로고

การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นปีที่ ๖๒ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการพลังงาน พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของ บุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๓ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๑ และมาตรา ๔๓ ของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอม ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน

พ.ศ. ๒๕๕๐”

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจา

นุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ พระราชบัญญัตินี้ไม่ใช้บังคับแก่กรณี ดังต่อไปนี้

กิจการที่เป็นการเลี้ยงชีพตามปกติของบุคคลธรรมดาเพื่อใช้ในเฉพาะครัวเรือน ระหว่างบุคคลธรรมดาที่เกี่ยวเนื่องกัน

กิจการที่เป็นการเลี้ยงชีพตามปกติขององค์กรร่วม - มาตราเดียว และบุคคลธรรมดา ว่าด้วยองค์กรร่วมที่มีลักษณะเดียวกันเฉพาะในพื้นที่ที่กำหนด หรือพื้นที่ที่มีความเหมาะสม เดียวกัน

มาตรฐานความปลอดภัยของการขนส่งและการเก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิงตาม กฎหมายว่าด้วยการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง

การขออนุญาตเป็นผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิง การแจ้งปริมาณการค้า การสำรอง และคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมายว่าด้วยการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง

มาตรา ๔ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับแก่การประกอบกิจการพลังงานทั่วราชอาณาจักร

มาตรา ๕ ในพระราชบัญญัตินี้

"พลังงาน" หมายความว่า ไฟฟ้าหรือก๊าซธรรมชาติ "พลังงานหมุนเวียน" หมายความว่า พลังงานหมุนเวียนตามกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ "ก๊าซธรรมชาติ" หมายความว่า สารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่ประกอบด้วยมีเทนเป็นส่วนใหญ่ที่มีสถานะเป็นก๊าซหรือของเหลว "กิจการพลังงาน" หมายความว่า กิจการไฟฟ้า กิจการก๊าซธรรมชาติ หรือกิจการระบบโครงข่ายพลังงาน "กิจการไฟฟ้า" หมายความว่า การผลิต การจัดให้ได้มา การจัดส่ง การจำหน่ายไฟฟ้าหรือการควบคุมระบบไฟฟ้า "กิจการก๊าซธรรมชาติ" หมายความว่า กิจการที่เกี่ยวข้องกับก๊าซธรรมชาติซึ่งรวมถึงการจัดหา การเก็บรักษาและแปรสภาพ การขนส่ง การจัดส่ง การจำหน่าย การให้บริการ การควบคุมระบบก๊าซธรรมชาติ และการดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้อง "ระบบโครงข่ายพลังงาน" หมายความว่า ระบบโครงข่ายไฟฟ้า หรือระบบโครงข่ายก๊าซธรรมชาติ "ระบบโครงข่ายไฟฟ้า" หมายความว่า ระบบส่งไฟฟ้า ระบบผลิตไฟฟ้า ระบบส่งไฟฟ้า และระบบจำหน่ายไฟฟ้าที่อยู่ภายใต้การแยกควบคุมของผู้รับใบอนุญาต "ระบบผลิตไฟฟ้า" หมายความว่า ระบบการผลิตไฟฟ้าของผู้รับใบอนุญาตจากโรงไฟฟ้าไปสู่จุดเชื่อมต่อกับระบบโครงข่ายไฟฟ้า และให้หมายความรวมถึงระบบจัดส่งเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าด้วย "ระบบส่งไฟฟ้า" หมายความว่า ระบบการส่งไฟฟ้าจากระบบผลิตไฟฟ้าไปยังระบบจำหน่ายไฟฟ้า และให้หมายความรวมถึงระบบควบคุมระบบไฟฟ้าที่ใช้ในการควบคุมระบบไฟฟ้าด้วย "ระบบจำหน่ายไฟฟ้า" หมายความว่า ระบบการจำหน่ายไฟฟ้าจากระบบส่งไฟฟ้า หรือระบบผลิตไฟฟ้าไปยังผู้ใช้ไฟฟ้าที่มิใช่ผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ที่มีระบบไฟฟ้าเป็นของตนเอง และให้หมายความรวมถึงระบบควบคุมระบบจำหน่ายไฟฟ้าที่ใช้ในการควบคุมระบบจำหน่ายไฟฟ้าด้วย "ระบบโครงข่ายก๊าซธรรมชาติ" หมายความว่า ระบบส่งก๊าซธรรมชาติหรือระบบจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ "ระบบส่งก๊าซธรรมชาติ" หมายความว่า ระบบขนส่งก๊าซธรรมชาติที่ใช้ในการรับก๊าซธรรมชาติจากจุดซื้อขายก๊าซธรรมชาติ และส่งถึงจุดซื้อขายก๊าซธรรมชาติ หรือระบบขนส่งก๊าซธรรมชาติ โรงไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือโรงไฟฟ้าผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน รวมถึงอุปกรณ์หรือสิ่งอื่นอันเป็นสิ่งจำเป็นในการระบบและหลักธรรมาภิบาลพลังงาน “ระบบจำหน่ายหรือการจำหน่าย” หมายความว่า ระบบหรือกิจการระบบอนุรักษ์ธรรมชาติรวมถึงอุปกรณ์หรือสิ่งอื่นอันเป็นสิ่งจำเป็นในการดำเนินการเกี่ยวกับระบบอนุรักษ์ธรรมชาติ “ศูนย์ควบคุมระบบโครงข่ายพลังงาน” หมายความว่า ศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า หรือศูนย์ควบคุมการผลิตธรรมชาติ “ศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า” หมายความว่า หน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการควบคุมระบบไฟฟ้า ไฟฟ้า “สถานประกอบกิจการพลังงาน” หมายความว่า อาคาร สถานที่ เครื่องจักร ระบบโครงข่ายพลังงาน และอุปกรณ์อื่นใดที่ใช้ในการประกอบกิจการพลังงาน “อัตราค่าบริการ” หมายความว่า ราคาพลังงานต่อหน่วย ค่าตอบแทน หรือเงื่อนไขสำหรับการให้บริการ ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่ผู้รับใบอนุญาตเรียกเก็บจากผู้ใช้พลังงาน “รายจ่ายสงเคราะห์” หมายความว่า เงินสงเคราะห์ที่เป็นสิทธิของประเทศไทยตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศตามความตกลงที่ทำขึ้นกับประเทศหรือเขตดินแดนอื่น “กองทุน” หมายความว่า กองทุนพัฒนาไฟฟ้า “ใบอนุญาต” หมายความว่า ใบอนุญาตการประกอบกิจการพลังงาน “ผู้รับใบอนุญาต” หมายความว่า ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการพลังงาน “ผู้ใช้พลังงาน” หมายความว่า ผู้ใช้พลังงานที่ได้รับการให้บริการพลังงาน “สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน พลังงาน “พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งให้อำนาจหน้าที่ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๑ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้อำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้

หมวด ๑

บททั่วไป

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้มีวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้

ส่งเสริมให้มีกิจการด้านพลังงานอย่างเพียงพอ มีความมั่นคง และมีความเป็นธรรมต่อผู้ใช้พลังงานและผู้รับใบอนุญาต

ปกป้องผลประโยชน์ของผู้ใช้พลังงานที่พึงหามาตามเงื่อนไขการให้บริการและคุณภาพ การให้บริการ (ก) ส่งเสริมการแข่งขันในกิจการพลังงาน และป้องกันการใช้อำนาจในทางมิชอบในการประกอบกิจการพลังงาน (ข) ส่งเสริมให้การบริการของระบบโครงข่ายพลังงานเป็นไปด้วยความเป็นธรรม โปร่งใสและไม่มีการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม (ค) ส่งเสริมให้การประกอบกิจการพลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นธรรมต่อผู้รับใบอนุญาตและผู้ใช้พลังงาน (ง) ปกป้องสิทธิและเสรีภาพของผู้ใช้พลังงาน ชุมชนท้องถิ่น ประชาชน และผู้รับใบอนุญาตในการมีส่วนร่วม เข้าถึง ใช้ และจัดการด้านพลังงาน ภายใต้กฎหมายและความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย (จ) ส่งเสริมการใช้พลังงานและการใช้ทรัพยากรในการประกอบกิจการพลังงานอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และความสมดุลของทรัพยากรธรรมชาติ (ฉ) ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนในการประกอบกิจการไฟฟ้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย

มาตรา 5 รัฐพึงมีนโยบายพื้นฐานด้านการจัดกิจการพลังงาน ดังต่อไปนี้

(ก) จัดหาแหล่งพลังงานที่เพียงพอสำหรับความต้องการของประเทศในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม โดยเน้นการใช้ประโยชน์และพัฒนาแหล่งพลังงานในประเทศเป็นหลัก และพิจารณาการจัดหาแหล่งพลังงานจากต่างประเทศเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจและความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ รวมทั้งพิจารณาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (ข) ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและระบบกระจายศูนย์ในการผลิตไฟฟ้าเพื่อลดการลงทุนในการใช้พลังงาน ลดต้นทุนทางด้านเชื้อเพลิงในกิจกรรมการผลิต และลดผลกระทบด้านสุขภาพและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการผลิตและใช้พลังงาน รวมทั้งเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ (ค) ส่งเสริมให้ชุมชนท้องถิ่นและประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดการและตรวจสอบการดำเนินงานด้านพลังงาน เพื่อให้มั่นใจว่าการจัดการและกำหนดอัตราค่าบริการเป็นไปด้วยความโปร่งใสโดยมีองค์ประกอบดูแลการประกอบกิจการพลังงานที่ทำให้ผู้ครอบครองผู้ใช้พลังงาน และให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย (ง) ส่งเสริมความรู้ให้ความรู้ ความตระหนัก และพฤติกรรมที่ถูกต้องต่อการใช้พลังงานอย่างประหยัด มีประสิทธิภาพ และคุ้มค่า (จ) สนับสนุนกิจการไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพในระยะยาว โดยรัฐพึงสนับสนุนให้มีการพัฒนาโครงข่ายระบบไฟฟ้า โรงไฟฟ้าหลัก ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นผู้ประกอบกิจการระบบส่งไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยอาจมีบทบาทในฐานะผู้ประกอบกิจการระบบจำหน่ายไฟฟ้ารวมทั้งการจัดซื้อขายไฟฟ้าให้เป็นไปตามสมรรถนะการบริหารจัดการไฟฟ้าของรัฐ

มาตรา 9 เพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลการประกอบกิจการพลังงานตามพระราชบัญญัตินี้ให้รัฐมนตรีมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

1

เสนอแนะนโยบายเกี่ยวกับโครงสร้างกิจการพลังงานต่อคณะรัฐมนตรี

2

เสนอแนะนโยบายการจัดหาพลังงาน และนโยบายการช่วยเหลือและบรรเทาเรื่องเดือดร้อนในภาวะขาดแคลนพลังงาน เพื่อให้กิจการไฟฟ้ามีประสิทธิภาพและมีความมั่นคงต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ

3

พิจารณาแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า แผนการลงทุนในกิจการไฟฟ้า แผนการจัดทำกิจกรรมต่าง ๆ และแผนการขยายระบบโครงข่ายพลังงานที่คณะกรรมการเสนอ ตามมาตรา 13 (4) เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ

4

เสนอแนะนโยบายในการป้องกันและแก้ไขการขาดแคลนพลังงานต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ

5

เสนอแนะนโยบาย เป้าหมาย และแนวทางทั่วไปในการประกอบกิจการพลังงานต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ

6

กำหนดนโยบายมาตรฐานคุณภาพบริการและมาตรฐานในการประกอบกิจการพลังงาน

7

กำหนดนโยบายในการจัดให้มีการพลังงานของท้องถิ่น และให้มีบริการพลังงานสำหรับผู้ด้อยโอกาส รวมทั้งกำหนดนโยบายช่วยเหลือผู้ใช้พลังงาน

8

เสนอแนะนโยบายในการบำรุงเงินเพื่อพัฒนาและการใช้จ่ายเงินกองทุนต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ

9

พิจารณาแผนการดำเนินงานของคณะกรรมการและงบประมาณรายจ่ายของสำนักงาน เพื่อดำเนินการและปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้

10

ให้ความเห็นชอบข้อบังคับและจรรยาบรรณในการปฏิบัติงานของกรรมการและพนักงานเจ้าหน้าที่ตามที่คณะกรรมการเสนอ ตามมาตรา 13 (8)

11

ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้ บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือคำสั่งภายใต้ ที่ใช้อยู่เป็นการทั่วไป เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้

หมวด 2

องค์กรกำกับดูแลการประกอบกิจการพลังงาน

ส่วนที่ 1

คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน

มาตรา 10 ให้มีคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ประกอบด้วย ประธานกรรมการคนหนึ่งและกรรมการอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งให้มีลักษณะเป็นสมาชิกของคณะกรรมการ

มาตรา ๑๑ ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

กำกับดูแลการประกอบกิจการพลังงานเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัตินี้และนโยบายของรัฐ

ออกประกาศกำหนดประเภทใบอนุญาตประกอบกิจการพลังงาน และเงื่อนไขการกระทำพระราชกฤษฎีกาเพื่อกำหนดประเภทใบอนุญาต และลักษณะของกิจการพลังงานที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอรับใบอนุญาต

กำหนดมาตรการเพื่อให้เกิดความมั่นคงและเชื่อถือได้ของระบบพลังงาน

กำหนดระเบียบและหลักเกณฑ์ในการจัดหาไฟฟ้า และการออกประกาศเชิญชวนการรับซื้อไฟฟ้า รวมทั้งกำกับดูแลขั้นตอนการคัดเลือกให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

เสนอความเห็นต่อแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า แผนการลงทุนในกิจการไฟฟ้า แผนการจัดทำก๊าซธรรมชาติ และแผนการขยายระบบโครงข่ายพลังงานเพื่อเสนอรัฐมนตรีตามมาตรา ๙ (๓)

ตรวจสอบการประกอบกิจการพลังงานของผู้รับใบอนุญาตให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส

ออกระเบียบหรือประกาศและกำกับดูแลมาตรฐานและคุณภาพการให้บริการ รวมทั้งมาตรการในการคุ้มครองผู้ใช้พลังงาน

เสนอข้อบังคับและจรรยาบรรณในการปฏิบัติงานของกรรมการและพนักงานเจ้าหน้าที่ต่อรัฐมนตรีตามมาตรา ๙ (๔)

ออกระเบียบหรือประกาศกำหนดนโยบายและแนวทางในการป้องกันการผูกขาด การลิดรอนสิทธิของผู้ใช้พลังงาน หรือการกระทำอันเป็นการขัดขวางการแข่งขันที่เป็นธรรม

๑๐

ออกระเบียบหรือประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการนำส่งเงินเข้ากองทุนและการใช้จ่ายเงินกองทุนให้สอดคล้องกับนโยบายของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติตามมาตรา ๙ (๔)

๑๑

ออกคำสั่งและกำหนดค่าปรับทางปกครองตามหมวด ๘ การบังคับทางปกครอง

๑๒

เสนอความเห็นหรือให้คำแนะนำต่อรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการประกอบกิจการพลังงาน

๑๓

ส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาวิจัยด้านการประกอบกิจการพลังงาน

