로고

ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. เป็นปีที่ ๗๐ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘

โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘"

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่บทบัญญัติแห่งส่วนที่ ๑๗ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับกับราชการอนุญาต การจดทะเบียนหรือการแจ้งที่มีบทกฎหมายหรือกฎกำหนดให้ต้องขออนุญาต จดทะเบียน หรือแจ้ง ก่อนจะดำเนินการใด

บทบัญญัติของกฎหมายหรือกฎใดที่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน

มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้

"เจ้าหน้าที่" หมายความว่า เจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง "อนุญาต" หมายความว่า การที่เจ้าหน้าที่ซึ่งมอบให้บุคคลใดกระทำการอย่างใดที่กฎหมายกำหนดให้ต้องได้รับความยินยอมก่อนกระทำการนั้น และให้หมายความรวมถึงการออกใบอนุญาต การอนุมัติ การจดทะเบียน การขึ้นทะเบียน การรับแจ้ง การให้ประกาศนียบัตรและการให้อาชญาบัตรด้วย "ผู้อนุญาต" หมายความว่า ผู้ซึ่งกฎหมายกำหนดให้มีอำนาจในการอนุญาต "พนักงานเจ้าหน้าที่" หมายความว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการอนุญาต "กฎหมายว่าด้วยการอนุญาต" หมายความว่า บรรดากฎหมายที่มีบทบัญญัติกำหนดให้การดำเนินการใดหรือการประกอบกิจการใดจะต้องได้รับอนุญาตก่อนจึงจะดำเนินการได้ "คำขอ" หมายความว่า คำขออนุญาต

มาตรา ๕ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับแก่

(ก)

รัฐสภาและคณะรัฐมนตรี

(ข)

การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลและการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ในกระบวนการพิจารณาคดี การจับกุม การค้น หรือการยึดทรัพย์

(ค)

การอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการพิจารณาพิพากษาคดีและการสอบสวน

(ง)

การอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

(จ)

การอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการทางทหารทางยุทธการ รวมทั้งตามกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมยุทธภัณฑ์ และกฎหมายว่าด้วยโรงงานผลิตอาวุธของกองทัพ การยกเว้นไม่ให้นำบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้มาใช้บังคับในการดำเนินกิจการใดหรือกับหน่วยงานใดนอกจากที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่ง ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา

มาตรา ๖ ทุกคำขอเป็นต้นไปซึ่งพระราชบัญญัตินี้บังคับใช้ ให้ผู้อนุญาตพิจารณาตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการอนุญาตหรือการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้มีมาตรการที่เหมาะสมในการอนุญาตหรือไม่ ทั้งนี้ ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องปรับปรุงกฎหมายหรือจัดให้มีมาตรการอื่นแทนให้เหมาะสมและเท่าที่จำเป็นเท่านั้น

ให้ผู้อนุญาตเสนอผลการพิจารณาต่อรัฐมนตรีที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีหรือจัดให้มีมาตรการอื่นแทนกฎหมาย ในกรณีที่เห็นว่าควรปรับปรุงกฎหมายหรือจัดให้มีมาตรการอื่นแทนกฎหมายดังกล่าว โดยให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเสนอผลการพิจารณาต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับผลการพิจารณา

มาตรา ๗ ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องกำหนดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขเกี่ยวกับการอนุญาต ผู้อนุญาตต้องจัดทำคู่มือสำหรับประชาชน ซึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วย หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข (ถ้ามี) ในการยื่นคำขอ

ขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาตและรายการเอกสารหรือหลักฐานที่ผู้ขออนุญาตจะต้องยื่นมาพร้อมคำขอ และจะกำหนดให้ส่งคำขอผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์แทนการยื่นคำขอด้วยตนเองก็ได้ คู่มือสำหรับประชาชนตามมาตรฐานที่ให้ไว้ในประเทศใด ณ สถานที่ที่กำหนดให้ยื่นคำขอ และเผยแพร่ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และเมื่อมีประชาชนประสงค์จะได้สำเนาคู่มือดังกล่าว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่จัดทำให้ โดยจะคิดค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นก็ได้ ในกรณีเช่นนั้นให้ระบุค่าใช้จ่ายดังกล่าวไว้ในคู่มือสำหรับประชาชนด้วย ให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการตรวจสอบขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาตที่กำหนดตามวรรคหนึ่งว่าเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมตามหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีหรือไม่ ในกรณีที่เห็นว่าขั้นตอนและระยะเวลาที่กำหนดดังกล่าวข้างต้นไม่เหมาะสมควรให้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและสั่งการให้ผู้ออกกฎหมายดำเนินการแก้ไขให้เหมาะสมโดยเร็ว เพื่อประโยชน์ในการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน ให้ส่วนราชการจัดให้มีศูนย์บริการร่วมเพื่อรับคำขอและแจ้งเรื่องราวร้องทุกข์ การอุทธรณ์คำสั่ง หรือให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการอนุญาตได้ ณ ที่เดียวกันกับแนวทางที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการกำหนด

มาตรา 8 ให้เป็นหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่ในการรับคำขอจะต้องตรวจสอบคำขอและรายการเอกสารหรือหลักฐานที่ยื่นมาพร้อมคำขอให้ถูกต้องครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในคู่มือสำหรับประชาชนตามมาตรา 7 แล้ว หรือในคำสั่งหรือในเอกสารหรือหลักฐานเพิ่มเติมครบถ้วนตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่แนะนำหรือสั่งการไปภายในวันที่ตามมาตรฐานกำหนดให้แล้วเสร็จ พนักงานเจ้าหน้าที่จะต้องเรียกเอกสารหรือหลักฐานเพิ่มเติมเป็นครั้งเดียวได้เท่านั้น และจะปฏิเสธการพิจารณาคำขออื่นโดยอ้างเหตุแห่งความไม่สมบูรณ์ของคำขอหรือการขาดเอกสารหรือหลักฐานที่ยื่นมาพร้อมคำขอไม่ได้ เว้นแต่เป็นกรณีที่มีความเปลี่ยนแปลงหรือความผิดพลาดที่เกิดจากการกระทำของผู้ยื่นคำขอหรือผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องในกรณีเช่นนั้นให้พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งให้ผู้ยื่นคำขอหรือผู้มีส่วนได้เสียทราบโดยเร็วเพื่อให้แก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อมูลหรือเอกสารหลักฐานให้ครบถ้วน และดำเนินการพิจารณาวินิจฉัยคำขอต่อไปโดยไม่ล่าช้า

มาตรา 9 ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอไม่แก้ไขใบคำขอหรือไม่ส่งเอกสารหรือหลักฐานเพิ่มเติมตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งให้ทราบหรือภายในวันที่ปรากฏในบันทึกที่จัดทำตามมาตรา 8 วรรคหนึ่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีคำสั่งให้ยุติคำขอพร้อมทั้งแจ้งเป็นหนังสือถึงเหตุแห่งการยุติคำขอนั้นด้วย

ผู้ยื่นคำขออาจอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อคณะกรรมการฯ ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองหรือยื่นคำขอใหม่ได้ แต่ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอไม่ยื่นคำขอใหม่ภายในระยะเวลาที่กำหนด ผู้ยื่นคำขอจะต้องดำเนินการใหม่ในระยะเวลาที่กำหนดไว้สำหรับประชาชนตามมาตรา 6

มาตรา 10 ผู้อนุญาตต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในคู่มือสำหรับประชาชนตามมาตรา 6 และแจ้งให้ผู้ยื่นคำขอทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่พิจารณาแล้วเสร็จ

เมื่อครบกำหนดเวลาตามที่ระบุไว้ในคู่มือสำหรับประชาชนตามมาตรา 6 แล้ว หากผู้อนุญาตยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ ให้แจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ยื่นคำขอทราบถึงเหตุแห่งความล่าช้าภายในเจ็ดวันนับจากวันที่ครบกำหนดแล้วเสร็จ พร้อมทั้งกำหนดระยะเวลาที่จะพิจารณาให้แล้วเสร็จต่อไป ในกรณีที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นกรณีที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง การขาดประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการของหน่วยงานของผู้อนุญาต ให้คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการรายงานต่อคณะรัฐมนตรีพร้อมให้เสนอแนะเพื่อให้การพัฒนาหรือปรับปรุงหน่วยงานหรือระบบการปฏิบัติราชการของหน่วยงานนั้น

มาตรา 11 ในกรณีที่มีกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือข้อบังคับใดออกใช้บังคับและมีผลให้ต้องเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข หรือรายละเอียดอื่นใดที่ปรากฏในคู่มือสำหรับประชาชนตามมาตรา 6 การเปลี่ยนแปลงเช่นว่านั้น มิให้ได้รับข้อกับการยื่นคำขอที่ยื่นไว้แล้วโดยชอบก่อนวันที่กฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือข้อบังคับดังกล่าวมีผลใช้บังคับ เว้นแต่กฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือข้อบังคับนั้นจะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นได้เท่านั้นในกรณีที่การเปลี่ยนแปลงนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ยื่นคำขอ

