สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. เป็นปีที่ ๗๔ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำนองที่รัฐธรรมนูญ ตราขึ้นไว้
ให้ไว้ ณ วันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒
โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยรถยนต์
เป็นต้นไป
พระราชบัญญัติรถยนต์ พุทธศักราช ๒๔๗๕
พระราชบัญญัติรถยนต์แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พุทธศักราช ๒๔๗๖
พระราชบัญญัติรถยนต์แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๓) พุทธศักราช ๒๔๗๗
พระราชบัญญัติรถยนต์แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๔) พุทธศักราช ๒๔๘๑
พระราชบัญญัติรถยนต์แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๕) พุทธศักราช ๒๔๘๑
พระราชบัญญัติรถยนต์แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๖) พุทธศักราช ๒๔๘๒
พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๗) พุทธศักราช ๒๔๘๔
พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๘) พุทธศักราช ๒๔๘๕
พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๙) พุทธศักราช ๒๔๘๖
พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๐) พุทธศักราช ๒๔๘๗
พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๑) พุทธศักราช ๒๔๘๘
พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๐๔
พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ. ๒๕๐๕
พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๔) พ.ศ. ๒๕๓๕
พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๕) พ.ศ. ๒๕๔๖
พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๕๐
ประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๐ ลงวันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๔
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติรถยนต์ พุทธศักราช ๒๔๗๗ พ.ศ. ๒๕๑๖
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติรถยนต์ พุทธศักราช ๒๔๗๗ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๖
พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๖๔ บรรดากฎหมาย กฎ ข้อบังคับในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน
“รถ” หมายความว่า รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถพ่วง รถบดถนน รถแทรกเตอร์ และรถอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง “รถยนต์” หมายความว่า รถยนต์สาธารณะ รถยนต์บริการ และรถยนต์ส่วนบุคคล
รถยนต์สาธารณะหมายความว่า รถยนต์รับจ้างซึ่งได้รับอนุญาตรับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคนที่ใช้รับจ้างบรรทุกคนโดยสารเป็นปกติวิสัย โดยคิดค่าจ้างตามระยะทางหรือระยะเวลา หรือรถยนต์รับจ้างซึ่งได้รับอนุญาตรับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน หรือรถยนต์สาธารณะอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง “รถยนต์บริการ” หมายความว่า รถยนต์บรรทุกคนโดยสารหรือให้เช่า ซึ่งบรรทุกคนโดยสารไม่เกินห้าคน ดังต่อไปนี้
รถยนต์บริการธุรกิจ ซึ่งได้แก่รถยนต์ที่ใช้รับจ้างบรรทุกคนโดยสารระหว่างทางท่าดินยาน ท่าเรือเดินทะเล สถานีขนส่งหรือสถานีรถไฟถึงโรงแรมที่พักอาศัย ที่ทำการของผู้ประกอบการ หรือที่ทำการของผู้มีธุรกิจการค้า
รถยนต์บริการทัศนาจร ซึ่งได้แก่รถยนต์ที่ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวใช้รับส่งคนโดยสารเพื่อการทัศนาจรหรือท่องเที่ยว
รถยนต์บริการให้เช่า ซึ่งได้แก่รถยนต์ที่จัดให้เช่าเพื่อใช้เป็นการเช่าเพื่อนำไปขับบรรทุกคนโดยสารหรือสิ่งของ “รถยนต์ส่วนบุคคล” หมายความว่า รถยนต์ส่วนบุคคล และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ซึ่งใช้เพื่อการรับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน หรือใช้เพื่อการขนส่งสิ่งของที่มิได้มีลักษณะเพื่อการค้า หรือใช้เพื่อการขนส่งคนโดยสารหรือสิ่งของที่มิได้มีลักษณะเพื่อการค้า หรือใช้เพื่อการขนส่งคนโดยสารหรือสิ่งของที่มิได้มีลักษณะเพื่อการค้า หรือใช้เพื่อการขนส่งคนโดยสารหรือสิ่งของที่มิได้มีลักษณะเพื่อการค้า หรือใช้เพื่อการขนส่งคนโดยสารหรือสิ่งของที่มิได้มีลักษณะเพื่อการค้า "รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล" หมายความว่า รถจักรยานยนต์ที่มิได้ใช้รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร "รถจักรยานยนต์สาธารณะ" หมายความว่า รถจักรยานยนต์ที่ใช้รับจ้างบรรทุกคนโดยสารแต่ไม่หมายรวมถึงรถจักรยานยนต์ที่มีพ่วงข้างและรถจักรยานยนต์ที่ติดเครื่องยนต์ "รถพ่วง" หมายความว่า รถที่เคลื่อนไปโดยใช้รถอื่นลากจูง "รถบดถนน" หมายความว่า รถที่ใช้ในการก่อสร้างหรือซ่อมแซมทาง และมีเครื่องยนต์ขับเคลื่อนในตัวเอง หรือใช้รถอื่นลากจูง "รถเทรเลอร์" หมายความว่า รถที่มีล้อหลายล้อและมีเครื่องยนต์ขับเคลื่อนในตัวเอง เป็นเครื่องจักรกลบังคับเคลื่อนไปงานเกี่ยวกับการขุด ตัก ดันหรืออุดลูกกด เป็นต้น หรือรถแทรกเตอร์ทุกชนิดที่ใช้ประกอบการส่งเสริมบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการขนส่งทางบก "เจ้าของรถ" หมายความรวมถึงผู้ครอบครองรถด้วย "ผู้ตรวจการ" หมายความว่า ข้าราชการสังกัดกรมการขนส่งทางบก ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแต่งตั้งให้เป็นผู้ตรวจการพระราชบัญญัตินี้ "นายทะเบียน" หมายความว่า ข้าราชการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแต่งตั้งให้เป็นนายทะเบียน "อธิบดี" หมายความว่า อธิบดีกรมการขนส่งทางบก "รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย [คำว่า "รถยนต์" "รถจักรยานยนต์" และ "เครื่องยนต์" แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๐๒]
ลักษณะ ขนาด หรือกำลังของเครื่องยนต์และของรถที่จะรับจดทะเบียนเป็นรถประเภทต่าง ๆ เงื่อนไขการเปลี่ยนแปลง ลักษณะ ขนาด หรือกำลังของเครื่องยนต์ และของรถสำหรับรถประเภทต่าง ๆ และการแก้ไขเพิ่มเติมและในบัญชีจดทะเบียนรถที่ได้จดทะเบียนแล้ว
เครื่องอุปกรณ์สำหรับรถและการใช้เครื่องอุปกรณ์สำหรับรถ เช่น โคม เครื่องมองหลัง แตร เครื่องรับเสียง ท่อไอเสีย เครื่องสัญญาณไฟ เครื่องบอกน้ำหนักและสิ่งของบรรทุก เป็นต้น [มาตรา ๔ นิยามคำว่า "รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล" เพิ่มโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ. ๒๕๔๖] [มาตรา ๔ นิยามคำว่า "นายทะเบียน" แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๓] [มาตรา ๔ นิยามคำว่า "ผู้ตรวจการ" แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๓] [มาตรา ๔ นิยามคำว่า "อธิบดี" แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๓] [มาตรา ๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑) พ.ศ. ๒๕๐๒] เครื่องสื่อสาร และการใช้เครื่องสื่อสารระหว่างรถกับศูนย์บริการหรือสถานอื่น
แผ่นป้ายทะเบียนรถ เครื่องหมายประเภทรถและเครื่องหมายอื่น รวมทั้งวิธีแสดงแผ่นป้ายและเครื่องหมายดังกล่าว
สีและเครื่องหมายสำหรับรถยนต์สาธารณะ
น้ำหนักบรรทุกอย่างมาก และจำนวนคนโดยสารอย่างมาก สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลและรถยนต์สาธารณะ
เงื่อนไขในการใช้อย่างอื่น
ประเภท ขนาด และน้ำหนักของรถที่จะให้เดินบนทางพิเศษหรือทางหลวง
เงื่อนไขในการเร่งหลบออกข้างนอกจากช่องทางเดินบนทางพิเศษทางหลวง
ประเภทรถที่ต้องกำหนดอายุการใช้งานที่กำหนด
ประเภทรถที่ห้ามใช้เดินในเขตที่กำหนด
การควบคุมทะเบียนรถประเภทใดประเภทหนึ่งในเขตที่กำหนด
จำนวนรถยนต์รับจ้างระหว่างจังหวัด จังหวัดเดียวกันและจังหวัดปลายทางสำหรับรถยนต์ดังกล่าว
อัตราค่าบริการทุกคนโดยสารหรือค่าบริการอื่น สำหรับรถยนต์สาธารณะและรถยนต์สาธารณะ การแสดงตัวประจำตัวคนขับรถยนต์สาธารณะ รวมถึงการให้คนขับรถยนต์สาธารณะและรถยนต์สาธารณะ
การกำหนดมาตรการความปลอดภัยในการขนส่งสาธารณะ
ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการขนส่งสาธารณะ
ค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราที่พระราชบัญญัตินี้
กิจการอื่นเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดระเบียบตามมาตรา ๑๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้ออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ด้วย กฎกระทรวงเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้ คำว่า "รถยนต์" และ "เครื่องยนต์" ให้เป็นไปตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัตินี้ (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๔๖
การควบคุมรถ เครื่องหมาย และการใช้รถ
รถที่ยังมิได้จดทะเบียน
รถที่ถูกเพิกถอนการจดทะเบียน
รถที่ยังมิได้เสียภาษีประจำปี
รถที่แจ้งการไม่ใช้รถ
รถที่ทะเบียนระงับ
รถที่จดทะเบียนในต่างประเทศที่ผู้นำเข้าไม่มีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ซึ่งมีความประสงค์นำมาใช้ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว แต่ต้องปฏิบัติตามอนุสัญญาว่าด้วยข้อกำหนดที่รัฐบาลไทยกำหนดหรือที่รัฐบาลไทยทำความตกลงไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ
รถที่มีผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อใช้ในการโฆษณาโดยเฉพาะเป็นการชั่วคราว
รถที่ใช้ในการทดสอบ
รถที่ใช้ในราชการทหารตามที่กำหนดในกฎกระทรวง การใช้รถตาม (ก) อนุสัญญาว่าด้วยข้อกำหนดที่เกี่ยวกับการปฏิบัติและเครื่องหมายแสดงการใช้รถไว้ด้วยก็ได้ แต่ต้องไม่ขัดต่ออนุสัญญาหรือข้อกำหนดที่รัฐบาลไทยทำความตกลงไว้กับรัฐบาลต่างประเทศที่เกี่ยวกับการจดทะเบียน การใช้รถตาม (ข) (ค) และ (ง) ต้องได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนและเสียค่าธรรมเนียม ทั้งนี้ การอนุญาต การอนุญาตให้ใช้รถ การกำหนดเงื่อนไขการใช้รถ และเครื่องหมายแสดงการใช้รถต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นรถที่มีส่วนควบและอุปกรณ์เครื่องอุปกรณ์สำหรับรถครบถ้วนถูกต้องตามที่กำหนดในกฎกระทรวง และ
ผ่านการตรวจสภาพการจดทะเบียน หรือจากสถานตรวจสภาพที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ในเวลาที่ขอจดทะเบียนแล้ว ในกรณีที่ขอจดทะเบียนเป็นรถยนต์สาธารณะ รถยนต์บริการธุรกิจ หรือรถยนต์บริการให้เช่า รถยนต์รับจ้างสามล้อ หรือสามล้อเครื่องยนต์เฉพาะตัวรถตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ต้องมีลักษณะเป็นรถยนต์สาธารณะ หรือรถยนต์บริการ หรือรถยนต์รับจ้างสามล้อ หรือสามล้อเครื่องยนต์เฉพาะตัวรถด้วย
รถสำหรับพระมหากษัตริย์ พระราชินี หรือพระรัชทายาท
รถสำหรับเจ้านายพระองค์อื่นตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
รถของกรมตำรวจที่จดทะเบียนและมีเครื่องหมายตามระเบียบที่อธิบดีกรมตำรวจกำหนด
รถของสำนักพระราชวังที่จดทะเบียนและมีเครื่องหมายตามระเบียบที่เลขาธิการพระราชวังกำหนด
รถที่ต้องแจ้งการไม่ใช้รถตามมาตรา 14
รถที่มีลักษณะและใช้เพื่อการทำงานสำหรับซึ่งจำกัดเขตจำกัด ผลิต ประกอบ หรือนำเข้า และยังมิได้ทำขายในที่แห่งอื่น
รถดับเพลิง
รถพยาบาลที่มิใช่เป็นรถสำหรับรับจ้าง
รถของส่วนราชการ องค์กรทางรัฐธรรมนูญ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มหาวิทยาลัยและสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ องค์การมหาชน และหน่วยงานของรัฐตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ทั้งนี้ เฉพาะรถที่มิได้ใช้ในทางการค้า หรือหากำไร
รถยนต์ของมูลนิธิหรือสภากาชาดไทย
รถยนต์ของสถานทูตไทย
รถยนต์ขององค์การระหว่างประเทศ
รถยนต์ของบุคคลในคณะผู้แทนทางการทูต คณะผู้แทนทางกงสุล องค์การระหว่างประเทศ หรือบุคคลในฐานะอื่นที่ได้รับเอกสิทธิ์และความคุ้มกัน ซึ่งประจำอยู่ในประเทศไทย
รถยนต์ของส่วนราชการไทยในต่างประเทศ ซึ่งประจำอยู่ในประเทศไทย
รถยนต์ของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าของต่างประเทศที่ตั้งขึ้นในประเทศไทยตามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลต่างประเทศ และรถยนต์ของเจ้าหน้าที่สำนักงานดังกล่าว ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามความตกลงนั้น
ในกรณีที่ผู้ขอเป็นนิติบุคคลที่ตั้งสำนักงานในราชอาณาจักร ให้ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่ที่มีสำนักงานตั้งอยู่ การขอจดทะเบียนและการออกใบคู่มือจดทะเบียนรถให้เป็นไปตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด ___________________________
การเปิดประมูลและการจดทะเบียนรถตามหมายเลขทะเบียนดังกล่าว ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ ระยะเวลา และเงื่อนไขที่จัดขึ้นประกาศกำหนด เงินค่าธรรมเนียมพิเศษที่ได้จากการประมูลตามมาตรานี้ ให้เก็บเข้ากองทุน
เงินค่าธรรมเนียมพิเศษที่ได้จากการประมูลตามมาตรา ๑๑/๑๘
เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้และสมทบกองทุน
ดอกผลและรายได้จากกองทุน
เงินและทรัพย์สินอื่นที่จัดสรรเข้าเป็นของกองทุน ปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธานกรรมการ ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจำนวนไม่เกินห้าคน เป็นกรรมการ และอธิบดีกรมการขนส่งทางบกเป็นกรรมการและเลขานุการ โดยให้มีอำนาจหน้าที่บริหารกองทุน การจัดตำแหน่งและการปฏิบัติหน้าที่กรรมการ การบริหารกองทุนและการใช้จ่ายเงินกองทุน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง ให้คณะกรรมการกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนเสนอแผนงบประมาณรายจ่ายประจำปีและงบประมาณเงินอุดหนุนอื่นเข้าบัญชีต่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายและประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินของกองทุน โดยให้แสดงความเห็นเป็นข้อสังเกตเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินของกองทุนต่อคณะกรรมการกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนเพื่อประกอบการพิจารณาแล้วให้บันทึกการพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา และประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ในกรณีที่นายทะเบียนเห็นว่ารถของรถไม่อาจจัดให้มีครบถ้วนถูกต้องหรือเอาออกได้ ให้นายทะเบียนสั่งพักการจดทะเบียนรถนั้น เจ้าของรถมีสิทธิอุทธรณ์เป็นหนังสือต่ออธิบดีได้ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ทราบคำสั่งของนายทะเบียน คำวินิจฉัยของอธิบดีให้เป็นที่สุด
ในกรณีที่นายทะเบียนเห็นว่ารถที่เปลี่ยนแปลงตามวรรคหนึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายในเวลาใช้ ให้สั่งเจ้าของรถแก้ไขและนำรถไปให้ตรวจสภาพก่อนใช้ การตรวจสภาพดังกล่าวนายทะเบียนจะสั่งให้เจ้าของรถนำรถไปให้ตรวจสภาพ ณ สถานตรวจสภาพที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกก็ได้ และให้บังคับตามมาตรา ๑๒ วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่ มาใช้บังคับโดยอนุโลม แต่ถ้านายทะเบียนเห็นว่าเป็นอันตรายในเวลาใช้ ให้สั่งเพิ่มรายการในทะเบียน และในมูลของทะเบียนรถนั้นด้วย
* มาตรา ๑๕ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๐๕ * มาตรา ๑๗/๑ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๔๖ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ประจำเดือนในการรับและจำหน่ายรถหรือเครื่องยนต์สำหรับรถให้ผ่านทะเบียนภายในวันสิ้นห้าของเดือนถัดไป บัญชีตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด [คำว่า "เครื่องยนต์" แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2546]
การใช้รถยนต์บริการธุรกิจ รถยนต์บริการทัศนาจร หรือรถจักรยานยนต์สาธารณะในการส่วนตัว
การใช้รถยนต์สาธารณะในการส่วนตัว โดยมีข้อความแสดงไว้ที่รถนั้นให้เห็นได้ง่ายจากภายนอกว่าใช้ในการส่วนตัว
การใช้รถยนต์สาธารณะบรรทุกของที่ติดกับไปกับผู้โดยสาร
การใช้รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลสำหรับบรรทุกของที่ไม่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ในทางการค้า ก็ได้รวมไปถึงรถยนต์ส่งมอบลูกค้า หรือใช้รถยนต์ส่วนบุคคลเป็นรถยนต์บริการทุกส่วนบุคคล ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง [คำว่า "รถยนต์" แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2546]
ความในวรรคหนึ่ง มิให้ใช้บังคับในกรณีเป็นการรับจ้างรับส่งนักเรียน คนงาน นักท่องเที่ยว หรือการรับส่งผู้โดยสาร เป็นกรณีจำเป็นหรือฉุกเฉินตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง [คำว่า "รถยนต์" แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 7 พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2546]
[มาตรา 22 (ข) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2546] [มาตรา 23 (1) (ข) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2546] สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ประกาศตามวรรคหนึ่ง ไม่ใช้บังคับแก่การประกอบการรับจ้างบรรทุกคนโดยสารโดยใช้รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคนหรือรถยนต์รับจ้างระหว่างจังหวัดที่ได้จดทะเบียนอยู่ก่อนวันประกาศบังคับตามพระราชบัญญัตินี้ในราชกิจจานุเบกษา กำหนดเวลาสามปีนับจากวันประกาศดังกล่าวในราชกิจจานุเบกษา รัฐมนตรีอาจขยายออกไปได้อีกครั้งละไม่เกินสองปี แต่จะขยายระยะเวลาเกินสองครั้งไม่ได้ การขยายระยะเวลาดังกล่าวให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา การรองรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง [คำว่า “รถยนต์” แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๔๖]
ผู้ใดประสงค์จะนำรถจักรยานยนต์มาจดทะเบียนเป็นรถจักรยานยนต์สาธารณะ ให้ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนและให้นายทะเบียนรับจดทะเบียนให้เมื่อเห็นว่ามีการปฏิบัติครบถ้วนตามเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงและระเบียบที่อธิบดีกรมการขนส่งทางบกวางไว้ การจดทะเบียนรถจักรยานยนต์เป็นรถจักรยานยนต์สาธารณะ ให้กระทำได้เฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา และเขตเทศบาลเท่านั้น และจำนวนรถจักรยานยนต์สาธารณะในแต่ละเขตต้องไม่เกินจำนวนที่กำหนดในกฎกระทรวง การรับจดทะเบียนรถจักรยานยนต์เป็นรถจักรยานยนต์สาธารณะ ให้กระทำได้เฉพาะรถจักรยานยนต์ที่มีลักษณะและคุณสมบัติตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ในกรณีที่มีการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์เป็นรถจักรยานยนต์สาธารณะแล้ว หากปรากฏในภายหลังว่ารถจักรยานยนต์คันนั้นไม่เป็นไปตามลักษณะและคุณสมบัติที่กำหนดในกฎกระทรวง ให้นายทะเบียนเพิกถอนการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์สาธารณะนั้น หลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวง
ผู้รับใบอนุญาตซึ่งประสงค์จะต่ออายุใบอนุญาต ต้องยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตนั้นก่อนใบอนุญาตเดิมจะสิ้นอายุ และเมื่อใบอนุญาตสิ้นอายุ จะประกอบการต่อไปก่อนได้จนกว่าใบอนุญาตจะสิ้นอายุแต่ไม่เกินหกสิบวัน การขอต่ออายุใบอนุญาตและการอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
