로고

ผู้สูงอายุ พ.ศ. ๒๕๔๖ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นปีที่ ๕๘ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. ๒๕๔๖”

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้

“ผู้สูงอายุ” หมายความว่า บุคคลซึ่งมีอายุเกินหกสิบปีบริบูรณ์ขึ้นไปและมีสัญชาติไทย “กองทุน” หมายความว่า กองทุนผู้สูงอายุ “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ “รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบ” หมายความว่า รัฐมนตรีเจ้าสังกัดซึ่งตามหน้าที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบเกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนผู้สูงอายุตามมาตรา ๑๑

มาตรา ๔ ให้มีคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ เรียกโดยย่อว่า “คผส.” ประกอบด้วย

นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นรองประธานกรรมการ คนที่หนึ่ง

ประธานสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เป็นรองประธานกรรมการ คนที่สอง *ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๑๐ ก/หน้า ๑๔/๒๔ ธันวาคม ๒๕๔๖*

ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงแรงงาน ปลัดกระทรวงการ ศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานสภาสังคมสงเคราะห์แห่ง ประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง

กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง จำนวนไม่เกินห้าคน กับงานในด้านการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนสวัสดิภาพ เยาวชน และกิจการของ ผู้สูงอายุ จำนวนไม่เกินห้าคน

กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง จำนวนไม่เกินเก้าคน ให้มาจากข้าราชการฝ่ายพลเรือนสามัญซึ่งดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง หรือเทียบเท่าในส่วนราชการที่มีภารกิจเกี่ยวข้องกับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนสวัสดิภาพเด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการและผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานกรรมการ และ เลขานุการ ผู้ช่วยเลขานุการฝ่ายส่งเสริมและพิทักษ์สิทธิผู้สูงอายุ สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการและผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาการคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตาม (๕) และ (๖) ให้แต่งตั้งจาก บุคคลซึ่งต้องมีความโดดเด่นในสาขาใดสาขาหนึ่ง และการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตาม (๖) ให้แต่งตั้งจาก ข้าราชการฝ่ายพลเรือนสามัญซึ่งดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง หรือเทียบเท่าในส่วนราชการที่มีภารกิจ เกี่ยวข้องกับการคุ้มครอง การส่งเสริม หรือการสนับสนุนสวัสดิภาพเด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ โดยให้มีสัดส่วนของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นสตรีไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งหมด และให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับแต่งตั้งตาม (๕) (๖) และ (๗) มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสามปี ทั้งนี้ โดยให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระ ดำรงตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใหม่

มาตรา ๕ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละ สามปีนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง และอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ แต่ต้องไม่เกินสองวาระติดต่อกัน

ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระเมื่อมีกรณีอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้

ตาย (๒) ลาออก (๓) เป็นบุคคลล้มละลาย (๔) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

คณะรัฐมนตรีให้ออกพระราชกฤษฎีกาหรือไม่สุจริตต่อหน้าที่ มีความประพฤติ เสื่อมเสีย หรือหย่อนความสามารถ

ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก

มาตรา ๓ การประชุมคณะกรรมการ ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ของจำนวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม

ในกรณีที่ประธานกรรมการไม่อาจประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รอง ประธานกรรมการเป็นประธานในที่ประชุม ถ้าประธานกรรมการและรองประธานกรรมการไม่อาจ ประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการซึ่งมาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธาน ในที่ประชุมสำหรับการประชุมนั้น การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งมีหนึ่งเสียง ในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นชี้ขาด ให้มีการประชุมคณะกรรมการไม่น้อยกว่าปีละสองครั้ง

มาตรา ๔ คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่จัดและอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือ ปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่คณะกรรมการมอบหมาย

ให้มาตรา ๓ วรรคสองและวรรคสามใช้บังคับกับการประชุมของคณะอนุกรรมการโดยอนุโลม

มาตรา ๕ ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

กำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ แผนหลัก และแผนปฏิบัติการเพื่อการส่งเสริม สนับสนุน สถานภาพ บทบาท และกิจกรรมของผู้สูงอายุภายในความรับผิดชอบของคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้สถาบันครอบครัวได้มีส่วนร่วมในการช่วยดูแลผู้สูงอายุ

