로고

ในพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สังวาลย์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เป็นปีที่ ๒๑ ในรัชกาลปัจจุบัน พระมหากษัตริย์โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาร่างรัฐธรรมนูญใน

ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๙

โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายเพื่อควบคุมสถานบริการบางประเภท

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ.

๒๕๐๙"

มาตรา ๒[1] พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับทั่วราชอาณาจักร เว้นแต่จังหวัดพระตะบองและจังหวัด

ธนบุรี ซึ่งให้ใช้บังคับเมื่อมีประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้บังคับใช้ และเมื่อมีผลใช้บังคับใน ท้องที่อื่นใดอีก ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา

มาตรา ๓[2] ในพระราชบัญญัตินี้

"สถานบริการ"[3] หมายความว่า สถานที่ที่ตั้งขึ้นเพื่อให้บริการโดยหวัง ประโยชน์ในทางการค้า ดังต่อไปนี้

(ก)

สถานเต้นรำ รำวง หรือรองเง็ง เป็นนิตย์ธุระประเภทธุระประเภทที่ ไม่มีผู้บริการ

(ข)

สถานที่ที่มีอาหาร สุรา น้ำชา หรือเครื่องดื่มอย่างอื่นจำหน่ายและ บริการ โดยมีผู้บำเรอสำหรับปรนนิบัติลูกค้า

(ค)

[4] สถานอาบน้ำ นวด หรืออบตัว ซึ่งมีผู้บริการให้แก่ลูกค้า แต่ไม่รวม ถึง

(ก)

สถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล

(ข)

สถานประกอบการเพื่อสุขภาพตามกฎหมายว่าด้วยสถาน ประกอบการเพื่อสุขภาพ หรือ

(ค)

สถานที่อื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ``` (d) สถานที่ที่มีอาหาร สุรา หรือเครื่องดื่มอย่างอื่นจำหน่ายหรือให้บริการ โดยมีรูปแบบอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้

(ก)

มีดนตรี การแสดงดนตรี หรือการแสดงอื่นใดเพื่อการบันเทิงและ ยินยอมหรือปล่อยละเลยให้มีการร้อง นักแสดง หรือพนักงานอื่นใดนั่งกับลูกค้า

(ข)

มีการจัดอุปกรณ์การร้องเพลงประกอบดนตรีให้แก่ลูกค้า โดยจัด ให้มีผู้บริการขับร้องเพลงกับลูกค้า หรือยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้พนักงานนั่งกับ ลูกค้า

(ค)

มีการเต้นรำยินยอมให้มีการเต้นรำ หรือจัดให้มีการเต้น เช่น การเต้นบนเวทีหรือการเต้นบริเวณโต๊ะอาหารหรือเครื่องดื่ม

(ง)

มีลักษณะของสถานที่ การจัดแสงหรือเสียง หรืออุปกรณ์อื่นใด ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

(ฉ)

สถานที่ที่มีอาหาร สุรา หรือเครื่องดื่มอย่างอื่นจำหน่าย โดยจัดให้มี การแสดงดนตรีหรือการแสดงอื่นใดเพื่อการบันเทิง ซึ่งเปิดทำการหลังเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา

(ช)

สถานที่อื่นนอกเหนือจากที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๔ สถานบริการตามมาตรา ๓ (๕) หมายความว่า ความผิดตามกฎหมายว่า ด้วยยาเสพติดให้โทษ กฎหมายว่าด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท กฎหมายว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายอื่นใดที่กระทบต่อการปฏิบัติราชการ ของพนักงานเจ้าหน้าที่

“พนักงานเจ้าหน้าที่” สำหรับกรุงเทพมหานคร หมายความถึง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในจังหวัดอื่น หมายความถึง ผู้ว่าราชการจังหวัด

มาตรา ๕ (๖) ห้ามมิให้ผู้ใดตั้งสถานบริการ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจาก พนักงานเจ้าหน้าที่

ในการพิจารณาอนุญาต ให้พนักงานเจ้าหน้าที่คำนึงถึงประวัติการกระทำ ความผิดต่อกฎหมายของผู้ขออนุญาตสถานบริการประกอบด้วย หลักเกณฑ์และวิธีการขออนุญาตและการอนุญาตตามวรรคหนึ่งและหลัก เกณฑ์เกี่ยวกับประวัติการกระทำความผิดต่อกฎหมายของผู้ขออนุญาตสถานบริการตาม วรรคสอง รวมทั้งการต่ออายุใบอนุญาตและการอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาต ให้เป็นไป ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๔ ทวิ (๗) (ยกเลิก)