ทราบเหตุ หากภายหลังได้ใบอนุญาตที่สูญหายคืนมา ให้ส่งใบแทนใบอนุญาตนั้นแก่นายทะเบียน ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้คืน การขอใบแทนใบอนุญาตและการออกใบแทนใบอนุญาตตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด
ให้ผู้รับใบอนุญาตซึ่งถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตส่งคืนใบอนุญาตต่อนายทะเบียน ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการสั่งเพิกถอนใบอนุญาต
คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด ในกรณีที่รัฐมนตรีวินิจฉัยสั่งให้นายทะเบียนออกใบอนุญาตตามมาตรา ๒๓ ต่ออายุใบอนุญาตตามมาตรา ๒๔ หรือเพิกถอนคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตตามมาตรา ๒๕ ก่อนที่รัฐมนตรีจะมีคำวินิจฉัย ให้ผู้ขอรับใบอนุญาต ผู้ขอต่ออายุใบอนุญาต หรือผู้รับใบอนุญาต แล้วแต่กรณี มีสิทธิประกอบกิจการไปพลางก่อนโดยมิให้ถือว่าต้องมีผู้รับรอง
การขอใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง ในการออกใบอนุญาต ให้นายทะเบียนออกเครื่องหมายพิเศษแสดงสมุดคู่ประจำรถให้ด้วย เครื่องหมายพิเศษและสมุดคู่มือประจำรถ ให้เป็นไปตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง และให้ใช้เปลี่ยนกันได้ไม่เฉพาะคัน (คำว่า “รถยนต์” แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๒๖)
ชื่อหรือ หมายเลขรถยนต์ และหมายเลขเครื่องยนต์ของรถ
ความประสงค์ในการรับชำระเงิน
วันที่ชำระเงิน และเลขที่ใบเสร็จออกไปในขณะนั้นสิ้นสุด
ชื่อและชื่อสกุลของผู้ชำระเงิน *มาตรา ๒๘ วรรคสอง เพิ่มโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ. ๒๕๔๕* ``` - ๑๓ - สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา [คำว่า "รถยนต์" และ "เครื่องยนต์" แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ แห่ง พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๕๙]
ภาษีประจำปี __________
เว้นแต่
รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคนที่จดทะเบียนมาแล้วหนึ่งปีนับตั้งแต่ ทะเบียนครั้งแรก ให้ชำระภาษีต่อทบำรายปีในปีต่อ ๆ ไปในอัตราร้อยละ ดังต่อไปนี้ ปีที่หก ร้อยละสิบ ปีที่เจ็ด ร้อยละสิบ ปีที่แปด ร้อยละสิบ ปีที่เก้า ร้อยละสิบ ปีที่สิบ ร้อยละสิบ ปีที่สิบเอ็ดปีต่อ ๆ ไป ร้อยละสิบ
รถที่มีล้ออย่างน้อยสามล้อทางกฎหมาย ให้เก็บภาษีเพิ่มขึ้นจากอัตราที่กำหนดไว้ อีกหนึ่งเท่า
(ยกเลิก) [คำว่า "รถยนต์" แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๕๙]
ของกระบอกสูบได้ หรือในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงของอัตราสระอากาศของเครื่องยนต์ ให้ถือ เป็นความจุของกระบอกสูบ หรือกำหนดความจุของกระบอกสูบตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง [คำว่า "รถยนต์" และ "เครื่องยนต์" แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ แห่ง พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๕๙]
ประจำปีให้หมายถึงประกาศความจุของกระบอกสูบของรถยนต์แต่ละแบบไว้ด้วยความเห็นชอบ ของกระทรวงอุตสาหกรรม ______________________ * มาตรา ๒๙ (เดิม) ได้ยกเลิกซึ่งกำหนดให้เก็บค่าธรรมเนียมตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๓ ตอนที่ ๑๓๓ ลงวันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๙ และแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ และพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๓๙ * มาตรา ๒๙ (เดิม) ได้ยกเลิกซึ่งกำหนดให้เก็บค่าธรรมเนียมตามพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ และพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๓๙ ``` ในกรณีที่ประกาศตามวรรคหนึ่งไม่ครอบคลุมถึงแบบของรถยนต์คันใด ให้ทะเบียน เก็บภาษีประจำปีโดยถือความจุของกระบอกสูบตามที่สิ่งที่อยู่ในช่องระหว่างของรถยนต์คันนั้น ทั้งนี้ ตามที่กระทรวงคมนาคมรับรอง และให้หมายเหตุบันทึกการประจักษ์ความจุของกระบอกสูบ ของรถยนต์คันดังกล่าวต่อไป ประกาศตามวรรคหนึ่งและวรรคสองให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา คำว่า “รถยนต์” ให้ใช้แทนคำว่า “รถยนต์ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2547”
ผู้ขับรถตามมาตรา ๔๑ ต้องแสดงใบอนุญาตขับรถให้ดูในกรณีของการจัดบริการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ผู้ขับรถซึ่งเป็นคนต่างด้าวใช้ใบอนุญาตขับรถตามมาตรา ๔๒ ทวี รับรองในราชอาณาจักรได้ และในกรณีของใบอนุญาตขับรถต่างด้าวหรือที่ออกโดยราชการต่างประเทศ ให้ผู้ขับรถแสดงใบอนุญาตขับรถดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานในราชอาณาจักรได้ ๑ ปี เพื่อแสดงต่อเจ้าพนักงานในราชอาณาจักร
``` [คำว่า “รถยนต์” แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๕๕]
ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล รถยนต์สามล้อส่วนบุคคล หรือรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลต้องระบุว่า
ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล
ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อส่วนบุคคล
ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
ใบอนุญาตขับรถยนต์สำหรับการขนส่ง
ใบอนุญาตขับรถยนต์สำหรับการขนส่งส่วนบุคคล
ใบอนุญาตขับรถยนต์สำหรับการขนส่งสินค้า
ใบอนุญาตขับรถยนต์สำหรับการขนส่งคนโดยสาร
ใบอนุญาตขับรถยนต์สำหรับการขนส่งคนโดยสารไม่เกิน ๑๕ คน
ใบอนุญาตขับรถยนต์ตนเอง
ใบอนุญาตขับรถแทรกเตอร์
ใบอนุญาตขับรถยนต์ตนเองนอกจาก (๑) ถึง (๘)
ใบอนุญาตขับรถยนต์ตามความตกลงระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคี
ใช้สำหรับขับรถยนต์บริการให้เช่า ใช้สำหรับขับรถยนต์บริการให้เช่าได้เฉพาะในกรณีที่ผู้ขับรถเป็นผู้เช่าที่ได้ชำระใบอนุญาตขับรถตาม (๑) ใช้สำหรับขับรถยนต์บริการให้เช่าได้เฉพาะใบอนุญาตขับรถตาม (๒) ใช้ในใบอนุญาตขับรถบริการและใช้ในใบอนุญาตขับรถตาม (๒) ได้ด้วยใบอนุญาตขับรถตาม (๒) ใช้ในใบอนุญาตขับรถตาม (๒) ได้ด้วย และใบอนุญาตขับรถตาม (๒) ใช้ในใบอนุญาตขับรถตาม (๒) ได้ด้วย ขอบเขตในใบนี้เท่านั้นไม่ได้
``` ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถในประเภทการขนส่งส่วนบุคคล ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกให้ใช้แทนใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลตามมาตรา 43 (6) ได้ [คำว่า "รถยนต์" แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2547]
ใบอนุญาตขับรถตามมาตรา 43 (6) (ข) (ค) และ (ง) มีอายุสามปีนับแต่วันออกใบอนุญาตขับรถ ใบอนุญาตขับรถตามมาตรา 43 (6) (ข) และ (ง) มีอายุสามปีนับแต่วันออกใบอนุญาตขับรถ และอาจขออนุญาตขับรถได้อีกคราวละสามปี แล้วแต่กรณี โดยผู้ขอ ต่ออายุใบอนุญาตขับรถต้องผ่านการทดสอบสมรรถภาพของร่างกายตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง ในกรณีที่ใบอนุญาตขับรถตามมาตราดังกล่าวไม่ครบกำหนดวันครบอายุวันรับรองของผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถ ให้ขยายอายุใบอนุญาตไปจนถึงวันครบกำหนดวันรับรองในอนุญาตขับรถในนั้นหรือในปีถัดไป แล้วแต่กรณี โดยให้ถือว่าวันดังกล่าวเป็นวันครบกำหนดอายุ การต่ออายุใบอนุญาตขับรถ และการอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
การขอใบอนุญาตขับรถและการออกใบอนุญาตขับรถ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์ แต่ถ้าเป็นผู้ขอใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล สำหรับรถจักรยานยนต์ที่มีความจุกระบอกสูบของเครื่องยนต์ไม่เกินกว่ากฎหมายว่าด้วยรถยนต์กำหนดไว้ไม่ต่ำกว่าสิบห้าปีบริบูรณ์
มีความรู้ความสามารถในการขับรถ [มาตรา 43 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2547] [มาตรา 44 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2547] [มาตรา 45 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2547] [มาตรา 45 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2548] ```
มีความรู้ในข้อบังคับการเดินรถตามพระราชบัญญัตินี้และตามกฎหมายว่าด้วย การจราจรทางบก
ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่สามารถขับรถได้
ไม่มีโรคประจำตัวซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเห็นว่าเป็นอันตรายต่อการขับรถ
ไม่เป็นผู้ติดสุราหรือยาเสพติดให้โทษ
ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไป
ไม่เป็นบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
ไม่เป็นผู้มีใบอนุญาตขับรถหรือหนังสือรับรองการอบรมที่ได้ใบอนุญาตขับรถ
ไม่ถูกยกเลิกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ ซึ่งมีฐานความผิดตามที่กำหนดในกฎของ ผู้อนุญาตขับรถ เว้นแต่ได้พ้นกำหนดสามปีไปแล้วนับแต่วันที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ โดยให้ อธิบดีคำหนดข้อยกเว้นในการพิจารณาการออกใบอนุญาตขับรถไว้ด้วย
ได้รับใบอนุญาตขับรถตามมาตรา ๔๓ (๑) มาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งปี
มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๔๒ และ
ไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกหรือถูกนำตัวไปคุมขังเพื่อปรับเปลี่ยน พฤติกรรมซึ่งเกี่ยวกับการขับรถหรือการใช้รถยนต์โดยทางหนึ่งทางใด เว้นแต่เป็นโทษ ครั้งสุดท้ายไม่น้อยกว่าหกเดือนแล้ว
ผ่านการอบรมและทดสอบความรู้หรือทักษะการขับรถ
ในขณะยื่นคำขอมีร่างกายสมบูรณ์
ใช้ความเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
โดยประมาทหรือหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน
โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น
ได้รับใบอนุญาตขับรถตามมาตรา ๔๓ (๑) มาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี
มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๔๒ แต่ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า ยี่สิบสองปีบริบูรณ์ สำหรับผู้ขอใบอนุญาตขับรถตามมาตรา ๔๓ (๔) หรือ (๕) และมีอายุไม่ต่ำกว่า สำหรับผู้ขอใบอนุญาตขับรถตามมาตรา ๔๓ (๖)
ไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุด * มาตรา ๔๔/๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ * มาตรา ๔๔/๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ * มาตรา ๔๔/๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ ```
มีสัญชาติไทย
มีภูมิลำเนาและทางหลวงในจังหวัดที่ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ
ไม่เป็นผู้มีโรคติดต่อร้ายแรงตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
ไม่เป็นผู้ติดสุราหรือยาเสพติดให้โทษ
ไม่เคยเป็นผู้ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกตามคำพิพากษาในความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ความผิดเกี่ยวกับเพศ ความผิดเกี่ยวกับชีวิต ความผิดเกี่ยวกับร่างกาย ความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพ ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์และวังวรทรัพย์ ความผิดฐานซ่องโจร โจรสลัดทรัพย์ ซ่องโจรและปล้นทรัพย์ ความผิดฐานยักยอก ความผิดฐานรับของโจร และความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา หรือความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษหรือโดยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ หรือพ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี
หกเดือนสำหรับใบอนุญาตขับรถทุกลักษณะที่พ้นโทษมาไม่เกินสามเดือน
หนึ่งปีสำหรับใบอนุญาตขับรถทุกลักษณะที่พ้นโทษมาไม่เกินสามเดือนด้วยการใช้รถกระทำความผิด หรือ
หนึ่งปีสำหรับใบอนุญาตขับรถทุกลักษณะที่พ้นโทษมาไม่เกินสามปี และได้เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะโดยมีเงื่อนไขพิเศษต่อไปนี้พร้อมคำสั่งของนายทะเบียน และได้เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะโดยมีเงื่อนไขพิเศษต่อไปนี้พร้อมคำสั่งของนายทะเบียน และได้เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะโดยมีเงื่อนไขพิเศษต่อไปนี้พร้อมคำสั่งของนายทะเบียน และได้เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะโดยมีเงื่อนไขพิเศษต่อไปนี้พร้อมคำสั่งของนายทะเบียน และได้เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะโดยมีเงื่อนไขพิเศษต่อไปนี้พร้อมคำสั่งของนายทะเบียน และได้เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะโดยมีเงื่อนไขพิเศษต่อไปนี้พร้อมคำสั่งของนายทะเบียน และได้เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะโดยมีเงื่อนไขพิเศษต่อไปนี้พร้อมคำสั่งของนายทะเบียน และได้เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะโดยมีเงื่อนไขพิเศษต่อไปนี้พร้อมคำสั่งของนายทะเบียน และได้เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะโดยมีเงื่อนไขพิเศษต่อไปนี้พร้อมคำสั่งของนายทะเบียน และได้เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะโดยมีเงื่อนไขพิเศษต่อไปนี้พร้อมคำสั่งของนายทะเบียน และได้เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะโดยมีเงื่อนไขพิเศษต่อไปนี้พร้อมคำสั่งของนายทะเบียน และได้เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะโดยมีเงื่อนไขพิเศษต่อไปนี้พร้อมคำสั่งของนายทะเบียน และได้เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะโดยมีเงื่อนไขพิเศษต่อไปนี้พร้อมคำสั่งของนายทะเบียน และได้เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะโดยมีเงื่อนไขพิเศษต่อไปนี้พร้อมคำสั่งของนายทะเบียน และได้เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะโดยมีเงื่อนไขพิเศษต่อไปนี้พร้อมคำสั่งของนายทะเบียน
ให้นายทะเบียนยกเลิกใบอนุญาตขับรถให้แก่ผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถชั่วคราวที่มีคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามใด หากมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถชั่วคราวดังกล่าวคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่กำหนดไว้สำหรับผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถประเภทนั้น
ในกรณีที่ผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถเคยกระทำการฝ่าฝืนหรือกระทำการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้นายทะเบียนสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับรถเสียก่อนได้ การสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับรถตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้นายทะเบียนแจ้งคำสั่งเป็นหนังสือพร้อมทั้งเหตุผลให้ผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถทราบโดยเร็วที่สุด ในกรณีที่ผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของนายทะเบียนตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ให้มีสิทธิอุทธรณ์ต่ออธิบดีภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง การอุทธรณ์ตามวรรคสามให้อธิบดีวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์ และให้ถือคำวินิจฉัยของอธิบดีเป็นที่สุด
ให้อธิบดีวินิจฉัยอุทธรณ์ตามวรรคหนึ่งภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์ ถ้ามีข้อขัดข้องอันมิอาจวินิจฉัยภายในเวลาที่กล่าวไว้ข้างต้นได้อธิบดีอาจมีคำสั่งขยายเวลาออกไปอีกได้ตามที่เห็นสมควร คำสั่งของอธิบดีให้เป็นที่สุด การอุทธรณ์ตามวรรคนี้ไม่เป็นการระงับการบังคับตามคำสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ
ด้วยคำพิพากษาสุดท้ายที่มีคำระบุให้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้หรือกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้
ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานจราจร หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก
ด้วยคำพิพากษาสุดท้ายที่มีคำระบุให้กระทำความผิดฐานขับรถหรือเรือขณะเมาสุรา หรือ
มีผู้ถึงแก่ความตายหรือบาดเจ็บสาหัสอันเนื่องมาจากการขับรถในขณะเมาสุรา โดยมีผู้บาดเจ็บสาหัส หรือรถบาดเจ็บรอการรักษาในหรือนอกโรงพยาบาล นายทะเบียนมีอำนาจเรียกใบอนุญาตขับรถมาได้ แต่ห้ามมิให้เรียกเกินหนึ่งปี ในกรณีที่ผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถตามมาตรา (๕๔) (๑) (๕๔) (๒) หรือ (๕๔) (๓) เป็นผู้ต้องหาตามคำพิพากษาสุดท้ายที่ระบุไว้ในมาตรา (๕๔) ให้ยกทะเบียนผู้ขับรถจากรายชื่ออันมีความหมายยึดใบอนุญาตขับรถตามมาตรา (๕๔) (๒) หรือ (๕๔) (๓) ตั้งแต่วันฟ้องต่อศาลจนถึงเวลาที่คำพิพากษาสุดท้ายสุด และในระหว่างนั้นห้ามมิให้ยื่นคำขอใบอนุญาตขับรถใหม่ ในการยึดใบอนุญาตขับรถ ให้ยึดบันทึกการยึดไว้ในใบอนุญาตขับรถด้วย
ในกรณีที่ผู้ขับรถมีความประสงค์จะขายหรือโอนรถ และการออกใบแทนใบอนุญาตขับรถหรือการพิมพ์ให้เป็นไปตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด
ในการฝึกหัดขับรถ ห้ามมิให้ผู้ใดออกคำสั่งผู้ฝึกหัดและผู้ควบคุมอยู่ในรถ ถ้ามีการเสียหายอันใดขึ้น ผู้ควบคุมหรือผู้จัดการฝึกหัดจะต้องชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นหรือปฏิบัติตามคำสอนในเวลาที่ขับอยู่ด้วย [คำว่า “รถยนต์” แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติจราจร (ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ. ๒๕๔๘] ๑๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ ```
ในการออกคำสั่งให้ไปปรากฏตัวตามวรรคสอง ให้ผู้ตรวจการแจ้งผู้กระทำความผิดถึงเหตุแห่งการกระทำความผิดนั้นด้วย และเมื่อถึงเวลาที่กำหนดให้ผู้กระทำความผิดไปปรากฏตัวต่อพนักงานสอบสวนแล้ว แต่ยังไม่ปรากฏว่าผู้กระทำความผิดได้ไปปรากฏตัว ให้ผู้ตรวจการส่งคำสั่งให้ไปปรากฏตัวตามวรรคหนึ่งไปตามแบบที่อธิบดีกำหนด กำหนด
``` สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา - ๒๔ -
ไม่กล่าววาจาไม่สุภาพ เสียดสี ดูหมิ่น ก้าวร้าวหรือแสดงกิริยาในลักษณะดังกล่าวต่อคนโดยตรง
ไม่เสพหรือมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น
ไม่เสพหรือมาสารเสพติดให้โทษตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ
ไม่เสพวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท
ไม่รับเงินโดยแสดงต่อบุคคลว่าตนเองมีอำนาจเหนือผู้อื่น
ปฏิบัติตามข้อกำหนดว่าด้วยความปลอดภัยในการรับจ้างบรรทุกคนโดยสารตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
เมื่อเสนอแนะแล้วผู้ตรวจการอาจตรวจสอบการดำเนินการของเจ้าของรถหรือผู้รับจ้างบรรทุกคนโดยสารที่เสนอแนะนั้นว่ามีการปฏิบัติตามหรือไม่
บทกำหนดโทษ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
[คำว่า "รถยนต์" แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2542]
[คำว่า "รถยนต์" แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2542]
[แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2495] [แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2496] [แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2497] [แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2502] [แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2503] [แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2505] [แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2507] [แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2511] [แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2516] [แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 15) พ.ศ. 2522] [แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2542]
- เพิ่มมาตรา ๒๗/๑ โดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ - เพิ่มมาตรา ๒๗/๒ โดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ - เพิ่มมาตรา ๒๗/๓ โดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ - เพิ่มมาตรา ๒๗/๔ โดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ - เพิ่มมาตรา ๒๗/๕ โดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ (a) ให้อยู่นี้ใช้ใบอนุญาต หรือเครื่องหมายที่นายทะเบียนออกให้เท่านั้น (b) ใช้เครื่องหมายที่นายทะเบียนออกให้สำหรับรถคันหนึ่งสำหรับรถคันหนึ่ง (c) ใช้เครื่องหมายที่นายทะเบียนออกให้เท่านั้น (d) เปลี่ยนแปลงดัดแปลงหรือใด ๆ หรือปิดบังซึ่งหมายหรือเครื่องหมายที่นายทะเบียนออกให้ประจำรถ หรือ (e) ใช้รถซึ่งเครื่องหมายที่นายทะเบียนออกให้ประจำรถตามมาตรา 9 หรือมาตรา 10 ไม่เป็นปัจจุบัน ภาษีประจำปีตามมาตรา 30 หรือภาษีประจำปีตามมาตรา 30 ผิดไปจากข้อมูลที่ได้รับ ยกเว้นหรือลด ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายมีอำนาจเปรียบเทียบปรับผู้ต้องหาได้ เมื่อผู้ต้องหาได้ชำระค่าปรับตาม จำนวนที่อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายเปรียบเทียบภายในเวลาที่กำหนดแล้ว ให้ถือว่าคดีเลิกกันตาม นัยบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ถ้าผู้ต้องหาไม่ยอมชำระค่าปรับเปรียบเทียบหรือยอมชำระค่าปรับภายใน กำหนดเวลาดังกล่าวให้ดำเนินคดีเพื่อฟ้องร้องต่อไป บทเฉพาะกาล
แล้ว การเสียภาษีประจำปีไปเป็นราคาภายหลังวันพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้เจ้าของทะเบียน เปลี่ยนแปลงกำหนดระยะเวลาการเสียภาษีใหม่ โดยแจ้งจำนวนรถที่จะต้องเสียภาษีออกไปเป็นราย เดือนตามระยะเวลาและจำนวนที่นายทะเบียนเห็นสมควร และประกาศ ณ ที่ทำการของนายทะเบียน ให้ผู้นำมาเสียภาษีทราบเวลานำมาชำระภาษีในแต่ละเดือน ทั้งนี้ ให้หมายเลขดำเนินการภายในสอง ปีนับแต่วันพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ การดำเนินการเป็นรายเดือนตามวรรคหนึ่ง ให้คูณเฉลี่ยจากอัตราภาษีประจำปีสำหรับ รถคันนั้น
อยู่แล้วในวันนั้นซึ่งมีพระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือซึ่งเจ้าของนำมาจดทะเบียน ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้เจ้าของรถหรือเครื่องอุปกรณ์ของรถนั้นเสียภาษี ได้ตามความสมัครใจ และถือว่าชอบด้วยกฎหมาย ให้เจ้าของรถหรือเครื่องอุปกรณ์ของรถนั้นชำระภาษี พระราชบัญญัตินี้เป็นรายกิจจานุเบกษา
[คํานํา “รถยนต์” แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๔๗]
[คํานํา “รถยนต์” แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๔๗] ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ส. โหตระกิตย์ รองนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา อัตราค่าธรรมเนียม
คำขอ ฉบับละ ๕ บาท
ใบคู่มือจดทะเบียนรถ ฉบับละ ๑๐ บาท
แผ่นป้ายทะเบียนรถ แผ่นละ ๑๐๐ บาท
(ก) การขอใช้หมายเลขทะเบียนรถ
การขอใช้หมายเลขทะเบียนที่จองให้ สำหรับรถคันหนึ่งมาใช้กับรถอีก คันหนึ่ง ครั้งละ ๒,๐๐๐ บาท
การขอใช้หมายเลขทะเบียนซึ่ง ยังไม่เคยออกให้สำหรับรถคันใด มาใช้กับรถที่จดทะเบียนแล้ว ครั้งละ ๑,๐๐๐ บาท
การขอใช้หมายเลขทะเบียน ที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมได้จากการประมูล ตามมาตรา ๑๐/๑ กับรถที่ตาม (ก) หรือ ครั้งละ ๓,๐๐๐ บาท
การขอคำนทะเบียนรถหรือขอแก้ไขเพิ่มเติมรายการ ในทะเบียนรถและในคู่มือจดทะเบียนรถ
รถส่วนบุคคล ครั้งละ ๕๐ บาท
รถสาธารณะ ครั้งละ ๑๐๐ บาท
การโอนทะเบียนรถ
การย้ายรถ
รถยนต์ ครั้งละ ๕๐ บาท
รถอื่นนอกจาก (ก) ครั้งละ ๕๐ บาท
การตรวจสภาพรถ
รถจักรยานยนต์ คันละ ๕๐ บาท
รถอื่นนอกจาก (ก) คันละ ๕๐ บาท
เครื่องหมายแสดงการใช้รถ ตามมาตรา ๒๖ วรรคสอง หรือวรรคสาม แผ่นละ ๑,๐๐๐ บาท
การอนุญาตให้ใช้รถ ตามมาตรา ๒๖ วรรคสาม ครั้งละ ๑,๐๐๐ บาท
ใบอนุญาตตามมาตรา ๒๓ ฉบับละ ๑,๐๐๐ บาท
ใบอนุญาตตามมาตรา ๒๗ ฉบับละ ๒,๐๐๐ บาท อัตราค่าธรรมเนียม (๔)(ง) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๕๗ อัตราค่าธรรมเนียม (๔)(ง) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๒๐) พ.ศ. ๒๕๖๒ อัตราค่าธรรมเนียม (๔)(ง) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๒๑) พ.ศ. ๒๕๖๕ เครื่องหมายพิเศษตามมาตรา ๒๗
๑๔๓ สมุดคู่มือประจำรถตามมาตรา ๒๗
๑๔๔ ใบอนุญาตขับรถยนต์ชั่วคราวด้วยการจราจรทางถนน ทำ ณ นครเจนีวา ค.ศ. ๑๙๔๙ ซึ่งประเทศไทยให้ถือตามอนุสัญญา เมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๔๘
๑๔๕ ใบอนุญาตขับรถตามความตกลงระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคี
๑๔๖ ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ตามมาตรา ๓๔ (๑)
๑๔๗ ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล
๑๔๘ ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ
๑๔๙ ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล
๑๕๐ ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ
๑๕๑ ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล
๑๕๒ ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ
๑๕๓ ใบอนุญาตขับรถตามมาตรา ๓๔ (๔)
๑๕๔ (ยกเลิก) อัตราค่าธรรมเนียม (๔) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๔๗ อัตราค่าธรรมเนียม (๑๐) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๔๗ อัตราค่าธรรมเนียม (๑๑) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๔๗ อัตราค่าธรรมเนียม (๑๒) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๔๗ อัตราค่าธรรมเนียม (๑๓) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๔๗ อัตราค่าธรรมเนียม (๑๔) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๔๗ อัตราค่าธรรมเนียม (๑๕) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๔๗ อัตราค่าธรรมเนียม (๑๖) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๔๗ อัตราค่าธรรมเนียม (๑๗) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๔๗ อัตราค่าธรรมเนียม (๑๘) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๔๗ อัตราค่าธรรมเนียม (๑๙) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๔๗ อัตราค่าธรรมเนียม (๒๐) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๔๗ อัตราค่าธรรมเนียม (๒๑) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๔๗ อัตราค่าธรรมเนียม (๒๒) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๔๗
๑๔๔ (ยกเลิก)
๑๔๕ (ยกเลิก)
๑๔๖ (ยกเลิก)
๑๔๗ (ยกเลิก)
๑๔๘ การแก้ไขรายการในใบอนุญาตขับรถ ครั้งละ ๕๐ บาท
๑๔๙ หนังสือคู่มือจดทะเบียนตามมาตรา ๑๗ วรรคสอง หรือมาตรา ๑๓ ฉบับละ ๑๐ บาท
๑๕๐ ใบแทนใบคู่มือจดทะเบียนรถ ฉบับละ ๕๐ บาท
๑๕๑ ใบแทนใบอนุญาต ครั้งหนึ่งของค่าธรรมเนียม ใบอนุญาต แต่ไม่เกินฉบับละ ๑๐๐ บาท
๑๕๒ ใบแทนเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปี ฉบับละ ๒๐ บาท
๑๕๓ ใบแทนหนังสืออนุญาต ฉบับละ ๒๕ บาท
๑๕๔ ค่าธรรมเนียมอื่นๆ ครั้งละ ๒๐ บาท
๑๕๕ การรับรองสำเนาเอกสาร แผ่นละ ๒๐ บาท
๑๕๖ การต่ออายุใบอนุญาตขับรถ ครั้งละเท่ากับค่าธรรมเนียมสำหรับใบอนุญาตชนิดแต่ละชนิด อัตราค่าธรรมเนียม (๒๓) ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๔๖ อัตราค่าธรรมเนียม (๒๔) ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๔๖ อัตราค่าธรรมเนียม (๒๕) ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๔๖ อัตราค่าธรรมเนียม (๒๖) ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๔๖ อัตราค่าธรรมเนียม (๒๗) ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๔๖ อัตราภาษีประจำปี
รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคนให้กับการใช้งานความจุของกระบอกสูบรวมกันของเครื่องยนต์ต้องรวมยนต์แต่ละคัน ในอัตราดังต่อไปนี้ (1) 600 ลูกบาศก์เซนติเมตรแรก ลูกบาศก์เซนติเมตรละ 0.50 บาท (2) ส่วนที่เกิน 600 ลูกบาศก์เซนติเมตร แต่ไม่เกิน 1,800 ลูกบาศก์เซนติเมตร ลูกบาศก์เซนติเมตรละ 1.50 บาท (3) ส่วนที่เกิน 1,800 ลูกบาศก์เซนติเมตร ลูกบาศก์เซนติเมตรละ 4.00 บาท ยกเว้นตาม (ก) ที่มีบุคคลเป็นเจ้าของ และมิได้ให้บุคคลธรรมดาเข้าเกี่ยวข้องในการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการให้เช่าของบุคคลนั้น ให้เก็บภาษีในอัตราเดียวกัน
รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคน ให้เก็บภาษีตามน้ำหนักในอัตราดังต่อไปนี้ (1) น้ำหนักไม่เกิน 500 กิโลกรัม กิโลกรัมละ คันละ 150 บาท (2) น้ำหนักตั้งแต่ 501 - 750 กิโลกรัม คันละ 300 บาท (3) น้ำหนักตั้งแต่ 751 - 1,000 กิโลกรัม คันละ 600 บาท (4) น้ำหนักตั้งแต่ 1,001 - 1,250 กิโลกรัม คันละ 1,000 บาท (5) น้ำหนักตั้งแต่ 1,251 - 1,500 กิโลกรัม คันละ 1,500 บาท (6) น้ำหนักตั้งแต่ 1,501 - 1,750 กิโลกรัม คันละ 2,000 บาท (7) น้ำหนักตั้งแต่ 1,751 - 2,000 กิโลกรัม คันละ 2,500 บาท (8) น้ำหนักตั้งแต่ 2,001 - 2,500 กิโลกรัม คันละ 3,000 บาท (9) น้ำหนักตั้งแต่ 2,501 - 3,000 กิโลกรัม คันละ 3,500 บาท (10) น้ำหนักตั้งแต่ 3,001 - 4,000 กิโลกรัม คันละ 4,000 บาท อัตราภาษีประจำปี (ก) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2525
น้ำหนักตั้งแต่ 4,000 - 4,500 กิโลกรัม คันละ 2,500 บาท
น้ำหนักตั้งแต่ 4,500 - 5,000 กิโลกรัม คันละ 3,000 บาท
น้ำหนักตั้งแต่ 5,000 - 6,000 กิโลกรัม คันละ 3,500 บาท
น้ำหนักตั้งแต่ 6,000 - 7,000 กิโลกรัม คันละ 4,000 บาท
น้ำหนักตั้งแต่ 7,000 กิโลกรัม ขึ้นไป คันละ 4,500 บาท
รถจักรยานยนต์ ให้กำหนดอัตราประจำปีในอัตราดังต่อไปนี้
รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล คันละ 100 บาท
รถจักรยานยนต์สาธารณะ คันละ 100 บาท
รถพ่วงของรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล คันละ 50 บาท
รถพ่วงบรรทุก (1) รถยนต์ คันละ 500 บาท
รถยนต์บรรทุกที่ใช้ในการเกษตร คันละ 500 บาท
รถยนต์รับจ้างระหว่างจังหวัด รถยนต์บริการ ให้เก็บภาษีตามน้ำหนักในอัตราดังต่อไปนี้ (1) น้ำหนักไม่เกิน 600 กิโลกรัม คันละ 450 บาท (2) น้ำหนักตั้งแต่ 600 - 750 กิโลกรัม คันละ 600 บาท (3) น้ำหนักตั้งแต่ 750 - 1,000 กิโลกรัม คันละ 1,000 บาท (4) น้ำหนักตั้งแต่ 1,000 - 1,250 กิโลกรัม คันละ 1,250 บาท (5) น้ำหนักตั้งแต่ 1,250 - 1,500 กิโลกรัม คันละ 1,500 บาท (6) น้ำหนักตั้งแต่ 1,500 - 2,000 กิโลกรัม คันละ 2,000 บาท (7) น้ำหนักตั้งแต่ 2,000 - 2,500 กิโลกรัม คันละ 2,500 บาท (8) น้ำหนักตั้งแต่ 2,500 - 3,000 กิโลกรัม คันละ 3,000 บาท (9) น้ำหนักตั้งแต่ 3,000 - 3,500 กิโลกรัม คันละ 3,500 บาท อัตราภาษีประจำปี (3) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2547 อัตราภาษีประจำปี (4) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2547 กิโลกรัม
น้ำหนักตั้งแต่ 3,500 - 4,000 กิโลกรัม คันละ 3,850 บาท กิโลกรัม
น้ำหนักตั้งแต่ 4,000 - 5,000 กิโลกรัม คันละ 4,500 บาท กิโลกรัม
น้ำหนักตั้งแต่ 5,000 - 6,000 กิโลกรัม คันละ 4,850 บาท กิโลกรัม
น้ำหนักตั้งแต่ 6,000 - 7,000 กิโลกรัม คันละ 5,500 บาท กิโลกรัม
น้ำหนักตั้งแต่ 7,000 กิโลกรัม ขึ้นไป คันละ 6,500 บาท (4) รถยนต์รับจ้าง ให้เก็บค่าจ้างตามน้ำหนักในอัตราดังต่อไปนี้
น้ำหนักไม่เกิน 500 กิโลกรัม คันละ 300 บาท
น้ำหนักตั้งแต่ 500 - 750 กิโลกรัม คันละ 450 บาท
น้ำหนักตั้งแต่ 750 - 1,000 กิโลกรัม คันละ 525 บาท
น้ำหนักตั้งแต่ 1,000 - 1,250 กิโลกรัม คันละ 625 บาท
น้ำหนักตั้งแต่ 1,250 - 1,500 กิโลกรัม คันละ 725 บาท
น้ำหนักตั้งแต่ 1,500 - 1,750 กิโลกรัม คันละ 875 บาท
น้ำหนักตั้งแต่ 1,750 - 2,000 กิโลกรัม คันละ 1,020 บาท
น้ำหนักตั้งแต่ 2,000 - 3,000 กิโลกรัม คันละ 1,250 บาท
น้ำหนักตั้งแต่ 3,000 - 3,500 กิโลกรัม คันละ 1,450 บาท
น้ำหนักตั้งแต่ 3,500 - 4,000 กิโลกรัม คันละ 1,625 บาท
น้ำหนักตั้งแต่ 4,000 - 4,500 กิโลกรัม คันละ 1,850 บาท
น้ำหนักตั้งแต่ 4,500 - 5,000 กิโลกรัม คันละ 2,000 บาท ``` - ๗๕ - สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กิโลกรัม คันละ ๒,๑๓๕ บาท
น้ำหนักตั้งแต่ ๑,๕๐๐ - ๒,๐๐๐ กิโลกรัม คันละ ๒,๓๗๕ บาท
น้ำหนักตั้งแต่ ๒,๐๐๐ - ๓,๐๐๐ กิโลกรัม คันละ ๒,๕๐๐ บาท
น้ำหนักตั้งแต่ ๓,๐๐๐ กิโลกรัมขึ้นไป คันละ ๒,๖๐๐ บาท
รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลหรือรถยนต์สำหรับลากจูงซึ่งมิได้ใช้ในการประกอบการขนส่งส่วนบุคคลตามความหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกหรือรถแทรกเตอร์ที่มิได้ใช้ในการเกษตร ให้เก็บค่าธรรมเนียม น้ำหนักในอัตราต่อไปนี้
น้ำหนักไม่เกิน ๕๐๐ กิโลกรัม คันละ ๔๕๐ บาท
น้ำหนักตั้งแต่ ๕๐๐ - ๗๕๐ กิโลกรัม คันละ ๕๐๐ บาท
น้ำหนักตั้งแต่ ๗๕๐ - ๑,๐๐๐ กิโลกรัม คันละ ๘๐๐ บาท
น้ำหนักตั้งแต่ ๑,๐๐๐ - ๑,๒๕๐ กิโลกรัม คันละ ๑,๒๕๐ บาท
น้ำหนักตั้งแต่ ๑,๒๕๐ - ๑,๕๐๐ กิโลกรัม คันละ ๑,๕๐๐ บาท
น้ำหนักตั้งแต่ ๑,๕๐๐ - ๒,๐๐๐ กิโลกรัม คันละ ๑,๗๕๐ บาท
น้ำหนักตั้งแต่ ๒,๐๐๐ - ๒,๕๐๐ กิโลกรัม คันละ ๒,๐๐๐ บาท
น้ำหนักตั้งแต่ ๒,๕๐๐ - ๓,๐๐๐ กิโลกรัม คันละ ๒,๕๐๐ บาท
น้ำหนักตั้งแต่ ๓,๐๐๐ - ๓,๕๐๐ กิโลกรัม คันละ ๒,๗๕๐ บาท
น้ำหนักตั้งแต่ ๓,๕๐๐ - ๔,๐๐๐ กิโลกรัม คันละ ๒,๙๕๐ บาท
น้ำหนักตั้งแต่ ๔,๐๐๐ - ๔,๕๐๐ กิโลกรัม คันละ ๓,๐๕๐ บาท
น้ำหนักตั้งแต่ ๔,๕๐๐ - ๕,๐๐๐ กิโลกรัม คันละ ๓,๔๕๐ บาท
น้ำหนักตั้งแต่ ๕,๐๐๐ - ๖,๐๐๐ กิโลกรัม คันละ ๓,๖๕๐ บาท
น้ำหนักตั้งแต่ ๖,๐๐๐ - ๗,๐๐๐ กิโลกรัม คันละ ๓,๘๕๐ บาท ``` สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา - ๓๖ - กิโลกรัม
น้ำหนักตั้งแต่ ๗,๐๐๐ กิโลกรัม ขึ้นไป (๑๑/๑) รถที่นำเข้ามาในกรุงเทพมหานครหรือออกโดยย้ายถ่ายจากงานขนย้ายสินค้า "รถ" ในมาตรา ๔ ให้เก็บภาษีตามน้ำหนักในอัตราตาม (๑๑) (๑๑/๒) รถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า หรือรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานอื่นที่มิใช่พลังงานที่ได้จากเชื้อเพลิงตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามข้อดังต่อไปนี้
รถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน ให้จัดเก็บภาษีตามน้ำหนักของรถในอัตรา (๑๑)
รถยนต์บรรทุก (ก) ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามน้ำหนักของรถตาม (๒) (๓) (๔) (๕) (๖) หรือ (๑๑) แล้วแต่กรณี (๑๑/๓) รถที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานทดแทน พลังงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือพลังงานอย่างประหยัด ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ให้จัดเก็บภาษีในอัตราที่เพิ่มของอัตราที่กำหนดไว้ (๑๑/๔) รถที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติซึ่งมีน้ำหนักไซโตรคาร์บอนที่ประกอบด้วยก๊าซมีเทนเป็นส่วนใหญ่เป็นเชื้อเพลิง ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามข้อดังต่อไปนี้
ระบบเชื้อเพลิงที่ใช้ก๊าซธรรมชาติชนิดกล่าวมาเพียงอย่างเดียวในอัตราที่เพิ่มของอัตราที่กำหนดไว้
ระบบเชื้อเพลิงที่ใช้ก๊าซธรรมชาติชนิดกล่าวมาร่วมกับน้ำมันเชื้อเพลิงในอัตราที่เพิ่มของอัตราที่กำหนดไว้ ในการคำนวณน้ำหนัก ให้รวมถึงน้ำหนักของรถยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติชนิดกล่าวมาเป็นเชื้อเพลิงร่วมกับน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันเครื่อง น้ำ และเครื่องมือประจำรถ ถ้ามีน้ำหนักเกิน ๗ กิโลกรัมให้คิดรวม _________________________ ๑๐๓/๑ อัตราภาษีประจำปี (๑๑/๑) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๕๕ ๑๐๓/๒ อัตราภาษีประจำปี (๑๑/๒) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๕๕ ๑๐๓/๓ อัตราภาษีประจำปี (๑๑/๓) เพิ่มโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๕๕ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ได้ประกาศใช้บังคับมา ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๗๗ ซึ่งเป็นเวลาล่วงมาเป็นเวลานานแล้ว และในระหว่างระยะเวลาดังกล่าวมีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายดังกล่าวเป็นครั้งคราว อย่างไรก็ดี ยังมีบทบัญญัติบางประการที่ใช้บังคับอยู่ไม่เหมาะสมกับสภาพสังคมและสภาพการดำรงชีวิตในปัจจุบัน สมควรปรับปรุงเสียใหม่ให้เหมาะสมและสอดคล้องยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๐
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากหลักเกณฑ์และอัตราการจดทะเบียนรถยนต์ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ในปัจจุบันยังไม่เหมาะสมกับสภาพความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน สมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์และอัตราการจดทะเบียนรถยนต์ดังกล่าวเสียใหม่ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนรถยนต์ให้สอดคล้องกับสภาพความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน และกำหนดให้การจดทะเบียนรถยนต์เป็นไปตามระบบ “ผู้ใช้” การจดทะเบียนรถยนต์ดังกล่าวจะช่วยให้การบริหารจัดการรถยนต์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งมีลักษณะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการรถยนต์ของรัฐ และการจัดเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะทำให้สามารถนำรายได้ที่ได้จากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวไปใช้ในกิจการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๐
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๐ บัญญัติให้ “ผู้ใช้” (ซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์) จะไปจดทะเบียนรถยนต์ในที่ตั้งของสำนักงานขนส่งจังหวัดที่รถยนต์นั้น... (ข้อความไม่สมบูรณ์) ความเดือดร้อนในแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก และเมื่อมีการกระทำความผิดเกิดขึ้นเกี่ยวกับการติดตามผู้กระทำความผิดเพราะเจ้าของรถและผู้ครอบครองมิใช่บุคคลคนเดียวกัน จึงจำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๒
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ บัญญัติห้ามมิให้ผู้ใดใช้รถ เว้นแต่รถนั้นเป็นรถที่จดทะเบียนและเสียภาษีประจำปีสำหรับรถนั้นครบถ้วนถูกต้องแล้ว หากผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาทตามมาตรา ๕๙ โดยมีเป้าหมายประการแรกเพื่อการใช้รถที่มีการจดทะเบียนและเสียภาษีประจำปีครบถ้วนถูกต้องตามกฎหมาย และประการที่สอง เพื่อให้ผู้ใช้รถได้รับความสะดวกในการใช้รถที่มีการจดทะเบียนและเสียภาษีประจำปีครบถ้วนถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเป็นการส่งเสริมเกษตรกรรมของประเทศ สมควรกำหนดให้รถที่จดทะเบียนในลักษณะเป็นนิติธรรมแผ่นป้ายทะเบียนสามารถนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการผลิตและค้าปลีกสำหรับยานพาหนะต่อไป โดยไม่ต้องจัดสรรให้แก่ราชการส่วนท้องถิ่น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๒๒
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เพื่อให้การจดทะเบียนรถยนต์ของบุคคลธรรมดาเป็นระบบเดียวกันกับของบุคคล หรือรถยนต์ที่จดทะเบียนในลักษณะเป็นนิติธรรมแผ่นป้ายทะเบียนสามารถนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการผลิตและค้าปลีกสำหรับยานพาหนะต่อไป โดยไม่ต้องจัดสรรให้แก่ราชการส่วนท้องถิ่น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2565
หมายเหตุ: เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ได้บัญญัติให้ผู้ขับรถยนต์ต้องได้รับใบอนุญาตให้ใช้รถยนต์จากนายทะเบียนไว้ โดยกำหนดเหตุผลของการอนุญาตขับรถยนต์ครอบไว้ด้วยข้อที่ไม่อาจปฏิบัติปรับปรุงได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วบางกรณีที่ผู้ขออนุญาตขับรถยนต์ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวได้ เช่น คนขับรถยนต์รับจ้างในเขตเทศบาลหรือในเขตหมู่บ้าน ซึ่งรถยนต์รับจ้างดังกล่าวใช้รถจักรยานยนต์รับจ้างไปโรงเรียนหรือใช้ในการกิจการอื่น ๆ เนื่องจากสถานศึกษายู่ห่างไกลจากบ้านมาก จึงการทำให้คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างดังกล่าวมีความผิด ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความยุติธรรมแก่ผู้ขออนุญาตขับรถจักรยานยนต์โดยไม่ต้องมีเหตุผลตามกฎหมายดังกล่าว จึงสมควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 เป็น พ.ศ. 2565
(1) ปีที่แล้ว ให้เสียในอัตราสายตามข้ออัตราภาษีที่กำหนดในบัญชีอัตราภาษีท้ายพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 (2) ปีที่สอง ให้เสียในอัตราสายตามข้ออัตราภาษีที่กำหนดในบัญชีอัตราภาษีท้ายพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 (3) ต่อไป ให้เสียในอัตราสายที่แสดงข้ออัตราภาษีท้ายพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ผู้ซึ่งได้แจ้งการเปลี่ยนแปลงตามวรรคหนึ่ง ไม่ต้องรับโทษสำหรับการไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๔
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกำหนดฉบับนี้ คือ โดยที่ในปัจจุบันมีการนำรถยนต์จำนวนมากไปใช้หรือเปลี่ยนไปใช้กับก๊าซหุงต้มซึ่งเป็นเชื้อเพลิง ทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยหรือก่อให้เกิดอันตรายในราชอาณาจักร ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้การเพิ่มจำนวนรถยนต์ที่ใช้ก๊าซหุงต้มเป็นเชื้อเพลิง และเพื่อป้องกันการประหยัดเชื้อเพลิงในราชอาณาจักรนำจำนวนเชื้อเพลิงดังกล่าวสมควรแก้ไขพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ และโดยที่เป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในอันที่จะรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกำหนดนี้ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การไม่อนุมัติพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ พ.ศ. ๒๕๕๐ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้เสนอขอให้รัฐสภาอนุมัติพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ พ.ศ. ๒๕๕๐ นั้น ในคราวประชุมรัฐสภาเป็นพิเศษ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๐ (สมัยสามัญ) วันพฤหัสบดีที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๐ ที่ประชุมได้ลงมติไม่อนุมัติ จึงประกาศตามความในมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๐
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากได้มีการอำนาจหน้าที่และกิจการบริหารงานราชการในส่วนภูมิภาคของกระทรวงคมนาคม โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์และกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ไปอยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมการขนส่งทางบก กระทรวงมหาดไทย และในส่วนที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการ และแก้ไขข้อขัดข้องการขนส่งทางน้ำอยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมการขนส่งทางบกของมหาดไทย มีอำนาจปรับเปลี่ยนปรับปรุงความคิดเห็นที่ไม่ปรับสอดคล้องกันได้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน นอกจากนี้ยังควรให้มีสภาพบังคับที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกที่มีขึ้นของเอกชนที่มีส่วนในการตรวจสภาพรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ครบถ้วน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๓๕
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ประเทศไทยได้ทำความตกลงกับประเทศในสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เกี่ยวกับข้อกำหนดเรื่องใบอนุญาตขับรถภายในประเทศที่ใช้ภายในแต่ละประเทศโดยที่ประเทศไทยออกทำความตกลงในด้านข้อตกลงกับประเทศอื่น ๆ ด้วย ซึ่งความตกลงดังกล่าวจะมีผลให้ผู้ขออนุญาตขับรถที่ออกโดยเจ้าหน้าที่ของเจ้าหน้าที่หรือ สมาคมนายจ้างที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลของประเทศในสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือจากรัฐบาลของประเทศที่ประเทศไทยมีความตกลงด้วย สามารถดำเนินอนุญาโตตุลาการรับจับกรณีประเทศไทยได้ ทั้งนี้ เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติของประเทศไทยหรือของต่างประเทศตามความตกลงดังกล่าว นอกจากนี้ เห็นสมควรกำหนดให้นายจ้างอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศสำหรับนายจ้างที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามพระราชบัญญัติการอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. ๒๕๔๕ และที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดในกฎกระทรวงการอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. ๒๕๖๕ ออกตามความในพระราชบัญญัติการอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. ๒๕๔๕ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ตามพระราชบัญญัติการอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. ๒๕๔๕ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๔๕
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถที่ออกให้ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ไม่อาจใช้ใบอนุญาตขับรถที่ออกให้ตามกฎหมายดังกล่าวขับรถยนต์ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ ได้ ซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักการและวัตถุประสงค์ของกฎหมายดังกล่าว สมควรกำหนดให้ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถยนต์ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ขับรถยนต์ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ ได้ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๔๕
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่กฎหมายว่าด้วยรถยนต์ในปัจจุบันได้กำหนดบทบัญญัติว่า “รถยนต์ส่วนบุคคล” ใช้เพื่อบุคคลและไม่สอดคล้องกับหลักการและวัตถุประสงค์ของกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก จึงสมควรแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับรถยนต์ส่วนบุคคลเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้นเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการเกี่ยวกับรถยนต์ส่วนบุคคลให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกและเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบการเสียส่วนแบ่งค่าธรรมเนียม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา - 4 - กฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก สมควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2544
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากในปัจจุบันมีผู้ประกอบการขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้าในลักษณะคนเดินไม่ใช่ทางของผู้กระทำการที่ผิดกฎหมายหรือสิ่งผิดกฎหมายอื่นนำมาใช้อย่างในประเทศด้วย แต่โดยที่พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มิได้กำหนดอัตราภาษีประจำปีสำหรับลักษณะดังกล่าวไว้ สมควรกำหนดอัตราภาษีประจำปีสำหรับรถลักษณะดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2544
ให้แก้ไขคำว่า “รถยนต์” “รถจักรยานยนต์” และ “เครื่องยนต์” ในพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติมเป็นคำว่า “รถยนต์” “รถจักรยานยนต์” และ “เครื่องยนต์” ทุกแห่ง
ให้แสดงทะเบียนรถที่กรมการขนส่งทางบกพร้อมทั้งนำรถมารายการหรืออะไร ณ ที่ทำการนายทะเบียนและแสดงหนังสือรับรองการดำเนินการตามกฎหมายในวันเริ่มต้นพระราชบัญญัตินี้บังคับ
