู้รับ ข้อมูล หากผู้รับข้อมูลได้ก าหนดระบบข้อมูลที่ประสงค์จะใช้ใน การรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ไว้โดยเฉพาะให้ถือว่าการรับ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มีผลนับแต่เวลาที่ข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์นั้นได้เข้าสู่ระบบข้อมูลที่ผู้รับข้อมูลได้ ก าหนดไว้นั้น แต่ถ้าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวได้ ส่งไปยังระบบข้อมูลอื่นของผู้รับข้อมูลซึ่งมิใช่ระบบ ข้อมูลที่ผู้รับข้อมูลก าหนดไว้ให้ถือว่าการรับข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์มีผลนับแต่เวลาที่ได้เรียกข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์จากระบบข้อมูลนั้น ความในมาตรานี้ให้ใช้บังคับแม้ระบบข้อมูลของผู้รับ ข้อมูลตั้งอยู่ในสถานที่อีกแห่งหนึ่งต่างหากจากสถานที่ ที่ถือว่าผู้รับข้อมูลได้รับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรา ๒๔
การส่งหรือการรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้ถือว่าได้ส่ง ณ ที่ท าการงานของผู้ส่งข้อมูล หรือได้รับ ณ ที่ท าการงาน ของผู้รับข้อมูล แล้วแต่กรณ ในกรณีที่ผู้ส่งข้อมูลหรือผู้รับข้อมูลมีที่ท าการงานหลาย แห่ง ให้ถือเอาที่ท าการงานที่เกี่ยวข้องมากที่สุดกับ ธุรกรรมนั้นเป็นที่ท าการงานเพื่อประโยชน์ตามวรรคหนึ่ง แต่ถ้าไม่สามารถก าหนดได้ว่าธุรกรรมนั้นเกี่ยวข้องกับที่ ท าการงานแห่งใดมากที่สุด ให้ถือเอาส านักงานใหญ่ เป็นสถานที่ที่ได้รับหรือส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น ในกรณีที่ไม่ปรากฏที่ท าการงานของผู้ส่งข้อมูลหรือผู้รับ ข้อมูล ให้ถือเอาถิ่นที่อยู่ปกติเป็นสถานที่ที่ส่งหรือได้รับ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ความในมาตรานี้มิให้ใช้บังคับกับการส่งและการรับ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยวิธีการทางโทรเลขและโทรพิมพ์ หรือวิธีการสื่อสารอื่นตามที่ก าหนดในพระราชกฤษฎีกา
ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ใดที่ได้กระท าตามวิธีการ แบบปลอดภัยที่ก าหนดในพระราชกฤษฎีกา ให้ สันนิษฐานว่าเป็นวิธีการที่เชื่อถือได้
ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ให้ถือว่า เป็นลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อถือได้
บทบัญญัติในวรรคหนึ่ง ไม่เป็นการจ ากัดว่าไม่มีวิธีการ อื่นใดที่แสดงได้ว่าเป็นลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อถือ ได้ หรือการแสดงพยานหลักฐานใดเกี่ยวกับความไม่ น่าเชื่อถือของลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
ในกรณีมีการใช้ข้อมูลส าหรับใช้สร้างลายมือชื่อ อิเล็กทรอนิกส์เพื่อสร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่จะมี ผลตามกฎหมาย เจ้าของลายมือชื่อต้องด าเนินการ ดังต่อไปนี้
(ก) เจ้าของลายมือชื่อรู้หรือควรได้รู้ว่าข้อมูลส าหรับ ใช้สร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์นั้นสูญหาย ถูก ท าลาย ถูกแก้ไข ถูกเปิดเผยโดยมิชอบ หรือถูก ล่วงรู้โดยไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ (ข) เจ้าของลายมือชื่อรู้จากสภาพการณ์ที่ปรากฏว่า กรณีมีความเสี่ยงมากพอที่ข้อมูลส าหรับใช้สร้าง ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์สูญหาย ถูกท าลาย ถูก แก้ไข ถูกเปิดเผยโดยมิชอบ หรือถูกล่วงรู้โดยไม สอดคล้องกับวัตถุประสงค
ในกรณีมีการให้บริการออกใบรับรองเพื่อสนับสนุน ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้มีผลทางกฎหมายเสมือน หนึ่งลงลายมือชื่อ ผู้ให้บริการออกใบรับรองต้อง ด าเนินการ ดังต่อไปน
ก) การระบุผู้ให้บริการออกใบรับรอง (ข) เจ้าของลายมือชื่อซึ่งระบุในใบรับรองได้ควบคุม ข้อมูลส าหรับใช้สร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในขณะมีการออกใบรับรอง ค)ข้อมูลส าหรับใช้สร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์มี ผลใช้ได้ในขณะหรือก่อนที่มีการออกใบรับรอง
(ก) วิธีการที่ใช้ในการระบุตัวเจ้าของลายมือชื่อ (ข)ข้อจ ากัดเกี่ยวกับวัตถุประสงค์และคุณค่าที่มีการ น าข้อมูลส าหรับใช้สร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือใบรับรอง (ค)ข้อมูลส าหรับใช้สร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์มี ผลสมบูรณ์ใช้ได้และไม่สูญหาย ถูกท าลาย ถูก แก้ไข ถูกเปิดเผยโดยมิชอบ หรือถูกล่วงรู้โดยไม่ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ (ง)ข้อจ ากัดเกี่ยวกับขอบเขตความรับผิดที่ผู้ให้ บริการออกใบรับรองได้ระบุไว้ (จ) การมีวิธีการให้เจ้าของลายมือชื่อส่งค าบอกกล่าว เมื่อมีเหตุตามมาตรา ๒๗ (๒) (ฉ) การมีบริการเกี่ยวกับการเพิกถอนใบรับรองที่ทัน การ
นการพิจารณาความเชื่อถือได้ของระบบ วิธีการ และ บุคลากรตามมาตรา ๒๘ (๖) ให้ค านึงถึงกรณีดังต่อไปน
ู่กรณีที่เกี่ยวข้องต้องด าเนินการ ดังต่อไปนี้
(ก) ตรวจสอบความสมบูรณ์ของใบรับรอง การพักใช้ หรือการเพิกถอนใบรับรอง และ (ข) ปฏิบัติตามข้อจ ากัดใด ๆ ที่เกี่ยวกับใบรับรอง
ใบรับรองหรือลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้ถือว่ามีผลทาง กฎหมายโดยไม่ต้องค านึงถึง
ใบรับรองที่ออกในต่างประเทศให้มีผลตามกฎหมายใน ประเทศเช่นเดียวกับใบรับรองที่ออกในประเทศ หาก การออกใบรับรองดังกล่าวได้ใช้ระบบที่เชื่อถือได้ไม่น้อย กว่าระบบที่เชื่อถือได้ตามพระราชบัญญัตินี้ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่สร้างหรือใช้ในต่างประเทศ ให้ถือว่ามีผลตามกฎหมายในประเทศ เช่นเดียวกับ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่สร้างหรือใช้ในประเทศ หาก การสร้างหรือใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวได้ใช้ ระบบที่เชื่อถือได้ไม่น้อยกว่าระบบที่เชื่อถือได้ตาม พระราชบัญญัตินี้ ในการพิจารณาว่าใบรับรองหรือลายมือชื่อ อิเล็กทรอนิกส์ใดมีความเชื่อถือได้ตามวรรคสองหรือ วรรคสาม ให้ค านึงถึงมาตรฐานระหว่างประเทศและ ปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย
บุคคลย่อมมีสิทธิประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรม ทางอิเล็กทรอนิกส์ แต่ในกรณีจ าเป็นเพื่อรักษาความ มั่นคงทางการเงินและการพาณิชย์ หรือเพื่อประโยชน์ใน การเสริมสร้างความน่าเชื่อถือและยอมรับในระบบ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือเพื่อป้องกันความเสียหายต่อ สาธารณชน ให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาก าหนดให้ การประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์ใดเป็นกิจการที่ต้องแจ้งให้ทราบ ต้องขึ้น ทะเบียน หรือต้องได้รับใบอนุญาตก่อน แล้วแต่กรณ ในการก าหนดให้กรณีใดต้องแจ้งให้ทราบ ต้องขึ้น ทะเบียน หรือต้องได้รับใบอนุญาตตามวรรคหนึ่ง ให้ ก าหนดโดยพิจารณาจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจาก การประกอบธุรกิจนั้นประกอบกับความเหมาะสมใน การควบคุมดูแลและการป้องกันความเสียหายตาม ระดับความรุนแรงของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการ ประกอบธุรกิจดังกล่าว ในการนี้ จะก าหนดให้หน่วยงานของรัฐแห่งหนึ่งแห่งใด เป็นผู้รับผิดชอบในการควบคุมดูแลในพระราชกฤษฎีกา ที่ออกตามวรรคหนึ่งก็ได้ หากไม่มีการก าหนดให้ หน่วยงานของรัฐแห่งใดเป็นผู้รับผิดชอบในการ ควบคุมดูแล ให้ส านักงานเป็นผู้รับผิดชอบในการ ควบคุมดูแลการประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรม ทางอิเล็กทรอนิกส์ตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ทั้งนี้ ให้หน่วยงานของรัฐซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการ ควบคุมดูแลตามพระราชกฤษฎีกาหรือส านักงาน แล้วแต่กรณี แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการ ให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาด้วย ก่อนเสนอให้ตราพระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่ง ต้อง จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามความ เหมาะสม และน าข้อมูลที่ได้รับมาประกอบการ พิจารณา
ในกรณีที่พระราชกฤษฎีกาก าหนดให้การประกอบธุรกิจ บริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ใดเป็นกิจการ ที่ต้องแจ้งให้ทราบ ผู้ที่ประสงค์จะประกอบธุรกิจ ดังกล่าวต้องแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนเริ่มประกอบ ธุรกิจนั้น ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ก าหนด ในพระราชกฤษฎีกา ในการประกอบธุรกิจ ผู้แจ้งต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ ก าหนดในพระราชกฤษฎีกาและตามประกาศที่ คณะกรรมการก าหนด หลักเกณฑ์ตามพระราช กฤษฎีกาดังกล่าวให้ก าหนดเรื่องการชดใช้หรือเยียวยา ผู้ได้รับความเสียหายจากการประกอบธุรกิจไว้ด้วย ถ้าผู้แจ้งไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจ ตามวรรคสี่ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีค าสั่งห้ามมิให้ผู้นั้น ให้บริการในส่วนที่เกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ใน การประกอบธุรกิจนั้นจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่ก าหนดดังกล่าว ในกรณีที่ผู้แจ้งไม่แก้ไขตามวรรคสามหรือไม่ปฏิบัติตาม วรรคห้าภายในระยะเวลาเก้าสิบวันนับแต่วันที่หยุดหรือ ถูกห้ามการให้บริการ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ถอนการรับ แจ้งของผู้นั้นออกจากสารบบการรับแจ้งและแจ้งเป็น หนังสือให้ผู้นั้นทราบโดยเร็ว เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้ง ให้ออกใบรับแจ้งเพื่อ เป็นหลักฐานการแจ้งในวันที่รับแจ้งนั้นและให้ผู้แจ้ง ประกอบธุรกิจนั้นได้ตั้งแต่วันที่ได้รับใบรับแจ้งดังกล่าว แต่ถ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจพบในภายหลังว่าการแจ้ง ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ให้มีอ านาจสั่งผู้แจ้งแก้ไขให้ ถูกต้องหรือครบถ้วนและน าผลการแก้ไขมาแสดงต่อ พนักงานเจ้าหน้าที่ภายในระยะเวลาที่ก าหนด ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจไม่แก้ไขหรือไม่ปฏิบัติตาม ค าสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในระยะเวลาที่ก าหนด ให้พนักงานเจ้าหน้าที่สั่งให้ผู้นั้นหยุดการให้บริการใน ส่วนที่เกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ในการ ประกอบธุรกิจนั้นนับแต่วันที่ครบก าหนดระยะเวลาตาม วรรคสองจนกว่าจะแก้ไขให้ถูกต้องและครบถ้วนตาม ค าสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่
ในกรณีที่พระราชกฤษฎีกาก าหนดให้การประกอบธุรกิจ บริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ใดเป็นกิจการ ที่ต้องขึ้นทะเบียน ผู้ที่ประสงค์จะประกอบธุรกิจดังกล่าว ต้องขอขึ้นทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนเริ่ม ประกอบธุรกิจนั้น ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ ก าหนดในพระราชกฤษฎีกา เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับค าขอขึ้นทะเบียนแล้ว ให้ ออกใบรับการขอขึ้นทะเบียนเพื่อเป็นหลักฐานการขอขึ้น ทะเบียนในวันที่ยื่นค าขอนั้น และหากพนักงาน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารและหลักฐานการขึ้น ทะเบียนแล้วเห็นว่าครบถ้วนและถูกต้องตามที่ก าหนด ในพระราชกฤษฎีกา ให้รับขึ้นทะเบียนและแจ้งเป็น หนังสือให้ผู้ขอขึ้นทะเบียนทราบภายในสามสิบวันนับ แต่วันที่ได้รับค าขอขึ้นทะเบียนดังกล่าว และให้ผู้ขึ้น ทะเบียนประกอบธุรกิจนั้นได้ตั้งแต่วันที่ได้รับขึ้น ทะเบียน หากพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจสอบให้แล้ว เสร็จได้ภายในระยะเวลาตามวรรคสอง ให้ผู้ขอขึ้น ทะเบียนประกอบธุรกิจไปพลางก่อนได้ นับแต่วันถัด จากวันที่ครบก าหนดระยะเวลาดังกล่าว ถ้าผู้ขึ้นทะเบียนฝ่ าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การ ประกอบธุรกิจตามวรรคห้า ให้คณะกรรมการพิจารณา มีค าสั่งปรับผู้นั้นไม่เกินหนึ่งล้านบาท โดยค านึงถึงความ ร้ายแรงแห่งพฤติกรรมที่กระท าผิด หลักเกณฑ์ในการ พิจารณาก าหนดค่าปรับให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการ ก าหนด และในกรณีที่เห็นสมควรคณะกรรมการอาจมี ค าสั่งให้ผู้นั้นด าเนินการใด ๆ เพื่อแก้ไขให้ถูกต้องหรือ เหมาะสมได้ ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบก่อนการรับขึ้น ทะเบียนตามวรรคสอง หรือตรวจพบหลังจากที่ผู้นั้นได้ ประกอบธุรกิจดังกล่าวแล้ว ว่าเอกสารและหลักฐานการ ขึ้นทะเบียนของผู้ขอขึ้นทะเบียนไม่ครบถ้วนหรือไม่ ถูกต้อง ให้แจ้งเป็นหนังสือแก่ผู้ขอขึ้นทะเบียนหรือผู้ขึ้น ทะเบียน แล้วแต่กรณี เพื่อแก้ไขให้ถูกต้องและครบถ้วน ภายในระยะเวลาที่ก าหนด ในการนี้ ถ้าผู้ขอขึ้น ทะเบียนหรือผู้ขึ้นทะเบียนไม่แก้ไขให้ถูกต้องและ ครบถ้วน หรือไม่ด าเนินการจนพ้นก าหนดระยะเวลาที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ก าหนดโดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้ สิทธิในการประกอบธุรกิจของผู้ขอขึ้นทะเบียนตามวรรค สามเป็นอันระงับและให้ถือว่าค าขอขึ้นทะเบียนนั้นตก ไป หรือให้มีค าสั่งเพิกถอนการขึ้นทะเบียนของผู้ ประกอบธุรกิจนั้น แล้วแต่กรณี ในการประกอบธุรกิจ ผู้ขึ้นทะเบียนต้องปฏิบัติตาม หลักเกณฑ์ที่ก าหนดในพระราชกฤษฎีกาและตาม ประกาศที่คณะกรรมการก าหนด หลักเกณฑ์ตามพระ ราชกฤษฎีกาดังกล่าวให้ก าหนดเรื่องการชดใช้หรือ เยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจากการประกอบธุรกิจไว้ ด้วย ถ้าผู้ถูกปรับตามวรรคหกไม่ช าระค่าปรับ ให้ คณะกรรมการมีอ านาจฟ้องคดีต่อศาลที่มีเขตอ านาจใน การพิจารณาคดีอาญาเพื่อบังคับช าระค่าปรับ ในการนี้ ถ้าศาลพิพากษาให้ช าระค่าปรับ หากผู้นั้นไม่ช าระ ค่าปรับภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ศาลมีค าพิพากษา ให้ยึดทรัพย์สินของผู้นั้นเพื่อชดใช้แทนค่าปรับ แต่มิให้ น ามาตรการกักขังแทนค่าปรับมาใช้แก่ผู้นั้น ในกรณีที่ผู้กระท าผิดตามวรรคหกไม่ด าเนินการแก้ไข ตามค าสั่งของคณะกรรมการ หรือฝ่ าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ ตามหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจตามวรรคห้าซ ้าอีก ภายในระยะเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่คณะกรรมการมี ค าสั่งปรับครั้งแรก คณะกรรมการอาจมีค าสั่งเพิกถอน การขึ้นทะเบียนของผู้ขึ้นทะเบียนนั้น ให้พนักงาน เจ้าหน้าที่แจ้งค าสั่งดังกล่าวให้ผู้นั้นทราบโดยเร็ว
ในกรณีที่พระราชกฤษฎีกาก าหนดให้การประกอบธุรกิจ บริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ใดเป็นกิจการ ที่ต้องได้รับใบอนุญาต ให้ผู้ที่ประสงค์จะประกอบธุรกิจ ดังกล่าวยื่นค าขอรับใบอนุญาตต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามที่ก าหนดในพระราชกฤษฎีกา ุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาต หลักเกณฑ์และวิธีการ ขออนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การคืนใบอนุญาต และการสั่งพักใช้หรือเพิกถอน ใบอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไขที่ก าหนดในพระราชกฤษฎีกา ในการประกอบธุรกิจ ผู้ได้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติตาม หลักเกณฑ์ที่ก าหนดในพระราชกฤษฎีกาประกาศที่ คณะกรรมการก าหนด หรือเงื่อนไขในใบอนุญาต หลักเกณฑ์ตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวให้ก าหนด เรื่องการชดใช้หรือเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจากการ ประกอบธุรกิจไว้ด้วย ในกรณีที่ผู้ได้รับใบอนุญาตฝ่ าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม หลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจตามวรรคสาม ให้ คณะกรรมการพิจารณามีค าสั่งปรับผู้นั้นไม่เกินสองล้าน บาท และให้น าความในมาตรา ๓๓/๑ วรรคหกและ วรรคเจ็ด มาใช้บังคับโดยอนุโลม ในกรณีที่ผู้กระท าผิดตามวรรคสี่ไม่ด าเนินการแก้ไขตาม ค าสั่งของคณะกรรมการ หรือฝ่ าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม หลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจตามวรรคสามซ ้าอีก ภายในระยะเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่คณะกรรมการมี ค าสั่งปรับครั้งแรก คณะกรรมการอาจมีค าสั่งเพิกถอน ใบอนุญาตของผู้ได้รับใบอนุญาตนั้น ให้พนักงาน เจ้าหน้าที่แจ้งค าสั่งดังกล่าวให้ผู้นั้นทราบโดยเร็ว
เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลการประกอบธุรกิจ บริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ตามหมวดนี้ ให้คณะกรรมการ ส านักงานหรือหน่วยงานของรัฐซึ่ง เป็นผู้รับผิดชอบในการควบคุมดูแลตามมาตรา ๓๒ วรรคสาม ประกาศก าหนดรายละเอียดเพิ่มเติมในเรื่อง ที่ก าหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๓๒ ได้ โดย ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว
เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลและก ากับการ ประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้หรือตามพระราช กฤษฎีกาตามมาตรา ๓๒ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของ หน่วยงานของรัฐหรือส านักงานที่มีหน้าที่ควบคุมดูแล การประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์นั้นมีหน้าที่และอ านาจ ดังต่อไปนี้
ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรานี้ ให้แสดงบัตรประจ าตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ที่หน่วยงาน ของรัฐหรือส านักงานที่มีหน้าที่ควบคุมดูแลออกให้ และ ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องอ านวยความสะดวกตามสมควร
การพิสูจน์และยืนยันตัวตนของบุคคลอาจกระท าผ่าน ระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลได้ ผู้ใดประสงค์จะอาศัยการพิสูจน์และยืนยันตัวตนของ บุคคลอื่นผ่านระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทาง ดิจิทัลอาจแจ้งเงื่อนไขเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของการ พิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลที่ต้องใช้ให้บุคคลอื่น นั้นทราบเป็นการล่วงหน้า และเมื่อได้มีการพิสูจน์และ ยืนยันตัวตนทางดิจิทัลตามเงื่อนไขดังกล่าวแล้ว ให้ สันนิษฐานว่าบุคคลที่ได้รับการพิสูจน์และยืนยันตัวตน เป็นบุคคลนั้นจริง เงื่อนไขเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของการพิสูจน์และ ยืนยันตัวตนทางดิจิทัลตามวรรคสองต้องมีมาตรฐานไม ต ่ากว่าที่คณะกรรมการหรือคณะกรรมการตามมาตรา ๓๔/๔ วรรคสอง แล้วแต่กรณี ประกาศก าหนด โดยมี หลักประกันการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์ของ ประชาชนโดยสะดวกและไม่เลือกปฏิบัต
ในกรณีที่จ าเป็นเพื่อรักษาความมั่นคงทางการเงินและ การพาณิชย์ หรือเพื่อประโยชน์ในการเสริมสร้างความ น่าเชื่อถือและยอมรับในระบบการพิสูจน์และยืนยัน ตัวตนทางดิจิทัล หรือเพื่อป้องกันความเสียหายต่อ สาธารณชน ให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาก าหนดให้ การประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับระบบการพิสูจน์และ ยืนยันตัวตนทางดิจิทัลใดเป็นการประกอบธุรกิจบริการ เกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องได้รับ ใบอนุญาตก่อน และให้น าบทบัญญัติในหมวด ๓ ธุรกิจ บริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ มาใช้บังคับ โดยอนุโลม พระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่งอาจก าหนดให้มีการ จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาคณะหนึ่งเพื่อท าหน้าที่ ประกาศก าหนดหลักเกณฑ์ที่ผู้ประกอบธุรกิจบริการ เกี่ยวกับระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล จะต้องปฏิบัติ และให้มีอ านาจพิจารณามีค าสั่งและ ด าเนินการอื่นใดตามมาตรา ๓๔ ในกรณีที่ผู้ได้รับ ใบอนุญาตฝ่าฝืนหรือปฏิบัติไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ การประกอบธุรกิจก็ได้
ค าขอ การอนุญาต การจดทะเบียน ค าสั่งทางปกครอง การช าระเงิน การประกาศหรือการด าเนินการใด ๆ ตาม กฎหมายกับหน่วยงานของรัฐหรือโดยหน่วยงานของรัฐ ถ้าได้กระท าในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตาม หลักเกณฑ์และวิธีการที่ก าหนดโดยพระราชกฤษฎีกา ให้น าพระราชบัญญัตินี้มาใช้บังคับและให้ถือว่ามีผล เมื่อได้มีการตราพระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่งแล้ว ศาลหรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญอาจพิจารณาน า หลักเกณฑ์ในเรื่องใดที่ก าหนดไว้ตามพระราชกฤษฎีกา ดังกล่าวมาใช้บังคับแก่การด าเนินการในส่วนที่เกี่ยวกับ กระบวนพิจารณาพิพากษาคดีของศาลหรือในการ วินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาท แล้วแต่กรณี เพื่อให้เป็นไปตาม ความเหมาะสมกับหน้าที่และอ านาจของตนตาม กฎหมายได้ รวมถึงการก าหนดหลักเกณฑ์เพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา[๒๙] โดยชอบด้วยกฎหมายเช่นเดียวกับการด าเนินการตาม หลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายในเรื่องนั้นก าหนด ทั้งนี้ ในพระราชกฤษฎีกาอาจก าหนดให้บุคคลที่ เกี่ยวข้องต้องกระท าหรืองดเว้นกระท าการใด ๆ หรือให้ หน่วยงานของรัฐออกระเบียบเพื่อก าหนดรายละเอียด ในบางกรณีด้วยก็ได้ ในการออกพระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่ง พระราช กฤษฎีกาดังกล่าวอาจก าหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจบริการ เกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ต้องแจ้งให้ทราบ ต้องขึ้นทะเบียน หรือต้องได้รับใบอนุญาต แล้วแต่กรณี ก่อนประกอบกิจการก็ได้ ในกรณีนี้ ให้น าบทบัญญัติใน หมวด ๓ และบทก าหนดโทษที่เกี่ยวข้องมาใช้บังคับโดย อนุโลม
ให้มีคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์คณะหนึ่ง ประกอบด้วยประธานกรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง จากผู้ทรงคุณวุฒิ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคมเป็นรองประธานกรรมการ และกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิอื่นซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจ านวนแปดคน ให้ผู้อ านวยการเป็นกรรมการและเลขานุการ และ แต่งตั้งพนักงานของส านักงานเป็นผู้ช่วยเลขานุการได้ ตามความจ าเป็นแต่ไม่เกินสองคน ประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามวรรค หนึ่ง ต้องเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และ ความสามารถเป็นที่ประจักษ์ด้านการเงิน ด้านการ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ด้านนิติศาสตร์ ด้านวิทยาการ คอมพิวเตอร์ ด้านวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรรมศาสตร์ ด้านสังคมศาสตร์ หรือด้านอื่นใดที่เป็นประโยชน์ต่อการ ด าเนินงานของคณะกรรมการ ทั้งนี้ กรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิต้องประกอบด้วยบุคคลซึ่งมิใช่ข้าราชการ หรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐที่มีต าแหน่งหรือ เงินเดือนประจ าร่วมเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้วยไม่ น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจ านวนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งหมด หลักเกณฑ์และวิธีการได้มาซึ่งประธานกรรมการและ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรี ก าหนด
ให้คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มีหน้าที่และ อ านาจ ดังต่อไปนี้
ในการปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามหน้าที่และอ านาจตาม วรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการมีหนังสือเรียกหน่วยงาน ของรัฐหรือบุคคลใดมาชี้แจง ให้ข้อเท็จจริง หรือมาให้ ถ้อยค าหรือส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อ ประกอบการด าเนินงานได้ ในการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ให้ คณะกรรมการเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมาย อาญา
ประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการ ด ารงต าแหน่งสี่ปี เมื่อครบก าหนดวาระตามวรรคหนึ่ง หากยังมิได้มีการ แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้น ใหม่ ให้ประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่ง พ้นจากต าแหน่งตามวาระนั้นอยู่ในต าแหน่งเพื่อปฏิบัติ หน้าที่ต่อไปจนกว่าประธานกรรมการและกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่ แต่ต้องไม่ เกินเก้าสิบวันนับแต่วันที่ประธานกรรมการและ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากต าแหน่งตามวาระนั้น
นอกจากการพ้นจากต าแหน่งตามวาระตามมาตรา ๓๘ ประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจาก ต าแหน่ง เมื่อ
ในกรณีที่ประธานกรรมการหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ พ้นจากต าแหน่งก่อนวาระ ให้คณะกรรมการ ประกอบด้วยกรรมการเท่าที่เหลืออยู่ และให้ด าเนินการ แต่งตั้งประธานกรรมการหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ แทนต าแหน่งที่ว่างภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ต าแหน่ง ว่างลง เว้นแต่วาระของกรรมการเหลือไม่ถึงเก้าสิบวัน และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ด ารงต าแหน่งแทนอยู่ใน ต าแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน
การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่ น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจ านวนกรรมการทั้งหมดจึงเป็นองค์ ประชุม ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติ หน้าที่ได้ ให้คณะกรรมการเลือกกรรมการคนหนึ่งท า หน้าที่ประธานในที่ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้า คะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียง หนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด การประชุมของคณะกรรมการอาจกระท าโดยวิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ตามที่คณะกรรมการก าหนดก็ได
คณะกรรมการมีอ านาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อ พิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดแทน คณะกรรมการก็ได้ ให้น าความในมาตรา ๔๑ มาใช้บังคับแก่การประชุม ของคณะอนุกรรมการโดยอนุโลม
ให้คณะกรรมการได้รับเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบ แทนอื่นตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีก าหนด คณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการแต่งตั้งตามมาตรา ๔๒ ให้ได้รับเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นตาม หลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการก าหนด
ให้ส านักงานท าหน้าที่เป็นหน่วยงานธุรการของ คณะกรรมการ ให้ส านักงานจัดท าแผนยุทธศาสตร์เกี่ยวกับธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเสนอคณะกรรมการให้ความ เห็นชอบตามมาตรา ๓๗ (๑) และจัดส่งให้หน่วยงานที่ เกี่ยวข้องเพื่อด าเนินการต่อไป
แผนยุทธศาสตร์ที่ส านักงานต้องจัดท าตามมาตรา ๔๓ วรรคสอง ต้องสอดคล้องกับนโยบายและแผนระดับชาติ ว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมตาม กฎหมายว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและ สังคม โดยอย่างน้อยต้องก าหนดเรื่องดังต่อไปนี้
ผู ้ใดประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์โดยไม่แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามที่ ก าหนดในพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๓๓ วรรคหนึ่ง โดยฝ่าฝืนค าสั ่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้หยุดการ ให้บริการหรือค าสั ่งห้ามมิให้ให้บริการในส่วนที่เกี่ยวกับ ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ในการประกอบธุรกิจตาม มาตรา ๓๓ วรรคสาม หรือตามมาตรา ๓๓ วรรคห้า แล้วแต่กรณี หรือประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรม ทางอิเล็กทรอนิกส์ภายหลังจากพนักงานเจ้าหน้าที่ถอน การรับแจ้งตามมาตรา ๓๓ วรรคหก ต้องระวางโทษ จ าคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือ ทั ้งจ าทั ้งปรับ
ผู้ใดประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ขึ้นทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามที่ก าหนดในพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๓๓/๑ วรรคหนึ่ง หรือประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรม ทางอิเล็กทรอนิกส์ภายหลังจากมีค าสั่งเพิกถอนการขึ้น ทะเบียนตามมาตรา ๓๓/๑ วรรคสี่ หรือวรรคแปด แล้วแต่กรณีต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกินสองปี หรือปรับ ไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ
ผู้ใดประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามมาตรา ๓๔ หรือประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์ในระหว่างที่มีค าสั่งพักใช้ใบอนุญาตหรือ ภายหลังจากมีค าสั่งเพิกถอนใบอนุญาตของ คณะกรรมการ ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกินสามปี หรือ ปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ
ผู้ใดประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับระบบการพิสูจน์และ ยืนยันตัวตนทางดิจิทัลโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตาม มาตรา ๓๔/๔ หรือประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับระบบ การพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลในระหว่างที่มี ค าสั่งพักใช้ใบอนุญาตหรือภายหลังจากมีค าสั่งเพิกถอน ใบอนุญาตของคณะกรรมการหรือคณะกรรมการตาม มาตรา ๓๔/๔ วรรคสอง ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกิน สามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ
ในกรณีที่ผู้กระท าความผิดเป็นนิติบุคคล ถ้าการกระท า ความผิดของนิติบุคคลนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการ กระท าของกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่ง รับผิดชอบในการด าเนินงานของนิติบุคคลนั้น หรือใน กรณีที่บุคคลดังกล่าวมีหน้าที่ต้องสั่งการหรือกระท าการ และละเว้นไม่สั่งการหรือไม่กระท าการจนเป็นเหตุให้นิติ บุคคลนั้นกระท าความผิด ผู้นั้นต้องรับโทษตามที่ บัญญัติไว้ส าหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย
• 국가‧지 역: 태국 • 제정일: 2001년 12월 2일 • 개정일: 2019년 5월 19일
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ เป็นปีที่ ๕๖ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มี พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์ พระราชบัญญัตินี ้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการ จ ากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระท าได้โดยอาศัย อ านาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ ้น ไว้โดยค าแนะน าและยินยอมของรัฐสภาดังต่อไปนี ้ 푸미폰 아둔야뎃 폐하께서 재위 56번 째 해인 2001년(불기 2544년) 12월 2 일에 하사하셨다. 폐하께서는 다음과 같이 공포하도록 하 셨다. 전자거래 관련 법률을 갖추는 것이 합 당하다. 이 법은 개인의 권리 및 자유의 제한과 관련된 일부 조항을 포함하고 있다. 즉, 「태국 헌법」의 제29조가 제50조 와 연계하여 법률의 규정에 따른 권한 에 의거하여 행하도록 규정한다. 이에 폐하께서 의회의 조언과 승인을 거쳐 다음과 같이 법률을 제정하도록 하셨다.
이 법은 “「2001년 전자거래에 관한 법률」”이라고 한다.
이 법은 관보에 게재한 날부터 120일 이 경과한 날에 시행한다.
이 법은 전자 정보를 이용하여 진행되 는 민사 및 상사 상의 거래에 적용하 되, 칙령을 통하여 이 법의 전부 또는 일부를 적용하지 아니하도록 규정한 거 래는 제외한다. 첫 번째 단락의 내용은 소비자 보호를 위하여 제정된 법률이나 조례에 대해서 는 효력이 발생하지 아니한다. 이 법은 제4장에서 규정한 바에 따른 국정 운영과 관련된 거래에 적용된다.
이 법에서 사용하는 용어의 뜻은 다음 과 같다. “거래”란 민사 및 상사 상 관련되거나 제4장에서 규정한 국정 운영과 관련된 일련의 행위를 말한다. “전자적”이란 전자·전기·전자기 또는 이 와 유사한 속성의 그 밖의 다른 방식을 적용하는 것을 말하며, 광학 방식·자기 방식 또는 이러한 각종 방식의 적용과 관련된 장치를 포함하여 말한다. “전자거래”란 전자적 방식을 전부 또는 일부 사용하여 행하여지는 거래를 말한 다. “자료”란 문자·숫자·소리·이미지의 형태 또는 자체적으로 의미를 전달하거나 다 른 방식을 통하여 의미를 전달할 수 있 는 시각화된 형태의 사항 또는 사실을 말한다. “전자정보”란 전자정보교환·전자우편·전 보·텔렉스 또는 팩시밀리와 같은 전자 적 방식에 의하여 생성·송신·수신·저장 또는 처리되는 자료를 말한다. “전자서명”이란 전자적 형태로 생성되 어 전자정보와 관련이 있는 전자서명자 를 식별하고 해당자가 그러한 전자정보 에 포함된 자료를 승인했음을 표시할 목적으로 개인과 전자정보 간의 관련성 을 나타내기 위하여 전자정보에 첨부· 사용되는 문자·부호·숫자·소리 또는 그 밖의 다른 기호를 말한다. “정보시스템”이란 전자정보의 생성·송 신·수신·저장 또는 처리용 전자 장치로 결과를 처리하는 체계를 말한다. “신원 인증 및 확인”이란 개인 신원의 확실성을 인증하고 확인하는 절차를 말 한다. “디지털신원인증·확인시스템”이란 신원 인증 및 확인과 그러한 신원 인증 및 확인과 관련된 그 밖의 다른 거래를 위 하여 개인 또는 국가기관 사이에 정보 를 연결하는 전자네트워크를 말한다. “자동전자정보교환시스템”이란 자연인 의 검사 또는 개입 없이 조치 시마다 또는 시스템의 응답 생성 시마다 전자 정보에 관한 전체적이거나 부분적인 조 치나 응답 또는 정보시스템에 관한 특 정 업무 수행을 생성하기 위한 컴퓨터 프로그램 또는 전자적인 수단이나 자동 적인 수단을 말한다. “전자정보교환”이란 사전에 정해진 표 준을 적용하여 전자적 방식으로 컴퓨터 간에 자료를 송신하거나 수신하는 것을 말한다. “정보송신자”란 해당자가 지정한 방식 에 따라 송신하기 위한 정보의 저장 전 에 전자정보를 송신 또는 작성하는 자 를 말하며, 해당자가 직접 전자정보를 송신 또는 작성하거나, 해당자 명의로 또는 해당자를 대신하여 전자정보를 송 신 또는 작성할 수 있다. 이와 관련하 여 해당 전자정보의 중계자는 포함하지 아니한다. “정보수신자”란 정보송신자가 전자정보 를 송신하려는 상대방이자 해당 전자정 보의 수신자를 말한다. 이와 관련하여 해당 전자정보의 중계자는 포함하지 아 니한다. “중계자”란 타인의 명의로 해당 전자정 보 관련 그 밖의 서비스를 포함하여 특 정 전자정보의 송·수신 또는 저장을 수 행하는 사람을 말한다. “인증서”란 서명자와 전자서명 생성에 사용된 자료 간의 연결을 확인하는 전 자정보 또는 그 밖의 기록을 말한다. “서명자”란 전자서명 생성에 사용되는 정보의 소유자이자 자신의 명의로 또는 타인을 대신하여 해당 전자서명을 생성 하는 자를 말한다. “관계 당사자”란 인증서 또는 전자서명 에 의하여 특정 행위를 할 수 있는 자 를 말한다. “국가기관"이란 다음 각 항의 어느 하나에 해당하는 조직을 말한다.
“위원회”란 전자거래위원회를 말한다. “청장”이란 전자거래개발청장을 말한다. “청”이란 전자거래개발청 관련 법률에 따른 전자거래개발청을 말한다. “장관”이란 이 법에 따른 주무장관을 말한다.
제13조부터 제24조까지와 제26조부터 제31조까지의 규정은 다르게 합의될 수 있다.
디지털경제사회부장관이 이 법에 따른 주무장관이 된다.
자료가 전자정보의 형태로 존재한다는 이유만으로 특정 자료의 법적 구속력을 부인하거나 자료의 적용을 거부하여서 는 아니 된다.
제9조에 따라 법률에서 특정 업무와 관련하여 서류 작성 또는 서면 증명이 나 문서 제시의 필요성이 있는 것으로 규정하거나, 서류 작성 또는 서면 증명 을 이행하지 아니하거나 문서를 제시하 지 아니한 경우에 관한 법적 결과에 관 하여 규정한 경우, 자료가 의미의 변경 없이 접근 및 사용할 수 있는 전자정보 로 생성되었다면 해당 자료에 관해서는 법률에서 규정한 바에 따라 서류 작성 이나 서면으로 증명 또는 문서 제시가 이행된 것으로 간주한다. 법률에 따라 수입인지를 부착하여야 하 는 경우 이를 대신하여 관련 국가기관 이 고시한 원칙 및 절차에 따라 금전으 로 납부되었거나 전자적 방식을 통하여 진행되었다면, 그러한 증권 형태의 서 류 또는 서면 증명이나 문서에는 해당 법률에 따라 수입인지가 부착 및 소인 되었다고 간주한다. 이러한 경우 위원 회는 해당 국가기관의 원칙 및 절차 규 정의 일반적 기준으로 삼기 위한 틀 및 지침을 설정할 수 있다.
법률에서 서명하도록 규정하였거나 서 명하지 아니한 경우에 대한 법적 결과 에 관하여 규정한 경우 다음 각 항의 어느 하나에 해당하는 때에는 서명이 완료되었다고 간주한다.
(ㄱ) 관련 계약을 포함한 주변 상황 을 전반적으로 고려하여 전자정보의 생성 또는 전송 목적에 부합하며 신 뢰할 수 있는 방식 (ㄴ) 해당 방법으로 직접 또는 다른 증거와 함께 서명자의 신원을 증명 할 수 있으며 제(1)항에 따라 서명 자의 목적을 표시할 수 있는 그 밖 의 방식 첫 번째 단락 제(2)항제(ㄱ)호에 따른 신뢰할 수 있는 방식에 관해서는 다음 각 항을 고려한다.
법률에서 원본 문서와 동일한 원상태의 자료를 제출 또는 보관하도록 규정한 경우, 다음 각 항의 원칙에 따른 전자 정보 형태의 제출 또는 보관은 법률에 따른 원본 문서의 제출 또는 보관으로 간주한다.
제(1)항에 따른 자료의 무결성은 자료 의 완전성 및 일관성을 고려하되, 해당 자료의 통신·저장 또는 정보 표시 과정 에서 통상적으로 발생할 수 있으며 자 료의 무결성에는 영향을 미치지 아니하 는 추가 인증 또는 기록이나 변경은 제 외한다. 제(1)항에 따른 자료의 무결성 유지 방식의 신뢰성을 판단하는 때에는 해당 자료 생성의 목적을 포함하는 모든 관 련 상황에 관하여 심사숙고한다. 전자정보의 자료 인용을 위하여 첫 번 째 단락에 따른 전자정보의 출력물을 제작하는 경우 해당 출력물이 전자정보 와 완벽하게 일치하는 자료를 갖추었으 며 위원회가 규정한 바에 따른 권한을 가진 기관을 통하여 인증을 받았으면 해당 출력물을 원본 대신 사용할 수 있 는 것으로 간주한다.
민·형사 사건 또는 그 밖의 사건에 관 한 법률에 따른 검토 과정에서 전자정 보라는 이유만으로 해당 전자정보의 증 거능력을 부인하여서는 아니 된다. 전자정보가 가지는 신뢰성에 관한 증거 력을 판단하는 때에는 모든 관련 상황 을 포함한 전자정보의 생성·저장 또는 전달에 사용되는 형태나 방식, 자료의 저장 형태나 방식, 완전성 및 일관성, 정보송신자의 신원 명시 또는 표시에 사용되는 형태나 방식의 신뢰성에 관하 여 심사숙고한다. 첫 번째 단락의 내용은 전자정보의 출 력물에도 적용된다.
제10조의 규정에 따라 법률에서 문서 또는 자료를 보관하도록 규정하는 경우 다음 각 항의 원칙에 따른 전자정보의 형태로 보관되면 법률에서 요구하는 바 에 따라 문서 또는 자료가 보관된 것으 로 간주한다.
첫 번째 단락의 내용은 전자정보의 송· 수신 목적으로만 사용되는 자료에는 적 용하지 아니한다. 특정 문서 또는 자료의 보관을 담당하 는 국가기관은 이 조의 규정에 위배 또 는 모순되지 아니하는 범위 내에서 해 당 문서 또는 자료 보존과 관련된 추가 세부 기준을 정할 수 있다.
제10조, 제11조 및 제12조의 규정을 사후 전자적 방식을 통하여 전자정보의 형태로 존재하도록 작성하거나 변환한 문서 또는 자료 및 해당 문서 또는 자 료의 저장에 준용한다. 첫 번째 단락에 따라 문서 또는 자료를 전자정보의 형태로 존재하도록 작성 또 는 변환하는 때에는 위원회가 정하는 원칙 및 절차를 따른다.
계약 체결에 관한 제안 또는 응답은 전 자정보로 작성될 수 있으며, 해당 계약 이 전자정보로 제안되거나 응답되었다는 이유만으로 계약의 법적 효력을 부 인하여서는 아니 된다.
정보시스템을 통하여 명령어를 작성하 는 데 있어서 정보시스템의 자동응답이 가능하게 한 제안을 포함하여 개인을 특정하지 아니하고 해당 정보시스템의 이용자를 대상으로 전자통신을 통한 계 약 체결을 위하여 일회적 또는 다회적 으로 제안하는 것은 제안을 위한 초청 으로 간주한다. 다만, 수락이 있으면 구속력을 갖는다는 제안자의 의도를 명 백하게 밝혀서 기재할 수 있는 계약 체 결을 위한 제안은 제외한다.
자동전자정보교환시스템을 통하여 수행 되는 각 조치 또는 계약의 결과에 관여 하는 자연인이 존재하지 아니한다는 이 유만으로 자동전자정보교환시스템과 자 연인 간 또는 자동전자정보교환시스템 상호 간의 응답을 통하여 체결되는 계 약의 완전성을 부인하거나 계약을 적용 하는 것을 거부하여서는 아니 된다.
정보송신자와 정보수신자 간의 의사 표 시 또는 메시지 전달은 전자정보로 작 성될 수 있다.
송신 방법에 관계없이 자료를 송신한 사람은 해당 전자정보의 소유자로 간주 한다. 정보송신자와 정보수신자 사이에서 전 자정보가 다음 각 항의 어느 하나를 통 하여 송신되었다면 정보송신자의 전자 전보라고 간주한다.
다음 각 항의 어느 하나에 해당하는 경 우 정보수신자는 전자정보를 정보송신 자의 소유로 간주하고, 해당 전자정보 에 따라 조치할 수 있다.
다음 각 항의 어느 하나에 해당하는 경 우에는 첫 번째 단락의 내용을 적용하 지 아니한다.
제15조 또는 제16조 첫 번째 단락에 따른 경우 정보송신자와 정보수신자 사 이에서 정보수신자는 수신한 전자정보 가 정보송신자의 의도에 따라 정확성을 갖추었으며 그러한 전자정보에 따라 조 치할 수 있다고 간주할 권리가 있다. 다만, 정보수신자가 적절한 주의를 기 울이거나 사전 합의한 방법에 따라 조 치하면, 정보수신자가 수신한 전자정보 와 관련하여 송신으로 인하여 발생한 오류가 있다고 인지하거나 당연히 인지 할 수 있는 경우는 제외한다.
자연인에 의하여 잘못된 정보가 입력되 어 다른 사람의 자동전자정보교환시스 템을 통하여 송신되었으며, 그러한 자 동전자정보교환시스템이 해당자에게 발 생한 오류를 시정하도록 할 수 있는 경 로를 갖추지 아니한 경우 다음 각 항에 해당하면 해당자 또는 대리인은 잘못 입력한 자료에서 발생한 부분에서의 의 사표시를 철회할 수 있다.
정보수신자는 수신한 각 전자정보를 별 도의 자료로 간주하고 각각의 전자정보 에 따라 조치할 수 있다. 다만, 해당 전자정보가 다른 전자정보와 중복되었 으며 정보수신자가 적절한 주의를 기울 이거나 사전 합의한 방법에 따라 조치 하면 해당 정보가 중복되었다는 사실을 인지할 수 있거나 당연히 인지하여야 하는 경우는 제외한다.
정보송신자가 정보수신자에게 사전 또 는 전자정보 송신 시 요청 또는 합의하 였거나 전자정보에 표시한 것을 불문하 고 전자정보 수신 통보가 필요한 경우 에는 다음 각 항의 원칙을 따른다.
(ㄱ) 정보송신자가 정보수신자에게 아직 수신 통지를 받지 못하였다는 메시지를 송신하고 정보수신자에게 합당한 수신 통지 기한을 정할 수 있다. (ㄴ) 정보송신자가 제(ㄱ)호에 따른 기한 내에 수신 통지를 받지 못하면 정보송신자가 정보수신자에게 메시 지를 전달한 때에는 정보송신자는 해당 전자정보의 송신이 이루어지지 아니하였다고 간주하거나 정보송신 자가 보유하고 있는 다른 권리를 행 사할 수 있다.
정보송신자가 정보수신자로부터 수신 통보를 받은 경우 정보수신자가 관련 전자정보를 수신한 것으로 가정하되, 그러한 가정이 정보수신자가 수신한 전 자정보에 관하여 정보송신자가 송신한 전자정보와 일치한다고 간주하도록 하 지는 아니한다.
전자정보 수신 통보 자체에서 정보수신 자가 수신한 전자정보가 정보송신자와 정보수신자가 합의하거나 적용 중인 표 준에서 명시한 기술적 요건에 따라 진 행된다고 드러난 경우 송신한 해당 전 자정보는 모든 기술적 요구 사항을 충 족한다고 가정한다.
전자정보 송신은 해당 전자정보가 정보 송신자의 통제 밖에 있는 정보시스템으 로 입력된 때에 송신이 이루어진 것으 로 간주한다.
전자정보 수신은 해당 전자정보가 정보 수신자의 정보시스템에 입력된 시점부 터 유효한 것으로 간주한다. 정보송신자가 전자정보송신에 사용하려 는 정보시스템을 특정하였다면 전자정 보 수신은 해당 전자정보가 정보수신자 가 지정한 정보시스템에 입력된 시점부 터 유효하다고 간주하되, 해당 전자정 보가 정보수신자가 지정한 정보시스템 이 아닌 정보수신자의 다른 정보시스템 으로 입력되었다면 그 정보시스템에서 전자정보를 호출한 시점부터 전자정보 수신이 유효한 것으로 간주한다. 이 조의 내용은 정보수신자가 제24조 에 따라 전자정보를 수신한 것으로 간 주되는 장소 및 다른 장소에 위치하는 정보수신자의 정보시스템에도 적용된 다.
전자정보의 송·수신은 경우에 따라 정보송신자의 근무지에서 송신되었거나 정보수신자의 근무지에서 수신된 것으 로 간주한다. 여러 장소에서 근무하는 정보송신자 또 는 정보수신자의 경우 첫 번째 단락에 따른 편의를 위하여 해당 거래와 가장 밀접한 관계가 있는 장소를 근무지로 간주하되, 해당 사업이 어떠한 근무지 와 가장 밀접한 관계가 있는지 특정할 수 없으면 본사를 해당 전자정보를 수 신 또는 발신한 장소로 간주한다. 정보송신자 또는 정보수신자의 근무지 가 드러나지 아니하는 경우 평상시의 거주지를 전자정보 송신 또는 수신 장 소로 간주한다. 이 조의 내용은 전보·텔렉스 또는 칙령 에서 정하는 바에 따른 그 밖의 다른 통신 방식을 통한 전자정보의 송신 및 수신에는 적용하지 아니한다.
칙령에서 규정하는 안전한 방식에 의하 여 실행된 전자거래에 관해서는 신뢰할 수 있는 방식이라고 가정한다.
다음 각 항의 어느 하나에 해당하는 형 태의 전자서명은 신뢰할 수 있는 전자 서명으로 간주한다.
첫 번째 단락에서의 규정은 신뢰할 수 있는 전자서명이라고 표시할 수 있는 다른 방식이나 전자서명의 신뢰성이 없 다는 것과 관련한 근거 표시가 존재하 지 아니하는 것으로 제한하지 아니한 다.
법적 효력을 갖춘 전자서명을 생성하기 위하여 전자서명 생성용 정보가 사용되 는 경우 서명자는 다음 각 항과 같이 조치하여야 한다.
(ㄱ) 전자서명 생성에 사용되는 정보 가 분실·파괴·변경 또는 불법적으로 공개되거나 목적에 부합되지 아니하 게 사전에 알려졌다는 사실을 서명 자가 인지하거나 당연히 인지하여야 하는 때 (ㄴ) 서명자가 전자서명에 사용되는 자료가 소실·파괴·변경 또는 불법적 으로 공개되거나 목적에 부합하지 아니하게 사전에 알려질 수 있는 상 당한 위험성이 나타난 정황을 인지 한 때
전자서명이 서명과 동일한 법적 효력을 갖도록 지원하기 위한 인증서 발급 서 비스를 제공하는 경우 인증서 발급 서 비스 제공자는 다음 각 항과 같이 조치 하여야 한다.
(ㄱ) 인증서 발급 서비스 제공자 명 시할 것 (ㄴ) 인증서에 명시된 서명자가 인증 서 발급 시점에 전자서명 생성에 사 용된 자료를 통제할 것 ㄷ) 전자서명 생성에 사용된 자료가 인증서 발급 시점 또는 그 이전에 효력을 갖출 것
(ㄱ) 서명자를 명시하는 데 사용되는 방법에 관한 사항 (ㄴ) 전자서명 또는 인증서 생성에 사용되는 자료의 목적 및 가치와 관 련한 제한 사항 (ㄷ) 전자서명의 생성에 사용되는 자 료는 완전한 효력을 갖추어 사용될 수 있으며, 소실·파괴·변경 또는 불 법 공개나 목적에 부합하지 아니한 사전 유출이 없을 것 (ㄹ) 인증서 발급 서비스 제공자가 명시한 책임 범위 관련 제한 사항 ㅁ) 제27조제(2)항에 따른 이유가 있는 때에는 서명자가 통지할 수 있 도록 하는 수단의 가용성 (ㅂ) 인증서를 제때 취소하는 것과 관련된 서비스
제28조제(6)항에 따른 시스템·방식 및 인력의 신뢰도에 관하여 검토하는 때에 는 다음 각 항에 해당하는 사항을 고려 한다.
관련 당사자는 다음 각 항에 해당하는 조치를 하여야 한다
(ㄱ) 인증서의 무결성이나 인증서 사 용 증지 또는 취소에 대한 검증 (ㄴ) 인증서 관련 제한 사항 준수
인증서 또는 전자서명은 다음 각 항에 해당하는 사항에 관하여 고려할 필요 없이 법적 효력을 갖춘 것으로 간주한 다.
외국에서 발행된 보증서는 해당 보증서 가 이 법에 따른 신뢰도를 갖춘 시스템 이상의 신뢰도를 갖춘 시스템을 사용한 경우 태국에서 발행된 보증서와 마찬가 지로 국내에서 법적 효력을 갖는다. 외국에서 생성 또는 사용된 전자서명은 해당 전자서명이 이 법률에 따른 신뢰 도를 갖춘 시스템 이상의 신뢰도를 갖 춘 시스템을 사용한 경우 국내에서 생 성 또는 사용되는 전자서명과 마찬가지 로 국내에서 법적 효력이 있다고 간주 한다. 두 번째 단락 또는 세 번째 단락에 따 른 인증서나 전자서명의 신뢰도를 검토 하는 때에는 국제표준 및 그 밖의 관련 구성 요소에 관하여 고려한다.
개인은 당연히 전자거래 관련 서비스업 을 운영할 권리를 갖는다. 다만, 금융 및 상업적 안정성 유지나 전자정보시스 템의 신뢰성 제고 및 전자정보시스템에 대한 수용 또는 공공에 미치는 피해를 방지하기 위하여 필요한 경우 어떤 전 자거래 관련 서비스업을 운영하는 데 있어서 경우에 따라 사전 신고나 등록 또는 면허 취득의 필요 여부를 칙령으 로 규정한다 첫 번째 단락에 따른 신고나 등록 또는 면허 취득이 어떤 경우에 필요한지를 규정하는 경우 해당 사업 운영으로 인 하여 발생할 수 있는 영향의 심각도에 따른 피해의 통제 및 방지에서의 적합 성을 반영하고 해당 사업으로 인하여 발생할 수 있는 영향을 검토하여 정한 다. 이와 관련하여 국가기관 한 곳을 첫 번 째 단락에 따라 공포되는 칙령 감독의 책임기관으로 지정할 수 있다. 감독 책 임기관으로 지정된 국가기관이 없다면 해당 칙령에 따라 청이 전자거래 관련 서비스업 운영 감독의 책임기관이 된 다. 이를 위하여 칙령에 따른 감독 책 임자가 되는 국가기관 또는 청은 칙령 에 따른 집행을 위하여 담당관을 임명 한다. 첫 번째 단락에 따른 칙령의 제정을 권 고하기 전에 합당한 바에 따라 대국민 공청회를 실시하고 그로부터 도출된 자 료를 반영하여 검토한다.
칙령에서 특정 전자거래 관련 서비스업 을 신고가 필요한 사업으로 지정하는 경우 해당 사업을 운영하려는 자는 해 당 사업의 운영을 개시하기 전에 칙령 에서 정하는 원칙과 절차 및 조건에 따 라 담당관에게 신고하여야 한다. 담당관은 신고 접수 시 신고 접수일에 신고필증으로 신고접수증을 발급하며, 신고자는 해당 신고접수증을 발급받을 날부터 사업을 운영할 수 있다. 다만, 담당관이 이후 허위 또는 불완전 신고 라는 사실을 적발하면 신고자에게 기한 내에 정확 또는 완벽하게 시정하여 시 정 결과를 담당관에게 제시하도록 명령 할 권한을 갖는다. 사업자가 기한 내에 담당관의 명령에 따라 시정 또는 준수하지 아니하는 경 우 담당관은 해당자에게 두 번째 단락 에 따른 기한의 만료일부터 담당관의 명령에 따라 정확하고 완벽하게 시정할 때까지 해당 사업의 운영에서 전자거래 관련 부분 서비스를 중단하도록 명령한 다. 사업을 운영하는 데 있어 신고자는 칙 령에서 정하는 원칙 및 위원회가 정하 는 고시를 준수하여야 한다. 해당 칙령 에 따른 원칙에서는 사업 운영으로 인 한 피해자에 대한 보상 또는 구제 사항 도 규정한다. 신고자가 네 번째 단락에 따른 사업 운 영 원칙을 준수하지 아니하면, 담당관 은 해당자에게 규정된 원칙에 따라 정 확하고 완전하게 이행할 때까지 해당 사업의 운영에서 전자거래 관련 부분의 서비스 제공 금지 명령을 한다. 서비스가 중지 또는 금지된 날부터 90 일 이내에 신고자가 세 번째 단락에 따 라 시정하지 아니하거나 다섯 번째 단 락에 따라 준수하지 아니하는 경우 담 당관은 신고 목록에서 해당자의 신고를 말소하고 신속하게 해당 신고자에게 서 면으로 통보한다.
칙령에서 특정 전자거래 관련 서비스업 을 등록이 필요한 사업으로 지정하는 경우 해당 사업을 운영하려는 자는 해 당 사업의 운영을 개시하기 전에 칙령 에서 정하는 원칙과 절차 및 조건에 따 라 담당관에게 등록하여야 한다 담당관은 등록 신청 접수 시 신청서 제 출일에 등록필증으로 등록신청접수증을 발급하고, 담당관이 등록 서류 및 증빙 자료를 조사하여 칙령에서 정하는 바에 따라 완벽하고 정확하다고 판단하면 등 록 신청 접수일부터 30일 이내에 등록 수리하여 등록신청자에게 서면으로 통 지하며, 등록신청자는 등록일부터 해당 사업을 운영할 수 있다. 담당관이 두 번째 단락의 기한 내에 조 사를 완료할 수 없으면 등록신청자는 해당 기한이 만료된 다음 날부터 우선 사업을 운영할 수 있다. 담당관이 두 번째 단락에 따라 등록을 수리하기 전에 조사하거나 해당자의 사 업 운영 개시 후 조사하여 등록신청자 의 등록 서류 및 증빙 자료가 불충분하 거나 허위라는 사실을 적발한 경우에는 등록신청자 또는 등록자에게 기한 내에 정확하고 완벽하게 시정하도록 서면으 로 통보한다. 이러한 경우 등록신청자 또는 등록자가 정당한 사유 없이 담당 관이 정한 기한이 경과할 때까지 정확 하고 완벽하게 시정 또는 이행하지 아 니하면 세 번째 단락에 따른 등록신청 자의 사업 운영권은 중지되며 경우에 따라 해당 등록신청서가 누락된 것으로 간주하거나 해당 사업자의 등록에 대한 취소 명령을 한다. 사업을 운영하는 데 있어서 등록자는 칙령에서 정하는 원칙 및 위원회가 고 시하는 바를 준수하여야 한다. 해당 칙 령에 따른 원칙은 사업 운영으로 인하 여 발생한 피해자에 대한 보상 또는 구 제 사항에 대해서도 명시한다. 등록자가 다섯 번째 단락에 따른 사업 운영 원칙을 위반하거나 준수하지 아니 하면 위원회는 위반행위의 심각성을 고 려하여 해당자에게 100만 밧을 초과하 지 아니하는 벌금 부과 명령을 고려한 다. 벌금 규정 검토의 원칙은 위원회가 정하는 바에 따르며, 합당하다고 판단 하는 경우 위원회는 해당자에게 정확하 거나 합당하게 시정하기 위한 조치를 실시하도록 명령할 수 있다. 여섯 번째 단락에 따라 벌금을 부과받 은 자가 벌금을 납부하지 아니한다면 위원회는 형사재판 관할 법원에 벌금 납부를 강제하기 위한 소송을 제기할 권한을 갖는다. 이와 관련하여 법원에 서 벌금을 납부하도록 판결하고 해당자 가 법원이 판결한 날부터 30일 이내에 벌금을 납부하지 아니한다면, 벌금 대 신 해당자의 재산을 압류하여 배상하게 하되, 벌금 대신 해당자를 구금하는 방 법은 적용하지 아니한다. 여섯 번째 단락에 따른 위반행위자가 위원회의 명령에 따른 시정 조치를 하 지 아니하거나 위원회가 최초로 벌금 부과 명령을 한 날부터 1년 이내의 기 간에 다섯 번째 단락에 따른 사업 운영 원칙을 재위반 또는 준수하지 아니하는 경우 위원회는 해당 등록자의 등록을 취소하는 명령을 할 수 있으며, 담당관 은 해당 명령을 해당자에게 신속하게 통보한다.
칙령에서 특정 전자거래 관련 서비스업 을 면허 취득이 필요한 사업으로 지정 하는 경우 해당 사업을 운영하려는 자 는 칙령에서 정하는 바에 따라 담당관 에게 면허신청서를 제출한다. 면허 신청자의 자격, 면허 신청의 원칙 및 절차, 면허 발급, 면허 갱신, 면허 반환 및 면허 사용 중지 또는 취소 명 령은 칙령에서 정하는 원칙과 절차 및 조건에 따른다. 사업의 운영에서 면허 취득자는 부령에 서 정한 원칙이나 위원회가 정하는 고 시 또는 면허의 조건을 준수하여야 한 다. 해당 칙령에 따른 원칙에서는 사업 운영으로 인하여 발생한 피해자에 대한 보상 또는 구제 사항도 명시한다. 면허 취득자가 세 번째 단락에 따른 사 업 운영 원칙을 위반하거나 준수하지 아니하는 경우 위원회는 이를 검토하여 200만 밧 이하의 벌금 부과를 명령하 고 제33조의1 여섯 번째 단락 및 일곱 번째 단락의 내용을 준용한다. 네 번째 단락에 따른 위반행위자가 위 원회의 명령에 따른 시정 조치를 하지 아니하거나, 위원회가 최초로 벌금 명령을 한 날부터 1년 이내의 기간에 세 번째 단락에 따른 사업 운영 원칙을 다시 위반하거나 준수하지 아니하는 경 우 위원회는 해당 면허 취득자의 면허 를 취소하는 명령을 할 수 있으며, 담 당관은 해당 명령을 신속하게 해당자에 게 통보한다.
이 장에 따른 전자거래 관련 서비스업 운영에 대한 관리·감독의 편의를 위하 여 위원회나 청 또는 국가기관이 제32 조 세 번째 단락에 따른 관리·감독의 책임자가 되며, 제32조에 따라 칙령에 서 규정한 사안에 관하여 해당 칙령에 위배 또는 모순되지 아니하는 추가 세 부 사항을 고시할 수 있다.
전자거래 관련 서비스업 운영의 관리· 감독이 이 법 또는 제32조에 따른 칙 령에 따라 수행되도록 하기 위하여 전 자거래 관련 서비스업 운영의 관리·감 독 책임자인 국가기관 또는 청의 담당 관이 다음 각 항에 해당하는 직권을 맡 는다.
이 조에 따라 담당관이 직무를 수행하 는 때에는 관리·감독의 책임자인 국가 기관 또는 청이 발급한 담당관 신분증 을 제시하여야 하며, 관계자는 합당한 편의를 제공한다.
개인의 신원 인증 및 확인은 디지털신 원인증·확인시스템을 통하여 진행될 수 있다. 디지털신원인증·확인시스템을 통하여 타인의 신원을 인증 및 확인하려는 자 는 사용이 필요한 디지털 신분 인증 및 확인의 신뢰도 관련 조건을 대상자에게 사전 통보하여야 하며, 해당 조건에 따 라 디지털 신원 인증 및 확인이 완료된 때에는 신원이 인증 및 확인된 사람을 실제 해당자로 가정한다. 두 번째 단락에 따른 디지털 신원 인증 및 확인의 신뢰도 관련 조건은 국민이 편리하고 차별 없이 접근하고 활용하도록 보장하여, 경우에 따라 위원회 또는 제34조의4 두 번째 단락에 따른 위원 회 고시 이상의 기준을 마련하여야 한 다.
