로고

พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. ๒๕๖๐ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นปีที่ ๒ ในรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรมีบทกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้จึงมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำหนดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๒๗ มาตรา ๒๘ มาตรา ๒๙ มาตรา ๓๑ มาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๓๕ และมาตรา ๓๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ทั้งเป็นการกำหนดโทษทางอาญา ซึ่งมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๖ บัญญัติให้การตรากฎหมายที่มีผลเป็นการจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลต้องกระทำเท่าที่จำเป็น และมาตรา ๗๗ บัญญัติให้การตรากฎหมายที่มีโทษทางอาญาต้องคำนึงถึงความเหมาะสมกับพฤติการณ์และความร้ายแรงของการกระทำความผิด และต้องไม่กำหนดโทษทางอาญาไว้สำหรับการกระทำที่ไม่มีลักษณะสำคัญของความเป็นความผิดอาญาอย่างชัดแจ้งหรือจำเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ซึ่งการตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้สอดคล้องกับเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้

มาตรา ๑ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. ๒๕๖๐”

มาตรา ๒ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ให้ยกเลิก “พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. ๒๕๕๐”

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา - 2 - (ข) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2544 (ค) ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 28/2557 เรื่อง ให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญสิ้นสุดบังคับใช้ต่อไป ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ง) คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 4/2560 ลงวันที่ 4 เมษายน 2560 เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับคณะกรรมการการเลือกตั้งและกรรมการการเลือกตั้ง

มาตรา 4 ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้

“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง “กรรมการ” หมายความว่า กรรมการการเลือกตั้ง และให้หมายความรวมถึงประธานกรรมการการเลือกตั้งด้วย “กฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง” หมายความว่า กฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง กฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง กฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ หรือกฎหมายอื่นที่บัญญัติให้เป็นหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง “การเลือกตั้ง” หมายความว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น และให้หมายความรวมถึงผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น และให้หมายความรวมถึงการออกเสียงประชามติด้วย แล้วแต่กรณี “หน่วยเลือกตั้ง” หมายความว่า หน่วยเลือกตั้งตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หน่วยเลือกตั้งตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น และให้หมายความรวมถึงหน่วยออกเสียงประชามติตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติด้วย แล้วแต่กรณี “หัวหน้า” หมายความว่า หัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ “สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง

มาตรา 5 ในกรณีที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ได้กำหนดให้มีการประกาศหรือแจ้งให้ทราบในที่แห่งใด อื่น หรือส่วนหนึ่งส่วนใดหรือแก่บุคคลใดในกรณีเฉพาะ ให้เป็นอันใช้ได้เมื่อมีการประกาศหรือแจ้งให้ทราบในที่แห่งนั้น อื่น หรือส่วนหนึ่งส่วนใดหรือแก่บุคคลนั้นตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น หรือกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ

เผยแพร่ให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป ให้ถือว่าการประกาศหรือเผยแพร่ในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือระบบวิธีการอื่นใดที่ประธานแจ้งไปตามกระบวนการแล้วโดยสะดวก เป็นการดำเนินการโดยชอบด้วยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้แล้ว ในกรณีที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้กำหนดให้คณะกรรมการหรือเลขาธิการมีอำนาจกำหนดหรือมีคำสั่งเรื่องใด ถ้ามีให้กำหนดหรือมีคำสั่งไว้เป็นการเฉพาะ ให้คณะกรรมการหรือเลขาธิการดำเนินการกำหนดหรือมีคำสั่งนั้นโดยไม่ชักช้า ทั้งนี้ คณะกรรมการหรือเลขาธิการต้องประกาศ ระเบียบ หรือคำสั่งนั้นในเว็บไซต์ของคณะกรรมการหรือสำนักงาน และให้ดำเนินการประกาศตามกระบวนการดังกล่าว ทั้งนี้ ยกเว้นกรณี ระเบียบ หรือคำสั่งดังกล่าวมีเหตุอันสมควรให้เป็นความลับ ให้คณะกรรมการหรือเลขาธิการต้องกำหนดระยะเวลาการดำเนินงานในแต่ละขั้นตอนให้ชัดเจนด้วย ให้สำนักงานมีหน้าที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่มิให้เลขเป็นการเปิดเผยตัวบุคคลผู้ลงคะแนนเลือกตั้งเป็นการเฉพาะเจาะจง และมิให้แสดงผลของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศได้

มาตรา 7 ในการปฏิบัติหน้าที่ คณะกรรมการต้องให้ความร่วมมือและความช่วยเหลือองค์กรอิสระทุกองค์กร ในกรณีที่องค์กรอิสระเห็นว่าผู้กระทำการอันมิชอบด้วยกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งหรือการได้มาซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา หรือการได้มาซึ่งตำแหน่งในองค์กรอิสระอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งหรือการได้มาซึ่งตำแหน่งในองค์กรอิสระนั้น

หรือที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรอิสระนั้น เป็นบุคคลเดียวกันหรือกลุ่มบุคคลเดียวกัน หรือเป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกัน ให้คณะกรรมการและองค์กรอิสระนั้นมีอำนาจกำหนดแนวทางในการดำเนินงานร่วมกันเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละองค์กรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและไม่ซ้ำซ้อนกัน เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามวรรคสอง ให้ประธานกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจเชิญประธานองค์กรอิสระอื่นมาประชุมเพื่อหารือและกำหนดแนวทางร่วมกันได้ และให้องค์กรอิสระทุกองค์กรปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าว

มาตรา 8 ให้ประธานกรรมการการเลือกตั้งรักษาการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้

หมวด 3

คณะกรรมการการเลือกตั้ง

มาตรา 9 คณะกรรมการการเลือกตั้งประกอบด้วยกรรมการจำนวนเจ็ดคนซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภา จากบุคคลดังต่อไปนี้

มีผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาการต่าง ๆ ที่จะยังประโยชน์แก่การบริหาร และจัดการการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งได้รับการสรรหาจากคณะกรรมการสรรหา จำนวนห้าคน จากผู้ซึ่งมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ ดังต่อไปนี้ (ก) ไม่รับการหารือหรือเสนอรับการหารือในคดีที่อาจมีข้อพิพาทเกี่ยวกับจำนวน หรือรายการที่เขียนทำนองแล้วไม่ต้องนำมาพิจารณา (ข) เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารงานด้านบัญชี การเงิน หรือการบริหารสูงสุดของบริษัท หรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมาย และไม่ต้องนำมา (ค) ดำรงตำแหน่งหรือเคยดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารประเทศในไทยและไม่ต้องนำมาพิจารณา และยังผลลัพธ์ทางวาจาสารธารณะในปัจจุบัน (ง) เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารงานวิชาชีพที่มีคุณภาพและมีประสบการณ์การประกอบวิชาชีพ โดยประกอบวิชาชีพอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องมาเป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปีในสาขาวิชาชีพนั้น เสนอชื่อและได้รับการรับรองการประกอบวิชาชีพจากองค์กรวิชาชีพนั้น (จ) เป็นผู้มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ทางด้านการบริหาร การเงิน การคลัง การบัญชี หรือการบริหารจัดการกิจการที่เป็นประโยชน์แก่การบริหารระดับสูงของบริษัท มหาชนจำกัดตามแต่ไม่ต้องนำมาพิจารณา (ฉ) เคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งตาม (ก) (ข) (ค) หรือ (จ) รวมกันไม่น้อยกว่าสิบปี (ช) ไม่เคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งในระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา (ซ) ไม่เคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งในระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา

มาตรา ๙ นอกจากคุณสมบัติตามมาตรา ๘ แล้ว กรรมการต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้ด้วย

มีสัญชาติไทยโดยการเกิด

มีอายุไม่ต่ำกว่าสี่สิบห้าปี แต่ไม่เกินเจ็ดสิบปี

สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า

มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

มีสุขภาพที่สมารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มาตรา ๑๐ กรรมการต้องไม่ล้มละลายหรือหนี้สิน ดังต่อไปนี้

(ก) เป็นหรือเคยเป็นบุคคลที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ากระทำให้แปลงอำนาจรัฐละได้ (ข) ติดยาเสพติดให้โทษ (ค) เป็นหรือเคยเป็นบุคคลวิกลจริตหรือเป็นบุคคลเสมอทุพพลภาพ (ง) เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการที่มีผลประโยชน์หรือส่วนได้เสียใด ๆ (จ) เป็นหรือเคยเป็นบุคคลที่ถูกศาลพิพากษา (ฉ) อยู่ในระหว่างการถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าด้วยคำพิพากษาของศาลหรือไม่ (ช) วิกลจริตหรือวิจิตเพิ่มเติมในส่วนประกอบ

อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง

ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล

เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือถือว่าเป็นการกระทำหรือประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง

เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับความผิดของเจ้าพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการยักยอกทรัพย์ในธนาคารออมสิน กฎหมายว่าด้วยยักยอกทรัพย์ในสถาบันเงินทุน กฎหมายว่าด้วยการฟอกเงิน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติด กฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดในการเลือกตั้งหรือการได้มาซึ่งตำแหน่งตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งหรือการลงประชามติ

๑๐

เคยพ้นจากตำแหน่งพระภิกษุหรือสามเณรเพราะถูกลงนิคหกรรมหรือการกระทำผิดวินัยร้ายแรง

๑๑

เคยพ้นจากตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้งหรือกรรมการในองค์กรอิสระอื่นใดที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้เพราะการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงหรือกระทำผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง

๑๒

เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ

๑๓

เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นและยังมิได้พ้นจากตำแหน่งหรือสิ้นสุดการเป็นสมาชิกหรือผู้บริหารดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปีก่อนเข้ารับการคัดเลือกหรือสรรหา