ให้เจ้าของรถที่มีการดำเนินการตามกฎหมายในกรณีการขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้าหรือแบบอื่นๆที่ไม่ใช่เครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิง (ข) โดยให้เจ้าของรถนำรถไปแสดง ณ ที่ทำการนายทะเบียนและแสดงหนังสือรับรองการดำเนินการตามกฎหมายในวันเริ่มต้นพระราชบัญญัตินี้บังคับ
เจ้าของรถที่มิได้ดำเนินการตาม (ข) ต้องเสียค่าธรรมเนียมพร้อมทั้งค่าปรับหรือเงินเพิ่มตามที่กำหนดในกฎหมาย ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ (ลงชื่อ) บรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานานแล้ว สมควรปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
เมื่อครบกำหนดระยะเวลาตาม (๓) รถที่ค้างชำระภาษีประจำปีตั้งแต่สามปีขึ้นไป หรือรถที่ค้างชำระภาษีประจำปีไม่ถึงสามปี แต่มีความชำรุดทรุดโทรมอันอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน ให้เจ้าของรถส่งมอบแผ่นป้ายทะเบียนรถและนำคู่มือจดทะเบียนรถส่งมอบต่อนายทะเบียนตามความใน (๔) ให้ดำเนินการตามมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้บังคับ
การขอใบแทนใบอนุญาตขับรถตลอดชีพ ให้เป็นมาตรา ๔๕ แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาใช้บังคับโดยอนุโลม และให้คิดค่าธรรมเนียมฉบับละหนึ่งร้อยบาท
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากบัญญัติการตัดทะเบียนรถเพื่อให้เป็นการลดภาระและช่วยเหลือเจ้าของรถที่ไม่มีหลักฐานคืนแผ่นป้ายทะเบียน รวมทั้งผู้ครอบครองรถซึ่งหลักเลี่ยงการชำระภาษีประจำปี ทำให้ค่าประจำปีค้างชำระเพิ่มขึ้นทุกปี สมควรกำหนดให้การประมูลหมายเลขทะเบียนซึ่งเป็นที่นิยม จึงสมควรแก้ไขปัญหาการปฏิบัติ และช่วยเหลือประชาชนให้สามารถชำระภาษี ตลอดจนปรับปรุงบทบัญญัติที่เกี่ยวกับการขอใบแทนใบอนุญาตขับรถอย่างจริงจัง และปรับปรุงอายุใบอนุญาตขับรถให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2549
ผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ที่ได้ออกให้ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ถ้าประสงค์จะขอรับใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล ให้ยื่นคำขอใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลตามมาตรา 43 (6/1) แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้พร้อมด้วยเอกสารหรือหลักฐานตามที่กำหนดในระเบียบที่ได้กำหนดไว้ให้ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ดังกล่าวแทนได้
ให้ประสงค์จะขอรับใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล ให้ยื่นคำขอใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลตามมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้พร้อมด้วยเอกสารหรือหลักฐานตามที่กำหนดในระเบียบที่ได้กำหนดไว้ให้ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ดังกล่าวแทนได้
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัตินี้ คือ เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ใช้ร่วมกันโดยสารเพื่อสิ่งจำเป็นในด้านการเดินทาง แต่กฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่มีบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับการควบคุมการขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างโดยสาร สมควรกำหนดให้มีบทบัญญัติในส่วนดังกล่าว เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และปลอดภัยแก่คนโดยสาร นอกจากนั้น สมควรกำหนดให้ยานยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกินสิบปีอยู่ในอายุขับขี่ตรวจสอบความปลอดภัยและต้องทำการต่ออายุใบอนุญาตขับขี่ให้เป็นไปตามบทบัญญัติที่ได้ปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2549
หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงมีความผันผวนสูงต่อเนื่อง รวมทั้งมีความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา และเพื่อให้การจัดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีความเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และเพื่อประหยัด และการใช้พลังงานสะอาดเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมทั้งปัจจัยอื่นที่มีผลกระทบต่อการจัดหาพลังงานไฟฟ้าทดแทนเชื้อเพลิงดีเซลที่มีต้นทุนสูงในประเทศให้เพียงพอและต่อเนื่องเพื่อให้มีการส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างเหมาะสมและคุ้มค่า และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสามารถดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของประเทศ สมควรส่งเสริมการใช้พลังงานไฟฟ้าจากลมและก๊าซหุงต้มให้เพียงพอสำหรับการบริโภคเหล่านี้เป็นการเฉพาะ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติกองทุนพลังงาน (ฉบับที่ ๑๔) พ.ศ. ๒๕๕๔
หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่สภาวะวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบันทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ หรือมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น วิกฤตการณ์ทางการเงิน วิกฤตการณ์ทางการคลัง หรือวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจอื่น ๆ และเพื่อให้สามารถจัดสรรงบประมาณลงทุนในโครงการที่มีความสำคัญและจำเป็นเร่งด่วนได้ทัน โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เช่น การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่ง การพัฒนาระบบสาธารณูปโภค และระบบสาธารณูปการ รวมทั้งพลังงานทดแทน และรถยนต์สาธารณะ รถยนต์บริการ และรถยนต์ส่วนบุคคล รวมทั้งรถบรรทุก รถบัส รถยนต์เทรลเลอร์ เป็นต้น ซึ่งทรัพย์สินมีมูลค่าสูงแต่ไม่สามารถจดทะเบียนจำนวนเป็นประกันที่ได้ตามกฎหมาย ในกรณีที่ต้องใช้เป็นประกันหรือจัดใช้วิธีการโอนขายฝากหรือทำเป็นสัญญาเช่าซื้อซึ่งมีผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจและค่าความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศ สมควรปรับปรุงกฎหมายให้เหมาะสมกับสถานการณ์และความจำเป็นดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติกองทุนพลังงาน (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๕๔
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากปัจจุบันได้มีการปรับปรุงการบริหารราชการ ทำให้หน่วยงานของรัฐบางหน่วยงาน มีลักษณะเป็นนิติบุคคล หรือหน่วยงานที่มีอยู่เดิม อาทิหน่วยงานทางการทูตตามกฎหมายว่าด้วยการปรับเปลี่ยนฐานะหรือรูปแบบการดำเนินการใหม่ อันมีผลทำให้หน่วยงานดังกล่าว มิได้อยู่ในบังคับของกรม กอง หรือหน่วยงานตามที่กฎหมายกำหนดให้มีการชำระค่าธรรมเนียมและค่าภาษีประจำปี อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหน่วยงานที่เกิดขึ้นหรือปรับเปลี่ยนใหม่มีลักษณะเป็นหน่วยงานของรัฐ สมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายดังกล่าวเพื่อให้รถของหน่วยงานดังกล่าวได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมและค่าภาษีประจำปี จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2545
ให้เจ้าของรถยนต์นำรถยนต์นั้นมาทำการจดทะเบียนรถตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ในวันที่เจ้าของรถชำระค่าภาษีประจำปีของรถยนต์นั้นครั้งแรกหลังจากวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ โดยยกเว้นค่าธรรมเนียมที่พึงชำระสำหรับการดำเนินการดังกล่าว
รถที่ยึดตามวรรคหนึ่ง และได้มีการจัดการขายทอดตลาดรถนั้นแล้ว ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้เจ้าทะเบียนยึดคืนไปขายและเรียบเรียงเงินในกรณีที่ขอรับคืน ในกรณีที่พนักงานตรวจสอบและดำเนินการในราชการของเจ้าทะเบียนยึดคืนไปขายรถนั้น ให้ถือว่าการขายรถดังกล่าวให้แก่การขายทอดตลาดรถนั้น และเมื่อได้หักค่าภาษี ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายในการยึดและขายรถแล้ว ให้นำเงินส่วนที่เหลือจากการขายทอดตลาดรถนั้นส่งเป็นรายได้แผ่นดิน
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานาน สมควรปรับปรุงบทบัญญัติบางประการเสียใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีและสภาวการณ์ในปัจจุบัน รวมทั้งเพื่อให้การควบคุมการใช้รถยนต์และการจดทะเบียนรถยนต์ตลอดจนเพื่อให้การอำนวยความสะดวกแก่ผู้ปฏิบัติงานและประชาชนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเพื่อให้การจัดเก็บภาษีรถยนต์เป็นไปอย่างเหมาะสม จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ๑๘) พ.ศ. ๒๕๖๒
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดค่าธรรมเนียมตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจและการพัฒนาของประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา รวมทั้งเพื่อให้การจัดเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นไปอย่างเหมาะสม และเพื่อให้การดำเนินการของกรมการขนส่งทางบกมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และสอดคล้องกับสภาวการณ์ดังกล่าว เพื่อให้ประเทศไทยสามารถปฏิบัติตามพันธกรณีในกรอบความตกลงระหว่างประเทศ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ วิรพงษ์/จัดทำ ๗ มกราคม ๒๕๖๒ พิมพ์บทความ/เพิ่มเติม ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ปริญสิริย์/ตรวจ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ภูมิศักดิ์/ปรับปรุง ๙ เมษายน ๒๕๖๒ วิศิษ/ตรวจ ๑๓ เมษายน ๒๕๖๒