로고

พระราชบัญญัติ แพ่ง พ.ศ. ๒๕๖๐ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ให้ไว้ ณ วันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นปีที่ ๒ ในรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการ โปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยและกฎหมายว่าด้วยภิกษ์อัตรา ค่าภาคหลวงแร่ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอม ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติแพ่ง พ.ศ. ๒๕๖๐"

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ให้ยกเลิก

(ก) พระราชบัญญัติแพ่ง พ.ศ. ๒๕๐๐ (ข) พระราชบัญญัติแพ่ง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๐๖ (ค) พระราชบัญญัติแพ่ง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๙ (ง) พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติแพ่ง พ.ศ. ๒๕๒๐ (ฉบับที่ ๒) (จ) พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติแพ่ง พ.ศ. ๒๕๒๐ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๕ (ฉ) พระราชบัญญัติแพ่ง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ (ช) พระราชบัญญัติภิกษ์อัตราค่าภาคหลวงแร่ พ.ศ. ๒๕๐๔ (ซ) พระราชบัญญัติภิกษ์อัตราค่าภาคหลวงแร่ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๐๙ (ฌ) พระราชบัญญัติภิกษ์อัตราค่าภาคหลวงแร่ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๑๐ * จากกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนที่ ๒๖ ก/หน้า ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๐

มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้

"แร่" หมายความว่า หินหรือสารธรรมชาติที่เป็นอนินทรีย์วัตถุ มีส่วนประกอบทางเคมีที่มีลักษณะทางฟิสิกส์แน่นอนหรือแปรเปลี่ยนแปลงได้เล็กน้อยไม่ว่าจะอยู่ในสภาพหรืออิสรภาพก่อนที่จะนำไปใช้ และหมายความรวมตลอดถึงดิน หินน้ำมัน น้ำมันดิบ โซเดียมคลอไรด์ที่ได้จากใต้ดินหรือจากน้ำทะเล น้ำเกลือใต้ดิน ดินเกาลินที่ถูกระทรวงกำหนดเป็นแร่ในระดับหรือขั้นตอนอุตสาหกรรม และดินหรือทรายตามที่กระทรวงกำหนดให้เป็นแร่ในระดับหรือขั้นตอนอุตสาหกรรม แต่ไม่รวมถึงดินทั่วไปที่ใช้ในการเกษตรกรรมหรือดินที่ใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง "น้ำเกลือใต้ดิน" หมายความว่า น้ำเกลือที่อยู่ใต้ดินตามธรรมชาติ และมีความเข้มข้นของเกลือในปริมาณมากกว่าที่จะใช้ประโยชน์จากเกลือ "การบริหารจัดการแร่" หมายความว่า การจัดการและการอนุรักษ์ทรัพยากรแร่ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ การสำรวจแร่ การทำเหมืองแร่ การทำเหมืองใต้ดิน การขุดแร่ การร่อนแร่ การประกอบธุรกิจแร่ การแต่งแร่ และการประกอบโลหกรรม รวมทั้งการควบคุมกำกับดูแลการดำเนินการเรื่องดังกล่าว "สำรวจแร่" หมายความว่า การตรวจหรือพิสูจน์หรือกระทำด้วยวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด เพื่อให้รู้ว่าในพื้นที่นั้นมีแร่หรือไม่เพียงใด "พื้นที่ปลอดภัยและความมั่นคงแห่งชาติ" หมายความว่า เขตปลอดภัยตามกฎหมายว่าด้วยเขตปลอดภัยในราชการทหาร เขตพหลโยธินเพื่อประโยชน์ในราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการใช้ที่ดินในเขตพหลโยธินเพื่อประโยชน์ในราชการทหาร หรือเขตพื้นที่ในราชการทหารที่กำหนดขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการใช้ที่ดินในเขตพื้นที่ในราชการทหาร "เหมือง" หมายความว่า สถานที่ที่มีการทำเหมืองแร่ไม่ว่าจะเป็นเหมืองชนิดใด เพื่อให้ได้มาซึ่งแร่หรือเพื่อประโยชน์ในกระบวนการทำเหมืองแร่ แต่ไม่รวมถึงการร่อนแร่รายย่อยและการร่อนแร่ "ทำเหมืองใต้ดิน" หมายความว่า การทำเหมืองด้วยวิธีการเจาะเป็นปล่องหรืออุโมงค์ลึกลงไปใต้ดิน เพื่อให้ได้มาซึ่งแร่ใต้ดิน "ขุดแร่รายย่อย" หมายความว่า การกระทำในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นพื้นดินหรือพื้นน้ำ เพื่อให้ได้มาซึ่งแร่โดยไม่ระเบิดหรือลำเลียงวัตถุระเบิดไปในลักษณะเหมืองแร่ ภายในขอบเขตที่ขนาดพื้นที่ วิธีการขุดแร่ และชนิดแร่ ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด "ร่อนแร่" หมายความว่า การกระทำในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นพื้นดินหรือพื้นน้ำ เพื่อให้ได้มาซึ่งแร่โดยใช้แรงคนแต่ละคนตามที่ตัวเองมี ภายในขอบเขตที่ และวิธีการร่อนแร่ ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด "ประกอบธุรกิจแร่" หมายความว่า การซื้อแร่ การขายแร่ การครอบครองแร่ การแปรรูปแร่ การขนส่งแร่ในราชอาณาจักรหรือระหว่างประเทศ และการส่งออกแร่จากราชอาณาจักร "แต่งแร่" หมายความว่า การปรับแต่งหรือประกอบโลหกรรมแร่ในลักษณะอื่น นอกจากการร่อนแร่ "ร่อนแร่" หมายความว่า การร่อนแร่ด้วยแรงคนในลักษณะอื่น นอกจากการร่อนแร่ตามขอบเขต “ครอบครองรวม” หมายความว่า การมีไว้ การยึดถือ หรือการรับไว้ด้วยประการใดๆ เพื่อตนเองหรือผู้อื่น และไม่ว่าจะเป็นการมีไว้เพื่อขาย เพื่อจ่าย เพื่อใช้ หรือเพื่อประการอื่นใด และรวมถึงการที่ให้ผู้อื่นมีไว้และที่อยู่ในความครอบครองของตนเอง เช่น แบ่งแยกจำหน่ายตามธรรมชาติ หรือโดยลักษณะการปรากฏอยู่ของนั้นไม่ผู้ครอบครองไม่อาจปฏิเสธการกระทำได้ “แผ่นแร่” หมายความว่า การกระทำใดๆ เพื่อให้แร่หรือสิ่งที่มีลักษณะเหมือนแร่ หรือเพื่อให้แร่หรือสิ่งที่มีลักษณะเหมือนแร่อยู่ในสภาพที่เป็นแผ่น แท่ง หรือรูปร่างอื่นใดที่สามารถนำไปใช้ในงานอุตสาหกรรมได้โดยตรง หรือการแปรสภาพแร่ หรือการนำแร่ไปผ่านกระบวนการใดๆ เพื่อให้สาระสำคัญในแร่ ตามประเทศที่รัฐผู้ประกาศกำหนด “โลหกรรม” หมายความว่า การทำแร่หรือวัตถุดิบชนิดใดๆ ให้แยกเป็นองค์ประกอบในรูปโลหะ หรือสารประกอบโลหะด้วยวิธีการถลุง แยก หรือวิธีอื่นใด และหมายความรวมถึงการทำโลหะในรัฐวิสาหกิจการผลิตโลหะ การผลิตโลหะเครื่องรูปหรือสิ่งสำเร็จรูปชนิดต่างๆ โดยวิธีหลอม หล่อ รีด หรือวิธีอื่นใด “เขตควบคุมแร่” หมายความว่า เขตพื้นที่ซึ่งมีแร่สมบูรณ์และกำหนดเป็นเขตควบคุมแร่ “เขตประทานบัตร” หมายความว่า เขตพื้นที่ที่กำหนดเป็นเขตประทานบัตร “เขตเหมืองแร่” หมายความว่า เขตประทานบัตร และให้รวมถึงเขตพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้แต่งแร่หรือประกอบโลหกรรม หรือพื้นที่ซึ่งมีลักษณะเป็นแหล่งแร่ตามประกาศของรัฐ “แผนแร่” หมายความว่า แผนที่แสดงเขตแหล่งแร่หรือเขตเหมืองแร่ “แผนโครงการ” หมายความว่า แผนที่ที่แสดงเขตพื้นที่ที่กำหนดเป็นเขตโครงการ “สถานที่เก็บแร่” หมายความว่า สถานที่ที่กำหนดให้เป็นที่เก็บแร่ “สถานที่จำหน่ายแร่” หมายความว่า สถานที่ที่กำหนดให้เป็นที่จำหน่ายแร่ “สถานที่แต่งแร่” หมายความว่า สถานที่ที่กำหนดให้เป็นที่แต่งแร่ “สถานที่ประกอบโลหกรรม” หมายความว่า สถานที่ที่กำหนดให้เป็นที่ประกอบโลหกรรม “อาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่” หมายความว่า หนังสือสำคัญที่ออกให้เพื่อผูกขาดสำรวจแร่ภายในเขตที่กำหนดในหนังสือสำคัญนั้น แต่ไม่รวมถึงการสำรวจในทะเล “อาชญาบัตรพิเศษ” หมายความว่า หนังสือสำคัญที่ออกให้เพื่อผูกขาดสำรวจแร่ภายในเขตที่กำหนดในหนังสือสำคัญนั้น และผู้ยื่นคำขอจะเสนอข้อมูลเพื่อสำรวจและต้องเสนอผลประโยชน์แก่แผ่นดินด้วย “ประทานบัตร” หมายความว่า หนังสือสำคัญที่ออกให้เพื่อการทำเหมืองแร่ภายในเขตที่กำหนดในหนังสือสำคัญนั้น “ใบอนุญาต” หมายความว่า ใบอนุญาตที่ออกให้ตามพระราชบัญญัตินี้ “ใบสำคัญ” หมายความว่า ใบสำคัญที่ได้รับเป็นสิทธิหรือถือเป็นของประเทศไทยตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ หรือกฎหมายตามที่ให้กำกับควบคุมประเทศ “ผู้ถือสิทธิ” หมายความว่า บุคคลใด บุคคลหนึ่ง หรือหน่วยงานที่มีการกระทำหรือถือ หรือหมายความรวมถึงเจ้าหน้าที่นั้นด้วย “คนต่างด้าว” หมายความว่า สารประกอบหรือสารเคมีใดที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการประกอบโลหกรรม ตามชื่อที่กำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา “อธิบดีกรมทรัพยากร” หมายความว่า (ก) เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ สำหรับราชอาณาจักรไทย (ข) อธิบดี สำหรับราชอาณาจักรในต่างประเทศที่ 1 และประเทศที่ 2 ``` - 4 - สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ “หัวหน้าหน่วยงานท้องถิ่น” หมายความว่า นายกเทศมนตรี หรือ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล ทั้งนี้ ในเขตพื้นที่ของตน “เจ้าพนักงานท้องถิ่นตามพระราชบัญญัตินี้” หมายความว่า ผู้ซึ่งอธิบดีแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีกฎหมายจัดตั้งขึ้น “องค์กรเอกชน” หมายความว่า เทศบาล อบต. หรือองค์กรบริหารส่วนตำบล “องค์กรชุมชน” หมายความว่า องค์กรชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยสภาองค์กรชุมชน หรือกฎหมายอื่น “เจ้าพนักงานท้องที่” หมายความว่า เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ และผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ “อธิบดี” หมายความว่า อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

มาตรา 6 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ของตน

ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มีอำนาจออกกฎกระทรวงตามมาตรา 8 มาตรา 23 และมาตรา 28 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีอำนาจออกประกาศตามมาตรา 20 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ กับออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราที่พระราชบัญญัตินี้ บัญญัติไว้หรือค่าธรรมเนียมกำหนดค่าธรรมเนียมกำหนดค่าธรรมเนียม และกำหนดจากกิจการ หรือออกกฎกระทรวง และระเบียบเพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวง ประกาศ และระเบียบนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้

มาตรา 7 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับแก่การบริหารจัดการแร่ในราชอาณาจักร และเขตไหล่ทวีป

หมวด 1

นโยบายในการบริหารจัดการแร่ ```

มาตรา 7 รัฐมีบทบาทในการบริหารจัดการแร่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงศักยภาพในการพัฒนาทรัพยากรแร่ ซึ่งส่งผลและผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนอย่างรอบด้าน รวมทั้งการจัดสรรผลประโยชน์ระหว่างรัฐ ผู้ประกอบการ และชุมชนหรือพื้นที่ที่เหมืองแร่ตั้งอยู่ให้เกิดการได้รับผลกระทบอย่างเป็นธรรม

มาตรา 8 ให้มีคณะกรรมการนโยบายแร่ เรียกว่า “คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ” ประกอบด้วย

1

นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ

2

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นรองประธานกรรมการ คนที่หนึ่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นรองประธานกรรมการ คนที่สอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นรองประธานกรรมการ คนที่สาม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นรองประธานกรรมการ คนที่สี่

3

กรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ อธิบดีกรมศิลปากร อธิบดีกรมป่าไม้ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

4

กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนไม่เกินห้าคน ซึ่งประธานกรรมการแต่งตั้งจาก (ก) ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวนหนึ่งคน (ข) ผู้แทนองค์กรเอกชน จำนวนหนึ่งคน (ค) ผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือมีประสบการณ์ ด้านธรณีวิทยา ด้านวิศวกรรมเหมืองแร่ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านวิทยาศาสตร์ หรือด้านอื่นใดอย่าง จำนวนไม่เกินสามคน ให้ถือเป็นองค์กรทรัพยากรธรรมชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการ และอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม ให้รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณีซึ่งอธิบดีกรมทรัพยากรธรณีมอบหมาย เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ และรองอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ซึ่งอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่มอบหมาย เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการร่วม หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา 9 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องมีสัญชาติไทยและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้

(ก) คุณสมบัติ (ข) สัญชาติไทย

มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ หรือทำงานในด้านที่แต่งตั้งไม่น้อยกว่าสิบปี ข. ลักษณะต้องห้าม

เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ

เป็นบุคคลล้มละลาย

เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ

เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ข้าราชการการเมือง กรรมการหรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ข้าราชการรัฐสภาสามัญอาวุโสจากกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการรัฐสภา กรรมการรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา หรือกรรมการในคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน หรือที่ปรึกษาทางการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง

เป็นผู้บังคับบัญชา รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เว้นแต่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตาม (๒) (๓) (๔) (๕)

เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในสถาบันอุดมศึกษา

เป็นกรรมการหรือผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจในการจัดการหรือมีส่วนได้เสียในนิติบุคคลหรือองค์กรที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร

ประกอบอาชีพหรือวิชาชีพใดที่มีลักษณะไม่เหมาะสมหรือไม่สอดคล้องกับการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งกรรมการ

มาตรา ๑๐ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสามารถดำรงตำแหน่งติดต่อกันได้เพียงวาระเดียวเท่านั้น

ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ หรือในกรณีที่มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มขึ้นในระหว่างที่กรรมการซึ่งแต่งตั้งในลำดับที่แรกอยู่ในตำแหน่ง ให้ผู้ได้รับแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างหรือได้รับแต่งตั้งเพิ่มเติมอยู่ในตำแหน่งเท่ากับระยะที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้แต่งตั้งไปแล้ว เว้นแต่ระยะของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่เหลือไม่ถึงหนึ่งปีจะไม่นับเป็นการดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เมื่อครบกำหนดตามวาระในวรรคหนึ่ง หากยังไม่ได้มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใหม่ ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้นยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ในตำแหน่งเพื่อดำเนินงานต่อไปจนกว่ากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่ ในกรณีที่ยังไม่มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามวรรคสอง ให้คณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการที่มีอยู่ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระจะได้รับแต่งตั้งอีกไม่ได้ แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระไม่ได้

มาตรา ๑๑ นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ

ตาย

6

ลาออก

7

ประธานกรรมการให้ออก เพราะบกพร่องต่อหน้าที่ มีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือทุจริตต่อหน้าที่ราชการ

8

ขาดคุณสมบัติหรือสิ้นสภาพต้องห้ามตามมาตรา 8

มาตรา 12 ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

1

เสนอยุทธศาสตร์ นโยบาย และแผนแม่บทในการบริหารจัดการน้ำต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเกิดประโยชน์สูงสุด ภายใต้ยุทธศาสตร์แห่งชาติ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

2

เสนอแนวทางหรือมาตรการเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ นโยบาย และแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

3

กำกับ ดูแล ตรวจสอบให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ นโยบาย และแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำ

4

เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนในเรื่องที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำของประเทศ

5

ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน และกำหนดหลักเกณฑ์การมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารจัดการน้ำ

6

ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ นโยบาย และแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำ รวมถึงเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา

7

ปฏิบัติการอื่นใดที่จำเป็นตามที่คณะรัฐมนตรี หรือกฎหมายกำหนด หรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย

มาตรา 13 การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม

ในการประชุมคณะกรรมการ ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานกรรมการคนที่หนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม ถ้าประธานกรรมการและรองประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งมีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียง เป็นเสียงชี้ขาด ในการประชุม ถ้ามีการพิจารณาเรื่องที่กรรมการผู้ใดมีส่วนได้เสีย กรรมการผู้นั้นไม่มีสิทธิออกเสียงในที่ประชุม

มาตรา 14 ให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตามคณะกรรมการมอบหมาย หรือคณะกรรมการอาจแต่งตั้งที่ปรึกษาให้เข้ามาปฏิบัติการตามมาตรา 13 อนุมาตรา 3 และมาตรา 7 ภายในขอบเขตที่คณะอนุกรรมการโดยมอบหมาย

มาตรา ๑๕ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการอาจเชิญบุคคลใดมาให้ข้อเท็จจริง อธิบาย ให้ความเห็น ให้คำแนะนำ หรือส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาได้

มาตรา ๑๖ ให้กรมทรัพยากรธรณี เป็นสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการ โดยมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

รับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการ

ประสานงานกับคณะกรรมการกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดการดำเนินการที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ นโยบาย และแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่

ปฏิบัติการอื่นใดตามที่คณะกรรมการมอบหมาย ให้กรมทรัพยากรธรณีและกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ร่วมกันจัดทำฐานข้อมูลพื้นที่ที่มีศักยภาพในการทำเหมืองของประเทศ การประเมินมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมของแหล่งแร่ที่มี การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจากการจัดทำ รวมทั้งความเป็นไปได้ในการใช้ประโยชน์พื้นที่หลังการทำเหมืองแร่เพื่อเสนอคณะกรรมการพิจารณาให้ความเห็นชอบ และเสนอรัฐมนตรีเพื่อกำหนดเป็นเขตแหล่งแร่เพื่อการพัฒนาต่อไป ทั้งนี้ ให้จัดทำฐานข้อมูลดังกล่าวเผยแพร่ต่อสาธารณชนและสาธารณประโยชน์ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการจัดทำยุทธศาสตร์ นโยบาย และแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ตามมาตรา ๑๒ (๔)

มาตรา ๑๗ ให้คณะกรรมการจัดทำแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ ซึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วย การกำหนดเป้าหมายและแนวทางการบริหารจัดการแร่ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ นโยบาย และแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ตามมาตรา ๑๒ รวมทั้งให้มีการกำหนดกรอบระยะเวลา วิธีการ และพื้นที่เป้าหมายในการบริหารจัดการแร่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ภายใต้ดุลยภาพด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชน โดยการจัดทำต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมและเปิดเผยข้อมูลให้สาธารณชนทราบเป็นระยะ รวมแต่ข้อมูลของประเทศที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และให้มีการจัดทำข้อเสนอแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ทุกห้าปี

ให้คณะกรรมการเสนอแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ เมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติการตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ พื้นที่ที่รัฐกำหนดให้เป็นเขตแหล่งแร่เพื่อการพัฒนาให้ถือเป็นพื้นที่เป้าหมายตามแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ดังกล่าวด้วย แต่หากพื้นที่ดังกล่าวมีความขัดแย้งกับกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า เขตป่าอนุรักษ์ตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ อุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน หรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรือพื้นที่ที่มีความสำคัญทางศาสนา โบราณสถาน โบราณวัตถุ และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เขตพื้นที่ที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศ พื้นที่ที่ปลอดภัยและความมั่นคงแห่งชาติ หรือพื้นที่ที่มีความสำคัญต่อป่าไม้ต้นน้ำลำธาร

มาตรา ๑๘ ห้ามมิให้กำหนดแหล่งแร่เป็นพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นแหล่งแร่แบบบริหารจัดการแร่กำหนดให้มีการสงวนหวงห้ามหรืออนุรักษ์ไว้

มาตรา ๑๙ เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการแร่ การอนุญาตให้ทำเหมืองให้กิจการอนุญาตได้เฉพาะในพื้นที่ที่แผนแม่บทการบริหารจัดการแร่กำหนดให้เป็นเขตแร่เพื่อการทำเหมืองมีความคุ้มค่าในทางเศรษฐกิจ และสอดคล้องกับนโยบายและยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้ในแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ และในกรณีที่แผนประเด็นที่เกี่ยวกับการพัฒนา เทคโนโลยีที่ใช้จะต้องใช้ในการทำเหมืองและมาตรการป้องกันผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนยังไม่เหมาะสม ให้แผนแม่บทฯ เพิ่มเติมให้มีการกำหนดเทคโนโลยีที่เหมาะสมและมาตรการป้องกันผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนที่เหมาะสม ในกรณีการทำเหมืองที่อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนสูง ในการอนุญาตต้องกำหนดพื้นที่ที่เหมาะสมกับสถานการณ์หนึ่งๆ และจัดทำข้อมูลพื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนด้วย

