로고

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เป็นปีที่ ๓ ในรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการ โปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า บุคคล ซึ่งมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๗ และมาตรา ๔๐ ของรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ทั้งนี้ เพื่อให้การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการคุ้มครองความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล และเพื่อให้ โปร่งใส อันจะเป็นประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศและการคุ้มครอง ผู้ลงทุนและประชาชนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทรงพระราชดำริแล้วด้วยดีตลอดถึงเหตุอันจำเป็นอื่นที่บัญญัติไว้ใน

ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑

โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล

มาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกำหนดนี้ไว้ ดังต่อไปนี้

มาตรา ๑ พระราชกำหนดนี้เรียกว่า “พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจ

สินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๑”

มาตรา ๒ พระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใน

ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ในพระราชกำหนดนี้

*หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกำหนดฉบับนี้ คือ เนื่องจากปัจจุบันการประกอบธุรกิจ สินทรัพย์ดิจิทัลมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ซึ่งการประกอบธุรกิจ ดังกล่าวมีลักษณะเป็นการระดมทุนจากประชาชนในวงกว้างและมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลใน ตลาดรองที่มีการจัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะอย่างแพร่หลาย ทั้งนี้ การประกอบธุรกิจดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสียหาย ต่อประชาชนและระบบเศรษฐกิจของประเทศได้ สมควรมีกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ในการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจดังกล่าวให้มีความชัดเจนและเหมาะสม อันจะเป็นการ คุ้มครองประชาชนและผู้ลงทุนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งรักษาความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงจำเป็นต้อง ตราพระราชกำหนดนี้ "คริปโทเคอร์เรนซี" หมายความว่า หน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกสร้างขึ้นบนระบบบล็อกเชนหรือวิธีอื่นที่ครอบคลุมโดยระยะสัญญาซึ่งใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้า บริการ หรือสิทธิอื่นใด หรือแลกเปลี่ยนระหว่างสินทรัพย์ดิจิทัล และให้หมายความรวมถึงหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในลักษณะดังกล่าวตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด "โทเคนดิจิทัล" หมายความว่า หน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกสร้างขึ้นบนระบบบล็อกเชนหรือวิธีอื่นที่ครอบคลุมโดยระยะสัญญาซึ่งใช้เป็นสื่อกลางในการ

(ก)

กำหนดสิทธิของบุคคลในการร่วมลงทุนในโครงการหรือกิจการใด ๆ

(ข)

กำหนดสิทธิในการได้มาซึ่งสินค้า บริการ หรือสิทธิอื่นใดที่เฉพาะเจาะจง และให้หมายความรวมถึงหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในลักษณะดังกล่าวตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด "สินทรัพย์ดิจิทัล" หมายความว่า คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัล "ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล" หมายความว่า การประกอบธุรกิจตามประเภทดังต่อไปนี้

(ก)

ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล

(ข)

นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล

(ค)

ผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล

(ง)

กิจการอื่นที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีฐานะหรือมีระบบระเบียบการดำเนินการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด "ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล" หมายความว่า ศูนย์กลางหรือเครือข่ายใด ๆ ที่จัดให้มีระบบหรือกลไกทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล โดยการจับคู่หรือเสนอซื้อเสนอขาย หรือโดยวิธีอื่น และให้หมายความรวมถึงบุคคลซึ่งจัดให้มีระบบหรือกลไกดังกล่าวเพื่อให้บุคคลอื่นสามารถซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลได้ ไม่ว่าจะดำเนินการในฐานะตัวกลาง คู่สัญญา หรือประการอื่น แต่ไม่รวมถึงผู้ให้บริการระบบหรือกลไกดังกล่าวเฉพาะเพื่อให้ผู้ซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถทำความตกลงกันได้เองตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด "นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล" หมายความว่า บุคคลซึ่งให้บริการหรือแสดงต่อบุคคลทั่วไปว่ารับมอบหรือส่งมอบหรือเป็นนายหน้าหรือตัวแทน เพื่อซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลให้แก่บุคคลอื่น โดยกระทำเป็นทางปกติและได้รับค่าธรรมเนียมหรือผลตอบแทน แต่ไม่รวมถึงการเป็นนายหน้าหรือตัวแทนในลักษณะดังกล่าวตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด "ผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล" หมายความว่า บุคคลซึ่งให้บริการหรือแสดงต่อบุคคลทั่วไปว่ารับมอบหรือส่งมอบสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลในลักษณะของการประกอบธุรกิจเป็นทางปกติ โดยกระทำผ่านตนเองหรือผ่านนายหน้าหรือตัวแทน แต่ไม่รวมถึงการให้บริการในลักษณะดังกล่าวตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด "ผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล" หมายความว่า ผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชน โดยระบบเสนอขายดังกล่าวต้องมีคุณสมบัติและลักษณะตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด และรับรองการเสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชนตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด "ตลาดหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์" หมายความรวมถึง "สำนักงาน" หมายความว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา - 3 - “พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชกำหนดนี้ “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชกำหนดนี้

มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกำหนดนี้ และให้มีอำนาจออกประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชกำหนดนี้ได้

ประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้

หมวด 1

บททั่วไป

มาตรา 5 หลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ไม่ให้นำเป็นคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลตามพระราชกำหนดนี้

มาตรา 6 ในกรณีที่ต้องมีการส่งมอบ การโอน การถือครองหรือสืบทอดคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล ให้ถือว่าคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลประเภทและชนิดเดียวกัน และจำนวนเท่าเทียมกันเท่านั้นได้

มาตรา 7 ให้ถือว่าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลตามพระราชกำหนดนี้เป็นสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

มาตรา 8 ในกรณีที่จำเป็นต้องกำหนดราคาสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินไทย ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด

มาตรา 9 ในกรณีที่ผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลหรือผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลตามพระราชกำหนดนี้จะรับชำระเงินหรือรับชำระหนี้ด้วยคริปโทเคอร์เรนซี ให้รับเฉพาะคริปโทเคอร์เรนซีที่มีคุณสมบัติตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง และผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตตามพระราชกำหนดนี้เท่านั้น ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด

หมวด 2

การกำกับและควบคุม

มาตรา 10 เพื่อประโยชน์ในการกำกับและควบคุมการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีหน้าที่และอำนาจกำหนดนโยบาย

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนา ตลอดจนกำกับและควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลและผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลตามที่บัญญัติในพระราชกำหนดนี้ หน้าที่และอำนาจดังกล่าวให้รวมถึงการ

(๑)

ออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง หรือข้อกำหนดที่เกี่ยวกับการออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัลและการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล

(๒)

กำหนดกฎระเบียบสำหรับคำขออนุญาต การอนุญาต คำขอความเห็นชอบ การเห็นชอบ การขึ้นทะเบียน การรับจดทะเบียนหรือการรายงานของโทเคนดิจิทัลและการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล รวมทั้งการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล

(๓)

กำหนดหลักเกณฑ์เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาปัญหาที่อาจเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการบังคับพระราชกำหนดนี้

(๔)

ปฏิบัติการอื่นใดเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของพระราชกำหนดนี้

มาตรา ๑๑ ในกรณีที่มีการดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลอาจก่อให้เกิดผลกระทบหรือความเสียหายต่อประโยชน์ของประชาชนอย่างร้ายแรง ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. รายงานข้อเท็จจริงและประเมินผลกระทบหรือความเสียหายดังกล่าวพร้อมทั้งให้ความเห็นและเสนอแนะมาตรการดำเนินการต่อรัฐมนตรีเพื่อทราบโดยเร็ว

มาตรา ๑๒ ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดแทนคณะกรรมการ ก.ล.ต. ตามพระราชกำหนดนี้ได้ โดยให้คณะอนุกรรมการมีจำนวนไม่น้อยกว่าสามคน แต่ไม่เกินเจ็ดคน และให้มีกรรมการ ก.ล.ต. เป็นประธานอนุกรรมการ ทั้งนี้ ให้บังคับกับการประชุมของคณะอนุกรรมการโดยอนุโลม

มาตรา ๑๓ ให้คณะอนุกรรมการตามมาตรา ๑๒ ได้รับประโยชน์ตอบแทนตามที่รัฐมนตรีกำหนด และให้ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสำนักงาน ก.ล.ต.

มาตรา ๑๔ ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีหน้าที่และอำนาจในการปฏิบัติการใด ๆ เพื่อให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการ ก.ล.ต. และมติคณะอนุกรรมการที่บัญญัติไว้ในพระราชกำหนดนี้ หน้าที่และอำนาจดังกล่าวให้รวมถึง

(๑)

ออกประกาศหรือคำสั่งตามที่บัญญัติไว้ในพระราชกำหนดนี้

(๒)

ปฏิบัติการอื่นใด เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของพระราชกำหนดนี้

มาตรา ๑๕ เพื่อพิทักษ์ประโยชน์ของประชาชนหรือเพื่อคุ้มครองผู้ลงทุน ให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีหน้าที่เปิดเผยข้อมูลหรือรายงานเกี่ยวกับการดำเนินการตามพระราชกำหนดนี้ รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลอื่นใดที่ได้รับมาเนื่องจากการปฏิบัติตามพระราชกำหนดนี้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด

หมวด 3

การเสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชน

มาตรา 16 บทบัญญัติในหมวดนี้ให้หมายถึงบังคับกับการเสนอขายโทเคนดิจิทัล ประเภทคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด

มาตรา 17 ในการเสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อคนใหม่ต่อประชาชน ผู้ออกโทเคนดิจิทัลต้องเสนอขายโทเคนดิจิทัลดังกล่าวต่อผู้ได้รับอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. และให้กระทำได้เฉพาะนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด และต้องยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. โดยมีรายละเอียดตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด

ให้สำนักงานตรวจสอบความสมบูรณ์ของแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายได้ออกใบแจ้งผลการตรวจสอบดังกล่าวเสนอขายเป็นการทั่วไปต่อประชาชน การเสนอขายโทเคนดิจิทัลและการอนุญาตตามวรรคสอง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด

มาตรา 18 ผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลจัดให้ได้รับอนุญาตตามมาตรา 17 ให้เสนอขายได้เฉพาะต่อผู้ลงทุนบุคคลเฉพาะประเภทและเงื่อนไขที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด

มาตรา 19 การเสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชนต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด

การเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนที่เสนอได้รับอนุญาตแล้ว และต้องเสนอขายผ่านผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. เท่านั้น การเสนอขายต้องเป็นไปตามแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวน รวมถึงข้อมูลและเอกสารใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายโทเคนดิจิทัล กระบวนการและหลักเกณฑ์ในการเสนอขายโทเคนดิจิทัล ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด การให้ความเห็นชอบผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด

มาตรา 20 ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. สั่งยกเว้นประกาศกำหนดประเภทของโทเคนดิจิทัล จัดหลักเกณฑ์การเสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชน รวมถึงแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนตามมาตรา 19

มาตรา 21 กรรมการ ผู้บริหาร หรือผู้มีส่วนสำคัญของผู้เสนอขายตามมาตรา 17 ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด และได้รับความไว้วางใจให้บริหารจัดการกิจการที่เสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชนตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ก.ส.ท. ประกาศกำหนด โดยให้คณะกรรมการ ก.ส.ท. กำหนดตำแหน่งของผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจควบคุมกิจการหลักดังกล่าว ให้มีความในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับแก่กรรมการ ผู้บริหาร หรือผู้มีอำนาจควบคุมกิจการของผู้ให้บริการระบบสายโยงไทยคมดิจิทัลตามมาตรา ๓๗ โดยอนุโลม

มาตรา ๒๒ ภายหลังจากการพิจารณาแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายเทคดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนเสร็จแล้ว ให้นำสำนักงาน ก.ส.ท. ยื่นขอจดทะเบียน ดังต่อไปนี้

(๑)

ในกรณีที่สำนักงาน ก.ส.ท. ตรวจพบว่าข้อความหรือรายการในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายเทคดิจิทัลและหนังสือชี้ชวนเป็นเท็จ หรืออาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญของข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ผู้ลงทุนเสียหาย ให้นำสำนักงาน ก.ส.ท. มีคำสั่งระงับการเสนอขายหรือการใช้แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายเทคดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวน และยื่นคำสั่งให้กองการอนุญาตดำเนินการ

(๒)

ในกรณีที่สำนักงาน ก.ส.ท. ตรวจพบว่าข้อความหรือรายการในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายเทคดิจิทัลและหนังสือชี้ชวนอาจก่อให้เกิดผลในสาระสำคัญ หรือมีเหตุการณ์ที่มีผลให้ข้อมูลในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายเทคดิจิทัลและหนังสือชี้ชวนเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ ทั้งนี้ อาจมีผลกระทบต่อการตัดสินใจในการลงทุนของผู้ลงทุน ให้สำนักงาน ก.ส.ท. มีคำสั่งให้ผู้เสนอขายเทคดิจิทัลแก้ไขข้อความหรือรายการดังกล่าวในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายเทคดิจิทัลและหนังสือชี้ชวนให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กำหนด หากผู้เสนอขายเทคดิจิทัลไม่ดำเนินการแก้ไขข้อความหรือรายการดังกล่าวภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้สำนักงาน ก.ส.ท. มีคำสั่งระงับการเสนอขายหรือการใช้แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายเทคดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนดังกล่าว จนกว่าจะได้รับการดำเนินการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง

(๓)

ในกรณีที่สำนักงาน ก.ส.ท. ตรวจพบว่าข้อความหรือรายการในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายเทคดิจิทัลและหนังสือชี้ชวนคลาดเคลื่อนในลักษณะอื่นที่มิใช่กรณีตาม (๑) หรือ (๒) ให้สำนักงาน ก.ส.ท. มีคำสั่งให้ผู้เสนอขายเทคดิจิทัลแก้ไขข้อความหรือรายการดังกล่าวให้ถูกต้อง และหากไม่แก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง ให้สำนักงาน ก.ส.ท. อาจมีคำสั่งระงับการเสนอขายหรือการใช้แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายเทคดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนดังกล่าว จนกว่าจะได้รับการดำเนินการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง การสั่งห้ามหรือระงับการเสนอขายเทคดิจิทัลตามวรรคหนึ่ง ไม่กระทบถึงสิทธิในการดำเนินการใด ๆ ของผู้เสนอขายเทคดิจิทัลตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และไม่กระทบถึงสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายของบุคคลตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๓

มาตรา ๒๓ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๙ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

“มาตรา ๒๘ ห้ามมิให้ผู้ใดเสนอขายเทคดิจิทัล”

มาตรา ๒๕ การมีผลใช้บังคับของแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวน มีได้เป็นการแสดงตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. และสำนักงาน ก.ล.ต. ได้รับรองถึงความถูกต้องของข้อมูลในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและในหนังสือชี้ชวนดังกล่าวหรือให้ประกันความคุ้มครองของโทเคนดิจิทัลที่เสนอขายนั้น

มาตรา ๒๖ ให้แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลต้องส่งไปยังสำนักงาน ก.ล.ต. ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด

(ก)

รายงานเกี่ยวกับการดำเนินงานและฐานะการเงิน

(ข)

ข้อมูลใด ๆ ที่อาจมีผลต่อสิทธิประโยชน์ของผู้ถือโทเคนดิจิทัล หรือต่อการตัดสินใจลงทุน หรือการเปลี่ยนแปลงในราคาหรือมูลค่าของโทเคนดิจิทัล

หมวด ๔

ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล

มาตรา ๒๖ ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต.

การขออนุญาตและการอนุญาตตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ตลอดจนลักษณะการประกอบธุรกิจตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด ทั้งนี้ ผู้ได้รับอนุญาตต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด

มาตรา ๒๗ ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศหรือเพื่อพิทักษ์ประโยชน์ของประชาชน ให้รัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ได้รับอนุญาตต้องปฏิบัติในการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล หรือมีอำนาจเพิกถอนใบอนุญาตของคณะกรรมการ ก.ล.ต. จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขที่กำหนดได้

มาตรา ๒๘ ห้ามผู้ที่ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ทรัพย์ของตนให้บุคคลซึ่งมีลักษณะต้องห้ามตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด จากการถือหุ้นหรือเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดตำแหน่งของผู้บริหารดังกล่าว

มาตรา ๒๙ ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องจัดให้มีระบบงานและผู้บริหารตามมาตรา ๒๘ โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด

ในการดำเนินธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องจัดให้มีการเก็บรักษาทรัพย์สินของลูกค้าแยกต่างหากจากทรัพย์สินของตน ทั้งนี้ ภายในลักษณะและเงื่อนไขที่ถูกกำหนดตามที่เห็นสมควร

มาตรา ๓๐ ในการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ผู้ประกอบธุรกิจต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด

ในการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการ ก.ล.ต. ต้องคำนึงถึงเรื่องต่อไปนี้ด้วย

(๑)

การมีเสถียรภาพเงินทุนเพียงพอสำหรับการรองรับการประกอบธุรกิจและความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ

(๒)

ความปลอดภัยของทรัพย์สินของลูกค้า

(๓)

การรักษาความปลอดภัยจากการโจรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูลคอมพิวเตอร์ รวมถึงการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เกิดจากการโจรกรรมหรือเหตุอื่น ๆ

(๔)

การประระบบบัญชีที่เหมาะสมกับกิจการและจัดให้มีการสอบบัญชีโดยผู้สอบบัญชีที่สำนักงาน ก.ล.ต. ให้ความเห็นชอบ

(๕)

การมีระบบการรู้จักลูกค้า การตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า และมาตรการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายหรือการฟอกเงิน

มาตรา ๓๑ ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเก็บรักษาทรัพย์สินของลูกค้า ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องจัดทำบัญชีทรัพย์สินของลูกค้าแยกแต่ละรายและต้องเก็บรักษาทรัพย์สินแยกออกจากทรัพย์สินของตนเองตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด

ให้ทรัพย์สินของลูกค้าที่ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเก็บรักษาไว้เป็นทรัพย์สินของลูกค้า เมื่อผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลตามวรรคหนึ่ง ตกเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ หรือถูกทางราชการหรือหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลตามกฎหมายสั่งระงับการดำเนินกิจการส่วนหรือทั้งหมด ให้ทรัพย์สินของลูกค้าตามบัญชีที่แยกเก็บทรัพย์สินและตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๙ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

หมวด ๕

การเลิกประกอบธุรกิจ การเพิกถอนการอนุญาตประกอบธุรกิจ และการทำรายการที่ธุรกรรม

มาตรา ๓๒ ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยประสงค์จะเลิกประกอบธุรกิจตามประเภทที่ได้รับอนุญาต ให้ยื่นขออนุญาตเลิกประกอบธุรกิจต่อรัฐมนตรีตามคำแนะนำของคณะกรรมการ ก.ล.ต. โดยในการอนุญาตรัฐมนตรีอาจกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ก็ได้

มาตรา 33 เมื่อผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ให้ผู้ประกอบธุรกิจนั้นจัดทำการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล ชำระราคา ส่งมอบรายการที่เกี่ยวอยู่ หรือดำเนินการใด ๆ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการและในระยะเวลาที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด

มาตรา 34 เมื่อปรากฏว่าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตภายในเวลาที่กำหนด หรือไม่สามารถประกอบธุรกิจได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎหมายนี้ หรือที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจนั้นแก้ไขการประกอบธุรกิจให้ถูกต้องได้

รัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจตามวรรคหนึ่งร้องปฏิบัติอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของลูกค้าด้วยก็ได้

มาตรา 35 เมื่อปรากฏว่าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลมีฐานะทางการเงินหรือการดำเนินงานที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน หรือมีลักษณะอื่นใดอันไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนด คณะกรรมการ ก.ล.ต. อาจสั่งให้แก้ไขข้อบกพร่องในระยะเวลาที่กำหนด

หากผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ดำเนินการตามกรรมการที่ คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด ให้รัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งเพิกถอนการอนุญาต ในกรณีนี้ คณะกรรมการ ก.ล.ต. จะกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ให้ผู้ประกอบธุรกิจนั้นปฏิบัติเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของลูกค้าด้วยก็ได้ หากผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ดำเนินการตามกรรมการที่ คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด หรือกระทำความผิดซ้ำ รัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. อาจพิจารณาสั่งเพิกถอนการอนุญาต ในกรณีนี้ รัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. อาจสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจที่ถูกเพิกถอนการอนุญาตนั้นต้องปฏิบัติอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของลูกค้าด้วยก็ได้

มาตรา 36 เมื่อปรากฏหลักฐานต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. ว่า ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลมีฐานะทางการเงินหรือการดำเนินงานในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อผู้รับบริการหรือประชาชนโดยส่วนรวม หรือมีลักษณะการดำเนินธุรกิจทางการเงินที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้รับบริการหรือประชาชนโดยส่วนรวม ให้รัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งเพิกถอนการอนุญาตได้ ในกรณีนี้ รัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. อาจสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจที่ถูกเพิกถอนการอนุญาตนั้นต้องปฏิบัติอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของลูกค้าด้วยก็ได้

มาตรา 37 ในกรณีที่การทำธุรกรรม การดำเนินกิจการ หรือการดำเนินการใดเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของระบบการเงินหรือระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ให้รัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขหรือปรับปรุงการดำเนินการเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล หรือสั่งระงับการดำเนินการเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นได้ ในกรณีนี้ รัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. อาจสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้รับบริการด้วยก็ได้

ในกรณี รัฐมนตรีอาจสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลตามวรรคหนึ่งต้องปฏิบัติอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของลูกค้าด้วยก็ได้

หมวด 6

การป้องกันการทรัพย์สินไม่เป็นรูปเหรียญกับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล

มาตรา 35 บทบัญญัติในหมวดนี้ให้ใช้บังคับกับสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลตามพระราชกำหนดนี้

การซื้อขายตามวรรคหนึ่ง ให้หมายความรวมถึงการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลด้วย

มาตรา 36 ในหมวดนี้

“ผู้บริหาร” หมายความว่า ผู้จัดการหรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการบริหารงานของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลโดยพฤติการณ์หรือโดยได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลตามมาตรา 32 ตรี หรือกรรมการของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลตามมาตรา 32 ตรี “ลูกค้าของศูนย์ซื้อขาย” หมายความว่า

(ก)

ผู้ลงทุนซึ่งได้ทำสัญญาเปิดบัญชีกับศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น

(ข)

ผู้ลงทุนซึ่งได้ทำสัญญาเปิดบัญชีกับศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น แต่ไม่ได้ทำการซื้อขายหรือการจอง หรือไม่ทำเพราะเหตุอื่นใด

(ค)

การมีอำนาจควบคุมการแต่งตั้งหรือถอดถอนกรรมการตั้งแต่หนึ่งของกรรมการทั้งหมด ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม “สัญญาซื้อขายล่วงหน้า” หมายความว่า สัญญาซื้อขายล่วงหน้าตามกฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า “ข้อมูลที่อาจเปลี่ยนแปลง” หมายความว่า ข้อมูลที่ยังมิได้มีการเปิดเผยต่อประชาชนเป็นการทั่วไปซึ่งเป็นสาระสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงราคาหรือมูลค่าของสินทรัพย์ดิจิทัล “ผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์ดิจิทัล” หมายความว่า ผลกระทบที่ทำให้ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลสูงขึ้น ต่ำลง คงที่ หรือเป็นการบิดเบือนราคาสินทรัพย์ดิจิทัล

มาตรา 37 ในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอาจมีผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์ดิจิทัลหรืออาจทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้ลงทุนหรือประชาชนโดยรวม ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งการให้ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลดำเนินมาตรการอย่างหนึ่งอย่างใดเกี่ยวกับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น การซื้อขายหรือการจองซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยประการที่ทำให้ไม่เกิดกระทบต่อราคาสินทรัพย์ดิจิทัลหรือต่อการดำเนินงานในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล

มาตรา ๑๔ ห้ามมิให้บุคคลใดวิเคราะห์หรือคาดการณ์ฐานะทางการเงิน ผลการดำเนินงานข้อมูลอื่นที่เกี่ยวกับผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล ลักษณะหรือสาระสำคัญของโทเคนดิจิทัล หรือราคาซื้อขายอินทรีของดิจิทัล โดยบ่งบอกหรือรับรองเป็นทำนองว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือความสำคัญในสาระสำคัญ เว้นแต่ในการวิเคราะห์หรือคาดการณ์ดังกล่าวจะได้แสดงความถูกต้องของข้อมูลดังกล่าว หรือโดยเป็นนโยบายซึ่งใช้ในการวิเคราะห์หรือคาดการณ์ และได้เปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์หรือคาดการณ์นั้นให้ครบถ้วนและชัดเจน และการวิเคราะห์หรือคาดการณ์ดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์ดิจิทัลหรืออัตราตัดสินใจลงทุนในทรัพย์ดิจิทัล

มาตรา ๑๕ ห้ามมิให้บุคคลใดซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายในเกี่ยวกับผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลหรือสาระสำคัญของโทเคนดิจิทัล กระทำการดังต่อไปนี้

(ก)

ซื้อหรือขายโทเคนดิจิทัล หรือเข้าเป็นคู่สัญญาซื้อขายช่วงเวลาที่เกี่ยวข้องกับโทเคนดิจิทัลไม่ว่าเพื่อเองหรือบุคคลอื่น เว้นแต่

(๑)

เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย คำสั่งศาล หรือคำสั่งของหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมาย

(๒)

เป็นการปฏิบัติตามกระบวนหน้าที่ของผู้ซึ่งซื้อขายช่วงเวลาที่เกี่ยวข้องกับโทเคนดิจิทัลที่ขึ้นทะเบียนต่อรัฐหรือครอบครองข้อมูลภายในเกี่ยวกับผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลหรือลักษณะหรือสาระสำคัญของโทเคนดิจิทัลนั้น

(๓)

เป็นการกระทำโดยบุคคลที่ไม่ได้รับรู้หรือมีข้อเท็จจริงที่ผิด แต่ไม่อนุญาตให้ผู้ได้รับอนุญาตหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้รับอนุญาตกระทำการดังกล่าวในช่วงเวลาที่เกี่ยวข้องกับโทเคนดิจิทัล เว้นแต่ผู้ที่ได้รับอนุญาตหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้รับอนุญาตกระทำการดังกล่าวในช่วงเวลาที่เกี่ยวข้องกับโทเคนดิจิทัลตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด

(ข)

เปิดเผยข้อมูลภายในแก่บุคคลอื่นไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมและไม่ว่าด้วยวิธีใด โดยผู้หรือครอบครองข้อมูลภายในข้อมูลนั้นไปใช้ประโยชน์ในการซื้อหรือขายโทเคนดิจิทัลหรือเข้าเป็นคู่สัญญาซื้อขายช่วงเวลาที่เกี่ยวข้องกับโทเคนดิจิทัล ไม่ว่าเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์แก่ตนเองหรือบุคคลอื่น เว้นแต่เป็นการกระทำที่ไม่ลำเอียงและที่ไม่ได้เป็นการเอาเปรียบบุคคลอื่นหรือไม่ลำเอียงตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด

มาตรา ๑๖ ให้มีส่วนบุคคลใดอ่านว่าบุคคลดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายในตามมาตรา ๑๕

(๑)

กรรมการ ผู้บริหาร หรือผู้มีอำนาจควบคุมกิจการของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล

(๒)

พนักงาน ลูกจ้าง หรือบุคคลอื่นที่ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้รับอนุญาต ซึ่งอยู่ในหน้าที่หรือสารงานที่รับผิดชอบของข้อมูลภายในหรือที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายโทเคนดิจิทัล

(๓)

บุคคลซึ่งอยู่ในฐานะผู้รับอนุญาตหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้รับอนุญาตหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้รับอนุญาตหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้รับอนุญาต

(๔)

กรรมการ อนุกรรมการ ผู้แทนนิติบุคคล ตัวแทน ลูกจ้าง พนักงาน ที่ปรึกษา หรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ สำนักงาน ก.ล.ต. หรือศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งอยู่ใน ตำแหน่งหรือฐานะที่สามารถรับข้อมูลภายในได้ตามการปฏิบัติหน้าที่ของตน

(๕)

ญาติบุคคลดังกล่าวตาม (๑) (๒) หรือ (๔) ซึ่งอาศัยร่วมครอบครัวกัน

มาตรา ๔๔ ให้บังคับแก่ผู้ที่มีข้อมูลภายในซึ่งยังมิได้เปิดเผยต่อสาธารณชนอันเนื่องมาจากการ เป็นกรรมการ ผู้บริหาร หรือพนักงานของนิติบุคคลที่ออกหลักทรัพย์ หรือเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำ หรือการเปิดเผยข้อมูลภายในของนิติบุคคลนั้น หรือเป็นผู้ที่ได้ข้อมูลภายในจากการปฏิบัติหน้าที่ หรือจากการกระทำความผิดตามมาตรา ๔๕ หรือมาตรา ๔๗ ดังต่อไปนี้

(ก)

ผู้ถือโทเคนดิจิทัลหรือผู้ออกโทเคนดิจิทัลที่มีข้อมูลภายในซึ่งยังมิได้เปิดเผยต่อสาธารณชน และมีการซื้อขายหรือโอนโทเคนดิจิทัลนั้น โดยใช้ข้อมูลภายในเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่น

(ข)

กรรมการ ผู้บริหาร ผู้มีอำนาจควบคุมกิจการ พนักงาน หรือลูกจ้างของผู้ออกโทเคนดิจิทัล หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำหรือการเปิดเผยข้อมูลภายในของผู้ออกโทเคนดิจิทัล ซึ่งได้ใช้ข้อมูลภายในเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่น

(ค)

บุคคลใดที่ได้ข้อมูลภายในจากการกระทำความผิดตาม (ก) หรือ (ข) และได้ใช้ข้อมูลภายในเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่น

มาตรา ๔๕ ห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงพนักงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำหรือการเปิดเผยข้อมูลภายในของผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าว ซึ่งรู้หรือควรรู้ว่าข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือการซื้อขายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้าเป็นข้อมูลภายใน และได้ใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่นในประการที่น่าจะทำให้ลูกค้าเสียหายหรือเสียประโยชน์

(ก)

ส่ง แก้ไข หรือยกเลิกคำสั่งซื้อหรือคำสั่งขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือจัดทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล โดยใช้โอกาสดังกล่าวเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่นในลักษณะที่ลูกค้าอาจเสียหาย

(ข)

เปิดเผยข้อมูลภายในของลูกค้าให้แก่บุคคลอื่นในลักษณะที่ลูกค้าอาจเสียหาย

มาตรา ๔๖ ห้ามมิให้บุคคลใดกระทำการ ดังต่อไปนี้

(ก)

สั่งส่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล อันเป็นการทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล

(ข)

สั่งส่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล ในลักษณะต่อเนื่องกันโดยมุ่งหมายให้ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลหรือปริมาณการซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลผิดไปจากสภาพปกติของตลาด

มาตรา ๔๗ ให้บังคับฐานไม่ใช้อำนาจกระทำดังต่อไปนี้ เป็นการกระทำอันเป็นการทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลตามมาตรา ๔๕ (๑) หรือเป็นการกระทำที่ทำให้ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลหรือปริมาณการซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นผิดไปจากสภาพปกติของตลาดตามมาตรา ๔๕ (๒) แล้วแต่กรณี

(๑)

ซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลในนิติบุคคลตนได้ประโยชน์จากการซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าวเป็นบุคคลเดียวกัน

(๒)

ส่งคำสั่งซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลโดยรู้ล่วงหน้าตนเองหรือบุคคลอื่นร่วมกระทำการใดๆ เพื่อทำให้ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลผิดไป ในลักษณะใกล้เคียงกัน ราคาใกล้เคียงกัน และภายในเวลาใกล้เคียงกัน

(๓)

ส่งคำสั่งซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลโดยรู้ล่วงหน้าตนเองหรือบุคคลอื่นร่วมกระทำการใดๆ เพื่อทำให้ปริมาณการซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลผิดไป ในลักษณะใกล้เคียงกัน และภายในเวลาใกล้เคียงกัน

(๔)

ส่ง แก้ไข หรือยกเลิกคำสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลในช่วงก่อนเปิดหรือช่วงก่อนปิดศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมุ่งหมายให้ราคาปิดหรือราคาปิดของสินทรัพย์ดิจิทัลสูงหรือต่ำกว่าที่ควรจะเป็น

(๕)

ส่ง แก้ไข หรือยกเลิกคำสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลใดๆ จนเป็นการขัดขวางการซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลของบุคคลอื่น ส่งผลให้บุคคลอื่นต้องส่งคำสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล ในราคาที่สูงหรือต่ำกว่าที่ควรจะเป็น

มาตรา ๔๘ ให้บังคับฐานไม่อำนาจกระทำการดังต่อไปนี้ เป็นการกระทำในการกระทำความผิดตามมาตรา ๔๕

(ก)

เป็นบัญชีร่วมกันระหว่างผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลกับบุคคลอื่นร่วมกันเพื่อการจัดการราคาสินทรัพย์ดิจิทัล

(ข)

ยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของตน

(ค)

ยอมให้การซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลของตนเป็นการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของบุคคลอื่น

(ง)

นำเงินหรือทรัพย์สินอื่นเป็นประกันการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

(ข)

ยอมให้บุคคลอื่นรับประโยชน์หรือรับชดใช้ตอบในการชำระราคาที่เกี่ยวกับหรือเนื่องจากการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของตน หรือ

(ค)

โอนหรือรับโอนสินทรัพย์ดิจิทัลระหว่างกัน

มาตรา ๔๙ ห้ามมิให้บุคคลใดส่ง แก้ไข หรือแปลคำสั่งหรือรายการเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลในระบบโครงข่ายอิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อสารข้อมูล โดยรู้อยู่แล้วว่าคำสั่งหรือรายการดังกล่าวจะทำให้ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลหรือปริมาณการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในสภาพปกติของตลาดแสดงให้เห็นว่าอันเป็นการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการกระทำอันไม่เป็นธรรม

หมวด ๗

พนักงานเจ้าหน้าที่

มาตรา ๕๐ ในการปฏิบัติหน้าที่ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจ ดังต่อไปนี้

(ก)

เข้าไปในสถานที่ประกอบธุรกิจหรือสถานที่ที่ผู้สอบผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล หรือสถานที่ที่รวบรวมหรือประมวลข้อมูลของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต่างด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่น ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของสถานที่นั้นเพื่อตรวจสอบบัญชี เอกสาร หลักฐาน หรือข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้องสินทรัพย์ดิจิทัล รวมทั้งเอกสาร หลักฐาน หรือข้อมูลอื่นที่อยู่ในครอบครองของผู้ประกอบธุรกิจ

(ข)

เข้าไปในสถานที่ที่มีการใช้หรือมีไว้ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่นที่ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล หรือในสถานที่ที่มีการรวบรวมหรือประมวลข้อมูลของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการตรวจสอบบัญชี เอกสาร หลักฐาน หรือข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้องในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของสถานที่นั้นเพื่อตรวจสอบบัญชี เอกสาร หลักฐาน หรือข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้อง

(ค)

ตรวจสอบหรือเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อื่นที่มีข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานหรือข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลหรือกิจการของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล

(ง)

เข้าไปในสถานที่ทำการของธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินอื่นที่ได้รับอนุญาตตามพระราชกำหนด หรือในสถานที่ทำการของหน่วยงานเพื่อการตรวจสอบบัญชี เอกสาร หลักฐาน หรือข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้องกับการกระทำอันเป็นความผิดตามพระราชกำหนดนี้

(จ)

ยึดหรืออายัดทรัพย์สิน เอกสาร หลักฐาน หรือระบบคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามพระราชกำหนดนี้เพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อว่าทรัพย์สิน เอกสาร หลักฐาน หรือข้อมูลดังกล่าวจะถูกโยกย้าย ซ่อนเร้น ทำลาย หรือเสียหาย

(ฉ)

สั่งให้กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้สอบบัญชีของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล หรือผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องจัดส่งบัญชี เอกสาร หลักฐาน หรือข้อมูลอื่นที่เกี่ยวกับกิจการในการดำเนินงาน สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สินทรัพย์และหนี้สินของบุคคลดังกล่าว หรือสั่งให้บุคคลดังกล่าวส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องด้วยก็ได้

(๖)

สั่งให้บุคคลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดังกล่าวหรือกลุ่มที่ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล มาให้ถ้อยคำ หรือส่งเอกสารหรือแสดงสมุดบัญชี เอกสาร หลักฐาน หรือข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจดังกล่าว

(๗)

สั่งให้บุคคลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานตามมาตรานี้ มาให้ถ้อยคำ หรือส่งเอกสารหรือแสดงสมุดบัญชี เอกสาร หลักฐาน หรือข้อมูลอื่นใดหรือจำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรานี้ ให้บุคคลที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกตามสมควร เมื่อได้บันทึกผลของการตรวจสอบตาม (๖) หรือ (๗) แล้ว ถ้ายังดำเนินการไม่เสร็จอาจทำต่อไปในเวลากลางคืนหรือภายนอกที่ทำการของสถานที่นั้นก็ได้ การใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม (๖) และ (๗) ของเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่จะต้องโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ และต้องได้รับการอนุมัติจาก ก.ล.ต. ก่อน โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ต้องกำหนดระยะเวลาอันสมควรที่จะให้บุคคลดังกล่าวมารายงานหรือปฏิบัติตามคำสั่งได้

มาตรา ๔๕ เมื่อหน่วยงานที่มีหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายเกี่ยวกับการกำกับสินทรัพย์ดิจิทัลหรือหน่วยงานอื่นในประเทศหรือในต่างประเทศร้องขอให้ ก.ล.ต. ช่วยเหลือในการรวบรวมพยานหลักฐานหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ก.ล.ต. อาจให้ความช่วยเหลือดังกล่าวได้ ทั้งนี้ การให้ความช่วยเหลือในกรณีดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

(ก)

การให้ความช่วยเหลือต้องไม่ขัดต่อประโยชน์สาธารณะหรือการรักษาความสัมพันธ์ของประเทศ

(ข)

การกระทำซึ่งเป็นมูลกรณีของความช่วยเหลือนั้นต้องมีกำหนดโทษตามกฎหมายว่าด้วยความผิดตามพระราชกำหนดนี้

(ค)

หน่วยงานต่างประเทศที่ร้องขอความช่วยเหลือต้องตกลงหรือยินยอมให้ความช่วยเหลือในทำนองเดียวกันกับการขอความช่วยเหลือร้องขอจากสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อประโยชน์แห่งความช่วยเหลือดังกล่าวในมาตรา ๔๓ และบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้องมาใช้บังคับ

มาตรา ๔๖ ข้อมูล ข้อเท็จจริง เอกสาร และหลักฐานต่าง ๆ ที่สำนักงาน ก.ล.ต. สอบมาในการดำเนินการตามพระราชกำหนดนี้ พนักงานของสำนักงานอาจนำไปเปิดเผยหรือนำมาใช้ตามที่จำเป็นได้

``` - ๑๖ -

มาตรา ๕๔ ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง

บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา ๕๕ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชกำหนดนี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

หมวด ๘

โทษทางอาญา

มาตรา ๕๖ ผู้ใดเสนอขายโทเคนดิจิทัลโดยฝ่าฝืนหรือไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา ๑๓ วรรคหนึ่งหรือวรรคสี่ หรือเสนอขายโดยไม่กระทำผ่านผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลตามมาตรา ๑๗ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับเงินไม่เกินสองเท่าของราคาขายของโทเคนดิจิทัลที่เสนอขายดังกล่าว แล้วแต่กรณี เงินค่าปรับต้องไม่ย่อยกว่าห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๕๗ ผู้ใดเสนอขายโทเคนดิจิทัลโดยฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามมาตรา ๑๓ วรรคสาม ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาท ตลอดเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง

มาตรา ๕๘ ผู้ใดแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนตามมาตรา ๑๗ วรรคหนึ่งในสาระสำคัญ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับเงินไม่เกินสองเท่าของราคาขายของโทเคนดิจิทัลทั้งหมดที่เสนอขาย แต่ทั้งนี้ เงินค่าปรับต้องไม่ย่อยกว่าห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๕๙ ผู้ใดเสนอขายโทเคนดิจิทัลโดยฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามมาตรา ๑๘ วรรคสอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๖๐ ผู้ใดเสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชนโดยระดมทุนในลักษณะที่ ก.ล.ต. สั่งระงับการเสนอขายดังกล่าวของผู้ออกโทเคนดิจิทัลหรือผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลรายใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองเท่าของราคาขายของโทเคนดิจิทัลที่เสนอขายดังกล่าว แล้วแต่กรณี หรือทั้งจำทั้งปรับ

``` ตามมาตรา ๒๒ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับเป็นเงินไม่เกินสองเท่าของราคาขาย ของโทเคนดิจิทัลทั้งหมดซึ่งผู้นั้นได้เสนอขาย แต่ทั้งนี้ เงินค่าปรับต้องไม่ต่ำกว่าห้าแสนบาท หรือทั้ง จำทั้งปรับ

มาตรา ๒๓ ผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลใดที่เสนอขายโดยไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๒๔ ต้อง ระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละสองหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง

มาตรา ๒๔ ผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลโดยไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๒๕ หรือฝ่าฝืนหรือไม่ ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละสองหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง

มาตรา ๒๕ ผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลที่มีหน้าที่จัดทำหรือส่งข้อมูลตามมาตรา ๒๗ แสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงที่ควรบอกให้แจ้งในสาระสำคัญ ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๒๖ ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลใดที่ได้รับอนุญาตตามมาตรา ๒๗ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลา ที่ยังไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง

มาตรา ๒๗ วรรคหนึ่ง มาตรา ๒๘ มาตรา ๒๙ มาตรา ๓๐ หรือมาตรา ๓๑ หรือมาตรา ๓๒ หรือมาตรา ๓๓ หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข หรือคำสั่ง หรือประกาศตามมาตรา ๒๗ มาตรา ๒๘ มาตรา ๓๐ มาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ วรรคสอง มาตรา ๓๕ หรือมาตรา ๓๖ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน สามแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง

มาตรา ๒๘ ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลใดไม่ปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งตาม มาตรา ๓๗ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลา ที่ยังไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง

มาตรา ๒๙ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๓๘ หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ หรือวิธีการตามมาตรา ๓๙ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามแสนบาท

มาตรา ๓๐ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๔๐ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๓ มาตรา ๔๔ หรือมาตรา ๔๕ (๑) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับเป็นเงินตั้งแต่แสนบาทถึงสองล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๓๑ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๔๕ (๒) หรือมาตรา ๔๖ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน หกเดือน หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๒ กรณีความผิดตามมาตรา ๑๐ หรือมาตรา ๑๑ ในส่วนที่เกี่ยวกับการกำหนดโทษปรับ ถ้าผู้กระทำความผิดให้ทรัพย์สินส่วนตนประโยชน์จากการกระทำความผิดนั้น ให้ปรับเป็นเงินไม่เกินสองเท่าของผลประโยชน์ ทั้งนี้ ค่าปรับดังกล่าวต้องไม่ต่ำกว่าค่าปรับที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๐ หรือมาตรา ๑๑ แล้วแต่กรณี

มาตรา ๑๓ ผู้ใดยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล บัญชีเงินฝากธนาคาร บัญชีที่เปิดให้กับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล หรือบัญชีใด ๆ ที่ใช้ดำเนินธุรกรรมทางการเงินหรือทรัพย์สินแทนตน เพื่อปกปิดตัวตนของบุคคลในบัญชีนั้นจากสาธารณชน ในประการที่บุคคลนั้นอาจนำบัญชีไปใช้ในการกระทำอันเป็นธรรมเนียมกับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลผิดกฎหมาย ๑ การอำพรางการทำอันไม่เป็นธรรมเนียมกับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ผู้ใดใช้บัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล บัญชีเงินฝากธนาคาร บัญชีที่เปิดให้กับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล หรือบัญชีใดของบุคคลอื่นเพื่อดำเนินการอันไม่เป็นธรรมตามวรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน

มาตรา ๑๔ ในกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ตรวจพบการกระทำความผิดตามมาตรา ๑๐ หรือมาตรา ๑๑ ให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ออกคำสั่งตรวจสอบการกระทำความผิดดังต่อไปนี้

(๑)

ตรวจให้สิ้นจำนวนเงินที่ทำให้เกิดประโยชน์ได้ที่ได้รับหรือได้รับจากการกระทำความผิดในแต่ละบัญชีหรือแต่ละกรณี

(๒)

ห้ามมิให้ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือเข้าทุกข์ตามสัญญาซื้อขายอย่างหนึ่งอย่างใดที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลภายในระยะเวลาที่กำหนดซึ่งต้องไม่เกินหกปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดหรือคำสั่ง

(๓)

ห้ามมิให้การบริหารหรือบัญชีทรัพย์ของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลหรือผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลภายในระยะเวลาที่กำหนดซึ่งต้องไม่เกินสิบปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดหรือคำสั่ง

(๔)

ขอต่อให้สำนักงานของสำนักงาน ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดนั้นเห็นว่าเกี่ยวกับสำนักงาน ก.ล.ต. หากผู้กระทำความผิดไม่ปฏิบัติตาม (๑) หรือคำสั่งตาม (๔) ให้คณะกรรมการออกหมายบังคับ โดยให้บังคับตามกฎหมายวิธีการชำระหนี้ตามคำพิพากษาโดยอนุโลม และให้ถือว่าคำสั่งสำนักงาน ก.ล.ต. เป็นคำพิพากษาที่ถึงที่สุด

มาตรา ๑๕ ผู้ใดขัดขวางหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือไม่อำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา ๑๔ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท

มาตรา ๗๖ ผู้ใดแจ้งข้อความหรือให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งในสาระสำคัญต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงาน ก.ล.ต. ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท

มาตรา ๗๗ ผู้ใดขโมย ทำให้เสียหาย ทำลาย หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินหรือเอกสารที่พนักงานเจ้าหน้าที่ คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงาน ก.ล.ต. เก็บรักษาไว้เพื่อเป็นหลักฐานในการตรวจสอบ หรือรักษาอย่างอื่น ๆ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินสามแสนบาท

มาตรา ๗๘ ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สิน เอกสาร หรือข้อมูลใด ๆ อันเก็บรักษาไว้หน้าที่ใด ๆ อายัดไว้ หรือสั่งให้ส่งเป็นพยานหลักฐานหรือเพื่อบังคับการให้เป็นไปตามพระราชกำหนดนี้ ไม่ว่าหน้าที่ยังดำเนินการอยู่หรือสิ้นสุดไปแล้ว หรือซึ่งได้มอบหรือส่งมอบให้ผู้อื่นแล้วก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินห้าแสนบาท

มาตรา ๗๙ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการเรียบของที่กำหนดตามมาตรา ๔๘ หรือมาตรา ๔๙ หรือ (๓) หรือ (๔) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๘๐ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลที่กำหนดตามมาตรา ๕๗ (๓) หรือ (๔) หรือมาตรา ๖๗ (๓) หรือ (๔) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๘๑ ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าผู้ใดให้บริการหรือทำความตกลงตามมาตรา ๔๘ หรือมาตรา ๕๐ โดยรู้หรือควรรู้ว่าการกำหนดมาตรการสำคัญตามแนวทางที่กำหนดไว้ในกฎหมายนี้ หรือโดยคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามแสนบาท

มาตรา ๘๒ กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลโดยนามมาตรา ๔๘ โดยทุจริต หลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่ประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน และโดยการหลอกลวงดังกล่าวได้เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของประชาชน เงินตรา หรือบุคคลอื่นตกอยู่ในความครอบครองของบุคคลดังกล่าว ถ่าย หรือทำลายเอกสารสิทธิ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท

มาตรา ๘๓ กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลโดยนามมาตรา ๔๘ ซึ่งไม่ควบคุมหรือไม่จัดการทรัพย์สินดิจิทัลของนิติบุคคลหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการดำเนินงานของนิติบุคคลรวมอยู่ในกระทรวงที่ผิดหน้าที่ตามประการใด ๆ โดยทุจริต

จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของนิติบุคคลนั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงหนึ่งล้านบาท

มาตรา ๕๔ กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลใดตามมาตรา ๔๙ ครอบครองทรัพย์สินที่เป็นของนิติบุคคลดังกล่าว หรือที่นิติบุคคลหรือผู้รับอนุมัติของนิติบุคคลดังกล่าวมอบให้ดูแลหรือถือครองของนิติบุคคลนั้น ถ้าได้กระทำเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินห้าแสนบาท

มาตรา ๕๕ กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลใดตามมาตรา ๔๙ เอาไปเสียซึ่ง ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้สูญหายซึ่งทรัพย์สินของนิติบุคคลดังกล่าวที่ตนมีหน้าที่ดูแลหรือถือครองของนิติบุคคลนั้น ถ้าได้กระทำเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินห้าแสนบาท

มาตรา ๕๖ กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลใดตามมาตรา ๔๙ รู้ว่าเจ้าหนี้ของนิติบุคคลดังกล่าว หรือเจ้าหนี้ของบุคคลอื่นซึ่งใช้สิทธิเรียกร้องให้นิติบุคคลดังกล่าวชำระหนี้หรือรู้ว่าเจ้าหนี้ของบุคคลอื่นซึ่งใช้สิทธิเรียกร้องให้ชำระหนี้

(ก)

ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์สินของนิติบุคคลนั้น หรือทรัพย์สินของบุคคลอื่น

(ข)

แสดงให้เห็นถึงการมีหนี้หรือไม่มีหนี้ในทางอันมิชอบ

(ค)

ทำให้เจ้าหนี้ของนิติบุคคลดังกล่าวหรือเจ้าหนี้ของบุคคลอื่นซึ่งใช้สิทธิเรียกร้องให้ชำระหนี้ของนิติบุคคลดังกล่าวไม่ได้รับชำระหนี้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงหนึ่งล้านบาท

มาตรา ๕๗ กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลใดตามมาตรา ๔๙ กระทำหรือยินยอมให้กระทำการดังต่อไปนี้

(ก)

ทำให้เสียหาย ทำลาย เปลี่ยนแปลง ตัดตอน หรือปลอมบัญชีเอกสาร หรือหลักฐานเกี่ยวกับนิติบุคคลดังกล่าว

(ข)

ลงข้อความอันเป็นเท็จหรือไม่ลงข้อความอันเป็นจริงในบัญชีหรือเอกสารของนิติบุคคลดังกล่าว หรือ

(ค)

ทำบัญชีไม่ครบถ้วน ถูกต้อง ไม่มีใบสำคัญหรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง เพื่อปกปิดหรือปิดบังฐานะการเงินที่แท้จริงของนิติบุคคลดังกล่าว หรือเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้แสดงถึงความเสียหายหรือความเสียเปรียบของนิติบุคคลดังกล่าว ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงหนึ่งล้านบาท

มาตรา ๔๘ นิติบุคคลตามมาตรา ๒๒ มาตรา ๔๓ มาตรา ๔๔ มาตรา ๔๕ มาตรา ๔๖ มาตรา ๔๗ และมาตรา ๔๘ ให้หมายความถึงนิติบุคคลดังต่อไปนี้

(๑)

บริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่ได้รับอนุญาตให้เสนอขายโทเคนดิจิทัลจากสำนักงาน ก.ล.ต. ตามมาตรา ๑๗ วรรคหนึ่งหรือวรรคสอง

(๒)

ผู้เป็นกรรมการและผู้แทนของนิติบุคคลดังกล่าวที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. ตามมาตรา ๑๗ วรรคหนึ่ง

(๓)

ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีตามมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง

มาตรา ๔๙ ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดตามที่บัญญัติในมาตรา ๒๐ มาตรา ๔๓ มาตรา ๔๔ มาตรา ๔๕ มาตรา ๔๖ มาตรา ๔๗ หรือมาตรา ๔๘ ไม่ว่าด้วยการใช้ สั่ง ชักจูง จ้าง หรือด้วยวิธีใด ต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น

มาตรา ๕๐ ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดตามที่บัญญัติในมาตรา ๒๐ มาตรา ๔๓ มาตรา ๔๔ มาตรา ๔๕ มาตรา ๔๖ มาตรา ๔๗ หรือมาตรา ๔๘ ก่อนการกระทำความผิด ขณะกระทำความผิด หรือภายหลังการกระทำความผิด ต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น เว้นแต่ผู้ช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นจะได้กระทำไปเพื่อให้เจ้าพนักงานได้ทราบถึงการกระทำความผิดหรือเพื่อให้ความสะดวกแก่การจับกุม

ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่การเปิดเผยในกรณี ดังต่อไปนี้

(๑)

การเปิดเผยตามหน้าที่

(๒)

การเปิดเผยเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนหรือการพิจารณาคดี

(๓)

การเปิดเผยเพื่อปฏิบัติหน้าที่ราชการที่ต้องกระทำตามพระราชบัญญัตินี้

(๔)

การเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขฐานะหรือการดำเนินงานของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล

(๕)

การเปิดเผยเพื่อแสดงข้อมูลซึ่งผู้ลงทุนมีความชอบธรรมที่จะทราบตามกฎหมายนี้

(๖)

การเปิดเผยแก่ผู้ถือหุ้นหรือผู้ถือหน่วยลงทุนของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลตามที่กำหนดในข้อบังคับของบริษัทหรือข้อกำหนดของกองทุนรวม

(๗)

การเปิดเผยข้อมูลที่มีผลกระทบต่อราคาหรือมูลค่าของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือโทเคนดิจิทัลที่ออกเสนอขายตามมาตรา ๑๗ วรรคหนึ่งหรือวรรคสอง หรือที่มีผลกระทบต่อราคาหรือมูลค่าของหลักทรัพย์ที่ออกโดยบริษัทมหาชนจำกัดซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นหรือผู้ถือหน่วยลงทุนในผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล

(๘)

การเปิดเผยเมื่อได้รับความเห็นชอบจากบุคคลดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษร

มาตรา ๕๓ ผู้ใดล่วงรู้หรือได้มาซึ่งความลับของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยเหตุที่เป็นกรรมการ ผู้จัดการ พนักงาน หรือลูกจ้าง ของผู้ประกอบธุรกิจนั้น และเปิดเผยความลับนั้นในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับการเปิดเผยความลับตามมาตรา ๒๕ วรรคสอง

มาตรา ๕๔ ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดเป็นนิติบุคคล ถ้าการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น หรือในกรณีที่บุคคลดังกล่าวมีหน้าที่ต้องสั่งการหรือไม่สั่งการหรือไม่จัดการหรือไม่ควบคุมดูแลให้เป็นไปตามหน้าที่ดังกล่าว ผู้นั้นต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย

มาตรา ๕๕ ความผิดตามมาตรา ๕๒ มาตรา ๕๓ มาตรา ๕๔ มาตรา ๖๐ มาตรา ๖๒ มาตรา ๖๓ มาตรา ๖๔ มาตรา ๖๕ และมาตรา ๖๖ ให้คณะกรรมการเปรียบเทียบที่รัฐมนตรีแต่งตั้งมีอำนาจเปรียบเทียบได้

คณะกรรมการเปรียบเทียบที่รัฐมนตรีแต่งตั้งตามวรรคหนึ่งให้มีจำนวนสามคน โดยอย่างน้อยต้องเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่หนึ่งคน และผู้ทรงคุณวุฒิสองคน เมื่อคณะกรรมการเปรียบเทียบได้ทำการเปรียบเทียบแล้ว และผู้ต้องหายินยอมให้ชำระค่าปรับตามจำนวน และภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการเปรียบเทียบกำหนด ให้ถือว่าคดีอาญาในส่วนที่เกี่ยวกับความผิดนั้นเป็นอันระงับไป

หมวด ๙

มาตรการลงโทษทางแพ่ง ----------------------------

มาตรา ๕๖ ให้การกระทำความผิดดังต่อไปนี้ เป็นการกระทำความผิดที่อาจดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิดนั้นได้

(ก)

แสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรจะแจ้งในสาระสำคัญอันเป็นความผิดตามมาตรา ๔๕ และมาตรา ๕๒

(ข)

กระทำการอันเป็นการอันเป็นการสนับสนุนการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล อันเป็นความผิดตามมาตรา ๔๕ และมาตรา ๕๒

(ค)

ยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล บัญชีรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล หรือบัญชีอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล หรือบัญชีที่ใช้ในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือบัญชีรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล หรือบัญชีอื่นใดของบุคคลอื่น อันเป็นความผิดตามมาตรา ๔๕ และมาตรา ๕๒

(ง)

กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ หรือเงื่อนไขที่กำหนดให้ดำเนินการตามมาตรา ๓๐ หรือมาตรา ๓๑ อันเป็นความผิดตามมาตรา ๔๕ และมาตรา ๕๒

มาตรา ๙๗ ในกรณีที่มีการร้องทุกข์หรือกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนในคดีเกี่ยวกับการกระทำความผิดตามมาตรา ๙๖ ให้พนักงานสอบสวนส่งเรื่องให้สำนักงาน ค.ก.ล. ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีการร้องทุกข์หรือกล่าวโทษเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไปตามฐานบัญญัติในหมวดนี้ และในกรณีที่คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่งเห็นสมควรใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งให้สำนักงาน ค.ก.ล. แจ้งให้พนักงานสอบสวนทราบภายในเจ็ดวัน

มาตรา ๙๘ มาตรการลงโทษทางแพ่ง ได้แก่

(๑)

คำสั่งปรับทางแพ่ง

(๒)

คำสั่งใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทำความผิดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๙๖

(๓)

ห้ามเข้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในฐานะผู้ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลในระยะเวลาที่กำหนดซึ่งต้องไม่เกินห้าปี

(๔)

ห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในระยะเวลาที่กำหนดซึ่งต้องไม่เกินสิบปี

(๕)

ชดใช้ค่าใช้จ่ายของสำนักงาน ค.ก.ล. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดตามที่คำนวณให้สำนักงาน ค.ก.ล.

มาตรา ๙๙ ให้คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่งตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เป็นคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่งตามพระราชกำหนดนี้

ให้นำบทบัญญัติมาตรา ๓๑๗/๔ มาตรา ๓๑๗/๕ มาตรา ๓๑๗/๖ มาตรา ๓๑๗/๗ มาตรา ๓๑๗/๘ มาตรา ๓๑๗/๙ มาตรา ๓๑๗/๑๐ มาตรา ๓๑๗/๑๑ และมาตรา ๓๑๗/๑๒ แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๙ มาใช้บังคับกับมาตรการลงโทษทางแพ่งตามพระราชกำหนดนี้โดยอนุโลม บทเฉพาะกาล

มาตรา ๑๐๐ ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้ประกอบธุรกิจอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับและเป็นธุรกิจที่ต้องขออนุญาตตามพระราชกำหนดนี้ ให้ยื่นคำขออนุญาตต่อไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับ และเมื่อได้ยื่นคำขออนุญาตแล้ว ให้ดำเนินการประกอบธุรกิจต่อไปได้จนกว่าจะมีคำสั่งไม่อนุญาต

ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หมายนเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกำหนดฉบับนี้ คือ โดยที่ในปัจจุบันได้มีการนำคริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมาใช้เป็นเครื่องมือในกระบวนการตามที่นายประกาศใช้โทเคนดิจิทัลจากผู้ลงทุนประชาชน เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน รวมถึงนำมาซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนในศูนย์ซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัล แต่ยังไม่มีมาตรการที่กำกับควบคุมการดำเนินกิจการดังกล่าวในประเทศไทย ซึ่งทำให้ประชาชนอาจบริหารจัดการผิดพลาดจากกิจกรรมเศรษฐกิจดังกล่าวและกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ รวมทั้งประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องยังขาดข้อมูลที่ถูกต้องเพียงพอเพื่อใช้ในการตัดสินใจ เกิดความไม่รัดกุมในการดำเนินการ และป้องกันมิให้การบริหารจัดการดังกล่าวไม่มีแต่ละที่ที่มีข้อที่ดีจนไปใช้ประโยชน์หรือกระทำการใดในลักษณะที่เป็นการหลอกลวงประชาชนหรือกระทำเกี่ยวข้องกับการระดมทุนที่หลอกลวง และโดยที่เป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ เพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกำหนดนี้ ``` - 26 - สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ปุณิกา/จัดทำ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา 17 พฤษภาคม 2560 ปริญญ์สินี/ตรวจ 18 พฤษภาคม 2560 ```