로고

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. เป็นปีที่ ๓๔ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำนาบที่มีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๒

โดยที่เป็นการสมควรมีบทกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภค

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒”

มาตรา ๒* พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้

“ซื้อ” หมายความรวมถึง เช่า เช่าซื้อ หรือได้มาไม่ว่าด้วยประการใด ๆ โดยให้ ค่าตอบแทนเป็นเงินหรือผลประโยชน์อย่างอื่น “ขาย” หมายความรวมถึง ให้เช่า ให้เช่าซื้อ หรือจัดหาให้ไม่ว่าด้วยประการใด ๆ โดยเรียกค่าตอบแทนเป็นเงินหรือผลประโยชน์อย่างอื่น ตลอดจนการเสนอหรือการชักชวนเพื่อการ ดังกล่าวด้วย “สินค้า” หมายความถึง สิ่งของที่ผลิตหรือมีไว้เพื่อขาย “บริการ” หมายความว่า การรับจัดทำการงาน การให้สิทธิใด ๆ หรือการให้หรือ ให้ประโยชน์ในทรัพย์สินหรือกิจการใด ๆ โดยเรียกค่าตอบแทนเป็นเงินหรือผลประโยชน์อื่นไม่ รวมถึงกิจการแรงงานตามกฎหมายว่าด้วยแรงงาน “ผลิต” หมายความว่า ทำ สร้าง ปรุง ประกอบ ประดิษฐ์ หรือแปรสภาพและ หมายความรวมถึงการเปลี่ยนรูป การดัดแปลง การตกแต่ง หรือการแยกส่วน * ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๙๖/ตอนที่ ๕๐/ฉบับพิเศษ หน้า ๑๐/ พฤษภาคม ๒๕๒๒ "ผู้บริโภค" หมายความว่า ผู้ซื้อหรือผู้ได้รับบริการจากผู้ประกอบธุรกิจหรือผู้อื่นซึ่งได้รับการเสนอหรือการชักจูงจากผู้ประกอบธุรกิจเพื่อซื้อสินค้าหรือรับบริการและหมายความรวมถึงผู้ใช้สินค้าหรือผู้ได้รับบริการจากผู้ประกอบธุรกิจโดยจ่ายเงิน แม้ผู้นั้นจะมิใช่ผู้ซื้อหรือผู้รับบริการโดยตรงก็ตาม "ผู้ประกอบธุรกิจ" หมายความว่า ผู้ขาย ผู้ผลิตเพื่อขาย ผู้สั่งหรือนำเข้าเพื่อขาย ผู้จัดจำหน่ายเพื่อขายหรือผู้ซึ่งดำเนินการขายหรือให้บริการ และหมายความรวมถึงผู้ประกอบกิจการในลักษณะอื่น "ข้อความ" หมายความรวมถึงการกระทำที่ปรากฏด้วยตัวอักษร ภาพ ภาพยนตร์ แสง เสียง เครื่องหมายหรือการกระทำใด ๆ ที่ทำให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าใจความหมายได้ "โฆษณา" หมายความถึงการทำการโฆษณาโดยวิธีใด ๆ ให้ประชาชนเห็นหรือทราบข้อความ เพื่อประโยชน์ในการค้า "สื่อโฆษณา" หมายความว่า สิ่งที่ใช้เป็นสื่อในการโฆษณา เช่น หนังสือพิมพ์ สิ่งพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ โปรษณีย์โทรเลข โทรศัพท์ หรือป้าย "ฉลาก" หมายความว่า รูป รอยประดิษฐ์ กระดาษหรือสิ่งอื่นใดที่ทำให้ปรากฏข้อความเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการซึ่งติดหรือแสดงไว้กับสินค้า หรือภาชนะบรรจุสินค้า รวมไปถึงสินค้าหรือภาชนะบรรจุซึ่งเกี่ยวข้องกับการขายสินค้าหรือบริการนั้น สำหรับใช้ประกอบกับสินค้า ป้ายติดตั้งหรือแสดงไว้ที่สินค้าหรือภาชนะบรรจุสินค้า หรือเอกสารที่ใช้ประกอบการขายสินค้าหรือบริการนั้น "สัญญา" หมายความรวมถึงการตกลงระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบธุรกิจเพื่อซื้อและขายสินค้าหรือเพื่อรับบริการ "รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา 4 ผู้บริโภคมีสิทธิได้รับความคุ้มครองดังต่อไปนี้

(ก)

สิทธิที่จะได้รับสินค้าหรือบริการที่มีมาตรฐานคุณภาพที่ถูกต้องและเพียงพอเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ

(ข)

สิทธิที่จะมีอิสระในการเลือกสินค้าหรือบริการ

(ค)

สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าหรือบริการ

(ง)

สิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญา

(จ)

สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาและชดเชยความเสียหายจากการใช้สินค้าหรือบริการที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นธรรม

มาตรา 5 นิยามคำว่า "ผู้บริโภค" ในแผนเดิมแก้ไขพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2541

มาตรา 6 นิยามคำว่า "สัญญา" เพิ่มโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2541

มาตรา 7 สาระหนึ่ง (ก ทวิ) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542

มาตรา ๕ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดังต่อไปนี้

(๑)

นับ ชั่ง ตวง วัด ตรวจสินค้า และเก็บหรือจำกัดสินค้าในปริมาณพอสมควรเป็นตัวอย่างเพื่อทำการทดสอบโดยไม่ต้องชำระราคาสินค้านั้น ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด

(๒)

ค้น ยึด หรืออายัดสินค้า อาหารหรือยา หรือของบริโภค อันตรายหรือวัตถุอันตรายที่ไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้เพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีในกรณีที่เกี่ยวข้องหรือกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำผิดตามพระราชบัญญัตินี้

(๓)

เข้าไปในสถานที่หรือยานพาหนะใด ๆ เพื่อตรวจสอบการผลิตสินค้า การขายสินค้า หรือบริการ รวมทั้งตรวจสอบบัญชี เอกสาร และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องของผู้ประกอบธุรกิจในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำผิดตามพระราชบัญญัตินี้

(๔)

มีหนังสือเรียกให้บุคคลใด ๆ มาให้ถ้อยคำ หรือส่งเอกสารและหลักฐานที่จำเป็นเพื่อประกอบการพิจารณาของพนักงานเจ้าหน้าที่ ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ ผู้เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกตามสมควรแก่พนักงานเจ้าหน้าที่

มาตรา ๖ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา ๕ (๓) ถ้าเป็นการเร่งด่วนให้พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งเป็นหนังสือแสดงเหตุผลความจำเป็นต่อผู้ครอบครองสถานที่ ยานพาหนะ หรือเจ้าของหรือผู้ครอบครองไม่อยู่ในที่นั้นให้แจ้งต่อผู้ดูแลหรือผู้ที่มีอำนาจจัดการแทน ทั้งนี้ ต้องได้รับความยินยอม

การรับความยินยอมตามวรรคหนึ่ง (ก) ให้พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งเหตุผลความจำเป็นต่อผู้ครอบครองสถานที่ ยานพาหนะ หรือเจ้าของหรือผู้ครอบครองไม่อยู่ในที่นั้นให้แจ้งต่อผู้ดูแลหรือผู้ที่มีอำนาจจัดการแทน ทั้งนี้ ต้องได้รับความยินยอม

มาตรา ๗ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่เมื่อมีข้อร้องขอ

บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้เป็นไปตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๘ ให้เลขาธิการคณะกรรมการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้อำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่และออกกฎกระทรวงเพื่อใช้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

พนักงานเจ้าหน้าที่ที่อาจมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่อื่นไปปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ได้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้

หมวด ๓

คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค

มาตรา ๙ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค” ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงยุติธรรม ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งไม่เป็นข้าราชการหรือพนักงานของรัฐจำนวนห้าคนเป็นกรรมการ โดยผู้ทรงคุณวุฒิต้องมีความเชี่ยวชาญด้านการคุ้มครองผู้บริโภคจากมูลนิธิ ภาคประชาชน และสมาคมธุรกิจอย่างน้อยภาคละสองคน เป็นกรรมการ

ให้อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพเป็นกรรมการและเลขานุการ และให้เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคแต่งตั้งข้าราชการในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจำนวนไม่เกินสองคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ

มาตรา ๑๐ คณะกรรมการมีอำนาจและหน้าที่ดังต่อไปนี้

(๑)

พิจารณาเรื่องราวร้องทุกข์จากผู้บริโภคที่ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายอันเนื่องมาจากการกระทำของผู้ประกอบธุรกิจ

(๒)

(๒/๑) ให้กลไกสิทธิหรือประโยชน์ของผู้พิการที่เกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๐ ทั้งนี้ ภายใต้บทหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด (๒/๒) ส่งเสริม พัฒนา และสนับสนุนกลไกผู้บริโภคที่มีความเข้มแข็ง ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด

(๓)

(๓/๑) กำหนดแนวทางการแจ้งหรือโฆษณาข่าวสารตามมาตรา ๒๐ (๒/๒)

(๔)

ให้คำปรึกษาและแนะนำแก่คณะกรรมการเฉพาะเรื่อง และพิจารณาวินิจฉัยการอุทธรณ์คำสั่งของคณะกรรมการเฉพาะเรื่อง

(๕)

วางระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการเฉพาะเรื่องและคณะอนุกรรมการ

(๖)

สอดส่องหรือสั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ส่วนราชการ หรือหน่วยงานของรัฐให้ปฏิบัติการตามอำนาจและหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด ตลอดจนสั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิของผู้บริโภค

(๗)

ดำเนินคดีเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิของผู้บริโภคที่คณะกรรมการเห็นสมควรหรือมีผู้ร้องขอตามมาตรา ๓๐

(๘)

รับรองผลการดำเนินงานตามมาตรา ๖๐

มาตรา ๑๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒

(๑)

อรรถคดี (๒/๑) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒

(๒)

อรรถคดี (๒/๒) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒

(๓)

อรรถคดี (๓/๑) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ ``` (๔/๑๑) จัดทําแผนยุทธศาสตร์การคุ้มครองผู้บริโภคให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ นโยบายของรัฐบาล มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือมาตรฐานการคุ้มครอง ผู้บริโภคสากล (๔/๑๒) เสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับนโยบายและมาตรการในการคุ้มครอง ผู้บริโภค และพิจารณาให้ความเห็นในเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคตามที่คณะรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีประธานกรรมการร้องขอ (๔/๑๓) เสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้มีการตรากฎหมาย แก้ไขหรือปรับปรุง กฎหมายหรือกฎอื่นใดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ การคุ้มครองผู้บริโภค (๔/๑๔) พิจารณาอนุมัติข้อกําหนดการใช้บังคับกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ตามมาตรา ๒๓ วรรคสอง

(๑๑)

ปฏิบัติการอื่นใดตามที่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายกําหนดไว้ให้เป็นอํานาจและหน้าที่ของ คณะกรรมการ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรานี้ คณะกรรมการอาจมอบหมายให้สํานักงาน คณะกรรมการดําเนินการในเรื่องใด ๆ แทนได้ เว้นแต่เรื่องที่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ดําเนินการต่อไปได้

มาตรา ๑๑ ให้กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง อยู่ในตําแหน่งคราวละสามปี กรรมการที่พ้นจากตําแหน่งอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ เมื่อครบกําหนดตามวาระในวรรคหนึ่ง หากยังมิได้มีการแต่งตั้งกรรมการขึ้นใหม่ ให้กรรมการที่พ้นจากตําแหน่งตามวาระยังคงอยู่ในตําแหน่งเพื่อดําเนินงานต่อไปจนกว่ากรรมการซึ่ง ได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่

มาตรา ๑๒ นอกจากการพ้นจากตําแหน่งตามวาระตามมาตรา ๑๑ กรรมการซึ่ง คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตําแหน่ง เมื่อ

(๑)

ตาย

(๒)

ลาออก พ.ร. ๒๕๖๕

มาตรา ๔ วรรคหนึ่ง (๔/๑๑) เพิ่มเติมอํานาจหน้าที่ของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๓)

มาตรา ๔ วรรคหนึ่ง (๔/๑๒) เพิ่มเติมอํานาจหน้าที่ของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๓)

มาตรา ๔ วรรคหนึ่ง (๔/๑๓) เพิ่มเติมอํานาจหน้าที่ของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๓)

มาตรา ๔ วรรคหนึ่ง (๔/๑๔) เพิ่มเติมอํานาจหน้าที่ของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๓)

``` ```

(ก)

คณะรัฐมนตรีให้ออก

(ข)

เป็นบุคคลสัญชาติไทย

(ค)

เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ

(ง)

ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิด ที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ในกรณีที่กรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งตาม (ก) และ (ข) ของรัฐมนตรีจะต้องพ้นจากตำแหน่ง ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งแล้ว ในกรณีที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการเพิ่มเติมในระหว่างที่กรรมการแต่งตั้งแล้วซึ่งมีวาระอยู่ในตำแหน่ง ให้ผู้ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการเพิ่มเติมอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งแล้ว ในกรณีที่กรรมการพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ให้คณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าการแต่งตั้งกรรมการทดแทนจะครบถ้วน

มาตรา ๑๓ ในการประชุมคณะกรรมการ ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อยู่ในที่ประชุม ให้กรรมการที่ประธานกรรมการแต่งตั้งเป็นรองประธานในที่ประชุมทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม และถ้าประธานกรรมการมิได้แต่งตั้งรองประธานกรรมการหรือรองประธานกรรมการที่แต่งตั้งไม่อยู่ในที่ประชุม ให้กรรมการเลือกกันเองในที่ประชุมเพื่อทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม

การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งมีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด

มาตรา ๑๔ ให้มีคณะกรรมการเฉพาะเรื่อง ดังต่อไปนี้

(๑)

คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณา (๒/๑) คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ

(๒)

คณะกรรมการว่าด้วยฉลาก

(๓)

คณะกรรมการว่าด้วยสัญญา คณะกรรมการเฉพาะเรื่อง ประกอบด้วยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ซึ่งจำนวนไม่น้อยกว่าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการแต่ง

มาตรา ๑๕ คณะกรรมการและคณะกรรมการเฉพาะเรื่อง จะแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่คณะกรรมการหรือคณะกรรมการเฉพาะเรื่องมอบหมายก็ได้

มาตรา ๑๖ การประชุมของคณะกรรมการเฉพาะเรื่องและคณะอนุกรรมการให้บังคับมาตรา ๑๓ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

มาตรา ๑๗ คณะกรรมการและคณะกรรมการเฉพาะเรื่องมีอำนาจสั่งให้บุคคลใดส่งเอกสารหรือข้อมูลที่เกี่ยวกับเรื่องที่อยู่ภายใต้หน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการหรือคณะกรรมการเฉพาะเรื่องมาให้ หรือเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำก็ได้

มาตรา ๑๘/๑ ให้ประธานกรรมการ กรรมการ ประธานกรรมการเฉพาะเรื่อง กรรมการเฉพาะเรื่อง และประธานอนุกรรมการและอนุกรรมการตามมาตรา ๑๕ ได้รับเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด

มาตรา ๑๘ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ คณะกรรมการหรือคณะกรรมการเฉพาะเรื่องมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อทำหน้าที่เกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดในกฎหมายนี้ โดยเป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

พนักงานเจ้าหน้าที่ตามวรรคหนึ่งต้องปฏิบัติหน้าที่โดยความสุจริตและเที่ยงธรรม และในกรณีที่เห็นสมควรคณะกรรมการหรือคณะกรรมการเฉพาะเรื่องอาจกำหนดเงื่อนไขหรือวิธีการข้อควรในการจับให้เป็นไปตามการกำหนดหรือการออกคำสั่งนั้นก็ได้

มาตรา ๑๙ ให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคขึ้นในสำนักนายกรัฐมนตรี ให้มีเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคมีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลทั่วไปและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และจะให้เรื่องเลขาธิการและผู้ช่วยเลขาธิการเป็นผู้ปฏิบัติราชการด้วยตนก็ได้

มาตรา ๒๐ ให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้

(๑)

รับเรื่องการร้องทุกข์จากผู้บริโภคที่ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายอันเนื่องมาจากการกระทำของผู้ประกอบธุรกิจ เพื่อเสนอคณะกรรมการ *มาตรา ๑๘/๑ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ **มาตรา ๑๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ (b) ติดตามและสอดส่องพฤติการณ์ของผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งกระทำการใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการละเมิดสิทธิของผู้บริโภค และจัดให้มีการทดสอบหรือพิสูจน์สินค้าหรือบริการใด ๆ ตามที่เห็นสมควรและจำเป็นเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค (b/1) ส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมและการรวมตัวกันของผู้บริโภคในการจัดตั้งองค์กรของผู้บริโภค และส่งเสริมองค์กรของผู้บริโภคในการรักษาสิทธิของผู้บริโภคตามแผนยุทธศาสตร์การคุ้มครองผู้บริโภค (b/2) แจ้งหรือโฆษณาข่าวสารเกี่ยวกับสินค้า หรือบริการที่มีผลกระทบต่อสิทธิของผู้บริโภคหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือเสื่อมเสียแก่สิทธิของผู้บริโภคต่อสินค้า หรือบริการ หรือข้อมูลผู้ประกอบธุรกิจควบคู่กันได้ และกระทำการอย่างอื่น (c) สนับสนุนหรือจัดการศึกษาและวิจัยปัญหาเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคร่วมกับสถาบันการศึกษาและหน่วยงานอื่น (d) ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการศึกษาแก่ผู้บริโภคในทุกระดับการศึกษาเกี่ยวกับความปลอดภัยและข้อควรระวังต่าง ๆ ของสินค้า หรือบริการ (e) ดำเนินการเผยแพร่ข่าวสาร และให้ความรู้และการศึกษาแก่ผู้บริโภค เพื่อสร้างนิสัยในการบริโภคที่เป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจ ประหยัด และใช้ทรัพยากรของชาติให้เป็นประโยชน์มากที่สุด (f) ประสานงานกับหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุม ส่งเสริม หรือกำหนดมาตรฐานของสินค้า หรือบริการ (g) ปฏิบัติการอื่นใดตามที่คณะกรรมการหรือคณะกรรมการเฉพาะเรื่องมอบหมาย

มาตรา 10/1 เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองผู้บริโภคในเรื่องที่สำคัญที่ผู้บริโภคจะได้รับผลเสีย หรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคมีอำนาจโฆษณาคำพิพากษาที่หมดหรือแต่บางส่วนให้ประชาชนทราบ

ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจไม่ปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งของคณะกรรมการ คณะกรรมการเฉพาะเรื่อง หรือเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ออกตามความในพระราชบัญญัตินี้ และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคดำเนินคดีแทนผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหาย ให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคมีอำนาจโฆษณาสาระสำคัญเกี่ยวกับรายละเอียดการไม่ปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งของผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าวให้ประชาชนทราบ โดยให้โฆษณาดังกล่าวเป็นการดำเนินการอย่างต่อเนื่องตามสมควร การโฆษณาคำพิพากษาดังกล่าวหรือการโฆษณาตามวรรคสอง ให้กระทำทางสื่อโฆษณาและสื่ออื่นซึ่งนายกรัฐมนตรีประกาศกำหนด โดยต้องระบุชื่อผู้ประกอบธุรกิจหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วย

หมวด 2

การคุ้มครองผู้บริโภค

มาตรา 20 (b/1) เพื่อประโยชน์ของบัญชีคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562

มาตรา 20 (b/2) เพื่อประโยชน์ของบัญชีคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562

มาตรา 20 (b/3) เพื่อประโยชน์ของบัญชีคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2562

มาตรา ๒๑/๖ ในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งบัญชีข้อมูลได้ให้อำนาจไว้โดยเฉพาะแล้ว ให้จับกุมตามบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการนั้น และให้นำบัญชีข้อมูลในหมวดนี้ไปใช้บังคับได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบัญญัติแห่งกฎหมายนั้น หากการใดที่มิได้มาบัญญัติไว้ในกฎหมายดังกล่าวและมีโทษตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามพระราชบัญญัตินี้

ในกรณีที่มีข้อโต้แย้งระหว่างหน่วยงานของรัฐเกี่ยวกับการได้รับบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการได้รับบัญชีข้อมูลในหมวดนี้กับการได้รับบัญชีตามกฎหมายเฉพาะ ให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัย วินิจฉัยของคณะกรรมการให้เป็นที่สุดและผูกพันหน่วยงานของรัฐ ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้ว และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเห็นสมควรจะต้องเข้าไปดำเนินการเพื่อส่งเสริมหรือแก้ไขเยียวยาผู้บริโภคในเบื้องต้น ให้นำบัญชีข้อมูลในหมวดนี้ไปใช้บังคับได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบัญญัติแห่งกฎหมายนั้น ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้ว และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเห็นสมควรจะต้องเข้าไปดำเนินการเพื่อส่งเสริมหรือแก้ไขเยียวยาผู้บริโภคในเบื้องต้น ให้นำบัญชีข้อมูลในหมวดนี้ไปใช้บังคับได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบัญญัติแห่งกฎหมายนั้น ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้ว และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเห็นสมควรจะต้องเข้าไปดำเนินการเพื่อส่งเสริมหรือแก้ไขเยียวยาผู้บริโภคในเบื้องต้น ให้นำบัญชีข้อมูลในหมวดนี้ไปใช้บังคับได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบัญญัติแห่งกฎหมายนั้น การมอบอำนาจให้คณะกรรมการ ให้ถือว่าเป็นการมอบอำนาจตามกฎหมาย เช่นเดียวกัน

มาตรา ๒๑/๗ เพื่อประโยชน์ในการจัดทำหรือการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การคุ้มครองผู้บริโภค รวมทั้งการบูรณาการในการดำเนินงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภค

(ก)

คณะกรรมการ คณะกรรมการเฉพาะเรื่อง หรือคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคอาจจัดให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภค

(ข)

คณะกรรมการหรือคณะกรรมการเฉพาะเรื่องอาจจัดให้มีการประชุมร่วมกันกับคณะกรรมการตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภค ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาและให้ข้อราชการร่วมกันตามวาระการประชุมของคณะกรรมการตามกฎหมายของแต่ละคณะกรรมการนั้นด้วย คณะกรรมการตามกฎหมายอื่นที่มีชื่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภคอาจเสนอชื่อถึงคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อพิจารณาแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการที่ได้

ส่วนที่ ๔ การคุ้มครองผู้บริโภคในด้านการโฆษณา

มาตรา ๒๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๒๒/๑ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒

```

มาตรา ๒๒ การโฆษณาต้องไม่ใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรือ ใช้ข้อความที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมเป็นส่วนรวม ทั้งนี้ ไม่ว่าจะข้อความดังกล่าวจะเป็น ข้อความที่เกี่ยวกับแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือสภาพของสินค้า หรือบริการ ตลอดจนการ ส่งมอบ การรับมอบ การใช้สินค้า หรือบริการนั้น หรือข้อความอื่นใดที่เกี่ยวกับสินค้า หรือบริการ

ข้อความดังกล่าวในวรรคหนึ่ง ถือว่าเป็นข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรือเป็น ข้อความที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมเป็นส่วนรวม

(ก)

ข้อความที่เป็นเท็จหรือเกินความจริง

(ข)

ข้อความที่จะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับสินค้า หรือบริการไม่ ว่าจะกระทำโดยใช้หรืออ้างอิงรายงานทางวิชาการ สถิติ หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งซึ่งไม่เป็นความจริงหรือเกิน ความจริง หรือไม่ก็ตาม

(ค)

ข้อความที่เป็นการสนับสนุนโดยตรงหรือโดยอ้อมให้มีการกระทำผิดกฎหมาย หรือศีลธรรม หรือเป็นข้อความที่มีลักษณะลามกอนาจาร

(ง)

ข้อความที่จะก่อให้เกิดความแตกแยกหรือเสื่อมเสียแก่เกียรติและศักดิ์ศรีของประชาชน

(จ)

ข้อความอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนดในกฎกระทรวง ในกรณีที่มีข้อพิพาทเกี่ยวกับข้อความในวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าข้อความนั้นไม่ใช่ข้อความที่เป็น ความจริงได้โดยแน่แท้ ไม่เป็นข้อความที่ต้องห้ามในการโฆษณาตาม (ข)

มาตรา ๒๓ ในเรื่องของการโฆษณาต้องไม่กระทำโดยวิธีการอันเป็นการรบกวนต่อสุขภาพ ร่างกายหรือจิตใจ หรือรบกวนต่อสิทธิส่วนบุคคลของผู้บริโภค ทั้งนี้ ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๒๔ ในกรณีที่คณะกรรมการวินิจฉัยการโฆษณาเห็นว่าสินค้าใดอาจเป็น อันตรายต่อผู้บริโภคและคณะกรรมการวินิจฉัยอาจสั่งห้ามผลิตสินค้านั้นเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก ตามมาตรา ๓๐ ให้คณะกรรมการวินิจฉัยการโฆษณาแจ้งคำสั่งดังกล่าวต่อผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า

(ก)

กำหนดให้การโฆษณาสินค้าหรือบริการนั้นต้องมีคำเตือนเกี่ยวกับอันตรายหรือเตือนเกี่ยวกับ วิธีใช้หรือข้อควรระวัง ตามเงื่อนไขที่คณะกรรมการวินิจฉัยการโฆษณากำหนด ทั้งนี้ โดยคณะกรรมการว่า ด้วยการโฆษณาอาจกำหนดเงื่อนไขให้แสดงคำเตือนในการโฆษณาที่ชื่อเสียงในลักษณะต่างกันได้

(ข)

จัดการโฆษณาในลักษณะหนึ่งลักษณะใด

(ค)

ห้ามการโฆษณาสินค้านั้น ความใน (๒) และ (๓) ให้หมายถึงบังคับแก่การโฆษณาที่คณะกรรมการวินิจฉัยการโฆษณาเห็นว่าอาจมีอันตรายหรือประโยชน์อันพึงคำนึงต่อไปตามหลักเกณฑ์แห่งความสุจริตธรรม ของชาติด้วย

มาตรา ๒๕ ในกรณีที่คณะกรรมการวินิจฉัยการโฆษณาเห็นว่าสินค้าหรือบริการใด ผู้บริโภคจำเป็นต้องทราบเกี่ยวกับรายละเอียดของสินค้า ราคา ฐานะ และรายการอื่นใดที่เกี่ยวกับ ประกอบการตัดสินใจ คณะกรรมการวินิจฉัยการโฆษณาอาจกำหนดให้การโฆษณาสินค้าหรือบริการ นั้นต้องให้ข้อเท็จจริงซึ่งจำเป็นต่อความเข้าใจของผู้บริโภคในการโฆษณานั้นได้

```

มาตรา ๒๖ ในกรณีที่คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณาเห็นว่าข้อความในการโฆษณาโดยทางสื่อโฆษณาใด สมควรแจ้งให้ผู้บริโภคทราบว่าข้อความนั้นเป็นข้อความที่มีความมุ่งหมายเพื่อการโฆษณา คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณามีอำนาจกำหนดให้การโฆษณาโดยทางสื่อโฆษณานั้นต้องมีข้อความแจ้งกำกับให้ประชาชนทราบว่าข้อความดังกล่าวเป็นการโฆษณาได้ ทั้งนี้ คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณาอาจกำหนดรูปแบบและวิธีการแจ้งข้อความดังกล่าวได้ด้วย

มาตรา ๒๗ ในกรณีที่คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณาเห็นว่าการโฆษณาใดได้ฝ่าฝืนมาตรา ๒๒ มาตรา ๒๓ มาตรา ๒๔ (๑) หรือมาตรา ๒๕ ให้คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณามีอำนาจออกคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างดังต่อไปนี้

(ก)

ให้แก้ไขข้อความหรือวิธีการในการโฆษณา

(ข)

ห้ามการใช้ข้อความบางอย่างที่ปรากฏในการโฆษณา

(ค)

ห้ามการโฆษณาหรือห้ามใช้วิธีการนั้นในการโฆษณา

(ง)

ให้โฆษณาเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจผิดของผู้บริโภคที่อาจเกิดขึ้นแล้วตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณากำหนด ในการออกคำสั่งตาม (ค) ให้คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการชดใช้ประโยชน์ของผู้บริโภคประกอบกับคำสั่งห้ามใช้วิธีการดังกล่าวในการโฆษณา ในการสั่งแก้ไขข้อความหรือวิธีการในการโฆษณา หรือสั่งห้ามการโฆษณาในกรณีที่ข้อความหรือวิธีการในการโฆษณานั้นไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณา ให้คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณามีอำนาจแจ้งให้ประชาชนผู้บริโภคทราบถึงข้อความหรือวิธีการในการโฆษณาที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสมดังกล่าวได้ และให้ถือว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการแจ้งดังกล่าวเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทางปกครอง

มาตรา ๒๘ ในกรณีที่คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณาเห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่าข้อความใดที่ใช้ในการโฆษณาเป็นเท็จหรือคลาดเคลื่อนจากความจริงตามสมควร วรรคสอง (๑) คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณาอาจออกคำสั่งให้ผู้ประกอบการโฆษณาแสดงหลักฐานหรือข้อมูลอันจำเป็นร่วมด้วย คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณาอาจออกคำสั่งระงับการโฆษณาดังกล่าวไว้ชั่วคราวจนกว่าจะทราบผลการพิสูจน์ได้

ในการพิสูจน์ข้อความที่ใช้ในการโฆษณาอ้างอิงรายงานทางวิชาการ ผลการวิจัย สถิติ การรับรองของสถาบันหรือบุคคลใด หรืออันเป็นข้อเท็จจริงอื่นอันหนึ่งในการโฆษณา ถ้าผู้กระทำการโฆษณาไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าข้อความที่ใช้ในการโฆษณานั้นเป็นความจริง คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณาอาจออกคำสั่งตามมาตรา ๒๗ ได้ และให้ถือว่าผู้กระทำการโฆษณานั้นรู้หรือควรรู้ว่าข้อความดังกล่าวเป็นความเท็จ

มาตรา ๒๙ ผู้ประกอบธุรกิจผู้ใดส่งสำเนาการโฆษณาของตนไปทำการโฆษณาไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้ประกอบธุรกิจผู้นั้นอาจต้องรับผิดชอบการกระทำการโฆษณา

มาตรา ๓๐ ตราสาร เพิ่มเติมพระราชบัญญัติว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๖

มาตรา ๓๐ เพิ่มเติมพระราชบัญญัติว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาให้ความเห็นในเรื่องนั้นก่อนทำการโฆษณาได้ ในกรณีนี้คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณาจะต้องให้ความเห็นและแจ้งให้ผู้ขอรับการถ่ายทอดแจ้งรับบันทึกแจ้งที่คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณาให้รับคำขอ ถ้าไม่แจ้งภายในกำหนดระยะเวลาต่างหาก ให้ถือว่าคณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณาให้ความเห็นชอบแล้ว การขอความเห็นและคำชี้แจงในการให้ความเห็นให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณากำหนด การให้ความเห็นของคณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณาต้องมีเหตุผล ไม่ถือว่าเป็นการตัดสินความของคณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณาในกรณีที่มีข้อโต้แย้งหรือมีเหตุอันสมควร การโฆษณาที่ได้กระทำไปตามความเห็นของคณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณาทำให้ตามวรรคหนึ่ง มีเหตุอ้างการกระทำนั้นเป็นความผิดทางอาญา

ส่วนที่ ๗ การคุ้มครองผู้บริโภคในด้านความปลอดภัย

มาตรา ๒๘/๑ ในส่วนนี้ ให้แก้ไขข้อความเพิ่มเติมดังนี้ “สินค้าที่เป็นอันตราย” หมายความว่า สินค้าที่หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย สุขภาพ อนามัย จิตใจ หรือทรัพย์สิน ทั้งนี้ ไม่รวมถึงบริการที่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องนั้นไว้โดยเฉพาะแล้ว

“บริการที่เป็นอันตราย” หมายความว่า บริการที่หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย สุขภาพ อนามัย จิตใจ หรือทรัพย์สิน ทั้งนี้ ไม่รวมถึงบริการที่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องนั้นไว้โดยเฉพาะแล้ว “คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัย” หมายความว่า คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ

มาตรา ๒๘/๒ สินค้าที่ผู้ประกอบธุรกิจต้องขายหรือเสนอขาย หรือจำหน่ายให้แก่บุคคลเพื่อขายหรือเสนอด้วยวิธีการโฆษณาหรือวิธีการอื่นใด หรือนำออกจากตลาด จะต้องเป็นสินค้าที่มีความปลอดภัย

การปฏิบัติให้เป็นด้านความปลอดภัยของสินค้า ให้พิจารณาตามเรื่อง ดังต่อไปนี้

(๑)

ลักษณะและประเภทของสินค้า รวมถึงสารประกอบของสินค้า การออกแบบสินค้า วิธีการผลิต การเก็บรักษา การขนส่ง การประกอบ การติดตั้ง การใช้งาน การบำรุงรักษา การทำลาย หรือการกำจัดสินค้า

(๒)

สินค้าที่มีลักษณะหรือประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง หรือสินค้าที่มีลักษณะหรือประเภทที่มีผู้บริโภคไม่สามารถเกี่ยวข้องกับสินค้าอื่น

มาตรา ๒๘/๓ การคุ้มครองผู้บริโภคในด้านความปลอดภัย มาตรา ๒๘/๒ มีมาตราเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๒๘/๔ เพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๒๘/๕ เพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒

``` - 13 - สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (6) ลักษณะการเสนอสินค้าการติดฉลาก คำเตือนและข้อกำหนดต่าง ๆ เกี่ยวกับการใช้ การกำจัด และการทำลาย และข้อบ่งใช้หรือข้อสรรเสริญใด ๆ เกี่ยวกับสินค้า รวมถึงการโฆษณาสินค้า (7) ผลกระทบด้านความปลอดภัยของสินค้าที่อาจเกิดขึ้นจากนำสินค้านั้นไปใช้ร่วมกับสินค้าชนิดอื่น (8) ผู้บริโภคซึ่งมีความเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายจากการบริโภคสินค้านั้นเป็นพิเศษ เช่น เด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และคนพิการ (9) มาตรฐานความปลอดภัยที่ได้รับการรองรับในระดับสากล (10) แนวปฏิบัติที่ดีของผู้ประกอบธุรกิจ

มาตรา 35/3 ผู้ประกอบธุรกิจต้องไม่ผลิต สั่ง หรือ นำเข้าในราชอาณาจักรเพื่อขายซึ่งสินค้าที่เป็นอันตราย และต้องไม่แนะนำหรือโฆษณาสินค้าดังกล่าว

มาตรา 35/4 ผู้ประกอบธุรกิจซึ่งเป็นผู้ผลิต หรือผู้นำเข้าในราชอาณาจักรเพื่อขายสินค้าที่มีความปลอดภัยตามมาตรา 35/2 และสินค้าที่คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา ต้องจัดให้มีมาตรการเพื่อป้องกันหรือทำให้ความเสี่ยงต่ออันตรายอันเนื่องมาจากสินค้าดังกล่าวลดลง

คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยอาจกำหนดให้เจ้าของกิจการที่ผู้ประกอบธุรกิจต้องจัดให้มีมาตรการเพื่อป้องกันหรือทำให้ความเสี่ยงต่ออันตรายอันเนื่องมาจากสินค้าดังกล่าวลดลง โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

หมวดนี้ให้ผู้ประกอบธุรกิจต้องดำเนินการ ดังนี้

(1) สอดคล้องดูแลความปลอดภัยของสินค้าหรือบริการของตนตลอดระยะเวลาประกันของสินค้าหรือบริการนั้น พร้อมทั้งบริการหลังการขายตามที่กำหนด (2) การตรวจสอบและทดสอบสินค้าหรือบริการเพื่อให้ทราบได้ว่าความเสี่ยงต่ออันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการของสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องในการป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว (3) ข้อมูลข่าวสารในกรณีที่ผู้บริโภคได้รับโทษ และข้อมูลการรับแจ้งข้อมูลลูกค้าผู้บริโภค การตรวจสอบและทดสอบข้อมูลที่รับแจ้งจากผู้บริโภค และการแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้บริโภคทราบ โดยไม่ชักช้าหรือแจ้งจัดทำและเก็บรักษาบันทึกการตรวจสอบและการรับแจ้งและการพิจารณาดังกล่าว (4) มาตรการในการติดตามสินค้าที่ได้จัดจำหน่ายไป ซึ่งรวมถึงการระบุชื่อและรายละเอียดของผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย และผู้ขายรายสำคัญ หรือการระบุชื่อและรายละเอียดของผู้บริโภคที่รับสินค้านั้นจากผู้ประกอบธุรกิจ (5) มาตรการในการติดตามบริการที่ได้ให้บริการไป ซึ่งรวมถึงการระบุชื่อและที่อยู่ของผู้รับบริการและรายละเอียดของการให้บริการ หมายเหตุ มาตรา 35/3 เพิ่มโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562

มาตรา 35/4 เพิ่มโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562

```

มาตรา ๒๘/๔๔ ผู้ประกอบธุรกิจซึ่งเป็นผู้ขายหรือผู้ส่งมอบต้องจัดส่งสินค้า หรือบริการที่เกี่ยวข้องกับสินค้า หรือบริการ ซึ่งเป็นสินค้าหรือบริการตามมาตรา ๒๘/๔๓ หรือดำเนินมาตรการหรือจัดให้มีเพื่อป้องกันหรือทำให้ความเสี่ยงต่ออันตรายอันเกิดจากสินค้าหรือบริการที่นำออกให้บริการนั้นหมดสิ้นไป

(ก)

เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงต่ออันตรายอันเนื่องมาจากลักษณะของสินค้า หรือบริการที่นำออกให้บริการที่ได้มาโดยการตรวจสอบหรือการทดสอบ หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสินค้า หรือบริการดังกล่าว และข้อมูลหรือเอกสารที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในความครอบครองของตน โดยส่งให้ผู้ซื้อหรือผู้บริโภคได้รับ

(ข)

เก็บรักษาเอกสารที่จำเป็นเพื่อการติดตามแหล่งที่มาของสินค้า หรือบริการที่นำออกให้บริการ เช่น ชื่อและรายละเอียดของผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่ายในหรือนอกสาธารณรัฐ ผู้ขาย หรือผู้นำเข้า เพื่อขายต่อส่งสินค้า หรือจำหน่ายสินค้า หรือบริการนั้นไว้ และส่งมอบเอกสารดังกล่าวเมื่อคณะกรรมการด้วยความปลอดภัยในสินค้า หรือบริการร้องขอ ผู้ประกอบธุรกิจตามวรรคหนึ่งจะต้องให้ความร่วมมือกับผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่ายในหรือนอกสาธารณรัฐ และพนักงานเจ้าหน้าที่ ในการดำเนินการเพื่อป้องกันหรือทำให้ความเสี่ยงต่ออันตรายนั้นหมดสิ้นไปจากสินค้า หรือบริการที่นำออกให้บริการตามวรรคหนึ่ง

มาตรา ๒๘/๔๕ ในกรณีที่พบว่าสินค้าหรือบริการใดเป็นสินค้า หรือบริการที่เป็นอันตราย หรือสินค้า หรือบริการที่เป็นอันตรายอันเกิดจากผลิตภัณฑ์บุคคลถึงแก่ความตาย รับอันตรายสาหัส หรือเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์สินของบุคคล หรือเป็นอันตรายต่อทรัพย์สินอื่น ผู้ประกอบธุรกิจตามวรรคหนึ่งต้องแจ้งความเป็นอันตรายของสินค้าหรือบริการนั้นแก่ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่ายในหรือนอกสาธารณรัฐ ผู้ขาย หรือผู้นำเข้า หรือส่งคืนสินค้า หรือบริการ รวมถึงผู้บริโภค หรือผู้ซื้อโดยเร็วที่สุด และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคทราบโดยเร็ว

คณะกรรมการด้วยความปลอดภัยอาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการดำเนินการตามวรรคสองได้

มาตรา ๒๘/๔๖ เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภค ผู้ประกอบธุรกิจต้องจัดให้มีการเรียกคืน เปลี่ยนแปลง หรือปรับปรุงวรรคสอง ว่าสินค้า หรือบริการที่นำออกให้บริการตามมาตรา ๒๘/๔๕ เป็นสินค้า หรือบริการที่มีความเสี่ยงต่ออันตราย หรือเป็นสินค้า หรือบริการที่เป็นอันตรายอันเกิดจากผลิตภัณฑ์บุคคลถึงแก่ความตาย รับอันตรายสาหัส หรือเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์สินของบุคคล หรือเป็นอันตรายต่อทรัพย์สินอื่น ผู้ประกอบธุรกิจต้องแจ้งความเป็นอันตรายของสินค้า หรือบริการนั้นแก่ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่ายในหรือนอกสาธารณรัฐ ผู้ขาย หรือผู้นำเข้า หรือส่งคืนสินค้า หรือบริการ รวมถึงผู้บริโภค หรือผู้ซื้อโดยเร็วที่สุด และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคทราบโดยเร็ว

คณะกรรมการด้วยความปลอดภัยอาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการดำเนินการตามวรรคสองได้

มาตรา ๒๘/๔๗ เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภค ผู้ประกอบธุรกิจต้องจัดให้มีการเรียกคืน

เก็บสินค้าออกจากท้องตลาดหรือยุติการให้บริการ และแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวเป็นหนังสือต่อสำนักงานคณะกรรมการการคุ้มครองผู้บริโภคโดยไม่ล่าช้า แต่ต้องไม่เกินห้าวันนับแต่วันที่เริ่มดำเนินการ โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้า หรือบริการ ลักษณะของอันตราย และมาตรการที่ผู้ประกอบธุรกิจได้ดำเนินการเพื่อป้องกันอันตรายดังกล่าว คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยอาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการดำเนินการตามวรรคหนึ่งก็ได้

มาตรา ๒๘/๔๙ ในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าสินค้าหรือบริการที่เป็นอันตราย หรือบริการที่เป็นอันตราย คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยอาจออกคำสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจดำเนินการทดสอบหรือพิสูจน์สินค้าหรือบริการนั้นได้ และให้ผู้ประกอบธุรกิจรายงานผลการทดสอบหรือพิสูจน์ต่อคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัย ทั้งนี้ ภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยกำหนด

เมื่อมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าสินค้าหรือบริการเป็นสินค้า หรือบริการที่เป็นอันตราย ให้คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยออกคำสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจยุติการจำหน่ายสินค้าหรือบริการ และออกคำสั่งเก็บสินค้า หรือยุติการบริการนั้นไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะทราบผลการทดสอบหรือผลการพิสูจน์สินค้าหรือบริการนั้นได้ และให้ผู้ประกอบธุรกิจรายงานผลการทดสอบหรือพิสูจน์ต่อคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยกำหนด

มาตรา ๒๘/๕๐ ในกรณีที่คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยออกคำสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจยุติการจำหน่ายสินค้าหรือบริการ หรือออกคำสั่งเก็บสินค้า หรือยุติการบริการไว้เป็นการชั่วคราวตามมาตรา ๒๘/๔๙ วรรคสอง ให้ผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่ผู้ผลิตสินค้า หรือผู้ให้บริการที่เป็นต้นธารของสินค้าหรือบริการนั้นดำเนินการทดสอบหรือพิสูจน์สินค้าหรือบริการนั้นได้ และรายงานผลการทดสอบหรือพิสูจน์ต่อคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัย ทั้งนี้ ภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยกำหนด

ในกรณีที่คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยพิจารณาผลการทดสอบหรือผลการพิสูจน์เพื่อประกอบการพิจารณาแล้วเห็นว่า สินค้านั้นเป็นสินค้า หรือบริการที่ไม่ใช่สินค้า หรือบริการที่เป็นอันตราย ให้คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยยกเลิกคำสั่งตามมาตรา ๒๘/๔๙ วรรคสอง หรือออกคำสั่งอื่น ๆ หรือดำเนินการอื่นที่เหมาะสมเพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถจำหน่ายสินค้า หรือบริการนั้นได้ หรือกลับมาให้บริการ หรือกลับมาใช้สินค้า หรือกลับมาใช้บริการ หรือกลับมาใช้สินค้า หรือบริการนั้นได้ในประเทศที่สินค้านั้นเคยนำไปจำหน่ายมาก่อน ตามความเหมาะสมก็ได้

มาตรา ๒๘/๕๑ ในกรณีที่คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยออกคำสั่งตามมาตรา ๒๘/๔๙ วรรคสอง ให้ผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่ผู้ผลิตสินค้า หรือผู้ให้บริการที่เป็นต้นธารของสินค้าหรือบริการนั้นดำเนินการทดสอบหรือพิสูจน์สินค้าหรือบริการนั้นได้ และรายงานผลการดำเนินการดังกล่าวให้คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยทราบ

มาตรา ๒๘/๕๒ เพื่อให้การพิสูจน์ผู้บริโภคผู้บริโภค (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๒๘/๕๓ เพื่อให้การพิสูจน์ผู้บริโภคผู้บริโภค (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๒๘/๕๔ เพื่อให้การพิสูจน์ผู้บริโภคผู้บริโภค (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒

ความเสียหายต่ออันตรายอันเนื่องมาจากสินค้าที่จัดเก็บกลับคืนมาให้และพื่ออยู่ในความครอบครองตามหมวดนี้สืบไป ในการนี้คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยอันตรายของสินค้า เมื่อผู้ประกอบธุรกิจได้ทำการสินค้าขึ้นแล้ว ให้รายงานต่อคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยอันตรายของสินค้าโดยเร็ว ให้ผู้ประกอบธุรกิจแจ้งให้ทราบล่วงหน้าและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการ ให้ผู้ประกอบธุรกิจปประกาศ แจ้ง หรือโฆษณาข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินการให้ผู้บริโภคทราบภายในสามวันนับแต่วันที่รับทราบคำสั่งห้ามขาย

มาตรา 28/4 (1) เมื่อคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยอันตรายของสินค้าออกคำสั่งห้ามขายตามมาตรา 28/4 วรรคสอง ให้ผู้ประกอบธุรกิจซึ่งเป็นผู้ผลิต หรือผู้นำหรือจำหน่ายในราชอาณาจักรจัดทำแผนการจัดเก็บหรือเรียกคืนสินค้า แผนการปรับปรุงแก้ไขหรือดำเนินการกับสินค้าที่จัดเก็บหรือเรียกคืน และเสนอคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยอันตรายของสินค้าในห้าวันนับแต่วันที่รับทราบคำสั่งห้ามขายเพื่อพิจารณา ทั้งนี้ คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยอันตรายของสินค้ากำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการดำเนินการดังกล่าวของผู้ประกอบธุรกิจได้

ให้คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยอันตรายของสินค้าพิจารณาแผนดังกล่าวและแจ้งให้ผู้ประกอบธุรกิจทราบภายในสามวันนับแต่วันที่ได้รับแผนดังกล่าว หากคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยอันตรายของสินค้าเห็นว่าแผนดังกล่าวไม่เหมาะสม ให้แจ้งเหตุผลแก่ผู้ประกอบธุรกิจทราบเป็นหนังสือ รวมทั้งข้อเสนอแนะเพิ่มเติมที่เห็นสมควรให้ผู้ประกอบธุรกิจปรับปรุงแก้ไขแผนดังกล่าว และให้ผู้ประกอบธุรกิจดำเนินการตามแผนที่ได้รับการแก้ไขปรับปรุงแล้วโดยเร็ว ให้ผู้ประกอบธุรกิจรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามแผนดังกล่าว ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจไม่จัดทำแผนภายในห้าวันนับแต่วันที่รับทราบคำสั่งห้ามขาย หรือคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยอันตรายของสินค้าเห็นชอบหรือสั่งไม่ต้องปฏิบัติ ให้คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยอันตรายของสินค้าดำเนินการจัดเก็บหรือเรียกคืนสินค้า แผนการปรับปรุงแก้ไขหรือดำเนินการได้ตามที่เห็นสมควร และให้ผู้ประกอบธุรกิจรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าว การดำเนินการตามวรรคหนึ่งและวรรคสี่ไม่กระทบต่อสิทธิของผู้บริโภคที่จะใช้สิทธิเรียกร้องต่อผู้ประกอบธุรกิจเพื่อรับผิดในเรื่องที่ตามพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น ให้ผู้ประกอบธุรกิจปประกาศ แจ้ง หรือโฆษณาข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินการให้ผู้บริโภคทราบภายในสามวันนับแต่วันที่ได้รับทราบแผนดังกล่าว

มาตรา ๒๘/๑๒๖ ในกรณีที่คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยมีคำสั่งให้แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือปรับปรุงสินค้า ตามมาตรา ๒๘/๘ วรรคสอง หรือเป็นการแก้ไขปรับปรุงสินค้าแผนผัง ตามมาตรา ๒๘/๙ วรรคหนึ่ง ก่อนที่ผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายออกขาย ให้รายงานต่อคณะกรรมการ ว่าด้วยความปลอดภัยเพื่อพิจารณา เมื่อคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยตรวจสอบเป็นที่พอใจ ว่าไม่เป็นสินค้าอันตรายแล้ว ให้เพิกถอนคำสั่งห้ามจำหน่ายสินค้าตามมาตรา ๒๘/๘ วรรคสอง

มาตรา ๒๘/๑๒๗ เมื่อคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยมีคำสั่งให้กระทำตาม มาตรา ๒๘/๘ วรรคสอง ให้ผู้ประกอบธุรกิจแจ้งให้ผู้บริโภคที่รับโฆษณาหรือซื้อสินค้านั้นไปแล้วทราบอยู่ กับผู้บริโภคในสนามบริการในกรณีการโฆษณาซึ่งจะทำได้ทันที และให้มีความในมาตรา ๒๘/๑๐ วรรคสามและวรรคสี่ มาใช้บังคับโดยอนุโลม ให้ผู้ประกอบธุรกิจจัดทำแผนดำเนินการปรับปรุงวิธีการให้บริการไม่ให้เป็นอันตราย แก่ผู้บริโภคและมาตรการเยียวยาผู้บริโภค และให้มีความในมาตรา ๒๘/๑๑ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

มาตรา ๒๘/๑๒๘ เมื่อผู้ประกอบธุรกิจได้ดำเนินการแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือ ปรับปรุงวิธีการให้บริการไม่ให้เป็นอันตรายแก่ผู้บริโภคตามมาตรา ๒๘/๑๑ แล้ว ให้รายงานต่อ คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยเพื่อพิจารณา และให้มีความในมาตรา ๒๘/๑๑ มาใช้บังคับ โดยอนุโลม

มาตรา ๒๘/๑๒๙ กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือข้อกำหนดอย่างอื่นตามที่คณะกรรมการ กำหนด

มาตรา ๒๘/๑๓๐ การปิดประกาศ แจ้ง และโฆษณาข่าวสารตามที่กำหนดให้ ผู้ประกอบธุรกิจปฏิบัติ ให้ผู้ประกอบธุรกิจทำการสื่อโฆษณาที่ผู้ประกอบธุรกิจได้ใช้ในการ โฆษณาสินค้าหรือบริการนั้น และสื่อรูปแบบอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัย กำหนด รวมทั้งให้ผู้ประกอบธุรกิจดำเนินการแจ้งในเว็บไซต์ของผู้ประกอบธุรกิจและแจ้งเป็นหนังสือ ไปยังสื่อมวลชนที่เกี่ยวข้อง หรือแจ้งอย่างอื่นตามที่ผู้ประกอบธุรกิจและเจ้าหน้าที่ผู้บริโภค โดยตรงเพื่อพิจารณา โดยการปิดประกาศหรือการโฆษณาให้กระทำในลักษณะที่ทำให้ผู้บริโภค สามารถรับรู้ เช่นเดียวกับการที่ผู้บริโภคได้รับข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการนั้น และขอให้ คณะกรรมการควบคุมตรวจสอบการดำเนินการปิดประกาศ แจ้ง หรือการโฆษณาดังกล่าว ด้วยก็ได้

มาตรา ๒๘/๑๓๑ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๒๘/๑๓๒ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๒๘/๑๓๓ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๒๘/๑๓๔ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๒๘/๑๑๗ ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจไม่แจ้งความเป็นอันตรายของสินค้า หรือบริการตามมาตรา ๒๘/๒ วรรคสอง หรือไม่ดำเนินการหรือดำเนินการไม่ครบถ้วนในกรณีที่คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยสินค้าให้ผู้ประกอบธุรกิจดำเนินการทดสอบหรือพิสูจน์ตามมาตรา ๒๘/๘ หรือไม่ปฏิบัติตาม แจ้ง หรือโต้แย้งตามมาตรา ๒๘/๙ วรรคสอง มาตรา ๒๘/๑๐ วรรคสอง หรือมาตรา ๒๘/๑๑ เลขาธิการคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยสินค้าอาจดำเนินการให้มีการดำเนินการแทนผู้ประกอบธุรกิจ และให้ผู้ประกอบธุรกิจเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าว ทั้งนี้ โดยไม่ตัดสิทธิของผู้บริโภคหรือผู้มีส่วนได้เสียในการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง นอกจากนี้ อาจดำเนินการให้เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค รายงานผลการดำเนินการให้คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยสินค้าทราบด้วย

ส่วนที่ ๒

การคุ้มครองผู้บริโภคในด้านฉลาก ___________________________

มาตรา ๓๐ ให้สินค้าที่ผลิตเพื่อขายโดยโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานและสินค้าที่สั่งหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขายเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก ความในวรรคหนึ่งไม่ใช้บังคับกับสินค้าที่คณะกรรมการว่าด้วยฉลากกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ในกรณีที่ปรากฏว่าสินค้านำเข้าที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ ร่างกาย หรือจิตใจ เมื่อได้บริโภคใช้หรือสัมผัสของผู้บริโภค หรือสินค้าที่ประชาชนทั่วไปใช้เป็นประจำ ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้บริโภคหรือประชาชนโดยส่วนรวมอย่างสำคัญเกี่ยวกับสินค้า นอกจากนี้ ให้คณะกรรมการว่าด้วยฉลากกำหนดให้สินค้านำเข้านั้นเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลากได้ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๓๑ ฉลากของสินค้าที่ควบคุมฉลาก จะต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้

(ก)

ใช้ข้อความที่ตรงความจริงและไม่มีข้อความที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับสินค้า

(ข)

ต้องระบุข้อความต่อไปนี้

(ก)

ชื่อหรือเครื่องหมายการค้าของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าที่ขาย แล้วแต่กรณี

(ข)

สถานที่ผลิตหรือสถานที่ประกอบธุรกิจนำเข้า แล้วแต่กรณี

(ค)

ระบุข้อมูลจำเป็นที่ทำให้เข้าใจได้ว่าสินค้านั้นคืออะไร ในกรณีที่เป็นสินค้า นำเข้าให้ระบุชื่อประเทศที่ผลิตด้วย

(ง)

ต้องระบุข้อความอื่นใด ได้แก่ ราคา ปริมาณ วิธีใช้ ชนิด ข้อแนะนำ วัน เดือน ปีที่ผลิตอยู่ในกรณีเป็นสินค้าที่หมดอายุได้ หรือกรณีอื่น เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการว่าด้วยฉลากกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ___________________________

มาตรา ๒๘/๑๑๗ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๓๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๓๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒

ให้นำผู้ประกอบธุรกิจส่งเป็นผู้ผลิตเพื่อขายหรือผู้สั่งหรือผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขายซึ่งสินค้าที่ควบคุมฉลาก แล้วแต่กรณี เป็นผู้จัดทำฉลากก่อนนำออกจำหน่ายต้องมีข้อความตามที่กำหนดในรายการหนึ่ง ในรายการควบคุมฉลากหนึ่ง (b) และ (a) ต้องจัดทำตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการว่าด้วยฉลากกำหนด โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา 31 การกำหนดให้สินค้าตามมาตรา 30 ต้องไม่เป็นการบังคับให้ผู้ประกอบธุรกิจต้องเปิดเผยความลับทางการผลิต เว้นแต่ข้อความดังกล่าวจะจำเป็นต่อการคุ้มครองสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยของผู้บริโภค

มาตรา 32 เมื่อคณะกรรมการว่าด้วยฉลากเห็นว่าฉลากใดไม่เป็นไปตามมาตรา 30 คณะกรรมการว่าด้วยฉลากมีคำสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจเลิกใช้ฉลากดังกล่าวหรือดำเนินการแก้ไขฉลากให้ถูกต้อง

มาตรา 33 ผู้ประกอบธุรกิจผู้ใดสงสัยว่าฉลากของตนจะเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่เป็นไปตามมาตรา 30 ผู้ประกอบธุรกิจนั้นอาจขอให้คณะกรรมการว่าด้วยฉลากพิจารณาให้ความเห็นในเวลาที่เหมาะสมซึ่งในกรณีนี้ให้มาตรา 29 มาใช้บังคับโดยอนุโลม

มาตรา 34 เพื่อประโยชน์ในการควบคุมและการตรวจสอบการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าที่ควบคุมฉลาก ให้ผู้ประกอบธุรกิจจัดทำและเก็บรักษาบัญชี เอกสารและหลักฐานตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

ส่วนที่ 6 ทวิ

การคุ้มครองผู้บริโภคในด้านสัญญา

มาตรา 34 ทวิ ในการประกอบธุรกิจขายสินค้าหรือให้บริการใด ถ้าสัญญาซื้อขายหรือสัญญาให้บริการนั้นกฎหมายกำหนดให้ต้องทำเป็นหนังสือ หรือที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประกาศกำหนดให้ต้องทำเป็นหนังสือ คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคมีอำนาจกำหนดให้การประกอบธุรกิจนั้นเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญาได้

ในการประกอบธุรกิจที่ควบคุมสัญญา สัญญาที่ผู้ประกอบธุรกิจทำกับผู้บริโภคจะต้องมีสาระสำคัญต่อไปนี้

มาตรา 34 ทวิ (1) การประกอบธุรกิจในส่วนที่ 6 ทวิ การคุ้มครองผู้บริโภคในด้านสัญญา มาตรา 34 ทวิ ถึงมาตรา 34 ทวิ (2) ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป โดยให้คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคมีอำนาจกำหนดให้การประกอบธุรกิจนั้นเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญาได้ตามมาตรา 34 ทวิ (b) และ (a)

(a) ใช้ข้อสัญญาที่จำเป็นซึ่งหากมิได้ใช้ข้อสัญญานั้น จะทำให้ผู้บริโภคเสียเปรียบผู้ประกอบธุรกิจเกินสมควร (b) ห้ามใช้ข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ เหตุผล และรายละเอียดที่คณะกรรมการว่าด้วยสัญญากำหนด และเพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นส่วนรวม คณะกรรมการว่าด้วยสัญญาอาจให้ผู้ประกอบธุรกิจจัดทำสัญญาตามแบบที่คณะกรรมการว่าด้วยสัญญากำหนดก็ได้ การกำหนดตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา

มาตรา ๔๕ ตรี เมื่อคณะกรรมการว่าด้วยสัญญากำหนดให้ข้อสัญญาของการประกอบธุรกิจที่ควบคุมสัญญาต้องใช้ข้อสัญญาใด หรือต้องใช้ข้อสัญญาโดยเงื่อนไขในการใช้ข้อสัญญานั้นตามมาตรา ๔๕ ทวิ แล้ว ถ้าสัญญานั้นไม่ใช้ข้อสัญญาดังกล่าวหรือใช้ข้อสัญญาดังกล่าวไม่เป็นไปตามเงื่อนไข ให้ถือว่าข้อสัญญานั้นใช้ข้อสัญญาดังกล่าวหรือใช้ข้อสัญญาดังกล่าวตามเงื่อนไขนั้นแล้วในกรณี

มาตรา ๔๕ จัตวา เมื่อคณะกรรมการว่าด้วยสัญญากำหนดให้ข้อสัญญาของการประกอบธุรกิจดังกล่าวต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๔๕ ทวิ แล้ว ถ้าสัญญานั้นไม่ใช้ข้อสัญญาดังกล่าว ให้ถือว่าข้อสัญญานั้นใช้ข้อสัญญาดังกล่าว

มาตรา ๔๕ เบญจ คณะกรรมการว่าด้วยสัญญามีอำนาจกำหนดให้การประกอบธุรกิจจำพวกเดียวกันหรือประเภทเดียวกันต้องใช้ข้อสัญญาอย่างเดียวกัน ในการประกอบธุรกิจที่ควบคุมสัญญาในหลักเกณฑ์การรับเงิน หลักเกณฑ์การรับเงินจะต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้

(ก)

มีรายการและใช้ข้อความที่จำเป็น ซึ่งหากมิได้มีรายการหรือมิได้ใช้ข้อความเช่นนั้นจะทำให้ผู้บริโภคเสียเปรียบผู้ประกอบธุรกิจเกินสมควร

(ข)

ห้ามใช้ข้อความที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ เหตุผล และรายละเอียดที่คณะกรรมการว่าด้วยสัญญากำหนด การกำหนดตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา

มาตรา ๔๕ ฉ เมื่อคณะกรรมการว่าด้วยสัญญากำหนดให้ต้องมีการรับเงินของการประกอบธุรกิจดังกล่าวปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๔๕ เบญจ แล้ว ถ้าการรับเงินนั้นไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว ให้ถือว่าการรับเงินดังกล่าวไม่ชอบ

มาตรา ๔๕ ตรี และมาตรา ๔๕ จัตวา มิให้นำไปใช้กับหลักเกณฑ์การรับเงินดังกล่าวโดยอนุโลม

```

มาตรา ๓๔ ตรี* ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจขายสินค้าหรือให้บริการโดยให้คำมั่นว่าจะทำสัญญารับประกันให้แก่ผู้บริโภค สัญญาดังกล่าวต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อของผู้ประกอบธุรกิจหรือผู้แทน และต้องส่งมอบสัญญานั้นแก่ผู้บริโภคพร้อมกับการส่งมอบสินค้า หรือให้บริการ

ถ้าสัญญาดังกล่าวระบุการรับประกันว่าผู้บริโภคต้องดำเนินการใด ๆ ก่อน ผู้ประกอบธุรกิจต้องแจ้งให้ผู้บริโภคทราบถึงการดำเนินการดังกล่าวด้วย

มาตรา ๓๔ จัตวา* ผู้ประกอบธุรกิจสินค้าที่ส่งมอบสัญญารับประกันที่ไม่เป็นไปตามหลักการตามมาตรา ๓๔ หรือส่งมอบหลักฐานการรับประกันที่มีรายการและข้อความถูกต้องตามมาตรา ๓๔ จัตวา ให้แก้ไขปรับปรุงภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการกำหนด โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๓๔ เบญจ* ผู้ประกอบธุรกิจผู้ใดส่งมอบสัญญารับประกันที่ไม่เป็นไปตามหลักการตามมาตรา ๓๔ หรือส่งมอบหลักฐานการรับประกันที่มีรายการและข้อความถูกต้องตามมาตรา ๓๔ จัตวา ให้แก้ไขปรับปรุงภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการกำหนด โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ส่วนที่ ๓

การคุ้มครองผู้บริโภคโดยประกาศอื่น

มาตรา ๓๕* (ยกเลิก)

มาตรา ๓๖* (ยกเลิก)

มาตรา ๓๗* (ยกเลิก)

มาตรา ๓๘ ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นสมควรให้ดำเนินคดีเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิของผู้บริโภค หรือเมื่อได้รับคำร้องจากผู้บริโภคที่ถูกละเมิดสิทธิ ซึ่งคณะกรรมการเห็นว่าการดำเนินคดีนั้นจะเป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภคส่วนรวม คณะกรรมการอำนาจมอบให้พนักงานอัยการ โดยความเห็นชอบของอัยการสูงสุดดำเนินการ หรือเข้าร่วมการดำเนินคดีของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค

มาตรา ๓๙ ตรี* แก้ไขโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๖

มาตรา ๓๙ จัตวา* แก้ไขโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๖

มาตรา ๓๙ เบญจ* แก้ไขโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๖

``` ซึ่งมีคุณวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางนิติศาสตร์ เป็นเจ้าหน้าที่ที่คุ้มครองผู้บริโภคเพื่อให้มีหน้าที่ดำเนินคดีแทนและเพื่อแก้ไขกระทำการละเมิดสิทธิของผู้บริโภคได้ตามกฎหมาย และเมื่อมีคณะกรรมการให้แจ้งไปยังกระทรวงยุติธรรมเพื่อแจ้งให้ศาลทราบต่อไป ให้เจ้าหน้าที่ที่คุ้มครองผู้บริโภคมีอำนาจดำเนินคดีตามที่คณะกรรมการมอบหมายได้ ในการดำเนินคดีในศาล ให้เจ้าหน้าที่ที่คุ้มครองผู้บริโภคมีอำนาจฟ้องเรียกทรัพย์สินหรือค่าเสียหายให้แก่ผู้บริโภคหรือของผู้บริโภคได้ด้วย ในกรณีที่มีการฟ้องคดีในนามของผู้บริโภคหมู่มาก

มาตรา ๓๙/๑๐ นอกจากคณะกรรมการมีอำนาจดำเนินการตามมาตรา ๓๙/๙ และกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภคแล้ว ให้เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคอำนาจดำเนินคดีเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิของผู้บริโภคแทนผู้บริโภคได้ด้วย โดยมีกำหนดให้มีเจ้าหน้าที่ในสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคซึ่งมีคุณวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางนิติศาสตร์ เป็นเจ้าหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคเพื่อให้มีหน้าที่ดำเนินคดีแทนและเพื่อแก้ไขกระทำการละเมิดสิทธิของผู้บริโภคในศาล และเมื่อมีคณะกรรมการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคให้แจ้งไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดและกระทรวงยุติธรรมเพื่อแจ้งให้ศาลทราบต่อไป ให้เจ้าหน้าที่ที่คุ้มครองผู้บริโภคมีอำนาจดำเนินคดีตามที่คณะกรรมการมอบหมายได้ ทั้งนี้ การดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

ในการดำเนินคดีในศาล ให้เจ้าหน้าที่ที่คุ้มครองผู้บริโภคมีอำนาจฟ้องเรียกทรัพย์สินหรือค่าเสียหายให้แก่ผู้บริโภคหรือของผู้บริโภคได้ด้วย และในกรณีที่มีการฟ้องคดีในนามของผู้บริโภคหมู่มาก ให้บันทึกบัญชีของผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายไว้เป็นหลักฐาน และการดำเนินคดีของคณะกรรมการ และเจ้าหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคตามมาตรานี้ ให้ถือว่าดำเนินการในนามของผู้บริโภคหมู่มาก และให้การดำเนินคดีดังกล่าวเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

มาตรา ๔๐ สมาคมและมูลนิธิที่มีวัตถุประสงค์ในการคุ้มครองผู้บริโภคหรือต่อสู้การแข่งขั้นที่ไม่เป็นธรรมทางการค้า และข้อบังคับของสมาคมและมูลนิธิดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวกับคณะกรรมการ สมาชิก และวิธีการดำเนินการของสมาคมและมูลนิธินั้นเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง สมาคมและมูลนิธินั้นอาจยื่นคำขอต่อคณะกรรมการรับรองการเป็นสมาคมและมูลนิธินั้นมีสิทธิและอำนาจฟ้องตามมาตรา ๔๐ ได้

สมาคมหรือมูลนิธิที่คณะกรรมการรับรองตามวรรคหนึ่ง ให้มีอำนาจกระทำอย่างนั้นแต่จำกัดบริการรับรอง การยื่นคำขอความรับรองนั้น ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง การรับรองสมาคมและมูลนิธิตามวรรคหนึ่ง ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๔๑ ในการดำเนินคดีที่เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิของผู้บริโภค ให้สมาคมหรือมูลนิธิที่คณะกรรมการรับรองตามมาตรา ๔๐ มีสิทธิฟ้องคดีแทน คดีต่อๆ ไป และดำเนินการในนาม

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาใด ๆ ในคดีเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคโดยส่วนรวมตามลักษณะหรือประเภทที่ศาลคณะกรรมการประกาศกำหนดได้ และให้มีอำนาจฟ้องเรียกทรัพย์สินและค่าเสียหายแทนผู้บริโภคได้ ถ้ามีหนังสือมอบหมายให้เรียกทรัพย์สินและค่าเสียหายแทนจากผู้บริโภคดังกล่าว ในการดำเนินคดีในศาล ให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค วินิจฉัยคำร้องขอในเมื่อคดีที่ฟ้องร้องทรัพย์สินหรือค่าเสียหายที่ทรัพย์สินหรือค่าเสียหายที่เรียกนั้นไม่เป็นผลเสียต่อผู้บริโภคในส่วนรวม สำหรับคดีที่ฟ้องร้องทรัพย์สินหรือค่าเสียหายที่ทรัพย์สินหรือค่าเสียหายที่เรียกนั้นเป็นผลเสียต่อผู้บริโภคในส่วนรวม ให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภควินิจฉัยคำร้องขอโดยคำนึงถึงประโยชน์ของผู้บริโภคในส่วนรวมด้วย และให้มีอำนาจฟ้องเรียกทรัพย์สินหรือค่าเสียหายแทนผู้บริโภคได้ตามมาตรา ๔๔

มาตรา ๔๕ นอกจากต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และกฎหมายอื่นแล้ว สมาคมและมูลนิธิต้องคณะกรรมการรับรองตามมาตรา ๔๐ ต้องปฏิบัติตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด

เมื่อปรากฏว่าสมาคมหรือมูลนิธิที่คณะกรรมการรับรองตามมาตรา ๔๐ ไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด หรือมีพฤติการณ์ที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นการฟ้องคดีโดยไม่สุจริต ให้คณะกรรมการเพิกถอนการรับรองสมาคมหรือมูลนิธินั้นได้ สมาคมหรือมูลนิธิใดที่ถูกเพิกถอนการรับรอง คณะกรรมการอาจไม่ให้การรับรองตามมาตรา ๔๐ อีกก็ได้ การเพิกถอนการรับรองสมาคมหรือมูลนิธิตามวรรคสอง ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

หมวด ๖

กรณุษฎี

มาตรา ๔๖ ในกรณีที่ผู้ได้รับคำสั่งของคณะกรรมการเฉพาะเรื่องตามมาตรา ๒๗ หรือมาตรา ๒๘ วรรคสอง ไม่พอใจคำสั่งดังกล่าว ให้มีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการได้

มาตรา ๔๗ การอุทธรณ์ตามมาตรา ๔๖ ให้ยื่นต่อคณะกรรมการภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ผู้อุทธรณ์ได้รับทราบคำสั่งของคณะกรรมการเฉพาะเรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอื่นนอกจากนี้ และวิธีพิจารณาอุทธรณ์ ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

การอุทธรณ์คำสั่งคณะกรรมการเฉพาะเรื่องตามวรรคหนึ่งไม่เป็นเหตุให้การปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการเฉพาะเรื่องนั้น เว้นแต่คณะกรรมการจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นในระหว่างการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ คำวินิจฉัยของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด “มาตรา ๔๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๖”

หมวด ๔

บทกำหนดโทษ

มาตรา ๔๕ ผู้ใดขัดขวางหรือไม่อำนวยความสะดวก ไม่ให้ข้อเท็จจริง หรือไม่ส่งเอกสารหรือหลักฐานแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติตามมาตรา ๕ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๔๖ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการหรือคณะกรรมการเฉพาะเรื่องตามมาตรา ๑๗ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๔๗ ผู้ใดโดยเจตนาให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นเกี่ยวกับสินค้า หรือบริการ ไม่ว่าในโฆษณาเอกสาร หรือข้อมูลใด ๆ โดยฉ้อฉลหรือโดยหลอกลวงอื่นใดหรือด้วยวิธีการอื่นใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้การหลอกลวงดังกล่าวในวรรคหนึ่งต้องเป็นการหลอกลวงที่อาจทำให้ผู้บริโภคหรือประชาชนหลงเชื่อ

มาตรา ๔๘ ผู้ใดโฆษณาโดยใช้ข้อความตามมาตรา ๒๖ วรรคสอง (๓) หรือ (๔) หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๒๓ มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๕ หรือมาตรา ๒๖ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือนหรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๔๙ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณาซึ่งสั่งตามมาตรา ๒๗ หรือมาตรา ๒๘ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๕๐ ถ้าการกระทำตามมาตรา ๔๗ มาตรา ๔๘ หรือมาตรา ๔๙ เป็นการกระทำของเจ้าของสื่อโฆษณา หรือผู้ประกอบกิจการโฆษณา ผู้กระทำต้องระวางโทษเพียงหนึ่งในสี่ของโทษที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น

_________________________ * มาตรา ๔๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๖ * มาตรา ๔๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๖ * มาตรา ๔๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๖ * มาตรา ๔๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๖ * มาตรา ๔๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๖

มาตรา ๕๐/๑ ผู้ใดกระทำความผิดตามมาตรา ๔๗ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๘/๑ หรือมาตรา ๕๐ เป็นความผิดต่อเนื่อง ผู้กระทำต้องระวางโทษปรับวันละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือไม่เกินสองเท่าของค่าใช้จ่ายสำหรับการโฆษณานั้น ตลอดระยะเวลาที่มีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม

มาตรา ๕๑ ผู้ใดขายสินค้าที่ต้องควบคุมตามมาตรา ๓๐ โดยไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่ฉลากหรือการแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้องตามที่กำหนดในกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา ๓๐ ทั้งนี้ โดยรู้หรือควรจะรู้อยู่แล้วว่าการไม่มีฉลากหรือการแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำของผู้ผลิตเพื่อขาย หรือผู้สั่งหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขาย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๕๒ ผู้ประกอบธุรกิจผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก ซึ่งสั่งตามมาตรา ๓๓ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๕๓ ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือจงใจปกปิดข้อความที่ควรแจ้งตามกฎหมายนี้ โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จหรือการปกปิดข้อความที่ควรแจ้งนั้น ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาท

มาตรา ๕๔ ผู้ประกอบธุรกิจผู้ใดไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา ๓๔ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท

มาตรา ๕๕ (ยกเลิก)

มาตรา ๕๖ (ยกเลิก)

มาตรา ๕๗ ผู้ประกอบธุรกิจผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๔๗, ๔๘ หรือมาตรา ๔๘/๑ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

______________________ <มาตรา ๔๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕> <มาตรา ๔๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕> <มาตรา ๔๘/๑ เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕> <มาตรา ๕๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕> <มาตรา ๕๐/๑ เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕> <มาตรา ๕๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕> <มาตรา ๕๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕> <มาตรา ๕๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕> <มาตรา ๕๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕> <มาตรา ๕๕ ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕> <มาตรา ๕๖ ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕> <มาตรา ๕๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕>

มาตรา ๕๔/๔๐ ผู้ประกอบธุรกิจผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๒๘/๗ วรรคสอง มาตรา ๒๘/๗ วรรคหนึ่ง มาตรา ๒๘/๑๓ วรรคหนึ่งหรือวรรคสาม มาตรา ๒๘/๑๓ วรรคสอง หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยตามมาตรา ๒๘/๑๓ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๕๔/๔๑ ผู้ประกอบธุรกิจผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยตามมาตรา ๒๘/๗ วรรคสอง หรือมาตรา ๒๘/๗ วรรคสอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๕๔/๔๒ ผู้ประกอบธุรกิจผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๒๘/๑๐ วรรคหนึ่ง หรือมาตรา ๒๘/๑๐ วรรคสอง หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยตามมาตรา ๒๘/๑๐ วรรคสอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินหกหมื่นบาทต่อวันตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว

มาตรา ๕๔/๔๓ ผู้ประกอบธุรกิจผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๘/๒ มาตรา ๒๘/๖ มาตรา ๒๘/๘ มาตรา ๒๘/๑๑ หรือการกระทำที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต สุขภาพ หรือความปลอดภัยของผู้บริโภค ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสิบล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้บริโภคได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งถึงสิบปี หรือปรับแต่ละรายเท่ากับสองล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๕๔/๔๔ ผู้ประกอบธุรกิจผู้ใดไม่ส่งมอบสำเนาสัญญาที่มีข้อสัญญาหรือข้อสัญญาและแบบถูกต้องตามมาตรา ๒๘/๓ หรือไม่ส่งมอบหลักฐานการรับเงินหรือรายการและข้อความถูกต้องตามมาตรา ๒๘/๔ เบญจ ให้แก่ผู้บริโภคภายในระยะเวลาตามมาตรา ๒๘/๔ อัฏฐ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ผู้ประกอบธุรกิจที่ฝ่าฝืนข้อห้ามของสัญญา โดยคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาจะต้องชำระและโอนเงินหรือทรัพย์สินที่ผู้บริโภคได้ชำระหรือโอนให้แก่ผู้บริโภคคืนเต็มจำนวน หรือปรับตั้งแต่หนึ่งเท่าของมูลค่าของเงินหรือทรัพย์สินดังกล่าว หรือทั้งจำทั้งปรับ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้กระทำการระวังความสมควรในการประกอบธุรกิจนั้นแล้วแต่กรณี

มาตรา ๕๔/๔๕ เพิ่มโทษของผู้กระทำผิดผู้บริโภค (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๕๔/๔๖ เพิ่มโทษของผู้กระทำผิดผู้บริโภค (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๕๔/๔๗ เพิ่มโทษของผู้กระทำผิดผู้บริโภค (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๕๔/๔๘ เพิ่มโทษของผู้กระทำผิดผู้บริโภค (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๔๗ ทวิ ผู้ประกอบธุรกิจผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๔๓ ตรี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๔๘ ผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ในสถานะที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจของผู้ประกอบธุรกิจและการกระทำนั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้ประกอบธุรกิจ ให้สันนิษฐานว่า ผู้ประกอบธุรกิจนั้นเป็นผู้กระทำความผิด เว้นแต่ผู้ประกอบธุรกิจจะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้มีส่วนรู้เห็นหรือยินยอมพร้อมใจในการกระทำความผิดนั้น และได้กระทำการอันสมควรเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำความผิดแล้ว

มาตรา ๔๙ ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดเป็นนิติบุคคล ถ้าการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น หรือในกรณีที่บุคคลดังกล่าวมิได้สั่งการหรือกระทำการ และละเลยไม่สั่งการหรือไม่กระทำการจนเป็นเหตุให้นิติบุคคลนั้นกระทำความผิด ผู้ผู้นั้นต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย

มาตรา ๕๐ ผู้ใดโดยเจตนาหรือประมาท ให้ จ้าง จ่าย ยุยง หรือดำเนินการให้เสนอผลหรือมูลอันอาจถือเป็นการรับรองความถูกต้อง หรือฟ้องร้องผู้ประกอบธุรกิจเป็นเท็จหรือคลาดเคลื่อนต่อสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เพื่อสร้างความเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๕๑ ผู้ใดโดยเจตนาหรือจงใจโดยคำบอกกล่าวหรือการกระทำของผู้ประกอบธุรกิจอื่นเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่น อันเป็นการขัดขวางหรือแทรกแซงการสอบสวน หรือการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เว้นแต่เป็นการเปิดเผยในการปฏิบัติราชการหรือเพื่อประโยชน์ในการสอบสวน หรือการพิจารณาคดี

ผู้ใดได้มาหรือรู้ข้อมูลจริงใดจากบุคคลตามวรรคหนึ่งเพื่อในการปฏิบัติราชการ หรือการสอบสวนหรือการพิจารณาคดี แล้วเปิดเผยต่อผู้อื่นในประการที่น่าจะเสียหายแก่ผู้ที่มิได้กระทำความผิด ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน

มาตรา ๕๒ บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ที่มีโทษปรับสถานเดียว หรือเป็นความผิดที่มีโทษปรับหรือโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี ให้คณะกรรมการมีอำนาจเปรียบเทียบได้ และในการนี้ให้คณะกรรมการมอบหมายให้คณะกรรมการเฉพาะเรื่องหรือคณะอนุกรรมการ เจ้าพนักงาน

มาตรา ๔๗ ทวิ ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๔๘ ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๔๙ ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๕๐ ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๕๑ ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๖

มาตรา ๕๒ ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๖

``` สอบสวน พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเจ้าพนักงานท้องถิ่น ดำเนินการเปรียบเทียบได้ โดยจะกำหนด หลักเกณฑ์ในการเปรียบเทียบหรือส่งไปปรึกษาใด ๆ ให้แก่ผู้ได้รับมอบหมายจากนายกเทศมนตรีก็ได้ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ ในการสอบสวน ถ้าพนักงานสอบสวน พบว่าบุคคลใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ และถูกดำเนินคดีเปรียบเทียบ ให้พนักงาน สอบสวนส่งเรื่องการเปรียบเทียบพร้อมด้วยสำนวนการสอบสวนมายังพนักงานเปรียบเทียบตาม วรรคหนึ่งภายในสามวันนับแต่วันที่สอบสวนเสร็จ เมื่อพนักงานเปรียบเทียบได้รับเรื่องในกรณีความผิดที่เปรียบเทียบได้และในระยะเวลา ที่ผู้ต้องหาถูกเปรียบเทียบกำหนดตัวไม่เกินเจ็ดวันนับแต่วันที่การเปรียบเทียบเสร็จสิ้น ถ้าผู้ต้องหา ยินยอมให้เปรียบเทียบและชำระค่าปรับตามที่เปรียบเทียบ ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญาธรรมดาความมูลฐาน ถ้าผู้กระทำความผิดไม่ยินยอมตามที่เปรียบเทียบ หรือเมื่อยินยอมแล้วไม่ชำระเงิน ค่าปรับภายในระยะเวลาตามวรรคสาม ให้ดำเนินคดีต่อไป โดยให้อายุความเริ่มนับตั้งแต่วันครบกำหนด ชำระค่าปรับตามคำสั่งของผู้มีอำนาจเปรียบเทียบ

มาตรา ๕๔ ค่าปรับจากการเปรียบเทียบที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ปฏิบัติการ และดำเนินการเปรียบเทียบตามข้อผิดตามที่ได้รับมอบหมายตามมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง ให้ตกเป็นรายได้ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ส. โหตระกิตย์ รองนายกรัฐมนตรี ``` เหตุผล :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากปัจจุบันมีการเสนอสินค้า และบริการต่าง ๆ ต่อประชาชนผ่านวันเดอร์เหมือนกัน ผู้ประกอบธุรกิจการค้าและผู้ประกอบธุรกิจ โฆษณาได้มีวิธีการในการหลอกลวงและการโฆษณาในลักษณะที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงเกี่ยวกับสินค้า บริการ ซึ่งการกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้บริโภคโดยผู้บริโภคเสียเปรียบ เพราะผู้บริโภคไม่อยู่ในฐานะ ที่จะทราบความถูกต้อง และความจริงที่เกี่ยวกับคุณภาพและราคาของสินค้าและบริการต่าง ๆ ได้ด้วย ตนเอง และในบางกรณีผู้บริโภคได้รับความเสียหายจากการที่ผู้ประกอบธุรกิจการค้าและผู้ประกอบธุรกิจ โฆษณาไม่ปฏิบัติตามสัญญาหรือข้อตกลงที่ให้ไว้กับผู้บริโภค หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ หรือมีการเอาเปรียบผู้บริโภคในลักษณะอื่น ๆ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค สมควรมีกฎหมายให้ความคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคใน การซื้อสินค้า โดยกำหนดหน้าที่ของผู้ประกอบธุรกิจการค้าและผู้ประกอบธุรกิจโฆษณาให้ต้องปฏิบัติ ต่อผู้บริโภค เพื่อให้ความเป็นธรรมจนถึงความสมบูรณ์แก่ผู้บริโภค ตลอดจนจัดให้มีองค์กรของรัฐและเอกชนเพื่อตรวจตรา การกระทำของผู้ประกอบธุรกิจการค้าและผู้ประกอบธุรกิจโฆษณาในกรณีที่เกิดความเสียหายแก่ผู้บริโภค จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้ให้เรียกว่า "พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘" และให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป

มาตรา ๒ ให้คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคตามพระราชบัญญัติคุ้มครอง ผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งมีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ปฏิบัติหน้าที่ ต่อไปจนกว่าจะได้มีคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค แห่งพระราชบัญญัตินี้ให้มีการแก้ไขเพิ่มเติม ดังต่อไปนี้

ให้ถือว่าอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และของสำนักงานคณะกรรมการ คุ้มครองผู้บริโภค ที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ ให้รวมถึงอำนาจหน้าที่ ของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่กำหนดไว้ใน พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ ด้วย ทั้งนี้ การดำเนินการตามพระราชบัญญัติ คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ ให้ถือว่าเป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากปัจจุบันมีปัญหาตามที่บัญญัติแห่ง พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ ในส่วนที่เกี่ยวกับอำนาจของคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา - 30 - คุ้มครองผู้บริโภคและการบริหารงานคุ้มครองผู้บริโภค อันได้แก่ การตรวจตรา กำกับดูแล และประสานงานการปฏิบัติงานของส่วนราชการต่าง ๆ ในการให้ความคุ้มครองแก่ผู้บริโภค อันไม่เหมาะสม และโดยที่ในปัจจุบันจำนวนผู้บริโภคเป็นจำนวนมากยังไม่ได้รับการคุ้มครองสิทธิอย่างมีประสิทธิภาพตามที่ระบุในบัญชีต้องห้ามประสิทธิภาพ ตลอดจนยังมีผู้บริโภคเป็นจำนวนมากที่ยังได้รับความเสียหายจากการประกอบธุรกิจบางประเภทที่ผู้บริโภคประสบปัญหา สมควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 เพื่อให้การบริหารงานของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเพื่อให้การคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำที่ไม่เป็นธรรมในการทำสัญญาได้ดียิ่งขึ้น และเพื่อเป็นการสมควรปรับปรุงตัวบทเกี่ยวกับการกระทำผิดในเรื่องการโฆษณาและฉลากให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา 3 ให้โอนอำนาจหน้าที่และการบริหารงานของสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ไปเป็นของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานนายกรัฐมนตรี หรือของเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานนายกรัฐมนตรี แล้วแต่กรณี

มาตรา 4 ให้อบรมราคารักษา ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ ธุรการ ค่าใช้จ่าย และเงินงบประมาณของสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักงานนายกรัฐมนตรี เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ไปเป็นของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานนายกรัฐมนตรี

มาตรา 5 ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากได้มีการย้ายสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้มีฐานะเทียบเท่ากรม สังกัดสำนักงานนายกรัฐมนตรี ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2544 ในการนี้จึงสมควรโอนอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้เป็นของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานนายกรัฐมนตรี บรรดาอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ ข้าราชการ ลูกจ้าง และเงินงบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ไปเป็นของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานนายกรัฐมนตรี จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๖ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่กฎหมายว่าด้วยคุ้มครองผู้บริโภคในปัจจุบันยังไม่มีบทบัญญัติชัดเจนที่จะให้คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยหรือประนีประนอมข้อพิพาทที่เกิดขึ้นกับการละเมิดสิทธิของผู้บริโภคซึ่งจะเป็นการช่วยลดปริมาณคดีที่จะเข้าสู่ศาลได้ และสำหรับมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคนั้น แม้จะมีบทบัญญัติว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภคจากสินค้า ที่อาจเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภคก็ตาม แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมไปถึงการคุ้มครองผู้บริโภคจากการรับบริการในลักษณะเดียวกัน สมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยคุ้มครองผู้บริโภค นอกจากนั้นสินค้าต้องห้ามเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภค และผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวจะต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค สมควรกำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าต้องห้ามดังกล่าวต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค พุทธศักราช ๒๕๖๒ มาตรา ๖ ดังนั้น เพื่อแก้ไขบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวและกฎหมายอื่นที่มี บทบัญญัติในลักษณะเดียวกันให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งวันนับแต่วันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๒ ให้คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันที่ พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ คงอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๓ บรรดาประกาศหรือคำสั่งของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ออก ตามมาตรา ๒๓ และมาตรา ๓๓ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่ พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัติคุ้มครอง ผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติคุ้มครอง ผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ มีบทบัญญัติบางประการที่ยังไม่เหมาะสมกับการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค ในสถานการณ์ปัจจุบัน สมควรปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับส่วนที่ประกอบและอำนาจหน้าที่ ของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อมิให้มีอุปสรรคหรือข้อจำกัดในการคุ้มครองผู้บริโภคมากยิ่งขึ้นและให้ ปรับปรุงฐานความผิดและบทกำหนดโทษตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภคให้เหมาะสมยิ่งขึ้น เฉพาะเรื่องจัดทำความปลอดภัยของสินค้าและบริการและกระบวนการพิจารณาเรื่องร้องเรียน ของผู้บริโภคในด้านความปลอดภัย ตลอดจนให้คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคมีอำนาจกำหนดมาตรการ คุ้มครองผู้บริโภค และกำหนดให้คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้รับคำปรึกษาจากผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ เพื่อให้การคุ้มครองผู้บริโภคเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ ต่อการคุ้มครองผู้บริโภค ตลอดจนปรับปรุงอัตราโทษปรับในกรณีที่ผู้บริโภคได้รับความเสียหายจาก การดำเนินงานของผู้ประกอบธุรกิจ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ชวลิตพร/ปรับปรุง ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ นุสรา/ตรวจ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ พัชราภรณ์/เพิ่มเติม ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๒ วิฑูรย์/ตรวจ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๒