ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. เป็นปีที่ ๖๒ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
ให้ไว้ ณ วันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยสุขภาพแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๕๐”
ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
“สุขภาพ” หมายความว่า ภาวะของมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งทางกาย ทางจิต ทางปัญญา และทางสังคม เชื่อมโยงกันเป็นองค์รวมอย่างสมดุล “ปัญญา” หมายความว่า ความรู้จริง รู้เท่าทันและความเข้าใจอย่างแยกได้ ในเหตุผลแห่งความดี ความชั่ว ความมีประโยชน์และความมีโทษ ซึ่งนำไปสู่ความมีจิตอันดี งามและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ “ระบบสุขภาพ” หมายความว่า ระบบความสัมพันธ์ทั้งมวลที่เกี่ยวข้องกับ สุขภาพ “บริการสาธารณสุข” หมายความว่า บริการต่าง ๆ อันเกี่ยวกับการสร้าง เสริมสุขภาพ การป้องกันและควบคุมโรค การฟื้นฟูสุขภาพ การตรวจวินิจฉัย การรักษา บำบัดและการลดความรุนแรงของโรคและการบาดเจ็บ รวมทั้งการจัดการด้านยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ “บุคลากรด้านสาธารณสุข” หมายความว่า ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับบริการ กฎหมาย หรือข้อกำหนดด้านสุขภาพ “ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุข” หมายความว่า ผู้ประกอบวิชาชีพ ตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น ๆ “สิทธิสุขภาพ” หมายความว่า กระบวนการที่ให้ประชาชนและหน่วย งานของรัฐที่เกี่ยวข้องได้รับสิทธิและปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับสุขภาพอย่างเหมาะสม เพื่อเป้าหมาย การเสนอแนะนโยบายสาธารณะ เพื่อสุขภาพหรือความมีสุขภาพของประชาชน โดยข้อให้มีการประชุมอย่างเป็นระบบและอย่างมีส่วนร่วม “กรรมการ” หมายความว่า กรรมการสุขภาพแห่งชาติ “คณะกรรมการสรรหา” หมายความว่า คณะกรรมการสรรหากรรมการสุขภาพแห่งชาติ “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ “สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ “คณะกรรมการบริหาร” หมายความว่า คณะกรรมการบริหารสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ “กรรมการบริหาร” หมายความว่า กรรมการในคณะกรรมการบริหาร “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์กรควบคุมการประกอบวิชาชีพ องค์การมหาชนและหน่วยงานอื่นของรัฐ “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้นเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้
สิทธิและหน้าที่ด้านสุขภาพ
บุคคลมีหน้าที่ร่วมกับหน่วยงานของรัฐในการดำเนินการให้เกิดสิ่งแวดล้อมและสภาพแวดล้อมตามวรรคหนึ่ง
สุขภาพของเด็ก คนพิการ คนสูงอายุ คนย่อยโอกาสในสังคมและกลุ่มคนต่าง ๆ ที่มีความจำเพาะในเรื่องสุขภาพต้องได้รับการสร้างเสริมและคุ้มครองอย่างสอดคล้องและเหมาะสม
ไม่ว่าจะกรณีใด ๆ ผู้มีอำนาจฝ่ายบริหารหรือฝ่ายกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการหรือกฎหมายอื่นเพื่อขอเอกสารเกี่ยวกับข้อมูลด้านสุขภาพของบุคคลที่ไม่ใช่ของตนไม่ได้
ในกรณีที่มีความเสี่ยงต่อการเสียหายหรืออันตรายต่อผู้รับบริการเพราะหยุดให้ผู้รับบริการปฏิบัติหรือร้องขอซึ่งกฎหมายรับรองให้แจ้ง หรือแจ้งความจำเป็นนั้น ผู้ให้บริการไม่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายหรืออันตรายนั้น เว้นแต่เป็นกรณีที่ผู้ให้บริการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับการดังต่อไปนี้
ผู้รับบริการอยู่ในภาวะที่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตและมีความจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือเป็นการรีบด่วน
ผู้รับบริการไม่อยู่ในภาวะที่จะรับทราบข้อมูลได้ และไม่อาจแจ้งให้บุคคลซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้ปกครอง ผู้ควบคุมดูแล ผู้พิทักษ์ หรือผู้ปกครองผู้รับบริการ แล้วแต่กรณี รับทราบข้อมูลแทนในขณะนั้นได้
ในกรณีที่ข้อมูลสุขภาพของผู้รับบริการจำเป็นต้องเปิดเผยเพื่อให้ผู้รับบริการหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องได้รับการดูแลรักษา การป้องกันโรค หรือการฟื้นฟูสุขภาพของผู้รับบริการ หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ และต้องได้รับความยินยอมจากผู้รับบริการหรือผู้มีอำนาจให้ความยินยอมแทนผู้รับบริการก่อน จึงจะดำเนินการได้ ความยินยอมดังกล่าว ผู้รับบริการจะเพิกถอนเสียเมื่อใดก็ได้
การเปิดเผยข้อมูลบุคคลกรณีหนึ่งต้องไม่ลักษณะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของบุคคลโดยเป็นการเฉพาะ
บุคคลหรือคณะบุคคลสิทธิได้รับข้อมูล คำชี้แจง และเหตุผลจากหน่วยงานของรัฐก่อนการดำเนินโครงการหรือกิจกรรมที่อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพของตนอย่างร้ายแรงและเสนอความคิดเห็นของตนต่อหน่วยงานของรัฐเพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป
การดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้แสดงเจตนารมณ์หนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง เมื่อผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุขได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของบุคคลตามวรรคหนึ่งแล้วให้ถือว่าการกระทำนั้นเป็นความผิดและให้พ้นจากความรับผิดทั้งปวง
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ
ประกอบด้วย (1) นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ (2) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นรองประธานกรรมการ (3) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามจำนวนไม่เกินห้าคน เป็นกรรมการ (4) ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นกรรมการ (5) ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นกรรมการ (6) ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งเลือกกันเองจำนวนสี่คน เป็นกรรมการ (7) ผู้แทนองค์กรวิชาชีพด้านสาธารณสุขที่มีกฎหมายจัดตั้งองค์กรละหนึ่งคน เป็นกรรมการ (8) ผู้แทนคณะกรรมการวิชาชีพที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ ซึ่งเลือกกันเองจำนวนหนึ่งคน เป็นกรรมการ (9) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่าง ๆ ซึ่งต้องไม่เป็นผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุขโดยเลือกกันเองจำนวนหกคน เป็นกรรมการ (10) ผู้แทนองค์กรภาคเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร ไม่ว่าจะจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลหรือไม่ ซึ่งเลือกกันเองจำนวนสี่คน เป็นกรรมการ ให้เลขาธิการเป็นกรรมการและเลขานุการ และให้เลขาธิการแต่งตั้งพนักงานของสำนักงานเป็นผู้ช่วยเลขานุการ
(1) มีสัญชาติไทย (2) มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์ (3) ไม่เป็นผู้มีความผิดปกติทางจิตอันเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ (4) ไม่ต้องโทษคดีให้โทษ งานของรัฐ (8) ไม่เคยถูกลงโทษทางวินัยจึงได้ออก ปลดออกหรือให้ออกจากหน่วย (9) ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
(1) ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายกเมืองพัทยาและหัวหน้าผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งจัดให้มีการเลือกกันเองเฉพาะตำแหน่งเดียวกันตำแหน่งเดียวกันเองให้ได้กรรมการหนึ่งคน (2) ให้ นายกเทศมนตรีทุกแห่งเลือกกันเองให้ได้กรรมการหนึ่งคน (3) ให้ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดทุกแห่งเลือกกันเองให้ได้กรรมการหนึ่งคน (4) ให้ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลทุกแห่งเลือกกันเองให้ได้กรรมการหนึ่งคน การเลือกกรรมการตาม (2) (3) และ (4) คณะกรรมการสรรหาจะจัดให้มีการประชุมเพื่อเลือกกันเอง หรือจะจัดให้มีการส่งผลและให้ผลการเลือกกันเองไปยังประธานสรรหาก็ได้ ทั้งนี้ ตามวิธีการที่คณะกรรมการสรรหากำหนด