ภายใต้บังคับวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการมีอำนาจประกาศกำหนดให้การอนุญาตและการกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ในการออกประทานบัตรให้ทำเหมืองในพื้นที่และเงื่อนไขดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการก่อนการอนุญาต เพื่อพิจารณาความคุ้มค่าในทางเศรษฐกิจ ความเหมาะสมของเทคโนโลยีที่ใช้ในการทำเหมือง มาตรการในการป้องกันผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน รวมทั้งผลกระทบสะสมต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน

มาตรา ๒๐ เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการแร่ การทดลอง การศึกษาทางวิชาการเกี่ยวกับแร่ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีอำนาจอนุญาตให้หน่วยงานของรัฐหรือเอกชนดำเนินการได้ วรรคสอง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาที่กำหนดในกฎกระทรวง

ประกาศตามวรรคหนึ่งให้มีผลใช้บังคับไม่เกินห้าปี โดยให้สามารถขยายระยะเวลาการใช้บังคับได้อีกสองครั้ง ครั้งละไม่เกินสองปี ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐไม่ได้นำมาใช้ในพื้นที่เพื่อประโยชน์ทางวิชาการแร่ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการยกเลิกประกาศตามวรรคหนึ่งและการใช้บังคับได้โดยการประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๒๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีอำนาจกำหนดให้พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเป็นเขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมืองสำรวจเบื้องต้นหรือการทำงานเบื้องต้นเพื่อประโยชน์ของการคุ้มครองแหล่งแร่สำคัญ มาประกาศให้มีการประชุมผู้มีส่วนได้เสียที่มีความเกี่ยวข้องกับการประมูลสิทธิในการสำรวจหรือทำเหมืองในพื้นที่นั้น

หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขในการประชุม และการเสนอความคิดเห็น ตลอดจนการให้ผลประโยชน์ตอบแทนแก่รัฐ ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ประกาศตามวรรคหนึ่งให้มีผลใช้บังคับไม่เกินห้าปี โดยให้สามารถขยายระยะเวลาการใช้บังคับได้อีกสองครั้ง ครั้งละไม่เกินสองปี ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในพื้นที่นั้น

ส่วนท้องถิ่นที่มีเขตติดต่อกับเขตพื้นที่การทำเหมืองซึ่งอาจจะได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองด้วย โดยต้องพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสมตามชนิดของแร่หรือประเภทของแร่

ผู้ขอและการประมูลตามวรรคหนึ่งต้องขออนุญาตและดำเนินการสำรวจแร่หรือทำเหมืองตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติ กฎกระทรวง ประกาศ หรือระเบียบที่ออกตามความในพระราชบัญญัตินี้ ในการพิจารณาอนุญาตสำรวจแร่ ให้คำนึงถึงการสำรวจหรือประโยชน์จากการสำรวจที่ได้เป็นแล้ว ให้ถือว่าเป็นคำขอที่ไม่อาจอนุญาตได้ และให้ทำบันทึกข้อความคำขอที่ไม่อาจอนุญาตไว้ในกรณีที่คำขอนั้นยังคงมีพื้นที่บางส่วนที่ไม่สามารถพิจารณาอนุญาตได้ เพื่อการอนุญาตหรือไม่อนุญาตคำขอต่อไปได้

มาตรา ๒๖ เมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องควบคุมการทำเหมือง การซื้อแร่ การขายแร่ การครอบครองแร่ การเก็บแร่ การขนแร่ หรือการประกอบโลหกรรม เพื่อประโยชน์ใน การป้องกันและปราบปรามการลักลอบทำเหมือง การลักลอบนำแร่ออกนอกเขตเหมืองหรือเขตใดหรือแร่ หรือเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นแก่ประชาชน หรือความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชน ความมั่นคงของประเทศ หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะอื่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการอาจมีคำสั่งกำหนดเขตพื้นที่ควบคุมแร่หรือเขตพื้นที่ควบคุมโลหกรรมหรือเขตพื้นที่ควบคุมแร่และโลหกรรมก็ได้

การกำหนดเขตพื้นที่ควบคุมแร่หรือเขตพื้นที่ควบคุมโลหกรรมหรือเขตพื้นที่ควบคุมแร่และโลหกรรม ให้ระบุชนิดแร่ วิธีการทำเหมือง วิธีการแต่งแร่ หรือวิธีการประกอบโลหกรรมที่ต้องควบคุมไว้ด้วย การขยายระยะเวลาตามวรรคสอง ให้กระทำได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการโดยปรากฏในรายงานการประชุมเท่านั้น เมื่อหมดความจำเป็นที่จะต้องมีเขตควบคุมแร่ตามวรรคหนึ่ง ให้รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประกาศยกเลิกเขตควบคุมแร่ตามวรรคหนึ่ง

หมวด ๒

คณะกรรมการและคณะกรรมการแร่จังหวัด

ส่วนที่ ๑

คณะกรรมการแร่

มาตรา ๒๗ ให้มีคณะกรรมการการแร่ เรียกว่า “คณะกรรมการแร่” ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธานกรรมการ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมสรรพากร อธิบดีกรมป่าไม้ อธิบดีกรมที่ดิน อธิบดีกรมเจ้าท่า อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น อธิบดีกรมชลประทาน อธิบดีกรมธนารักษ์ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ปกครองท้องถิ่น อธิบดีกรมอนามัย เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประธานกรรมการสภาการแพทย์แผนไทย หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมาย เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมแต่งตั้งจำนวนไม่เกินแปดคน เป็นกรรมการ ให้อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เป็นเลขานุการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามวรรคหนึ่ง ต้องเป็นผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์ในสาขาต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับกิจการเหมืองแร่ ดังนี้ไม่น้อยกว่า ๓ คน ได้แก่

ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ จำนวนไม่น้อยกว่า ๑ คน

ผู้แทนองค์กรชุมชน จำนวนไม่น้อยกว่า ๑ คน

ผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือมีประสบการณ์ ด้านการสำรวจและการทำเหมือง ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านสุขภาพ ด้านละหนึ่งคน หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๒๕ ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

ให้คำแนะนำแก่รัฐมนตรีในการประกาศให้พื้นที่ใดเป็นเขตแหล่งแร่

ให้คำแนะนำแก่รัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวง ระเบียบ หรือประกาศตามพระราชบัญญัตินี้

ให้ความเห็นชอบในการอนุญาตหรือไม่อนุญาต การต่ออายุ การโอน การพักใช้ การเพิกถอนหรือเปลี่ยนไปใช้ เพื่อกิจการอื่นของประทานบัตรหรือใบอนุญาตตามมาตรา ๓๓ มาตรา ๕๖ มาตรา ๗๑ มาตรา ๗๓ มาตรา ๗๔ มาตรา ๗๕ มาตรา ๗๖ มาตรา ๗๗ มาตรา ๘๐ และมาตรา ๘๑

พิจารณาเรื่องร้องเรียนหรือผลกระทบจากการทำเหมืองประเภทที่ ๒ และประเภทที่ ๓ ตามมาตรา ๑๖

เสนอความเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมหรือปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประมวลแร่ธาตุพลังงานและสุขภาพของประชาชนที่เกี่ยวข้องกับกิจการเหมืองแร่

ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ หรือตามที่คณะกรรมการหรือรัฐมนตรีมอบหมาย

มาตรา ๒๖ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ หรือทำงานในด้านนั้นตั้งแต่ไม่น้อยกว่าสามปี และต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดในมาตรา ๖

มาตรา ๒๗ คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่คณะกรรมการมอบหมายได้ ให้บังคับบัญญัติในมาตรา ๖๓ มาตรา ๖๔ มาตรา ๑๓ และมาตรา ๒๕ มาใช้บังคับแก่คณะอนุกรรมการโดยอนุโลม

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

มาตรา 29 ให้นำบทบัญญัติมาตรา 10 มาตรา 13 มาตรา 13/1 และมาตรา 15 มาใช้บังคับแก่คณะกรรมการโรคอุบัติใหม่

ส่วนที่ 2

คณะกรรมการแรงงานจังหวัด

มาตรา 30 ในจังหวัดที่มีอัตราอุบัติเหตุจากการทำงานที่สูงประเภทที่ 1 ให้มีคณะกรรมการแรงงานจังหวัด ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานกรรมการ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ปลัดปฏิบัติหน้าที่จังหวัด ผู้แทนกรมเจ้าท่า ผู้แทนกรมทรัพยากรธรณี ผู้แทนกรมศิลปากร ผู้แทนกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ นายอำเภอ และผู้แทนองค์กรนายจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ และผู้แทนองค์กรลูกจ้างส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการรับรองจากประธานกรรมการ

มาตรา 13 การอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ไม่ใช้บังคับแก่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กรมทรัพยากรธรณี และกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ในการกระทำเพื่อประโยชน์แก่การสำรวจ การทดลอง การศึกษา หรือการวิจัยเกี่ยวกับแร่ แต่การดำเนินการต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวง ประกาศ หรือระเบียบที่ออกตามความในพระราชบัญญัตินี้

มาตรา 14 เพื่อประโยชน์ในการควบคุมการทำเหมือง การแต่งแร่ และการประกอบโลหกรรม ให้รัฐมนตรีอาศัยอำนาจออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดทำแผนพัฒนาพื้นที่การทำเหมือง การจัดทำข้อมูลพื้นฐานด้านแร่และโลหกรรมของประเทศ มาตรฐานและวิธีการควบคุมการปล่อยสิ่งเจือปนที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอันเกิดจากการทำเหมือง การแต่งแร่ และการประกอบโลหกรรม และหลักเกณฑ์หรือวิธีการให้ความคุ้มครองแก่คนงานและความปลอดภัยแก่บุคคลภายนอก

การออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดทำแผนพัฒนาพื้นที่การทำเหมือง และการจัดทำข้อมูลพื้นฐานด้านแร่และโลหกรรมของประเทศต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ทั้งนี้ การกำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดทำข้อมูลพื้นฐานด้านแร่และโลหกรรมของประเทศต้องคำนึงถึงข้อมูลที่เกี่ยวกับทรัพยากรแร่ การผลิต การใช้ประโยชน์ การนำเข้าและส่งออกแร่และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และการประกอบโลหกรรม รวมทั้งข้อมูลที่เกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการทำเหมือง การแต่งแร่ และการประกอบโลหกรรมด้วย

มาตรา 15 ในกรณีที่การทำเหมืองในเขตพื้นที่ใดมีผลกระทบต่อชุมชนในเขตพื้นที่นั้น ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในเขตพื้นที่นั้นเข้าไปถือสิทธิครอบครองพื้นที่ในเขตนั้น เว้นแต่ผู้มีสิทธิถือครองสิทธิอยู่ตามกฎหมาย การสั่งในความในวรรคหนึ่ง นอกจากเป็นการระงับข้อพิพาทตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกฎหมายอื่นแล้ว ให้ถือว่าเป็นการสำแดงสิทธิของผู้ถือประทานบัตร หรือผู้รับใบอนุญาตด้วยแล้วอีกกรณี

มาตรา 16 ในกรณีตรวจพบหรือการทำเหมืองที่ผิด ถ้าให้อยู่ในกรณีผู้ดู ผู้จัดการเหมืองแร่ หรือผู้มีส่วนสร้างทางกระทำผิดที่เกี่ยวข้อง หากการทำเหมืองนั้นเป็นของผู้มีคุณสมบัติที่จะดำรงการทำเหมืองอยู่ นอกจากการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งให้ผู้ถือประทานบัตร หรือผู้มีส่วนสร้างทางกระทำผิด และบุคคลผู้เกี่ยวข้องกระทำการตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ หรือผู้ถือประทานบัตรหรือผู้มีส่วนสร้างทางกระทำผิดนั้นต้องทำการแปรรูปหรือทำลายที่ได้ยกเลิกแล้ว

มาตรา 17 การสำรวจแร่ในพื้นที่ใดถ้าผู้ขออาชญาบัตรสำรวจแร่ หรือผู้ถืออาชญาบัตรสำรวจแร่ต้องการสำรวจแร่ในพื้นที่ที่มีคำขอประทานบัตร หรือในพื้นที่ที่มีประทานบัตรอยู่ก่อนแล้ว ให้ผู้ขออาชญาบัตรสำรวจแร่ หรือผู้ถืออาชญาบัตรสำรวจแร่ยื่นคำขออนุญาตสำรวจแร่ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในเขตพื้นที่ที่มีคำขอประทานบัตรหรือประทานบัตรนั้นอยู่ก่อนแล้ว

ผู้ซึ่งได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้ถืออาวุธปืนตามใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนติดตัว หรือผู้ถือบัตรประจำตัวคนต่างด้าว ให้ยื่นคำขอประทานบัตรในนามของผู้ที่ได้รับอนุญาตนั้น

มาตรา ๒๖ การส่งหนังสือหรือคำสั่งที่มีผู้ถูกกล่าวโทษในข้อปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง เว้นแต่ในกรณีที่ไม่รู้ตัวผู้รับ หรือผู้รับไม่อยู่ในถิ่นที่อยู่ หรือมีเหตุอันสมควรที่ไม่อาจส่งถึงตนได้ การส่งหนังสือหรือคำสั่งดังกล่าวให้ถือว่าได้ส่งถึงตนแล้ว เมื่อได้ปิดประกาศไว้ในที่ทำการอำเภอหรือประกาศในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น หรือโดยการประกาศในระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อประเภทอื่นใดในกรณีที่ไม่สามารถใช้วิธีแจ้งเตือนดังกล่าวข้างต้นได้ แต่ทั้งนี้ให้แจ้งโดยวิธีที่มีกฎหมายกำหนด

มาตรา ๒๗ ขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาต แบบอาชญาบัตร แบบประทานบัตร แบบใบอนุญาต รวมทั้งแบบอื่นใดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

หมวด ๔ การสำรวจแร่

ส่วนที่ ๑ บททั่วไป

มาตรา ๒๘ ห้ามมิให้ผู้ใดสำรวจแร่ในที่ใด ไม่ว่าที่ที่สำรวจแร่นั้นจะเป็นสิทธิของบุคคลใดหรือไม่ เว้นแต่จะได้รับอาชญาบัตรสำรวจแร่ อาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ หรืออาชญาบัตรพิเศษ การขอและการออกอาชญาบัตรสำรวจแร่ อาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ หรืออาชญาบัตรพิเศษ และคุณสมบัติของผู้ขอ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๒๙ อาชญาบัตรสำรวจแร่ อาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ และอาชญาบัตรพิเศษ ให้ใช้ได้เฉพาะหัวข้อของอาชญาบัตร และให้ผู้ถือมีสิทธิตามหัวข้อของอาชญาบัตรด้วย

ส่วนที่ ๒ อาชญาบัตรสำรวจแร่

มาตรา ๓๐ ผู้ใดประสงค์จะขออาชญาบัตรสำรวจแร่ในท้องที่ใด ให้ยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นในท้องที่นั้น

ในกรณีที่มีผู้ยื่นคำขออาชญาบัตรสำรวจแร่ในลักษณะเป็นลำดับท้องที่ใด ไม่ซ้ำสิทธิบุคคลอื่นใน การยื่นคำขออาชญาบัตรสำรวจแร่ในท้องที่เดียวกัน และเมื่อได้ออกอาชญาบัตรสำรวจแร่ให้ผู้ยื่น ในท้องที่นั้นแล้วอาชญาบัตรสำรวจแร่ในลักษณะอื่นในท้องที่เดียวกันนั้นให้ตกเป็นอันยกเลิก

มาตรา ๑๓ ให้เจ้าพนักงานท้องที่แจ้งไปยังผู้ออกอาชญาบัตรสำรวจแร่ อาชญาบัตรสำรวจแร่สิ้นสุดลงเมื่อผู้รับอาชญาบัตรสำรวจแร่ ผู้ถืออาชญาบัตรสำรวจแร่ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับ การสำรวจแร่ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด รวมทั้งเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในอาชญาบัตรสำรวจแร่ให้ได้ แจ้งเจ้าพนักงานท้องที่แจ้งไปยังผู้ออกอาชญาบัตรสำรวจแร่ในกรณีสุด ให้แจ้งกรม อุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ภายในกำหนดหกสิบวันนับแต่วันที่ให้ออกอาชญาบัตร

ส่วนที่ ๓ อาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่

มาตรา ๑๔ ผู้ใดประสงค์จะขออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ในท้องที่ใด ให้ยื่นคำขอ ต่อเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ คำขออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ต้องแสดงรายละเอียดให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีกำหนด

มาตรา ๑๕ ให้จัดเป็นผู้ยื่นคำขออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยของบุคคล สัตว์ พืช และ ทรัพย์สิน อธิบดีออกคำสั่งกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ตามที่เห็นสมควรไว้ในอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ก็ได้ ผู้ถืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เกี่ยวกับการสำรวจแร่ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด รวมทั้งเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในอาชญาบัตรผูกขาด สำรวจแร่

มาตรา ๑๖ ผู้ถืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ต้องส่งรายงานผลการดำเนินงานและ การสำรวจที่กระทำไปในรอบระยะเวลาหกเดือนเป็นรายงานลายลักษณ์อักษรต่อเจ้าพนักงาน อุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ภายในเวลาสิบห้าวันนับแต่สิ้นกำหนดระยะเวลาหกเดือนดังกล่าว และต้องยื่นรายงานผลการสำรวจที่กระทำไปทั้งหมดเป็นรายงานลายลักษณ์อักษรต่อเจ้าพนักงาน อุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ภายในเวลาสามสิบวันนับแต่สิ้นกำหนดระยะเวลาสำรวจแร่ ทั้งนี้ ตามแบบและวิธีการที่กำหนดโดยประกาศของรัฐมนตรี

มาตรา ๑๗ ให้อาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่สิ้นสุดลงต่อเมื่อกรณีอย่างหนึ่งอย่างใดในอาชญา บัตร เมื่อ (๑) ผู้ถืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่หรือทายาทร้องขอ (๒) ผู้ถืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่เป็นบุคคลสูญหายหรือสลาย

(ฉ) ผู้ถืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่จากคุณสมบัติของพื้นที่ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง (ซ) ผู้ถืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ในราชอาณาจักรภายในเขตตามแผน และการสำรวจที่กระทำในบริเวณระยะห่างร้อยเมตรในแนวที่กำหนดไว้ในมาตรา 45 (ฌ) ผู้ถืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่จะเริ่มออกสำรวจแร่ภายหลังจากที่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่แจ้งคำสั่งเกิดอนุมัติ

ส่วนที่ 4

อาชญาบัตรพิเศษ

มาตรา 52 ผู้ใดประสงค์จะขออาชญาบัตรพิเศษในห้องที่ใด ให้ยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่นั้น

คำขออาชญาบัตรพิเศษให้แสดงเนื้อที่ซึ่งสามารถดำเนินการสำรวจจนแล้วเสร็จครบถ้วนได้ภายในหกปี ทั้งนี้ ต้องไม่เกินห้าพันไร่ในแต่ละแปลง ให้ยื่นคำขออาชญาบัตรพิเศษแสดงให้ชัดเจนในแผนที่ ผู้ยื่นคำขออาชญาบัตรพิเศษต้องเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการสำรวจโดยระบุจำนวนเงินที่จะใช้จ่ายเพื่อการสำรวจแร่และแผนการดำเนินการสำรวจแร่ และแสดงผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการสำรวจแร่ในพื้นที่นั้น รวมทั้งแสดงวิธีการสำรวจแร่และวิธีการจัดการสิ่งแวดล้อมในพื้นที่นั้นด้วย ในกรณีที่ผู้ขออาชญาบัตรพิเศษได้ให้ความยินยอมเป็นหนังสือให้ผู้อื่นยื่นคำขอประทานบัตรในเขตพื้นที่ที่ได้รับอาชญาบัตรพิเศษตามมาตรา 56 (2) ให้ผลประโยชน์ที่แร่ซึ่งตามวรรคสามสมควรแก่ผู้ยื่นขอประทานบัตรดังกล่าว การกำหนดหลักเกณฑ์การเสนอผลประโยชน์ที่แสดงให้เห็นถึงความเหมาะสม ให้กำหนดวิธีการในการจัดสรรผลประโยชน์ที่เหมาะสมให้แก่ทั้งองค์กรบุคคลส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ที่ต้องเขตพื้นที่ตามคำขออาชญาบัตรพิเศษ ผลประโยชน์ที่แสดงให้เห็นจะต้องตามที่กำหนดในวรรคสาม ให้เป็นการสำรวจหรือศึกษาวิจัยเกี่ยวกับแร่หรือการเพิ่มมูลค่าแร่ด้วย

มาตรา 53 ให้ถือว่าเมื่อความเห็นชอบของเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่นั้น

พิเศษ อาชญาบัตรพิเศษต้องไม่เกินกำหนดเป็นบังคับอื่นๆ เพื่อประโยชน์ในการสำรวจแร่และสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยของบุคคล สัตว์ พืช และทรัพย์สินในการอนุญาตตามคำขอในเขตพื้นที่ที่ได้รับอาชญาบัตรพิเศษนั้น ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เกี่ยวกับการสำรวจแร่หรือการเพิ่มมูลค่าแร่ตามที่กำหนด รวมทั้งเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในอาชญาบัตรพิเศษนั้น

มาตรา 48 ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษต้องปฏิบัติตามข้อผูกพันสำหรับการสำรวจของแหล่งปิโตรเลียมที่กำหนดไว้ในอาชญาบัตรพิเศษ

ในกรณีที่ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษไม่ปฏิบัติตามประกาศของรัฐมนตรีหรือเงื่อนไขที่กำหนดตามมาตรา 44 และข้อผูกพันตามอาชญาบัตรพิเศษหรือแต่ละปีนั้น ปรากฏว่าผลการสำรวจเป็นที่พอใจตามที่รัฐมนตรีเห็นชอบแล้วจะระงับการทำหน้าที่หรือไม่ทำหน้าที่ตามข้อผูกพันดังกล่าวในปีต่อไปก็ได้ เว้นแต่จะมีเหตุอันสมควรที่รัฐมนตรีเห็นชอบหรือการดำเนินการที่ได้พิจารณาแล้วว่าไม่สามารถปฏิบัติได้ ให้ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษหรือผู้รับอนุญาตดำเนินการตามข้อผูกพันดังกล่าวในปีต่อไป