디지털신원인증·확인시스템의 재정적· 상업적인 안정성 유지와 신뢰도 제고 및 수용의 편의 또는 공공에 미치는 피 해의 방지를 위하여 필요한 경우에는 특정 디지털신원인증·확인시스템 관련 서비스업 운영을 면허의 사전 취득이 필요한 전자거래 관련 서비스업의 운영 으로 규정하는 칙령을 제정하고 제3장 전자거래 관련 서비스업의 규정을 준용 한다. 첫 번째 단락에 따른 칙령에서는 디지 털신원인증·확인시스템 관련 서비스업 자가 준수하여야 하는 원칙을 고시하기 위한 위원회의 설치 및 면허 취득자가 사업 운영의 원칙을 위반하거나 올바르 게 준수하지 아니하는 경우 이를 검토 하여 제34조에 따라 명령 및 그 밖의 조치를 할 권한을 갖도록 규정할 수 있 다
국가기관과의 또는 국가기관에 의한 신 청·허가·등록·행정명령·납부·고시 또는 법적 조치가 부령으로 규정한 원칙 및 절차에 따라 전자정보의 형태로 이행되 면 이 법을 적용하고 해당 사항에 관하 여 법률이 규정한 원칙 및 절차에 따라 이행된 것과 동일한 법적 효력을 갖추 었다고 간주한다. 이와 관련하여 칙령에서 당사자에게 특정 행위를 이행하거 나 중단하도록 규정하거나, 국가기관이 일부 경우에 관한 세부 사항을 정하기 위한 규칙을 제정하도록 규정할 수 있 다. 첫 번째 단락에 따른 칙령의 제정에서 는 해당 칙령은 전자거래 관련 사업자 가 사업 개시 전 경우에 따라 신고, 등 록 또는 면허의 취득이 필요하도록 규 정할 수 있다. 이러한 경우 제3장의 규 정 및 관련 벌칙을 준용한다. 첫 번째 단락에 따라 칙령이 제정된 때 에는 법원 또는 헌법기관은 법률상의 직권에 따른 집행을 위하여 해당 칙령 에 따라 규정한 사안의 원칙을 법원의 재판 절차 또는 분쟁 판결 관련 부분에 경우에 따라 적용하는 것을 검토할 수 있으며, 이를 관보에 게재한다.
내각이 전문가 중에서 임명하는 사람을 위원장으로 하고 디지털경제사회부 사 무차관이 부위원장이 되며, 내각이 임 명하는 전문위원 8명으로 구성되는 전 자거래위원회를 설치한다. 청장은 위원 겸 간사가 되며, 필요에 따라 청의 직원 중 2명 이하의 사람을 간사보로 임명한다. 첫 번째 단락에 따른 위원장 및 전문위 원은 금융·전자상거래·법학·컴퓨터과학· 과학·공학·사회학 또는 위원회의 운영 에 도움이 되는 그 밖의 분야에서 탁월 한 지식과 전문성 및 능력을 갖춘 사람 이어야 한다. 이와 관련하여 전문위원 의 구성은 공무원 또는 국가기관에서 정규적인 직위를 맡거나 급여를 받는 직무를 수행하지 아니하는 사람의 수가 재적 전문위원 수의 과반이 되어야 한 다. 위원장 및 전문위원 임명 원칙 및 기준 은 장관이 정하는 규칙을 따른다.
전자거래위원회는 다음 각 항에 해당하 는 직권을 맡는다.
첫 번째 단락에 따른 직권에 따라 집행 하는 경우 위원회는 업무 처리를 위하 여 국가기관 또는 개인을 소환하여 답 변이나 진술 또는 해명을 하도록 하거 나 관련 증거 자료를 제출하도록 할 수 있다. 첫 번째 단락에 따라 집행하는 경우 위 원회는 「형법전」에 따른 담당자가 된 다.
위원장 및 전문위원의 임기는 4년으로 한다. 첫 번째 단락에 따른 임기가 만료된 때 에 아직 새로운 위원장 및 위원이 임명 되지 아니하였다면 임기에 따라 이임하 는 위원장 및 위원이 새로 임명되는 위 원장 및 위원의 취임 시까지 계속 직무 를 수행하도록 하되, 그 기간이 임기에 따른 위원장 및 위원의 이임일부터 90일을 초과하여서는 아니 된다.
위원장 및 전문위원은 제38조에 따른 임기 만료에 의한 이임 이외에 다음 각 항의 어느 하나에 해당하는 때에 이임 한다
위원장 또는 전문위원이 임기의 만료 전에 이임하는 경우 위원회는 남은 위 원만으로 구성하고 결원이 발생한 날부 터 60일 이내에 위원장 또는 전문위원 의 보궐 임명을 실시하되, 남은 임기가 90일 미만인 경우는 예외로 하며, 보궐 임명된 사람은 본인이 보궐하는 위원의 남은 임기 동안 재임한다.
위원회 회의는 재적위원 과반이 출석하 여야 의사 정족수가 된다. 위원장이 회의에 출석하지 아니하거나 직무를 수행할 수 없다면 위원회가 위 원 중 1명을 회의의 의장 직무 대행자 로 선정한다. 회의의 의결은 다수결로 한다. 위원 한명은 한 개의 표결권을 갖는다. 득표수 가 같으면 의장이 추가로 1표의 결정 권을 행사한다. 위원회의 회의는 위원회가 규정하는 바 에 따라 전자적 방식으로 진행할 수 있 다
위원회는 위원회를 대신하여 검토 또는 직무를 수행하도록 하기 위하여 소위원 회를 둘 권한을 갖는다. 제41조의 내용을 소위원회의 회의에 준용한다.
위원회의 위원에게는 내각이 정하는 원 칙에 따라 회의 참석 수당 및 그 밖의 보수가 지급된다. 제42조에 따라 위원회가 임명하는 소 위원회 위원에게는 위원회가 정하는 바 에 따라 회의 참석 수당 및 그 밖의 보 수가 지급된다.
청은 위원회의 행정을 담당하는 부서의 역할을 한다. 청은 제37조제(1)항에 따라 전자거래 관련 전략 계획을 수립하여 위원회가 승인하도록 제출하고, 그 후속 조치를 위하여 관련 기관에 송부한다.
제43조 두 번째 단락에 따라 청이 작 성하여야 하는 전략 계획은 경제·사회 를 위한 디지털 개발 관련 법률에 따른 경제·사회를 위한 디지털 개발과 관련 된 국가 차원의 정책 및 계획에 부합하 여야 하며, 최소한 다음 각 항의 해당 사항을 명시하여야 한다.
제33조 세 번째 단락이나 제33조 다섯 번째 단락에 따른 담당관의 서비스 제 공 중단 명령 또는 사업 운영에서의 전 자거래 관련 부분 서비스 제공 금지 명 령을 위반하여 제33조 첫 번째 단락에 따른 부령에서 규정하는 바에 따라 담당관에게 신고하지 아니하고 전자거래 관련 사업을 운영하거나 제33조 여섯 번째 단락에 따라 담당관이 신고 수리 를 취소한 이후 전자거래 관련 서비스 업을 운영하는 자는 1년 이하의 징역 또는 10만 밧 이하의 벌금에 처하거나, 징역과 벌금이 병과된다.
제33조의1 첫 번째 단락에 따른 칙령 에서 규정하는 바에 따라 담당관에게 등록하지 아니하고 전자거래 관련 서비 스업을 운영하거나 제33조의1 네 번째 단락 또는 여덟 번째 단락에 따른 등록 취소 명령 이후 전자거래 관련 서비스 업을 운영하는 자는 2년 이하의 징역 또는 20만 밧 이하의 벌금에 처하거나, 징역과 벌금이 병과된다.
제34조에 따라 면허를 취득하지 아니 하고 전자거래 관련 서비스업을 운영하 거나 위원회의 면허 사용 중지 명령 기 간 도중이나 면허 취소 명령 기간 이후 전자거래 관련 서비스업을 운영하는 자 는 3년 이하의 징역 또는 30만 밧 이 하의 벌금에 처하거나, 징역과 벌금이 병과된다.
제34조의4에 따라 면허를 취득하지 아 니하고 디지털신원인증·확인시스템 관 련 서비스업을 운영하거나 제43조의4 두 번째 단락에 따른 위원회의 면허 사 용 중지 명령 기간 도중 또는 면허 취 소 명령 이후 디지털신원인증·확인시스 템 관련 서비스업을 운영하는 자는 3 년 이하의 징역 또는 30만 밧 이하의 벌금에 처하거나, 징역과 벌금이 병과 된다.
위법행위자가 법인인 경우 해당 법인의 위법 행위가 이사나 경영자 또는 해당 법인의 운영 관련 책임자의 지시 또는 행위로 인하여 발생하였거나, 해당자가 지시 또는 행위를 할 책임이 있으나 지 시 또는 행위를 하지 아니하여 해당 법 인에 대하여 위법행위의 원인을 제공한 경우 해당자는 해당 위법행위에 관하여 규정한 바에 따라 처벌된다.