ในการกำหนดหลักเกณฑ์สรรหานี้ ให้คณะกรรมการสรรหานายกกลุ่มของผู้ทรงคุณวุฒิแต่ละกลุ่ม ๆ เป็นทางกลุ่ม และให้ผู้ทรงคุณวุฒิของแต่ละกลุ่มเลือกกันเองให้ได้กรรมการกลุ่มละหนึ่งคน การจัดให้ผู้ทรงคุณวุฒิที่อยู่ในกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิกลุ่มใด ให้เป็นไปตามที่ผู้ทรงคุณวุฒิเสนอความจำหน่ายต่อคณะกรรมการสรรหา และคณะกรรมการสรรหาเสนอชื่อบุคคลอยู่ในบัญชีรายชื่อของกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิแต่ละกลุ่มที่เห็นสมควรด้วยก็ได้ แต่ต้องไม่เกินจำนวนที่กำหนดไว้ในบัญชีรายชื่อของกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิแต่ละกลุ่ม เว้นแต่ผู้เสนอความจำหน่ายอย่างชัดเจน ให้คณะกรรมการสรรหาเสนอได้ไม่เกินจำนวนที่กำหนดไว้ ผู้ทรงคุณวุฒิที่แสดงความจำหน่ายต่อคณะกรรมการสรรหาอยู่ในกลุ่มใดให้ถือว่าเป็นผู้ทรงคุณวุฒิของกลุ่มนั้น และคณะกรรมการสรรหาจะเสนอจำนวนที่อยู่ในกลุ่มใดเกินที่กำหนดไว้ไม่ได้ การเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องประกาศให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไปอย่างน้อยเจ็ดวันก่อนมีการเลือก และให้ประกาศแยกกลุ่มให้ชัดเจนถึงชื่อที่จะทำการเลือก
จัดกลุ่มขององค์กรภาคเอกชนตามลักษณะของกิจกรรมที่ดำเนินงานเกี่ยวกับสุขภาพ
จัดให้องค์กรภาคเอกชนในแต่ละจังหวัดที่ประสงค์จะมีส่วนร่วมมาขึ้นทะเบียนในกลุ่มต่าง ๆ ตาม (๑)
จัดให้ผู้ซึ่งมีหนังสือมอบหมายให้เป็นผู้แทนขององค์กรภาคเอกชนที่ขึ้นทะเบียนตาม (๒) ของแต่ละจังหวัดเลือกกันเองในแต่ละกลุ่มเพื่อเลือกผู้แทน
จัดให้มีการเลือกกันขึ้นผู้แทนของแต่ละกลุ่มในแต่ละจังหวัดตาม (๓) มาประชุมร่วมกันและเลือกกันเองให้เหลือผู้แทนจังหวัดละหนึ่งคน
ประกาศรายชื่อผู้แทนของประเทศออกเป็นสมัชชาสุขภาพเขต โดยให้กรุงเทพมหานครเป็นหนึ่งเขต และให้เขตตาม (๔) ของแต่ละจังหวัดในแต่ละเขต ยกเว้นกรุงเทพมหานครประชุมร่วมกันและเลือกกันเองให้เหลือเขตละหนึ่งคน การดำเนินการตามมาตรานี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและระยะเวลาที่คณะกรรมการสรรหาประกาศกำหนด
กรรมการตามมาตรา ๑๓ (๓) (๔) (๕) หรือ (๑๐) หนึ่งคน เป็นประธานคณะกรรมการสรรหา
ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมีคุณสมบัติตามผู้แทนกระทรวงสาธารณสุขหนึ่งคน ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุขหนึ่งคน ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยของรัฐซึ่งมิใช่เป็นผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุขหนึ่งคน ผู้ประกอบอาชีพสื่อมวลชนหนึ่งคน ผู้ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้แทนตามกฎหมายขององค์กรภาคเอกชนที่เป็นนิติบุคคลและดำเนินงานเกี่ยวกับสุขภาพโดยไม่แสวงหากำไรหนึ่งคน เป็นกรรมการ
เลขาธิการเป็นเลขานุการคณะกรรมการสรรหา
กำหนดวิธีการ หลักเกณฑ์และระยะเวลา ตลอดจนดำเนินการอื่นใดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๙ มาตรา ๑๘ และมาตรา ๑๗
แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ที่คณะกรรมการสรรหามอบหมาย
ให้กรรมการที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่ากรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งแทนตนเองเข้ารับหน้าที่ เมื่อกรรมการจะพ้นจากตำแหน่งตามวาระ ให้ดำเนินการเลือกเพื่อแต่งตั้งกรรมการประเภทเดียวกันแทนก่อนวันครบวาระไม่น้อยกว่าหนึ่งสิบวัน ในกรณีที่กรรมการตามวรรคหนึ่งพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ ให้ดำเนินการเลือกกรรมการประเภทเดียวกันแทนภายในห้าร้อยสิบวันนับแต่วันที่ตำแหน่งกรรมการนั้นว่างลง และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งตนแทน ในกรณีที่วาระของกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งปี และยังมีกรรมการประเภทเดียวกันเหลืออยู่ หรือแม้ไม่มีกรรมการประเภทเดียวกันเหลืออยู่ แต่สภาจะยังมีจำนวนผู้รอบเปลืองวัน จะไม่ดำเนินการเลือกเพื่อแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างนั้นก็ได้ และในกรณีนี้ให้ คสช. ประกอบด้วยกรรมการที่เหลืออยู่