มาตรา ๖ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงมหาดไทยเห็นสมควรอาจกำหนดเขตอันเป็นลักษณะดังในข้อ ๓ ที่มิให้มี การอนุญาตตั้งสถานบริการตามมาตรา ๕ ก็ให้กระทำได้โดยตราเป็นพระ ราชกฤษฎีกา

มาตรา ๗ ผู้ขออนุญาตตั้งสถานบริการตามมาตรา ๕ ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้

``` ```

(๑)

อายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์

(๒)

ไม่เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรม

(๓)

ไม่เป็นผู้วิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ

(๔)

ไม่เป็นผู้ป่วยด้วยโรคติดต่ออันเป็นที่รังเกียจของสังคม โรคพิษสุราเรื้อรัง หรือโรคอันเป็นที่รังเกียจทั่วไปอย่างร้ายแรง

(๕)

ไม่เป็นผู้เคยต้องรับโทษในความผิดเกี่ยวกับเพศตามประมวลกฎหมายอาญา ในความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการค้ามนุษย์ ตามกฎหมายว่าด้วยการปราบการทำให้แพร่หลายและการค้าสื่อลามก หรือกฎหมายว่าด้วยการปราบการค้าประเวณี ในกรณีที่มีลักษณะต้องห้ามของบุคคลตั้งสถานบริการ ผู้แทนของนิติบุคคลนั้นต้องมีคุณสมบัติและความในวรรคก่อน

มาตรา ๗ อาคาร หรือสถานที่ที่ขออนุญาตตั้งเป็นสถานบริการตามมาตรา ๔ ต้อง

(๑)

ไม่อยู่ใกล้เคียงวัด สถานที่สำหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา โรงเรียน หรือสถานศึกษา โรงพยาบาล สถานพยาบาลสำหรับผู้ป่วยโรคจิต สถานสงเคราะห์ หรือหอพักตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก ในกรณีที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงความใกล้เคียงหรือระยะห่างตามที่กำหนดในกฎกระทรวงได้ ให้พิจารณาถึงความเหมาะสมของสถานที่ตั้ง

(๒)

มีทางเข้าออกสะดวก

มาตรา ๘ ถ้าอาคารหรือสถานที่ที่ขออนุญาตตั้งสถานบริการตามมาตรา ๔ เป็นของผู้อื่น ในใบขออนุญาตตั้งสถานบริการ ผู้ขออนุญาตต้องมีหนังสือแสดงว่าได้รับความยินยอมจากเจ้าของอาคารหรือสถานที่นั้น

มาตรา ๙ เมื่อได้รับใบอนุญาตตั้งสถานบริการ ให้เจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจกำกับดูแลกิจการตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๑๐ ใบอนุญาตตั้งสถานบริการให้ใช้ได้ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคมของปีที่ออกใบอนุญาต

ผู้รับอนุญาตตั้งใบอนุญาตต้องขอต่ออายุใบอนุญาต ต้องยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุไม่น้อยกว่าสามสิบวัน ระยะเวลาการต่อใบอนุญาตให้อยู่ในดุลพินิจของเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจกำกับดูแลกิจการตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๑๑ (๑) ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการที่ไม่ขอต่อใบอนุญาต หรือไม่ได้ต่ออายุใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในกรณีที่ครบกำหนด ผู้ขออนุญาตหรือผู้ต่ออายุใบอนุญาตสิ้นสิทธิ์ต่ออายุใบอนุญาตดังกล่าว ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้ขออนุญาตหรือผู้ต่ออายุใบอนุญาตมีสิทธิ์อุทธรณ์ต่ออธิบดีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย หรือผู้ที่อธิบดีกรมการปกครองมอบหมายให้พิจารณาในกำหนด

``` สามสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือจากเจ้าหน้าที่แจ้งการไม่อนุญาต หรือไม่ต่ออายุใบอนุญาต คำวินิจฉัยของอธิบดีกรมตำรวจหรือปลัดกระทรวงมหาดไทย แล้วแต่กรณี ให้เป็นที่สุด หนังสือของเจ้าหน้าที่ตามที่กล่าวมาในวรรคแรก ต้องแสดงเหตุผลในการไม่ออกใบอนุญาต หรือไม่ต่ออายุใบอนุญาตให้ผู้ขออนุญาตด้วย

