로고

พ.ศ. ๒๕๔๙ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. เป็นปีที่ ๖๑ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๙

โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้น

ส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ เสียใหม่

จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำ และยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติกำหนดความผิด

เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. ๒๕๔๙”

มาตรา ๒[1] พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.

๒๕๕๐ เป็นต้นไป

หมวด ๑

ความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด และบริษัทจำกัด

มาตรา ๓[2] ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน หรือห้างหุ้นส่วนจำกัดใดในการใช้

ชื่อในดวงตรา ป้ายชื่อ หนังสือเอกสารต่างๆร้อง ออกหมาย ในเรื่องความ หรือเอกสารอย่าง อื่นเกี่ยวกับธุรกิจของห้างหุ้นส่วน

(๑)

ถ้าเป็นอักษรไทย ไม่ได้กล่าวว่า “ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล” หรือ “ห้าง หุ้นส่วนจำกัด” ประกอบชื่อ แล้วแต่กรณี

(๒)

ถ้าเป็นอักษรต่างประเทศ ไม่ได้ใช้คำที่มีความหมายว่า “ห้างหุ้นส่วน สามัญนิติบุคคล” หรือ “ห้างหุ้นส่วนจำกัด” ตามประกาศของกระทรวงพาณิชย์ประกอบ ชื่อ แล้วแต่กรณี มีความผิดตามพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นเงินไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท และ ชำระรายวันอีกวันละห้าร้อยบาทจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง [“มาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน พ.ศ. ๒๔๗๔ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดตามพินัยเป็นความผิดอาญาในกรณีที่มีความผิดซ้ำ และให้ถือว่า ...] อัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพันน้อย

มาตรา ๖(๓) ผู้ใดใช้ชื่อหรือชื่อที่มีอักษรไทยประกอบว่า "ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล" หรือ "ห้างหุ้นส่วนจำกัด" หรืออักษรต่างประเทศซึ่งมีความหมายดังกล่าวประกอบ ในเอกสาร ป้ายชื่อ หนังสือบอกกล่าวทวงถาม จดหมาย ในเรื่องความ หรือเอกสารอย่างอื่นเกี่ยวกับธุรกิจ โดยมิได้เป็นห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ให้แต่เป็นการใช้ในการขอจดทะเบียนเกี่ยวกับการตั้งห้างหุ้นส่วน มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพันน้อยที่ไม่เกินสองหมื่นบาท และชำระค่าปรับเป็นพันน้อยที่ไม่เกินห้าร้อยบาท* จนกว่าจะได้เลิกใช้หรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง แล้วแต่กรณี

*มาตรา ๗๗ แห่งพระราชบัญญัติด้วยการปรับเป็นพันน้อย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพันน้อย

มาตรา ๖(๔) ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดใดไม่จดทะเบียนตามมาตรา ๑๐๖๗/๑ หรือมาตรา ๑๐๖๗/๒ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพันน้อยที่ไม่เกินสองหมื่นบาท*

*มาตรา ๗๗ แห่งพระราชบัญญัติด้วยการปรับเป็นพันน้อย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพันน้อย

มาตรา ๖(๕) บริษัทจำกัดใด นอกจากธนาคาร ในกรณีใช้ชื่อในเอกสาร ป้ายชื่อ หนังสือบอกกล่าวทวงถาม จดหมาย ในเรื่องความ หรือเอกสารอย่างอื่นเกี่ยวกับธุรกิจของบริษัท

(ก)

ถ้าเป็นอักษรไทย ไม่ได้คำว่า "บริษัท" ไว้หน้าชื่อ และ "จำกัด" ไว้ท้ายชื่อ

(ข)

ถ้าเป็นอักษรต่างประเทศ ไม่ได้คำซึ่งมีความหมายว่า "บริษัทจำกัด" ตามประกาศของกระทรวงเศรษฐการประกอบชื่อ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพันน้อยที่ไม่เกินสองหมื่นบาท และชำระค่าปรับเป็นพันน้อยที่ไม่เกินห้าร้อยบาท* จนกว่าจะได้เลิกใช้หรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง แล้วแต่กรณี *มาตรา ๗๗ แห่งพระราชบัญญัติด้วยการปรับเป็นพันน้อย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพันน้อย "บริษัท" หรือ "จำกัด" หรืออักษรต่างประเทศซึ่งมีความหมายดังกล่าวประกอบ ในเอกสาร ป้ายชื่อ หนังสือบอกกล่าวทวงถาม จดหมาย ในเรื่องความ หรือเอกสารอย่างอื่นเกี่ยวกับธุรกิจของบริษัท โดยมิได้เป็นบริษัทจำกัด หรือมิได้เป็นการใช้ในการขอจดทะเบียนเกี่ยวกับการตั้งบริษัทจำกัด มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพันน้อยที่ไม่เกินสองหมื่นบาท และชำระค่าปรับเป็นพันน้อยที่ไม่เกินห้าร้อยบาท* จนกว่าจะได้เลิกใช้หรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง แล้วแต่กรณี (มาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัตินี้กำหนดด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญานั้นอัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา ๗๙ บริษัทจำกัดได้ไม่เอาหุ้นที่พร้อมเสนอขายออกตลาด ไม่ทำให้หุ้นที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมล่าช้าจ่าย หรือไม่ส่งเงินสินไหมชดเชยให้แก่ผู้ถือหุ้นตามมาตรา ๑๑๑๙ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท*

(มาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัตินี้กำหนดด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญานั้นอัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา ๘๐ บริษัทจำกัดได้ไม่ทำใบหุ้นมอบให้เป็นผู้ถือหุ้นผู้ถือหุ้น หรือเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเงินค่าที่ทำคำแถลงได้ตามมาตรา ๑๑๑๙ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือไม่ทำใบหุ้นตามมาตรา ๑๑๒๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท*

(มาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัตินี้กำหนดด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญานั้นอัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา ๘๑ บริษัทจำกัดได้ออกใบหุ้นน้อยกว่าที่ผู้ถือหุ้นโดยให้เป็นมาตรา ๑๑๑๙ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือมีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท*

(มาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัตินี้กำหนดด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญานั้นอัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา ๘๒ บริษัทจำกัดได้ไม่มีสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นตามมาตรา ๑๑๑๙ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท*

(มาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัตินี้กำหนดด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญานั้นอัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา ๘๓ บริษัทจำกัดได้ไม่ส่งสำเนารายงานการประชุมผู้ถือหุ้น หรือผู้ถือหุ้นซึ่งไม่มีสิทธิออกเสียงตามมาตรา ๑๑๑๙ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท*

(มาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัตินี้กำหนดด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญานั้นอัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา ๑๒[12] บริษัทจำกัดโดยเป็นเจ้าของถือหุ้นของตนเอง หรือรับจำนำหุ้นของตนเอง โดยฝ่าฝืนมาตรา ๑๑๓๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางแพ่งต้องชำระค่าปรับเป็นเงินไม่เกินหนึ่งแสนบาท*

(“มาตรา ๗๗ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา ๑๓[13] บริษัทจำกัดใดไม่จดทะเบียนตามมาตรา ๑๑๓๖ มาตรา ๑๑๓๗ มาตรา ๑๑๓๘ มาตรา ๑๑๓๙ หรือมาตรา ๑๑๔๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นเงินไม่เกินสองหมื่นบาท*

(“มาตรา ๗๗ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา ๑๔[14] บริษัทจำกัดใดไม่มีสำเนางบการเงิน หรือไม่ส่งคำบอกกล่าวตามมาตรา ๑๑๔๘ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นเงินไม่เกินสองหมื่นบาท*

(“มาตรา ๗๗ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา ๑๕[15] บริษัทจำกัดใดลงมติพิเศษตามมาตรา ๑๑๕๔ โดยฝ่าฝืนมาตรา ๙๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นเงินไม่เกินสองหมื่นบาท*

(“มาตรา ๗๗ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา ๑๖[16] บริษัทจำกัดใดไม่เรียกประชุมตามมาตรา ๑๑๖๙ วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นเงินไม่เกินสองหมื่นบาท*

(“มาตรา ๗๗ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา ๑๗[17] บริษัทจำกัดใดไม่ส่งหนังสือบอกกล่าวเกี่ยวกับการประชุมใหญ่ไม่ส่งคำบอกกล่าว หรือไม่ส่งคำบอกกล่าวภายในกำหนดที่ วัน เวลา และสถานที่แห่งการจัดการประชุมใหญ่ตามมาตรา ๑๑๗๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นเงินไม่เกินสองหมื่นบาท*

"มาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัตินี้กำหนดการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๔ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย"

มาตรา ๑๘(18) บริษัทจำกัดใด

(๑)

ไม่ทำบัญชีซึ่งงวดตามมาตรา ๑๑๓๖ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

(๒)

ไม่จัดให้ผู้สอบบัญชีตรวจสอบบัญชี ไม่นำบัญชีงบดุลเสนอเพื่ออนุมัติในที่ประชุมใหญ่ ไม่ส่งสำเนางบดุล หรือไม่มีสำเนางบดุล ตามมาตรา ๑๑๙๗ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือ

(๓)

ไม่จัดทำรายงานงบดุลแก่ผู้ปรากฏว่าจะซื้อ ตามมาตรา ๑๑๙๙ วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท "มาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัตินี้กำหนดการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๔ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย"

มาตรา ๑๙ บริษัทจำกัดใดดำเนินการฝ่าฝืนโดยฝ่าฝืนมาตรา ๑๒๐๐ วรรคหนึ่งและวรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือไม่จัดทำรายงานการประชุมใหญ่ตามมาตรา ๑๒๐๓ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือไม่จัดทำรายงานการประชุมใหญ่ตามมาตรา ๑๒๐๔ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือไม่จัดทำรายงานการประชุมใหญ่ตามมาตรา ๑๒๐๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท

"มาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัตินี้กำหนดการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๔ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย"

มาตรา ๒๐(20) บริษัทจำกัดใดได้แสดงข้อความอันเป็นเท็จอย่างใด ๆ อันได้อนุญาตให้ตามมาตรา ๑๒๐๖ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท

"มาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัตินี้กำหนดการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๔ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย"

มาตรา ๒๑(21) บริษัทจำกัดใดไม่เสนอรายการที่จำเป็นต้องทำให้เป็นที่พึงพอใจตามมาตรา ๑๒๐๗ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท

"มาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัตินี้กำหนดการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๔ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย" อัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพันนัย

มาตรา ๒๒[22] บริษัทจำกัดใดไม่โฆษณา หรือไม่มีหนังสือบอกกล่าวความประสงค์จะลดทุนตามมาตรา ๒๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือมีการลดทุนโดยฝ่าฝืนมาตรา ๒๑๖ วรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพันนัยไม่เกินห้าหมื่นบาท*

("มาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัติด้วยการปรับเป็นพันนัย พ.ศ. ๒๕๖๖ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพันนัย)

มาตรา ๒๓[23] บริษัทจำกัดใดออกหุ้นกู้โดยฝ่าฝืนมาตรา ๒๓๗ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพันนัยไม่เกินห้าหมื่นบาท*

("มาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัติด้วยการปรับเป็นพันนัย พ.ศ. ๒๕๖๖ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพันนัย)

มาตรา ๒๔[24] บริษัทจำกัดใดไม่ส่งหนังสือบอกกล่าวมติให้ความรวมบริษัทหรือไม่โฆษณาให้ทราบความประสงค์ที่จะควบรวมหรือรวมบริษัทตามมาตรา ๒๔๖ วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือมีการควบรวมหรือรวมบริษัทโดยฝ่าฝืนมาตรา ๒๔๖ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพันนัยไม่เกินห้าหมื่นบาท*

("มาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัติด้วยการปรับเป็นพันนัย พ.ศ. ๒๕๖๖ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพันนัย)