(1) ตาย (2) ลาออก (3) ถูกจำคุก (4) คสช. มีมติไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ให้ออกเพราะขาดพงษ์ต่อหน้าที่ มีความประพฤติเสื่อมเสียหรือหย่อนความสามารถ (5) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 14
(1) จัดทำธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ (2) เสนอแนะหรือให้คำปรึกษาอย่างต่อเนื่องต่อคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านสุขภาพแห่งชาติ รวมทั้งการจัดทำแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติให้สอดคล้องกับธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ และติดตามประเมินผลการดำเนินการตามนโยบายและยุทธศาสตร์ดังกล่าว (3) จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและดำเนินการอื่นๆ ในการจัดให้มีสิทธิสภาพและพันธะพร้อมทั้งความเสมอภาคในประเด็น
จัดให้มี หรือส่งเสริม สนับสนุนให้มีกระบวนการในการพัฒนานโยบาย และยุทธศาสตร์ด้านสุขภาพเพื่อให้เกิดการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง และมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย
กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการติดตามและประเมินผลเกี่ยวกับระบบสุขภาพแห่งชาติและผลกระทบด้านสุขภาพที่เกิดจากนโยบายสาธารณะทั้งระดับนโยบายและระดับปฏิบัติการ
เสนอแนะหรือให้คำปรึกษาในการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัตินี้ หรือการออกกฎหมายตามพระราชบัญญัตินี้
กำหนดนโยบาย และกำกับดูแลการดำเนินการของคณะกรรมการบริหารและสำนักงาน
แต่งตั้งคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการหรือคณะทำงาน เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ต่างที่ คสช. มอบหมาย
วางระเบียบว่าด้วยการประชุมที่จัดขึ้นเป็นประชุมของ คสช. และระเบียบว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้
ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น หรือตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย ข้อเสนอแนะหรือคำปรึกษาที่เกี่ยวกับนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านสุขภาพตาม (๒) ต้องสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ และหลักสิทธิมนุษยชนและจริยธรรมอันดีงาม
สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ
ให้สำนักงานมีฐานะเป็นนิติบุคคลและอยู่ในกำกับของนายกรัฐมนตรี กิจการของสำนักงานไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคมและกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน แต่พนักงานและลูกจ้างของสำนักงานต้องได้รับประโยชน์ตอบแทนไม่น้อยกว่าที่กำหนดไว้ในกฎหมายดังกล่าว
รับผิดชอบงานธุรการของ คสช. และคณะกรรมการบริหาร
ประสานงานและสนับสนุนการดำเนินงานของ คสช. และคณะกรรมการบริหาร และหน่วยงานอื่น ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสุขภาพ และดำเนินการเพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันในระดับนโยบาย ยุทธศาสตร์และแผนด้านสุขภาพ (c) สำรวจ ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งสถานการณ์ของระบบสุขภาพเพื่อจัดทำเป็นรายงานหรือเป็นประโยชน์ในการดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ (d) ดำเนินการเพื่อให้การจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติมีผลการดำเนินงาน และการสนับสนุนการจัดสมัชชาสุขภาพเฉพาะพื้นที่และสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็นบรรลุตามมติของ คสช.
ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น หรือมติคณะรัฐมนตรีหรือ คสช. มอบหมาย
(1) เงินอุดหนุนทั่วไปที่รัฐบาลจัดสรรให้ตามความเหมาะสมเป็นรายปี (2) เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้ (3) เงินหรือทรัพย์สินอื่นที่ตกเป็นของสำนักงาน (4) รายได้จากการดำเนินกิจการของสำนักงาน (5) ดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินตาม (1) (2) (3) และ (4)
ให้สำนักงานมีอำนาจในการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้ และจัดหาประโยชน์จากทรัพย์สินของสำนักงาน บรรดาอสังหาริมทรัพย์ที่สำนักงานได้มาโดยใช้เงินรายได้ตามมาตรา 29 (1) ให้ตกเป็นที่ราชพัสดุ แต่สำนักงานมีอำนาจในการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้ และจัดหาประโยชน์ได้
การบัญชีของสำนักงาน ให้จัดทำตามหลักการบัญชีที่คณะกรรมการบริหารกำหนด และต้องจัดให้มีการตรวจสอบภายในเกี่ยวกับการเงิน การบัญชี และการพัสดุอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนจัดให้มีการตรวจสอบโดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ให้สำนักงานจัดทำงบการเงินซึ่งอย่างน้อยต้องมีงบแสดงฐานะการเงินและบัญชีการเงินส่งผู้สอบบัญชีภายในสี่เดือนนับแต่วันสิ้นปีบัญชีของสำนักงาน ในทุกรอบปีให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินหรือบุคคลภายนอกตามที่คณะกรรมการบริหารแต่งตั้งซึ่งความเห็นชอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชีและรับแสดงความเห็นต่อรายงานเกี่ยวกับเงินและทรัพย์สินของสำนักงาน โดยให้แสดงความเห็นเป็นข้อสังเกตว่าการใช้จ่ายดังกล่าวจำเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ประหยัด และได้ผลตามที่มุ่งหมายเพียงใด แล้วทำรายงานผลการสอบบัญชีเสนอต่อ คสช. ภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันสิ้นบัญชีของทุกปี ให้สำนักงานทำรายงานประจำปีเสนอคณะกรรมการบริหารเพื่อเสนอ คสช. และรัฐมนตรีเพื่อทราบ โดยแสดงการเงินและบัญชีที่กระทำต่อบัญชีรับจ่ายต่างๆ ดังต่อไปนี้ พร้อมทั้งรายงานของผู้สอบบัญชี รวมทั้งผลของการดำเนินงานของสำนักงานในรอบปีที่ผ่านมา
คุณสมบัติของเลขาธิการและรองเลขาธิการ ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการบริหารกำหนดโดยความเห็นชอบของ คสช. ให้เลขาธิการมีวาระการดำรงตำแหน่งเลขาธิการตามวาระคณะกรรมการบริหารคัดเลือก และลาออก ให้ตามเห็นชอบแล้ว หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกเลขาธิการตามวรรคสามให้เป็นไปตามระเบียบที่ คสช. กำหนด เลขาธิการสิ้นสุดลงเมื่อเลขาธิการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหาร
เมื่อเลขาธิการพ้นจากตำแหน่ง ให้รองเลขาธิการพ้นจากตำแหน่งด้วย เมื่อตำแหน่งเลขาธิการว่างลงและยังไม่มีการแต่งตั้งเลขาธิการคนใหม่ ให้คณะกรรมการบริหารแต่งตั้งกรรมการบริหารคนหนึ่งเป็นผู้รักษาการแทน ในกรณีที่เลขาธิการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองเลขาธิการที่คณะกรรมการบริหารกำหนดเป็นผู้รักษาการแทน แต่ถ้าไม่มีรองเลขาธิการหรือรองเลขาธิการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้คณะกรรมการบริหารแต่งตั้งพนักงานของสำนักงานคนหนึ่งเป็นผู้รักษาการแทน
ตาย
ลาออก
ถูกถอดถอน
ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือไม่ผ่านการประเมิน ทั้งนี้ ตามระเบียบที่คณะกรรมการบริหารกำหนดโดยความเห็นชอบของ คสช.
บริหารกิจการของสำนักงานให้เป็นไปตามกฎหมาย นโยบาย มติ ข้อบังคับ ระเบียบ หรือประกาศของ คสช. และคณะกรรมการบริหาร
จัดทำแผนงานหลัก แผนการดำเนินงาน แผนการเงินและงบประมาณประจำปีของสำนักงานเสนอคณะกรรมการบริหารเพื่ออนุมัติ
ดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล การเงิน การงบประมาณ และการบริหารทั่วไปของสำนักงาน ตามระเบียบที่คณะกรรมการบริหารกำหนด
วางระเบียบเกี่ยวกับการดำเนินงานของสำนักงานที่ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับกฎหมาย นโยบาย มติ ข้อบังคับ ระเบียบหรือประกาศของ คสช. และคณะกรรมการบริหาร
ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่คณะรัฐมนตรี คสช. และคณะกรรมการบริหารมอบหมาย
ประธานกรรมการบริหารซึ่งแต่งตั้งจากกรรมการ
กรรมการบริหารซึ่งแต่งตั้งจากผู้แทนกระทรวงสาธารณสุขหนึ่งคน
กรรมการบริหารซึ่งแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนไม่เกินห้าคน
เลขาธิการเป็นกรรมการบริหารและเลขานุการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการในการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิตาม (๓) ให้เป็นไปตามระเบียบที่ คสช. กำหนด
กำหนดนโยบาย และกำกับดูแลการดำเนินงานของสำนักงานให้เกิดการจัดการที่ดีมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ตามอำนาจหน้าที่
กำหนดคุณสมบัติของเลขาธิการและรองเลขาธิการ และดำเนินการคัดเลือกเลขาธิการตามระเบียบที่ คสช. กำหนด (c) อนุมัติแผนงานหลัก แผนการดำเนินงาน แผนการเงินและงบประมาณประจำปีของสำนักงาน (d) ออกข้อบังคับ ระเบียบหรือประกาศตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้
จัดให้มีการประเมินผลการดำเนินงานของสำนักงานและรายงานต่อ คสช. อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
จัดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานของเลขาธิการ
แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่คณะกรรมการบริหารมอบหมาย
ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือตามที่ คสช. มอบหมาย
สมัคราชสุขภาพ
ในกรณีที่สมัคราชสุขภาพเฉพาะกรณี มีข้อเสนอให้หน่วยงานของรัฐนำไปปฏิบัติหรือเป็นไปในกรอบประเด็นการดำเนินนโยบายการสมัคราชสุขภาพ ให้เสนอ ต่อ คสช. เพื่อพิจารณาดำเนินการให้บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ต่อไป
กรรมการตามวรรคหนึ่งให้แต่งตั้งจากผู้แทนหน่วยงานของรัฐและผู้ที่มิได้เป็นผู้แทนหน่วยงานของรัฐในอัตราส่วนที่ คสช. กำหนด ทั้งนี้ ผู้ที่มิได้เป็นผู้แทนหน่วยงานของรัฐต้องมิใช่ข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นของรัฐ ให้คณะกรรมการจัดสมัคราชสุขภาพแห่งชาติ ออกข้อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการสมัคราชดังกล่าวรวมทั้งการดำเนินงานของคณะกรรมการตามวรรคหนึ่ง
นอกจากผู้ลงทะเบียนตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติอาจเชิญคนให้เชิญบุคคล ผู้แทนหน่วยงานของรัฐหรือองค์กรภาคเอกชนมาเพื่อสมาคมร่วมประชุมสมัชชาได้
ธรรมมูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ
ในการจัดทำธรรมมูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ ให้ คสช. นำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของสมัชชาสุขภาพมาประกอบด้วย เมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในธรรมมูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติแล้ว ให้รายงานต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเพื่อทราบและประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้ คสช. ทบทวนธรรมมูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติอย่างน้อยทุกห้าปี
ปรัชญาและแนวคิดหลักของระบบสุขภาพ
คุณลักษณะพึงประสงค์และเป้าหมายของระบบสุขภาพ
การจัดให้มีหลักประกันและความคุ้มครองให้เกิดสุขภาพ
การสร้างเสริมสุขภาพ
การป้องกันและควบคุมโรคและปัจจัยเสี่ยงที่คุกคามสุขภาพ
การบริการสาธารณสุขและการควบคุมคุณภาพ
การส่งเสริม สนับสนุน การใช้และการพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพ การแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือกและการแพทย์แผนอื่น ๆ
การคุ้มครองผู้บริโภค
การวางแผนและแบ่งทรัพยากรเพื่อความมั่นคงด้านสุขภาพ
การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพ
การผลิตและการพัฒนาบุคลากรด้านสาธารณสุข
การเงินการคลังด้านสุขภาพ
บทกำหนดโทษ
ความผิดตามมาตรานี้เป็นความผิดอันยอมความได้ บทเฉพาะกาล
ให้โอนบรรดากิจการของสำนักงานปฏิรูประบบสุขภาพแห่งชาติ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขไปเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ให้โอนบรรดาข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้างที่ปฏิบัติงานในส่วนที่สำนักงานปฏิรูประบบสุขภาพแห่งชาติ และสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขรับผิดชอบอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้โอนมาเป็นพนักงานหรือลูกจ้างของสำนักงานนั้นแต่วันที่แสดงความจำนง
ให้ถือว่าการกระทำการตามมาตรา ๖๐ ออกจากราชการเพราะการยุบเลิกหน่วยงานหรือเลิกกิจการโดยไม่มีความผิด และให้ได้รับเงินหรือผลประโยชน์ตอบแทนจากการคลังด้านสุขภาพตามที่กำหนดในกฎหมาย
ประธานกรรมการสรรหาตามมาตรา ๑๗ (๑) ให้แต่งตั้งจากผู้เคยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการปฏิรูประบบสุขภาพแห่งชาติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการปฏิรูประบบสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๖
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๑๗ (๒) ให้นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งตามข้อเสนอแนะของเลขาธิการ ให้คณะกรรมการสรรหาดำเนินการตามมาตรา ๒๐ ให้แล้วเสร็จภายในสองร้อยสี่สิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่สุขภาพของประชาชนเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศในทุก ๆ ด้าน และจากผลการดำเนินงานของคณะกรรมการปฏิรูประบบสุขภาพแห่งชาติที่ผ่านมาทำให้เกิดความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาและสภาพการณ์ด้านสุขภาพของประเทศ รวมทั้งแนวทางการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีปัญหาอุปสรรคบางประการที่ทำให้การดำเนินงานยังไม่บรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย อันจะช่วยให้เป็นพลังในการสร้างเสริมสุขภาพ รวมทั้งการลดและแก้ไขปัญหาสุขภาพของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติทำหน้าที่กำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านสุขภาพของประเทศ รวมทั้งกำหนดแนวทางการจัดสรรงบประมาณด้านสุขภาพของประเทศให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้เกิดปัญหาอุปสรรคบางประการที่ทำให้การดำเนินงานและการขับเคลื่อนการปฏิรูประบบสุขภาพของประเทศยังไม่บรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ ส่งผลกระทบให้ต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัตินี้เพื่อ กำหนดสถานะของสำนักงานคณะกรรมการการสุขภาพแห่งชาติให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ สิริภูมิ / Maker 6 ตุลาคม 2565 อรฤท / Checker 6 ตุลาคม 2565 สภาพร / Authorizer 6 ตุลาคม 2565 (1) ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 124/ตอนที่ 16 ก/หน้า 1/19 มีนาคม 2550 (2) มาตรา 26 วรรคหนึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563 (3) ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 127/ตอนที่ 22 ก/หน้า 1/29 มีนาคม 2553