สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นปีที่ ๔ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า ของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๒๗ มาตรา ๒๘ มาตรา ๓๔ และมาตรา ๓๗ แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เหตุผลและความจำเป็นในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามบทบัญญัติ ป่าไม้ เพื่อส่งเสริมให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน และเพื่อให้การบริหารจัดการ บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒
โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยป่าชุมชน
ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
จากป่าชุมชน เกิดจิตสำนึกในการดูแลรักษาและจัดการป่าชุมชนร่วมกันทั้งนี้ เพื่อป้องกันการตัดไม้ โดยผิดกฎหมายและการบุกรุกทำลายพื้นที่ป่า เพื่อรักษาและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพ และความหลากหลายทางชีวภาพไปให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์และคงอยู่เป็นมรดกทางธรรมชาติของประเทศและของมนุษยชาติสืบไป และผู้มุ่งหมายเพื่อพัฒนาสาระประโยชน์ของบุคคลและชุมชนในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู จัดการ บำรุงรักษาตลอดจนไปใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพ อย่างสมดุลและยั่งยืนตามหลักรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติรับรอง
“ชุมชน” หมายความว่า ป่าชุมชน ป่าชายเลน หรือทรัพยากรอื่นของรัฐซึ่งอยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ หรืออุทยานแห่งชาติ หรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า หรือพื้นที่อื่นที่รัฐจัดให้เป็นที่สาธารณประโยชน์ หรืออยู่ในความครอบครองของรัฐหรือองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และให้หมายความรวมถึงพื้นที่ที่ชุมชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันมาเป็นเวลานานแล้ว “ชุมชน” หมายความว่า กลุ่มประชาชนที่รวมตัวกันโดยมีวัตถุประสงค์ร่วมกันเพื่อทำกิจกรรมหรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งร่วมกันเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันของชุมชนในชุมชนนั้น โดยมีการจัดตั้งคณะทำงาน มีระบบบริหารจัดการในรูปของคณะบุคคลและมีการแสดงเจตนาเหตุผลเด่นชัด “เขตป่าชุมชน” หมายความว่า เขตชุมชนตามที่กำหนดตามกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ เขตสงวนแห่งชาติ หรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า หรือพื้นที่อื่นที่อยู่ในที่สาธารณประโยชน์ หรืออยู่ในความครอบครองของรัฐหรือองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และให้หมายความรวมถึงพื้นที่ที่ชุมชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันมาเป็นเวลานานแล้ว “ประโยชน์จากไม้” หมายความว่า ตัด ฟัน กาน โค่น เลื่อย ผ่า ถาก ทอน ขุด หรือกระทำโดยวิธีการอื่นใด หรือขัดถากไม้ที่อยู่ในป่าชุมชนหรือที่ไม่ได้อยู่ในป่าชุมชนของชุมชนตามที่รัฐประกาศไว้ “ไม้ทรงคุณค่า” หมายความว่า ไม้หวงห้ามตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ และให้หมายความรวมถึงไม้ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และยังอยู่ในป่าชุมชนของชุมชนหรือชนิดที่กำหนดในกฎกระทรวง “ซุงป่า” หมายความว่า สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดหรือมีอยู่ในป่าชุมชน เป็นต้นว่า
ฟืน ถ่านไม้ เปลือกไม้ ไม่ไผ่ ใบไม้ ดอกไม้ เมล็ด ผลไม้ หน่อไม้ ชัน และยางไม้
หญ้า อ้อ แขม ไม้รวก ปรือ กก กกรุง กกแห้ว และแฝก
สัตว์ป่า รวมถึง ซากสัตว์ป่า
ดิน หิน กรวด และทราย แต่ไม่รวมถึงแร่ธาตุหรือทรัพยากรธรรมชาติอื่นอันมีลักษณะและคุณภาพพิเศษซึ่งจะใช้เป็นพลังงานหรือประโยชน์อย่างอื่น ``` - ๓ - “ความหลากหลายทางชีวภาพ” หมายความว่า ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล และให้หมายความรวมถึงความหลากหลายทางพันธุกรรม ทางชนิดพันธุ์ และทางระบบนิเวศอันเป็นถิ่นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตดังกล่าวนั้น “สมาชิกป่าชุมชน” หมายความว่า สมาชิกของป่าชุมชนที่ได้จัดทำทะเบียนรายชื่อดังนี้ “คณะทำงานป่าชุมชน” หมายความว่า การรวมตัวของคณะกรรมการดำเนินการป่าชุมชน หรือสมาชิกป่าชุมชนซึ่งมาจากการเลือกตั้งหรือแต่งตั้ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบริหารจัดการและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เพื่อดำเนินการจัดการป่าชุมชนร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ และการเป็นสมาชิกป่าชุมชนจะไม่ขัดต่อระเบียบที่อธิบดีกำหนด “ทรัพยากรส่วนกลาง” หมายความว่า เงินและทรัพยากรส่วนที่ได้มาเพื่อใช้ในการจัดการป่าชุมชนให้สมาชิกป่าชุมชนร่วมกันดูแลในบริเวณที่การใช้ประโยชน์ และทรัพยากรที่สมาชิกป่าชุมชนร่วมกันจัดทำในการจัดการป่าชุมชน “องค์กรภาคประชาสังคม” หมายความว่า องค์กรที่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลที่มีวัตถุประสงค์ในการคุ้มครองสิทธิของชุมชนและผู้รักษาทรัพยากรธรรมชาติ หรือองค์กรที่ได้ขึ้นทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ หรือองค์กรที่ไม่ได้เป็นนิติบุคคล ทั้งนี้ โดยไม่มีการหาผลกำไรหรือรายได้แบ่งปัน และไม่กระทำการในลักษณะการประกอบกิจการสังคมหรือการไม่ควรยอมรับเพื่อสิทธิอันเกี่ยวกับการดำเนินการป่าชุมชน “เจ้าหน้าที่รัฐ” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ “อธิบดี” หมายความว่า อธิบดีกรมป่าไม้ “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงและประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ บททั่วไป
การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพ ```
การฟื้นฟูพื้นที่ป่าในเขตป่าชุมชนโดยการปลูกป่าทดแทน
การเสริมสร้างความร่วมมือจากทุกส่วนที่เกี่ยวข้องในการจัดการป่าชุมชน
การส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีที่หลากหลายของชุมชนในการอนุรักษ์ การฟื้นฟู การพัฒนา การควบคุมดูแล และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในป่าชุมชน
การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในป่าชุมชนอย่างสมดุลและยั่งยืน
พระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่งอย่างน้อยต้องกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ขอจัดตั้งป่าชุมชน สมาชิกป่าชุมชน การบริหารจัดการป่าชุมชน หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอจัดตั้งป่าชุมชน การจัดการป่าชุมชน การควบคุมดูแลป่าชุมชน การเพิกถอนป่าชุมชน และกรณีอื่นที่จำเป็น
คณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน
รองนายกรัฐมนตรีซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นรองประธานกรรมการ
กรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อธิบดีกรมป่าไม้ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์จากผู้ประกอบวิชาชีพหรือผู้มีส่วนได้เสียในด้านต่าง ๆ มีจำนวน ๗ คน และในจำนวนนี้ต้องมีผู้แทนองค์กรชุมชนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการป่าชุมชน จำนวนไม่น้อยกว่า ๒ คน และผู้แทนองค์กรชุมชนระดับชาติ จำนวนไม่น้อยกว่า ๑ คน ให้อธิบดีเป็นกรรมการและเลขานุการ และให้อธิบดีแต่งตั้งข้าราชการของกรมป่าไม้เป็นผู้ช่วยเลขานุการกรรมการนโยบายได้ตามความจำเป็น
ก. คุณสมบัติ
มีสัญชาติไทย
มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปี
มีความรู้ ความสามารถ มีผลงาน และประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ตามมาตรา ๖ ข. ลักษณะต้องห้าม
เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
ติดยาเสพติดให้โทษ
เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกและพ้นโทษมายังไม่ถึงหนึ่งปีเว้นแต่เป็นโทษฐานประมาท หรือความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานอื่นเพราะกระทำผิดวินัยหรือมีความประพฤติเสื่อมเสียร้ายแรง
ให้อธิบดีแต่งตั้งบุคคลในตำแหน่งเป็นกรรมการสรรหาและเลขานุการ ให้คณะกรรมการสรรหามีอำนาจหน้าที่ในการสรรหาบุคคลที่สมควรเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ให้กรรมการไม่ปฏิบัติหน้าที่ในที่เป็นส่วนราชการของคณะกรรมการสรรหา
ให้นับบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิที่รับรองโดยกรรมการสรรหาได้ไม่เกินเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิไปจนบัญชีรายชื่อสิ้นอายุ หรือพ้นวาระที่ได้รับแต่งตั้งไปก่อนอธิบดีกรรมการกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ หลักเกณฑ์ วิธีการสรรหา และการเสนอรายชื่อบุคคลเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการสรรหากำหนด
ตาย
ลาออก
ประธานกรรมการให้ออกเพราะขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม หรือพ้นความสามารถ
ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๐ ในกรณีที่มีการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใหม่ก่อนวาระ ให้ประธานกรรมการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใหม่แทนตำแหน่งที่ว่างสำหรับวาระที่เหลืออยู่ และให้ผู้ได้รับการแต่งตั้งแทนตำแหน่งว่างอยู่ในวาระเท่ากับการดำรงตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นไป เว้นแต่ วาระของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่เหลืออยู่ไม่ถึงหกสิบวัน ประธานกรรมการอาจไม่แต่งตั้งกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิแทนก็ได้ในระหว่างที่ยังไม่มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิให้คณะกรรมการนโยบาย ประกอบด้วยกรรมการเท่าที่เหลืออยู่
เสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับนโยบายในการส่งเสริมและสนับสนุน ปลูกฝังและสร้างจิตสำนึกของประชาชน หรือพิจารณาให้ความเห็นในเรื่องที่เกี่ยวกับชุมชนตามที่คณะรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรีมอบหมาย
เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อกำหนดแนวทางการจัดการเงิน การคลัง หรือมาตรการอื่น เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานจัดการปัญหาของชุมชนตามที่คณะกรรมการจัดการปัญหา ชุมชนเสนอ
เสนอแนะและให้ความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการจัดทำบัญชีของพระราชบัญญัตินี้
กำหนดระเบียบเพื่อปฏิบัติการพระราชบัญญัตินี้
ให้ความเห็นชอบบัญชีรายชื่อข้อมูลที่คณะจัดตั้งเสนอมาให้ ความเห็นชอบ ส่งผลให้ และประสานการแก้ไขปัญหาของชุมชนในกรณีที่มีข้อขัดแย้งหรือข้อพิพาทเกี่ยวกับชุมชนหรือสังคมศาสตร์ ผู้แทนของการปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้แทนคณะกรรมการจัดการปัญหาชุมชนในจังหวัดต่าง ๆ ตามที่กรรมการไม่เสนอเพื่อให้รัฐราชการจังหวัดแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัด
จัดทำรายงานและผลการดำเนินงานป่าชุมชนของจังหวัดหรือข้อเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีร่วมทั้งครั้ง เพื่อเป็นแนวทางในการส่งเสริม การอนุรักษ์ การฟื้นฟูสภาพธรรมชาติในป่าชุมชน หรือการเพิ่มปริมาณการจัดการป่าชุมชน
พิจารณารายงาน
พิจารณาญัตติของที่ประชุมคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดที่ส่งการตามมาตรา 17 และพิจารณาการเสนอข้ออื่นตามมาตรา 9
