로고

การบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๖๖ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นปีที่ ๗๘ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการให้อำนาจกระทรวงการคลัง รวมหรือยุบเลิกทุนหมุนเวียน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ต่อไปนี้

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ.

๒๕๖๖"

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหกสิบวันนับแต่วันประกาศ

ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังรวมหรือยุบเลิกทุน

หมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๔๓

มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้

"ทุนหมุนเวียน" หมายความว่า กองทุน กองทุนหมุนเวียน เงินทุน เงินทุนหมุนเวียน ทุน หรือทุนหมุนเวียน ที่จัดเป็นกิจการที่อนุมัติให้มีรายรับและรายจ่ายได้ โดยไม่ต้องนำส่ง คลังเป็นรายได้แผ่นดิน "หน่วยงานของรัฐ" หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่ เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็นกรม ส่วนราชการสังกัดรัฐสภา หรือส่วนราชการสังกัดรัฐที่ คณะกรรมการประสานงานเพื่อความมั่นคงแห่งชาติของรัฐและส่วนราชการอื่น "คณะกรรมการ" หมายความว่า คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน "คณะกรรมการบริหาร" หมายความว่า คณะกรรมการบริหารทุนหมุนเวียน สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา - ๒ - “ผู้บริหารกองทุนหมุนเวียน” หมายความว่า ผู้อำนวยการ ผู้จัดการ หรือผู้ทำหน้าที่บริหารกองทุนหมุนเวียนที่เรียกชื่ออย่างอื่น “พนักงาน” หมายความว่า พนักงานของกองทุนหมุนเวียน “ลูกจ้าง” หมายความว่า ลูกจ้างของกองทุนหมุนเวียน “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๕ กองทุนหมุนเวียนใดที่มีกฎหมายกำหนดบทบัญญัติเกี่ยวกับเรื่องใดไว้เป็นการเฉพาะแล้ว ให้การดำเนินงานของกองทุนหมุนเวียนนั้นเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายกำหนดให้ปฏิบัติไม่สอดคล้องกับพระราชบัญญัตินี้แห่งพระราชบัญญัตินี้มาใช้บังคับ

มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้อำนาจออกประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

ประกาศดังกล่าว เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้

หมวด ๑

คณะกรรมการนโยบายการบริหารกองทุนหมุนเวียน __________

มาตรา ๗ ให้มีคณะกรรมการนโยบายการบริหารกองทุนหมุนเวียนคณะหนึ่ง

ประกอบด้วย

รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ

ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นรองประธานกรรมการ

ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการ

กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนสามคนซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านการเงิน การคลัง เศรษฐศาสตร์ บริหาร หรือกฎหมาย ให้ดำรงตำแหน่งคราวละสองปี และอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ แต่ทั้งนี้การดำรงตำแหน่งรวมกันต้องไม่เกินสองวาระติดต่อกัน

มาตรา ๘ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้

มีสัญชาติไทย

มีอายุไม่เกินหกสิบห้าปีบริบูรณ์

เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าตำแหน่งอธิบดีหรือเทียบเท่า หรือผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาดังกล่าว ซึ่งมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ หรือเคยดำรงตำแหน่งอาจารย์หรือผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานการศึกษาหรือหน่วยงานวิจัยภาครัฐหรือเอกชน

ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ

ไม่เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ (b) ไม่เคยถูกลงโทษไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากงาน เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง (ค) ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาหรือสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น หรือกรรมการหรือผู้ดำรงตำแหน่งที่รับผิดชอบในการบริหารพรรคการเมือง ที่ปรึกษาพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง (ง) ไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในกิจการเงินทุนหมุนเวียนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม

มาตรา 9 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสามารถดำรงตำแหน่งติดต่อกันได้อีกหนึ่งวาระ ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ให้ผู้ได้รับแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการที่ตนแทนได้ดำรงตำแหน่ง

เมื่อครบกำหนดตามวาระในวรรคหนึ่ง หากยังไม่ได้การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่ ให้กรรมการผู้พ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้นอยู่ในตำแหน่งเพื่อดำเนินงานต่อไป จนกว่ากรรมการที่ได้รับแต่งตั้งใหม่จะเข้ารับหน้าที่ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระ อาจได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระไม่ได้ ตำแหน่งว่าง

มาตรา 10 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งเมื่อ

(ก) ตาย (ข) ลาออก (ค) คณะรัฐมนตรีให้ออก เพราะขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามที่มีความเสียหาย หรือห่อบความสามารถ (ง) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 8

มาตรา 11 คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

(ก) กำหนดนโยบายและแนวทางบริหารเงินทุนหมุนเวียนเสนอคณะรัฐมนตรี (ข) พิจารณาและกำกับการจัดทำบัญชีเงินทุนหมุนเวียน (ค) กำกับติดตามการบริหารเงินทุนหมุนเวียน (ง) เสนอแนะให้คำแนะนำแก่ในกรณีการกำหนดและสมุดสุดท้ายสำหรับทุนหมุนเวียนต่าง ๆ ตามความเหมาะสมต่อคณะรัฐมนตรี โดยสอดคล้องกับคำสั่งของพระราชบัญญัติ (จ) เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีในการควบรวมยุบเลิกทุนหมุนเวียน (ฉ) เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีในการกำหนดแนวทางการบริหารเงินทุนหมุนเวียน ส่งผลดีประโยชน์ให้แก่แผ่นดิน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติ (ช) ประกาศกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการประเมินผลทุนหมุนเวียนและการจัดทำรายงานทางการเงินของทุนหมุนเวียน คณะกรรมการอาจมอบหมายเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล การเงิน การพัสดุ ตลอดจนการกำหนดค่าตอบแทน สิทธิประโยชน์หรือสวัสดิการต่าง ๆ ของคณะกรรมการบริหาร ผู้บริหารทุนหมุนเวียน พนักงานและลูกจ้าง

ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ หรือคณะที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย

มาตรา ๑๒ การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม ในกรณีที่ประธานกรรมการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานกรรมการเป็นประธานในที่ประชุม ถ้ารองประธานกรรมการไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งมีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด

มาตรา ๑๓ คณะกรรมการอาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานเพื่อปฏิบัติการตามที่คณะกรรมการมอบหมาย การประชุมคณะอนุกรรมการ ให้บังคับใช้มาตรา ๑๒ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

หมวด ๒ ทุนหมุนเวียนที่ไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคล

ส่วนที่ ๑ การจัดตั้ง

มาตรา ๑๔ ให้หน่วยงานของรัฐที่ประสงค์จะขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนที่ไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคลเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรี หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี

มาตรา ๑๕ ทุนหมุนเวียนที่หน่วยงานของรัฐขอจัดตั้งตามมาตรา ๑๔ จะต้องมีลักษณะ ดังต่อไปนี้ (๑) มีความจำเป็นต้องจัดตั้งตามนโยบายของรัฐบาล (๒) ไม่สามารถดำเนินการในรูปแบบอื่นตามกฎหมายที่มีอยู่ได้ (๓) จัดตั้งและใช้เงินจากเงินที่หน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานอื่นของรัฐจัดหาเอง (๔) ไม่เป็นการประกอบกิจการที่มีลักษณะเป็นการแข่งขันกับเอกชน รัฐวิสาหกิจ หรือกิจการที่เอกชนหรือรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการได้ (๕) สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

ส่วนที่ ๒

การบริหาร

มาตรา ๑๘ ให้หน่วยงานของรัฐที่มีทุนหมุนเวียนที่ไม่ใช่สถานะเป็นนิติบุคคลกำหนดโครงการจัดการบริหารทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการดำเนินงานต่าง ๆ ตามหลักเกณฑ์และแนวทางที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

มาตรา ๑๙ ให้ผู้บริหารทุนหมุนเวียนที่ไม่ใช่สถานะเป็นนิติบุคคลจัดทำแผนการดำเนินงานประจำปี ซึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วยผลการดำเนินงานของปีที่ผ่านมา แผนการปฏิบัติงานประมาณการรายรับรายจ่ายประจำปี และประมาณการกระแสเงินสด ทั้งนี้ ตามแบบที่กระทรวงการคลังกำหนดเพื่อนำเสนอคณะกรรมการบริหารกระทรวงอนุมัติก่อนสิ้นปีงบประมาณของปีงบประมาณก่อน และให้ส่งกระทรวงการคลังเพื่อประกอบการพิจารณาอนุมัติเงินชดเชยของทุนหมุนเวียนต่อไป รวมทั้งการกำกับดูแล การบริหารทุนหมุนเวียนและติดตามการประเมินผลการดำเนินงาน

ส่วนที่ ๓

คณะกรรมการบริหารทุนหมุนเวียน

มาตรา ๒๐ ในแต่ละทุนหมุนเวียน ให้มีคณะกรรมการบริหารทุนหมุนเวียนคณะหนึ่งประกอบด้วย

หัวหน้าหน่วยงานของรัฐที่มีทุนหมุนเวียน เป็นประธานกรรมการ

ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนสำนักงานงบประมาณ และผู้แทนหน่วยงานของรัฐที่มีทุนหมุนเวียนที่ไม่ใช่สถานะเป็นนิติบุคคล เป็นกรรมการ

กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนไม่เกินสามคนซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง ทุกฝ่ายต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ ด้านการเงิน เศรษฐศาสตร์ การลงทุน กฎหมาย หรือด้านอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้ผู้บริหารทุนหมุนเวียนเป็นกรรมการและเลขานุการ

มาตรา ๒๑ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารต้องไม่เป็นผู้ประกอบกิจการที่ขัดหรือแย้งกับวัตถุประสงค์ของทุนหมุนเวียน และให้ดำรงตำแหน่งคราวละ ๔ (สี่) ปี และ (๔) และ (๕) มาตรา ๒๑ มาใช้บังคับกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหาร

มาตรา ๒๒ นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารพ้นจากตำแหน่งเมื่อ

ตาย

ลาออก (ฉ) ประธานกรรมการให้ออกโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง เพราะประพฤติ ต่อหน้าที่ที่มีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือขัดต่อความสงบเรียบร้อย (ช) ขาดคุณสมบัติต้องห้ามและต้องห้ามตามมาตรา 8

มาตรา 21 คณะกรรมการบริหารมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

1

กำหนดนโยบาย กำกับดูแลการบริหารจัดการ และติดตามการดำเนินงานให้ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของทุนหมุนเวียน

2

กำหนดค่าตอบแทนผลประโยชน์หรือสวัสดิการต่าง ๆ ของผู้บริหารทุนหมุนเวียน พนักงาน และลูกจ้างให้สอดคล้องกับมาตรฐานที่คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา 16 (4)

3

พิจารณาอนุมัติแผนการดำเนินงานประจำปี

4

แต่งตั้งผู้บริหารทุนหมุนเวียน

มาตรา 22 คณะกรรมการบริหารมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติการ ตามที่คณะกรรมการบริหารมอบหมาย

การประชุมของคณะกรรมการบริหารและคณะอนุกรรมการ ให้ดำเนินการตามข้อบังคับ ที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา 23 ให้กรรมการบริหารและอนุกรรมการ ได้รับเบี้ยประชุมหรือประโยชน์ ตอบแทนอื่นตามหลักเกณฑ์และอัตราที่คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา 16 (4)

ส่วนที่ 4

ผู้บริหารทุนหมุนเวียน พนักงาน และลูกจ้าง

มาตรา 24 ให้คณะกรรมการบริหารแต่งตั้งผู้บริหารทุนหมุนเวียนทำหน้าที่บริหาร ทุนหมุนเวียนที่มิได้สถาปนาเป็นนิติบุคคลให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของทุนหมุนเวียน โดยให้คำนึงถึง ลักษณะการดำเนินงานของทุนหมุนเวียน ความรับผิดชอบ ความประหยัด และความคุ้มค่า ทั้งนี้ ตามมาตรฐานที่คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา 16 (4)

มาตรา 25 ในกรณีที่ผู้บริหารทุนหมุนเวียนมิใช่เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของทุน หมุนเวียน ให้การดำรงตำแหน่งของผู้บริหารทุนหมุนเวียนเป็นไปตามข้อบังคับที่ คณะกรรมการบริหารกำหนด

มาตรา 26 การกำหนดตำแหน่ง เงินเดือน ค่าจ้าง ค่าตอบแทนอื่น อำนาจหน้าที่ ระยะเวลาการปฏิบัติงาน และการเลิกจ้าง พนักงานและลูกจ้างให้เป็นไปตามข้อบังคับที่คณะกรรมการบริหารกำหนด

ส่วนที่ 5

การบัญชีและการตรวจสอบ

มาตรา ๒๗ ให้คณะกรรมการบริหารงานและรักษาไว้ซึ่งระบบบัญชีที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถจัดทำรายงานการเงิน แสดงฐานะทางการเงิน และผลการดำเนินงานของกองทุนหมุนเวียนที่ไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคลได้อย่างถูกต้องตามหลักการบัญชีที่รับรองโดยทั่วไป

มาตรา ๒๘ ให้คณะกรรมการบริหารจัดทำรายงานการเงินของกองทุนหมุนเวียนที่ไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคลส่งผู้สอบบัญชีภายในหน่วยงานนั้นเพื่อตรวจสอบบัญชี บัญชีของกองทุนหมุนเวียนให้เป็นไปตามปีงบประมาณ เว้นแต่คณะกรรมการบริหารจะประกาศกำหนดเป็นอย่างอื่นโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ

มาตรา ๒๙ ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินหรือบุคคลซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินให้ความเห็นชอบเป็นผู้สอบบัญชีของกองทุนหมุนเวียนที่ไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคล และให้ทำการตรวจสอบรับรองบัญชีและการเงินทุกประเภทของกองทุนหมุนเวียนที่ไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคล ให้คณะกรรมการบริหารรายงานเกี่ยวกับรายงานการเงินของกองทุนหมุนเวียนที่ไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคลต่อคณะกรรมการบริหารภายในหกเดือนหลังสิ้นปีบัญชี ให้คณะกรรมการบริหารส่งรายงานการเงินพร้อมด้วยรายงานของผู้สอบบัญชีของกองทุนหมุนเวียนที่ไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคลต่อคณะกรรมการภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับรายงานของผู้สอบบัญชี ระบบการตรวจสอบภายในเพื่อการตรวจสอบการดำเนินงานต่าง ๆ ของกองทุนหมุนเวียน ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

ส่วนที่ ๖ การประเมินผล

มาตรา ๓๐ ให้กรมบัญชีกลางกำหนดหลักเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานกองทุนหมุนเวียนที่ไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคลเป็นประจำทุกปี โดยต้องประเมินในด้านต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ (๑) การเงิน (๒) การบัญชี (๓) การบริหารและประโยชน์ที่ได้รับต่อสังคม (๔) การปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริหาร ผู้บริหารกองทุนหมุนเวียน พนักงาน และลูกจ้าง (๕) ด้านอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการกำหนด การประเมินผลดังกล่าวให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

ให้กรรมการบัญชีกลางรายงานการประเมินผลทุนหมุนเวียนต่อคณะกรรมการภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชีของทุนหมุนเวียน

มาตรา ๖๖ ในกรณีที่ทุนหมุนเวียนที่ไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคลมีกฎหมายกำหนดระบบการประเมินผลการดำเนินงานไว้เป็นการเฉพาะแล้ว ให้คณะกรรมการจัดทำรายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานและส่งต่อคณะกรรมการในลักษณะเป็นลายลักษณ์อักษร หลักเกณฑ์การจัดทำรายงานของทุนหมุนเวียนตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

มาตรา ๖๗ ให้กรรมการบัญชีกลางรวบรวมและจัดทำรายงานสรุปผลการดำเนินงานในภาพรวมของทุนหมุนเวียนทั้งหมดต่อคณะกรรมการ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาเพื่อทราบต่อไป

หมวด ๓

ทุนหมุนเวียนที่มีสถานะเป็นนิติบุคคล

มาตรา ๖๘ ให้บังคับใช้บทบัญญัติในส่วนที่ ๑ การจัดตั้ง ของหมวด ๒ ทุนหมุนเวียนที่ไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคล กับทุนหมุนเวียนที่มีสถานะเป็นนิติบุคคลด้วย

มาตรา ๖๙ ให้บังคับใช้บทบัญญัติในส่วนที่ ๒ การบริหาร ส่วนที่ ๓ ผู้บริหารทุนหมุนเวียน พนักงาน และลูกจ้าง ส่วนที่ ๔ การบัญชีและการตรวจสอบ และส่วนที่ ๕ การประเมินผล ของหมวด ๒ ทุนหมุนเวียนที่ไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคล มาใช้บังคับกับทุนหมุนเวียนที่มีสถานะเป็นนิติบุคคลซึ่งกฎหมายมิได้บัญญัติเรื่องดังกล่าวไว้เป็นการเฉพาะโดยอนุโลม

มาตรา ๗๐ ในกรณีมีปัญหาในการปฏิบัติตามมาตรา ๖๘ และมาตรา ๖๙ ให้คณะกรรมการเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด

หมวด ๔

การระงับหรือเลิกทุนหมุนเวียน

มาตรา ๗๑ บัญชีทุนหมุนเวียนที่ให้บังคับกับการระงับหรือเลิกทุนหมุนเวียนที่ไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคลและทุนหมุนเวียนที่มีสถานะเป็นนิติบุคคล

มาตรา ๗๒ ให้คณะกรรมการมีอำนาจพิจารณาระงับหรือยกเลิกทุนหมุนเวียนได้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ โดยได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี

มาตรา ๓๙ การรวมทุนหมุนเวียน ให้กระทำได้เมื่อทุนหมุนเวียนที่จะรวมกันนั้นมีวัตถุประสงค์เดียวกันหรือสามารถดำเนินการร่วมกันได้ และจะต้องไม่มีผลเป็นการขยายวัตถุประสงค์เกินกว่าวัตถุประสงค์เดิมของทุนหมุนเวียนที่มารวมกันนั้น

การรวมทุนหมุนเวียนตามวรรคหนึ่ง อาจเป็นการรวมกับทุนหมุนเวียนใดทุนหมุนเวียนหนึ่งหรือรวมกันเป็นทุนหมุนเวียนใหม่ก็ได้

มาตรา ๔๐ การยุบเลิกทุนหมุนเวียน ให้กระทำได้ในกรณีดังต่อไปนี้

(ก) หมุนเวียนงานจำเป็นที่จะต้องดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งทุนหมุนเวียนนั้นแล้ว (ข) ทุนหมุนเวียนให้ทุนจากการดำเนินงานโดยไม่เหมาะสมควร (ค) มีผลการประเมินผลการดำเนินงานต่ำกว่ามาตรฐานที่คณะกรรมการกำหนดเป็นเวลาสามปีติดต่อกันและคณะกรรมการเห็นสมควรให้ยุบเลิกทุนหมุนเวียนนั้น (ง) มีเหตุอื่นอันสมควรต้องยุบเลิกทุนหมุนเวียนตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

มาตรา ๔๑ ในการเสนอขอยุบเลิกทุนหมุนเวียน คณะรัฐมนตรีหรือคณะกรรมการทุนหมุนเวียน ให้คณะกรรมการพิจารณาเรื่องและกำหนดเห็นชอบหรือรายงานความเห็นต่อคณะรัฐมนตรี

เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ยุบเลิกทุนหมุนเวียนใด ให้จัดทำบัญชีการยุบเลิกทุนหมุนเวียนนั้นขึ้นมาโดยคำนึงถึงการชำระหนี้สินของทุนหมุนเวียนนั้นเป็นสำคัญ และให้ดำเนินการโอนทรัพย์สินและสิทธิหน้าที่ของทุนหมุนเวียนนั้นไปยังหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง

มาตรา ๔๒ เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รวมทุนหมุนเวียนใด ให้มีผลเป็นการโอนทรัพย์สิน หนี้สิน ภาระผูกพัน สิทธิ หน้าที่ พนักงานและลูกจ้างของทุนหมุนเวียนเดิมไปเป็นของทุนหมุนเวียนที่รวมกันตามมติคณะกรรมการทุนหมุนเวียนรวมของทุนหมุนเวียนใหม่ ในแต่ละกรณีที่ทุนหมุนเวียนเดิมจัดตั้งขึ้นโดยกฎหมายเฉพาะ ให้ดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเพื่อรวมทุนหมุนเวียนนั้น

มาตรา ๔๓ เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น การจัดการเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ของผู้บริหารทุนหมุนเวียน พนักงาน และลูกจ้างของทุนหมุนเวียนหรือบุคคลใดให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา ๔๔ เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น เมื่อยุบเลิกทุนหมุนเวียน ให้จัดทำบัญชีการยุบเลิกทุนหมุนเวียนนั้นให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อชำระหนี้สินของทุนหมุนเวียน และให้ดำเนินการโอนทรัพย์สินและสิทธิหน้าที่ของทุนหมุนเวียนนั้นไปยังหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องหรือหน่วยงานอื่นตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด

ในระหว่างการชำระบัญชี ให้ถือว่าทุนหมุนเวียนนั้นยังคงมีอยู่ตราบเท่าที่เวลาที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชี ในกรณียุบเลิกทุนหมุนเวียน หากภายหลังจากการจัดการทรัพย์สินและหนี้สินตามวรรคหนึ่งเสร็จสิ้นแล้วมีเงินคงเหลือ ให้ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินทั้งหมด บทเฉพาะกาล

มาตรา ๔๕ ในระหว่างที่ยังไม่มีข้อบังคับ ประกาศ และหลักเกณฑ์เกี่ยวกับทุนหมุนเวียนตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ถือข้อบังคับ ประกาศ ระเบียบ และหลักเกณฑ์เกี่ยวกับทุนหมุนเวียนซึ่งใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ มาใช้บังคับเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้จนกว่าจะมีข้อบังคับ ประกาศ และหลักเกณฑ์เกี่ยวกับทุนหมุนเวียนตามพระราชบัญญัตินี้ ซึ่งต้องดำเนินการภายในเวลาไม่เกินสองปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

มาตรา ๔๖ ให้กรรมการบริหารของทุนหมุนเวียน ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกรรมการบริหารทุนหมุนเวียนตามพระราชบัญญัตินี้จนกว่าจะครบวาระการดำรงตำแหน่ง

มาตรา ๔๗ ให้ผู้บริหารทุนหมุนเวียน พนักงาน และลูกจ้างตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณที่อยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้จนกว่าจะมีผู้บริหารทุนหมุนเวียนคนใหม่

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ``` - ๑๓ - หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากพระราชบัญญัติว่าด้วย กระทรวงการคลังพ.ศ.๒๔๙๑บัญญัติทุนหมุนเวียน พ.ศ.๒๕๓๙ มีบทบัญญัติที่ไม่ครอบคลุมการบริหาร ทุนหมุนเวียนทั้งระบบในปัจจุบัน ประกอบกับปัจจุบันมีทุนหมุนเวียนเป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นทุนในการใช้จ่ายสำหรับการจัดหาของหน่วยงานของรัฐให้เกิดความคล่องตัวทางการเงิน โดยไม่ต้อง นำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินตามกระบวนการบริหารทุนหมุนเวียนเช่นในระบบคลังและไม่สามารถ ดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเห็น สมควรปรับปรุงบทบัญญัติ ลดความเสี่ยง และเสริมสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลังของรัฐ สมควร กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดตั้งกำกับและบริหารทุนหมุนเวียนให้มีประสิทธิภาพและเกิดผล อย่างเป็นรูปธรรม จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ ปรัชญา/ผู้จัดทำ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๘ นุสรา/ผู้ตรวจ ๗ ตุลาคม ๒๕๔๘ ```