로고

พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๖๐ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นปีที่ ๒ ในรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้จึงมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๓๗ มาตรา ๓๘ มาตรา ๔๑ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานของผู้ตรวจการแผ่นดินมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๓๗ มาตรา ๓๘ มาตรา ๔๑ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ประชุมกันตราขึ้น ดังต่อไปนี้

มาตรา ๑ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๖๐”

มาตรา ๒ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ให้ยกเลิก

(ก) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๕๒ (ข) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๕๔ * จากสำนักงบประมาณ เล่ม ๑๓๔/ตอนที่ ๑๓ ก/หน้า ๙/๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๐ ``` - ๒ - สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๒๔/๒๕๕๗ เรื่อง ให้ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญมีผลใช้บังคับ ลงวันที่ ๒๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๕๔

คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๖๗/๒๕๖๐ เรื่อง มาตรการแก้ไข ปัญหาความต่อเนื่องของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ลงวันที่ ๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๐ เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับผู้ตรวจการแผ่นดิน

มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้

“ผู้ตรวจการแผ่นดิน” หมายความรวมถึงประธานผู้ตรวจการแผ่นดินด้วย “กฎ” หมายความว่า พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ประกาศกระทรวง ข้อบัญญัติ ท้องถิ่น ข้อบังคับ ระเบียบ หรือบทบัญญัติที่มีผลบังคับเป็นการทั่วไป โดยไม่รวมถึงคำสั่งใน กรณีใดกรณีหนึ่งบุคคลใดเป็นการเฉพาะ “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่ เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็นกรม รวมทั้งรัฐวิสาหกิจ ราชการส่วนท้องถิ่น องค์การ มหาชน หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นที่ใช้งบประมาณให้ หรือจากทางราชการหรือให้ดำเนินกิจการทางราชการด้วย “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” หมายความว่า ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พนักงานส่วนท้องถิ่น พนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือพนักงานของหน่วยงานอื่นของรัฐ รวมทั้งผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงาน ของรัฐตามที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และผู้ปฏิบัติงาน ในหน่วยงานของรัฐตามที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ “สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน “พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า เลขาธิการ พนักงานและลูกจ้างของสำนักงาน และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินแต่งตั้งเป็นผู้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญนี้

มาตรา ๕ ในกรณีที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้กำหนดให้มีการยื่น

ประกาศอื่น การใดที่กำหนดให้แจ้ง ยื่น หรือส่งหรือส่งเอกสารให้บุคคลใดในวิธีการใด ถ้าได้ แจ้ง ยื่น หรือส่งหรือส่งเอกสารให้บุคคลนั้น ณ ภูมิลำเนาหรือที่อยู่ที่กฎหมายกำหนดว่า ทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร ให้ถือว่าได้แจ้ง ยื่น หรือส่งโดยชอบด้วย พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้แล้ว เว้นแต่จะได้กำหนดวิธีการอื่นไว้โดยเฉพาะ กำหนดให้แจ้งตามที่ทราบหรือแจ้งในราชกิจจานุเบกษาเป็นการทั่วไป ให้ถือว่าได้แจ้ง ยื่น หรือส่ง ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือระบบวิธีการอื่นที่เปิดเผยในราชกิจจานุเบกษา ให้การดำเนินการโดยข้อบังคับกระบวนการยุติธรรมตามรัฐธรรมนูญนี้แล้ว ในกรณีที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้กำหนดให้มีการยื่น เลขาธิการมีอำนาจแจ้งหรือยื่นคำร้องได้ ถ้าได้กำหนดวิธีการไว้ในราชกิจจานุเบกษา ให้ผู้ตรวจการ แผ่นดินหรือเลขาธิการดำเนินการโดยที่เป็นระบบ ประกาศ หรือคำสั่ง แล้วแต่กรณี และกระบวนการ ``` ประกาศ หรือคำสั่งนั้นใช้บังคับแก่บุคคลทั่วไป ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และให้ดำเนินการประกาศตามวรรคหนึ่งด้วย ทั้งนี้ ถ้าระยะเวลา ประกาศ หรือคำสั่งใดมีลักษณะเป็นการดำเนินงานไม่รู้จบควรกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการช่วยเหลือการดำเนินงานในแต่ละขั้นตอนให้ชัดเจนด้วย

มาตรา ๖ ในการปฏิบัติหน้าที่ ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องให้ความสำคัญต่อการช่วยเหลือองค์กรอิสระทุกองค์กร ในกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่ามีผู้กระทำการซึ่งไม่เป็นไปตามกฎหมายแต่อยู่ในหน้าที่และอำนาจขององค์กรอิสระอื่น ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินแจ้งองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไปโดยไม่ล่าช้า

ในกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่าการดำเนินการเรื่องใดที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดินอาจเกี่ยวข้องกับการกระทำที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจขององค์กรอิสระอื่นด้วย ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินปรึกษาหารือร่วมกับองค์กรอิสระอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางในการดำเนินการร่วมกันเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละองค์กรเป็นไปอย่างประสานสอดคล้องและให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ของกฎหมาย เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินมีอำนาจเชิญผู้บริหารขององค์กรอิสระอื่นมาประชุมเพื่อปรึกษาหารือและกำหนดแนวทางร่วมกันได้ และให้องค์กรอิสระทุกองค์กรปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าว

มาตรา ๗ ให้ประกาศผู้ตรวจการแผ่นดินราชกิจจานุเบกษาประกอบรัฐธรรมนูญนี้

รัฐธรรมนูญนี้

หมวด ๑๓

ผู้ตรวจการแผ่นดิน

มาตรา ๘ ผู้ตรวจการแผ่นดินมีจำนวนสามคนซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภา จากบุคคลดังต่อไปนี้

ผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินไม่ต่ำกว่าห้าปีหรือผ่านตำแหน่งสำคัญในหน่วยงานของรัฐซึ่งเกี่ยวข้องไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมกับการตรวจราชการภาครัฐมาก่อน โดยต้องดำรงตำแหน่งดังกล่าวในเวลาที่ไม่ย่อกว่าสามปี จำนวนสองคน

ผู้มีประสบการณ์ในการดำเนินกิจการอื่นในสาธารณประโยชน์และไม่เกี่ยวข้องกับจำนวนหนึ่งคน

ลักษณะของการมีประสบการณ์ และกิจการอื่นในสาธารณประโยชน์ตาม (๒) ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการธรรมนูญประกาศกำหนดในกรณีที่คณะกรรมการธรรมนูญเห็นว่าผู้ใดมีคุณสมบัติและประสบการณ์อันเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน

มาตรา ๙ นอกจากคุณสมบัติตามมาตรา ๘ แล้ว ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้

มีสัญชาติไทยโดยการเกิด

มีอายุไม่ต่ำกว่าสี่สิบห้าปี แต่ไม่เกินเจ็ดสิบปี

สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า

มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

มีสุขภาพที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มาตรา ๑๐ ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้

เป็นหรือเคยเป็นข้าราชการการเมือง สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือดำรงตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ

ติดยาเสพติดให้โทษ

เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต

เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ

เป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช

อยู่ในระหว่างถูกพักการใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ

วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ

อยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาให้สิทธิสรรหาเลือกตั้งเป็นการชั่วคราว หรือถูกพักถอนสิทธิเลือกตั้ง สิทธิสรรหาเลือกตั้ง

เคยถูกสั่งพักการทำหน้าที่หรือถูกสั่งให้ออกจากตำแหน่ง

เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ ทหารตำรวจ หรือวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่าทำการทุจริตอย่างร้ายแรง

เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดอาญาเว้นแต่เป็นความผิดลหุโทษหรือความผิดที่กระทำโดยประมาท

เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือตำแหน่งหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง

อยู่ในระหว่างต้องคำพิพากษาให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน

เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

๑๓

เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ

๑๔

เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ข้าราชการการเมือง หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นในระยะเวลาหนึ่งปีก่อนเข้ารับการสรรหา

๑๕

เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกหรือผู้ดำรงตำแหน่งอื่นในองค์กรอิสระในระยะเวลาก่อนเข้ารับการสรรหา

๑๖

เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในหรือลิขสิทธิ์ในสื่อมวลชน

๑๗

เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในหรือลิขสิทธิ์ในสื่อมวลชน

๑๘

เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในหรือลิขสิทธิ์ในสื่อมวลชน

๑๙

เป็นผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ

๒๐

มีพฤติการณ์อันเป็นการส่อลักษณะหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง

มาตรา ๑๑ เมื่อมีกรณีมีเหตุหรือสรรหาผู้สมัครได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหาผู้ตรวจการแผ่นดินดังนี้

ประธานศาลฎีกา เป็นประธานกรรมการ

ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นกรรมการ

ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นกรรมการ

นายกสภาทนายความ หรือผู้แทนซึ่งสภาทนายความแต่งตั้งจากผู้ซึ่งเป็นกรรมการสภาทนายความ เป็นกรรมการ

นายกสภาวิชาชีพบัญชี หรือผู้แทนซึ่งสภาวิชาชีพบัญชีแต่งตั้งจากผู้ซึ่งเป็นกรรมการสภาวิชาชีพบัญชี เป็นกรรมการ

นายกสภาวิศวกร หรือผู้แทนซึ่งสภาวิศวกรแต่งตั้งจากผู้ซึ่งเป็นกรรมการสภาวิศวกร เป็นกรรมการ

นายกสภาสถาปนิก หรือผู้แทนซึ่งสภาสถาปนิกแต่งตั้งจากผู้ซึ่งเป็นกรรมการสภาสถาปนิก เป็นกรรมการ

นายกสภาแพทย์ หรือผู้แทนซึ่งสภาแพทย์แต่งตั้งจากผู้ซึ่งเป็นกรรมการสภาแพทย์ เป็นกรรมการ

นายกสภาทันตแพทย์ หรือผู้แทนซึ่งสภาทันตแพทย์แต่งตั้งจากผู้ซึ่งเป็นกรรมการสภาทันตแพทย์ เป็นกรรมการ

๑๐

นายกสภาเภสัชกรรม หรือผู้แทนซึ่งสภาเภสัชกรรมแต่งตั้งจากผู้ซึ่งเป็นกรรมการสภาเภสัชกรรม เป็นกรรมการ

๑๑

นายกสภาสัตวแพทย์ หรือผู้แทนซึ่งสภาสัตวแพทย์แต่งตั้งจากผู้ซึ่งเป็นกรรมการสภาสัตวแพทย์ เป็นกรรมการ

๑๒

นายกสภานิติศาสตร์ หรือผู้แทนซึ่งสภานิติศาสตร์แต่งตั้งจากผู้ซึ่งเป็นกรรมการสภานิติศาสตร์ เป็นกรรมการ

๑๓

นายกสภารัฐศาสตร์ หรือผู้แทนซึ่งสภารัฐศาสตร์แต่งตั้งจากผู้ซึ่งเป็นกรรมการสภารัฐศาสตร์ เป็นกรรมการ

๑๔

นายกสภาสังคมศาสตร์ หรือผู้แทนซึ่งสภาสังคมศาสตร์แต่งตั้งจากผู้ซึ่งเป็นกรรมการสภาสังคมศาสตร์ เป็นกรรมการ

๑๕

นายกสภาวิทยาศาสตร์ หรือผู้แทนซึ่งสภาวิทยาศาสตร์แต่งตั้งจากผู้ซึ่งเป็นกรรมการสภาวิทยาศาสตร์ เป็นกรรมการ

๑๖

นายกสภาวิทยาศาสตร์สุขภาพ หรือผู้แทนซึ่งสภาวิทยาศาสตร์สุขภาพแต่งตั้งจากผู้ซึ่งเป็นกรรมการสภาวิทยาศาสตร์สุขภาพ เป็นกรรมการ

๑๗

นายกสภาวิทยาศาสตร์สุขภาพ หรือผู้แทนซึ่งสภาวิทยาศาสตร์สุขภาพแต่งตั้งจากผู้ซึ่งเป็นกรรมการสภาวิทยาศาสตร์สุขภาพ เป็นกรรมการ

๑๘

นายกสภาวิทยาศาสตร์สุขภาพ หรือผู้แทนซึ่งสภาวิทยาศาสตร์สุขภาพแต่งตั้งจากผู้ซึ่งเป็นกรรมการสภาวิทยาศาสตร์สุขภาพ เป็นกรรมการ ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการสรรหาตาม (๒) หรือกรรมการสรรหาตาม (๓) มีใบครบไม่ว่าจะด้วยเหตุใด หรือพ้นตำแหน่งตามศาลสั่งคณะกรรมการสรรหาสมาชิกให้ดำเนินการเลือกตั้ง ให้คณะกรรมการสรรหาที่มีอยู่ปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจไปพลางก่อนใน (๔) โดยให้ประธานคณะกรรมการสรรหาประกอบด้วยกรรมการสรรหาที่มีอยู่ ให้กรรมการสรรหาตาม (๔) อยู่ในกรรมการจัดทำแผนแม่บทในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ แต่ไม่รวมถึงการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่บทใหม่ในกรณีที่มีการจัดทำแผนแม่ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา - 7 - วุฒิสภากรณีที่ผู้ซึ่งวุฒิสภาให้ความเห็นชอบยังไม่ได้ครบจำนวนที่ต้องสรรหา แต่เมื่อรวมกับผู้ตรวจการแผ่นดินซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ มีจำนวนเกินสองคน ให้ดำเนินการประชุมเพื่อเลือกประธานผู้ตรวจการแผ่นดินได้ และเมื่อโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งแล้ว ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไปพลางก่อนได้ โดยในระหว่างนั้นให้ถือว่าผู้ตรวจการแผ่นดินประกอบด้วยผู้ตรวจการแผ่นดินเท่าที่มีอยู่ และให้ดำเนินการสรรหาเพิ่มเติมให้ครบตามจำนวนที่ต้องสรรหาต่อไปโดยเร็ว ให้ประธานวุฒิสภาความความกราบบังคมทูลเพื่อทรงแต่งตั้งประธานผู้ตรวจการแผ่นดินและผู้ตรวจการแผ่นดิน และเมื่อมีผู้สนองพระบรมราชโองการแล้ว

