로고

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ให้ไว้ ณ วันที' ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ เปป็นปัที' ๓ ในรัชกาลปีจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระ ราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที'เปป็นการสมควรมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,มีบทบัญญัติบางประการเกี'ยวกับ การจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ'งมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๒๗ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ และมาตรา ๓๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทําได้ โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เหตุผลและความจําเปป็นในการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามพระ ราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี., เพื'อให้การดําเนินการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เปป็นไปโดยสุจริตและเที'ยงธรรม ซึ'งการตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี., สอดคล้องกับเงื'อนไขที'บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ขึ.,นไว้โดยคําแนะนําและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติทําหน้าที'รัฐสภา ดังต่อไปนี.,

มาตรา ๑ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,เรียกว่า “พระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑”

มาตรา ๒ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,ให้ใช้บังคับเมื'อพ้น

กําหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปป็นต้นไป มาตรา ๓ ให้ยกเลิก

พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้ แทนราษฎรและการได้มาซึ'งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๕๐ เฉพาะในส่วนที'เกี'ยวกับการเลือก ตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้ แทนราษฎรและการได้มาซึ'งสมาชิกวุฒิสภา (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที' ๕๗/๒๕๕๗ เรื'อง ให้ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญบางฉบับมีผลบังคับใช้ต่อไป ลงวันที' ๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ เฉพาะในส่วนที'เกี'ยวกับการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,

“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการการเลือกตั.,งตามกฎหมาย ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั.,ง “กรรมการ” หมายความว่า กรรมการการเลือกตั.,งตามกฎหมายประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั.,ง และให้หมายความรวมถึงประธานกรรมการ การเลือกตั.,งด้วย “ผู้ตรวจการเลือกตั.,ง” หมายความว่า ผู้ตรวจการเลือกตั.,งตามกฎหมาย ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั.,ง “ผู้อํานวยการการเลือกตั.,งประจําจังหวัด” หมายความว่า ผู้อํานวยการ การเลือกตั.,งประจําจังหวัดตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการ เลือกตั.,ง “เจ้าพนักงานผู้ดําเนินการเลือกตั.,ง” หมายความว่า ผู้อํานวยการการเลือก ตั.,งประจําเขตเลือกตั.,ง ประธานกรรมการและกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,ง ประธานกรรมการและกรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,ง เจ้าหน้าที'รักษาความปลอดภัย และผู้ ซึ'งได้รับแต่งตั.,งให้ช่วยเหลือการปฏิบัติงานในการเลือกตั.,ง “ผู้มีสิทธิเลือกตั.,ง” หมายความว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร วันเลือกตั.,ง “ผู้สมัคร” หมายความว่า ผู้สมัครรับเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร “วันเลือกตั.,ง” หมายความว่า วันที'คณะกรรมการประกาศกําหนดให้เปป็น “การเลือกตั.,ง” หมายความว่า การเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร “เขตเลือกตั.,ง” หมายความว่า ท้องที'ที'กําหนดเปป็นเขตเลือกตั.,งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั.,ง “หน่วยเลือกตั.,ง” หมายความว่า ท้องที'ที'กําหนดให้ทําการออกเสียงลง คะแนน “ที'เลือกตั.,ง” หมายความว่า สถานที'ที'กําหนดให้ทําการออกเสียงลงคะแนน และให้หมายความรวมถึงบริเวณที'กําหนดขึ.,นโดยรอบที'เลือกตั.,งด้วย “จังหวัด” หมายความรวมถึงกรุงเทพมหานครด้วย “อําเภอ” หมายความรวมถึงเขตด้วย “ตําบล” หมายความรวมถึงแขวงด้วย “ศาลากลางจังหวัด” หมายความรวมถึงศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ด้วย “ที'ว่าการอําเภอ” หมายความรวมถึงสํานักงานเขตด้วย “เทศบาล” หมายความรวมถึงเมืองพัทยา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ'น อื'นที'มีกฎหมายจัดตั.,งขึ.,นเปป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ'นรูปแบบพิเศษด้วย “กองทุน” หมายความว่า กองทุนเพื'อการพัฒนาพรรคการเมืองตาม กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง “สํานักงาน” หมายความว่า สํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั.,งตาม กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั.,ง “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั.,งตาม กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั.,ง

มาตรา ๕ ในกรณีที'พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,มิได้กําหนดไว้ เปป็นประการอื'น การใดที'กําหนดให้แจ้ง ยื'น หรือส่งหนังสือหรือเอกสารให้บุคคลใดเปป็นการ เฉพาะ ถ้าได้แจ้ง ยื'น หรือส่งหนังสือหรือเอกสารให้บุคคลนั.,น ณ ภูมิลําเนาหรือที'อยู่ที' ปรากฏตามหลักฐานทางทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร ให้ถือว่าได้แจ้ง ยื'น หรือส่งโดยชอบด้วยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,แล้ว และในกรณีที'พระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,กําหนดให้ประกาศหรือเผยแพร่ให้ประชาชนทราบเปป็นการ ทั'วไป ให้ถือว่าการประกาศหรือเผยแพร่ในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือระบบหรือวิธีการ อื'นใดที'ประชาชนทั'วไปสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก เปป็นการดําเนินการโดยชอบด้วยพระ ราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,แล้ว

ในกรณีที'พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,กําหนดให้คณะกรรมการ มีอํานาจกําหนดหรือมีคําสั'งเรื'องใด ถ้ามิได้กําหนดวิธีการไว้เปป็นการเฉพาะ ให้คณะ กรรมการกําหนดโดยทําเปป็นระเบียบ ประกาศ หรือคําสั'ง แล้วแต่กรณี และถ้าระเบียบ ประกาศ หรือคําสั'งนั.,นใช้บังคับแก่บุคคลทั'วไป ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และให้ ดําเนินการประกาศตามวรรคหนึ'งด้วย ทั.,งนี., ถ้าระเบียบ ประกาศ หรือคําสั'งใดมีการ กําหนดขั.,นตอนการดําเนินงานไว้ คณะกรรมการต้องกําหนดระยะเวลาการดําเนินงานใน แต่ละขั.,นตอนให้ชัดเจนด้วย

มาตรา ๖ เพื'อประโยชน์ในการดําเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญนี., ให้คณะกรรมการมีอํานาจวางระเบียบเกี'ยวกับการปฏิบัติหน้าที'ของเจ้า พนักงานผู้ดําเนินการเลือกตั.,ง รวมทั.,งกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการอื'นใดที'จําเปป็นได้เท่าที' ไม่ขัดหรือแย้งหรือที'มิได้มีบัญญัติไว้แล้วเปป็นการเฉพาะในพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญนี.,

มาตรา ๗ ในการปฏิบัติหน้าที'ของคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญนี., ในระหว่างเวลานับแต่วันที'พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั.,งใช้ บังคับจนถึงวันประกาศผลการเลือกตั.,ง หากมีความจําเปป็นเร่งด่วนต้องมีการประชุมคณะ กรรมการ ให้คณะกรรมการมีอํานาจประชุมผ่านสื'ออิเล็กทรอนิกส์ โดยกรรมการแต่ละคน อาจอยู่ ณ สถานที'แตกต่างกันได้ และให้เลขาธิการดําเนินการบันทึกเสียงและภาพเก็บไว้ เปป็นหลักฐาน ทั.,งนี., ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที'คณะกรรมการกําหนด

มาตรา ๘ การพิจารณาและมีคําวินิจฉัยของศาลฎีกาตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญนี., ให้เปป็นไปตามระเบียบของที'ประชุมใหญ่ศาลฎีกาโดยประกาศในราช กิจจานุเบกษา ซึ'งต้องกําหนดให้การพิจารณาเปป็นไปโดยรวดเร็วและเที'ยงธรรม ในการนี.,

อาจกําหนดให้ศาลชั.,นต้นที'มีเขตอํานาจในเขตเลือกตั.,งนั.,นเปป็นผู้รับคําร้องแทนเพื'อจัดส่งให้ ศาลฎีกาวินิจฉัย หรืออาจให้ศาลชั.,นต้นดังกล่าวเปป็นผู้ไต่สวนพยานหลักฐานหรือดําเนินการ อื'นที'จําเปป็นแทนศาลฎีกาก็ได้ การปฏิบัติหน้าที'ของศาลฎีกาเกี'ยวกับการเลือกตั.,งตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญนี., ผู้พิพากษาซึ'งร่วมประชุมใหญ่ศาลฎีกา องค์คณะผู้พิพากษา ตลอด จนบุคคลซึ'งองค์คณะผู้พิพากษามอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที'มีสิทธิได้รับเบี.,ยประชุมหรือค่า ตอบแทน แล้วแต่กรณี ตามระเบียบที'คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมตามกฎหมายว่า ด้วยระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรมกําหนด

มาตรา ๙ ในการจัดให้มีการเลือกตั.,ง ให้คณะกรรมการส่งเสริมและ สนับสนุนให้สภาองค์กรชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยสภาองค์กรชุมชน ชุมชน รวมตลอดทั.,ง ประชาชนทั'วไป ให้มีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแสหรือข้อมูลต่อคณะกรรมการ เพื'อให้การ เลือกตั.,งเปป็นไปโดยสุจริตและเที'ยงธรรม

การส่งเสริม สนับสนุน และการแจ้งเบาะแสหรือข้อมูลตามวรรคหนึ'ง ให้ เปป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที'คณะกรรมการกําหนด โดยอย่างน้อยต้องมีมาตรการ คุ้มครองมิให้เกิดอันตรายแก่ผู้แจ้งเบาะแสหรือข้อมูล รวมตลอดทั.,งมาตรการรักษาความลับ ของผู้แจ้งเบาะแสหรือข้อมูลด้วย เบาะแสหรือข้อมูลที'องค์กร ชุมชน หรือบุคคลตามวรรคหนึ'งแจ้งต่อคณะ กรรมการ จะนําไปเปป็นเหตุในการดําเนินคดีแก่ผู้แจ้งเบาะแสหรือข้อมูลนั.,นในทางใดมิได้ เว้น แต่เปป็นเบาะแสหรือข้อมูลที'ผู้แจ้งรู้อยู่แล้วว่าเปป็นเท็จ

มาตรา ๑๐ ให้ประธานกรรมการการเลือกตั.,งรักษาการตามพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,

มาตรา ๑๑

หมวด ๑ บททั'วไป

เมื'อมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั.,งทั'วไปขึ.,นใช้บังคับ ให้คณะกรรมการดําเนินการจัดให้มีการเลือกตั.,ง ดังต่อไปนี.,

การเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั.,งจํานวนสี' ร้อยคน ซึ'งเปป็นการออกเสียงลงคะแนนเลือกตั.,งผู้สมัครเปป็นรายบุคคลตามการแบ่งเขตเลือก ตั.,งที'กําหนด เขตเลือกตั.,งละหนึ'งคน

การเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื'อจํานวนหนึ'ง ร้อยคน ซึ'งเปป็นการออกเสียงลงคะแนนเลือกตั.,งบัญชีรายชื'อผู้สมัครที'พรรคการเมืองจัดทํา ขึ.,น โดยเลือกเพียงพรรคการเมืองเดียวทั.,งประเทศ

มาตรา ๑๒ ภายในห้าวันนับแต่วันที'พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั.,ง

ทั'วไปใช้บังคับ ให้คณะกรรมการประกาศในราชกิจจานุเบกษาเกี'ยวกับการเลือกตั.,ง ดังต่อ ไปนี.,

กําหนดวันเลือกตั.,ง

กําหนดวันรับสมัครรับเลือกตั.,งแบบแบ่งเขตเลือกตั.,ง โดยเริ'มรับสมัคร ไม่เกินยี'สิบห้าวันนับแต่วันที'พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั.,งทั'วไปใช้บังคับ และต้อง กําหนดวันรับสมัครไม่น้อยกว่าห้าวัน

จํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั.,งที'แต่ละจังหวัด จะพึงมีและจํานวนเขตเลือกตั.,งแบบแบ่งเขตเลือกตั.,งของแต่ละจังหวัด ซึ'งต้องมีรายละเอียด เกี'ยวกับอําเภอหรือเขตพื.,นที'ที'อยู่ในเขตเลือกตั.,ง

กําหนดวันและสถานที'ที'พรรคการเมืองจะส่งบัญชีรายชื'อผู้สมัคร แบบบัญชีรายชื'อ ในกรณีที'มีการประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั.,งแทนตําแหน่งที' ว่าง ให้นําความใน (๑) และ (๒) มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม

มาตรา ๑๓ ในการเลือกตั.,งทั'วไป ให้พรรคการเมืองที'ส่งผู้สมัครแจ้งราย ชื'อบุคคลซึ'งพรรคการเมืองนั.,นมีมติว่าจะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรเพื'อพิจารณาให้ความ เห็นชอบแต่งตั.,งเปป็นนายกรัฐมนตรีไม่เกินสามรายชื'อต่อคณะกรรมการก่อนปั"ดการรับสมัคร รับเลือกตั.,ง และให้คณะกรรมการประกาศรายชื'อบุคคลดังกล่าวพร้อมกับชื'อของ พรรคการเมืองนั.,นให้ประชาชนทราบเปป็นการทั'วไป

เมื'อพรรคการเมืองแจ้งรายชื'อบุคคลใดตามวรรคหนึ'งแล้ว บุคคลนั.,นหรือ พรรคการเมืองนั.,นจะถอนรายชื'อหรือเปลี'ยนแปลงรายชื'อบุคคลนั.,นได้เฉพาะกรณีบุคคลนั.,น ตายหรือขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม และต้องกระทําก่อนปั"ดการรับสมัครรับ เลือกตั.,ง การคัดเลือกรายชื'อบุคคลตามวรรคหนึ'ง ให้เปป็นไปตามกฎหมายประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พรรคการเมืองจะไม่เสนอรายชื'อบุคคลตามวรรคหนึ'งก็ได้

มาตรา ๑๔ การเสนอรายชื'อบุคคลตามมาตรา ๑๓ ต้องเปป็นไปตามหลัก

เกณฑ์ ดังต่อไปนี.,

ต้องมีหนังสือยินยอมของบุคคลซึ'งได้รับการเสนอชื'อ โดยมีราย ละเอียดตามที'คณะกรรมการกําหนด

ผู้ได้รับการเสนอชื'อต้องเปป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามที' จะเปป็นรัฐมนตรีตามที'บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และไม่เคยทําหนังสือยินยอมตาม (๑) ให้ พรรคการเมืองอื'นในการเลือกตั.,งคราวนั.,น การเสนอชื'อบุคคลใดที'มิได้เปป็นไปตามวรรคหนึ'ง ให้ถือว่าไม่มีการเสนอชื'อ บุคคลนั.,น

มาตรา ๑๕ กรณีที'มีเหตุจําเปป็นอันมิอาจหลีกเลี'ยงได้ เปป็นเหตุให้ไม่

สามารถจัดการเลือกตั.,งทั'วไปพร้อมกันทั'วราชอาณาจักรตามวันที'คณะกรรมการประกาศ กําหนดตามมาตรา ๑๒ (๑) อันมิใช่เปป็นกรณีตามมาตรา ๑๐๒ และคณะกรรมการมีมติด้วย คะแนนไม่น้อยกว่าสองในสามของกรรมการทั.,งหมดเท่าที'มีอยู่ว่าการดําเนินการเลือกตั.,งต่อ ไปตามกําหนดวันเดิมจะก่อให้เกิดความไม่เปป็นธรรมหรือเรียบร้อย คณะกรรมการจะ ประกาศกําหนดวันเลือกตั.,งใหม่ก็ได้ แต่ต้องจัดให้มีการเลือกตั.,งภายในสามสิบวันนับแต่วัน ที'เหตุดังกล่าวสิ.,นสุดลง ในกรณีที'มีเหตุตามวรรคหนึ'งเกิดขึ.,นในระหว่างเวลาเปั"ดการลงคะแนน คณะกรรมการจะสั'งยกเลิกการเลือกตั.,ง และประกาศกําหนดวันเลือกตั.,งใหม่ก็ได้ เพื'อประโยชน์ในการนับอายุของผู้มีสิทธิเลือกตั.,งและอายุของผู้สมัคร ให้ นับถึงวันเลือกตั.,งที'คณะกรรมการได้กําหนดไว้ตามมาตรา ๑๒ (๑)

มาตรา ๑๖ ในการเลือกตั.,งทั'วไปหรือการเลือกตั.,งแทนตําแหน่งที'ว่าง หาก คณะกรรมการสั'งให้มีการเลือกตั.,งใหม่ก่อนประกาศผลการเลือกตั.,ง ให้คณะกรรมการมี อํานาจออกประกาศกําหนดวันเลือกตั.,งและให้ย่นหรือขยายระยะเวลาหรืองดเว้นการดําเนิน การที'เกี'ยวกับการเลือกตั.,งตามที'บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,เฉพาะ ในการเลือกตั.,งนั.,น เพื'อให้เหมาะสมและจําเปป็นแก่การดําเนินการเลือกตั.,งให้เปป็นไปโดย รวดเร็ว สุจริตและเที'ยงธรรมได้

ในกรณีที'มีการเลือกตั.,งใหม่ตามวรรคหนึ'ง ให้ถือว่าผู้สมัครเดิมที'มี คุณสมบัติครบถ้วนและไม่มีลักษณะต้องห้ามยังคงเปป็นผู้สมัครในการเลือกตั.,งที'จะจัดขึ.,นใหม่ โดยไม่ต้องรับสมัครใหม่ เว้นแต่จะไม่มีผู้สมัครเดิมเหลืออยู่

มาตรา ๑๗ ในกรณีที'พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,มิได้บัญญัติ ไว้เปป็นอย่างอื'น การฟนี้องคดีหรือการยื'นคําร้องเกี'ยวกับการดําเนินการของคณะกรรมการใน การจัดหรือดําเนินการให้มีการจัดการเลือกตั.,งอันมิใช่เปป็นการใช้อํานาจโดยตรงตาม รัฐธรรมนูญ ให้ยื'นต่อศาลปกครองสูงสุดภายในเจ็ดวันนับแต่วันที'มีเหตุที'จะฟนี้องคดีหรือยื'น คําร้อง แต่มิให้นํามาตรการหรือวิธีการชั'วคราวตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั.,งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครองมาใช้บังคับ

การพิจารณาคดีและการทําคําพิพากษาหรือคําสั'งของศาลปกครองสูงสุด ตามวรรคหนึ'ง ให้เปป็นไปตามระเบียบของที'ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดโดย ประกาศในราชกิจจานุเบกษาซึ'งต้องกําหนดให้การพิจารณาเปป็นไปโดยรวดเร็วและเที'ยง ธรรม ทั.,งนี., คําพิพากษาหรือคําสั'งของศาลปกครองสูงสุดไม่กระทบถึงการดําเนินการเลือก ตั.,งหรือการกระทําอื'นใดที'ได้ดําเนินการไปก่อนศาลปกครองสูงสุดมีคําพิพากษาหรือคําสั'ง การปฏิบัติหน้าที'ของศาลปกครองสูงสุดเกี'ยวกับการเลือกตั.,งตามพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี., ตุลาการซึ'งร่วมประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด องค์คณะตุลาการ ตลอดจนบุคคลซึ'งองค์คณะตุลาการมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที'มีสิทธิได้ รับเบี.,ยประชุมหรือค่าตอบแทน แล้วแต่กรณี ตามระเบียบที'คณะกรรมการบริหารศาล ปกครองตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั.,งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองกําหนด การพิจารณาของศาลปกครองสูงสุดตามมาตรานี.,ให้ดําเนินการให้แล้ว เสร็จก่อนวันเลือกตั.,งไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน และในกรณีที'ศาลปกครองสูงสุดยังไม่ได้มีคํา พิพากษาหรือคําสั'งให้การพิจารณาเปป็นอันยุติ และให้ดําเนินการไปตามคําสั'งของคณะ กรรมการ

หมวด ๒ เจ้าพนักงานผู้ดําเนินการเลือกตั.,ง

มาตรา ๑๘ ในการเลือกตั.,งแต่ละครั.,ง ให้คณะกรรมการมีอํานาจแต่งตั.,ง

บุคคลเปป็นเจ้าพนักงานผู้ดําเนินการเลือกตั.,ง ดังต่อไปนี.,

ผู้อํานวยการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งหนึ'งคน มีหน้าที'เกี'ยวกับ การรับสมัครรับเลือกตั.,งแบบแบ่งเขตเลือกตั.,ง และดําเนินกิจการที'จําเปป็นเกี'ยวกับการเลือก ตั.,งให้เปป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,

คณะกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งไม่น้อยกว่าสามคน มีหน้าที'เกี'ยวกับการกําหนด หน่วยเลือกตั.,ง ที'เลือกตั.,ง การจัดทําบัญชีรายชื'อผู้มีสิทธิเลือก ตั.,ง การเพิ'มชื'อ และการถอนชื'อผู้มีสิทธิเลือกตั.,งในเขตเลือกตั.,ง รวมทั.,งมีหน้าที'กํากับดูแล การออกเสียงลงคะแนน การนับคะแนน และการประกาศผลการนับคะแนน การแต่งตั.,งและการพ้นจากตําแหน่งของผู้อํานวยการการเลือกตั.,งประจํา เขตเลือกตั.,งและคณะกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,ง ให้เปป็นไปตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที'คณะกรรมการกําหนด เพื'อประโยชน์ในการดําเนินการเลือกตั.,ง ให้คณะกรรมการมีอํานาจแต่งตั.,ง หรือมอบหมายให้ผู้อํานวยการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งหรือคณะกรรมการการเลือก ตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งแต่งตั.,งคณะอนุกรรมการ คณะบุคคล หรือบุคคลใด เปป็นผู้ช่วยเหลือ การปฏิบัติงานในการเลือกตั.,งได้ตามสมควร การใดที'เปป็นหน้าที'และอํานาจของผู้อํานวยการการเลือกตั.,งประจําเขต เลือกตั.,งหรือคณะกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,ง คณะกรรมการจะออกระเบียบ ให้ผู้อํานวยการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,ง หรือคณะกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขต เลือกตั.,งมีอํานาจมอบหมายให้คณะอนุกรรมการ คณะบุคคล หรือบุคคลตามวรรคสามทํา หน้าที'แทนก็ได้ ในกรณีเช่นนั.,น การดําเนินการ การแจ้ง หรือการยื'นที'กระทําต่อผู้ซึ'งได้รับ มอบหมาย ให้ถือว่าเปป็นการดําเนินการ แจ้ง หรือได้ยื'นต่อผู้อํานวยการการเลือกตั.,งประจํา เขตเลือกตั.,งหรือคณะกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งแล้ว

มาตรา ๑๙ ให้คณะกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งแต่งตั.,งผู้มี สิทธิเลือกตั.,งเปป็นเจ้าพนักงานผู้ดําเนินการเลือกตั.,ง ดังต่อไปนี.,

คณะกรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งเก้าคน มีหน้าที'เกี'ยวกับการ ออกเสียงลงคะแนนในที'เลือกตั.,งและนับคะแนนของหน่วยเลือกตั.,งแต่ละแห่ง ในกรณีที' หน่วยเลือกตั.,งใดมีความจําเปป็นอาจแต่งตั.,งกรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งเพิ'มได้ตามหลัก เกณฑ์และไม่เกินจํานวนที'คณะกรรมการกําหนด