มาตรา ๑๒ ในกรณีใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการถูกยกเลิกหรือถูกถอน ให้ผู้รับอนุญาตจัดการการธุรกิจภายในสถานบริการให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาตามที่กำหนดในใบอนุญาตฉบับสุดท้ายหรือคำวินิจฉัยของศาล

มาตรา ๑๓ ห้ามมิให้ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการย้าย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกสถานบริการ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าหน้าที่

มาตรา ๑๔ ให้ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการจัดทำบัตรประวัติของพนักงานเริ่มเข้าทำงานในสถานบริการ

ในกรณีที่รายการในบัตรประวัติเปลี่ยนแปลงไป ให้ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการแจ้งการเปลี่ยนแปลงภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง การจัดทำ การเก็บรักษา และการแจ้งการเปลี่ยนแปลงบัตรประวัติ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง การแจ้งการเปลี่ยนแปลงรายการในบัตรประวัติ ต้องไม่ระบุเหตุที่พนักงานต้องแจ้งการเกิดความเปลี่ยนแปลงในบัตรนั้น

มาตรา ๑๕ ในกรณีบัตรประวัติซึ่งเก็บรักษาไว้ ณ สถานบริการถูกทำลาย หรือสูญหายในสาระสำคัญ ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการต้องจัดทำบัตรประวัติใหม่ภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันที่บัตรสูญหาย ถูกทำลาย หรือสูญหายในสาระสำคัญ และให้ทำความในมาตรา ๑๔ วรรคแรก มาใช้บังคับโดยอนุโลม

มาตรา ๑๖ ห้ามมิให้ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการ

(๑)

รับผู้เยาว์อายุต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์เข้าทำงานในสถานบริการ

(๒)

ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้ผู้มีอาการมึนเมาจนประพฤติวุ่นวาย หรือควรสงสัยได้ว่าเป็นโรคอุจจาระร่วงในสถานบริการพำนักในสถานบริการ

(๓)

ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้ผู้มีอาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด หรือสิ่งอื่นใดซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของผู้อื่นนำสิ่งนั้นเข้ามาในสถานบริการ

(๔)

ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้ผู้ไม่มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดูแลสถานบริการนั้นพกอาวุธเข้ามาในสถานบริการ

(๕)

ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานบริการ (5) ยินยอมหรือปล่อยปลดปล่อยโดยให้มีการนำอาวุธเข้าไปในสถานบริการ เว้นแต่เป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ในเครื่องแบบเข้าไปเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย

มาตรา 15(11) ห้ามมิให้ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการยินยอมหรือปล่อย ปละละเลยให้ผู้มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์เข้าไปทำงานในสถานบริการนั้นเข้าไปในสถาน บริการระหว่างเวลาทำการ

เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการ ตรวจเอกสารราชการที่มีภาพถ่ายและระบุอายุของผู้ที่จะเข้าไปในสถานบริการ ในกรณีที่ผู้ซึ่งจะเข้าไปในสถานบริการไม่ยินยอมให้ตรวจเอกสารราชการ หรือไม่มีเอกสารราชการและเข้าไปในสถานบริการ ให้ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการแจ้งให้ เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบโดยพลัน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบและหลักเกณฑ์และวิธีการในการแจ้งและ การรับแจ้งให้เป็นไปตามที่กระทรวงมหาดไทยประกาศกำหนด ในการดำเนินการตามกระบวนการตรวจสอบหรือรวบรวม ผู้รับอนุญาตตั้งสถาน บริการจะมอบหมายให้พนักงานของสถานบริการเป็นผู้ดำเนินการแทนก็ได้

มาตรา 16(12) ห้ามมิให้ผู้ใดนำอาวุธเข้าไปในสถานบริการ เว้นแต่ผู้เป็น เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในเครื่องแบบเข้าไปเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย

มาตรา 17(13) ในกรณีที่ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการพบหรือมีเหตุอัน ควรสงสัยว่า ผู้มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์จะเข้าไปหรือรองลงไปได้เข้าไปหรืออยู่ใน สถานบริการซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลดังกล่าวหรือบุคคลอื่น ให้ผู้รับอนุญาต ตั้งสถานบริการแจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบทราบโดยพลัน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบและ หลักเกณฑ์และวิธีการในการแจ้งและการรับแจ้งให้เป็นไปตามที่กระทรวงมหาดไทยประกาศ กำหนด

การแจ้งตามวรรคหนึ่ง ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการจะมอบหมายให้ พนักงานของสถานบริการเป็นผู้แจ้งแทนก็ได้

มาตรา 18(14) การกำหนดวันเวลาปิดของสถานบริการ การจัดสถาน ที่ภายในสถานบริการ และการจัดการอื่นใดเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อความสงบเรียบร้อยหรือเพื่อความ สะดวกในการตรวจตราของเจ้าหน้าที่ การกำหนดให้บริการให้พนักงานติดหมายเลข ประจำตัวในสถานบริการ ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา 19(15) ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการตามมาตรา 9 (9) จะจัดให้มี สุรา น้ำชา หรือเครื่องดื่มอย่างอื่นจำหน่าย หรือจัดให้มีการแสดงเต้นรำหรือการแสดงอื่นใด ภายในสถานบริการด้วยก็ได้

มาตรา 20(16) เพื่อประโยชน์ในการแสดงและการแสดงเต้นรำใน สถานบริการตามมาตรา 19 ให้ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการจัดให้มีการตรวจสอบการแสดง ให้มี ลีลาวิธีและวัฒนธรรมอันดีงามและไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน

มาตรา 21 ในกรณีที่ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการตายหรือสิ้นสภาพการเป็น นิติบุคคล ผู้จัดการมรดก ทายาทหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้จัดการมรดก ทายาทหรือผู้ซึ่ง ได้รับมอบหมายจากผู้จัดการมรดก ทายาทหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้จัดการมรดก ทายาทหรือผู้ซึ่ง ได้รับมอบหมายจากผู้จัดการมรดก

มาตรา 26[17] ในกรณีที่ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการควบคุมสมบัติ หรือเมื่อสถานบริการใดดำเนินการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้มีการจำหน่ายสุราหรือกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานบริการ หรือดำเนินกิจการโดยไม่ปฏิบัติตามหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ หรือกฎกระทรวงหรือตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในอำนาจหรือสั่งพักใช้ใบอนุญาต หรือสั่งพักการดำเนินงานได้ โดยให้ดำเนินการดังต่อไปนี้เพื่อระงับการกระทำความผิด

การสั่งพักใช้ใบอนุญาต ให้สั่งพักได้ ดังต่อไปนี้

(ก)

กรณีดำเนินกิจการสถานบริการโดยไม่ปฏิบัติตามหรือฝ่าฝืนมาตรา 14 มาตรา 16 มาตรา 19 (2) หรือ (3) หรือกฎกระทรวงมาตรา 21 เฉพาะในส่วนที่ไม่ใช่กำหนดวันเวลาเปิดสถานบริการ ให้สั่งพักได้ครั้งละไม่เกินสามสิบวัน

(ข)

กรณีดำเนินกิจการสถานบริการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้มีการจำหน่ายสุราหรือกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานบริการ หรือดำเนินกิจการสถานบริการโดยไม่ปฏิบัติตามหรือฝ่าฝืนมาตรา 9 มาตรา 11 (3) (4) (5) หรือ (6) มาตรา 20 มาตรา 22 มาตรา 23 มาตรา 24 หรือกฎกระทรวงมาตรา 21 เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับกำหนดวันเวลาเปิดสถานบริการ ให้สั่งพักได้ครั้งละไม่เกินหกสิบวัน หลักเกณฑ์ในการพิจารณาการสั่งพักใบอนุญาตให้พิจารณาถึงสิ่งที่สั่งหรือไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกหรือการจัดการที่เหมาะสมเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำความผิด รวมทั้งการกำหนดเงื่อนไขในการสั่งพักใช้ใบอนุญาตให้เป็นไปตามที่กระทรวงมหาดไทยประกาศกำหนด ในกรณีที่ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการควบคุมสมบัติสั่งพักให้หรือเพิกถอนใบอนุญาตตามมาตรา 26 หากอุทธรณ์โดยเหตุอันควรหรือ (1) ให้การอุทธรณ์เป็นการขัดขวางบังคับตามคำสั่งให้หรือเพิกถอนใบอนุญาตนั้น หากอุทธรณ์โดยเหตุอันควรครบสอง (2) หรือเหตุอื่น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่เป็นผู้สั่งการหรือเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่บังคับตามคำสั่งให้หรือเพิกถอนใบอนุญาตนั้น แต่ยังมีสิ่งที่ยังค้างคาในเรื่องนั้นเพิ่มเติมได้ รับคำร้องให้แก้การบังคับ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องส่งคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่มีสิ่งค้างใดให้ถือว่าเจ้าพนักงานการบังคับตามคำสั่งให้หรือเพิกถอนใบอนุญาตในฐานะอนุญาตนั้น ระยะเวลาในการพิจารณาการสั่งพักใช้ใบอนุญาต ผู้มีผู้มีอำนาจพิจารณาควรมีมติแจ้งต่อผู้รับอนุญาตในระยะเวลาที่เหมาะสมและไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องหรือคำสั่งของเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ ระยะเวลาที่กำหนดในวรรคหนึ่งให้นับรวมถึงระยะเวลาที่ผู้รับอนุญาตได้ยื่นคำร้องหรือคำสั่งของเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนั้นเพิ่มเติมได้ แต่ต้องไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องหรือคำสั่งของเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่

มาตรา 27 ในกรณีที่ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการควบคุมสมบัติไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 26 ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งปิดสถานบริการนั้นเป็นการชั่วคราวได้

``` คำวินิจฉัยของอธิบดีกรมตำรวจหรือปลัดกระทรวงมหาดไทย แล้วแต่กรณี ให้เป็นที่สุด

มาตรา ๒๓ ก่อนครบกำหนดหกสิบวันนับแต่วันที่ผู้ถูกพักถอนใบอนุญาตผู้หนึ่งผู้ใดจะยื่นคำขอรับใบอนุญาตเพื่อตั้งสถานบริการ ณ สถานที่เดียวกันนั้นไม่ได้

มาตรา ๒๔[๑๙] เมื่อพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจผู้ใหญ่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามีเหตุอันควรเชื่อหรือสงสัยว่ามีการทำลาย หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือระเบียบปฏิบัติที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงหรือออกตามพระราชบัญญัตินี้ในสถานบริการแห่งใด ให้เจ้าพนักงานนั้นมีอำนาจเข้าไปตรวจภายในสถานบริการนั้นได้ในเวลาใด ๆ

ในการปฏิบัติหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง ให้เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจตรวจแสดงบัตรประจำตัวต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง

มาตรา ๒๕[๒๐] ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการ ผู้ดำเนินกิจการ ลูกจ้างหรือคนรับใช้ของสถานบริการ ผู้ใดสามารถให้ความสะดวกแก่เจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามมาตรา ๒๔ แต่ไม่ยอมให้ความสะดวกแก่เจ้าพนักงานหรือขัดขวาง ย่อมจะมีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๒๕ ทวิ[๒๑] (ยกเลิก)

มาตรา ๒๖[๒๒] ผู้ตั้งหรือสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือดำเนินกิจการสถานบริการนอกเหนือจากที่ได้รับใบอนุญาต หรือฝ่าฝืนเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในใบอนุญาตในสถานบริการ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๒๖ ทวิ[๒๓] (ยกเลิก)

มาตรา ๒๗[๒๔] ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๙ มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๕ มาตรา ๑๖ (๑) (๒) (๓) หรือ (๔) มาตรา ๑๖/๑ วรรคหนึ่ง หรือกฎกระทรวงตามมาตรา ๑๗ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นเงินไม่เกินห้าหมื่นบาท*

(*มาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัตินี้ได้มีการปรับปรุงโดยการปรับปรุงเป็น พ.ศ. ๒๕๕๘ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดตามที่กำหนดในวรรคเดียวกันเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับตามบัญญัตินี้เป็นอัตราปรับขั้นต่ำ)

มาตรา ๒๗ ทวิ[๒๕] ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๖ หรือมาตรา ๑๖/๒ หรือ (๑) วรรคสองต้องชำระค่าปรับเป็นเงินไม่เกินห้าหมื่นบาท*

(*มาตรา ๑๖/๒ แห่งพระราชบัญญัตินี้ได้มีการปรับปรุงโดยการปรับปรุงเป็น พ.ศ. ๒๕๕๘ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดตามที่กำหนดในวรรคเดียวกันเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับตามบัญญัตินี้เป็นอัตราปรับขั้นต่ำ)

มาตรา ๒๗ ตรี[๒๖] ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๙/๑ วรรคสองหรือวรรคสี่ หรือมาตรา ๑๙/๒ มีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นเงินไม่เกินห้าหมื่นบาท*

``` ผู้ใดเข้าไปในสถานบริการโดยไม่มีหรือไม่ยอมให้ตรวจเอกสารราชการตามมาตรา ๑๖/๑ วรรคสาม มีความผิดตามพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นเงินไม่เกินห้าพันบาท* (*มาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัตินี้กำหนดว่าอัตราการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี่ยนความผิดอาญาที่ไม่ร้ายแรงบางประเภทเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญานั้นถือว่าเป็นพินัย)

มาตรา ๒๗/๒๗ ผู้ใดบุกรุกเข้าไปในสถานบริการโดยฝ่าฝืนมาตรา ๑๖/๒ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ในกรณีที่อาวุธตามวรรคหนึ่งเป็นอาวุธปืน ผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งถึงห้าปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีที่อาวุธตามวรรคหนึ่งเป็นวัตถุระเบิดหรืออาวุธสงคราม ผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาลงโทษตามวรรคหนึ่ง วรรคสอง หรือวรรคสาม ให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบอาวุธนั้นด้วย

มาตรา ๒๗/๒๘ ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๔ หรือผู้ใดให้ความเห็นชอบให้บุคคลที่ไม่มีใบอนุญาตบริการเข้าไปในสถานบริการ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๒๗/๒๙ ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดเป็นผู้จัดการทำความผิดของตนเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของอาวุธสงคราม หรือผู้จัดการหรือบุคคลใดรับผิดชอบในการดำเนินงานของบุคคลนั้น หรือในกรณีที่บุคคลดังกล่าวมีหน้าที่ต้องสั่งการหรือควบคุมการและยังไม่มีสั่งการหรือไม่ควบคุมเป็นเหตุให้เกิดบุคคลนั้นกระทำความผิด ผู้ฝ่าฝืนต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย

มาตรา ๒๙ เมื่อพระราชบัญญัตินี้ได้ใช้บังคับในท้องที่ใด ให้ผู้ตั้งสถานบริการตามมาตรา ๓ (๑) (๒) หรือ (๓) อยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับในท้องที่นั้น ดำเนินกิจการต่อไปได้แม้ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการนั้นจนกว่าจะครบกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับในท้องที่นั้น โดยยื่นคำร้องขอรับใบอนุญาตต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นภายในหกสิบวัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับในท้องที่นั้น

ให้ผู้ยื่นคำร้องตามมาตรา ๓ (๔) อยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับในท้องที่นั้น ยื่นคำร้องขอรับใบอนุญาตภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับในท้องที่นั้น

มาตรา ๓๐ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่และออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ยกเว้นในส่วนที่ระบุให้เป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอื่น

กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ จอมพล ถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี อัตราค่าธรรมเนียม

(๑)

ใบอนุญาตตั้งสถานบริการ ฉบับละ ๕๐,๐๐๐ บาท

(๒)

ใบแทนใบอนุญาตตั้งสถานบริการ ฉบับละ ๙,๐๐๐ บาท

(๓)

การต่ออายุใบอนุญาตตั้งสถานบริการ ครั้งละ ๑๐,๐๐๐ บาท ในการออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียม จะกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมให้แตกต่างกัน โดยคำนึงถึงลักษณะ ขนาด หรือประเภทของสถานบริการก็ได้ จริยา / Maker 6 ตุลาคม 2566 สุภาทิพย์ / Checker 11 ตุลาคม 2566 สุภาทิพย์ / Authorizer 25 ตุลาคม 2566 (1) ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๘๔/ตอนที่ ๔๘/หน้า ๒๖๒/๔ ตุลาคม ๒๕๐๗ (2) มาตรา ๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๒ (3) มาตรา ๓ นิยามคำว่า “สถานบริการ” แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๙ (4) มาตรา ๓ นิยามคำว่า “สถานบริการ” (๓) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๐ (5) มาตรา ๓ นิยามคำว่า “ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด” เพิ่มโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๐ (6) มาตรา ๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๙ (7) มาตรา ๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๐ (8) มาตรา ๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๐ (9) มาตรา ๑๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๙ (10) มาตรา ๑๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๐

มาตรา ๑๑/๑ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๐

มาตรา ๑๑/๒ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๐

มาตรา ๑๑/๓ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๐

มาตรา ๑๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘

มาตรา ๑๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙

มาตรา ๒๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙

มาตรา ๒๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๐

มาตรา ๒๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๐

มาตรา ๒๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๐

มาตรา ๒๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๐

มาตรา ๒๕ หรือ ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๐

มาตรา ๒๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๐

มาตรา ๒๗ หรือ ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๐

มาตรา ๒๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๐

มาตรา ๒๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๐

มาตรา ๒๖/๑ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๐

มาตรา ๒๖/๒ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๐

มาตรา ๒๖/๓ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๐

มาตรา ๒๖/๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่เกี่ยวกับความรับผิดในทางอาญาของผู้แทนนิติบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๐