ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. เป็นปีที่ ๕๔ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๒
“ธุรกิจ” หมายความว่า กิจการในทางเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม การบริการ หรือกิจการอื่นที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน “สินค้า” หมายความว่า สิ่งของที่อาจใช้ในการอุปโภคหรือบริโภค รวมทั้งเอกสารแสดงสิทธิในสิ่งของ “บริการ” หมายความว่า การรับจัดทำการงาน การให้สิทธิใด ๆ การให้ใช้หรือให้ประโยชน์ในทรัพย์สินหรือกิจการใด ๆ โดยเรียกค่าตอบแทนเป็นเงิน หรือผลประโยชน์อื่น “จำหน่าย” หมายความว่า ขาย แลกเปลี่ยน ให้ จำหน่าย โอนสิทธิการครอบครองสินค้าให้แก่บุคคลอื่น หรือให้บริการ “ผลิต” หมายความว่า ทำ ผลิต ปรุง ประกอบ ประดิษฐ์ แปรสภาพ เปลี่ยนรูป คัดแยก คัดเลือก แบ่งบรรจุ รวมบรรจุ หรือทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้มีขึ้นซึ่งสินค้าไม่ว่าจะด้วยวิธีใด รวมทั้งการทำให้มีขึ้นซึ่งสิ่งของการค้าหรือเครื่องหมายการค้าสำหรับสินค้านั้นไม่ว่าจะทำเองหรือให้ผู้อื่นทำให้ก็ได้ “ราคา” หมายความรวมถึง ค่าตอบแทนสำหรับการจำหน่ายด้วย “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หรือคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ “สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หรือสำนักงานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ “พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ข้าราชการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
คณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ
(1) ประกาศกำหนดให้สินค้าหรือบริการใดเป็นสินค้าหรือบริการควบคุมตามมาตรา 25 (2) กำหนดมาตรการที่ใช้สำหรับสินค้าหรือบริการควบคุมตามมาตรา 26 (3) สั่งให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าหรือบริการควบคุมแจ้งข้อเท็จจริงตามมาตรา 28 (4) ให้ความเห็นชอบประกาศที่ออกตามมาตรา 29 (5) กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการแสดงราคาสินค้าหรือบริการตามมาตรา 28 (6) กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการที่ถือว่าเป็นการทำให้ราคาสินค้าเกินควร หรือสูงเกินสมควร หรือทำให้เกิดความปั่นป่วนในราคาของสินค้าหรือบริการควบคุมตามมาตรา 28 วรรคสอง (7) กำหนดระเบียบว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลตามมาตรา 31 (8) เข้ากำกับดูแลและสั่งการเจ้าหน้าที่เพื่อให้การผลิต หรือการจำหน่ายสินค้าหรือบริการ ความถูกต้องเหมาะสมเกี่ยวกับการของประชาชน ในกรณี กกร. ตามอำนาจมอบให้ กกร. เลขาธิการ หรือพนักงานเจ้าหน้าที่กระทำการแทนก็ได้ (9) พิจารณาเรื่องที่มีการร้องเรียนว่าได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย เมื่อมีเหตุการณ์กระทำอันมีผลกระทบกระเทือนต่อราคา (10) เชิญบุคคลใดบุคคลหนึ่งมาให้ข้อเท็จจริง คำอธิบาย คำแนะนำ หรือความเห็น (11) ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของ กกร.
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระจะได้รับแต่งตั้งอีกได้ แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระไม่ได้
ปฏิบัติการตามมาตรา ๒๕ มาตรา ๒๖ วรรคสอง มาตรา ๒๗ มาตรา ๒๘ วรรคสอง และมาตรา ๓๑
พิจารณาเรื่องที่มีการร้องเรียนว่าได้รับความเดือดร้อนหรือความเสียหายเนื่องจากการกระทำอันมีผลกระทบกระเทือนต่อสาธารณะ
เชิญบุคคลใดบุคคลหนึ่งมาให้ข้อเท็จจริง หรือชี้แจง ทำแนะนำ หรือออกความเห็น
ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งหรือคำสั่งของ กกร. และปฏิบัติการอื่นๆ อย่างหนึ่งอย่างใดตามที่ กกร. กำหนดหมาย การใช้อำนาจตามวรรคหนึ่งของ กกร. จะจัดทำข้อยกเว้นกับกรณีที่ กกร. กำหนดตามมาตรา ๘ ไม่ได้ หน้า 27 เล่ม 116 ตอนที่ 22 ก ราชกิจจานุเบกษา 31 มีนาคม 2542
สำนักงานคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ
ดำเนินงานธุรการของ กกร. และคณะอนุกรรมการ และทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางประสานงานกับ กกร.