มาตรา ๒๕[25] ในกรณีที่บริษัทจำกัดใดกระทำความผิดตามมาตรา ๗ ถึงมาตรา ๒๔ ถ้าการกระทำความผิดของบริษัทจำกัดนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทจำกัดนั้น หรือในกรณีที่บุคคลดังกล่าวที่ต้องสั่งการหรือกระทำการและละเลยไม่สั่งการหรือไม่กระทำการจนเป็นเหตุให้บริษัทจำกัดกระทำความผิด ผู้ที่มีส่วนร่วมผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพันนัยไม่เกินห้าหมื่นบาท*

("มาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัติด้วยการปรับเป็นพันนัย พ.ศ. ๒๕๖๖ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพันนัย)

มาตรา ๒๖[26] กรรมการโดยบริษัทจำกัดไม่ส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นและบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นตามมาตรา ๑๒๗ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพันนัยไม่เกินห้าหมื่นบาท*

("มาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัติด้วยการปรับเป็นพันนัย พ.ศ. ๒๕๖๖ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพันนัย)

มาตรา ๒๗ (27) กรรมการใดของบริษัทจำกัดไม่เรียกประชุมวิสามัญตามมาตรา ๑๑๗๒ วรรคสอง หรือมาตรา ๑๑๗๔ วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางแพ่งต้องชำระค่าปรับเป็นเงินไม่เกินสองหมื่นบาท

(*มาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัตินี้ด้วยการปรับเป็นเงิน พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดตามกฎหมายที่กำหนดโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางแพ่ง และให้ถือว่าอัตราโทษปรับตามกฎหมายเป็นอัตราค่าปรับทางแพ่ง)

มาตรา ๒๘ (28) กรรมการใดของบริษัทจำกัด

(ก)

ไม่ส่งสำเนาบัญชีตามมาตรา ๑๑๗๕ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

(ข)

ไม่จัดให้สอบบัญชีตามมาตรา ๑๒๐๖ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือ

(ค)

ไม่จัดให้จดบันทึก หรือไม่เก็บรักษาสมุดตามมาตรา ๑๒๐๗ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

(ง)

(29) ไม่ส่งงบการเงิน ทรัพย์สิน บัญชี เอกสาร และหลักฐานต่าง ๆ ตามมาตรา ๑๒๐๖/๑ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือไม่จดทะเบียนการควบรวมบริษัทตามมาตรา ๑๒๐๘ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางแพ่งต้องชำระค่าปรับเป็นเงินไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท (*มาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัตินี้ด้วยการปรับเป็นเงิน พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดตามกฎหมายที่กำหนดโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางแพ่ง และให้ถือว่าอัตราโทษปรับตามกฎหมายเป็นอัตราค่าปรับทางแพ่ง)

มาตรา ๒๙ (30) บริษัทจำกัดใดเสนอหนังสือออกคำให้ผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้นใหม่โดยฝ่าฝืนมาตรา ๑๒๐๒ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางแพ่งต้องชำระค่าปรับเป็นเงินไม่เกินสองหมื่นบาท

(*มาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัตินี้ด้วยการปรับเป็นเงิน พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดตามกฎหมายที่กำหนดโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางแพ่ง และให้ถือว่าอัตราโทษปรับตามกฎหมายเป็นอัตราค่าปรับทางแพ่ง)

มาตรา ๓๐ (31) ผู้ถือหุ้นใด รับหรือยอมรับประโยชน์เป็นเงินสดสำหรับหุ้นที่ซื้อมา หรือรับหรือยอมรับประโยชน์เป็นเงินสดสำหรับหุ้นที่ซื้อมาในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่ตราไว้ มีความผิดทางแพ่งต้องชำระค่าปรับเป็นเงินไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

ผู้ใดให้ หรือสัญญาว่าจะให้ประโยชน์เป็นเงินสดแก่ผู้ถือหุ้นเพื่อเป็นการจูงใจให้ซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่ตราไว้ หรือเพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทขายหุ้น มีความผิดทางแพ่งต้องชำระค่าปรับเป็นเงินไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท (*มาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัตินี้ด้วยการปรับเป็นเงิน พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดตามกฎหมายที่กำหนดโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางแพ่ง และให้ถือว่าอัตราโทษปรับตามกฎหมายเป็นอัตราค่าปรับทางแพ่ง) อัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย

มาตรา 32[32] ผู้สอบบัญชีของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือบริษัทจำกัด รับรองงบการเงินด้วยข้อความอันไม่ถูกต้อง หรือกระทำการอย่างใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 33[33] ห้ามหุ้นส่วนของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนหรือหุ้นส่วนจำกัดไม่โฆษณาหรือไม่มีหนังสือบอกกล่าวความประสงค์จะแบ่งทรัพย์ตามมาตรา 21(6) (ข) หรือจัดการเปลี่ยนแปลงโดยฝ่าฝืน มาตรา 21(9) วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท*

(*มาตรา 79 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญานั้นคืออัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา 34[34] หุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 16(1) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าหมื่นบาท*

(*มาตรา 79 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญานั้นคืออัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา 35[35] คณะกรรมการของบริษัทจำกัดไม่จัดให้มีและเก็บรักษาสภาพการประชุมตามมาตรา 1175 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าหมื่นบาท*

(*มาตรา 79 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญานั้นคืออัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา 36[36] ผู้กระทำบัญชีของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัทจำกัด ไม่กระทำตามมาตรา 1254 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินแสนบาท*

(*มาตรา 79 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญานั้นคืออัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา 37[37] ผู้จัดการของบริษัทจำกัดไม่จัดให้มีและเก็บรักษาสภาพการประชุมตามมาตรา 1175 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าหมื่นบาท*

(*มาตรา 79 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญานั้นคืออัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา ๓๘[๓๘] ผู้ทำระบัญชีโดยจงใจของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัทจำกัด ไม่ร้องขอต่อศาลตามมาตรา ๒๑๒๑ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางแพ่งต้องชำระค่าเสียหายและค่าปรับเป็นเงินไม่เกินห้าหมื่นบาท*

(*มาตรา ๓๘ แห่งพระราชบัญญัตินี้ได้อาศัยอำนาจปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๕๘ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางแพ่ง และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา ๓๙[๓๙] ผู้ทำระบัญชีโดยจงใจของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัทจำกัด

(ก)

ไม่ทำงบลบ หรือไม่เรียกประชุมใหญ่ตามมาตรา ๑๒๕๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

(ข)

ไม่ทำรายงาน หรือไม่เปิดเผยรายงานตามมาตรา ๑๒๖๗ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

(ค)

ไม่ทำรายงาน ไม่เรียกประชุมใหญ่ หรือไม่แจ้งกิจการตามมาตรา ๑๒๖๐ วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือ

(ง)

ไม่มอบบัญชีและเอกสารตามมาตรา ๑๒๖๐ วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางแพ่งต้องชำระค่าเสียหายและค่าปรับเป็นเงินไม่เกินห้าหมื่นบาท* (*มาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัตินี้ได้อาศัยอำนาจปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๕๘ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางแพ่ง และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา ๔๐[๔๐] ผู้ทำระบัญชีโดยจงใจของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัทจำกัด ไม่เรียกประชุมใหญ่ ไม่ทำรายงาน หรือไม่แถลงตามมาตรา ๑๒๖๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางแพ่งต้องชำระค่าเสียหายและค่าปรับเป็นเงินไม่เกินห้าหมื่นบาท*

(*มาตรา ๔๐ แห่งพระราชบัญญัตินี้ได้อาศัยอำนาจปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๕๘ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางแพ่ง และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา ๔๑[๔๑] ผู้ทำระบัญชีโดยจงใจของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัทจำกัด แต่แสดงบัญชีหรือเอกสารอันเป็นเท็จตามมาตรา ๑๒๖๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางแพ่งต้องชำระค่าเสียหายและค่าปรับเป็นเงินไม่เกินห้าหมื่นบาท*

(*มาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัตินี้ได้อาศัยอำนาจปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๕๘ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางแพ่ง และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา ๔๒[๔๒] กรรมการ หรือผู้ทำระบัญชีโดยจงใจของบริษัทจำกัดโดยทุจริตแสดงออกซึ่งความเท็จ หรือปกปิดความจริงต่อที่ประชุมใหญ่ในเรื่องฐานะการเงินของ

บริษัทนั้น มีความผิดทางแพ่งต้องชำระค่าปรับเป็นเงินไม่เกินห้าหมื่นบาท *มาตรา ๗๗ แห่งพระราชบัญญัตินี้กำหนดด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับรังควานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญานั้นอัตราค่าปรับเป็นพินัย*

มาตรา ๕๙(๔๕) ผู้ใดใช้ข้อมูลหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัทจำกัดโดยมิชอบจากการขอเอกสารเพื่อใช้ในการประชุมของบริษัท เพื่อให้ประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่นในทางมิชอบ ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือบริษัทจำกัดนั้นมีสิทธิแจ้งให้ถูกต้องตามความเสียหายที่เกิดขึ้น หรือกระทำให้หุ้นส่วนหรือบริษัทนั้นเสียหาย และชำระค่าปรับเป็นเงินจำนวนหนึ่งไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกิน ๒ ปี

*มาตรา ๗๗ แห่งพระราชบัญญัตินี้กำหนดด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับรังควานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญานั้นอัตราค่าปรับเป็นพินัย*

มาตรา ๖๐(๔๔) บุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือบริษัทจำกัด เอาไปเสีย ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์สินอันเป็นหุ้นบุคคลดังกล่าวจำกัดไว้ ใช้โดยการเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทจำกัด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๖๐(๔๕) บุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัทจำกัด กระทำการหรือไม่กระทำการโดยทุจริตประการใดๆ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์โดยมิชอบ ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือบริษัทจำกัดนั้นมีความผิดทางแพ่ง ต้องชำระค่าปรับเป็นเงินจำนวนหนึ่งไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

(๑)

ย้าย ซ่อน หรือโอนให้ผู้อื่นซึ่งทรัพย์สินของนิติบุคคลดังกล่าว หรือ

(๒)

แกล้งให้เกิดบุคคลดังกล่าวเป็นหนี้ซึ่งไม่เป็นความจริง ถ้าได้กระทำเพื่อให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วน ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๖๑(๔๖) บุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัทจำกัด กระทำการหรือไม่กระทำการโดยทุจริตประการใดๆ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์โดยมิชอบ ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือบริษัทจำกัดนั้นมีความผิดทางแพ่ง ต้องชำระค่าปรับเป็นเงินจำนวนหนึ่งไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

*มาตรา ๗๗ แห่งพระราชบัญญัตินี้กำหนดด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับรังควานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญานั้นอัตราค่าปรับเป็นพินัย*

มาตรา ๖๒(๔๗) บุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัทจำกัด กระทำ หรือยินยอมให้กระทำการดังต่อไปนี้

(๑)

ทำให้เสียหาย ทำลาย เปลี่ยนแปลง ตัดทอน หรือปลอมบัญชี เอกสาร หรือหลักประกันของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท หรือเกี่ยวกับหุ้นส่วนหรือบริษัท หรือ

(ฮ)

ลงข้อความเท็จ หรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชี หรือเอกสารของห้างหุ้นส่วน หรือบริษัท หรือเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท ถ้ากระทำหรือยินยอมให้กระทำการเพื่อฉ้อฉลให้ห้างหุ้นส่วน บริษัท ผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นตนเองประโยชน์อันควรได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๔๗(48) ผู้ใดใช้อำนาจจนเห็นได้ว่าชื่อซื้อหุ้นโดยฝ่าฝืนมาตรา ๑๑๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดตามพันธะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าหมื่นบาท

*มาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติการจัดการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญานั้นถือว่าเป็นอัตราปรับเป็นพินัย

มาตรา ๔๘(49) (ยกเลิก)

มาตรา ๔๙(50) (ยกเลิก)

มาตรา ๕๐(51) ผู้ใดใช้อำนาจโดยอ้างถึงบุคคล ตำแหน่งหน้าที่ บัญชี รายงาน หรือกิจการอื่นเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือบริษัทจำกัด อันเป็นเท็จในกระทำหรือยอมให้กระทำการเพื่อ

(ก)

ลงบัญชีอันได้เสียในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทให้ตนเองประโยชน์อันควรได้จากห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทนั้นหรือ

(ข)

จูงใจบุคคลให้เข้ามีส่วนร่วมในห้างหุ้นส่วน ให้ยอมมอบหรือให้ทรัพย์สินให้แก่ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้น หรือให้เข้าเป็นผู้ค้ำประกันหรือให้ทรัพย์สินเป็นประกันห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๕๑(52) ผู้ใดเข้าร่วมในที่ประชุมบริษัทจำกัดหรือในที่ประชุมใหญ่ของบริษัทจำกัด และลงคะแนนออกเสียงหรือลงคะแนนแทนบุคคลอื่น โดยอ้างว่าตนเป็นผู้ถือหุ้น หรือผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงในที่ประชุมดังกล่าว ทั้งที่รู้อยู่ หรือผู้ถือหุ้นมีความผิดตามพันธะต้องระวางโทษปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท*

ผู้ใดให้บุคคลในการกระทำความผิดดังกล่าวในวรรคหนึ่ง โดยส่งมอบเอกสารแสดงการเข้าซื้อหุ้น หรือในบัญชีที่ได้ใช้ในการออกเสียงในที่ประชุมดังกล่าว ต้องระวางโทษปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท *มาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติการจัดการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญานั้นถือว่าเป็นอัตราปรับเป็นพินัย

มาตรา ๕๒(53) ผู้ใดโดยเจตนา ทำเอกสารปลอม หรือทรัพย์ที่นำมาแสดงในที่ประชุมใหญ่ของบริษัทจำกัด หรือในที่ประชุมใหญ่ของบริษัทจำกัด มีความผิดตามพันธะต้องระวางโทษปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

``` (*มาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัตินี้ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๕๔ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญานั้นอัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา ๔๗/๕[54] บรรดาความผิดในหมวด ๑๑ อาศัยพระราชบัญญัตินี้มีโทษปรับสถานเดียว ให้ถือเป็นการพัฒนาธุรกิจการค้าหรือผู้ซึ่งอำนวยการพัฒนาธุรกิจการค้าขอผ่อนผันชำระค่าปรับแทนได้และเมื่อผู้กระทำความผิดได้ชำระค่าปรับตามที่ได้เปรียบเทียบแล้วให้ถือเป็นอันเลิกกันมองประจาจากฐานะวิธีการหรือสถานความอาญา

ถ้าผู้กระทำความผิดไม่ยอมชำระค่าปรับเมื่อยอมแล้วไม่ชำระเงินค่าปรับในเวลาที่กำหนด ให้ดำเนินคดีต่อไป

มาตรา ๔๗/๖[55] ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์รักษาการตามบทบัญญัติในหมวดนี้

หมวด ๒

ความผิดเกี่ยวกับสมาคมและมูลนิธิ[56]

มาตรา ๔๘[57] ผู้ใดใช้คำว่า “สมาคม” ประกอบกับชื่อ ในดวงตรา ป้ายชื่อ ตราหมาย ในเอกสาร หรือกิจการอย่างอื่นเกี่ยวกับธุรกิจโดยมิใช่เป็นสมาคมที่ได้จดทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้และพระราชบัญญัติว่าด้วยการนั้น เว้นแต่เป็นการใช้ในกิจการของสมาคมที่ได้จดทะเบียนตามกฎหมายอื่นในกรณีที่กฎหมายอื่นนั้นบัญญัติไว้โดยชัดแจ้งหรือการใช้ในกิจการของสมาคมที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศที่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปในทางการค้าหรือในทางการอื่นใดในประเทศไทย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

(*มาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัตินี้ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๕๔ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญานั้นอัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา ๔๙[58] ผู้ใดดำเนินกิจการของคณะบุคคลใดโดยกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดในบุคคลอื่นหลงเชื่อว่ากิจการนั้นเป็นสมาคมที่ได้จดทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้และพฤติการณ์ และการกระทำดังกล่าวอาจเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๕๐[59] ผู้ใดโฆษณาชักชวนบุคคลใดให้ซื้อหรือร่วมลงทุนโดยรู้ว่าเป็นสมาคมที่มิได้จดทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้และพฤติการณ์ มีความผิดตามมาตรา ๔๙ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท*

(*มาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัตินี้ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๕๔ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญานั้นอัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา ๕๑[60] สมาคมใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๖๐ แห่งพระราชบัญญัตินี้ แห่งและพฤติการณ์ มีความผิดตามมาตรา ๔๙ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

``` อัตราโทษปรับรายๆ เป็นอัตราค่าปรับเป็นพันบัย

มาตรา ๔๓[๖๑] สมาคมใดมิได้จดทะเบียนซึ่งบังคับที่ได้แก้ไขเพิ่มเติมต่อ นายทะเบียนภายในระยะเวลาที่กำหนดตามมาตรา ๔๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพันบัยไม่เกินหนึ่งพันบาท

(*มาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพันบัย พ.ศ. ๒๕๒๕ บัญญัติให้เมื่อมีความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับรายๆ เป็นอัตราค่าปรับเป็นพันบัย)

มาตรา ๔๔[๖๒] สมาคมใดมิได้จดทะเบียนการแต่งตั้งหรือเปลี่ยนแปลงกรรมการของสมาคมต่อ นายทะเบียนภายในระยะเวลาที่กำหนดตามมาตรา ๔๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพันบัยไม่เกินหนึ่งพันบาท

(*มาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพันบัย พ.ศ. ๒๕๒๕ บัญญัติให้เมื่อมีความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับรายๆ เป็นอัตราค่าปรับเป็นพันบัย)

มาตรา ๔๕[๖๓] สมาคมใดไม่ยอมให้สมาชิกของสมาคมตรวจตรากิจการและทรัพย์สินของสมาคมตามมาตรา ๗๙ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพันบัยไม่เกินหนึ่งพันบาท

(*มาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพันบัย พ.ศ. ๒๕๒๕ บัญญัติให้เมื่อมีความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับรายๆ เป็นอัตราค่าปรับเป็นพันบัย)