ปฏิบัติการอื่นตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่นกำหนดให้เป็นหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการนโยบาย ในการเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับนโยบายในการส่งเสริมและสนับสนุนป่าชุมชนและหรือป่าชุมชนตาม (ข) และการเสนอแนะในการตราพระราชกฤษฎีกาและการออกกฎกระทรวงตาม (ล) ให้คณะกรรมการนโยบายรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาและเสนอแนะต่อรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์วิธีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด
ในการประชุมคณะกรรมการนโยบาย ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานกรรมการเป็นประธาน ถ้าประธานกรรมการและรองประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม การวินิจฉัยของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ ถ้ามีเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มอีกเสียงหนึ่ง ในการประชุมคณะกรรมการนโยบาย ให้มีรายงานการประชุมและบันทึกเสียงการประชุมเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ
คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัด
ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ
กรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด ปลัดจังหวัด และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด
ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งท้องที่ที่ป่าชุมชนตั้งอยู่ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งจำนวนหนึ่งคน และเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องที่ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งจำนวนหนึ่งคน ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในจังหวัดนั้นซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งจำนวนสองคนเป็นกรรมการ
ประธานเครือข่ายป่าชุมชนระดับจังหวัด เป็นกรรมการ
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งจำนวนไม่เกินเจ็ดคน โดยให้มีผู้แทนผู้ขอจัดตั้งป่าชุมชนหรือผู้แทนป่าชุมชนที่ได้รับการจัดตั้งแล้วในจังหวัดนั้นจำนวนหนึ่งคนเป็นกรรมการ และแต่งตั้งผู้ช่วยเลขานุการได้ไม่เกินสองคน ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งในกรณีตาม (๓) หรือ (๔) ให้คณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการตามที่มีอยู่
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา องค์กรภาคประชาสังคม จำนวนไม่เกินสองคน และผู้แทนคณะกรรมการจัดการป่าชุมชนในจังหวัด จำนวนไม่เกินสี่คน รวมทั้งตามระเบียบที่อธิบดีกรมป่าไม้กำหนดให้ความเห็นชอบตามมาตรา 16 (4) ให้นำความในมาตรา 10 มาตรา 13 มาตรา 50 มาตรา 62 มาตรา 63 และมาตรา 82 มาใช้บังคับกับกิจกรรมการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัด และการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดโดยอนุโลม
(1) พิจารณาเกี่ยวกับการจัดตั้งป่าชุมชน การขยายเขตป่าชุมชน การยกเลิกป่าชุมชน หรือการเพิกถอนป่าชุมชนในพื้นที่ของจังหวัด (2) ขยายระยะเวลาในการพิจารณาคำขอจัดตั้งป่าชุมชนตามมาตรา 26 การจัดตั้งป่าชุมชน (3) มีมติให้กรรมการจัดการป่าชุมชนพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 45 วรรคสาม (4) แต่งตั้งและถอดถอนเจ้าหน้าที่ป่าชุมชนตามมาตรา 27 และมาตรา 30 (5) พิจารณาอนุมัติแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการป่าชุมชน รวมทั้งการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแผนดังกล่าวของคณะกรรมการจัดการป่าชุมชน และพิจารณาอนุมัติแผนตามมาตรา 50 วรรคสอง มาตรา 62 มาตรา 63 และมาตรา 66 (6) ให้คำแนะนำปรึกษาและความช่วยเหลือต่าง ๆ ต่อคณะกรรมการจัดการป่าชุมชนในการจัดการป่าชุมชน (7) ควบคุมดูแลการจัดการป่าชุมชนของคณะกรรมการจัดการป่าชุมชนให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ ระเบียบของคณะกรรมการป่าชุมชน ข้อบังคับของคณะกรรมการจัดการป่าชุมชน และแผนการจัดการป่าชุมชน (8) ตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานของป่าชุมชนในจังหวัด รวมทั้งจัดทำรายงานเสนอคณะกรรมการนโยบายอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง ตามระเบียบที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด (9) ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้ หรือตามที่รัฐมนตรีหรือคณะกรรมการนโยบายมอบหมาย
ในกรณีที่สมาชิกซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ป่าชุมชนลาออกจากสมาชิกภาพหรือไม่เป็นไปตามวรรคหนึ่งของมาตรา 25 ให้คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ป่าชุมชนจากสมาชิกที่ได้รับการเสนอชื่อโดยคณะกรรมการจัดการป่าชุมชน เพื่อเป็นเจ้าหน้าที่ป่าชุมชนแทนสมาชิกที่พ้นจากการเป็นสมาชิก
ตาย
ลาออก กรณีเจ้าหน้าที่ป่าชุมชนซึ่งแต่งตั้งจากสมาชิกป่าชุมชน
ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๒๘
เมื่อเจ้าหน้าที่ป่าชุมชนไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา ๒๘
เมื่อเจ้าหน้าที่ป่าชุมชนไม่ปฏิบัติตามหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ หรือระเบียบหรือข้อบังคับของคณะกรรมการป่าชุมชน
การจัดตั้งป่าชุมชน
การกำหนดเขตของพื้นที่ป่าชุมชนและลำดับการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชุมชน ตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการนโยบายกำหนด
บุคคลตามวรรคหนึ่ง ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์และมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ป่าชุมชน อันเป็นพื้นที่ของชุมชนที่ขอจัดตั้งป่าชุมชน ในกรณีเป็นการจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ให้ดำเนินการให้สอดคล้องกับการขอใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ และในกรณีเป็นการจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ให้ดำเนินการให้สอดคล้องกับการขอใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ หรือกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ในกรณีที่มีการขอจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ป่าอนุรักษ์ในเวลาเดียวกัน ให้ดำเนินการขอจัดตั้งป่าชุมชนตามมาตรา ๑๕ แล้ว จะมีการยื่นคำขอจัดตั้งป่าชุมชนโดยให้พื้นที่นั้นทั้งหมดหรือบางส่วนของพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ป่าอนุรักษ์เป็นป่าชุมชน หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอจัดตั้งป่าชุมชนและการอนุญาตให้จัดตั้งป่าชุมชนให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด
วัตถุประสงค์ของป่าชุมชน
รายชื่อและประวัติโดยสังเขปของผู้ขอจัดตั้งป่าชุมชน ซึ่งคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามการเป็นสมาชิกป่าชุมชนตามระเบียบที่คณะกรรมการนโยบายกำหนดตามมาตรา ๑๒ วรรคสอง
รายชื่อคณะกรรมการจัดการป่าชุมชนซึ่งเลือกตั้งจากที่ประชุมชุมชนตาม (๒) โดยมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามการเป็นกรรมการจัดการป่าชุมชนที่คณะกรรมการนโยบายกำหนดตามมาตรา ๑๒ วรรคสอง
ความเป็นมาของชุมชนโดยสังเขป สภาพพื้นที่ที่ขอจัดตั้งป่าชุมชนและแผนที่แสดงขอบเขตและเขตติดต่อ
แผนจัดการป่าชุมชนซึ่งต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของป่าชุมชน มีการกำหนดวิธีและแนวทางการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ หรือระบบและวิธีการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ให้สอดคล้องกับความมุ่งหมายและความเหมาะสมของพื้นที่ รวมทั้งแนวทางการพัฒนาพื้นที่ป่าชุมชนในระยะยาวอย่างยั่งยืน โดยต้องไม่ทำให้เกิดการสูญเสียสภาพ และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในป่าชุมชนอย่างยั่งยืน โดยต้องไม่ทำให้เกิดการสูญเสียสภาพ และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในป่าชุมชนอย่างยั่งยืน
รายการอื่นที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด
ในกรณีที่คณะกรรมการพิจารณาเห็นว่าคำขอจัดตั้งป่าชุมชนและเอกสารหรือหลักฐานประกอบคำขอไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วนให้สำนักงานพิจารณาแจ้งให้ผู้ยื่นคำขอจัดตั้งป่าชุมชนแก้ไขเพิ่มเติมคำขอ หรือจัดส่งเอกสารหรือหลักฐานให้ถูกต้องและครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งต้องไม่เกินยี่สิบวัน ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอจัดตั้งป่าชุมชนไม่แก้ไขเพิ่มเติมคำขอ หรือไม่จัดส่งเอกสารหรือหลักฐานให้ถูกต้องและครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าคำขอจัดตั้งป่าชุมชนนั้นเป็นอันยกเลิกและไม่อาจยื่นคำขอจัดตั้งป่าชุมชนในระยะเวลาต่อมา และให้สำนักงานพิจารณาแจ้งให้ผู้ยื่นคำขอทราบเป็นลายลักษณ์อักษรโดยเร็ว
ในกรณีที่คณะกรรมการพิจารณาให้ความเห็นชอบการจัดตั้งป่าชุมชน ให้สำนักงานจัดทำคำขอจัดตั้งป่าชุมชนพร้อมเอกสารหรือหลักฐานประกอบคำขอที่ครบถ้วนถูกต้องตามมาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๔ เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบการจัดตั้งป่าชุมชนตามมาตรา ๑๗ และให้สำนักงานแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ยื่นคำขอทราบโดยเร็ว และที่ทำการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แห่งท้องที่ที่พื้นที่ป่าที่ขอจัดตั้งป่าชุมชนตั้งอยู่หรือสถานที่อื่น หรือยอมเผยแพร่โดยวิธีการอื่นตามที่คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดเห็นสมควรเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่าสามสิบวัน การจัดทำแผนที่แสดงแนวเขตป่าชุมชนตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามระเบียบที่ออกกำหนด
การตรวจสอบคำขอจัดตั้งป่าชุมชนตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด
ในกรณีที่คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดเห็นว่าแผนจัดการป่าชุมชนไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสม ให้แจ้งผู้ยื่นคำขอจัดตั้งป่าชุมชนแก้ไขแผนจัดการป่าชุมชนได้ โดยต้องแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัด ในกรณีดังกล่าวให้แผนจัดการป่าชุมชนที่แก้ไขเสร็จภายในเวลาที่กำหนดมาพิจารณาและเสนอแนะในที่ประชุมคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดไม่เกินห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแผนจัดการป่าชุมชนที่แก้ไข
ผู้ยื่นคำขอจัดตั้งป่าชุมชนที่มีมติไม่จัดตั้งป่าชุมชนมีสิทธิคัดค้านการไม่จัดตั้งป่าชุมชนประจำจังหวัดต่อคณะกรรมการนโยบายโดยการยื่นคำคัดค้านนั้นนับแต่วันที่ได้รับแจ้งมติตามวรรคหนึ่ง ในกรณีที่ข้อบันทึกข้อคิดเห็นข้อสังเกตของคณะกรรมการปฏิรูปจังหวัด ให้เสนอความเห็นต่อคณะกรรมการนโยบายการปฏิรูปภารกิจภายในสิ้นห้าวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งมติ ตามวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการนโยบายการปฏิรูปภารกิจพิจารณาสอดส่องหรือคำนึงถึงข้อร้องเรียนของชนิดตามวรรคสามให้แล้วเสร็จภายในสิ้นห้าวันนับแต่วันที่ได้รับเรื่องหรือความเห็นของชนิด คำวินิจฉัยของคณะกรรมการนโยบายการปฏิรูปภารกิจตามวรรคนี้ให้ถือเป็นที่สุด และให้คณะกรรมการปฏิรูปจังหวัดปฏิบัติตามคำวินิจฉัยดังกล่าว หนังสือแจ้งข้อบันทึกของคณะกรรมการปฏิรูปจังหวัดประจำจังหวัด คำคัดค้านของผู้ตั้งคำขอปฏิรูปชนิด หรือผู้มีส่วนได้เสียอื่น ความเห็นของชนิด และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการนโยบายต้องแสดงเหตุผลโดยชัดแจ้ง
ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอตั้งปฏิรูปชนิดไม่สามารถตกลงร่วมกันที่เกี่ยวกับความร่วมกันที่ได้รับอนุมัติคำขอตั้งปฏิรูปชนิด คณะกรรมการจัดการปฏิรูปชนิดเพียงคำขอเดียว ให้สำนักงานพยากรป่าไม้แห่งหนึ่งหรือรับการพิจารณาคำขอตั้งปฏิรูปชนิดที่ได้รับอนุมัติคำขอตั้งปฏิรูปชนิดที่ได้รับอนุมัติคำขอตั้งปฏิรูปชนิดที่ได้รับอนุมัติคำขอตั้งปฏิรูปชนิดที่ได้รับอนุมัติคำขอตั้งปฏิรูปชนิดที่ได้รับอนุมัติคำขอตั้งปฏิรูปชนิดที่ได้รับอนุมัติคำขอตั้งปฏิรูปชนิดที่ได้รับอนุมัติคำขอตั้งปฏิรูปชนิดที่ได้รับอนุมัติคำขอตั้งปฏิรูปชนิดที่ได้รับอนุมัติคำขอตั้งปฏิรูปชนิดที่ได้รับอนุมัติคำขอตั้งปฏิรูปชนิดที่ได้รับอนุมัติคำขอตั้งปฏิรูปชนิดที่ได้รับอนุมัติคำขอตั้งปฏิรูปชนิดที่ได้รับอนุมัติคำขอตั้งปฏิรูปชนิดที่ได้รับอนุมัติคำขอตั้งปฏิรูปชนิดที่ได้รับอนุมัติคำขอตั้งปฏิรูปชนิดที่ได้รับอนุมัติคำขอตั้งปฏิรูปชนิดที่ได้รับอนุมัติคำขอตั้งปฏิรูปชนิดที่ได้รับอนุมัติคำขอตั้งปฏิรูปชนิดที่ได้รับอนุมัติ
การจัดการป่าชุมชน
ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการจัดให้มีหลักเกณฑ์ ป้าย หรือเครื่องหมายอื่นตามมาตรา ๕๔
ออกข้อบังคับเกี่ยวกับการจัดการป่าชุมชน หลักเกณฑ์การรับบุคคลเป็นสมาชิกป่าชุมชน และการพ้นจากการเป็นสมาชิกของป่าชุมชน ทั้งนี้ ให้สอดคล้องกับระเบียบของคณะกรรมการนโยบาย
ดูแลรักษาป่าชุมชน บำรุงและฟื้นฟูป่าชุมชน ส่งเสริมการศึกษาเรียนรู้และสร้างจิตสำนึกเกี่ยวกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพในป่าชุมชน และเผยแพร่ประสบการณ์เกี่ยวกับป่าชุมชน
ดูแลรักษาทรัพย์สินที่นำมาอาจของป่าชุมชน รวมทั้งจัดทำบัญชีทรัพย์สินส่วนกลางของป่าชุมชนตามหลักเกณฑ์ที่ข้อบังคับกำหนด และรายงานให้คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดทราบทุกปี
ดูแลให้สมาชิกป่าชุมชนปฏิบัติตามที่กำหนดตามพระราชบัญญัตินี้
สั่งให้ผู้ที่เข้าใช้พื้นที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับ (๒) ออกจากป่าชุมชน หรือให้กระทำการหรือระงับการใดๆ ในเขตป่าชุมชน เพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับ (๒) หรือพระราชบัญญัตินี้
ไกล่เกลี่ยหรือประนีประนอมเมื่อเกิดความขัดแย้งในการจัดการป่าชุมชน
ช่วยเหลือพนักงานเจ้าหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวนหรือปราบปรามผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
มีมติรับบุคคลเป็นสมาชิกป่าชุมชน หรือมติให้ออกจากสมาชิกป่าชุมชน และแจ้งมติดังกล่าวให้สมาชิกป่าชุมชนทราบโดยเร็วที่สุด
ดำเนินการตามที่เห็นสมควรเพื่อป้องกันหรือระงับความเสียหายในป่าชุมชน
ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ หรือตามที่คณะกรรมการนโยบายหรือคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดกำหนดให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการจัดการป่าชุมชน การออกข้อบังคับตาม (๒) ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดก่อน ในกรณีที่ผลของการออกข้อบังคับของคณะกรรมการป่าชุมชนทำให้เกิดความไม่สอดคล้องหรือไม่ปฏิบัติตามที่กำหนดพระราชบัญญัตินี้ คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดมีอำนาจสั่งให้คณะกรรมการป่าชุมชนปรับปรุงข้อบังคับดังกล่าวให้สอดคล้องหรือยกเลิกข้อบังคับดังกล่าวทั้งหมดหรือบางส่วนได้ และหากคณะกรรมการป่าชุมชนฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว ให้ถือว่าพ้นจากการเป็นกรรมการจัดการป่าชุมชน และให้ผู้แทนกลับมาเป็นกรรมการจัดการป่าชุมชนอีกครั้ง
ปฏิบัติตามระเบียบของคณะกรรมการนโยบาย ข้อบังคับของคณะกรรมการจัดการป่าชุมชนและแผนการจัดการป่าชุมชน
ร่วมมือกับทางราชการในการดูแลรักษาป่าชุมชน สัตว์ป่า และทรัพยากรธรรมชาติในป่าชุมชน
ร่วมมือกับคณะกรรมการจัดการป่าชุมชนในกรณีที่มีการบุกรุกหรือทำลายป่าชุมชน
ให้คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนเสนอแผนจัดการป่าชุมชนต่อคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดพิจารณาอนุมัติก่อนแผนจัดการป่าชุมชนเดิมหมดอายุไม่น้อยกว่าหนึ่งเดือน ในกรณีการพิจารณาอนุมัติแผนจัดการป่าชุมชนของคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัด เห็นว่าแผนจัดการป่าชุมชนไม่ถูกต้องหรือมีเหตุผลใดๆ ให้แจ้งให้คณะกรรมการป่าชุมชนแก้ไขแผนจัดการป่าชุมชนดังกล่าวภายในสิ้นกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ในคำแจ้งจากคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัด ในกรณีที่คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดไม่อนุมัติแผนจัดการป่าชุมชนตามวรรคสอง ให้คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดแจ้งเหตุผลให้คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนทราบโดยไม่ชักช้า ในกรณีที่คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดไม่อนุมัติแผนจัดการป่าชุมชนตามวรรคสอง ให้คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนแก้ไขแผนจัดการป่าชุมชนดังกล่าวตามเหตุผลที่คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดแจ้ง แล้วเสนอใหม่ ในกรณีที่แผนจัดการป่าชุมชนเดิมหมดอายุ คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดยังไม่อนุมัติแผนจัดการป่าชุมชนใหม่ ให้แผนจัดการป่าชุมชนเดิมมีผลใช้บังคับไปจนกว่าจะมีการอนุมัติแผนจัดการป่าชุมชนใหม่
เมื่อคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดพิจารณาอนุมัติแผนจัดการป่าชุมชนที่ปรับปรุงแล้ว ให้แผนจัดการป่าชุมชนดังกล่าวนำไปใช้บังคับแทนแผนจัดการป่าชุมชนเดิมในวันที่คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดกำหนด
ในกรณีที่เป็นการขยายเขตป่าชุมชน ให้บังคับความในมาตรา ๑๒ มาตรา ๑๓ มาตรา ๑๔ มาตรา ๒๑ มาตรา ๒๖ มาตรา ๒๗ มาตรา ๒๘ มาตรา ๓๖ และมาตรา ๔๖ มาใช้บังคับโดยอนุโลม ในกรณีที่เป็นการเพิกถอนป่าชุมชนบางส่วน เมื่อคณะกรรมการสิ้นสภาพของป่าชุมชนตามมาตรา ๔๙ แล้ว ให้คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนปรับปรุงแผนจัดการป่าชุมชนให้สอดคล้องกับพื้นที่ของป่าชุมชนที่คงเหลือ และเสนอคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดพิจารณาอนุมัติภายในกำหนดหกสิบวันนับแต่วันที่คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดพิจารณาอนุมัติการเพิกถอนป่าชุมชนบางส่วนดังกล่าว
หลักเกณฑ์ วิธีการ และรูปแบบ ในการจัดให้มีหลักเขต ป้าย หรือเครื่องหมายอื่นตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด
การเก็บหาของป่าในป่าชุมชน
การใช้ประโยชน์จากป่าชุมชนเพื่อการยังชีพ
การใช้ประโยชน์จากป่าชุมชนเพื่อการพาณิชย์ โดยให้สมาชิกป่าชุมชนได้รับประโยชน์ตามที่กำหนดไว้ในแผนจัดการป่าชุมชน และให้คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนจัดสรรรายได้จากการใช้ประโยชน์ดังกล่าว เพื่อใช้ในการบริหารจัดการและการพัฒนาป่าชุมชน
การใช้ประโยชน์จากป่าชุมชนเพื่อการท่องเที่ยวในป่าชุมชน ต่อกรณีในวรรคหนึ่ง การใช้ประโยชน์จากผลิตผลและบริการป่าชุมชนดังกล่าว ต้องเป็นไปอย่างสมดุลและยั่งยืน ไม่ก่อความเสื่อมโทรมของทรัพยากรป่า หรือสิ่งแวดล้อม หรือส่งผลต่อไปในป่าชุมชนอื่น และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามระเบียบที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด โดยระเบียบดังกล่าวจะกำหนดข้อห้ามการใช้ประโยชน์จากผลผลิตและบริการในชุมชนชนิดหรือประเภทใด หรือกำหนดให้การใช้ประโยชน์จากผลผลิตและบริการในชุมชนชนิดใด ประเภทใด หรือกรณีใด ต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดด้วยก็ได้
กระทำการใด ๆ ที่เป็นการเสื่อมสภาพแก่ป่าชุมชน หรือทำให้เสียหายหรือทำลายทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพ
การกระทำอื่นใดตามระเบียบที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด
เงินที่เป็นค่าตอบแทนดังกล่าว ให้เก็บรวบรวมมาตรา ๕๕ และให้เพิ่มขึ้น เงินสนับสนุน จากการจัดสรรเงินรายได้อื่น ๆ ให้ดำเนินการเพื่อสนับสนุนการจัดการป่าชุมชนและเก็บรักษาไว้ต่อไป ในการจัดการป่าชุมชน หรือตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด
ค่าใช้จ่ายที่รัฐได้จ่ายไปในการเคลื่อนย้ายสิ่งต่างที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือการทำให้สิ่งนั้นหมดสภาพตามสิ่งแวดล้อมหรือความเป็นพิษ ตลอดจนการนำเอาของกลางนั้น กัก หรือรักษาไว้
ค่าใช้จ่ายที่รัฐได้จ่ายไปในการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ
ค่าใช้จ่ายที่รัฐได้จ่ายไปในการช่วยเหลือเยียวยาผลกระทบต่อทรัพย์สินของบุคคลอื่นเนื่องในความเสียหายนั้น
ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่รัฐได้จ่ายไปในการป้องกันความเสียหายและปรับแก้ไขข้อขัดข้องในการเยียวยาผลกระทบต่อทรัพย์สินของบุคคลอื่น หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่รัฐได้จ่ายไปเพื่อให้เกิดความเสียหายตามกฎหมาย
มูลค่าของทรัพยากรธรรมชาติที่เสียหาย ในกรณีที่คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนได้ออกค่าใช้จ่ายในการดำเนินการส่วนใดตามวรรคหนึ่ง หรือในกรณีที่การกระทำหรือละเว้นกระทำการใดตามวรรคหนึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่สมาชิกร่วมในป่าชุมชนในการใช้ประโยชน์จากผลผลิตและบริการป่าชุมชน ให้คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนมีอำนาจดำเนินการให้การชดใช้ค่าเสียหายหรือการเยียวยาค่าเสียหายได้ในพื้นที่ป่าชุมชนนั้น
การควบคุมดูแลป่าชุมชน
ยึดถือ ครอบครอง หรือใช้ในที่อยู่ที่อาศัยหรือที่ทำกิน
ก่นสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ขุดแร่ ล่าสัตว์ในสวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า หรือกระทำการอย่างใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าชุมชน เว้นแต่เป็นการกระทำของพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อประโยชน์ในการบำรุงรักษาและป้องกันทรัพยากรธรรมชาติภายในป่าชุมชน หรือเป็นการกระทำของกรรมการดำเนินการป่าชุมชนตามแผนหรือมาตรการที่คณะกรรมการป่าชุมชนแห่งชาติหรือได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัด
ใช้ประโยชน์จากไม้ เว้นแต่เป็นการกระทำตามมาตรา 20 (ข) หรือมาตรา 25
ก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง เว้นแต่เป็นการก่อสร้างสิ่งใดที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือกรรมการดำเนินการป่าชุมชนตามแผนหรือมาตรการที่คณะกรรมการป่าชุมชนแห่งชาติหรือได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัด และต้องไม่เป็นการก่อสร้างเพื่อการอยู่อาศัยถาวรหรือเพื่อการประกอบกิจการอันมีลักษณะเป็นการค้า
ตรวจสอบพื้นที่และตรวจดูแลการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์จากผลผลิตและบริการป่าชุมชนของสมาชิกป่าชุมชนและบุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกป่าชุมชน และการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในป่าชุมชน