เจ้าหน้าที'รักษาความปลอดภัยอย่างน้อยหนึ'งคน ซึ'งแต่งตั.,งจากเจ้า หน้าที'ของรัฐเพื'อทําหน้าที'รักษาความปลอดภัยและสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที'ของคณะ กรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,ง การแต่งตั.,งและการฝcgกอบรมคณะกรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งและเจ้า หน้าที'รักษาความปลอดภัยให้เปป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที'คณะกรรมการกําหนด โดยในการฝcgกอบรมจะดําเนินการฝcgกอบรมผู้มีคุณสมบัติตามวรรคหนึ'งเพื'อสํารองไว้ มากกว่าจํานวนที'ต้องใช้จริงแต่ไม่เกินจํานวนที'คณะกรรมการกําหนดก็ได้ ในกรณีที'คณะกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งหรือผู้ตรวจการ เลือกตั.,งพบเห็นกรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งหรือเจ้าหน้าที'รักษาความปลอดภัยผู้ใด กระทําผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี., หรือกระทําการใดอันอาจเปป็นเหตุ ให้การเลือกตั.,งมิได้เปป็นไปโดยสุจริตหรือเที'ยงธรรม หรือเปป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ให้ รายงานคณะกรรมการหรือกรรมการโดยทันที และให้คณะกรรมการหรือกรรมการมี อํานาจสั'งเปลี'ยนกรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งหรือเจ้าหน้าที'รักษาความปลอดภัยได้ตาม ที'เห็นสมควร ในกรณีที'เกี'ยวกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที'ของรัฐ ให้ผู้ตรวจการเลือกตั.,งมี อํานาจแจ้งเตือนให้ปฏิบัติให้ถูกต้องได้ ถ้าไม่มีการดําเนินการแก้ไขให้ถูกต้องตามที'แจ้ง เตือน ให้รายงานให้คณะกรรมการหรือกรรมการทราบโดยเร็ว ในกรณีที'กรรมการเปป็นผู้พบเห็นการกระทําตามวรรคสาม ให้กรรมการมี อํานาจสั'งเปลี'ยนกรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งหรือเจ้าหน้าที'รักษาความปลอดภัยได้ตาม ที'เห็นสมควร ทั.,งนี., ในกรณีที'เห็นว่าการกระทําหรือการงดเว้นการกระทําดังกล่าวเปป็นการ กระทําของเจ้าหน้าที'ของรัฐ ให้มีอํานาจสั'งให้ระงับ ยับยั.,ง แก้ไขเปลี'ยนแปลง หรือสั'งให้ กระทําการอย่างใดอย่างหนึ'งได้ตามที'เห็นสมควร ถ้าเปป็นการกระทําของบุคคลซึ'งมิใช่เปป็น เจ้าหน้าที'ของรัฐ ให้มีอํานาจสั'งให้พนักงานฝ'ายปกครองหรือตํารวจ หรือพนักงานฝ'าย ปกครองหรือตํารวจชั.,นผู้ใหญ่ดําเนินการตามหน้าที'และอํานาจ หรือสั'งให้ผู้อํานวยการการ เลือกตั.,งประจําจังหวัดบันทึกพฤติกรรมแห่งการกระทําและรวบรวมพยานหลักฐานไว้เพื'อ ดําเนินการต่อไปได้ตามที'จําเปป็น หรือในกรณีจําเปป็นอันไม่อาจหลีกเลี'ยงได้จะสั'งให้ระงับ หรือยับยั.,งการดําเนินการเลือกตั.,งในหน่วยเลือกตั.,งบางหน่วยหรือทุกหน่วยในเขตเลือกตั.,งที' พบเห็นการกระทําหรือการงดเว้นการกระทํานั.,นก็ได้แล้วรายงานต่อคณะกรรมการเพื'อ ทราบโดยเร็ว ทั.,งนี., ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื'อนไขที'คณะกรรมการกําหนด

มาตรา ๒๐ ก่อนวันเลือกตั.,ง หากกรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งมีไม่ครบ จํานวนไม่ว่าด้วยเหตุใด ให้คณะกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งแต่งตั.,งบุคคลผู้มี คุณสมบัติตามมาตรา ๑๙ เปป็นกรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งให้ครบจํานวน

มาตรา ๒๑ ในวันเลือกตั.,ง ถ้าถึงเวลาเปั"ดการออกเสียงลงคะแนนแล้วมี กรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งมาปฏิบัติหน้าที'ไม่ครบจํานวน แต่มาไม่น้อยกว่ากึ'งหนึ'งของ คณะกรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งที'ได้รับแต่งตั.,ง ให้กรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งที'มา ปฏิบัติหน้าที'ดังกล่าวปฏิบัติหน้าที'ได้ และให้กรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งที'มาปฏิบัติ หน้าที'อยู่ในขณะนั.,นรายงานต่อคณะกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,ง เพื'อแต่งตั.,ง บุคคลผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา ๑๙ เปป็นกรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งเพิ'มเติมให้ครบ จํานวนก่อนการนับคะแนน

ในกรณีที'กรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งมาปฏิบัติหน้าที'ไม่ถึงกึ'งหนึ'ง ให้ กรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งที'มาปฏิบัติหน้าที'อยู่ในขณะนั.,นรายงานต่อคณะกรรมการ การเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งเพื'อแต่งตั.,งบุคคลผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา ๑๙ เปป็น กรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งให้ครบจํานวนโดยเร็ว ในกรณีที'ไม่มีกรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งมาปฏิบัติหน้าที'เลย ให้คณะ กรรมการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งแต่งตั.,งบุคคลผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา ๑๙ เปป็น กรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งเพื'อปฏิบัติหน้าที'ในหน่วยเลือกตั.,งนั.,น การแต่งตั.,งและการปฏิบัติหน้าที'ของกรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งให้เปป็น ไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื'อนไขที'คณะกรรมการกําหนด

มาตรา ๒๒ ในกรณีที'มีหลักฐานอันควรเชื'อได้ว่า หรือมีเหตุอันควรสงสัย ว่าเจ้าพนักงานผู้ดําเนินการเลือกตั.,งผู้ใดขาดประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที' หรือละทิ.,ง หน้าที' หรือไม่ยอมปฏิบัติหน้าที' ให้กรรมการมีอํานาจสั'งให้ผู้นั.,นพ้นจากการปฏิบัติหน้าที'

แล้วรายงานให้คณะกรรมการทราบ

มาตรา ๒๓ ห้ามมิให้กรรมการ เลขาธิการ ผู้ตรวจการเลือกตั.,ง ผู้อํานวย การการเลือกตั.,งประจําจังหวัด หรือเจ้าพนักงานผู้ดําเนินการเลือกตั.,ง หลีกเลี'ยงไม่ปฏิบัติ ตามหน้าที' ทุจริตต่อหน้าที' หรือกระทําการอื'นใดอันเปป็นการขัดขวางมิให้การเปป็นไปตาม กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ หรือคําสั'งของคณะกรรมการ หรือคําสั'งของศาลอันเกี'ยวกับ การเลือกตั.,งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,

กรรมการ เลขาธิการ ผู้ตรวจการเลือกตั.,ง ผู้อํานวยการการเลือกตั.,งประจํา จังหวัด หรือเจ้าพนักงานผู้ดําเนินการเลือกตั.,ง ซึ'งปฏิบัติหน้าที'ตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญนี., หรือกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ หรือคําสั'งของคณะกรรมการ หรือปฏิบัติ ตามคําสั'งของศาลอันเกี'ยวกับการเลือกตั.,ง หากได้กระทําโดยสุจริต ย่อมได้รับความ คุ้มครอง ไม่ต้องรับผิดทั.,งทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางปกครอง

มาตรา ๒๔ ในการปฏิบัติหน้าที'ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ นี., ให้บุคคลดังต่อไปนี., เปป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

กรรมการ เลขาธิการ ผู้ตรวจการเลือกตั.,ง และผู้อํานวยการการเลือก ตั.,งประจําจังหวัด

เจ้าพนักงานผู้ดําเนินการเลือกตั.,ง สําหรับบุคคลตาม (๒) ให้เปป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญานับ แต่วันที'ได้รับการแต่งตั.,งจนสิ.,นสุดแห่งการงานในหน้าที'

มาตรา ๒๕ ค่าตอบแทนของเจ้าพนักงานผู้ดําเนินการเลือกตั.,งให้เปป็นไป ตามที'คณะกรรมการกําหนด

หมวด ๓ การจัดการเลือกตั.,ง ส่วนที' ๑

จํานวนสมาชิก เขตเลือกตั.,ง หน่วยเลือกตั.,ง และที'เลือกตั.,ง

มาตรา ๒๖

การกําหนดจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที'แต่ละจังหวัด จะพึงมีและการแบ่งเขตเลือกตั.,ง ให้ดําเนินการตามวิธีการ ดังต่อไปนี.,

ให้ใช้จํานวนราษฎรทั.,งประเทศตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรที' ประกาศในปัสุดท้ายก่อนปัที'มีการเลือกตั.,ง เฉลี'ยด้วยจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสี'ร้อย คน จํานวนที'ได้รับให้ถือว่าเปป็นจํานวนราษฎรต่อสมาชิกหนึ'งคน

จังหวัดใดมีราษฎรไม่ถึงเกณฑ์จํานวนราษฎรต่อสมาชิกหนึ'งคนตาม

ให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในจังหวัดนั.,นได้หนึ'งคน โดยให้ถือเขตจังหวัดเปป็นเขตเลือก ตั.,ง

จังหวัดใดมีราษฎรเกินจํานวนราษฎรต่อสมาชิกหนึ'งคน ให้มีสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรในจังหวัดนั.,นเพิ'มขึ.,นอีกหนึ'งคนทุกจํานวนราษฎรที'ถึงเกณฑ์จํานวน ราษฎรต่อสมาชิกหนึ'งคน

เมื'อได้จํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของแต่ละจังหวัดตาม (๒) และ (๓) แล้ว ถ้าจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยังไม่ครบสี'ร้อยคน จังหวัดใดมีเศษที'เหลือจาก การคํานวณตาม (๓) มากที'สุด ให้จังหวัดนั.,นมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพิ'มขึ.,นอีกหนึ'งคน และให้เพิ'มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามวิธีการดังกล่าวแก่จังหวัดที'มีเศษที'เหลือจากการ คํานวณนั.,นในลําดับรองลงมาตามลําดับจนครบจํานวนสี'ร้อยคน

จังหวัดใดมีการเลือกตั.,งได้เกินหนึ'งคน ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเปป็นเขต เลือกตั.,งเท่าจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที'พึงมี โดยต้องแบ่งพื.,นที'ของเขตเลือกตั.,งแต่ละ เขตให้ติดต่อกันและต้องจัดให้มีจํานวนราษฎรในแต่ละเขตใกล้เคียงกัน

มาตรา ๒๗ ให้คณะกรรมการดําเนินการแบ่งเขตเลือกตั.,งสําหรับการ เลือกตั.,งแบบแบ่งเขตเลือกตั.,งไว้ทุกจังหวัด เพื'อให้ประชาชนได้ทราบล่วงหน้าซึ'งจะต้อง กําหนดตามหลักเกณฑ์ที'บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๖ และต้องแบ่งพื.,นที'ของเขตเลือกตั.,งแต่ละ เขตให้ติดต่อกันและต้องจัดให้มีจํานวนราษฎรในแต่ละเขตเลือกตั.,งใกล้เคียงกัน โดยถือ

เกณฑ์ดังต่อไปนี.,

ให้รวมอําเภอต่าง ๆ เปป็นเขตเลือกตั.,ง โดยคํานึงถึงพื.,นที'ที'ติดต่อใกล้ชิด กัน ความสะดวกในการคมนาคมระหว่างกัน และการเคยอยู่ในเขตเลือกตั.,งเดียวกัน ถ้าการ รวมอําเภอในลักษณะนี.,จะทําให้มีจํานวนราษฎรมากหรือน้อยเกินไป ให้แยกตําบลของ อําเภอออกเพื'อให้ได้จํานวนราษฎรพอเพียงสําหรับการเปป็นเขตเลือกตั.,ง แต่จะแยกหรือรวม เฉพาะเพียงบางส่วนของตําบลไม่ได้

ในกรณีที'การกําหนดพื.,นที'ตามเกณฑ์ใน (๑) จะทําให้จํานวนราษฎรใน แต่ละเขตเลือกตั.,งมีจํานวนไม่ใกล้เคียงกันหรือไม่มีสภาพเปป็นชุมชนเดียวกัน ให้ดําเนินการ แบ่งเขตเลือกตั.,งตามสภาพของชุมชนที'ราษฎรมีการติดต่อกันเปป็นประจําในลักษณะที'เปป็น ชุมชนเดียวกันหรือใกล้เคียงกันและสามารถเดินทางติดต่อกันได้โดยสะดวก โดยจะต้อง ทําให้จํานวนราษฎรมีจํานวนใกล้เคียงกันมากที'สุด

เปั"ดโอกาสให้พรรคการเมืองและประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความคิด เห็นเพื'อประกอบการพิจารณาเกี'ยวกับการแบ่งเขตเลือกตั.,งตาม (๑) และ (๒) ทั.,งนี., ตาม หลักเกณฑ์และวิธีการที'คณะกรรมการกําหนด

มาตรา ๒๘ เมื'อได้ดําเนินการแบ่งเขตเลือกตั.,งแล้ว ให้คณะกรรมการ

ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และให้ใช้เขตเลือกตั.,งนั.,นจนกว่าจะมีการเลือกตั.,งทั'วไปครั.,ง ใหม่ ในกรณีที'มีการกําหนดเขตเลือกตั.,งใหม่และมีผลให้พื.,นที'ของเขตเลือกตั.,ง เปลี'ยนแปลงไป ให้การดําเนินการใดที'ได้ดําเนินการไปโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วก่อนมีการ กําหนดเขตเลือกตั.,งใหม่ เปป็นอันใช้ได้

มาตรา ๒๙ ในกรณีที'จะมีการเลือกตั.,งทั'วไปครั.,งใหม่ ให้คณะกรรมการถือ เขตเลือกตั.,งที'มีการประกาศกําหนดไว้แล้วเปป็นหลัก และปรับปรุงแก้ไขตามหลักเกณฑ์ตาม มาตรา ๒๗ และให้นําความในมาตรา ๒๘ มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม

มาตรา ๓๐ ก่อนวันเลือกตั.,งไม่น้อยกว่ายี'สิบห้าวัน ให้คณะกรรมการการ เลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งกําหนดหน่วยเลือกตั.,งที'จะพึงมีในแต่ละเขตเลือกตั.,ง และที'เลือก ตั.,งของแต่ละหน่วยเลือกตั.,งตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี.,

ให้ใช้เขตหมู่บ้านเปป็นเขตของหน่วยเลือกตั.,ง เว้นแต่ในกรณีที'มีผู้มีสิทธิ เลือกตั.,งจํานวนน้อย จะรวมหมู่บ้านที'อยู่ติดกันตั.,งแต่สองหมู่บ้านขึ.,นไปเปป็นหน่วยเลือกตั.,ง เดียวกันก็ได้ สําหรับในเขตเทศบาล เขตกรุงเทพมหานคร หรือเขตชุมชนหนาแน่น อาจ กําหนดให้ใช้เขตชุมชน แนวถนน ตรอก ซอย คลอง หรือแม่น엄า เปป็นเขตของหน่วยเลือกตั.,ง ก็ได้ โดยคํานึงถึงความสะดวกในการเดินทางมาใช้สิทธิเลือกตั.,งของผู้มีสิทธิเลือกตั.,ง

ให้ถือเกณฑ์จํานวนผู้มีสิทธิเลือกตั.,งหน่วยละหนึ'งพันคนเปป็นประมาณ แต่ถ้าเห็นว่าไม่เปป็นการสะดวกหรือไม่ปลอดภัยในการไปออกเสียงลงคะแนนของผู้มีสิทธิ เลือกตั.,ง อาจกําหนดจํานวนผู้มีสิทธิเลือกตั.,งมากกว่าจํานวนดังกล่าวก็ได้ หรือจะกําหนด หน่วยเลือกตั.,งเพิ'มขึ.,นโดยให้มีจํานวนผู้มีสิทธิเลือกตั.,งน้อยกว่าจํานวนดังกล่าวก็ได้

ที'เลือกตั.,งต้องเปป็นสถานที'ที'ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งเข้าออกได้สะดวก เพื'อการ ออกเสียงลงคะแนนมีความเหมาะสม มีขนาดพอสมควร และควรตั.,งอยู่ในย่านกลางของ หน่วยเลือกตั.,ง พร้อมทั.,งให้มีปนี้ายหรือเครื'องหมายอื'นใดเพื'อแสดงขอบเขตบริเวณของที' เลือกตั.,งไว้ด้วย ตามลักษณะของท้องที'และภูมิประเทศในการออกเสียงลงคะแนนของผู้มี สิทธิเลือกตั.,ง ในท้องที'ใดถ้าเห็นว่าจะเปป็นการอํานวยความสะดวกแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั.,ง หรือ เพื'อความปลอดภัยของผู้มีสิทธิเลือกตั.,ง อาจประกาศกําหนดที'เลือกตั.,งนอกเขตของหน่วย เลือกตั.,งก็ได้ แต่ต้องอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับหน่วยเลือกตั.,งนั.,น ให้ปั"ดประกาศการกําหนดหน่วยเลือกตั.,งและที'เลือกตั.,งไว้ ณ ที'เลือกตั.,ง หรือบริเวณใกล้เคียงกับที'เลือกตั.,ง การเปลี'ยนแปลงเขตของหน่วยเลือกตั.,งหรือที'เลือกตั.,ง ให้กระทําได้โดย ประกาศก่อนวันเลือกตั.,งไม่น้อยกว่าสิบวัน เว้นแต่ในกรณีเกิดจลาจล อุทกภัย อัคคีภัย เหตุสุดวิสัย หรือเหตุจําเปป็นอย่างอื'น จะประกาศก่อนวันเลือกตั.,งน้อยกว่าสิบวันก็ได้ และให้ นําความในวรรคสองมาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม

ส่วนที' ๒ ผู้มีสิทธิเลือกตั.,ง

มาตรา ๓๑ บุคคลผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี.,เปป็นผู้มีสิทธิเลือกตั.,ง และมีหน้า ที'ไปใช้สิทธิเลือกตั.,งอย่างอิสระโดยคํานึงถึงประโยชน์ส่วนรวมของประเทศเปป็นสําคัญ

มีสัญชาติไทย แต่บุคคลผู้มีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ ต้องได้ สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปั

มีอายุไม่ต나ากว่าสิบแปดปัในวันเลือกตั.,ง

มีชื'ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั.,งมาแล้วเปป็นเวลาไม่น้อยกว่าเก้า สิบวันนับถึงวันเลือกตั.,ง

มาตรา ๓๒ บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี.,ในวันเลือกตั.,ง เปป็นบุคคลต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิเลือกตั.,ง

เปป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช

อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งไม่ว่าคดีนั.,นจะถึงที'สุดแล้วหรือ ไม่

ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาลหรือโดยคําสั'งที'ชอบด้วยกฎหมาย (๔) วิกลจริตหรือจิตฟ' ~นเฟ더อนไม่สมประกอบ

ส่วนที' ๓ การแจ้งเหตุที'ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั.,ง

มาตรา ๓๓ ในการเลือกตั.,งครั.,งใด ถ้าผู้มีสิทธิเลือกตั.,งไม่อาจไปใช้สิทธิ เลือกตั.,งได้เนื'องจากมีเหตุอันสมควร ให้แจ้งเหตุที'ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั.,งต่อบุคคลซึ'งคณะ กรรมการแต่งตั.,งไว้ในแต่ละเขตเลือกตั.,งภายในเจ็ดวันก่อนวันเลือกตั.,งหรือภายในเจ็ดวันนับ แต่วันเลือกตั.,ง แต่ถ้ามีเหตุจําเปป็นไม่อาจแจ้งได้ภายในเจ็ดวันก่อนวันเลือกตั.,ง ให้ดําเนินการ แจ้งตามที'คณะกรรมการกําหนด ทั.,งนี., การแจ้งเหตุดังกล่าวไม่เปป็นการตัดสิทธิที'ผู้นั.,นจะไป

ใช้สิทธิเลือกตั.,ง ในการแจ้งเหตุตามวรรคหนึ'ง ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งทําเปป็นหนังสือหรือโดยวิธี การอื'นเพื'อชี.,แจงเหตุดังกล่าว โดยอาจมอบหมายให้บุคคลใดไปยื'นต่อบุคคลซึ'งคณะ กรรมการแต่งตั.,งแทน หรือจัดส่งหนังสือชี.,แจงเหตุนั.,นทางไปรษณีย์ลงทะเบียน หรือแจ้งโดย วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ ในกรณีที'บุคคลซึ'งคณะกรรมการแต่งตั.,งพิจารณาแล้วเห็นว่าเหตุที'ผู้มีสิทธิ เลือกตั.,งแจ้งนั.,นมิใช่เหตุอันสมควร ให้แจ้งให้ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งทราบภายในสามวันนับแต่วันที' ได้รับแจ้ง ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งที'ได้รับแจ้งตามวรรคสาม มีสิทธิยื'นอุทธรณ์ต่อผู้อํานวย การการเลือกตั.,งประจําจังหวัดภายในสามสิบวันนับแต่วันเลือกตั.,ง การแจ้งเหตุ วิธีการแจ้งเหตุทางอิเล็กทรอนิกส์ บุคคลที'จะรับแจ้งเหตุ สถานที'รับแจ้งเหตุ การพิจารณาการแจ้งเหตุ และการอุทธรณ์ ให้เปป็นไปตามหลักเกณฑ์และ วิธีการที'คณะกรรมการกําหนด โดยในการกําหนดดังกล่าวให้คํานึงถึงการอํานวยความ สะดวกแก่ประชาชนด้วย ในการนี., ให้คณะกรรมการกําหนดรายละเอียดของเหตุที'ทําให้ผู้มี สิทธิเลือกตั.,งไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั.,งไว้ เพื'อเปป็นแนวทางในการพิจารณาของบุคคลซึ'งคณะ กรรมการแต่งตั.,งด้วย

มาตรา ๓๔ เมื'อครบกําหนดหกสิบวันนับแต่วันเลือกตั.,ง ให้บุคคลซึ'งคณะ กรรมการแต่งตั.,งตามมาตรา ๓๓ วรรคหนึ'ง ประกาศรายชื'อผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั.,งและมิได้ แจ้งเหตุตามมาตรา ๓๓ หรือแจ้งเหตุไว้แล้วแต่เหตุนั.,นมิใช่เหตุอันสมควร

ในกรณีที'ประกาศรายชื'อตามวรรคหนึ'งมีความผิดพลาดคลาดเคลื'อนจาก ข้อเท็จจริง ให้ผู้มีส่วนได้เสียยื'นคําร้องต่อผู้อํานวยการการเลือกตั.,งประจําจังหวัดหรือบุคคล ซึ'งคณะกรรมการแต่งตั.,งตามมาตรา ๓๓ เพื'อดําเนินการแก้ไข ทั.,งนี., ตามหลักเกณฑ์และวิธี การที'คณะกรรมการกําหนด

มาตรา ๓๕ ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งผู้ใดไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั.,งและมิได้แจ้งเหตุที'ไม่ อาจไปใช้สิทธิเลือกตั.,งหรือแจ้งเหตุที'ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั.,งแล้ว แต่เหตุนั.,นมิใช่เหตุอัน สมควร ผู้นั.,นถูกจํากัดสิทธิ ดังต่อไปนี.,

ยื'นคําร้องคัดค้านการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

สมัครรับเลือกตั.,งเปป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกสภาท้อง ถิ'นหรือผู้บริหารท้องถิ'น หรือสมัครรับเลือกเปป็นสมาชิกวุฒิสภา

สมัครรับเลือกเปป็นกํานันและผู้ใหญ่บ้านตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะ ปกครองท้องที'

ดํารงตําแหน่งข้าราชการการเมืองตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบ ข้าราชการการเมือง และข้าราชการรัฐสภาฝ'ายการเมืองตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบ ข้าราชการรัฐสภา

ดํารงตําแหน่งรองผู้บริหารท้องถิ'น เลขานุการผู้บริหารท้องถิ'น ผู้ช่วย เลขานุการผู้บริหารท้องถิ'น ประธานที'ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ'น ที'ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ'น หรือคณะที'ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ'น ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั.,งองค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ'น การจํากัดสิทธิตามวรรคหนึ'งให้มีกําหนดเวลาครั.,งละสองปันับแต่วันเลือก ตั.,งครั.,งที'ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั.,ง และหากในการเลือกตั.,งครั.,งต่อไปผู้นั.,นไม่ไป ใช้สิทธิเลือกตั.,งอีกให้นับเวลาการจํากัดสิทธิครั.,งหลังนี.,โดยนับจากวันที'มิได้ไปใช้สิทธิเลือก ตั.,งครั.,งใหม่ หากกําหนดเวลาการจํากัดสิทธิครั.,งก่อนยังเหลืออยู่เท่าใด ให้กําหนดเวลาการ จํากัดสิทธินั.,นสิ.,นสุดลง

ส่วนที' ๔ บัญชีรายชื'อผู้มีสิทธิเลือกตั.,ง

มาตรา ๓๖ เมื'อมีการประกาศกําหนดวันเลือกตั.,งครั.,งใดแล้ว ให้คณะ กรรมการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งหรือผู้ซึ'งคณะกรรมการมอบหมาย จัดทําบัญชีราย ชื'อผู้มีสิทธิเลือกตั.,งของแต่ละหน่วยเลือกตั.,ง และปั"ดประกาศไว้ ณ ที'เลือกตั.,ง หรือบริเวณ ใกล้เคียงกับที'เลือกตั.,ง หรือสถานที'ที'ประชาชนสะดวกในการตรวจสอบก่อนวันเลือกตั.,งไม่ น้อยกว่ายี'สิบห้าวัน กับให้แจ้งรายชื'อผู้มีสิทธิเลือกตั.,งในทะเบียนบ้านไปยังเจ้าบ้านให้ทราบ ก่อนวันเลือกตั.,งไม่น้อยกว่ายี'สิบวัน ทั.,งนี., ตามที'คณะกรรมการกําหนด

บัญชีรายชื'อผู้มีสิทธิเลือกตั.,งตามวรรคหนึ'ง มิให้ระบุเลขประจําตัว ประชาชนของผู้มีสิทธิเลือกตั.,ง บัญชีรายชื'อผู้มีสิทธิเลือกตั.,งที'จัดทําขึ.,นเพื'อประโยชน์ของเจ้าหน้าที'ในการ ตรวจสอบผู้มาใช้สิทธิเลือกตั.,ง ณ ที'เลือกตั.,ง ให้ระบุเลขประจําตัวประชาชนของผู้มีสิทธิเลือก ตั.,งด้วย

มาตรา ๓๗ ในกรณีที'ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งหรือเจ้าบ้านผู้ใดเห็นว่าตนหรือผู้ มีชื'ออยู่ในทะเบียนบ้านของตนไม่มีรายชื'ออยู่ในบัญชีรายชื'อผู้มีสิทธิเลือกตั.,งแห่งหน่วยเลือก ตั.,งที'ตนหรือผู้นั.,นสมควรมีชื'อเปป็นผู้มีสิทธิเลือกตั.,งในหน่วยเลือกตั.,งนั.,น ให้มีสิทธิยื'นคําร้องขอ เพิ'มชื'อต่อคณะกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งก่อนวันเลือกตั.,งไม่น้อยกว่าสิบวัน

เมื'อได้รับคําร้องตามวรรคหนึ'งแล้ว ให้คณะกรรมการการเลือกตั.,งประจํา เขตเลือกตั.,งตรวจสอบหลักฐาน และถ้าเห็นว่าผู้ยื'นคําร้องหรือผู้มีชื'ออยู่ในทะเบียนบ้านเปป็น ผู้มีสิทธิเลือกตั.,ง ให้สั'งเพิ'มชื'อตามที'ยื'นคําร้องลงในบัญชีรายชื'อผู้มีสิทธิเลือกตั.,งโดยเร็ว ถ้า คณะกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งเห็นว่าผู้ยื'นคําร้องหรือผู้มีชื'ออยู่ในทะเบียน บ้านเปป็นผู้ไม่มีสิทธิเลือกตั.,งก็ให้สั'งยกคําร้อง และแจ้งให้ผู้ยื'นคําร้องทราบภายในสามวันนับ แต่วันที'ได้รับคําร้องโดยแสดงเหตุผลไว้ด้วย เมื'อได้รับแจ้งตามวรรคสองแล้ว ผู้ยื'นคําร้องมีสิทธิยื'นคําร้องต่อศาล จังหวัดที'ตนมีภูมิลําเนาอยู่ หรือต่อศาลแพ่งสําหรับผู้ที'มีภูมิลําเนาอยู่ในกรุงเทพมหานคร ก่อนวันเลือกตั.,งไม่น้อยกว่าห้าวัน โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลในการดําเนิน กระบวนการพิจารณา เพื'อให้ศาลวินิจฉัยว่าจะให้เพิ'มชื'อในบัญชีรายชื'อผู้มีสิทธิเลือกตั.,ง ตามที'ได้รับคําร้องหรือไม่ เมื'อศาลได้รับคําร้องตามวรรคสามแล้ว ให้ศาลดําเนินการพิจารณาโดย เร็ว คําสั'งของศาลให้เปป็นที'สุด และให้ศาลแจ้งคําสั'งไปยังคณะกรรมการการเลือกตั.,งประจํา เขตเลือกตั.,ง เพื'อปฏิบัติการตามคําสั'งโดยเร็วที'สุด และในกรณีที'มีการประกาศบัญชีรายชื'อ ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งไปก่อนได้รับคําสั'งศาล ให้คณะกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,ง ดําเนินการแก้ไขบัญชีรายชื'อผู้มีสิทธิเลือกตั.,งทุกฉบับให้ถูกต้องด้วย การใดที'ได้ปฏิบัติไปตามคําสั'งของคณะกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขต เลือกตั.,งก่อนได้รับคําสั'งศาลให้เปป็นอันสมบูรณ์ตามกฎหมาย

มาตรา ๓๘ ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งผู้ใดเห็นว่าในบัญชีรายชื'อผู้มีสิทธิเลือกตั.,งที' ได้ประกาศตามมาตรา ๓๖ มีชื'อผู้ซึ'งไม่มีสิทธิเลือกตั.,ง หรือเจ้าบ้านผู้ใดเห็นว่าในบัญชีราย ชื'อผู้มีสิทธิเลือกตั.,งปรากฏชื'อบุคคลอื'นอยู่ในทะเบียนบ้านของตน ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งหรือเจ้า บ้านผู้นั.,นมีสิทธิยื'นคําร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งได้ก่อนวันเลือก ตั.,งไม่น้อยกว่าสิบวัน เพื'อให้ถอนชื'อผู้ซึ'งไม่มีสิทธิเลือกตั.,งนั.,นออกจากบัญชีรายชื'อผู้มีสิทธิ

เลือกตั.,ง เมื'อคณะกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งพิจารณาแล้วเห็นว่า สมควรสั'งถอนชื'อผู้ซึ'งไม่มีสิทธิเลือกตั.,งออกจากบัญชีรายชื'อผู้มีสิทธิเลือกตั.,ง หรือสมควรยก คําร้อง ก็ให้มีคําสั'งถอนชื'อผู้นั.,นหรือยกคําร้อง แล้วแต่กรณี และให้แจ้งคําสั'งให้ผู้นั.,นหรือเจ้า บ้านทราบ และให้นําความในมาตรา ๓๗ วรรคสาม วรรคสี' และวรรคห้า มาใช้บังคับด้วย โดยอนุโลม

มาตรา ๓๙ ในกรณีที'ศาลมีคําพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งของ บุคคลใด แม้คําพิพากษายังไม่ถึงที'สุดก็ตาม ให้สํานักงานจัดทําทะเบียนผู้ถูกเพิกถอนสิทธิ เลือกตั.,งและบันทึกการถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งของบุคคลนั.,นไว้ และในกรณีที'ได้มีการ ประกาศบัญชีรายชื'อผู้มีสิทธิเลือกตั.,งแล้ว ให้สํานักงานแจ้งให้คณะกรรมการการเลือกตั.,ง ประจําเขตเลือกตั.,งถอนชื'อผู้ซึ'งศาลสั'งเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งโดยการขีดชื'อบุคคลนั.,นออก จากบัญชีรายชื'อผู้มีสิทธิเลือกตั.,ง พร้อมทั.,งหมายเหตุไว้ด้วยว่าถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งตาม

คําสั'งศาล กรณีตามวรรคหนึ'ง ให้สํานักงานศาลยุติธรรมแจ้งคําพิพากษาดังกล่าวต่อ สํานักงาน เพื'อดําเนินการแก้ไขบัญชีรายชื'อผู้มีสิทธิเลือกตั.,งให้สอดคล้องกัน

มาตรา ๔๐ ห้ามมิให้ผู้ใดดําเนินการหรือยินยอมให้มีการย้ายบุคคลใดเข้า มาในทะเบียนบ้านของตน เพื'อประโยชน์ในการเลือกตั.,งโดยมิชอบ

กรณีดังต่อไปนี., ให้สันนิษฐานว่าเปป็นการย้ายบุคคลเข้ามาในทะเบียนบ้าน เพื'อประโยชน์ในการเลือกตั.,งโดยมิชอบ

การย้ายบุคคลตั.,งแต่ห้าคนขึ.,นไปซึ'งไม่มีชื'อสกุลเดียวกับเจ้าบ้านเข้ามา ในทะเบียนบ้านเพื'อให้บุคคลดังกล่าวมีสิทธิเลือกตั.,งที'จะมีขึ.,นภายในสองปันับแต่วันที'ย้าย เข้ามาในทะเบียนบ้าน

การย้ายบุคคลเข้ามาในทะเบียนบ้านโดยบุคคลนั.,นมิได้อยู่อาศัยจริง โดยไม่มีเหตุอันสมควร

การย้ายบุคคลเข้ามาในทะเบียนบ้านโดยมิได้รับความยินยอมจากเจ้า บ้าน ความในวรรคสอง (๑) มิให้ใช้บังคับแก่หน่วยงานของรัฐ สถานศึกษา หรือ สถานประกอบการ หรือสถานที'อื'นใดที'คณะกรรมการประกาศกําหนด ที'ย้ายเจ้าหน้าที' นักศึกษา หรือพนักงานของตน หรือบุคคลที'คณะกรรมการประกาศกําหนด เข้ามาใน ทะเบียนบ้านของตน ทั.,งนี., ตามหลักเกณฑ์และเงื'อนไขที'คณะกรรมการกําหนด

หมวด ๔ ผู้สมัครและการสมัครรับเลือกตั.,ง ส่วนที' ๑

ผู้สมัครรับเลือกตั.,ง

มาตรา ๔๑ บุคคลผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี., เปป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั.,ง เปป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

มีสัญชาติไทยโดยการเกิด

มีอายุไม่ต나ากว่ายี'สิบห้าปันับถึงวันเลือกตั.,ง

เปป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ'งแต่เพียง พรรคการเมืองเดียวเปป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับถึงวันเลือกตั.,ง เว้นแต่ใน กรณีที'มีการเลือกตั.,งทั'วไปเพราะเหตุยุบสภา ระยะเวลาเก้าสิบวันดังกล่าวให้ลดลงเหลือ สามสิบวัน นี.,ด้วย

ผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั.,ง ต้องมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ'งดังต่อไป (ก) มีชื'ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที'สมัครรับเลือกตั.,งมาแล้วเปป็น เวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าห้าปันับถึงวันสมัครรับเลือกตั.,ง (ข) เปป็นบุคคลซึ'งเกิดในจังหวัดที'สมัครรับเลือกตั.,ง (ค) เคยศึกษาในสถานศึกษาที'ตั.,งอยู่ในจังหวัดที'สมัครรับเลือกตั.,งเปป็น เวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าห้าปัการศึกษา (ง) เคยรับราชการหรือปฏิบัติหน้าที'ในหน่วยงานของรัฐ หรือเคยมีชื'อ อยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที'สมัครรับเลือกตั.,ง แล้วแต่กรณี เปป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า ห้าปั

มาตรา ๔๒ บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี., เปป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ สมัครรับเลือกตั.,งเปป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

ติดยาเสพติดให้โทษ

เปป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเปป็นบุคคลล้มละลายทุจริต

เปป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื'อมวลชนใด ๆ ไม่

เปป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช

อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งไม่ว่าคดีนั.,นจะถึงที'สุดแล้วหรือ

วิกลจริตหรือจิตฟ' ~นเฟ더อนไม่สมประกอบ

อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั.,งเปป็นการชั'วคราวหรือ ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั.,ง

ต้องคําพิพากษาให้จําคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล

เคยได้รับโทษจําคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปันับถึงวันเลือกตั.,ง เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทําโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ

๑๐

เคยถูกสั'งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะ ทุจริตต่อหน้าที' หรือถือว่ากระทําการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ

๑๑

เคยต้องคําพิพากษาหรือคําสั'งของศาลอันถึงที'สุดให้ทรัพย์สินตก เปป็นของแผ่นดินเพราะร나ารวยผิดปกติ หรือเคยต้องคําพิพากษาอันถึงที'สุดให้ลงโทษจําคุก เพราะกระทําความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการปนี้องกันและปราบปรามการทุจริต

๑๒

เคยต้องคําพิพากษาอันถึงที'สุดว่ากระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที' ราชการหรือต่อตําแหน่งหน้าที'ในการยุติธรรม หรือกระทําความผิดตามกฎหมายว่าด้วย ความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี'ยวกับทรัพย์ที' กระทําโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที' เปป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติดในความผิดฐานเปป็นผู้ผลิต นําเข้า ส่ง ออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเปป็นเจ้ามือหรือเจ้าสํานัก กฎหมาย ว่าด้วยการปนี้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วยการปนี้องกันและปราบ ปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน การเลือกตั.,ง การเมือง

๑๓

เคยต้องคําพิพากษาอันถึงที'สุดว่ากระทําการอันเปป็นการทุจริตใน

๑๔

เปป็นข้าราชการซึ'งมีตําแหน่งหรือเงินเดือนประจํานอกจากข้าราชการ

๑๕

เปป็นสมาชิกสภาท้องถิ'นหรือผู้บริหารท้องถิ'น

๑๖

เปป็นสมาชิกวุฒิสภาหรือเคยเปป็นสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกภาพสิ.,น สุดลงยังไม่เกินสองปั

๑๗

เปป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือ รัฐวิสาหกิจ หรือเปป็นเจ้าหน้าที'อื'นของรัฐ

๑๘

เปป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ (๑๙) อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง

๒๐

เคยพ้นจากตําแหน่งเพราะศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทําด้วยประการใด ๆ ที'มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิก วุฒิสภา หรือกรรมาธิการมีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณราย จ่าย

๒๑

เคยพ้นจากตําแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองมีคําพิพากษาว่าเปป็นผู้มีพฤติการณ์ร나ารวยผิดปกติ หรือ กระทําความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที' หรือจงใจปฏิบัติหน้าที'หรือใช้อํานาจขัดต่อบทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ'าฝ더นหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่าง ร้ายแรง

ส่วนที' ๒ การสมัครรับเลือกตั.,งแบบแบ่งเขตเลือกตั.,ง

มาตรา ๔๓ ผู้สมัครรับเลือกตั.,งแบบแบ่งเขตเลือกตั.,งต้องเปป็นผู้ซึ'ง พรรคการเมืองที'ตนเปป็นสมาชิกส่งสมัครรับเลือกตั.,งและได้รับการสรรหาตามวิธีการที' กําหนดไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง โดยจะสมัครรับเลือกตั.,ง เกินหนึ'งเขตมิได้ และต้องไม่เปป็นบุคคลที'มีรายชื'ออยู่ในบัญชีรายชื'อผู้สมัครแบบบัญชีรายชื'อ

มาตรา ๔๔ ให้ผู้อํานวยการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งประกาศวิธี การหรือสถานที'รับสมัครภายในสามวันนับแต่วันที'คณะกรรมการกําหนดวันเลือกตั.,ง กรณีมี เหตุจําเปป็นอันมิอาจหลีกเลี'ยงได้ อาจมีการเปลี'ยนวิธีการหรือสถานที'รับสมัครก็ได้ ทั.,งนี., ตามหลักเกณฑ์ที'คณะกรรมการกําหนด โดยจะกําหนดให้การรับสมัครของแต่ละเขตเลือก ตั.,งในจังหวัดเดียวกันกระทําในสถานที'เดียวกันก็ได้

มาตรา ๔๕ ในการสมัครรับเลือกตั.,งแบบแบ่งเขตเลือกตั.,ง ให้ผู้สมัครยื'น สมัครรับเลือกตั.,งตามที'กําหนดตามมาตรา ๔๔ ภายในระยะเวลาการรับสมัคร โดยมีเอกสาร และหลักฐาน ดังต่อไปนี.,

หนังสือรับรองการส่งผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั.,งของหัวหน้า พรรคการเมือง ซึ'งต้องมีคํารับรองด้วยว่าได้ดําเนินการถูกต้องครบถ้วนตามกฎหมาย ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองแล้วตามแบบที'คณะกรรมการกําหนด

หลักฐานแสดงการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเปป็นเวลาติดต่อกัน สามปันับถึงปัที'สมัครรับเลือกตั.,งของผู้สมัคร เว้นแต่เปป็นผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ ให้ทําหนังสือ ยืนยันการไม่ได้เสียภาษีพร้อมทั.,งสาเหตุแห่งการไม่ได้เสียภาษี

เงินค่าธรรมเนียมการสมัครคนละหนึ'งหมื'นบาท

เอกสารและหลักฐานอื'นตามที'คณะกรรมการกําหนดเท่าที'จําเปป็นต่อ การดําเนินการเลือกตั.,ง ให้สํานักงานจัดทําข้อมูลหลักฐานตาม (๒) และเปั"ดเผยให้ประชาชนทราบ เปป็นการทั'วไป

มาตรา ๔๖ ให้เปป็นหน้าที'ของผู้อํานวยการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,ง

ที'จะต้องตรวจสอบการสมัครของผู้สมัครว่าได้ส่งเอกสารและหลักฐานตามมาตรา ๔๕ ถูก ต้องครบถ้วนหรือไม่ ถ้าเห็นว่าไม่ถูกต้องครบถ้วน ให้คืนเอกสารและหลักฐานทั.,งหมดให้ผู้ สมัครนั.,น ในกรณีที'ผู้สมัครได้ส่งเอกสารและหลักฐานตามมาตรา ๔๕ ถูกต้องครบ ถ้วนแล้ว ให้ผู้อํานวยการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งออกหลักฐานการรับสมัครรับเลือก ตั.,งให้แก่ผู้สมัครนั.,นเรียงตามลําดับการยื'นสมัคร และให้ทําสําเนาคู่ฉบับไว้เปป็นหลักฐานและ ให้ประกาศรายชื'อผู้สมัครภายในเจ็ดวันนับแต่วันปั"ดรับสมัครไว้โดยเปั"ดเผย ณ ที'เลือกตั.,ง หรือบริเวณใกล้เคียงกับที'เลือกตั.,ง หรือสถานที'อื'นที'เห็นสมควร ประกาศตามวรรคสองอย่างน้อยให้มีชื'อตัว ชื'อสกุล และรูปถ่ายของผู้ สมัคร พรรคการเมืองที'สังกัด และหมายเลขประจําตัวผู้สมัครที'จะใช้ในการออกเสียงลง คะแนน

มาตรา ๔๗ ในกรณีมีเหตุจําเปป็นเฉพาะพื.,นที'ทําให้ไม่สามารถดําเนินการ รับสมัครรับเลือกตั.,งได้ตามมาตรา ๔๕ เนื'องจากเกิดจลาจล อุทกภัย อัคคีภัย เหตุสุดวิสัย หรือเหตุจําเปป็นอื'น ในเขตเลือกตั.,ง ให้คณะกรรมการมีอํานาจประกาศกําหนดวันรับสมัคร เพิ'มเติมโดยอาจกําหนดให้ดําเนินการรับสมัครรับเลือกตั.,งในท้องที'อื'นได้

ให้นําความในมาตรา ๑๖ มาใช้บังคับแก่การจัดการเลือกตั.,งในเขตเลือกตั.,ง ตามมาตรานี.,ด้วยโดยอนุโลม

มาตรา ๔๘ ในการสมัครรับเลือกตั.,ง ให้ผู้สมัครได้รับหมายเลขประจําตัวผู้ สมัครเรียงตามลําดับเลขที'ของหลักฐานการรับสมัครรับเลือกตั.,งที'ผู้อํานวยการการเลือกตั.,ง ประจําเขตเลือกตั.,งออกให้ตามมาตรา ๔๖

ในกรณีที'มีผู้มาสมัครพร้อมกันหลายคนและไม่อาจตกลงลําดับในการยื'น ใบสมัครได้ ให้ใช้วิธีจับสลากระหว่างผู้สมัครที'มาพร้อมกัน เมื'อได้กําหนดหมายเลขประจําตัวผู้สมัครแล้วจะเปลี'ยนแปลงหมายเลข ประจําตัวผู้สมัครไม่ได้ไม่ว่าด้วยประการใด ๆ

มาตรา ๔๙ กรณีที'ผู้อํานวยการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งไม่รับสมัคร ผู้ใด หรือไม่ประกาศรายชื'อบุคคลใดเปป็นผู้สมัครตามมาตรา ๔๖ ให้บุคคลนั.,นมีสิทธิยื'น คําร้องต่อศาลฎีกาภายในเจ็ดวันนับแต่วันที'ไม่รับสมัครหรือวันที'ประกาศรายชื'อผู้สมัคร แล้วแต่กรณี โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลในการดําเนินกระบวนพิจารณา โดยในการ พิจารณาและวินิจฉัยของศาลฎีกา ให้ดําเนินการให้แล้วเสร็จก่อนวันเลือกตั.,งไม่น้อยกว่า สามวัน และเมื'อศาลฎีกามีคําวินิจฉัยเช่นใดแล้ว ให้ศาลแจ้งคําวินิจฉัยไปยังผู้อํานวยการ การเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งเพื'อดําเนินการตามคําวินิจฉัยต่อไปโดยเร็ว แต่ทั.,งนี., ไม่

กระทบกระเทือนถึงการปฏิบัติก่อนทราบคําวินิจฉัยของศาล

มาตรา ๕๐ เมื'อผู้อํานวยการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งได้ออกหลัก ฐานการรับสมัครรับเลือกตั.,งให้แก่ผู้สมัครตามมาตรา ๔๖ แล้ว ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง จะถอนการสมัครหรือเปลี'ยนแปลงผู้สมัครได้เฉพาะกรณีผู้สมัครตายหรือขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม และต้องกระทําก่อนปั"ดการรับสมัครรับเลือกตั.,ง ทั.,งนี., ตามหลัก เกณฑ์และวิธีการที'คณะกรรมการกําหนด

มาตรา ๕๑ ในกรณีที'ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งหรือผู้สมัครผู้ใดเห็นว่าผู้มีชื'อใน ประกาศรายชื'อที'ผู้อํานวยการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งได้ประกาศตามมาตรา ๔๖ ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั.,งให้มีสิทธิยื'นคําร้องต่อคณะกรรมการภายในเจ็ดวันนับแต่วันที' ประกาศรายชื'อผู้สมัคร เมื'อคณะกรรมการมีคําวินิจฉัยเช่นใดแล้ว ให้แจ้งคําวินิจฉัยไปยังผู้ อํานวยการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งเพื'อดําเนินการตามคําวินิจฉัยต่อไปโดยเร็ว ตาม หลักเกณฑ์และวิธีการที'คณะกรรมการกําหนด แต่ทั.,งนี., ไม่กระทบกระเทือนถึงการปฏิบัติ ก่อนทราบคําวินิจฉัยของคณะกรรมการ

ในกรณีที'คณะกรรมการมีคําวินิจฉัยให้ถอนการรับสมัครของผู้ใด ให้ผู้นั.,น มีสิทธิยื'นอุทธรณ์คําวินิจฉัยดังกล่าวต่อศาลฎีกาได้ภายในสามวันนับแต่วันที'ถูกถอนการรับ สมัคร และในกรณีที'ศาลฎีกายังมิได้มีคําวินิจฉัยเปป็นประการใดก่อนวันเลือกตั.,ง ให้การ พิจารณาเปป็นอันยุติ และให้ดําเนินการเลือกตั.,งไปตามคําสั'งของคณะกรรมการ

มาตรา ๕๒ ก่อนวันเลือกตั.,ง หากผู้อํานวยการการเลือกตั.,งประจําเขต เลือกตั.,งตรวจสอบแล้วเห็นว่าผู้สมัครผู้ใดไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั.,งเนื'องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั.,ง ให้ยื'นคําร้องต่อศาลฎีกาให้ถอนชื'อผู้นั.,น ออกจากประกาศรายชื'อผู้สมัคร

เมื'อถึงวันเลือกตั.,ง ถ้าปรากฏว่าศาลฎีกายังมิได้วินิจฉัย ให้ดําเนินการเลือก ตั.,งไปตามประกาศรายชื'อผู้สมัครที'มีผลอยู่ในวันนั.,น

มาตรา ๕๓

ก่อนประกาศผลการเลือกตั.,ง หากผู้อํานวยการการเลือกตั.,ง ประจําเขตเลือกตั.,งตรวจสอบแล้วเห็นว่าผู้สมัครผู้ใดไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั.,งเนื'องจากขาด คุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั.,งและผู้สมัครผู้นั.,นได้คะแนนอยู่ ในลําดับที'จะได้รับการเลือกตั.,ง ให้เสนอเรื'องต่อคณะกรรมการเพื'อวินิจฉัย ในกรณีที'คณะ กรรมการวินิจฉัยว่าผู้สมัครผู้นั.,นมีเหตุดังกล่าว ให้มีคําสั'งยกเลิกการเลือกตั.,งในเขตเลือกตั.,ง นั.,นและสั'งให้ดําเนินการเลือกตั.,งใหม่ ในกรณีตามวรรคหนึ'ง หากผู้สมัครผู้นั.,นรู้อยู่แล้วว่าตนเปป็นผู้ไม่มีสิทธิ สมัครรับเลือกตั.,ง ให้คณะกรรมการสั'งระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั.,งไว้เปป็นการชั'วคราว และ ดําเนินการต่อไปตามมาตรา ๑๓๘

มาตรา ๕๔ กรณีที'พบเหตุตามมาตรา ๕๓ ภายหลังประกาศผลการเลือก ตั.,ง และผู้นั.,นเปป็นผู้ได้รับเลือกตั.,ง ให้คณะกรรมการยื'นคําร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื'อวินิจฉัย

ในกรณีตามวรรคหนึ'ง หากผู้สมัครผู้นั.,นรู้อยู่แล้วว่าตนเปป็นผู้ไม่มีสิทธิ สมัครรับเลือกตั.,งแล้วปกปั"ดหรือไม่แจ้งข้อความจริงนั.,น ให้ถือว่าการเลือกตั.,งในเขตเลือกตั.,ง นั.,นมิได้เปป็นไปโดยสุจริตหรือเที'ยงธรรม และให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคําสั'งเพิกถอนสิทธิสมัคร รับเลือกตั.,งของผู้นั.,น เมื'อศาลรัฐธรรมนูญได้รับเรื'องไว้พิจารณาแล้ว หากปรากฏเหตุอันควร สงสัยว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ถูกร้องมีกรณีตามที'ถูกร้อง ให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคําสั'ง ให้ผู้นั.,นหยุดปฏิบัติหน้าที'จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคําวินิจฉัย

มาตรา ๕๕ พรรคการเมืองที'ส่งผู้สมัคร หากประสงค์จะส่งผู้แทนไป ประจําอยู่ ณ ที'เลือกตั.,งเพื'อสังเกตการณ์การออกเสียงลงคะแนนและการนับคะแนน ให้ยื'น หนังสือแต่งตั.,งผู้แทนของตนต่อคณะกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งก่อนวันเลือก ตั.,งไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน ทั.,งนี., ให้แต่งตั.,งได้ที'เลือกตั.,งละหนึ'งคน

ผู้แทนพรรคการเมืองตามวรรคหนึ'ง ต้องอยู่ในที'ซึ'งจัดไว้ ณ ที'เลือกตั.,งซึ'ง สามารถมองเห็นการปฏิบัติงานได้ และต้องปฏิบัติตามที'กรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,ง กําหนด ในกรณีที'มีการกระทําอันเปป็นการฝ'าฝ더นความในวรรคสอง ให้คณะ กรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งมีคําสั'งให้ผู้แทนพรรคการเมืองนั.,นออกไปจากที'เลือกตั.,ง และให้เจ้าหน้าที'รักษาความปลอดภัยประจําหน่วยเลือกตั.,งดําเนินการเพื'อให้เปป็นไปตามคํา สั'ง การปฏิบัติงานของผู้แทนพรรคการเมืองให้เปป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธี การที'คณะกรรมการกําหนด

ส่วนที' ๓ การสมัครรับเลือกตั.,งแบบบัญชีรายชื'อ

มาตรา ๕๖ พรรคการเมืองใดส่งผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั.,งแล้ว ให้มี สิทธิส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื'อได้พรรคละหนึ'งบัญชี มีจํานวนไม่เกินหนึ'งร้อยรายชื'อ ตาม หลักเกณฑ์ดังต่อไปนี.,

ดําเนินการสรรหาผู้สมัครแบบบัญชีรายชื'อตามวิธีการที'กําหนดไว้ใน กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง

พรรคการเมืองจะเสนอรายชื'อบุคคลใดต้องได้รับความยินยอมเปป็น หนังสือจากบุคคลนั.,น และบุคคลดังกล่าวต้องเปป็นสมาชิกของพรรคการเมืองที'จะเสนอราย ชื'อเพียงพรรคเดียว

ให้จัดทําบัญชีรายชื'อตามแบบที'คณะกรรมการกําหนด โดยจัดเรียง ลําดับรายชื'อผู้สมัครตามลําดับหมายเลข

รายชื'อในบัญชีผู้สมัครของพรรคการเมืองต้องไม่ซ엄ากับพรรคการเมือง อื'นและไม่ซ엄ากับรายชื'อผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั.,ง การจัดทําบัญชีรายชื'อตามวรรคหนึ'งต้องให้สมาชิกของพรรคการเมืองมี ส่วนร่วมในการพิจารณาด้วย โดยต้องคํานึงถึงผู้สมัครรับเลือกตั.,งจากภูมิภาคต่าง ๆ และ ความเท่าเทียมกันระหว่างชายและหญิง ทั.,งนี., ตามที'บัญญัติไว้ในกฎหมายประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง

มาตรา ๕๗ การสมัครรับเลือกตั.,งแบบบัญชีรายชื'อ ให้พรรคการเมืองยื'น บัญชีรายชื'อผู้สมัครที'พรรคการเมืองจัดทําขึ.,นตามมาตรา ๕๖ ต่อคณะกรรมการก่อนปั"ด

การรับสมัครรับเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั.,ง ตามวิธีการและ สถานที'ที'คณะกรรมการกําหนด กรณีมีเหตุจําเปป็นอันมิอาจหลีกเลี'ยงได้ คณะกรรมการอาจ เปลี'ยนวิธีการหรือสถานที'รับสมัครก็ได้ ในการยื'นบัญชีรายชื'อผู้สมัครตามวรรคหนึ'ง ต้องยื'นพร้อมเอกสารและ หลักฐานดังต่อไปนี.,

หนังสือยินยอมของผู้สมัคร

หนังสือรับรองของพรรคการเมืองว่าได้ดําเนินการถูกต้องครบถ้วน ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองแล้ว

หลักฐานแสดงการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเปป็นเวลาติดต่อกัน สามปันับถึงปัที'สมัครรับเลือกตั.,งของผู้สมัคร เว้นแต่เปป็นผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ ให้ทําหนังสือ ยืนยันการไม่ได้เสียภาษีพร้อมทั.,งสาเหตุแห่งการไม่ได้เสียภาษี

เงินค่าธรรมเนียมการสมัครคนละหนึ'งหมื'นบาท

เอกสารและหลักฐานอื'นตามที'คณะกรรมการกําหนดเท่าที'จําเปป็นต่อ การดําเนินการเลือกตั.,ง ให้สํานักงานจัดทําข้อมูลหลักฐานตาม (๓) และเปั"ดเผยให้ประชาชนทราบ เปป็นการทั'วไป ในกรณีพรรคการเมืองใดยื'นเอกสารและหลักฐานการสมัครรับเลือกตั.,ง ของผู้สมัครรายใดไม่ถูกต้องครบถ้วน ให้คณะกรรมการมีอํานาจไม่รับสมัครรับเลือกตั.,งผู้ สมัครรายนั.,นได้ และให้สํานักงานแจ้งเหตุผลให้พรรคการเมืองทราบ ทั.,งนี., ตามที'คณะ กรรมการกําหนด ให้นําความในมาตรา ๔๘ มาใช้บังคับแก่การให้หมายเลขประจําตัวสําหรับ ผู้สมัครแบบบัญชีรายชื'อด้วยโดยอนุโลม

มาตรา ๕๘ เมื'อคณะกรรมการรับสมัครผู้สมัครแบบบัญชีรายชื'อของ พรรคการเมืองใดแล้ว ให้ประกาศรายชื'อผู้สมัครภายในเจ็ดวันนับแต่วันปั"ดรับสมัครไว้โดย เปั"ดเผย ณ ที'เลือกตั.,ง หรือบริเวณใกล้เคียงกับที'เลือกตั.,ง หรือสถานที'อื'นที'เห็นสมควร และ ให้นําความในมาตรา ๔๖ วรรคสาม และมาตรา ๔๗ มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม

มาตรา ๕๙ กรณีที'คณะกรรมการไม่รับสมัครบุคคลใดหรือไม่ประกาศ รายชื'อบุคคลใดเปป็นผู้สมัครตามมาตรา ๕๘ ให้บุคคลนั.,นมีสิทธิยื'นคําร้องต่อศาลฎีกาภายใน เจ็ดวันนับแต่วันที'ไม่รับสมัครหรือวันที'ประกาศรายชื'อผู้สมัคร แล้วแต่กรณี และให้นําความ ในมาตรา ๔๙ มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม

มาตรา ๖๐ ให้นําความในมาตรา ๕๑ มาใช้บังคับแก่กรณีที'ผู้มีสิทธิเลือก ตั.,งหรือผู้สมัครผู้ใดเห็นว่าผู้มีชื'อในบัญชีรายชื'อที'คณะกรรมการประกาศตามมาตรา ๕๘ ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั.,งด้วยโดยอนุโลม

มาตรา ๖๑ ก่อนวันเลือกตั.,ง หากคณะกรรมการเห็นว่าผู้สมัครของ พรรคการเมืองใดไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั.,งเนื'องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม

มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั.,ง ให้ยื'นคําร้องต่อศาลฎีกาให้ถอนชื'อผู้นั.,นออกจากประกาศราย ชื'อผู้สมัคร และให้นําความในมาตรา ๕๒ วรรคสอง มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม

ส่วนที' ๔

ค่าใช้จ่ายในการเลือกตั.,งและวิธีการหาเสียง

มาตรา ๖๒

ให้คณะกรรมการประกาศกําหนดจํานวนเงินค่าใช้จ่ายใน การเลือกตั.,ง ดังต่อไปนี.,

จํานวนเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั.,งของผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั.,งที' จะใช้จ่ายในการเลือกตั.,ง

จํานวนเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั.,งของพรรคการเมืองที'จะใช้จ่ายใน การเลือกตั.,ง ในกรณีที'ผู้สมัครแบบบัญชีรายชื'อผู้ใดของพรรคการเมืองได้ใช้จ่ายไปเพื'อการ เลือกตั.,งเปป็นจํานวนเท่าใด ให้นับรวมเปป็นค่าใช้จ่ายของพรรคการเมืองด้วย ในการกําหนดจํานวนเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั.,งตาม (๒) จะกําหนดโดย ใช้จํานวนสมาชิกของพรรคการเมืองที'ส่งสมัครรับเลือกตั.,งเปป็นรายบุคคลมาเปป็นฐานในการ คํานวณมิได้ โดยให้คณะกรรมการหารือกับหัวหน้าพรรคการเมือง และให้มีการทบทวนการ กําหนดจํานวนเงินดังกล่าวให้สอดคล้องกับความจําเปป็นและสภาวะทางเศรษฐกิจอย่างน้อย ทุกสี'ปั

มาตรา ๖๓ ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใช้จ่ายในการเลือกตั.,งเกิน จํานวนค่าใช้จ่ายที'กําหนดตามมาตรา ๖๒ ทั.,งนี., ค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้รวมถึงบรรดาเงินหรือ ทรัพย์สินอื'นใดที'บุคคลใด ๆ จ่ายหรือรับว่าจะจ่ายแทน หรือนํามาให้ใช้โดยไม่คิดค่า ตอบแทนเพื'อประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั.,ง โดยผู้สมัครหรือพรรคการเมืองนั.,นยินยอม หรือไม่คัดค้าน ในกรณีที'นําทรัพย์สินมาให้ใช้ ให้คํานวณตามอัตราค่าเช่าหรือค่าตอบแทน ตามปกติในท้องที'นั.,น ๆ ทั.,งนี., ไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายที'คณะกรรมการจัดให้แก่ผู้สมัครทุกคน และพรรคการเมืองทุกพรรคอย่างเท่าเทียมกัน

มาตรา ๖๔ ในการคํานวณค่าใช้จ่ายของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง สําหรับการเลือกตั.,งแต่ละครั.,ง ให้คํานวณตามค่าใช้จ่ายที'ใช้จ่ายจริงในการเลือกตั.,งใน ระหว่างระยะเวลาดังต่อไปนี.,

ในกรณีที'เปป็นการเลือกตั.,งทั'วไปอันเนื'องมาจากการครบอายุของสภาผู้ แทนราษฎร ให้คํานวณค่าใช้จ่ายที'ใช้จ่ายไปตั.,งแต่หนึ'งร้อยแปดสิบวันก่อนวันที'คณะ กรรมการประกาศให้มีการเลือกตั.,ง จนถึงวันเลือกตั.,ง

ในกรณีที'เปป็นการเลือกตั.,งทั'วไปอันเนื'องมาจากการยุบสภา หรือการ เลือกตั.,งแทนตําแหน่งที'ว่าง ให้คํานวณค่าใช้จ่ายที'ใช้จ่ายไปตั.,งแต่วันที'ยุบสภาหรือวันที' ตําแหน่งว่างลง แล้วแต่กรณี จนถึงวันเลือกตั.,ง ในกรณีที'มีเหตุอันสมควรเพื'อประโยชน์ในการดําเนินการหรือการจัดการ เลือกตั.,งให้เปป็นไปโดยสุจริตและเที'ยงธรรม คณะกรรมการจะขยายระยะเวลาตามวรรคหนึ'ง ออกไปก็ได้ ให้คณะกรรมการประกาศประเภทของค่าใช้จ่ายในการเลือกตั.,งไว้เปป็น ตัวอย่างให้ผู้สมัคร พรรคการเมือง และประชาชนทราบเปป็นการทั'วไป ประกาศดังกล่าวให้มี การปรับปรุงให้เปป็นปีจจุบัน

มาตรา ๖๕ เมื'อพ้นกําหนดระยะเวลาตามมาตรา ๖๔ แล้ว พรรคการเมือง ผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมือง และสมาชิกพรรคการเมืองซึ'งเปป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรหรือผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองผู้ใด ให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื'นใดอันอาจ คํานวณเปป็นเงินได้แก่บุคคล คณะบุคคล หรือนิติบุคคล ให้ถือว่าเปป็นการใช้จ่ายเกี'ยวกับการ เลือกตั.,งตามมาตรา ๖๓ โดยให้นําไปรวมคํานวณเปป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั.,งของ พรรคการเมืองนั.,นในการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั.,งต่อไป

การกระทําตามวรรคหนึ'ง ถ้าเปป็นการกระทําของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ'งกระทําภายในเขตเลือกตั.,งของตน ให้ถือว่าเปป็นการใช้จ่ายเกี'ยวกับการเลือกตั.,งตาม มาตรา ๖๔ โดยให้นําไปรวมคํานวณเปป็นค่าใช้จ่ายของผู้นั.,นในการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรครั.,งต่อไป ความในวรรคหนึ'งและวรรคสองมิให้ใช้บังคับแก่การให้ตามปกติประเพณี หรือเมื'อมีเหตุอันสมควร ทั.,งนี., ตามจํานวน หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื'อนไขที'คณะกรรมการ กําหนด

มาตรา ๖๖ ในกรณีที'ความปรากฏต่อคณะกรรมการว่ามีผู้ใดกระทําการ ตามมาตรา ๖๕ ให้คณะกรรมการสั'งให้เลขาธิการบันทึกไว้เปป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั.,งของ พรรคการเมืองหรือของผู้ซึ'งดํารงตําแหน่งตามมาตรา ๖๕ ในการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรครั.,งต่อไป แล้วแจ้งให้พรรคการเมืองหรือบุคคลดังกล่าวทราบ พรรคการเมืองหรือ บุคคลดังกล่าวที'ไม่เห็นด้วยให้มีสิทธิยื'นคัดค้านตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื'อนไขที'คณะ กรรมการกําหนด

มาตรา ๖๗ ภายในกําหนดเก้าสิบวันนับจากวันเลือกตั.,ง ผู้สมัครแต่ละคน และหัวหน้าพรรคการเมืองที'ส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื'อ ต้องยื'นบัญชีรายรับและรายจ่าย ต่อคณะกรรมการ ตามแบบที'คณะกรรมการกําหนด ซึ'งอย่างน้อยต้องประกอบด้วยค่าใช้ จ่ายทั.,งหมดที'ได้จ่ายไปแล้วและที'ยังค้างชําระ รวมทั.,งเอกสารหรือหลักฐานที'เกี'ยวข้องให้ถูก ต้องครบถ้วนตามความเปป็นจริง และผู้สมัครหรือหัวหน้าพรรคการเมือง แล้วแต่กรณี ต้อง ลงลายมือชื'อรับรองความถูกต้องครบถ้วนของบัญชีรายรับและรายจ่าย

ให้คณะกรรมการเปั"ดเผยรายงานสรุปรายรับและรายจ่ายของผู้สมัคร แต่ละคนและพรรคการเมืองแต่ละพรรคโดยประกาศให้ประชาชนทราบเปป็นการทั'วไป ให้คณะกรรมการดําเนินการให้มีการตรวจสอบรายการค่าใช้จ่ายตาม วรรคหนึ'งตามวิธีการที'คณะกรรมการกําหนด ในกรณีที'ความปรากฏต่อคณะกรรมการหรือมีการคัดค้านว่าผู้สมัครผู้ใด หรือพรรคการเมืองใดใช้จ่ายเกี'ยวกับการเลือกตั.,งเกินจํานวนค่าใช้จ่ายที'คณะกรรมการ กําหนด หรือปรากฏว่าบัญชีรายรับและรายจ่ายไม่ถูกต้องครบถ้วนตามความเปป็นจริง ให้ คณะกรรมการดําเนินการให้มีการสืบสวนหรือไต่สวนและวินิจฉัยเพื'อดําเนินการต่อไปโดย เร็ว และให้เก็บรักษาบัญชีรายรับและรายจ่าย เอกสารและหลักฐานดังกล่าวไว้จนกว่าคณะ กรรมการจะดําเนินการแล้วเสร็จ

มาตรา ๖๘ เพื'อประโยชน์แห่งความเที'ยงธรรมและความเปป็นระเบียบ

เรียบร้อย ให้คณะกรรมการกําหนดวิธีการหาเสียงเลือกตั.,งให้ผู้สมัครและพรรคการเมือง ต้องปฏิบัติ วิธีการหาเสียงเลือกตั.,งดังกล่าวให้มีผลภายในกําหนดเวลา ดังต่อไปนี.,

ในกรณีที'เปป็นการเลือกตั.,งทั'วไปอันเนื'องมาจากการครบอายุของสภาผู้ แทนราษฎร ให้กระทําได้ตั.,งแต่หนึ'งร้อยแปดสิบวันก่อนวันครบอายุ จนถึงวันก่อนวันเลือก ตั.,ง

ในกรณีที'เปป็นการเลือกตั.,งทั'วไปอันเนื'องมาจากการยุบสภา หรือการ เลือกตั.,งแทนตําแหน่งที'ว่าง ให้กระทําได้ตั.,งแต่วันที'ยุบสภาหรือวันที'ตําแหน่งว่างลง แล้วแต่ กรณี จนถึงวันก่อนวันเลือกตั.,ง

ในกรณีมีการสั'งให้มีการเลือกตั.,งใหม่ ให้กระทําได้ตั.,งแต่วันที'มีคําสั'งให้ มีการเลือกตั.,งใหม่ จนถึงวันก่อนวันเลือกตั.,ง

ในกรณีมีการสั'งให้มีการออกเสียงลงคะแนนใหม่ ผู้ใดจะหาเสียงเลือก ตั.,งมิได้ เว้นแต่คณะกรรมการจะมีมติเปป็นอย่างอื'นโดยคํานึงถึงความสุจริตและเที'ยงธรรม

มาตรา ๖๙ ห้ามผู้สมัคร พรรคการเมือง หรือผู้ใดโฆษณาหาเสียงเลือกตั.,ง ทางวิทยุกระจายเสียงหรือวิทยุโทรทัศน์ เว้นแต่เปป็นการดําเนินการตามที'ได้รับการสนับสนุน

ตามมาตรา ๘๑

มาตรา ๗๐ การหาเสียงเลือกตั.,งจะกระทําโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ก็ได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื'อนไขที'คณะกรรมการกําหนด แต่ห้ามมิให้ผู้ใดหาเสียง เลือกตั.,ง ไม่ว่าจะเปป็นคุณหรือเปป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใดนับตั.,งแต่เวลา ๑๘.๐๐ นาWิกา ของวันก่อนวันเลือกตั.,งหนึ'งวันจนสิ.,นสุดวันเลือกตั.,ง

ในการกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื'อนไขตามวรรคหนึ'ง ให้คณะ กรรมการหารือกับพรรคการเมือง และผู้ที'เกี'ยวข้องกับวิชาชีพสื'อมวลชนทั.,งสื'อหนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และสื'อทางอิเล็กทรอนิกส์ ด้วย ในกรณีที'ความปรากฏต่อคณะกรรมการว่าผู้ใดกระทําการตามวรรคหนึ'ง โดยไม่เปป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการ หรือฝ'าฝ더นเงื'อนไขที'คณะกรรมการกําหนดตาม วรรคหนึ'ง คณะกรรมการมีอํานาจสั'งให้แก้ไข เปลี'ยนแปลง หรือลบข้อมูลภายในเวลาที'คณะ กรรมการกําหนด ให้นําค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั.,งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตาม มาตรานี., ไปรวมคํานวณเปป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั.,งของผู้สมัครและพรรคการเมืองด้วย

มาตรา ๗๑ การหาเสียงเลือกตั.,งด้วยวิธีการอื'นใดนอกจากที'บัญญัติไว้ใน มาตรา ๖๙ มาตรา ๗๐ มาตรา ๘๑ และมาตรา ๘๓ คณะกรรมการจะกําหนดให้ต้องทําตาม หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื'อนไขที'คณะกรรมการกําหนดก็ได้ โดยคํานึงถึงความเท่าเทียม ความเสมอภาค และความเที'ยงธรรมของผู้สมัครและพรรคการเมือง

มาตรา ๗๒ การสํารวจความคิดเห็นของประชาชนโดยมีเจตนาไม่สุจริต มีลักษณะเปป็นการชี.,นําหรือมีผลต่อการตัดสินใจในการลงคะแนนเลือกหรือลงคะแนนไม่ เลือกผู้สมัครผู้ใดจะกระทํามิได้

มาตรา ๗๓ ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทําการอย่างหนึ'งอย่างใดเพื'อ

จูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื'น หรือบัญชีรายชื'อของ พรรคการเมืองใด ให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร หรือบัญชีรายชื'อของ พรรคการเมืองใด หรือการชักชวนให้ไปลงคะแนนไม่เลือกผู้ใดเปป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ด้วยวิธีการดังต่อไปนี.,

จัดทํา ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื'อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื'นใดอันอาจคํานวณเปป็นเงินได้แก่ผู้ใด

ให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื'นใดไม่ ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อมแก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัด สถานศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือ สถาบันอื'นใด

ทําการโฆษณาหาเสียงด้วยการจัดให้มีมหรสพหรือการรื'นเริงต่าง ๆ (๔) เลี.,ยงหรือรับจะจัดเลี.,ยงผู้ใด

หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือ จูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ความใน (๓) มิให้ใช้บังคับแก่ผู้สมัครที'ใช้ความรู้ความสามารถทางศิลปะ ของตน หาเสียงให้แก่ตนเองโดยไม่ใช้อุปกรณ์ในการแสดงมหรสพ ความผิดตาม (๑) หรือ (๒) ให้ถือว่าเปป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่า ด้วยการปนี้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และให้คณะกรรมการมีอํานาจส่งเรื'องให้ สํานักงานปนี้องกันและปราบปรามการฟอกเงินดําเนินการตามหน้าที'และอํานาจได้

มาตรา ๗๔ การหาเสียงเลือกตั.,งของผู้สมัครและพรรคการเมือง ต้องไม่ ขัดหรือแย้งกับแนวทางที'กําหนดเปป็นนโยบายของพรรคการเมืองตามกฎหมายประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง

มาตรา ๗๕ ห้ามมิให้ผู้ใดหรือพรรคการเมืองใดเรียกหรือรับทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื'นใดเพื'อลงสมัครหรือส่งผู้สมัคร หรือไม่ลงสมัครหรือไม่ส่งผู้สมัครอันก่อ ให้เกิดประโยชน์แก่ผู้สมัครอื'นหรือพรรคการเมืองอื'นในการเลือกตั.,ง และทําให้การเลือกตั.,ง มิได้เปป็นไปโดยสุจริตหรือเที'ยงธรรม

มาตรา ๗๖ ห้ามมิให้ผู้สมัครผู้ใดจัดยานพาหนะนําผู้มีสิทธิเลือกตั.,งไปยังที' เลือกตั.,งหรือนํากลับไปจากที'เลือกตั.,ง หรือจัดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งไปหรือกลับเพื'อการออก เสียงลงคะแนน โดยไม่ต้องเสียค่าโดยสารยานพาหนะหรือค่าจ้างซึ'งต้องเสียตามปกติ

ห้ามมิให้ผู้ใดกระทําการตามวรรคหนึ'ง เพื'อจูงใจหรือควบคุมให้ผู้มีสิทธิ เลือกตั.,งไปลงคะแนนเลือกหรือลงคะแนนไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด บทบัญญัติในมาตรานี.,มิให้ใช้บังคับแก่การที'หน่วยงานของรัฐจัดยาน พาหนะเพื'ออํานวยความสะดวกแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั.,ง ทั.,งนี., ตามที'คณะกรรมการกําหนด

มาตรา ๗๗ ห้ามมิให้ผู้ใดซึ'งมิได้มีสัญชาติไทยเข้ามีส่วนช่วยเหลือในการ หาเสียงเลือกตั.,ง หรือกระทําการใด ๆ เพื'อประโยชน์ในการเลือกตั.,งโดยประการที'เปป็นคุณ หรือเปป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด ทั.,งนี., เว้นแต่การกระทํานั.,นเปป็นการช่วย

ราชการหรือเปป็นการประกอบอาชีพตามปกติโดยสุจริตของผู้นั.,น

มาตรา ๗๘ ห้ามมิให้เจ้าหน้าที'ของรัฐใช้ตําแหน่งหน้าที'โดยมิชอบด้วย กฎหมายกระทําการใด ๆ เพื'อเปป็นคุณหรือเปป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง

การใช้ตําแหน่งหน้าที'โดยมิชอบด้วยกฎหมายตามวรรคหนึ'ง มิให้ หมายความรวมถึงการปฏิบัติหน้าที'ตามปกติที'พึงต้องปฏิบัติในตําแหน่งของเจ้าหน้าที'ของ รัฐนั.,น หรือการแนะนําหรือช่วยเหลือในการดําเนินการที'เกี'ยวข้องกับการเลือกตั.,งของผู้ สมัครหรือพรรคการเมือง โดยมิได้เกี'ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที' แม้ว่าการกระทําจะเปป็น คุณหรือเปป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด ในกรณีมีหลักฐานอันควรเชื'อได้ว่ามีการฝ'าฝ더นบทบัญญัติตามวรรคหนึ'ง ให้คณะกรรมการหรือกรรมการที'พบเห็นมีอํานาจสั'งให้เจ้าหน้าที'ของรัฐยุติหรือระงับการก ระทําใดที'เห็นว่าอาจเปป็นคุณหรือเปป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด ในกรณีตามวรรคสาม ให้คณะกรรมการแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีหน้า ที'และอํานาจกํากับดูแลเจ้าหน้าที'ของรัฐผู้นั.,น สั'งให้เจ้าหน้าที'ของรัฐที'มีพฤติการณ์อันอาจ เปป็นคุณหรือเปป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใดพ้นจากหน้าที'เปป็นการชั'วคราว หรือสั'ง ให้ประจํากระทรวง ทบวง กรม ศาลากลางจังหวัด หรือที'ว่าการอําเภอ ในเขตเลือกตั.,งหรือ นอกเขตเลือกตั.,ง หรือห้ามเข้าเขตเลือกตั.,งใดเขตเลือกตั.,งหนึ'งได้

มาตรา ๗๙ ห้ามมิให้ผู้ใดทําการโฆษณาหาเสียงเลือกตั.,งโดยวิธีการใดไม่ ว่าจะเปป็นคุณหรือเปป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง นับตั.,งแต่เวลา ๑๘.๐๐ นาWิกา ของ วันก่อนวันเลือกตั.,งหนึ'งวันจนสิ.,นสุดวันเลือกตั.,ง

มาตรา ๘๐ เพื'อให้การหาเสียงเลือกตั.,งเปป็นไปด้วยความเรียบร้อย ให้คณะ กรรมการกําหนดลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั.,งของผู้สมัครและพรรคการเมือง

ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองจะมีผู้ช่วยหาเสียงก็ได้ แต่ต้องไม่เกินจํานวนที' คณะกรรมการกําหนด และต้องแจ้งให้สํานักงานทราบรายละเอียดเกี'ยวกับผู้ช่วยหาเสียง หน้าที'และค่าตอบแทนผู้ช่วยหาเสียง ทั.,งนี., ตามรายการและวิธีการที'คณะกรรมการกําหนด

มาตรา ๘๑ ให้คณะกรรมการมีหน้าที'สนับสนุนการโฆษณาหาเสียงเลือก ตั.,งให้แก่ผู้สมัครและพรรคการเมือง ทั.,งนี., ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที'คณะกรรมการ กําหนด ในการนี., คณะกรรมการจะขอให้หน่วยงานอื'นของรัฐเปป็นผู้ดําเนินการสนับสนุน

ด้วยก็ได้ ในการสนับสนุนการโฆษณาหาเสียงเลือกตั.,งตามวรรคหนึ'ง คณะ กรรมการอาจจัดเวทีประชันนโยบายบริหารประเทศสําหรับพรรคการเมืองได้ด้วย

มาตรา ๘๒ ให้เปป็นหน้าที'ของพนักงานหรือลูกจ้างของสํานักงาน ผู้ตรวจ การเลือกตั.,ง และเจ้าพนักงานตํารวจซึ'งได้รับแต่งตั.,งให้ช่วยเหลือการปฏิบัติงานในการเลือก ตั.,ง ที'จะต้องตรวจสอบดูแลการดําเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี., ใน กรณีที'พบเห็นการกระทําใดมิได้เปป็นไปตามมาตรา ๘๐ และมาตรา ๘๑ ต้องรายงานให้คณะ กรรมการทราบเพื'อดําเนินการตามหน้าที'และอํานาจต่อไปโดยทันที

พนักงานหรือลูกจ้างของสํานักงาน หรือเจ้าพนักงานตํารวจซึ'งมีหน้าที' ตามวรรคหนึ'ง ผู้ใดไม่รายงานให้คณะกรรมการทราบโดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้ถือว่าผู้นั.,น กระทําความผิดทางวินัย และให้คณะกรรมการส่งเรื'องให้ผู้มีอํานาจดําเนินการทางวินัย ดําเนินการตามหน้าที'และอํานาจแก่ผู้นั.,นโดยเร็ว และแจ้งผลให้คณะกรรมการทราบด้วย ใน กรณีที'ผู้ไม่ปฏิบัติหน้าที'ตามวรรคหนึ'งเปป็นผู้ตรวจการเลือกตั.,ง ให้ถือว่าละทิ.,งหน้าที'หรือไม่ ยอมปฏิบัติหน้าที'ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั.,ง

มาตรา ๘๓ ให้ผู้สมัคร พรรคการเมือง หรือผู้ใดปั"ดประกาศหรือติดแผ่น ปนี้ายเกี'ยวกับการเลือกตั.,งได้เฉพาะในสถานที'ที'คณะกรรมการกําหนด และต้องมีขนาดและ จํานวนไม่เกินที'คณะกรรมการกําหนด โดยการกําหนดดังกล่าวให้หารือกับพรรคการเมือง ด้วย

หมวด ๕ การออกเสียงลงคะแนนและการนับคะแนน ส่วนที' ๑

การออกเสียงลงคะแนน

มาตรา ๘๔

การออกเสียงลงคะแนนให้ใช้บัตรเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้ แทนราษฎร แบบละหนึ'งใบ ซึ'งต้องมีลักษณะแตกต่างที'สามารถจําแนกออกจากกันได้อย่าง ชัดเจน บัตรเลือกตั.,งแบบแบ่งเขตเลือกตั.,งต้องมีช่องทําเครื'องหมายและหมายเลข ไม่น้อยกว่าจํานวนผู้สมัครในเขตเลือกตั.,งนั.,น บัตรเลือกตั.,งแบบบัญชีรายชื'อต้องมีช่องทําเครื'องหมายและหมายเลขของ บัญชีรายชื'อของพรรคการเมืองและชื'อพรรคการเมืองพร้อมภาพเครื'องหมาย พรรคการเมืองครบทุกพรรคที'ส่งสมัครรับเลือกตั.,งแบบบัญชีรายชื'อ บัตรเลือกตั.,งตามวรรคสองและวรรคสามต้องมีช่องทําเครื'องหมายว่าไม่ เลือกผู้สมัครใดหรือบัญชีรายชื'อของพรรคการเมืองใด แล้วแต่กรณี ด้วย การออกเสียงลงคะแนนให้เปป็นไปตามวิธีการที'คณะกรรมการกําหนด มาตรา ๘๕ หีบบัตรเลือกตั.,งและบัตรเลือกตั.,งให้มีลักษณะตามที'คณะ กรรมการกําหนด ในการกําหนดเกี'ยวกับหีบบัตรเลือกตั.,งต้องกําหนดให้สามารถใช้หีบบัตร เลือกตั.,งเดิมได้ด้วย

มาตรา ๘๖ ในวันเลือกตั.,งให้เปั"ดการออกเสียงลงคะแนนตั.,งแต่เวลา ๐๘.๐๐ นาWิกา ถึงเวลา ๑๗.๐๐ นาWิกา

มาตรา ๘๗ ก่อนเริ'มเปั"ดให้มีการออกเสียงลงคะแนน ให้คณะกรรมการ ประจําหน่วยเลือกตั.,งนับจํานวนบัตรเลือกตั.,งทั.,งหมดของหน่วยเลือกตั.,งนั.,น และปั"ดประกาศ จํานวนบัตรเลือกตั.,งไว้ในที'เปั"ดเผย และเมื'อถึงเวลาเปั"ดการลงคะแนน ให้คณะกรรมการ ประจําหน่วยเลือกตั.,งเปั"ดหีบบัตรเลือกตั.,งในที'เปั"ดเผยแสดงให้ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งซึ'งอยู่ ณ ที' เลือกตั.,งนั.,นเห็นว่าหีบบัตรเลือกตั.,งเปป็นหีบเปล่า และให้ปั"ดหีบบัตรเลือกตั.,งตามวิธีการที'คณะ กรรมการกําหนด แล้วให้ทําการบันทึกการดําเนินการดังกล่าว โดยให้ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งไม่ น้อยกว่าสองคนซึ'งอยู่ในที'เลือกตั.,งในขณะนั.,นลงลายมือชื'อในบันทึกนั.,นด้วย เว้นแต่ไม่มีผู้มี

สิทธิเลือกตั.,ง ณ ที'เลือกตั.,ง

มาตรา ๘๘ ในระหว่างเวลาเปั"ดการออกเสียงลงคะแนน ให้ผู้มีสิทธิเลือก ตั.,งซึ'งประสงค์จะออกเสียงลงคะแนนนําบัตรประจําตัวประชาชน หรือบัตรหรือหลักฐานอื'น ใดของทางราชการ หรือหน่วยงานของรัฐที'มีรูปถ่ายและมีเลขประจําตัวประชาชนของผู้ถือ บัตรไปแสดงตนต่อกรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,ง แล้วให้กรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,ง มอบบัตรเลือกตั.,งให้แก่ผู้นั.,นเพื'อไปออกเสียงลงคะแนน

บัตรประจําตัวประชาชนแม้จะหมดอายุแล้วก็ให้สามารถใช้ในการแสดง ตนตามวรรคหนึ'งได้ ขั.,นตอนและวิธีการตรวจสอบการแสดงตนให้เปป็นไปตามที'คณะกรรมการ กําหนด

มาตรา ๘๙ ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งซึ'งมีชื'ออยู่ในบัญชีรายชื'อผู้มีสิทธิเลือกตั.,งของ

หน่วยเลือกตั.,งใด ให้ออกเสียงลงคะแนนได้ ณ ที'เลือกตั.,งของหน่วยเลือกตั.,งนั.,น และให้มีสิทธิ ลงคะแนนได้เพียงแห่งเดียว

มาตรา ๙๐ ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งซึ'งได้รับการแต่งตั.,งให้ปฏิบัติหน้าที'ในหน่วย เลือกตั.,งอื'นที'อยู่นอกหน่วยเลือกตั.,งที'ตนมีสิทธิเลือกตั.,งในเขตเลือกตั.,งเดียวกัน สามารถออก เสียงลงคะแนนในหน่วยเลือกตั.,งที'ตนต้องปฏิบัติหน้าที' โดยให้ประธานกรรมการประจํา หน่วยเลือกตั.,งบันทึกการลงคะแนนของผู้นั.,นไว้ และแจ้งให้ประธานกรรมการการเลือกตั.,ง ประจําเขตเลือกตั.,งทราบ ทั.,งนี., ตามวิธีการที'คณะกรรมการกําหนด

มาตรา ๙๑

การออกเสียงลงคะแนน ให้ทําเครื'องหมายกากบาทลงใน ช่องทําเครื'องหมายของหมายเลขผู้สมัครหรือบัญชีรายชื'อของพรรคการเมืองในบัตรเลือก ตั.,ง และในกรณีที'ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งประสงค์จะออกเสียงลงคะแนนไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดหรือ บัญชีรายชื'อของพรรคการเมืองใด ให้ทําเครื'องหมายกากบาทลงในช่องทําเครื'องหมาย “ไม่ เลือกผู้สมัครผู้ใด” หรือ “ไม่เลือกบัญชีรายชื'อของพรรคการเมืองใด”

มาตรา ๙๒ เพื'ออํานวยความสะดวกให้แก่คนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้ สูงอายุ ในการออกเสียงลงคะแนน ให้คณะกรรมการหรือผู้ซึ'งคณะกรรมการมอบหมายจัด ให้มีการอํานวยความสะดวกสําหรับการออกเสียงลงคะแนนของบุคคลดังกล่าวไว้เปป็นพิเศษ หรือจัดให้มีการช่วยเหลือในการออกเสียงลงคะแนนภายใต้การกํากับดูแลของคณะ กรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,ง ในการให้ความช่วยเหลือดังกล่าว ต้องให้บุคคลนั.,นได้ออก เสียงลงคะแนนด้วยตนเองตามเจตนาของบุคคลนั.,น เว้นแต่ลักษณะทางกายภาพทําให้คน พิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุไม่สามารถทําเครื'องหมายลงในบัตรเลือกตั.,งได้ ให้ บุคคลอื'นหรือกรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งเปป็นผู้กระทําการแทน โดยความยินยอมและ เปป็นไปตามเจตนาของคนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุนั.,น ทั.,งนี., ให้ถือเปป็นการออก เสียงลงคะแนนโดยตรงและลับ

ในกรณีที'คณะกรรมการเห็นสมควร อาจกําหนดให้มีการจัดที'เลือกตั.,ง สําหรับคนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุ เปป็นกรณีพิเศษ โดยจัดให้บุคคลนั.,นได้ลง ทะเบียนเพื'อขอใช้สิทธิเลือกตั.,ง ณ สถานที'ดังกล่าว และเมื'อได้ลงทะเบียนแล้ว ให้หมดสิทธิ เลือกตั.,งในหน่วยเลือกตั.,งที'ตนมีชื'ออยู่ในทะเบียนบ้าน การอํานวยความสะดวกตามวรรคหนึ'ง การจัดที'เลือกตั.,งและการลง ทะเบียนเพื'อขอใช้สิทธิตามวรรคสอง ให้เปป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที'คณะกรรมการ กําหนด การลงทะเบียนดังกล่าวให้เปป็นไปตามวิธีการที'คณะกรรมการกําหนด ซึ'งต้องคํานึง ถึงความสะดวกของผู้ขอลงทะเบียนด้วย

มาตรา ๙๓

ภายใต้บังคับมาตรา ๙๒ เมื'อผู้มีสิทธิเลือกตั.,งทํา เครื'องหมายกากบาทลงในบัตรเลือกตั.,งแล้วให้พับบัตรเลือกตั.,งเพื'อมิให้ผู้อื'นทราบว่าลง คะแนนอย่างไร แล้วให้นําบัตรเลือกตั.,งนั.,นใส่ลงในหีบบัตรเลือกตั.,งด้วยตนเองต่อหน้า กรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,ง

มาตรา ๙๔ ห้ามมิให้ผู้ใดซึ'งรู้อยู่แล้วว่าตนเปป็นผู้ไม่มีสิทธิเลือกตั.,งหรือไม่มี สิทธิออกเสียงลงคะแนนในหน่วยเลือกตั.,งนั.,น พยายามออกเสียงลงคะแนนหรือออกเสียงลง คะแนน โดยแสดงบัตรประจําตัวประชาชนหรือหลักฐานอื'นที'มิได้มีไว้สําหรับตนหรือที' ปลอมแปลงขึ.,นต่อกรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งเพื'อออกเสียงลงคะแนน

มาตรา ๙๕ ห้ามมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งผู้ใดใช้บัตรอื'นที'มิใช่บัตรเลือกตั.,งที'ได้ รับจากเจ้าพนักงานผู้ดําเนินการเลือกตั.,งซึ'งมีอํานาจเพื'อออกเสียงลงคะแนน

ห้ามมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งผู้ใดนําบัตรเลือกตั.,งออกไปจากที'เลือกตั.,ง

มาตรา ๙๖ ห้ามมิให้ผู้ใดจงใจทําเครื'องหมายเพื'อเปป็นที'สังเกตโดยวิธีใดไว้

ที'บัตรเลือกตั.,ง

มาตรา ๙๗ ห้ามมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งใช้เครื'องมือหรืออุปกรณ์ใดถ่ายภาพ

บัตรเลือกตั.,งที'ตนได้ลงคะแนนเลือกตั.,งแล้ว

มาตรา ๙๘ ห้ามมิให้ผู้ใดนําบัตรเลือกตั.,งใส่ในหีบบัตรเลือกตั.,งโดยไม่มี อํานาจโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือกระทําการใดในบัญชีรายชื'อผู้มีสิทธิเลือกตั.,งเพื'อแสดง ว่ามีผู้มาแสดงตนเพื'อออกเสียงลงคะแนนโดยผิดไปจากความจริง หรือกระทําการใดอันเปป็น

เหตุให้มีบัตรเลือกตั.,งเพิ'มขึ.,นจากความจริง

มาตรา ๙๙

ห้ามมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งนําบัตรเลือกตั.,งที'ออกเสียงลง คะแนนแล้วแสดงต่อผู้อื'น เพื'อให้ผู้อื'นทราบว่าตนได้ลงคะแนนอย่างไร

มาตรา ๑๐๐ ห้ามมิให้ผู้ใดกระทําการใดโดยไม่มีอํานาจโดยชอบด้วย กฎหมาย เพื'อมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งสามารถใช้สิทธิได้ หรือขัดขวางหรือหน่วงเหนี'ยวมิให้ผู้มี สิทธิเลือกตั.,งไป ณ ที'เลือกตั.,ง หรือมิให้ไปถึง ณ ที'ดังกล่าวภายในกําหนดเวลาที'จะออกเสียง

ลงคะแนนได้

มาตรา ๑๐๑ ห้ามมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งผู้ใดเรียก รับ หรือยอมจะรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื'นใดสําหรับตนเองหรือผู้อื'น เพื'อลงคะแนนหรืองดเว้นไม่ลง

คะแนน

มาตรา ๑๐๒ ในกรณีที'การออกเสียงลงคะแนนในหน่วยเลือกตั.,งแห่งใด ไม่สามารถกระทําได้เนื'องจากเกิดจลาจล อุทกภัย อัคคีภัย เหตุสุดวิสัย หรือเหตุจําเปป็นอย่าง อื'น ถ้าเหตุดังกล่าวเกิดขึ.,นก่อนวันเลือกตั.,ง ให้คณะกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,ง กําหนดที'เลือกตั.,งใหม่ที'ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งสามารถไปลงคะแนนเลือกตั.,งได้โดยสะดวก แต่ถ้า ไม่อาจกําหนดที'เลือกตั.,งใหม่ได้ ให้ประกาศงดลงคะแนนเลือกตั.,งในหน่วยเลือกตั.,งนั.,น แล้ว

รายงานต่อคณะกรรมการโดยเร็ว ในกรณีที'เหตุตามวรรคหนึ'งเกิดขึ.,นในวันเลือกตั.,ง ให้คณะกรรมการการ เลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งหรือคณะกรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งประกาศงดลงคะแนน ในหน่วยเลือกตั.,งนั.,น แล้วรายงานต่อคณะกรรมการโดยเร็ว การดําเนินการตามวรรคหนึ'งและวรรคสองให้เปป็นไปตามหลักเกณฑ์และ วิธีการที'คณะกรรมการกําหนด เมื'อได้รับรายงานตามวรรคหนึ'งหรือวรรคสองแล้ว ให้คณะกรรมการ พิจารณาและกําหนดวันลงคะแนนใหม่ในหน่วยเลือกตั.,งนั.,น หรือมีคําสั'งเปป็นอย่างอื'นเพื'อ ประโยชน์แห่งความสุจริตและเที'ยงธรรมในการเลือกตั.,งโดยเร็ว

มาตรา ๑๐๓ เมื'อถึงกําหนดเวลาปั"ดการออกเสียงลงคะแนนแล้ว ให้คณะ กรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งประกาศปั"ดการออกเสียงลงคะแนน และงดจ่ายบัตรเลือก ตั.,ง แล้วให้ทําเครื'องหมายในบัตรเลือกตั.,งที'เหลืออยู่ให้เปป็นบัตรเลือกตั.,งที'ใช้ลงคะแนนไม่ได้ แต่ในกรณีที'ยังมีผู้มีสิทธิเลือกตั.,งซึ'งประสงค์จะออกเสียงลงคะแนนได้มาปรากฏตัวอยู่ในที' เลือกตั.,งเพื'อใช้สิทธิเลือกตั.,งแล้วก่อนเวลาปั"ดการออกเสียงลงคะแนนแต่ยังไม่ได้แสดงตน หรือรับบัตรเลือกตั.,ง ให้คณะกรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งอนุญาตให้บุคคลเหล่านั.,นแสดง ตนและมอบบัตรเลือกตั.,งเพื'อใช้สิทธิเลือกตั.,งได้ และเมื'อผู้มีสิทธิเลือกตั.,งออกเสียงลงคะแนน เสร็จสิ.,นแล้ว ให้คณะกรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งปั"ดช่องใส่บัตรเลือกตั.,งของหีบบัตร เลือกตั.,ง และจัดทํารายการเกี'ยวกับจํานวนบัตรเลือกตั.,งทั.,งหมด จํานวนผู้มาแสดงตนและ รับบัตรเลือกตั.,ง และจํานวนบัตรเลือกตั.,งที'เหลือ แล้วประกาศให้ประชาชนที'อยู่ ณ ที'เลือก ตั.,ง ได้ทราบ ทั.,งนี., ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที'คณะกรรมการกําหนด

มาตรา ๑๐๔ ตั.,งแต่เวลาที'ได้เปั"ดและปั"ดหีบบัตรเลือกตั.,งที'ตั.,งไว้เพื'อการ ออกเสียงลงคะแนน หรือภายหลังที'ได้ปั"ดหีบบัตรเลือกตั.,งนั.,นเพื'อรักษาไว้เมื'อการเลือกตั.,งได้ เสร็จสิ.,นแล้ว ห้ามมิให้ผู้ใดเปั"ด ทําลาย ทําให้เสียหาย ทําให้เปลี'ยนสภาพ หรือทําให้ไร้ ประโยชน์ หรือนําไปซึ'งหีบบัตรเลือกตั.,ง หรือบัตรเลือกตั.,ง หรือเอกสารหรือหลักฐานที' เกี'ยวข้องกับการเลือกตั.,งที'คณะกรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งได้จัดทําโดยไม่มีอํานาจโดย ชอบด้วยกฎหมาย

ส่วนที' ๒ การออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั.,ง

มาตรา ๑๐๕ การจัดให้มีการออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั.,ง นอกจากที'บัญญัติไว้โดยเฉพาะในส่วนนี.,แล้ว ให้เปป็นไปตามที'บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญนี.,

มาตรา ๑๐๖ ผู้มีชื'ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั.,งแบบแบ่งเขตเลือกตั.,ง ติดต่อกันเปป็นเวลาน้อยกว่าเก้าสิบวันนับถึงวันเลือกตั.,ง ให้มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนในเขต เลือกตั.,งที'ตนมีชื'ออยู่ในทะเบียนบ้านติดต่อกันครั.,งสุดท้ายเปป็นเวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวัน

บุคคลตามวรรคหนึ'ง หากประสงค์จะใช้สิทธิเลือกตั.,งก่อนวันเลือกตั.,งนอก เขตเลือกตั.,ง ให้ยื'นขอลงทะเบียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งภายใน ระยะเวลาที'คณะกรรมการกําหนด และให้นําความในมาตรา ๑๐๗ วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี' มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม

มาตรา ๑๐๗ ในการเลือกตั.,งทั'วไป ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งซึ'งได้รับคําสั'งจากทาง ราชการ ให้ไปปฏิบัติหน้าที'นอกเขตเลือกตั.,งที'ตนมีสิทธิเลือกตั.,ง หรือผู้มีสิทธิเลือกตั.,งซึ'งอยู่ นอกเขตเลือกตั.,งที'ตนมีชื'ออยู่ในทะเบียนบ้าน ประสงค์จะใช้สิทธิเลือกตั.,งก่อนวันเลือกตั.,งใน เขตเลือกตั.,งหรือนอกเขตเลือกตั.,ง แล้วแต่กรณี ให้ยื'นขอลงทะเบียนต่อคณะกรรมการการ เลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งภายในระยะเวลาที'คณะกรรมการกําหนด

การยื'นขอลงทะเบียนตามวรรคหนึ'ง ถ้าเปป็นการขอใช้สิทธิเลือกตั.,งก่อนวัน เลือกตั.,งในเขตเลือกตั.,งที'ตนมีสิทธิเลือกตั.,ง ให้ยื'นต่อคณะกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขต เลือกตั.,งที'ตนมีสิทธิเลือกตั.,ง ถ้าเปป็นการขอใช้สิทธิเลือกตั.,งก่อนวันเลือกตั.,งนอกเขตเลือกตั.,งที' ตนมีสิทธิเลือกตั.,ง จะยื'นต่อคณะกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งที'ตนมีสิทธิเลือก ตั.,งหรือที'ตนประสงค์จะขอใช้สิทธิเลือกตั.,งก็ได้ หรือคณะกรรมการจะกําหนดให้ลงทะเบียน ผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที'คณะกรรมการกําหนดก็ได้ เมื'อคณะกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งได้ตรวจสอบการมีสิทธิ เลือกตั.,งของผู้ขอลงทะเบียนตามวรรคหนึ'งแล้ว ถ้าเห็นว่าถูกต้อง ให้ทําบัญชีรายชื'อผู้มีสิทธิ เลือกตั.,งที'ประสงค์จะออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั.,งที'ได้ลงทะเบียนไว้แล้ว และ ประกาศให้ประชาชนทราบเปป็นการทั'วไปถึงจํานวนผู้ขอใช้สิทธิเลือกตั.,งก่อนวันเลือกตั.,งนั.,น และกําหนดที'เลือกตั.,งกลางที'ผู้นั.,นจะไปใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนน และแจ้งให้คณะ กรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งที'ผู้นั.,นมีชื'อในบัญชีรายชื'อผู้มีสิทธิเลือกตั.,งทราบ และ หมายเหตุสถานที'ที'ผู้นั.,นจะไปใช้สิทธิเลือกตั.,งในเอกสารที'เกี'ยวข้อง เมื'อคณะกรรมการการ เลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งลงทะเบียนผู้ใดแล้ว ให้ผู้นั.,นหมดสิทธิที'จะใช้สิทธิเลือกตั.,ง ณ หน่วยเลือกตั.,งที'ตนมีสิทธิอยู่เดิม สําหรับการเลือกตั.,งครั.,งนั.,น การขอใช้สิทธิเลือกตั.,งตามวรรคหนึ'ง สถานที'และจํานวนที'เลือกตั.,งกลาง วันที'กําหนดให้มาใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนน การออกเสียงลงคะแนน และการนับคะแนน การส่งบัตรเลือกตั.,ง และการดําเนินการอื'นที'จําเปป็นให้เปป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที' คณะกรรมการกําหนด ทั.,งนี., วันที'กําหนดให้มาใช้สิทธิต้องเปป็นวันเดียวกันทุกแห่งและจะ กําหนดให้ลงคะแนนเกินหนึ'งวันมิได้ ความในมาตรานี.,ให้ใช้บังคับแก่บุคคลที'มีหลักฐานแสดงว่าในวันเลือกตั.,ง ตนมีหน้าที'จะต้องไปปฏิบัติหน้าที' ณ ที'อื'นใดนอกเขตเลือกตั.,งที'ตนมีสิทธิเลือกตั.,ง จนไม่ สามารถใช้สิทธิเลือกตั.,งในเขตเลือกตั.,งที'ตนมีสิทธิเลือกตั.,งได้ด้วยโดยอนุโลม

มาตรา ๑๐๘ ผู้ใดลงทะเบียนตามมาตรา ๑๐๗ และได้ไปใช้สิทธิเลือกตั.,ง แล้ว แต่มิได้ไปใช้สิทธิเลือกตั.,งในการเลือกตั.,งใหม่ ให้ถือว่าการลงทะเบียนนั.,นเปป็นการแจ้ง เหตุอันสมควรและไม่ถูกจํากัดสิทธิตามมาตรา ๓๕

มาตรา ๑๐๙ ในการเลือกตั.,งทั'วไปอันมิใช่เปป็นการเลือกตั.,งใหม่ ผู้มีสิทธิ เลือกตั.,งซึ'งมีถิ'นที'อยู่นอกราชอาณาจักรจะขอลงทะเบียนเพื'อใช้สิทธิเลือกตั.,งเฉพาะในครั.,ง นั.,น ณ ประเทศที'ตนมีถิ'นที'อยู่ก็ได้

เมื'อได้ลงทะเบียนตามวรรคหนึ'งแล้ว ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งใช้สิทธิเลือกตั.,งได้ ตามที'กําหนดไว้ในมาตรา ๑๑๐ และมาตรา ๑๑๑ ให้นําความในมาตรา ๑๐๗ วรรคสี' และมาตรา ๑๐๘ มาใช้บังคับด้วยโดย อนุโลม เว้นแต่ในส่วนที'เกี'ยวกับวันที'กําหนดให้มาใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนน คณะ กรรมการจะกําหนดให้แตกต่างกันในแต่ละประเทศ ตามที'เห็นสมควรก็ได้

มาตรา ๑๑๐ ในกรณีที'มีผู้มีสิทธิเลือกตั.,งลงทะเบียนเพื'อขอใช้สิทธิเลือกตั.,ง ในประเทศใด ให้คณะกรรมการหรือผู้ซึ'งคณะกรรมการมอบหมายจัดให้มีการออกเสียงลง คะแนนในประเทศนั.,น โดยอาจจัดให้มีสถานที'ลงคะแนน หรือให้มีการออกเสียงลงคะแนน ทางไปรษณีย์หรือโดยวิธีอื'นใดที'มิใช่เปป็นการจัดให้มีสถานที'ออกเสียงลงคะแนนก็ได้ ทั.,งนี., ให้พิจารณาตามความเหมาะสมของประเทศนั.,น และให้เปป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื'อนไขที'คณะกรรมการกําหนด

มาตรา ๑๑๑ เมื'อขอใช้สิทธิเลือกตั.,งตามมาตรา ๑๐๙ แล้ว ให้ผู้มีสิทธิเลือก ตั.,งนั.,น หมดสิทธิออกเสียงลงคะแนนในหน่วยเลือกตั.,งที'ตนมีชื'ออยู่ในบัญชีรายชื'อผู้มีสิทธิ เลือกตั.,งของหน่วยเลือกตั.,งนั.,น

มาตรา ๑๑๒ ก่อนวันเลือกตั.,งไม่น้อยกว่าสามวัน ให้คณะกรรมการ ประกาศให้ประชาชนทราบเปป็นการทั'วไปถึงจํานวนผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั.,งนอกราช อาณาจักรแยกตามประเทศ

มาตรา ๑๑๓ ในการออกเสียงลงคะแนนตามส่วนนี., เมื'อได้ดําเนินการลง คะแนนเสร็จสิ.,นแล้ว คณะกรรมการอาจจัดให้มีการดําเนินการล่วงหน้าเพื'อนําบัตรเลือกตั.,ง มานับรวมในวันเลือกตั.,งได้ เว้นแต่มีเหตุจําเปป็นเฉพาะท้องที' คณะกรรมการจะกําหนดเปป็น อย่างอื'นก็ได้

ในการออกเสียงลงคะแนนนอกราชอาณาจักร คณะกรรมการโดยความ เห็นชอบของกระทรวงการต่างประเทศจะกําหนดให้มีการนับคะแนนนอกราชอาณาจักร ก็ได้ หากจะเปป็นการสะดวก รวดเร็ว และมีค่าใช้จ่ายที'น้อยกว่าการดําเนินการตามวรรค หนึ'ง ทั.,งนี., ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที'คณะกรรมการกําหนด หลักเกณฑ์ดังกล่าวจะ กําหนดให้แตกต่างไปจากมาตรา ๑๙ วรรคหนึ'ง (๑) และ (๒) ตามความจําเปป็นและเหมาะ สมก็ได้

มาตรา ๑๑๔ ในกรณีที'มีหลักฐานอันควรเชื'อได้ว่าการออกเสียงลงคะแนน ก่อนวันเลือกตั.,งหรือการออกเสียงลงคะแนนนอกราชอาณาจักรที'ใด มิได้เปป็นไปโดยสุจริต หรือเที'ยงธรรม หรือมีการส่งบัตรเลือกตั.,งมาถึงสถานที'นับคะแนนของเขตเลือกตั.,งใดหลัง จากเริ'มนับคะแนนแล้ว หรือหีบห่อที'ส่งบัตรเลือกตั.,งมีลักษณะถูกเปั"ดมาก่อน โดยมีเหตุอัน สมควรเชื'อได้ว่าเกิดจากการกระทําที'ไม่สุจริตหรือเที'ยงธรรม หรือมีบัตรเลือกตั.,งจากที'ใด สูญหาย ให้คณะกรรมการมีอํานาจสั'งมิให้นับคะแนนนั.,นโดยให้ถือว่าเปป็นบัตรเสีย

ในกรณีที'มีการนับคะแนนนอกราชอาณาจักร ถ้ามีหลักฐานอันควรเชื'อได้ ว่าการออกเสียงลงคะแนนที'ใดมิได้เปป็นไปโดยสุจริตหรือเที'ยงธรรม ให้ถือว่าการนับคะแนน นั.,นเปป็นโมฆะและให้ถือว่าบัตรเหล่านั.,นเปป็นบัตรเสีย

มาตรา ๑๑๕ กรณีมีเหตุจําเปป็นเฉพาะพื.,นที'ตามมาตรา ๔๗ ให้คณะ กรรมการมีอํานาจประกาศกําหนดวันลงคะแนนเลือกตั.,งก่อนวันเลือกตั.,งตามมาตรา ๑๐๖ มาตรา ๑๐๗ และมาตรา ๑๑๐ เฉพาะในเขตเลือกตั.,งนั.,นใหม่ ในกรณีการเลือกตั.,งตาม มาตรา ๑๑๐ คณะกรรมการอาจมอบหมายให้บุคคลใดมีอํานาจประกาศกําหนดวันลง คะแนนเลือกตั.,งใหม่แทนก็ได้

ในกรณีมีเหตุตามวรรคหนึ'งสองครั.,งติดต่อกัน ให้คณะกรรมการหรือผู้ซึ'ง คณะกรรมการมอบหมายสั'งงดการออกเสียงลงคะแนนสําหรับการออกเสียงลงคะแนนก่อน วันเลือกตั.,งในเขตเลือกตั.,งหรือนอกเขตเลือกตั.,ง หรือการออกเสียงลงคะแนนนอกราช อาณาจักรในเขตเลือกตั.,งนั.,น ในกรณีเช่นนั.,น ถ้าผู้ลงทะเบียนมิได้ไปใช้สิทธิเลือกตั.,ง ให้ถือว่า การลงทะเบียนนั.,นเปป็นการแจ้งเหตุอันสมควรและไม่ถูกจํากัดสิทธิตามมาตรา ๓๕

ส่วนที' ๓ การนับคะแนนและการรวมคะแนน

มาตรา ๑๑๖ เมื'อได้ดําเนินการตามมาตรา ๑๐๓ แล้ว ให้คณะกรรมการ ประจําหน่วยเลือกตั.,งเปั"ดหีบบัตรเลือกตั.,งต่อหน้าประชาชนที'อยู่ ณ ที'เลือกตั.,ง แล้วดําเนิน การนับคะแนน

มาตรา ๑๑๗ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๒๑ การนับคะแนนให้กระทํา ณ ที' เลือกตั.,งโดยเปั"ดเผยติดต่อกันจนเสร็จสิ.,น และห้ามมิให้เลื'อนหรือประวิงการนับคะแนน

การนับคะแนนให้เปป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที'คณะกรรมการ กําหนด ซึ'งต้องกําหนดให้มีการนับคะแนนที'ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งทําเครื'องหมายในช่องทํา เครื'องหมาย “ไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด” หรือ “ไม่เลือกบัญชีรายชื'อของพรรคการเมืองใด” ด้วย

มาตรา ๑๑๘ ในการนับคะแนนหากปรากฏว่ามีบัตรเสีย ให้แยกบัตรเสีย ออกไว้ต่างหากและห้ามมิให้นับบัตรเสียเปป็นคะแนนไม่ว่ากรณีใด

บัตรเลือกตั.,งดังต่อไปนี., ให้ถือว่าเปป็นบัตรเสีย (๑) บัตรปลอม

บัตรที'มีการทําเครื'องหมายเพื'อเปป็นที'สังเกตหรือเขียนข้อความใด ๆ ลง ในบัตรเลือกตั.,งนอกจากเครื'องหมายในการลงคะแนน เว้นแต่เปป็นการกระทําโดยชอบด้วย กฎหมายของเจ้าพนักงานผู้ดําเนินการเลือกตั.,ง

บัตรที'มิได้ทําเครื'องหมายลงคะแนน

บัตรที'ทําเครื'องหมายลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครเกินจํานวนหนึ'งคน หรือเลือกบัญชีรายชื'อของพรรคการเมืองเกินหนึ'งบัญชีรายชื'อ

บัตรที'ไม่อาจทราบได้ว่าลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือบัญชีรายชื'อ ของพรรคการเมืองใด เว้นแต่เปป็นการทําเครื'องหมายในช่อง “ไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด” หรือ “ไม่ เลือกบัญชีรายชื'อของพรรคการเมืองใด”

บัตรที'ทําเครื'องหมายลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือบัญชีรายชื'อของ พรรคการเมือง และทําเครื'องหมายในช่อง “ไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด” หรือ “ไม่เลือกบัญชีราย ชื'อของพรรคการเมืองใด” ด้วย

บัตรที'พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,กําหนดให้เปป็นบัตรเสีย (๘) บัตรที'มีลักษณะตามที'คณะกรรมการกําหนดว่าเปป็นบัตรเสีย ให้คณะกรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งสลักหลังในบัตรตามมาตรานี.,ว่า “เสีย” พร้อมทั.,งระบุเหตุผลว่าเปป็นบัตรเสียตามความในอนุมาตราใด และลงลายมือชื'อกํากับ ไว้ไม่น้อยกว่าสองคน เว้นแต่เปป็นกรณีตาม (๗) ให้จัดทําบันทึกเหตุแห่งการเปป็นบัตรเสียไว้ เปป็นหลักฐานแทนการสลักหลัง

มาตรา ๑๑๙ ห้ามมิให้กรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งจงใจนับบัตรเลือก ตั.,งหรือคะแนนให้ผิดไปจากความจริงหรือรวมคะแนนให้ผิดไป หรือกระทําด้วยประการใด โดยมิได้มีอํานาจกระทําโดยชอบด้วยกฎหมายให้บัตรเลือกตั.,งชํารุดหรือเสียหายหรือให้เปป็น บัตรเสีย หรือกระทําการด้วยประการใดแก่บัตรเสียเพื'อให้เปป็นบัตรที'ใช้ได้ หรืออ่านบัตร เลือกตั.,งให้ผิดไปจากความจริง หรือทํารายงานการเลือกตั.,งไม่ตรงความเปป็นจริง

มาตรา ๑๒๐ เมื'อการนับคะแนน ณ ที'เลือกตั.,งเสร็จสิ.,นแล้ว ให้คณะ กรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งประกาศผลการนับคะแนนของหน่วยเลือกตั.,งนั.,น จํานวน บัตรเลือกตั.,งที'ใช้ และจํานวนบัตรเลือกตั.,งที'เหลือจากการออกเสียงลงคะแนน ทั.,งนี., ให้ กระทําโดยเปั"ดเผย และรายงานผลการนับคะแนนต่อคณะกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขต เลือกตั.,งโดยเร็ว

เพื'อประโยชน์แก่การแจ้งข้อมูลการเลือกตั.,งต่อประชาชนให้เกิดความ รวดเร็ว คณะกรรมการอาจดําเนินการให้มีการรายงานผลการนับคะแนนอย่างไม่เปป็น ทางการได้ การประกาศผลการนับคะแนน การรายงานผลการนับคะแนน และการ รายงานผลการนับคะแนนอย่างไม่เปป็นทางการ ให้เปป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที'คณะ กรรมการกําหนด

มาตรา ๑๒๑ ถ้าการนับคะแนน ณ ที'เลือกตั.,งใดไม่สามารถกระทําได้หรือ ไม่สามารถนับคะแนนได้จนเสร็จสิ.,น อันเนื'องจากเกิดจลาจล อุทกภัย อัคคีภัย เหตุสุดวิสัย หรือเหตุจําเปป็นอย่างอื'น หรือด้วยความจําเปป็นตามสภาพที'อาจมีผลต่อความปลอดภัย ให้ คณะกรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งประกาศงดการนับคะแนนสําหรับหน่วยเลือกตั.,งนั.,น แล้วรายงานต่อคณะกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,ง เพื'อกําหนดวัน เวลา และ สถานที'นับคะแนนต่อไปโดยเร็ว และรายงานผู้อํานวยการการเลือกตั.,งประจําจังหวัดและ คณะกรรมการทราบโดยเร็ว ในกรณีมีเหตุอันสมควรคณะกรรมการจะเปลี'ยนแปลงกําหนด วัน เวลา และสถานที'ที'คณะกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งกําหนดไว้ก็ได้

เมื'อคณะกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งได้รับรายงานตามวรรค หนึ'งแล้วพบว่ามีบัตรเลือกตั.,งที'ได้มีการออกเสียงลงคะแนนแล้วชํารุดหรือสูญหาย ให้ รายงานคณะกรรมการเพื'อพิจารณาสั'งให้มีการออกเสียงลงคะแนนใหม่ในหน่วยเลือกตั.,ง นั.,น การเก็บรักษาบัตรเลือกตั.,ง หีบบัตรเลือกตั.,ง และเอกสารเกี'ยวกับการเลือก ตั.,ง รวมทั.,งวิธีการนับคะแนนใหม่ ให้เปป็นไปตามที'คณะกรรมการกําหนด

มาตรา ๑๒๒

ในกรณีที'ผลการนับคะแนนปรากฏว่าจํานวนผู้มาใช้สิทธิ เลือกตั.,งไม่ตรงกับจํานวนบัตรเลือกตั.,งที'ใช้ออกเสียงลงคะแนน ให้คณะกรรมการประจํา หน่วยเลือกตั.,งดําเนินการตรวจสอบความถูกต้อง หากยังไม่ตรงกันอีกให้รายงานความไม่ ถูกต้องตรงกันพร้อมเหตุผลต่อคณะกรรมการ พร้อมทั.,งแจ้งให้คณะกรรมการการเลือกตั.,ง ประจําเขตเลือกตั.,งทราบ และนําส่งหีบบัตรและอุปกรณ์แก่คณะกรรมการการเลือกตั.,ง ประจําเขตเลือกตั.,งหรือผู้ซึ'งคณะกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,งมอบหมาย เมื'อคณะกรรมการได้รับรายงานตามวรรคหนึ'งแล้ว ให้สั'งให้มีการนับ คะแนนใหม่หรือสั'งให้ออกเสียงลงคะแนนใหม่ในหน่วยเลือกตั.,งนั.,น เว้นแต่คณะกรรมการจะ มีความเห็นว่าความไม่ถูกต้องตรงกันนั.,นมิได้เกิดจากการทุจริตและไม่ทําให้ผลการเลือกตั.,ง ในเขตเลือกตั.,งนั.,นเปลี'ยนแปลงไป จะสั'งให้ยุติก็ได้

มาตรา ๑๒๓

เมื'อรวบรวมผลการนับคะแนนทุกหน่วยเลือกตั.,งในเขต เลือกตั.,งนั.,น รวมทั.,งคะแนนที'ได้จากการออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั.,งและการลง คะแนนเลือกตั.,งนอกราชอาณาจักรแล้ว ให้คณะกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,ง ดําเนินการ ดังต่อไปนี.,

ประกาศผลการนับคะแนนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือก ตั.,ง และคะแนนที'ไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด

ประกาศผลการนับคะแนนที'แต่ละพรรคการเมืองได้รับจากการเลือก ตั.,งแบบบัญชีรายชื'อ และคะแนนที'ไม่เลือกบัญชีรายชื'อของพรรคการเมืองใด

มาตรา ๑๒๔ เมื'อคณะกรรมการได้รับรายงานผลการนับคะแนนแล้ว ถ้า ปรากฏหลักฐานอันควรเชื'อได้ว่าการเลือกตั.,งในเขตเลือกตั.,งใดมิได้เปป็นไปโดยสุจริตหรือ เที'ยงธรรม หรือการนับคะแนนเปป็นไปโดยไม่ถูกต้อง คณะกรรมการจะงดการประกาศผล การเลือกตั.,งและจัดให้มีการเลือกตั.,งใหม่หรือนับคะแนนใหม่ในหน่วยเลือกตั.,งใดหน่วยเลือก ตั.,งหนึ'งหรือทุกหน่วยเลือกตั.,งในเขตเลือกตั.,งนั.,นก็ได้

หมวด ๖ การประกาศผลการเลือกตั.,ง

มาตรา ๑๒๕ ในการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือก ตั.,ง ให้ผู้สมัครซึ'งได้รับคะแนนสูงสุดและมีคะแนนสูงกว่าคะแนนเสียงที'ไม่เลือกผู้ใดเปป็นผู้ได้ รับเลือกตั.,ง ในกรณีที'มีผู้ได้รับคะแนนสูงสุดเท่ากันหลายคน ให้ใช้วิธีการจับสลาก ซึ'งต้อง กระทําต่อหน้าคณะกรรมการการเลือกตั.,งประจําเขตเลือกตั.,ง ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที' คณะกรรมการกําหนด

มาตรา ๑๒๖ เขตเลือกตั.,งที'ไม่มีผู้สมัครรายใดได้รับคะแนนเสียงมากกว่า คะแนนเสียงที'ไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดเปป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตเลือกตั.,งนั.,น ให้คณะ กรรมการจัดให้มีการเลือกตั.,งใหม่ ในกรณีเช่นนี., ให้คณะกรรมการดําเนินการให้มีการรับ สมัครผู้สมัครใหม่ โดยผู้สมัครเดิมทุกรายไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั.,งในการเลือกตั.,งที'จะจัด ขึ.,นใหม่นั.,น

ในการจัดให้มีการเลือกตั.,งใหม่ตามวรรคหนึ'ง ให้นําความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ'ง มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม

มาตรา ๑๒๗ ในการเลือกตั.,งทั'วไป ให้คณะกรรมการประกาศผลการ เลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั.,งได้เมื'อตรวจสอบเบื.,องต้นแล้วมีเหตุ อันควรเชื'อว่า ผลการเลือกตั.,งเปป็นไปโดยสุจริตและเที'ยงธรรม และมีจํานวนไม่น้อยกว่าร้อย ละเก้าสิบห้าของเขตเลือกตั.,งทั.,งหมดซึ'งคณะกรรมการต้องตรวจสอบเบื.,องต้นและประกาศ ผลการเลือกตั.,งให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แต่ต้องไม่ช้ากว่าหกสิบวันนับแต่วันเลือกตั.,ง

ในการตรวจสอบเบื.,องต้นตามวรรคหนึ'ง คณะกรรมการต้องรับฟ~งรายงาน ของผู้ตรวจการเลือกตั.,งและข้อมูลข่าวสารที'ได้รับจากแหล่งต่าง ๆ มาประกอบการ พิจารณาด้วย ให้นําความในวรรคหนึ'งมาใช้บังคับแก่การประกาศผลการเลือกตั.,งแทน ตําแหน่งที'ว่างด้วยโดยอนุโลม ในกรณีที'มีการเลือกตั.,งใหม่ กําหนดเวลาการประกาศผลการเลือกตั.,งตาม วรรคหนึ'ง ให้เริ'มนับตั.,งแต่วันที'มีการเลือกตั.,งใหม่

มาตรา ๑๒๘

เมื'อคณะกรรมการได้รับรายงานผลรวมคะแนนแบบ บัญชีรายชื'อจากผู้อํานวยการการเลือกตั.,งประจําจังหวัดแล้ว ให้ดําเนินการคํานวณสัดส่วน เพื'อหาผู้ได้รับเลือกตั.,งเปป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื'อ ดังต่อไปนี.,

ให้รวมผลคะแนนทั.,งหมดที'ทุกพรรคการเมืองได้รับจากการเลือกตั.,ง แบบบัญชีรายชื'อทั.,งประเทศ

ให้นําคะแนนรวมจาก (๑) หารด้วยหนึ'งร้อย ผลลัพธ์ที'ได้ให้ถือเปป็น คะแนนเฉลี'ยต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื'อหนึ'งคน

ในการคํานวณหาจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื'อที' แต่ละพรรคการเมืองจะได้รับ ให้นําคะแนนรวมจากการเลือกตั.,งแบบบัญชีรายชื'อที'แต่ละ พรรคการเมืองได้รับ หารด้วยคะแนนเฉลี'ยตาม (๒) ผลลัพธ์ที'ได้เฉพาะส่วนที'เปป็น จํานวนเต็มคือจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื'อที'พรรคการเมืองนั.,นได้รับ

ในกรณีที'จํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื'อที' พรรคการเมืองได้รับรวมกันทุกพรรคการเมืองมีจํานวนไม่ครบหนึ'งร้อยคน ให้ พรรคการเมืองที'มีผลลัพธ์ที'เปป็นเศษโดยไม่มีจํานวนเต็มและพรรคการเมืองที'มีเศษหลังจาก การคํานวณตาม (๓) พรรคใดเปป็นหรือมีเศษจํานวนมากที'สุด ให้ได้รับจํานวนสมาชิกสภาผู้ แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื'ออีกหนึ'งคนเรียงตามลําดับ จนกว่าจะมีจํานวนสมาชิกสภาผู้ แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื'อที'พรรคการเมืองทั.,งหมดได้รับรวมกันครบจํานวนหนึ'งร้อยคน

ในการดําเนินการตาม (๔) ถ้าในลําดับใดมีเศษเท่ากันและจะทําให้ จํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื'อเกินจํานวนหนึ'งร้อยคน ให้ตัวแทนของ พรรคการเมืองที'มีเศษเท่ากันจับสลากตามวันและเวลาที'คณะกรรมการกําหนด เพื'อให้ได้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื'อครบจํานวน ให้ถือว่าผู้สมัครตามบัญชีรายชื'อผู้สมัครของพรรคการเมืองตามจํานวนที' พรรคการเมืองนั.,นได้รับตามผลการคํานวณตามวรรคหนึ'งได้รับเลือกตั.,งเรียงตามลําดับ หมายเลขในบัญชีรายชื'อของพรรคการเมืองนั.,นจนครบจํานวน แต่ต้องไม่เกินจํานวนผู้ สมัครแบบบัญชีรายชื'อเท่าที'มีอยู่ในแต่ละบัญชีรายชื'อผู้สมัครที'พรรคการเมืองนั.,นได้ส่ง สมัคร จํานวนที'ยังขาดอยู่ให้เปป็นไปตามมาตรา ๘๓ วรรคสี' ของรัฐธรรมนูญแห่งราช อาณาจักรไทย

มาตรา ๑๒๙

เมื'อคณะกรรมการดําเนินการคํานวณสัดส่วนจํานวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื'อของแต่ละพรรคการเมืองตามมาตรา ๑๒๘ แล้ว และคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื'อได้ว่าการเลือกตั.,งนั.,นเปป็นไปโดยสุจริตและเที'ยง ธรรม ให้คณะกรรมการประกาศผลการเลือกตั.,งว่าผู้สมัครผู้ใดเปป็นผู้ได้รับการเลือกตั.,งเปป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื'อให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แต่ต้องไม่ช้ากว่าหกสิบวัน นับแต่วันเลือกตั.,ง

มาตรา ๑๓๐

เมื'อคณะกรรมการประกาศผลการเลือกตั.,งแล้วให้นําผล การเลือกตั.,งไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา และเมื'อมีประธานรัฐสภาแล้ว ให้ส่งบัญชีราย ชื'อผู้สมัครแบบบัญชีรายชื'อของทุกพรรคการเมืองไปยังประธานรัฐสภาเพื'อทราบโดยเร็ว

มาตรา ๑๓๑

(ยกเลิก)

หมวด ๗ การดําเนินการกรณีการเลือกตั.,งมิได้เปป็นไปโดยสุจริตหรือเที'ยงธรรม

มาตรา ๑๓๒ ก่อนประกาศผลการเลือกตั.,ง ถ้ามีหลักฐานอันควรเชื'อได้ว่า ผู้สมัครผู้ใดกระทําการอันเปป็นเหตุให้การเลือกตั.,งนั.,นมิได้เปป็นไปโดยสุจริตหรือเที'ยงธรรม หรือมีหลักฐานอันควรเชื'อได้ว่าผู้สมัครผู้ใดก่อให้บุคคลอื'นกระทํา สนับสนุน หรือรู้เห็น เปป็นใจให้บุคคลอื'นกระทําการดังกล่าว หรือรู้ว่ามีการกระทําดังกล่าวแล้วไม่ดําเนินการเพื'อ ระงับการกระทํานั.,น หรือกระทําการอันเปป็นการฝ'าฝ더นพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ นี., ระเบียบหรือประกาศของคณะกรรมการ จนอาจเปป็นเหตุให้การเลือกตั.,งนั.,นมิได้เปป็นไปโดย สุจริตหรือเที'ยงธรรม ให้คณะกรรมการมีคําสั'งดังต่อไปนี.,

ในกรณีที'การกระทําการนั.,นเปป็นการกระทําเกี'ยวกับการเลือกตั.,งแบบ แบ่งเขตเลือกตั.,ง ให้คณะกรรมการสั'งยกเลิกการเลือกตั.,งและให้มีการเลือกตั.,งใหม่ และสั'ง ระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั.,งของผู้สมัครซึ'งกระทําการเช่นนั.,นทุกรายไว้เปป็นการชั'วคราว เปป็น ระยะเวลาไม่เกินหนึ'งปันับแต่วันที'คณะกรรมการมีคําสั'ง

ในกรณีที'การกระทําการนั.,นเปป็นการกระทําเกี'ยวกับการเลือกตั.,งแบบ บัญชีรายชื'อ ให้บัตรเลือกตั.,งที'ลงคะแนนให้แก่บัญชีรายชื'อของพรรคการเมืองนั.,นในหน่วย เลือกตั.,งนั.,นเปป็นบัตรเสีย และให้คณะกรรมการสั'งมิให้นับเปป็นคะแนนในการคํานวณหา จํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื'อของพรรคการเมืองนั.,น ทั.,งนี., มิให้นําความ ในมาตรา ๑๑๘ วรรคสอง มาใช้บังคับแก่บัตรเสียดังกล่าว เฉพาะกรณีที'คณะกรรมการมีคํา สั'งภายหลังการนับคะแนนแล้ว คําสั'งของคณะกรรมการตามวรรคหนึ'ง ให้เปป็นที'สุด ถ้าการกระทําของบุคคลตามวรรคหนึ'ง ปรากฏหลักฐานอันควรเชื'อได้ว่า หัวหน้าพรรคการเมืองหรือคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองมีส่วนรู้เห็น หรือปล่อยปละ ละเลยหรือทราบถึงการกระทํานั.,นแล้วมิได้ยับยั.,งหรือแก้ไขเพื'อให้การเลือกตั.,งเปป็นไปโดย สุจริตหรือเที'ยงธรรม ให้คณะกรรมการดําเนินการเสนอคําร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื'อให้ ยุบพรรคการเมืองนั.,น ในกรณีที'ศาลรัฐธรรมนูญมีคําสั'งให้ยุบพรรคการเมืองนั.,น ให้ศาล รัฐธรรมนูญมีคําสั'งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั.,งของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง นั.,นด้วย ในกรณีที'ปรากฏต่อคณะกรรมการว่ามีการกระทําอันเปป็นการฝ'าฝ더นความ ในวรรคหนึ'ง ไม่ว่าเปป็นการกระทําของผู้ใด ถ้าเห็นว่าผู้สมัครผู้ใดหรือพรรคการเมืองใดจะได้ รับประโยชน์จากการกระทํานั.,น คณะกรรมการมีอํานาจสั'งให้ผู้สมัครผู้นั.,นหรือ พรรคการเมืองนั.,นระงับหรือดําเนินการใดเพื'อแก้ไขความไม่สุจริตหรือเที'ยงธรรมนั.,นภายใน เวลาที'กําหนด ในกรณีที'ผู้สมัครผู้นั.,นหรือพรรคการเมืองนั.,นไม่ดําเนินการตามคําสั'งของ คณะกรรมการโดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้สันนิษฐานว่าผู้สมัครผู้นั.,นเปป็นผู้สนับสนุนการกระ ทํานั.,นหรือพรรคการเมืองนั.,นมีส่วนรู้เห็นในการกระทํานั.,น เว้นแต่ผู้สมัครหรือ พรรคการเมืองนั.,นพิสูจน์ได้ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทําดังกล่าว เมื'อศาลรัฐธรรมนูญมีคําสั'งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั.,งของคณะ กรรมการบริหารพรรคการเมืองผู้ใดแล้ว ให้คณะกรรมการพิจารณาดําเนินการให้มีการ ดําเนินคดีอาญาแก่ผู้สมัครหรือคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองผู้นั.,นด้วย ในการนี., ให้ ถือว่าคณะกรรมการเปป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ในกรณีที'มีคําสั'งระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั.,งตามมาตรานี.,ภายหลังวันลง คะแนนเลือกตั.,ง แต่ก่อนวันประกาศผลการเลือกตั.,ง และผู้สมัครที'ถูกระงับสิทธิสมัครรับ เลือกตั.,งเปป็นผู้สมัครในการเลือกตั.,งแบบแบ่งเขตเลือกตั.,งที'ได้คะแนนเลือกตั.,งในลําดับซึ'งจะ เปป็นผู้ได้รับเลือกตั.,งในเขตเลือกตั.,งนั.,น ให้คณะกรรมการสั'งให้มีการเลือกตั.,งใหม่ เพื'อให้ได้ผู้ ได้รับเลือกตั.,งครบจํานวนที'จะพึงมีในเขตเลือกตั.,งนั.,น ผู้ตรวจการเลือกตั.,งหรือเจ้าพนักงานผู้ดําเนินการเลือกตั.,งผู้ใดพบเห็น การกระทําตามวรรคหนึ'งมีหน้าที'รายงานให้คณะกรรมการหรือกรรมการทราบโดยพลัน

มาตรา ๑๓๓ เมื'อประกาศผลการเลือกตั.,งแล้วปรากฏหลักฐานอันควรเชื'อ ได้ว่าการเลือกตั.,งในเขตเลือกตั.,งใดมิได้เปป็นไปโดยสุจริตหรือเที'ยงธรรม แต่ไม่ได้ความชัดว่า เปป็นการกระทําของผู้ได้รับเลือกตั.,ง ให้คณะกรรมการยื'นคําร้องต่อศาลฎีกาเพื'อพิจารณา ใน กรณีที'ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการเลือกตั.,งนั.,นมิได้เปป็นไปโดยสุจริตหรือเที'ยงธรรม ให้ศาลสั'งให้ มีการเลือกตั.,งใหม่สําหรับเขตเลือกตั.,งนั.,น และให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที' ได้รับเลือกตั.,งจากเขตเลือกตั.,งนั.,นสิ.,นสุดลงนับแต่วันที'ศาลมีคําวินิจฉัย และให้คณะ กรรมการดําเนินการให้มีการเลือกตั.,งใหม่โดยเร็ว และให้นําความในมาตรา ๑๓๘ วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี' มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม

มาตรา ๑๓๔ ในกรณีที'คณะกรรมการเห็นสมควรเพื'อประโยชน์ในการ ดําเนินการสืบสวนหรือไต่สวนให้เปป็นไปโดยรวดเร็วและเที'ยงธรรม คณะกรรมการอาจแต่ง ตั.,งข้าราชการอัยการ ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที'อื'นของรัฐ หรือผู้ซึ'งเคยเปป็นข้าราชการหรือ เจ้าหน้าที'อื'นของรัฐดังกล่าวตามจํานวนที'เหมาะสมเปป็นคณะกรรมการคณะหนึ'งหรือหลาย คณะตามความจําเปป็น เพื'อช่วยคณะกรรมการในการดําเนินการตรวจสอบสํานวนการ สืบสวนหรือไต่สวน รวมทั.,งรับฟ~งคําชี.,แจงหรือพยานหลักฐานแทนคณะกรรมการได้

การแต่งตั.,ง การปฏิบัติหน้าที' ระยะเวลาในการปฏิบัติหน้าที' และค่า ตอบแทนของคณะกรรมการตามวรรคหนึ'ง ให้เปป็นไปตามที'คณะกรรมการกําหนด

มาตรา ๑๓๕ ในกรณีที'ปรากฏต่อคณะกรรมการว่าผู้ใดกระทําการใด ๆ เพื'อประโยชน์แก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด อันอาจทําให้การเลือกตั.,งมิได้เปป็นไปโดย สุจริตหรือเที'ยงธรรม ให้คณะกรรมการมีอํานาจออกคําสั'งให้ผู้นั.,นระงับการกระทําหรือมีคํา สั'งให้แก้ไขการกระทําตามเงื'อนไขและระยะเวลาที'กําหนดได้

ถ้ามีผู้แจ้งต่อเจ้าพนักงานตํารวจหรือเจ้าพนักงานตํารวจพบเห็นการกระ ทําตามวรรคหนึ'ง และการกระทํานั.,นเปป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ นี., ให้เจ้าพนักงานตํารวจจับกุมและดําเนินคดีโดยเร็ว และแจ้งต่อคณะกรรมการเพื'อให้ พิจารณาดําเนินการต่อไป

มาตรา ๑๓๖ ในกรณีที'มีหลักฐานอันควรเชื'อได้ว่าผู้ใดให้ เสนอให้ สัญญา ว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื'อจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื'นใด ทั.,งนี., เพื'อจูงใจให้ผู้มี สิทธิเลือกตั.,งลงคะแนนเลือกตั.,งให้แก่ผู้สมัครผู้ใดหรือบัญชีรายชื'อของพรรคการเมืองใด หรือให้งดเว้นลงคะแนนเลือกตั.,งผู้สมัครผู้ใดหรือบัญชีรายชื'อของพรรคการเมืองใด หรือให้ ลงคะแนนไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดหรือบัญชีรายชื'อของพรรคการเมืองใด ให้คณะกรรมการมี อํานาจสั'งยึดหรืออายัดเงินหรือทรัพย์สินของผู้นั.,นไว้เปป็นการชั'วคราวจนกว่าศาลจะมีคํา พิพากษาหรือคําสั'ง

ให้คณะกรรมการยื'นคําร้องต่อศาลจังหวัดหรือศาลแพ่งที'การยึดหรือ อายัดอยู่ในเขตศาลภายในสามวันนับแต่วันยึดหรืออายัดตามวรรคหนึ'ง เมื'อศาลได้รับคํา ร้องแล้ว ให้ดําเนินการไต่สวนฝ'ายเดียวให้แล้วเสร็จภายในห้าวันนับแต่วันที'ได้รับคําร้อง ถ้า ศาลเห็นว่าเงินหรือทรัพย์สินตามคําร้องน่าจะได้ใช้หรือจะใช้เพื'อการเลือกตั.,งโดยไม่ชอบ ด้วยกฎหมาย ให้ศาลมีคําสั'งยึดหรืออายัดเงินหรือทรัพย์สินนั.,นไว้จนกว่าจะมีการประกาศ ผลการเลือกตั.,ง ความในมาตรานี.,ไม่เปป็นการตัดอํานาจของผู้ซึ'งมีฐานะเปป็นพนักงานฝ'าย ปกครองหรือตํารวจชั.,นผู้ใหญ่ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการ เลือกตั.,ง ในอันที'จะใช้อํานาจยึดหรืออายัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

มาตรา ๑๓๗

ก่อนหรือในวันเลือกตั.,ง ให้เปป็นหน้าที'ของคณะกรรมการ ที'จะดําเนินการสอดส่อง สืบสวน ไต่สวน หรือแสวงหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน เพื'อ ตรวจสอบให้การเลือกตั.,งเปป็นไปโดยสุจริตและเที'ยงธรรม ถ้าคณะกรรมการสืบสวนหรือ ไต่สวนแล้ว มีเหตุอันควรสงสัยว่าการเลือกตั.,งมิได้เปป็นไปโดยสุจริตหรือเที'ยงธรรม หรือ กรรมการแต่ละคนพบเห็นการกระทําหรือการงดเว้นการกระทําใดอันอาจเปป็นเหตุให้การ เลือกตั.,งมิได้เปป็นไปโดยสุจริตหรือเที'ยงธรรม หรือเปป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ให้มี อํานาจสั'งระงับ ยับยั.,ง แก้ไขเปลี'ยนแปลง หรือยกเลิกการเลือกตั.,ง และสั'งให้ดําเนินการเลือก ตั.,งใหม่หรือนับคะแนนใหม่สําหรับการเลือกตั.,งแบบแบ่งเขตเลือกตั.,ง หรือการเลือกตั.,งแบบ บัญชีรายชื'อที'มีเหตุอันควรสงสัยว่ามิได้เปป็นไปโดยสุจริตหรือเที'ยงธรรมในหน่วยเลือกตั.,ง บางหน่วยหรือทุกหน่วยเลือกตั.,งได้ ในกรณีที'เปป็นการดําเนินการของกรรมการให้เปป็นไปตาม หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื'อนไขที'คณะกรรมการกําหนด

มาตรา ๑๓๘ เมื'อมีการดําเนินการตามมาตรา ๑๓๒ หรือภายหลัง ประกาศผลการเลือกตั.,งแล้วถ้ามีหลักฐานอันควรเชื'อได้ว่าผู้สมัครหรือผู้ใดกระทําการอัน เปป็นการทุจริตในการเลือกตั.,ง หรือรู้เห็นกับการกระทําของบุคคลอื'น ให้คณะกรรมการยื'น คําร้องต่อศาลฎีกาเพื'อสั'งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั.,งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งของผู้

นั.,น การพิจารณาของศาลฎีกาให้นําสํานวนการสืบสวนหรือไต่สวนของคณะ กรรมการเปป็นหลักในการพิจารณา และเพื'อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ให้ศาลมีอํานาจสั'ง ไต่สวนข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ'มเติมได้ เมื'อศาลฎีกามีคําสั'งรับคําร้องไว้พิจารณาแล้ว ถ้าผู้ถูกกล่าวหาเปป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร ให้ผู้นั.,นหยุดปฏิบัติหน้าที'จนกว่าศาลฎีกาจะพิพากษาว่าผู้นั.,นมิได้กระทํา ความผิด ในกรณีที'ศาลฎีกาพิพากษาว่าบุคคลตามวรรคหนึ'งกระทําความผิดตามที' ถูกร้อง ให้ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั.,งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งของผู้นั.,น และ ในกรณีที'ผู้นั.,นเปป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้สมาชิกภาพของผู้นั.,นสิ.,นสุดลงนับแต่วันที' หยุดปฏิบัติหน้าที' และให้คณะกรรมการจัดให้มีการเลือกตั.,งแทนตําแหน่งที'ว่าง

มาตรา ๑๓๙ ในกรณีที'ศาลฎีกามีคําสั'งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั.,ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งผู้สมัครหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ใดและเปป็นเหตุให้ต้องมี การเลือกตั.,งใหม่ ไม่ว่าจะมีคําร้องขอหรือไม่ ให้ศาลฎีกาสั'งให้ผู้นั.,นรับผิดในค่าใช้จ่ายสําหรับ การเลือกตั.,งครั.,งที'เปป็นเหตุให้ศาลฎีกามีคําสั'งเช่นว่านั.,น จํานวนค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้ศาล ฎีกาพิจารณาจากหลักฐานการใช้จ่ายที'คณะกรรมการเสนอต่อศาล

เงินที'ได้รับมาตามวรรคหนึ'งให้นําส่งเข้ากองทุน

มาตรา ๑๔๐ ผู้มีสิทธิเลือกตั.,ง ผู้สมัคร หรือพรรคการเมืองที'ส่งผู้สมัครรับ เลือกตั.,ง มีสิทธิยื'นคัดค้านต่อคณะกรรมการว่าการเลือกตั.,งในเขตเลือกตั.,งที'ตนมีสิทธิเลือก ตั.,ง หรือที'ตนสมัครรับเลือกตั.,งหรือที'พรรคการเมืองส่งสมาชิกลงสมัครรับเลือกตั.,ง แล้วแต่ กรณี มิได้เปป็นไปโดยสุจริตหรือเที'ยงธรรม หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ผู้มีสิทธิยื'นคัดค้านการเลือกตั.,งตามวรรคหนึ'งอาจยื'นคัดค้านได้ตั.,งแต่วันที' คณะกรรมการประกาศกําหนดวันเลือกตั.,งจนถึงสามสิบวันนับแต่วันประกาศผลการเลือก ตั.,ง เว้นแต่

การคัดค้านเพราะเหตุตามมาตรา ๖๓ หรือมาตรา ๖๗ ให้ยื'นได้ตั.,งแต่ วันเลือกตั.,งจนถึงหนึ'งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศผลการเลือกตั.,ง

การคัดค้านเกี'ยวกับการนับคะแนนให้คัดค้านในระหว่างเวลาที'ยังนับ คะแนนไม่แล้วเสร็จ หรือในกรณีคัดค้านการรวมคะแนนให้คัดค้านก่อนประกาศผลการนับ คะแนนที'หน่วยเลือกตั.,ง เมื'อคณะกรรมการได้รับคําคัดค้านการเลือกตั.,งให้ดําเนินการสืบสวนหรือ ไต่สวนเพื'อหาข้อเท็จจริงโดยพลัน และพิจารณาดําเนินการตามหมวดนี., แล้วแต่กรณี ต่อไป ทั.,งนี., การยื'นคําคัดค้านการเลือกตั.,งและการพิจารณาให้เปป็นไปตามวิธีการที'คณะกรรมการ กําหนด

หมวด ๘ บทกําหนดโทษ

มาตรา ๑๔๑ ผู้ซึ'งรับโทษตามมาตรา ๑๕๘ หรือมาตรา ๑๖๖ ให้ถือว่า กระทําการอันเปป็นการทุจริตในการเลือกตั.,ง

มาตรา ๑๔๒ ผู้บังคับบัญชาหรือนายจ้างผู้ใดขัดขวาง หรือหน่วงเหนี'ยว หรือไม่ให้ความสะดวกพอสมควรต่อการไปใช้สิทธิเลือกตั.,งของผู้ใต้บังคับบัญชาหรือลูกจ้าง แล้วแต่กรณี ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปั หรือปรับไม่เกินสี'หมื'นบาท หรือทั.,งจําทั.,ง ปรับ

มาตรา ๑๔๓ ผู้ใดกระทําการอันเปป็นเท็จเพื'อให้ผู้อื'นเข้าใจผิดว่าผู้สมัครผู้ ใดกระทําการฝ'าฝ더นหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี., ต้องระวาง

โทษจําคุกไม่เกินสองปั หรือปรับไม่เกินสี'หมื'นบาท และให้ศาลสั'งเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งของผู้ นั.,นมีกําหนดห้าปั ถ้าการกระทําตามวรรคหนึ'งเปป็นการเพื'อจะแกล้งให้ผู้สมัครนั.,นถูกเพิกถอน สิทธิเลือกตั.,งหรือสิทธิสมัครรับเลือกตั.,ง หรือเพื'อไม่ให้มีการประกาศผลการเลือกตั.,ง ต้อง ระวางโทษจําคุกตั.,งแต่ห้าปัถึงสิบปั และปรับตั.,งแต่หนึ'งแสนบาทถึงสองแสนบาท และให้ ศาลสั'งเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งของผู้นั.,นมีกําหนดยี'สิบปั ถ้าการกระทําตามวรรคหนึ'งเปป็นการแจ้งหรือให้ถ้อยคําต่อคณะกรรมการ ต้องระวางโทษจําคุกตั.,งแต่เจ็ดปัถึงสิบปั และปรับตั.,งแต่หนึ'งแสนสี'หมื'นบาทถึงสองแสน บาท และให้ศาลสั'งเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งของผู้นั.,นมีกําหนดยี'สิบปั ถ้าการกระทําตามวรรคสองหรือวรรคสามเปป็นการกระทําหรือก่อให้ผู้อื'น กระทําสนับสนุนหรือรู้เห็นเปป็นใจของหัวหน้าพรรคการเมืองหรือคณะกรรมการบริหาร พรรคการเมือง ให้ถือว่าพรรคการเมืองนั.,นกระทําการอันเปป็นการบ่อนทําลายความมั'นคง ของราชอาณาจักรตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง

มาตรา ๑๔๔ ผู้ใดจงใจกระทําด้วยประการใด ๆ ให้บัตรเลือกตั.,งชํารุด หรือเสียหาย หรือให้เปป็นบัตรเสีย หรือกระทําด้วยประการใด ๆ แก่บัตรเสียเพื'อให้เปป็นบัตรที' ใช้ได้ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปั และปรับไม่เกินหนึ'งแสนบาท และให้ศาลสั'งเพิกถอน สิทธิเลือกตั.,งของผู้นั.,นมีกําหนดสิบปั

ถ้าผู้กระทําความผิดตามวรรคหนึ'งเปป็นเจ้าพนักงานผู้ดําเนินการเลือกตั.,ง ต้องระวางโทษจําคุกตั.,งแต่หนึ'งปัถึงสิบปั และปรับตั.,งแต่สองหมื'นบาทถึงสองแสนบาท และ ให้ศาลสั'งเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งของผู้นั.,นมีกําหนดยี'สิบปั

มาตรา ๑๔๕ ผู้ใดไม่ได้เปป็นเจ้าพนักงานผู้ดําเนินการเลือกตั.,งซึ'งมีหน้าที' และอํานาจในการเก็บรักษาบัตรเลือกตั.,ง มีหรือครอบครองไว้ซึ'งบัตรเลือกตั.,งโดยไม่ชอบ ไม่ ว่าบัตรเลือกตั.,งนั.,นจะเปป็นบัตรเลือกตั.,งที'สํานักงานเปป็นผู้จัดให้มีขึ.,นหรือไม่ ต้องระวางโทษจํา คุกตั.,งแต่หนึ'งปัถึงห้าปั หรือปรับตั.,งแต่สองหมื'นบาทถึงหนึ'งแสนบาท หรือทั.,งจําทั.,งปรับ และ ให้ศาลสั'งเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งของผู้นั.,นมีกําหนดสิบปั

ในกรณีที'ผู้กระทําความผิดตามวรรคหนึ'งเปป็นเจ้าหน้าที'ของรัฐ ต้องระวาง โทษเพิ'มขึ.,นอีกกึ'งหนึ'ง และให้ศาลสั'งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั.,งของผู้นั.,น

มาตรา ๑๔๖ ในระหว่างเวลาเปั"ดการออกเสียงลงคะแนนจนถึงเวลาปั"ด การออกเสียงลงคะแนน ถ้ากรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งเปั"ดเผยให้แก่ผู้ใดทราบว่าผู้มี สิทธิเลือกตั.,งผู้ใดมาลงคะแนนหรือยังไม่มาลงคะแนนเพื'อเปป็นคุณหรือเปป็นโทษแก่ผู้สมัคร หรือพรรคการเมืองใด ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ'งปั หรือปรับไม่เกินสองหมื'นบาท หรือทั.,งจําทั.,งปรับ

มาตรา ๑๔๗ ผู้ใดขาย จําหน่าย จ่ายแจก หรือจัดเลี.,ยงสุราทุกชนิด ในเขต เลือกตั.,งในระหว่างเวลา ๑๘.๐๐ นาWิกา ของวันก่อนวันเลือกตั.,งหนึ'งวัน จนถึงเวลา ๑๘.๐๐ นาWิกา ของวันเลือกตั.,ง ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ'งหมื'นบาท หรือทั.,งจําทั.,งปรับ

บทบัญญัติในวรรคหนึ'งให้ใช้บังคับแก่วันลงคะแนนตามมาตรา ๑๐๖ และ มาตรา ๑๐๗ ด้วย

มาตรา ๑๔๘ ผู้ใดเล่นหรือจัดให้มีการเล่นการพนันขันต่อใด ๆ เกี'ยวกับผล ของการเลือกตั.,ง ต้องระวางโทษจําคุกตั.,งแต่หนึ'งปัถึงห้าปั หรือปรับตั.,งแต่สองหมื'นบาทถึง หนึ'งแสนบาท หรือทั.,งจําทั.,งปรับ และให้ศาลสั'งเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งของผู้เล่นมีกําหนดสิบ ปัและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั.,งของผู้จัดให้มีการเล่น

ถ้าการกระทําตามวรรคหนึ'งเปป็นการกระทําของผู้สมัครหรือ พรรคการเมือง ต้องระวางโทษจําคุกตั.,งแต่หนึ'งปัถึงสิบปั หรือปรับตั.,งแต่สองหมื'นบาทถึง สองแสนบาท หรือทั.,งจําทั.,งปรับ และให้ศาลสั'งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั.,งของผู้สมัคร หรือหัวหน้าพรรคการเมือง แล้วแต่กรณี

มาตรา ๑๔๙ ผู้ใดฝ'าฝ더นมาตรา ๒๓ วรรคหนึ'ง หรือมาตรา ๗๘ วรรคหนึ'ง ต้องระวางโทษจําคุกตั.,งแต่หนึ'งปัถึงสิบปั และปรับตั.,งแต่สองหมื'นบาทถึงสองแสนบาท และ ให้ศาลสั'งเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งของผู้นั.,นมีกําหนดยี'สิบปั

มาตรา ๑๕๐ ผู้ใดฝ'าฝ더นมาตรา ๔๐ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปั

หรือปรับไม่เกินสี'หมื'นบาทหรือทั.,งจําทั.,งปรับ และให้ศาลสั'งเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งของผู้นั.,นมี กําหนดห้าปั

มาตรา ๑๕๑ ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั.,งเนื'องจากขาด คุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั.,งเปป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั.,งหรือทําหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื'อเพื'อสมัครรับเลือก ตั.,งแบบบัญชีรายชื'อ ต้องระวางโทษจําคุกตั.,งแต่หนึ'งปัถึงสิบปั และปรับตั.,งแต่สองหมื'นบาท ถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั'งเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งของผู้นั.,นมีกําหนดยี'สิบปั

ในกรณีที'ผู้กระทําความผิดตามวรรคหนึ'งเปป็นผู้ซึ'งได้รับเลือกตั.,งเปป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ศาลมีคําสั'งให้ผู้นั.,นคืนเงินประจําตําแหน่งและประโยชน์ ตอบแทนอย่างอื'นที'ได้รับมาเนื'องจากการดํารงตําแหน่งดังกล่าวให้แก่สํานักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎรด้วย

มาตรา ๑๕๒ ผู้สมัครผู้ใดฝ'าฝ더นมาตรา ๔๓ ต้องระวางโทษจําคุกตั.,งแต่ หนึ'งปัถึงสิบปั และปรับตั.,งแต่สองหมื'นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั'งเพิกถอนสิทธิ เลือกตั.,งของผู้นั.,นมีกําหนดยี'สิบปั

มาตรา ๑๕๓ ผู้สมัครผู้ใดทําหนังสือยืนยันการไม่ได้เสียภาษีเงินได้บุคคล ธรรมดาตามมาตรา ๔๕ หรือมาตรา ๕๗ อันเปป็นเท็จ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปั หรือ ปรับไม่เกินสี'หมื'นบาท หรือทั.,งจําทั.,งปรับ และให้ศาลสั'งเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งของผู้นั.,นมี

กําหนดห้าปั

มาตรา ๑๕๔ ผู้สมัครผู้ใดฝ'าฝ더นมาตรา ๖๓ ต้องระวางโทษจําคุกตั.,งแต่ หนึ'งปัถึงห้าปั หรือปรับตั.,งแต่สองหมื'นบาทถึงหนึ'งแสนบาท หรือปรับเปป็นจํานวนสามเท่า ของจํานวนเงินที'เกินค่าใช้จ่ายที'คณะกรรมการกําหนด แล้วแต่จํานวนใดจะมากกว่ากัน หรือทั.,งจําทั.,งปรับ และให้ศาลสั'งเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งของผู้นั.,นมีกําหนดสิบปั

ในกรณีที'พรรคการเมืองกระทําความผิดตามวรรคหนึ'ง ต้องระวางโทษ ปรับตั.,งแต่สองแสนบาทถึงสองล้านบาท หรือปรับเปป็นจํานวนสามเท่าของจํานวนเงินที'เกิน ค่าใช้จ่ายที'คณะกรรมการกําหนด แล้วแต่จํานวนใดจะมากกว่ากัน ในกรณีที'พรรคการเมืองกระทําความผิดตามวรรคสอง ถ้าหัวหน้า พรรคการเมือง เลขาธิการพรรคการเมือง หรือเหรัญญิกของพรรคการเมืองรู้เห็นเปป็นใจ ด้วยกับการกระทําความผิด ต้องรับโทษและถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งตามที'บัญญัติไว้ใน วรรคหนึ'ง

มาตรา ๑๕๕ ผู้สมัครหรือหัวหน้าพรรคการเมืองผู้ใดไม่ยื'นบัญชีรายรับ และรายจ่ายต่อคณะกรรมการภายในระยะเวลาที'กําหนด หรือจงใจยื'นเอกสารหรือหลัก ฐานไม่ถูกต้องครบถ้วนตามมาตรา ๖๗ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปั หรือปรับไม่เกินสี' หมื'นบาท หรือทั.,งจําทั.,งปรับ และให้ศาลสั'งเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งของผู้นั.,นมีกําหนดห้าปั

ถ้าบัญชีรายรับและรายจ่ายที'ยื'นตามมาตรา ๖๗ เปป็นเท็จ ผู้สมัครหรือ หัวหน้าพรรคการเมืองต้องระวางโทษจําคุกตั.,งแต่หนึ'งปัถึงห้าปั และปรับตั.,งแต่สองหมื'น บาทถึงหนึ'งแสนบาท และให้ศาลสั'งเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งของผู้นั.,นมีกําหนดสิบปั

มาตรา ๑๕๖ ผู้ใด

ฝ'าฝ더นมาตรา ๖๙ มาตรา ๗๐ หรือมาตรา ๗๙

หาเสียงเลือกตั.,งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ไม่เปป็นไปตามหลัก เกณฑ์ วิธีการ หรือเงื'อนไขที'คณะกรรมการกําหนดตามมาตรา ๗๐ ผู้นั.,นต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ'งหมื'นบาท หรือทั.,งจําทั.,งปรับ

มาตรา ๑๕๗ ผู้ใดฝ'าฝ더นมาตรา ๗๒ หรือเปั"ดเผยหรือเผยแพร่ผลการ สํารวจความคิดเห็นของประชาชนเกี'ยวกับการออกเสียงลงคะแนนในระหว่างเวลาเจ็ดวัน ก่อนวันเลือกตั.,งจนถึงเวลาปั"ดการออกเสียงลงคะแนน ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสาม เดือน หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั.,งจําทั.,งปรับ

มาตรา ๑๕๘ ผู้ใดฝ'าฝ더นมาตรา ๗๓ (๑) หรือ (๒) มาตรา ๗๕ มาตรา ๗๖ หรือมาตรา ๙๔ ต้องระวางโทษจําคุกตั.,งแต่หนึ'งปัถึงสิบปั หรือปรับตั.,งแต่สองหมื'นบาทถึง สองแสนบาท หรือทั.,งจําทั.,งปรับ และให้ศาลสั'งเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งของผู้นั.,นมีกําหนดยี'สิบ ปั

ในกรณีที'ศาลมีคําพิพากษาถึงที'สุดให้ลงโทษผู้กระทําความผิดตามมาตรา ๗๓ (๑) หรือ (๒) ให้ศาลสั'งจ่ายเงินสินบนนําจับไม่เกินกึ'งหนึ'งจากจํานวนเงินค่าปรับแก่ผู้ แจ้งความนําจับ ในกรณีที'พรรคการเมืองกระทําความผิดตามมาตรา ๗๕ หัวหน้า พรรคการเมืองหรือกรรมการบริหารพรรคการเมืองของพรรคการเมืองนั.,นซึ'งรู้เห็นเปป็นใจ ด้วยในการกระทําความผิดต้องระวางโทษตามที'กําหนดไว้ในวรรคหนึ'ง และให้ศาลสั'งเพิก ถอนสิทธิเลือกตั.,งของหัวหน้าพรรคการเมืองหรือกรรมการบริหารพรรคการเมืองของ พรรคการเมืองนั.,น และให้ถือเปป็นเหตุที'จะยุบพรรคการเมืองนั.,นตามกฎหมายประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง

มาตรา ๑๕๙ ผู้ใดฝ'าฝ더นมาตรา ๗๓ (๓) (๔) หรือ (๕) ต้องระวางโทษจําคุก ตั.,งแต่หนึ'งปัถึงสิบปั หรือปรับตั.,งแต่สองหมื'นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั.,งจําทั.,งปรับ และให้

ศาลสั'งเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งของผู้นั.,นมีกําหนดยี'สิบปั และให้นําความในมาตรา ๑๕๘ วรรค สอง มาใช้บังคับด้วย

มาตรา ๑๖๐ ผู้ใดฝ'าฝ더นมาตรา ๗๔ หรือหาเสียงเลือกตั.,งไม่ว่าด้วย ประการใดเพื'อให้ประชาชนหลงเชื'อหรือเข้าใจผิดว่าเปป็นนโยบายของพรรคการเมืองตาม มาตรา ๗๔ ต้องระวางโทษจําคุกตั.,งแต่หนึ'งปัถึงสิบปั หรือปรับตั.,งแต่สองหมื'นบาทถึงสอง แสนบาท หรือทั.,งจําทั.,งปรับ และให้ศาลสั'งเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งของผู้นั.,นมีกําหนดยี'สิบปั

มาตรา ๑๖๑ ผู้ซึ'งมิได้มีสัญชาติไทยผู้ใดฝ'าฝ더นมาตรา ๗๗ ต้องระวาง โทษจําคุกตั.,งแต่หนึ'งปัถึงสิบปั และปรับตั.,งแต่สองหมื'นบาทถึงสองแสนบาท

มาตรา ๑๖๒ ผู้สมัคร พรรคการเมือง หรือผู้ใดปั"ดประกาศหรือติดแผ่น ปนี้ายเกี'ยวกับการเลือกตั.,งไม่เปป็นไปตามที'คณะกรรมการกําหนดตามมาตรา ๘๓ ต้องระวาง โทษจําคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ'งหมื'นบาท หรือทั.,งจําทั.,งปรับ

มาตรา ๑๖๓ ผู้ใดฝ'าฝ더นมาตรา ๙๕ วรรคหนึ'ง หรือมาตรา ๑๐๔ ต้อง ระวางโทษจําคุกตั.,งแต่หนึ'งปัถึงสิบปั และปรับตั.,งแต่สองหมื'นบาทถึงสองแสนบาท และให้ ศาลสั'งเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งของผู้นั.,นมีกําหนดยี'สิบปั

มาตรา ๑๖๔ ผู้ใดฝ'าฝ더นมาตรา ๙๕ วรรคสอง มาตรา ๙๖ มาตรา ๙๘ มาตรา ๑๐๐ หรือมาตรา ๑๐๑ ต้องระวางโทษจําคุกตั.,งแต่หนึ'งปัถึงห้าปั หรือปรับตั.,งแต่สอง หมื'นบาทถึงหนึ'งแสนบาท หรือทั.,งจําทั.,งปรับ และให้ศาลสั'งเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งของผู้นั.,นมี กําหนดสิบปั

ในกรณีที'ผู้ฝ'าฝ더นตามวรรคหนึ'งเปป็นผู้รับหรือยอมจะรับเงิน ทรัพย์สิน หรือ ประโยชน์อื'นใด ถ้าได้แจ้งถึงการกระทําดังกล่าวต่อคณะกรรมการหรือผู้ซึ'งคณะกรรมการ มอบหมายก่อนถูกจับกุม ผู้นั.,นไม่ต้องรับโทษและไม่ต้องถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,ง ให้นําความในวรรคสองมาใช้บังคับแก่ผู้ฝ'าฝ더นตามวรรคหนึ'งที'คณะ กรรมการเห็นสมควรกันไว้เปป็นพยานด้วยโดยอนุโลม

มาตรา ๑๖๕ ผู้ใดฝ'าฝ더นมาตรา ๙๗ หรือมาตรา ๙๙ ต้องระวางโทษจําคุก ไม่เกินหนึ'งปั หรือปรับไม่เกินสองหมื'นบาท หรือทั.,งจําทั.,งปรับ

มาตรา ๑๖๖ กรรมการประจําหน่วยเลือกตั.,งผู้ใดฝ'าฝ더นมาตรา ๑๑๙ ต้อง ระวางโทษจําคุกตั.,งแต่หนึ'งปัถึงสิบปั หรือปรับตั.,งแต่สองหมื'นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั.,ง จําทั.,งปรับ และให้ศาลสั'งเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งของผู้นั.,นมีกําหนดยี'สิบปั

มาตรา ๑๖๗ ในการสืบสวนหรือไต่สวน หากปรากฏว่าการให้ถ้อยคํา หรือแจ้งเบาะแสหรือข้อมูลของบุคคลซึ'งมีส่วนเกี'ยวข้องหรือมีส่วนร่วมในการกระทําความ ผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,รายใดจะเปป็นประโยชน์ในการพิสูจน์การกระ ทําความผิดของผู้กระทําความผิดคนอื'นที'เปป็นตัวการสําคัญ และสามารถที'จะใช้เปป็นพยาน หลักฐานในการวินิจฉัยการกระทําความผิดของผู้กระทําความผิดนั.,น คณะกรรมการจะกัน บุคคลนั.,นไว้เปป็นพยานโดยไม่ดําเนินคดีก็ได้

เมื'อคณะกรรมการมีมติไม่ดําเนินคดีกับบุคคลใดแล้วให้สิทธิในการดําเนิน คดีอาญาเปป็นอันระงับไป เว้นแต่ปรากฏในภายหลังว่าผู้ถูกกันไว้เปป็นพยานได้ให้ถ้อยคําอัน เปป็นเท็จ หรือไม่ไปเบิกความ หรือไปเบิกความแต่ไม่เปป็นไปตามที'ได้ให้ถ้อยคํา หรือแจ้ง เบาะแสหรือข้อมูลไว้ ให้การกันบุคคลไว้เปป็นพยานนั.,นสิ.,นสุดลงและคณะกรรมการอาจ ดําเนินการตามกฎหมายกับบุคคลนั.,นต่อไปได้ มาตรการในการกันบุคคลไว้เปป็นพยานตามวรรคหนึ'ง และการเพิกถอน การกันไว้เปป็นพยานตามวรรคสอง ให้เปป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื'อนไขที'คณะ กรรมการกําหนด

มาตรา ๑๖๘ ในกรณีที'พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,กําหนดให้ ศาลสั'งเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งโดยมีกําหนดระยะเวลาหรือสั'งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั.,ง ให้การเพิกถอนสิทธิดังกล่าวมีผลในทันทีและเริ'มนับระยะเวลานับแต่วันที'ศาลมีคําสั'งหรือ คําพิพากษา เว้นแต่ศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาจะมีคําสั'งหรือคําพิพากษาเปป็นอย่างอื'น

มาตรา ๑๖๙ ในกรณีที'ปรากฏว่ามีการกระทําความผิดตามพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,เกิดขึ.,นในเขตเลือกตั.,งใด ให้ถือว่าผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ที'ส่งสมาชิกของตนลงสมัครรับเลือกตั.,งในเขตเลือกตั.,งนั.,นเปป็นผู้เสียหายตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

มาตรา ๑๗๐ ผู้ใดกระทําความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญนี.,นอกราชอาณาจักร จะต้องรับโทษในราชอาณาจักร และการกระทําของผู้เปป็น ตัวการด้วยกัน ผู้สนับสนุน หรือผู้ใช้ให้กระทําความผิดนั.,น แม้จะกระทํานอกราชอาณาจักร ให้ถือว่าตัวการผู้สนับสนุน หรือผู้ใช้ให้กระทําความผิดนั.,นได้กระทําในราชอาณาจักร

บทเฉพาะกาล

มาตรา ๑๗๑ ในวาระเริ'มแรก ให้ตราพระราชกฤษฎีกากําหนดให้มีการ เลือกตั.,งทั'วไปภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที'พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี., และ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ'งสมาชิกวุฒิสภามีผลใช้บังคับ และให้คณะ กรรมการการเลือกตั.,งกําหนดวันเลือกตั.,งซึ'งต้องไม่ช้ากว่าหนึ'งร้อยห้าสิบวันนับแต่วันที'พระ ราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าวมีผลใช้บังคับ

มาตรา ๑๗๒ ในวาระเริ'มแรก เพื'อประโยชน์ในการนับเวลาเพื'อสมัครรับ เลือกตั.,ง ในกรณีที'ผู้ที'เข้าชื'อร่วมกันเพื'อขอจดทะเบียนจัดตั.,งพรรคการเมืองและได้ชําระเงิน ทุนประเดิมหรือค่าบํารุงพรรคการเมืองไว้แล้ว หากภายหลังนายทะเบียนพรรคการเมืองรับ จดทะเบียนจัดตั.,งพรรคการเมืองนั.,น ให้ถือว่าผู้ที'เข้าชื'อร่วมกันนั.,นเปป็นสมาชิกพรรคการเมือง นั.,นมาตั.,งแต่วันที'ยื'นคําขอจดทะเบียนจัดตั.,งพรรคการเมือง

มาตรา ๑๗๓ ในการเลือกตั.,งทั'วไปครั.,งแรกภายหลังวันที'พระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญนี.,ใช้บังคับ ระยะเวลาในการคํานวณค่าใช้จ่ายในการเลือกตั.,งและวิธี การหาเสียงเลือกตั.,งสําหรับการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามมาตรา ๖๔ และ มาตรา ๖๘ ให้นับแต่วันที'พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีผลใช้ บังคับจนถึงวันเลือกตั.,ง

มาตรา ๑๗๔ บุคคลใดถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ'งสมาชิก วุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๕๐ หรือพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.

๒๕๕๐ ให้ถือว่าผู้นั.,นถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั.,งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,

มาตรา ๑๗๕ ผู้มีสิทธิเลือกตั.,งผู้ใดเสียสิทธิเนื'องจากไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือก ตั.,งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ'งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๕๐ อยู่ก่อนวันที'พระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญนี.,ใช้บังคับ ให้การเสียสิทธิของผู้นั.,นเปป็นอันสิ.,นสุดลงนับแต่วันที'พระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญนี.,ใช้บังคับ

มาตรา ๑๗๖ เมื'อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,ใช้บังคับ ให้คณะ กรรมการการเลือกตั.,งจัดประชุมหารือกับหัวหน้าพรรคการเมืองเพื'อกําหนดเงินค่าใช้จ่ายใน การเลือกตั.,งของพรรคการเมืองและของผู้สมัครในการเลือกตั.,งทั'วไปครั.,งแรกภายหลังวันที' พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,ใช้บังคับ

มาตรา ๑๗๗ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,ไม่มีผลกระทบต่อ การดําเนินคดีแพ่งต่อบุคคลใดที'มีความรับผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่า ด้วยการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ'งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๕๐ และ เพื'อประโยชน์แห่งการนี., ให้ถือว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ'งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๕๐ ยังมีผลใช้บังคับอยู่

การกระทําใด ๆ อันเปป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ'งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๕๐ ถ้าการกระทํานั.,นยังเปป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี., ให้พนักงาน สอบสวน พนักงานอัยการ คณะกรรมการการเลือกตั.,ง และศาล มีอํานาจดําเนินการต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและ การได้มาซึ'งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยให้ถือว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ'งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๕๐ ยังมีผลใช้บังคับอยู่

มาตรา ๑๗๘ บรรดาระเบียบ ข้อกําหนด ประกาศ คําสั'ง หรือมติของคณะ กรรมการการเลือกตั.,งที'ออกตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ'งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ'งใช้บังคับอยู่ในวัน ก่อนวันที'พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,ใช้บังคับ ให้มีผลใช้บังคับต่อไปเท่าที'ไม่ขัด หรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี., ทั.,งนี., จนกว่าจะมี ระเบียบ ข้อกําหนด ประกาศ คําสั'ง หรือมติตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี., พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับนี., คือ โดยที' รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้มีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื'อให้การจัดการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เปป็นไปโดยสุจริตและเที'ยงธรรมตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึง จําเปป็นต้องตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,

มาตรา ๒ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,ให้ใช้บังคับตั.,งแต่วันถัด จากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปป็นต้นไป

มาตรา ๓๐ การแบ่งเขตเลือกตั.,งตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ'งมีอยู่ในวันก่อนวัน ที'พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,ใช้บังคับ ให้ยังคงมีผลใช้บังคับได้ต่อไปสําหรับการ เลือกตั.,งแทนตําแหน่งที'ว่างที'อาจจะมีขึ.,นก่อนการเลือกตั.,งทั'วไป

มาตรา ๓๑ การดําเนินการใด ๆ ตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ'งแก้ไขเพิ'มเติมโดย พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี., ให้มีผลใช้บังคับได้กับการดําเนินการเพื'อการเลือก ตั.,งทั'วไปที'จะมีขึ.,นภายหลังวันที'พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,ใช้บังคับ

มาตรา ๓๒ ให้ประธานกรรมการการเลือกตั.,งรักษาการตามพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี.,

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับนี., คือ โดยที' รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ'มเติม (ฉบับที' ๑) พุทธศักราช ๒๕๖๔ กําหนดให้ สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกจํานวนห้าร้อยคน โดยเปป็นสมาชิกซึ'งมาจากการเลือก ตั.,งแบบแบ่งเขตเลือกตั.,งจํานวนสี'ร้อยคน และสมาชิกซึ'งมาจากการเลือกตั.,งแบบบัญชีรายชื'อ จํานวนหนึ'งร้อยคน โดยให้ใช้บัตรเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบละหนึ'งใบ และการ คํานวณสัดส่วนผู้สมัครรับเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามบัญชีรายชื'อของแต่ละ พรรคการเมืองที'จะได้รับเลือกตั.,งให้เปป็นสัดส่วนที'สัมพันธ์กันโดยตรงกับจํานวนคะแนนที' แต่ละพรรคการเมืองได้รับการเลือกตั.,งรวมกันทั.,งประเทศ โดยหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื'อนไขในการสมัครรับเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื'อ การออกเสียงลง คะแนน การนับคะแนน การรวมคะแนน การประกาศผลการเลือกตั.,ง และการอื'นที'เกี'ยวข้อง ให้เปป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร ประกอบกับเปป็นการสมควรแก้ไขเพิ'มเติมบทบัญญัติเพื'อเพิ'มประสิทธิภาพในการ ดําเนินการเลือกตั.,งและการตรวจสอบการเลือกตั.,งให้เปป็นไปโดยสุจริตและเที'ยงธรรม จึง จําเปป็นต้องตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี., อัมพิกา / Maker 2 กุมภาพันธ์ 2566 ปาจรีย์ / Checker 2 กุมภาพันธ์ 2566 ปาจรีย์ / Authorizer 2 กุมภาพันธ์ 2566 ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนที' ๖๘ ก/หน้า ๔๐/๑๒ กันยายน ๒๕๖๑

มาตรา ๑๑ แก้ไขเพิ'มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๑๒ (๔) แก้ไขเพิ'มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือก ตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๑๙ (๑) แก้ไขเพิ'มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือก ตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๒๖ แก้ไขเพิ'มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๕๓ แก้ไขเพิ'มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๕๔ วรรคสอง แก้ไขเพิ'มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ เลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๕๖ วรรคหนึ'ง แก้ไขเพิ'มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ เลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๕๗ วรรคห้า เพิ'มโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๖๒ แก้ไขเพิ'มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๗๓ วรรคหนึ'ง แก้ไขเพิ'มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๘๔ แก้ไขเพิ'มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๙๑ แก้ไขเพิ'มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๙๓ แก้ไขเพิ'มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๙๙ แก้ไขเพิ'มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๑๑๓ วรรคสอง แก้ไขเพิ'มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๑๑๗ วรรคสอง แก้ไขเพิ'มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๑๑๘ (๔) แก้ไขเพิ'มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ เลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๑๑๘ (๕) แก้ไขเพิ'มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ เลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๑๑๘ (๖) แก้ไขเพิ'มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ เลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๑๒๒ แก้ไขเพิ'มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือก ตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๑๒๓ แก้ไขเพิ'มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือก ตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๑๒๖ วรรคหนึ'ง แก้ไขเพิ'มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๑๒๘ แก้ไขเพิ'มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือก ตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๑๒๙ แก้ไขเพิ'มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือก ตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๑๓๐ แก้ไขเพิ'มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือก ตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๑๓๑ ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั.,ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๑๓๒ วรรคหนึ'ง แก้ไขเพิ'มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๑๓๖ วรรคหนึ'ง แก้ไขเพิ'มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๑๓๗ แก้ไขเพิ'มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือก ตั.,งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที' ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖

ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๔๐/ตอนที' ๗ ก/หน้า ๑/๒๘ มกราคม ๒๕๖๖