๑๔

เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกหรือเคยดำรงตำแหน่งอื่นของพรรคการเมืองในระยะเวลาห้าปีก่อนเข้ารับการคัดเลือกหรือสรรหา

๑๕

เป็นข้าราชการที่มีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ

๑๖

เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งอาจมีส่วนได้เสียในการปฏิบัติหน้าที่

๑๗

เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทใดในหุ้นส่วนจำกัด หรือองค์กรที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปัน หรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใด

๑๘

เป็นบุคคลล้มละลาย

๑๙

มีพฤติการณ์อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

มาตรา 13 เมื่อมีกรณีที่จะต้องสรรหาผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการตามมาตรา 7 (4) ให้เป็นหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการสรรหา ซึ่งประกอบด้วย

1

ประธานศาลฎีกา เป็นประธานกรรมการ

2

ประธานศาลผู้พิพากษาทหารสูงสุด และผู้แทนฝ่ายทหารในศาลทหารสูงสุด เป็นกรรมการ

3

ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นกรรมการ

4

บุคคลซึ่งมีความรู้ธรรมมาภิบาลขององค์กรอิสระที่ไม่ใช่คณะกรรมการการเลือกตั้งแต่งตั้งจากผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา 7 และมาตรา 8 และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 10 และไม่เคยปฏิบัติหน้าที่ในองค์กรรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระ องค์กรระหว่างประเทศ เป็นกรรมการ ให้เลขาธิการวุฒิสภาเป็นเลขานุการของคณะกรรมการสรรหา และให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาปฏิบัติหน้าที่เป็นหน่วยธุรการของคณะกรรมการสรรหา ในการดำเนินการแต่งตั้งบุคคลตาม (4) ให้คณะรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระที่ไม่ใช่คณะกรรมการการเลือกตั้งดำเนินการเสนอชื่อบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติตามที่กำหนดในมาตรา 7 และมาตรา 8 เพื่อให้คณะกรรมการสรรหาพิจารณา โดยให้พิจารณาจากบุคคลที่มีความรู้ธรรมาภิบาลขององค์กรอิสระ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 10 และไม่เคยปฏิบัติหน้าที่ในองค์กรรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระ องค์กรระหว่างประเทศ ในกรณีที่ไม่มีผู้ได้รับการเสนอชื่อ หรือมีการเสนอชื่อแล้วแต่ไม่มีผู้ใดได้รับการแต่งตั้ง ให้คณะกรรมการสรรหาที่มีอยู่ในขณะนั้นแต่งตั้งบุคคลที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดในมาตรา 7 และมาตรา 8 โดยไม่ต้องผ่านการเสนอชื่อจากองค์กรรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระ ให้กรรมการสรรหาตาม (4) อยู่ในตำแหน่งจนกว่าจะมีการแต่งตั้งกรรมการสรรหาคนใหม่ และให้กรรมการสรรหาดำรงตำแหน่งจนกว่าจะมีการแต่งตั้งกรรมการสรรหาคนใหม่ ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการสรรหาตาม (4) แล้ว จะเป็นกรรมการสรรหาในคณะกรรมการสรรหาตำแหน่งอื่นในองค์กรรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระไม่ได้ ให้ประธานกรรมการสรรหา และกรรมการสรรหาปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติของกฎหมายต่อไป

มาตรา 14 ในการสรรหากรรมการ ให้คณะกรรมการสรรหาพิจารณาเรื่องเกี่ยวกับสรรหาให้เป็นบุคคลซึ่งมีความรู้ มีความเข้าใจในธรรมาภิบาลในการปฏิบัติหน้าที่ มีพฤติกรรมทางจริยธรรม

เป็นตัวอย่างที่ดีของสังคม และไม่ใช้พฤติการณ์ยอมตนอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใด ๆ รวมตลอด ทั้งที่มีพฤติการณ์ที่เหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดผลสำเร็จ โดยคำนึงถึงการประสานสัมพันธ์และให้คณะกรรมการสรรหาตัดสินการสรรหาบุคคลดังส่งมีความเหมาะสมอย่างใดให้คณะกรรมการสรรหาเป็นผู้พิจารณา ยืนยันของบุคคลนั้น ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงความหลากหลายของประกอบการดำเนินการในแต่ละ ด้านประกอบด้วย และเพื่อประโยชน์แห่งการนี้ ให้คณะกรรมการสรรหาใช้อำนาจสรรหาเพื่อให้ มีความหลากหลายโดยให้แจ้งที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเพื่อทราบถึงความหลากหลายดังกล่าวด้วย เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย ให้มีความในวรรคสามมิให้บังคับแก่การคัดเลือกผู้สมัครได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการของการประชุมใหญ่ศาลฎีกาต่อไปอนุโลม ในการสรรหาหรือคัดเลือก ให้ใช้วิธีลงคะแนนโดยเปิดเผยและให้กรรมการสรรหา แต่ละคนบันทึกเหตุผลในการเลือกไว้ด้วย ผู้ซึ่งจะได้รับการสรรหาต้องได้รับคะแนนเสียงถึงสองในสามของจำนวนทั้งหมดที่มี อยู่ของคณะกรรมการสรรหา ผู้ซึ่งจะได้รับการคัดเลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาต้องได้รับคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ของจำนวนทั้งหมดที่มีอยู่ของผู้พิพากษาในศาลฎีกา ถ้าไม่มีบุคคลใดได้รับคะแนนเสียงตามวรรคสี่หรือวรรคห้า หรือมีแต่ยังไม่ครบ จำนวนที่กำหนดไว้ ให้คณะกรรมการสรรหาหรือที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาแล้วแต่กรณีดำเนินการ สรรหาหรือคัดเลือกใหม่ตามลำดับจนกว่าจะครบจำนวนที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการ สรรหาหรือคัดเลือกใหม่ตามลำดับ ให้คณะกรรมการสรรหาหรือที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา แล้วแต่กรณีลงมติในเรื่องที่เกี่ยวกับบุคคลที่ได้รับคะแนนเสียงไม่ถึงจำนวนที่กำหนดไว้ก่อน แล้วให้เสนอชื่อไปยังผู้สมัครเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยผู้ได้รับการสรรหาหรือคัดเลือกก่อน ต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้สมัครด้วยคะแนนเสียงไม่ต่ํากว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ ของผู้สมัคร ในกรณีที่ผู้สมัครไม่ให้ความเห็นชอบผู้ได้รับการสรรหาหรือคัดเลือกรายใด ให้ ดำเนินการสรรหาหรือคัดเลือกบุคคลใหม่แทนรายนั้น แล้วเสนอชื่อบุคคลใหม่เพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป โดยผู้ซึ่งยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากผู้สมัครในการสรรหาหรือคัดเลือกใหม่ให้มิให้ เสนอชื่อผู้ได้รับความเห็นชอบจากผู้สมัครในการสรรหาหรือคัดเลือกใหม่ในครั้งนี้ได้ แต่ผู้ได้รับความเห็นชอบจากผู้สมัครในการสรรหาหรือคัดเลือกใหม่ในครั้งนี้ให้ถือว่า เป็นผู้ได้รับการสรรหาหรือคัดเลือกโดยสมบูรณ์และให้แจ้งต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเพื่อทราบถึง ประกอบการพิจารณาในกรณีที่ผู้สมัครให้ความเห็นชอบผู้ได้รับการสรรหาหรือคัดเลือก แต่เมื่อครบจำนวนที่กำหนดไว้แล้วให้ถือว่าการสรรหาหรือคัดเลือกดังกล่าวได้เสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์ ในการสรรหาหรือคัดเลือกกรรมการสรรหาให้ดำเนินการแต่งตั้งและอำนาจของคณะกรรมการสรรหา ชุดเดิมในเบื้องต้นในการ ให้ประธานวุฒิสภาดำเนินการขอรับสนองพระบรมราชโองการเพื่อทรงแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการและเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ

มาตรา ๑๓ ผู้ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาให้เป็นประธานกรรมการโดยยังมิได้พ้นจากตำแหน่งตามมาตรา ๑๐ (๒) (๓) หรือ (๔) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือ (๓) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือ (๓) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือ (๓) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒) หรือยังประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๑๐ (๒)

ในกรณีที่กรรมการจะพ้นจากตำแหน่งตามวาระ ให้ดำเนินการสรรหาหรือลัดเลือกกรรมการใหม่ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่กรรมการพ้นจากตำแหน่ง แต่ถ้ากรรมการพ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุอื่นนอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ ให้ดำเนินการสรรหาหรือลัดเลือกกรรมการภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ตำแหน่งว่างลง

มาตรา 17 เมื่อมีผู้ร้องขอโดยมีหลักฐานอันควรเชื่อว่าการสรรหากรรมการตำแหน่งตามมาตรา 12 (2) หรือ (3) ให้เสนอชื่อต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้ระงับการสรรหาภายในกำหนดวันที่นับแต่วันที่ประกาศหรือแจ้ง และให้คณะกรรมการสรรหาวินิจฉัยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ในกรณีที่ข้อโต้แย้งสูงมาก กรณีเสนอให้ศาลดำเนินประธานกรรมการสรรหามีเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด

หลักฐานความชอบธรรมดังนี้ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการสรรหากำหนด ในกรณีที่กรรมการต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เพราะถูกกล่าวหาและสารสืบพยานศาลสรุปว่าแผนหลักฐานที่อาจบ่งชี้ว่าตนพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวหรือ และการกระทำของผู้เสียสิทธิ์ให้มีสิทธิ์และไม่มีให้ประธานศาลรัฐธรรมนูญและประธานกรรมการสรรหาที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการกรรมการที่ดำเนินการ

การสั่งระงับการดำเนินการอันจะทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือ เที่ยงธรรมหรือเป็นไปโดยขัดต่อกฎหมายตามมาตรา ๓๗

