로고

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๐ เป็นปีที่ ๕๒ ในรัชกาลปัจจุบัน

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. ๒๕๔๐”

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้ “ข้อสัญญา” หมายความว่า ข้อตกลง ความตกลง และความยินยอมร่วมทั้งประเภทและคำบ่งชี้ความเพื่อยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดด้วย “ผู้บริโภค” หมายความว่า ผู้เข้าทำสัญญาในฐานะผู้ซื้อ ผู้เช่า ผู้จ้าง ผู้กู้ ผู้ประกันภัย หรือผู้เข้าทำสัญญาอื่นใดเพื่อได้มา ซึ่งทรัพย์สิน บริการ หรือประโยชน์อื่นใด ทั้งนี้ การเข้าทำสัญญานั้นต้องเป็นไปเพื่อการค้า หรือทรัพย์สิน บริการ หรือประโยชน์อื่นใดนั้นมิใช่เพื่อการประกอบการค้า

“ผู้ประกอบธุรกิจการค้า หรือวิชาชีพ” หมายความว่า ผู้เข้าทำสัญญาในฐานะผู้ขาย ผู้ให้เช่า ผู้ให้จ้าง ผู้ให้กู้ ผู้รับประกันภัย หรือผู้เข้าทำสัญญาอื่นใดเพื่อจัดให้ทรัพย์สิน บริการ หรือประโยชน์อื่นใด ทั้งนี้ การเข้าทำสัญญานั้นต้องเป็นไปเพื่อการค้า หรือทรัพย์สิน บริการ หรือประโยชน์อื่นใดนั้นเป็นการประกอบการค้า "สัญญาสำเร็จรูป" หมายความว่า สัญญาที่ทำเป็นลายลักษณ์อักษรโดยมีการกำหนดข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญไว้ล่วงหน้า ไม่ว่าจะทำในรูปแบบใด ซึ่งคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดนำมาใช้ในการประกอบกิจการของตน

มาตรา ๔ ข้อสัญญาในสัญญาระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบธุรกิจการค้า หรือธุรกิจอื่น ซึ่งเป็นสัญญาสำเร็จรูป หรือสัญญาที่ผู้บริโภคมิได้มีโอกาสต่อรองแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญ หรือข้อสัญญาที่ผู้บริโภคไม่ได้มีโอกาสต่อรองแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญ หรือข้อสัญญาที่ผู้บริโภคไม่ได้มีโอกาสต่อรองแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญ หรือข้อสัญญาที่ผู้บริโภคไม่ได้มีโอกาสต่อรองแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญ หรือข้อสัญญาที่ผู้บริโภคไม่ได้มีโอกาสต่อรองแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญ หรือข้อสัญญาที่ผู้บริโภคไม่ได้มีโอกาสต่อรองแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญ หรือข้อสัญญาที่ผู้บริโภคไม่ได้มีโอกาสต่อรองแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญ หรือข้อสัญญาที่ผู้บริโภคไม่ได้มีโอกาสต่อรองแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญ หรือข้อสัญญาที่ผู้บริโภคไม่ได้มีโอกาสต่อรองแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญ หรือข้อสัญญาที่ผู้บริโภคไม่ได้มีโอกาสต่อรองแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญ หรือข้อสัญญาที่ผู้บริโภคไม่ได้มีโอกาสต่อรองแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญ หรือข้อสัญญาที่ผู้บริโภคไม่ได้มีโอกาสต่อรองแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญ หรือข้อสัญญาที่ผู้บริโภคไม่ได้มีโอกาสต่อรองแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญ หรือข้อสัญญาที่ผู้บริโภคไม่ได้มีโอกาสต่อรองแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญ หรือข้อสัญญาที่ผู้บริโภคไม่ได้มีโอกาสต่อรองแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญ หรือข้อสัญญาที่ผู้บริโภคไม่ได้มีโอกาสต่อรองแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญ หรือข้อสัญญาที่ผู้บริโภคไม่ได้มีโอกาสต่อรองแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญ หรือข้อสัญญาที่ผู้บริโภคไม่ได้มีโอกาสต่อรองแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญ หรือข้อสัญญาที่ผู้บริโภคไม่ได้มีโอกาสต่อรองแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญ หรือข้อสัญญาที่ผู้บริโภคไม่ได้มีโอกาสต่อรองแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญ หรือข้อสัญญาที่ผู้บริโภคไม่ได้มีโอกาสต่อรองแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญ หรือข้อสัญญาที่ผู้บริโภคไม่ได้มีโอกาสต่อรองแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญ หรือข้อสัญญาที่ผู้บริโภคไม่ได้มีโอกาสต่อรองแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญ หรือข้อสัญญาที่ผู้บริโภคไม่ได้มีโอกาสต่อรองแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญ หรือข้อสัญญาที่ผู้บริโภคไม่ได้มีโอกาสต่อรองแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญ หรือข้อสัญญาที่ผู้บริโภคไม่ได้มีโอกาสต่อรองแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญ

การจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพ รวมทั้งความสามารถและโอกาสในการประกอบอาชีพการงานหรือการทำนิติกรรมในรูปแบบอื่นซึ่งบุคคลอื่นของผู้ถูกจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพ ประกอบกับทางได้เสียทุกอย่างอันชอบด้วยกฎหมายของคู่สัญญาด้วย

