สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. เป็นปีที่ ๖๓ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
ให้ไว้ ณ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๑
โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก
“สถาบัน” หมายความว่า สถาบันคุ้มครองเงินฝาก “สถาบันการเงิน” หมายความว่า ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน หรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายจัดตั้งขึ้นตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา “เงินฝาก” หมายความว่า เงินที่สถาบันการเงินรับฝากจากประชาชนหรือบุคคลใด โดยมีความผูกพันที่จะต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามหรือเมื่อครบกำหนด *ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนที่ ๑๓ ก/หน้า ๑๗/๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑* ``` - ๒ - “คณะกรรมการควบคุม” หมายความว่า คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน “กองทุน” หมายความว่า กองทุนคุ้มครองเงินฝาก “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก “ผู้อำนวยการ” หมายความว่า ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก “พนักงาน” หมายความว่า พนักงานของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ผู้ซึ่งอำนาจการสถาบันคุ้มครองเงินฝากแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งผู้ซึ่งได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานในกิจการของกองทุน “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงและประกาศที่ออกตามนี้ เมื่อได้รับการตรวจสอบจากนายกแล้วให้บังคับได้
สถาบันคุ้มครองเงินฝาก
การจัดตั้งและทุน
คุ้มครองเงินฝากในสถาบันการเงิน
เสริมสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน
ดำเนินการเกี่ยวกับการเงินที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงินและระยะยาวซึ่งสถาบันการเงินที่ถูกฟ้องล้มในอนาคต
บริหารจัดการกองทุน ทุน และทรัพย์สินของสถาบัน ``` ``` - 3 -
เรียกเก็บเงินที่สถาบันการเงินนำส่งเข้ากองทุนตามมาตรา ๔๘ และจ่ายเงินให้แก่ผู้ฝากเงินตามมาตรา ๕๓
มีทรัพย์สินต่าง ๆ รวมทั้งอสังหาริมทรัพย์หรือเทคนิคกรรมใด ๆ ทั้งในและนอกราชอาณาจักร
ยืมเงินเพื่อการดำเนินการชำระบัญชี ออกตั๋วเงิน พันธบัตร หรือตราสารทางการเงินอื่นใดที่ออกโดยกองทุนตามที่คณะกรรมการกำหนด ทั้งนี้ การออกตราสารดังกล่าวต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนดโดยอนุมัติของรัฐมนตรี
ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรือตราสารทางการเงินอื่นใดที่ออกโดยรัฐบาลหรือตกเป็นของกองทุนในตลาดรองตามที่คณะกรรมการกำหนดโดยอนุมัติของรัฐมนตรี
ฝากเงินในสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น เฉพาะเพื่อจัดการตามปกติธุระ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด
ทำกิจการทั้งปวงที่เกี่ยวกับหรือเกี่ยวเนื่องในการจัดการให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ของสถาบัน
เงินทุนที่รัฐจัดสรรให้
เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้มอบให้
เงินหรือทรัพย์สินอื่นที่มีผู้มอบให้
ดอกผลของกองทุนที่คณะกรรมการจัดสรรให้ตามมาตรา ๔๘
ดอกผลหรือรายได้จากเงินหรือทรัพย์สินของสถาบัน
รายได้ของสถาบันไม่ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน
```
การเงิน การบัญชี และการสอบบัญชี
ปีบัญชีของสถาบันให้เป็นไปตามปีปฏิทิน
ชี้แจงข้อเท็จจริง หรือจัดส่งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวกับกิจการของสถาบัน ให้สถาบันประกาศงบการเงินที่ผู้สอบบัญชีตรวจสอบและแสดงความคิดเห็นแล้วตามวรรคหนึ่งในราชกิจจานุเบกษาในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชี
คณะกรรมการ
ให้รัฐมนตรีเสนอชื่อประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาแต่งตั้ง
ให้ประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระของตนดำรงตำแหน่งเพื่อดำเนินงานต่อไปจนกว่าประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่ ประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระของตนได้รับแต่งตั้งอีกได้ แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระมิได้
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา - 6 -
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ออกตามคำแนะนำของรัฐมนตรีเนื่องจากเหตุจำเป็นอันมีความเสียหาย บกพร่องต่อหน้าที่ หรือขัดต่อความสามารถ โดยต้องแสดงเหตุผลในการให้ออกอย่างชัดแจ้ง
ขาดคุณสมบัติตามมาตรา ๒๑ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๒๒ ในการนี้ประธานกรรมการหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ ให้ผู้เป็นกรรมการแทนในตำแหน่งนั้นอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของประธานกรรมการหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิผู้นั้นแทน
ในการประชุมของคณะกรรมการ ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งที่มาประชุมเป็นประธานในที่ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนใดมีส่วนได้เสียในเรื่องที่พิจารณา ห้ามมิให้กรรมการผู้นั้นออกเสียงในเรื่องนั้นอีกเสียงหนึ่ง
กำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการนำเงินส่งคลังตามมาตรา ๕๐ ตามมาตรา ๕๐
ออกข้อบังคับเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของสำนักงาน และการบริหารงานในตำแหน่งผู้อำนวยการตามมาตรา ๓๕
ออกข้อบังคับให้สถาบันการเงินใช้ข้อความ เครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์เพื่อแสดงว่าเป็นสถาบันการเงินที่มีเงินฝากได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัตินี้ตามมาตรา ๓๗
กำหนดรายละเอียดของประเภทเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองตามมาตรา ๔๑ (ง/๑) (ยกเลิก) (ข/๑) กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจ่ายเงินให้แก่ผู้ฝากเงินตามมาตรา ๕๓ (ข/๒) กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการเข้าตรวจสอบข้อมูลตามมาตรา ๔๗ (ข/๓) กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยื่นคำขอรับเงินตามมาตรา ๔๗/๒ (ข/๔) พิจารณารายงานข้อมูลการดำเนินการตามมาตรา ๔๗/๔
ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองเงินฝากตามบัญชี (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๖๐
(ยกเลิก)
(ยกเลิก)
(ยกเลิก)
อนุมัติรายงานประจำปีของสถาบัน
ออกข้อบังคับเกี่ยวกับการเงิน การบัญชี การงบประมาณ และการพัสดุของสถาบัน
ออกข้อบังคับเกี่ยวกับการบริหารราชการทั่วไปและการบริหารงานบุคคลของสถาบัน
เสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีเพื่อให้ตรากระทรวงหรือพระราชกฤษฎีกาแล้วแต่กรณี ตามพระราชบัญญัตินี้
รายงานผลการดำเนินงานของสถาบันต่อรัฐมนตรีเป็นครั้งคราว
ปฏิบัติการอื่นใดเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสถาบัน
คณะกรรมการเพื่อดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่คณะกรรมการมอบหมายได้ ให้ความตามในมาตรา 20 มาตรา 23 และมาตรา 25 มาใช้บังคับในการแต่งตั้งและ การประชุมของคณะอนุกรรมการโดยอนุโลม
ไม่ว่ากำหนดไว้ด้วยหลักทรัพย์การลงทุนแห่งหนึ่ง ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง การลงทุนตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการอาจมอบหมายให้บุคคลใดดำเนินการแทน ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
ผู้อำนวยการ
ผู้อำนวยการมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสี่ปี และอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ แต่จะดำรงตำแหน่ง ติดต่อกันเกินสองวาระมิได้
มีสัญชาติไทย
มีอายุไม่เกินหกสิบห้าปีบริบูรณ์ในวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้ง
สามารถทำงานให้แก่สถาบันได้เต็มเวลา
ตาย
ลาออก
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ออกตามคำเสนอแนะของรัฐมนตรี เนื่องจากมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือมีพฤติการณ์อย่างหนึ่งอย่างใด โดยมิอาจดำรงตำแหน่งในการให้ ออกอย่างชัดแจ้ง ในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนหรือจะมีผลเสียหายร้ายแรงต่อการบริหารงานของสถาบัน การเงิน คณะรัฐมนตรีอาจมีมติให้ออกด้วยตนเองตามคำแนะนำของรัฐมนตรีตามหลักเกณฑ์และ (๔) ขาดคุณสมบัติตามมาตรา ๒๙ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๓๐
รองผู้อำนวยการและผู้ช่วยผู้อำนวยการมีฐานะเป็นพนักงานของสถาบันและมี อำนาจและหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการมอบหมาย
ประโยชน์ตอบแทนและความรับผิดของกรรมการผู้บริหาร
ให้อำนาจกรรมการและที่ปรึกษาคณะกรรมการได้รับประโยชน์ตอบแทนตามที่ คณะกรรมการกำหนด
การดำเนินการเกี่ยวกับสถาบันการเงิน
ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือหน่วยงานอื่นที่กำกับดูแลสถาบันการเงินดำเนินการตามที่สถาบันร้องขอ และในการนี้สถาบันอาจเข้าร่วมการตรวจสอบด้วยก็ได้
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้สถาบันมีอำนาจจัดส่งผู้แทนเข้าร่วมปรึกษาหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย หรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวกับดูแลด้านการเงิน และรับทราบรายละเอียดข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับมาตรการที่ได้ดำเนินการไปแล้วหรือจะดำเนินการหลังดำเนินการเงินต่อไป
ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นเนื่องจากไม่สามารถหาข้อมูลได้โดยทางอื่น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าสู่ที่บุคคลดังกล่าวหรือหน่วยงานหรือสถานที่ที่ข้อมูลหรือเอกสารดังกล่าวหรือการดำเนินการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการได้เพื่อขอให้แสดงข้อมูล เอกสาร หรือหลักฐานอันเกี่ยวกับกิจการ สินทรัพย์ และหนี้สินของสถาบันการเงินที่อยู่ในครอบครองของบุคคลดังกล่าว
ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการเตรียมความพร้อมสำหรับการชำระเงินแก่ผู้ฝากเงิน และการชำระเงินของสถาบันการเงินที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน ให้คณะกรรมการควบคุมดูแลสถานบันที่เกี่ยวข้องร่วมมือและแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันการเงินนั้นที่ถูกควบคุมระหว่างกันได้
ประกาศ ณ วันที่ การคุ้มครองเงินฝาก
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กองทุนคุ้มครองเงินฝาก
กองทุนประกอบด้วย
เงินที่สถาบันการเงินส่งเข้ามาตามมาตรา ๔๕ และเงินเพิ่มตามมาตรา ๕๐
ดอกผลของกองทุน
เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับจากการชำระบัญชีตามหมวด ๔
เงินหรือทรัพย์สินอื่นที่มีผู้มอบให้
เงินที่สถาบันการเงินยืมเพื่อการจ่ายเงินให้แก่ผู้ฝากเงิน เงินกองทุนจะนำออกใช้ได้เพียงเพื่อ
การจัดการให้แก่สถาบันตามมาตรา ๔๕
การจ่ายเงินให้แก่ผู้ฝากเงินตามมาตรา ๔๕
การจ่ายเงินค่าบริหารจัดการกองทุนตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด
การจ่ายคืนเงินกู้และดอกเบี้ย
หลักเกณฑ์และวิธีการในการกำหนดยอดเงินฝากคงเหลือตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย ในการกำหนดอัตรานำส่งเงินเข้ากองทุนตามวรรคหนึ่ง ให้คำนึงถึงความจำเป็นในการดำเนินการของกองทุนรวมทั้งการพัฒนาระบบการเงินของประเทศด้วย สำหรับครั้งต่อไปอัตรานำส่งเงินเข้ากองทุนจะกำหนดให้แตกต่างกันระหว่างสถาบันการเงินประเภทหรือกลุ่มใดก็ได้ มิให้นำเงินที่สถาบันการเงินส่งเข้ากองทุนตามวรรคหนึ่งไปใช้เพื่อการอื่นนอกจากการจ่ายเงินให้แก่ผู้ฝากเงินตามมาตรา ๔๕ สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ส่งเงินเข้ากองทุนตามวรรคหนึ่งเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการรับฝากเงิน
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ถือว่าเงินที่ต้องส่งเข้ากองทุนและเงินเพิ่มเป็นหนี้อื่นที่มีสิทธิบังคับก่อนตามที่ภาษีอากรของสถาบันการเงินนั้น
เงินฝากที่ได้รับการคุ้มครอง
ต้องเป็นเงินฝากและดอกเบี้ยที่เป็นเงินบาท และ
ต้องเป็นเงินฝากในบัญชีเงินฝากภายในประเทศ และไม่ใช่เงินฝากในบัญชีประเภทบัญชีเงินฝากของบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่นอกราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน ให้คณะกรรมการประกาศรายละเอียดประเภทเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองตามวรรคหนึ่งในราชกิจจานุเบกษา
การจ่ายเงินแก่ผู้ฝากเงิน
(ยกเลิก) (ยกเลิก) (ยกเลิก)
ใบอนุญาตตามจำนวนเงินฝากที่ปรากฏในบัญชีของผู้ฝากเงินทุกบัญชีรวมกัน หากเงินฝากทุกบัญชี รวมกันมีจำนวนเกินกว่าห้าหมื่นบาท ให้จ่ายเงินเป็นจำนวนหนึ่งล้านบาท ทั้งนี้ ในการจ่ายเงินให้แก่ ผู้ฝากเงินดังกล่าวให้สอดคล้องกับเงินที่ปรากฏในชื่อในบัญชีผู้ฝากเงินรวมกันด้วย ในการจ่ายเงินตามวรรคหนึ่ง หากผู้ฝากเงินที่มีสิทธิได้รับเงินตามวรรคหนึ่งถึงแก่ความตายก่อนที่ สถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาตเงินฝากเงินในจำนวนเงินที่ปรากฏในชื่อในบัญชีของผู้ฝากเงิน รวมกันในขณะถึงแก่ความตาย ให้จ่ายเงินให้แก่ทายาทของผู้ฝากเงินดังกล่าวตามจำนวนเงินที่ปรากฏในชื่อ ในบัญชีของผู้ฝากเงินในขณะถึงแก่ความตาย การจ่ายเงินตามวรรคหนึ่งและการจ่ายเงินตามวรรคสอง ให้สถาบันคุ้มครองเงินฝาก และหน่วยผู้ดูแลเงินเสนอจำนวนการจ่ายเงินทุกครั้งก่อนอนุญาต ให้สถาบันจ่ายเงินส่วนที่เกินให้แก่ผู้ฝากเงินผู้มีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีหรือทายาทแห่งนั้น ในกรณี มีผู้อื่นคงค้างร่วมกันเป็นเจ้าของบัญชี ให้สถาบันจ่ายเงินให้แก่ผู้มีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีและคน ตามส่วนที่บุคคลนั้นมีสิทธิในบัญชีเงินฝากตามหลักฐานการฝากเงินที่มีชื่อในบัญชีอย่างชัดเจน หากไม่อาจทราบจำนวนเงินส่วนที่แต่ละคนมีส่วนในบัญชีนั้น ให้สถาบันจ่ายเงินส่วนที่เหลือให้แก่ผู้มีชื่อในบัญชีเงินฝากนั้น การจ่ายเงินตามวรรคสาม ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด กำหนด
“มาตรา ๔๕/๑ วรรคหนึ่ง ให้ผู้ฝากเงินยื่นคำขอรับเงินต่อสถาบันภายในสองร้อยเจ็ดสิบวันนับแต่วันที่ พ้นกำหนดระยะเวลาตามมาตรา ๔๕ วรรคหนึ่ง แต่ต้องไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่พ้นกำหนดระยะเวลา ดังกล่าว ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด”
ในกรณีที่สถาบันพิจารณาคำขอแล้วและมีมติไม่จ่ายเงินในระยะเวลาที่กำหนด ให้แจ้งคำขอ ให้ถือว่าสถาบันเห็นด้วยกับคำขอนั้น
คำวินิจฉัยของคณะกรรมการถือเป็นที่สุด
เพื่อประโยชน์แก่การชำระบัญชี ให้ถือว่าลำดับของทรัพย์สินที่จะนำมาใช้หนี้ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงินเป็นกฎหมายเฉพาะกฎหมายไทย
ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง หากมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของบุคคลใดให้ตกบังคับการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต และบุคคลที่ได้รับหรือรับโอนสินทรัพย์ ที่มีสิทธิ หรือกระจุกพันร่วมกันรับผิดชอบต่อผู้ใต้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องนั้น
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา การชดใช้เงินเข้ามาเป็นค่าชดเชยในคดีดังกล่าว และอาจนำพยานหลักฐานใหม่มาแสดง ตัดทานเอกสารที่ยื่นไว้แล้ว ตามคำพยานที่มีมาแล้ว และคำพยานหลักฐานที่ได้ส่งไปแล้วได้ แต่การกระทำดังกล่าวหรือการนำพยานหลักฐานดังกล่าวไปแสดงต้องไม่เป็นการลดจำนวนค่าความเสียหายที่ อนุญาตให้ได้ และในกรณีที่ศาลได้มีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแล้วเรียกร้องสิทธิใด ๆ ที่เห็นว่าเงินสิทธิเป็น เจ้าหนี้ตามคำพิพากษานั้นได้
อำนาจจัดการทรัพย์สินตาม ๆ เพื่อชำระหนี้สินตามบัญชีทรัพย์สินที่ได้แจ้งไว้แล้วนั้น อันมีผู้มีมูลสิทธิในลำดับก่อนมาขอจำนอง และหากมอบเงินเหลือ จะขอให้แถลงการชำระบัญชีตามสัดส่วนกับ ธรรมและข้อความปฏิเสธของเจ้าหนี้ดังกล่าว ก่อนที่จะมีคำร้องขอต่อศาลขอให้ส่งให้แก่เจ้าหนี้ การเงินนั้นล้มละลายได้ เมื่อศาลมีคำสั่งพักทรัพย์หรือเด็ดขาด ให้สอบบัญชอบเงินและทรัพย์สินตลอดจน เอกสารทั้งปวงให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ทรัพย์สิน และให้สอบบัญชีต่อเจ้าพนักงานและนำไปเก็บในฐานะผู้ชำระ บัญชีสินเชื่อเงินต้นนั้น ๆ และกระบวนการชำระบัญชีต่อไปเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย
พักทรัพย์หรือยึดทรัพย์ตามคำสั่งศาลต้องดำเนินการดังนี้
ห้ามมิให้โอนหรือถอนการเงินนั้น
ให้ดำเนินการจัดการทรัพย์สินของตนในการเงินนั้น
บทกำหนดโทษ
เพื่อแสดงการกระทำอันเป็นเท็จเกี่ยวกับการเงินในลำได้นำการเงินที่มีการควบคุมตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกิน วันละห้าพันบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นนิติบุคคล ถ้าการกระทำความผิดของ นิติบุคคลนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น หรือโดยการละเลยไม่สั่งการหรือไม่กระทำการอันเป็นหน้าที่ต้องสั่งการหรือกระทำ และละเลยไม่ให้มีการจัดให้มีการควบคุมภายในที่เหมาะสมในนิติบุคคลนั้นด้วย ผู้ต้องรับโทษ ตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย
ความรับผิดในกฎหมายอาญาของบุคคล พ.ศ. 2560
ในกรณีที่การกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของสถาบันการเงิน หรือในกรณีที่บุคคลดังกล่าวมีหน้าที่ต้องสั่งการหรือกระทำการและไม่สั่งการหรือไม่กระทำการจนเป็นเหตุให้สถาบันการเงินนั้นกระทำความผิด ผู้นั้นต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง
ความในวรรคหนึ่ง มิให้นำมาใช้บังคับแก่การเปิดเผยในกรณีดังต่อไปนี้
การเปิดเผยตามอำนาจหน้าที่
การเปิดเผยเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนหรือการพิจารณาคดี
การเปิดเผยเกี่ยวกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
การเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาและการดำเนินการของสถาบันการเงินนั้นหรือสถาบันการเงินโดยรวม
การเปิดเผยแก่ผู้สอบบัญชีของสถาบันการเงิน
การเปิดเผยแก่หน่วยงานหรือองค์กรในประเทศและต่างประเทศที่ดำเนินการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจของสถาบันการเงินนั้น
การเปิดเผยตามที่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล
คณะกรรมการเปรียบเทียบรัฐธรรมนูญแต่ละคณะกรรมการหนึ่ง ให้มีจำนวนสามคนซึ่งคนหนึ่งต้องเป็นพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เมื่อคณะกรรมการเปรียบเทียบรัฐธรรมนูญได้เปรียบเทียบแล้ว ผู้ต้องหาได้ชำระค่าปรับตามจำนวนและในระยะเวลาที่คณะกรรมการเปรียบเทียบกำหนดแล้ว ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา บทเฉพาะกาล
ปีที่สอง แต่ไม่เกินหนึ่งล้านบาทต่อบัญชี
ปีที่สาม หนึ่งล้านบาท
ปีที่สี่ ห้าแสนบาท
ปีที่ห้า สองแสนบาท ทั้งนี้ ให้สถาบันคุ้มครองเงินฝากแจ้งให้ผู้ฝากเงินทราบถึงขอบเขตของการคุ้มครองเงินฝาก ระบบการเงินเปลี่ยนแปลงอย่างมั่นคงยิ่งขึ้นเป็นเหตุให้ต้องกำหนดจำนวนเงินให้ความคุ้มครองเงินฝากเพิ่มขึ้นจากที่กำหนดในวรรคหนึ่งให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่การฝากเงินกับธนาคารเงิน เป็นประโยชน์ในการออมเงินแก่ประชาชนผู้ฝากเงินไปมากหลาย และเป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ในปัจจุบันการคุ้มครองเงินฝากในบัญชีเงินฝากของแต่ละธนาคารที่กระทรวงการคลังหรือธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดให้มีการคุ้มครองเงินฝากในสถาบันการเงินเต็มจำนวน ซึ่งมีหลักการคุ้มครองเงินฝากโดยให้การคุ้มครองเงินฝากจากเงินทุนของรัฐเป็นหลัก อีกทั้งยังไม่มีหลักเกณฑ์ในการที่เหมาะสม ดังนั้น เพื่อคุ้มครองทรัพยากรทางการคลังของรัฐที่มีอยู่อย่างจำกัด และเพื่อให้การคุ้มครองเงินฝากในบัญชีเงินฝากของแต่ละธนาคารเป็นไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน สมควรกำหนดให้มีการคุ้มครองเงินฝากอย่างมีขอบเขตและมีระยะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบสถาบันการเงินในภาพรวม จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัตินี้ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๘ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นปีที่ ๗๒ ในรัชกาลปัจจุบัน
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เพื่อให้กฎหมายมีความสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๓๗ วรรคสอง ซึ่งบัญญัติให้การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้เสียเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ และมาตรา ๔๕ วรรคสอง ซึ่งบัญญัติให้บุคคลมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นโดยไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่น สมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้เสียให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๓๗ วรรคสอง เป็นฉบับบังคับใช้ได้ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๕ และต้องมาตรา ๔๕ วรรคสอง ได้มีคำวินิจฉัยในลักษณะดังกล่าวข้างต้นของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว คือ พระราชบัญญัติสิทธิ พ.ศ. ๒๕๔๗ มาตรา ๑๔ พระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ มาตรา ๓๔ พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๔๕ และพระราชบัญญัติยา พ.ศ. ๒๕๔๗ มาตรา ๔๕ ดังที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๓๗ วรรคสอง เป็นฉบับบังคับใช้ได้ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๕ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติสถานคุ้มครองเงินฝาก (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐
หมายนเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ปัจจุบันกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากกำหนดกระบวนการจ่ายเงินฝากคืนให้แก่ผู้ฝากเงิน โดยให้ผู้ฝากเงินที่ฝากเงินที่สาขาของสถาบันการเงินที่ถูกเพิกถอนหลักฐานเพื่อขอรับเงิน ยื่นคำขอให้คณะกรรมการผู้ชำระบัญชีพิจารณาให้จ่ายเงินฝากคืนมีความล่าช้า ประกอบกับยังไม่มีความชัดเจนว่าอำนาจหน้าที่ของผู้ชำระบัญชีในการชี้แจงเพื่อประโยชน์ของผู้ฝากเงินหรือการส่งมอบให้แก่ผู้ฝากเงินและการดำเนินงานของสถาบันคุ้มครองเงินฝากจึงไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นไปตามวัตถุประ