ศึกษา วิเคราะห์และวิจัยเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ราคาและการประกอบธุรกิจ รวมทั้งเสนอโครงการ แผนงานหรือมาตรการเกี่ยวกับการกำหนดราคาสินค้าและบริการต่อ กกร.
ติดตามความเคลื่อนไหวของราคาสินค้าหรือบริการควบคุม และสอดส่องพฤติการณ์ของผู้ประกอบธุรกิจ แล้วรายงานต่อ กกร.
รับเรื่องที่มีการร้องเรียนว่าได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายเนื่องจากการกระทำอันมีผลกระทบกระเทือนต่อราคา
กำหนดระเบียบเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานของสำนักงาน กกร.
ปฏิบัติการตามประกาศ ระเบียบ และมติของ กกร. และปฏิบัติการอื่นตามที่ กกร. มอบหมาย
ดำเนินงานธุรการของ กกร. และคณะอนุกรรมการที่รัฐ กกร. แต่งตั้ง และทำหน้าที่ประสานงานกับ กกร. เล่ม ๑๓๙ ตอนที่ ๒๒ ก หน้า ๒๔ ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕
ปฏิบัติการตามมาตรา ๑๖ (๒) (๓) และ (๔) ในเขตจังหวัดนั้นแล้วเสนอต่อ กกร.
กำหนดระเบียบเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานของสำนักงาน กกร.
ปฏิบัติการตามประกาศ ระเบียบ และมติของ กกร. และ กกร. และปฏิบัติการอื่น ตามที่ กกร. มอบหมาย
มีหนังสือเรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยคำ แจ้งข้อเท็จจริง หรือทำคำชี้แจงเป็นหนังสือ หรือ ให้ส่งบัญชี รายการ เอกสารหรือหลักฐานใดเพื่อตรวจสอบหรือเพื่อประกอบการพิจารณา แต่ในกรณีที่ ให้ส่งเอกสารหรือหลักฐานเกี่ยวกับต้นทุน สูตร หรือส่วนประกอบของสินค้า หรือบริการอื่นที่มีใช้สินค้า หรือบริการควบคุมต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเลขาธิการหรือประธาน กกร. ก่อน
เข้าไปในสถานที่ทำการ สถานที่ผลิต สถานที่จำหน่าย สถานที่เก็บหรือ สถานที่เก็บสินค้า ของผู้ประกอบธุรกิจหรือของบุคคลใด หรือสถานที่อื่นที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะมีการฝ่าฝืนบทบัญญัติ แห่งพระราชบัญญัตินี้ หรือเข้าไปในพาหนะของบุคคลใด หรือสั่งให้หยุดพาหนะของบุคคลใดเพื่อ ให้หยุด หรือขอตรวจสอบให้กระทำในทางพระราชบัญญัตินี้ หรือเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ หรือทรัพย์สินที่อาจจำเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ โดยต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์
เมื่อปรากฏความผิดซึ่งหน้าเกิดขึ้นในสถานที่ หรือบนพาหนะ
บุคคลที่ได้กระทำความผิดซึ่งหน้า จะหลบหนีไปยังบนที่จับไปหรือมีเหตุอันแน่นแฟ้น ควรสงสัยว่าได้ซุกซ่อนอยู่ในสถานที่ หรือบนพาหนะ
เมื่อมีความสงสัยตามสมควรว่าพยานหลักฐานหรือทรัพย์สินที่อาจจำเป็นต้องใช้ตามพระราชบัญญัตินี้ อยู่ในสถานที่หรือบนพาหนะ ประกอบทั้งต้องมีเหตุอันควรเชื่อว่า เนื่องจากการเนิ่นช้ากว่าจะเอา หมายค้นมาได้ พยานหลักฐานหรือทรัพย์สินจะถูกโยกย้าย ซุกซ่อน ทำลาย หรือทำให้เสียสภาพ ไปจากเดิม
เมื่อผู้จะต้องถูกจับเป็นผู้เข้าอยู่ในสถานที่ หรือบนพาหนะและการจับนั้นมิอาจกระทำได้ โดยไม่ต้องมีหมาย ในการนี้พนักงานเจ้าหน้าที่อาจขอให้เจ้าของ หรือผู้ครอบครองบัญชี รายการ เอกสาร หรือหลักฐานอื่น ของผู้ประกอบธุรกิจ เจ้าของหรือผู้ควบคุมพาหนะ หรือบุคคลอื่นที่อยู่ในสถานที่หรือบนพาหนะนั้นแสดง บุคคลดังกล่าวซึ่งอยู่ในสถานที่หรือบนพาหนะนั้นแสดงปฏิบัติการที่กระทำขึ้น ในกรณีที่มีหลักฐานชัดเจนเป็นที่เชื่อได้ว่ามีการฝ่าฝืนมาตรา 30 หรือมาตรา 31 ให้มีอำนาจพัก อายัด หรือยึดสินค้า ขายพาหนะ เอกสารหรือหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด แต่การยึดสินค้า ขายพาหนะ เอกสารหรือหลักฐานต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากประธานคณะกรรมการก่อน
บัตรประจำตัวให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่นำส่งตามมาตราหนึ่งแห่งหรือวรรคหนึ่งแล้ว แต่บุคคลซึ่งระบุไว้ในหนังสือเรียกปฏิเสธไม่ยอมรับหนังสือเรียกโดยปราศจากเหตุอันสมควร ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งหนังสือเรียก หรือคำร้องไปเป็นพยาน เพื่อวางหนังสือเรียกไว้ ณ ที่นั้น แต่ถ้าไม่มีบุคคลดังระบุไว้ในหนังสือเรียก ณ ภูมิลำเนาหรือสถานที่ทำการของบุคคลนั้น จะส่งให้แก่บุคคลใดซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้วซึ่งอยู่หรือทำงานในบ้านเรือนหรือสถานที่ทำการนั้นก็ได้ และถ้าไม่มีบุคคลใดหรือพบแต่ไม่มีบุคคลใดตอบรับให้วางหนังสือเรียกนั้นไว้ในที่ที่เห็นได้ง่าย ณ ภูมิลำเนาหรือสถานที่ทำการนั้นต่อหน้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจไปเป็นพยาน เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองแล้วให้ถือว่าบุคคลซึ่งระบุไว้ในหนังสือเรียกได้รับหนังสือเรียกนั้นแล้ว ถ้ามีการปิดหนังสือเรียก ให้ถือว่าได้รับหนังสือเรียกเมื่อครบกำหนดห้าวันนับแต่วันปิดหนังสือเรียก แต่ถ้ามีการส่งไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ให้ถือว่าได้รับหนังสือเรียกนั้นเมื่อครบกำหนดห้าวันนับแต่วันรับ
การเชิญบุคคลซึ่งกระทำความผิดให้กระทำได้โดยไม่ต้องมีหมายจับเมื่อปรากฏว่ามีการกระทำความผิดซึ่งหน้า หรือมีเหตุอื่นที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาบัญญัติให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจับได้โดยไม่ต้องมีหมายจับ
การกำหนดราคาสินค้าและบริการ
ให้ กกร. พิจารณาทบทวนการใช้อำนาจตามวรรคหนึ่งอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง หากเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจหรือข้อเท็จจริงที่อาศัยเป็นหลักในการพิจารณาใช้อำนาจของ กกร. เปลี่ยนแปลงไปหรือสิ้นสุดลง ให้ กกร. ด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีประกาศเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกการใช้อำนาจนั้นโดยไม่ชักช้า ประกาศ กกร. ให้มีผลบังคับตามกำหนด และจะกำหนดเกินหนึ่งปีไม่ได้ เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่ ประกาศ กกร. ตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้มีผลบังคับได้
(1) กำหนดราคาซื้อหรือราคาต่ำกว่าของสินค้าหรือบริการควบคุม ให้ผู้ซื้ออยู่ในราคาที่ไม่ต่ำกว่าราคาที่กำหนด หรือให้ผู้จำหน่ายจำหน่ายในราคาที่ไม่สูงกว่าราคาที่กำหนด หรือจัดให้ราคาไว้ในราคาต่ำราคาหนึ่ง (2) กำหนดอัตรากำไรสูงสุดต่อหน่วยของสินค้าหรือบริการควบคุมที่ผู้จำหน่ายจะได้รับจากการจำหน่ายสินค้าหรือบริการควบคุม หรือกำหนดอัตราส่วนเฉลี่ยแห่งการจำหน่ายหรือการขายสินค้าหรือบริการควบคุมในแต่ละช่วงการค้า (3) กำหนดหลักเกณฑ์ มาตรการ และเงื่อนไขให้ต้องปฏิบัติเกี่ยวกับการผลิต การนำเข้ามาในราชอาณาจักร การส่งออกไปนอกราชอาณาจักร การซื้อ การจำหน่าย หรือการเก็บรักษาสินค้าหรือบริการควบคุม
กำหนดห้องที่หรือระยะเวลาในการใช้บังคับประกาศของคณะกรรมการ
กำหนดให้แจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ ต้นทุน ค่าใช้จ่าย แผนการผลิต แผนการนำวัตถุมา ในราชอาณาจักร แผนการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร แผนการซื้อ แผนการจำหน่าย แผนการ เปลี่ยนแปลงราคาหรือรายการอื่นหรือข้อสนเทศอื่นเกี่ยวกับ กระบวนการผลิต และวิธีการจำหน่าย สินค้าหรือบริการควบคุมต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
กำหนดให้มีการเก็บหรือเพิ่มปริมาณการเก็บสำรองสินค้าควบคุมและกำหนดห้องที่และ สถานที่ให้เก็บสำรองสินค้าควบคุม
ห้ามหรืออนุญาตให้มีการส่งออกไปนอกหรือนำเข้ามาในห้องที่ที่นั้นซึ่งสินค้า ควบคุม
สั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิต การนำเข้ามาในราชอาณาจักร การซื้อ การจำหน่าย หรือการเก็บรักษาสินค้าหรือบริการควบคุม รวมทั้งให้ระงับหรือลดค่าใช้จ่าย ที่กำหนดไว้เกินสมควร
จัดให้มีการปันส่วนในการซื้อและการจำหน่ายสินค้าหรือบริการควบคุม รวมทั้งกำหนด หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการปันส่วนดังกล่าว หรือกำหนดเงื่อนไขไม่ให้ขายหรือ และการจำหน่ายสินค้า หรือบริการควบคุม
สั่งให้จำหน่ายสินค้าหรือบริการควบคุมตามปริมาณและราคาที่กำหนด ตลอดจนสั่งให้ จำหน่ายแต่ส่วนราชการหรือบุคคลใดตามที่คณะกรรมการกำหนด
ห้ามจำหน่าย ให้ ใช้เอง ยักย้าย หรือเปลี่ยนสภาพซึ่งสินค้าหรือบริการควบคุมเกิน ปริมาณที่กำหนด
กำหนดมาตรการเพื่อป้องกันการกักตุนสินค้าควบคุมหรือการครอบครองสินค้าควบคุม เกินปริมาณที่กำหนด การใช้อำนาจของคณะกรรมการตามวรรคหนึ่ง ให้กระทำที่เป็นไปตามประกาศความจำเป็นแก่ พฤติการณ์แห่งกรณี โดยกำหนดระยะเวลาของผู้ปฏิบัติ โดยต้องระบุถึงเหตุผล และผู้ซึ่งต้องปฏิบัติตาม ประกาศให้ชัด ประกาศดังกล่าวให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ระบุไว้ในประกาศตาม (๔) และ เมื่อได้มีประกาศแล้วให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาด้วย ให้คณะกรรมการพิจารณาทบทวนการใช้อำนาจตามวรรคหนึ่งอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง เพื่อให้ สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ โดยคำนึงถึงต้นทุน ค่าใช้จ่ายในการผลิต การนำเข้ามาในราชอาณาจักร การส่งออกไปนอกราชอาณาจักร การซื้อ การจำหน่าย และข้อกำหนดอื่นใดที่เหมาะสม รวมทั้งผลกระทบ ต่อการลงทุนในการขยายกำลังการผลิตในระยะต่อไปด้วย และเมื่อเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจหรือข้อเท็จจริงที่อาศัยเป็นหลักในการพิจารณาใช้อำนาจของคณะกรรมการเปลี่ยนแปลงไปหรือสิ้นสุดลง ให้คณะกรรมการประกาศเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกการใช้อำนาจนั้นในราชกิจจานุเบกษาโดยไม่ชักช้า ประกาศของคณะกรรมการการที่มีอายุตามที่กำหนด แต่จะกำหนดเกินหนึ่งปีไม่ได้ เว้นแต่จะได้มีการออกประกาศใหม่
เมื่อได้แจ้งรายการตามวรรคหนึ่งแล้ว กกร. อาจห้ามมิให้ผู้ผลิต ผู้จำหน่าย ผู้ส่งเพื่อจำหน่าย หรือผู้นำเข้าเพื่อจำหน่ายนั้นเปลี่ยนแปลงสินค้า หรือบริการในลักษณะที่แตกต่างไปจากรายการตามที่ได้แจ้งไว้ หรือจำหน่ายในราคาที่สูงหรือต่ำกว่าราคาตามที่ได้แจ้งไว้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเลขาธิการตามเงื่อนไขที่ กกร. กำหนด การใช้อำนาจตามวรรคหนึ่ง ให้บังคับตามในมาตรา 25 วรรคสองและวรรคสาม มาใช้บังคับโดยอนุโลม
เมื่อได้ประกาศตามวรรคหนึ่งแล้ว ต้องนำเสนอคณะกรรมการเพื่อพิจารณาในคราวประชุมถัดไปนับแต่วันที่ออกประกาศ ถ้าคณะกรรมการให้ความเห็นชอบประกาศนั้น ให้คณะกรรมการประกาศนั้นให้มีผลใช้บังคับต่อไป แต่ถ้าคณะกรรมการไม่ให้ความเห็นชอบ ให้คณะกรรมการประกาศยกเลิกประกาศนั้น แต่ทั้งนี้ให้มีผลกระทบเฉพาะต่อคำสั่งหรือกระทำในคราวหน้าที่ได้กระทำไปก่อนการยกเลิกประกาศ ประกาศตามวรรคสอง ให้คณะผู้ได้รับคำสั่งที่เกี่ยวข้อง และยังมิได้ปฏิบัติประกาศนั้นในราชกิจจานุเบกษาด้วย
การใช้อำนาจตามวรรคหนึ่ง ให้กำหนดในมาตรา ๒๕ วรรคสองและวรรคสาม มาใช้บังคับ โดยอนุโลม
ถ้าสินค้าที่ต้องได้วันนั้นเป็นของเสียหาย หรือถ้าหมดระยะที่จะเป็นการเสี่ยงความเสียหาย หรือจะเสียค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาเกินราคาของสินค้านั้น เลขาธิการกรุงเทพมหานคร หรือประธาน กจร. สำหรับจังหวัดอื่น หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเลขาธิการ หรือประธาน กจร. จะสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ขายทอดตลาดสินค้านั้น หรือขายโดยวิธีอื่นที่เห็นสมควรก่อนพ้นวันดังกล่าวเป็นของแผ่นดินได้ เงินค่าขายสินค้านั้นเมื่อหักค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดเก็บที่พ้นวันแล้ว ให้ถือเป็นเงินแผ่นดิน
ในกรณีที่ไม่มีผู้จับกุม ให้จ่ายเงินรางวัลแก่ผู้ชี้ช่องร้อยละสามสิบของจำนวนเงินสุทธิค่าปรับของกลางที่ศาลสั่งให้ริบ หรือในกรณีที่มิได้รับของกลางหรือของกลางไม่อาจขายได้ ให้จ่ายจากเงินค่าปรับที่ได้ชำระต่อศาลตามอัตราดังกล่าว ในกรณีที่ผู้จับกุมหรือผู้ชี้ช่องไปตายฝ่ายหนึ่งมีหลายคน ให้จ่ายเงินสินบนหรือเงินรางวัลแก่บุคคลในฝ่ายนั้นคนละเท่ากัน ในกรณีที่ชี้ช่องของกลางได้แต่ไม่ปรากฏตัวผู้กระทำผิด ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลจากจำนวนเงินสุทธิค่าปรับของกลางที่ศาลสั่งให้ริบตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด แต่ไม่เกินอัตราที่กำหนดตามมาตรานี้ ในกรณีที่มีการจับกุมผู้กระทำความผิดและได้มีการเปรียบเทียบตามมาตรา ๓๑ ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลจากจำนวนเงินค่าปรับตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด แต่ไม่เกินอัตราที่กำหนดตามมาตรานี้
บทกำหนดโทษ
หน้า ๓๖ เล่ม ๑๑๖ ตอนที่ ๒๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓๑ มีนาคม ๒๕๔๒ บทเฉพาะกาล
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่กฎหมายว่าด้วยการกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการกักตุนที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันมีความไม่เหมาะสม เพราะมีสาระเป็นส่วนสําคัญ คือ การกำหนดราคาสินค้าและการป้องกันการกักตุน จึงพึงต้องปรับปรุงวัตถุประสงค์ในกฎหมายดังกล่าวให้มีความแตกต่างกัน เมื่อองค์กรที่ทำหน้าที่ตามกฎหมายฉบับนี้เพียงองค์กรเดียว ดังนั้น สมควรแยกบทบัญญัติและองค์กรที่ทำหน้าที่ตามกฎหมายเกี่ยวกับการกำหนดราคาสินค้าและการป้องกันการกักตุนออกจากกัน เพื่อให้การดำเนินการตามกฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับบทบัญญัติฉบับนี้ในส่วนของการกำหนดราคาสินค้า ยังไม่ชัดเจนและเหมาะสม สมควรปรับปรุงเสียใหม่ให้ชัดเจนขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้