มาตรา 14 ผู้ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาให้เป็นผู้ตรวจการแผ่นดินโดยที่ยังมีได้ผ่านคุณสมบัติตามมาตรา 9 (1) (2) หรือ (3) หรือมีประกอบวิชาชีพตามมาตรา 10 (3) อยู่ต้องแสดงหลักฐานว่าได้ลาออกหรือเลิกประกอบวิชาชีพดังกล่าวแล้ว ต่อประธานวุฒิสภา ก่อนที่จะนำเรื่องประธานวุฒิสภากล่าวถึงเพื่อประธานวุฒิสภาจะนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงแต่งตั้งผู้ตรวจการแผ่นดิน ในกรณีที่ไม่แสดงหลักฐานในกำหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าสูญเสียสิทธิและให้ดำเนินการสรรหาใหม่

มาตรา 15 ในกรณีที่มีผู้ซึ่งวุฒิสภาให้ความเห็นชอบหรือพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระหรือผู้ได้รับการสรรหาให้ดำรงตำแหน่งที่เลยอำนาจของคณะกรรมการสรรหาที่มีปัญหาข้อขัดข้อง ให้ดำเนินการสรรหาใหม่ในทันที

การเสนอเรื่องให้คณะกรรมการสรรหาดำเนินการสรรหาผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ การวินิจฉัย ให้ใช้วิธีลงคะแนนโดยเปิดเผย ให้มีความในวรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสาม มาใช้บังคับแก่กรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของกรรมการสรรหาด้วยโดยอนุโลม แต่กรรมการสรรหาที่ถูกกล่าวหาว่าขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามจะอยู่ในที่ประชุมในและการลงคะแนนเสียงด้วยไม่ได้

มาตรา 16 ให้ประธานกรรมการสรรหาและกรรมการสรรหาได้รับเบี้ยประชุมและค่าเบี้ยประชุมตามที่ประธานวุฒิสภากำหนด แต่สำหรับเบี้ยประชุมให้จ่ายเท่าที่ได้มีการประชุมกรรมการสรรหาในครั้งนั้นและไม่จ่ายเบี้ยประชุมในกรณีที่กรรมการสรรหาไม่ได้เข้าร่วมประชุม

ข้าราชการรัฐสภาตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการรัฐสภาให้เป็นเจ้าหน้าที่อื่น แล้วแต่กรณี

มาตรา 17 ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องพ้นจากตำแหน่งเมื่อมีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์ พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง และให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา

ในกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินพ้นจากตำแหน่งตามที่กำหนดในมาตรา 17 ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินที่พ้นจากตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งผู้ตรวจการแผ่นดินใหม่แทน

มาตรา 18 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 17 ผู้ตรวจการแผ่นดินพ้นจากตำแหน่งเมื่อ

ตาย

ลาออก

ขาดคุณสมบัติตามมาตรา ๘ หรือมาตรา ๙ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๑ เมื่อประธานผู้ตรวจการแผ่นดินพ้นจากตำแหน่งประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดินด้วย ในกรณีที่มีผู้ตรวจการแผ่นดินพ้นจากตำแหน่งตาม (๔) (๕) หรือ (๖) ให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหาเป็นผู้วินิจฉัย คำวินิจฉัยของคณะกรรมการสรรหาให้เป็นที่สุด ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งประธานผู้ตรวจการแผ่นดินหรือมีแต่ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินซึ่งอาวุโสสูงสุดทำหน้าที่แทนประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ในระหว่างที่ผู้ตรวจการแผ่นดินพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ และยังไม่มีการแต่งตั้งผู้ตรวจการแผ่นดินแทนตำแหน่งที่ว่าง ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินที่เหลืออยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป แต่ถ้ามีผู้ตรวจการแผ่นดินเหลืออยู่เพียงคนเดียว จะใช้อำนาจหรือปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา ๒๖ ไม่ได้ เว้นแต่กรณีมีความจำเป็นเร่งด่วนและหากไม่ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง ในกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินจะพ้นจากตำแหน่งตาม (๔) หรือ (๕) ให้ดำเนินการสรรหาผู้ตรวจการแผ่นดินใหม่โดยไม่ชักช้า และให้ผู้ตรวจการแผ่นดินที่เหลืออยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าผู้ตรวจการแผ่นดินที่พ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุอื่นนอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระจะมีผู้ตรวจการแผ่นดินคนใหม่เข้ามาดำรงตำแหน่งแทน

มาตรา ๒๐ เมื่อมีตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดินว่างลงก่อนครบวาระ ให้ดำเนินการสรรหาผู้ตรวจการแผ่นดินใหม่ตามมาตรา ๑๘ (๖) หรือ (๗) ให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับทราบเรื่องราว และให้คณะกรรมการสรรหาวินิจฉัยให้แล้วเสร็จโดยเร็วในกรณีข้อขัดข้องเกี่ยวกับลักษณะต้องห้าม ในกรณีที่มีเสียงเท่ากันให้ประธานกรรมการสรรหาออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด

หลักเกณฑ์และวิธีการที่มิให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการสรรหากำหนด

มาตรา ๒๑ ในกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินจะหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ให้แจ้งประธานรัฐสภาและศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งตามเหตุที่ถูกอ้างอิงว่ามีการกระทำความผิดประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงและมีผู้ตรวจการแผ่นดินหรือยังไม่สิ้นสุดลง ให้ประธานรัฐสภาและประธานศาลปกครองสูงสุดร่วมกันแต่งตั้งบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามเท่าที่จำเป็นเพื่อปฏิบัติหน้าที่แทนผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นการชั่วคราวในระหว่างที่ยังไม่มีการแต่งตั้งผู้ตรวจการแผ่นดินคนใหม่

ผู้ตรวจการแผ่นดินที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระจะต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งแทน

มาตรา ๒๒ ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต และกระทำปฏิบัติหน้าที่และการใช้อำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดินไปโดยสุจริต เพื่อยึดมั่นในความถูกต้อง และปราศจากอคติทั้งปวงในการให้ผู้มีอำนาจและปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องตามความยุติธรรม ในระหว่างการดำรงตำแหน่ง

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดินจะเข้ารับการศึกษาหรืออบรมในหลักสูตรหรือโครงการใด ๆ มิได้ เว้นแต่เป็นหลักสูตร หรือโครงการที่ผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติให้จัดขึ้นโดยเฉพาะสำหรับผู้ตรวจการแผ่นดิน

มาตรา ๒๒ ผู้ตรวจการแผ่นดิน มีหน้าที่และอำนาจดังต่อไปนี้

เสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องให้แก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับที่มีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลให้ถูกต้องและเหมาะสม หรือเป็นการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับที่มีผลในลักษณะเป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดิน หรือเป็นการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับที่มีผลในลักษณะเป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดิน

เสนอแนะต่อรัฐมนตรีให้กระทรวงหรือกรมที่เกี่ยวข้องแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับที่มีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลให้ถูกต้องและเหมาะสม หรือเป็นการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับที่มีผลในลักษณะเป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดิน

เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล

หน้าที่และอำนาจอื่นตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ หรือกฎหมายอื่น การดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจตามวรรคหนึ่ง ต้องมุ่งหมายที่จะส่งเสริมมนุษยชนให้ผู้ตรวจการแผ่นดินและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ดำเนินการต่อไป และเพื่อขจัดความล่าช้าในการปฏิบัติหน้าที่ ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติร่วมกันหารือและกำหนดเกณฑ์เพื่อให้เป็นแนวทางในการดำเนินการต่อไปด้วย

มาตรา ๒๓ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา ๒๒ (๑) (๒) หรือ (๓) ผู้ตรวจการแผ่นดินอาจเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองได้เมื่อมีกรณีดังต่อไปนี้

พบว่ามีกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับที่มีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลหรือมีผลในลักษณะเป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดิน และได้เสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องให้แก้ไขแล้ว แต่ไม่ได้รับการแก้ไขภายในระยะเวลาที่เหมาะสม

กฎ กติกา หรือการกระทำอื่นใดของหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล และได้เสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องให้แก้ไขแล้ว แต่ไม่ได้รับการแก้ไขภายในระยะเวลาที่เหมาะสม

มาตรา ๒๔ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินปฏิบัติดังต่อไปนี้

กำหนดแนวทางการปฏิบัติงานของผู้ตรวจการแผ่นดินให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันเพื่อให้เกิดความรวดเร็วและไม่ซ้ำซ้อนกัน แต่ต้องไม่ทำให้ผู้ตรวจการแผ่นดินขาดความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่

ออกระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับเรื่อง การร้องเรียน การแสดงข้อเท็จจริง และการพิจารณา รวมทั้งระเบียบเกี่ยวกับการสอบสวนให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการแสดงข้อเท็จจริงในเรื่องที่ร้องเรียนหรือกล่าวหา

ออกระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายค่าใช้จ่าย ค่าป่วยการ และค่าเดินทางของบุคคลซึ่งไม่ใช่พนักงานเจ้าหน้าที่ และการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่

ออกระเบียบหรือประกาศตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน (๒) และ (๗) ต้องไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำอันอาจก่อให้เกิดความล่าช้า หรือขาดประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานที่ต้องผู้ตรวจการแผ่นดินหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ รวมทั้งต้องไม่มีการสร้างภาระเกินสมควร หรือเสียลักษณะเป็นการทุจริตแก่บุคคลที่มาร้องเรียนของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ และในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องหรือการกระทำที่ไม่สมควรอย่างใดที่จะต้องให้มีการแสดงข้อเท็จจริงหรือข้อร้องเรียนในเรื่องที่ร้องเรียนหรือกล่าวหา

มาตรา ๒๕ ในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินมีอำนาจดังต่อไปนี้

ให้หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐจัดส่งเอกสาร หลักฐาน หรือให้ความเห็นในการปฏิบัติงาน หรือมาให้ข้อยุติ หรือส่งวัสดุ เอกสาร หลักฐาน หรือพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณา

เข้าไปในสถานที่ของรัฐสถานที่ใด ๆ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ในกรณีที่เหตุผลหรือสถานที่ที่อยู่ในนั้นมีข้อมูลในความครอบครองของหน่วยงานของรัฐ และเจ้าของหรือผู้ครอบครองไม่ยินยอม ให้เข้าไปได้เมื่อมีหมายของศาล ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ผู้ตรวจการแผ่นดินอาจมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการแทนผู้ตรวจการแผ่นดินได้ ทั้งนี้ การมอบหมายดังกล่าวต้องมีคำสั่งเป็นหนังสือ ในการดำเนินการตาม (๒) ให้ดำเนินการต่อหน้าผู้ครอบครองหรือผู้ดูแลสถานที่ซึ่งได้รับร้องเรียนหรือกล่าวหา ในกรณีที่ไม่สามารถหรือผู้ดูแลสถานที่ หรือผู้ซึ่งเกี่ยวข้องให้ความร่วมมือ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวเป็นไปโดยสะดวก

มาตรา ๒๖ ในกรณีดังต่อไปนี้ ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินปรึกษาหารือและเห็นชอบร่วมกัน

๑๑

การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้

๑๒

การปรึกษาหารือร่วมกับองค์กรอิสระอื่นหรือคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติตามมาตรา ๒ และมาตรา ๒๗ วรรคสาม

๑๓

การเสนอแนะในการปรับปรุงกฎหมายตามมาตรา ๒๖ (๑)

๑๔

การเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๗

๑๕

การเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองตามมาตรา ๒๗

๑๖

การรายงานการไม่ปฏิบัติตามความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี หรือการส่งเรื่องให้คณะรัฐมนตรีตามมาตรา ๓๗ มาตรา ๓๘ และมาตรา ๓๙

๑๗

การส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินตามมาตรา ๑๒ (๓)

๑๘

การออกข้อกำหนดว่าด้วยจริยธรรมตามมาตรา ๔๔

๑๙

การกำหนดหลักเกณฑ์ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของเลขาธิการอันจะเป็นประโยชน์แก่การปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานตามมาตรา ๔๕

๒๐

การกำหนดหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติราชการของผู้ตรวจการแผ่นดินตามมาตรา ๔๔

๒๑

การเสนอขอประมาณรายจ่ายตามมาตรา ๔๗ และการให้ความเห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสำนักงานก่อนที่จะนำไปตั้งเป็นรายการในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี

๒๒

การจัดทำรายงานประจำปีเกี่ยวกับผลการปฏิบัติราชการของผู้ตรวจการแผ่นดินตามมาตรา ๔๘

๒๓

การออกระเบียบ ประกาศ หรือการอื่นใดที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ กำหนดให้เป็นไปตามมติหรือข้อได้รับความเห็นชอบของผู้ตรวจการแผ่นดิน

๒๔

การยินยอมให้ผู้ตรวจการแผ่นดินคนใดคนหนึ่งกระทำการแทน

มาตรา ๒๗ ในกรณีที่จำเป็นต้องได้ข้อมูลหรือมีการดำเนินการเรื่องใด ผู้ตรวจการแผ่นดินจะขอให้สำนักงานเจ้าพนักงานหรือหน่วยงานอื่นที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญดำเนินการในเรื่องนั้นได้ตามที่เห็นสมควร หรือในกรณีที่มีความจำเป็นต้องได้พยานหลักฐานหรือเอกสารเพื่อประกอบการพิจารณา ผู้ตรวจการแผ่นดินมีอำนาจเรียกให้บุคคลมาให้ถ้อยคำ ส่งเอกสาร หรือส่งสิ่งอื่นใดมาเพื่อประกอบการพิจารณา ทั้งนี้ ก่อนการดำเนินการดังกล่าว ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องกำหนดขอบเขต ผลลัพธ์ที่คาดหวัง และระยะเวลาของการดำเนินการให้ชัดเจน

หลักเกณฑ์และวิธีการทั้งหลาย และมาตรการแก้ไข รวมทั้งข้อเสนอแนะเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมที่ผู้ตรวจการแผ่นดินจะให้เป็นไปตามระเบียบที่ผู้ตรวจการแผ่นดินกำหนด