แนะนำ ให้ความรู้ และสร้างจิตสำนึกแก่บุคคลในชุมชนและบุคคลที่อยู่รอบพื้นที่ป่าชุมชนในการดูแลรักษาและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพในป่าชุมชน รวมทั้งรักษากฎปฏิบัติของชุมชน อันประกอบด้วย กฎระเบียบ และข้อตกลงที่เกี่ยวข้อง
สนับสนุนการดำเนินการของคณะกรรมการดำเนินการป่าชุมชนให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
รายงานคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดเมื่อปรากฏว่ามีการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายในพื้นที่ป่าชุมชนหรือพื้นที่รอบป่าชุมชน
ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่การศึกษา ค้นคว้า วิจัย หรือสำรวจทางวิชาการ ของกรมทรัพยากรป่าไม้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง คณะกรรมการจัดการป่าชุมชน เจ้าหน้าที่ป่าชุมชน และพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่ต้องแจ้งให้คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดทราบและต้องรายงานผล การศึกษาดังกล่าวให้คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดทราบ ทั้งนี้ ตามระเบียบที่ คณะกรรมการนโยบายกำหนด ในการศึกษา ค้นคว้า วิจัย หรือสำรวจทางวิชาการที่หรือรกราก ห้ามมิให้เข้า หรือพาการหรือพาของจากป่าชุมชน ไปแต่เพียง
ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัด หรือ (๒) เป็นการกระทำของกรมทรัพยากรป่าไม้หรือกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรณีที่มีความจำเป็น ตามพระราชบัญญัตินี้
เข้าไปในป่าชุมชนเพื่อตรวจสอบและติดตามผลการดำเนินการเกี่ยวกับป่าชุมชน และการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ และในกรณีที่พบว่าคณะกรรมการจัดการป่าชุมชนใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ หรือระเบียบหรือข้อบังคับของคณะกรรมการจัดการป่าชุมชน ให้รายงาน ผลต่ออธิบดีโดยเร็ว
สั่งให้ผู้หนึ่งผู้ใดออกจากป่าชุมชน หรือให้พ้นจากการกระทำใด ๆ ในป่าชุมชน ในกรณีที่เชื่อถือได้ว่าการกระทำหรือพฤติการณ์ดังกล่าวจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ หรือสิ่งแวดล้อมในป่าชุมชน ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนทราบโดยเร็ว
ดำเนินการหรือดำริการจัดการทรัพยากรธรรมชาติในป่าชุมชนที่หรือรกราก หรือจัดการป่าชุมชนที่หรือรกรากในกรณีที่คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนไม่อาจดำเนินการได้ เพื่อประโยชน์ในการอนุรักษ์ และดำเนินคดี
```
ไม่ให้ออกคำพิพากษาให้ริบและผู้เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองมิได้ขอรับคืนภายในสองปี นับแต่วันที่มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ให้ออกคำพิพากษาดังกล่าวแล้ว ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ทรัพย์สินที่ยึดได้ตามมาตรา ๒๗ (๔) ถ้าในขณะที่จะยึดไม่ปรากฏว่ามีเจ้าของผู้ ครอบครองและไม่มีผู้ใดมาแสดงตนเป็นเจ้าของหรือครอบครองภายในสองปีนับแต่วันที่ยึด ให้ตกเป็นของ แผ่นดิน ทรัพย์สินที่ยึดได้ตามมาตรา ๒๗ (๔) ถ้าศาลมีคำสั่งเด็ดขาดให้ริบ หรือศาลไม่พิพากษาให้ริบ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกคำสั่งทรัพย์สินที่ยึดตกเป็นของแผ่นดิน ในกรณีที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยรายใดถึงแก่ความตาย ให้ทรัพย์สินที่ยึดหรืออายัดไว้ ตามมาตรา ๒๗ (๔) ตกเป็นของแผ่นดิน เว้นแต่ภายในสองปีนับแต่วันที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยรายนั้น ถึงแก่ความตายและทายาทของผู้ต้องหาหรือจำเลยรายนั้นสามารถพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์สินนั้นมิได้เกี่ยวข้อง กับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้คืนทรัพย์สินนั้นให้แก่ทายาทของผู้ต้องหาหรือจำเลย รายนั้น การดำเนินการกับทรัพย์สินที่ตกเป็นของแผ่นดินตามมาตรานี้ ให้เป็นไปตามระเบียบ ที่อธิบดีกำหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
ของเสียใช้แล้วในการผลิตหรือการจำหน่ายหรือเป็นการเสียหายต่อความเสียหาย หรือจะเสียค่าใช้จ่าย ในการเก็บรักษาเป็นจำนวนมากหรือเป็นการเก็บรักษาไว้โดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ ในการเก็บรักษา ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการจัดการกับทรัพย์สินนั้นโดยวิธีการที่เหมาะสม กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการจัดต่าง เงินที่ขายได้เมื่อหักค่าใช้จ่ายและค่าภาระที่เกี่ยวข้องแล้ว เหลือเงินจำนวนสุทธิเท่าใดให้ถือเงินนั้นเป็นเงิน
และพนักงานเจ้าหน้าที่แสดงบัตรประจำตัวต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง บัตรประจำตัวของกรรมการจัดการป่าชุมชน เจ้าหน้าที่ที่ป่าชุมชน และพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
เจ้าหน้าที่ป่าชุมชน และพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
กรรมการจัดการป่าชุมชน เจ้าหน้าที่ป่าชุมชน สมาชิกป่าชุมชน หรือเจ้าหน้าที่ที่ป่าชุมชน กระทำการใด หรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ระเบียบของคณะกรรมการนโยบาย หรือข้อบังคับของ คณะกรรมการจัดการป่าชุมชน คณะกรรมการจัดการป่าชุมชน หรือเจ้าหน้าที่ที่ป่าชุมชนไม่ต้องรับผิด ทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางวินัย ``` จัดการป่าชุมชน กรรมการจัดการป่าชุมชน สมาชิกป่าชุมชน หรือเจ้าหน้าที่ป่าชุมชนดังกล่าว กระทำการ หรือดำเนินการกระทำใด ๆ ตามความเหมาะสม ผู้ได้รับคำสั่งของคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดตามวรรคหนึ่ง ต้องปฏิบัติ ตามคำสั่งดังกล่าวภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดกำหนด ในกรณีที่ผู้ได้รับคำสั่งของคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดตามวรรคแรก ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจสั่งให้ผู้ได้รับคำสั่งและให้ความตามในมาตรา ๓๗ วรรคสี่และวรรคห้า มาใช้บังคับโดยอนุโลม การอุทธรณ์ไม่เป็นเหตุให้การดำเนินการต้องยุติการปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดเว้นแต่คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัด หรือคณะกรรมการนโยบายจะสั่งเป็นอย่างอื่น การดำเนินการตามมาตรานี้ ไม่กระทบถึงสิทธิของผู้ได้รับคำสั่งที่คณะกรรมการ จัดการป่าชุมชน กรรมการจัดการป่าชุมชน สมาชิกป่าชุมชน หรือเจ้าหน้าที่ป่าชุมชน
ให้คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดพิจารณาและแจ้งผลให้อธิบดีทราบภายในสามสิบวันนับแต่ วันที่ได้รับแจ้งคำขอ ในกรณีที่อธิบดีไม่เห็นด้วยกับความเห็นของคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัด ที่แจ้งมาตามวรรคสอง ให้อธิบดีนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพิจารณาออกในสามสิบวันนับวันที่ ได้รับแจ้งผลและให้บังคับตามมาตรา ๓๗ วรรคสี่และวรรคห้า มาใช้บังคับโดยอนุโลม
ในกรณีที่ผู้กระทำการที่สินสิ้นสิทธิหรือรอนสิทธิในที่ดินหรือสิทธิอื่นในป่าชุมชน หรือรอนสิทธิในป่าชุมชนมีความเสียหาย คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดอาจพิจารณาให้ ความปลูกสร้างหรือสิ่งอื่นใดที่อยู่ในป่าชุมชนเป็นของผู้กระทำการที่สินสิ้นสิทธิหรือรอนสิทธิ นั้น ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและเป็นธรรมแก่ผู้กระทำการที่สินสิ้นสิทธิหรือรอนสิทธิในกรณี ที่มีเหตุสมควร และเงินที่เป็นค่าเสียหายที่ผู้กระทำการที่สินสิ้นสิทธิหรือรอนสิทธิจะต้องเสียไปในการที่ คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดหรือเจ้าหน้าที่กระทำการเสียหาย
การเพิกถอนป่าชุมชน
คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนขอให้เพิกถอนป่าชุมชนนั้นตามมาตรา ๔๖
คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนหยุดหรือไม่จัดการพื้นที่ป่าชุมชนนั้นต่อไป
คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ หรือระเบียบหรือข้อบังคับที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ อันอาจเป็นเหตุให้ป่าชุมชนได้รับความเสียหายหรือมีเหตุควรไว้วางใจให้การอนุรักษ์ป่าชุมชนต่อไป
เมื่อมีเหตุผลความจำเป็นทางด้านกิจการเพื่อความมั่นคงของประเทศ โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี ในกรณีที่คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดพิจารณาเหตุตาม (๒) หรือ (๓) และเห็นเป็นการสมควรให้เพิกถอนป่าชุมชน ให้คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดส่งเรื่องเพื่อให้เพิกถอนป่าชุมชนนั้นต่อไป หรือในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่พบเหตุตาม (๒) หรือ (๓) ให้รายงานข้อวินิจฉัยเพื่อจัดการส่งเพิกถอนป่าชุมชน เมื่ออธิบดีมีคำสั่งเพิกถอนป่าชุมชนแล้ว ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับการจัดการป่าชุมชนตรวจสอบทรัพย์สินภายในพื้นที่ป่าชุมชนนั้นให้แล้วเสร็จ ในกรณีที่อธิบดีมีคำสั่งเพิกถอนป่าชุมชนเพราะเหตุตาม (๒) หรือ (๓) ให้กรมป่าไม้จัดการป่าชุมชนนั้นกลับมาเป็นกิจการป่าตามพระราชบัญญัตินี้ การเพิกถอนป่าชุมชนให้มีผลเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วและในกรณีที่เป็นการเพิกถอนป่าชุมชนบางส่วน ให้แสดงแผนที่แสดงแนวเขตพื้นที่บางส่วนประกาศด้วย
ในกรณีที่มีการเพิกถอนป่าชุมชนบางส่วน ให้คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนจัดการทรัพย์สินส่วนกลางของป่าชุมชนและทรัพย์ที่ต้องอยู่ในป่าชุมชนตามสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียในป่าชุมชนนั้นตามระเบียบที่คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดกำหนด ให้คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนจัดการป่าชุมชนที่ถูกเพิกถอนนั้นให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่อธิบดีกำหนด หากไม่สามารถดำเนินการได้ ให้กรมป่าไม้ดำเนินการแทน
บทกำหนดโทษ
โทษทางปกครอง
ในกรณีที่เป็นการกระทำของนิติบุคคล ถ้าผู้บริหารหรือผู้แทนของนิติบุคคลนั้นได้สั่งการหรือเพิกเฉยปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำดังกล่าว ต้องระวางโทษปรับทางปกครองตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้นด้วย
เมื่อได้มีข้อบังคับตามมาตรา ๒๔ แล้ว ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งผู้แทนคณะกรรมการจัดการป่าชุมชนตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๒๔ โดยเร็ว
การดำเนินการเกี่ยวกับป่าชุมชนตามวรรคหนึ่งต้องมีหน่วยงานของรัฐที่กำหนดดูแลพื้นที่ไม่ยินยอมให้จัดตั้งเป็นป่าชุมชนต่อไป ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการนโยบายป่าชุมชนกำหนด
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หมาเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรส่งเสริมให้ชุมชน ได้ร่วมกันรัฐในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู จัดการ บำรุงรักษาและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุลและยั่งยืนในรูปแบบของชุมชน เพื่อให้ ชุมชนสามารถจัดการป่าชุมชนและได้ประโยชน์จากป่าชุมชน อันจะส่งผลให้ชุมชนมีระบบรักษา ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศให้มีความสมบูรณ์และ ยั่งยืน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ชญานันท์/รบม./จัดทำ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ปริญสุภัค/ตรวจ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๒