กำหนดแนวทางปฏิบัติตามนโยบายและแผนหลักที่กำหนด (๓) ติดตามประสานงาน ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติตามนโยบายและแผนหลักที่กำหนด

พิจารณาให้ความเห็นเกี่ยวกับแผนและข้อเสนอเพื่อการจัดสรรงบประมาณของหน่วยงานของรัฐและ ภาคเอกชนที่เกี่ยวกับการสงเคราะห์และการพัฒนาผู้สูงอายุ

กำหนดระเบียบเกี่ยวกับการบริหารจัดการกองทุน การจัดหาผลประโยชน์และการจัดการ กองทุนโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลังตามมาตรา ๒๐ (๕)

กำหนดระเบียบเกี่ยวกับการบริหารจัดการองค์กรภาคเอกชนที่ดำเนินการในเรื่องการคุ้มครอง การส่งเสริม การสนับสนุน และการจัดสวัสดิการแก่ผู้สูงอายุตามมาตรา ๒๐ (๖)

กำหนดระเบียบเกี่ยวกับการจัดหาทรัพย์สินหรือการจัดการทรัพย์สินของกองทุน ตามมาตรา ๒๐ (๗)

กำหนดระเบียบเกี่ยวกับการรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงินของกองทุน โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลังตามมาตรา ๒๐

กำหนดระเบียบเกี่ยวกับการจัดทำบัญชีและการตรวจสอบบัญชี

มาตรา ๖ (๔) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๓

เสนอความเห็นและข้อสังเกตต่อคณะรัฐมนตรีให้หรือแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนสถานภาพ บทบาท และกิจกรรมของผู้สูงอายุ

เสนอรายงานสถานการณ์เกี่ยวกับผู้สูงอายุของประเทศต่อคณะรัฐมนตรีอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง

พิจารณาเรื่องอื่นใดเกี่ยวกับผู้สูงอายุตามที่พระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่นบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย

มาตรา ๑๑ ให้สำนักงานส่งเสริมและพิทักษ์ผู้สูงอายุ สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการและผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการต่าง ๆ เกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุและรับผิดชอบในงานธุรการของคณะกรรมการ และให้มีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

จัดทำแนวทางปฏิบัติตามนโยบายและแผนหลักที่เกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนสถานภาพ บทบาทและกิจกรรมของผู้สูงอายุเสนอคณะกรรมการ

รวบรวมข้อมูล สถิติ งานวิจัย และพัฒนาที่เกี่ยวกับการคุ้มครอง ส่งเสริม และสนับสนุนที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ

เป็นศูนย์กลางในการประสานงาน เผยแพร่ และประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ

สร้างระบบการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน

ส่งเสริม สนับสนุน และประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ราชการบริหารส่วนท้องถิ่น การส่งเสริม และการสนับสนุนตามพระราชบัญญัตินี้และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานตามแผนหลักของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วรายงานต่อคณะกรรมการ

พิจารณาเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการในการให้หรือแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนสถานภาพ บทบาท และกิจกรรมของผู้สูงอายุ

ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่คณะกรรมการมอบหมาย

มาตรา ๑๒ ผู้สูงอายุมีสิทธิได้รับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ดังนี้

การบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขที่จำเป็นโดยให้ความสะดวกและรวดเร็วแก่ผู้สูงอายุในกรณีฉุกเฉิน

การศึกษา การศาสนา และข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต

การประกอบอาชีพหรือการฝึกอาชีพที่เหมาะสม

การพัฒนาตนเองและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม การรวมกลุ่มในลักษณะเครือข่ายหรือชุมชน

การอยู่อาศัยและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้สูงอายุในอาคารสถานที่ ยานพาหนะหรือการบริการสาธารณะอื่น ``` - 5 - สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

8

การช่วยเหลือด้านค่าโดยสารขนพาหนะตามความเหมาะสม

9

การสงเคราะห์ค่าฌาปนกิจศพของรัฐ

10

การช่วยเหลือผู้อยู่เบื้องหลังที่ได้รับผลกระทบจากการสูญเสียบุตรหรือบุคคลในครอบครัว ประโยชน์ตอบแทนด้วยกฎหมาย หรือทุกกรณี