มาตรา ๒๘ ห้ามมิให้เปิดเผยข้อมูลอันทำให้สามารถระบุถึงตัวบุคคลผู้แจ้งเรื่องร้องเรียน รวมทั้งข้อมูลหรือสาระสำคัญเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดิน เว้นแต่เป็นการเปิดเผยข้อมูลเพื่อประโยชน์ของการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ผู้จัดทำและเผยแพร่รายงานตามมาตรา ๔๕ และมาตรา ๔๙ หากได้กระทำโดยสุจริต ผู้จัดทำไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา หรือตามกฎหมายอื่น

มาตรา ๔๙ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินและพนักงานในหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา ๕๐ เงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอื่นของผู้ตรวจการแผ่นดินให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และให้ได้รับเบี้ยประชุมในกรณีเข้าร่วมกับกรรมการตามพระราชบัญญัติที่ตราขึ้นโดยรัฐธรรมนูญ

ให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้รับเงินค่าใช้จ่ายรับรองเท่ากับรายเดือนตามอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนดหรือไม่ต้องเอาเงินประจำตำแหน่งของประธานผู้ตรวจการแผ่นดินหรือผู้ตรวจการแผ่นดิน แล้วแต่กรณี

มาตรา ๕๑ ผู้ตรวจการแผ่นดินซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ถึงอายุหนึ่งปี มีสิทธิได้รับบำเหน็จตอบแทนเป็นเงินก้อนครั้งเดียวเมื่อพ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้

ครบวาระ

ตาย

ลาออก

มีคำสั่งถอดถอนสิ้นปี ในการคำนวณบำเหน็จตอบแทน ให้คำนวณเงินเดือนตามมาตรา ๕๐ คูณด้วยจำนวนปีที่ดำรงตำแหน่ง และเศษของปีให้นับเป็นหนึ่งปี สิทธิในบำเหน็จตอบแทนดังกล่าว เป็นสิทธิเฉพาะตัว จะโอนมิได้ เว้นแต่กรณีตาย ให้ตกได้แก่ผู้สืบสันดานทายาทที่ได้แจ้งไว้ และถ้าการตายนั้นเกิดขึ้นเพราะเหตุปฏิบัติหน้าที่หรือในการปฏิบัติหน้าที่ให้ได้รับบำเหน็จของบำเหน็จตอบแทนที่กำหนดให้ตามวรรคสอง

หมวด ๒

การดำเนินการตรวจสอบที่เกี่ยวข้องผู้ตรวจการแผ่นดิน

มาตรา ๕๒ เมื่อมีความร้ายแรงต่อผู้ตรวจการแผ่นดินไม่ว่าโดยทางใด ไม่ว่าจะมีผู้แจ้งหรือผู้ร้องเรียนหรือไม่ก็ตาม บุคคลใดได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายอันเนื่องมาจากการกระทำหรือการละเว้นการกระทำของหน่วยงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือการปฏิบัติหน้าที่ใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ให้เป็นหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินที่จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ หรือในรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมาย หรือข้อบังคับ หรือมติของรัฐสภา ต่อไปเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ขจัด

ความเหลื่อมล้ำ อำนวยประโยชน์ให้แก่ประชาชนของจังหวัดเขตกัน และลดภาระที่เกิดขึ้นกับประชาชนโดยไม่จำเป็น ก่อนการเสนอแนะตามวรรคหนึ่ง ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องหารือร่วมกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพ ความสามารถ และอุปสรรคอันพึงคาดหมายของรัฐที่เกี่ยวข้องที่จะดำเนินการตามแนวทางที่เสนอแนะประกอบด้วย ในกรณีระหว่างดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ผู้ตรวจการแผ่นดินอาจมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการและทำข้อเท็จจริงดังกล่าวแจ้งให้ทราบตามแนวทางที่เสนอแนะตามระเบียบที่ออกตามมาตรา ๒๔ (๕) ก็ได้

มาตรา ๓๓ ภายในหกสิบวันจากมาตรา ๒ วรรคสอง เมื่อหน่วยงานของรัฐได้รับข้อเสนอแนะจากผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อให้การปรับปรุงกฎหมาย กฎ หรือคำสั่ง หรือขั้นตอนการปฏิบัติการใด ๆ บรรดาที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมแก่ประชาชน หรือเป็นภาระแก่ประชาชนโดยไม่จำเป็นหรือเป็นอุปสรรคแก่ประชาชน ให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันดังกล่าว เว้นแต่กรณีที่เหตุจำเป็นไม่อาจปฏิบัติตามได้ในระยะเวลาดังกล่าว จะขยายเวลาออกไปอีกก็ได้แต่ต้องไม่ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทราบและ โดยจะขยายเวลาได้ไม่เกินกำหนดวัน เมื่อหน่วยงานของรัฐดังกล่าวเห็นว่าข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินนั้นสมควรให้ดำเนินการแก้ไขและเสร็จ โดยไม่ต้องมีเหตุผลควร ให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการแก้ไขและเสร็จโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และให้แจ้งผลการดำเนินการให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทราบโดยไม่ชักช้า ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐเห็นว่าข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินนั้นไม่สมควรให้ดำเนินการแก้ไข ให้หน่วยงานของรัฐแจ้งเหตุผลให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทราบโดยไม่ชักช้า และให้ผู้ตรวจการแผ่นดินรายงานต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเพื่อทราบต่อไป

ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง หน่วยงานของรัฐจะต้องรายงานผลการดำเนินการให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทราบเป็นระยะ ๆ จนกว่าการดำเนินการจะแล้วเสร็จ และให้ผู้ตรวจการแผ่นดินรายงานผลการดำเนินการต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเพื่อทราบต่อไป ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐไม่ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินรายงานต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเพื่อทราบต่อไป

มาตรา ๓๔ ในกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการหรือระงับความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมแก่บุคคลใด ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และให้แจ้งผลการดำเนินการให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทราบโดยไม่ชักช้า ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องไม่ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินรายงานต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเพื่อทราบต่อไป และให้ถือว่าหน่วยงานของรัฐดังกล่าวไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๓๓ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

มาตรา ๓๔ ในกรณีที่ความปรากฏต่อผู้ตรวจการแผ่นดินว่ามีผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมอันเนื่องมาจากหน่วยราชการที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่หรือละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐ ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินรายงานพร้อมด้วยข้อเสนอแนะให้คณะรัฐมนตรีทราบเพื่อพิจารณาสั่งการต่อไปโดยเร็ว โดยผู้ตรวจการแผ่นดินจะรายงานให้รัฐสภาและแจ้งให้ประชาชนทราบด้วยก็ได้

มาตรา ๓๕ ในการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจตามพระราชบัญญัตินี้ประกอบรัฐธรรมนูญ ถ้าผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาแล้วเห็นว่า ความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมดังกล่าวเป็นเรื่องเฉพาะตัวเป็นรายกรณี หรือเป็นเรื่องอยู่ในหน้าที่และอำนาจของหน่วยงานของรัฐที่จะขจัดความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมให้ได้ตามหน้าที่และอำนาจของหน่วยงานของรัฐนั้นอยู่แล้วให้ดำเนินการดังต่อไปนี้