มาตรา ๔๖[๖๔] กรรมการของสมาคมผู้ใดดำเนินกิจการผิดวัตถุประสงค์ของสมาคม และการดำเนินกิจการนั้นเป็นภัยอันตรายต่อความสงบสุขของประชาชน หรือความมั่นคงของรัฐ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๔๗[๖๕] ในกรณีที่คณะกรรมการของสมาคมไม่แจ้งการเลิกสมาคมต่อ นายทะเบียนภายในระยะเวลาที่กำหนดตามมาตรา ๔๘ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กรรมการของสมาคมนั้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

(*มาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพันบัย พ.ศ. ๒๕๒๕ บัญญัติให้เมื่อมีความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับรายๆ เป็นอัตราค่าปรับเป็นพันบัย)

มาตรา ๔๘[๖๖] ผู้จดทะเบียนหรือสมาคมที่เลิกแล้วมิได้จัดการบัญชีทรัพย์สินของสมาคมให้เสร็จสิ้นตามมาตรา ๕๐๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๖๗(๖๗) ผู้ใดอ้างขึ้นแสดงตนเป็นกรรมการหรือสมาชิกของสมาคม โดยรู้อยู่ว่านายทะเบียนถอนชื่อสมาคมนั้นออกจากทะเบียนแล้วตามมาตรา ๑๐๑ แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือกล่าวได้ว่ามีผลสิ้นสภาพแล้วตามมาตรา ๑๐๔ แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน สองหมื่นบาท*

("มาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัตินี้ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่ไม่ปรากฏในส่วนเดียวกันเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่า อัตราโทษปรับอาญานั้นถือว่าเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา ๖๘(๖๘) ผู้ใดใช้คำว่า "มูลนิธิ" ประกอบนามชื่อ ในอาการว่า ป้ายชื่อ จดหมาย ในแจ้งความ หรือเอกสารอย่างอื่นที่เกี่ยวกับธุรกิจ โดยมิได้เป็นมูลนิธิที่ได้จด ทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ วันแต่เป็นการขอจดทะเบียน เกี่ยวกับการตั้งมูลนิธิ หรือในนามมูลนิธิที่จดทะเบียนในประเทศอื่นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าหมื่นบาท และชำระค่าปรับเป็นพินัยอีกวันละไม่เกินห้าพันบาท* จนกว่าจะได้แก้ไขให้ใช้

("มาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัตินี้ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่ไม่ปรากฏในส่วนเดียวกันเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่า อัตราโทษปรับอาญานั้นถือว่าเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา ๖๙(๖๙) ผู้ใดดำเนินกิจการโดยโดยกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้ บุคคลอื่นหลงเชื่อว่าการนั้นเป็นมูลนิธิที่ได้จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์ ทั้งที่มิได้เป็นมูลนิธิที่จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือปรับเป็นพินัยวันละ ห้าพันบาท* หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๗๐(๗๐) มูลนิธิใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๑๓ แห่งประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองหมื่นบาท และ ชำระค่าปรับเป็นพินัยอีกวันละไม่เกินห้าร้อยบาท* จนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง

("มาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัตินี้ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่ไม่ปรากฏในส่วนเดียวกันเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่า อัตราโทษปรับอาญานั้นถือว่าเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา ๗๑(๗๑) มูลนิธิใดได้จดทะเบียนการแต่งตั้งหรือเปลี่ยนแปลง กรรมการของมูลนิธิเมื่อพ้นกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๑๖ แห่งประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท*

("มาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัตินี้ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่ไม่ปรากฏในส่วนเดียวกันเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่า อัตราโทษปรับอาญานั้นถือว่าเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา ๗๒(๗๒) มูลนิธิใดได้จดทะเบียนไว้แล้วแต่ไม่จัดทำบัญชี หรือไม่ส่ง นายทะเบียนภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๒๑ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท*

(*มาตรา ๙๗ แห่งพระราชบัญญัตินี้ก่อนการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติไว้เป็นส่วนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับตามนี้คืออัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา ๖๕(73) ผู้ใดให้สินหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งสั่งตามมาตรา ๑๒๖ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือไม่อำนวยความสะดวกแก่นายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งเข้าไปตรวจสอบกิจการของมูลนิธิตามมาตรา ๑๒๖ วรรคหนึ่ง (๒) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๖๖(74) กรรมการของมูลนิธิผู้ใดดำเนินกิจการผิดวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ และการดำเนินกิจการนั้นอาจเป็นภัยต่อการต่อความสงบสุขของประชาชนหรือความมั่นคงของรัฐ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๖๗(75) ในกรณีที่คณะกรรมการของมูลนิธิไม่แจ้งการเลิกมูลนิธิต่อนายทะเบียนภายในระยะเวลาที่กำหนดตามมาตรา ๑๒๗ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กรรมการของมูลนิธินั้นต้องรับผิดทางอาญาโดยระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท ทั้งนี้ เว้นแต่กรรมการผู้ใดจะพิสูจน์ได้ว่าการที่ไม่ดำเนินการนั้น มิได้เกิดจากการกระทำของตน

(*มาตรา ๙๗ แห่งพระราชบัญญัตินี้ก่อนการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติไว้เป็นส่วนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับตามนี้คืออัตราค่าปรับเป็นพินัย)

มาตรา ๖๘(76) ผู้ใดโอนทรัพย์สินของมูลนิธิที่เหลืออยู่เมื่อได้จดทะเบียนเลิกมูลนิธิแล้วเป็นการฝ่าฝืนมาตรา ๑๓๓ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๖๙(77) ให้ข้อความในมาตรา ๓๗ ถึงมาตรา ๕๐ มาใช้บังคับแก่บุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินกิจการของสมาคมหรือมูลนิธิโดยอนุโลม

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ความผิดเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของสมาคมและมูลนิธิที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เป็นความผิดอาญา และมีลักษณะเป็นความผิดที่มีโทษปรับสถานเดียว ซึ่งไม่เหมาะสมกับสภาพของความผิดดังกล่าว สมควรปรับปรุงให้เป็นความผิดทางพินัย เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพของความผิดดังกล่าว และเพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายมีความเหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติแก้ไขความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๓(78)