11

การให้คำแนะนำ ปรึกษา ดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้องในทางคดี หรือเป็นการ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อน

12

การจัดหาที่พักอาศัย อาหารและเครื่องนุ่งห่มให้ตามความจำเป็นอย่างที่สุด

13

การจ่ายเงินเยียวยาที่เป็นธรรมแก่ครอบครัวหรือทายาทของผู้เสียชีวิต

14

การจ่ายเงินสงเคราะห์พิเศษกรณีผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยตามมาตรา 15/3

15

การสรุปผลการดำเนินการจัดการศพตามประเพณี

16

การยื่นคำที่คณะกรรมการประกาศกำหนด ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาและประกาศกำหนดให้หน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญกระทรวงหรือกรมในราชการ บริหารส่วนกลาง ราชการบริหารส่วนภูมิภาค ราชการบริหารส่วนท้องถิ่น และรัฐวิสาหกิจ เป็นผู้มี อำนาจหน้าที่รับผิดชอบดำเนินการ ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ความสัมพันธ์กับ ภารกิจของหน่วยงานในความรับผิดชอบ รวมทั้งทรัพยากรของภาครัฐประกอบด้วย เป็นสำคัญ การสรุปผลการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้หน่วยงานตามวรรคสอง ดำเนินการให้โดยไม่คิดมูลค่าโดยให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการ กำหนด

มาตรา 12 การเรียกร้องสิทธิหรือการได้รับสิทธิหรือประโยชน์ของผู้สูงอายุตาม

พระราชบัญญัตินี้ ไม่เป็นการตัดหรือระงับสิทธิหรือประโยชน์ที่ผู้สูงอายุได้รับตามกฎหมายอื่น

มาตรา 13 ให้จัดตั้งกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่งในสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและ

พิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการและผู้สูงอายุ เรียกว่า "กองทุนผู้สูงอายุ" เพื่อเป็นทุนใช้จ่าย เกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริมและการสนับสนุนผู้สูงอายุตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา 14 กองทุน ประกอบด้วย

1

เงินงบประมาณที่รัฐจัดสรรให้

2

เงินที่ได้รับจากการประมูลเลขทะเบียนรถ

3

เงินที่ได้รับจากกฎหมายตามมาตรา 6

4

เงินบริจาคหรือสิ่งของบริจาคหรือเงินอื่นใด

5

เงินกองทุนจากต่างประเทศหรือองค์กรระหว่างประเทศ

มาตรา 15 ยกเลิก

1

มาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2553

2

มาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 ```

เงินหรือทรัพย์สินที่ตกเป็นของกองทุนหรือที่กองทุนได้รับตามกฎหมายหรือ โดยนิติกรรมอื่น

ดอกผลที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินของกองทุน

มาตรา ๑๔ เงินและดอกผลตามมาตรา ๑๓ ไม่ต้องนำส่งกระทรวงการคลังเป็น รายได้แผ่นดิน

มาตรา ๑๕/๑ ให้เรียกเก็บเงินบำรุงกองทุนจากผู้ที่นำเข้าสุราและผู้ที่นำเข้าสุราสำเร็จรูปใน ส่วนที่เกินกว่าปริมาณสุราและสุราสำเร็จรูปอันอัตราของสุราแต่ละชนิดกำหนดตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิต และให้ผู้ที่นำเข้าสุราสำเร็จรูปดำเนินการชำระเงินบำรุงกองทุนพร้อมกับ ชำระภาษีสรรพสามิต ทั้งนี้ ตามระเบียบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนด ในการคำนวณเงินบำรุงกองทุนตามวรรคหนึ่ง หากมีเศษของที่มีสตางค์ให้ปัดทิ้ง

มาตรา ๑๕/๒ ให้กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรเป็นผู้ดำเนินการเรียกเก็บเงิน บำรุงกองทุนตามมาตรา ๑๕/๑ เพื่อดำเนินการกองทุนและเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่มที่เกิดขึ้นจาก การเก็บโดยไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน

ให้กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรหักเงินบำรุงกองทุนหรือเงินบำรุงกองทุนที่จัดเก็บได้ ภายหลังให้คงไว้เป็นรายค่าส่งเสริมบุคลากรของกรม ในกรณีที่มีปัญหาในการปิดใบกำกับเงินบำรุงกองทุนที่จัดเก็บได้ตามมาตรา ให้กรม สรรพสามิตและกรมศุลกากรนำเงินบำรุงกองทุนที่จัดเก็บได้แสดงในรายงานประจำปีในลักษณะเดียวกับ วันที่กำหนดไว้ในกฎหมาย

มาตรา ๑๕/๓ ให้คณะกรรมการจัดสรรเงินบำรุงกองทุนตามมาตรา ๑๔ (๒/๑) และเงินที่มีผู้บริจาคเข้ากองทุนตามมาตรา ๑๔ (๓) ซึ่งมีฐานะเป็นรายได้ของกองทุนและรายได้ที่การ ยังเหลือผู้มีฐานะอยู่ที่รายได้ของ สำหรับรายรับเงินบำรุงกองทุนที่จัดสรรให้แก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้ น้อย คุณสมบัติของผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยและการจัดสรรเงินบำรุงกองทุนดังกล่าว ให้เป็นไป ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา ๑๕/๔ ในกรณีที่ผู้ที่นำเข้าสุราสำเร็จรูปในส่วนที่เกินกว่าปริมาณสุรา และสุราสำเร็จรูปตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิตได้รับการยกเว้น ลดหย่อน หรือคืนภาษี ให้ได้รับการ ยกเว้นลดหย่อน หรือคืนเงินบำรุงกองทุนด้วย ตามระเบียบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนด

มาตรา ๑๕/๕ ในกรณีที่ผู้ที่นำเข้าสุราสำเร็จรูปไม่สามารถชำระเงินบำรุงกองทุนหรือ ส่งภาษีสรรพสามิตตามที่กำหนด หรือส่งเงินบำรุงกองทุนไม่ครบตามจำนวน ให้เรียกเก็บเงิน เพิ่มในอัตราร้อยละยี่สิบต่อปีของเงินบำรุงกองทุนที่ยังไม่ได้ชำระ

- มาตรา ๑๕/๖ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ - มาตรา ๑๕/๗ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ - มาตรา ๑๕/๘ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ - มาตรา ๑๕/๙ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ข้อร้อยละสองต่อเดือนของจำนวนเงินที่ไม่ส่งหรือส่งภายหลังระยะเวลาที่กำหนดหรือจำนวนเงินที่ส่งน้อยกว่าจำนวนเงินที่ต้องส่งตามที่กำหนดกรณีที่เป็นเงินครบกำหนดที่หน่วยงานส่งคืนสำหรับเป็นเงินจ่ายบำรุงกองทุน แต่เงินที่ส่งคืนกองทุนดังกล่าวให้เป็นจำนวนเงินบำรุงกองทุนและให้อัตราเงินเพิ่มที่เป็นเงินบำรุงกองทุนด้วย ในการคำนวณระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง เศษของเดือนให้นับเป็นหนึ่งเดือน

มาตรา ๑๕/๑๕ ผู้ที่นำเงินกองทุนไปใช้ไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๖ หรือผู้ที่ไม่ส่งเงินเข้ากองทุน หรือส่งเงินเข้ากองทุนไม่ครบถ้วนตามจำนวนที่ต้องส่งภายในระยะเวลาที่กำหนด ต้องชำระเงินกองทุนที่ยังไม่ครบถ้วนดังกล่าวพร้อมกับเงินเพิ่มในอัตราร้อยละสองต่อเดือนของจำนวนเงินที่ยังไม่ครบถ้วนดังกล่าว หรือในอัตราร้อยละสองต่อเดือนของจำนวนเงินที่ส่งเข้ากองทุนไม่ครบถ้วนดังกล่าว แล้วแต่กรณี

