พ.ศ. ๒๕๖๐ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ให้ไว้ ณ วันที' ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ เปป็นปั"ที' ๒ ในรัชกาลปvจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระ ราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที'เปป็นการสมควรมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย พรรคการเมือง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,มีบทบัญญัติบางประการเกี'ยวกับ การจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ'งมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๓๔ และมาตรา ๓๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทําได้โดยอาศัยอํานาจตาม บทบัญญัติแห่งกฎหมาย เหตุผลและความจําเปป็นในการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามพระ ราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี., เพื'อให้การจัดตั.,ง การบริหารงาน และการดําเนิน กิจกรรมของพรรคการเมืองเปป็นไปโดยเปีดเผยและตรวจสอบได้ เปีดโอกาสให้สมาชิกมีส่วน ร่วมอย่างกว้างขวางในการกําหนดนโยบายและการส่งผู้สมัครรับเลือกตั.,ง รวมทั.,งมี มาตรการกํากับให้พรรคการเมืองสามารถดําเนินการโดยอิสระไม่ถูกครอบงํา หรือชี.,นําโดย บุคคลซึ'งมิใช่สมาชิกของพรรคการเมือง ซึ'งการตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี., สอดคล้องกับเงื'อนไขที'บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ขึ.,นไว้โดยคําแนะนําและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติทําหน้าที'รัฐสภา ดังต่อไปนี.,
ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปป็นต้นไป
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๐
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔
“พรรคการเมือง” หมายความว่า คณะบุคคลที'รวมตัวกันจัดตั.,งเปป็น พรรคการเมืองโดยได้จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี., “สมาชิก” หมายความว่า สมาชิกพรรคการเมือง “นายทะเบียนสมาชิก” หมายความว่า ผู้ดํารงตําแหน่งนายทะเบียนใน พรรคการเมือง “ข้อบังคับ” หมายความว่า ข้อบังคับพรรคการเมือง “บริจาค” หมายความว่า การให้เงินหรือทรัพย์สินแก่พรรคการเมือง นอกจากค่าธรรมเนียมและค่าบํารุงพรรคการเมือง และให้หมายความรวมถึงการให้ ประโยชน์อื'นใดแก่พรรคการเมืองบรรดาที'สามารถคํานวณเปป็นเงินได้ตามที'คณะกรรมการ กําหนดด้วย “ประโยชน์อื'นใด” หมายความรวมถึง การให้ใช้ทรัพย์สิน การให้บริการ หรือการให้ส่วนลดโดยไม่มีค่าตอบแทนหรือมีค่าตอบแทนที'ไม่เปป็นไปตามปกติทางการค้า และการทําให้หนี.,ที'พรรคการเมืองเปป็นลูกหนี.,ลดลงหรือระงับสิ.,นไปด้วย “กองทุน” หมายความว่า กองทุนเพื'อการพัฒนาพรรคการเมือง “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการการเลือกตั.,ง “นายทะเบียน” หมายความว่า นายทะเบียนพรรคการเมืองตามมาตรา ๖ “สํานักงาน” หมายความว่า สํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั.,ง “จังหวัด” หมายความรวมถึง กรุงเทพมหานครด้วย “เขตเลือกตั.,ง” หมายความว่า ท้องที'ที'กําหนดเปป็นเขตเลือกตั.,งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั.,ง หรือเขตเลือกสมาชิกวุฒิสภา แล้วแต่กรณี
ถือว่าการประกาศหรือเผยแพร่ในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือระบบหรือวิธีการอื'นใดที' ประชาชนทั'วไปสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก เปป็นการดําเนินการโดยชอบด้วยพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,แล้ว ในกรณีที'พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,กําหนดให้คณะกรรมการ หรือนายทะเบียนมีอํานาจกําหนดหรือมีคําสั'งเรื'องใด ถ้ามิได้กําหนดวิธีการไว้เปป็นการ เฉพาะ ให้คณะกรรมการหรือนายทะเบียนกําหนดโดยทําเปป็นประกาศ ระเบียบ หรือคําสั'ง แล้วแต่กรณี และถ้าประกาศ ระเบียบ หรือคําสั'งนั.,นใช้บังคับแก่บุคคลทั'วไปให้ประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา และให้ดําเนินการประกาศตามวรรคหนึ'งด้วย ทั.,งนี., ถ้าประกาศ ระเบียบ หรือคําสั'งใดมีการกําหนดขั.,นตอนการดําเนินงานไว้ คณะกรรมการหรือนายทะเบียนต้อง กําหนดระยะเวลาการดําเนินงานในแต่ละขั.,นตอนให้ชัดเจนด้วย
มีสัญชาติไทยโดยการเกิด ในกรณีเปป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยการแปลง สัญชาติต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปั"
มีอายุไม่ตJากว่ายี'สิบปั"
ไม่เปป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั.,งตามมาตรา ๙๘ (๑) (๒) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) (๙) (๑๐) (๑๑) (๑๔) (๑๖) (๑๗) หรือ (๑๘) ของรัฐธรรมนูญ
อยู่ในระหว่างถูกสั'งห้ามมิให้ดํารงตําแหน่งใดในพรรคการเมืองตามพ ระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,
ไม่เปป็นสมาชิกของพรรคการเมืองอื'นหรือผู้ยื'นคําขอจดทะเบียนจัดตั.,ง พรรคการเมืองอื'นตามมาตรา ๑๑ หรือผู้แจ้งการเตรียมการจัดตั.,งพรรคการเมืองอื'นตาม มาตรา ๑๘ เพื'อประโยชน์ในการดําเนินการของพรรคการเมือง พรรคการเมืองต้องมี ทุนประเดิมไม่น้อยกว่าหนึ'งล้านบาท โดยผู้ร่วมกันจัดตั.,งพรรคการเมืองทุกคนต้องร่วมกัน จ่ายเงินเพื'อเปป็นทุนประเดิมคนละไม่น้อยกว่าหนึ'งพันบาทแต่ไม่เกินคนละห้าหมื'นบาท
กําหนดชื'อ ชื'อย่อ และภาพเครื'องหมายของพรรคการเมือง คํา ประกาศอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคการเมือง นโยบายของพรรคการเมือง และข้อ บังคับ
เลือกหัวหน้าพรรคการเมือง เลขาธิการพรรคการเมือง เหรัญญิก พรรคการเมือง นายทะเบียนสมาชิกและกรรมการบริหารอื'นของพรรคการเมือง
ดําเนินการอื'นอันจําเปป็นต่อการจัดตั.,งพรรคการเมืองตามที'คณะ กรรมการกําหนด ชื'อ ชื'อย่อ และภาพเครื'องหมายของพรรคการเมืองตาม (๑) ต้องไม่มี ลักษณะตามมาตรา ๑๔ และต้องไม่ซ구า พ้อง หรือคล้ายคลึงกับชื'อ ชื'อย่อ หรือภาพ เครื'องหมายของพรรคการเมืองที'จดทะเบียนหรือที'ยื'นขอจดทะเบียนตามมาตรา ๙ อยู่ก่อน แล้ว หรือของพรรคการเมืองที'ถูกยุบและยังไม่พ้นยี'สิบปั"นับแต่วันที'พรรคการเมืองนั.,นถูกยุบ หรือของพรรคการเมืองที'มีผู้แจ้งไว้แล้วตามมาตรา ๑๘ และต้องไม่ซ구าพ้อง หรือคล้ายคลึง กับพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์หรือพระนามของพระราชวงศ์ หรือที'มุ่งหมายให้ หมายถึงพระมหากษัตริย์หรือพระราชวงศ์ การประชุมตามวรรคหนึ'งต้องมีบันทึกการประชุมเปป็นลายลักษณ์อักษร และมติของที'ประชุมให้เปป็นไปตามเสียงข้างมากของผู้เข้าร่วมประชุม โดยผู้เข้าร่วมประชุม คนหนึ'งมีเสียงหนึ'งในการลงคะแนนซึ'งต้องทําโดยเปีดเผย และการมอบหมายให้ลงคะแนน แทนกันจะกระทํามิได้ ในกรณีที'นายทะเบียนรับจดทะเบียนจัดตั.,งพรรคการเมืองตามมาตรา ๑๗ ให้ถือว่าการประชุมตามวรรคหนึ'งเปป็นการประชุมใหญ่สามัญครั.,งที'หนึ'งของพรรคการเมือง มาตรา ๑๑ ในการยื'นคําขอจดทะเบียนจัดตั.,งพรรคการเมือง ให้ผู้ซึ'งได้รับ เลือกเปป็นหัวหน้าพรรคการเมืองตามมาตรา ๑๐ (๒) เปป็นผู้ยื'นคําขอต่อนายทะเบียนพร้อม ด้วยเอกสารและหลักฐานที'เกี'ยวข้องตามที'คณะกรรมการกําหนด และให้นายทะเบียนออก ใบรับคําขอให้แก่ผู้ยื'นคําขอไว้เปป็นหลักฐาน คําขอจดทะเบียน การยื'นคําขอจดทะเบียน และการออกใบรับคําขอตาม วรรคหนึ'ง ให้เปป็นไปตามแบบหลักเกณฑ์ และวิธีการที'คณะกรรมการกําหนด
ชื'อและชื'อย่อของพรรคการเมือง
ภาพเครื'องหมายของพรรคการเมือง (๓) ที'ตั.,งสํานักงานใหญ่พรรคการเมือง
ชื'อ ที'อยู่ เลขประจําตัวประชาชนและลายมือชื'อของหัวหน้า พรรคการเมือง เลขาธิการพรรคการเมือง เหรัญญิกพรรคการเมือง นายทะเบียนสมาชิก และกรรมการบริหารอื'นของพรรคการเมือง
ชื'อ ที'อยู่ เลขประจําตัวประชาชน และลายมือชื'อของผู้ร่วมกันจัดตั.,ง พรรคการเมืองทุกคน
หลักฐานการชําระเงินทุนประเดิมของผู้ร่วมกันจัดตั.,งพรรคการเมือง ทุกคน
ข้อบังคับ
บันทึกการประชุมตามมาตรา ๑๐ วรรคสาม ซึ'งผู้ได้รับเลือกเปป็น หัวหน้าพรรคการเมืองรับรองความถูกต้อง
หนังสือรับแจ้งของนายทะเบียนในกรณีที'มีการแจ้งการเตรียมการจัด ตั.,งพรรคการเมืองตามมาตรา ๑๘
เปป็นปฏิปvกษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษัตริย์ทรงเปป็นประมุข และต้องไม่เปลี'ยนแปลงรูปแบบของรัฐ
ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน (๓) อาจก่อให้เกิดความแตกแยกระหว่างชนในชาติ
ครอบงําหรือเปป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที'โดยอิสระของสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญ
ภาพเครื'องหมายของพรรคการเมือง
คําประกาศอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคการเมืองและนโยบาย ของพรรคการเมือง
ที'ตั.,งสํานักงานใหญ่ของพรรคการเมืองซึ'งต้องตั.,งอยู่ในราชอาณาจักร (๕) โครงสร้างการบริหารพรรคการเมือง และตําแหน่งต่าง ๆ ใน พรรคการเมือง
หลักเกณฑ์และวิธีการเลือกหรือการให้ความเห็นชอบให้ดํารงตําแหน่ง การดํารงตําแหน่ง การพ้นจากตําแหน่ง และหน้าที'และอํานาจของหัวหน้าพรรคการเมือง เลขาธิการพรรคการเมือง เหรัญญิกพรรคการเมือง นายทะเบียนสมาชิก กรรมการบริหาร อื'นของพรรคการเมือง คณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง หัวหน้าและกรรมการสาขา พรรคการเมือง และตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัด
การบริหารจัดการสาขาพรรคการเมือง และของตัวแทน พรรคการเมืองประจําจังหวัด
การประชุมใหญ่ของพรรคการเมืองและการประชุมใหญ่ของสาขา พรรคการเมือง
คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของสมาชิก การรับเข้าเปป็นสมาชิก และการพ้นจากการเปป็นสมาชิก
สิทธิและหน้าที'ของสมาชิก ความรับผิดชอบของสมาชิกต่อ พรรคการเมือง และความรับผิดชอบของพรรคการเมืองต่อสมาชิก
มาตรฐานทางจริยธรรมของกรรมการบริหารพรรคการเมืองและ สมาชิก โดยมาตรฐานทางจริยธรรมของกรรมการบริหารพรรคการเมืองอย่างน้อยต้อง เทียบเคียงได้กับมาตรฐานทางจริยธรรมที'ใช้บังคับแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกสมาชิกเพื'อส่งเข้าสมัครรับเลือกตั.,ง เปป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั.,งและแบบบัญชีรายชื'อ และการคัดเลือก บุคคลซึ'งพรรคการเมืองเห็นสมควรจะเสนอให้ได้รับการพิจารณาแต่งตั.,งเปป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา ๘๘ ของรัฐธรรมนูญ ซึ'งต้องกําหนดให้สมาชิกมีส่วนร่วมในการคัดเลือกด้วย อย่างกว้างขวาง
หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลดํารงตําแหน่งทางการเมืองซึ'ง ต้องกําหนดให้สมาชิกมีส่วนร่วมในการคัดเลือกด้วยอย่างกว้างขวาง
วิธีการบริหารการเงินและทรัพย์สิน และการจัดทําบัญชีของ พรรคการเมือง สาขาพรรคการเมือง และตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัด ซึ'งต้อง กําหนดให้เปป็นไปโดยเปีดเผยและให้สมาชิกตรวจสอบได้โดยสะดวก
รายได้ของพรรคการเมือง และอัตราค่าธรรมเนียมและค่าบํารุง พรรคการเมืองซึ'งต้องเรียกเก็บจากสมาชิกไม่น้อยกว่าปั"ละยี'สิบบาท
การเลิกพรรคการเมือง สาขาพรรคการเมือง และตัวแทน พรรคการเมืองประจําจังหวัด การพิจารณาเพื'อออกข้อบังคับตาม (๖) (๘) (๑๐) (๑๑) (๑๒) (๑๓) (๑๔) (๑๕) และ (๑๖) ต้องให้สมาชิกมีส่วนร่วมพิจารณาอย่างกว้างขวาง การกําหนดข้อบังคับในลักษณะที'เปป็นการให้บุคคลอื'นซึ'งมิใช่สมาชิก กระทําการอันเปป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี.,นํา กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที' ทําให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมจะกระทํามิได้ พรรคการเมืองอาจกําหนดให้เรียกเก็บค่าบํารุงพรรคการเมืองจากสมาชิก แบบตลอดชีพตามอัตราที'กําหนดในข้อบังคับก็ได้ แต่ต้องไม่น้อยกว่าสองร้อยบาท เพื'อประโยชน์ในการอํานวยความสะดวกในการจัดเก็บค่าบํารุง พรรคการเมืองตาม (๑๕) ให้สํานักงานประสานกับธนาคาร ทั.,งนี., ตามหลักเกณฑ์และวิธี การที'คณะกรรมการกําหนด
พรรคการเมืองนั.,นในราชกิจจานุเบกษา หากนายทะเบียนเห็นว่าคําขอจดทะเบียนจัดตั.,งพรรคการเมือง หรือ เอกสารหรือหลักฐานที'ยื'นพร้อมกับคําขอจดทะเบียนจัดตั.,งพรรคการเมืองในเรื'องใดไม่ถูก ต้องหรือไม่ครบถ้วนตามมาตรา ๑๒ มาตรา ๑๓ มาตรา ๑๔ มาตรา ๑๕ หรือมาตรา ๑๖ ให้ นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีหนังสือแจ้งให้ผู้ยื'นคําขอจดทะเบียน ทราบพร้อมด้วยเหตุผลเพื'อแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที'ได้รับหนังสือนั.,น เมื'อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้วไม่มีการแก้ไขหรือยังแก้ไขไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ให้นาย ทะเบียนรายงานคณะกรรมการเพื'อพิจารณาและมีมติไม่รับจดทะเบียนจัดตั.,ง พรรคการเมือง และให้นายทะเบียนแจ้งมติของคณะกรรมการให้ผู้ยื'นคําขอจัดตั.,ง พรรคการเมืองทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที'คณะกรรมการมีมติ ในกรณีที'ปรากฏในภายหลังว่าข้อบังคับของพรรคการเมืองที'ได้ยื'นไม่เปป็น ไปตามมาตรา ๑๔ หรือมาตรา ๑๕ ให้นายทะเบียนรายงานคณะกรรมการเพื'อพิจารณาและ มีมติให้เพิกถอนข้อบังคับนั.,น และให้แจ้งมติของคณะกรรมการให้คณะกรรมการบริหาร พรรคการเมืองทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที'คณะกรรมการมีมติ ในการนี., คณะกรรมการ บริหารพรรคการเมืองต้องดําเนินการแก้ไขข้อบังคับให้ถูกต้องหรือครบถ้วนภายในหกสิบ วันนับแต่วันที'ได้รับหนังสือนั.,น เมื'อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้วหากไม่มีการแก้ไข หรือยัง แก้ไขไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ให้พรรคการเมืองนั.,นสิ.,นสภาพความเปป็นพรรคการเมือง ผู้ยื'นคําขอจดทะเบียนจัดตั.,งพรรคการเมืองหรือหัวหน้าพรรคการเมืองมี สิทธิยื'นคําร้องคัดค้านมติของคณะกรรมการตามวรรคสองหรือวรรคสามต่อศาล รัฐธรรมนูญได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที'ได้รับหนังสือแจ้งมติของคณะกรรมการ
คําขอแจ้ง การยื'นคําขอแจ้ง และการรับแจ้ง ให้เปป็นไปตามแบบ หลัก เกณฑ์ และวิธีการที'คณะกรรมการกําหนด ทั.,งนี., คําขอแจ้งนั.,นอย่างน้อยต้องประกอบด้วย ชื'อ ชื'อย่อ ภาพเครื'องหมายของพรรคการเมือง ชื'อ ชื'อย่อ และภาพเครื'องหมายของพรรคการเมืองที'แจ้งตามวรรคสอง ต้องไม่มีลักษณะตามมาตรา ๑๔ และต้องไม่ซ구า พ้อง หรือคล้ายคลึงกับชื'อ ชื'อย่อ และภาพ เครื'องหมายของพรรคการเมืองที'มีผู้แจ้งตามวรรคหนึ'งไว้แล้วหรือของพรรคการเมืองที'จด ทะเบียนจัดตั.,งไว้แล้วหรือที'ยื'นขอจดทะเบียนตามมาตรา ๙ อยู่ก่อนแล้ว
การดําเนินกิจกรรมของพรรคการเมือง
พรรคการเมืองต้องไม่ดําเนินกิจการอันมีลักษณะเปป็นการแสวงหากําไรมา แบ่งปvนกัน
เปป็นผู้รับผิดชอบดําเนินกิจกรรมของพรรคการเมืองให้เปป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย นโยบาย และข้อบังคับของพรรคการเมืองมติของที'ประชุมใหญ่ของพรรคการเมือง รวม ตลอดทั.,งระเบียบ ประกาศ และคําสั'งของคณะกรรมการซึ'งต้องกระทําด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง และซื'อสัตย์สุจริต เพื'อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน และต้องให้ สมาชิกมีส่วนร่วมและรับผิดชอบอย่างแท้จริงในการดําเนินกิจกรรมทางการเมือง และการ คัดเลือกสมาชิกหรือบุคคลซึ'งมีความรู้ความสามารถ ซื'อสัตย์สุจริต และมีคุณธรรม จริยธรรม เข้าสมัครรับเลือกตั.,งเปป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือตําแหน่งอื'น หรือเพื'อแต่ง ตั.,งเปป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองประกอบด้วย หัวหน้าพรรคการเมือง เลขาธิการพรรคการเมือง เหรัญญิกพรรคการเมือง นายทะเบียนสมาชิก และกรรมการ บริหารอื'นตามที'กําหนดในข้อบังคับ กรรมการบริหารพรรคการเมืองต้องรับผิดชอบร่วมกันในบรรดามติของ คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองและในการดําเนินการตามหน้าที'และอํานาจของคณะ กรรมการบริหารพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี., กฎหมาย และ ข้อบังคับ รวมตลอดทั.,งระเบียบ ประกาศ และคําสั'งของคณะกรรมการ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ ว่า ตนได้คัดค้านในที'ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองโดยปรากฏหลักฐานการ คัดค้านนั.,นในรายงานการประชุมหรือได้ทําหนังสือคัดค้านยื'นต่อประธานในที'ประชุมภายใน เจ็ดวันนับแต่วันที'การประชุมนั.,นสิ.,นสุดลง ให้หัวหน้าพรรคการเมืองเปป็นผู้แทนของพรรคการเมืองในกิจการอันเกี'ยว กับบุคคลภายนอกเพื'อการนี., หัวหน้าพรรคการเมืองจะมอบหมายเปป็นหนังสือให้เลขาธิการ พรรคการเมือง เหรัญญิกพรรคการเมือง นายทะเบียนสมาชิก หรือกรรมการบริหารอื'นของ พรรคการเมืองคนหนึ'งหรือหลายคนเปป็นผู้ทําการแทนก็ได้
กรรมการ เมื'อมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือให้มี การเลือกสมาชิกวุฒิสภา แล้วแต่กรณี คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองและกรรมการ บริหารพรรคการเมืองมีหน้าที'ควบคุมและกํากับดูแลมิให้สมาชิกหรือผู้ดํารงตําแหน่งใน พรรคการเมืองกระทําการในลักษณะที'อาจทําให้การเลือกตั.,งหรือการเลือกมิได้เปป็นไปโดย สุจริตหรือเที'ยงธรรม ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรืออาจเปป็นคุณหรือเปป็นโทษแก่บุคคลใดซึ'ง สมัครเข้ารับเลือกเปป็นสมาชิกวุฒิสภา ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม เมื'อความปรากฏต่อคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือกรรมการ บริหารพรรคการเมือง หรือเมื'อคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองได้รับแจ้งจากนาย ทะเบียนว่าสมาชิกกระทําการอันอาจมีลักษณะเปป็นการฝ'าฝ"Iนวรรคหนึ'งหรือวรรคสอง ให้ คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองมีมติหรือสั'งการให้สมาชิกยุติการกระทํานั.,นโดยพลัน และกําหนดมาตรการหรือวิธีการที'จําเปป็นเพื'อมิให้สมาชิกผู้ใดกระทําการอันอาจมีลักษณะ ดังกล่าวอีก แล้วแจ้งให้นายทะเบียนทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที'มีมติ ในกรณีที'ความปรากฏต่อนายทะเบียนว่าคณะกรรมการบริหาร พรรคการเมืองไม่ปฏิบัติตามวรรคสาม ให้นายทะเบียนเสนอเรื'องต่อคณะกรรมการเพื'อ พิจารณามีคําสั'งให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั.,นพ้นจากตําแหน่งทั.,งคณะ คําสั'ง ดังกล่าวให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และห้ามมิให้กรรมการบริหารพรรคการเมืองซึ'ง พ้นจากตําแหน่งเพราะเหตุดังกล่าวดํารงตําแหน่งใดในพรรคการเมืองจนกว่าจะพ้นเวลา ยี'สิบปั"นับแต่วันที'พ้นจากตําแหน่ง กรรมการบริหารพรรคการเมืองซึ'งพ้นจากตําแหน่งตามวรรคสี'มีสิทธิยื'น คําร้องคัดค้านคําสั'งของคณะกรรมการต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที' ได้รับหนังสือแจ้งคําสั'งดังกล่าว ห้ามมิให้กรรมการบริหารพรรคการเมืองซึ'งพ้นจากตําแหน่งตามวรรคสี' กระทําการอันมีลักษณะเปป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงการดําเนินกิจกรรมของ พรรคการเมืองนั.,น เว้นแต่จะเปป็นการดําเนินการตามสิทธิและหน้าที'ของสมาชิกตามที' กําหนดไว้ในข้อบังคับ และห้ามมิให้มีส่วนร่วมในการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั.,งเปป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรหรือตําแหน่งอื'นหรือการสรรหาบุคคลเพื'อแต่งตั.,งเปป็นผู้ดํารงตําแหน่ง ทางการเมือง
ส่งเสริมให้สมาชิกและประชาชนมีความรู้ความเข้าใจที'ถูกต้องเกี'ยวกับ การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเปป็นประมุข การใช้สิทธิและ เสรีภาพอย่างมีเหตุผลและมีความรับผิดชอบต่อสังคม และความรู้เกี'ยวกับหน้าที'ของปวง ชนชาวไทย
ร่วมกับประชาชนในการหาแนวทางการพัฒนาประเทศ และการแก้ไข ปvญหาต่าง ๆ ที'เกิดขึ.,นในสังคมอย่างมีเหตุผลโดยคํานึงถึงความสมดุลระหว่างการพัฒนา ด้านวัตถุกับการพัฒนาด้านจิตใจ และความอยู่เย็นเปป็นสุขของประชาชนประกอบกัน
ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดําเนินกิจกรรมทางการ เมือง รวมตลอดทั.,งการตรวจสอบการใช้อํานาจรัฐและการดําเนินงานขององค์กรอิสระ อย่างมีเหตุผล
ส่งเสริมให้สมาชิกและประชาชนมีความสามัคคีปรองดอง รู้จักยอมรับ ในความเห็นทางการเมืองโดยสุจริตที'แตกต่าง และแก้ไขปvญหาความขัดแย้งทางการเมือง โดยสันติวิธี เพื'อประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชน
กิจกรรมอื'นอันจะยังประโยชน์ต่อการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยอัน มีพระมหากษัตริย์ทรงเปป็นประมุข รวมทั.,งการพัฒนาพรรคการเมืองให้เปป็นสถาบันทางการ เมืองของประชาชน ทั.,งนี., ตามที'ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ให้หัวหน้าพรรคการเมืองโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหาร พรรคการเมือง จัดทําแผน หรือโครงการที'จะดําเนินกิจกรรมตามวรรคหนึ'งในแต่ละปั"ส่งให้ นายทะเบียนทราบภายในเดือนเมษายนของทุกปั" และให้นายทะเบียนเผยแพร่ให้ประชาชน ทราบเปป็นการทั'วไป
สมาชิกต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที' กําหนดในข้อบังคับซึ'งอย่างน้อยต้องมีอายุไม่ตJากว่าสิบแปดปั" และมีคุณสมบัติและไม่มี ลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี.,
มีสัญชาติไทยโดยการเกิด ในกรณีเปป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยการแปลง สัญชาติ ต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปั"
ไม่เปป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั.,งตามมาตรา ๙๘ (๑) (๒) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) (๙) (๑๑) (๑๔) (๑๖) (๑๗) หรือ (๑๘) ของรัฐธรรมนูญ
ไม่เคยต้องคําพิพากษาอันถึงที'สุดให้จําคุกว่ากระทําความผิดต่อ ตําแหน่งหน้าที'ราชการหรือต่อตําแหน่งหน้าที'ในการยุติธรรม หรือกระทําความผิดตาม กฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี'ยว กับทรัพย์ที'กระทําโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา เว้นแต่เปป็นการรอการลงโทษ
ไม่เคยต้องคําพิพากษาอันถึงที'สุดให้จําคุกว่ากระทําความผิดตาม กฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที'เปป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติดในความ ผิดฐานเปป็นผู้ผลิต นําเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเปป็นเจ้า มือหรือเจ้าสํานัก กฎหมายว่าด้วยการป..องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมาย ว่าด้วยการป..องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน
ไม่เปป็นสมาชิกของพรรคการเมืองอื'นหรือผู้ยื'นคําขอจดทะเบียนจัดตั.,ง พรรคการเมืองอื'นตามมาตรา ๑๑ หรือผู้แจ้งการเตรียมการจัดตั.,งพรรคการเมืองอื'นตาม มาตรา ๑๘
ให้หัวหน้าพรรคการเมืองแจ้งรายละเอียดเกี'ยวกับสมาชิกให้นายทะเบียน ทราบตามรายการหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาที'นายทะเบียนกําหนด ในกรณีที'พรรคการเมืองใดแอบอ้างว่าผู้ใดสมัครเปป็นสมาชิกโดยผู้นั.,นไม่รู้ เห็นหรือไม่สมัครใจผู้ที'ถูกแอบอ้างหรือผู้ที'ได้รับมอบหมายจากผู้ถูกแอบอ้าง อาจแจ้งต่อ นายทะเบียนเพื'อตรวจสอบข้อเท็จจริงและพิจารณาลบชื'อของผู้นั.,นออกจากการเปป็นสมาชิก พรรคการเมืองนั.,น โดยให้ถือว่าผู้นั.,นไม่เคยเปป็นสมาชิกของพรรคการเมืองดังกล่าวมาตั.,งแต่ ต้น
ในกรณีที'ปรากฏต่อนายทะเบียนว่าบุคคลใดเปป็นสมาชิกหลาย พรรคการเมือง ให้นายทะเบียนมีหนังสือแจ้งให้หัวหน้าพรรคการเมืองที'เกี'ยวข้องทราบและ ลบชื'อผู้นั.,นออกจากการเปป็นสมาชิกของพรรคการเมืองนั.,น และให้หัวหน้าพรรคการเมือง แจ้งให้สมาชิกผู้นั.,นทราบโดยเร็ว แล้วแจ้งให้นายทะเบียนทราบภายในระยะเวลาที'นาย ทะเบียนกําหนด ให้สํานักงานจัดให้มีระบบฐานข้อมูลพรรคการเมือง เพื'ออํานวยความ สะดวกให้แก่พรรคการเมืองและประชาชนทั'วไป ทั.,งนี., ตามที'คณะกรรมการกําหนด
ลาออก
ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๒๔ เว้นแต่เปป็นกรณี มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๙๖ (๑) ของรัฐธรรมนูญ และเปป็นการบวชตามประเพณีนิยม แต่ในระหว่างมีลักษณะต้องห้ามดังกล่าวจะใช้สิทธิในฐานะสมาชิกมิได้
ไม่ชําระค่าบํารุงพรรคการเมืองเปป็นเวลาสองปั"ติดต่อกัน การลาออกตาม (๑) ให้ถือว่าสมบูรณ์เมื'อได้ยื'นใบลาออกต่อนายทะเบียน สมาชิก หรือนายทะเบียน ในกรณีที'ยื'นต่อนายทะเบียน ให้นายทะเบียนแจ้งให้นายทะเบียน สมาชิกทราบโดยเร็ว ในกรณีที'ข้อบังคับกําหนดให้สมาชิกพ้นจากสมาชิกภาพตามมติของ พรรคการเมือง หากสมาชิกผู้นั.,นดํารงตําแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ข้อบังคับต้อง กําหนดให้มติของพรรคการเมืองดังกล่าวมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี'ของที'ประชุม ร่วมของคณะกรรมการบริหารของพรรคการเมืองและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที'สังกัด พรรคการเมืองนั.,น
ฐานะที'เปป็นสมาชิก
ดําเนินการให้มีจํานวนสมาชิกไม่น้อยกว่าห้าพันคน และต้องเพิ'ม จํานวนสมาชิกให้มีจํานวนไม่น้อยกว่าหนึ'งหมื'นคนภายในสี'ปั"นับแต่วันที'นายทะเบียนรับจด ทะเบียน
จัดให้มีสาขาพรรคการเมืองในแต่ละภาคตามบัญชีรายชื'อภาคและ จังหวัดที'คณะกรรมการกําหนดอย่างน้อยภาคละหนึ'งสาขา โดยสาขาพรรคการเมืองแต่ละ สาขาต้องมีสมาชิกที'มีภูมิลําเนาอยู่ในเขตพื.,นที'ที'รับผิดชอบของสาขานั.,นตั.,งแต่ห้าร้อยคนขึ.,น ไป เมื'อจัดตั.,งสาขาพรรคการเมืองขึ.,นในภาคใดแล้ว ให้หัวหน้าพรรคการเมือง มีหนังสือแจ้งการจัดตั.,งสาขาต่อนายทะเบียนภายในสิบห้าวันนับแต่วันที'จัดตั.,งสาขานั.,นตาม หลักเกณฑ์และวิธีการที'นายทะเบียนกําหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ และให้ ประกาศให้ประชาชนทราบเปป็นการทั'วไปด้วย หนังสือแจ้งการจัดตั.,งสาขาพรรคการเมือง ต้องมีรายการตามที'นาย ทะเบียนกําหนด ซึ'งอย่างน้อยต้องมีแผนผังแสดงที'ตั.,งสาขาพรรคการเมือง และชื'อ ที'อยู่ และเลขประจําตัวประชาชนของคณะกรรมการสาขาพรรคการเมืองซึ'งประกอบด้วยหัวหน้า และกรรมการสาขาพรรคการเมืองตามจํานวนที'กําหนดในข้อบังคับซึ'งต้องไม่น้อยกว่าเจ็ด คน ในกรณีที'มีการเปลี'ยนแปลงที'ตั.,งสาขาพรรคการเมืองหรือคณะกรรมการ สาขาพรรคการเมืองให้หัวหน้าพรรคการเมืองมีหนังสือแจ้งให้นายทะเบียนทราบภายในสิบ ห้าวันนับแต่วันที'มีการเปลี'ยนแปลงนั.,นตามหลักเกณฑ์และวิธีการที'นายทะเบียนกําหนดโดย ความเห็นชอบของคณะกรรมการ และให้ประกาศให้ประชาชนทราบเปป็นการทั'วไปด้วย ภายหลังที'ได้จัดตั.,งสาขาพรรคการเมืองแล้ว สาขาพรรคการเมืองใดไม่ เปป็นไปตาม (๒) ให้นายทะเบียนมีหนังสือแจ้งให้พรรคการเมืองนั.,นดําเนินการให้ถูกต้อง ภายในระยะเวลาที'นายทะเบียนกําหนดหากพรรคการเมืองใดไม่ดําเนินการหรือดําเนินการ แล้วไม่ถูกต้องให้สาขาพรรคการเมืองนั.,นสิ.,นสภาพไป
การได้มา การดํารงตําแหน่ง วาระการดํารงตําแหน่ง การพ้นจาก ตําแหน่ง วิธีการบริหาร และหน้าที'และอํานาจของคณะกรรมการสาขาพรรคการเมือง ให้ เปป็นไปตามที'กําหนดในข้อบังคับโดยอย่างน้อยต้องกําหนดให้มีหน้าที'ดําเนินการตามมาตรา ๒๓ ในเขตพื.,นที'รับผิดชอบของสาขาพรรคการเมืองนั.,นด้วย
ให้พรรคการเมืองแจ้งให้นายทะเบียนทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที'มี การแต่งตั.,ง หรือเปลี'ยนแปลงตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัดตามหลักเกณฑ์และวิธี การที'นายทะเบียนกําหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
หนึ'งครั.,ง
พรรคการเมือง
การแก้ไขเปลี'ยนแปลงคําประกาศอุดมการณ์ทางการเมืองของ พรรคการเมืองหรือนโยบายของพรรคการเมือง
การแก้ไขเปลี'ยนแปลงข้อบังคับ
การเลือกตั.,งหัวหน้าพรรคการเมือง เลขาธิการพรรคการเมือง เหรัญญิกพรรคการเมือง นายทะเบียนสมาชิก และกรรมการบริหารอื'นของพรรคการเมือง
การเลือกตั.,งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั.,งของ พรรคการเมือง
ให้ความเห็นชอบรายงานการเงินและการดําเนินกิจการของ พรรคการเมืองที'ได้ดําเนินการไปในรอบปั"ที'ผ่านมา
กิจการที'เสนอโดยคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือหัวหน้า สาขาพรรคการเมือง
กิจการอื'นตามที'กําหนดไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี., กฎหมาย หรือข้อบังคับ กิจการตาม (๑) (๒) และ (๓) เมื'อได้รับความเห็นชอบจากที'ประชุมใหญ่ ของพรรคการเมืองแล้ว ให้พรรคการเมืองมีหนังสือแจ้งให้นายทะเบียนทราบเพื'อแก้ไข เปลี'ยนแปลงการจดทะเบียนภายในสิบห้าวันนับแต่วันที'ได้รับความเห็นชอบจากที'ประชุม ใหญ่ของพรรคการเมือง และให้นายทะเบียนประกาศการแก้ไขเปลี'ยนแปลงดังกล่าวในราช กิจจานุเบกษา ในกรณีที'กรรมการบริหารพรรคการเมืองครบวาระ ตาย ลาออก เปลี'ยน ชื'อตัว เปลี'ยนชื'อสกุล หรือเปลี'ยนแปลงด้วยเหตุใด ๆ ให้หัวหน้าพรรคการเมืองแจ้งให้นาย ทะเบียนทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที'มีเหตุดังกล่าว และให้นายทะเบียนประกาศเหตุดัง กล่าวในราชกิจจานุเบกษาด้วย
ร้อยห้าสิบคน องค์ประชุมของที'ประชุมใหญ่สาขาพรรคการเมืองให้เปป็นไปตามที'กําหนด ในข้อบังคับซึ'งอย่างน้อยต้องประกอบด้วยกรรมการสาขาพรรคการเมืองไม่น้อยกว่ากึ'งหนึ'ง ของกรรมการสาขาพรรคการเมืองทั.,งหมด และสมาชิกสาขาพรรคการเมือง ทั.,งนี., มีจํานวน รวมกันทั.,งหมดไม่น้อยกว่าหนึ'งร้อยคน
ถ้าคณะกรรมการวินิจฉัยว่ามติใดของพรรคการเมืองขัดต่อพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,หรือกฎหมายอื'น ให้คณะกรรมการมีอํานาจสั'งเพิกถอนมติดัง กล่าวได้
พรรคการเมืองใดที'จดทะเบียนยังไม่ถึงหนึ'งร้อยแปดสิบวันนับถึงวันสิ.,น ปั"ปฏิทิน ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องดําเนินการตามวรรคหนึ'งสําหรับปั"นั.,น ให้หัวหน้าพรรคการเมืองส่งรายงานการดําเนินกิจการของพรรคการเมือง ซึ'งที'ประชุมใหญ่ของพรรคการเมืองอนุมัติแล้วตามวรรคหนึ'ง ต่อนายทะเบียนภายในสิบห้า วันนับแต่วันที'ที'ประชุมใหญ่ของพรรคการเมืองอนุมัติ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที'นาย ทะเบียนกําหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ และให้ประกาศให้ประชาชนทราบ เปป็นการทั'วไปด้วย
ดิน
ห้ามมิให้ผู้ใดให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื'นใด แก่พรรคการเมืองสมาชิก หรือผู้ใด เพื'อจูงใจให้ตนหรือบุคคลอื'นได้รับการแต่งตั.,งให้ดํารง ตําแหน่งทางการเมือง หรือตําแหน่งใดในการบริหารราชการแผ่นดินหรือในหน่วยงานของ รัฐ
พรรคการเมืองซึ'งประสงค์จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั.,งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั.,งในเขตเลือกตั.,งในจังหวัดใด ต้องมีสาขา พรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัดในจังหวัดนั.,น ในกรณีที' พรรคการเมืองใดมีสาขาพรรคการเมืองมากกว่าหนึ'งสาขาหรือตัวแทนพรรคการเมือง ประจําจังหวัดมากกว่าหนึ'งตัวแทนในจังหวัดใด ให้พรรคการเมืองนั.,นกําหนดว่าจะให้สาขา พรรคการเมืองสาขาใดหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัดใดในจังหวัดนั.,น เปป็นสาขา พรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัดเพื'อดําเนินการตามมาตรา ๕๐
คณะกรรมการจะกําหนดอัตราส่วนขั.,นตJาของผู้สมัครซึ'งเปป็นชายและหญิง ที'พรรคการเมืองจะต้องส่งลงสมัครรับเลือกตั.,งก็ได้ ในกรณีที'พรรคการเมืองใดไม่อาจส่งผู้ สมัครตามอัตราส่วนดังกล่าวได้ ให้แจ้งเหตุผลให้ประชาชนทราบเปป็นการทั'วไปก่อนวัน สมัครรับเลือกตั.,ง การกําหนดอัตราส่วนตามวรรคสอง ให้คณะกรรมการหารือกับ พรรคการเมืองด้วย
เมื'อมีกรณีต้องสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั.,ง ให้พรรคการเมืองจัดให้มีคณะ กรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั.,งประกอบด้วยบุคคลและจํานวนตามที'กําหนดในข้อ บังคับ ซึ'งอย่างน้อยต้องประกอบด้วยกรรมการบริหารพรรคการเมืองไม่เกินกึ'งหนึ'งของ คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั.,ง และหัวหน้าสาขาพรรคการเมืองและตัวแทน พรรคการเมืองประจําจังหวัด ทั.,งนี., จํานวนหัวหน้าสาขาพรรคการเมือง และตัวแทน พรรคการเมืองประจําจังหวัดให้เปป็นไปตามข้อบังคับ แต่อย่างน้อยต้องมีหัวหน้าสาขา พรรคการเมืองไม่น้อยกว่าสี'สาขาซึ'งมาจากภาคต่างกันที'คณะกรรมการกําหนดตามมาตรา ๓๓ และให้มีหน้าที'และอํานาจในการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร รับเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั.,งและแบบบัญชีรายชื'อ ให้ได้ผู้ซึ'งมี ความรู้ความสามารถ ซื'อสัตย์สุจริต และมีคุณธรรม จริยธรรม ตามมาตรฐานทางจริยธรรม ที'กําหนดในข้อบังคับ และตามที'กําหนดไว้ในมาตรา ๕๐และมาตรา ๕๑ เพื'อประโยชน์ในการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบ่งเขตเลือกตั.,งและแบบบัญชีรายชื'อของพรรคการเมือง พรรคการเมืองใดจะดําเนิน การสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั.,งไว้เปป็นการล่วงหน้าก่อนวันประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการ เลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็ได้
การสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบ แบ่งเขตเลือกตั.,ง ให้ดําเนินการตามวิธีการ ดังต่อไปนี.,
ให้คณะกรรมการสรรหากําหนดวัน เวลา และสถานที'ในการสมัครเปป็น ผู้สมัครรับเลือกตั.,ง และประกาศให้สมาชิกทราบเปป็นการทั'วไป
เมื'อพ้นกําหนดเวลารับสมัครตาม (๑) ให้คณะกรรมการสรรหาตรวจ สอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครในแต่ละเขตเลือกตั.,ง แล้วส่งรายชื'อผู้สมัคร ให้สาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัด
เมื'อสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัดได้ รับรายชื'อผู้สมัครจากคณะกรรมการสรรหาแล้ว ให้หัวหน้าสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทน พรรคการเมืองประจําจังหวัดจัดการประชุมสมาชิกเพื'อรับฟvงความคิดเห็นและให้สมาชิกให้ ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบตามรายชื'อที'คณะกรรมการสรรหาส่งมา ทั.,งนี., ตาม หลักเกณฑ์และวิธีการที'คณะกรรมการกําหนด
ให้สาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัดส่ง รายชื'อผู้สมัครในแต่ละเขตเลือกตั.,งทั.,งที'ได้รับความเห็นชอบและไม่ได้รับความเห็นชอบ พร้อมความคิดเห็นตาม (๓) ให้คณะกรรมการสรรหาเพื'อพิจารณาเสนอความคิดเห็น
ให้คณะกรรมการสรรหาส่งรายชื'อผู้สมัครของแต่ละเขตเลือกตั.,งพร้อม ความคิดเห็นตาม (๓) และ (๔) ให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองเพื'อพิจารณาให้ ความเห็นชอบบุคคลที'จะเสนอให้เปป็นผู้สมัครรับเลือกตั.,ง
การสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบ บัญชีรายชื'อ ให้ดําเนินการตามวิธีการ ดังต่อไปนี.,
ให้คณะกรรมการสรรหากําหนดวัน เวลา และสถานที'ในการสมัครและ การเสนอรายชื'อบุคคลเปป็นผู้สมัครรับเลือกตั.,ง และมีหนังสือแจ้งไปยังคณะกรรมการบริหาร พรรคการเมือง หัวหน้าสาขาพรรคการเมือง ตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัด และ ประกาศให้สมาชิกทราบเปป็นการทั'วไป
ให้กรรมการบริหารพรรคการเมือง หัวหน้าสาขาพรรคการเมือง หรือ ตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัด เสนอรายชื'อผู้สมัครรับเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรแบบบัญชีรายชื'อให้คณะกรรมการสรรหา
เมื'อพ้นกําหนดเวลารับสมัครและเสนอรายชื'อตาม (๑) แล้ว ให้คณะ กรรมการสรรหาตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามและจัดทําบัญชีรายชื'อผู้สมัคร รับเลือกตั.,งไม่เกินหนึ'งร้อยรายชื'อ โดยต้องคํานึงถึงผู้สมัครรับเลือกตั.,งจากภูมิภาคต่าง ๆ และความเท่าเทียมกันระหว่างชายและหญิง แล้วส่งบัญชีรายชื'อดังกล่าวให้สาขา พรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัด
เมื'อสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัดได้ รับบัญชีรายชื'อผู้สมัครรับเลือกตั.,งตาม (๓) จากคณะกรรมการสรรหาแล้ว ให้หัวหน้าสาขา พรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัด จัดการประชุมสมาชิกเพื'อรับฟvง ความคิดเห็นและให้สมาชิกให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบตามรายชื'อที'คณะ กรรมการสรรหาส่งมา ทั.,งนี., ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที'คณะกรรมการกําหนด แล้วส่ง บัญชีรายชื'อดังกล่าวทั.,งที'ได้รับความเห็นชอบและไม่ได้รับความเห็นชอบพร้อมความคิดเห็น ให้คณะกรรมการสรรหาเพื'อพิจารณาจัดทําบัญชีรายชื'อผู้สมัครรับเลือกตั.,งพร้อมเสนอ ความคิดเห็น
ให้คณะกรรมการสรรหาส่งบัญชีรายชื'อผู้สมัครรับเลือกตั.,งพร้อมความ คิดเห็นตาม (๔) ให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองเพื'อพิจารณาให้ความเห็นชอบ บุคคลที'เหมาะสมเปป็นผู้สมัครรับเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื'อแล้วจัด ลําดับตามที'เห็นว่าเหมาะสมเพื'อให้ได้บัญชีรายชื'อผู้สมัครรับเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรแบบบัญชีรายชื'อ เพื'อประโยชน์ในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสมาชิก ในกรณีที'สมาชิกผู้ ใดมีภูมิลําเนาอยู่ในจังหวัดที'ยังมิได้มีการจัดตั.,งสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทน พรรคการเมืองประจําจังหวัด ให้สามารถใช้สิทธิการเปป็นสมาชิกในจังหวัดใกล้เคียงที'มีสาขา พรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัดตามที'กําหนดในข้อบังคับ
(ยกเลิก)
ห้ามมิให้ตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัด หัวหน้า สาขาพรรคการเมือง หรือกรรมการบริหารพรรคการเมืองผู้ใดยินยอมให้บุคคลใดที'มิได้เปป็น สมาชิกของพรรคการเมืองเข้าแสดงความคิดเห็นในที'ประชุมหรือให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ ความเห็นชอบในการดําเนินการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั.,งตามมาตรา ๕๐ หรือมาตรา ๕๑
การสรรหาตามมาตรา ๕๐ หรือส่งบัญชีรายชื'อผู้สมัครรับเลือกตั.,งแบบบัญชีรายชื'อตาม มาตรา ๕๑ เมื'อหัวหน้าพรรคการเมืองออกหนังสือรับรองตามวรรคหนึ'งหรือส่งบัญชี รายชื'อผู้สมัครรับเลือกตั.,งแบบบัญชีรายชื'อแล้ว แม้ภายหลังจะปรากฏว่ามิได้มีการดําเนิน การตามมาตรา ๕๐ หรือมาตรา ๕๑ แล้วแต่กรณี หรือดําเนินการไม่ครบถ้วน ไม่ทําให้การ สมัครรับเลือกตั.,งนั.,นเสียไป แต่ถ้าคณะกรรมการทราบถึงการไม่ดําเนินการดังกล่าว ให้เปป็น หน้าที'ของคณะกรรมการที'จะต้องกล่าวโทษหัวหน้าพรรคการเมืองและกรรมการบริหาร พรรคการเมืองนั.,นต่อพนักงานสอบสวน ซึ'งมีเขตอํานาจเพื'อดําเนินการตามอํานาจหน้าที'ต่อ ไป
วงเงินที'ต้องใช้ และที'มาของเงินที'จะใช้ในการดําเนินการ (๒) ความคุ้มค่าและประโยชน์ในการดําเนินนโยบาย
ผลกระทบและความเสี'ยงในการดําเนินนโยบาย ในกรณีพรรคการเมืองไม่ได้จัดทํารายการตามวรรคหนึ'ง ให้คณะ กรรมการสั'งให้ดําเนินการให้ครบถ้วนและถูกต้องภายในระยะเวลาที'กําหนด
หัวหน้าสาขาพรรคการเมือง และตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัด ต้องจัดให้มีบัญชีรับและจ่ายเงินของสาขาพรรคการเมืองหรือที'ตัวแทนพรรคการเมือง ประจําจังหวัดได้รับหรือจ่าย แล้วแต่กรณี และจัดทําบัญชีรายชื'อพร้อมที'อยู่ของสมาชิกที'มี ภูมิลําเนาในเขตจังหวัดซึ'งเปป็นที'ตั.,งของสาขาพรรคการเมืองหรือในเขตจังหวัดที'ตนเปป็น ตัวแทน แล้วแต่กรณี ตามที'คณะกรรมการกําหนด
บัญชีรายวันแสดงรายได้หรือรายรับและแสดงค่าใช้จ่ายหรือรายจ่าย (๒) บัญชีแสดงรายรับจากการบริจาค
บัญชีแยกประเภท
บัญชีแสดงสินทรัพย์และหนี.,สิน การลงรายการบัญชีตามวรรคหนึ'งต้องมีรายการและเอกสารประกอบการ
การปีดบัญชี ให้จัดทํางบการเงินซึ'งอย่างน้อยต้องประกอบด้วยงบแสดง ฐานะทางการเงินและงบรายได้และค่าใช้จ่ายของพรรคการเมือง งบแสดงฐานะทางการเงินต้องแสดงรายการสินทรัพย์ หนี.,สิน และทุนของ พรรคการเมืองทั.,งต้องแสดงที'มาของรายได้ตามมาตรา ๖๒ และค่าใช้จ่ายในการดําเนิน การของพรรคการเมืองไว้โดยชัดเจน โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในการเลือกตั.,ง และรายการอื'น ตามที'คณะกรรมการกําหนด งบการเงินของพรรคการเมืองต้องจัดให้มีผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตรวจ สอบและรับรองการสอบบัญชี
งบการเงินซึ'งที'ประชุมใหญ่ของพรรคการเมืองอนุมัติแล้วให้หัวหน้า พรรคการเมืองรับรองความถูกต้องร่วมกับเหรัญญิกพรรคการเมือง และส่งให้แก่นาย ทะเบียนภายในสามสิบวันนับแต่วันที'ที'ประชุมใหญ่ของพรรคการเมืองอนุมัติพร้อมทั.,งบัญชี ตามมาตรา ๕๙ เมื'อได้รับงบการเงินตามวรรคสองแล้ว ให้นายทะเบียนประกาศให้ ประชาชนทราบเปป็นการทั'วไป พรรคการเมืองใดที'จดทะเบียนยังไม่ถึงหนึ'งร้อยแปดสิบวันนับถึงวันสิ.,น ปั"ปฏิทิน ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องดําเนินการตามวรรคหนึ'งสําหรับปั"นั.,น
บังคับ
เงินทุนประเดิมตามมาตรา ๙ วรรคสอง
เงินค่าธรรมเนียมและค่าบํารุงพรรคการเมืองตามที'กําหนดในข้อ
เงินที'ได้จากการจําหน่ายสินค้าหรือบริการของพรรคการเมือง
เงิน ทรัพย์สิน และประโยชน์อื'นใดที'ได้จากการจัดกิจกรรมระดมทุน ของพรรคการเมือง
เงิน ทรัพย์สิน และประโยชน์อื'นใดที'ได้จากการรับบริจาค (๖) เงินอุดหนุนจากกองทุน
ดอกผลและรายได้ที'เกิดจากเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื'นใดของ พรรคการเมือง การได้มาซึ'งรายได้ตาม (๒) (๓) (๔) และ (๕) ต้องมีใบเสร็จรับเงิน หรือ หลักฐานการได้มาซึ'งรายได้นั.,นเปป็นหนังสือ ทั.,งนี., ตามแบบที'คณะกรรมการกําหนด การจําหน่ายสินค้าหรือบริการตาม (๓) และการจัดกิจกรรมระดมทุนของ พรรคการเมืองตาม (๔) ต้องเปป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื'อนไขที'คณะกรรมการ กําหนด รายได้ของพรรคการเมืองจะนําไปใช้เพื'อการอื'นใด นอกจากการดําเนิน งานของพรรคการเมืองมิได้
ให้หัวหน้าพรรคการเมืองประกาศให้ประชาชนทราบเปป็นการทั'วไปถึง จํานวนและที'มาของเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื'นใดที'ได้มาจากกิจกรรมดังกล่าว และให้ มีหนังสือแจ้งนายทะเบียนทราบด้วย ทั.,งนี., ภายในสามสิบวันนับแต่วันที'กิจกรรมดังกล่าวสิ.,น สุดลง ประกาศและหนังสือแจ้งตามวรรคสอง ให้ระบุชื'อบุคคลผู้สนับสนุนเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื'นใดที'มีมูลค่าหนึ'งแสนบาทขึ.,นไปด้วย
การประเมินมูลค่าของสิ'งที'ได้รับบริจาคตามวรรคหนึ'ง ให้เปป็นไปตามที' คณะกรรมการกําหนด
พรรคการเมืองจะรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื'นใดซึ'งมีมูลค่า เกินวรรคหนึ'งมิได้
กิจกรรมของพรรคการเมืองตามวรรคหนึ'ง หมายความรวมถึงการดําเนิน งานทางการเมืองของพรรคการเมือง สาขาพรรคการเมือง ตัวแทนพรรคการเมืองประจํา จังหวัด สมาชิก หรือผู้สมัครรับเลือกตั.,งด้วย
ถ้าสิ'งของที'ได้รับบริจาคตามวรรคหนึ'งไม่อาจนําส่งพรรคการเมืองได้หรือ เปป็นของสดเสียได้ ให้ผู้สมัครรับเลือกตั.,งผู้นั.,นแจ้งให้พรรคการเมืองทราบเพื'อบันทึกมูลค่า ของสิ'งนั.,นไว้เปป็นค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั.,งของผู้สมัครผู้นั.,น ในกรณีที'ผู้สมัครรับเลือกตั.,งผู้ใดมีเหตุสงสัยว่าเงิน ทรัพย์สิน หรือ ประโยชน์อื'นใดที'ตนได้รับเปป็นไปเพื'อประโยชน์ในการดําเนินกิจกรรมของพรรคการเมือง หรือเพื'อใช้ในการเลือกตั.,งตามวรรคหนึ'ง หรือเปป็นสิ'งของตามวรรคสองหรือไม่ ให้ส่งเรื'องให้ คณะกรรมการวินิจฉัย ซึ'งคณะกรรมการต้องวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันที' ได้รับเรื'อง
ให้กรมสรรพากรจัดทํารายชื'อพรรคการเมืองที'ได้รับการระบุตามวรรค หนึ'งพร้อมจํานวนเงินที'แต่ละพรรคการเมืองจะได้รับการอุดหนุนจากการแสดงเจตนาตาม วรรคหนึ'งทั.,งหมดส่งให้นายทะเบียน และโอนเงินดังกล่าวให้กองทุนภายในเดือนกันยายน ของทุกปั"เพื'อโอนต่อให้พรรคการเมืองที'ได้รับอุดหนุนตามมาตรานี., ทั.,งนี., ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที'คณะกรรมการและกรมสรรพากรจะได้ตกลงกัน
สําหรับนิติบุคคล วิธีการขอหักค่าลดหย่อนตามวรรคหนึ'ง ให้เปป็นไปตามที'อธิบดีกรม สรรพากรกําหนด เพื'อประโยชน์ในการหักค่าลดหย่อน ให้ถือว่าการสนับสนุนเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื'นใดตามมาตรา ๖๔ เปป็นเงินบริจาคตามวรรคหนึ'ง
บุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทย
นิติบุคคลตามกฎหมายต่างประเทศที'ประกอบธุรกิจหรือกิจการหรือ จดทะเบียนสาขาอยู่ใน หรือนอกราชอาณาจักร
นิติบุคคลที'จดทะเบียนในราชอาณาจักรโดยมีบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทย มีทุนหรือเปป็นผู้ถือหุ้นเกินกว่าร้อยละสี'สิบเก้า ในกรณีที'เปป็นบริษัทมหาชนจํากัดที'จดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้พิจารณาตามที'ปรากฏในทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัท ดังกล่าว หุ้นที'ไม่ปรากฏชื'อผู้ถือหรือถือโดยตัวแทนของบุคคลที'ไม่เปีดเผยชื'อ ให้ถือว่าเปป็น หุ้นที'ถือโดยผู้ไม่มีสัญชาติไทย
คณะบุคคล หรือนิติบุคคลที'ได้รับทุนหรือได้รับเงินอุดหนุนจากต่าง ประเทศซึ'งมีวัตถุประสงค์ดําเนินกิจการเพื'อประโยชน์ของบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทยหรือซึ'งมี ผู้จัดการหรือกรรมการเปป็นบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทย
บุคคล คณะบุคคล หรือนิติบุคคลที'ได้รับบริจาคเพื'อดําเนินกิจการของ พรรคการเมือง หรือเพื'อดําเนินกิจกรรมทางการเมืองจากบุคคล คณะบุคคล หรือนิติบุคคล ตาม (๑) (๒) (๓) หรือ (๔)
บุคคล คณะบุคคล หรือนิติบุคคลที'มีลักษณะทํานองเดียวกันกับ (๑) (๒) (๓) (๔) หรือ (๕) ตามที'คณะกรรมการกําหนด ความในวรรคหนึ'งไม่ใช้บังคับกับกรณีสมาชิกรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือ ประโยชน์อื'นใดดังกล่าวที'มิใช่เพื'อดําเนินกิจกรรมทางการเมือง
กิจการที'รัฐถือหุ้นใหญ่ตามวรรคหนึ'งให้หมายถึงกิจการที'รัฐเปป็นหุ้นส่วน หรือถือหุ้นอยู่เปป็นจํานวนมากที'สุดในบรรดาผู้เปป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นรายอื'น ๆ หรือมี จํานวนถึงหนึ'งในสามของหุ้นส่วนหรือหุ้นทั.,งหมดของนิติบุคคลนั.,น ความในวรรคหนึ'งให้ใช้บังคับกับวัด หรือนิติบุคคลอื'นที'มีวัตถุประสงค์เพื'อ การศาสนา และองค์กรทางศาสนาไม่ว่าจะมีสถานะเปป็นนิติบุคคลหรือไม่ด้วย โดยคณะ กรรมการจะกําหนดให้ใช้บังคับกับนิติบุคคลอื'นที'มีวัตถุประสงค์เพื'อประโยชน์สาธารณะ หรือนิติบุคคลที'มิได้มีวัตถุประสงค์เพื'อหากําไรมาแบ่งปvนกันด้วยก็ได้
ให้พรรคการเมืองมีหน้าที'ปฏิบัติให้เปป็นไปตามคําสั'งของคณะกรรมการ
กองทุนประกอบด้วยเงินและทรัพย์สิน ดังต่อไปนี.,
เงิน ทรัพย์สิน สิทธิ หนี.,สิน ภาระผูกพัน และงบประมาณที'โอนมาตาม
เงินที'ได้รับจากงบประมาณรายจ่าย
เงินที'ได้รับมาจากกรมสรรพากรตามมาตรา ๖๙
เงินค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั.,งตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
เงินและดอกเบี.,ยที'เรียกคืนจากผู้ซึ'งต้องรับผิดในการจัดให้มีการเลือก ตั.,งใหม่อันเนื'องจากการเลือกตั.,งไม่เปป็นไปโดยสุจริตหรือเที'ยงธรรม
เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื'นใดที'พรรคการเมืองได้มาโดยฝ'าฝ"Iน หรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,
เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื'นใดที'ตกเปป็นของกองทุนตามมาตรา ๙๕ และมาตรา ๑๒๕
เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื'นใดที'มีผู้มอบให้ แต่กองทุนจะรับมอบ เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื'นใดจากบุคคลตามมาตรา ๗๔ มิได้
ดอกผลและรายได้ที'เกิดจากเงิน ทรัพย์สิน และประโยชน์อื'นใด ของกองทุน เงินตาม (๓) ให้จัดสรรให้พรรคการเมืองที'ผู้เสียภาษีเงินได้แสดงเจตนาไว้ ตามที'อธิบดีกรมสรรพากรแจ้งให้นายทะเบียนทราบตามมาตรา ๖๙ เงินของกองทุนให้ใช้ได้เฉพาะเพื'อการอันเปป็นวัตถุประสงค์ของกองทุนและ ตามที'บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,
ในการจัดสรรเงินสนับสนุนแก่พรรคการเมือง การบริหาร และควบคุมดูแล กองทุนให้คณะกรรมการแต่งตั.,งคณะกรรมการกองทุนขึ.,นคณะหนึ'งเพื'อทําหน้าที'แทน ประกอบด้วย ประธานกรรมการการเลือกตั.,ง เปป็นประธานกรรมการ กรรมการการเลือกตั.,ง ซึ'งคณะกรรมการมอบหมายหนึ'งคน ผู้แทนกระทรวงการคลังหนึ'งคน ผู้แทนสํานักงบ ประมาณหนึ'งคน และผู้ทรงคุณวุฒิจํานวนสองคนเปป็นกรรมการ และให้นายทะเบียนเปป็น กรรมการและเลขานุการ วาระการดํารงตําแหน่ง เบี.,ยประชุม การพ้นจากตําแหน่งของกรรมการ กองทุนผู้ทรงคุณวุฒิและการประชุมของคณะกรรมการกองทุน ให้เปป็นไปตามที'คณะ กรรมการกําหนด ในกรณีที'คณะกรรมการกองทุนมีองค์ประกอบไม่ครบตามวรรคสองไม่ว่า ด้วยเหตุใดให้คณะกรรมการกองทุนปฏิบัติหน้าที'ต่อไปได้ โดยให้ถือว่าคณะกรรมการ กองทุนประกอบด้วยกรรมการเท่าที'มีอยู่
เงินที'ได้รับจากกรมสรรพากรตามมาตรา ๖๙
เงินที'ได้รับจากงบประมาณรายจ่ายตามมาตรา ๗๘ (๒) ไม่น้อยกว่า ร้อยละห้าสิบแต่ไม่เกินร้อยละเจ็ดสิบ
เงินค่าธรรมเนียมตามมาตรา ๗๘ (๔) ไม่เกินร้อยละห้าสิบ (๔) เงินที'ได้รับจากการเรียกคืนตามมาตรา ๗๘ (๕) ที'ได้รับใน ปั"งบประมาณก่อนหน้านั.,นไม่เกินร้อยละเจ็ดสิบ
เงินหรือทรัพย์สินที'มีผู้มอบให้ตามมาตรา ๗๘ (๘) ถ้าผู้มอบให้ระบุ วัตถุประสงค์ว่าให้แก่พรรคการเมืองหรือเพื'อการอื'น ให้นํามาจัดสรรตามที'ผู้มอบให้ระบุ วัตถุประสงค์ไว้ ถ้าผู้มอบให้มิได้ระบุวัตถุประสงค์ไว้ ให้นํามาจัดสรรไม่เกินร้อยละเจ็ดสิบ
ดอกผลของกองทุนตามมาตรา ๗๘ (๙) ไม่เกินร้อยละแปดสิบ มาตรา ๘๒ เงินกองทุนดังต่อไปนี., ให้นํามาจัดสรรเพื'อใช้จ่ายเพื'อการ บริหารกองทุนและการดําเนินกิจการของคณะกรรมการและสํานักงานเฉพาะในส่วนที'เกี'ยว กับกิจการอันเปป็นวัตถุประสงค์ของกองทุน รวมทั.,งค่าใช้จ่ายในการชําระบัญชีตามที' สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดินเรียกเก็บ
เงินที'ได้รับจากงบประมาณรายจ่ายตามมาตรา ๗๘ (๒) ไม่เกินร้อยละ สามสิบ
เงินค่าธรรมเนียมตามมาตรา ๗๘ (๔) ไม่เกินร้อยละห้าสิบ (๓) เงินหรือทรัพย์สินตามมาตรา ๗๘ (๖)
เงินหรือทรัพย์สินตามมาตรา ๗๘ (๗)
ดอกผลของกองทุนตามมาตรา ๗๘ (๙) ไม่เกินร้อยละยี'สิบ
เงินหรือทรัพย์สินที'มีผู้มอบให้ที'ระบุให้แก่คณะกรรมการหรือสํานักงาน หรือไม่เกินร้อยละสามสิบของเงินที'มีผู้มอบให้โดยมิได้ระบุวัตถุประสงค์ การใช้จ่ายเงินตามวรรคหนึ'ง ให้เปป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื'อนไข ที'คณะกรรมการกําหนด แต่การนําไปใช้เพื'อการเดินทางไปต่างประเทศไม่ว่าในกรณีใด ๆ จะกระทํามิได้ เงินที'เหลือจากการใช้จ่ายของทุกปั" ให้นําส่งคืนเข้ากองทุน
เงินจัดสรรตามมาตรา ๘๑ (๑) ให้จัดสรรให้พรรคการเมืองตามที'ผู้เสีย ภาษีได้ระบุไว้
ร้อยละสี'สิบของวงเงินจัดสรรนอกจาก (๑) ให้จัดสรรให้ตามจํานวน เงินค่าบํารุงพรรคการเมืองที'พรรคการเมืองได้รับ โดยแต่ละพรรคการเมืองให้ได้รับตาม อัตราส่วนระหว่างจํานวนเงินค่าบํารุงพรรคการเมืองที'ทุกพรรคการเมืองได้รับรวมกันในปั" ที'ผ่านมาต่อจํานวนเงินค่าบํารุงที'พรรคการเมืองนั.,น ๆ ได้รับมาในปั"ที'ผ่านมา แต่เงินที' จัดสรรให้ต้องไม่เกินเงินค่าบํารุงพรรคการเมืองที'พรรคการเมืองนั.,นได้รับจากสมาชิกในปั"ที' ผ่านมา
ร้อยละสี'สิบของวงเงินจัดสรรนอกจาก (๑) ให้จัดสรรให้ตามคะแนน เสียงที'พรรคการเมืองได้รับจากการเลือกตั.,งทั'วไปสําหรับปั"ถัดจากปั"ที'มีการเลือกตั.,งทั'วไป โดยแต่ละพรรคการเมืองให้ได้รับตามอัตราส่วนระหว่างคะแนนเสียงที'ทุกพรรคการเมืองได้ รับรวมกันต่อคะแนนเสียงที'พรรคการเมืองนั.,นได้รับ สําหรับปั"อื'นให้จัดสรรให้ พรรคการเมืองตามสัดส่วนที'พรรคการเมืองทุกพรรคได้รับการจัดสรรตามอัตราส่วนเงิน บริจาคทั.,งหมดตามมาตรา ๖๙ ต่อเงินที'พรรคการเมืองนั.,นได้รับ
ร้อยละยี'สิบของวงเงินจัดสรรนอกจาก (๑) ให้จัดสรรตามจํานวนสาขา พรรคการเมืองโดยแต่ละพรรคการเมืองให้ได้รับตามอัตราส่วนระหว่างจํานวนสาขา พรรคการเมืองของทุกพรรคการเมืองรวมกันในปั"ที'ผ่านมาต่อจํานวนสาขาพรรคการเมือง ของพรรคการเมืองนั.,น ๆ ในปั"ที'ผ่านมา
ในกรณีที'ต้องมีการจัดการเลือกตั.,งใหม่อันเปป็นผลจากการกระทํา ของ สมาชิกของพรรคการเมืองใด เมื'อได้วงเงินที'จะต้องได้รับจากการจัดสรรให้พรรคการเมือง นั.,นตาม (๑) (๒) (๓) และ (๔) แล้ว ให้หักจํานวนเงินที'คณะกรรมการยื'นฟ..องให้สมาชิกผู้นั.,น ชดใช้คืนออกจากเงินจัดสรรของพรรคการเมืองและส่งคืนเข้ากองทุนก่อน ถ้าภายหลังมีคํา พิพากษาอันถึงที'สุดปรากฏว่าผู้นั.,นไม่ต้องรับผิด หรือรับผิดน้อยกว่าที'คณะกรรมการยื'น ฟ..อง ให้คณะกรรมการกองทุนจ่ายเงินคืนให้แก่พรรคการเมืองนั.,นตามหลักเกณฑ์และวิธี การที'คณะกรรมการกําหนด ถ้าเงินที'จัดสรรให้มีไม่พอให้ดําเนินการหักจากเงินจัดสรรในปั" ต่อ ๆ ไปจนครบ ทั.,งนี., ไม่ตัดสิทธิพรรคการเมืองที'จะไล่เบี.,ยเอาจากสมาชิกที'ต้องรับผิดตาม คําพิพากษา ในกรณีที'พรรคการเมืองใดมิได้ดําเนินการตามมาตรา ๒๓ และเมื'อคณะ กรรมการได้แจ้งเตือนแล้วยังมิได้ปฏิบัติตาม คณะกรรมการอาจลดจํานวนเงินที'จะจัดสรร ให้พรรคการเมืองนั.,น ตามหลักเกณฑ์และเงื'อนไขที'คณะกรรมการกําหนดก็ได้ เงินที'เหลือจากการจัดสรรให้ส่งคืนเข้ากองทุน
เพื'อประโยชน์ในการดําเนินงาน พรรคการเมืองจะส่งรายละเอียดการใช้ จ่ายเงินให้นายทะเบียนทราบก่อนก็ได้ ในกรณีที'นายทะเบียนเห็นว่าการใช้จ่ายเงินรายการ ใดไม่เปป็นไปเพื'อประโยชน์ตามวรรคหนึ'ง ให้แจ้งให้พรรคการเมืองทราบ คณะกรรมการจะกําหนดให้พรรคการเมืองใช้เงินที'ได้รับจัดสรรตามวรรค หนึ'งแต่ละด้านตามสัดส่วนที'กําหนดก็ได้ พรรคการเมืองจะใช้จ่ายเงินที'ได้รับตามวรรคหนึ'งไปเพื'อเปป็นค่าใช้จ่ายใน การบริหารพรรคการเมืองหรือเพื'อจ้างบุคลากรของพรรคการเมืองหรือค่าใช้จ่ายอื'นทํานอง เดียวกันตามที'คณะกรรมการกําหนดมิได้ เว้นแต่เปป็นเงินที'ได้รับตามมาตรา ๘๓ (๔) แต่การ ใช้จ่ายเงินนั.,นจะต้องเปป็นไปเพื'อประโยชน์ในการดําเนินกิจการของสาขาพรรคการเมือง เท่านั.,น ให้สํานักงานจัดให้มีการติดตามประเมินผลการใช้จ่ายเงินที'ได้รับการ จัดสรรให้เปป็นไปตามวรรคหนึ'ง ทั.,งนี., ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที'คณะกรรมการกําหนด
ถ้านายทะเบียนตรวจสอบรายงานตามมาตรา ๘๔ แล้วปรากฏว่าเปป็นการ รายงานด้วยข้อความอันเปป็นเท็จทั.,งหมดหรือบางส่วน หรือไม่รายงานภายในเวลาที'กําหนด ให้นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการเรียกเงินคืนจากหัวหน้า พรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมือง และให้งดการจัดสรรเงินอุดหนุนในปั" ถัด ๆ ไป จนกว่าจะชําระคืนครบถ้วน
ให้สถานีวิทยุกระจายเสียงและสถานีวิทยุโทรทัศน์ของรัฐจัดสรรเวลาออก อากาศตามที'คณะกรรมการกําหนด
พรรคการเมืองต้องเปีดเผยค่าใช้จ่ายในการโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ การดําเนินกิจกรรมของพรรคการเมืองไม่ว่าในรูปแบบใด ให้สมาชิกและประชาชนทราบ เปป็นการทั'วไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาที'คณะกรรมการกําหนด
ราษฎร ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม และไม่ว่าจะให้เปป็นประจํา หรือเปป็นครั.,งคราว ถ้า การให้หรือรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื'นใดนั.,นไม่เปป็นความผิดตามมาตรา ๑๔๔ หรือ มาตรา ๑๔๙ แห่งประมวลกฎหมายอาญาให้พรรคการเมือง ผู้บริหารพรรคการเมือง หรือ บุคคลนั.,น แล้วแต่กรณี แจ้งให้นายทะเบียนทราบถึงการให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื'น ใดนั.,น ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาที'นายทะเบียนกําหนด และให้ประกาศให้ ประชาชนทราบเปป็นการทั'วไปด้วย ห้ามมิให้สมาชิกซึ'งดํารงตําแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื'นใดจากบุคคลใดโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย เว้นแต่ เงินที'ได้มีการแจ้งไว้ตามวรรคหนึ'ง
สิ.,นสภาพความเปป็นพรรคการเมืองตามมาตรา ๙๑ (๒) ศาลรัฐธรรมนูญสั'งยุบพรรคการเมืองตามมาตรา ๙๒
มีการควบรวมพรรคการเมืองตามหมวด ๙ การควบรวม พรรคการเมือง
ตามมาตรา ๑๗ วรรคสาม หรือไม่สามารถดําเนินการตามมาตรา ๓๓ (๑) หรือ (๒) ได้ ภายในระยะเวลาที'กําหนด
ภายหลังจากที'ได้รับการจดทะเบียนพรรคการเมืองมีจํานวนสมาชิก เหลือไม่ถึงตามที'กําหนดในมาตรา ๓๓ (๑) ติดต่อกันเกินเก้าสิบวัน
ภายหลังจากที'ดําเนินการครบตามมาตรา ๓๓ (๒) มีจํานวนสาขา พรรคการเมืองเหลือไม่ถึงภาคละหนึ'งสาขาเปป็นระยะเวลาติดต่อกันหนึ'งปั"
ไม่มีการประชุมใหญ่พรรคการเมืองหรือไม่มีการดําเนินกิจกรรมใด ทางการเมืองเปป็นระยะเวลาติดต่อกันหนึ'งปั"โดยมิได้มีเหตุอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย
ไม่ส่งสมาชิกลงสมัครรับเลือกตั.,งเปป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการ เลือกตั.,งทั'วไปสองครั.,งติดต่อกันหรือเปป็นเวลาแปดปั"ติดต่อกัน สุดแต่ระยะเวลาใดจะยาวกว่า กัน
มีหนี.,สินล้นพ้นตัวตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย (๗) พรรคการเมืองเลิกตามข้อบังคับ เมื'อปรากฏต่อนายทะเบียนหรือมีผู้แจ้งต่อนายทะเบียนว่าพรรคการเมือง ใดสิ.,นสภาพตามวรรคหนึ'ง ให้นายทะเบียนดําเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ถ้าเห็นว่ามีกรณี ที'เปป็นเหตุให้พรรคการเมืองสิ.,นสภาพตามวรรคหนึ'ง ให้เสนอคณะกรรมการพิจารณา ถ้า คณะกรรมการเห็นว่ามีกรณีดังกล่าวเกิดขึ.,น ให้คณะกรรมการประกาศการสิ.,นสภาพของ พรรคการเมืองนั.,นในราชกิจจานุเบกษา ในกรณีเช่นนี.,ให้พรรคการเมืองนั.,นสิ.,นสภาพตั.,งแต่ วันที'ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปป็นต้นไป ในกรณีที'หัวหน้าพรรคการเมืองที'ถูกประกาศว่าสิ.,นสภาพตามวรรคสองไม่ เห็นด้วยกับการประกาศของคณะกรรมการตามวรรคสอง ให้ยื'นคําร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื'อพิจารณาวินิจฉัยภายในสามสิบวันนับแต่วันที'ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื'อประโยชน์ในการคุ้มครองสมาชิกที'เปป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ ถือว่าการสิ.,นสภาพของพรรคการเมืองตามมาตรานี., เปป็นการถูกยุบพรรคการเมือง
ใดกระทําการอย่างใดอย่างหนึ'งดังต่อไปนี., ให้ยื'นศาลรัฐธรรมนูญเพื'อสั'งยุบพรรคการเมือง นั.,น
กระทําการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษัตริย์ทรงเปป็นประมุข หรือเพื'อให้ได้มาซึ'งอํานาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ'ง มิได้เปป็นไปตามวิถีทางที'บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
กระทําการอันอาจเปป็นปฏิปvกษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเปป็นประมุข
กระทําการฝ'าฝ"Iนมาตรา ๒๐ วรรคสอง มาตรา ๒๘ มาตรา ๓๐ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๔ มาตรา ๔๕ มาตรา ๔๖ มาตรา ๗๒ หรือมาตรา ๗๔
มีเหตุอันจะต้องยุบพรรคการเมืองตามที'มีกฎหมายกําหนด เมื'อศาลรัฐธรรมนูญดําเนินการไต่สวนแล้ว มีหลักฐานอันควรเชื'อได้ว่า พรรคการเมืองกระทําการตามวรรคหนึ'ง ให้ศาลรัฐธรรมนูญสั'งยุบพรรคการเมือง และเพิก ถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั.,งของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั.,น
กําหนด ในการยื'นคําร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๙๒ คณะกรรมการจะยื'น คําร้องเอง หรือจะมอบหมายให้นายทะเบียนเปป็นผู้ยื'นคําร้องและดําเนินคดีแทนก็ได้ และ เพื'อประโยชน์ในการดําเนินคดี นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการจะขอให้ อัยการสูงสุดช่วยเหลือดําเนินการในชั.,นการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญจนกว่าจะเสร็จสิ.,น ก็ได้ ในกรณีที'เห็นสมควร ศาลรัฐธรรมนูญจะสั'งให้พรรคการเมืองระงับการก ระทําใดไว้เปป็นการชั'วคราวตามคําร้องขอของคณะกรรมการ นายทะเบียน หรืออัยการ สูงสุด แล้วแต่กรณี ก็ได้
ห้ามมิให้ผู้ซึ'งเคยดํารงตําแหน่งกรรมการบริหารของพรรคการเมืองที'ถูก ยุบและถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั.,งเพราะเหตุดังกล่าว ไปจดทะเบียนพรรคการเมือง ขึ.,นใหม่ หรือเปป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือมีส่วนร่วมในการจัดตั.,งพรรคการเมือง ขึ.,นใหม่อีก ทั.,งนี., ภายในกําหนดสิบปั"นับแต่วันที'พรรคการเมืองนั.,นถูกยุบ
ให้หัวหน้าพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมืองตามวรรค หนึ'งยังคงต้องปฏิบัติหน้าที'อยู่จนกว่าการชําระบัญชีจะแล้วเสร็จ แต่จะดําเนินกิจกรรม ทางการเมืองในนามพรรคการเมืองที'สิ.,นสภาพหรือยุบมิได้ ให้สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดินมีอํานาจใช้จ่ายเงินของพรรคการเมือง หรือจําหน่ายทรัพย์สินของพรรคการเมืองเพื'อนําเงินมาเปป็นค่าใช้จ่ายในการชําระบัญชีได้ ในกรณีที'พรรคการเมืองนั.,นไม่มีเงิน หรือทรัพย์สินเพียงพอกับค่าใช้จ่ายในการชําระบัญชี ให้คณะกรรมการสั'งจ่ายเงินจากกองทุนตามที'สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดินแจ้งให้ทราบ ในการชําระบัญชีเมื'อได้หักหนี.,สินและค่าใช้จ่ายแล้วยังมีทรัพย์สินเหลืออยู่ เท่าใดให้โอนให้แก่องค์การสาธารณกุศลตามที'ระบุไว้ในข้อบังคับ ถ้าในข้อบังคับไม่ได้ระบุ ไว้ให้ทรัพย์สินที'เหลือนั.,นตกเปป็นของกองทุน ให้นําบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยการชําระ บัญชีห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจํากัด และบริษัทจํากัดมาใช้บังคับแก่การชําระ บัญชีของพรรคการเมืองด้วยโดยอนุโลม
เมื'อที'ประชุมใหญ่ของแต่ละพรรคการเมืองเห็นชอบให้รวมกันแล้ว ให้ หัวหน้าพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมืองจํานวนพรรคการเมืองละสิบคน ประชุมร่วมกันเพื'อดําเนินการร่างข้อบังคับของพรรคการเมืองที'จะจัดตั.,งขึ.,นใหม่ เมื'อได้ดําเนินการตามวรรคสองแล้ว ให้ดําเนินการจัดให้มีการประชุมร่วม กันระหว่างสมาชิกของทุกพรรคการเมืองที'จะรวมกัน เพื'อประชุมตั.,งพรรคการเมืองตาม มาตรา ๑๐ และดําเนินการขอจดทะเบียนจัดตั.,งพรรคการเมืองตามมาตรา ๑๑ การเรียก ประชุมตั.,งพรรคการเมืองต้องแจ้งให้สมาชิกของพรรคการเมืองที'จะรวมกันทราบก่อนวัน ประชุมไม่น้อยกว่าเจ็ดวันและให้ดําเนินการต่อไปตามบทบัญญัติว่าด้วยการจัดตั.,ง พรรคการเมือง
ในกรณีที'คณะกรรมการมีคําสั'งตามวรรคหนึ'งแล้ว ให้นายทะเบียน ประกาศคําสั'ง การสิ.,นสุด และการควบรวมพรรคการเมืองในราชกิจจานุเบกษา
ถ้าผู้กระทําความผิดตามวรรคหนึ'งเปป็นพรรคการเมือง ต้องระวางโทษเปป็น สองเท่าของโทษที'กําหนดไว้ตามวรรคหนึ'ง และให้คณะกรรมการส่งเรื'องให้ศาล รัฐธรรมนูญสั'งยุบพรรคการเมืองนั.,นและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั.,งของหัวหน้า พรรคการเมืองและคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั.,น
ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปั" หรือปรับไม่เกินหกหมื'นบาท หรือทั.,งจําทั.,งปรับ และให้ ศาลสั'งเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งของผู้นั.,นมีกําหนดห้าปั"
ถ้าความผิดตามวรรคหนึ'ง เปป็นการกระทําเพื'อให้ลงหรือขอลงสมัครรับ เลือกตั.,งเปป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต้องระวางโทษจําคุกตั.,งแต่ห้าปั"ถึงสิบปั" หรือปรับ ตั.,งแต่หนึ'งแสนบาทถึงสองแสนบาท หรือทั.,งจําทั.,งปรับ และให้ศาลสั'งเพิกถอนสิทธิสมัครรับ เลือกตั.,งของผู้นั.,น
หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัดแต่ยินยอมรับการแต่งตั.,งเพื'อดํารงตําแหน่งดัง กล่าว ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปั" หรือปรับไม่เกินหกหมื'นบาท หรือทั.,งจําทั.,งปรับ พรรคการเมืองใดแต่งตั.,งบุคคลใดให้ดํารงตําแหน่งตามวรรคหนึ'งโดยรู้ว่า ผู้นั.,นไม่มีคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามสําหรับการดํารงตําแหน่งดังกล่าว ต้องระวาง โทษปรับไม่เกินหนึ'งแสนบาท
ต้อง
ในการดําเนินคดีตามวรรคหนึ'ง ให้ถือว่าสมาชิกของพรรคการเมืองทุกคน เปป็นผู้เสียหาย
(ยกเลิก)
ในกรณีที'พรรคการเมืองกระทํา การฝ'าฝ"Iนมาตรา ๕๔ ให้หัวหน้า พรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมืองของพรรคการเมือง บรรดาที'รู้เห็นกับ การกระทํานั.,น ต้องระวางโทษตามที'กําหนดไว้ในวรรคหนึ'ง
กําหนดห้าปั"
บาท และปรับอีกวันละหนึ'งหมื'นบาทตลอดระยะเวลาที'ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง
ในกรณีที'ผู้กระทําความผิดตามวรรคหนึ'งเปป็นนิติบุคคล ถ้าการกระ ทําความผิดดังกล่าวเกิดจากการสั'งการหรือการกระทําของบุคคลซึ'งรับผิดชอบในการ ดําเนินงานของนิติบุคคล ให้ศาลสั'งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั.,งของบุคคล ซึ'งสั'งการหรือ รับผิดชอบในการดําเนินงานของนิติบุคคลนั.,นด้วย
หรือมาตรา ๗๖ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสิบปั" หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั.,งจํา ทั.,งปรับ ในกรณีที'ผู้กระทําความผิดตามวรรคหนึ'งเปป็นนิติบุคคล ถ้าการกระ ทําความผิดดังกล่าวเกิดจากการสั'งการหรือการกระทําของบุคคลซึ'งรับผิดชอบในการ ดําเนินงานของนิติบุคคล ให้ศาลสั'งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั.,งของบุคคลซึ'งรับผิดชอบ ในการดําเนินงานของนิติบุคคลนั.,น
ความผิดซ구า ให้ศาลสั'งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั.,งของหัวหน้าพรรคการเมืองและ กรรมการบริหารพรรคการเมืองนั.,น
เมื'อผู้ต้องหายินยอมให้เปรียบเทียบและชําระค่าปรับตามที'เปรียบเทียบ ภายในระยะเวลาที'กําหนดแล้ว ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความอาญา ถ้าผู้ต้องหาไม่ยินยอมตามที'เปรียบเทียบ หรือเมื'อยินยอมแล้วไม่ชําระเงิน ค่าปรับภายในระยะเวลาที'กําหนด ให้ดําเนินคดีต่อไป
บทเฉพาะกาล
ให้พรรคการเมืองที'จัดตั.,งหรือเปป็นพรรคการเมืองตามพ ระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๐ และยังดํารงอยู่ใน วันก่อนวันที'พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,ใช้บังคับ เปป็นพรรคการเมืองตามพระ ราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี., และให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองดังกล่าวที' ดํารงตําแหน่งอยู่ในวันก่อนวันที'พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,ใช้บังคับซึ'งมี คุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๒๔ เปป็นสมาชิก และยังคงเปป็นคณะ กรรมการบริหารพรรคการเมืองนั.,นต่อไป และให้สมาชิกซึ'งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้อง ห้ามตามมาตรา ๒๔ และประสงค์จะเปป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั.,นต่อไปมีหนังสือยืนยันการ เปป็นสมาชิกต่อหัวหน้าพรรคการเมืองนั.,น พร้อมทั.,งแสดงหลักฐานการมีคุณสมบัติและไม่มี ลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๒๔ และชําระค่าบํารุงพรรคการเมืองภายในสามสิบวันนับแต่ วันที' ๑ เมษายน ๒๕๖๑ เมื'อพ้นกําหนดเวลาดังกล่าว สมาชิกผู้ใดมิได้มีหนังสือแจ้งยืนยัน การเปป็นสมาชิก ให้เปป็นอันพ้นจากสมาชิกของพรรคการเมืองนั.,น และให้พรรคการเมืองแจ้ง ให้นายทะเบียนทราบภายในสามสิบวันนับแต่วันที'พ้นกําหนดเวลาดังกล่าว
ในวาระเริ'มแรก ให้พรรคการเมืองตามมาตรา ๑๔๐ ดําเนินการในเรื'องและภายในระยะเวลา ดังต่อไปนี.,
จัดให้มีทุนประเดิมจํานวนหนึ'งล้านบาท และแจ้งให้นายทะเบียนทราบ ภายในหนึ'งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที'คําสั'งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที' ๑๓/๒๕๖๑ เรื'อง การดําเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (เพิ'มเติม) ลงวันที' ๑๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๑ มีผลใช้บังคับ
จัดให้มีสมาชิกซึ'งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๒๔ จํานวนไม่น้อยกว่าห้าร้อยคนชําระค่าบํารุงพรรคการเมืองสําหรับปั" พ.ศ. ๒๕๖๑ ภายใน หนึ'งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที'คําสั'งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที' ๑๓/๒๕๖๑ เรื'อง การดําเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (เพิ'มเติม) ลง วันที' ๑๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๑ มีผลใช้บังคับ และให้พรรคการเมืองแจ้งให้นาย ทะเบียนทราบพร้อมด้วยหลักฐานแสดงการชําระค่าบํารุงพรรคการเมืองภายในสิบห้าวัน นับแต่วันพ้นระยะเวลาชําระค่าบํารุงพรรคการเมืองดังกล่าว
จัดให้มีสมาชิกซึ'งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๒๔ ชําระค่าบํารุงพรรคการเมืองให้ได้จํานวนไม่น้อยกว่าห้าพันคนภายในหนึ'งปั"นับแต่วันที' คําสั'งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที' ๑๓/๒๕๖๑ เรื'อง การดําเนินการตาม กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (เพิ'มเติม) ลงวันที' ๑๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๑ มีผลใช้บังคับ และให้ได้จํานวนไม่น้อยกว่าหนึ'งหมื'นคนภายในสี'ปั"นับแต่ วันที'คําสั'งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที' ๑๓/๒๕๖๑ เรื'อง การดําเนินการตาม กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (เพิ'มเติม) ลงวันที' ๑๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๑ มีผลใช้บังคับ และให้นายทะเบียนสมาชิกแจ้งให้นายทะเบียนทราบ ตาม รายการและวิธีการที'นายทะเบียนกําหนด ในกรณีที'คณะกรรมการเห็นว่าพรรคการเมืองไม่สามารถดําเนินการตาม วรรคหนึ'ง (๑) และ (๒) และมาตรา ๑๔๑/๑ (๑) และ (๒) ได้ภายในระยะเวลาที'กําหนด คณะ กรรมการอาจมีมติให้ขยายระยะเวลาดังกล่าวออกไปได้อีกหนึ'งเท่าของระยะเวลาที'กําหนด ไว้ในแต่ละเรื'อง เมื'อครบระยะเวลาตามวรรคหนึ'ง หรือครบระยะเวลาตามมาตรา ๑๔๑/๑ วรรคสี' หรือครบระยะเวลาที'คณะกรรมการมีมติให้ขยาย แล้วแต่กรณี ให้พรรคการเมืองที' ไม่สามารถดําเนินการให้แล้วเสร็จสิ.,นสภาพลง ทั.,งนี., ในระหว่างเวลาที'พรรคการเมืองยัง ปฏิบัติตามวรรคหนึ'ง (๑) และ (๒) และมาตรา ๑๔๑/๑ (๑) และ (๒) ไม่ครบถ้วน จะส่งผู้ สมัครรับเลือกตั.,งไม่ได้ การวินิจฉัยเรื'องใด ๆ ตามมาตรานี.,ที'มีผลกระทบต่อพรรคการเมือง ให้เปป็น อํานาจของคณะกรรมการที'จะวินิจฉัย ในกรณีที'พรรคการเมืองไม่เห็นด้วยกับคําวินิจฉัย ของคณะกรรมการให้ยื'นคําร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื'อวินิจฉัยได้ภายในหกสิบวันนับแต่วัน ได้รับทราบคําวินิจฉัยของคณะกรรมการ
เมื'อมีการประกาศพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ ในราชกิจจานุเบกษา แล้ว ก่อนที'พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรดังกล่าวมีผลใช้บังคับ พรรคการเมืองใดประสงค์จะดําเนินกิจกรรมทางการเมืองใน เรื'องดังต่อไปนี., ให้แจ้งให้คณะกรรมการทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าห้าวัน และเมื'อได้แจ้ง เรื'องดังกล่าวแล้ว ให้ถือว่าได้รับอนุญาตจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติตามประกาศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติและคําสั'งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที'เกี'ยวข้อง
แก้ไขเปลี'ยนแปลงข้อบังคับ คําประกาศอุดมการณ์ทางการเมือง และ นโยบายของพรรคการเมือง ให้ถูกต้องตามที'บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญนี., และให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที'จะมีผลใช้บังคับด้วย พร้อมทั.,งแจ้งรายการตามมาตรา ๓๘
เลือกตั.,งหัวหน้าพรรคการเมือง เลขาธิการพรรคการเมือง เหรัญญิก พรรคการเมือง นายทะเบียนสมาชิก และกรรมการบริหารอื'นของพรรคการเมือง ตามข้อ บังคับตาม (๑) พร้อมทั.,งแจ้งรายการตามมาตรา ๓๘
จัดตั.,งสาขาพรรคการเมืองหรือแต่งตั.,งตัวแทนพรรคการเมืองประจํา จังหวัด พร้อมทั.,งแจ้งรายการตามมาตรา ๓๓ หรือมาตรา ๓๕
รับสมาชิกของพรรคการเมือง
จัดให้มีคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั.,ง และสรรหาผู้สมัครรับ เลือกตั.,งของพรรคการเมือง
มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นเกี'ยวกับการแบ่งเขตเลือกตั.,งตามพระ ราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
กิจกรรมทางการเมืองอื'นที'คณะรักษาความสงบแห่งชาติกําหนด ในกรณีที'ต้องจัดประชุมใหญ่เพื'อการดําเนินกิจกรรมทางการเมืองตาม วรรคหนึ'ง ถ้าองค์ประชุมของที'ประชุมใหญ่ ประกอบด้วยกรรมการบริหารพรรคการเมือง ไม่น้อยกว่ากึ'งหนึ'งของจํานวนกรรมการบริหารพรรคการเมืองเท่าที'มีอยู่ และมีสมาชิกของ พรรคการเมือง ทั.,งนี., มีจํานวนรวมกันทั.,งหมดไม่น้อยกว่าสองร้อยห้าสิบคนแล้ว ให้ถือว่า เปป็นองค์ประชุมดําเนินการดังกล่าวได้ ในกรณีที'พรรคการเมืองตามมาตรา ๑๔๐ ดําเนินการตามวรรคสอง ให้ ดําเนินการตามข้อบังคับพรรคที'ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที'คําสั'งนี.,มีผลใช้บังคับด้วย เว้นแต่ องค์ประชุมของที'ประชุมใหญ่ให้เปป็นไปตามที'วรรคสองกําหนด ให้พรรคการเมืองตามมาตรา ๑๔๐ ดําเนินการตามวรรคหนึ'ง (๑) และ (๒) ให้แล้วเสร็จก่อนครบกําหนดเก้าสิบวันนับแต่วันที'มีการประกาศพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ ในราชกิจจานุเบกษา สําหรับการดําเนินการจัดตั.,งสาขาพรรคการเมืองตามวรรคหนึ'ง (๓) ให้ดําเนินการให้แล้ว เสร็จภายในหนึ'งปั"นับแต่วันที'มีการประกาศพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ ในราชกิจจานุเบกษา
ในระหว่างที'พรรคการเมืองใดยังดําเนินการตามมาตรา ๑๔๑ วรรคหนึ'ง (๑) และ (๒) และมาตรา ๑๔๑/๑ (๑) (๒) และ (๓) ไม่ครบถ้วน ห้ามมิให้ จัดสรรเงินสนับสนุนจากกองทุนเพื'อการพัฒนาพรรคการเมืองให้แก่พรรคการเมืองนั.,น
๘๓ (๓) ให้จัดสรรให้พรรคการเมืองภายหลังจากการเลือกตั.,งทั'วไปครั.,งแรกที'มีขึ.,นภายหลัง จากวันที'พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,ใช้บังคับ
มิให้นํามาตรา ๔๗ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ วรรคหนึ'งและ วรรคสอง มาตรา ๕๐ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๒ มาตรา ๕๓ มาตรา ๕๔ มาตรา ๕๕ และมาตรา ๕๖ มาบังคับใช้กับการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั.,งในการเลือกตั.,งทั'วไปครั.,งแรกที'มีขึ.,นภาย หลังจากวันที'พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,มีผลใช้บังคับ แต่ในการพิจารณาส่งผู้ สมัครรับเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั.,งและแบบบัญชีรายชื'อของ พรรคการเมือง ให้ดําเนินการดังต่อไปนี.,
จัดให้มีคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั.,ง ซึ'งประกอบด้วย กรรมการบริหารพรรคการเมืองจํานวนสี'คน และตัวแทนสมาชิกที'พรรคการเมืองเลือก จํานวนเจ็ดคน มีหน้าที'และอํานาจในการพิจารณาและเสนอคณะกรรมการบริหาร พรรคการเมืองให้ความเห็นชอบ
ในการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั.,งของพรรคการเมืองเพื'อเสนอคณะ กรรมการบริหารพรรคการเมืองให้ความเห็นชอบ นั.,น ให้พิจารณาจากสมาชิกผู้ซึ'งยื'นความ จํานงด้วยตนเองและผู้ซึ'งสมาชิกเสนอ ทั.,งนี., ตามหลักเกณฑ์ที'คณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร รับเลือกตั.,งกําหนด โดยให้คํานึงถึงผู้สมัครรับเลือกตั.,งจากภูมิภาคต่าง ๆ และความเท่าเทียม กันระหว่างชายและหญิงด้วย และให้คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั.,งรับฟvงความ คิดเห็นของหัวหน้าสาขาพรรคการเมืองตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัดและสมาชิกที' เกี'ยวข้องมาประกอบการพิจารณาในการสรรหาด้วย
ในกรณีที'คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองเห็นชอบบุคคลที'คณะ กรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั.,งเสนอ ให้หัวหน้าพรรคการเมืองออกหนังสือรับรองการ ส่งผู้ได้รับการสรรหาเปป็นผู้สมัครรับเลือกตั.,งเพื'อประกอบการสมัครรับเลือกตั.,ง โดยการส่งผู้ สมัครรับเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื'อให้พรรคการเมืองจัดทําบัญชี รายชื'อด้วย
ถ้าคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองไม่ให้ความเห็นชอบบุคคลใดที' คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั.,งเสนอ ให้คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั.,ง ดําเนินการสรรหาบุคคลแทนบุคคลนั.,น หากคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั.,งยืนยัน เสนอชื'อบุคคลเดิมและคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองไม่เห็นชอบด้วย ให้คณะ กรรมการบริหารพรรคการเมืองและคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั.,งประชุมร่วมกัน เมื'อที'ประชุมร่วมกันดังกล่าวมีมติเปป็นประการใดให้ดําเนินการไปตามมตินั.,น การลงมติดัง กล่าวให้กระทําโดยวิธีลงคะแนนลับ
ภายในเจ็ดวันนับแต่วันที'คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองได้ให้ ความเห็นชอบรายชื'อผู้สมัครรับเลือกตั.,งตาม (๓) หรือนับแต่วันที'มีมติเห็นชอบรายชื'อผู้ สมัครรับเลือกตั.,งของที'ประชุมร่วมกันตาม (๔) ให้พรรคการเมืองเปีดเผยรายชื'อผู้ได้รับการ สรรหาเปป็นผู้สมัครรับเลือกตั.,งโดยการประกาศให้ทราบเปป็นการทั'วไป
การส่งผู้สมัครรับเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสําหรับการเลือกตั.,ง ทั'วไปแทนการเลือกตั.,งทั'วไปครั.,งแรกที'เปป็นโมฆะ หรือการเลือกตั.,งใหม่ในกรณีที'ไม่มีผู้ใดได้ รับเลือกตั.,ง หรือกรณีที'ผู้สมัครตายก่อนปีดการรับสมัครรับเลือกตั.,ง หรือกรณีที'ผู้ได้รับเลือก ตั.,งพ้นจากตําแหน่งไม่ว่าด้วยเหตุใดให้ดําเนินการตามมาตรานี.,
พรรคการเมืองนั.,นสามารถส่งผู้สมัครรับเลือกตั.,งได้ทุกเขตเลือกตั.,งในจังหวัดนั.,น
ในการเรียกเก็บค่าบํารุงพรรคการเมืองภายในสามปั"นับ แต่วันที'พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,ใช้บังคับ พรรคการเมืองจะเรียกเก็บค่าบํารุง พรรคการเมืองตJากว่าอัตราที'กําหนดตามมาตรา ๑๕ (๑๕) ก็ได้ แต่ต้องไม่น้อยกว่าห้าสิบ บาท
บังคับ
ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๐ และเพื'อ ประโยชน์แห่งการนี., ให้ถือว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๐ ยังมีผลใช้บังคับอยู่ การกระทําใด ๆ อันเปป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๐ ถ้าการกระทํา นั.,นยังเปป็นความผิดตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญนี.,ให้พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ คณะกรรมการการเลือกตั.,ง และศาล มีอํานาจดําเนินการต่อไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย พรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยให้ถือว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย พรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๐ ยังมีผลใช้บังคับอยู่
ผู้ใดถูกต้องห้ามมิให้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองก่อนวันที'พระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญนี.,ใช้บังคับ และยังไม่พ้นระยะเวลาที'ถูกห้ามดํารงตําแหน่งทางการ เมือง ให้ถือว่าผู้นั.,นถูกห้ามมิให้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญนี.,โดยให้นับต่อเนื'องไปจนครบกําหนดตามระยะเวลาที'ถูกห้ามมิให้ดํารง ตําแหน่งทางการเมือง
ในระหว่างดําเนินการตามวรรคหนึ'ง ให้บรรดาระเบียบ ประกาศ ข้อบังคับ และคําสั'งของคณะกรรมการการเลือกตั.,ง หรือของนายทะเบียน ที'ออกตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๐ ยังมีผลใช้บังคับต่อไปเท่าที'ไม่ขัด หรือแย้งต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี., ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับนี., คือ โดยที' รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้บุคคลมีเสรีภาพในการรวมกันจัดตั.,ง พรรคการเมืองตามวิถีทางการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเปป็น ประมุขตามที'กฎหมายบัญญัติ ซึ'งอย่างน้อยต้องมีบทบัญญัติเกี'ยวกับการบริหาร พรรคการเมืองที'ต้องกําหนดให้เปป็นไปโดยเปีดเผยและตรวจสอบได้ เปีดโอกาสให้สมาชิกมี ส่วนร่วมอย่างกว้างขวางในการกําหนดนโยบายและการส่งผู้สมัครรับเลือกตั.,ง และกําหนด มาตรการให้สามารถดําเนินการโดยอิสระไม่ถูกครอบงําหรือชี.,นําโดยบุคคลซึ'งมิได้เปป็น สมาชิกของพรรคการเมือง รวมทั.,งจะต้องมีมาตรการกํากับดูแลมิให้สมาชิกของ พรรคการเมืองกระทําการอันเปป็นการฝ'าฝ"Iนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี'ยวกับการเลือกตั.,ง กรณีจึงสมควรกําหนดวิธีการจัดตั.,งพรรคการเมืองและการดําเนินกิจการของ พรรคการเมืองให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ จึงจําเปป็นต้องตราพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี., คําสั'งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที' ๕๓/๒๕๖๐ เรื'อง การดําเนินการตาม กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ข้อ ๔ ในการดําเนินการตามมาตรา ๑๔๐ และมาตรา ๑๔๑ แห่งพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ ห้ามมิให้พรรคการเมือง ตามมาตรา ๑๔๐ จัดให้มีการประชุมใหญ่ตามมาตรา ๑๔๑ (๔) รวมทั.,งการจัดตั.,งสาขา พรรคการเมืองและตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัดตามมาตรา ๑๔๑ (๕) การประชุม สมาชิกพรรคการเมือง หรือการดําเนินการอื'นใดในทางการเมืองนอกเหนือจากที'กําหนดไว้ ในคําสั'งนี., เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทั.,งนี., ให้นําข้อห้าม ตามข้อ ๒ แห่งประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที' ๕๗/๒๕๕๗ ลงวันที' ๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ และข้อ ๑๒ แห่งคําสั'งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที' ๓/๒๕๕๘ ลงวันที' ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๘ มาใช้บังคับ ข้อ ๕ เพื'อให้การจัดตั.,งพรรคการเมืองขึ.,นใหม่สามารถดําเนินการทาง ธุรการและมีโอกาสเตรียมการเพื'อเข้าสู่ช่วงเวลาการทํากิจกรรมทางการเมืองไปพร้อมกับ พรรคการเมืองที'จัดตั.,งขึ.,นก่อนแล้ว ให้ผู้ที'ประสงค์จะจัดตั.,งพรรคการเมืองขึ.,นใหม่ดําเนิน การตามหมวด ๑ ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้ตั.,งแต่วันที' ๑ มีนาคม ๒๕๖๑ แต่การประชุมเพื'อยื'นคําขอจดทะเบียนจัดตั.,ง พรรคการเมืองตามมาตรา ๑๐ ต้องได้รับอนุญาตจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติและให้ ดําเนินกิจกรรมได้เท่าที'ได้รับอนุญาตหรือตามเงื'อนไขที'คณะรักษาความสงบแห่งชาติ กําหนด ข้อ ๖ ให้คณะกรรมการการเลือกตั.,งหรือนายทะเบียนพรรคการเมืองมี อํานาจกําหนดโดยทําเปป็นประกาศ ระเบียบ หรือคําสั'ง แล้วแต่กรณี เพื'อให้เปป็นไปตามคําสั'ง นี., และจะกําหนดให้การที'พรรคการเมืองจะต้องแจ้งหรือรายงานเรื'องใดต่อคณะกรรมการ การเลือกตั.,งหรือนายทะเบียนพรรคการเมืองอาจกระทําโดยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือผ่านทางสื'ออิเล็กทรอนิกส์แทนการมายื'นด้วยตนเองก็ได้ ข้อ ๗ ในกรณีมีข้อสงสัยเกี'ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ หรือคําสั'งนี., ให้หารือคณะกรรมการการ เลือกตั.,งหรือคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แล้วแต่กรณี ข้อ ๘ เมื'อมีการประกาศพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ เลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ ที'อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติ แห่งชาติ ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้คณะรัฐมนตรีแจ้งคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื'อ พิจารณาแก้ไขเพิ'มเติมหรือยกเลิกกฎหมาย ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือคํา สั'งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อันเปป็นอุปสรรคต่อการดําเนินการของ พรรคการเมือง และร่วมกันจัดทําแผนและขั.,นตอนการดําเนินการทางการเมือง เพื'อนําไปสู่ การเลือกตั.,งทั'วไปที'เปป็นไปตามรัฐธรรมนูญโดยให้หารือกับคณะกรรมการการเลือกตั.,งคณะ กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และจะเชิญผู้แทน พรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองต่าง ๆ เข้าหารือด้วยก็ได้ ข้อ ๙ คําสั'งนี.,ให้ใช้บังคับตั.,งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปป็นต้นไป คําสั'งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที' ๑๓/๒๕๖๑ เรื'อง การดําเนินการตาม กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (เพิ'มเติม) ข้อ ๖ พรรคการเมืองจะดําเนินการประชาสัมพันธ์หรือติดต่อสื'อสารกับผู้ ดํารงตําแหน่งใด ๆ ภายในพรรคการเมืองและสมาชิกของพรรคการเมืองของตน โดยวิธี ผ่านทางเทคโนโลยีสารสนเทศหรือสื'ออิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ แต่การดําเนินการนั.,นต้องไม่มี ลักษณะเปป็นการหาเสียง ทั.,งนี., คณะกรรมการการเลือกตั.,งและคณะรักษาความสงบแห่ง ชาติอาจกําหนดลักษณะต้องห้ามของการประชาสัมพันธ์ หรือการติดต่อสื'อสารที'จะมีผลก ระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือสั'งให้มีการระงับการดําเนินการดังกล่าวก็ได้ ข้อ ๗ เพื'อประโยชน์ของพรรคการเมืองในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั.,งใน การเลือกตั.,งทั'วไปครั.,งแรก เมื'อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้คณะกรรมการ การเลือกตั.,งดําเนินการแบ่งเขตเลือกตั.,งตามหลักเกณฑ์และวิธีการที'พระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าวกําหนด และให้จัดทําและประกาศเขตเลือกตั.,ง ให้แล้วเสร็จ ก่อนวันที'พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าวมีผลใช้บังคับ ข้อ ๘ ในกรณีที'เห็นสมควรนายกรัฐมนตรีอาจเสนอให้คณะรักษาความ สงบแห่งชาติแก้ไขเปลี'ยนแปลงคําสั'งนี.,ได้ ข้อ ๙ คําสั'งนี.,ให้ใช้บังคับตั.,งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปป็นต้นไป พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖
ในกรณีตามวรรคหนึ'ง ถ้าจังหวัดใดที'พรรคการเมืองมีสาขา พรรคการเมืองและตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัดด้วย ให้พรรคการเมืองนั.,นกําหนด ว่าจะให้สาขาพรรคการเมืองสาขาใดหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัดใดในจังหวัด นั.,นเปป็นสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัดเพื'อดําเนินการตาม มาตรา ๕๐ หรือมาตรา ๕๑ แล้วแต่กรณี แล้วให้พรรคการเมืองแจ้งให้นายทะเบียนทราบ
ในวันที'พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,ใช้บังคับ
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับนี., คือ โดยที' บทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ'มเติม (ฉบับที' ๑) พุทธศักราช ๒๕๖๔ ได้กําหนดให้สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจํานวนห้าร้อยคน โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ'งมาจากการเลือกตั.,งแบบแบ่งเขตเลือกตั.,งจํานวนสี'ร้อยคน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ'งมาจากการเลือกตั.,งแบบบัญชีรายชื'อจํานวนหนึ'งร้อยคน และให้มีบัตรเลือกตั.,งสองใบที'ให้ประชาชนมีสิทธิในการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบ บัญชีรายชื'อของพรรคการเมืองและผู้สมัครรับเลือกตั.,งเปป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบ แบ่งเขต การกําหนดจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที'แต่ละจังหวัดจะพึงมีและการแบ่งเขต เลือกตั.,ง การคํานวณสัดส่วนผู้สมัครรับเลือกตั.,งตามบัญชีรายชื'อของแต่ละพรรคการเมืองที' จะได้รับเลือกตั.,งที'เปป็นธรรมต่อพรรคการเมืองและเคารพสิทธิและเสียงของประชาชน จึง สมควรแก้ไขเพิ'มเติมพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ ในส่วนที'เกี'ยวข้องกับค่าธรรมเนียมและค่าบํารุงพรรคการเมือง การส่งผู้สมัครรับ เลือกตั.,ง การสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั.,งแบบแบ่งเขตเลือกตั.,งและแบบบัญชีรายชื'อ จึงจําเปป็น ต้องตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี., พัชรภรณ์ / Maker 3 กุมภาพันธ์ 2566 สุภาทิพย์ / Checker 3 กุมภาพันธ์ 2566 สุภาทิพย์ / Authorizer 3 กุมภาพันธ์ 2566 ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนที' ๑๐๕ ก/หน้า ๑/๗ ตุลาคม ๒๕๖๐
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๓๑๗ ง/หน้า ๗/๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๐ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๒๒๕ ง/หน้า ๒๔/๑๔ กันยายน ๒๕๖๑ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๔๐/ตอนที' ๗ ก/หน้า ๑๓/๒๘ มกราคม ๒๕๖๖