มาตรา 49 เมื่อสิ้นรอบปีข้อผูกพันใด ถ้าผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษไม่ปฏิบัติตามข้อผูกพันตามมาตรา 44 สำหรับการสำรวจในรอบปีนั้นไม่ว่าจะเป็นทั้งหมดหรือบางส่วน ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษต้องชำระเงินเท่ากับจำนวนเงินที่กำหนดไว้ในข้อผูกพันดังกล่าวเพื่อเป็นการชดเชยการไม่ปฏิบัติตามข้อผูกพันและการเพิ่มประเมินรายได้ที่คาดหมายสำหรับรอบปีนั้นเข้ากับเงินที่ค้างชำระของผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษ

ในการสำรวจข้อผูกพันของผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษให้ดำเนินการโดยการตรวจสอบรายงานการสำรวจและการดำเนินงานที่ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษได้ส่งให้รัฐมนตรีพิจารณา และให้ถือว่าผลการสำรวจและการดำเนินงานดังกล่าวเป็นข้อผูกพันที่ปฏิบัติได้

มาตรา 50 ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษต้องส่งรายงานผลการดำเนินงานและการสำรวจอุตสาหกรรมแร่ประจำรอบปีให้แก่กรมในสามสิบวันนับแต่วันสิ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าว และต้องส่งรายงานผลการดำเนินงานและการสำรวจที่ได้กระทำไปทั้งหมดต่อเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ภายในสามสิบวันก่อนอาชญาบัตรพิเศษสิ้นอายุ ทั้งนี้ ตามแบบที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา 51 ให้อาชญาบัตรพิเศษสิ้นสุดลงก่อนอายุที่กำหนดไว้ในอาชญาบัตร เมื่อ

(ก) ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษหรือสิ้นสภาพเป็นบุคคล (ข) ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษเป็นบุคคลล้มละลาย (ค) ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลาย (ง) ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษไม่ปฏิบัติตามผลการดำเนินงานและการสำรวจที่กระทำไปในรอบระยะเวลาที่ระบุไว้ในอาชญาบัตรพิเศษไม่ครบถ้วน (จ) ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษขอเลิกอาชญาบัตรพิเศษตามมาตรา 48 (ฉ) อธิบดีสั่งเพิกถอนอาชญาบัตรพิเศษ โดยให้มีผลในวันแจ้งคำสั่งเพิกถอนนั้น

หมวด 5 การทำเหมือง

ส่วนที่ 3

บททั่วไป

มาตรา 55 ห้ามมิให้ผู้ใดทำหนังสือใบแทนใบใด ไม่ว่าที่สิ่งที่ทำหนังสือนั้นจะเป็นสิทธิของบุคคลใดหรือไม่ เว้นแต่จะได้รับประกาศนียบัตร

ประกาศนียบัตรให้ใช้ได้เฉพาะตัวผู้ถือประกาศนียบัตร และให้ผู้ถือสูงกว่างานของผู้ถือประกาศนียบัตรด้วย การสอบและการออกประกาศนียบัตร และคุณสมบัติของผู้มีสิทธิขอ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง กฎกระทรวงตามวรรคสองต้องกำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาอนุญาตให้สอดคล้องกับบัญญัติในมาตรา 7 โดยต้องกำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคุณค่าในทางเศรษฐกิจ ความเหมาะสมของเทคโนโลยีที่ใช้ในการทำเหมือง ความเหมาะสมของมาตรการป้องกันการพัฒนา การป้องกันหรือแก้ไขผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพของประชาชน รวมทั้งต้องกำหนดให้มีการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน และการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียด้วย

มาตรา 56 เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการและการกระจายอำนาจในการบริหารจัดการแร่ ให้รัฐมนตรีออกประกาศเพื่อแบ่งการทำเหมืองออกเป็นสามประเภทดังนี้

1

การทำเหมืองประเภทที่ 3 ได้แก่ การทำเหมืองในเนื้อที่ไม่เกินหนึ่งร้อยไร่ ให้เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำจังหวัดออกใบอนุญาตและการรับแจ้งดำเนินการทำเหมืองในชื่อของประกาศนียบัตร

2

การทำเหมืองประเภทที่ 2 ได้แก่ การทำเหมืองในเนื้อที่ไม่เกินหนึ่งร้อยไร่ ให้ถือเป็นโดยความเห็นชอบของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่

3

การทำเหมืองประเภทที่ 1 ได้แก่ การทำเหมืองในเนื้อที่เกินหนึ่งร้อยไร่ หรือการทำเหมืองในเนื้อที่ใด ๆ ที่การทำเหมืองในเนื้อที่ดังกล่าว ให้ถือเป็นโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายแร่แห่งชาติ ชนิดแร่ ลักษณะของแร่ และวิธีการทำเหมืองที่เหมาะสมกับประเภทของการทำเหมือง และการกำหนดระยะเวลาที่ผู้ถือประกาศนียบัตรต้องดำเนินการทำเหมืองให้แล้วเสร็จ ในกรณีที่การทำเหมืองประเภทที่ 1 หรือประเภทที่ 2 มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือสุขภาพของประชาชน ให้รัฐมนตรีกำหนดให้มีการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพตามที่กำหนดในใบประกาศทำเหมืองประเภทที่ 1 หรือประเภทที่ 2 แล้วแต่กรณี

ส่วนที่ 2

การขอใบประทานบัตร

มาตรา 54 ผู้ใดประสงค์จะขอประทานบัตร ให้ยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่

ผู้ยื่นคำขอประทานบัตรต้องส่งเอกสารหรือหลักฐานดังต่อไปนี้พร้อมคำขอ

1

หลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าแผนแร่ในบริเวณที่ขอเป็นการทำเหมืองแร่ตามระเบียบที่ออกกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

2

แผนการฟื้นฟู การพัฒนา การใช้ประโยชน์ และการเฝ้าระวังผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในระหว่างที่มีการทำเหมืองและหลังจากปิดเหมือง

3

ข้อเสนอผลประโยชน์แก่รัฐตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

4

เอกสารหรือหลักฐานที่แสดงว่าเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินที่ขอประทานบัตรได้ให้ความยินยอมให้ผู้ยื่นคำขอประทานบัตรเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินนั้น และในกรณีที่ที่ดินนั้นเป็นที่ดินของรัฐหรือที่ดินของรัฐที่มีผู้ครอบครอง ให้แสดงหลักฐานการได้รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินนั้นเป็นหนังสือที่มีคำสั่งจากหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจจัดการหรือควบคุมดูแลที่ดินนั้น การพิจารณาคำขอประทานบัตรให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามมาตรา 51 การพิจารณาคำขอประทานบัตรในกรณีที่มีผู้ยื่นคำขอประทานบัตรมากกว่าหนึ่งรายในบริเวณเดียวกัน ให้พิจารณาตามลำดับก่อนหลังของการยื่นคำขอประทานบัตร และต้องพิจารณาข้อเสนอผลประโยชน์แก่รัฐตามมาตรา 54 (3) ให้เป็นการสำรวจหรือศึกษาวิจัยเกี่ยวกับแร่ หรือเพื่อใช้ในกรณีที่พึงสงเคราะห์

มาตรา 55 การขอประทานบัตรในเขตห้าม ให้ขอได้ไม่เกินคำขอของเหมืองแร่ที่กำหนดไว้

เว้นแต่

1

การขอประทานบัตรในเขตอุทยานแห่งชาติ ให้ขอได้ไม่เกินคำขอของเหมืองแร่ที่ร้อยไร่

2

การขอประทานบัตรที่มีเนื้อที่ติดกัน ให้ขอได้ไม่เกินคำขอของเหมืองแร่ที่หนึ่งพันไร่

3

การขอประทานบัตรในทะเล ให้ขอได้ไม่เกินคำขอของเหมืองแร่ที่หนึ่งแสนไร่

มาตรา 56 เมื่อได้รับคำขอประทานบัตรแล้ว ให้เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ดำเนินการพิจารณาโดยวิธีการหรือวิธีการอื่นตามมาตรา 54

เมื่อได้ดำเนินการพิจารณาตามที่รัฐมนตรีกำหนดแล้ว ให้เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่รายงานการขอประทานบัตรของผู้ยื่นคำขอต่อกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่เพื่อพิจารณา และสำนักงานอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่เขตที่มีการขอประทานบัตรนั้น เมื่อครบ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กำหนดเวลาให้เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของชุมชนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ในกรณีที่ประชาชนในชุมชนไม่เห็นด้วยกับการทำเหมือง และผู้ขอประทานบัตรไม่สามารถชี้แจงข้อโต้แย้งอยู่ดี จะส่งให้เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่พิจารณาแจ้งความเห็นของประชาชนในพื้นที่ที่ขอประทานบัตรโดยสรุปต่อรัฐมนตรีหรือรับฟังความคิดเห็นใหม่ให้ชัดเจนขึ้น หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการทำประชาคม ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

ส่วนที่ ๓

การออกประทานบัตร

มาตรา ๔๗ เพื่อประโยชน์ในด้านความปลอดภัย ห้ามออกประทานบัตรในลักษณะพื้นที่ที่มีเขตเหมืองแร่ซ้อนกันในระดับความลึกต่างกันไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน

มาตรา ๔๘ ประทานบัตรที่ขอในแต่ละครั้งเป็นใบเดียวกัน

ประทานบัตรจะต้องให้สิทธิแก่ผู้ขอประทานบัตรแต่เพียงผู้เดียว ในกรณีที่ผู้ขอประทานบัตรจะต้องขอขยายเขตเหมืองแร่ในวันขอประทานบัตรเดิมหรือในวันต่อมาไม่ว่าต่อเนื่องหรือไม่ต่อเนื่อง ผู้ขอประทานบัตรจะต้องขอให้ตกถึงที่ แต่ในกรณีที่เขตเหมืองแร่ดังกล่าวไม่สามารถขยายได้ในกรณีที่มีประทานบัตรหรือโครงการต่ออายุ ให้ระยะเวลาเริ่มต้นนับตั้งแต่ผู้ขอประทานบัตรได้รับอนุญาตให้เริ่มต้นดำเนินการ การยื่นคำขอต่ออายุและการอนุญาตให้ต่ออายุประทานบัตร ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ซึ่งอย่างน้อยต้องกำหนดให้มีการประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการป้องกันผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน เพื่อประกอบการพิจารณาของอายุประทานบัตรดังกล่าว

ส่วนที่ ๔

สิทธิและหน้าที่ของผู้ถือประทานบัตร

มาตรา ๔๙ ผู้ถือประทานบัตรมีสิทธิในเขตเหมืองแร่ ดังต่อไปนี้

เตรียมการเพื่อการทำเหมืองแร่ เช่น การบุกรุกหรือการครอบครอง การก่อสร้างหรือการติดตั้งสิ่งอำนวยในกรณีการทำเหมือง ขุดเจาะแร่ ทำเหมือง หรือทำการอย่างหนึ่งอย่างใดในเขตประทานบัตรเพื่อประโยชน์แก่การทำเหมือง

แต่งแร่ หรือประกอบโลหกรรม หรือทั้งแต่งแร่และประกอบโลหกรรม

ทำเหมืองในเขตประทานบัตร และเขตแร่ที่ได้รับในประทานบัตร รวมถึงเขื่อนที่เป็นผลพลอยได้จากการทำเหมืองนั้น ความใน (๒) มิให้ใช้บังคับกับผู้ถือบัตรประทานบัตรที่เหลือไว้ดำเนิน เช่นแต่ใน การกระทำในเขตพื้นที่ที่มีแร่ครบสิทธิหรือสิทธิครอบครอง การใช้สิทธิของผู้ถือประทานบัตรตาม (๑) (๒) หรือ (๓) เมื่อสิ้นอายุประทานบัตรแล้ว ไม่เป็นเหตุให้ผู้ถือประทานบัตรได้ส่งสิทธิครอบครองที่ดินนั้น

มาตรา ๒๐ ในกรณีที่ผู้ถือประทานบัตรมีความประสงค์จะเปลี่ยนแปลงหรือขยายเขต ประทานบัตรติดติดต่อกัน ให้ยื่นขอประทานบัตรเพิ่มเติมแต่เพียงแต่ในเขตที่ต่อเนื่องกัน ในกรณีผู้ถือประทานบัตรหลายคนมีประทานบัตรที่มีเขตประทานบัตรติดต่อกัน อาจร่วมแผนผังโครงการทำเหมืองแร่แต่เพียงแผนเดียวกันได้ โดยยื่นคำขอและรับใบอนุญาตจาก เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนดโดย ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในกรณีผู้ถือประทานบัตรหลายคนมีประทานบัตรที่มีเขตประทานบัตรติดต่อกัน และมีพื้นที่เหมืองแร่ในแผนผังโครงการเหมืองแร่เดียวกันต่อเนื่องกัน หรือในลักษณะเป็นแปลงเหมือง อย่างน้อยหนึ่งแปลง เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ประชาชนหรือเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ถือประทานบัตรหลายคนที่มีเขตประทานบัตรติดต่อกัน แผนผังโครงการทำเหมืองแร่แต่เพียงแผนเดียวกันได้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดี กำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๒๑ ในกรณีที่ผู้ถือประทานบัตรไม่สามารถดำเนินการทำเหมืองแร่ได้เพียงผู้เดียว รวมทั้งได้ ปฏิบัติตามเงื่อนไขใน (๒) ตามที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขการออกประทานบัตรครบถ้วนแล้ว ผู้ถือ ประทานบัตรอาจร่วมดำเนินการทำเหมืองแร่กับผู้ถือประทานบัตรรายอื่นได้ โดยยื่นคำขอและคืนประทานบัตร ต่อเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ กรณีคืนประทานบัตรทั้งหมด ให้สิทธิตามประทานบัตรนั้นสิ้นสุดลงเมื่อเจ้าพนักงาน อุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ตรวจสอบแล้วเห็นว่าผู้ถือประทานบัตรได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ไว้ตามวรรคหนึ่ง และแจ้งเป็นหนังสือแก่ผู้ถือประทานบัตรทราบ กรณีคืนประทานบัตรบางส่วน ให้สิทธิตามประทานบัตรส่วนที่คืนสิ้นสุดลงเมื่อมีการ กำหนดเขตเพื่อให้ถือประทานบัตรส่วนที่ไม่ได้คืนออกจากส่วนที่คืนเสร็จสิ้น และแจ้งเจ้าพนักงาน อุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ที่ได้รับประทานบัตรที่เหลืออยู่แก่ผู้ถือประทานบัตรตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกำหนด กรณีขอคืนประทานบัตรทั้งหมดหรือประทานบัตรบางส่วนดังนี้ เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ ประจำท้องที่ที่ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในกำหนดหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำขอคืนประทาน บัตร ผู้ถือประทานบัตรที่ประสงค์ขอคืนประทานบัตรบางส่วนต้องชำระค่าใช้จ่ายในการ กำหนดเขตตามวรรคสาม

มาตรา ๒๒ สิทธิของผู้ถือประทานบัตรสินสอดในกรณี ดังต่อไปนี้ (๑) ผู้ถือประทานบัตรขายหรือโอนสิทธิคืน (๒) ผู้ถือประทานบัตรเป็นบุคคลล้มละลาย

(ก) ผู้ถือบัตรยกบัตรจากอุตสาหกรรมที่มีความเหมาะสมที่กำหนดในกฎกระทรวง (ข) ผู้ถือบัตรยกบัตรที่สิ้นสภาพจากการเป็นผู้ถือบัตร (ค) เมื่อผู้ถือบัตรยกบัตรได้รับความยินยอมหรือได้รับอนุญาตให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในเขต ประทานบัตรหรือเขตเหมืองแร่แห่งใดโดยคำสั่งของศาลหรือคำสั่งเจ้าพนักงานที่มีอำนาจ ทั้งนี้ เฉพาะในส่วน พื้นที่ที่เจ้าของที่ดินให้ความยินยอมหรือไม่อยู่ในอุปทาน และให้นำบัญญัติมาตรา ๑๓ วรรคสาม และวรรคสี่ มาใช้บังคับโดยอนุโลม (ข) สิ้นอายุตามที่กำหนดไว้ในประทานบัตร (ค) ไม่ชำระค่าภาคหลวงแร่ หรือชำระค่าภาคหลวงแร่ไม่ถูกต้องครบถ้วนภายใน กำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันที่คณะกรรมการระยะเวลาตามมาตรา ๑๓๓ วรรคสอง

มาตรา ๒๓ ในกรณีที่สิทธิของผู้ถือประทานบัตรสิ้นสุดลง หากมีแร่คงเหลืออยู่ใน

เขตเหมืองแร่ และผู้ถือประทานบัตรหรือทายาทไม่มีเยาวชนอุตสาหกรรมครอบครองอยู่ในนั้นนับแต่ วันที่สิทธิของประทานบัตรสิ้นสุดลง ให้แร่ในนั้นตกเป็นของแผ่นดิน แต่หากมีการครอบครองแร่หรือทรัพยากรธรรมชาติในช่องทางอื่น อธิบดีมีอำนาจ ดำเนินการปรับปรุง ตัดแปลง หรือแปรสภาพ เพื่อให้สามารถเพิ่มมูลค่าและผู้ถือบัตร หรือทายาท ที่ยังให้การสนับสนุนการปรับปรุง ตัดแปลง หรือแปรสภาพดังกล่าวได้อย่างเหมาะสม ในกรณีที่ผู้ถือบัตรหรือทายาทไม่สามารถดำเนินการปรับปรุง ตัดแปลง หรือแปรสภาพ หรือถึงกำหนดออกจากการครอบครองของแร่หรือทรัพยากรธรรมชาติในช่องทางอื่นเพราะการ ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด ผู้ถือบัตรที่ตกเป็นของแผ่นดินตามวรรคหนึ่ง ให้ต้องอนุญาตครอบครองแร่เป็นการชั่วคราว ให้เฉพาะราย และส่งประสงค์จะขาย ให้ขออนุญาตขายและชำระเบี้ยปรับกรณีที่ตกเป็นเฉพาะรายนั้น ตามมาตรา ๖๙ วรรคสอง

มาตรา ๒๔ เมื่อประทานบัตรใดสิ้นอายุ ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้แจ้งแก่

กรมตามมาตรา ๗๙ หรือผู้ถือประทานบัตรนั้นภายในกำหนดอายุ และยังมีสิทธิไม่อนุญาตให้ต่ออายุ จากผู้อนุญาตประทานบัตร

มาตรา ๒๕ สิทธิของประทานบัตรไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี

มาตรา ๒๖ ผู้ถือประทานบัตรต้องแจ้งในการทำเหมืองภายในพื้นที่ที่ได้รับ

รับประทานบัตรนั้น วันเริ่มต้นที่ผู้ขุดแร่และได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่หรือท้องที่ การแจ้งในการทำเหมืองตามมาตรา ๔๕ ให้หมายความรวมถึงการแจ้งเริ่มการทำเหมือง ตามมาตรา ๔๕ (๓) ด้วย ในกรณีการทำเหมืองตามมาตรา ๔๕ วรรคหนึ่ง ผู้ถือประทานบัตรต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์ อักษรถึงนายอุตสาหกรรมแร่ประจำจังหวัดที่ทรัพยากรนั้นไม่อยู่ในอุปทานนั้น และต้องนำส่งข้อมูล เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ และเมื่อได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ แล้ว ให้ดำเนินการทำเหมืองได้ การทำเหมืองต้องมีวิธีการและระบบระเบียบไม่ขัดต่อกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับกำหนด ในกรณีมีเหตุขัดข้อง ผู้ถือประทานบัตรอาจร้องขออนุญาตทำเหมืองที่มีการขัดข้องต่อเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ และจะขออนุญาตทำเหมืองไม่ได้เมื่อได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ เมื่อผู้ถือประทานบัตรประสงค์จะขอเปิดการทำเหมืองต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเหตุที่ขัดข้อง ให้แจ้งต่อเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ และจะขอเปิดการทำเหมืองไม่ได้เมื่อได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ เหตุขัดข้องในกรณีการเปิดการทำเหมือง การหยุดการทำเหมือง ระยะเวลา การตรวจสอบ การขออนุญาตหยุดการทำเหมือง และการขออนุญาตเปิดการทำเหมือง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขซึ่งอธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา 27 เพื่อประโยชน์ในการควบคุมและกำกับดูแลการทำเหมือง ให้รัฐมนตรีมีอำนาจประกาศกำหนดให้การทำเหมืองในพื้นที่หรือบริเวณใด ๆ ต้องมีการแต่งตั้งคณะกรรมการควบคุมและกำกับดูแลการทำเหมือง ซึ่งประกอบด้วย ตัวแทนผู้มีส่วนได้เสีย ตัวแทนส่วนราชการ ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในด้านการทำเหมือง การจัดการสิ่งแวดล้อมและด้านสุขภาพ โดยมีหน้าที่ควบคุม กำกับดูแล ตรวจสอบ ความคืบหน้า และผลการดำเนินการทำเหมืองในพื้นที่หรือบริเวณดังกล่าว

หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการแต่งตั้งคณะกรรมการควบคุมและกำกับดูแลการทำเหมืองตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา 28 ผู้ถือประทานบัตรหน้าที่ต้องปฏิบัติ ดังต่อไปนี้

1

ทำเหมืองตามวิธีการทำเหมือง แผนผัง โครงการ และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในการออกประทานบัตร

2

การเพิ่มเติมในกรณีเกี่ยวกับการทำเหมือง การเปลี่ยนแปลงวิธีการทำเหมือง แผนผัง โครงการและเงื่อนไขสำหรับการทำเหมืองประทานบัตร จะต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ สำนักงานทรัพยากรแร่ของประเทศที่ และการเพิ่มเติมในกรณีที่ en จะต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดี

3

ห้ามทำเหมืองใดให้ก่อทางหลวงหรือให้มีระเบียบปฏิบัติทางหลวง หมายความด้วยทางหลวงหรือทางน้ำสาธารณะยกเว้นจะมีหนังสืออนุญาตสำหรับการทำเหมืองประทานบัตรที่ en และยกเว้นในกรณีที่สามอธิบดีสั่งการสำหรับการทำเหมืองที่ en และระเบียบที่ en หรือได้รับอนุญาตให้เพิ่มเติมแผนผังโครงการ

4

ห้ามดำเนิน ทิ้ง ทำลาย หรือทำด้วยประการใดให้เกิดไปในทางเสื่อมประโยชน์แก่ทางหลวงหรือทางน้ำสาธารณะยกเว้นจะมีหนังสืออนุญาตจากเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ สำนักงานทรัพยากรแร่ของประเทศที่ en หรือได้รับอนุญาตให้เพิ่มเติมแผนผังโครงการ โดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในข้อ en การปรับปรุง เปลี่ยนแปลง หรือฟื้นฟูทางหลวงหรือทางน้ำสาธารณะให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ไม่น้อย กว่าเดิม

ห้ามคนหนึ่งหรือซากจากทางน้ำสาธารณะ ไม่ว่าจะอยู่ภายในหรือภายนอก เขตเหมืองแร่ เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ และได้รับ อนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้รับผิดชอบทางน้ำสาธารณะนั้นตามกฎหมาย

ห้ามสร้างหรือรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหรือเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ในเขตเหมืองแร่ เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดโดยคณะกรรมการแร่แห่งชาติ

การทำเหมือง การแต่งแร่ หรือการประกอบโลหกรรม ภายในเขตเหมืองแร่ ห้ามกระทำหรือส่งเสริมกระทำการใดอันอาจเป็นเหตุให้แผ่นดินไหวหรือสิ่งอื่นใดที่อาจก่อให้เกิด อันตรายแก่บุคคล สัตว์ พืช หรือสิ่งแวดล้อม

พื้นที่บริเวณพื้นที่ทำเหมืองตามแผนการฟื้นฟู การพัฒนา การใช้ประโยชน์ และการประสานประโยชน์จากแหล่งสินแร่ต้องมีสภาพพร้อมจะพัฒนาในประการที่เหมาะสม เหมือนและหลังจากปิดเหมืองแล้วตามแผนการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่ที่ได้รับความเห็นชอบจากเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่

การทำเหมืองที่คณะกรรมการกำหนด และการบริหารจัดการพื้นที่ในประเทศที่มี และประสงค์ ที่ ต้องขอรับความเห็นชอบจากเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ และต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการแร่แห่งชาติด้วย

ชำระค่าธรรมเนียมตามที่กำหนด

๑๐

ต้องรายงานการทำเหมืองให้ถูกต้องตามความเป็นจริง ตามหลักเกณฑ์และ วิธีการหรือบันทึกตามที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในการพิจารณาเพื่ออนุมัติหรือไม่อนุมัติรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตาม กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และการดำเนินการตาม (๒) (๓) (๔) หรือ (๕) มีผลกระทบต่อสาธารณชนในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ได้รับความ เห็นชอบในลักษณะก่อนการอนุญาตตาม (๒) (๓) (๔) หรือ (๕) ทั้งนี้ ให้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ผู้ชำนาญการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติด้วย ในการนี้หากสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป ผู้อนุญาตพิจารณาเป็นอำนาจกำหนดให้การปรับปรุงแผนการฟื้นฟู การพัฒนา การใช้ประโยชน์ และการประสานประโยชน์จากแหล่ง สินแร่แวดล้อมและสุขภาพของประชาชนตาม (๔) และปรับปรุงการวางหลักเกณฑ์ใหม่ตาม (๔) ให้ สอดคล้องกับแผนที่มีการปรับปรุงใหม่ได้

มาตรา ๕๔ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๒ และมาตรา ๓๐ เมื่อมีผู้ขอรับใบอนุญาต หรือ ประกอบการทำเหมืองของผู้ถือประทานบัตรรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือสุขภาพ ประชาชนและไม่ขัดต่อข้อผูกพันให้ถือว่าเป็นหรือเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่พิจารณาเห็นชอบได้

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะกรรมการประเมินหรือคณะกรรมการจังหวัด แล้วแต่กรณี พิจารณาเพื่อสอบทานข้อเท็จจริงและวินิจฉัยโดยรวดเร็วและเป็นธรรมตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกำหนด ในกรณีที่ปรากฏผลจากการสอบทานข้อเท็จจริงว่าความเสียหายดังกล่าวกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนเกิดจากการทำเหมือง ให้คณะกรรมการประเมินหรือคณะกรรมการจังหวัดดำเนินการให้เป็นไปเพื่อเยียวยาผู้เสียหายตามข้อเท็จจริงและกระบวนการภายในระยะเวลาที่กำหนด การอุทธรณ์ไม่เป็นเหตุให้การบังคับตามคำสั่งของคณะกรรมการประเมินหรือคณะกรรมการจังหวัดต้องหยุดหรือระงับลง

มาตรา 70 ในกรณีที่ผู้ถือประทานบัตรไม่ปฏิบัติตามมาตรา 68 (4) หรือไม่เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการทำเหมือง ให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่บังคับจากหลักประกันหรือหลักสินในเหตุแห่งการกระทำประกันภัยตามมาตรา 68 (2) มาเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ และแจ้งให้ผู้ถือประทานบัตรหลักทรัพย์หรือจัดทำประกันภัยให้ครบถ้วนตามเงื่อนไขภายในกำหนดที่ได้รับแจ้ง ในกรณีที่หลักประกันหรือหลักสินในเหตุแห่งการกระทำประกันภัยไม่เพียงพอ ผู้ถือประทานบัตรต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนที่ขาด ในกรณีที่ผู้ถือประทานบัตรไม่ชำระค่าใช้จ่ายส่วนที่ขาดดังกล่าว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจยึดหรืออายัดทรัพย์สินของผู้ถือประทานบัตร หรือยึดเอาเงินที่ผู้ถือประทานบัตรมีอยู่ในธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่น หรือเงินที่ผู้ถือประทานบัตรมีสิทธิจะได้รับจากบุคคลที่สาม (ถ้ามี) ส่วนที่ขาดดังกล่าวให้ผู้ถือประทานบัตรเป็นผู้รับผิดชอบ ในกรณีที่ผู้ถือประทานบัตรไม่สามารถชำระค่าใช้จ่ายส่วนที่ขาดดังกล่าวได้ ให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ดำเนินการตามมาตรา 68 (4) หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขตามมาตรา 68 (4) ให้ถือว่าประทานบัตรสิ้นสภาพโดยการสั่งเพิกถอนประทานบัตร

ส่วนที่ 5 การรับช่วง การโอน และการสละสิทธิ

มาตรา 71 ห้ามมิให้ผู้ถือประทานบัตรมอบให้ผู้อื่นรับช่วงการทำเหมืองไม่ว่าในลักษณะส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของเขตเหมืองแร่ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากผู้อนุญาตประทานบัตร ผู้ถือประทานบัตรที่ได้รับอนุญาตให้ผู้รับช่วงการทำเหมืองจากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และให้ผู้รับช่วงการทำเหมืองนั้นมีสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดตามกฎหมายในส่วนที่รับช่วงการทำเหมืองเสมือนเป็นผู้ถือประทานบัตร การสละสิทธิของการอนุญาตการรับช่วงทำเหมือง และการเลิกการรับช่วงทำเหมืองให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกำหนด

มาตรา 72 ในกรณีที่ผู้ถือประทานบัตรจะสละสิทธิหรือโอนประทานบัตร ต้องได้รับอนุญาตจากผู้อนุญาตประทานบัตร

การยื่นคำขอโอนประทานบัตรตามมาตรา ๑๕ ให้ผู้ถือประทานบัตรและผู้รับโอนยื่นคำขอโอนสิทธิ์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยแร่ประจำท้องที่ ผู้รับโอนประทานบัตรต้องมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับผู้ขอประทานบัตรและต้องโอนใบสิทธิ์และหน้าที่ของผู้ถือประทานบัตรที่ตกมาให้แก่พระราชบัญญัติ และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประทานบัตร การโอนประทานบัตรจะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับการอนุญาตจากรัฐมนตรีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยแร่หากพนักงานเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วว่าผู้รับโอนมีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมาย การยื่นคำขอโอนประทานบัตรและการอนุญาตให้โอนเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา ๗๓ ในการโอนประทานบัตร นอกจากจะต้องเสียค่าธรรมเนียมการโอนแล้ว ผู้โอนจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในค่าตอบแทนการโอนสิทธิ์ที่พึงได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่กำหนด

ค่าธรรมเนียมไม่คำนึงถึงค่าตอบแทนการโอนสิทธิ์ที่พึงได้ ให้เรียกเก็บและแสดงในส่วนที่เป็นค่าตอบแทนการโอนสิทธิ์ที่พึงได้ของประทานบัตร โดยไม่รวมถึงค่าตอบแทนการโอนทรัพย์สินอื่น การโอนประทานบัตรให้แก่บิดามารดา สามี ภริยา หรือผู้สืบสันดานของผู้ถือเอง ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในค่าตอบแทนการโอนสิทธิ์ที่พึงได้

มาตรา ๗๔ ในกรณีที่ผู้ถือประทานบัตรถึงแก่ความตาย และหากมีความประสงค์จะประกอบกิจการต่อไป ให้ทายาทยื่นคำขอรับโอนประทานบัตรต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ประจำท้องที่ เพื่อเสนอไปยังผู้อนุญาตประทานบัตรเพื่อพิจารณา หากพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วว่าผู้ขอรับโอนประทานบัตรไม่อยู่ในฐานะที่จะดำเนินกิจการต่อไป ให้ถือว่าประทานบัตรสิ้นสุดลงก่อนอนุญาตประทานบัตร

ในกรณีที่ทายาทผู้ถือประทานบัตรหรือผู้จัดการมรดกยื่นคำขอโอนประทานบัตรโดยการตกทอดในท้องที่ที่มีความเหมาะสมในการพิจารณา ให้พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งต่อผู้ขอโอนสิทธิ์นั้น การที่ทายาทคนหนึ่งคนใดที่ยื่นคำขอโอนประทานบัตรโดยการตกทอดภายในกำหนดตามมาตรา ๑๕ ไม่เป็นการตัดสิทธิ์ทายาทคนอื่นหรือผู้จัดการมรดกที่ยื่นคำขอโอนประทานบัตรหลังจากตัวเองในเวลาใด ๆ ก่อนอนุญาตประทานบัตรจะอนุญาตให้แก่ผู้รับโอนประทานบัตรนั้น การโอนประทานบัตรโดยการตกทอด ผู้รับโอนไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในค่าตอบแทนการโอนสิทธิ์ที่พึงได้ ในกรณีที่ผู้ถือประทานบัตรถูกสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ ให้ทำความเสียสละก่อนในขั้นตอนที่ผู้อนุญาตโดยอนุโลม

มาตรา ๗๕ ในกรณีที่สิทธิของหรือประทานบัตรสิ้นสุดลงก่อนประทานบัตรสิ้นอายุ ผู้ถือประทานบัตรอาจร้องขอให้คืนประทานบัตรแก่ผู้อนุญาตและไม่สามารถโอนสิทธิ์การทำเหมืองตามประทานบัตรนั้น ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ผู้ได้รับอนุญาตให้ลงลายลักษณ์อักษรในหนังสืออนุญาตหนึ่ง มีสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดตามพระราชบัญญัตินี้เฉพาะอายุระหว่างบัตรเดิมที่เหลืออยู่ และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประกาศนั้นด้วย

หมวด 6

การทำเหมืองใต้ดิน

ส่วนที่ 1

บททั่วไป

มาตรา 47 ให้ทำบัญชีในหมวดซึ่งแยกพระราชบัญญัตินี้มาใช้บังคับกับการทำเหมืองใต้ดินเท่านั้นให้แยกหรือแบ่งกับบัญชีในหมวดอื่น

มาตรา 48 การทำเหมืองใต้ดินที่ไม่รู้ลักษณะเหมืองแร่หรือสิทธิครอบครองตามกฎหมายว่าด้วยแร่หรือการทำเหมืองใต้ดินที่อยู่ภายในเขตเหมืองแร่ในประเทศบัตรที่ออกตามกฎหมายในหมวด 2 ส่วนที่ 1 ไม่อยู่ในบังคับของบัญชีในหมวดนี้ โดยต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์บัญชีในหมวด 4

มาตรา 49 การทำเหมืองใต้ดินต้องมีอยู่ในระดับความลึกที่ปลอดภัย โดยพิจารณาจากโครงสร้างทางธรณีวิทยา รวมทั้งวิธีการทำเหมืองตามหลักวิศวกรรมแร่ในแต่ละพื้นที่ และความปลอดภัยของสิ่งมีชีวิตและทรัพย์สิน

มาตรา 50 การทำเหมืองใต้ดินที่อยู่ในระดับความลึกจากผิวดินไม่เกินหนึ่งร้อยเมตร ผู้ยื่นคำขอประทานบัตรต้องแสดงหลักฐานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าผู้ขอจะมีสิทธิทำเหมืองในเขตที่ดินนั้น

มาตรา 51 เขตประทานบัตรทำเหมืองใต้ดินต้องไม่รุกร้ำเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ หรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า

ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นการทำเหมืองใต้ดินบริเวณใดในเขตประเทศบัตรจะส่งผลกระทบต่อคุณสมบัติของสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญโดยสภาให้ผู้ขอในประเทศบัตรทำเหมืองในบริเวณนั้นในประเทศบัตรทำเหมืองใต้ดินในบริเวณนั้น

ส่วนที่ 2

การออกประทานบัตรทำเหมืองใต้ดิน

มาตรา ๔๘ คำขอประทานบัตรทำเหมืองใต้ดินต้องประกอบด้วยข้อมูลตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ซึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วยข้อมูล ดังต่อไปนี้

ข้อมูลโดยสังเขปแสดงลักษณะทางธรณีวิทยาของแหล่งแร่

แผนที่แสดงเขตเหมืองแร่ในแนวราบ พร้อมข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมในบริเวณต่าง ๆ เพื่อประกอบการพิจารณาตามมาตรา ๔๙ วรรคสอง

ข้อมูลการพิจารณาคัดเลือกพื้นที่ที่ขอประทานบัตร พร้อมเหตุผลประกอบการพิจารณาคัดเลือกพื้นที่ดังกล่าว และการคัดที่ผู้ขอประทานบัตรเห็นสมควรใช้ประโยชน์ พร้อมเหตุผลของทางเลือกดังกล่าว

ข้อมูล แผนผัง ขั้นตอน วิธีการในการทำเหมือง และการแต่งแร่ ที่แสดงถึงมาตรการในการป้องกันระงับอันตรายหรือภัยต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นต่อคนงานและชุมชน หรือที่อาจกระทบต่อการดำรงอยู่ของธรรมชาติและชุมชน

ข้อเสนอเกี่ยวกับการสำรวจตรวจสอบการทำเหมืองใต้ดินของผู้ขอแร่ในพื้นที่ที่ขอประทานบัตร รวมถึงการพิจารณาแนวเส้นเขตเหมืองแร่ และระเบียบการตรวจการทำเหมืองใต้ดินที่ผู้ขอประทานบัตรเสนอเพื่อให้มีสิทธิ์ตรวจสอบการทำเหมืองใต้ดินในพื้นที่ที่ขอประทานบัตรไว้ในมาตรา ๔๘

เส้นทางขนส่ง และแผนที่ที่จำเป็นต่อโครงการ ทั้งที่มีอยู่แล้วและที่จะจัดหาขึ้น หรือการเสนอข้อยกเว้นเกี่ยวกับการขนส่งที่อาจมีผลกระทบต่อการทำเหมืองใต้ดินในพื้นที่ที่ขอประทานบัตรหรือการดำเนินการของผู้ขอประทานบัตร

ข้อเสนอเกี่ยวกับการจัดการของเสียจากการทำเหมืองใต้ดิน

แผนการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองใต้ดิน

การวางหลักประกันเพื่อฟื้นฟูสภาพพื้นที่ที่ทำเหมืองและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการทำเหมือง

มาตรา ๔๙ เมื่อราชการมีการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของผู้ขอประทานบัตรที่เหมืองใต้ดินได้รับความเห็นชอบตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้ว ให้จัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่มีส่วนได้เสียในกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียตามแผนที่แสดงเขตเหมืองแร่ในแนวราบที่ระบุไว้ในคำขอ แล้วแต่กรณี เพื่อประกอบการกำหนดเงื่อนไขอันจำเป็นในประทานบัตรต่อไป

ข้อมูลโครงการที่ยื่นประกอบคำขอประทานบัตรตามมาตรา ๔๘

รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ได้รับความเห็นชอบตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้ว ในกรณีที่ราชการมีการแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อมูลที่รับฟังความคิดเห็นในกระบวนการรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวแล้ว ให้จัดรับฟังความคิดเห็นใหม่อีกครั้ง แต่หากว่า ข้อมูลใดที่ไม่ได้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของข้อมูลที่รับฟังความคิดเห็นแล้ว ให้ถือว่าข้อมูลนั้นได้รับการรับฟังความคิดเห็นแล้วโดยไม่ต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นใหม่อีกครั้ง ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างเหมาะสมและถูกต้อง

มาตรา 43 เมื่อระยะเวลาการรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา 42 สิ้นสุดลงให้พิจารณา โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการตามมาตรา 16 ถึงพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ สิ่งแวดล้อมและความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย แล้วนำมาดำเนินการต่อเนื่องไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา ดังต่อไปนี้

1

เมื่อเป็นไปในประเภทบัตรหรือตรวจสอบกลุ่มโครงการ อย่างน้อยไปในฐานะการตามที่ รัฐมนตรประการกำหนดไว้ตามมาตรา 40

2

เมื่อเป็นไปในประเภทบัตรหรือตรวจสอบกลุ่มสิ่งแวดล้อมในโครงการที่พิจารณาตาม บัตรหรือตามบัตรเสนอไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และให้รวมถึงเงื่อนไขหรือ มาตรการเพิ่มเติมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้วย

มาตรา 44 การออกประกาศบัตรกำหนดหนึ่งจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข ดังต่อไปนี้

1

ผู้ออกประกาศบัตรเสนอขอความเห็นชอบเป็นไปตามมาตรา 43

2

ได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา 42

3

ได้กำหนดเงื่อนไขเป็นไปในประเภทบัตรตามมาตรา 43

มาตรา 45 การแก้ไขเปลี่ยนไปในประเภทบัตรกำหนดหนึ่งได้ดำเนินการให้เหมาะสมขึ้นตาม มาตรา 44 ให้ดำเนินการอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสมโดยมุ่งผล โดยให้กระทำการพิจารณาเพื่อให้เกิด ความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง เป็นการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย โดยทั้งในภาพที่กำหนดไว้ในมาตรา 43

ส่วนที่ 3 การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย

มาตรา 46 ให้ผู้ประสงค์จะขอประกาศบัตรกำหนดหนึ่งได้ดำเนินการการปรึกษาเบื้องต้น กับผู้มีส่วนได้เสียเพื่อพัฒนาโครงการที่พึงปฏิบัติความมุ่งผล โดยให้มีคำขอด้วยข้อเท็จจริงแสดงตั้ง คณะกรรมการดำเนินการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด โดยผู้ประสงค์จะ ขอประกาศบัตรเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย

ประกาศเพื่อกำหนดขั้นตอนการจัดประชุมปรึกษาสาธารณะหนึ่ง อย่างน้อยต้องระบุ ถึงหลักเกณฑ์และขั้นตอน ดังต่อไปนี้

1

ความสมบูรณ์ของรายงานเบื้องต้นที่จำเป็นต้องนำไปสู่การพิจารณาต้องประกอบด้วย ข้อมูลอธิบายเป็นและประเมินปัญหาโดยชัดเจน

2

หลักเกณฑ์รับรองกลุ่มหรือองค์กรที่เกิดจากการรวมตัวของผู้มีส่วนได้เสียและ การได้ดำเนินการผ่านประชุมปรึกษาสาธารณะหนึ่ง โดยให้มีตัวแทนของผู้มีส่วนได้เสียร่วมกันและ สมาชิกสภาขององค์กรที่เกี่ยวข้อง และผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องร่วมอยู่ภายในแต่เพียงเท่านั้น

องค์ประกอบของคณะกรรมการจัดการประชุมปรึกษาเบื้องต้นซึ่งจะต้องมี ตัวแทนราชการส่วนภูมิภาคที่เกี่ยวข้อง และสถานศึกษาของรัฐระดับอุดมศึกษาอย่างน้อยหนึ่งแห่ง

ขั้นตอนการประชุมปรึกษา รวมทั้งการประกาศเชิญโดยให้ผู้มีส่วนได้เสีย ส่งหัวข้อแนวร่วมประชุม การลงทะเบียนเข้าร่วมประชุม และระยะเวลาล่วงหน้าที่ให้ผู้มีส่วนได้ เสียมีเวลา (๒) ศึกษาข้อมูลตามสมควร

มาตรา ๔๗ ในกรณีให้การรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา ๔๖ วรรคหนึ่ง ครั้งใด ให้ขอบประชาชนรับฟังความคิดเห็นในที่ประชุมตามมาตรา ๔๖ (๒) เพื่อจัดทำรายงาน รายงานการวิเคราะห์กระทบสิ่งแวดล้อมตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด

มาตรา ๔๘ ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ออกประกาศหรือหนังสือแจ้งให้คนรายใด ให้ร้องขอให้เสียภาษีประชุมดังกล่าวผู้มีส่วนได้เสียตามมาตรา ๔๖ (๒) เพื่อคัดกรองคำขอผู้มีสิทธิ ตรวจสอบการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไปเป็นรายงานประกอบ

ให้ส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาอนุญาตหรืออนุมัติ และให้ตรวจสอบความสอดคล้องกับข้อกำหนดที่กำหนดไว้ในส่วนอื่นของกฎหมาย หากไม่มีการคัดกรองตามกรรม พื้นฐานและการเหมือนเรื่องเกี่ยวกับสถานะอื่นในส่วนที่เป็นบริการที่คนผู้มีสิทธิร้องขอสอบถาม วรรคหนึ่ง เมื่อได้รับแจ้งผู้มีอำนาจและระยะเวลาที่กำหนดแล้ว หากผู้มีสิทธิร้องขอสอบแล้ว ว่าผู้มีสิทธิตรวจสอบเอง และระเบียบการเบิกจ่ายเงินต่าง ๆ ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

ส่วนที่ ๕

การคุ้มครองสิทธิในสิ่งทรัพย์

มาตรา ๔๙ การทำเหมืองในพื้นที่เป็นแหล่งทรัพยากรในลักษณะดังต่อไปนี้ ถือเป็น การทำให้เสียหายต่อสิทธิในสิ่งทรัพย์ในพื้นที่นั้น ผู้เสียหายสิทธิในสิ่งทรัพย์ในพื้นที่นั้นมีอำนาจขอทำ เหมืองให้มีระบบรักษาความสะอาดและจัดการแก้ไขปัญหาที่จำเป็นเพื่อป้องกันความเสียหายอันอาจเกิดขึ้นได้

การทำเหมืองในพื้นที่ในระดับความลึกจากดินผิวดินน้อยกว่าที่กำหนดไว้ในแผนที่ ประกาศบังคับทำเหมืองได้เท่านั้น และมีระดับการตกลงดังที่เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศ

การทำเหมืองได้เท่านั้นในระดับความลึกที่มีสิทธิการทำเหมืองตามหลัก วัตถุประสงค์ของเหมืองเพื่อประกันความมั่นคงของพื้นที่นั้นไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในส่วนที่เป็นประกาศบัตร ทำเหมืองได้เท่านั้น

มาตรา ๔๐ ในกรณีที่พื้นที่รับบริจาคโดนในเขตประกาศบัตรทุพภิกขภัยหรือในลักษณะที่ก่อให้เกิดความเสียหาย ให้เจ้าหน้าที่กล่าวรับผิดชอบไปแจ้งกับเจ้าความเสียหายหรือผู้รับบริจาคที่รับบริจาคในพื้นที่ดังกล่าว

ให้คืนเงินหรือช่วยเหลืออย่างการชดใช้ของพื้นที่นั้นคืนให้กับเจ้าความเสียหายหรือผู้รับบริจาคที่ได้รับผลกระทบ

หากกรณีอุทกภัยธรรมชาติหรือการแผ่นดินไหวและการแผ่นดินทรุดและมีผลให้การทำการบริจาคในพื้นที่นั้นไม่สามารถดำเนินการได้ ให้กรมการปกครองหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรา ๔๐ (๑) หรือดำเนินการตามแนวทางการบริหารจัดการตามมาตรา ๔๐ (๒)

หากมีข้อสงสัยให้ผู้เสียหาย และเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในกรณีดังกล่าวดำเนินการแจ้งความหรือจัดทำประกันภัยให้ครบถ้วนตามเงื่อนไขในส่วนที่ขาดหายไปตามแนวทางที่แจ้งไว้ในมาตรา ๔๐ วรรคสอง ในกรณีที่ผู้ถือบัตรทุพภิกขภัยไม่สามารถคืนบัตรหรือจัดทำประกันภัยให้ครบถ้วนตามเงื่อนไขตามมาตรา ๔๐ วรรคหนึ่งโดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้ผู้ออกบัตรทุพภิกขภัยสั่งเพิกถอนบัตรทุพภิกขภัย

ส่วนที่ ๕

การกำหนดเงินค่าทดแทน

มาตรา ๔๑ ในกรณีที่มีการทำหน้าที่ของผู้ถือบัตรในระดับความเสียหายถึงระดับสินไหมทดแทนหรือผลกระทบต่อสุขภาพ หรือผู้เสียชีวิตที่เกิดในพื้นที่แนวทางกฎหมายอื่น มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนจากผู้ถือบัตรทุพภิกขภัยหรือได้รับในบริเวณดังกล่าวตามจำนวนเงินที่กำหนดโดยคณะกรรมการกำหนดเงินค่าทดแทน

มาตรา ๔๒ ภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำขอประกอบบัตรทุพภิกขภัยหรือได้รับคำขอที่เกี่ยวข้อง ให้คณะกรรมการกำหนดเงินค่าทดแทนดำเนินการพิจารณาและกำหนดเงินค่าทดแทน ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดในเขตที่มีพื้นที่แนวทางดังกล่าวเป็นประธานกรรมการ ผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ธนาคารที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่จากพื้นที่แนวทางดังกล่าว ผู้แทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เขตพื้นที่ดังกล่าวมีอยู่เป็นผู้ช่วยเลขานุการ และผู้แทนจากกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้แทนจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้แทนจากกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้แทนจากกระทรวงพาณิชย์

ให้ดำเนินการตามอุตสาหกรรมประจำจังหวัดที่เป็นกรรมการและเลขานุการในการกำหนดจำนวนเงินค่าทดแทนตามแนวทางที่กำหนด ให้ดำเนินการสละทรัพยากรทางการเงินหรือทรัพยากรอื่นๆ เพื่อประโยชน์ในการกำหนดเงินค่าทดแทนตามแนวทางที่กำหนดไว้ หากในพื้นที่ดังกล่าวมีข้อสงสัย ให้คณะกรรมการกำหนดเงินค่าทดแทนดำเนินการแจ้งให้ผู้เสียหายหรือผู้ถือบัตรทุพภิกขภัยได้รับแจ้งในทันที ในกรณีและหรือข้อสงสัยที่มีความตลอดจนปัญหาดังกล่าวก็ได้ การกำหนดจำนวนเงินค่าตอบแทน ขั้นตอนในการขอรับและจ่ายเงินค่าตอบแทน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ระยะเวลา และวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา ๔๓ เมื่อคณะกรรมการกำหนดเงินค่าตอบแทนให้แก่เจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๔๒ แล้ว ให้เจ้าหน้าที่งานอุดรกรรมแปรธาตุหรือเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องประกาศให้ทราบโดยทั่วกันถึงจำนวนเงินค่าตอบแทนตามที่กำหนดดังกล่าว ทั้งนี้ หากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมีความประสงค์จะรับเงินค่าตอบแทนตามประกาศในเวลาภายในวันที่กำหนดไว้ให้ดำเนินการแจ้งให้เจ้าหน้าที่งานอุดรกรรมแปรธาตุทราบเป็นลายลักษณ์อักษร

ในกรณีที่ได้ออกประกาศบัตรทดแทนหรือได้พิมพ์แล้ว ผู้ขอประกาศบัตรไม่ยอมชำระเงินค่าตอบแทนตามเงื่อนไขในประกาศบัตร ให้ถือว่าประกาศบัตรดังกล่าวเป็นอันยกเลิกโดยประกาศบัตร

หมวด ๗

การชำระหนี้รายย่อยและการร่อนแร่

มาตรา ๔๔ ห้ามมิให้ผู้ใดชำระหนี้รายย่อย เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตชำระหนี้รายย่อยจากเจ้าพนักงานอุตรกรรมแปรธาตุหรือเจ้าพนักงานผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อประโยชน์ในการบังคับให้มีผลกระทบต่อข้อผูกพันอันเกิดจากการชำระหนี้รายย่อย เจ้าพนักงานอุตรกรรมแปรธาตุหรือเจ้าพนักงานผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องจัดทำบัญชีการชำระหนี้รายย่อยที่มีความโปร่งใสเป็นไปตามข้อกำหนดในกฎหมายว่าด้วยการชำระหนี้รายย่อย และให้ถือว่าการชำระหนี้รายย่อยที่ไม่ได้รับอนุญาตเป็นโมฆะ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา ๔๕ ผู้ประสงค์ที่จะร่อนแร่ ให้แจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น การแจ้งและการรับแจ้ง และการร่อนแร่ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา ๔๖ เพื่อประโยชน์ในการควบคุมและกำกับดูแลการชำระหนี้รายย่อยและการร่อนแร่ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจออกข้อบัญญัติหรือข้อกำหนดการละเว้นเพิ่มเติมจากหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีกำหนดไว้ได้โดยไม่ขัดหรือแย้งกับประกาศดังกล่าว

หมวด ๘

การประกอบธุรกิจแร่ การแปรธาตุแร่ และการประกอบโลหกรรม

ส่วนที่ ๑

การประกอบธุรกิจแร่

มาตรา ๔๗ แร่ที่ได้มาจากประกาศนียบัตรหรือแร่อื่นที่เป็นผลพลอยได้จากการทำเหมืองใบอนุญาตผู้ครอบครองแร่หรือการร่อนแร่ตามที่เห็นสมควร เมื่อได้ชำระค่าภาคหลวงแร่ตามหมวด ๑๓ แล้ว ให้เป็นแร่ที่ทำการซื้อ ขาย ครอบครอง เก็บ หรือขนได้ตามพระราชบัญญัตินี้ แต่ให้ถือโดยประการอื่นว่าผู้ครอบครองแร่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมแร่เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย และเมื่อได้ชำระค่าภาคหลวงแร่ครบถ้วนแล้ว ให้เป็นแร่ที่ซื้อขายหรือขายได้เป็นการสิ้นสุดเฉพาะครั้งนั้น

การซื้อครอบครอง การขายแร่ และการขอใบเบิกแร่ตามมาตรา ๔๗ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีกำหนด

มาตรา ๔๘ ให้รัฐมนตรีมีอำนาจประกาศกำหนดให้แร่ชนิดใด สภาพอย่างใด ปริมาณเท่าใด หรือเป็นแร่ที่อยู่ในความควบคุมเกี่ยวกับการซื้อแร่ การขายแร่ การครอบครองแร่ การเก็บแร่ หรือการขนแร่

มาตรา ๔๙ การซื้อแร่ การขายแร่ การครอบครองแร่ การเก็บแร่ หรือการขนแร่ที่อยู่ในความควบคุมตามมาตรา ๔๘ ต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และเป็นไปตามหลักเกณฑ์และการออกใบอนุญาตตามที่รัฐมนตรีกำหนดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา ๕๐ บทบัญญัติมาตรา ๔๗ และมาตรา ๔๘ มิให้ใช้บังคับกับ (๑) การครอบครองแร่หรือการขนแร่ที่ได้มาจากการสำรวจเพื่อทำไปวิเคราะห์หรือวิจัยไม่เกินปริมาณที่กำหนดไว้ในราชบัญญัติ (๒) การครอบครองแร่หรือการขนแร่แต่ละชนิดปริมาณไม่เกินปริมาณที่กำหนดไว้ในราชบัญญัติ แต่เมื่อเห็นควรขอรับคำสั่งกำหนดปริมาณให้ขออนุมัติจากอธิบดีได้ (๓) การครอบครองแร่หรือการขนแร่ที่ได้จากการแต่งแร่ภายในเหมืองแร่ หรือการครอบครองแร่ที่มีแร่ชนิดนั้นเป็นอยู่ปริมาณปริมาณที่ยังอยู่ในสภาพที่ยังถูกกำหนดภายในเขตเหมืองแร่ ซึ่งแร่พลอยได้หรือแร่ชนิดนั้นยังไม่ต้องชำระค่าภาคหลวงแร่ (๔) การครอบครองแร่หรือการขนแร่เพื่อการศึกษาหรือวิจัยของสถาบันอุดมศึกษาของเอกชนที่ได้รับอนุญาตเป็นพิเศษจากอธิบดี ส่วนราชการ องค์การของรัฐ หรือสถาบันการศึกษา (๕) การครอบครองแร่หรือการขนแร่ในปริมาณสำหรับลูกจ้างที่จำเป็น เครื่องมือระดับปริญญา หรือผลผลิตจากการแต่งแร่ (๖) การครอบครองแร่หรือการขนแร่ที่ได้จากการทำเหมืองแร่ในปริมาณที่เห็นว่าเหมาะสม

มาตรา ๕๑ การซื้อแร่ การขายแร่ การครอบครองแร่ การเก็บแร่ และการขนแร่ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

ในกรณีที่เห็นสมควรเพื่อประโยชน์ในการควบคุมและกำกับดูแลการชำระค่าภาคหลวงแก่ผู้ที่ต้องกระทำ ให้ถือมีลักษณะประกาศกำหนดให้ผู้ซื้อ ผู้ขาย ผู้ครอบครอง ผู้เก็บ ผู้ในใบอนุญาตแร่ ผู้ในใบอนุญาตประทานบัตร หรือผู้ใดที่เกี่ยวข้องสามารถซื้อ ขาย การครอบครอง การเก็บ การขนส่ง การประกอบโลหกรรม หรือการใช้แร่ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดก็ได้

มาตรา ๑๑๑ ใบอนุญาตตามมาตรา ๙๔ ให้มีอายุไม่เกินห้าปีนับแต่วันออกใบอนุญาต

มาตรา ๑๑๒ ในกรณีที่ใบอนุญาตครอบครองแร่สิ้นอายุ และผู้ได้รับใบอนุญาตไม่ยื่นขอต่ออายุใบอนุญาต หรือไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ต่ออายุใบอนุญาต ให้เริ่มต้นเป็นของแผ่นดิน และให้นำบทบัญญัติมาตรา ๑๒๓ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

มาตรา ๑๑๓ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาทางเศรษฐกิจ การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม หรือความปลอดภัยของประชาชน รัฐมนตรีย่อมออกประกาศกำหนดดังนี้

ชนิดและสภาพแร่ที่ห้ามนำเข้าในราชอาณาจักรหรือส่งไปต่างประเทศ หรือส่งออกนอกราชอาณาจักรหรือเขตใดแห่งหนึ่ง

ชนิดและสภาพแร่ที่ต้องขออนุญาตนำเข้าในราชอาณาจักรหรือส่งไปต่างประเทศ หรือส่งออกนอกราชอาณาจักรหรือเขตใดแห่งหนึ่ง

ชนิด สภาพ และปริมาณแร่ที่ต้องแจ้งการนำเข้าในราชอาณาจักรหรือเขตใดแห่งหนึ่ง หรือส่งออกนอกราชอาณาจักรหรือเขตใดแห่งหนึ่ง ความในวรรคหนึ่ง (๑) มิให้ใช้บังคับกับการนำแร่เข้ามาในราชอาณาจักรหรือเขตใดแห่งหนึ่ง เพื่อทำไปวิเคราะห์หรือวิจัย แต่ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดี ให้อธิบดีมีอำนาจออกใบอนุญาตหรือรับแจ้งการนำแร่เข้ามาในราชอาณาจักรหรือเขตใดแห่งหนึ่ง หรือส่งแร่ออกนอกราชอาณาจักรหรือเขตใดแห่งหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา ๑๑๔ ให้รัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการควบคุมการแยกและการจัดแร่แร่ที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรหรือเขตใดแห่งหนึ่ง และในกรณีที่ผู้ที่นำแร่เข้ามาในราชอาณาจักรหรือเขตใดแห่งหนึ่งไม่ปฏิบัติตามประกาศของรัฐมนตรี จะต้องปฏิบัติตามส่วนใด หรือส่วนหนึ่ง ตามที่อธิบดีกำหนด

ส่วนที่ ๒

การแยกแร่

มาตรา ๑๑๖ ห้ามมิให้ผู้ใดแต่งแร่ เว้นแต่ได้รับใบอนุญาตจากอธิบดี

ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับผู้รับช่วงการทำเหมืองแร่ซึ่งแต่งแร่ภายในเขตประทานบัตร ใบอนุญาตแต่งแร่ให้มีอายุไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่ออกใบอนุญาต เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และสุขภาพอนามัยของ ประชาชน สัตว์ พืช และทรัพย์สิน ผู้ขอใบอนุญาตอาจกำหนดเงื่อนไขไว้ ตามที่เห็นสมควรไว้ใน ใบอนุญาตด้วยก็ได้ การขอและการออกใบอนุญาต และคุณสมบัติของผู้ขอใบอนุญาต ให้เป็นไป ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา ๑๑๗ ในการแต่งแร่ ผู้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่

รัฐมนตรีประกาศกำหนด ก่อนเริ่มการแต่งแร่ ให้ผู้รับใบอนุญาตแจ้งเป็นหนังสือต่ออธิบดีล่วงหน้าไม่น้อยกว่า สิบห้าวัน และต้องดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ และเมื่อได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีแล้ว ให้ดำเนินการแต่งแร่ได้ ผู้รับใบอนุญาตแต่งแร่ต้องรายงานการแต่งแร่ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๑๑๘ การขยายชีวิตแต่งแร่ การเปลี่ยนแปลงแผนผังและวิธีการแต่งแร่

การหยุดแต่งแร่ชั่วคราว การแจ้งแต่งแร่ใหม่ และการเลิกแต่งแร่ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและ เงื่อนไขที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๑๑๙ ในการแต่งแร่ ห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตกระทำหรือยินยอมให้กระทำการใด

อันน่าจะเป็นเหตุให้แร่หรือสิ่งอื่นที่มีมูลค่าไหลไปกับอันตรายแก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์สิน หรือ สิ่งแวดล้อม

ส่วนที่ ๓

การประกอบโลหกรรม

มาตรา ๑๒๐ ให้รัฐมนตรีมีอำนาจประกาศกำหนดให้การประกอบโลหกรรมแร่ชนิด

ใด ปริมาณการผลิตขนาดเท่าใด และโดยกระบวนวิธีใด เป็นการประกอบโลหกรรมควบคุมตาม พระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๑๒๑ ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบโลหกรรมควบคุม เว้นแต่ได้รับใบอนุญาต

จากอธิบดี ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับผู้รับช่วงการทำเหมืองแร่ซึ่งประกอบโลหกรรมภายในเขต ประทานบัตร และผู้ประกอบโลหกรรมควบคุมซึ่งประกอบโลหกรรมควบคุมภายในเขต ใบอนุญาตประกอบโลหกรรมควบคุมให้มีอายุไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่ออกใบอนุญาต เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และสุขภาพอนามัยของประชาชน สัตว์ พืช และทรัพย์สิน ผู้อนุญาตอาจกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ตามที่เห็นสมควรไว้ในใบอนุญาตด้วยก็ได้ การขออนุญาต การออกใบอนุญาต และผู้อนุญาตต้องดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา ๑๑๑ ในการประกอบโลหกรรม ผู้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

ก่อนเริ่มประกอบโลหกรรม ให้ผู้รับใบอนุญาตแจ้งเป็นหนังสือขอรับตรวจสอบไม่น้อยกว่าสิบห้าวันและต้องดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ และเมื่อได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีแล้ว ให้ดำเนินการประกอบโลหกรรมได้ ผู้รับใบอนุญาตประกอบโลหกรรมต้องรายงานการประกอบโลหกรรมตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๑๑๒ การขยายหรือยกเลิกโลหกรรม การเปลี่ยนแปลงแผนผังและวิธีการประกอบโลหกรรม การหยุดประกอบโลหกรรมชั่วคราว การเริ่มประกอบโลหกรรมใหม่ และการเลิกประกอบโลหกรรม ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๑๑๓ ในการประกอบโลหกรรม ห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบโลหกรรมกระทำการใด ๆ อันอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์สิน หรือสิ่งแวดล้อม

ส่วนที่ ๕ การต่ออายุและการโอนใบอนุญาต

มาตรา ๑๑๔ ผู้รับใบอนุญาตซึ่งยังมี ผู้รับใบอนุญาตครอบครอง ผู้รับใบอนุญาตตั้งสถานที่เก็บหรือ ผู้รับใบอนุญาตแต่งแร่ หรือผู้รับใบอนุญาตประกอบโลหกรรมที่ประสงค์จะต่ออายุใบอนุญาตจะต้องยื่นคำขอต่อใบอนุญาตล่วงหน้า เมื่อใดที่มีคำขอค้างคาอยู่ ให้ถือว่าผู้ขอเสมือนยังมีใบรับใบอนุญาต และให้ประกอบกิจการต่อไปจนกว่าจะมีคำสั่งไม่ต่ออายุใบอนุญาตนั้น ใบอนุญาตตามวรรคหนึ่ง ให้ต่ออายุได้ครั้งละไม่เกินจำนวนอายุที่ต่ออนุญาต การต่ออายุใบอนุญาตตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๑๑๕ ห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตแต่งแร่หรือผู้รับใบอนุญาตประกอบโลหกรรมโอนใบอนุญาตให้แก่ผู้อื่น เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากอธิบดี

การขอใบอนุญาตและการอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๑๓ ในกรณีที่ผู้รับอนุญาตในหมวดนี้ตาย และทรัพย์ที่มีความประสงค์จะ ประกอบกิจการต่อไป ให้นำบทบัญญัติมาตรา ๑๔ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

ส่วนที่ ๕ การออกใบแทน

มาตรา ๑๔ ในกรณีสูญหายบัตร ประกาศนียบัตร หรือใบอนุญาตต่างๆ สูญหาย หรือ ถูกทำลายให้ผู้ขออาชญาบัตร ผู้ขอประกาศนียบัตร หรือผู้ขอใบอนุญาตยื่นคำขอรับใบแทนต่อเจ้าพนักงาน อุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ หรือเจ้าพนักงานท้องถิ่น แล้วแต่กรณี ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไขที่อธิบดีสำนักนายกรัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

หมวด ๘ การรังวัด

มาตรา ๑๕ เมื่อได้รับคำขออาชญาบัตรประทานบัตร คำขออนุญาตอาชญาบัตรพิเศษ คำขอประทานบัตร คำขอใบอนุญาตสำรวจแร่ คำขอใบอนุญาตร่อนแร่ หรือคำขออนุญาตเพื่อ มูลกับรายแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการรังวัดพื้นที่คำขอ โดยวิธีการรังวัดหรือวิธีอื่น ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีสำนักนายกรัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ในการนี้มีการกำหนดเขตโดยการรังวัด ให้ผู้ยื่นคำขอหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมาย นำรังวัดตามวัน เวลา และสถานที่ ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่กำหนดไว้เป็นลายลักษณ์อักษร

มาตรา ๑๖ เพื่อประโยชน์แก่การรังวัดให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งพนักงาน เจ้าหน้าที่มอบหมาย มีอำนาจเข้าไปในพื้นที่ของผู้มีสิทธิในที่ดินหรือผู้ครอบครองที่ดินรายนั้นได้ แต่ต้องแจ้งให้ผู้มีสิทธิในที่ดินหรือผู้ครอบครองที่ดินทราบล่วงหน้า และผู้มีสิทธิในที่ดินหรือผู้ครอบครอง ที่ดินนั้นมีส่วนร่วมและอำนวยความสะดวกในการรังวัดของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามสมควร

ในการนี้หากมีการทำลายหรือลงหมายเขตในที่ดินของผู้ใด พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่ง พนักงานเจ้าหน้าที่มอบหมาย ต้องทำการชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ในการรังวัด เมื่อมีความจำเป็นต้องทำลายต้นไม้ หรือรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ขัดขวาง การรังวัด ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือผู้ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่มอบหมาย มีอำนาจที่จะตัดต้นไม้ รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง หรือกระทำการอื่นใดที่จำเป็น ทั้งนี้ ให้เจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายต้องชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ในการนี้ผู้มีสิทธิในที่ดินหรือผู้ครอบครองที่ดินต้องยินยอมให้เจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมาย ดำเนินการดังกล่าว และมีสิทธิเรียกค่าเสียหายได้ โดยผู้มีสิทธิในที่ดินหรือผู้ครอบครองที่ดินต้องไม่ขัดขวาง

มาตรา ๑๒๑ การกำหนดเขตพื้นที่ที่กำหนดตามมาตรา ๑๑๔ ให้ผู้ยื่นคำขอเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย

ในกรณีเจ้าของประทานบัตร ให้พนักงานเจ้าหน้าที่สำรวจหมุดหลักฐานการแผนที่หรือหลักหมายนั้นแสดงในรายงานภูมิประเทศและตรวจสอบได้ ถ้าหลักหมุดแผนที่หรือหมุดหลักฐานการแผนที่ที่พนักงานเจ้าหน้าที่สำรวจไว้สูญหายหรือถูกทำลาย ให้ยื่นประทานบัตรแจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่ทราบทันที และต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรังวัดทำหลักหมุดแผนที่หรือหมุดหลักฐานการแผนที่ใหม่ ในกรณีผู้ถือประทานบัตรไม่แจ้งตามวรรคสาม หากมีการทำเหมืองออกนอกเขตประทานบัตร ให้ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดตามเขตประทานบัตร

มาตรา ๑๒๒ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้จัดทำหลักหมุดแผนที่หรือหมุดหลักฐานการแผนที่ตามพระราชบัญญัตินี้เสร็จ ให้แจ้งให้ผู้ใดก็ตาม ตัดแปลง เคลื่อนย้าย ถอน เจาะแต่งหรือบุกรุกหมุดหลักฐานการแผนที่หรือผู้ได้รับอนุญาต และดำเนินคดี

มาตรา ๑๒๓ ในกรณีที่จะต้องกำหนดเขตพื้นที่ที่กำหนดตามมาตรา ๑๑๔ โดยการสำรวจหรือวิธีอื่นใด อธิบดีอาจมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการสำรวจหรือวิธีอื่นใด หรือมอบหมายให้เจ้าของประทานบัตรดำเนินการสำรวจหรือวิธีการอื่นใด วิธีการ และเงื่อนไขที่ต้องดำเนินการโดยผู้ดำเนินการสำรวจหรือวิธีการอื่นใดนั้น ให้ดำเนินการตามที่อธิบดีกำหนด

มาตรา ๑๒๔ การยกเลิก การแก้ไข และเพิกถอนการอนุญาต

ส่วนที่ ๓

การยกคำขอ

มาตรา ๑๒๕ อธิบดีมีอำนาจสั่งยกคำขออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจหรือคำขออาชญาบัตรพิเศษได้ เมื่อผู้ยื่นคำขอ

ขาดคุณสมบัติในการรับสิทธิในไม่เหตุอันสมควร

ละเลยเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดให้ดำเนินการตามความจำเป็นเพื่อแสดงว่าผู้ยื่นคำขอมีความพร้อมที่จะขออาชญาบัตร

กระทำการที่มีผลกระทบหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบัญญัติในมาตรา ๔ หรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำเช่นว่านั้น

มาตรา ๑๒๖ อธิบดี หรือเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ท้องที่ มีอำนาจสั่งยกคำขอประทานบัตรได้ เมื่อผู้ยื่นคำขอ

ขาดนำในการบำรุงรักษาโดยไม่มีเหตุอันสมควร

ละเลยเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งให้ดำเนินการตามความจำเป็นเพื่อออกประกาศนียบัตร

กระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติมาตรา ๔ หรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำเช่นว่านั้น

เมื่อปรากฏว่าบันทึกที่ใช้แสดงจะเป็นการทำที่แสดงเป็นเท็จหรือไม่เพียงพอที่จะเปิดการทำหน้าที่ต่อไปได้

ส่วนที่ ๒

การยกเลิก การเพิกถอน และเกิดออกจากอนุญาต

มาตรา ๑๒ เมื่อได้มีการอนุญาตโดยการออกอายุบัตรอนุญาตผู้ประกอบการสาธารณะ อายุนุญาตพิเศษประจำหน่วย หรือใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ และผู้ได้รับอนุญาตดังกล่าวไม่มารับภายในสามสิบวันนับแต่ได้รับแจ้งให้มารับแต่ผู้อนุญาตให้ผู้อนุญาตเพิกถอนการอนุญาตนั้นเสียได้

มาตรา ๑๓ เมื่อปรากฏในภายหลังว่าได้ออกอายุบัตร ประกาศนียบัตร หรือใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้โดยไม่ถูกต้องให้ถือว่าอายุบัตร ประกาศนียบัตร หรือใบอนุญาตนั้นเป็นอันสิ้นสุดลงตั้งแต่เริ่มแรก และให้ผู้อนุญาตเพิกถอนอายุบัตร ประกาศนียบัตร หรือใบอนุญาตนั้นเสียได้

ในกรณีที่มีการแก้ไขหรือเพิกถอนการอนุญาตตามวรรคหนึ่ง ผู้ถืออายุบัตร ผู้ถือประกาศนียบัตรหรือผู้รับใบอนุญาตจะเรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ จากการแก้ไขหรือเพิกถอนนั้นไม่ได้ เพื่อประโยชน์แก่การอันเป็นสาระรูปปกติ การร่วมกับประเทศ หรือเพื่อช่วยประโยชน์สาระของอย่างอื่นของรัฐ ให้ผู้อนุญาตมีอำนาจเพิกถอนหรือยกเลิกอายุบัตรอนุญาตผู้ประกอบการสาธารณะ อายุนุญาตพิเศษ หรือประกาศนียบัตร มาแทนใบเปลี่ยนแปลง หรือใบแก้ไข หรืออายุระยะเวลาได้อนุญาตให้ได้ตามความจำเป็น หรือเพิกถอนเสีย แล้วแต่กรณี และในกรณีเช่นนี้ ให้ผู้ได้รับอนุญาตจากการกระทำดังกล่าวสิ้นสิทธิได้รับเงินชดเชยความเสียหายตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ทั้งนี้ ความเสียหายต้องไม่รวมถึงมูลค่าของสิ่งที่ผู้อนุญาตนั้นมาจากการทำหนึ่ง

มาตรา ๑๔ ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่ต้องจัดการเกี่ยวกับการอนุญาตแจ้งให้เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมประจำจังหวัดหรือเจ้าพนักงานท้องถิ่น แล้วแต่กรณี ให้แจ้งเป็นหนังสือให้ทราบได้ และไม่จำระยะเวลาในกำหนดวันที่ใบอนุญาตนั้นสิ้นสุดกำหนด ให้ผู้อนุญาตผู้อนุญาต ผู้อนุญาตประกาศนียบัตร หรือผู้อนุญาตใบอนุญาต แล้วแต่กรณี มีอำนาจนำในการสิ้นกำหนดอายุบัตร ประกาศนียบัตร หรือใบอนุญาตนั้นเสียได้

มาตรา ๑๒๙ เมื่อปรากฏว่าผู้ถืออาชญาบัตร ผู้ถือประทานบัตร หรือผู้รับใบอนุญาตผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวง ประกาศ หรือระเบียบที่ออกตามความในพระราชบัญญัตินี้ หรือเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในอาชญาบัตร ประทานบัตร ใบอนุญาต หรือคำสั่งการใดที่อาจก่อให้เกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญ ความเสียหาย หรืออันตรายที่มีผลกระทบต่อบุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์สิน หรือสิ่งแวดล้อม ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งให้ผู้นั้นระงับการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืน หรือแก้ไขแก้แทน หรือปรับปรุงให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในคำสั่งนั้น ในกรณีที่เห็นสมควร ผู้ถืออาชญาบัตรหรือออกใบอนุญาตตามความในมาตรา ๑๓๐

มาตรา ๑๓๐ ในกรณีที่ผู้ถืออาชญาบัตร ผู้ถือประทานบัตร ผู้รับใบอนุญาตแต่ละ หรือผู้รับใบอนุญาตประกอบโลหกรรม จงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๑๒๙ โดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้ถือว่าผู้ถืออาชญาบัตร ผู้ถือประทานบัตร หรือผู้ถือใบอนุญาตแล้วแต่กรณี มีความจงใจที่ไม่หยุดประกอบกิจการเหมืองแร่ในระยะเวลาที่กำหนด และให้ปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องตามเงื่อนไขและวิธีการที่กำหนดในระยะเวลาที่กำหนด ถ้าผู้ประกอบกิจการอุตสาหกรรมแร่ที่ไม่ปรับปรุงแก้ไขหรือปฏิบัติให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าผู้ประกอบกิจการอุตสาหกรรมแร่ดังกล่าวเป็นผู้ฝ่าฝืนกฎหมาย ถ้าผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่หรืออุตสาหกรรมแร่ที่ไม่ปรับปรุงแก้ไขหรือปฏิบัติให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กำหนด หรือกระทำการละเมิดกฎหมายหรือเงื่อนไขอันเป็นข้อบังคับของรัฐในเรื่องนั้น ๆ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ สอบสวน หรือมีสิทธิ หรือสิทธิ์สอดโดยไม่อาจแก้ไขได้ หรือยึดหรือเพิกถอนประทานบัตร หรือใบอนุญาตโดยแจ้งเป็นหนังสือไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง

หมวด ๓๑ ค่าภาคหลวงแร่ ค่าธรรมเนียม และเงินบำรุงพิเศษ

มาตรา ๑๓๑ ผู้ถือประทานบัตร ผู้รับใบอนุญาตผู้ควบคุมการร่อนแร่ ผู้รับใบอนุญาตแต่งแร่ ผู้รับใบอนุญาตประกอบโลหกรรม หรือผู้รับใบอนุญาตครอบครองแร่ ต้องชำระค่าภาคหลวงแร่ ดังต่อไปนี้ (๑) แร่ที่กำหนดไว้ในประทานบัตร รวมถึงแร่ที่เป็นผลพลอยได้จากการทำเหมือง (๒) แร่ที่มีในแหล่งแร่ที่ได้จากการร่อนแร่ หรือการดำเนินการอื่นซึ่งอยู่เกินปริมาณที่อธิบดีกำหนด ซึ่งยังไม่ได้ชำระค่าภาคหลวงแร่ (๓) แร่ที่ได้จากการทำเหมืองที่กระทำการร่อนแร่ (๔) แร่ที่ได้รับอนุญาตให้ครอบครองตามมาตรา ๗๗ วรรคสอง ซึ่งยังไม่ได้ชำระค่าภาคหลวงแร่ (๕) การร่อนแร่ที่ตกเป็นของแผ่นดิน หากปรากฏว่ามีแร่ยังไม่ได้ชำระค่าภาคหลวงแร่

มาตรา ๑๓๒ อัตราค่าคาคลอเรนให้เรียกเก็บได้ไม่เกินร้อยละสิบของราคาตลาด

พิกัดอัตราค่าคาคลอเรนให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ราคาตลาดแต่ละชนิดให้เป็นตามที่อธิบดีกำหนด หลักเกณฑ์และวิธีการจัดเก็บค่าคาคลอเรน เช่น การกำหนดราคาตลาด การตรวจสอบและประเมินราคาตลาด และการเรียกเก็บค่าคาคลอเรน ต้องเป็นไปตามที่กำหนดในกรณีที่ยังไม่สามารถประเมินค่าคาคลอเรนได้ตามความเป็นจริงหรือรอบโลกครบถ้วนแล้วจริง ต้องกำหนดให้มีการจัดเก็บประกันการชำระค่าคาคลอเรนจำนวนหนึ่งไว้ก่อน

มาตรา ๑๓๓ ในกรณีผู้มีหน้าที่ต้องชำระค่าคาคลอเรนไม่ชำระค่าคาคลอเรน หรือชำระค่าคาคลอเรนไม่ครบถ้วน หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าการชำระค่าคาคลอเรนไม่ถูกต้อง ให้เจ้าพนักงานมีหนังสือเรียกให้มาชี้แจงโดยกำหนดเวลาไม่เกินเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือเพื่อทำหลักฐานการชำระค่าคาคลอเรนแสดง หากชำระไม่ครบถ้วนหรือชำระค่าคาคลอเรนหรือชำระค่าคาคลอเรนไม่ถูกต้อง ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจเรียกเก็บค่าคาคลอเรนหรือชำระเงินไม่เกินจำนวนที่กำหนดไว้ในกฎหมายกำหนด ให้ถือเป็นเงินเพิ่มการประเมินค่าคาคลอเรนเพื่อประเมินการชำระค่าคาคลอเรนให้ครบถ้วน ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

เมื่อคณะกรรมการประเมินค่าคาคลอเรนแล้วให้ประเมินว่าให้ชำระค่าคาคลอเรนเป็นจำนวนเท่าใดหรือให้ชำระเงินเพิ่มจำนวนเท่าใด ให้ผู้อยู่ในข่ายต้องเสียภาษีภายในกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ในหนังสือแจ้งการประเมินในหนังสือ หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว ยังไม่ชำระค่าคาคลอเรนหรือเงินเพิ่ม ให้ถือว่าผู้นั้นเป็นผู้ผิดนัด และเจ้าพนักงานมีอำนาจดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

มาตรา ๑๓๔ ผู้ขออนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ต้องเสียค่าธรรมเนียมพร้อมกับการยื่นคำขอ และต้องออกค่าใช้จ่ายที่จำเป็นส่วนหนึ่งหรือส่วนที่เหลือในการจัดดำเนินงานตามความจำเป็นอื่นตามประกาศที่กำหนดให้ในพระราชบัญญัตินี้

ในกรณีที่มีการส่งคำขอ หรือไม่อนุญาตตามคำขอ หรือผู้ยื่นคำขอได้ถอนคำขอ ให้คืนค่าใช้จ่ายหรือเงินส่วนหนึ่งที่ยังไม่ได้จ่ายสำหรับการดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา ๑๓๕ การสำรวจเพื่อขออนุญาตในการสำรวจเพื่อการสำรวจหรือการขุดเจาะหรือการขุดค้น ต้องเสียค่าธรรมเนียมเป็นอัตราตามที่กำหนดในหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

ในกรณีมีอายุใบอนุญาตสำรวจเพื่อขอสำรวจหรือขุดเจาะหรือขุดค้นสิ้นสุดลงก่อนอายุที่กำหนด ผู้ขออนุญาตมีสิทธิขอคืนค่าธรรมเนียมที่ยังไม่ได้ชำระและได้ชำระแล้ว ในกรณีที่ผู้ขออนุญาตสำรวจหรือขุดเจาะหรือขุดค้นไม่สามารถดำเนินการได้ต้องครบถ้วน เมื่อเจ้าพนักงานอุดมการณ์ประเมินว่ามีใบอนุญาตครบในหนังสือแจ้ง และไม่ใช่เป็นความผิดในกรณีใดนั้น ให้ผู้ออกอายุอนุญาตมีอำนาจสั่งให้คืนค่าธรรมเนียมที่ยังไม่ได้ชำระได้

มาตรา ๑๓๑ ผู้ถือประทานบัตรต้องเสียเงินบำรุงพิเศษในอัตราไม่เกินร้อยละสิบของค่าภาคหลวงที่ต้องเสียในงวดระบายนั้น

เงินบำรุงพิเศษตามวรรคหนึ่งให้นำไปใช้จ่ายในกิจการพัฒนาท้องถิ่น การศึกษาขั้นพื้นฐาน การปรับสภาพพื้นที่ที่ผ่านการทำเหมืองแร่ตามหลักภูมิสิ่งแวดล้อม และการป้องกันและบรรเทาความเดือดร้อนจากผลกระทบสิ่งแวดล้อม อัตรา หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการเรียกเก็บ รวมตลอดถึงการจัดสรรเงินบำรุงพิเศษ ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ในกรณีที่มีความจำเป็นในทางเศรษฐกิจ ให้รัฐมนตรีมีอำนาจออกประกาศกำหนดให้ระงับการเรียกเก็บเงินบำรุงพิเศษตามระยะเวลาและเงื่อนไขที่สมควรได้

หมวด ๑๒

การพัฒนาและการส่งเสริม

มาตรา ๑๓๒ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาและส่งเสริมการประกอบกิจการตามพระราชบัญญัตินี้ รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการแร่มีอำนาจกำหนดค่าภาคหลวง ค่าธรรมเนียม รวมทั้งค่าหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับเงินหรือรอดค่าธรรมเนียมเรื่องดังกล่าว ในกรณีดังต่อไปนี้

ผู้มีประทานบัตร ผู้มีใบอนุญาตแต่งแร่ หรือผู้มีใบอนุญาตประกอบโลหกรรมที่ประกอบกิจการเพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลหรือการพัฒนาท้องถิ่น

เหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรืออุบัติภัย

เหตุอื่นอันสมควร

มาตรา ๑๓๓ หากปรากฏว่าพื้นที่ใดน่าจะมีแร่เพียงพอที่จะพัฒนาเป็นแหล่งแร่เพื่อการทำเหมือง รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการแร่มีอำนาจให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่หรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องประกอบประทานบัตร และจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมสำหรับพื้นที่นั้นเพื่อออกประทานบัตรตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติด้วยความรวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการเหมืองแร่ในพื้นที่นั้น

ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง หากปรากฏว่าพื้นที่นั้นมีผู้มีสิทธิในที่ดินอยู่ตามกฎหมายหรือคำพิพากษาของศาลสูงสุด ให้ดำเนินการปฏิบัติตามข้อ ๒ วรรคสาม คู่กับข้อ ๒ วรรคสี่ เมื่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในกรณีที่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่เป็นผู้ประกอบประทานบัตร ให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่มีอำนาจออกประทานบัตรให้แก่หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือผู้ประกอบการตามมาตรา ๘๐ (๔) มีสิทธิได้รับการคัดเลือกก่อน ผู้ประกอบการประทานบัตรตามวรรคสามต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการทำเหมืองแร่ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และเงื่อนไขที่กำหนดในประทานบัตร และต้องชำระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ให้ดำเนินการไปตามวรรคหนึ่งที่พบบนในวันที่ได้รับประกาศนียบัตร

หมวด 13

ความรับผิดทางแพ่ง

มาตรา 133 ผู้ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายใด ๆ ไม่ว่าแก่คนหรือค่าเสียหายที่เกิดจากการประกอบกิจการของตนต่อความเสียหายหรือความเดือดร้อนรำคาญอันเกิดขึ้นแก่บุคคล สัตว์ พืช หรือสิ่งแวดล้อม

ในกรณีที่ความเสียหายเกิดขึ้นในเขตที่ได้รับอนุญาต ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าความเสียหายดังกล่าวเกิดจากการกระทำของผู้ได้รับอนุญาตรายนั้น

มาตรา 134 ผู้ใดทำเหมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือผู้ถือประทานบัตรรอได้ทำเหมืองออกนอกเขตประทานบัตร หรือผู้ถือประทานบัตรรายใดทำเหมืองในเขตประทานบัตร แต่เป็นพื้นที่ซึ่งหัวหน้าเหมืองตามมาตรา 29 (ก) หรือกฎหมายอื่น นอกจากจะต้องรับผิดทางอาญาแล้ว ยังต้องรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้นแก่แผ่นดินแห่งของรัฐหรือแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายโดยตรงอีกด้วย

กรณีการทำเหมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้หัวหน้าเหมืองเป็นผู้ดำเนินการเพื่อเรียกค่าเสียหายแก่แผ่นดิน และค่าเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้ได้รับความเสียหายโดยตรง หากไม่สามารถตกลงกันได้ ให้ฟ้องร้องต่อศาลที่มีอำนาจกระทำตามวรรคหนึ่ง

มาตรา 135 ผู้ยื่นคำขออนุญาตหรือคำขอประทานบัตรที่ถูกปฏิเสธตามมาตรา 23 วรรคหนึ่ง หรือมาตรา 35 วรรคสอง มีสิทธิได้รับค่าทดแทนเฉพาะความเสียหายได้ หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นค่าเสียหายที่แท้จริงซึ่งเกิดจากการดำเนินการตามกฎหมายเกี่ยวกับการเหมืองแร่

ให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่จ่ายเงินค่าทดแทนตามความเสียหายที่แท้จริงจากเงินที่ได้จากการประมูลตามมาตรา 60 หรือมาตรา 133 แล้วแต่กรณี แต่ทั้งนี้ ค่าเหมือนดังกล่าวไม่รวมถึงมูลค่าของแร่ซึ่งยังมิได้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการทำเหมือง

มาตรา 136 นอกจากความรับผิดตามมาตรา 133 ศาลมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายทดแทนเพื่อการลงโทษตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

(ก) ค่าเสียหายสำหรับความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมเป็นผลมาจากความเสียหายต่อร่างกาย สุขภาพ หรืออนามัยของผู้เสียหาย และทุกผู้เสียหายซึ่งเกี่ยวข้องทาง สังคม วุฒิภาวะ หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องบุคคลนั้นของหรือได้รับค่าเสียหายสำหรับความเสียหายดังกล่าวได้ (ข) หากมีการประกอบกิจการเหมืองแร่ในลักษณะผิดกฎหมายหรือประกอบกิจการเหมืองแร่อยู่แล้วจากการประกอบกิจการเหมืองแร่อย่างไม่ปลอดภัย หรือมิได้รับการควบคุมการประกอบกิจการเหมืองแร่อย่างร้ายแรง หรือมิได้รับการประกอบกิจการเหมืองแร่อย่างไม่ปลอดภัยจากสิ่งที่นั้นแล้วไม่ ดำเนินการใด ๆ ตามสมควร เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย ให้หลายฝ่ายซึ่งให้ผู้ประกอบกิจการช่วยดำเนินงานตามแต่พนักงานเจ้าหน้าที่เห็นสมควร ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงพฤติการณ์ต่าง ๆ เช่น ความร้ายแรงของความเสียหายที่ผู้เสียหายได้รับ การที่ผู้ประกอบกิจการรู้หรือควรจะรู้ถึงความไม่ปลอดภัยของการประกอบกิจการ ระยะเวลาที่ผู้ประกอบกิจการปิดความไม่ปลอดภัยของการประกอบกิจการ การกระทำของผู้ประกอบกิจการเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นหรือเพื่อบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้น ตลอดจนการที่ผู้เสียหายมีส่วนในการก่อให้เกิดความเสียหายด้วย

หมวด ๑๔

การควบคุมและการตรวจสอบ

ส่วนที่ ๑

พนักงานเจ้าหน้าที่

มาตรา ๑๔๓ ในการปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

เข้าไปในเขตเหมืองแร่ เขตประกอบธุรกิจแร่ เขตแต่งแร่ เขตโลหกรรม เขตทุ่งหานร่อนแร่ย่อย หรือเขตที่มีการร่อนแร่ เพื่อตรวจสอบการประกอบกิจการดังกล่าวได้ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของสถานที่ดังกล่าว

สั่งเป็นหนังสือให้ผู้สอบบัญชี ผู้ถือประทานบัตร ผู้ดูแลหานร่อนแร่ย่อย ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ ผู้ประกอบธุรกิจแร่ ผู้รับใบอนุญาตแต่งแร่ ผู้รับใบอนุญาตประกอบโลหกรรม ระงับการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืน หรือแก้ไขปรับปรุง หรือปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายนี้ หรือข้อกำหนดป้องกันอันตรายอันอาจเกิดจากกิจการประกอบกิจการนั้นเป็นระยะเวลาที่กำหนด

นำเอกสารหรือหลักฐานไปตรวจสอบเพื่อการตรวจสอบ

ยึดหรืออายัดแร่หรือทรัพย์สินใดตามมาตรา ๑๔๔ เมื่อได้เข้าไปและทำการตรวจสอบตาม (๑) แล้ว ถ้ายังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ จะกระทำต่อไปในเวลาหลังคืน หรือขอเอกสารการตรวจสอบสถานที่นั้นก็ได้

มาตรา ๑๔๔ ในกรณีที่ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งที่ออกตามมาตรา ๑๔๓ (๒) ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจออกคำสั่ง ผู้ถืออำนาจประทานบัตร ผู้ดูแลหานร่อนแร่ย่อย หรือผู้อื่นอนุญาต เพื่อพิจารณาให้เพิกถอนหรือยกเลิกสิทธิ ประทานบัตร ใบอนุญาต หรือระงับการประกอบกิจการต่อไป

มาตรา ๑๔๕ ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ผู้ซึ่งเกี่ยวข้องต้องอำนวยความสะดวกตามสมควรแก่เจ้าหน้าที่

มาตรา ๑๔๓ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา เพื่อประโยชน์ในการจับกุมผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงาน เจ้าหน้าที่เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

มาตรา ๑๔๔ ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ พนักงานเจ้าหน้าที่ ต้องแสดงบัตรประจำตัวแก่บุคคลที่เกี่ยวข้อง บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

ส่วนที่ ๒ การดำเนินการเกี่ยวกับของกลางและเงินค่าปรับ

มาตรา ๑๔๕ บรรดาของที่มีไว้เนื่องในการกระทำความผิด และเครื่องมือ เครื่องใช้ สัตว์พาหนะ ยานพาหนะ หรือสิ่งอื่นใด ๆ ที่บุคคลไม่พึงมีไว้ใช้ในการกระทำความผิด หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด หรือเป็นของที่ใช้ในการกระทำ ความผิด หรือเป็นของที่ได้มาโดยการกระทำความผิด หรือเป็นของที่ผู้กระทำความผิดใช้ หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด หรือเป็นของที่มีไว้เพื่อช่วยในการกระทำ ความผิด หรือเป็นของที่มีไว้เพื่อช่วยซ่อนเร้นความผิด หรือเป็นของที่มีไว้เพื่อช่วย ให้พ้นจากความผิด หรือเป็นของที่มีไว้เพื่อช่วยให้พ้นจากการถูกลงโทษ หรือเป็น ของที่มีไว้เพื่อช่วยให้พ้นจากการถูกยึดหรืออายัดทรัพย์สิน หรือเป็นของที่มีไว้เพื่อ ช่วยให้พ้นจากการถูกริบทรัพย์สิน หรือเป็นของที่มีไว้เพื่อช่วยให้พ้นจากการถูก ขายทอดตลาด หรือเป็นของที่มีไว้เพื่อช่วยให้พ้นจากการถูกทำลาย หรือเป็นของ ที่มีไว้เพื่อช่วยให้พ้นจากการถูกทำลาย หรือเป็นของที่มีไว้เพื่อช่วยให้พ้นจากการ ถูกทำลาย หรือเป็นของที่มีไว้เพื่อช่วยให้พ้นจากการถูกทำลาย หรือเป็นของที่มีไว้ เพื่อช่วยให้พ้นจากการถูกทำลาย หรือเป็นของที่มีไว้เพื่อช่วยให้พ้นจากการถูกทำลาย หรือเป็นของที่มีไว้เพื่อช่วยให้พ้นจากการถูกทำลาย หรือเป็นของที่มีไว้เพื่อช่วย ให้พ้นจากการถูกทำลาย หรือเป็นของที่มีไว้เพื่อช่วยให้พ้นจากการถูกทำลาย หรือ เป็นของที่มีไว้เพื่อช่วยให้พ้นจากการถูกทำลาย หรือเป็นของที่มีไว้เพื่อช่วยให้พ้น จากการถูกทำลาย หรือเป็นของที่มีไว้เพื่อช่วยให้พ้นจากการถูกทำลาย หรือเป็นของ ที่มีไว้เพื่อช่วยให้พ้นจากการถูกทำลาย หรือเป็นของที่มีไว้เพื่อช่วยให้พ้นจากการ ถูกทำลาย หรือเป็นของที่มีไว้เพื่อช่วยให้พ้นจากการถูกทำลาย หรือเป็นของที่มีไว้ เพื่อช่วยให้พ้นจากการถูกทำลาย หรือเป็นของที่มีไว้เพื่อช่วยให้พ้นจากการถูกทำลาย หรือเป็นของที่มีไว้เพื่อช่วยให้พ้นจากการถูกทำลาย หรือเป็นของที่มีไว้เพื่อช่วย ให้พ้นจากการถูกทำลาย หรือเป็นของที่มีไว้เพื่อช่วยให้พ้นจากการถูกทำลาย หรือ เป็นของที่มีไว้เพื่อช่วยให้พ้นจากการถูกทำลาย หรือเป็นของที่มีไว้เพื่อช่วยให้พ้น จากการถูกทำลาย หรือเป็นของที่มีไว้เพื่อช่วยให้พ้นจากการถูกทำลาย หรือเป็นของ ที่มีไว้เพื่อช่วยให้พ้นจากการถูกทำลาย หรือเป็นของที่มีไว้เพื่อช่วยให้พ้นจากการ ถูกทำลาย หรือเป็นของที่มีไว้เพื่อช่วยให้พ้นจากการถูกทำลาย หรือเป็นของที่มีไว้ เพื่อช่วยให้พ้นจากการถูกทำลาย หรือเป็นของที่มีไว้เพื่อช่วยให้พ้นจากการถูกทำลาย

มาตรา ๑๔๔ ในกรณีทรัพย์สินถูกยึดไว้ตามมาตรา ๑๔๔ วรรคหนึ่ง มีในชั้นของผู้กระทำความผิดหรือของผู้มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นผู้กระทำความผิด ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้อนุมัติอธิบดีคืนทรัพย์สินบางส่วน หรือทั้งหมด ให้แก่เจ้าของก่อนสิ้นกำหนดตามมาตรา ๑๔๔ วรรคสามได้ในกรณีดังต่อไปนี้

เมื่อทรัพย์สินนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีที่เป็นเหตุให้ทรัพย์สินนั้นถูกยึด หรือ

เมื่อมีเหตุจำทำความผิดหรือของผู้มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นผู้กระทำความผิดได้ทรัพย์สินนั้นมาจากผู้เป็นเจ้าของโดยการกระทำความผิดทางอาญา ในการดำเนินการคืนทรัพย์สินตามวรรคหนึ่ง อาจมีการกำหนดเงื่อนไขในการคืน และการตรวจสอบเพื่อรับรองคืนให้ทรัพย์สินนั้นกลับไปใช้ในการกระทำความผิดอีก ทั้งนี้ตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด

มาตรา ๑๔๕ ในกรณีที่มีการยึดอายัดทรัพย์สินของกลางที่ต้องสงสัยในการกระทำความผิดโดยไม่ปรากฏตัวเจ้าของหรือผู้ครอบครอง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจสั่งให้เจ้าหน้าที่ทำงานจุลกากรประมูลประจำท้องที่หรือเจ้าหน้าที่ซึ่งอธิบดีกำหนดหรือที่มอบหมาย และให้มีอำนาจประกาศให้ตัวเจ้าของหรือผู้ครอบครอง เพื่อให้บุคคลดังกล่าวแสดงหลักฐานหรือชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทรัพย์สินนั้น

ประกาศดังกล่าว ให้ทำการติด ที่ว่าการอำเภอ ที่ว่าการกิ่งอำเภอ ที่ว่าการเทศบาล ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน และที่ทำการจุลกากรประจำท้องที่ ที่มีทรัพย์สินของกลางนั้น และในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อว่าทรัพย์สินของกลางนั้นอยู่ในเขตท้องที่อื่น ให้ประกาศในที่ทำการจุลกากรประจำท้องที่หรือเจ้าหน้าที่ที่อธิบดีกำหนดไปประกาศ ภายในกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ประกาศตามวรรคหนึ่ง ในกรณีที่ไม่มีผู้แสดงตัวเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองเพื่อขอรับของกลางดังกล่าวภายในกำหนดตามวรรคสาม ให้ของกลางนั้นตกเป็นของแผ่นดิน แต่ถ้ามีบุคคลแสดงตัวเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครอง และชี้แจงอาการเห็นสมควรแก่การคืนภายในกำหนด ให้ชี้ขาดดำเนินการตามวรรคถัดไป ในกรณีที่ปรากฏว่าผู้แสดงตัวเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินนั้น เป็นบุคคลที่พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและสอบสวนแล้วเห็นว่าไม่ผิดกฎหมาย หรือเป็นผู้ที่ได้ทรัพย์สินมาถูกหลักเกณฑ์ในประสงค์ความและมิใช่เป็นผู้ที่เป็นไปในการกระทำความผิด หรือมิใช่เจ้าของหรือผู้ครอบครอง ให้อนุมัติอธิบดีให้บุคคลดังกล่าวดำเนินการใช้สิทธิหรือร้องขอคืนทรัพย์สินของกลางที่ตกเป็นของแผ่นดินนั้นได้ภายในกำหนดห้าปี หากมิได้ใช้สิทธิหรือร้องขอคืนต่อศาลภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าบุคคลนั้นมิใช่เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินนั้น

มาตรา ๑๔๖ ถ้าทรัพย์สินและของกลางที่ต้องอายัดไว้ตามมาตรา ๑๔๕ หรือมาตรา ๑๔๖ ในกรณีการยึดอายัดดังกล่าวมิได้มีผู้แสดงตัวเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครอง ให้ถือว่าเป็นการริบซึ่งมูลค่าของทรัพย์สินหรือที่ถูกต้องสมควร อธิบดีอาจดำเนินการ ดังต่อไปนี้

(ก) จัดการขายทรัพย์สินหรือของกลางก่อนครบกำหนดเวลาตามมาตรา ๔๔ วรรคสาม หรือมาตรา ๔๕ วรรคสาม แล้วแต่กรณี เพื่อให้เงินนั้นสุทธิเท่าใดให้ถือเป็นทุนทรัพย์สินหรือของกลางนั้น หรือ (ข) ถ้าการนำทรัพย์สินหรือของกลางที่ยึดหรืออายัดไปใช้ประโยชน์จะเป็นการบรรเทาความเสียหายหรือค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา ให้นำทรัพย์สินหรือของกลางนั้นไปใช้เพื่อประโยชน์ของทางราชการได้ตามระเบียบที่อัยการสูงสุดกำหนด ก่อนที่จะจัดดำเนินการตามความในวรรคหนึ่ง ให้อธิบดีกรมศุลกากรพิจารณาดำเนินการตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๔๕ วรรคสอง เพื่อให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายเรียกคืนทรัพย์สินหรือของกลางดังกล่าว และให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายเสียค่าเช่าหรือค่าธรรมเนียมการจัดเก็บทรัพย์สินหรือของกลางดังกล่าวในเกณฑ์ที่เหมาะสมในระยะเวลาที่นำทรัพย์สินหรือของกลางนั้นไปเก็บไว้ในคลังสินค้าของกรมศุลกากร หรือในพื้นที่อื่นใดตามที่กรมศุลกากรกำหนด และถ้าเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายไม่ยอมรับทรัพย์สินหรือของกลางดังกล่าว ให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ หรือเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ให้ถือเป็นทรัพย์สินหรือของกลางที่ตกเป็นของแผ่นดิน และให้นำทรัพย์สินหรือของกลางนั้นไปขายทอดตลาดตามหลักเกณฑ์ วิธีการ หรือเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด หรือให้นำทรัพย์สินหรือของกลางนั้นไปใช้เพื่อประโยชน์ของทางราชการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ หรือเงื่อนไขที่อัยการสูงสุดกำหนด ในกรณีที่ทรัพย์สินหรือของกลางที่ยึดหรืออายัดไว้มีความเสื่อมสภาพหรือมีลักษณะไม่เหมาะสมที่จะเก็บรักษาไว้ หรือมีเหตุจำเป็นอื่นใด ให้กรมศุลกากรดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด โดยไม่ต้องรอให้ครบกำหนดเวลาตามมาตรา ๔๔ วรรคสาม หรือมาตรา ๔๕ วรรคสาม แล้วแต่กรณี และในกรณีที่เจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายไม่ยอมรับทรัพย์สินหรือของกลางดังกล่าว ให้ถือเป็นทรัพย์สินหรือของกลางที่ตกเป็นของแผ่นดิน และให้นำทรัพย์สินหรือของกลางดังกล่าวไปขายทอดตลาดตามหลักเกณฑ์ วิธีการ หรือเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด หรือให้นำทรัพย์สินหรือของกลางนั้นไปใช้เพื่อประโยชน์ของทางราชการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ หรือเงื่อนไขที่อัยการสูงสุดกำหนด หลักเกณฑ์และวิธีการในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง (ก) และ (ข) ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด และในกรณีเช่นนี้ เจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายจะฟ้องเรียกค่าเสียหายหรือค่าใช้จ่ายใด ๆ จากการกระทำของเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการหรือการนำทรัพย์สินหรือของกลางที่ยึดหรืออายัดไปใช้ประโยชน์ของทางราชการดังกล่าวไม่ได้

มาตรา ๔๕/๑ บรรดาค่าธรรมเนียมหรือเงินอื่นใดตามพระราชบัญญัตินี้ที่ค้างชำระอยู่ในความรับผิดชอบของกรมศุลกากรที่เพิ่มขึ้นและการยึดหรือ หรือจำหน่ายของตกค้างตามกรมศุลกากรแห่งนี้ หรือเงินอื่นใดที่กรมศุลกากรจัดเก็บ แล้วแต่กรณี ถ้ามีผู้ยื่นคำร้องขอให้คืนเงินนั้น ให้คืนเงินดังกล่าวได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ หรือเงื่อนไขที่กรมศุลกากรกำหนด แล้วแต่กรณี ให้จัดเก็บเงินดังกล่าวเป็นรายได้ของกรมศุลกากร

หมวด ๑๔ บทกำหนดโทษ

มาตรา ๔๕ ผู้ใดไม่ส่งหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศที่รัฐมนตรีกำหนดตามมาตรา ๒๒ มาตรา ๓๒ หรือมาตรา ๔๐ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๔๖ ผู้ใดไม่ส่งหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ หรือมาตรา ๓๖ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๔๗ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๓๗ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๔๘ ผู้ขออนุญาตหรือผู้รับอนุญาตสร้างเรือไม่ปฏิบัติตามประกาศที่รัฐมนตรีกำหนด หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขตามมาตรา ๔๐ วรรคสาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองเดือน หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๔๙ ผู้ขออนุญาตหรือผู้รับอนุญาตสร้างเรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๔๓ วรรคสอง หรือไม่ปฏิบัติตามประกาศที่รัฐมนตรีกำหนดหรือเงื่อนไขตามมาตรา ๔๔ วรรคสี่ หรือวรรคห้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๕๐ ผู้ขออนุญาตหรือผู้รับอนุญาตพิเศษรายใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๔๕ วรรคสอง หรือไม่ปฏิบัติตามประกาศที่รัฐมนตรีกำหนดหรือเงื่อนไขตามมาตรา ๔๕ วรรคสี่ หรือวรรคห้า หรือมาตรา ๔๗ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๕๑ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๔๕ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๐๑ ผู้ใด

ไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๒๒ วรรคสาม วรรคห้า หรือวรรคหก มาตรา ๒๔ (๑) (๒) (๓) (๔) หรือ (๕) หรือไม่ดำเนินการตามคำสั่งของเจ้าพนักงานหรือคำสั่งของคณะกรรมการตามมาตรา ๗๐ วรรคสาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๓๓ (๒) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละห้าพันบาทตลอดระยะเวลาที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานกระทรวงการคลังนั้น

ไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๓๔ (๒) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละห้าพันบาทตลอดระยะเวลาที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานกระทรวงการคลังนั้น

ไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๑ (๑๓) หรือ (๑๔) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๑๑ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๐๔ มาตรา ๑๐๕ มาตรา ๑๐๘ มาตรา ๑๑๒ หรือมาตรา ๑๑๓ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๑๒ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๙๔ วรรคหนึ่ง หรือมาตรา ๙๔ วรรคสอง หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในมาตรา ๙๔ วรรคสอง หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรการของแพทย์ หรือผู้ประกอบการตามมาตรา ๙๕ วรรคสอง หรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับของรัฐมนตรีตามมาตรา ๙๖ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๑๓ ผู้ใดซื้อเร่ ขายเร่ ครอบครองเร่ หรือจำนำเร่ ซึ่งยังไม่ได้การรับรองค่าความคงทนของแถบแม่เหล็ก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๑๔ ผู้ใดไม่ดำเนินการตามมาตรา ๙๕ วรรคสอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๑๕ ผู้ใดไม่จัดทำรายงานตามมาตรา ๑๐๕ วรรคสอง หรือจัดทำรายงานที่มีข้อความอันเป็นเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองเดือน หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๑๖ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๐๘ ต้องระวางโทษดังนี้

ฝ่าฝืนประกาศที่ออกตามมาตรา ๑๐๘ (๑) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ฝ่าฝืนประกาศที่ออกตามมาตรา ๑๐๘ (๒) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ฝ่าฝืนประกาศที่ออกตามมาตรา ๑๐๘ (๓) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เมื่อปรากฏว่ามีการที่เกี่ยวของการอายัดทรัพย์หรือใบอนุญาตโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา ๑๐๘ เป็นการประกอบธุรกิจในรัฐ สถานที่ตั้งอยู่ในเขตแดนรัฐ หรือบนโลกทรรศน์ ให้ผู้สอบสวนพยานหรือผู้อนุญาตในอาญาคดีนั้น มีคำสั่งถอนทรัพย์หรือใบอนุญาตนั้นเสียได้

มาตรา ๑๑๗ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการควบคุมการขนส่งและการจัดเก็บเร่ที่นำเข้าในราชอาณาจักรหรือใบแสดงตามมาตรา ๑๐๘ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๑๘ ผู้

(ก) ฝ่าฝืนมาตรา ๑๑๐ วรรคหนึ่ง หรือมาตรา ๑๑๑ วรรคหนึ่ง (ข) ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขตามมาตรา ๑๑๐ วรรคสี่ หรือมาตรา ๑๑๑ วรรคสี่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีผู้รับใบอนุญาตผู้แทน หรือผู้รับใบอนุญาตประกอบโลจิสติกส์ หรือผู้ใดที่ฝ่าฝืน

มาตรา ๑๑๐ วรรคหนึ่ง หรือมาตรา ๑๑๑ วรรคหนึ่ง นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการพิจารณาเห็นสมควร

สั่งเพิกถอนใบอนุญาตของโครงการ หรือระงับการใช้งานใบอนุญาตดังกล่าว ให้ถือว่าเป็นการ สิ้นสุดใบอนุญาต หรือทั้งสิ้น ถ้าความผิดตามวรรคหนึ่ง (๑) เป็นการกระทำของผู้ถือใบอนุญาตหรือผู้รับ ใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ด้วย ให้ผู้ออกประกาศนียบัตรหรือผู้ออกใบอนุญาตเพิกถอนประกาศนียบัตร หรือใบอนุญาตนั้นเสียได้

มาตรา ๑๑๒ ผู้ใดฝ่าฝืนหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนดตาม

มาตรา ๑๐๘ หรือมาตรา ๑๐๙ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาท

ถึงห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๑๓ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๑๐ หรือมาตรา ๑๑๑ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน

หนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับไม่เกินวันละห้าหมื่นบาทตลอด ระยะเวลาที่ได้ปล่อยให้เกิดเหตุหรือพฤติการณ์กระทำดังกล่าว

มาตรา ๑๑๔ ผู้ใดจัดทำรายงานการสร้างความปลอดภัย อันเป็นเท็จหรือไม่

รายงาน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๑๕ ผู้ใดเข้ามาหรือไม่อำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือไม่

ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๑๓๔ (๒) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๑๖ ผู้ใดนำทรัพย์สินหรือของกลางที่ได้รับอนุญาตให้แก่ผู้แทนผู้รับรักษา

ตามมาตรา ๓๕ วรรคสอง ไปใช้หรือแสวงหาประโยชน์ ต้องระวางโทษปรับจำนวนสองเท่าของ ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้หรือแสวงหาประโยชน์

มาตรา ๑๑๗ บรรดาเครื่องมือ อุปกรณ์ เครื่องใช้ เครื่องใช้ สัตว์พาหนะ ยานพาหนะ

หรือของอื่นใด ที่บุคคลใดนำ หรือใช้ในการกระทำความผิด หรือใช้แล้วในกระทำการ ความผิด หรือได้ใช้ในอันจะก่อให้เกิดความผิดในการกระทำความผิดตามมาตรา ๔๔ มาตรา ๔๕

มาตรา ๔๖ มาตรา ๔๗ มาตรา ๔๘ เฉพาะการไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๘๓ (๒) (๓) (๔) (๕) หรือ (๖)

มาตรา ๑๑๐ วรรคหนึ่ง มาตรา ๑๑๑ วรรคหนึ่ง มาตรา ๑๑๒ มาตรา ๑๑๓ หรือมาตรา ๑๑๔ ให้ริบเสีย

ทั้งสิ้นไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ ให้พนักงานอัยการร้องขอต่อศาลเพื่อให้ศาลสั่งริบทรัพย์สินตามวรรคหนึ่ง และเมื่อพนักงาน อัยการร้องขอต่อศาลแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการให้สำเร็จตามที่เจ้าพนักงานอัยการสั่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา แปรสภาพห้องที่ ที่ว่าการอำเภอ ที่ว่าการกิ่งอำเภอ ที่ว่าการผู้ใหญ่บ้าน และที่ทำการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีสภาพรกร้างว่างเปล่าหรือชำรุดทรุดโทรมให้เหมาะสมที่จะใช้เป็นที่เก็บรักษาพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ ไม่ว่าในหลักฐานดังกล่าวจะปรากฏตัวบุคคลซึ่งอาจเชื่อว่าเป็นเจ้าของหรือไม่ก็ตาม ในกรณีที่ปรากฏว่ามีบุคคลซึ่งเป็นเจ้าของหรือมีสมบัติของกรรมสิทธิ์ ให้แจ้งประกาศคำสั่งต่างๆ ประโยชน์ของพระราชบัญญัตินี้ไปยังผู้มีสิทธิในฐานะเจ้าของทรัพย์สินนั้น เพื่อให้บุคคลดังกล่าวซึ่งอาจจำเป็นต้องขายสินค้าหรือชำระหนี้สินที่ค้างชำระตามคำสั่งที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ ในกรณีที่ไม่มีผู้ใดได้ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งที่พิทักษ์ทรัพย์สินของชาติพันธุ์นั้น หรือมีเจ้าของแต่ไม่อาจไม่สามารถพิสูจน์ให้ศาลเชื่อว่าเป็นไปโดยการกระทำของเจ้าของหรือไม่มีเหตุอันควรที่จะทำความผิดดังกล่าว อาจพิจารณาได้โดยคำนึงถึงความสมควรและจำเป็นในการกระทำความผิดดังกล่าวนั้น ทั้งนี้ไม่กระทบต่อสิทธิของเจ้าของหรือผู้มีสิทธิในทรัพย์สินนั้น ให้ศาลอันตรายสั่งยกเลิกการบังคับหลักคำสั่งให้เป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ศาลสั่งยกหรือยกเลิกคำสั่งนั้นเพื่อเป็นหลักฐานสำคัญในวันรับเงินหรือวันประกาศตามพระราชบัญญัตินี้ ในกรณีที่ปรากฏว่ามีหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ทรัพย์สินที่ได้แก่เงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาโดยการกระทำความผิด ให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าของหรือผู้มีสิทธิในทรัพย์สินนั้นได้รับคืนทรัพย์สินหรือเงินที่ได้มาโดยการกระทำความผิดนั้นตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๑๔๕ ในกรณีที่มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิด ซึ่งตกเป็นของแผ่นดินตามพระราชบัญญัตินี้ ให้อธิบดีกรมบังคับคดี หรือเป็นไปเพื่อประโยชน์ในการศึกษาหรือ หรือเพื่อประโยชน์อื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดนั้น ให้ดำเนินการบังคับคดีตามพระราชบัญญัตินี้โดยอนุโลม

มาตรา ๑๔๖ ในกรณีที่มีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ถือว่าบุคคลซึ่งได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำความผิดเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

มาตรา ๑๔๗ ผู้สนับสนุนหรือให้ความช่วยเหลือแก่บุคคลในการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในการกระทำผิดนั้น

มาตรา ๑๔๘ บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ที่มีโทษจำคุกเกินหกเดือนหรือมีโทษปรับสถานเดียว ให้คณะกรรมการเปรียบเทียบปรับเปรียบเทียบได้ ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด

วันที่มีการประกาศใช้ ให้ถือว่าเป็นวันที่มีผลบังคับใช้ตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๑๔๙ คณะกรรมการเปรียบเทียบตามมาตรา ๑๔๘ ให้ประกอบด้วยบุคคลดังต่อไปนี้

ในเขตกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นประธานกรรมการ ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นกรรมการ และผู้แทนกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เป็นกรรมการและเลขานุการ

ในเขตจังหวัดอื่น ประกอบด้วย อัยการจังหวัดซึ่งได้รับหน้าที่จากอัยการจังหวัด เป็นประธานกรรมการ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด เป็นกรรมการ และเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำจังหวัด เป็นกรรมการและเลขานุการ

มาตรา ๑๔๐ ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งตามพระราชบัญญัตินี้ให้กระทำในเขตตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง หรือในลักษณะเกษตรกรรม อุตสาหกรรม หรือบริการที่กำหนดในประกาศตามมาตรา ๒๐ วรรคสอง ผู้ดำเนินอุตสาหกรรมในเขตดังกล่าวต้องปฏิบัติตามมาตรา ๒๐ วรรคสอง ผู้ดำเนินอุตสาหกรรมในเขตดังกล่าวต้องปฏิบัติตามมาตรา ๒๐ วรรคสอง ผู้ดำเนินอุตสาหกรรมในเขตดังกล่าวต้องปฏิบัติตามมาตรา ๒๐ วรรคสอง

มาตรา ๑๔๑ ในกรณีผู้กระทำความผิดเป็นนิติบุคคล ถ้าการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคล หรือในกรณีที่คณะกรรมการผู้จัดการหรือกระทำการ และจะไม่ถือเป็นการกระทำของนิติบุคคลนั้นบุคคลดังกล่าวต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย

มาตรา ๑๔๒ พนักงานเจ้าหน้าที่ เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ หรือผู้ใดที่เกี่ยวข้องโดยชอบด้วยกฎหมายหรือคำสั่งของการกระทำใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายหรือคำสั่งของการกระทำใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายหรือคำสั่งของการกระทำใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายหรือคำสั่งของการกระทำใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายหรือคำสั่งของการกระทำใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายหรือคำสั่งของการกระทำใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายหรือคำสั่งของการกระทำใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายหรือคำสั่งของการกระทำใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายหรือคำสั่งของการกระทำใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายหรือคำสั่งของการกระทำใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายหรือคำสั่งของการกระทำใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายหรือคำสั่งของการกระทำใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายหรือคำสั่งของการกระทำใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายหรือคำสั่งของการกระทำใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายหรือคำสั่งของการกระทำใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายหรือคำสั่งของการกระทำใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายหรือคำสั่งของการกระทำใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายหรือคำสั่งของการกระทำใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายหรือคำสั่งของการกระทำใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายหรือคำสั่งของการกระทำใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายหรือคำสั่งของการกระทำใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายหรือคำสั่งของการกระทำใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายหรือคำสั่งของการกระทำใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายหรือคำสั่งของการกระทำใด ๆ

มาตรา ๑๔๓ มูลค่าร่วมหมวดนี้ ให้ถือค่ามาตราตลาดที่อธิบดีประกาศกำหนดและใช้บังคับอยู่ในวันที่มีการกระทำความผิด

หมวด ๑๖

บทเฉพาะกาล

มาตรา ๑๔๔ ในวาระเริ่มแรก ให้คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ ปฏิบัติหน้าที่และมีอำนาจตามพระราชบัญญัตินี้ไปพลางก่อนจนกว่าจะจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติขึ้นตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ ต้องไม่เกินหกเดือนนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

มาตรา ๑๔๕ ในวาระเริ่มแรก ในระหว่างที่ยังไม่มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (๑) ให้คณะกรรมการฯ ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานกรรมการ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ อธิบดีกรมควบคุมโรค อธิบดีกรมเจ้าท่า

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี อธิบดีกรมที่ดิน อธิบดีกรมป่าไม้ อธิบดีกรมศิลปากร อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น อธิบดีกรมชลประทาน เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประธานกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย เป็นกรรมการ และอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เป็นเลขานุการ ปฏิบัติหน้าที่ในฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการผู้ชําระบัญชีนี้ด้วย

ให้คณะกรรมการผู้ชําระบัญชี ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานกรรมการ ผู้ว่าราชการจังหวัดอาจมอบหมายให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดหรือปลัดจังหวัดปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวแทนได้ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้แทนกรมเจ้าท่า ผู้แทนกรมทรัพยากรธรณี ผู้แทนกรมศิลปากร ผู้แทนกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ นายอำเภอและผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในท้องที่ซึ่งมีพระราชบัญญัตินี้บังคับ ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมจังหวัด และเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจําจังหวัด เป็นเลขานุการ ปฏิบัติหน้าที่ในฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการผู้ชําระบัญชีนี้ด้วย การแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชําระบัญชีของคณะกรรมการชุดนี้ ต้องดําเนินการให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

มาตรา ๑๔๖ ให้โอนทรัพย์สินของกรมที่เพิ่มขึ้นตามพระราชบัญญัตินี้ หรือการจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัตินี้ พ.ศ. .... ที่ได้บัญญัติในบัญชีเงินฝากของกรมที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวไปเป็นบัญชีเงินฝากของกรมที่เพิ่มขึ้นตามพระราชบัญญัตินี้ และให้ถือว่าเป็นการโอนทรัพย์สินตามมาตรา ๑๔๕ วรรคสอง ทั้งนี้ ให้ถือเป็นอันสิ้นสุด

มาตรา ๑๔๗ บรรดากฎกระทรวง ประกาศ ระเบียบ หรือคําสั่งที่ออกตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๐๔ และพระราชบัญญัติภาคอุตสาหกรรมแร่ พ.ศ. ๒๕๔๕ ที่ใช้บังคับอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ จนกว่าจะมีกฎกระทรวง ประกาศ ระเบียบ หรือคําสั่งที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

การดําเนินการออกกฎกระทรวง ประกาศ หรือระเบียบ ตามวรรคหนึ่ง ให้ดําเนินการให้แล้วเสร็จภายในสองปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ หากไม่สามารถดําเนินการได้ให้รัฐมนตรีรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดําเนินการได้ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ

มาตรา ๑๔๘ บรรดาคําสั่งนายกรัฐมนตรีที่ได้มีขึ้นก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ หากคําสั่งดังกล่าวมีบทบัญญัติที่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน

มาตรา ๑๔๙ บรรดาอาชญาบัตร ประทานบัตร หรือใบอนุญาตที่ได้ออกให้ตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๐๔ ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปจนกว่าจะสิ้นอายุ หรือในกรณีที่มีการต่ออายุ ให้ต่ออายุได้ตามที่กําหนดในพระราชบัญญัตินี้ โดยต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติในพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ เว้นแต่จะมีบทบัญญัติเป็นอย่างอื่นในพระราชบัญญัตินี้

และการจัดทำข้อมูลพื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนตามมาตรา 32 การฟื้นฟู สภาพพื้นที่ที่ทรัพยากรที่ดิน การชดเชยและการจัดทำหลักประกันเยียวยาตามมาตรา 26 (4) และ (5) ให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในการออกประกาศของคณะกรรมการฯ บรรดาข้อบัญญัติหรือสัญญาอื่น ๆ ที่กระทำขึ้นก่อนบังคับพระราชบัญญัตินี้ พ.ศ. 2566 ซึ่งมีอยู่แล้วโดยกระทรวงอุตสาหกรรมและกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการ เหมืองแร่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของพระราชบัญญัติฯ นี้ ทั้งนี้ บางกรณีการแก้ไขเพิ่มเติมอาจมีความจำเป็น สำหรับกรณีข้อสัญญาอนุญาตต่าง ๆ ประเภท บัตร หรือใบอนุญาตใด ๆ ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้

ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เลขลำดับ | รายการ | อัตราค่าธรรมเนียม --- | --- | --- 1 | ค่าธรรมเนียมออกอาชญาบัตร ประทานบัตร และใบอนุญาต (ก) ค่าธรรมเนียมอาชญาบัตรรวม | ฉบับละ 10,000 บาท (ข) ค่าธรรมเนียมอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ | ฉบับละ 50,000 บาท (ค) ค่าธรรมเนียมอาชญาบัตรพิเศษ | ฉบับละ 100,000 บาท (ง) ค่าประทานบัตร ก. ค่าประทานบัตรการทำเหมืองประเภทที่ 1 | ฉบับละ 300,000 บาท ข. ค่าประทานบัตรการทำเหมืองประเภทที่ 2 | ฉบับละ 500,000 บาท ค. ค่าประทานบัตรการทำเหมืองประเภทที่ 3 | ฉบับละ 9,000,000 บาท ง. ค่าประทานบัตรการทำเหมืองใต้ดิน | ฉบับละ 9,000,000 บาท (จ) ค่าใบอนุญาต ก. ใบอนุญาตดูดทรายระยะย่อย | ฉบับละ 40,000 บาท ข. ใบอนุญาตแต่งแร่ | ฉบับละ 40,000 บาท ค. ใบอนุญาตประกอบโลหกรรม | ฉบับละ 50,000 บาท ง. ใบอนุญาตอื่น ๆ ตามพระราชบัญญัติ | ฉบับละ 10,000 บาท 2 | ค่าธรรมเนียมรายปี (ก) การแต่งแร่ | ปีละ 50,000 บาท (ข) ประกอบโลหกรรม | ปีละ 50,000 บาท (ค) การประกอบธุรกิจแร่ | ปีละ 50,000 บาท 3 | ค่าธรรมเนียมจดทะเบียน (ก) ค่าจดทะเบียนหรือคำขอจดแผนที่ | ฉบับละ 5,000 บาท (ข) ค่ารังวัดตามจำนวนเนื้อที่ทุก ๆ 1 ไร่ หรือเศษของ 1 ไร่ | ไร่ละ 200 บาท (ค) ค่าหลักเขตเหมืองแร่ | หลักละ 5,000 บาท (ง) ค่าหลักเขตเหมืองแร่ | เรื่องละ 500 บาท (จ) ค่าโต้แย้ง | เรื่องละ 500 บาท 4 | ค่าธรรมเนียมต่ออายุ โอนสิทธิการทำเหมืองและใบอนุญาต (ก) ค่าต่ออายุประทานบัตร ก. ค่าต่ออายุประทานบัตรการทำเหมืองประเภทที่ 1 | ฉบับละ 300,000 บาท ข. ค่าต่ออายุประทานบัตรการทำเหมืองประเภทที่ 2 | ฉบับละ 500,000 บาท ค. ค่าต่ออายุประทานบัตรการทำเหมืองประเภทที่ 3 | ฉบับละ 9,000,000 บาท ง. ค่าต่ออายุประทานบัตรการทำเหมืองใต้ดิน | ฉบับละ 9,000,000 บาท (ข) ค่าต่ออายุใบอนุญาตแต่งแร่ | ฉบับละ 40,000 บาท (ค) ค่าต่ออายุใบอนุญาตประกอบโลหกรรม | ฉบับละ 50,000 บาท เลขลำดับ รายการ อัตราค่าธรรมเนียม (4) ค่าต่ออายุใบอนุญาตประกอบธุรกิจแร่ ฉบับละ 10,000 บาท (5) ค่าโอนประทานบัตร ก. ค่าโอนประทานบัตรกรณีทำเหมืองประเภทที่ 1 ฉบับละ 50,000 บาท ข. ค่าโอนประทานบัตรกรณีทำเหมืองประเภทที่ 2 ฉบับละ 100,000 บาท ค. ค่าโอนประทานบัตรกรณีทำเหมืองประเภทที่ 3 ฉบับละ 200,000 บาท ง. ค่าโอนประทานบัตรกรณีทำเหมืองใต้ดิน ฉบับละ 300,000 บาท (6) ค่าตอบแทนการโอนสิทธิทำเหมืองตามประทานบัตร ร้อยละ 5 (7) ค่าโอนใบอนุญาตแผนที่ ฉบับละ 5,000 บาท (8) ค่าโอนใบอนุญาตประกอบโลหกรรม ฉบับละ 50,000 บาท (9) ค่าโอนใบอนุญาตอื่น ๆ ตามพระราชบัญญัตินี้ ฉบับละ 5,000 บาท 5 ค่าธรรมเนียมเบ็ดเตล็ด (1) ค่าคัดสำเนาหรือถ่ายเอกสาร หน้าละ 10 บาท (2) ค่ารับรองสำเนาเอกสาร หน้าละ 50 บาท (3) ค่าคำขอทำเหมืองทุก 1 ไร่ หรือเศษของ 1 ไร่ ปีละ 200 บาท (4) ค่ามูลค่าสินแร่ของออกนอกเหมืองแร่ แมตริกตันละ 5 บาท (5) ค่าใบแทนรายงานบัตร ประทานบัตร หรือใบอนุญาต ฉบับละ 2,000 บาท (6) ค่ายายหรือลดเขตแผนที่ ก. ค่ายายหรือลดเขตโลหกรรม ฉบับละ 50,000 บาท ข. ค่ายายพื้นที่ในเขตสงวนซึ่งมีพิเศษ ฉบับละ 20,000 บาท ค. ค่าลดพื้นที่ในเขตประทานบัตร ฉบับละ 20,000 บาท 6 ค่าตรวจสอบ ทดลอง หรือวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ตัวอย่างหนึ่ง ๆ แร่หรือธาตุหรือรายการละ 10,000 บาท หมาเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติภิกัดอัตรา ค่าภาคหลวงแร่ พ.ศ. ๒๕๐๔ และพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานาน ทำให้บทบัญญัติบางประการไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน สมควรปรับปรุงโดยนำหลักการ ของกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาบัญญัติไว้ในกฎหมายฉบับเดียวกัน เพื่อให้การอนุญาตและการจัดเก็บ ค่าภาคหลวงแร่เป็นไปอย่างมีระบบ โดยกำหนดนโยบายในการบริหารจัดการแร่ เพื่อให้เกิดดุลยภาพ ระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การรักษาสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชน รวมทั้งการ อนุรักษ์และการคุ้มครองทรัพยากรแร่ให้คงไว้ให้เหมาะสมกับประเทศและความต้องการที่แท้จริง เพื่อให้เกิดกรอบการส่งเสริมและสนับสนุนส่วนร่วมในการบริหารจัดการแร่ กำหนดหลักเกณฑ์ ในการจัดสรรผลประโยชน์จากทรัพยากรแร่แก่กองทุนบริหารจัดการแร่และชุมชนอย่างเป็นธรรม ของพื้นที่ที่ทำเหมืองและพื้นที่ที่ส่งผลกระทบจากการทำเหมือง และกำหนดให้มีการชำระเงินค่าทดแทน แก่ผู้มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินอันเป็นที่ตั้งที่ขอทำเหมืองได้ตาม หลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดเก็บค่าภาคหลวงแร่ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พรวิกา/ปริยานุช/จัดทำ ๖ มีนาคม ๒๕๖๐ พจน/ตรวจ ๗ มีนาคม ๒๕๖๐