สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เป็นปีที่ ๒ ในรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการ โปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยศุลการกร
วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
พระราชบัญญัติศุลการกร พุทธศักราช ๒๔๖๙
พระราชบัญญัติศุลการกรแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๑) พุทธศักราช ๒๔๗๐
พระราชบัญญัติศุลการกรแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พุทธศักราช ๒๔๗๐
พระราชบัญญัติศุลการกรแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๓) พุทธศักราช ๒๔๗๑
พระราชบัญญัติศุลการกรแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๔) พุทธศักราช ๒๔๗๓
พระราชบัญญัติศุลการกรแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๕) พุทธศักราช ๒๔๗๔
พระราชบัญญัติศุลการกรแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๖) พุทธศักราช ๒๔๗๕
พระราชบัญญัติศุลการกรแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๗) พุทธศักราช ๒๔๗๖
พระราชบัญญัติศุลการกรแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๘) พุทธศักราช ๒๔๘๒
พระราชบัญญัติศุลการกร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๐๒
พระราชบัญญัติศุลการกร (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๐๕
พระราชบัญญัติศุลการกร (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๐๘
พระราชบัญญัติศุลการกร (ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ. ๒๕๑๗
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๓๓๙ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ * ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนที่ ๕๓ ก/หน้า ๘๘/๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ``` - ๒ -
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช ๒๔๖๔ พ.ศ. ๒๕๒๘
พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๒๙
พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๓๔
พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ๑๘) พ.ศ. ๒๕๓๔
พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ๑๙) พ.ศ. ๒๕๓๔
พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ๒๐) พ.ศ. ๒๕๔๔
พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ๒๑) พ.ศ. ๒๕๔๕
พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ๒๒) พ.ศ. ๒๕๔๘
“อากร” หมายความว่า อากรศุลกากรที่เก็บกับของที่นำเข้ามาในหรือส่งออกไป นอกราชอาณาจักรตามพระราชบัญญัตินี้และกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากรหรือกฎหมายอื่นที่ กำหนดให้เป็นอากรศุลกากร “ผู้นำของเข้า” ให้หมายความรวมถึง เจ้าของ ผู้ครอบครอง หรือผู้ส่งต่อไป ของใด ๆ บนเรือเดินทะเลนั้นเข้ามาในราชอาณาจักรจนกว่าของนั้นจะได้ส่งมอบให้ โดยถูกต้องพ้นจากอารักขาของพนักงานศุลกากร “ผู้ส่งของออก” ให้หมายความรวมถึง เจ้าของ ผู้ครอบครอง หรือผู้ส่งต่อไป ของใด ๆ บนเรือเดินทะเลนั้น เพื่อส่งของนั้นออกนอกราชอาณาจักรจนกว่าของนั้นจะได้ส่งออกไปนอก ราชอาณาจักร “ของต้องห้าม” หมายความว่า ของที่มีกฎหมายกำหนดห้ามมิให้เข้ามาในหรือ ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร หรือผ่านด่านศุลกากร “ของต้องกำกัด” หมายความว่า ของที่มีกฎหมายกำหนดว่า ทางจะมีการนำเข้า ในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร หรือผ่านด่านศุลกากร จะต้องได้รับอนุญาตหรือปฏิบัติให้ ครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย “ด่านศุลกากร” หมายความว่า ที่ หรือบริเวณซึ่งเจ้าพนักงานศุลกากรเข้า ส่งของออก การคนแดน การคลังสินค้า และการตรวจเรือ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติการศุลกากร “ค่าพาหนะเดิน” หมายความว่า ค่าขนส่งถึง ณ บริเวณเขตแดนทาง บกทาง อนุมัติ เพื่อประโยชน์ในการตรวจของที่ขนส่งโดยทางนั้น “เรือ” หมายความรวมถึงเรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือกำปั่น เรือก
บุคคลซึ่งรับราชการในกรมศุลกากรและได้รับการแต่งตั้งจากอธิบดีให้ปฏิบัติ หน้าที่ที่ต้องพิจารณาแผนหรือให้ปฏิบัติหน้าที่เฉพาะกรณี
บุคคลซึ่งรับราชการในกรมศุลกากร ข้าราชการอื่น หรือเจ้าหน้าที่อื่น ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นพิเศษ จากอธิบดีให้กระทำการแทนกรมศุลกากร
เจ้าพนักงานซึ่งได้รับการแต่งตั้งหรือมอบอำนาจจากรัฐมนตรีให้กระทำการเป็นพนักงาน ศุลกากร "รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
กำหนดท่าเรือ ท่าอากาศยาน ที่ หรือเขตใดเป็นด่านศุลกากร โดยจะ กำหนดหรือเปลี่ยนแปลงด่านการทางศุลกากรตามที่เห็นสมควรให้ช่วยได้ รวมทั้งเขตศุลกากร ของด่านศุลกากรนั้น
กำหนดหลักเกณฑ์ใด ๆ ให้เป็นไปตามพระบรมราชโองการกำหนดเพื่อใช้ในการดำเนินการทาง ศุลกากรตามที่เห็นสมควรไว้ด้วยก็ได้
กำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้ หรือออกเป็น ค่าธรรมเนียม
กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยื่นคำร้องและคืนค่าอากรเสียอากร สำหรับของที่นำเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาความเสียหายหรือ เหตุจำเป็น
กำหนดชนิดหรือประเภทของสินค้าหรือของที่ต้องห้าม การเห็นสมควรให้มีการนำเข้า อันตรายที่อยู่ในเขตศุลกากรและที่ต้องออกไปจากเขตศุลกากร รวมทั้งการกำหนดค่าธรรมเนียมสินค้า อันตรายดังกล่าว (b) กำหนดกิจการอื่นเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้รับประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
บททั่วไป
พระราชบัญญัตินี้ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แล้วแต่กรณี มีอำนาจสั่งเป็นหนังสือให้ผู้อนุญาต ยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน โดยอาจกำหนดเงื่อนไข ไว้ด้วยก็ได้ ในกรณีที่มีพฤติการณ์พิเศษตามวรรคหนึ่งเกิดขึ้นนอกอาณาเขต และมีความจำเป็น เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองคนงานหรือลูกจ้างในประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมีอำนาจสั่งเป็นหนังสือให้ ผู้อนุญาต ผู้สั่งจ้างออกหรือผู้ควบคุมตามกฎหมายกำหนดให้ปฏิบัติหรือไม่ต้องปฏิบัติตามที่กำหนดไว้ใน
การศุลกากรให้ประกันภัยอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อประโยชน์ของราชการเป็นหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ เกี่ยวกับการศุลกากร การเรียกประกันภัยตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดี ประกาศกำหนด
การปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ถ้าเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างประเทศ อธิบดีอาจสั่งให้ผู้อนุญาต เอกสารหรือ หลักฐานดังกล่าว จัดการแปลเป็นภาษาไทยให้เสร็จและส่งภายในกำหนดเวลาที่เห็นสมควร
เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรพิจารณาหรือกระทำการใด ๆ ในการศุลกากร การพิจารณาหรือการกระทำดังกล่าว จะต้องกระทำโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดี กำหนด
การศุลกากร ซึ่งมิใช่เป็นการดำเนินการเพื่อยื่นต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรโดยให้ถือว่าเป็นการดำเนินการที่ ต้องเสียค่าธรรมเนียม การดำเนินการตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดี กำหนด
เป็นการกระทำผิดโดยชอบด้วยกฎหมายเช่นเดียวกับการกระทำผิดตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ทั้งนี้ การนำ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการศุลกากรให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
การจัดเก็บอากร
การเสียอากร
ความรับผิดในเงินอากรและเสียอากรสำหรับของที่นำเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรเกิดขึ้นในเวลาที่ของเข้าถึงหรือส่งของออกถึงจุดหมายปลายทาง ผู้นำของเข้าหรือผู้ส่งของออกต้องชำระเงินอากรเมื่อได้ยื่นใบขนสินค้าต่อพนักงานศุลกากรและพนักงานศุลกากรได้รับและออกใบอนุญาตแล้ว
กรณีของที่เก็บไว้ในคลังสินค้าทัณฑ์บน ให้คำนวณอากรตามสภาพแห่งของ ราคาศุลกากร และพิกัดอัตราศุลกากร ที่เป็นอยู่ในเวลาที่นำเข้าถึง แต่ต่อศุลกากรให้ออกของดังกล่าวจากที่ใช้อยู่ในเวลาที่ไม่ต่อเนื่องกันนับออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บน ทั้งนี้ ไม่ว่าจะปล่อยให้ออกไปในสภาพเดิมหรือในสภาพที่เปลี่ยนแปลงไป
กรณีของที่เก็บไว้ในคลังสินค้าทัณฑ์บนเพื่อการแปรรูปหรือถูกทำลาย ให้คำนวณอากรตามสภาพแห่งของ ราคาศุลกากร และพิกัดอัตราศุลกากร ที่เป็นอยู่ในเวลาที่นำของเข้าถึงจุดหมายปลายทาง เว้นแต่กรณีดังกล่าวในคลังสินค้าทัณฑ์บน
กรณีของที่นำเข้ามาในรายการอากรสำหรับของที่นำเข้ามาในรายการที่คนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรนำติดตัวเข้ามา ให้คำนวณอากรตามสภาพแห่งของ ราคาศุลกากร และพิกัดอัตราศุลกากร ที่เป็นอยู่ในเวลาที่นำของเข้ามาถึงจุดหมายปลายทาง
กรณีนำของเข้า หมายถึงราคานำของเพื่อความมุ่งหมายในการจัดเก็บอากรตามราคาขายใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
ราคาซื้อขายของถึงหน้าเรือ
ราคาซื้อขายของถึงท่าเรือ
ราคาซื้อขายของถึงที่คลังสินค้า
ราคาทำหีบห่อ
ราคาค่าขนส่ง
ราคาค่าประกัน
กรณีส่งของออก หมายถึงราคาขายส่งเงินสด ซึ่งจะพึงขายของประเภทและชนิดเดียวกันได้โดยไม่ขาดทุน ณ เวลา และที่ที่ส่งของออกโดยไม่มีหักทอนหรือลดหย่อนราคาอย่างใด
กรณีของของกลางตกเป็นของอากร หรือของในความครอบครองของเจ้าพนักงานศุลกากรแผ่นดินไทย หรือเขตดินใดในหน่วยเดียวกัน เพื่อให้หรือจำหน่ายภายในราชอาณาจักร ให้ใช้ราคาศุลกากรตาม (ก) โดยอนุโลม หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการใช้ราคาและการกำหนดราคาศุลกากรตาม (๑) ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
ในกรณีที่ไม่มีมูลค่าของรายการค่าเผื่อกันหรือค่าเผื่อส่งของ หรือไม่มีค่าขนของลง ค่าขนของขึ้น หรือค่าจัดการต่าง ๆ ตามที่กำหนดในวรรคหนึ่ง การกำหนดมูลค่าของรายการดังกล่าวให้เป็นไปตามที่อธิบดีประกาศกำหนด
กำหนดค่าเผื่อกันหรือค่าเผื่อส่งของที่จะนำเข้ามาในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยอันกำหนดค่าเผื่อกันหรือค่าเผื่อส่งของตามอัตราศุลกากรของประเทศ
ตีความหมายของข้อกำหนดในอัตราศุลกากร ประการแห่งมูลค่าของรายการค่าเผื่อกันหรือค่าเผื่อส่งของ การยื่นคำร้องตาม (ก) และ (ข) ให้กระทำเป็นหนังสือและยื่นต่ออธิบดี หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขข้ออื่นประกาศกำหนด ผลการพิจารณาอธิบดีของอธิบดีถือเป็นที่สุด ผู้เห็นแย้งสามารถยื่นอุทธรณ์ตามระยะเวลาที่อธิบดีกำหนด
การประเมินอาการ
การประเมินอาการตามวรรคหนึ่ง ให้ดำเนินการได้ภายในกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ได้ยื่นใบขนสินค้า เว้นแต่กรณีมีเหตุจำเป็นอย่างยิ่งการประเมินอาการได้ภายในกำหนดดังกล่าว ให้ขยายระยะเวลาออกไปได้ตามที่จำเป็น ในกรณีปรากฏหลักฐานอันเชื่อได้ว่าผู้มีหน้าที่เสียอาการมีเจตนาในการร้องออก ให้พนักงานคุ้มครองการมีอาการประเมินอาการได้ออกไปภายในกำหนดหกสิบวันนับแต่วันที่พ้นกำหนดระยะเวลาตามวรรคสอง
ผู้มีหน้าที่หรือผู้ส่งของออกมีสิทธิอุทธรณ์การเสียอาการให้กรมศุลกากรพิจารณาได้ภายในกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแบบแจ้งการประเมินอาการนั้น
ในกรณีที่สิทธิในการเรียกเก็บอาการที่เสียไว้ไม่ครบจำนวนตามวรรคหนึ่ง มีจำนวนไม่เกินสองร้อยบาทต่อใบขนสินค้าหนึ่งฉบับ อธิบดีจะสั่งให้การเรียกเก็บอาการที่เสียไม่ครบจำนวนนี้ให้หากองต้นให้เป็นไปจากการทำของศุลกากรแล้ว
ในกรณีที่เงินเพิ่มตามวรรคหนึ่งไม่ถึงห้าสิบบาท ให้เสียเงินเพิ่มในอัตราห้าสิบบาท วันที่ได้รับแบบแจ้งการประเมินอาการตามมาตรา ๑๖ ให้เสียเงินเพิ่มในอัตราร้อยละหนึ่งต่อเดือนหรือเสียเพิ่ม เงินเพิ่มและเบี้ยปรับที่เกิดจากการเสียอาการไม่ครบจำนวนหรือไม่เสียอาการ ให้ตกเป็นรายได้ของแผ่นดิน เงินเพิ่มตามวรรคสองได้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวง สำหรับกรณีปรับจากจดหรือลดได้ตามระเบียบหรือคำสั่งที่กำหนดโดยอธิบดีกรมศุลกากร ``` - 8 - สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
เงินที่ได้จากการขายทอดตลาดดังกล่าว ให้หักไว้ใช้จ่ายค่าอากรที่ค้างชำระ สำหรับของที่ขายทอดตลาด ค่าเก็บรักษา ค่าขนย้าย หรือค่าใช้จ่ายในการดำเนินการขายทอดตลาดตามที่กรมศุลกากรกำหนดหรือกฎหมายอื่นๆ เหลือเท่าใดให้คืนเจ้าของหรือผู้มีสิทธิในของนั้น ถ้าผู้รับเงินไม่มารับเงินภายในกำหนดสามปีนับแต่วันที่ขายทอดตลาดแล้ว เงินนั้นให้ตกเป็นของแผ่นดิน
วิธีการยึดและขายทอดตลาดทรัพย์สิน ให้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งโดยอนุโลม ส่วนเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดให้ใช้จ่ายตามมาตรา 23 วรรคสอง เงินที่ได้จากการขายทอดตลาดดังกล่าว ถ้ายังเหลืออยู่หลังจากหักค่าอากรและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการขายทอดตลาดและค่าอากรที่ยังไม่ได้เสียหรือไม่ครบจำนวน ถ้ามีเงินเหลือให้คืนเจ้าของหรือผู้มีสิทธิในของนั้น
การคืนอากร
ให้อธิบดีคืนอากรส่วนที่เสียไว้เกินแก่ผู้ที่มีใบเสร็จรับเงินหรือใบขนสินค้าโดยไม่มีดอกเบี้ยคืนอากร แต่ไม่ล่วงพ้นหนึ่งปีนับแต่วันที่กรมศุลกากรได้รับคำขอคืนอากรหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร หรือ
ให้ผู้ขอคืนอากรหรือผู้สั่งของออกมีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนอากรภายในกำหนดสามปีนับแต่วันที่นำของเข้าในราชอาณาจักรหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด
การคืนอากรตามมาตรา 25 และการคืนอากรตามมาตรานี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด ``` ```
ในกรณีที่มีการนำของเข้ามาในราชอาณาจักรและเสียอากรแล้ว หากต้องขอนำกลับออกไปนอกราชอาณาจักร หรือส่งไปยังเขตปลอดอากรหรือเขตประกอบการเสรี ให้คืนเงินอากรที่ได้เสียไว้โดยหักค่าภาษีอากรตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด
``` (b) ต้องพิสูจน์ได้ว่าของที่นำไปใช้ในการผลิต ผสม ประกอบ บรรจุ หรือดำเนินการด้วยวิธีอื่นใดนั้นมีปริมาณไม่เกินกว่าที่ระบุในประกาศกำหนด
ให้ส่งของที่ได้จากการผลิต ผสม ประกอบ บรรจุ หรือดำเนินการด้วยวิธีอื่นใดนั้นออกไปนอกราชอาณาจักรภายในกำหนดหนึ่งปีนับตั้งแต่วันที่นำของที่ใช้ในการผลิต ผสม ประกอบ บรรจุ หรือดำเนินการด้วยวิธีอื่นใดนั้นเข้ามาในราชอาณาจักร เว้นแต่เหตุสุดวิสัยที่มิใช่ความผิดของผู้นำของเข้ามาในราชอาณาจักรหรือเหตุอื่นใดที่อธิบดีเห็นสมควรให้ขยายระยะเวลาออกไป โดยให้ผู้นำของเข้ามาในราชอาณาจักรยื่นคำขอขยายระยะเวลาเป็นหนังสือต่ออธิบดีพร้อมด้วยเหตุผลและหลักฐานที่เกี่ยวข้องก่อนครบกำหนดระยะเวลา
ต้องขอคืนอากรภายในกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่ส่งของออกไปนอกราชอาณาจักร เว้นแต่มีเหตุอันสมควรซึ่งจะขยายเวลาให้แต่ต้องไม่เกินหนึ่งปี การขอคืนอากร การพิสูจน์ของ การส่งของออกไป และการคืนอากร ตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด
การส่งของที่ได้มาหรือทำตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าเป็นการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งแต่เดิมจะต้องทำอากรขาเข้าและให้เก็บบัญชีแยกเกี่ยวกับการนำของเข้ามาใช้บังคับโดยอนุโลม การโอนของเข้าไปในคลังสินค้าทัณฑ์บน การจำหน่ายของแก่ผู้มีสิทธิได้รับยกเว้นอากร และการรับของดังกล่าว ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด
การวินิจฉัยอากรและการอุทธรณ์การประเมินอากร
กรมสรรพากร อธิบดีกรมสรรพากร สมาชิก ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจำนวนไม่เกินสามคน เป็นกรรมการ ให้อธิบดีแต่งตั้งข้าราชการในกรมสรรพากรคนหนึ่งเป็นเลขานุการและอาจแต่งตั้งคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ
ในกรณีที่กรรมการตามวรรคหนึ่งพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ให้แต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่ในคณะทำงานกับวาระที่เหลือของกรรมการที่ได้แต่งตั้งไว้แล้ว เมื่อครบกำหนดตามวาระในวรรคหนึ่ง หากยังไม่มีการแต่งตั้งกรรมการขึ้นใหม่ ให้กรรมการที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้นอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่ากรรมการที่ได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่
ตาย
ลาออก
รัฐมนตรีให้ออกเนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือขาดความสามารถ
เป็นบุคคลล้มละลาย คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
ในการประชุมคณะกรรมการวิจัยข้อย่อการศึกษาภาษีอากร ถ้ามีกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ประธานคณะกรรมการที่เป็นประธานในที่ประชุม ในการปฏิบัติหน้าที่ ถ้ามีกรรมการคนใดประสงค์จะขอถอนตัวจากการพิจารณาก็ได้ แต่ต้องไม่เสียประโยชน์แก่การพิจารณาของคณะกรรมการ
กำหนดขอบเขตการใช้อำนาจของพนักงานกรมสรรพากร
กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาในการตรวจสอบและประเมินการ
วิจัยปัญหาเกี่ยวกับอากรที่กรมศุลกากรขอความเห็น
ให้คำปรึกษาหรือเสนอแนะรัฐบาลในกรณีการจัดเก็บอากร การดำเนินตาม (๑) และ (๒) เมื่อได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลแล้วเสนอใน ราชกิจจานุเบกษาแล้วให้พนักงานศุลกากรปฏิบัติตาม คำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยอากรศุลกากรตาม (๓) ให้เป็นที่สุด
คณะกรรมการวินิจฉัยอากรศุลกากรโดยทำคำคัดค้านภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับ การยื่นอุทธรณ์และวิธีพิจารณาอุทธรณ์ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด
อากรตามที่พนักงานศุลกากรประเมินไว้ เว้นแต่ผู้ยื่นอุทธรณ์ได้รับอนุญาตจากอธิบดีให้ร้องขอ อุทธรณ์หรือคำพิพากษาสูงที่สุด ผู้ยื่นอุทธรณ์ที่ได้รับอนุญาตให้เสนอการเสียอากรตามวรรคหนึ่ง ต้องเสียอากรให้ ครบถ้วนภายในกำหนดกำหนดสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการพิจารณาอุทธรณ์หรือคำวินิจฉัยอุทธรณ์ หรือวันอื่นที่อธิบดีกำหนด ในกรณีที่ผู้ยื่นอุทธรณ์ไม่เสียอากรตามที่ได้แจ้งการพิจารณาอุทธรณ์ ผู้ยื่นอุทธรณ์จะต้องเสียอากรใน กำหนดระยะเวลานับแต่วันที่ได้รับแจ้งการพิจารณาอุทธรณ์
เป็นประธานกรรมการ ผู้แทนกรมสรรพากร ผู้แทนกรมสรรพสามิต ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกา และผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นกรรมการ ให้อธิบดีแต่งตั้งข้าราชการในกรมศุลกากรคนหนึ่งเป็นเลขานุการและอีกไม่เกินสอง คนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ
มีคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เพิ่มเติมอีกคณะหนึ่งหรือหลายคณะก็ได้ โดยให้คณะกรรมการ พิจารณาอุทธรณ์ดังกล่าวมีองค์ประกอบตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๓๙
กำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมและให้แจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์ให้ผู้ยื่นอุทธรณ์ทราบโดยเร็ว การอุทธรณ์ ในกรณีที่เหตุจำเป็น คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์อาจมีมติให้ขยายระยะเวลาพิจารณา อุทธรณ์ออกไปได้ แต่ต้องไม่เกินกำหนด
ในกรณีที่ผู้ร้องของแจ้งหรือผู้ร้องของออกคำสั่งให้ฟ้องคำคดี ให้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ยกเลิกการของผู้ร้องของเข้าหรือผู้ร้องของออกนั้น
ให้นำบทบัญญัติมาตรา ๔๘ มาใช้บังคับกับการประชุมของคณะอนุกรรมการตามวรรคหนึ่งโดยอนุโลม
การนำของเข้าทางทะเล ให้ถือว่าเป็นอันสำเร็จเมื่อเรือที่นำของเข้ามาในได้เข้า มาในเขตท่าที่จะขนถ่ายของขึ้นตามเอกสารที่เกี่ยวข้อง ส่วนการส่งของออกทางทะเล ให้ถือว่า เป็นอันสำเร็จเมื่อเรือที่ส่งของออกไปได้ออกจากเขตท่าที่จะขนถ่ายของลงตามเอกสารที่เกี่ยวข้อง
การนำของเข้าทางบก ให้ถือว่าเป็นอันสำเร็จเมื่อยานพาหนะที่นำของเข้ามา นั้นได้เข้ามาถึงเขตด่านศุลกากร ส่วนการส่งของออกทางบก ให้ถือว่าเป็นอันสำเร็จเมื่อยานพา หนะที่ส่งของออกไปได้ออกจากเขตด่านศุลกากรตามเอกสารที่เกี่ยวข้อง
การนำของเข้าทางอากาศ ให้ถือว่าเป็นอันสำเร็จเมื่ออากาศยานที่นำของเข้ามา นั้นได้เข้ามาถึงเขตพื้นที่ด่านศุลกากร ส่วนการส่งของออกทางอากาศ ให้ถือว่าเป็นอันสำเร็จเมื่ออากาศ ยานที่ส่งของออกไปได้ออกจากสนามบินที่เป็นด่านศุลกากรที่ขนถ่ายของขึ้นไปบนอากาศยาน
การนำของเข้าทางไปรษณีย์ ให้ถือว่าเป็นอันสำเร็จเมื่อได้รับของในเขตพื้นที่ ส่วน การส่งของออกทางไปรษณีย์ ให้ถือว่าเป็นอันสำเร็จเมื่อได้จัดส่งไปยังประเทศปลายทาง ตาม (๑) (๒) หรือ (๓) แล้วแต่กรณี โดยต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดี ประกาศกำหนด
การยื่นใบขนสินค้า การเสียอากร และการวางประกันตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด เมื่อมีเหตุตามข้อร้องขอและร้องเรียนที่เห็นว่าความจำเป็นต้องนำของโดยด่วนจาก อารักขาของศุลกากรหรือต้องส่งของโดยด่วนไปนอกราชอาณาจักรโดยเร่งด่วน อธิบดีอาจอนุญาต ให้ทำของนั้นไปจากอารักขาของศุลกากรหรือส่งของนั้นออกไปนอกราชอาณาจักรโดยยังไม่ต้องไป ขนสินค้าให้สมบูรณ์หรือยังไม่เสียอากรครบถ้วน ทั้งนี้ อธิบดีอาจกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ร้องขอ วางประกันหรือให้คำรับรองไว้ก่อนก็ได้ และในกรณีดังกล่าว ให้ผู้ร้องขอปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด
ชนิดแห่งของ
ปริมาณ น้ำหนัก และคุณภาพแห่งของ
ราคาศุลกากร
ประเทศต้นทางหรือประเทศปลายทาง เมื่อพนักงานศุลกากรได้ตรวจสอบรายการที่แสดงไว้ในใบขนสินค้าแล้วเห็นว่า รายการที่แสดงไว้เป็นครบถ้วน ให้พนักงานศุลกากรลงนามรับรองในใบขนสินค้าหรือใช้วิธีการอื่นใด ตามที่อธิบดีศุลกากรกำหนดเพื่อรับรองว่ารายการที่แสดงไว้เป็นครบถ้วนแล้ว
เมื่อการดำเนินการตามสินค้าบนใบขนที่ผู้นำของเข้าได้รับอนุญาตให้เปิดตรวจของตาม วรรคหนึ่งแล้วผู้นำของเข้ายังไม่ยื่นใบขนสินค้าและไม่เสียอากรหรือวางประกันให้ถูกต้องครบถ้วน ภายในกำหนดระยะเวลาตามวรรคสอง ให้ถือว่าของนั้นเป็นของต้องห้ามนำเข้าของศุลกากร
เมื่อพนักงานศุลกากรได้ประเมินอากรที่ต้องเสียและแจ้งจำนวนเงินอากรที่ผู้นำของ ออกให้เสียอากรแล้ว ผู้นำของเข้าต้องชำระอากรดังกล่าวภายในกำหนดระยะเวลาที่ได้รับแจ้งให้ครบถ้วน ภายในกำหนดตามสินค้าบนใบขนที่ได้รับแจ้ง ในกรณีที่มีการวางเงินประกันตามพระราชบัญญัติ และเงินดังกล่าวคุ้มครองการเสียอากรได้ ให้พนักงานศุลกากรคืนเงินประกันหรือเงินอากรส่วนเกิน ที่ประเมินได้ และให้ของที่นำเข้าหรือส่งออกได้เมื่อศุลกากรรับเงินครบถ้วนแล้ว
ลงเลขหมายหรือการอนุญาตให้กระทำการนั้น หรือการขนย้ายของไปเก็บในที่สำหรับเก็บจนอาจจะได้รับมอบไปให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของเจ้าหรือผู้ส่งของออก โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายของตนเอง
ผู้ส่งของออก
ผู้ส่งของส่งออกไปในนามของผู้ส่งของออก ณ ที่ทำการไปรษณีย์ สำหรับการส่งของออก
ในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัย พนักงานศุลกากรจากด่านศุลกากรพัสดุไปรษณีย์ให้ได้ตามที่วางผู้จะส่งออกไปหรือผู้รับของส่ง หรือผู้ที่เกี่ยวข้องรับของ ได้แสดงต่อพนักงานศุลกากรว่าไม่มีของต้องห้าม ของต้องจำกัด หรือของที่มิได้เสียอากรในตามกฎหมายหรือในพัสดุภัณฑ์
ในกรณีที่มีความผิดเกิดขึ้น ให้ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าหรือส่งออกของนั้น และต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นในกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายศุลกากรหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่อธิบดีได้ออกประกาศบังคับเกี่ยวกับการเก็บและรักษาซึ่งบัญชี เอกสาร หลักฐาน และข้อมูลที่จำเป็นต่อกิจการ การเก็บและรักษาซึ่งบัญชี เอกสาร หลักฐาน และข้อมูลที่อธิบดีประกาศบังคับ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด
การนำของเข้าและการส่งของออกทางทะเล
การทำรายงานเรือเข้าและการยื่นบัญชีสินค้าต่าง ๆ กับเรือของทางราชการ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด ในกรณีที่เรือของทางราชการหนึ่งลำซึ่งทำหน้าที่เป็นพนักงานศุลกากร และมีของจากต่างประเทศอยู่ในเรือและประสงค์จะส่งของออกไปนอกราชอาณาจักร หรืออื่นของที่จะขนขึ้น ณ ที่อื่นภายในราชอาณาจักร นายเรือต้องแสดงข้อความเกี่ยวกับของนั้นไว้ในรายงานเรือเข้า
อำนวยความสะดวกแก่พนักงานศุลกากรในการที่จะขึ้นบนเรือและเข้าไปในเรือ
ทอดสมอเรือ เมื่อพนักงานศุลกากรสั่ง
ตอบคำถามของพนักงานศุลกากรเกี่ยวกับเรือ คนประจำเรือ ตนโดยสาร การเดินทางและลักษณะแห่งของในเรือ
รายงานเกี่ยวกับอาวุธปืน กระสุนปืน ดินปืน หรือวัตถุระเบิดอื่นซึ่งมีในเรือและสำหรับกรณีเป็นของใช้ในเรือ ให้แสดงรายการของนั้นด้วย และพนักงานศุลกากรมีสิทธิ์ตรวจสอบของดังกล่าวได้
อำนวยความสะดวกแก่พนักงานศุลกากรในการตรวจสอบของที่มีอยู่ในเรือ
ปฏิบัติการอื่นใดตามที่จำเป็นต่อการตรวจของพนักงานศุลกากรที่เกี่ยวกับการปฏิบัติราชการทางศุลกากร
ใบขนสินค้าหรือมีได้ดำเนินการเพื่อให้พนักงานศุลกากรตรวจของหรือส่งของไปโดยถูกต้อง พนักงานศุลกากรจึงสั่งให้มีการนำของขึ้นบนที่ในสถานที่ที่พนักงานศุลกากรกำหนด โดยให้ นายเรือหรือผู้บังคับของเรือเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าวทั้งสิ้น พนักงานศุลกากรอาจอนุญาตให้นำของผ่านเข้าไปในอาคารหรือที่เก็บของซึ่งนำเข้า ของได้ต่อเมื่อมีการชำระค่าภาษีอากรที่เกี่ยวกับของนั้นเสร็จสิ้นแล้ว
อธิบดีอาจให้อำนาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตามวรรคหนึ่งได้ หากนายเรือได้แสดงหลักฐานอันสมควรว่าการล่าช้าดังกล่าวเกิดจากเหตุสุดวิสัยหรือเหตุที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ พนักงานศุลกากรอาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากนายเรือที่ได้ออกจากเขาเขตท่าแล้วได้ ชำระค่าธรรมเนียมแต่ละเที่ยวที่เข้ามายังการท่าเรือนั้น
ในกรณีที่ปรากฏว่าของดังกล่าวนั้นได้ทำลายทิ้งหรือระงับไว้ หากผู้ส่งของออกไม่ดำเนินการตามที่กำหนดในวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ให้ริบของนั้น
ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินหรือความจำเป็นเร่งด่วน อธิบดีอาจอนุญาตให้นำถ่ายของนอกเขตที่จอดเรือภายนอกได้เป็นการเฉพาะคราว ทั้งนี้ อธิบดีอาจกำหนดเงื่อนไขให้ต้องปฏิบัติไว้ด้วยก็ได้
การขนถ่ายของนอกเขตท่าเรือภายนอกจะกระทำได้เฉพาะในเขตที่อธิบดีกำหนดเท่านั้น โดยอธิบดีอาจกำหนดให้มีเจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำอยู่ในเขตที่ขนถ่ายของดังกล่าวด้วยก็ได้
เมื่อนำของมาถึงเขตท่าเรือภายนอกที่ได้รับอนุญาตให้นำของถ่ายลำแล้ว ให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสอบและจัดทำบัญชีสินค้าตามหลักฐานที่ปรากฏในเอกสารดังกล่าว และให้จัดทำบัญชีสินค้าดังกล่าวเป็นใบอนุญาตนำของถ่ายลำไปยังเขตท่าเรือภายนอกที่ได้รับอนุญาต เมื่อเรือเลี่ยงลำมาถึงที่เขตท่าเรือภายนอกแล้ว ให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรจัดส่งบัญชีสินค้าดังกล่าวไปยังเจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำเขตท่าเรือภายนอกนั้น แล้วจึงขนถ่ายของลงในที่เก็บพักรอศุลกากรก่อน
เมื่อนำของมาถึงเขตท่าเรือภายนอกที่ได้รับอนุญาตให้นำของถ่ายลำแล้ว ให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสอบความถูกต้องของบัญชีสินค้าดังกล่าวแล้ว ให้ส่งบัญชีสินค้าดังกล่าวไปยังเจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำเขตท่าเรือภายนอกนั้น แล้วจึงขนถ่ายของลงในที่เก็บพักรอศุลกากรก่อน ในกรณีที่นำของมาถึงเขตท่าเรือภายนอกที่ได้รับอนุญาตให้นำของถ่ายลำแล้วพบว่าของดังกล่าวมีลักษณะไม่เป็นไปตามบัญชีสินค้าที่ได้รับอนุญาต ให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรต่อไป ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินหรือความจำเป็นเร่งด่วน อธิบดีอาจอนุญาตให้นำของถ่ายลำได้ ทั้งนี้ อธิบดีอาจกำหนดเงื่อนไขให้ต้องปฏิบัติไว้ด้วยก็ได้ ``` - ๒๓ - สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ยื่นคำขออนุญาตต่อพนักงานศุลกากรผู้กำกับท้องที่ขออนุญาตเพื่อบรรทุกของดังกล่าวลงในเรือหรือสิ่งที่ขอเรือภายนอกนั้นที่จะเดินทางไปยังท่าเรือต่างประเทศที่เดียวกันกับที่ระบุไว้ในใบอนุมัติบัตร
ส่งของลงบรรทุกสิ่งที่ส่งออกไป โดยต้องแจ้งใบรับรองให้แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับของนั้นจากพนักงานศุลกากรผู้กำกับท้องที่ออกใบอนุญาตเพื่อบันทึกหมายเลขพนักงานศุลกากรประจำด่านศุลกากรและหมายเลขใบรับรองในใบอนุญาตนั้น และให้พนักงานศุลกากรประจำด่านศุลกากรลงลายมือชื่อรับรองในใบรับรองดังกล่าวไว้ด้วย ทั้งนี้ ให้ส่งของออกไปยังเรือหรือสิ่งที่ขอเรือภายนอกนั้นให้เสร็จสิ้นก่อนกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในใบอนุญาตนั้น เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากรผู้กำกับท้องที่ตามมาตรา ๔๖ วรรคสองและวรรคสาม มาใช้บังคับกับของนั้นไว้ การยื่นคำขออนุญาตตาม (๖) และการขอใบรับรองตาม (ข) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด
ในกรณีที่นายเรือไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานศุลกากรผู้กำกับท้องที่ขอเรือภายนอกยังมีอำนาจที่จะไม่เสียอากรหรือตรวจรับเรือ หรือกำหนดเงื่อนไขเพื่อที่จะให้พนักงานศุลกากรผู้กำกับท้องที่มีอำนาจยกใบปล่อยเรือไว้ใช้ในเขตที่ขอเรือภายนอกนั้นได้
การขนส่งของตามทางอนุมัติที่อยู่ในเขตอื่นนอกจากเขตที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่งต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากรผู้กำกับท้องที่ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด
```
ยื่นบัญชีสินค้าต่อศุลการกรของท้องที่บริเวณด่านพรมแดนตามแบบที่กรมกำหนดพร้อมทั้งจำนวนของของนั้น ให้พนักงานศุลการกรประจำด่านพรมแดนตรวจสอบที่ขนส่งมา และเมื่อเห็นว่าของดังกล่าวถูกต้องตามบัญชีสินค้านั้น ให้ส่งไปยังด่านพรมแดนปลายทางโดยให้เจ้าหน้าที่ของด่านพรมแดนต้นทางลงชื่อในบัญชีสินค้านั้น ให้ส่งไปยังด่านพรมแดนปลายทางโดยให้เจ้าหน้าที่ของด่านพรมแดนต้นทางลงชื่อในบัญชีสินค้านั้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่ด่านพรมแดนปลายทางตรวจสอบได้
เมื่อได้รับใบอนุญาตผ่านด่านศุลการกรแล้ว ให้ขนของมายังด่านพรมแดนโดยพลันตามทางอนุมัติด้วยยานพาหนะเดียวกันกับที่ใช้เข้ามา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลการกรให้เปลี่ยนยานพาหนะหรือให้ขนด้วยวิธีอื่นได้ และมิให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงของ หรือห่อหรือบรรจุจุดนั้นด้วยประการใด ๆ
ยื่นบัญชีสินค้าที่มีลายมือชื่อของพนักงานศุลการกรประจำด่านพรมแดนต่อพนักงานศุลการกรประจำด่านศุลการกรเพื่อตรวจสอบความถูกต้องและดำเนินการศุลการกรต่อไป
ยื่นบัญชีสินค้าต่อพนักงานศุลการกรของท้องที่บริเวณด่านพรมแดนตามแบบที่กรมกำหนดพร้อมทั้งจำนวนของของนั้น ให้พนักงานศุลการกรประจำด่านพรมแดนตรวจสอบที่ขนส่งมา และเมื่อเห็นว่าของดังกล่าวถูกต้องตามบัญชีสินค้านั้น ให้ส่งไปยังด่านพรมแดนปลายทางโดยให้เจ้าหน้าที่ของด่านพรมแดนต้นทางลงชื่อในบัญชีสินค้านั้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่ด่านพรมแดนปลายทางตรวจสอบได้
เมื่อได้รับใบอนุญาตผ่านด่านศุลการกรแล้ว ให้ขนของมายังด่านพรมแดนโดยพลันตามทางอนุมัติด้วยยานพาหนะเดียวกันกับที่ใช้เข้ามา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลการกรให้เปลี่ยนยานพาหนะหรือให้ขนด้วยวิธีอื่นได้ และมิให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงของ หีบห่อ หรือบรรจุจุดนั้นด้วยประการใด ๆ
ยื่นบัญชีสินค้าที่มีลายมือชื่อของพนักงานศุลการกรประจำด่านพรมแดนต่อพนักงานศุลการกรประจำด่านพรมแดนเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง
ให้ผู้ส่งของออกคืนใบกำกับภาษีอันเป็นต้นฉบับนั้นต่อพนักงานศุลการกร หรือ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา - ๒๓ -
ส่งของออกไปนอกราชอาณาจักรภายในกำหนดสิ้นวันนับแต่วันที่ทำการตรวจปล่อย ในกรณีที่ปรากฏว่าของนั้นได้ทำลายหรือมีประกัน หากผู้ส่งของออกไม่ดำเนินการตามที่กำหนดให้พัสดุภัณฑ์หรือวัตถุระเบิด ให้ริบของนั้น
อำนวยความสะดวกแก่พนักงานศุลกากรในการขึ้นไปบนอากาศยาน
ตอบคำถามใด ๆ ของพนักงานศุลกากรเกี่ยวกับอากาศยาน คนประจำอากาศยาน คนโดยสารการเดินทาง และของที่ขนส่งไปกับอากาศยานนั้น
รายงานเกี่ยวกับอาวุธ ปืน กระสุนปืน ดินปืน หรือวัตถุระเบิดซึ่งมีอยู่ในอากาศยาน และให้ส่งมอบอาวุธปืนและกระสุนปืนแก่พนักงานศุลกากรทันที เมื่อพนักงานศุลกากรร้องขอสำหรับดินปืนและวัตถุระเบิดให้ส่งมอบแก่พนักงานศุลกากรซึ่งได้รับอนุญาตเฉพาะเพื่อการนั้น
เมื่อพนักงานศุลกากรได้รับรองรายงานอากาศยานแล้ว ให้ถือว่าอากาศยานนั้นได้ปล่อยออกนอกราชอาณาจักรได้ การรับรองรายงานอากาศยานให้กระทำโดยพนักงานศุลกากรประจำสนามบินที่เป็นด่านศุลกากรนั้น เพื่อให้อากาศยานเดินทางออกนอกราชอาณาจักรได้ การทำรายงานและการยื่นบัญชีสินค้าสำหรับอากาศยานดังกล่าว ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด
ในกรณีที่พนักงานศุลกากรไม่สามารถส่งของออกไปยังนอกราชอาณาจักรได้ ให้พนักงานศุลกากรแจ้งเหตุให้ผู้ส่งของออกไปยังนอกราชอาณาจักรนั้นทราบ และให้พนักงานศุลกากรดำเนินการจัดเก็บของนั้นไว้ในสถานที่ที่พนักงานศุลกากรกำหนด ทั้งนี้ ให้ผู้ส่งของออกไปยังนอกราชอาณาจักรนั้นรับผิดชอบค่าเก็บของดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ผู้ส่งของออกดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งกับของที่เก็บไว้ตามวรรคหนึ่ง ดังต่อไปนี้
ขอรับของคืนภายในกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งต่อพนักงานศุลการกร หรือ
ส่งของออกไปนอกราชอาณาจักรภายในกำหนดดังกล่าวนั้น เว้นแต่ภายหลังพ้นกำหนดดังกล่าวแล้วสำหรับกรณีของที่เก็บไว้ในคลังสินค้าทัณฑ์บน ในกรณีที่ปรากฏว่าของนั้นได้ทำลายหรือสูญหายหรือมีประการอื่นใด ทุกฝ่ายซึ่งของออกไม่ดำเนินการตามที่กำหนดในวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ให้ปรับของนั้น
ตัวแทน
ให้ถือว่าบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้เป็นตัวแทนตามวรรคหนึ่ง เป็นตัวแทนของของที่ได้นำเข้า ส่งออกผ่านคนแดนหรือถ่ายลำด้วย
ในกรณีตัวแทนที่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 95 ให้ถือเป็นตัวแทนของผู้ส่งของออกให้ใช้สิทธิออกของในคลังสินค้าทัณฑ์บนได้ด้วย โดยไม่ต้องมีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรที่ระบุให้ความจำนวนที่เห็นสมควรและไม่ทำให้ผู้แทนผู้ส่งของออกขาดความรับผิดชอบตามพระราชบัญญัตินี้หรือ ตามกฎหมายอื่น
การผ่านแดน การถ่ายลำ และของตกค้าง
การผ่านแดนและการถ่ายลำ
ของตามวรรคหนึ่งไม่อยู่ภายใต้ความรับผิดที่จะต้องเสียอากร หากได้ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง และได้นำของออกไปจากราชอาณาจักรภายในระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในใบขนผ่านแดนหรือรายอย่างจักร การผ่านแดนที่มีการข้ามแดนทางน้ำให้กระทำได้เมื่อมีความตกลงระหว่างประเทศ
มีเหตุเชื่อได้ในการก่อการร้ายหรือเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย
ขัดขืนต่อพนักงานศุลกากรหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของประเทศ
มีการแสดงสำแดงอันเป็นเท็จ
เป็นของผิดกฎหมายที่เกี่ยวกับการผ่านแดนหรือการถ่ายลำ การตรวจหรือค้นตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด
ตัวกลางสามารถเรียกค่าใช้จ่ายได้โดยไม่ผิดกฎหมาย โดยให้พนักงานศุลกากรอนุมัติและกำหนดค่าใช้จ่ายในการนั้น
หรือค่าเบี้ยปรับทางแพ่งในกรณีที่มีอาการปกป้องหรือพิสูจน์ทรัพย์สินทางการค้าหรืออุตสาหกรรม รวมทั้งการปฏิบัติ ตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีอยู่ด้วย
ของกลางค้าง
ของนำเข้าที่เป็นสินค้าอันตรายตามบัญชีหรือประเภทที่กำหนดมาตรา 5 (4) และมีใบอนุญาตเขตศุลกากรภายในระยะเวลาที่อธิบดีประกาศกำหนด
ของนำเข้านอกจาก (ก) ที่อยู่ในอารักขาของศุลกากรเกินสามสิบวันโดยไม่มี การยื่นใบขนสินค้าและไม่มีการขอรับรองการจัดทำใบกำกับต่อ แต่ผู้รับยังไม่ยอมดำเนินการให้ถูกต้อง ภายในกำหนดเวลาดังกล่าวนั้นจนถึงวันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากอธิบดี
ของนำเข้านอกจาก (ก) ที่ยื่นใบขนสินค้าและเสียอากรหรือวางประกันค่า อากรไม่ครบถ้วน และไม่ได้ขอใบอนุญาตออกใบกำกับของศุลกากรภายในกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ ได้รับหนังสือแจ้งจากอธิบดี
ให้นำของศุลกากรนั้นออกขายทอดตลาดหรือทำลาย หรือ
ให้นำของเข้าเรือผู้ขนส่ง ส่งของออกไปนอกราชอาณาจักร หากไม่ปฏิบัติตาม ให้พนักงานศุลกากรมีอำนาจขายทอดตลาดได้ โดยให้นำผลคงค้างส่งคืนผู้เสียสิทธิในสินค้า การดำเนินการกับของกลางค้างตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด และในกรณีที่เป็นการดำเนินการกับของกลางค้างตามมาตรา 107 (ก) ต้องดำเนินการแจ้งรายละเอียดข่าวให้กับประชาชน การทำลายของกลางค้างตาม (ก) หรือ (ข) แล้วแต่กรณี ให้ดำเนินการโดยวิธี ปลอดภัยต่อบุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อม ถ้าของนั้นเป็น "ของกลางค้างตาม (ก)" จะไม่เสียเงินค่าภาระหรือค่าอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำลายของกลางค้างนั้น
การขอรับใบแทนใบอนุญาตและการออกใบแทนใบอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด
การดำเนินการ
เก็บของในคลังสินค้าทัณฑ์บน
แสดงและขายของที่เก็บในคลังสินค้าทัณฑ์บน
ผลิต ผสม ประกอบ บรรจุ หรือดำเนินการด้วยวิธีอื่นใดกับของที่เก็บในคลังสินค้าทัณฑ์บน
ในกรณีที่เห็นสมควร อธิบดีอาจสั่งให้ทำการตรวจของเข้า หรือตรวจของออก ณ สถานที่ใดสถานที่หนึ่งนอกจากที่กำหนดในวรรคหนึ่งก็ได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด
การเปลี่ยนแปลง การเคลื่อนย้าย หรือการดำเนินการใด ๆ แก่ของ หีบห่อ หรือภาชนะบรรจุเครื่องหมายแสดงตามลักษณะทั่วไป อาจทำให้เป็นโจรกรรมทรัพย์สิน ต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากร หรือดำเนินการตามกฎหมาย ของ หีบห่อ หรือภาชนะบรรจุใด ที่มีการเปลี่ยนแปลง การเคลื่อนย้าย หรือการดำเนินการใด ๆ โดยมิได้เป็นไปตามที่กำหนดในวรรคสอง ให้ริบเสียทั้งสิ้น
รายละเอียดแห่งของซึ่งพนักงานศุลกากรได้รับรองตามวรรคหนึ่ง ให้ใช้สำหรับประเมินอากรนำเข้าของนั้นในกรณีที่ได้ใช้ของดังกล่าวสำหรับการผลิต ผสม ประกอบ บรรจุ หรือดำเนินการด้วยวิธีอื่นในคลังสินค้าทัณฑ์บน ให้คำนวณปริมาณที่ใช้จากหลักเกณฑ์ที่อธิบดีประกาศกำหนดหรือเห็นชอบ ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บน จัดทำและยื่นรายงานการขนของตามวรรคหนึ่งเข้าเก็บในคลังสินค้าทัณฑ์บนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด
การปล่อยของออกไปจากคลังสินค้าทัณฑ์บน หากเป็นการโอนเข้าไปในคลังสินค้าทัณฑ์บนอื่นหรือจำหน่ายให้แก่ผู้ประกอบกิจการตามมาตรา ๔๐ หรือผู้ส่งเสริมได้รับยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน ให้ถือว่าเป็นการส่งออกนอกราชอาณาจักร และให้ผู้ประกอบกิจการตามมาตรา ๔๐ หรือผู้ส่งเสริมได้รับยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนที่รับโอนหรือซื้อสินค้าทัณฑ์บนดังกล่าวปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด การรับของที่โอนหรือขายตามความวรรคสอง ให้ถือว่าเป็นการนำเข้ามาในราชอาณาจักรหรือเป็นการสำเร็จในเวลาที่ปล่อยของเช่นนั้นออกไปจากคลังสินค้าทัณฑ์บน โดยให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด มีใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มไม่เข้าข่ายกับการขายของในราชอาณาจักรที่ต้องเสียภาษีขายเข้าไปในคลังสินค้าทัณฑ์บน และได้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักรในสภาพเดิม
ของที่อยู่ระหว่างขนย้ายเพื่อเก็บในคลังสินค้าทัณฑ์บน โรงพักสินค้า หรือที่มั่นคง ในเวลาที่ขนย้ายหรือรับฝากเก็บในคลังสินค้าทัณฑ์บน โรงพักสินค้า หรือที่มั่นคง
ของที่อยู่ระหว่างการขนย้าย ณ หรือระหว่างผู้ขนย้าย
ของที่เสียไปขณะเก็บรักษา ณ หรือระหว่างการเก็บในคลังสินค้าทัณฑ์บน หรือที่มั่นคง ทัณฑ์บน หรือ
ของที่เตรียมไปจนสิ้นสภาพเพื่อขอออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บน ในขณะที่รับมอบไปจากคลังสินค้าทัณฑ์บน การยกเว้นอากรและการคืนอากรตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด
การแจ้งเลิกการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
แจ้งให้ผู้นำของเข้านำของออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บน พร้อมทั้งเสียอากรให้ครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กำหนด
ส่งของออกไปนอกราชอาณาจักร หรือส่งของไปเก็บในโรงพักสินค้าทัณฑ์บน เขตปลอดอากรหรือเขตประกอบการเสรีตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร หรือในคลังสินค้าทัณฑ์บน หรือส่งขายให้แก่บุคคลซึ่งได้รับอนุญาตตามมาตรา ๒๙ หรือมีสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยพิพิธภัณฑ์สถานการพิจารณาอนุมัติ และจัดการดังกล่าว ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด ในกรณีที่เป็นโรงพักสินค้าหรือที่มั่นคง ให้ถือว่าสถานที่เก็บในโรงพักสินค้าหรือที่มั่นคง นั้นเป็นของตกค้างและให้ดำเนินการกับของตกค้างตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยศุลกากร อธิบดีอาจสั่งให้ผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บน โรงพักสินค้าหรือที่มั่นคงเลิกการดำเนินการได้ต่อเมื่อไม่ดำเนินการตามวรรคสองหรือวรรคสามและและให้ในบุคคลที่เสียอากรนั้นๆ ที่เกี่ยวข้องดูแลให้เกิดการดำเนินการนั้น
การพักใช้และเพิกถอนใบอนุญาต
ผู้ได้รับใบอนุญาตที่ถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตต้องดำเนินการตามคำสั่งในมาตราดังกล่าวภายในระยะเวลาที่อธิบดีกำหนด
ไม่ดำเนินการภายใต้กำหนดเงื่อนไขหรือข้อบังคับที่ได้รับใบอนุญาต หรือหยุดดำเนินการติดต่อกันเกินกว่าหกเดือนหรือปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินการที่ได้รับการกำหนดไว้ตามกำหนดหรือวิธีการ และเงื่อนไขซึ่งเป็นประการกำหนด
ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งพักใช้ใบอนุญาต
ไม่ชำระค่าธรรมเนียมรายปีภายในระยะเวลาที่อธิบดีกำหนดตามมาตรา ๑๓๓ วรรคสอง
เขตปลอดอากร
การจัดตั้งเขตปลอดอากร
การขออนุญาตและการอนุญาตตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง และเมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงจะดำเนินการจัดตั้งเขตปลอดอากรนั้นได้
เป็นรัฐวิสาหกิจ นิติบุคคลตามกฎหมาย หรือเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ
มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ที่จะใช้ในการจัดตั้งเขตปลอดอากรในพื้นที่ที่จะจัดตั้ง ``` - ๓๔ - สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตจัดตั้งเขตปลอดอากร
ไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้งเขตปลอดอากร เว้นแต่ได้ถูกเพิกถอน ใบอนุญาตมาแล้วเกินสามปีก่อนที่จะยื่นขอรับใบอนุญาต
มีคุณสมบัติหรือไม่มีลักษณะต้องห้ามอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
ใบอนุญาตจัดตั้งเขตปลอดอากรต้องแจ้งเจ้าพนักงานศุลกากรภายในระยะเวลาที่กำหนด ในกรณีที่ผู้ได้รับใบอนุญาตถึงแก่กรรมและไม่อาจระบุกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของผู้ได้รับ ใบอนุญาตหรือองค์กรนั้นได้ ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตดำเนินการตามที่กำหนด
ชำรุดในสาระสำคัญ ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตภายในกำหนดนับแต่ วันที่ได้รับการรับแจ้งการสูญหาย ถูกทำลาย หรือชำรุดดังกล่าว การขอรับใบแทนใบอนุญาตและการออกใบแทนใบอนุญาต ให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขอื่นที่ประกาศกำหนด
แทนใบอนุญาต แล้วแต่กรณี ไว้ในที่เปิดเผยเห็นได้ ณ สถานที่ทำการของผู้ได้รับใบอนุญาต
ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดในกรณีที่มีการยกเลิกกิจการหรือเลิก การดำเนินการ การแจ้งเลิกการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
ตามมาตรา ๑๓๖ ต้องหยุดการดำเนินการตามที่ได้รับอนุญาตและแจ้งให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบ กิจการในเขตปลอดอากรดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
นำของออกจากเขตปลอดอากร พร้อมทั้งเสียอากรให้ครบถ้วนภายในระยะเวลา ที่อธิบดีศุลกากร หรือ
ส่งของออกไปนอกราชอาณาจักร หรือนำของไปยังเขตปลอดอากรอื่น หรือเขตประกอบการเสรีตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ โดยให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการในเขตปลอดอากรดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในระยะเวลาที่อธิบดีศุลกากรกำหนด ทั้งนี้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขอื่นที่ ประกาศกำหนด อธิบดีศุลกากรอาจให้ใบอนุญาตจัดตั้งเขตปลอดอากรเลิกการดำเนินการ ต่อเมื่อได้ดำเนินการตามวรรคหนึ่งแล้ว และให้แจ้งยกเลิกใบอนุญาตดังกล่าวในระบบ โลจิสติกส์ด้านศุลกากรนั้น ```
การขออนุญาตประกอบกิจการในเขตปลอดอากร
การขออนุญาตและการอนุญาตตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง และเมื่อได้รับอนุญาตแล้วจะประกอบกิจการในเขตปลอดอากรนั้นได้
เป็นนิติบุคคล
ได้รับความยินยอมให้ประกอบกิจการจากผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งเขตปลอดอากร
ไม่เป็นผู้ยื่นคำขอระหว่างคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการในเขตปลอดอากร
ไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการในเขตปลอดอากร เว้นแต่ได้ถูกเพิกถอนใบอนุญาตมาแล้วเกินสามปีนับแต่วันที่ขอรับใบอนุญาต
มีคุณสมบัติหรือไม่มีลักษณะต้องห้ามอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
ในกรณีที่ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตปลอดอากรมีความประสงค์จะเปลี่ยนแปลง เพิ่ม หรือลดประเภทกิจการที่ดำเนินการ หรือขออนุญาตต่ออายุสิทธิพิเศษที่เคยกำหนด วิธีการ และเงื่อนไขซึ่งอธิบดีประกาศกำหนด และเมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงจะดำเนินการต่อไปได้
สิทธิประโยชน์ในเขตปลอดอากร
เครื่องจักร อุปกรณ์ เครื่องมือและเครื่องใช้ รวมทั้งส่วนประกอบแห่งของดังกล่าวที่จำเป็นต่อการประกอบกิจการ โดยให้รวมถึงสิ่งที่ใช้ในการสร้าง ประกอบ ติดตั้งโรงงานหรืออาคารในเขตปลอดอากร
ของที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในการประกอบอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม หรือกิจการอื่นใดที่เป็นประโยชน์แก่เศรษฐกิจของประเทศ หรือ
ของที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในการบรรจุหีบห่อสินค้าที่ผลิตหรือประกอบในเขตปลอดอากร การยกเว้นอากรขาเข้าและอากรขาออกตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
การจำหน่ายจ่ายแจกของดังกล่าวในกรณีการนำเข้ามาในเขตปลอดอากรให้พิจารณาให้ได้รับยกเว้นอากรขาเข้าและอากรขาออกในส่วนที่เกินในส่วนที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร การยกเว้นอากรดังกล่าวให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง มาตรฐานหรือคุณภาพ การประพฤติชอบ หรือเครื่องหมายใด ๆ แก่ของนั้นบันทึกวันที่นำออกจากเขตปลอดอากร โดยถือเสมือนว่าของนั้นได้เข้ามาในราชอาณาจักรในวันที่ของนั้นถูกนำออกจากเขตปลอดอากร การนำของเข้าเขตปลอดอากร การปล่อยของออกจากเขตปลอดอากรตามหมวดนี้ วรรคสอง และวรรคสาม ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด
หน้าที่นายศุลกากร
เข้าไปในสถานประกอบการหรือสถานที่อื่นที่เกี่ยวกับการประกอบการของผู้นำของเข้า ผู้ส่งของออก ผู้นำส่ง หรือคนแทนของบุคคลดังกล่าว หรือบุคคลอื่นซึ่งอาจนำหรือส่งของเข้าออกนอกราชอาณาจักร หรือสถานที่ที่มีไว้เพื่อเก็บของที่นำเข้าหรือส่งออกนอกราชอาณาจักร หรือสถานที่อื่น ในการนี้ อาจสั่งให้บุคคลดังกล่าวหรือบุคคลอื่นในสถานที่นั้นกระทำการเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ
จับกุมผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ โดยไม่ต้องมีหมายจับ เมื่อปรากฏว่ามีการกระทำความผิดซึ่งหน้า หรือมีเหตุอันควรเชื่อว่าบุคคลบางคนจะมีการกระทำความผิดฐานใดฐานหนึ่งตามพระราชบัญญัตินี้ เพื่อส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไป
ยึดหรืออายัดบัญชี เอกสาร หลักฐาน ข้อมูล หรือสิ่งของอื่นใดที่อาจใช้พิสูจน์ความผิดตามพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวกับการศุลกากร
เรียกหรือเรียกให้ส่งบัญชี เอกสาร หลักฐาน ข้อมูล หรือคนแทนของบุคคลดังกล่าว หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับการนำหรือการส่งของออกนอกราชอาณาจักร หรือการกระทำความผิดฐานใดฐานหนึ่งตามพระราชบัญญัตินี้ หรือให้ส่งบัญชี เอกสาร หลักฐาน หรือสิ่งอื่นที่จำเป็นในการพิจารณาได้ ทั้งนี้ ต้องให้โอกาสบุคคลดังกล่าวแสดงเหตุผลหรือพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน
ให้พนักงานศุลกากรเริ่มดำเนินงานไปตามหน้าที่และอำนาจเพื่อการตรวจสอบหรือเรียกบัญชี เอกสารหลักฐาน และข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวกับการดำเนินงานหรือที่จำเป็นสำหรับการพิจารณาในกำหนดระยะเวลาไม่เกินหกปีนับแต่วันที่ของเข้า หรือส่งของออกไปนอกราชอาณาจักรหรือผ่านราชอาณาจักร
ของหรือสิ่งที่เสียและตกเป็นของแผ่นดินหรือที่ส่งให้พนักงานศุลกากรหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวกับการศุลกากร ให้พนักงานศุลกากรดำเนินการเพื่อจัดเก็บหรือจำหน่ายตามระเบียบที่กำหนด
บัตรประจำตัวพนักงานศุลกากร ให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีกำหนด
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา อำนาจทางศุลกากรในพื้นที่เฉพาะ
เขตควบคุมศุลกากร
ภายในเขตควบคุมศุลกากรที่กำหนดตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานศุลกากรมีอำนาจตรวจหรือค้นโรงเรือน สถานที่ ยานพาหนะ หรือบุคคลใด ไม่ว่าในเวลากลางวันหรือกลางคืนโดยไม่ต้องมีหมายค้น ทั้งนี้ พนักงานศุลกากรต้องแสดงเหตุผลอันสมควรต่อเจ้าของบ้านหรือผู้อยู่อาศัย ในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่า บุคคลผู้ที่ถูกตรวจหรือค้นตามวรรคสอง ได้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวกับการศุลกากร และบุคคลนั้นไม่สามารถแสดงเหตุผลอันสมควรได้ ให้พนักงานศุลกากรมีอำนาจจับกุมบุคคลนั้นเพื่อส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไป
ให้พนักงานศุลกากรมีอำนาจตรวจบัญชีและของที่ระบุไว้ในบัญชีตามวรรคหนึ่ง หากพบว่าของนั้นมีจำนวนหรือปริมาณแตกต่างจากที่ระบุไว้ในบัญชีโดยไม่สามารถแสดงเหตุผลอันสมควรได้ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ของที่มีจำนวนหรือปริมาณแตกต่างนั้นเป็นของที่มีไว้โดยมิได้เสียภาษี
การขนถ่ายของ การเก็บรักษาของ หรือการนำของไปในบริเวณพิเศษ ต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากรตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
พื้นที่ความร่วมกัน
“พื้นที่ความร่วมกัน” หมายความว่า พื้นที่ตามเขตแดนที่เป็นพื้นที่ความร่วมกันตามกฎหมายว่าด้วยการจัดการความตกลงเขตการค้าเสรี "ความตกลง" หมายความว่า ความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลต่างประเทศเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดน
ในกรณีที่เป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายไทย ให้พนักงานศุลกากรของ รัฐบาลไทยดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ในกรณีที่เป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายของประเทศที่ตกลงตามความตกลง และเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลประเทศที่ตกลงตามความตกลงร้องขอ ให้พนักงานศุลกากรของรัฐบาลไทยส่งตัวบุคคล สัตว์ พืช ของ ตลอดจนพาหนะ ผู้ควบคุมพาหนะ และคนประจำพาหนะที่ได้กระทำความผิดดังกล่าวไปยังประเทศที่ตกลงตามความตกลง ทั้งนี้ อธิบดีอาจกำหนดเงื่อนไขหรือวิธีการที่ต้องปฏิบัติไว้ แล้วแจ้งรับทราบให้เจ้าหน้าที่ของประเทศที่ตกลงตามความตกลงทราบ
ในกรณีที่เป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายไทยและกฎหมายของประเทศที่ตกลง ตามความตกลง ให้พนักงานศุลกากรของรัฐบาลไทยดำเนินการตามกฎหมายไทยต่อไป เว้นแต่เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลประเทศที่ตกลงตามความตกลงร้องขอให้พนักงานศุลกากรของรัฐบาลไทยส่งตัวบุคคล สัตว์ พืช ของ ตลอดจนพาหนะ ผู้ควบคุมพาหนะ และคนประจำพาหนะที่ได้กระทำความผิดดังกล่าวไปยังประเทศที่ตกลงตามความตกลง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายของประเทศที่ตกลงตามความตกลงแทน
การดำเนินการในกรณีที่มีการกระทำความผิดตามกฎหมายไทยและกฎหมายของประเทศที่ตกลงตามความตกลงที่เกี่ยวกับการขนส่งข้ามพรมแดนที่ตรวจพบในพื้นที่ควบคุมร่วมกันนอก ราชอาณาจักรพนักงานศุลกากรของรัฐบาลไทยจะร้องขอไปยังเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลประเทศที่ตกลงตามความตกลงให้ส่งตัวบุคคล สัตว์ พืช ของ ตลอดจนพาหนะ ผู้ควบคุมพาหนะ และคนประจำพาหนะที่ได้กระทำความผิดดังกล่าวมายังราชอาณาจักร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายไทยหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวกับการศุลกากรได้
การค้าชายฝั่ง
ให้ถือบันทึกข้อความประกาศกำหนดรูปแบบและลักษณะเพื่อถือว่าเป็นการค้าชายฝั่งตามวรรคหนึ่ง
เมื่อพนักงานศุลกากรได้รับบัญชีสินค้าสำแดงแล้วและได้ลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้องของบัญชีสินค้าสำแดงดังกล่าว ให้พนักงานศุลกากรคืนบัญชีสินค้าสำแดงดังกล่าวให้แก่ผู้ควบคุมเรือโดยเร็ว ในกรณีที่พนักงานศุลกากรตรวจสอบบัญชีสินค้าสำแดงแล้วเห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัย ให้พนักงานศุลกากรตรวจสอบเรือหรือยานพาหนะที่ใช้ขนส่งสินค้าดังกล่าวได้ ในกรณีที่ตรวจสอบพบว่าของที่บรรทุกหรือขนส่งในเรือยื่นบัญชีสินค้าสำแดงไม่ตรงกับบัญชีสินค้าสำแดงที่บรรทุกหรือขนส่งมาจากท่าเรือนั้นๆ ในการนี้ตรวจสอบพบว่าของที่บรรทุกหรือขนส่งในเรือยื่นบัญชีสินค้าสำแดงไม่ตรงกับบัญชีสินค้าสำแดงที่บรรทุกหรือขนส่งมาจากท่าเรือนั้นๆ ให้พนักงานศุลกากรยึดของที่ขนส่งนั้น ประเภท ปริมาณ แก่ต่างจากบัญชีสินค้าสำแดง ให้พนักงานศุลกากรยึดของที่ขนส่งนั้น ประเภท หรือปริมาณแตกต่างกันไปของที่นำเข้าหรือส่งออกโดยมิชอบให้เสียอากร ก่อนการปล่อยของขนจากเรือ นายเรือต้องยื่นใบอนุญาตปล่อยสินค้าและใบปล่อยเรือนั้นแก่พนักงานศุลกากร เมื่อได้รับการตรวจสอบจากพนักงานศุลกากรแล้วจึงจะทำการปล่อยของขึ้นได้โดยต้องทำงานต่อไปทุก ๆ ท่าเรืออื่นเดินทางไปถึง
เขตต่อเนื่อง
ของใดที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามมาตรานี้ ให้ริบเสียทั้งสิ้น ไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่
เมื่อพนักงานศุลกากรได้จับกุมกระทำความผิดและส่งให้พนักงานสอบสวนแห่งท้องที่ใดแล้ว ให้พนักงานสอบสวนแห่งท้องที่นั้นมีอำนาจสอบสวนในระหว่างรอคำสั่งแต่งตั้งพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบจากอธิบดีกรมศุลกากรหรือรัฐมนตรีตามเหตุผลประการหนึ่งตามวิธีการสอบสวนความอาญา ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามระเบียบที่กรมศุลกากรกำหนดว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสอบสวนเป็นเวลาความผูกพันของเจ้าพนักงานสอบสวนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
พื้นที่พัฒนาร่วม
"พื้นที่พัฒนาร่วม" หมายความว่า พื้นที่พัฒนาร่วมตามที่อาจกำหนดร่วมกันระหว่างไทย - มาเลเซีย ของที่ได้รับความเห็นชอบจากศุลกากร หมายความว่า ของที่ได้รับยกเว้นอากรศุลกากรทั้งตามกฎหมายของราชอาณาจักรไทยและมาเลเซียที่เกี่ยวกับศุลกากร
ของใด ๆ ที่เข้ามาในพื้นที่พัฒนาร่วมจาก
ประเทศอื่นโดยทางการอากรของไทยหรือมาเลเซีย ครั้งลำดับใด ๆ ที่ได้รับใบอนุญาตหรือรับรองจากอธิบดีของราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย ให้ถือว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือมาเลเซีย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา วัตถุประสงค์ของการประสานงานด้านการดำเนินการตามกฎหมายศุลกากรและสรรพสามิตในพื้นที่พัฒนาร่วม
หากการกระทำนั้นเป็นความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวกับศุลกากรของราชอาณาจักรไทยและมาเลเซีย ประเทศใดพบการกระทำผิดในฐานะผู้กระทำความผิดเป็นคนแรกในส่วนที่เกี่ยวกับความผิดดังกล่าวมีสิทธิเข้าใช้เขตอำนาจตามกฎหมายของตน
หากการกระทำนั้นเป็นความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวกับศุลกากรของราชอาณาจักรไทยและมาเลเซีย และเป็นกรณีที่มีการจับหรือยึดพร้อมกันโดยกรมศุลกากรและหน่วยงานสรรพสามิตของแต่ละประเทศ ในส่วนที่เกี่ยวกับความผิดดังกล่าว ประเทศที่มีสิทธิเข้าใช้เขตอำนาจตามกฎหมายของตนให้ดำเนินการพิจารณาชี้ขาดร่วมกันระหว่างกรมศุลกากร และหน่วยงานศุลกากรและสรรพสามิตของแต่ละประเทศ
เว้นแต่ได้มีการขายของซึ่งเป็นผลผลิตของพื้นที่พัฒนาร่วมที่จัดให้แบ่งเท่าเทียมระหว่างราชอาณาจักรไทยและมาเลเซีย
บทกำหนดโทษ
ผู้ใดใช้เอกสาร ตรวจสำเนาเอกสาร หรือสำเนาหมาย ที่เกิดจากการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน
ความคุมเรือหรือยานพาหนะทางบกที่มีที่ปิดบัง ที่ซ่อนทรัพย์ หรือมีเครื่องกลบยางอย่างใดเพื่อสำแดงสิ่งของที่บรรทุก เช่นเดียวจะพิสูจน์ได้ว่าได้มีการขนส่งสิ่งของหรือบรรจุสิ่งของไว้ในที่ปิดบัง ที่ซ่อนทรัพย์ หรือเครื่องกลบยางอย่างใด
สั่งสมรู้กันในการสร้าง ทำ วาง หรือใช้สิ่งใดบ้าง ที่ซ่อนทรัพย์ หรือเครื่องกลบยางอย่างใดเพื่อหลีกเลี่ยงอากรศุลกากร ให้พนักงานศุลกากรมีอำนาจสั่งให้ทำลายสิ่งของนั้นได้เพื่อกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
``` - ๕๐ -
ผู้ได้รับใบอนุญาตดังกล่าวตั้งสำนักงาน โรงพักสินค้า หรือที่เก็บสุรา เมื่อได้แจ้งการเลิกการดำเนินการตามมาตรา ๑๒๘ แล้ว แต่ได้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๓๐ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท
```
ความผิดตามมาตรา ๒๔๕ และมาตรา ๒๔๖ เฉพาะกรณีความผิดเกี่ยวกับการลักลอบนำของเข้ามาในราชอาณาจักร โดยให้หักจ่ายเป็นเงินสินบนร้อยละสี่สิบ และเป็นเงินรางวัลร้อยละสี่สิบ แต่กรณีที่มีผู้รับของกลาง หรือของกลางไม่อาจจำหน่ายได้ให้หักจ่ายจากเงินค่าปรับ (8) ความผิดตามมาตรา ๒๖ มาตรา ๒๗ มาตรา ๒๘ และมาตรา ๒๙ เฉพาะกรณีความผิดฐานผลิตเลียนแบบหรือจำหน่ายโดยมิได้รับรางวัลหรือของสิ่งต่างๆ ที่นำมาขายของกลาง แต่กรณีที่มีผู้รับของกลางหรือของกลางไม่อาจจำหน่ายได้ให้หักจ่ายจากเงินค่าปรับ (9) ความผิดตามมาตรา ๒๖ มาตรา ๒๗ มาตรา ๒๘ และมาตรา ๒๙ เฉพาะกรณีความผิดฐานผลิตเลียนแบบหรือจำหน่ายโดยมิได้รับรางวัลหรือของสิ่งต่างๆ ที่นำมาขายของกลาง แต่กรณีที่มีผู้รับของกลางหรือของกลางไม่อาจจำหน่ายได้ให้หักจ่ายจากเงินค่าปรับ เงินสินบนและเงินรางวัลตาม (8) และ (9) ให้หักจ่ายเป็นเงินสินบนร้อยละสี่สิบ และเป็นเงินรางวัลร้อยละสี่สิบ แต่กรณีที่มีผู้รับของกลางหรือของกลางไม่อาจจำหน่ายได้ให้หักจ่ายจากเงินค่าปรับ
ในกรณีเช่นนี้อธิบดีมีอำนาจจะฟ้องคดีตามพระราชบัญญัตินี้ได้ทันทีที่เหตุผลในการฟ้องคดีฐานความผิดได้พอ
คณะกรรมการปรับเปรียบเทียบความรับผิดตามวรรคหนึ่งประกอบด้วยผู้แทนกรมศุลกากร ผู้แทนกระทรวงการคลังและผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อคณะกรรมการปรับเปรียบเทียบได้ทำการปรับเปรียบเทียบครบถ้วนแล้ว และผู้ต้องหาได้ชำระเงินค่าปรับหรือได้ทำความตกลง หรือทำคำพิพากษา หรือให้ประกัน ตามคำสั่งปรับเปรียบเทียบภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการปรับเปรียบเทียบกำหนดแล้ว ให้อธิบดีดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ บทเฉพาะกาล
(a) ให้คลังสินค้าทัณฑ์บน ที่มั่นคง และเขตปลอดอากร ที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2560 และดำเนินการอยู่ในขอบข่ายที่พระราชบัญญัตินี้บังคับ เป็นคลังสินค้าทัณฑ์บน ที่มั่นคง และเขตปลอดอากร ตามพระราชบัญญัตินี้ (b) ให้หน่วยงานหรือองค์กรที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2560 และดำเนินการอยู่ในขอบข่ายที่พระราชบัญญัตินี้บังคับ เป็นหน่วยงานตามพระราชบัญญัตินี้
ให้คลังสินค้าทัณฑ์บน คลังสินค้า โรงพักสินค้า ท่าเรือ และเขตปลอดอากรตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ รวมทั้งผู้ประกอบกิจการในเขตปลอดอากร ยังคงดำเนินการต่อไปได้ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ แล้วแต่กรณี ในกรณีที่ผู้ดำเนินการตามมาตรตรา 54 ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือไม่เสียค่าธรรมเนียมตามที่บัญญัติในพระราชบัญญัตินี้ ให้อธิบดีเพิกถอนการจัดตั้งกิจการดังกล่าวโดยให้บาบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2545 ใช้บังคับ
การดำเนินการตามพระราชบัญญัติ กฎกระทรวง ระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งตามวรรคหนึ่งให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสองปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ หากไม่สามารถดำเนินการได้ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังดำเนินการโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ ``` ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ``` อัตราค่าธรรมเนียม
ใบอนุญาต
จัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บน ฉบับละ 10,000 บาท
จัดตั้งโรงพักสินค้า ฉบับละ 20,000 บาท
ตั้งสนามบิน ฉบับละ 50,000 บาท
จัดตั้งท่าเรือรับอนุญาต ฉบับละ 50,000 บาท
ประกอบกิจการในเขตปลอดอากร ฉบับละ 20,000 บาท
ค่าธรรมเนียมรายปี
การจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บน โรงพักสินค้า ท่าเรือรับอนุญาต และเขตปลอดอากร ปีละ 40,000 บาท
การประกอบกิจการในเขตปลอดอากร ปีละ 45,000 บาท
การดำเนินพิธีการศุลกากร
การยื่นใบขนสินค้า ฉบับละ 200 บาท
การขอรับสำเนาข้อมูลในฐานข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ ฉบับละ 200 บาท
การดำเนินการตามมาตรา 72
ประกอบกิจการในคลังสินค้าทัณฑ์บน โรงพักสินค้า ท่าเรือรับอนุญาต หรือเขตปลอดอากร เพื่อตรวจปล่อยของ ฉบับละ 800 บาท
ประกอบการในจุดศุลกสถานหรือสถานที่นอกจาก (ก) และ (ข) รายละ 800 บาทต่อครั้ง
ใบปล่อยเรือออกจากอารักขาศุลกากร
กรณีออกไปนอกราชอาณาจักร ลำละ 500 บาท
กรณีออกไปต่างท่าหรือสนามบิน ลำละ 500 บาท
การประจำเรือหรือเรือบรรทุกน้ำตาลทรายดิบ หรือเรือที่ขนถ่ายสินค้าอื่น ๆ ตามมาตรา 126
ค่าค้นหา กิโลเมตรละ 100 บาท แต่ไม่เกิน 3,000 บาท
ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ รายวัน คณะละ 800 บาท สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
การร้องขอให้พิจารณาเป็นการล่วงหน้าตามมาตรา ๑๔
การกำหนดราคาสุทธิกากร ฉบับละ ๒,๐๐๐ บาท
การกำหนดคำนำหนักเนื่องของ ฉบับละ ๒,๐๐๐ บาท
การตีความพิกัดอัตราศุลกากร ฉบับละ ๒,๐๐๐ บาท
ค่าใช้จ่ายในการเผาทำลายของ หน่วยหรือ ตามระยะเวลาต่อวัน คำสั่งกรมศุลกากร ราช
ค่าธรรมเนียมในการให้บริการของศุลกากรที่เกี่ยวกับการผ่านแดนตามมาตรา ๑๒๐ คันละ ๒,๐๐๐ บาท หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติสุดการทหาร พุทธศักราช ๒๔๙๔ ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานานและมีบทบัญญัติบางเรื่องล้าสมัยหรือไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อีกทั้งยังมีสาระทางกฎหมายบางส่วนไม่เหมาะสมหรือมีข้อคำกล่าวตลอดจนบ้าง ทำให้เกิดความไม่สะดวกในการใช้บังคับกฎหมายประกอบกับการดำเนินการส่งกำลังระหว่างประเทศได้พัฒนาและขยายตัวเพิ่มขึ้น ทำให้บทความจำเป็นต้องปรับปรุงการดำเนินพิธีการศุลกากรและการดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน สมควรปรับปรุงพระราชบัญญัติสุดการทหารเพื่อให้เกิดความสอดคล้องในการบริหารของประเทศ สมควรปรับปรุงกฎหมายดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พิมพ์คำขาว/วรรณยุกต์/จัดทำ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ปริญสิทธิ์/ตรวจ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๐