การสั่งระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา ๒๖ วรรคสาม หรือมาตรา ๑๘

การยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือเพิกถอน สิทธิเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้งตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา

การสั่งให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองพ้นจากตำแหน่งทั้งหมด และการ วินิจฉัยว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ใดรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบด้วยกฎหมายใน กิจกรรมทางการเมือง ทั้งนี้ ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง

เรื่องอื่นที่คณะกรรมการมีคำสั่งกำหนดหรือขอแนะนำเองในลักษณะของการสั่งทั้งหมด เท่าที่มีอยู่

มาตรา ๒๐ ในการลงมติของกรรมการตามมาตรา ๑๙ หรือในเรื่องอื่นใดที่ คณะกรรมการกำหนด ให้กรรมการลงมติเป็นหนังสือตามแบบที่คณะกรรมการกำหนด ซึ่งอย่างน้อย ต้องมีชื่อเรื่องและประเด็นที่ลงมติ มติที่สั่ง และลายมือชื่อของกรรมการที่ลงมติ และให้มีเอกสารเก็บ รวมรวมไว้เป็นหลักฐาน

เมื่อมีคำสั่งหรือมติของคณะกรรมการแล้ว ให้แจ้งคำสั่งหรือมตินั้นต่อไปให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ รายงานการประชุมของคณะกรรมการ และในกรณีที่ต้องทำคำวินิจฉัยของคณะกรรมการให้ความ เห็นเกี่ยวกับเรื่องใด ๆ ให้คณะกรรมการจัดทำคำวินิจฉัยนั้นเป็นหนังสือและแจ้งคำวินิจฉัยนั้นให้ผู้ที่ เกี่ยวข้องทราบด้วย การให้ความเห็นในคำวินิจฉัยของคณะกรรมการต้องไม่เป็นการแสดงความเห็นในคดี หรือหาความเป็นผู้พิพากษาให้ความเห็นชอบแทนคณะกรรมการได้ คำวินิจฉัยตามวรรคสองให้เผยแพร่ให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป ในกรณีที่คณะกรรมการพิจารณาตามคำวินิจฉัยหรือใช้อำนาจปฏิบัติหน้าที่ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ในคำวินิจฉัย ให้เสนอวิธีการดำเนินการที่ถูกต้องให้ไปดำเนินการต่อและให้กรรมการผู้มีส่วนเกี่ยวข้องนั้นมา เมื่อเสนอคำวิจารณ์แล้วให้ถือคำวินิจฉัยดังกล่าวนั้น ให้ดำเนินการต่อเนื่องเป็นไปอย่างชัดเจน

มาตรา ๒๑ กรรมการต้องปฏิบัติหน้าที่เต็มเวลา และการปฏิบัติหน้าที่และการใช้ อำนาจของคณะกรรมการต้องเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม กล้าหาญ และปราศจากอคติทั้งปวงในการ ใช้ดุลพินิจและปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องตามมาตรฐานทางจริยธรรม ในระหว่างการดำรงตำแหน่ง คณะกรรมการต้องศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติมหลักสูตรหรือโครงการใด ๆ มิได้ เว้นแต่เป็นหลักสูตรหรือ โครงการที่คณะกรรมการมีมติอนุมัติให้เข้ารับการศึกษา

มาตรา ๒๒ นอกจากหน้าที่และอำนาจตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแล้ว ให้ คณะกรรมการมีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้

หน้าที่และอำนาจที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้และ กฎหมายอื่น ```

ออกข้อกำหนด ระเบียบ หรือประกาศตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญนี้และกฎหมายอื่น

พิจารณาข้อขัดข้องหรือข้อโต้แย้งเกี่ยวกับข้อกำหนด ระเบียบ หรือประกาศของคณะกรรมการ

วางระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ปฏิบัติงานของสำนักงาน เจ้าหน้าที่พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง การออกเสียงประชามติ และการดำเนินงานอื่น เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพระราชกฤษฎีกา

ส่งเสริม สนับสนุนให้หน่วยงานของรัฐ สถาบันการศึกษา และองค์กรเอกชน ในการสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องในหมู่ประชาชนเกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การส่งเสริมความการมีส่วนร่วมของประชาชน หรือเป็นส่วนร่วมในการตรวจสอบการเลือกตั้ง และความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด

วางระเบียบเกี่ยวกับการระดมเสียงและค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดการเลือกตั้งและออกเสียงประชามติ รวมตลอดจนถึงการแจ้งเมื่อเป็นการกระทำหรือรายงานต่อคณะกรรมการเป็นประจำ

กำกับและติดตามการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญนี้ว่าดำเนินการให้เป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมายดังกล่าว

รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีต่อสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และให้ประชาชนทราบในปีถัดไป

จัดให้มีการเลือกตั้ง หรือวิธีอื่นใด เพื่อให้ได้มาซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น หรือการออกเสียงประชามติ หรือการดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม หรือเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย

๑๐

ออกระเบียบกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติงานที่ของคณะกรรมการและสำนักงานในการควบคุม กำกับ ดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม หรือเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ให้คณะกรรมการและสำนักงานต้องเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สื่อมวลชน หรือในลักษณะอื่นที่อาจเข้าถึงได้ตามระยะเวลาที่คณะกรรมการกำหนดก่อนให้มีความไม่สุจริตและเที่ยงธรรมในการเลือกตั้งได้ ไม่ว่าจะเป็นเวลาในพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งหรือมิได้มีก็ตาม การกำหนดตาม (๑๐) ต้องไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ และต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง ประโยชน์สาธารณะเป็นสำคัญ หลักธรรมาภิบาล และความเป็นธรรมระหว่างกัน