๑๔

ส่งเสริมสนับสนุนประชาชนให้มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการพลังงาน

๑๕

ส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประกอบกิจการพลังงาน

๑๖

ส่งเสริมการให้ความช่วยเหลือประชาชนและชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการประกอบกิจการพลังงานและพลังงานที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยดำเนินการส่งเสริมกิจการประกอบการไฟฟ้าและการลงทุนต่อชุมชนหรือท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบ

๑๗

รายงานความคืบหน้าของงานอื่นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการพลังงานที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้

๑๔

ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น กำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือคำสั่งกำหนดใด ๆ ที่ใช้อยู่ในกรณีทั่วไป เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ บรรดาคำสั่งที่ได้รับมอบเป็นการเฉพาะราย ให้มีผลเมื่อได้รับมอบหลักเกณฑ์และ วิธีการแจ้งลักษณะปกครองตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง

มาตรา ๑๒ คณะกรรมการต้องเป็นผู้มีความรู้และความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ในอุตสาหกรรมไฟฟ้า เป็นผู้มีคุณวุฒิคุณลักษณะ และความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ในอุตสาหกรรมไฟฟ้า ในสาขาพลังงาน เคมีศาสตร์ ฟิสิกส์ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเงิน การบัญชี ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การคุ้มครองผู้บริโภค หรือในสาขาอื่นอันเป็นประโยชน์ต่อกิจการพลังงาน ทั้งนี้ การรับรองและการแต่งตั้งจากฝ่ายต่าง ๆ จัดให้มีหลายรายนอกเหนือ คณะกรรมการต้องประกอบด้วยคณะกรรมการที่มาจากสายพลังงานด้านกิจการไฟฟ้า และด้านกิจการก๊าซธรรมชาติอย่างน้อยด้านละหนึ่งคน

มาตรา ๑๓ คณะกรรมการต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ (๑) มีสัญชาติไทย (๒) มีอายุไม่ต่ำกว่าสามสิบห้าปีบริบูรณ์ (๓) ไม่เป็นข้าราชการการเมืองผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (๔) ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งใด ๆ ในพรรคการเมือง (๕) ไม่เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต (๖) ไม่เคยถูกศาลพิพากษาให้จำคุก (ก) เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ (ข) เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ (๗) ไม่เป็นผู้เคยถูกคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติหรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ (๘) ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง (๙) ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือสมาชิกวุฒิสภาในขณะดำรงตำแหน่ง (๑๐) ไม่เคยถูกคำพิพากษาให้เพิกถอนอนุญาตจากกฎหมายอื่น

มาตรา ๑๓ ในการแต่งตั้งกรรมการ ให้รัฐมนตรีเสนอชื่อคณะกรรมการสรรหาคณะหนึ่งมีจำนวนไม่น้อยกว่าคณะรัฐมนตรีเพื่อแต่งตั้งให้ทำหน้าที่คัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการ ประกอบด้วยบุคคลดังต่อไปนี้

ผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงพลังงาน ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม หรือเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จำนวนหนึ่งคน

ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมที่มิใช่ผู้ประกอบกิจการพลังงาน จำนวนหนึ่งคน

ผู้แทนสภาวิชาชีพ จำนวนหนึ่งคน

ผู้แทนขององค์กรภาคประชาสังคมที่มิใช่องค์กรที่แสวงหากำไรในทางธุรกิจ ซึ่งมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ไม่น้อยกว่าห้าปี ด้านคุ้มครองผู้บริโภค หรือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือด้านพลังงาน จำนวนหนึ่งคน ในกรณีที่ไม่สามารถคัดผู้แทนองค์กรตาม (๑) ได้ครบจำนวน ให้แต่งตั้งจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่าในส่วนราชการอื่นที่เห็นสมควรแทนในจำนวนที่ขาด กรรมการสรรหาต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๓ ผู้ประกอบกิจการพลังงาน ตุลาการ ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน หรือไม่ประกอบกิจการในช่วงสองปีที่ผ่านมาให้สารธารณชนและต้องไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือเกี่ยวข้องกับผู้ประกอบกิจการพลังงานในช่วงเวลาที่กล่าวถึง กรรมการสรรหามีหน้าที่คัดเลือกกรรมการตามที่เป็นประธานกรรมการสรรหาให้คณะกรรมการสรรหาดำเนินการสรรหาตามแนวทางที่กำหนดไว้ในกฎหมายและให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ให้สำนักงานกำหนดหน้าที่เป็นหน่วยธุรการในการดำเนินการคัดเลือกกรรมการ ให้กรรมการสรรหาสามารถใช้งบประมาณและค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติงานตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด กรรมการสรรหาต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๓

มาตรา ๑๔ การคัดเลือกและแต่งตั้งกรรมการให้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้

ให้คณะกรรมการสรรหาพิจารณาคัดเลือกบุคคลผู้มีความรู้ ความเข้าใจ และมีประสบการณ์ด้านพลังงานหรือด้านอื่นที่เกี่ยวข้องตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๓ จำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งราย พร้อมทั้งรายละเอียดของผู้ที่ได้รับการคัดเลือกและเหตุผลที่เสนอให้แต่งตั้งบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อ รวมทั้งข้อเสนอแนะอื่น ๆ รวมทั้งต้องเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อด้วย

ให้รัฐมนตรีเสนอชื่อผู้ได้รับคัดเลือกพร้อมทั้งรายละเอียดตาม (๑) ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ

ในกรณีที่มีผู้ได้รับอนุมัติไม่ครบจำนวนกรรมการที่จะได้รับแต่งตั้ง ให้คณะกรรมการสรรหาพิจารณาคัดเลือกบุคคลตาม (๖) เสนอรัฐมนตรีเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติต่อไป

ในการแต่งตั้งกรรมการครั้งแรก เมื่อคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติบุคคลเป็นกรรมการครบจำนวนแล้ว ให้บุคคลดังกล่าวประชุมรวมกันเพื่อเลือกกันเองให้หนึ่งเป็นประธานกรรมการ แล้วแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบเพื่อทำการบังคับบัญชาผู้แทนเพื่อทราบต่อไปเป็นประธานกรรมการและกรรมการ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา (๗) ให้กรรมการสรรหาพ้นไปจากตำแหน่งตามพระราชบัญญัติ กำหนดระยะเวลา หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคัดเลือกกรรมการให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา ๑๖ นอกจากคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๓ แล้ว กรรมการต้อง

ไม่เป็นข้าราชการการเมืองที่มีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ

ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือไม่เป็นกรรมการหรือพนักงานของรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นใดที่มีลักษณะเดียวกัน และผู้สมัครของบุคคลดังกล่าวต้องไม่เป็นกรรมการหรือพนักงานของหน่วยงานของรัฐที่ดำเนินธุรกิจอันเกี่ยวเนื่องกับกิจการพลังงาน

ไม่ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา หรือเป็นหุ้นส่วนในหุ้นส่วนสามัญหรือผู้ถือหุ้นในบริษัท หรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับกิจการพลังงาน และไม่กระทำการใด ๆ อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อความน่าเชื่อถือของกรรมการในหน้าที่ด้วย

ไม่ประกอบอาชีพหรือวิชาชีพอิสระที่อาจมีส่วนได้เสียหรือมีผลประโยชน์ในลักษณะที่ขัดแย้งกับการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งกรรมการ ในการเสนอชื่อคัดเลือกตามมาตรา ๑๔ (๒) ให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐเสนอไปในการเสนอชื่อเท่านั้น เมื่อคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาอนุมัติบุคคลดังกล่าวแล้ว (ก) หรือ (ข) หรือ (ค) นายกรัฐมนตรีจะนำความเห็นชอบบุคคลผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจากอาชีพหรือวิชาชีพอิสระ (ง) หรือ (จ) หรือผลสำรวจที่คณะรัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเห็นชอบให้ดำเนินการคัดเลือกบุคคลดังกล่าวในกรณีที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ แต่ผู้สมัครที่ไม่ได้ออกจากอาชีพหรือวิชาชีพอิสระในเวลาที่กำหนดให้ถือว่าผู้นั้นไม่ได้รับเลือกให้เป็นกรรมการ และให้ดำเนินการคัดเลือกกรรมการในบุคคลดังกล่าว

มาตรา ๑๗ กรรมการมีวาระการดำรงตำแหน่งหกปีนับตั้งแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งและให้ดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว

ในกรณีระหว่างวาระ เมื่อครบกำหนดหกสิบวัน ให้กรรมการออกจากตำแหน่งวาระตามกำหนด โดยวิธีสรรหา และให้ถือการออกจากตำแหน่งโดยการสรรหาดังกล่าวเป็นการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ ให้กรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระหรือโดยการจับสลากออกอยู่ในตำแหน่ง เพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะได้มีการแต่งตั้งกรรมการขึ้นใหม่ เพื่อให้ได้มาซึ่งกรรมการชุดใหม่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่แทนอื่นสุดวาระของกรรมการชุดเดิมให้นำบังคับการคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา 14 เป็นการล่วงหน้า ตามสมควรและให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงแต่งตั้ง

มาตรา 19 เมื่อพ้นจากตำแหน่งตามวาระ ให้คณะกรรมการสรรหาสิ้นสุดหน้าที่

มาตรา 20 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการพ้นจากตำแหน่งเมื่อ

1

ตาย

2

มีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์

3

ลาออก

4

ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 13

5

กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 16

6

คณะรัฐมนตรีมีมติให้ออกจากตำแหน่งเพราะมีความประพฤติเสื่อมเสียบกพร่อง หรือไม่สุจริตต่อหน้าที่ หรือขัดต่อความสงบเรียบร้อย เมื่อกรรมการพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ ให้ดำเนินการคัดเลือกและแต่งตั้งกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่างตามมาตรา 14 และให้กรรมการที่เหลืออยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ โดยให้ถือว่าคณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการเท่าที่มีอยู่ เว้นแต่คณะกรรมการจะมีอยู่ไม่ถึงสามคน ในกรณีเช่นนี้ให้คณะกรรมการที่เหลืออยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ และให้คณะกรรมการประชุมกันเพื่อเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการ แล้วแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบและให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการ

มาตรา 20 ภายในเวลาสองปีนับแต่พ้นจากตำแหน่ง กรรมการจะประกอบอาชีพหรือวิชาชีพที่เป็นผลได้ให้เงินหรือที่เป็นประโยชน์โดยอาศัยบุคคลซึ่งประกอบกิจการที่สัมผัสงานไม่ได้ ความในวรรคหนึ่งให้บังคับกับบุคคลที่มีลักษณะดังนี้ด้วย คือ

1

นิติบุคคลที่มีหุ้นหรือหุ้นซึ่งเป็นหุ้นส่วนไม่ว่าจะร้อยละหรือสิ่งอื่นในนิติบุคคลตามวรรคหนึ่ง

2

นิติบุคคลที่มีหุ้นหรือหุ้นซึ่งเป็นหุ้นส่วนไม่ว่าจะร้อยละหรือสิ่งอื่นในนิติบุคคลตามวรรคหนึ่ง

3

นิติบุคคลที่มีหุ้นหรือหุ้นซึ่งเป็นหุ้นส่วนไม่ว่าจะร้อยละหรือสิ่งอื่นในนิติบุคคลตามวรรคหนึ่ง ให้ความในวรรคแรกและวรรคสองไม่ใช้บังคับกับการเป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาของนิติบุคคลดังกล่าว

มาตรา ๒๑ ภายในกำหนดระยะเวลาตามมาตรา ๒๐ กรรมการจะถือหุ้นของนิติบุคคลตามมาตรา ๒๐ ไม่ได้ เว้นแต่เป็นการถือหุ้นของนิติบุคคลโดยการซื้อในตลาดหลักทรัพย์ ตามจำนวนที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติกำหนด

มาตรา ๒๒ การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการที่มีอยู่ จึงจะเป็นองค์ประชุม ให้ประธานกรรมการเป็นประธานในที่ประชุม ถ้าไม่มีประธานกรรมการหรือประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม ในการวินิจฉัยชี้ขาดให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งมีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้ามีคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด

มาตรา ๒๓ ให้ประธานกรรมการและกรรมการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งดำรงตำแหน่งระดับสูงตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

มาตรา ๒๔ ให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดเพื่อพิจารณาหรือกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่คณะกรรมการมอบหมาย วิธีการปฏิบัติหน้าที่ของคณะอนุกรรมการหรือบุคคลดังกล่าวให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา ๒๕ ในกรณีที่มีเหตุอันควร ให้ประธานกรรมการ คณะกรรมการ อนุกรรมการ และบุคคลซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งตามมาตรา ๒๔ มีอำนาจขอให้หน่วยงานของรัฐอนุญาตให้ส่งเอกสารหรือข้อมูลที่จำเป็นต่อคำ หรือส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาได้ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง ให้ประธานกรรมการ คณะกรรมการ อนุกรรมการ และบุคคลดังกล่าวมีอำนาจแจ้งตามมาตรา ๒๔ เป็นเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริต

มาตรา ๒๖ ก่อนการออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือข้อกำหนดใดของคณะกรรมการซึ่งมีผลกระทบต่อบุคคล กลุ่มบุคคล หรือผู้ซึ่งอยู่ในอุปการะ ให้คณะกรรมการเปิดเผยรายละเอียดของระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือข้อกำหนดนั้น และเปิดโอกาสให้บุคคล กลุ่มบุคคล หรือผู้ซึ่งอยู่ในอุปการะที่ได้รับผลกระทบนั้นแสดงความคิดเห็นเกี่ยวข้องต่อคณะกรรมการ ทั้งนี้ ตามกระบวนการในการรับฟังความคิดเห็นที่คณะกรรมการกำหนด ในกรณีมีเหตุอันควรให้ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือข้อกำหนดนั้นมีผลบังคับใช้โดยเร่งด่วนเพื่อประโยชน์ของประเทศหรือเหตุอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด คณะกรรมการอาจไม่เปิดเผยรายละเอียดดังกล่าวและอาจเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา

มาตรา ๒๗ การออกคำสั่งทางปกครองของคณะกรรมการ ให้ถือปฏิบัติตามวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองและใช้บังคับโดยอนุโลม

มาตรา ๒๗ ในการออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ ข้อกำหนด หรือคำสั่งใดของคณะกรรมการ ให้มีการบันทึกผลที่ประชุม พร้อมข้อเท็จจริงและเหตุผลสรุปประกอบด้วยรายละเอียดเกี่ยวกับระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ ข้อกำหนด หรือคำสั่งนั้นไว้ในรายงานการประชุมของคณะกรรมการ