มาตรา ๑๕/๑๖ ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดเป็นนิติบุคคล ถ้าการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น หรือในกรณีที่นิติบุคคลดังกล่าวมิได้ทำการสั่งการหรือกระทำการ และละเลยไม่ใช้มาตรการหรือไม่กระทำการอันเป็นหน้าที่ให้บุคคลดังกล่าวปฏิบัติ ผู้เป็นตัวการในฐานะผู้เป็นผู้แทนของนิติบุคคลดังกล่าว ต้องรับผิดตามบทบัญญัติในมาตรานี้ด้วย

มาตรา ๑๕/๑๗ ความผิดตามมาตรา ๑๕/๑๕ และมาตรา ๑๕/๑๖ ถ้าอธิบดีกรมสรรพากรเห็นว่าเป็นการกระทำผิดที่มีผลกระทบต่อการบริหารจัดการสรรพากรที่ดีไม่ควรให้เป็นเรื่องถึงชั้นศาล ให้อธิบดีกรมสรรพากรเปรียบเทียบได้

มาตรา ๑๖ ผู้รับเงินในทรัพย์หรือสิทธิในกองทุน มีสิทธิไปขอถอนเงินในกองทุนได้ตามจำนวนที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริหารกองทุน และมีสิทธิที่จะขอถอนเงินในกองทุนได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศรัฐมนตรี

มาตรา ๑๗ ผู้มีฐานะเลี้ยงดูบุคคลที่ระบุในบัญชีรายชื่อที่ไม่สามารถเลี้ยงดูตนเองได้เพียงพอแต่การยังชีพ ผู้นั้นมีสิทธิได้รับการลดหย่อนภาษี ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศรัฐมนตรี

มาตรา ๑๘ ให้มีคณะกรรมการบริหารกองทุนตามพระราชบัญญัตินี้ ประกอบด้วยปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานกรรมการ ผู้ว่าการธนาคาร สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการและผู้สูงอายุ เป็นรองประธานกรรมการ ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนกระทรวงยุติธรรม ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ และผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข เป็นกรรมการ โดยให้มีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในด้านการคุ้มครอง การช่วยเหลือและการสนับสนุนเด็ก เยาวชน และครอบครัว ผู้ด้อยโอกาส คนพิการและผู้สูงอายุด้านการเงิน และผู้แทนองค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้องกับงานในด้านการคุ้มครอง การช่วยเหลือและการสนับสนุนเด็ก เยาวชน และครอบครัว ผู้ด้อยโอกาส คนพิการและผู้สูงอายุด้านการเงิน และผู้แทนองค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้องกับงานในด้านการคุ้มครอง การช่วยเหลือและการสนับสนุนเด็ก เยาวชน และครอบครัว ผู้ด้อยโอกาส คนพิการและผู้สูงอายุด้านการเงิน และผู้แทนองค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้องกับงานในด้านการคุ้มครอง การช่วยเหลือและการสนับสนุนเด็ก เยาวชน และครอบครัว ผู้ด้อยโอกาส คนพิการและผู้สูงอายุด้านการเงิน และผู้แทนองค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้องกับงานในด้านการคุ้มครอง

ในกระบวนการระดมทุนจำนวนหนึ่งคน เป็นกรรมการ และให้ผู้ว่าการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาผู้สูงอายุเป็นกรรมการและเลขานุการ

มาตรา 19 ให้นำบทบัญญัติมาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 8 มาใช้บังคับกับการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง การแต่งตั้งกรรมการเพิ่มเติม การประชุม และการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการของคณะกรรมการบริหารกองทุน โดยอนุโลม

มาตรา 20 ให้คณะกรรมการบริหารกองทุนมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

1

บริหารกองทุน รวมทั้งดาเนินการเกี่ยวกับการจัดหาผลประโยชน์และการจัดการกองทุนให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด

2

พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงิน เพื่อการคุ้มครอง การส่งเสริม การสนับสนุน และการจัดสวัสดิการแก่ผู้สูงอายุ ทั้งนี้ ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด

3

รายงานผลการเงินและการบริหารกองทุนต่อคณะกรรมการตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา 21 การรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงินกองทุน ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา 22 ให้คณะกรรมการบริหารกองทุนจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายและบัญชีทรัพย์สินของกองทุนให้ถูกต้องตามหลักการบัญชี และจัดให้มีการตรวจสอบบัญชีโดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินหรือผู้สอบบัญชีซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้ง