มาตรา ๒๓ ในกรณีที่มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรโดยอาศัยอำนาจเกี่ยวกับการปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพระราชกฤษฎีกา หรือข้อกำหนด ระเบียบ หรือประกาศของคณะกรรมการ ให้คณะกรรมการต้องออกข้อกำหนด ระเบียบ หรือประกาศดังกล่าวภายในสามวันนับแต่วันที่ประกาศพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรในราชกิจจานุเบกษา

``` เลขาธิการเป็นผู้ตอบข้อสอบถามแทนคณะกรรมการก็ได้ และเมื่อได้ตอบแล้วให้เผยแพร่ให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป ในกรณีที่คณะกรรมการหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายตอบข้อสอบถามยังไม่สามารถดำเนินการได้ทันตามวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการแจ้งให้ทราบถึงปัญหาอุปสรรคและกำหนดระยะเวลาการดำเนินการ วิธีการสอบถามและวิธีการตอบข้อสอบถามให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา 24 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ คณะกรรมการมีอำนาจ ดังต่อไปนี้

1

ให้หน่วยงานของรัฐนำเอกสารหลักฐาน หรือส่งเอกสารหลักฐาน หรือขอความร่วมมือให้ส่งเอกสาร หลักฐาน หรือพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณา

2

ให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐ (ก) นำบันทึกการ นำบันทึกการสอบสวน หรือบันทึกอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือรายงานที่เกี่ยวข้อง หรือเอกสารหลักฐาน หรือพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องมาในระยะเวลาที่คณะกรรมการกำหนดเพื่อประกอบการพิจารณา

3

ขอความร่วมมือให้ส่งเอกสาร หลักฐาน หรือพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณา

4

เข้าไปในส่วนหนึ่งส่วนใดของหน่วยงานของรัฐ หรือสถานที่อื่นที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ เพื่อดูหรือขอคัดสำเนาเอกสารหรือบันทึกที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ให้ดูหรือขอคัดสำเนาเอกสารตาม (4) ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา 25 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 22 มาตรา 23 และมาตรา 24 ให้คณะกรรมการมีหน้าที่รับผิดชอบร่วมกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยสุจริตและเที่ยงธรรม และเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพและความคุ้มครองในการทำงาน

มาตรา 26 ในระหว่างการเลือกตั้ง ให้กรรมการแต่ละคนมีหน้าที่และอำนาจดังต่อไปนี้

1

กำกับและตรวจสอบการดำเนินการที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมและเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย

2

กำกับและตรวจสอบการดำเนินการที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมและเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย

3

ให้คำแนะนำหรือข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินการที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งแก่หน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง

4

ให้คำแนะนำหรือข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินการที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งแก่หน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พฤติกรรมแห่งการกระทำและรวบรวมพยานหลักฐานในเรื่องดำเนินการต่อไปให้ตามมุ่งหมายอื่น หรือในกรณีจำเป็นอื่นไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการดำเนินการเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งบางหน่วยหรือทุกหน่วยในเขตเลือกตั้งที่พบเห็นมีการกระทำที่อาจจะทำให้การเลือกตั้งในเขตนั้นเสียไป ในกรณีนี้พฤติกรรมดังกล่าวจะต้องเป็นอาการแสดงตั้งประจักษ์ชัดว่ามีการกระทำผิดพฤติกรรมแห่งการกระทำและรวบรวมพยานหลักฐานตาม (3) หรือดำเนินการดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าวของผู้ซึ่งกระทำการเลือกตั้งและรวบรวมพยานหลักฐานว่าดำเนินการดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะกรรมการของอบต.ให้ผู้ตรวจการเลือกตั้งปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่เห็นสมควรก็ได้ แต่ต้องมอบอำนาจของคณะกรรมการอิสระการที่มีตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญนี้ ระหว่างเวลาที่มีการดำเนินการเลือกตั้งตามมาตรา ๓๐ หลายมาตราแล้วแต่ พระราชบัญญัติให้มีการเลือกตั้งซึ่งมีจำนวนที่ปรากฏตามหลักการเลือกตั้งอย่างน้อยไม่เกินหกสิบวันนับจากที่คณะกรรมการกำหนด วิธีการรายงานตามมาตรา ๓๐ ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด ซึ่งต้องกำหนดให้สามารถรายงานได้โดยรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติของผู้ตรวจการเลือกตั้งให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด ในกรณีที่มีการเลือกตั้งเพิ่มเติมหรือการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง หรือมีการออกเสียงประชามติ หรือมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น คณะกรรมการจะสั่งให้ผู้ตรวจการเลือกตั้งไปปฏิบัติหน้าที่ตามบทเฉพาะกาลที่เห็นสมควรก็ได้ แต่ในการแต่งตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้งต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๓๐

มาตรา ๓๔ ให้คณะกรรมการดำเนินการคัดเลือกบุคคลซึ่งมีภูมิลำเนาในแต่ละจังหวัดจังหวัดละไม่เกินจำนวนคณะไม่เกินคนคน เพื่อแต่งตั้งเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้งตามบทที่กำหนดไว้ในมาตรา ๓๐ โดยให้คณะกรรมการดำเนินการคัดเลือกบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๓๓ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๓๔

เมื่อคัดเลือกบุคคลตามวรรคหนึ่งแล้ว ก่อนการแต่งตั้ง ให้คณะกรรมการประกาศรายชื่อบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกในราชกิจจานุเบกษา และแจ้งให้บุคคลดังกล่าวทราบเพื่อแสดงความยินยอมเป็นหนังสือภายในระยะเวลาที่กำหนด หากบุคคลใดไม่แสดงความยินยอม ให้ถือว่าสละสิทธิ์ จังหวัดใดไม่อาจแต่งตั้งบุคคลซึ่งมีภูมิลำเนาในจังหวัดครบตามจำนวนตามวรรคหนึ่ง ไม่ว่าด้วยเหตุใดคณะกรรมการจะไม่แต่งตั้งผู้มีภูมิลำเนาจากจังหวัดนั้นเลยหรือจะแต่งตั้งบุคคลที่กำหนดในวรรคหนึ่งที่มีในกรณีเช่นนั้นคณะกรรมการอาจแต่งตั้งบุคคลซึ่งมีภูมิลำเนาจากจังหวัดอื่นแทนให้ครบจำนวนคนก็ได้ ผู้ตรวจการเลือกตั้งต้องไม่เป็นข้าราชการตั้งแต่ตำแหน่งหรือระดับเทียบเท่ารอง หัวหน้า หรืออธิบดีของหน่วยงานของรัฐ หรือกรรมการหรือที่ปรึกษาของหน่วยงานของรัฐ ไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองในเวลาที่มีการแต่งตั้งหรือในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ เป็นบุคคลที่มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีความประพฤติเสื่อมเสียและมีความเป็นกลางทางการเมืองตามที่คณะกรรมการกำหนด และต้องไม่เป็นบุคคลซึ่งมีลักษณะต้องห้ามตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๓๔ หรือเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งในสภาผู้แทนราษฎร หรือผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น หรือเป็นผู้ซึ่งเคยถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหรือเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือผู้ตรวจการเลือกตั้ง ต้องถือเป็นไปในลักษณะดังกล่าว พร้อมต้องไปปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดใด ๆ ที่มีจำนวนตามข้อกำหนดไว้ในมาตรา ๓๐ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการคัดเลือก การแต่งตั้ง การปฏิบัติหน้าที่และการพ้นจากตำแหน่งของผู้ตรวจการเลือกตั้งให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด ไม่ว่าในเวลาใด ๆ ถ้าคณะกรรมการเห็นว่าผู้ตรวจการเลือกตั้งไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือมีเหตุอันควรเชื่อว่า ผู้ตรวจการเลือกตั้งมีความคดโกง ขาดความซื่อสัตย์สุจริต มีความประพฤติเสื่อมเสีย ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม หรือขาดประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ สำนักงานที่หรือไม่ยอมปฏิบัติหน้าที่ให้คณะกรรมการสั่งให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งและคัดออกจากบัญชีรายชื่อทันที

มาตรา ๒๙ เมื่อมีกรณีที่ผู้ตรวจการเลือกตั้งต้องปฏิบัติหน้าที่ ให้คณะกรรมการดำเนินการแต่งตั้งบุคคลจากบัญชีรายชื่อ ตามมาตรา ๒๘ ขึ้นมาทำหน้าที่แทนในเขตพื้นที่ที่ว่างลงหรือพื้นที่ที่จำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่เพิ่มเติมโดยให้ผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดที่ว่างลงหรือพื้นที่ที่จำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่เพิ่มเติมนั้นเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน

ให้ผู้ตรวจการเลือกตั้งปฏิบัติหน้าที่ในเขตพื้นที่จนถึงวันที่มีการเลือกตั้งใหม่หรือจนกว่าวาระหน้าที่จะสิ้นสุด การแต่งตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดแต่ละจังหวัดตามวรรคหนึ่ง ให้แต่งตั้งจากบุคคลซึ่งกรรมการคัดสรรกรรมการมอบหมาย ชี้ขาดสรรหา

รายชื่อตามบัญชีรายชื่อที่ถูกตามมาตรา ๒๘ วรรคหนึ่ง ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดที่จะแต่งตั้งหรือตามเขตอำนาจตน