ให้สำนักงานสรุปรายงานการประชุมของคณะกรรมการที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานส่งข้อมูลหรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนตามที่คณะกรรมการกำหนด และจัดเตรียมการตีพิมพ์ เพื่อเผยแพร่แก่ผู้สนใจหรือในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสำนักงานด้วย ให้คณะกรรมการชี้แจงเหตุผลในการออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ ข้อกำหนด หรือคำสั่งใดที่มีผลกระทบต่อบุคคล กลุ่มบุคคล หรือรูปแบบบุคคลในทางเลือกใดทางหนึ่ง หากบุคคล กลุ่มบุคคล หรือรูปแบบบุคคลที่ได้รับผลกระทบมีข้อร้องเรียน และการพิจารณาเป็นการของคณะกรรมการดังกล่าวมิอาจเผยแพร่ต่อสาธารณชนได้ ให้ชี้แจงเหตุผลในการดำเนินการดังกล่าวในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสำนักงานด้วย ในระหว่างระยะเวลาของสำนักงานตามวาระสภา ให้สรุปผลการประชุมของคณะอนุกรรมการและจำนวนคณะที่จัดการประชุมและการดำเนินงาน และการดำเนินงานของบุคคลตามมาตรา ๒๔ ไว้ด้วย

มาตรา ๒๘ ให้ประธานคณะกรรมการและกรรมการเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่โดยได้รับค่าตอบแทน ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติหน้าที่ และสิทธิประโยชน์อื่นๆ ตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา

ค่าตอบแทน ค่าใช้จ่าย และสิทธิอื่นใดที่ต้องเกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่ของประธานอนุกรรมการและกรรมการบุคคลตามมาตรา ๒๔ ให้เป็นไปตามที่กำหนดในระเบียบของสำนักงานดังกล่าว ค่าตอบแทน ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติหน้าที่ และสิทธิประโยชน์อื่นของกรรมการอนุกรรมการ และบุคคลตามมาตรา ๒๔ ให้ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสำนักงาน

ส่วนที่ ๒

สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน

มาตรา ๒๙ ให้มีสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานเป็นหน่วยงานของรัฐซึ่งได้เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ มีฐานะเป็นนิติบุคคล และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการ

มาตรา ๓๐ ให้สำนักงานมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับกิจการทั่วไปของสำนักงานและให้มีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

รับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการ

รับผิดชอบงานธุรการของคณะอนุกรรมการ

รับเรื่องหรือข้อเรียนเกี่ยวกับการประกอบกิจการพลังงาน

ศึกษารวบรวม วิเคราะห์ และเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการประกอบกิจการพลังงานสภาพการแข่งขันในการประกอบกิจการพลังงาน การพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้า และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

จัดทำประมาณการรายรับและรายจ่ายของสำนักงานเพื่อเสนอคณะกรรมการให้ความเห็นชอบ

ปฏิบัติการอื่นใดตามที่คณะกรรมการมอบหมาย หรือความที่พระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่นกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงาน

มาตรา ๑๓ การจ้างของสำนักงานไม่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ และกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน ทั้งนี้ เลขาธิการ พนักงาน และลูกจ้างของสำนักงานต้องได้รับอัตราประโยชน์ไม่น้อยกว่าที่กำหนดไว้ในกฎหมายดังกล่าว

มาตรา ๑๔ ให้คณะกรรมการมีอำนาจออกระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศเกี่ยวกับการบริหารงานทั่วไป การบริหารงานบุคคล การงบประมาณ การเงินและทรัพย์สิน และการดำเนินการอื่นของสำนักงาน โดยเฉพาะในเรื่องดังต่อไปนี้

การแบ่งส่วนงานภายในของสำนักงานและขอบเขตหน้าที่ของส่วนงานดังกล่าว

การกำหนดอัตราเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าตอบแทน และค่าใช้จ่ายอื่นใดของเลขาธิการ พนักงานและลูกจ้างของสำนักงาน รวมทั้งการให้ได้รับเงินเดือนและค่าตอบแทนอื่น

การกำหนดคุณสมบัติ คุณลักษณะต้องห้าม การบรรจุ การแต่งตั้ง การเลื่อนตำแหน่ง การปฏิบัติงาน การลาศึกษา การเลื่อนเงินเดือน การเลิกจ้าง การออกจากงาน การพ้นจากตำแหน่ง การสอบสวน การสั่งพักงาน การลงโทษทางวินัย การอุทธรณ์ การร้องทุกข์ และการลาออกของเลขาธิการและพนักงานของสำนักงาน รวมทั้งวิธีการและเงื่อนไขในการจ้างลูกจ้างของสำนักงาน

การรักษาความแน่นและการปฏิบัติการแทนในตำแหน่งของเลขาธิการและพนักงานของสำนักงาน

การกำหนดเครื่องแบบและการแต่งกายของพนักงานและลูกจ้างของสำนักงาน

การจัดงบประมาณตั้งจ่ายค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสวัสดิการของพนักงานและลูกจ้างหรือเป็นผู้จ่ายค่าบำรุงรักษาด้านอื่นอันเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ รวมทั้งพนักงานและลูกจ้างของสำนักงาน

การบริหารและจัดการงบประมาณ ทรัพย์สิน และอาคารที่อยู่ของสำนักงาน

การจัดสวัสดิการหรือการสงเคราะห์อื่นแก่พนักงานและลูกจ้างของสำนักงาน ระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศตามวรรคหนึ่ง ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๑๕ ให้สำนักงานเสนอกิจการที่เห็นว่าเป็นปัญหาของสำนักงานต่อประธานกรรมการ และเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างของสำนักงาน ในกิจการของสำนักงานที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของตน ให้เลขาธิการเป็นผู้แทนของสำนักงานเพื่อการนี้และการมอบอำนาจให้บุคคลใดปฏิบัติงานแทนของเลขาธิการ ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา ๑๕ ให้คณะกรรมการเป็นผู้คัดเลือกและแต่งตั้งเลขาธิการ เลขาธิการต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่งและสามารถปฏิบัติงานให้แก่สำนักงานได้เต็มเวลา

มาตรา ๑๖ เลขาธิการมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละห้าปีนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง และอาจได้รับแต่งตั้งใหม่ได้ แต่การดำรงตำแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันไม่ได้

มาตรา ๑๗ นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา ๑๒ หรือมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง การเลขาธิการพ้นจากตำแหน่งเมื่อ (๑) ตาย (๒) มีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์ (๓) ลาออก (๔) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๓ หรือมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง (๕) คณะกรรมการมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนกรรมการที่มีอยู่ให้ออก เพราะมีความประพฤติเสื่อมเสียอย่างร้ายแรง บกพร่องในหน้าที่อย่างร้ายแรง หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้

มาตรา ๑๘ ให้บังคับบัญญัติในมาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๑ มาใช้บังคับกับ เลขาธิการและพนักงานในสำนักงานที่คณะกรรมการกำหนดด้วย

มาตรา ๑๙ ให้เลขาธิการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ให้เลขาธิการเป็นผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต

มาตรา ๒๐ สำนักงานอาจมีรายได้และทรัพย์สิน ดังต่อไปนี้ (๑) รายได้หรือผลประโยชน์อื่นใดจากการดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ของ คณะกรรมการและสำนักงานตามพระราชบัญญัตินี้ (๒) เงินอุดหนุนทั่วไปที่รัฐบาลจัดสรรให้ (๓) เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้ (๔) ดอกผลหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินของสำนักงาน รายได้ของสำนักงานตามพระราชบัญญัตินี้ โดยได้รับการยกเว้นภาษี (ถ้ามี) แต่เมื่อหักค่าใช้จ่าย สำหรับการดำเนินงานของสำนักงาน และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เหลือเท่าใดให้ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ในกรณีรายได้ของสำนักงานมีจำนวนไม่พอที่จะทำให้ใช้จ่ายในการดำเนินงาน และไม่สามารถหาเงินจากแหล่งอื่นได้ รัฐพึงจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดินให้สำนักงานเท่าจำนวนที่ จำเป็น เพื่อเป็นเงินอุดหนุนทั่วไปต่อไป

มาตรา ๔๓ ให้คณะกรรมการเสนอแผนการดำเนินงาน งบประมาณรายจ่าย และประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณของสำนักงาน รวมทั้งแผนการกำหนดอัตราธรรมเนียมและผลประโยชน์อื่น ๆ ตามมาตรา ๔๐ (๖) เพื่อขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี

เมื่อได้รับความเห็นชอบแผนการกำหนดอัตราธรรมเนียมและผลประโยชน์อื่น ๆ ตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้คณะกรรมการกำหนดอัตราธรรมเนียมและผลประโยชน์อื่น ๆ ให้สอดคล้องกับแผนดังกล่าว เพื่อให้สำนักงานมีรายได้เพียงพอสำหรับการดำเนินงานตามหน้าที่และอำนาจ สำหรับปีงบประมาณที่ต้องขอจัดสรรจากเงินงบประมาณแผ่นดิน ให้สำนักงานเสนองบประมาณรายจ่ายของปีงบประมาณที่ขอรับการสนับสนุนต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาอนุมัติทูลเกล้าฯ ถวายพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีหรือพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม แล้วแต่กรณี

มาตรา ๔๔ ให้สำนักงานมีอำนาจครอบครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้ และจัดหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินของสำนักงาน ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด

สำหรับทรัพย์สินที่สำนักงานได้จากกฎหมายว่าด้วยการเวนคืน ให้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการครอบครอง บำรุงรักษา ใช้ และจัดหาประโยชน์เกี่ยวกับทรัพย์สินตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุมาใช้บังคับโดยอนุโลม และให้สำนักงานมีรายได้จากการดำเนินการเป็นรายได้แผ่นดิน

มาตรา ๔๕ บรรดาผลกำไรหรือทรัพย์ที่สำนักงานได้มาโดยการซื้อหรือแลกเปลี่ยนจากรายได้หรือทรัพย์สินของสำนักงานหรือมีผู้บริจาคให้ตามมาตรา ๔๐ (๖) ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของสำนักงาน

มาตรา ๔๖ การบัญชีของสำนักงานและกองทุนให้จัดทำตามหลักการ ตามแบบ หลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด และให้มีการแยกบัญชีอย่างชัดเจน รวมทั้งต้องจัดให้มีการตรวจสอบภายในเกี่ยวกับการเงิน การบัญชี และการพัสดุของสำนักงานและของกองทุนตลอดจนรายงานผลการตรวจสอบให้คณะกรรมการทราบอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง

ให้มีผู้ปฏิบัติงานของสำนักงานทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบภายในโดยเฉพาะและให้รับผิดชอบต่อบันทึกรายงานผลการตรวจสอบต่อคณะกรรมการตรวจสอบที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา ๔๗ ให้สำนักงานจัดทำงบการเงิน และบัญชีของสำนักงานและกองทุนตามผู้สอบบัญชีภายนอกที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี

ในทุกระยะปีงบประมาณ ให้สำนักงานจัดทำรายงานการเงินและบัญชีของสำนักงานและกองทุนตามที่คณะกรรมการกำหนดเพื่อให้ผู้สอบบัญชีภายนอกตรวจสอบ โดยให้รายงานดังกล่าวแสดงผลการดำเนินการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินของสำนักงานและกองทุน โดยให้แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้จ่ายดังกล่าวว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ประหยัด และมีประสิทธิผลเพียงใด ให้สำนักงานส่งแบบรายงานการเงินและบัญชีที่ผู้สอบบัญชีภายนอกตรวจสอบแล้วให้คณะกรรมการตรวจสอบและคณะกรรมการพิจารณา

มาตรา ๑๔ ให้คณะกรรมการจัดทำรายงานประจำปี เสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ รัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี สถาบันผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาภายในปีปฏิทิน และเปิดเผยต่อสาธารณชน รายงานนี้ให้กล่าวถึงการรับและการใช้จ่ายเงินที่มีนัยสำคัญเป็นรายได้แผ่นดิน ผลการดำเนินงานของคณะกรรมการ สำนักงาน และกองทุนในปีที่ล่วงมา รวมทั้งเหตุผลในการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ งบการเงิน และบัญชีของกองทุนพลังงานรายงานต่อผู้สอบบัญชี รวมทั้งแผนงานที่จะดำเนินการในอนาคตของคณะกรรมการ สำนักงานและกองทุน

หมวด ๓

การกำกับดูแลการประกอบกิจการพลังงาน

ส่วนที่ ๑

การอนุญาตประกอบกิจการพลังงาน

มาตรา ๑๕ การประกอบกิจการพลังงานไม่ว่าจะมีค่าตอบแทนหรือไม่ ต้องได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการ

ในการออกใบอนุญาต ให้คณะกรรมการประกาศกำหนดประเภทและลักษณะของใบอนุญาตให้สอดคล้องกับขนาดและลักษณะของกิจการพลังงานประเภทต่าง ๆ โดยให้คำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชน ความมั่นคงทางพลังงาน สิ่งแวดล้อม สุขภาพ ความปลอดภัย และผลกระทบอื่นอันเนื่องมาจากแต่ละประเภท และอาจกำหนดเงื่อนไขในใบอนุญาตเพราะข้อใดข้อหนึ่ง การกำหนดประเภท ขนาด และลักษณะของกิจการพลังงานที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอรับใบอนุญาตให้ประกาศเป็นพระราชกฤษฎีกา เพื่อประโยชน์ในการรวบรวมข้อมูลสถิติ คณะกรรมการอาจประกาศกำหนดให้กิจการพลังงานที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอรับใบอนุญาตตามพระราชกฤษฎีกา เป็นกิจการที่ต้องแจ้งต่อสำนักงานก็ได้

มาตรา ๑๖ ในกรณีที่การปลูกสร้างอาคาร หรือการตั้งโรงงานเพื่อประกอบกิจการพลังงานต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร กฎหมายว่าด้วยการผังเมือง หรือกฎหมายว่าด้วยการพัฒนาที่ดินและส่งเสริมสิ่งแวดล้อม ให้การอนุญาตตามกฎหมายดังกล่าวนั้นเป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนดแนวทางและหลักเกณฑ์ร่วมกันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่าง ๆ ดังกล่าว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามแนวทางและหลักเกณฑ์ดังกล่าวนั้น ให้คณะกรรมการพิจารณาตัดสิน

ให้สำนักงานส่งต่อคำวินิจฉัยและหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายดังกล่าว เพื่อดำเนินการต่อไป

มาตรา ๔๙ ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้ผู้ประกอบกิจการที่เข้าข่ายเป็นผู้ประกอบกิจการพลังงานที่ต้องได้รับใบอนุญาตแต่ยังไม่ได้รับใบอนุญาต หยุด หรือระงับการประกอบกิจการพลังงานหรือปิดการเชื่อมต่ออาคารระบบโครงข่ายดังกล่าว

เมื่อคณะกรรมการมีคำสั่งตามมาตราตามวรรคหนึ่งแล้ว หากผู้ประกอบกิจการดังกล่าวไม่ดำเนินการตามคำสั่ง ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการใด ๆ ที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของคำสั่งตามวรรคหนึ่งได้ ในกรณีให้ผู้ประกอบกิจการชำระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริงให้แก่สำนักงาน

มาตรา ๕๐ คุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาต หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาต รวมทั้งอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาต และอัตราค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการพลังงาน ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการประกาศกำหนด ซึ่งต้องสอดคล้องกับแผนตามมาตรา ๙ (๔) หรือโยบายด้านพลังงานที่คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ

มาตรา ๕๑ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการออกใบอนุญาตที่คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา ๕๐ ต้องคำนึงถึงความแตกต่างของประเภท ขนาด และลักษณะของกิจการพลังงาน และต้องไม่กำหนดให้เป็นภาระแก่ผู้ขอรับใบอนุญาตหรือผู้ได้รับใบอนุญาตเกินสมควร และไม่เป็นเหตุให้เกิดการกีดกันการแข่งขัน รวมทั้งต้องกำหนดให้มีการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันในกรณีที่มีผู้ขอรับใบอนุญาตที่ประกอบกิจการพลังงานในลักษณะเดียวกัน ขนาด และลักษณะของกิจการพลังงานในลักษณะเดียวกัน

หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการออกใบอนุญาตต้องกำหนดให้ครอบคลุมเรื่องดังต่อไปนี้ด้วย

สถานที่ตั้งและสภาพแวดล้อมของสถานประกอบกิจการพลังงาน

มาตรฐานทางวิชาการ จริยธรรม และความปลอดภัย

มาตรฐานและคุณภาพการให้บริการ

อัตราค่าบริการ

ประสิทธิภาพในการใช้พลังงานและทรัพยากร

ประสิทธิภาพในการประกอบกิจการพลังงานและการให้บริการ

ประเภทและเขตของเนื้อที่เชื้อเพลิง รวมถึงข้อกำหนดเกี่ยวกับการใช้พลังงานหมุนเวียน

กระบวนการและเทคโนโลยีในการประกอบกิจการพลังงาน

การวางผังและแผนในการขยายเครือข่าย

๑๐

การแข่งขันในกิจการประกอบกิจการพลังงาน

๑๑

โครงสร้างการถือหุ้นและความสัมพันธ์กับผู้ประกอบกิจการพลังงานรายอื่น

๑๒

กระบวนการในการรับฟังความคิดเห็นและทำความเข้าใจกับประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย

๑๓

มาตรฐานทางสิ่งแวดล้อม

๑๔

มาตรการในการบรรเทาผลกระทบต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมในพื้นที่ใกล้เคียงกับสถานประกอบกิจการพลังงาน

๑๕

ความสมบูรณ์และครบถ้วนของการรายงานข้อมูลต่อคณะกรรมการ

มาตรา ๔๒ เมื่อผู้ขอรับใบอนุญาตผ่านหลักเกณฑ์ธรรมเนียมไปจนอนุญาตและค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการพลังงานให้สำนักงานดำเนินการออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ขอรับใบอนุญาต

เมื่อคณะกรรมการได้ออกใบอนุญาตแล้ว ให้เปิดเผยรายละเอียดของใบอนุญาตในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสำนักงาน

มาตรา ๔๓ เมื่อผู้รับใบอนุญาตประสงค์จะเริ่มประกอบกิจการไฟฟ้าในส่วนหนึ่งส่วนใดต้องแจ้งให้สำนักงานทราบก่อนวันเริ่มประกอบกิจการไฟฟ้า ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด

ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตประสงค์จะทดลองเดินเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ก่อนการเริ่มประกอบกิจการไฟฟ้าตามวรรคหนึ่ง ผู้รับใบอนุญาตต้องแจ้งวัน เวลา และรายละเอียดการทดลองเดินเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ให้สำนักงานทราบให้ครบถ้วน และศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าที่ต้องแจ้งก่อนทำการทดลองเดินเครื่องจักรหรืออุปกรณ์เพื่อให้ผู้รับใบอนุญาตสามารถดำเนินการทดลองได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย

มาตรา ๔๔ การขอต่ออายุใบอนุญาตการพลังงานให้ยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตก่อนวันที่ใบอนุญาตสิ้นอายุไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบวัน โดยให้สำนักงานดำเนินการออกใบอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตได้ต่อไป

การขอต่ออายุใบอนุญาตและการอนุญาต รวมทั้งอัตราค่าธรรมเนียมการให้ต่ออายุใบอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด โดยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในส่วนต่ออายุใบอนุญาตต้องสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามมาตรา ๔๐ และมาตรา ๔๒ ด้วย

มาตรา ๔๕ ห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตโอนสิทธิ์ตามใบอนุญาตให้บุคคลอื่นไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วน เว้นแต่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

มาตรา ๔๖ ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตถูกศาลพิพากษาให้ล้มละลายหรือมิชอบด้วยระเบียบที่คณะกรรมการประกาศกำหนดตามมาตรา ๔๕ คณะกรรมการอาจสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

มาตรา ๔๗ ในกรณีที่มีความจำเป็นการขยายแผนไฟฟ้าให้เป็นธรรม หรือกรณีจำเป็นที่ต้องสำรองเพื่อเพิ่มการผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการหรือประโยชน์ในทางเศรษฐกิจของประเทศ

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะกรรมการโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีมีอำนาจออกคำสั่งให้ปรับปรุงอนุญาตเพิ่มเติมหรือลดการผลิตหรือการจำหน่ายไฟฟ้าได้ ในกรณีเกิดการขาดแคลนกำลังธรรมชาติที่เป็นวัตถุดิบ และเพื่อประโยชน์แห่งความมั่นคงของประเทศ ให้คณะกรรมการมีอำนาจออกคำสั่งให้ปรับปรุงอนุญาตที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่าย ธรรมชาติที่ดำเนินการรองรับผู้อนุญาตกำลังธรรมชาตินั้น เพื่อเพิ่มแนวทางเพิ่มปริมาณการผลิตและจัดหากำลังธรรมชาติและให้กระทำตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดโดยคณะกรรมการ

มาตรา 58 ห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตพักหรือหยุดให้บริการพลังงาน เว้นแต่จะได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

มาตรา 59 ผู้รับใบอนุญาตที่ประสงค์จะเลิกประกอบกิจการพลังงาน ต้องแจ้งเป็นหนังสือให้สำนักงานทราบล่วงหน้า ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

ในกรณีที่การเลิกประกอบกิจการพลังงานตามประเภท ขนาด และสถานที่ตั้งตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด อาจกระทบต่อความมั่นคงของระบบพลังงาน และยังไม่มีผู้รับใบอนุญาตรายอื่นเข้าดำเนินการแทน คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้ผู้แจ้งความประสงค์เลิกประกอบกิจการพลังงานดำเนินการต่อไปจนกว่าจะมีผู้รับใบอนุญาตรายอื่นเข้าดำเนินการแทน หรือจนกว่าคณะกรรมการจะเห็นสมควร ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการตามวรรคสอง ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้สำนักงานหรือบุคคลอื่นใดดำเนินการแทนผู้รับใบอนุญาตได้ โดยให้ผู้รับใบอนุญาตที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด การดำเนินการตามวรรคสาม ให้สำนักงานหรือบุคคลอื่นใดที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการมีสิทธิเข้าใช้หรือครอบครองทรัพย์สินของผู้รับใบอนุญาตที่จำเป็นต่อการดำเนินการดังกล่าวได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด การประกอบกิจการพลังงานตามประเภท ขนาด และสถานที่ตั้งของการดำเนินการแทนตามวรรคสาม ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

มาตรา 60 ให้คณะกรรมการมีอำนาจเพิกถอนใบอนุญาตที่ออกตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

1

กรณีที่ผู้รับใบอนุญาตพักหรือปรับปรุงการกระทำก่อนเป็นเหตุให้ขาดลักษณะการแบ่งแยกหรือกิจการเช่นนั้น (ข) เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขใบอนุญาต

มาตรา 26 ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นว่าการให้บริการของผู้รับใบอนุญาตอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ระบบ เครื่องจักร และอุปกรณ์ของผู้ใช้พลังงานหรือผู้ประกอบกิจการพลังงานรายอื่น คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตปรับปรุงการให้บริการภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา 27 ให้ผู้รับใบอนุญาตจัดทำและส่งข้อมูลเกี่ยวกับการประกอบกิจการพลังงานซึ่งอาจรวมถึงฐานะทางการเงินและการเงินให้แก่คณะกรรมการ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด

ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการระบบโครงข่ายไฟฟ้าที่มีศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าหลัก ให้แยกบัญชีและงบการประกอบกิจการระบบโครงข่ายไฟฟ้า และศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าออกจากการประกอบกิจการประเภทอื่นอย่างชัดเจน

ส่วนที่ 2

อัตราค่าบริการในการประกอบกิจการพลังงาน

มาตรา 28 ให้รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกำหนดนโยบายและแนวทางการกำหนดอัตราค่าบริการในการประกอบกิจการพลังงาน

มาตรา 29 ภายใต้นโยบายและแนวทางที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเห็นชอบ ให้คณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าบริการของผู้รับใบอนุญาตแต่ละประเภท โดยมีแนวทางดังต่อไปนี้

(ก) ควรสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและคำนึงถึงผลตอบแทนที่เหมาะสมของการลงทุนการประกอบกิจการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ (ข) ควรอยู่ในระดับที่ทำให้การจัดหาพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและเพียงพอต่อความต้องการของการใช้พลังงานในประเทศ (ค) ควรอยู่ในระดับที่เหมาะสมและเป็นธรรม (ง) คำนึงถึงความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการประกอบกิจการพลังงาน (จ) คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของต้นทุนที่ผู้รับใบอนุญาตต้องจ่ายเพื่อจัดหาพลังงาน (ฉ) คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของต้นทุนที่ผู้รับใบอนุญาตต้องจ่ายเพื่อจัดหาพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียน (ช) การกำหนดอัตราค่าบริการต้องไม่ก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติระหว่างผู้ใช้พลังงานรายหนึ่งกับผู้ใช้พลังงานรายอื่น (ซ) ไม่กำหนดเงื่อนไขหรือข้อผูกพันที่อาจก่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างไม่มีประสิทธิภาพ

มาตรา 30 ให้คณะกรรมการกำหนดอัตราค่าบริการที่ผู้รับใบอนุญาตกำหนดให้เป็นไปตามนโยบายและแนวทางที่รัฐมนตรีกำหนดตามมาตรา 28 และหลักเกณฑ์ที่กำหนดตามมาตรา 29

ในกรณีนี้อัตราค่าบริการเป็นอัตราที่ใช้บังคับเป็นการทั่วไป ให้คณะกรรมการเปิดเผยสูตรหรือวิธีการที่ใช้ในการคำนวณอัตราค่าบริการ รวมทั้งข้อมูลสำคัญอื่นที่ใช้ในการคำนวณอัตราค่าบริการ ยกเว้นในกรณีที่คณะกรรมการเห็นว่าต้องเป็นข้อมูลลับทางการค้าของผู้รับใบอนุญาต

มาตรา ๒๙ ในการกำหนดอัตราค่าบริการตามมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง ให้ผู้รับใบอนุญาตเสนออัตราค่าบริการเพื่อให้คณะกรรมการพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยกระบวนการพิจารณาต้องเป็นตามที่ประธานกำหนด และต้องแจ้งเหตุผลที่แตกต่างแก่ผู้มีส่วนได้เสีย

มาตรา ๓๐ ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นว่าอัตราค่าบริการไม่เหมาะสม อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพเศรษฐกิจ สังคม การลงทุนหรือเทคโนโลยี คณะกรรมการมีอำนาจดังต่อไปนี้

(ก) ปรับอัตราค่าบริการ หรือ (ข) สั่งให้ผู้รับใบอนุญาตปรับอัตราค่าบริการเพื่อเสนอให้คณะกรรมการให้ความเห็นชอบซึ่งคณะกรรมการต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเอกสารหลักฐานครบถ้วน การปรับอัตราค่าบริการตามวรรคหนึ่งต้องกระทำภายใต้กรอบนโยบายและแนวทางที่ได้รับความเห็นชอบตามมาตรา ๒๖ ด้วย

มาตรา ๓๑ ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตเห็นว่ามีเหตุอันสมควรให้มีการปรับอัตราค่าบริการ ให้เสนอคำขอไปยังคณะกรรมการเพื่อให้ความเห็นชอบ ซึ่งจะต้องแสดงเหตุผลและหลักฐานประกอบคำขอ คณะกรรมการพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเอกสารหลักฐานครบถ้วน

การปรับอัตราค่าบริการตามวรรคหนึ่งต้องกระทำภายใต้กรอบนโยบายและแนวทางที่ได้รับความเห็นชอบตามมาตรา ๒๖ ด้วย

มาตรา ๓๒ ผู้รับใบอนุญาตต้องประกาศเผยแพร่อัตราค่าบริการที่คณะกรรมการให้ความเห็นชอบตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

มาตรา ๓๓ ห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตเรียกเก็บค่าบริการเกินกว่าอัตราค่าบริการที่คณะกรรมการให้ความเห็นชอบ

ส่วนที่ ๓

การกำหนดมาตรฐานและความปลอดภัยในการประกอบกิจการพลังงาน

มาตรา ๓๔ การประกอบกิจการพลังงาน ต้องเป็นไปตามมาตรฐานทางวิศวกรรมและมีความปลอดภัยตามระเบียบที่คณะกรรมการประกาศกำหนด โดยระเบียบดังกล่าวต้อง

ไม่สร้างภาระให้แก่ผู้รับใบอนุญาตเกินความจำเป็น

ไม่ส่งผลต่อกันไปในลักษณะที่เป็นการจำกัดหรือกีดกันการแข่งขัน

ไม่เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้รับใบอนุญาตรายหนึ่งรายใด

มีความโปร่งใส ในกรณีที่มีการประกอบกิจการพลังงานของผู้รับใบอนุญาตไม่เป็นไปตามระเบียบตามวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการเรียกตัวผู้รับใบอนุญาตมาปรับปรุงหรือแก้ไขให้ถูกต้อง

มาตรา ๗๓ อุปกรณ์ของโครงการที่ใช้เชื่อมต่อกับระบบโครงข่ายพลังงานของผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่ายพลังงาน รวมถึงการตรวจสอบและรับรองผลการตรวจสอบต้องเป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

ระเบียบตามวรรคหนึ่ง อาจกำหนดให้อุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อกับระบบโครงข่ายพลังงานบางประเภทต้องได้รับการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานก่อนนำมาใช้ในการประกอบกิจการพลังงานก็ได้ ในการจัดทำระเบียบตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่ายพลังงานจัดทำรายละเอียดเสนอคณะกรรมการเพื่อพิจารณา

มาตรา ๗๔ ผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่ายพลังงาน และแก้ไขปรับปรุงระบบโครงข่ายพลังงานอุปกรณ์ หรือเครื่องมือใด ๆ ที่ใช้ในการประกอบกิจการพลังงานให้ต้องมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยตามมาตรฐานที่คณะกรรมการกำหนด และต้องแจ้งให้ผู้ขอเชื่อมต่อหรือผู้ดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน

มาตรา ๗๕ ในการกำหนดมาตรฐานตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๗๓ วรรคหนึ่ง คณะกรรมการอาจอ้างอิงมาตรฐานที่กำหนดโดยหน่วยงานอื่นที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการนั้นก็ได้

มาตรา ๗๖ ผู้ขอเชื่อมต่อระบบโครงข่ายพลังงานต้องจัดหาอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อกับระบบโครงข่ายพลังงาน ตั้งแต่ได้รับใบอนุญาตเป็นหน่วยตรวจสอบและรับรองมาตรฐานจากคณะกรรมการ

คุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นหน่วยตรวจสอบและรับรองมาตรฐานการเชื่อมต่อให้คณะกรรมการกำหนด การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต อายุใบอนุญาต ค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาตและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา ๗๗ ให้คณะกรรมการมีอำนาจเพิกถอนใบอนุญาตให้เป็นหน่วยตรวจสอบและรับรองมาตรฐานของอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อกับระบบโครงข่ายพลังงานได้ในกรณีที่หน่วยตรวจสอบและรับรองมาตรฐานดังกล่าว

ดำเนินการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานโดยมิชอบ หรือรับรองผลการตรวจสอบโดยไม่สุจริต (ข) ทำการตรวจสอบ รายงานผลการตรวจสอบ หรือรับรองผลการตรวจสอบอย่าง ละทิ้งโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร จนเป็นเหตุให้ผู้ขอรับการตรวจสอบได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง (ค) มีผู้ตรวจสอบซึ่งมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน หรือมีจำนวนผู้ตรวจสอบไม่ครบ ตามที่กำหนดไว้ในประกาศตามมาตรา 26 วรรคสอง

มาตรา 27 การพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตของหน่วยตรวจสอบและรับรองมาตรฐานตาม มาตรา 27 ไม่เป็นเหตุให้กระบวนการเกี่ยวกับการรับรองมาตรฐานที่หน่วยตรวจสอบและรับรองมาตรฐาน ได้ดำเนินการไปแล้วก่อนที่จะถูกเพิกถอนใบอนุญาตในอนาคต เว้นแต่การรับรองนั้นไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่ คณะกรรมการกำหนด คณะกรรมการอาจพิจารณาสั่งแก้ไขการรับรองมาตรฐานนั้นได้

ในกรณีที่ผู้ใดได้รับความเสียหายจากการรับรองมาตรฐานที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน และถูกเพิกถอนตามวรรคหนึ่ง ให้หน่วยตรวจสอบและรับรองมาตรฐานที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตมี หน้าที่ต้องใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วย

ส่วนที่ 4

ระบบโครงข่ายพลังงานและศูนย์ควบคุมระบบโครงข่ายพลังงาน

มาตรา 28 ผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่ายพลังงานต้องดำเนินการตามที่กำหนด ในแผนการขยายระบบโครงข่ายพลังงาน

ให้ผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่ายพลังงานยื่นใบอนุญาตต่อคณะกรรมการกำกับดูแล การจัดทำแผนการขยายระบบโครงข่ายพลังงานเพื่อเสนอคณะกรรมการพิจารณาให้ความเห็นชอบ จากคณะรัฐมนตรี ในการพิจารณาแผนการขยายระบบโครงข่ายพลังงานตามวรรคสอง ให้ คณะกรรมการให้ความเห็นประกอบด้วย ในการกำหนดแผนดังกล่าวต้องมีผลกระทบต่อส่วนได้เสียสำคัญ ของประเทศในด้านเศรษฐกิจให้มีการควบคุมการรับผลกระทบตามที่เหมาะสมด้วย ให้ผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่ายพลังงานที่มีใบอนุญาตต้องรายงานต่อรัฐมนตรีว่าการ จัดทำแผนการขยายระบบโครงข่ายพลังงานเพื่อเสนอคณะกรรมการพิจารณาให้ความเห็นชอบตาม ขอบเขตและหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา 29 ผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่ายพลังงานต้องประกอบกิจการพลังงาน อย่างเป็นธรรมและจะเลือกปฏิบัติอย่างไม่มีเหตุสมควรไม่ได้

มาตรา 30 ผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่ายพลังงานต้องยอมให้ผู้อื่นใช้ระบบ โครงข่ายพลังงานหรือประกอบกิจการพลังงานภายใต้เงื่อนไขที่ยุติธรรมต่อระบบโครงข่ายพลังงาน

ตามข้อกำหนดที่ผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่ายพลังงานกำหนดขึ้นโดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบกิจการพลังงาน ข้อกำหนดมาตรฐานการยอมให้ใช้หรือการประกอบกิจการพลังงานต้องกำหนดให้การใช้ ระบบโครงข่ายพลังงานนั้นทำให้การใช้หรือการประกอบกิจการพลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ปฏิบัติการระบบโครงข่ายพลังงาน โดยข้อกำหนดต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้ ```

ไม่กระทบต่อความมั่นคง ความปลอดภัย และคุณภาพของระบบพลังงาน

ไม่ทำให้ผู้ใช้พลังงานและส่วนรวมเสียประโยชน์

ไม่เป็นการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม หรือกีดกันผู้รับใบอนุญาตหรือผู้ประกอบ กิจการพลังงานรายอื่น ข้อกำหนดทางเทคนิค (ก) จุดที่เชื่อมโยงต่อระบบโครงข่ายพลังงานต้อง ซึ่งแสดงความเป็นไปได้ในทางเทคนิค และไม่ก่อให้เกิดการกระทบต่อผู้เชื่อมโยงต่อระบบโครงข่าย พลังงานเดิมโดยตรง

มีการกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบผู้เชื่อมโยงต่อระบบโครงข่าย พลังงานและผู้ให้เชื่อมโยงต่อระบบโครงข่ายพลังงานที่ชัดเจน

ลักษณะอื่นตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด ข้อกำหนดตามวรรคหนึ่งและวรรคสองต้องไม่ทำให้ผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่าย พลังงานเสียประโยชน์หรือเกิดความเสียเปรียบในการแข่งขันกับผู้รับใบอนุญาตหรือผู้ประกอบกิจการ พลังงานรายอื่น

มาตรา ๕๒ ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นว่าข้อกำหนดเกี่ยวกับการเชื่อมต่อระบบ

โครงข่ายพลังงาน ข้อกำหนดเกี่ยวกับการใช้บริการระบบโครงข่ายพลังงาน และข้อกำหนดเกี่ยวกับ การปฏิบัติการระบบโครงข่ายพลังงานของผู้รับใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องไม่เป็นไปตามหลักการตามมาตรา ๔๘ วรรคสอง ให้ปรับปรุงแก้ไขข้อกำหนดดังกล่าวให้เหมาะสมหรือปรับปรุงข้อกำหนดให้เป็นไปตาม หลักการตามมาตรา ๔๘ ได้

มาตรา ๕๓ ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่ายพลังงานไม่ให้เชื่อมต่อ

หรือเชื่อมต่อระบบโครงข่ายพลังงานที่เห็นว่าข้อกำหนดเกี่ยวกับการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายพลังงาน ข้อกำหนดเกี่ยวกับการใช้บริการระบบโครงข่ายพลังงาน และข้อกำหนดเกี่ยวกับการปฏิบัติการระบบ โครงข่ายพลังงานไม่เป็นไปตามหลักการตามมาตรา ๔๘ ให้ผู้รับใบอนุญาตหรือผู้ประกอบกิจการ พลังงานยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาได้ กรณีคณะกรรมการเห็นว่าข้อกำหนดดังกล่าวไม่เป็นไปตามหลักการตามมาตรา ๔๘ ให้คณะกรรมการมีคำสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตที่ออกข้อกำหนดดังกล่าวปรับปรุงแก้ไขหรือปรับปรุงข้อกำหนด ตามหลักการตามมาตรา ๔๘ ได้

มาตรา ๕๔ ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่ายพลังงานไม่ให้เชื่อมต่อหรือ

เชื่อมต่อระบบโครงข่ายพลังงาน ผู้ที่ได้รับการปฏิเสธสิทธิอาจร้องต่อคณะกรรมการพิจารณา วินิจฉัยได้ เมื่อคณะกรรมการมีคำวินิจฉัยหรือคำสั่งเป็นประการใด ให้ผู้เกี่ยวข้องปฏิบัติ ตามคำวินิจฉัยนั้น

มาตรา ๕๕ ผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่ายพลังงานต้องแจ้งข้อมูลที่ถูกต้องและ

จำเป็นสำหรับการใช้หรือเชื่อมต่อระบบโครงข่ายพลังงานให้ผู้ขอใช้หรือเชื่อมต่อระบบโครงข่าย ``` สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พลังงานทราบและต้องไม่กระทำการใด ๆ อันเป็นเหตุให้การใช้หรือเชื่อมต่อระบบโครงข่ายพลังงาน ของผู้รับใบอนุญาตหรือผู้ประกอบกิจการพลังงานรายอื่นไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ

มาตรา ๕๖ ผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่ายพลังงานต้องเปิดเผยข้อมูลตามข้อตกลงเบื้องต้น และอัตราการบริการในการใช้หรือการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายพลังงานตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา ๕๗ ให้ผู้รับใบอนุญาตที่มีศูนย์ควบคุมระบบโครงข่ายพลังงานดำเนินหน้าที่ควบคุมบริหาร และกำกับดูแลให้ระบบพลังงานมีความสมดุล มั่นคง มีเสถียรภาพ ประสิทธิภาพ และความเชื่อถือ รวมทั้งไม่อำนวยให้เกิดการใช้อำนาจเหนือตลาดหรือการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมในการออกใบอนุญาต ให้ผู้รับใบอนุญาตที่มีศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าส่งให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้าดำเนินการผลิตไฟฟ้าตามนโยบายและข้อปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมมิได้

มาตรา ๕๘ ในกรณีที่มีผู้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการว่าผู้รับใบอนุญาตที่มีศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าดำเนินการฝ่าฝืนมาตรา ๕๗ วรรคสอง ให้คณะกรรมการวินิจฉัยเรื่องนั้นแล้ว เสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นว่าผู้รับใบอนุญาตที่มีศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้ากระทำการฝ่าฝืนมาตรา ๕๗ วรรคสอง และเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ร้องเรียน ให้คณะกรรมการกำหนดค่าเสียหายแก่ผู้ร้องเรียนเพื่อชดเชยความเสียหายนั้นด้วย

หมวด ๔ การคุ้มครองผู้ใช้พลังงาน

ส่วนที่ ๑ มาตรฐานการให้บริการและการให้บริการอย่างทั่วถึง

มาตรา ๕๙ ผู้รับใบอนุญาตต้องจัดให้มีการให้บริการพลังงานตามมาตรฐานที่คณะกรรมการกำหนด โดยให้รวมถึงมาตรฐานทางวิชาการและวิชาชีพ และมาตรฐานคุณภาพการให้บริการ ให้ผู้รับใบอนุญาตที่ไม่สามารถให้บริการได้ตามมาตรฐานที่กำหนดในกรณีหนึ่งจ่ายเงินชดเชยแก่ผู้ใช้พลังงาน ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด ให้ผู้รับใบอนุญาตรายงานค่าใช้จ่ายในการให้บริการต่อคณะกรรมการ ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา ๔๙ คณะกรรมการอาจกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตต้องจัดให้มีบริการด้านพลังงานในท้องที่ที่เห็นว่าที่เดิมไม่มีผู้ให้บริการ หรือมีแต่ไม่เพียงพอ หรือมีแต่เพียงพอแต่ความต้องการของผู้ใช้พลังงานในท้องที่นั้น การกำหนดตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามนโยบายที่รัฐมนตรีกำหนดตามมาตรา ๗ (๗)

มาตรา ๕๐ ให้คณะกรรมการมีอำนาจออกประกาศกำหนดแบบมาตรฐานของสัญญาเกี่ยวกับการให้บริการพลังงานได้ และจะกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวไปตามแบบมาตรฐานของสัญญาก็ได้ แบบมาตรฐานของสัญญาเกี่ยวกับการให้บริการพลังงานอย่างน้อยต้อง (ก) มีข้อกำหนดเกี่ยวกับหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้รับใบอนุญาตและผู้ใช้พลังงานที่ชัดเจน (ข) ไม่มีข้อกำหนดที่เป็นการจำกัดการใช้ประโยชน์ของผู้ใช้พลังงานโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร (ค) ไม่มีข้อกำหนดที่มีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติหรือที่กีดกันผู้ใช้พลังงานอย่างไม่เป็นธรรม

มาตรา ๕๑ ผู้รับใบอนุญาตต้องจัดทำและเผยแพร่แบบข้อมูลเกี่ยวกับการให้บริการพลังงานของตนแก่ผู้ใช้พลังงานตามที่คณะกรรมการกำหนด และต้องแสดงไว้เป็นที่เปิดเผยให้เห็นได้ง่าย ณ ที่ทำการของผู้รับใบอนุญาตหรือสถานที่ที่คณะกรรมการกำหนดก็ได้

ส่วนที่ ๒ กองทุนพัฒนาไฟฟ้า

มาตรา ๕๒ ให้ตั้งกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่งในสำนักงาน เรียกว่า “กองทุนพัฒนาไฟฟ้า” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนสนับสนุนในการให้บริการไฟฟ้าในท้องที่ห่างไกล อย่างทั่วถึง เพื่อกระจายอำนาจปกครองในท้องถิ่น พัฒนาคุณภาพในท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีในการประกอบกิจการไฟฟ้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย โดยดำเนินการมีความสมดุลของทรัพยากรธรรมชาติและสร้างความเป็นธรรมแก่ผู้ใช้ไฟฟ้า

มาตรา ๕๓ กองทุนประกอบด้วย (ก) เงินที่ได้รับตามมาตรา ๕๖ (ข) เงินที่ได้รับจากผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้าตามมาตรา ๔๘ และมาตรา ๕๔ (ค) เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้ (ง) ดอกผลหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินของกองทุน

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เงินและทรัพย์สินที่เป็นของกองทุนไม่ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดินตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ

มาตรา ๕๔ ให้สำนักงานเป็นผู้รับเงิน จ่ายเงิน เก็บรักษา และบริหารจัดการเงินกองทุนและดอกผลประกอบของสำนักงาน การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษา และการบริหารจัดการเงินกองทุนให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา ๕๕ ให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้าผ่านสายและกองทุน ทั้งนี้ ตามระเบียบที่คณะกรรมการประกาศกำหนดโดยรอบคอบโยบายของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติตามมาตรา ๑๐ (๑๐) โดยเงินที่นำส่งเข้ากองทุนเพื่อใช้จ่ายตามมาตรา ๕๗ ให้มาจากอัตราค่าบริการ

การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการนำส่งเงินเข้ากองทุนตามวรรคหนึ่งให้คำนึงถึงผลกระทบต่อกิจการที่กำหนดไว้ในมาตรา ๕๗ (๑) (๒) (๓) และ (๔) อย่างเหมาะสม โดยคำสั่งผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้าที่ต้องรับภาระในการที่ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้านำส่งเงินเข้ากองทุนด้วย

มาตรา ๕๖ เงินกองทุนให้ใช้จ่ายเพื่อกิจการ ดังต่อไปนี้

เพื่อการชดเชยหรือช่วยเหลือผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้าที่ได้รับบริการแต่ผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ห่างไกล หรือเพื่อให้มีการขยายเขต หรือเพื่อส่งเสริมในเรื่องในการกระจายความเจริญในภูมิภาค

เพื่อการชดเชยผู้ใช้ไฟฟ้าที่จะต้องจ่ายอัตราค่าไฟฟ้าแพงขึ้นจากการที่ผู้รับใบอนุญาตที่ศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้ากระทำการฝ่าฝืนมาตรา ๓๗ วรรคสอง