ในกรณีที่การดำเนินการในเรื่องนั้นมีกฎหมายกำหนดให้มีการร้องทุกข์หรืออุทธรณ์ไว้แล้วให้ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องดังกล่าวให้หน่วยงานของรัฐนั้นพิจารณาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไป

ในกรณีที่เป็นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลหรือการดำเนินการทางวินัยของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลหรือการดำเนินการทางวินัยตามกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง และหากเห็นว่าเรื่องในเรื่องนั้นมีประโยชน์ในการเสนอแนะให้มีการแก้ไขกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับการปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดความเป็นธรรมยิ่งขึ้นก็อาจดำเนินการเช่นนั้นได้

ในกรณีที่เรื่องไม่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่เป็นเรื่องที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินพิจารณาดำเนินการต่อไป แล้วแต่กรณี

มาตรา ๓๖ ภายใต้บังคับมาตรา ๖ ห้ามมิให้ผู้ตรวจการแผ่นดินรับเรื่องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่มีลักษณะดังต่อไปนี้ไว้พิจารณา

เรื่องที่เป็นนโยบายที่คณะรัฐมนตรีกำหนด เช่นแต่นโยบายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือมิได้เป็นไปตามหลักการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญ

เรื่องที่มีการร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาส่วนตัวหรือเรื่องที่ศาลมีคำพิพากษา คำสั่ง หรือคำวินิจฉัยเสร็จเด็ดขาดแล้ว เว้นแต่เป็นการศึกษาเพื่อประโยชน์ในการเสนอแนะให้มีการปรับปรุงกฎหมายหรือกฎที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม

เรื่องที่ไม่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดิน

เรื่องที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจขององค์กรอิสระอื่นหรือองค์กรอิสระอื่นนั้นได้ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจขององค์กรอิสระนั้นแล้ว แต่ไม่ได้ดำเนินการแก้ไขหรือปรับปรุงการบริหารราชการขององค์กรอิสระที่รับเรื่องไว้ดำเนินการ

เป็นเรื่องร้องเรียนโดยใช้สิทธิไม่สุจริตและการพิจารณาจะไม่มีประโยชน์ต่อประชาชนโดยส่วนรวม (b) เรื่องที่ผู้ร้องเรียนได้รับการแก้ไขความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมอย่างเหมาะสมแล้ว (ค) เรื่องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอรัฐสภาและรัฐสภาจัดการกิจการตามแล้ว เว้นแต่จะปรากฏพยานหลักฐาน หรือข้อเท็จจริงใหม่อันอาจทำให้ผลการจัดการดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไป (ง) เรื่องอื่นตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินกำหนด ในกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยว่าเป็นเรื่องที่สิ้นสุดตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินแจ้งผู้ยื่นเรื่อง

มาตรา 39 ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินแจ้งผลการดำเนินการตามมาตรา 37 และมาตรา 38 หรือการไม่รับพิจารณาร้องเรียนตามมาตรา 37 ให้ผู้ร้องเรียนหรือพยานอ้างอิงที่เกี่ยวข้องทราบโดยการตีพิมพ์ประกาศหรือให้ผู้ยื่นเรื่อง ให้ระบุเหตุผลให้ผู้ร้องเรียนทราบด้วย

มาตรา 40 ภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่สิ้นปีงบประมาณ ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทำรายงานประจำปีเสนอต่อคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา โดยอย่างน้อยมีให้ผู้ตรวจการแผ่นดินสรุปปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการดำเนินการด้วย และเผยแพร่ให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป ทั้งนี้ ให้มีให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอรายงานต่อคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา

คณะรัฐมนตรีหรือรัฐสภา ซึ่งอาจแต่งตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณารายงานดังกล่าว และแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทราบ

หมวด 3

สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน

มาตรา 41 ให้มีสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินมีฐานะเป็นนิติบุคคล และอยู่ภายใต้การบังคับบัญชา และรับผิดชอบต่อสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน

กิจการของสำนักงานไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายว่าด้วยประกันสังคม และกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน แต่พนักงานและลูกจ้างของสำนักงานต้องได้รับประโยชน์ตอบแทน ไม่ต่ำกว่าที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ และกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน

มาตรา 42 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้

1

รับผิดชอบงานธุรการ งานวิชาการ และงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแผ่นดินธุรกรรมกิจการและหน้าที่ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ และกฎหมายอื่น

2

อำนวยความสะดวก ช่วยเหลือ ส่งเสริม และสนับสนุน การปฏิบัติงานของผู้ตรวจการแผ่นดิน (ฉ) ศึกษา รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูล และสนับสนุนให้มีการวิจัยเกี่ยวกับงานของผู้ตรวจการแผ่นดิน (ช) ดำเนินการหรือส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการนำเงินหรือทรัพย์สินของหน่วยงานของรัฐหรือภาคเอกชนมาเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจในประชาชนเกี่ยวกับการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดิน (ซ) ปฏิบัติหน้าที่อื่นใดตามที่มีกฎหมายกำหนดหรือตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินมอบหมาย

มาตรา ๒๐ ในการกำกับดูแลสำนักงาน ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินมีอำนาจออกระเบียบหรือประกาศ ในเรื่องดังต่อไปนี้

(ก) การจัดแบ่งส่วนงานของสำนักงานและขอบเขตหน้าที่ของส่วนงานดังกล่าว (ข) การกำหนดตำแหน่ง อัตราเงินเดือน เงินเพิ่มพิเศษสำหรับตำแหน่งและค่าตอบแทนหรือสิทธิประโยชน์ของเลขาธิการ พนักงาน และลูกจ้างของสำนักงาน (ค) การคัดเลือก การแต่งตั้ง การเลื่อนตำแหน่ง การให้พ้นจากตำแหน่ง การพิจารณาจรรยารมณ์ การประเมินผลการปฏิบัติงาน วันและเวลาการลาป่วย การลาออกจากตำแหน่ง การร้องทุกข์และการอุทธรณ์กรณีต่าง ๆ สำหรับเลขาธิการและพนักงานของสำนักงาน รวมทั้งวิธีการเกี่ยวข้องในในการจัดหาลูกจ้างของสำนักงาน (ง) การบริหารจัดการการเงินและทรัพย์สิน การประมูล และการพัสดุของสำนักงาน (จ) การจัดสวัสดิการหรือผลประโยชน์ตอบแทนอื่นหรือมาตรการที่ให้ความช่วยเหลือหรือสงเคราะห์แก่เลขาธิการ พนักงาน และลูกจ้าง และเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการเสนอต่อการจัดทำแผ่นดินทรงราชการ (ฉ) การกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการการได้มาซึ่งเลขาธิการ (ช) การกำหนดเครื่องแบบและการแต่งเครื่องแบบของผู้ตรวจการแผ่นดิน เลขาธิการ พนักงาน และลูกจ้างของสำนักงาน (ซ) การอื่นใดอันจำเป็นเกี่ยวกับการกำกับหรือควบคุมการดำเนินงานของสำนักงานหรือการบังคับบัญชาเลขาธิการ พนักงานหรือลูกจ้างของสำนักงาน หรือการกำหนดให้บุคคลดังกล่าวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดำเนินการตาม (ฉ) ต้องดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ ความคุ้มค่า และความคล่องตัว การกำหนดตาม (ช) ต้องคำนึงถึงหลักความยุติธรรม และความเสมอภาคในการจัดสรร และกระจายความรับผิดชอบที่เหมาะสมกับความสามารถและระดับชั้น ในการออกระเบียบเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินดังกล่าวนี้ต้องคำนึงถึงธรรมาภิบาล ความโปร่งใส ความเป็นธรรม และความเสมอภาค โดยต้องกำหนดให้มีระบบคณะเพื่อกำกับ ดูแล หรือพิจารณาหรือทบทวนคำร้องทุกข์หรือคำอุทธรณ์เป็นอิสระด้วยก็ได้

มาตรา ๕๔ ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินออกข้อกำหนดทางจริยธรรมขึ้นใช้บังคับแก่พนักงานและลูกจ้างของสำนักงาน ทั้งนี้ ข้อกำหนดทางจริยธรรมดังกล่าวต้องระบุด้วยว่าการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามจะต้องได้รับโทษอย่างใด

มาตรา ๕๕ ให้สำนักงานมีเลขาธิการคนหนึ่งซึ่งรัฐสภาแต่งตั้งผู้ตรวจการแผ่นดินแต่งตั้งตามมติของผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและลูกจ้างของสำนักงาน และรับผิดชอบในการปฏิบัติงานของสำนักงานนั้นต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผู้ตรวจการแผ่นดินอาจมอบหมายให้เลขาธิการเป็นผู้ช่วยเหลือและปฏิบัติงานร่วมจากเลขาธิการก็ได้

ในกรณีผู้ตรวจการแผ่นดินประชุมรวมกัน ให้เลขาธิการทำหน้าที่เป็นเลขานุการของที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดิน

มาตรา ๕๖ เลขาธิการต้องเป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีสัญชาติไทย มีอายุไม่เกินหกสิบห้าปีบริบูรณ์ในวันที่ได้รับแต่งตั้งและอายุไม่เกินเจ็ดสิบปีบริบูรณ์ในขณะดำรงตำแหน่งเลขาธิการ และมีคุณวุฒิ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญซึ่งเหมาะสมต่อการเป็นเลขาธิการสำนักงานของสำนักงานตามระเบียบที่ผู้ตรวจการแผ่นดินกำหนด

เลขาธิการมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละห้าปีนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง และอาจได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอีกวาระหนึ่งติดต่อกันได้

มาตรา ๕๗ ตำแหน่งเลขาธิการว่างลงก่อนวาระ เลขาธิการพ้นจากตำแหน่งเมื่อ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๕๖ (๔) ไม่สามารถทำงานได้เต็มเวลา (๕) ผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติให้พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากมีความประพฤติเสื่อมเสียหรือมีการกระทำ หรือมีลักษณะไม่เหมาะสมต่อการปฏิบัติหน้าที่ในเลขาธิการ (๖) เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาจ้าง

มาตรา ๕๘ เลขาธิการที่พ้นตำแหน่งตามมาตรา ๕๗ ให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามความเหมาะสม ระยะเวลา ประเภท และเงื่อนไขที่ผู้ตรวจการแผ่นดินกำหนด และอำนาจดังต่อไปนี้ด้วย (๑) บรรจุ แต่งตั้ง เลื่อน ลดเงินเดือนและเลื่อนตำแหน่งข้าราชการ ลงโทษทางวินัย พนักงานจ้าง และลูกจ้างของสำนักงาน ตลอดจนการเลิกจ้างพนักงานจ้างของสำนักงาน ทั้งนี้ ตามระเบียบของผู้ตรวจการแผ่นดิน (๒) วางระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของสำนักงานเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบของผู้ตรวจการแผ่นดิน (๓) หน้าที่และอำนาจตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่นและตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินกำหนด

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา การออกระเบียบตาม (๒) ต้องไม่มีลักษณะเป็นการสร้างขั้นตอนเกินจำเป็น เกิดความล่าช้าหรือขาดประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่

มาตรา ๔๔ ในกิจการของสำนักงานฯ ที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก ให้เลขานุการเป็นผู้แทนของสำนักงานฯ เพื่อการนี้ เลขาธิการจะมอบอำนาจให้บุคคลใดปฏิบัติแทนเท่าที่ตามระเบียบที่ผู้ตรวจการแผ่นดินกำหนดได้

ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ถ้าเป็นกิจการที่เกี่ยวกับความรับผิดชอบของสำนักงานและกิจการอื่นใดที่ผลต่อการปฏิบัติราชการของผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้แผ่นดินกำหนดให้เลขาธิการขอความเห็นชอบจากผู้ตรวจการแผ่นดินก่อน

มาตรา ๔๕ ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอร่างงบประมาณรายจ่ายเพื่อจัดสรรเป็นเงินอุดหนุนของผู้ตรวจการแผ่นดินและสำนักงานไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีหรือร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม แล้วแต่กรณี ในการเสนอร่างงบประมาณรายจ่ายดังกล่าวให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาความสอดคล้องของร่างงบประมาณรายจ่ายนั้นกับความเห็นตามมาตรา ๔๕ วรรคสอง ประกอบด้วย

ในกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่าร่างงบประมาณรายจ่ายที่ได้รับจัดสรรมีจำนวนที่ไม่เหมาะสมกับภารกิจของผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาได้โดยตรง ในการนี้ ให้คณะรัฐมนตรีเสนอเรื่องต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเพื่อพิจารณา

มาตรา ๔๖ เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีหรือพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมตามมาตรา ๔๕ ใช้บังคับแล้ว ให้สำนักงานจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อขอความเห็นชอบจากผู้ตรวจการแผ่นดิน และเสนอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป การใช้จ่ายเงินของสำนักงานต้องเป็นไปตามที่ระบุไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามวรรคหนึ่ง เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นกรณี

ในการเบิกจ่ายเงินงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร ให้สำนักงานแสดงข้อมูลสำคัญของงบประมาณรายจ่ายประจำปี (ถ้ามี) โดยให้ระบุถึงแผนงานหรือโครงการที่ได้รับเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีและผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละแผนงานหรือโครงการนั้นด้วย ทั้งนี้ ให้สำนักงานจัดทำรายงานการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีและผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละแผนงานหรือโครงการนั้นด้วย ทั้งนี้ ให้สำนักงานจัดทำรายงานการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีและผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละแผนงานหรือโครงการนั้นด้วย ทั้งนี้ ให้สำนักงานจัดทำรายงานการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีและผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละแผนงานหรือโครงการนั้นด้วย

รายได้จากการจัดกิจกรรมหรือการให้บริการของสำนักงาน

รายได้จากการบริจาคหรือเงินช่วยเหลือที่ได้รับจากบุคคลภายนอก

รายได้อื่นตามที่กฎหมายกำหนด ในการรับทรัพย์สินตาม (๓) ให้คำนึงถึงความเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ และในกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่าการรับทรัพย์สินดังกล่าวอาจมีผลกระทบต่อความเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงาน จะสั่งให้สำนักงานไม่รับทรัพย์สินหรือให้คืนทรัพย์สินนั้นแก่ผู้จัดให้ก็ได้

มาตรา ๔๖ เราได้ของสำนักงานไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งคลังตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังหรือตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ ให้สำนักงานนำส่งหัวหน้าส่วนราชการและการไปจ่ายในงานตามพระราชบัญญัตินี้หรือตราสารและระเบียบที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายนี้

อธิการทรัพย์สินของสำนักงานตามโครงการสหกรณ์ในวงการหรือพระราชบัญญัติ ให้เป็นทรัพย์สินของสำนักงานและเป็นไปตามความควบคุมดูแล ใช้ หรือทำประโยชน์ได้

มาตรา ๔๗ ทรัพย์สินของสำนักงานไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี และผู้ใดจะยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้มิได้

มาตรา ๔๘ ให้สำนักงานจัดทำงบประมาณเงิน และบัญชีทรัพย์สินรายรับรายจ่ายภายในสำนักงานเป็นประจำเสนอต่อบัญชี

ให้สำนักงานจัดทำงบประมาณและการเงินทุกประเภทของสำนักงานให้เป็นไปตามที่กำหนด โดยให้การตรวจสอบรับรองบัญชีและการเงินในทุกระยะเวลาของสำนักงาน รวมทั้งการแสดงผลและการเงินทรัพย์สินของสำนักงานเป็นไปตามระเบียบที่กำหนดไว้ และให้สำนักงานเสนอผลการตรวจสอบบัญชีต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นประจำทุกปี

หมวด ๔

บทกำหนดโทษ

มาตรา ๔๙ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งตามมาตรา ๒๕ (๔) โดยไม่มีเหตุอันสมควร หรือฝ่าฝืนมาตรา ๒๗ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

บทเฉพาะกาล

มาตรา ๕๐ ให้ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินและผู้ตรวจการแผ่นดินซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ ดำรงอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนครบวาระตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๔๒ หรือพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา ๑๘ ในวาระเดียวกัน (๓) ในส่วนที่เกี่ยวกับการควบคุมดูแลให้ตามมาตรา ๕๐ มีให้บังคับใช้สืบไป

มาตรา ๔๙ ภายในสี่สิบห้าวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับให้คณะกรรมการกฤษฎีกาและองค์กรอิสระที่มีผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่งตั้งและส่งชื่อผู้แทนให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเพื่อประกอบเป็นคณะกรรมการสรรหาตามมาตรา ๑๓

เมื่อพ้นกำหนดเวลาตามวรรคหนึ่งแล้ว หากคณะรัฐมนตรีหรือองค์กรอิสระใดมิได้ส่งชื่อผู้แทนให้ หรือในกรณีที่ไม่มีผู้ใดสมัครเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ให้คณะกรรมการสรรหาปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงผู้แทนของคณะรัฐมนตรีหรือองค์กรอิสระนั้น หรือเป็นกรณีที่คณะรัฐมนตรีผู้แทนขององค์กรอิสระหรือผู้สมัครผู้ทรงคุณวุฒิไม่ครบตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๓ การแต่งตั้งดังกล่าวไม่ส่งผลให้การดำเนินการของคณะกรรมการสรรหาที่ได้ดำเนินการไปแล้วเสียไป ภายในสามสิบวันนับแต่วันหมดวาระของผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้คณะกรรมการสรรหาพิจารณาและวินิจฉัยว่าประธานผู้ตรวจการแผ่นดินและผู้ตรวจการแผ่นดินที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับยังคงเป็น (๑) หรือว่าเป็นผู้ตรวจการแผ่นดินตามมาตรา ๔ (๑) หรือ (๒) คำวินิจฉัยของคณะกรรมการสรรหาให้เป็นที่สุด

มาตรา ๕๐ ในกรณีที่ต้องมีการสรรหาผู้ตรวจการแผ่นดินเพิ่มเติม ให้คณะกรรมการสรรหาตามมาตรา ๔๙ ดำเนินการสรรหาผู้ตรวจการแผ่นดินเพิ่มเติมในลักษณะเดียวกับการแต่งตั้งผู้ตรวจการแผ่นดินตามจำนวนที่ขาดอยู่ ภายในสี่สิบห้าวันนับแต่วันที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาแจ้ง

ในกรณีที่มีผู้ตรวจการแผ่นดินพ้นจากตำแหน่ง ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินที่เหลืออยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีผู้ตรวจการแผ่นดินเพิ่มเติมครบตามจำนวนที่กำหนดไว้ในมาตรา ๔ (๒) ประกอบกับเห็นสมควรให้พ้นตำแหน่งหรือไม่ และแจ้งให้ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินดำเนินการต่อไป

มาตรา ๕๑ ให้เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับและมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินต่อไปและให้ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่และลูกจ้างที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับให้ดำรงตำแหน่งต่อไป

ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้เป็นไปตามมติของผู้ตรวจการแผ่นดินทั้งสาม

มาตรา ๕๒ บรรดาระเบียบ ประกาศ คำสั่ง หรือข้อบังคับผู้ตรวจการแผ่นดินที่ออกตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ ให้ยังคงใช้บังคับได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ทั้งนี้ จนกว่าจะมีระเบียบ ประกาศ คำสั่ง หรือข้อบังคับผู้ตรวจการแผ่นดินที่ออกตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ

มาตรา ๕๓ ให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้เป็นสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๔๒

รัฐธรรมนูญนี้ บรรดาสิทธิ หน้าที่ และความผูกพันใด ๆ ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๕๐ มีอยู่กับบุคคลใดในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ ให้โอนมาเป็นของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้

มาตรา ๕๒ ให้บรรดาราชกิจจานุเบกษาและเอกสารทั้งหมดของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๕๐ มาเป็นของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ และให้ถือว่าอัตราเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของผู้ดำรงตำแหน่งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นสิทธิและประโยชน์อันได้พึงมีต่อไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ เว้นแต่จะมีระเบียบที่ออกตามมาตรา ๕๒ (๒) กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น

มาตรา ๕๓ การดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียนหรือการดำเนินการอื่นใดตามหน้าที่และอำนาจของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๕๐ และพระราชบัญญัติสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ ให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้

ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้ คือ โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๓๐๓ (๕) และมาตรา ๒๗๒ บัญญัติให้สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาออกพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อกำหนดการได้มา หน้าที่และอำนาจ ตลอดจนการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อให้เป็นไปด้วยข้อมูล ความเห็น และเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องที่จะใช้ประกอบการพิจารณาและดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีผลตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและจำเป็นต้องมีการตรวจสอบสิทธิและเสรีภาพของบุคคลจากระบบและแบบใหม่ที่จำเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ปวันรัตน์/ธัญญ์สวัสดิ์/จัดทำ ๓ มกราคม ๒๕๖๖ ปิยวิชณ์/ตรวจ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๖