มาตรา 12 ในกรณีที่กฎหมายกำหนดอายุใบอนุญาตไว้ และถึงครบหรือการพิจารณาในการได้รับใบอนุญาตนั้นต้องพิจารณาเงื่อนไขหรือหลักเกณฑ์ที่ผู้ยื่นคำขอจะต้องปฏิบัติให้ครบถ้วนก่อนการอนุญาตหรือดำเนินการเกี่ยวข้องอื่น ๆ คณะรัฐมนตรีอาจกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตที่ยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตนั้นสามารถประกอบกิจการหรือดำเนินการตามใบอนุญาตนั้นต่อไปได้จนกว่าจะมีคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาต ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตที่ยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตนั้นไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง ให้ถือว่าผู้รับใบอนุญาตนั้นไม่มีสิทธิประกอบกิจการหรือดำเนินการตามใบอนุญาตนั้นตั้งแต่วันที่ครบกำหนดอายุใบอนุญาตโดยเร็ว และให้เพิกถอนใบอนุญาตดังกล่าวในกรณีที่ใบอนุญาตตามกฎหมายอื่น ๆ แล้ว การกำหนดให้รับใบอนุญาตซึ่งระยะกรรมเนียมต่ออายุใบอนุญาตแทนการอื่นๆ ต่ออายุใบอนุญาตตามวรรคหนึ่งให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวให้ระบุชื่อพระราชบัญญัติและประเภทของใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติดังกล่าวที่ผู้ขอใบอนุญาตตามดำเนินการตามวรรคหนึ่งได้ ก่อนตราพระราชกฤษฎีกาตามวรรคสอง ให้คณะรัฐมนตรีส่งร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวให้สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสามสิบวัน เมื่อพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวแล้วหากสภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภาไม่มีมติทักท้วง ให้ถือว่าการรับฟังความคิดเห็นของสภาผู้แทนราษฎรดังกล่าวต่อไป ให้เป็นหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการที่จะทำหรือดำเนินการเกี่ยวข้องกับการออกใบอนุญาต เพื่อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีในการดำเนินการตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง

มาตรา 13 ให้เป็นหน้าที่ของผู้ขออนุญาตที่จะต้องกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการตรวจสอบการประกอบกิจการหรือการดำเนินการของผู้ขออนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวทางดังกล่าว และให้เป็นหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่และผู้อนุญาตที่จะต้องตรวจสอบตามหลักเกณฑ์และแนวทางดังกล่าว

เมื่อมีมติให้มีความผิดหรือร้องทุกข์ หรือมีผลยกเลิกการประกอบกิจการหรือการดำเนินการของผู้ได้รับอนุญาต ไม่ว่าความสะดวกของพนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้อนุญาตจะมีหรือไม่ ให้เป็นหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่และผู้อนุญาตที่จะต้องตรวจสอบตามหลักเกณฑ์และแนวทางดังกล่าว ให้ศูนย์รับคำขออนุญาตตามวรรคหนึ่งมีฐานะเป็นส่วนราชการตามมาตรา 4 วรรคสี่แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 โดยอยู่ในสังกัดสำนักงานคณะรัฐมนตรี และจะไม่มีสาขาของศูนย์ประจำกระทรวงหรือประจำจังหวัดด้วยก็ได้ การจัดตั้งศูนย์รับคำขออนุญาตตามวรรคหนึ่งให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวให้กำหนดรายชื่อกฎหมายว่าด้วยการอนุญาตที่จะให้อยู่ภายใต้การดำเนินการของศูนย์รับคำขออนุญาตนั้น ในการดำเนินการเกี่ยวกับการรับคำขอ จะกำหนดในพระราชกฤษฎีกาที่ให้อยู่กับคำขอผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ก็ได้

มาตรา 14 เมื่อมีการจัดตั้งศูนย์รับคำขออนุญาตตามมาตรา 14 แล้ว ให้ดำเนินการและมีผลดังต่อไปนี้

(1) ในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการอนุญาตหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกำหนดให้ต้องยื่นคำขอ หรือส่งเอกสารหรือหลักฐาน หรือคำร้องเรียนใน ณ สถานที่ใด ให้ถือว่าการยื่นคำขอ หรือส่ง เอกสารหรือหลักฐาน หรือค่าธรรมเนียม ณ ศูนย์รับคำขออนุญาตแล้ว ให้ถือว่าได้มีการยื่นคำขอ หรือส่งเอกสารหรือหลักฐาน หรือค่าธรรมเนียมโดยชอบตามกฎหมายว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในเรื่องการอนุญาตนั้นแล้ว (6) บรรจุเงินค่าธรรมเนียมหรือเงินอื่นใดที่ศูนย์รับคำขออนุญาตได้รับไว้ตาม (5) ให้ศูนย์รับคำขออนุญาตส่งต่อเป็นลำดับไปตามลำดับในหน่วยงานของผู้อนุญาต หรือส่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี และแจ้งให้หน่วยงานของผู้อนุญาต ในกรณีที่หน่วยงานของผู้อนุญาตมีสิทธิหักค่าใช้จ่ายจากเงินที่ต้องนำส่งคลัง ให้ศูนย์รับคำขออนุญาตหักเงินดังกล่าวแทนและส่งมอบเงินที่เหลือในวันที่นำส่งเงินมายังผู้อนุญาต โดยให้ศูนย์รับคำขออนุญาตทำหลักฐานการส่งมอบเงินให้ศูนย์รับคำขออนุญาตตามต้องที่จัดทำหลักฐานของผู้อนุญาต (7) ระยะเวลาตามมาตรา 10 ให้นับแต่วันที่ศูนย์รับคำขออนุญาตส่งเรื่องให้ผู้อนุญาต โดยศูนย์รับคำขออนุญาตจะต้องส่งเรื่องให้ผู้อนุญาตไม่ช้ากว่าสามวันทำการและให้นำมาตรา 10 วรรคสี่มาใช้บังคับโดยอนุโลม (8) ให้เป็นหน้าที่ของผู้อนุญาตที่จะต้องส่งข้อมูลหรือประชาสัมพันธ์ตามมาตรา 7 ที่ศูนย์รับคำขออนุญาต และเป็นปัจจุบันให้ศูนย์รับคำขออนุญาตตามจำนวนที่จำเป็น และดำเนินการให้มีการกำกับควบคุมแก้ไขหน้าที่ของศูนย์รับคำขออนุญาต เพื่อให้ศูนย์รับคำขออนุญาตปฏิบัติหน้าที่ต่อ (9) ให้เป็นหน้าที่ของผู้อนุญาตที่จะต้องจัดให้มีการตรวจสอบและจัดให้มีการทดสอบมาตรา 8 และจัดให้มีการตรวจสอบในกรณีที่มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของศูนย์รับคำขออนุญาต

มาตรา 7 ให้ศูนย์รับคำขออนุญาตมีหน้าที่ดังต่อไปนี้

(1) รับคำขอและจัดการรมเนียม รวมตลอดทั้งค่าอากรแสตมป์ ตามกฎหมายว่าด้วยการอนุญาต (2) ให้ข้อมูล ชี้แจง และแนะนำผู้ยื่นคำขอหรือประชาชนในเรื่องการขอรับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต รวมตลอดทั้งความจำเป็นในการยื่นคำขออื่นใดที่จำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการอนุญาตทั้งปวง ในการประกอบกิจการหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด (3) ส่งคำขอ หรือคำคู่กรณี ที่ได้รับจากผู้ยื่นคำขอหรือผู้มีส่วนได้เสียคำคู่กรณีพร้อมทั้งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และตอบติดตามเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และผู้มีส่วนได้เสียปรับปรุงแก้ไขตามความเหมาะสมหรือกฎหมายที่ให้สิทธิในการอุทธรณ์ (4) ในกรณีที่มีหลักเกณฑ์หรือวิธีการในการยื่นคำขอ มีรายละเอียดหรือกำหนดให้ต้องส่งเอกสารที่เป็นปัจจุบัน หรือเป็นการสมควรแก่ประชาชน ให้เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องตามที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมต่อไป (b) เสนอแนะในการพัฒนาหรือปรับปรุงกระบวนการ ขั้นตอน ระยะเวลา เกี่ยวกับการอนุญาตต่าง ๆ รวมถึงข้อเสนอในการออกกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งทางหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวกับการอนุญาตเพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกมากขึ้น

มาตรา ๑๗ ให้ผู้อุทธรณ์ชำระค่าธรรมเนียมสำหรับประชาชนตามมาตรา ๗ ให้เสร็จสิ้นภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๑๘ ให้คณะรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ปัจจุบันมีกฎหมายว่าด้วยการอนุญาต จำนวนมาก การประกอบกิจการของประชาชนจะต้องขออนุญาตจากส่วนราชการหลายแห่ง อีกทั้งกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับการอนุญาตบางฉบับไม่ได้กำหนดระยะเวลา เอกสารและหลักฐานที่จำเป็น รวมถึงขั้นตอน ในการพิจารณาไว้ทำให้เป็นอุปสรรคต่อประชาชนในการยื่นคำขออนุญาตดำเนินการต่าง ๆ ดังนั้น เพื่อให้มีกฎหมายกลางกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาในการอนุญาต และมีการจัดตั้งศูนย์บริการรวม เพื่อรับคำร้องและรับเรื่องคำขออนุญาต ณ จุดเดียว เพื่อให้ประชาชนที่ต้องเกี่ยวข้องกับการอนุญาตซึ่งจะเป็น การอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้