รายชื่อจากบัญชีรายชื่อที่ถูกตามมาตรา ๒๘ วรรคหนึ่ง ที่ไม่มีภูมิลำเนาในจังหวัดที่จะแต่งตั้งให้ครบตามจำนวนที่กำหนดสำหรับจังหวัดนั้น ในกรณีที่ไม่อาจแต่งตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดตาม (๑) ได้เนื่องด้วยเหตุใด ให้แต่งตั้งบุคคลจากบัญชีรายชื่อที่ถูกตามมาตรา ๒๘ (๒) แทนผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัด ให้คณะกรรมการดำเนินการแต่งตั้งตามวรรคหนึ่งให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีกรณีที่ผู้ตรวจการเลือกตั้งต้องปฏิบัติหน้าที่ในเขตพื้นที่ที่ว่างลงหรือพื้นที่ที่จำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่เพิ่มเติม เมื่อพ้นระยะระหว่างเวลาที่มีการดำเนินการเลือกตั้งตามมาตรา ๒๘ แล้ว ให้คณะกรรมการแต่งตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้งเป็นอันสิ้นผล เว้นแต่ในกรณีที่ผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดยังมีความจำเป็นจะต้องดำเนินการต่อไป คณะกรรมการจะประกาศให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามเวลาที่กำหนดก็ได้

มาตรา ๓๐ ในการปฏิบัติหน้าที่ให้ผู้ตรวจการเลือกตั้งมีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าที่พัก ค่าตอบแทน และค่าใช้จ่ายหรือการชดเชยกรณีอื่นตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา ๓๑ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ และอำนวยในการควบคุมดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย คณะกรรมการอาจมอบหมายให้สำนักงานดำเนินการ ดังต่อไปนี้

ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือผู้สอบบัญชีรับอนุญาต สอบบัญชีของพรรคการเมืองโดยอาจขอให้ตรวจสอบอย่างเร่งด่วนในช่วงเวลาที่มีการเลือกตั้ง

เมื่อปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำอันอาจเป็นเหตุให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรมเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้สำนักงานดำเนินการตรวจสอบหรือแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำดังกล่าว รวมทั้งให้ผู้ตรวจการเลือกตั้ง ผู้ตรวจสอบการเลือกตั้ง หรือเจ้าหน้าที่ในบังคับบัญชาของสำนักงานดำเนินการ ตามที่คณะกรรมการแจ้งให้ทราบ หรือให้อำนาจแก่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงินแจ้งให้ทราบถึงการโอนหรือการรับเงินในรายการที่มีลักษณะตามที่คณะกรรมการร้องขอ ทั้งนี้ ภายในเวลาที่คณะกรรมการกำหนด และให้เป็นหน้าที่ของบุคคลหรือนิติบุคคลที่หมายความในใบแจ้งข้อมูลในการครอบครองข้อมูลไว้ซึ่งบันทึกการแจ้งข้อมูลตามที่คณะกรรมการร้องขอ (ก) ให้พนักงานของรัฐทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องกับการแจ้ง แจ้งข้อมูลตามที่คณะกรรมการร้องขอ แต่เมื่อได้รับแจ้งข้อมูลดังกล่าวให้คณะกรรมการใช้ข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการสืบสวนหาข้อเท็จจริงว่าการดำเนินการของการกระทำความผิดในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของคณะกรรมการ แต่คณะกรรมการจะเปิดเผยข้อมูลและแหล่งข้อมูลได้ และเพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้คณะกรรมการเรียกจากงบจัดสรรเงินงบประมาณที่สำนักงานได้รับจัดสรรให้แก่หน่วยงานนั้นเป็นเงินทุนหมุนเวียนของหน่วยงานนั้น ในการสั่งให้ดำเนินการตาม (๑) คณะกรรมการอาจมีอำนาจกำหนดค่าใช้จ่ายให้แก่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือองค์กรต่างตอบแทนให้แก่ผู้รับอนุญาตตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา ๑๓ เมื่อปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่ามีบุคคลใดดำเนินการด้านธุรกรรมหรือการกระทำที่เกี่ยวข้องหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง หรือทรัพย์สินหรือข้อพิพาทความผิดที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง หรือวิธีปฏิบัติในการร้องขอข้อมูล ให้คณะกรรมการมีอำนาจเรียกบุคคลนั้นมาชี้แจงข้อเท็จจริง หรือให้ส่งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้อง

ผู้ใดรับคำสั่งตามวรรคหนึ่งสิทธิร้องขอต่อศาลปกครองสูงสุดให้พิจารณาคำสั่งนั้นได้ และคำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่เกี่ยวกับการดำเนินการของบุคคลนั้นให้เป็นไปเพื่อการเลือกตั้งตั้งแต่บัดนี้ไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม หรือเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ให้ศาลปกครองสูงสุดสั่งให้คณะกรรมการดำเนินการต่อไป

มาตรา ๑๔ ให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐหรือองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการเกี่ยวกับการเลือกตั้ง กรณีสนับสนุนการเลือกตั้ง หรือการสืบสวนหรือไต่สวนตามที่คณะกรรมการร้องขอเป็นกรณีพิเศษ

เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่หรือการเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม หรือเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ พนักงานหรือผู้ดำรงตำแหน่งในหน่วยงานของรัฐให้ปฏิบัติการดังนั้นเกี่ยวกับการเลือกตั้ง หรือการสืบสวนหรือไต่สวนตามที่คณะกรรมการร้องขอ และให้แจ้งให้หน่วยงานของรัฐหรือองค์กรต่างๆ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามคำสั่งนั้น ข้าราชการ พนักงานหรือผู้ดำรงตำแหน่งของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการตามวรรคสองซึ่งได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติการตามคำสั่งดังกล่าว ให้ถือว่าเป็นการกระทำตามหน้าที่ และเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย และให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้หน่วยงานของรัฐหรือองค์กรต่างๆ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามคำสั่งนั้นที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่โดยตรง และแต่ละคณะกรรมการมีสิทธิให้ผู้สอบบัญชีตรวจสอบการดำเนินการตามคำสั่งนั้นที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่โดยตรง

มาตรา ๑๕ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการดำเนินการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม หรือเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย คณะกรรมการอาจแต่งตั้งบุคคล กลุ่มบุคคล องค์กรชุมชน หรือสถาบันการศึกษา ซึ่งมีส่วนร่วมปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือการปฏิบัติงานหรือเป็นผู้สังเกตการณ์ในการเลือกตั้งเพื่อรายงานต่อคณะกรรมการหรือกรรมการการเลือกตั้งตามสมควร

หลักเกณฑ์ วิธีการ ลักษณะต้องห้าม การสนับสนุนเงินหรือทรัพย์สิน การรายงานและการประเมินผลการปฏิบัติงาน ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด และให้เผยแพร่หลักการปฏิบัติงานและผลการประเมินให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไปด้วย

มาตรา ๑๖ ให้คณะกรรมการจัดให้มีการทำทะเบียนรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งจากหลักฐานทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรและเผยแพร่ให้ประชาชนทราบ ทะเบียนรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้สนใจขอตรวจสอบและขอแก้ไขให้ถูกต้องได้

ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการอาจขอข้อมูลเกี่ยวกับฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรเพื่อทำหน้าที่ดำเนินการจัดทำทะเบียนรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งหรือออกแบบใบสำคัญทะเบียนตามกฎหมาย ว่าด้วยการทะเบียนราษฎรหรือข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา ๑๗ ให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานของคณะกรรมการอื่น คณะอนุกรรมการ บุคคลหรือคณะบุคคล เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่คณะกรรมการมอบหมายได้

การแต่งตั้งตามวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการกำหนดอำนาจหน้าที่ ระยะเวลา เงื่อนไข และข้อกำหนดอื่นรวมทั้งวิธีปฏิบัติงานและการประเมินผลการปฏิบัติงานของบุคคลตามวรรคหนึ่งไว้ในใบคำสั่งแต่งตั้งที่คณะกรรมการกำหนด การดำเนินการตามวรรคหนึ่งให้ทำให้มีเสียงรอสิทธิภาพการทำงาน ความคุ้มค่าและความรวดเร็วด้วย

มาตรา ๑๘ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ให้กรรมการเลขาธิการ ผู้ตรวจการเลือกตั้ง และบุคคลซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งตามมาตรา ๑๗ เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา ๑๙ เงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการและกรรมการให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน และให้ได้รับเงินเพิ่มรายเดือนเท่ากับกรรมการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยปริญญามหาชนการ

ให้ประธานกรรมการและกรรมการได้รับเงินบำรุงหรือเงินค่าเบี้ยประชุมเดือนตามอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนดซึ่งต้องไม่เยอะกว่าเงินประจำตำแหน่งของประธานกรรมการหรือกรรมการ

มาตรา 40 ประธานกรรมการและกรรมการซึ่งดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่าหนึ่งปีมีสิทธิได้รับบำเหน็จตอบแทนเป็นเงินซึ่งจ่ายครั้งเดียวเมื่อพ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้

(ก) ครบวาระ (ข) ตาย (ค) ลาออก (ง) มีอายุครบเจ็ดสิบปี ในการคำนวณบำเหน็จตอบแทน ให้บำเหน็จรายเดือนตามมาตรา 34 คูณด้วยจำนวนปีที่ดำรงตำแหน่ง เศษของปีให้นับเป็นหนึ่งปี สิทธิในบำเหน็จตอบแทนเป็นสิทธิเฉพาะตัว จะโอนมิได้ เว้นแต่กรณีตาย ให้ตกได้แก่คู่สมรสและทายาทที่มีสิทธิ และถ้าการตายนั้นเกิดขึ้นเพราะเหตุปฏิบัติหน้าที่หรือในการปฏิบัติหน้าที่ ให้ได้รับเป็นสองเท่าของบำเหน็จตอบแทนที่กำหนดไว้ตามวรรคสอง

หมวด 2

การสืบสวน การไต่สวน และการดำเนินคดี

มาตรา 41 เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฏต่อคณะกรรมการไม่ว่าโดยทางใดว่าอาจมีผู้กระทำความผิดหรือกระทำการใดอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้มีการสืบสวนข้อเท็จจริง หรือการไต่สวนข้อเท็จจริง หรือการดำเนินคดีตามที่เห็นสมควร

การสืบสวนข้อเท็จจริงหรือการไต่สวนข้อเท็จจริง หรือการดำเนินคดีตามวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการมีหน้าที่ต้องดำเนินการให้มีการสืบสวน หรือไต่สวน เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐานโดยพลันถ้าผลการสืบสวนหรือไต่สวนปรากฏว่าไม่สมควรลงโทษให้ยุติเรื่อง หากปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อว่ามีผู้กระทำความผิดหรือกระทำการอันเป็นความผิด ให้คณะกรรมการสั่งดำเนินคดีโดยเร็ว หรือในกรณีจำเป็นจะสั่งแจ้งสิทธิสมัครใจรับผิดชอบชดใช้ของผู้กระทำผิดก่อนดำเนินการชั่วคราวก็ได้ การดำเนินการให้มีการสืบสวนข้อเท็จจริง การสืบสวน การไต่สวน และการสั่งหรือรับผิดชอบชดใช้ตามมาตรา 41 ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด ห้ามมิให้บุคคลใดเปิดเผยข้อความเกี่ยวกับการสืบสวนข้อเท็จจริง รวมทั้งข้อมูลข่าวสารที่ได้แจ้งหรือส่งให้คณะกรรมการตามมาตรา 41 วรรคสอง เว้นแต่เป็นผลของข้อมูลเพื่อเป็นพยานหลักฐานในกระบวนการพิจารณาคดีของศาล ในการสืบสวนหรือไต่สวนตามพระราชบัญญัตินี้ คณะกรรมการอาจมอบหมายให้คณะกรรมการเฉพาะกิจ หรือเจ้าหน้าที่ดำเนินการแทนตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร

มาตรา 42 ให้กรรมการมีอำนาจสืบสวน ไต่สวน หรือดำเนินคดีตามมาตรา 41 และเพื่อให้การดำเนินการสืบสวนหรือไต่สวน หรือการดำเนินคดีเป็นไปโดยรวดเร็วและมี

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ประสิทธิภาพให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งเลขานุการหรือพนักงานของสำนักงานเป็นเจ้าหน้าที่งานชั่วคราวในการสืบสวน สอบสวน หรือไต่สวน หรือดำเนินคดีที่คณะกรรมการกำหนด ซึ่งอย่างน้อยต้องกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการ และขอบเขตแห่งหน้าที่และอำนาจของผู้ได้รับแต่งตั้งและระดับให้เหมาะสมตามลักษณะของภารกิจหรือระดับตัวพนักงานที่เกี่ยวข้องด้วย พนักงานของสำนักงานที่ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถทางกฎหมาย ศีลธรรมจรรยา หรือการดำเนินคดี และผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรที่คณะกรรมการกำหนดไว้ ในกรณีมีความจำเป็น คณะกรรมการอาจแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐให้เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายนี้ เพื่อปฏิบัติหน้าที่เฉพาะกาลหรือเฉพาะเรื่องตามที่คณะกรรมการกำหนดก็ได้ ให้เจ้าพนักงานตามวรรคหนึ่ง เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และให้มีอำนาจเช่นเดียวกับเจ้าพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ความในวรรคหนึ่งให้ใช้บังคับแก่คณะกรรมการที่จัดตั้งเป็นการเฉพาะให้พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการดำเนินการไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

มาตรา 13 ภายใน 15 วันนับแต่วันที่คณะกรรมการ และมาตรา 14 วรรคสองในกรณีใดๆ คณะกรรมการหรือเจ้าพนักงานต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาหรือพยานแสดงพยานหลักฐานอันเป็นประโยชน์แก่ตน

ผู้ถูกกล่าวหาหรือพยานต้องให้ข้อเท็จจริง หรือแสดงพยานหลักฐานในเวลาที่คณะกรรมการหรือเจ้าพนักงานกำหนด หากไม่สามารถดำเนินการได้ในเวลาที่กำหนด ให้กรรมการหรือเจ้าพนักงานกำหนดเวลาให้ส่วนต่อไปได้ ในการแจ้งความร้องเรียน เจ้าพนักงานจะส่งให้โดยวิธีจดหมาย หรือที่อยู่ที่ปรากฏตามหลักฐานทะเบียนบุคคล ทะเบียนราชการทะเบียนราษฎร หรือวิธีอื่นๆ อันควรหรือที่ได้กำหนดไว้ตามที่กรรมการกำหนด และเมื่อมีการแจ้งแล้วให้ถือว่าผู้ถูกกล่าวหาได้รับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ในการสืบสวนหรือไต่สวน เจ้าพนักงานอาจจัดให้มีการบันทึกภาพหรือเสียงของผู้ถูกกล่าวหาหรือพยานด้วยก็ได้

มาตรา 14 เมื่อมีกรณีที่ผู้ต้องหาต้องดำเนินคดีอาญากับบุคคลใดเพราะเหตุพฤติการณ์ความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ให้คณะกรรมการได้แจ้งพนักงานอัยการที่มีหน้าที่อำนวยการให้พิจารณาดำเนินการต่อไป โดยให้สำนักงานการไต่สวนหรือสำนักงานสอบสวนให้พนักงานอัยการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในการดำเนินคดีโดยถือว่าเจ้าพนักงานการไต่สวนหรือสำนักงานสอบสวนดังกล่าวเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการกำหนด หรือไม่ก็ได้ แต่พนักงานอัยการมีอำนาจแจ้งให้เจ้าพนักงานการไต่สวนหรือสำนักงานการไต่สวนพนักงานอัยการร่วมดำเนินการไต่สวนหรือสอบสวนเพิ่มเติมก็ได้ ทั้งนี้ตามข้อยกเว้นที่กำหนดต่อไป

และเป็นกรณีที่ไม่มีผู้ถูกกล่าวหาให้ศาลออกหมายเรียกหรือออกหมายจับผู้ถูกกล่าวหาตามควรแก่ กรณี เพื่อดำเนินการต่อไปแต่ถ้าพนักงานอัยการเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง ให้เสนอเรื่องต่ออัยการสูงสุดเพื่อ วินิจฉัย เมื่ออัยการสูงสุดมีคำสั่งประการใดให้พนักงานอัยการตามคำสั่งนั้น ในกรณีอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง ให้แจ้งเหตุผลให้คณะกรรมการทราบ และให้คณะกรรมการเผยแพร่เหตุผลดังกล่าวให้ประชาชนทราบ เป็นการทั่วไป ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ถ้าเป็นกรณีการกล่าวหาความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสมาชิก คณะกรรมการจะมอบอำนาจให้ราชการ จังหวัดในจังหวัดหนึ่งหรือหลายจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการสรรหาที่ปรึกษากฎหมายเพื่อทำหน้าที่ดังกล่าวได้ เมื่อมีกรณีของร้องขอต่อศาลฎีกาหรือศาลอุทธรณ์เพื่อขอเพิกถอนสิทธิสมัครรับ เลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ให้คณะกรรมการอำนวยคำร้อง ต่อศาลฎีกาหรือศาลอุทธรณ์ได้โดยตรง หรือมอบอำนาจให้พนักงานอัยการตามมาตรา ๔๕ เป็นผู้ดำเนินการแทนคณะกรรมการก็ได้ และให้ศาลฎีกาหรือศาลอุทธรณ์ แจ้งคำวินิจฉัย มายังคณะกรรมการภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ศาลมีคำวินิจฉัย ผู้ตรวจการแผ่นดินจะไม่กระทำการใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ให้คณะกรรมการหรือผู้ตรวจการแผ่นดินมอบหมายเป็นผู้ดำเนินการในกรณีดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณีที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ให้คณะกรรมการหรือผู้ตรวจการแผ่นดิน มอบหมายเป็นผู้ยื่นคำร้องในกรณีดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า บทบัญญัติแห่งกฎหมายใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ให้คณะกรรมการได้รับสำเนาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเพื่อแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ

มาตรา ๔๕ ให้คณะกรรมการพิจารณาคำร้องของบุคคลตามที่ได้ยื่นต่อคณะกรรมการ เพื่อขอให้ตรวจสอบการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อาจเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม หรือไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล หรือไม่เป็นไปตามหลักจริยธรรม หรือไม่เป็นไปตามหลักความโปร่งใส หรือไม่เป็นไปตามหลักความรับผิดชอบ หรือไม่เป็นไปตามหลักความคุ้มค่า หรือไม่เป็นไปตามหลักความมีส่วนร่วม หรือไม่เป็นไปตามหลักความยั่งยืน หรือไม่เป็นไปตามหลักความเป็นธรรม หรือไม่เป็นไปตามหลักความสมดุล หรือไม่เป็นไปตามหลักความเหมาะสม หรือไม่เป็นไปตามหลักความมีประสิทธิภาพ หรือไม่เป็นไปตามหลักความมีประสิทธิผล หรือไม่เป็นไปตามหลักความคุ้มค่า หรือไม่เป็นไปตามหลักความมีส่วนร่วม หรือไม่เป็นไปตามหลักความยั่งยืน หรือไม่เป็นไปตามหลักความเป็นธรรม หรือไม่เป็นไปตามหลักความสมดุล หรือไม่เป็นไปตามหลักความเหมาะสม หรือไม่เป็นไปตามหลักความมีประสิทธิภาพ หรือไม่เป็นไปตามหลักความมีประสิทธิผล หรือไม่เป็นไปตามหลักความคุ้มค่า หรือไม่เป็นไปตามหลักความมีส่วนร่วม หรือไม่เป็นไปตามหลักความยั่งยืน หรือไม่เป็นไปตามหลักความเป็นธรรม หรือไม่เป็นไปตามหลักความสมดุล หรือไม่เป็นไปตามหลักความเหมาะสม หรือไม่เป็นไปตามหลักความมีประสิทธิภาพ หรือไม่เป็นไปตามหลักความมีประสิทธิผล หรือไม่เป็นไปตามหลักความคุ้มค่า หรือไม่เป็นไปตามหลักความมีส่วนร่วม หรือไม่เป็นไปตามหลักความยั่งยืน หรือไม่เป็นไปตามหลักความเป็นธรรม หรือไม่เป็นไปตามหลักความสมดุล หรือไม่เป็นไปตามหลักความเหมาะสม หรือไม่เป็นไปตามหลักความมีประสิทธิภาพ หรือไม่เป็นไปตามหลักความมีประสิทธิผล หรือไม่เป็นไปตามหลักความคุ้มค่า หรือไม่เป็นไปตามหลักความมีส่วนร่วม หรือไม่เป็นไปตามหลักความยั่งยืน หรือไม่เป็นไปตามหลักความเป็นธรรม หรือไม่เป็นไปตามหลักความสมดุล หรือไม่เป็นไปตามหลักความเหมาะสม หรือไม่เป็นไปตามหลักความมีประสิทธิภาพ หรือไม่เป็นไปตามหลักความมีประสิทธิผล หรือไม่เป็นไปตามหลักความคุ้มค่า หรือไม่เป็นไปตามหลักความมีส่วนร่วม หรือไม่เป็นไปตามหลักความยั่งยืน หรือไม่เป็นไปตามหลักความเป็นธรรม หรือไม่เป็นไปตามหลักความสมดุล หรือไม่เป็นไปตามหลักความเหมาะสม หรือไม่เป็นไปตามหลักความมีประสิทธิภาพ หรือไม่เป็นไปตามหลักความมีประสิทธิผล หรือไม่เป็นไปตามหลักความคุ้มค่า หรือไม่เป็นไปตามหลักความมีส่วนร่วม หรือไม่เป็นไปตามหลักความยั่งยืน หรือไม่เป็นไปตามหลักความเป็นธรรม หรือไม่เป็นไปตามหลักความสมดุล หรือไม่เป็นไปตามหลักความเหมาะสม หรือไม่เป็นไปตามหลักความมีประสิทธิภาพ หรือไม่เป็นไปตามหลักความมีประสิทธิผล หรือไม่เป็นไปตามหลักความคุ้มค่า หรือไม่เป็นไปตามหลักความมีส่วนร่วม หรือไม่เป็นไปตามหลักความยั่งยืน หรือไม่เป็นไปตามหลักความเป็นธรรม หรือไม่เป็นไปตามหลักความสมดุล หรือไม่เป็นไปตามหลักความเหมาะสม

และเมื่อคณะกรรมการมีมติไม่ดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวแล้วให้สิทธินการดำเนินคดีอาญาเป็นอันระงับไป

มาตรา ๔๔ เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนหรือไต่สวน ให้คณะกรรมการมีอำนาจจัดหาพยานหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง หรือเป็นโดยสุจริตหรือมิชอบด้วยกฎหมาย รวมตลอดทั้งให้มีอำนาจขอให้บุคคลใดมาให้ถ้อยคำหรือส่งเอกสารหรือวัตถุใดเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการ

ในการสืบสวนหรือไต่สวนตามวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการมอบอำนาจจัดสรรค่าใช้จ่ายให้แก่พนักงานสืบสวนหรือไต่สวนที่ต้องปฏิบัติราชการในต่างท้องที่ของสำนักงานโดยไม่ต้องระบุผู้รับเงิน แต่คณะกรรมการต้องมีหนังสือรับรองค่าใช้จ่ายดังกล่าว การใช้จ่ายเงินตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด ในกรณีจำเป็นคณะกรรมการจะจัดสรรเงินจากกองทุนเพื่อการพัฒนาการเมืองหรือจากเงินรายได้ของสำนักงานมาเป็นค่าใช้จ่ายตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองก็ได้

มาตรา ๔๕ ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นว่าผู้ใดกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองโดยมิได้มีเจตนาทุจริตหรือมิได้มีเจตนากระทำการโดยไม่สุจริตหรือมิชอบด้วยกฎหมาย และเห็นว่าการกระทำดังกล่าวไม่เป็นเหตุให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ให้คณะกรรมการมีอำนาจว่ากล่าวตักเตือนหรือออกคำสั่งให้ผู้นั้นแก้ไขการกระทำดังกล่าวให้ถูกต้องโดยให้คำนึงถึงความเหมาะสมแห่งกรณี

มาตรา ๔๖ เมื่อความปรากฏต่อคณะกรรมการว่าหน่วยราชการส่วนท้องถิ่นหรือพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องการกระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองไว้พิจารณา และคณะกรรมการเห็นว่าเป็นการสมควรที่คณะกรรมการจะขอคืนเรื่องนั้นมาพิจารณาเพื่อประกอบรัฐธรรมนูญที่มีผลบังคับใช้ในขณะนั้น ให้หน่วยงานของรัฐหรือพนักงานสอบสวนนั้นโอนเรื่องหรือส่งสำเนาการสอบสวนที่ได้ดำเนินการไปแล้วและเอกสารที่เกี่ยวข้องให้แก่คณะกรรมการเพื่อดำเนินการต่อไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ในกรณีที่เป็นเรื่องในอำนาจของรัฐหรือพนักงานสอบสวนโอนเรื่องหรือส่งสำเนาการสอบสวนในส่วนที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองให้คณะกรรมการในคราวนั้นแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งดังกล่าว

หมวด ๓

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง

มาตรา 50 ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งมีฐานะเป็นนิติบุคคลและอยู่ภายใต้การบังคับบัญชา กำกับดูแล และรับผิดชอบของคณะกรรมการ

กิจการของสำนักงานไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม และกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน แต่พนักงานและลูกจ้างของสำนักงานต้องได้รับประโยชน์ตอบแทนไม่น้อยกว่าที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม และกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน

มาตรา 51 สำนักงานมีหน้าที่และอำนาจดังต่อไปนี้

1

รับผิดชอบงานธุรการ และดำเนินการเพื่อให้คณะกรรมการบรรลุภารกิจและหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ และกฎหมายอื่น

2

อำนวยความสะดวก ช่วยเหลือ ส่งเสริม และสนับสนุน การปฏิบัติงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และผู้ตรวจการเลือกตั้ง

3

ดำเนินการเพื่อให้พรรคการเมือง เจ้าหน้าที่พรรคการเมือง และผู้สมัครรับเลือกตั้งสามารถรู้และปฏิบัติตามหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง และมติของคณะกรรมการ

4

ปฏิบัติหน้าที่อื่นใดตามที่มีบัญญัติในกฎหมายหรือที่คณะกรรมการมอบหมาย

มาตรา 52 ในการกำกับดูแลสำนักงานให้คณะกรรมการมีอำนาจออกระเบียบหรือประกาศ ในเรื่องดังต่อไปนี้

1

การจัดแบ่งส่วนงานของสำนักงาน การกำหนดอำนาจหน้าที่ของส่วนงาน การแต่งตั้ง การถอดถอน การกำหนดมาตรฐานทางจริยธรรม สมรรถภาพ การประเมินผลการปฏิบัติงาน วันลาพักผ่อนประจำปี การออกจากตำแหน่ง การร้องทุกข์และการอุทธรณ์กรณีถูกไล่ออกหรือถูกลงโทษทางวินัยของเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน รวมทั้งวิธีการและเงื่อนไขในการเข้าสู่ตำแหน่ง

2

การบริหารและจัดการทรัพย์สินและทรัพย์สิน การงบประมาณ และการพัสดุของสำนักงาน

3

การจัดสวัสดิการหรือการสงเคราะห์เกี่ยวกับสวัสดิการให้แก่พนักงานและลูกจ้างของสำนักงาน และหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการจ่ายเงินชดเชยในกรณีเสียชีวิตหรือการถูกตัดทอนตำแหน่งครบวาระ

4

การกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินและการเก็บรักษาเงิน การเก็บรักษาเอกสาร และการจัดทำบัญชีของสำนักงาน

5

การจัดเก็บข้อมูลและการรักษาความลับของสำนักงาน

6

การจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการตรวจสอบการดำเนินงานของสำนักงานและการบังคับบัญชาและลูกจ้างของสำนักงาน หรือการดำเนินการให้บุคคลภายนอกดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดำเนินการตาม (๑) ต้องคำนึงถึงความมีประสิทธิภาพ ความคุ้มค่า และความคล่องตัว การดำเนินการตาม (๒) ต้องคำนึงถึงค่าควรจะพึง และความเพียงพอในการดำรงชีพและการชดเชยความเสียหายที่เกิดกับพนักงานและลูกจ้างในสายนายจ้างระดับด้วย ในการออกระเบียบเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของกระทรวงนี้ ให้คณะกรรมการพิจารณาแนวทางเกี่ยวกับระบบคุณธรรม โดยคำนึงถึงการให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า ดูแลหรือจูงใจการทำงานที่ตรงต่อศีลธรรมอันดีในสังคมด้วยได้

มาตรา ๕๔ ให้คณะกรรมการออกข้อกำหนดทางจริยธรรมใช้บังคับแก่พนักงานและลูกจ้างของสำนักงาน ทั้งนี้ ข้อกำหนดทางจริยธรรมดังกล่าวจะระบุให้ความสำคัญหรือไม่ปฏิบัติตามจะต้องได้รับโทษอย่างใด

ในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยโดยมีหลักฐานสมควรว่าพนักงานหรือลูกจ้างของสำนักงานผู้ใดกระทำการโดยไม่สุจริตหรือประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงในกรณีบทบาทหน้าที่ในการดำเนินการเลือกตั้ง ให้พนักงานหรือลูกจ้างผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งหน้าที่หรือจากหน้าที่ซึ่งเป็นปัจจุบันที่ดำรงอยู่ทันที ให้พนักงานในกรณีตรวจสอบได้ใช้งานและดำเนินการต่อโดยมติของคณะกรรมการเลือกตั้งหรือมติใหญ่ของผู้มีบังคับหน้าที่ในกรณีนั้น

มาตรา ๕๕ ให้สำนักงานมีอำนาจจัดการงานในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินการตามกฎหมายนี้ ขอคณะกรรมการเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินการ และรับผิดชอบการปฏิบัติงานรองจากเลขาธิการคณะกรรมการ

ให้เลขาธิการทำหน้าที่เป็นเลขานุกรของคณะกรรมการ

มาตรา ๕๖ เลขาธิการต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถทางการเมือง ไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดในระยะเวลาอันใกล้ตั้งแต่พ้นไป มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีสัญชาติไทยมิใช่ผู้ไม่เคยกลับในวันนั้นได้หรือแต่ผู้มิใช่ผู้ไม่เคยกลับทำเป็นจะครองตำแหน่งเลขาธิการและมีคุณวุฒิ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญอันจะเป็นประโยชน์แก่การปฏิบัติงานของสำนักงานตามที่คณะกรรมการกำหนด

เลขาธิการมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละห้าปีแต่ดำรงตำแหน่งได้ไม่เกินสองวาระติดต่อกัน

มาตรา ๕๗ นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ เลขาธิการพ้นจากตำแหน่งเมื่อ

ตาย

ลาออก

ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๕๖

ไม่สามารถทำหน้าที่ได้สมควร

คณะกรรมการมีมติให้พ้นจากตำแหน่งด้วยคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดที่มีอยู่ เนื่องจากมีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือมีการกระทำหรือมีคุณลักษณะไม่เหมาะสมต่อการปฏิบัติหน้าที่และกิจการ

เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาจ้าง

มาตรา ๕๘ ภายใต้บังคับมาตรา ๕๗ เลขาธิการมีหน้าที่และอำนาจกำกับดูแลการปฏิบัติงานในส่วนต่าง ๆ ของสำนักงานให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และมติของคณะกรรมการและให้หน้าที่และอำนาจดังต่อไปนี้ด้วย

บรรจุ แต่งตั้ง ถอดถอน เลื่อน ลดเงินเดือนหรือลงโทษทางวินัยพนักงานหรือลูกจ้างของสำนักงาน ตลอดจนให้พนักงานหรือลูกจ้างของสำนักงานออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ ตามระเบียบของคณะกรรมการ

วางระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของสำนักงานเท่าที่ไม่ขัดกับระเบียบหรือประกาศหรือมติของคณะกรรมการ

หน้าที่และอำนาจตามที่กำหนดให้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้หรือกฎหมายอื่นและตามที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา ๕๙ ในกรณีที่เลขาธิการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้มอบหมายให้ผู้แทนของสำนักงานฯ เพื่อการนี้ เลขาธิการจะมอบอำนาจให้บุคคลใดปฏิบัติราชการแทนก็ได้ ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด

ในการดำเนินการตามวรรคแรก ถ้าเป็นกรณีการสั่งให้ผู้ใดลาปฏิบัติราชการแทน เลขาธิการจะต้องเสนอเรื่องให้คณะกรรมการพิจารณาให้เลขาธิการมอบอำนาจดังกล่าวแก่บุคคลที่คณะกรรมการกำหนด ให้เลขาธิการของความเห็นของจากคณะกรรมการก่อน

มาตรา ๖๐ คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานของสำนักงานเป็นผู้มีอำนาจในการเลือกตั้งประจำจังหวัดในแต่ละจังหวัดเพื่อปฏิบัติหน้าที่และอำนาจตามที่คณะกรรมการกำหนดให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด

ให้บันทึกความในมาตรา ๕๓ วรรคสอง มาใช้บังคับแก่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดด้วย

มาตรา ๖๑ ให้คณะกรรมการเสนอขอประมาณรายจ่าย เพื่อจัดสรรเป็นเงินอุดหนุนของคณะกรรมการและสำนักงานไปในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีหรือร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม แล้วแต่กรณี

ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นว่าของประมาณรายจ่ายที่ได้รับการจัดสรรให้ไม่เพียงพอ ให้คณะกรรมการเสนอคำขอไปยังผู้มีอำนาจจัดทำพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมฯ ได้โดยตรง ในการเสนอของประมาณรายจ่ายที่เป็นของกรรมการและวรรคสอง ให้คณะกรรมการแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบล่วงหน้าได้และทรัพย์สินที่มีอยู่ด้วย ในกรณีที่มีค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งมากกว่าจำนวนประมาณที่สำนักงานได้รับ ให้รัฐจ่ายทุนค่าใช้จ่ายให้เพียงพอกับการดำเนินงานของคณะกรรมการ

มาตรา ๒๖ เพื่อพระราชบัญญัตินี้ประสงค์รายจ่ายประจำปีหรือพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมตามมาตรา ๒๐ ใช้บังคับแล้ว ให้สำนักงานจัดทำประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการและเสนอแผนการดำเนินงานประจำปี การใช้งบในขอบเขตสำนักงานดังกล่าวเป็นไปตามที่ระบุไว้ในประมาณรายจ่ายประจำปีตามวรรคหนึ่ง เว้นแต่จะได้รับมติจากคณะกรรมการเป็นกรณีพิเศษตามเหตุผล ในการเบิกจ่ายงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร ให้สำนักงานส่งของบต่อกรมบัญชีกลาง โดยให้ระบุจำนวนเงินที่จำเป็นต้องใช้ในแต่ละเดือน วัตถุประสงค์ และให้กรมบัญชีกลางส่งจ่ายเงินให้แก่สำนักงานในเวลานานวันก่อนขึ้นเดือนใหม่ แต่ในกรณีที่สำนักงานมีความจำเป็นต้องใช้เงินมากกว่าที่ได้แจ้งไว้ในวาระใด ให้กรมบัญชีกลางจ่ายให้ตามที่สำนักงานร้องขอ

มาตรา ๒๗ รายได้และทรัพย์สินในการดำเนินกิจการของสำนักงาน ประกอบด้วย (๑) เงินอุดหนุนที่ได้รับตามมาตรา ๒๖ (๒) รายได้จากค่าธรรมเนียมสิทธิหรือทรัพย์สินของผู้ดำเนินงาน (๓) ทรัพย์สินที่ผู้มีจิตศรัทธามอบให้ (๔) ดอกผลหรือผลประโยชน์จากเงินหรือทรัพย์สินของสำนักงาน (๕) รายได้อื่นตามที่กฎหมายกำหนด ในการบริหารทรัพย์สินตาม (๒) ให้ดำเนินด้วยความโปร่งใสตามการปฏิบัติหน้าที่ และในกรณีที่ทรัพย์สินหรือรายได้ที่ได้รับจากการบริจาคหรือการมอบให้มีเงื่อนไขในการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงาน จะต้องให้สำนักงานไม่รับทรัพย์สินนั้นหรือให้ทรัพย์สินนั้นแก่ผู้จัดให้แก่ได้

มาตรา ๒๘ รายได้ของสำนักงานไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งคลังตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ หรือกฎหมายอื่น ให้สำนักงานจัดทำรายงานการรับและการใช้งบประมาณรายปีเสนอต่อรัฐสภา และคณะรัฐมนตรีเมื่อสิ้นปีงบประมาณทุกปี อสังหาริมทรัพย์ที่สำนักงานได้กรรมสิทธิ์มาจากการซื้อ หรือมอบให้ ให้เป็นที่ราชพัสดุแต่สำนักงานมีอำนาจในการครอบครองดูแล ใช้ หรือหาประโยชน์ได้

มาตรา ๒๙ ทรัพย์สินของสำนักงานไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี และผู้ใดจะยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้มิได้

มาตรา ๓๐ ให้สำนักงานจัดทำงบดูด บัญชีรายรับ และบัญชีจ่ายการ ส่งผู้สอบบัญชีภายในเก้าสิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชี ให้สำนักงานตรวจสอบและแสดงแนวเส้นเงินผู้สอบบัญชีของสำนักงาน โดยให้ทำการตรวจสอบรับรองบัญชีและการเงินทุกประเภทของสำนักงาน รวมทั้งแสดงการใช้งบประมาณและทรัพย์สินของสำนักงาน โดยแสดงให้เห็นด้วยว่าการใช้งบประมาณดังกล่าวเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด

ได้สแกนข้อความจากภาพดังนี้: ให้สอดคล้องเป้าหมายประสิทธิภาพ เกิดผลสัมฤทธิ์ และคุ้มค่าเพียงใด แล้วทำรายงานเสนอผลการสอบบัญชีต่อรัฐสภาและคณะรัฐมนตรี โดยไม่ชักช้า

หมวด ๔

บทกำหนดโทษ

มาตรา ๒๖ ผู้ใดขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ กรรมการ เลขาธิการ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ผู้ตรวจการเลือกตั้ง หรือกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน ซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง ได้กระทำโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือได้ทำการอันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สิน หรือเป็นโดยมีเจตนาต่อกฎหมาย ผู้นั้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๒๗ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการที่สั่งตามมาตรา ๒๔ (๖) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๒๘ ผู้ใดได้รับข้อมูลหรือเอกสารหรือข้อมูลที่คณะกรรมการได้รับตามมาตรา ๑๙ (๑) โดยเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวหรือเอกสารดังกล่าวโดยมิชอบ หรือใช้ข้อมูลดังกล่าวและอำนาจในการใช้ข้อมูลนั้นตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ หรือฝ่าฝืนมาตรา ๑๙ วรรคสาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นกรรมการ เลขาธิการ ผู้อำนวยการเลือกตั้งหรือเป็นพนักงานหรือผู้ถูกจ้างของสำนักงาน ต้องระวางโทษเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้ตามวรรคหนึ่ง

มาตรา ๒๙ กรรมการ เลขาธิการ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ผู้ตรวจการเลือกตั้งหรือกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน ซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ หนักงาน และลูกจ้างสำนักงาน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ผู้ใดกระทำหรือร่วมกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนดห้าปี

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งได้กระทำโดยมีเจตนาต่อกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ บทเฉพาะกาล

มาตรา ๓๐ ให้ประธานกรรมการการเลือกตั้งและกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ พ้นจากตำแหน่งนับแต่วันที่

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา - 27 - พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ แต่ให้ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าประธานกรรมการการเลือกตั้งและกรรมการการเลือกตั้งที่แต่งตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ ให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามวรรคหนึ่ง มีสิทธิได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอื่นตามที่ได้รับอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับและให้สิทธินั้นได้รับในกรอบตามกฎหมายมาตรา 40 โดยให้ถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่แทนกรรมการโดยให้คณะกรรมการจะพิจารณาได้ในเรื่องปรึกษาหารือ แต่พึงคำนึงถึงการปฏิบัติหน้าที่ ในกรณีผู้ซึ่งอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามวรรคหนึ่ง ตาย ลาออก หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ในช่วงที่ผู้ซึ่งอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปไม่ถึงกรณี ให้คณะกรรมการไม่สามารถมาใช้บังคับโดยอนุโลม

มาตรา 71 ภายในสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับให้คณะกรรมการเลือกตั้งซึ่งมีที่ตั้งในสำนักงานเสนอชื่อกรรมการการเลือกตั้งตามมาตรา 67

มาตรา 72 ให้คณะกรรมการตามมาตรา 71 และที่ระบุในที่อยู่ใหญ่ที่สุดดำเนินการเลือกตั้งกรรมการการเลือกตั้งตามมาตรา 67 โดยให้ถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ในวันเดียวกันนั้น

มาตรา 73 ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งดำเนินการเลือกตั้งกรรมการการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ในวันเดียวกันนั้น

มาตรา 74 บรรยายเรียบ ข้อกำหนด ประกาศ คำสั่ง หรือมติของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ออกตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2540 ซึ่งยังคงใช้บังคับก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ ให้มีผลใช้บังคับต่อไปเท่าที่ไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ทั้งนี้ จนกว่าจะมีระเบียบ ข้อกำหนด ประกาศ คำสั่ง หรือมติของคณะกรรมการการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้

มาตรา 26 ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2541 เป็นสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้

บรรดาสิทธิ หน้าที่ และภาระผูกพันใด ๆ ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2541 มีอยู่กับบุคคลใดในขณะที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ ให้โอนมาเป็นของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้

มาตรา 27 ให้โอนบรรดาทรัพย์สินและลูกจ้างของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2541 มาเป็นของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ และให้ถือว่าสิทธิและประโยชน์อื่นใดที่พนักงานหรือลูกจ้างดังกล่าวได้รับตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2541 เป็นสิทธิและประโยชน์อื่นใดที่ได้รับตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ เว้นแต่จะมีข้อยกเว้นตามมาตรา 26 (2) กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น

มาตรา 28 การดำเนินการใด ๆ ที่ได้ความเห็นชอบ การได้ความเห็นชอบ หรือการดำเนินการอื่นใดตามกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2541 ซึ่งได้ดำเนินการไปก่อนที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้

ในกรณีที่มีปัญหาในการดำเนินการในเรื่องใดที่ยังค้างพิจารณาอยู่ และมิได้บัญญัติวิธีดำเนินการไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ การดำเนินการนั้นต่อไปให้ดำเนินการตามมติของคณะกรรมการการเลือกตั้ง

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้ คือ โดยที่บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้มีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อให้คณะกรรมการการเลือกตั้งปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและกฎหมาย สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ปรับปรุง/ตรวจร่าง/จัดทำ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๐ วิชาพร/ตรวจ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๐