เพื่อการพัฒนา หรือฟื้นฟูฟ้องเงินที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า

เพื่อการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน และเทคโนโลยีที่ใช้ในการประกอบกิจการไฟฟ้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย

เพื่อการส่งเสริมสังคมและประชาชนให้มีความรู้ ความตระหนัก และมีส่วนร่วมทางด้านไฟฟ้า

เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารกองทุน การใช้จ่ายเงินกองทุนตาม (๑) (๒) (๓) (๔) และ (๕) ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนดโดยคำนึงถึงความเหมาะสมและความสอดคล้องกับนโยบายของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติตามมาตรา ๑๑ (๑๐) และต้องจัดให้มีการแยกบัญชีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับกิจการที่ใช้จ่ายเงินกองทุนแต่ละประเภทให้ชัดเจน

ส่วนที่ ๖

คณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขต

มาตรา ๔๘ เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองผู้ใช้พลังงาน ให้คณะกรรมการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขตประกอบด้วยประธานกรรมการหนึ่งคนและกรรมการอีกไม่เกินสิบคนซึ่งเป็นผู้แทนของผู้ใช้พลังงานในแต่ละเขต

คุณสมบัติ วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง วิธีการปฏิบัติงาน ค่าตอบแทน และค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติงานของคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขต ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด และให้ถือว่าองค์ประกอบของคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขตที่มีอยู่ในขณะนั้นเป็นองค์ประกอบที่ใช้ในการดำเนินงานของคณะกรรมการ การแบ่งเขตตามวรรคหนึ่งให้แบ่งเขตพื้นที่ที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา ๔๙ ให้คณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขตมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้

ดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียนของผู้ใช้พลังงานและให้คำแนะนำแก่ผู้ใช้พลังงานตามที่คณะกรรมการกำหนด

ให้คำปรึกษาแก่คณะกรรมการในการคุ้มครองผู้ใช้พลังงาน

เสนอความคิดเห็นในส่วนปรับปรุงการให้บริการพลังงาน

ประสานงานกับผู้ประกอบกิจการพลังงานเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับการร้องเรียนของผู้ใช้พลังงานเพื่อปรับปรุงคุณภาพบริการและแก้ไขเรื่องร้องเรียน

ปฏิบัติการอื่นใดตามที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา ๕๐ ในกรณีที่ผู้ใช้พลังงานได้รับความเดือดร้อนเสียหายอันเนื่องมาจากการให้บริการของผู้ประกอบกิจการพลังงาน ผู้ใช้พลังงานมีสิทธิยื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขตได้

หนังสือร้องเรียนต้องระบุข้อเท็จจริงที่ชัดเจนพร้อมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวไปด้วย หลักเกณฑ์และวิธีพิจารณาเรื่องร้องเรียนให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด ในกรณีที่ให้พนักงานเจ้าหน้าที่พิจารณาเรื่องร้องเรียนให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาตามวันที่กำหนดแต่ไม่ได้รับหนังสือร้องเรียน และข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องและเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องตามข้อเท็จจริงนั้น

มาตรา ๕๑ ในกรณีที่ผู้ใช้พลังงานไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขต ให้มีสิทธินำคดีมาฟ้องร้องต่อศาลได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด

คำวินิจฉัยของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด

มาตรา ๕๒ ในกรณีที่ผู้ใช้พลังงานเห็นว่ามีประโยชน์อาจได้รับเกิดจากบริการในอันตรายที่สูงกว่าตัวคณะกรรมการให้ความเห็นชอบ หรือเห็นว่าผู้รับใบอนุญาตไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดธรรม ผู้ใช้พลังงานมีสิทธิร้องขอข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการจากผู้รับใบอนุญาตได้ และผู้รับใบอนุญาตต้องแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการให้ผู้ใช้พลังงานทราบภายในระยะเวลาที่กำหนดให้ในหนังสือร้องขอ

ในกรณีที่ผู้ใช้พลังงานประสงค์จะได้รับข้อมูลตามวรรคหนึ่งในรูปของเอกสารที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูล ผู้รับใบอนุญาตต้องจัดทำให้แก่ผู้ใช้พลังงานด้วย โดยจะคิดค่าตอบแทนเพื่อการนั้นจากผู้ใช้พลังงานก็ได้ แต่ค่าตอบแทนนั้นจะต้องไม่สูงกว่าความเป็นจริง ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา ๑๓๓ ในกรณีที่เขตผู้ใช้พลังงานที่ผู้รับใบอนุญาตเรียกเก็บค่าบริการไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นธรรม ผู้ใช้พลังงานมีสิทธิยื่นคำร้องร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขตได้ และให้เป็นไปตามบัญญัติในมาตรา ๑๐๐ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

หมวด ๕ การใช้อสังหาริมทรัพย์

มาตรา ๑๓๔ เมื่อมีความจำเป็นที่ผู้รับใบอนุญาตซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐจะต้องใช้อสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างระบบโครงข่ายพลังงาน หรือสิ่งปลูกสร้างอื่นอันจำเป็นและเกี่ยวเนื่องกับกิจการดังกล่าวรวมถึงแหล่งน้ำเพื่อการผลิตไฟฟ้าและการส่งเชื้อเพลิงน้ำ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำ หรือเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ รวมทั้งเขตไฟฟ้าและสิ่งอื่นอันเป็นประโยชน์ต่อโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ถ้าผู้ใดไม่ตกลงเรื่องการใช้ ให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ โดยให้ดำเนินการในนามเจ้าหน้าที่ต้นสังกัด และให้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ตกเป็นของหน่วยงานของรัฐนั้น

ให้สำนักงานมีหน้าที่ปกครองดูแล บำรุงรักษา ใช้ และจัดหาประโยชน์เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ตกเป็นของแผ่นดินตามวรรคหนึ่ง ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา ๑๓๕ เพื่อประโยชน์ในการสร้างหรือเพลาหาสายที่เกี่ยวกับระบบโครงข่ายพลังงาน ให้ผู้รับใบอนุญาตโดยอนุมัติของคณะกรรมการมีอำนาจเข้าไปในที่ดินหรือครอบครองอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีผู้ใดอยู่ด้วยความยินยอมของเจ้าของที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์นั้น โดยให้ผู้รับใบอนุญาตแจ้งให้หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐในท้องที่ทราบก่อนดำเนินการในกรณีที่จำเป็นต้องรื้อถอน หรือเคลื่อนย้าย ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง หรือพืชผลอันมีผู้ครอบครองในที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์นั้นด้วยผู้รับใบอนุญาตต้องแจ้งให้เจ้าของทราบล่วงหน้า และต้องชดใช้ค่าเสียหายหรือค่ารื้อถอนหรือค่าก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างหรือพืชผลที่เสียหายให้แก่เจ้าของที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์นั้นตามจำนวนที่ตกลงกัน เว้นแต่กรณีระยะเวลาที่จะรื้อย้ายการทำงานในที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์นั้นตามประกาศกำหนด

การปิดประกาศและการประกาศในหนังสือพิมพ์จะต้องกระทำก่อนเข้าไปใช้สอยหรือครอบครองอสังหาริมทรัพย์ไม่น้อยกว่าสามสิบวัน เมื่อได้เข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของบุคคลใดแล้ว หากเกิดการเสียหายหรือเสื่อมประโยชน์ต่ออสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สิน ให้ผู้รับใบอนุญาตแจ้งการเสียหายแก่เจ้าของทรัพย์นั้น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา - 30 - นั้นต่อเจ้าของครัวเรือนครอบครองสิทธิในทรัพย์หรือทรัพย์สิน หรือผู้ทรงสิทธิอื่นเป็นหนังสือ และจ่ายค่าทดแทนตามมูลค่าความเสียหายอันเกิดจากหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด ทั้งนี้ เป็นค่าทดแทนให้กับความสูญหายจากความเสียหายอย่างเป็นธรรม รวมทั้งค่าขาดประโยชน์จากการใช้ของสิ่งต่าง ๆ จัดทำตามนั้นด้วย เจ้าของครัวเรือนครอบครองสิทธิในทรัพย์หรือทรัพย์สิน หรือผู้ทรงสิทธิอื่นอาจอุทธรณ์จำนวนเงินค่าทดแทนต่อคณะกรรมการภายในกำหนดหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งในคำทดแทน คณะกรรมการต้องวินิจฉัยอุทธรณ์แล้วเสร็จภายในกำหนดหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์ คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด

มาตรา ๑๖ เมื่อผู้รับใบอนุญาตเลือกแนวหรือที่ตั้งระบบโครงข่ายพลังงานได้แล้ว ให้จัดทำแผนแสดงรายละเอียดของลักษณะโครงการและแผนงานดำเนินการรวมทั้งการพิจารณาเสนอคณะกรรมการเพื่อขอความเห็นชอบ และให้คณะกรรมการพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวัน

เมื่อคณะกรรมการให้ความเห็นชอบแผนดังกล่าวแล้ว ให้ดำเนินการประกาศแผนดังกล่าวในราชกิจจานุเบกษา และเผยแพร่ในสื่อสารมวลชนที่เหมาะสม หรือแจ้งให้ทราบโดยตรงถึงผู้มีส่วนได้เสียที่อยู่ในพื้นที่ที่มีระบบโครงข่ายพลังงานตั้งอยู่ หรือที่มีการดำเนินโครงการพลังงานผ่านพื้นที่ ทั้งนี้ ให้ผู้รับใบอนุญาตจัดทำคำชี้แจงแสดงเหตุผลของโครงการพลังงานตามแผนดังกล่าวและแจ้งต่อเจ้าของครัวเรือนครอบครองสิทธิในทรัพย์หรือทรัพย์สิน หรือผู้ทรงสิทธิอื่นในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการพลังงานนั้นด้วย หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขให้คณะกรรมการประกาศกำหนด เจ้าของครัวเรือนครอบครองสิทธิในทรัพย์ หรือผู้ทรงสิทธิอื่นอาจอุทธรณ์เหตุที่ไม่สมควรทำเช่นนั้นต่อคณะกรรมการภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งเป็นหนังสือจากผู้รับใบอนุญาต คณะกรรมการต้องวินิจฉัยอุทธรณ์แล้วเสร็จภายในกำหนดหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์ คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด

มาตรา ๑๗ เมื่อได้มีการประกาศกำหนดเขตระบบโครงข่ายพลังงานตามมาตรา ๑๖ แล้ว ให้ผู้รับใบอนุญาตดำเนินการดังต่อไปนี้

จ่ายรางวัลแก่ครัวเรือนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด โดยผู้รับใบอนุญาตจะจ่ายเป็นเงินหรือประโยชน์ในรูปแบบอื่นก็ได้ ในกรณีที่พิสูจน์ได้ว่าการดำเนินการดังกล่าวจะมีปัญหาหรือเหตุขัดข้องที่ทำให้เกิดการกระทบต่อการดำเนินโครงการพลังงานของตน ทั้งนี้ ผู้รับใบอนุญาตต้องเสนอหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายรางวัลดังกล่าวต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาและเห็นชอบก่อน

จ่ายเงินหรือประโยชน์ตอบแทนให้แก่เจ้าของครัวเรือนครอบครองสิทธิในทรัพย์ หรือผู้ทรงสิทธิอื่นในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการพลังงานนั้น ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด (ข) วางระบบโครงข่ายพลังงานไปใต้ เหนือ ตามหรือข้ามพื้นดินของบุคคลใด หรือ ตั้งเสาหรืออุปกรณ์อื่นลงในหรือบนจุดที่ดินซึ่งมิใช่ที่ตั้งโรงเรือน (ค) รื้อถอนยกย้ายหรือเปลี่ยนแปลงโรงเรือนของบุคคลอื่น หรืออาคารสิ่งอื่นที่สร้าง หรือทำขึ้น หรือทำลายหรือดัดแปลง กิ่ง หรือรากของต้นไม้ของบุคคลอื่น หรือที่เพาะปลูกในระบบโครงข่ายพลังงาน

มาตรา ๑๐๘ ก่อนที่จะดำเนินการตามมาตรา ๑๐๗ ให้ผู้รับใบอนุญาตดำเนินการ ดังต่อไปนี้

แจ้งเป็นหนังสือให้ผู้รับใบอนุญาตรายอื่นตามมาตรา ๑๐๑ (๑) เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สิน หรือผู้มีสิทธิอื่นตามมาตรา ๑๐๑ (๒) (ก) หรือ (ข) ทราบ โดยผู้รับใบอนุญาตรายอื่น เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สิน หรือผู้มีสิทธิอื่นดังกล่าวต้องดำเนินการแสดงเหตุที่ไม่สมควรดำเนินการนั้นไปยังคณะกรรมการเพื่อวินิจฉัยภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้ง คำวินิจฉัยของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด

ชำระค่าใช้ประโยชน์หรือค่าตอบแทนอื่นตามมาตรา ๑๐๑ (๑) หรือค่า ค่า ทดแทนให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สิน หรือผู้มีสิทธิอื่นตามมาตรา ๑๐๑ (๒) (ก) หรือ (ข) ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด และให้มีสิทธิแจ้งจำนวนเงินค่าใช้ประโยชน์หรือค่าตอบแทนดังกล่าวให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สิน หรือผู้มีสิทธิอื่นดังกล่าวทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามสิบวัน ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ให้คณะกรรมการประกาศกำหนดโดยคำนึงถึงความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายและผลกระทบที่เกิดขึ้น

ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตรายอื่น เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินหรือผู้ทรงสิทธิอื่นไม่พอใจจำนวนเงินค่าใช้ประโยชน์หรือค่าตอบแทน ให้มีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการได้ภายในกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการอุทธรณ์ และการพิจารณาอุทธรณ์ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

มาตรา ๑๐๙ เพื่อประโยชน์ในการซ่อมหรือบำรุงรักษาระบบโครงข่ายพลังงาน ให้ผู้รับใบอนุญาตดำเนินงานเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของเจ้าของทรัพย์สินที่อยู่ของบุคคลใดเท่าที่จำเป็นเป็นการชั่วคราวได้โดยต้องไม่ต้องปฏิบัติตามนี้

การใช้รถยนต์หรือเครื่องมือหรืออุปกรณ์ในการดำเนินการซ่อม หรือซ่อมบำรุงรักษาระบบโครงข่ายพลังงาน หรือดำเนินการอื่นที่จำเป็นสำหรับการป้องกันอันตราย หรือความเสียหายที่อาจเกิดแก่ระบบดังกล่าว

ผู้รับใบอนุญาตต้องแจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ หรือผู้มีสิทธิอื่นทราบล่วงหน้าเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสามวัน ถ้าคิดความเสียหายใด ๆ แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ หรือผู้ทรงสิทธิอื่นนั้นเองจากการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้รับใบอนุญาตจ่ายค่าแทนความเสียหายตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด และถ้าไม่สามารถตกลงกันได้ในจำนวนเงินค่าแทนให้ผู้ทรงสิทธิยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ คำวินิจฉัยของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการอุทธรณ์และการพิจารณาอุทธรณ์ให้เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการประกาศกำหนด

มาตรา ๑๑๐ ในกรณีที่อุปกรณ์ของผู้ใช้พลังงานก่อให้เกิดความเสียหายต่อสาธารณะประกอบการพลังงาน ให้ผู้รับใบอนุญาตหนังสือแจ้งให้ผู้ใช้พลังงานนั้นเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขปรับปรุงอุปกรณ์ดังกล่าวให้กลับไปสู่สภาพสมควร ในกรณีที่ผู้ใช้พลังงานไม่ดำเนินการตามหนังสือแจ้ง และการใช้อุปกรณ์นั้นยังก่อให้เกิดการรบกวน ผู้รับใบอนุญาตจะระงับการให้บริการแก่ผู้ใช้พลังงานนั้นไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าผู้ใช้พลังงานจะดำเนินการให้กลับไปสู่สภาพสมควรดังกล่าว โดยให้ผู้รับใบอนุญาตรายงานเหตุแห่งการระงับการให้บริการให้คณะกรรมการทราบทันที เมื่อคณะกรรมการได้รับรายงานแล้ว ให้บริการแก่ผู้ใช้พลังงานนั้นสิ้นสุดไปเป็นการถาวร และการระงับการให้บริการดังกล่าวให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่คณะกรรมการกำหนด

ในกรณีที่ผู้ใช้พลังงานเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขปรับปรุงอุปกรณ์ดังกล่าวไม่จำเป็นต้องดำเนินการ ให้ผู้ใช้พลังงานยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณา และให้ถือคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเป็นที่สุด

มาตรา ๑๑๑ ในกรณีที่ระบบโครงข่ายพลังงานตามมาตรา ๑๐๗ หรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบกิจการระบบโครงข่ายพลังงานก่อให้เกิดการรบกวนหรือเป็นอุปสรรคอย่างร้ายแรงต่อการใช้ประโยชน์ของอสังหาริมทรัพย์ของเจ้าของ ผู้มีสิทธิครอบครอง หรือผู้ทรงสิทธิอื่น อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงในสภาพ หรือการกระทำใด ๆ ประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์นั้น เจ้าของ ผู้มีสิทธิครอบครอง หรือผู้ทรงสิทธิอื่นร้องเรียนต่อผู้รับใบอนุญาตต้องดำเนินการแก้ไขอุปสรรคดังกล่าว เว้นแต่การดำเนินการนั้นจะกระทบกระเทือนอย่างร้ายแรงต่อการดำเนินการของผู้รับใบอนุญาตหรือการประกอบกิจการของผู้รับใบอนุญาต ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตไม่ดำเนินการแก้ไขอุปสรรคดังกล่าว ให้เจ้าของ ผู้มีสิทธิครอบครอง หรือผู้ทรงสิทธิอื่นยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณา และให้ถือคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเป็นที่สุด

โดยให้เจ้าของ ผู้มีสิทธิครอบครอง หรือผู้ทรงสิทธิอื่นที่ได้รับความเสียหายจากการดำเนินการ และต้องการคำวินิจฉัยของคณะกรรมการต้องยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการภายในกำหนดเวลาที่คณะกรรมการกำหนด เมื่อคณะกรรมการได้รับคำร้องแล้ว ให้แจ้งเจ้าของ ผู้มีสิทธิครอบครอง หรือผู้ทรงสิทธิอื่น และผู้รับใบอนุญาตทราบ และให้คณะกรรมการพิจารณาและวินิจฉัยคำร้องดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับคำร้อง ผู้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการ และให้ถือคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเป็นที่สุด วิจฉัยชี้ขาดให้ผู้รับใบอนุญาตและเจ้าของ ผู้มีสิทธิครอบครอง หรือผู้ทรงสิทธิอื่นทราบโดยไม่ชักช้า คำวินิจฉัยต้องระบุรายการที่เห็นควรจัดการรวมทั้งข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไข กำหนดเวลาที่จะต้องดำเนินการ ผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ และวิธีการจัดการให้ชัดเจน เมื่อคณะกรรมการวิศวกรรมจราจรชี้ขาด ให้ผู้รับใบอนุญาตหรือผู้มีสิทธิในอาคารหรือทรัพย์สินต้องดำเนินการตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการภายในกำหนดเว้นแต่มีเหตุขัดข้องที่คณะกรรมการเห็นสมควรยืดระยะเวลาการดำเนินการให้เป็นกรณีพิเศษ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการอุทธรณ์และการพิจารณาวินิจฉัย ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

มาตรา ๑๑๒ ภายในเขตระบบโครงข่ายพลังงานไฟฟ้าประกาศตามมาตรา ๑๑๑ ห้ามมิให้ผู้ปลูกสร้างอาคาร โรงเรียน ต้นไม้หรือสิ่งอื่นใด ติดตั้งสิ่งใด เจาะหรือขุดพื้นดิน ถนน ทั้งสิ่งของหรือกระทำด้วยประการใด ๆ ที่อาจทำให้เกิดอันตรายหรือเป็นอุปสรรคแก่ระบบโครงข่ายพลังงานไฟฟ้า แต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด

ในการพิจารณาอนุญาตการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่รับฟังความคิดเห็นของผู้รับใบอนุญาตผู้ขอต่อ และพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วเห็นสมควรเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการ ทั้งนี้ พิจารณาถึงความเหมาะสมในด้านวิศวกรรม สังคม หรือสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนเป็นสำคัญ ในกรณีที่มีการดำเนินการโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดแต่ผู้รับใบอนุญาตหรือผู้มีสิทธิในอาคารหรือทรัพย์สินไม่สามารถดำเนินการแก้ไขได้ทันตามกำหนด ให้พนักงานเจ้าหน้าที่รายงานต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป

มาตรา ๑๑๓ เพื่อประโยชน์แห่งความปลอดภัย ให้ผู้รับใบอนุญาตมีอำนาจรื้อถอนหรือดัดแปลง ต้น รากของต้นไม้ หรือสิ่งใดที่อยู่ใกล้หรือขวาง หุ้ม คลุม หรือขัดขวางระบบโครงข่ายพลังงาน แต่ต้องแจ้งเป็นหนังสือไปยังเจ้าของหรือผู้มีสิทธิครอบครองเสียก่อน หรือมีหนังสือแจ้งภายในเวลาอันสมควรว่าไม่อาจติดต่อเจ้าของหรือผู้มีสิทธิครอบครองได้ ให้ผู้รับใบอนุญาตดำเนินการได้ตามความจำเป็นและให้คณะกรรมการทราบ

ในการพิจารณาอนุญาตการกระทำดังกล่าว หากเจ้าของหรือผู้มีสิทธิในสิ่งที่อยู่ขัดขวางระบบโครงข่ายพลังงาน ให้ผู้รับใบอนุญาตจ่ายค่าทดแทนแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองต้นไม้หรือสิ่งนั้น และถ้าไม่สามารถตกลงกันได้ในจำนวนเงินค่าทดแทน ให้คู่กรณีร้องต่อคณะกรรมการ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด คำวินิจฉัยของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด

มาตรา ๑๑๔ ในกรณีที่จำเป็นและเร่งด่วน ให้ผู้รับใบอนุญาตมีอำนาจเข้าไปในที่ดินหรือสถานที่หนึ่งใดเพื่อปฏิบัติการของตนในเวลาใด ๆ เพื่อตรวจ ซ่อมแซม หรือแก้ไขระบบโครงข่ายพลังงานไฟฟ้า แต่ทั้งนี้จะต้องแจ้งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครอง หรือผู้ทรงสิทธิอื่นทราบก่อน

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เมื่อได้ดำเนินการตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้ผู้รับใบอนุญาตรายงานให้คณะกรรมการ ทราบโดยไม่ชักช้า

มาตรา ๑๔๕ การกระทำการตามมาตรา ๑๓๓ หรือมาตรา ๑๔๔ ผู้รับใบอนุญาต ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งอื่น แต่ถ้าเกิดความเสียหายขึ้นผู้รับใบอนุญาตต้อง รับผิดชอบต่อความเสียหายนั้น

มาตรา ๑๔๖ เมื่อได้รับการร้องขอจากผู้รับใบอนุญาต หากคณะกรรมการเห็นว่า เป็นความจำเป็น เพื่อการป้องกันระบบโครงข่ายพลังงาน อาจกำหนดเงื่อนไขการป้องกันระบบ โครงข่ายพลังงานและข้อกำหนดให้กระทำการภายในบริเวณดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ คณะกรรมการกำหนด

การก่อสร้างหรือกระทำการใด ๆ ภายในบริเวณป้องกันระบบโครงข่ายพลังงานต้อง ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ และในการอนุญาตให้คณะกรรมการกำหนดเงื่อนไขการป้องกัน ระบบโครงข่ายพลังงานที่เกี่ยวข้องด้วย ในกรณีที่การก่อสร้างหรือการกระทำใด ๆ ที่ได้รับอนุญาตตามวรรคสองก่อให้เกิด ความเสียหาย ผู้รับผิดชอบในการก่อสร้างหรือการกระทำนั้นต้องรับผิดชอบต่อค่าเสียหายที่เกิด จากการนั้น

มาตรา ๑๔๗ ห้ามมิให้ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า ทำให้ไร้ประโยชน์ หรือกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งต่ออุปกรณ์ประกอบกิจการพลังงานหรืออุปกรณ์ ระบบโครงข่ายพลังงาน

เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ คณะกรรมการอาจประกาศกำหนดมาตรการคุ้มครองสิ่ง ต่าง ๆ ตามวรรคหนึ่งได้ตามความจำเป็น

มาตรา ๑๔๘ ในเขตระบบโครงข่ายพลังงานและในบริเวณป้องกันระบบโครงข่าย พลังงานที่อยู่ในแม่น้ำ ลำคลอง เหนือ หรือสูงกว่าทางรถไฟ ทางหลวงที่มีอุโมงค์หรือสะพาน สม หรือถนน อาจ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นใด ให้แสดงที่ตั้ง

เมื่อเรืออยู่ในเขตเส้นขอบระบบโครงข่ายพลังงาน ถ้าได้ใช้สอยเป็นจำนวนและ เห็นได้ให้อำนาจกระทำให้มีเส้นเป็นการสมควรแล้ว

หมวด ๒ การพิจารณาข้อพิพาทและอุทธรณ์

มาตรา ๑๔๙ ไม่นำไปใช้กับบุคคลจะมีอำนาจหน้าที่ควบคุมหรือระบบข้อพิพาทหรือการ อุทธรณ์เป็นอย่างอื่น การดำเนินการของเจ้าพนักงานหรือการดำเนินการของผู้ถูกฟ้องในคดีที่

มาตรา ๑๖๐ เมื่อเกิดข้อพิพาทขึ้นระหว่างผู้ใช้พลังงานและผู้รับใบอนุญาต หรือผู้รับใบอนุญาตด้วยกัน ให้พิจารณาข้อพิพาทหรือข้อขัดแย้งดังกล่าว ดังต่อไปนี้

กรณีที่เป็นข้อพิพาทระหว่างผู้ใช้พลังงานกับผู้รับใบอนุญาต ให้ดำเนินการระงับข้อพิพาทตามมาตรา ๑๐๐

กรณีที่เป็นข้อพิพาทระหว่างผู้รับใบอนุญาตด้วยกัน ให้ดำเนินการระงับข้อพิพาทตามระเบียบที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

มาตรา ๑๖๑ ในกรณีที่ผู้ใช้พลังงาน ผู้รับใบอนุญาต หรือบุคคลผู้มีส่วนได้เสียไม่พอใจคำสั่ง ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือคำสั่งกำหนดใด ๆ ของคณะกรรมการ ให้มีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการได้

การอุทธรณ์ตามวรรคหนึ่งให้ยื่นต่อคณะกรรมการภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งจากคณะกรรมการ หรือวันที่คณะกรรมการได้ออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือข้อกำหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยื่นอุทธรณ์และวิธีพิจารณาอุทธรณ์ ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการประกาศกำหนด การอุทธรณ์ตามวรรคสอง ย่อมไม่เป็นการยกเว้นการปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการเว้นแต่คณะกรรมการจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นหรือมีเหตุอันสมควรที่คณะกรรมการให้มีคำสั่งเป็นอย่างอื่นเพื่อมิให้เกิดความเสียหายร้ายแรงแก่ผู้ยื่นอุทธรณ์

หมวด ๗

หน้าที่ของเจ้าหน้าที่

มาตรา ๑๖๒ เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ ให้เจ้าหน้าที่มีหน้าที่ดังต่อไปนี้

เข้าไปในอาคารหรือสถานประกอบการของการพลังงานหรือผู้รับใบอนุญาตในระหว่างเวลาทำการหรือที่ตั้งเครื่องพระราชทัณฑ์คุม หรือในสถานที่การของสถานนั้น เพื่อตรวจสอบกิจการศูนย์บัญชี เอกสารหลักฐาน หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการกระทำของผู้รับใบอนุญาตที่อาจเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ หรือเงื่อนไขในคำที่กำหนดในใบอนุญาต

มีหนังสือเรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยคำ หรือให้ส่งเอกสารหรือวัตถุใดมาเพื่อประกอบการพิจารณา

ตรวจสอบและรวบรวมข้อเท็จจริงแล้วรายงานต่อคณะกรรมการในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตได้กระทำผิดหรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในใบอนุญาตหรือไม่ปฏิบัติตามบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ หรือเงื่อนไขที่กำหนดในใบอนุญาต

เข้าไปในสถานที่หรือทรัพย์สินของผู้รับใบอนุญาตหรือผู้เกี่ยวข้องเพื่อกระทำการชั่วคราว เพื่อประโยชน์ในการตรวจ หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้เกิดความเสียหายร้ายแรงในมาตรา ๑๐๕ โดยอนุมัติของคณะกรรมการ

เข้าไปดำเนินการในที่ดินหรือทรัพย์สินของบุคคลอื่นตามที่กำหนดในมาตรา ๑๐๗ มาตรา ๑๑๑ มาตรา ๑๑๓ มาตรา ๑๑๕ และมาตรา ๑๒๐ โดยอนุมัติของคณะกรรมการ เมื่อได้เข้าไปและส่งมอบตรวจสอบตาม (๓) แล้วต้องดำเนินการไม่เสร็จ จะกระทำต่อไป ในเวลาหลังพระอาทิตย์หรือเวลาทำการของสถานที่นั้นได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ในการปฏิบัติหน้าที่ตาม (๔) พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องไม่กระทำการอันมีลักษณะเป็น การข่มขู่หรือเป็นการกีดขวางประการใดๆ ต่อการดำรงกรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย

มาตรา ๑๑๓ ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้บุคคลที่เกี่ยวข้อง อำนวยความสะดวกตามสมควร

มาตรา ๑๑๔ ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่จะต้องแสดงบัตรประจำตัวแก่ บุคคลที่เกี่ยวข้อง บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามแบบที่คณะกรรมการประกาศ กำหนด

มาตรา ๑๑๕ ในการปฏิบัติหน้าที่ที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้เลขาธิการ พนักงานของ สำนักงาน และพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ เพื่อความสะดวกของประชาชน หรือผู้ประกอบการ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งให้ผู้รับใบอนุญาตหรือผู้ประกอบการ ทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับการประกอบกิจการพลังงานหรือการดำเนินการของครอบครองทรัพย์สินและ เครื่องมือต่าง ๆ ของผู้รับใบอนุญาตเพื่อดำเนินการ หรือสิ่งใดที่ผู้รับใบอนุญาตหรือพนักงานของผู้รับ ใบอนุญาตกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดได้ตามเหตุผลและข้อจำกัดนั้นจนแล้วเสร็จ ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง หากมีความจำเป็นต้องแจ้งให้ผู้รับใบอนุญาตหรือผู้ประกอบการทราบล่วงหน้า ให้พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งให้ทราบตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด

หมวด ๘ การบังคับทางปกครอง

มาตรา ๑๑๖ ในกรณีที่ปรากฏแก่คณะกรรมการว่ามีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม มาตรา ๔๕ มาตรา ๔๖ มาตรา ๕๘ มาตรา ๖๓ มาตรา ๖๔ มาตรา ๖๖ มาตรา ๗๐ มาตรา ๗๑ มาตรา ๘๔ มาตรา ๑๐๗ มาตรา ๑๑๓ มาตรา ๑๑๔ มาตรา ๑๑๕ มาตรา ๑๒๐

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา - 7 - วรรคหนึ่ง หรือมาตรา ๑๒๐ ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตกระทำการ หรือเว้น กระทำการหรือแก้ไขปรับปรุง หรือปฏิบัติให้ถูกต้องหรือเหมาะสมภายในระยะเวลาที่กำหนดได้

มาตรา ๑๒๔ ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของ คณะกรรมการตามมาตรา ๕๐ มาตรา ๘๙ มาตรา ๑๒๑ มาตรา ๑๒๒ หรือมาตรา ๑๒๓ วรรค หนึ่ง หรือวรรคสองตามมาตรา ๕๐ วรรคสอง มาตรา ๘๙ วรรคสอง มาตรา ๑๒๑ วรรคสอง มาตรา ๑๒๒ วรรคสอง หรือมาตรา ๑๒๓ วรรคสอง ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตได้ และในกรณีที่มีการกระทำตามมาตรา ๕๐ วรรคสอง มาตรา ๘๙ วรรคสอง มาตรา ๑๒๑ วรรคสอง มาตรา ๑๒๒ วรรคสอง หรือมาตรา ๑๒๓ วรรคสอง ให้คณะกรรมการพิจารณากำหนดการปรับทางปกครองซึ่งต้องไม่เกินห้าแสนบาทต่อครั้ง ทั้งนี้ ให้คำสั่งดังกล่าวระบุรายละเอียดการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งและข้อบังคับ

ในกรณีที่ไม่มีการชำระค่าปรับทางปกครองให้ดำเนินการบังคับทางปกครองตามส่วน ที่ ๔ การบังคับทางปกครอง หมวด ๒ คำสั่งทางปกครอง แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทาง ปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตยังมิได้แก้ไขปฏิบัติการให้ถูกต้อง หรือดำเนินคำสั่งแก้ไข ใบอนุญาตหรือมีผลกระทบเสียหายร้ายแรงต่อประชาชนร้ายแรง ให้คณะกรรมการมีอำนาจพักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาตได้ แล้วแต่กรณี

หมวด ๙ บทกำหนดโทษ

มาตรา ๑๒๕ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๐ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่ เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๒๖ ผู้ใดขัดขวางหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือคณะผู้ตรวจการตามแต่งตั้งตามมาตรา ๔๕ ที่มีการกำหนดมาตรา ๕๐ หรือ ของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีคำสั่งตามมาตรา ๑๒๐ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกิน หนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๒๗ ผู้ใดไม่อำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการตามมาตรา ๒๖ หรือมาตรา ๑๒๐ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๒๘ ผู้ใดให้ข้อมูลอันเป็นเท็จหรือปิดบังข้อเท็จจริงแก่คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และบุคคลหรือกรรมการตามแต่งตั้งตามมาตรา ๔๕ ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้เกิด ความเสียหายแก่สถาบันการเงินที่ได้รับการใบอนุญาต หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหก เดือน หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๓๓ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๘๔ วรรคหนึ่ง หรือมาตรา ๘๔ วรรคที่สอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากต้องระวางโทษตามวรรคหนึ่งแล้ว ผู้ฝ่าฝืนมาตรา ๘๔ วรรคหนึ่ง ยังต้องระวางโทษปรับอีกวันละไม่เกินสองหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน

มาตรา ๑๓๔ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติอันเนื่องมาจากการฝ่าฝืนมาตรา ๘๖ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน

มาตรา ๑๓๕ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๘๖ (๑) หรือมาตรา ๘๗ วรรคหนึ่ง หรือมาตรา ๘๘ วรรคสอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๓๖ ผู้รับใบอนุญาตเป็นหน่วยตรวจสอบและรับรองมาตรฐานใดดำเนินการตามมาตรา ๓๗ (๒) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๓๗ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๙๙ วรรคสอง หรือมาตรา ๑๓๑ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๓๘ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๐๕ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำดังกล่าวเป็นเหตุให้ระบบโครงข่ายพลังงานดังกล่าวถูกทำลาย เสียหาย เสื่อมสภาพหรือไร้ประโยชน์ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๓๙ ผู้ใดก่ออุปสรรคต่อการของผู้รับใบอนุญาตไม่สิ้นสิทธิ และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้รับใบอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๔๐ บรรดาความผิดตามมาตรา ๑๓๓ มาตรา ๑๓๔ มาตรา ๑๓๕ มาตรา ๑๓๖ มาตรา ๑๓๗ วรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และในการดำเนินการตามมาตรา ๑๓๗ วรรคสอง ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาเปรียบเทียบปรับแทนการดำเนินคดีในกรณีที่การกระทำความผิดนั้นไม่ร้ายแรง และผู้กระทำความผิดยินยอมให้เปรียบเทียบ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเรื่องให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาเปรียบเทียบปรับ เมื่อผู้กระทำความผิดได้เสียค่าปรับตามที่ได้เปรียบเทียบแล้ว ให้ถือว่าคดีนั้นเป็นอันระงับตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

มาตรา ๑๔๓ ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดเป็นนิติบุคคล ถ้าการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น หรือในกรณีที่บุคคลดังกล่าวมิได้สั่งการหรือกระทำการ และละเลยไม่สั่งการหรือไม่กระทำการจนเป็นเหตุให้เกิดการกระทำความผิดดังกล่าว ผู้นั้นต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย

บทเฉพาะกาล

มาตรา ๑๔๔ ในวาระแรกเริ่มแรก ให้ดำเนินการคัดเลือกคณะกรรมการให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้คณะกรรมการในขณะนั้นพ้นจากตำแหน่งแห่งการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการไปพลางก่อนจนกว่าพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งคณะกรรมการตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๑๔๕ ให้อำนาจการจัดทำแผนนโยบายและแผนพลังงานปฏิบัติหน้าที่ที่ต้องเสนอคณะกรรมการและให้ดำเนินการตามแผนนโยบายและแผนพลังงานปฏิบัติหน้าที่ที่ต้องเสนอคณะกรรมการตามพระราชบัญญัตินี้ แต่ยังไม่ละสิทธิการและจัดทำสำนักงานตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๑๔๖ เพื่อให้การปฏิบัติงานของสำนักงานดำเนินการไปได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดโดยไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน หนี้สิน สิทธิ หน้าที่ และบุคลากรของสำนักงานตามพระราชบัญญัตินี้ไปเป็นของสำนักงานตามพระราชบัญญัตินี้ โดยให้ได้รับเงินเดือนตามลักษณะเดิม แต่อยู่ในบังคับบัญชาของเลขาธิการนี้ใช้บังคับ

มาตรา ๑๔๗ ข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้างของสำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมธุรกิจพลังงาน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ซึ่งสมัครใจเปลี่ยนไปเป็นพนักงานหรือลูกจ้างของสำนักงานให้ได้รับเงินเดือนตามลักษณะเดิมที่ได้รับอยู่ในขณะนั้นจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นไปตามข้อบังคับบัญญัติของสำนักงานในเรื่องอัตราเงินเดือนที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

การบรรจุและแต่งตั้งพนักงานและลูกจ้างของสำนักงานตามพระราชบัญญัตินี้ให้ดำรงตำแหน่งใดในสำนักงาน ให้เป็นไปตามข้อกำหนด คุณสมบัติ และอัตราเงินเดือนที่คณะกรรมการกำหนด การบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการตามมาตรา ๑๔๗ ให้ถือว่าเป็นการให้ออกจากราชการเพราะราชการเลิกจ้างอยู่ในเกณฑ์ตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ แล้วแต่กรณี

มาตรา ๑๔๘ ยกเลิกเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติที่เกี่ยวกับความรับผิดในทางอาญาของผู้แทนนิติบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๐

การบรรจุและแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ตามมาตรานี้ ให้ถือว่าเป็นการให้ออกจากราชการเพราะทางราชการยุบตำแหน่งหรือตำแหน่งว่างลงโดยไม่มีความผิด และให้มีสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญระเบียบกระทรวงการคลังหรือบำเหน็จบำนาญอื่น

มาตรา ๑๓๖ บนบานที่พระราชบัญญัตินี้และใบอนุญาต ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ประกอบกิจการพลังงานได้ต่อไปภายภายจะได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ ในระหว่างการประกอบกิจการพลังงานตามวรรคหนึ่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย กฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการกำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แล้วแต่กรณี

มาตรา ๑๓๗ บรรดาอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มีอยู่ตามกฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย และกฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคให้ยังคงมีอยู่ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งต่อพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๑๓๘ ทรัพย์สินที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ให้ได้สิ่งที่ต้องมีทรัพย์ โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมีอยู่ตามกฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ให้ยังคงใช้บังคับต่อไป

มาตรา ๑๓๙ เพื่อให้การประกอบกิจการพลังงานของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สามารถดำเนินงานได้ต่อไปตามมาตรา ๑๓๖ มีให้มาตรา ๒๖ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๔๒ ไม่ใช้บังคับกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จะได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ และในช่วงเวลาตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้กำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พ.ศ. ๒๕๔๔ (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔) มีผลใช้บังคับต่อไป

มาตรา ๑๔๐ ภายในระยะเวลาหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ระเบียบของคณะกรรมการตามมาตรา ๖๐ มีผลใช้บังคับ ให้คณะกรรมการดำเนินการออกใบอนุญาตประกอบกิจการพลังงานตามพระราชบัญญัตินี้ให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ตามลำดับและประเภทของการประกอบกิจการ ตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ตามที่มีอยู่ในปัจจุบันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ

ในการออกใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ ให้คณะกรรมการกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับการประกอบกิจการของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยคำนึงถึงสัญญาและข้อผูกพันที่มีอยู่แล้วของผู้ประกอบกิจการพลังงานประโยชน์ของผู้ใช้พลังงานที่ได้รับบริการอยู่เดิม รวมทั้งการพัฒนาเพื่อให้การบริการที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์แห่งพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๑๔. ภายในระยะเวลาหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้คณะกรรมการดำเนินการจัดทำแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยให้แล้วเสร็จและนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ โดยแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยดังกล่าวต้องมีการพิจารณาถึงการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การส่งเสริมการพัฒนาพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน

สิทธิและข้อผูกพันที่มีอยู่เดิม ประโยชน์ของผู้ใช้พลังงานที่ได้รับบริการอยู่เดิม รวมทั้งการพัฒนาเพื่อให้มีการบริการที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์แห่งพระราชบัญญัตินี้ การประกอบกิจการพลังงานของผู้ประกอบกิจการพลังงานตามมาตราที่ 8 และมาตรา 9 สองจะต้องปฏิบัติตามการอนุญาตใด ๆ ที่ได้ให้ไว้ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 ลงวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2515 กฎหมายว่าด้วยการพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน กฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กฎหมายว่าด้วยโรงงาน หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการพลังงาน จนกว่าจะได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา 154 ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมธุรกิจพลังงาน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน และหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นที่มีหน้าที่ในการอนุญาตและการกำกับดูแล หรือการควบคุมการประกอบกิจการพลังงาน จัดส่งข้อมูลเกี่ยวกับการประกอบกิจการพลังงาน ให้แก่คณะกรรมการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากกิจการพลังงานมีความสำคัญต่อโครงสร้างพื้นฐาน เศรษฐกิจ และสังคมโดยส่วนรวมของประเทศ จึงมีความจำเป็นต้องปรับโครงสร้างการบริหารกิจการพลังงานโดยแยกบทบาทของนโยบาย บทบาทกำกับดูแล และการประกอบกิจการพลังงานออกจากกัน เพื่อเปิดโอกาสให้ภาคเอกชน ชุมชน และประชาชนมีส่วนร่วมและบทบาทมากขึ้น เพื่อให้กิจการประกอบกิจการพัฒนาขึ้นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีความมั่นคง มีความเพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและปัญหาความต้องการพลังงานของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในด้านต่าง ๆ เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม อันสอดคล้องกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จึงจำเป็นต้องจัดตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานขึ้นเพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลการประกอบกิจการพลังงาน โดยทุกหน่วยงานที่เกี่ยวกับการใช้อำนาจผูกขาดโดยสิทธิ์ของรัฐ ให้การคุ้มครองผู้ใช้พลังงานและผู้ได้รับผลกระทบจากการประกอบกิจการพลังงาน และเพื่อให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สมควรให้มีสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานขึ้นเป็นหน่วยงานของรัฐ ซึ่งมีฐานะเป็นนิติบุคคล ทั้งหมดที่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัตินี้เป็นเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับความรับผิดในทางอาญาของผู้แทนนิติบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๖ มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๕๔ และมาตรา ๕๕ เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กรรมการผู้จัดการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดที่รับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น ต้องรับโทษทางอาญาร่วมกับการกระทำความผิดของนิติบุคคล โดยไม่กระทบต่อบทบัญญัติว่าด้วยการพิจารณาในกรณีอื่นเกี่ยวกับการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้น เพื่อให้สอดรับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๓๗ วรรคสอง เป็นไปในลักษณะที่ไม่ขัดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒ และผลการศึกษาธรรมนูญไม่ให้มีกฎหมายใดขัดหรือแย้งต่อกฎหมายใดกล่าวกำหนดโดยสนิท คือ พระราชบัญญัติหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ พระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ พระราชบัญญัติการปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๐๗ และพระราชบัญญัติอื่น ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา ๓๗/๕ จัดทำขึ้นเพื่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๓๗ วรรคสอง เป็นไปในลักษณะที่ไม่ขัดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒ ดังนั้น เพื่อเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นบางบัญญัติและเกี่ยวข้องกันให้มีความเหมาะสมต่อรัฐธรรมนูญ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ปรับปรุง/ผู้จัดทำ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๕ พิมพ์/แก้ไข ๒๘ เมษายน ๒๕๕๗ พิจารณาเพิ่มเติม ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ พบปะ/ตรวจ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