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหกสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๙ ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในมาตรา ๘ วรรคสอง มาตรา ๑๑ วรรคสอง และมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้บังคับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตราขึ้นใหม่ พ.ศ. ๒๕๔๑ ถ้ามีให้บังคับใช้บังคับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่ไม่ได้กล่าวว่า “สมาคม” หรือ “มูลนิธิ” ประกอบชื่อของตน หรือมูลนิธิที่มีชื่อของตนขึ้นพระราชบัญญัติแก้ไขความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๓ ใช้บังคับแล้วถือว่ามูลนิธินั้นมีนิติบุคคลแล้วใช้คำว่า “มูลนิธิ” ประกอบชื่อของตน แล้วแต่กรณี

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากได้มีการแก้ไขปรับปรุงประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด และได้กำหนดบังคับใช้ในส่วนที่เกี่ยวกับการออกจากการเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการในห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนและห้างหุ้นส่วนจำกัด และการจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด และบริษัทจำกัดต่อไปในการดำเนินการตามพระราชบัญญัติแก้ไขความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ พ.ศ. ๒๕๔๑ ให้สอดคล้องกับการแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติแก้ไขความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๔(79)

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติในลักษณะ ๒๓ หุ้นส่วนและบริษัทของบรรพ ๓ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในส่วนที่เกี่ยวกับการออกจากการเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการในห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนและห้างหุ้นส่วนจำกัด และการจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด และบริษัทจำกัด เพื่อให้การดำเนินการตามพระราชบัญญัติแก้ไขความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ พ.ศ. ๒๕๔๑ สอดคล้องกับการแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติแก้ไขความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๔(80)

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติในลักษณะ ๒ หุ้นส่วนและบริษัทของบรรพ ๓ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ให้ห้างหุ้นส่วนสามัญและห้างหุ้นส่วนจำกัดได้และให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดสามารถจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงเป็นบริษัทจำกัดได้โดยไม่ต้องเลิกกิจการและจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ รวมทั้งกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมควรที่จะแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติในกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความรับผิดในทางอาญาของผู้แทนนิติบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๐

มาตรา ๖ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหกสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๓๗ วรรคสอง เป็นข้อยกเว้นไม่ให้ออกกฎหมายขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๖ และต่อมารัฐธรรมนูญได้สิ้นสุดในลักษณะดังกล่าวของคำสั่งนายกรัฐมนตรี คือ พระราชบัญญัติสิ่งลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๕๗ มาตรา ๗๗ พระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ มาตรา ๖๔ พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรร พ.ศ. ๒๕๔๔ มาตรา ๒๔/๔ และพระราชบัญญัติยา พ.ศ. ๒๕๕๗ มาตรา ๔๐/๒ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๓๗ วรรคสอง เป็นข้อยกเว้นไม่ให้ออกกฎหมายขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๖ เพื่อเป็นไปตามบัญญัติของกฎหมายลักษณะและกฎหมายอื่นที่มีบทบัญญัติในลักษณะเดียวกันกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ขัดรัฐธรรมนูญ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๖ ให้ยกเลิกบทบัญญัติในลักษณะของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมจำกัด (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๖๐

บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ เพื่อให้การกำหนดความผิดและบทกำหนดโทษในเรื่องดังกล่าวสอดคล้องกับบทบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญาแห่งพระพุทธศักราช ซึ่งจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสี่ร้อยสิบวันนับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่บทบัญญัติมาตรา ๗๙ และมาตรา ๘๐ วรรคหนึ่ง ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๔ ให้คณะรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และมีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้

มาตรา ๗๙ เมื่อพ้นกำหนดสี่ร้อยห้าวันนับตั้งแต่วันประกาศในพระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวตามกฎหมายในบัญชี ๑ ท้ายพระราชบัญญัตินี้ เป็นความผิดทางพินัยตามพระราชบัญญัตินี้ และให้ถือว่าอัตราโทษปรับตามบัญชีดังกล่าวเป็นจำนวนเงินค่าปรับเป็นพินัยตามพระราชบัญญัตินี้

หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัตินี้ คือ โดยที่มาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้บัญญัติให้รัฐพึงจัดให้มีกฎหมายเท่าที่จำเป็น รัฐพึงยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่หมดความจำเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ และพึงจัดให้มีกฎหมายที่มีบทบัญญัติที่มีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไปมีความชัดเจน ไม่สร้างภาระแก่ประชาชนเกินสมควรแก่เหตุหรือความจำเป็น และไม่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบอาชีพหรือการดำรงชีวิตของประชาชน ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการปฏิบัติตามกฎหมายและได้รับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และด้วยปัจจุบันมีความจำเป็นต้องออกกฎหมายเพื่อกำหนดให้เป็นความผิดทางพินัยสำหรับการกระทำที่ไม่ร้ายแรงและไม่อยู่ในฐานะที่จะต้องกำหนดโทษทางอาญา เช่น การจอดรถผิดที่ การตั้งสิ่งของกีดขวางทางจราจร เป็นต้น เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์แก่ประเทศและเกิดประโยชน์แก่ประชาชนยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ เปลี่ยนโทษอาญาบางประเภทที่มีผู้ออกประกาศที่มีมูลต่อการปรับเป็นเงินสถานบัญชีทรัพยพระราชบัญญัติ เปลี่ยนเป็นมาตรการปรับเป็นพันธบัตรที่สร้างขึ้นใหม่ไม่ให้มีผลภาพเป็นโทษอาญา โดยกำหนดหลักเกณฑ์ให้มีข้อมูลเพื่อกำหนดต่อการปรับดังกล่าวให้เหมาะสมกับสถานภาพความรับผิดแห่งการกระทำและฐานะทางเศรษฐกิจของผู้กระทำความผิดให้ตลอดคล้องกัน และในกรณีที่มี กระทำความผิดไม่มีส่วนร้ายแรงบำบัด บางอย่างพิจารณาบริการสังคมหรือทำงาน สาธารณประโยชน์แทนการชำระค่าปรับได้ โดยไม่มีการกำหนดค่าปรับขั้นต่ำดังที่เป็นอยู่ในอดีตอีกต่อไป การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้ไม่ให้มีผลย้อนหลังโดยให้การปรับเป็นพันธบัตรใหม่เป็นการเฉพาะที่ ย่อมจะช่วยทำให้ประชาชนที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดเล็กน้อยอันมิใช่ร้ายแรงทางอาญา และไม่มีประวัติอาชญากรรมเสียด้วยดีต่อไป การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้มีผลให้ทางอาญาแห่งเดิมที่มีผลเป็นโทษอาญาเปลี่ยนแปลงเป็นมาตรการปรับเป็นพันธบัตรที่สร้างขึ้นใหม่โดยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามเจตนารมณ์ของมาตรา ๗๗ และมาตรา ๒๕๘ ค. ด้านกฎหมาย (๑) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและแผนการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย นอกจากนี้ สำหรับกฎหมายบางฉบับที่กำหนดให้เจ้าหน้าที่ทางปกครอง มีหน้าที่บังคับใช้พิจารณาคดีอาญาเสียด้วยนอกจากในการจัดการคดีอาญาที่เกี่ยวกับชำระค่าปรับทางปกครองไปแล้ว สมควรเปลี่ยนโทษดังกล่าวเป็นมาตรการปรับเป็นพันธบัตรเช่นเดียวกัน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ ปิยพันธ์ / Maker 29 กันยายน 2566 ภานุรุจ / Checker 23 ตุลาคม 2566 ภานุรุจ / Authorizer 24 ตุลาคม 2566 (1) ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๔๗/ตอนที่ ๕๕/ฉบับพิเศษ หน้า ๑๘๒/๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (2) อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติทำนองความผิดเกี่ยวกับ ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖ (3) อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (๒) แห่งพระราชบัญญัติทำนองความผิดเกี่ยวกับ ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖ (4) มาตรา ๓ (๓) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติทำนองความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖ (5) อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (๔) แห่งพระราชบัญญัติทำนองความผิดเกี่ยวกับ ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖ ๒๕๔๕ (7) อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (๗) แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติว่าด้วยห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ (8) อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (๘) แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติว่าด้วยห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ (9) มาตรา ๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติว่าด้วยห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ (10) อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (๑๐) แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติว่าด้วยห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ (11) อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (๑๑) แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติว่าด้วยห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ (12) อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (๑๒) แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติว่าด้วยห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ (13) อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (๑๓) แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติว่าด้วยห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ (14) อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (๑๔) แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติว่าด้วยห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ (15) อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (๑๕) แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติว่าด้วยห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ (16) อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (๑๖) แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติว่าด้วยห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ (17) อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (๑๗) แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติว่าด้วยห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ (18) อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (๑๘) แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติว่าด้วยห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕

มาตรา ๑๙ วรรคหนึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๕

(๒๐)

อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (๓) แห่งพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔

(๒๑)

อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (๓) แห่งพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔

(๒๒)

อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (๓) แห่งพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔

(๒๓)

มาตรา ๒๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔

(๒๔)

มาตรา ๒๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔

(๒๕)

มาตรา ๒๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการกำหนดความผิดในทางอาญาของผู้แทนโดยปกติบุคคล พ.ศ. ๒๕๔๔

(๒๖)

อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (๓) แห่งพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔

(๒๗)

อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (๓) แห่งพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔

(๒๘)

อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (๓) แห่งพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔

(๒๙)

มาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง (๔) แก้ไขโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔

(๓๐)

มาตรา ๒๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔

(๓๑)

อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (๓) แห่งพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ [32] อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (ข) แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ [33] มาตรา ๓๑/๑ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๖ [34] มาตรา ๓๑/๒ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๘ [35] มาตรา ๓๑/๓ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๐ [36] อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (ค) แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ [37] อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (ง) แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ [38] อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (จ) แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ [39] อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (ฉ) แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ [40] อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (ช) แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ [41] อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (ซ) แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ [42] อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (ฌ) แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ [43] มาตรา ๓๗/๑ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๘ [44] อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ (ญ) แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ (45) อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 3 (ซ) แห่งพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (46) อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 3 (ฌ) แห่งพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (47) อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 3 (ญ) แห่งพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (48) อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 3 (ฎ) แห่งพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (49) มาตรา 44 ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (50) มาตรา 45 ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (51) อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 3 (ฏ) แห่งพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (52) อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 3 (ฐ) แห่งพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (53) อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 3 (ฑ) แห่งพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (54) มาตรา 46/1 เพิ่มโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2548 (55) มาตรา 46/2 เพิ่มโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2548 (56) หมวด 2 ความผิดเกี่ยวกับสมาคมและมูลนิธิ มาตรา 47 ถึง มาตรา 49 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (57) มาตรา 49 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (58) มาตรา 58 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (59) มาตรา 59 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (60) มาตรา 60 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (61) มาตรา 61 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (62) มาตรา 62 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (63) มาตรา 63 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (64) มาตรา 64 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (65) มาตรา 65 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (66) มาตรา 66 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (67) มาตรา 67 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (68) มาตรา 68 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (69) มาตรา 69 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (70) มาตรา 70 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (71) มาตรา 71 เพิ่มโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (72) มาตรา 72 เพิ่มโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (73) มาตรา 73 เพิ่มโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 [74] มาตรา ๖๖ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ [75] มาตรา ๗๖ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ [76] มาตรา ๘๔ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ [77] มาตรา ๘๗ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ [78] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๘/ตอนที่ ๔๕ ก/หน้า ๔๘/๘ เมษายน ๒๕๔๔ [79] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนที่ ๑๗ ก/หน้า ๕/๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ [80] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนที่ ๕๐ ก/หน้า ๕๐/๑ มีนาคม ๒๕๕๑ [81] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนที่ ๑๘ ก/หน้า ๑/๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ [82] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนที่ ๕๙ ก/หน้า ๑๐/๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ [83] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๙/ตอนที่ ๖๖ ก/หน้า ๒๒/๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๕