มาตรา ๖ สัญญาระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบธุรกิจการจัดหางานซึ่งมีการกำหนดเงื่อนไขการยกเว้นความรับผิดหรือการจำกัดความรับผิดของผู้ประกอบธุรกิจการจัดหางานในกรณีที่เกิดความเสียหายหรือข้อพิพาทเกี่ยวกับความรู้ความชำนาญหรือทักษะของผู้ถูกจัดหางาน หรือการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดในกรณีที่เกิดความเสียหายหรือข้อพิพาทเกี่ยวกับการร้องเรียนของผู้ถูกจัดหางานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับการจัดหางาน ให้ถือว่าสัญญาหรือเงื่อนไขดังกล่าวเป็นโมฆะและผู้ประกอบธุรกิจการจัดหางานต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภคหรือบุคคลอื่นตามสมควร

มาตรา ๗ ในสัญญาที่มีการให้สิ่งใดไว้เป็นมัดจำ หากมีกระบี่ต้องชำระเงินค่าจ้างล่วงหน้า ศาลอาจลดให้หรือเพิ่มค่าความเสียหายที่แท้จริงก็ได้

มาตรา ๘ ข้อสัญญา ประกาศ หรือคำแจ้งความที่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้า เพื่อยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดเพื่อผลประโยชน์ของผู้จัดหางานในกรณีเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของผู้อื่น อันเกิดจากการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อของผู้จัดหางาน ผู้รับจ้าง ผู้แทนจ้าง หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับการจัดหางาน ให้ถือว่าสัญญา ประกาศ หรือคำแจ้งความดังกล่าวเป็นโมฆะ ผู้จัดหางานต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภคหรือบุคคลอื่นตามสมควร

ผิดในกรณีอื่นนอกจากที่กล่าวไว้ในวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าเป็นโมฆะ แต่ศาลอาจลดให้หรือเพิ่มค่าความเสียหายที่แท้จริงได้

มาตรา ๙ ความตกลงหรือความยินยอมของผู้เสียหายสำหรับการกระทำที่ต้องห้ามซึ่งเป็นโทษตามกฎหมาย หรือขัดต่อความเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน จะนำมาอ้างเป็นเหตุยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดได้เฉพาะลงมติได้

มาตรา ๑๐ ในการพิจารณาข้อสัญญาของผู้เสียสัญญาในพิจารณาให้เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณี ให้พิจารณาถึงพฤติการณ์ทั้งปวง รวมทั้ง

(ก)

ความจริงจัง สถานะทางสังคม ฐานะทางเศรษฐกิจ ความรู้ความเข้าใจ ความสัมพันธ์จัดเจน ความกตัญญู แนวทางที่เคยปฏิบัติ ทางเลือกอย่างอื่น และหน้าเสียหายของคู่สัญญาตามสมควรที่เป็นจริง

(ข)

ผลในระยะยาวต่อสัญญาผูกพัน

(ค)

เวลาและสถานที่ทำสัญญา

(ง)

การรับทราบข้อสัญญาและการเจรจาต่อรองข้อสัญญาโดยสมัครใจของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด

มาตรา ๑๑ ข้อสัญญาใดที่ไม่เป็นทางบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับไม่ว่าที่พิมพ์หรือการแจ้ง ข้อสัญญานั้นเป็นโมฆะ

มาตรา 12 พระราชบัญญัตินี้ไม่ใช้บังคับแก่สัตกรรมหรือสัญญาที่ทำขึ้นก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

มาตรา 13 ในการดำเนินกระบวนพิจารณาตามพระราชบัญญัตินี้เมื่อคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีเหตุจำเป็น ศาลอาจอนุญาตให้คู่ความคู่พิพาทส่งสำเนาเอกสารเพิ่มเติมประกอบการพิจารณาพิพากษาได้

มาตรา 14 ให้ผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญที่ศาลขอให้มาให้ความเห็นได้รับค่าป่วยการ ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายที่จำเป็นตามระเบียบที่กระทรวงยุติธรรมกำหนดโดยได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง

มาตรา 15 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้อำนาจออกระเบียบเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรี ``` หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากหลักกฎหมายเกี่ยวกับนิติกรรมหรือสัญญาที่ใช้บังคับอยู่มีพื้นฐานจากการศึกษาของบุคคล ตามหลักของความศักดิ์สิทธิ์ของการแสดงเจตนา ซึ่งจะไม่ยินยอมผูกพันถ้ามีข้อบกพร่องเกี่ยวกับเจตนาของคู่สัญญาแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เช่นนั้นเป็นการถือหลักว่าต้องแจ้งใจโดยถูกมารยาทหรือถือความสมบูรณ์บริบูรณ์หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน แต่ในปัจจุบัน สภาพสังคมเปลี่ยนไป ทำให้ผู้ที่อยู่ในวงการเศรษฐกิจเห็นว่ากฎหมายดังกล่าวไม่อาจใช้บังคับได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่อาจอำนวยความยุติธรรมได้อย่างแท้จริง ซึ่งทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมและไม่สงบสุขในสังคม ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องกำหนดหลักความศักดิ์สิทธิ์ของการแสดงเจตนาและเงื่อนไขของคู่สัญญา เพื่อให้การแสดงเจตนาและเงื่อนไขของคู่สัญญาเป็นไปโดยถูกต้องตามหลักกฎหมายและศีลธรรมอันดีของประชาชน อันจะทำให้เกิดความสงบสุขในสังคมดังกล่าว โดยกำหนดแนวทางใหม่แตกต่างไปในการพิจารณาว่าข้อสัญญาหรือข้อความใดที่ไม่เป็นธรรม และให้ศาลบังคับคำสั่งให้ข้อสัญญาหรือข้อความที่ไม่เป็นธรรมนั้นมีผลใช้บังคับเท่าที่เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณี จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ กุลสรรค์ อิสสริยศ/ผู้จัดทำ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๓ สัญชัย/ปรับปรุง ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ฐิตพร/ปรับปรุง ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ ปนัดดา/ตรวจ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ```