로고

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. เป็นปีที่ ๗๐ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘

โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยธุรกิจรักษาความปลอดภัย

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. ๒๕๕๘”

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่บทบัญญัติในมาตรา ๓ และมาตรา ๑๒ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้

“ธุรกิจรักษาความปลอดภัย” หมายความว่า ธุรกิจการให้บริการรักษาความปลอดภัยโดยจัดให้พนักงานรักษาความปลอดภัยปฏิบัติหน้าที่ดูแลหรือควบคุมความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สินส่วนบุคคล โดยได้รับเงินหรือประโยชน์ตอบแทนเป็นต้น แต่ไม่รวมถึงการให้บริการรักษาความปลอดภัยโดยหน่วยงานของรัฐตามที่กำหนดในกฎกระทรวงหรือหน่วยงานรักษาความปลอดภัยอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง “บริษัทรักษาความปลอดภัย” หมายความว่า บริษัทซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัย “บริษัท” หมายความว่า บริษัทจำกัดซึ่งจดทะเบียนตามกฎหมายไทยและกฎหมายอื่น หรือบริษัทมหาชนจำกัดซึ่งจดทะเบียนตามกฎหมายไทย “พนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาต” หมายความว่า ผู้ซึ่งได้รับใบอนุญาตเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาต *ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๙๔ ก/หน้า ๔๔/๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘* สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการกำกับธุรกิจรักษาความปลอดภัย “นายทะเบียน” หมายความว่า นายทะเบียนกลางหรือนายทะเบียนจังหวัด แล้วแต่กรณี “พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา 4 ให้ผู้บังคับการตำรวจนครบาลเป็นนายทะเบียนกลาง มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ในส่วนที่บัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียนกลาง และให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเป็นนายทะเบียนจังหวัด มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ในส่วนที่บัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียนจังหวัดในเขตท้องที่ที่รับผิดชอบ เว้นแต่ในเขตกรุงเทพมหานคร มอบอำนาจตามพระราชบัญญัตินี้ในเขตกรุงเทพมหานคร และรับผิดชอบการจัดทำบัญชีรายชื่อบริษัทรักษาความปลอดภัยและพนักงานรักษาความปลอดภัยทั่วราชอาณาจักร

ให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเป็นนายทะเบียนจังหวัด มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ในเขตจังหวัดของตน และรับผิดชอบการจัดทำบัญชีรายชื่อบริษัทรักษาความปลอดภัยและพนักงานรักษาความปลอดภัยในเขตจังหวัดของตน

มาตรา 5 ให้เลขาธิการสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นเจ้าหน้าที่ และเมื่อเห็นว่าเอกสารหรือหลักฐานที่ผู้ขออนุญาตหรือผู้ได้รับอนุญาตยื่นต่อเจ้าหน้าที่ไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ ให้เจ้าหน้าที่แจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ขออนุญาตหรือผู้ได้รับอนุญาตแก้ไขหรือเพิ่มเติมเอกสารหรือหลักฐานดังกล่าว

การออกใบอนุญาตให้บริษัทรักษาความปลอดภัยหรือพนักงานรักษาความปลอดภัยต้องเสียค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดในกฎกระทรวง และให้ส่งเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นรายได้แผ่นดิน กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้รับการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้วให้ใช้บังคับได้

หมวด 1

คณะกรรมการกำกับธุรกิจรักษาความปลอดภัย

มาตรา 6 ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการกำกับธุรกิจรักษาความปลอดภัย” ประกอบด้วย

(1) ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานกรรมการ (2) กรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ อธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า อธิบดีกรมการจัดหางาน ผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัย สำนักนายกรัฐมนตรี และอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (3) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งจากบุคคลภายนอก ในจำนวนนี้จะต้องเป็นผู้แทนขององค์กรภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจรักษาความปลอดภัยไม่น้อยกว่าสองคน สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตาม (๓) ให้เป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีประกาศกำหนด ให้ยุบเลิกการกำรวจคนรอบเป็นกรรมการและเลขานุการ และย้ายรายการตำรวจยศพันตำรวจตรีขึ้นไปมาอยู่ภายใต้การกำรวจคนรอบผู้บัญชาการตำรวจจนถึงผู้บัญชาการตำรวจจนถึงตั้งจำนวนไม่เกินสองคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการฯ

มาตรา ๗ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้

ก. คุณสมบัติ

(๑)

มีสัญชาติไทย

(๒)

มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัย ข. ลักษณะต้องห้าม

(๑)

เป็นบุคคลล้มละลาย

(๒)

เป็นคนวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ คนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ

(๓)

เป็นผู้เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ

(๔)

เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น กรรมการหรือผู้ดำรงตำแหน่งอื่นใดในพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่พรรคการเมือง

มาตรา ๘ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิวิชาการดำรงตำแหน่งคราวละสามปี

ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ให้มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแทนตำแหน่งที่ว่าง เว้นแต่กรณีของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเหลือไม่ถึงกึ่งหนึ่งของระยะเวลาที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแต่ละคน และให้ผู้แต่งตั้งผู้แทนตำแหน่งที่ว่าง อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแต่ละคนที่ว่าง ในระหว่างที่ยังไม่ได้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแทนตำแหน่งที่ว่าง ให้คณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการที่เหลืออยู่ เมื่อครบกำหนดวาระของกรรมการในคราวหนึ่ง หากยังมิได้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใหม่ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้นคงปฏิบัติหน้าที่ไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใหม่ แต่ต้องดำรงตำแหน่งต่ออีกไม่เกินเก้าสิบวัน ________________________ * มาตรา ๗ วรรคสอง แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕๐/๒๕๖๐ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ลงวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๐ * มาตรา ๘ วรรคสอง แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕๐/๒๕๖๐ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ลงวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๐

มาตรา ๙ นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งเมื่อ

(๑)

ตาย

(๒)

ลาออก

(๓)

นายกรัฐมนตรีให้ออก เพราะการพิจารณาเห็นว่าผู้นั้นทำหน้าที่ มีความประพฤติเสื่อมเสียหรือหย่อนความสามารถ

(๔)

ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๗

มาตรา ๑๐ คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

(๑)

กำหนดนโยบาย แผนงาน และมาตรการเกี่ยวกับการส่งเสริมและกำกับดูแลธุรกิจรักษาความปลอดภัยเพื่อให้หน่วยงานรับไปปฏิบัติ

(๒)

เสนอความเห็นต่อนายกรัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัตินี้

(๓)

ออกระเบียบกำหนดมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยบริษัทรักษาความปลอดภัยต้องปฏิบัติ

(๔)

ออกระเบียบกำหนดมาตรฐานหลักสูตรการรักษาความปลอดภัย

(๕)

ออกระเบียบกำหนดมาตรฐานสถานฝึกอบรมและอัตราค่าธรรมเนียมการฝึกอบรม

(๖)

ออกประกาศกำหนดเครื่องหมายของพนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาต

(๗)

พิจารณาเรื่องร้องทุกข์ของเจ้าหน้าที่ของนายจ้าง

(๘)

ออกระเบียบกำหนดหลักเกณฑ์การเปรียบเทียบ

(๙)

ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ ระเบียบและประกาศตาม (๓) (๔) (๕) (๖) และ (๘) เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้

มาตรา ๑๑ การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม

ในการประชุมคณะกรรมการ ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งมีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด

มาตรา ๑๒ ในการประชุมคณะกรรมการ ให้ประธานกรรมการหรือกรรมการที่มอบหมายส่วนได้สิทธิได้รับค่าตอบแทนหรือเบี้ยประชุมตามที่กระทรวงการคลังกำหนด และให้ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายของสำนักงานหรือกรรมการที่มอบหมายส่วนได้สิทธิได้รับค่าตอบแทนหรือเบี้ยประชุมตามที่กระทรวงการคลังกำหนด และให้ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายของสำนักงานหรือกรรมการที่มอบหมายส่วนได้สิทธิได้รับค่าตอบแทนหรือเบี้ยประชุมตามที่กระทรวงการคลังกำหนด และให้ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายของสำนักงาน

การประชุมคณะอนุกรรมการ ให้เป็นมาตรา 11 และมาตรา 12 มาใช้บังคับโดยอนุโลม

มาตรา 14 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ คณะกรรมการและคณะอนุกรรมการอาจเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ หรือให้ส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาได้

มาตรา 15 ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการรับผิดชอบงานธุรการ งานวิชาการ และกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับงานของคณะกรรมการ

หมวด 2 ธุรกิจรักษาความปลอดภัย

มาตรา 16 ผู้ประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยต้องเป็นบริษัท และได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยจากนายทะเบียน การขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง ในกรณีออกใบอนุญาต นายทะเบียนจะกำหนดเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจไว้ด้วยก็ได้

มาตรา 17 บริษัทที่ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้ (ก) มีจำนวนหุ้นที่ถือโดยบุคคลผู้มีสัญชาติไทยเกินกว่าหนึ่งในสามของทุนจดทะเบียนของบริษัทจัดตั้งหรือลงทุนชำระแล้วของบริษัทตามจำนวนดังกล่าว แล้วแต่กรณี (ข) มีกรรมการหรือผู้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการซึ่งเป็นบุคคลผู้มีสัญชาติไทยเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด ทั้งนี้ กรรมการทั้งหมดของบริษัทต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่ระบุไว้ในมาตรา 18 (ค) ไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัย

มาตรา 18 เมื่อได้รับคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัย ให้นายทะเบียนมีหนังสือแจ้งคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตไปยังผู้ขอรับใบอนุญาตภายในกำหนดสิบห้าวัน นับแต่วันที่ได้รับคำขอรับใบอนุญาต

มาตรา 19 ใบอนุญาตประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยให้มีอายุอยู่สิบปีนับแต่วันออกใบอนุญาต

มาตรา 20 บริษัทรักษาความปลอดภัยต้องใช้คำว่า “บริษัทรักษาความปลอดภัย” และคำว่า “จำกัด” หรือ “จำกัด (มหาชน)” ต่อท้าย แล้วแต่กรณี

มาตรา ๒๑ ห้ามมิให้ผู้ใดออกจากบริษัทรักษาความปลอดภัยใช้ชื่อหรือคำแสดงชื่อในธุรกิจว่า "บริษัทรักษาความปลอดภัย" หรือคำอื่นใดที่มีความหมายเช่นเดียวกัน

มาตรา ๒๒ การขอต่ออายุใบอนุญาต ให้บริษัทรักษาความปลอดภัยยื่นคำขอก่อนวันที่ใบอนุญาตสิ้นอายุ และเมื่อยื่นคำขอต่ออายุแล้ว ให้ประกอบธุรกิจต่อไปได้ตามระยะเวลาที่กำลังเสนอขอต่ออายุตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง เว้นแต่คำขอต่ออายุใบอนุญาตนั้นจะได้รับคำสั่งไม่อนุญาตก่อนในกำหนดวันดังกล่าว

การขอต่ออายุใบอนุญาตและการอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๒๓ บริษัทรักษาความปลอดภัยต้องแสดงใบอนุญาตประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยไว้ในที่เปิดเผยและเห็นได้ง่าย ณ สถานที่ประกอบธุรกิจที่ระบุไว้ในใบอนุญาต

มาตรา ๒๔ ในกรณีที่ใบอนุญาตสูญหาย ถูกทำลาย หรือชำรุดในสาระสำคัญ ให้บริษัทรักษาความปลอดภัยยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และเสียเงินค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

การออกใบแทนใบอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๒๕ การโอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยต้องเป็นไปเพื่อการสืบธุรกิจระหว่างบริษัทรักษาความปลอดภัยซึ่งเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทยเท่านั้น โดยผู้โอนและผู้รับโอนต้องยื่นคำขออนุญาตต่อพนักงานเจ้าหน้าที่พร้อมด้วยเอกสารหรือหลักฐานดังต่อไปนี้

(ก)

ชื่อและที่อยู่ของบริษัทรักษาความปลอดภัยและผู้รับโอน

(ข)

วันที่ทำสัญญา

(ค)

ขอบเขตของงานและระยะเวลาให้บริการรักษาความปลอดภัย

(ง)

ค่าจ้างและการจ่ายเงินค่าจ้าง

(จ)

หน้าที่และความรับผิดชอบของบริษัทรักษาความปลอดภัยและผู้ว่าจ้าง

(ฉ)

ค่าปรับ

(ช)

การกำหนดค่าเสียหาย

(ซ)

การเลิกสัญญา ให้การให้บริการรักษาความปลอดภัยที่ไม่ได้ทำสัญญาเป็นหนังสือหรือมีรายการไม่ครบถ้วนตามวรรคหนึ่ง เป็นโมฆะ

มาตรา ๒๖ บริษัทรักษาความปลอดภัยต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยตามวรรคหนึ่ง ประกอบด้วย

(ก)

การควบคุมและตรวจสอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

(ข)

...

(ข)

ระบบบันทึกเหตุการณ์ประจำวันเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยในบริเวณ หรือสถานที่ที่รับผิดชอบรักษาความปลอดภัย

(ค)

ศูนย์ประสานงานที่บริษัทรักษาความปลอดภัยจัดให้มีเพื่อให้คำแนะนำในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานรักษาความปลอดภัยประจำศูนย์ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่

(ง)

อุปกรณ์การสื่อสารที่บริษัทรักษาความปลอดภัยจัดให้มีเพื่อประโยชน์ในการสื่อสารระหว่างศูนย์ประสานงานกับพนักงานรักษาความปลอดภัยในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ (6) ความรู้เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยและฝึกอบรมให้มีความรู้ด้านภาษา ความปลอดภัยรอบอาณาบริเวณรักษาความปลอดภัยของตนให้มีขึ้นอย่างสม่ำเสมอ

มาตรา 27 ในการให้บริการรักษาความปลอดภัย ให้บริษัทรักษาความปลอดภัยจัดพนักงานรักษาความปลอดภัยประจำศูนย์ให้บริการรักษาความปลอดภัยแห่งใดแห่งหนึ่ง

มาตรา 28 บริษัทรักษาความปลอดภัยที่จัดให้ความร่วมมือแก่เจ้าหน้าที่ตรวจมีเหตุ ตั้งเงื่อนไขการตรวจจับที่ได้รับมอบหมายจากหน้าสถานที่ต่างๆ ในเขตที่รับผิดชอบของบริษัท รักษาความปลอดภัยหรือสถานที่ที่บริษัทรักษาความปลอดภัยนั้นรับผิดชอบรักษาความปลอดภัย ตามที่กฎหมายหรือข้อกำหนดอื่นที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้ในบริเวณหรือสถานที่นั้นๆ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ใน การรักษาความปลอดภัยในบริเวณหรือสถานที่นั้นๆ และความปลอดภัยของทรัพย์สิน

มาตรา 29 ให้บริษัทรักษาความปลอดภัยจัดทำบัญชีรายชื่อพนักงานรักษาความปลอดภัยขึ้นเป็นปัจจุบัน ยืนยันตามระเบียบปฏิบัติในลักษณะนั้นจำนวนหนึ่งที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ รักษาความปลอดภัย

ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงพนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาต ให้บริษัทรักษา ความปลอดภัยจัดทำบัญชีรายชื่อพนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาตที่มีการเปลี่ยนแปลงนั้น หรือนโยบายในลักษณะนั้นที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัย ทั้งนี้ แบบบัญชีรายชื่อหรือวิธีการยื่นบัญชี ให้เป็นไปตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาประกาศกำหนด

มาตรา ๑๓ ให้บริษัทรักษาความปลอดภัยจัดทำรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทในรอบปีที่ผ่านมา ส่งต่อนายทะเบียนภายในเดือนมกราคมของปีถัดไป ทั้งนี้ ตามแบบและวิธีการที่นายทะเบียนกลางประกาศกำหนด

มาตรา ๑๔ บริษัทรักษาความปลอดภัยซึ่งประสงค์จะเลิกประกอบธุรกิจในระหว่างอายุใบอนุญาตให้ส่งคืนข้อมูลลูกค้าและรายงานการรักษาความปลอดภัยที่ยังคงค้างอยู่ให้นายทะเบียน นายทะเบียนจะกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ยื่นคำขอปฏิบัติได้

หมวด ๓

พนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาต

มาตรา ๑๕ ผู้ประกอบธุรกิจซึ่งจะจัดให้มีพนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาตต้องได้รับใบอนุญาตเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาตจากนายทะเบียน การขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๑๖ ผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาตต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้

ก. คุณสมบัติ

(๑)

สัญชาติไทย

(๒)

มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์

(๓)

สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรการศึกษาภาคบังคับที่ใช้อยู่ในขณะที่สำเร็จการศึกษา

(๔)

ได้รับหนังสือรับรองว่าได้ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรการรักษาความปลอดภัยจากสถานฝึกอบรมที่นายทะเบียนกลางรับรองความวุฒิภาวะ ข. ลักษณะต้องห้าม

(๑)

เป็นโรคพิษสุราเรื้อรังหรือจิตตาเสื่อมสภาพจิตให้โทษหรือรับเป็นโรคติดต่อที่คณะกรรมการกำหนด

(๒)

เป็นคนวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ คนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ

(๓)

เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ความผิดเกี่ยวกับเพศ ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ หรือความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เว้นแต่พ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่าสามปีนับถึงวันที่ขอรับใบอนุญาตเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาต *มาตรา ๑๖ (๓) แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ ๕๔/๒๕๕๙ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยธุรกิจรักษาความปลอดภัย

(๔)

เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาตมาแล้วซึ่งไม่มีสองปีนับตั้งแต่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาต การรับรองสถานศึกษาในด้านใบอนุญาตเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงและเมื่อทนายทะเบียนกลางได้รับคำขอรับการรับรอง ให้แจ้งผลแจ้งคำสั่งรับรองหรือไม่รับรองไปยังผู้สมัครหรือทราบภายในกำหนดหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำขอ

มาตรา ๓๕ เมื่อได้รับคำขอรับใบอนุญาตเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาตให้ทนายทะเบียนแจ้งเรื่องดังกล่าวต่อผู้อนุญาตหรือไม่อยู่ในอำนาจของผู้อนุญาตเพื่อพิจารณาในหลักสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำขอรับใบอนุญาต

มาตรา ๓๖ ใบอนุญาตเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาตให้มีอายุสามปีนับแต่วันที่ออกใบอนุญาต

มาตรา ๓๗ การขอต่ออายุใบอนุญาต ให้พนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาตยื่นคำขอก่อนวันที่ใบอนุญาตสิ้นอายุโดยให้ยื่นพร้อมกับหนังสือของบริษัทรักษาความปลอดภัยที่ตนสังกัดรับรองเรื่องการปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยพร้อมทั้งสำเนาเอกสารที่แสดงว่าได้ผ่านการฝึกอบรมตามหลักสูตรการรักษาความปลอดภัยตามมาตรา ๓๔ และสำเนาใบอนุญาตเดิม เมื่อได้ยื่นคำขอภายในกำหนด ให้ถือว่าใบอนุญาตเดิมที่เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาตยังคงใช้ได้จนกว่าจะมีคำสั่งไม่อนุญาต แต่ทั้งนี้จะพิจารณาแล้วแจ้งคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ทราบภายในกำหนดหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำขอ การขอต่ออายุใบอนุญาตเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๓๘ ในกรณีที่ใบอนุญาตเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาตสูญหายถูกทำลาย หรือชำรุดในสาระสำคัญ ให้พนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาตยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตดังกล่าวต่อทนายทะเบียนกลางในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบถึงการสูญหาย ถูกทำลาย หรือชำรุดดังกล่าว การขอและการออกใบแทนใบอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๓๙ ในขณะปฏิบัติหน้าที่ พนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาตต้องสวมเครื่องแบบติดเครื่องหมายพนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาต และบัตรประจำตัวพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ติดตั้งหลังแจ้งเมื่อได้รับการร้องขอ บัตรประจำตัวตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามแบบที่นายทะเบียนกลางประกาศกำหนด

มาตรา ๔๐ บริษัทรักษาความปลอดภัยต้องจัดหาเครื่องแบบพนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาตให้เหมาะสมหรือคล้ายคลึงกับเครื่องแบบของทหาร ตำรวจ หรือเครื่องแบบราชการ

ของเจ้าพนักงานซึ่งกฎหมายให้มีอำนาจและหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามที่นายทะเบียนกลางประกาศกำหนดได้

มาตรา ๔๘ ในการปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานรักษาความปลอดภัยรับอบรมดูหน้าที่ ดังต่อไปนี้

(๑)

ช่วยเหลือเจ้าพนักงานซึ่งกฎหมายให้มีอำนาจและหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนในการจับกุมหรือระงับการกระทำความผิด

(๒)

รักษาความปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของผู้ว่าจ้างหรือเหตุและรักษาความสงบเรียบร้อยภายในบริเวณหรือสถานที่ที่รับผิดชอบรักษาความปลอดภัยตามข้อกำหนดในสัญญาจ้าง

(๓)

เมื่อมีการกระทำความผิดอาญาหรือมีเหตุร้ายเกิดขึ้นภายในบริเวณหรือสถานที่ที่รับผิดชอบรักษาความปลอดภัย ต้องแจ้งเหตุทันทีให้นายจ้างหรือเจ้าของหรือผู้ครอบครองหรือผู้จัดการทราบ รวมทั้งดำเนินการรักษาสถานที่เกิดเหตุให้คงสภาพเดิมไว้จนกว่าพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจะมาถึงหรือจนกว่าจะมีคำสั่งจากนายจ้างหรือเจ้าของหรือผู้ครอบครองหรือผู้จัดการ

หมวด ๔

การพักใช้และเพิกถอนใบอนุญาต

มาตรา ๔๙ เมื่อสภาวการณ์อย่างหนึ่งอย่างใดปรากฏขึ้นกับบริษัทรักษาความปลอดภัยโดยกระทรวงกำหนด ให้ในนายทะเบียนสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยได้ครั้งละไม่เกินสามสิบวันจนกว่าจะมีคำสั่งจากนายทะเบียน

(ก)

ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยตามมาตรา ๒๖

(ข)

ไม่จัดทำบัญชีรายชื่อพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ถูกต้องครบถ้วนตามมาตรา ๑๐ เมื่อพ้นกำหนดเวลาพักใช้ครบหนึ่ง ทางบริษัทรักษาความปลอดภัยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งให้แก้ไขที่นายทะเบียนสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยได้ครั้งละไม่เกินสามสิบวัน

มาตรา ๕๐ บริษัทรักษาความปลอดภัยซึ่งลูกจ้างที่ใบอนุญาตประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยยังคงมีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายรักษาความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่นั้นๆ จนกว่าจะมีคำสั่งให้ยกเลิกสัญญารักษาความปลอดภัยที่มีระหว่างลูกจ้างกับนายจ้าง

มาตรา ๕๑ ในกรณีที่นายทะเบียนเห็นว่าบริษัทรักษาความปลอดภัยใดๆ มีคุณสมบัติครบตามมาตรา ๔๙ หรือ ๕๐ ให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยนั้นๆ ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องภายในกำหนดวันที่ได้รับแจ้งคำสั่งจากนายทะเบียน

มาตรา 45 ให้ทะเบียนสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยเมื่อมีความปรากฏต่อนายทะเบียนว่า บริษัทรักษาความปลอดภัยคือ

(1) เกิดลูกจ้างที่ใช้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยมาแล้วสองครั้ง และมีเหตุที่ต้องลูกจ้างที่ใบอนุญาตดังกล่าวไม่ว่าจะในเหตุเดียวกันหรือไม่ก็ตาม ทั้งนี้ ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ลูกจ้างที่ใบอนุญาตครั้งแรกนั้น (2) ไม่แก้คุณสมบัติตามมาตรา 17 (1) หรือ (2) ให้ถูกต้องภายในกำหนดเวลาตามมาตรา 45

มาตรา 46 คำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยให้ทำเป็นหนังสือโดยระบุวันที่ที่ใช้เพิกถอนใบอนุญาต และให้แจ้งบริษัทรักษาความปลอดภัยทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่นายทะเบียนมีคำสั่งดังกล่าว หรือพิมพ์ปิดประกาศหนังสือแจ้งการที่ได้หรือเพิกถอนใบอนุญาตไว้ที่ที่เปิดเผยและเห็นได้ง่าย ณ บริษัทรักษาความปลอดภัยนั้น รวมทั้งโฆษณาแจ้งดังกล่าวในระบบเครือข่ายสารสนเทศของสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย

มาตรา 47 ให้บริษัทรักษาความปลอดภัยซึ่งถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยนั้นดำเนินการตามสัญญารักษาความปลอดภัยที่ได้ทำขึ้นก่อนที่มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตเพื่อมิให้เกิดความเสียหายอันอาจเกิดขึ้นแก่ลูกจ้างหรือผู้เกี่ยวข้องตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่นายทะเบียนกำหนด

มาตรา 48 ให้ทะเบียนสั่งเพิกถอนใบอนุญาตเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยเมื่อมีความปรากฏต่อทะเบียนว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยนั้นขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 44

มาตรา 49 คำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยให้ทำเป็นหนังสือโดยระบุวันที่ที่ใช้เพิกถอนใบอนุญาต และให้แจ้งพนักงานรักษาความปลอดภัยทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่นายทะเบียนมีคำสั่งดังกล่าว รวมทั้งโฆษณาหนังสือแจ้งดังกล่าวในระบบเครือข่ายสารสนเทศของสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย

หมวด 5

การอุทธรณ์

มาตรา 50 ให้บริษัทรักษาความปลอดภัย พนักงานรักษาความปลอดภัย หรือบุคคลซึ่งได้รับคำสั่งของนายทะเบียน มีสิทธิอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อคณะกรรมการในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งดังกล่าว

(1) คำสั่งไม่ออกใบอนุญาตหรือไม่ต่ออายุใบอนุญาตประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยตามมาตรา 22 หรือมาตรา 26 รวมถึงกรณี (b) คำสั่งไม่รับรองสถานีควบคุมตามมาตรา 48 วรรคสอง

(ค)

คำสั่งไม่ออกใบอนุญาตหรือไม่ต่ออายุใบอนุญาตเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาตตามมาตรา 45 หรือมาตรา 50 วรรคสอง แล้วแต่กรณี

(ง)

คำสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยตามมาตรา 45 วรรคสอง หรือมาตรา 45 แล้วแต่กรณี

(จ)

คำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาตตามมาตรา 45

มาตรา 54

มาตรา 55 ให้พนักงานผู้ดูแลตรวจการธุรกิจรักษาความปลอดภัยตามกฎหมายนี้ตรวจด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมาใช้บังคับแก่การพิจารณาของคณะกรรมการ โดยอนุโลม

หมวด 6

นายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่

มาตรา 56 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้นายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจ ดังต่อไปนี้

(ก)

เข้าไปในสถานที่ทำการของบริษัทรักษาความปลอดภัยในระหว่างเวลาทำการเพื่อตรวจสอบการประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยและเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

(ข)

มีหนังสือเรียกให้กรรมการ ผู้จัดการ หรือพนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาต มาให้ถ้อยคำหรือส่งเอกสารหรือวัตถุใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยหรือการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

(ค)

เรียกให้แสดงตนว่าเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาตและแสดงบัตรประจำตัวเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ในการปฏิบัติหน้าที่ของนายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกตามสมควร

มาตรา 57 ในการปฏิบัติหน้าที่ ให้พนักงานทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่แสดงบัตรประจำตัวต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง

บัตรประจำตัวนายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้เป็นไปตามแบบที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา 58 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้นายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

หมวด 7

บทกำหนดโทษ

มาตรา 45 ผู้ใดประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 16 วรรคหนึ่ง เว้นแต่เป็นกรณีตามมาตรา 37 วรรคหนึ่ง หรือมาตรา 48 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 46 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 23 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งพันบาทตลอดระยะเวลาที่ฝ่าฝืนอยู่

มาตรา 47 บริษัทรักษาความปลอดภัยใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 22 หรือมาตรา 24 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท

มาตรา 48 บริษัทรักษาความปลอดภัยใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 26 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท

มาตรา 49 บริษัทรักษาความปลอดภัยใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 27 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

ในกรณีที่บริษัทรักษาความปลอดภัยใดกระทำความผิดตามมาตรานี้ กรรมการผู้จัดการหรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในกรณีนั้นของบริษัทรักษาความปลอดภัย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ต่อเมื่อการกระทำผิดของบริษัทรักษาความปลอดภัยนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลนั้น หรือไม่สั่งการหรือไม่กระทำการอันใดที่พึงกระทำเพื่อให้คณะกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลนั้นปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้

มาตรา 50 บริษัทรักษาความปลอดภัยใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 28 หรือมาตรา 29 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท

ในกรณีที่บริษัทรักษาความปลอดภัยใดกระทำความผิดตามมาตรานี้ กรรมการผู้จัดการหรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในกรณีนั้นของบริษัทรักษาความปลอดภัย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ต่อเมื่อการกระทำผิดของบริษัทรักษาความปลอดภัยนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลนั้น หรือไม่สั่งการหรือไม่กระทำการอันใดที่พึงกระทำเพื่อให้คณะกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลนั้นปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้

มาตรา 51 บริษัทรักษาความปลอดภัยใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 30 หรือแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงในเอกสารหรือหลักฐานที่ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งพันบาทตลอดระยะเวลาที่ฝ่าฝืนอยู่

มาตรา 52 บริษัทรักษาความปลอดภัยใดฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานรักษาความปลอดภัยในระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตตามมาตรา 25 หรือมาตรา 26 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท

ในกรณีที่บริษัทรักษาความปลอดภัยใดกระทำความผิดตามมาตรานี้ กรรมการผู้จัดการหรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในกรณีนั้นของบริษัทรักษาความปลอดภัย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ต่อเมื่อการกระทำผิดของบริษัทรักษาความปลอดภัยนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลนั้น หรือไม่สั่งการหรือไม่กระทำการอันใดที่พึงกระทำเพื่อให้คณะกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลนั้นปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ จำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ต่อเมื่อการกระทำความผิดของบริษัทรักษาความปลอดภัยนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลนั้น หรือไม่อาจกระทำการอันเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำของกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลนั้น

มาตรา 63 ผู้ใดทำหน้าที่เป็นพนักงานบริษัทรักษาความปลอดภัยรับจ้างอยู่โดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 37 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือนหรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 64 ผู้ใดยื่นคำขอรับใบอนุญาตเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยรับจ้าง โดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงที่ควรแจ้งในคำขอรับใบอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 65 พนักงานรักษาความปลอดภัยรับจ้างอยู่โดยไม่ปฏิบัติตามมาตรา 13 วรรคหนึ่ง หรือมาตรา 37 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท

มาตรา 66 บริษัทรักษาความปลอดภัยใดฝ่าฝืนมาตรา 40 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

มาตรา 67 พนักงานรักษาความปลอดภัยรับจ้างอยู่โดยไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ที่กำหนดในมาตรา 62 ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

มาตรา 68 ผู้ใดขัดขวางหรือไม่อำนวยความสะดวกแก่พนักงานทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งปฏิบัติการตามมาตรา 56 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 69 ในกรณีที่มีบุคคลใดกระทำความผิดตามมาตรา 55 หรือบริษัทรักษาความปลอดภัยกระทำความผิดตามมาตรา 47 มาตรา 48 มาตรา 49 มาตรา 50 มาตรา 51 มาตรา 52 มาตรา 53 มาตรา 54 มาตรา 57 มาตรา 58 มาตรา 59 มาตรา 60 มาตรา 61 หรือมาตรา 66 หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในหน้าที่ของบริษัทรักษาความปลอดภัยนั้นไม่ปฏิบัติหน้าที่แล้วแต่กรณี ต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้นต่อเมื่อการกระทำความผิดนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลนั้น หรือไม่อาจกระทำการอันเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำของกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลนั้น

มาตรา 70 บรรดากฎกระทรวงและประกาศอื่น ๆ ซึ่งออกตามคำสั่งตามมาตรา 45 และมาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะมีการออกกฎกระทรวงหรือประกาศใหม่ตามพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่คำสั่งดังกล่าวจะขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ หรือคณะกรรมการรักษาความปลอดภัยมีคำสั่งยกเลิก

ตามที่เห็นสมควรที่ได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์การเปรียบเทียบให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด เมื่อผู้ต้องหาได้ชำระเงินค่าปรับตามจำนวนที่เปรียบเทียบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเปรียบเทียบดังกล่าว ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

มาตรา ๑๓ คณะกรรมการเปรียบเทียบตามมาตรา ๑๒ ให้ประกอบด้วยบุคคลดังต่อไปนี้

(ก)

ในเขตกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย ผู้แทนกรุงเทพมหานคร ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด และนายทะเบียนประจำกรุงเทพมหานคร

(ข)

ในเขตจังหวัดอื่น ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด อัยการจังหวัด และนายทะเบียนจังหวัด บทเฉพาะกาล

มาตรา ๑๔ ในระหว่างเริ่มแรกที่มีการดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ ให้กรรมการผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา ๑๓ (ก) ได้แก่รองปลัดในสังกัดกรุงเทพมหานครและนายทะเบียนประจำกรุงเทพมหานคร

(ข)

ได้แก่รองผู้ว่าราชการจังหวัดและนายทะเบียนประจำจังหวัด

มาตรา ๑๕ ผู้ใดในวันก่อนที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยอยู่ในวันดังกล่าว ให้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตตามมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ และเมื่อได้ยื่นคำขอแล้วให้ประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยต่อไปได้จนกว่าจะได้รับแจ้งคำสั่งไม่อนุญาตจากนายทะเบียน

ในกรณีที่บุคคลตามวรรคหนึ่งมิได้เป็นเจ้าของหรือเป็นบริษัทแต่มีลักษณะเช่นตัวแทนหรือกรรมการไม่เป็นไปตามที่กำหนดในมาตรา ๑๑ (๔) หรือ (๕) ต้องดำเนินการจดทะเบียนบริษัทหรือแก้ไขตัวสมุดผู้ถือหุ้นหรือกรรมการ แล้วแต่กรณี ให้เสร็จสิ้นภายในกำหนดที่คณะกรรมการเห็นสมควร หากไม่สามารถดำเนินการได้จะต้องเลิกประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยนั้นภายในกำหนดระยะเวลาตามคำสั่ง

มาตรา ๑๖ ผู้ใดในวันก่อนที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยอยู่ในวันดังกล่าวให้ถือว่าใบอนุญาตดังกล่าวยังคงใช้ได้จนกว่าจะสิ้นกำหนดอายุความปลอดภัยที่ระบุอยู่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตใหม่ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ และเมื่อได้ยื่นคำขอแล้วให้ประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยต่อไปได้จนกว่าจะได้รับแจ้งคำสั่งไม่อนุญาตจากนายทะเบียน

ให้ประกอบอาชีพต่อไปได้จนกว่าจะได้รับแจ้งคำสั่งไม่อนุญาตจากนายทะเบียน ทั้งนี้ มีให้ทำมาตรา ๓๔ ก. (๓) และมาตรา ๓๔ ข. (๓) มาใช้บังคับกับบุคคลดังกล่าว ในกรณีเริ่มแรก ให้พนักงานรักษาความปลอดภัยตามวรรคหนึ่งได้รับยกเว้นไม่ต้องผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรการรักษาความปลอดภัยตามมาตรา ๓๓ ก. (๔) เป็นเวลาสามปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับและในการออกใบอนุญาต ให้หมายเหตุในใบอนุญาตนั้นให้บุคคลนั้นได้รับยกเว้นไม่ต้องผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรการรักษาความปลอดภัยตามมาตรา ๓๓ ก. (๔) ภายในระยะเวลาดังกล่าว พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ไม่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรการรักษาความปลอดภัยตามวรรคสองจะประกอบอาชีพพนักงานรักษาความปลอดภัยต่อไปได้ และให้นายจ้างยื่นคำขอใบอนุญาตและแจ้งพนักงานรักษาความปลอดภัยผู้นั้นทราบภายในหกสิบวันนับแต่วันที่นายทะเบียนมีคำสั่งดังกล่าว

มาตรา ๔๕ ในกรณีเริ่มแรกที่จำนวนสถานที่ฝึกอบรมหลักสูตรการรักษาความปลอดภัยมีไม่เพียงพอแก่การให้บริการ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการจัดการฝึกอบรมหลักสูตรการรักษาความปลอดภัย และออกหนังสือรับรองให้แก่ผู้ผ่านการฝึกอบรมโดยให้ถือเป็นหนังสือรับรองตามมาตรา ๓๓ ก. (๔)

มาตรา ๔๖ ในกรณีเริ่มแรกที่จำนวนสถานที่ฝึกอบรมหลักสูตรการรักษาความปลอดภัยมีไม่เพียงพอแก่การให้บริการฝึกอบรม ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา ๔๗ ให้บุคคลใด ๆ บุคคลใดที่ได้ออกหนังสือสัญญาจ้าง “บริษัทรักษาความปลอดภัย” หรือคำแสดงซึ่งคล้ายคลึงกันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ และภายในระยะเวลาหกสิบวันตามมาตรา ๔๕ มาบังคับใช้แก่บุคคลนั้น

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- วรรคหนึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๒/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยธุรกิจรักษาความปลอดภัย อัตราค่าธรรมเนียม

(๑)

ใบอนุญาตประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัย ฉบับละ ๕๐,๐๐๐ บาท

(๒)

ใบอนุญาตเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยรับจ้างบุคคล ฉบับละ ๑,๐๐๐ บาท

(๓)

ใบแทนใบอนุญาตประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัย ฉบับละ ๓,๐๐๐ บาท

(๔)

ใบแทนใบอนุญาตเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยรับจ้างบุคคล ฉบับละ ๕๐๐ บาท

(๕)

การต่ออายุใบอนุญาตทุกครั้งจะเท่ากับค่าธรรมเนียมสำหรับใบอนุญาตแต่ละชนิด ``` - ๑๘ - หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ธุรกิจการให้บริการรักษาความปลอดภัยมีความสำคัญต่อหลักเกณฑ์ความปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชน และส่งผลต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม และในปัจจุบันผู้ประกอบธุรกิจการให้บริการรักษาความปลอดภัยมีจำนวนมากเพิ่มขึ้น การดำเนินการประกอบธุรกิจที่แตกต่างกัน สมควรกำหนดมาตรฐานของธุรกิจการรักษาความปลอดภัยและมาตรฐานของพนักงานรักษาความปลอดภัยเพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเพื่อให้การกำกับดูแลธุรกิจการให้บริการรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๒/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยธุรกิจรักษาความปลอดภัย ข้อ ๕ ในกรณีที่เห็นสมควรนายทะเบียนหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องอาจเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาตินั้นให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งนี้ได้ ข้อ ๖ คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ``` สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ปริญญา/ทิศน์รัตน์/จัดทำ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ ปัญญา/ตรวจ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ ปุณฑริก/เพิ่มเติม ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ พจนา/ตรวจ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๔๙