มาตรา 23 ให้คณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานผู้สูงอายุแห่งชาติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมและประสานงานผู้สูงอายุแห่งชาติ พ.ศ. 2546 ปฏิบัติหน้าที่แทนคณะกรรมการตามพระราชบัญญัตินี้ จนกว่าจะได้มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา 24 ให้นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงและระเบียบเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ ในส่วนที่เกี่ยวกับราชการของกระทรวงทบวงกรม ประกาศหรือระเบียบอื่น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ *มาตรา 20 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2553 *มาตรา 22 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2553 พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หมาเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๔๕ ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย ได้บัญญัติให้สิทธิของผู้สูงอายุให้มีสิทธิได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสม ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติและเพื่อให้มีกฎหมายที่ครอบคลุมทุกด้านสำหรับผู้สูงอายุ ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินงานเกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนต่อสวัสดิการ และ ประโยชน์ของผู้สูงอายุเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๓ หมาเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๕๕ กำหนดให้บุคคลซึ่งสูงอายุเกินกว่ากำหนดเป็นปัญญาชนและไม่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ มีสิทธิ ได้รับสวัสดิการสังคมตามสมควรต่อความเป็นอยู่อย่างมีเกียรติและความมั่นคงเพื่อที่เหมาะสม แก่กรณี ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญดังกล่าว สมควรแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติ แห่งพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. ๒๕๔๖ เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับสิทธิและสวัสดิการที่เป็นธรรมสอดคล้อง กับสภาพสังคมและเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป หมาเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่ สังคมผู้สูงอายุ รัฐบาลจึงมีนโยบายและมาตรการในการดูแลผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยโดยการให้เงิน ช่วยเหลือเพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย เพื่อให้มีประสิทธิภาพที่จำเป็น แต่เนื่องจากกองทุน ผู้สูงอายุที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่สามารถนำไปใช้เกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุน ต่อผู้สูงอายุที่ได้เพิ่มพูนต่อการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว จึงสมควรเพิ่มเติมบทบัญญัติเรื่องการ จ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย และการให้เงินกู้ยืมแก่ผู้สูงอายุเพื่อการ ประกอบอาชีพหรือการดำรงชีวิตในกรณีจำเป็น รวมทั้งการกำหนดให้มีการจัดสรรเงินจากกองทุน ผู้สูงอายุเพื่อให้ความช่วยเหลือเงินกู้ยืมแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยเพื่อการประกอบอาชีพหรือการดำรงชีวิต ในกรณีจำเป็น และให้มีการจัดสรรผลตอบแทนและผลประโยชน์จากการลงทุนของกองทุนผู้สูงอายุ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายภายในกองทุน และในปัจจุบันการบริหารกองทุนผู้สูงอายุยังไม่สามารถดำเนินการได้ อย่างมีประสิทธิภาพจึงสมควรปรับปรุงโครงสร้างการบริหารกองทุนผู้สูงอายุให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ปัจจุบันเพื่อให้การดำเนินงานของกองทุนผู้สูงอายุเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กำหนดให้คณะกรรมการ ผู้สูงอายุแห่งชาติเป็นผู้กำหนดนโยบายและกำกับดูแลการบริหารกองทุนผู้สูงอายุให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ เงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย สำหรับจ่ายเป็นเงินสงเคราะห์ดังกล่าว กำหนด กรณีการได้รับการยกเว้น ลดหย่อน หรือสิทธิในทางภาษี และกรณีที่ต้องเสียภาษีเงินได้ รวมทั้งเพิ่ม บทกำหนดโทษ และการเปรียบเทียบคดี และแก้ไขเพิ่มเติมให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ รักษาการตามกฎหมายดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับการแก้ไขเพิ่มเติมบัญญัติที่เกี่ยวข้อง จึง จำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ ธนพันธ์/แก้ไข พีรัชชัย/ตรวจ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๖ ปรัชวิทย์/เพิ่มเติม ๕ มกราคม ๒๕๖๑ ปริญญ์สิริ/ตรวจ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๑ ``` สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ``` ``` สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ```