สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. เป็นปีที่ ๖๓ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๑
โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยการแพทย์ฉุกเฉิน
“การแพทย์ฉุกเฉิน” หมายความว่า การปฏิบัติการฉุกเฉิน การค้นหา การปกปฐมพยาบาล การค้นหา และการวิจัยเกี่ยวกับการประเมิน การจัดการ การบำบัดรักษาผู้ป่วยฉุกเฉิน และการป้องกันการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นฉุกเฉิน “ผู้ป่วยฉุกเฉิน” หมายความว่า บุคคลซึ่งได้รับบาดเจ็บหรือมีอาการป่วย ซึ่งเป็นอันตรายต่อการดำรงชีวิตหรือการทำงานของอวัยวะสำคัญ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการประเมิน การจัดการ และการบำบัดรักษาอย่างทันท่วงทีเพื่อป้องกันการเสียชีวิตหรือการสูญเสียหน้าที่ของอวัยวะ หรืออาการป่วยนั้น *ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนที่ ๔๔ ก/หน้า ๑/ มีนาคม ๒๕๕๑ "สถานพยาบาล" หมายความว่า สถานพยาบาลของรัฐ สถานพยาบาลสภากาชาดไทย สถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล และสถานพยาบาลอื่นตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด "สถานพยาบาลของรัฐ" ให้หมายความรวมถึงสถานพยาบาลในกำกับของรัฐวิสาหกิจ "ปฏิบัติการฉุกเฉิน" หมายความว่า การปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่รับผิดชอบหรือในพื้นที่ปฏิบัติการของหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉิน รวมถึงการประเมิน การจัดการ การประสานงาน การควบคุมดูแลต่อสื่อสาร การลำเลียงหรือส่ง การตรวจวินิจฉัย และการบำบัดรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินในสถานพยาบาลและในสถานพยาบาลฉุกเฉิน "หน่วยปฏิบัติการ" หมายความว่า หน่วยงานหรือองค์กรที่ปฏิบัติการฉุกเฉิน "ผู้ปฏิบัติการ" หมายความว่า บุคคลซึ่งปฏิบัติงานเกี่ยวกับการแพทย์ฉุกเฉินตามที่คณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉินกำหนด "สถานี" หมายความว่า สถานีการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ "กองทุน" หมายความว่า กองทุนการแพทย์ฉุกเฉิน "กรรมการ" หมายความว่า กรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน "เลขาธิการ" หมายความว่า เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ "สำนักงาน" หมายความว่า สำนักงานสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ "รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
คณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานกรรมการ
กรรมการโดยตำแหน่งซึ่งประกอบด้วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมการแพทย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม และเลขาธิการสภากาชาดไทย
กรรมการผู้แทนหน่วยแพทย์ฉุกเฉินจำนวนสองคน โดยอย่างน้อยต้องเป็นผู้มีความรู้ ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมด้านการแพทย์ฉุกเฉินจำนวนหนึ่งคน
กรรมการผู้แทนหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจำนวนสองคน โดยเป็นผู้แทนจากสถานพยาบาลของรัฐและสถานพยาบาลของรัฐวิสาหกิจ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา - 3 -
กรรมการผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งเลือกกันเองจำนวนสองคน
กรรมการผู้แทนองค์กรภาคเอกชนที่ไม่แสวงหากำไรและมีบทบาทด้านบริหารการแพทย์ฉุกเฉินอย่างต่อเนื่องซึ่งเลือกกันเองจำนวนสองคน
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์เป็นประโยชน์ในการดำเนินงานและปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ด้านการแพทย์ฉุกเฉิน จำนวนสี่คน ให้เลขาธิการเป็นกรรมการและเลขานุการ และให้เลขาธิการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ไม่เกินสองคน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
(1) มีสัญชาติไทย (2) อายุไม่ต่ำกว่าสามสิบปีบริบูรณ์และไม่เกินเจ็ดสิบปีบริบูรณ์ (3) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ (4) ไม่เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
เมื่อครบกำหนดวาระตามวรรคหนึ่ง หากยังมิได้มีการเลือกหรือแต่งตั้งกรรมการตามมาตรา 5 (ข) (ค) และ (ง) ขึ้นใหม่ ให้กรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้นอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการเลือกหรือแต่งตั้งใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทน เมื่อกรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระ ให้ดำเนินการเลือกหรือแต่งตั้งกรรมการประเทศไทยกันก่อนวันครบวาระไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน ในกรณีที่ตำแหน่งกรรมการว่างลงก่อนครบวาระ ให้ดำเนินการเลือกหรือแต่งตั้งกรรมการประเทศไทยภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ตำแหน่งกรรมการว่างลง และให้ผู้ได้รับเลือกหรือแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระของกรรมการซึ่งตนแทน ในกรณีวาระของกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งตามวรรคหนึ่งสิ้นสุดลงในระหว่างที่มีเหตุการณ์ซึ่งจะไม่ดำเนินการเลือกหรือแต่งตั้งกรรมการใหม่ได้ ให้กรรมการที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้นอยู่ ประกาศด้วยกรรมการที่เหลืออยู่
(1) ตาย
ลาออก
ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 7
เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ
กพฉ. ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ในสภาพของจำนวนกรรมการทั้งหมดที่มีอยู่ได้อีก เพราะบกพร่องต่อหน้าที่ มีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือขาดความสามารถ
จำนวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม ในการประชุม กพฉ. ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม ในการปฏิบัติหน้าที่ ประธานกรรมการหรือกรรมการผู้ใดมีส่วนได้เสียโดยตรงหรือ โดยอ้อมในเรื่องที่ กพฉ. พิจารณา ให้ประธานกรรมการหรือกรรมการผู้นั้นงดเว้นไม่เข้าประชุมเรื่องนั้นได้ ให้ที่ประชุมพิจารณาเรื่องนั้นและตรวจอยู่ในที่ประชุมหรือมีมติในที่ประชุมนั้นได้ หรือไม่ ทั้งนี้ ตามระเบียบที่ กพฉ. กำหนด การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งมีเสียงหนึ่งใน การลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมซึ่งเป็นผู้ลงคะแนนเสียงเป็นเสียงชี้ ขาด
(1) กำหนดนโยบายและแผนหลักเกี่ยวกับระบบการแพทย์ฉุกเฉิน (2) เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการจัดตั้งและการดำเนินการของระบบการแพทย์ ฉุกเฉิน (3) เสนอแนะนโยบายทางการแก้ไขปัญหาหรืออุปสรรคอันเกิดจากการดำเนินงาน เกี่ยวกับการแพทย์ฉุกเฉินต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา (4) กำหนดนโยบายการบริหารงาน ให้ความเห็นชอบแผนการดำเนินงานและอนุมัติ แผนการเงินของสถาบัน (5) ควบคุมดูแลการดำเนินงานและการบริหารงานทั่วไป การจัดตั้งและยกเลิก สำนักงาน ตลอดจนออกข้อบังคับ ระเบียบ หรือประกาศเกี่ยวกับการบริหารงานทั่วไป การ บริหารงานบุคคล การงบประมาณ การเงินและทรัพย์สิน การติดตามประเมินผล และการดำเนิน อื่นของสถาบัน (6) ออกข้อบังคับเกี่ยวกับการรับรององค์กรเอกชนที่ให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินหรือระบบปฏิบัติ การ การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการรับรององค์กรเอกชนดังกล่าว รวมทั้ง ให้แนวทางจัดตั้งองค์กรเอกชนที่ให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินในกรณีที่ไม่มีองค์กรเอกชนดังกล่าว การแพทย์ฉุกเฉินที่เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ (7) ออกข้อบังคับเกี่ยวกับการกำหนดให้มีการใช้เทคโนโลยีเพื่อประโยชน์แก่บุคคลผู้ปฏิบัติงาน กิจการด้านการแพทย์ฉุกเฉิน (8) ดำเนินการให้มีระบบสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อประโยชน์ในการ ประสานงานและการปฏิบัติงานด้านการแพทย์ฉุกเฉิน ``` - ๕ -
ดำเนินการให้มีการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติการฉุกเฉิน
ออกระเบียบเกี่ยวกับการรับเงิน การจ่ายเงิน และการรักษาเงินทุน รวมทั้งการจัดหาผลประโยชน์ตามมาตรา ๗
ให้ความเห็นชอบการกำหนดค่าบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินและค่าดำเนินกิจการของสถาบัน
สรรหา แต่งตั้ง ประเมินผลการปฏิบัติงานและถอดถอนเลขาธิการ
ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น หรือตามที่คณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีมอบหมาย
ให้มีความตามในมาตรา ๑๑ มาใช้บังคับกับการประชุมคณะอนุกรรมการโดยอนุโลม
สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ
ให้สถาบันมีฐานะเป็นนิติบุคคลและอยู่ในกำกับของรัฐมนตรี กิจการของสถาบันไม่อยู่ในบังคับบัญชาของกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายว่าด้วยประกันสังคม และกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน แต่พนักงานและลูกจ้างของสถาบันต้องได้รับประโยชน์ตอบแทนไม่ต่ำกว่าที่กำหนดไว้ในกฎหมายดังกล่าว
จัดทำแผนแม่บทการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เสนอ กพฉ.
จัดทำแผนปฏิบัติการประจำปี เสนอ กพฉ.
จัดให้มีระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน รวมทั้งการพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่พิเศษตามที่ กพฉ. กำหนด
จัดให้มีระบบการศึกษา การฝึกอบรม การวิจัย และการพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ฉุกเฉิน
ดำเนินการหรือส่งเสริมการศึกษา การวิจัย และการพัฒนา รวมทั้งการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการแพทย์ฉุกเฉิน
ให้การศึกษาและฝึกอบรมแก่บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ฉุกเฉิน ``` (b) ประสานงาน ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติการฉุกเฉิน
เป็นศูนย์กลางประสานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ดำเนินงานเกี่ยวกับการแพทย์ฉุกเฉิน
เรียกเก็บค่าบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินและการดำเนินการของสถาบัน
รับผิดชอบงานธุรการของ กพฉ. หรือปฏิบัติการอื่นตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติหรือกฎหมายอื่น หรือที่ กพฉ. มอบหมาย
เงินอุดหนุนทั่วไปที่รัฐบาลจัดสรรให้ตามความเหมาะสม
เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้
เงินหรือทรัพย์สินอื่นที่ตกเป็นของสถาบัน
รายได้จากค่าบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินและการดำเนินการของสถาบัน
ดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินตาม (๑) (๒) (๓) และ (๔) เงินและทรัพย์สินของสถาบันไม่อยู่ในหลักเกณฑ์การคลังที่ปรับใช้เฉพาะเดิมตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ
บรรดาทรัพย์สินที่สถาบันได้มาโดยการซื้อหรือแลกเปลี่ยนจากรายได้ของสถาบัน ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของสถาบัน เว้นแต่ทรัพย์สินที่สถาบันได้มาโดยการรับบริจาค ให้เป็นไปตามเจตนาของผู้บริจาค และให้ถือว่าเงิน ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์ที่ได้จากการบริหารทรัพย์สินของสถาบันตามมาตรา ๑๒ (๕) ให้ตกเป็นรายได้ของสถาบัน เพื่อการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา และใช้ประโยชน์ ให้สถาบันมีอำนาจในการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้ และจัดหาประโยชน์จากทรัพย์สินของสถาบัน
ให้สถาบันจัดทำงบการเงินประจำปีซึ่งต้องผ่านการตรวจสอบบัญชีและรับรองบัญชีจากผู้สอบบัญชีภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชีของทุกปี ในกรณีของปีใดที่สถาบันมีรายได้จากการดำเนินการเกินห้าล้านบาท ให้ส่งรายงานต่อที่ประชุม กพฉ. ทราบเกี่ยวกับการจัดทำงบการเงินประจำปีที่ได้รับการตรวจสอบบัญชีและรับรองบัญชีจากผู้สอบบัญชี พร้อมทั้งรายงานเกี่ยวกับการบริหารทรัพย์สินของสถาบัน โดยให้ส่งรายงานดังกล่าวต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทราบด้วย ให้สถาบันจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยให้แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับรายจ่ายที่จำเป็นเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ประเภท และให้จัดทำแผนการเงิน แล้วนำรายงานดังกล่าวเสนอที่ประชุม กพฉ. ภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชีของทุกปี ให้ส่งบัญชีงบการเงินประจำปีเสนอคณะ กพฉ. และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยแต่งตั้งผู้สอบบัญชีและผู้ตรวจสอบบัญชี รับรองว่าถูกต้องแล้ว พร้อมทั้งรายงานของผู้สอบบัญชี รวมทั้งแสดงผลงานของสถาบันเป็นที่ผ่านมาด้วย
ให้ กพอ. เป็นผู้คัดเลือกแต่งตั้งและถอดถอนเลขาธิการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการ กพอ. ประกาศกำหนด
มีสัญชาติไทย
อายุไม่ต่ำกว่าสามสิบห้าปีบริบูรณ์และไม่เกินหกสิบปีบริบูรณ์
สามารถทำงานให้สถาบันได้เต็มเวลา
ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
ไม่เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยล้มละลายโดยทุจริต
ไม่เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติหรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ
ไม่เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาลหรือเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
ไม่เป็นผู้บริหารหรือพนักงานของรัฐวิสาหกิจ
ไม่เป็นข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น
ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือบริษัทมหาชนจำกัด เพราะทุจริตต่อหน้าที่
มีคุณสมบัติหรือไม่มีลักษณะต้องห้ามอย่างอื่นตามที่ กพอ. กำหนด
เมื่อพ้นวาระเลขาธิการจะต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งเลขาธิการคนใหม่ ให้ กพอ. แต่งตั้งกรรมการบริหารสถาบันคนหนึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน ในกรณีที่เลขาธิการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองเลขาธิการที่ กพอ. กำหนดเป็นผู้ทำการแทน เว้นแต่ กพอ. จะมีมติให้รองเลขาธิการคนอื่นเป็นผู้ทำการแทน หรือแต่งตั้งกรรมการบริหารสถาบันคนหนึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน
ตาย (b) ลาออก
ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 20
กพอ. ถอดถอนจากตำแหน่ง เพราะขาดพร่องต่อหน้าที่ มีความประพฤติเสื่อมเสียหรือหย่อนความสามารถ เมื่อพ้นจาก กพอ. ให้เลขาธิการพ้นจากตำแหน่งตาม (4) ต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา ไม่ถือว่าอาจส่งในลักษณะจำนวนกรรมการผู้มีอยู่โดยไม่รวมถึงเลขาธิการ
กำหนด ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
(1) บริหารกิจการของสถาบันให้เป็นไปตามกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ มติ หรือโยบายของ กพอ. (2) จัดทำแผนการดำเนินงานและแผนการเงินของสถาบันเสนอ กพอ. เพื่ออนุมัติ (3) ดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล การเงิน การประกันสังคมและการ บริหารทรัพย์สินของสถาบัน ตามข้อบังคับ ระเบียบ หรือประกาศที่ กพอ. กำหนด (4) แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของสถาบัน หรือผู้ปฏิบัติงานอื่นของสถาบันที่ไม่ใช่พนักงานตามที่ ข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ มติ หรือโยบายของ กพอ. (5) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ กพอ. มอบหมาย
เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งเป็นเจ้ากระทรวง ทบวง กรม หรือผู้ปฏิบัติงานอื่นในกระทรวง ทบวง กรม ราชการ
ลูกจ้างในสถาบันเป็นการชั่วคราวได้ ทั้งนี้ เมื่อได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาของเจ้าของงานนั้น แล้วตามกรณี เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งได้รับอนุมัติให้มาปฏิบัติหน้าที่ในสถาบันตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าเป็น สถาบันตามวรรคหนึ่ง ให้อยู่ในอำนาจการใช้อำนาจบังคับบัญชาของเลขาธิการตามกฎหมายไป ปฏิบัติหน้าที่ และให้พนักงานราชการหรือผู้ปฏิบัติงานอื่นในสถาบันที่มาปฏิบัติหน้าที่ในสถาบัน ประโยชน์ตอบแทนอื่นอย่างเดียวกันเสมือนอยู่ในปฏิบัติราชการหรือปฏิบัติงานในสถาบันตามลำดับ แล้วแต่กรณี
การปฏิบัติการฉุกเฉิน
ตรวจคัดแยกระดับความฉุกเฉินและจัดให้ผู้ป่วยฉุกเฉินได้รับการปฏิบัติการฉุกเฉินตามลำดับความเร่งด่วนทางการแพทย์ฉุกเฉิน
ผู้ป่วยฉุกเฉินต้องได้รับการปฏิบัติการฉุกเฉินเต็มที่ตามสมควรของหน่วยปฏิบัติการสถานพยาบาล และผู้ปฏิบัติการ รวมถึงการป้องกันและให้การช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินจะเป็นประโยชน์ต่อการป้องกันการเสียชีวิตหรือการบาดเจ็บรุนแรงเพิ่มเติมของผู้ป่วยฉุกเฉิน
การปฏิบัติการฉุกเฉินต่อผู้ป่วยฉุกเฉินต้องเป็นไปตามความจำเป็นและข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ฉุกเฉิน รวมถึงการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินไปยังสถานพยาบาลที่เหมาะสมกับการวินิจฉัยหรือการรักษาในกรณีที่ไม่สามารถให้การรักษาได้ในหน่วยปฏิบัติการสถานพยาบาลที่ให้การปฏิบัติการฉุกเฉิน
การปฏิบัติการฉุกเฉินต้องเป็นไปตามหลักความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติการฉุกเฉินและผู้ป่วยฉุกเฉิน รวมถึงผู้เกี่ยวข้องอื่นที่อยู่ในสภาพแวดล้อมของการปฏิบัติการฉุกเฉิน
ประเภท ระดับ อำนาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจำกัดของผู้ปฏิบัติการ หน่วยปฏิบัติการ และสถานพยาบาล
หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ปฏิบัติการ หน่วยปฏิบัติการ และสถานพยาบาล
มาตรฐานการปฏิบัติการฉุกเฉิน
หลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการประสานงานและการรายงานของหน่วยปฏิบัติการและสถานพยาบาลในการปฏิบัติการฉุกเฉิน รวมถึงความพร้อมเกี่ยวกับการปฏิบัติการฉุกเฉิน และอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติการฉุกเฉิน หน่วยปฏิบัติการและสถานพยาบาลที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการปฏิบัติการฉุกเฉินที่กำหนดตามวรรคหนึ่ง ต้องได้รับการตรวจสอบจาก พ.ร.บ. และรายงานผลการตรวจสอบต่อคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน การกำหนดมาตรฐานการปฏิบัติการฉุกเฉินในวรรคหนึ่ง ต้องเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ และมาตรฐานการปฏิบัติการฉุกเฉินที่กำหนดตามวรรคหนึ่ง พ.ร.บ. อาจกำหนดให้เป็นมาตรฐานการปฏิบัติการฉุกเฉินหรือกำหนดตามวัตถุประสงค์อื่น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ขอแสดงความรับผิดชอบในการปฏิบัติการถูกต้องตาม (๑) หรือจะสั่งงดการสนับสนุนด้านการเงินด้วยก็ได้ ในกรณีที่สถานพยาบาลใดไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข หรือมาตรฐานที่ กพฉ. กำหนดตามวรรคหนึ่ง ให้ กพฉ. แจ้งให้หน่วยงานที่ควบคุมหรือกำกับสถานพยาบาลนั้นดำเนินการให้สถานพยาบาลดังกล่าวปฏิบัติให้ถูกต้อง โดยถือเป็นเงื่อนไขในการประกอบกิจการของสถานพยาบาล
ในกรณีสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้ กพฉ. มีอำนาจเรียกบุคคลใด ๆ มาให้ถ้อยคำหรือแจ้งให้บุคคลใด ๆ ส่งเอกสารหรือข้อมูลที่เกี่ยวกับการดำเนินการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ตักเตือนเป็นหนังสือให้ผู้ปฏิบัติการ หน่วยปฏิบัติการ หรือสถานพยาบาลนั้นปฏิบัติให้ถูกต้อง
แจ้งเรื่องไปยังผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่มีอำนาจควบคุมการดำเนินการของหน่วยปฏิบัติการ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
แจ้งเรื่องไปยังผู้มีอำนาจตามกฎหมายเพื่อพิจารณาดำเนินการทางวินัยแก่ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐ
แจ้งเรื่องไปยังผู้มีอำนาจตามกฎหมายเพื่อพิจารณาดำเนินการด้านจริยธรรมกับผู้ปฏิบัติการที่เป็นผู้ประกอบวิชาชีพด้านการแพทย์และการสาธารณสุข
กองทุนการแพทย์ฉุกเฉิน
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ฉุกเฉิน ทั้งนี้ โดยดำเนินการปฏิบัติการฉุกเฉินในเขตพื้นที่หรือภูมิประเทศที่ไม่มีผู้ปฏิบัติการ หน่วยปฏิบัติการ หรือสถานพยาบาลเพียงพอประกอบด้วย เพื่อส่งเสริมการมีบทบาทตามความพร้อม ความเหมาะสม และความจำเป็นของประชาชนในท้องถิ่น ให้ กพฉ. สนับสนุนและประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ให้องค์กรดังกล่าวเป็นผู้ดำเนินงานและบริหารจัดการระบบการแพทย์ฉุกเฉินในระดับท้องถิ่นพร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือด้านงบประมาณตามความจำเป็นและความเหมาะสม โดยอาจได้รับการอุดหนุนจากกองทุน
เงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้ตามงบประมาณรายจ่ายประจำปี
เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้
เงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากกิจการของสถาบัน
เงินค่าปรับทางปกครองตามพระราชบัญญัตินี้
เงินที่ได้จากหน่วยงานของรัฐ หรือกองทุนอื่นที่มีวัตถุประสงค์หรือเกี่ยวข้องกับการจัดบริการด้านสาธารณสุขหรือการแพทย์
เงินรายได้ตามกฎหมายว่าด้วยบัญชี
ดอกผลหรือผลประโยชน์ที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินตาม (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) และ (๖)
การจ่ายเงินของหน่วยงานของรัฐหรือกองทุนอื่นให้แก่กองทุนตามวรรคหนึ่ง ให้ถือเป็นการจ่ายเงินที่กระทำได้ตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐหรือกองทุนอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
การรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงินกองทุน รวมทั้งการเบิกเงินกองทุนไปจัดหาครุภัณฑ์ ให้เป็นไปตามระเบียบที่ กพฉ. กำหนด ให้ถือความในมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัตินี้โดยอนุโลมกับการจัดทำบัญชี การสอบบัญชีและประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินของกองทุน
โทษทางปกครอง
บทเฉพาะกาล
ผู้ที่กลับไปปฏิบัติงานในสังกัดของสถานตามมาตรา ๔๔ ให้ถือว่าออกจากราชการเพราะราชการเลือกอยู่ตำแหน่งในวันที่กลับไปปฏิบัติงาน และให้ได้รับบำเหน็จบำนาญตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการหรือกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ แล้วแต่กรณี เพื่อประโยชน์ในการนับเวลาราชการสำหรับคำนวณสิทธิประโยชน์ของผู้ปฏิบัติงานของสถาน ข้าราชการหรือบุคคลซึ่งสถานจ้างต่อเนื่องในลักษณะไปปฏิบัติงานของสถาน (ประสงค์จะให้นับเวลาราชการหรือเวลาทำงานในขณะนั้นเป็นข้าราชการหรือผู้ถูกจ้างต่อเนื่องกับเวลาทำงานของพนักงานหรือถูกจ้างของสถานนั้น แล้วแต่กรณี ก็ให้สิทธิกระทำได้โดยแสดงความจำนงว่าไม่ขอรับบำเหน็จหรือบำนาญ การไม่ขอรับบำเหน็จหรือบำนาญตามวรรคสาม จะต้องกระทำภายในกำหนดวันที่บำเหน็จเปลี่ยนสถานะ สำหรับกรณีของข้าราชการที่ให้กลับมาดำรงตำแหน่งตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการหรือกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ แล้วแต่กรณี สำหรับกรณีของผู้ถูกจ้างให้กระทำในวันสิ้นอายุสัญญาเมื่อสิ้นอายุสัญญาแล้วเลขาธิการให้ส่งคำขอไปให้กระทรวงการคลังพิจารณา ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี หมาเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่การปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุกเฉินในปัจจุบันยังขาดระบบบริหารจัดการด้านบุคลากร อุปกรณ์ และเครื่องมือที่ช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน รวมทั้งยังขาดหน่วยงานรับผิดชอบ ประสานการปฏิบัติการ ทำให้ผู้ป่วยฉุกเฉินต้องเสียชีวิต อวัยวะ หรือเกิดความทุพพลภาพอันเนื่องมาจากข้อจำกัดดังกล่าว รวมทั้งทำให้การดำเนินหรืออาการป่วยรุนแรงขึ้นโดยไม่สมควร เพื่อผลและบำบัดความสูญเสียดังกล่าว สมควรกำหนดให้มีระบบการบริหารจัดการการแพทย์ฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพ มีมาตรฐาน และมีหน่วยงานรับผิดชอบในการบริหารจัดการ ตลอดจนกำหนดให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติเป็นหน่วยงานรับผิดชอบจัดระบบการแพทย์ฉุกเฉินของทั้งสิ้น เท่าเทียม มีคุณภาพมาตรฐาน โดยให้บริการช่วยเหลือและรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพและทันต่อเหตุการณ์มากขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ อมรศักดิ์/แก้ไข วศิน/ตรวจ ๓ เมษายน ๒๕๔๕ สำนักกฎหมาย/ปรับปรุง ๒๒ ธันวาคม ๒๕๔๙