พระราชบัญญัติ กองทุนพัฒนาสื่อ ปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. ๒๕๕๘ 2015년 안전하고 창의적인 미디어 개발 기금법
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นปีที่ ๗๐ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มี พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่ เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยกองทุนพัฒนาสื่อ ปลอดภัยและสร้างสรรค์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้น ไว้โดยคําแนะนําและยินยอมของ สภานิติบัญญัติ แห่งชาติ ดังต่อไปนี้ 푸미폰 아둔야뎃 국왕 폐하께서 재위 70년 째 해인 2015년 3월 20일에 하사하셨다. 푸미폰 아둔야뎃 국왕께서 안전·창의적미 디어개발기금에 관한 법률을 제정하는 것 이 마땅하다고 왕명을 내리신 바 이에 국왕께서는 의회의 조언과 동의를 받 아 다음의 법률을 제정하는 바이다.
“สื่อ” หมายความว่า สิ่งท่ีทําให้ปรากฏด้วยตัวอักษร เครื่องหมาย ภาพ หรือเสียง ไม่ว่าจะได้ จัดทําในรูป ของเอกสาร สิ่งพิมพ์ ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบาย สี รูปภาพ ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่าย ภาพยนตร์ วีดิทัศน์ การแสดง ข้อมูลคอมพิวเตอร์ใน ระบบคอมพิวเตอร์ หรือได้จัดทําในรูปแบบอื่นใด ตามที่ กําหนดในกฎกระทรวง “สื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์” หมายความว่า สื่อที่มีเนื้อหาส่งเสริมศีลธรรม จริยธรรม วัฒนธรรมและความ มั่นคง ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ การเรียนรู้ทักษะการใช้ชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน และ ส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวและสังคม รวมถึง การส่งเสริม ให้ประชาชนมีความสามัคคีและสามารถใช้ ชีวิตในสังคมที่มีความหลากหลายได้อย่างเป็นสุข “กองทุน” หมายความว่า กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ “สํานักงาน” หมายความว่า สํานักงานกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการกองทุน พัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ “คณะกรรมการประเมินผล” หมายความว่า คณะกรรมการประเมินผลการดําเนินงานของกองทุน “ผู้จัดการ” หมายความว่า ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อ ปลอดภัยและสร้างสรรค์ “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงและประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศในราช กิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
ให้กองทุนเป็นนิติบุคคลและมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
การส่งเงินค่าปรับเข้ากองทุนตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไป ตามระเบียบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกําหนด โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ให้ผู้จัดการเป็นเลขานุการ และให้ผู้จัดการแต่งตั้ง เจ้าหน้าที่ของสํานักงานเป็นผู้ช่วยเลขานุการ
ให้ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมแต่งตั้งผู้แทนกระทรวง วัฒนธรรมคนหนึ่งเป็นกรรมการและเลขานุการของ คณะกรรมการสรรหา กรรมการสรรหาตาม (๔) (๕) (๖) (๗) และ (๘) ต้อง เป็นผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการของ องค์กรนั้น ให้คณะกรรมการสรรหาเลือกกรรมการสรรหาคนหนึ่ง เป็นประธานกรรมการสรรหา ในกรณีที่ไม่มีกรรมการสรรหาครบตามที่กําหนดตาม วรรคหนึ่ง หรือมีแต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ภายใน เวลาสามสิบวันนับแต่เมื่อมีเหตุให้ทําการสรรหา ให้ คณะกรรมการสรรหาประกอบด้วยกรรมการ สรรหาที่ เหลืออยู่ แต่ต้องไม่น้อยกว่าห้าคน ให้สํานักงานทําหน้าที่เป็นหน่วยงานธุรการในการ ดําเนินการสรรหา
กรรมการสรรหาไม่มีสิทธิได้รับการเสนอชื่อเป็น กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการ รายละเอียดของขั้นตอนและวิธีการสรรหาให้เป็นไป ตามที่คณะกรรมการสรรหากําหนด
เมื่อคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิครบ ตามจํานวนแล้ว ให้หน้าที่ของคณะกรรมการสรรหา สิ้นสุดลง
(ก) คุณสมบัติ (๑) มีสัญชาติไทย (๒) มีอายุไม่ต่ํากว่าสามสิบห้าปีบริบูรณ์ (ข) ลักษณะต้องห้าม
ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านใดพ้นจากตําแหน่ง ก่อนครบวาระ ให้ผู้ทรงคุณวุฒิในบัญชีรายชื่อสํารอง ของด้านเดียวกันนั้นตามมาตรา ๑๗ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแทนตําแหน่งที่ว่าง และให้ผู้ได้รับแต่งตั้ง แทนตําแหน่งที่ว่างอยู่ในตําแหน่งเท่ากับวาระที่ เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน หากไม่มีบุคคลในบัญชี รายชื่อ หรือบุคคลนั้นไม่ประสงค์ดํารงตําแหน่งแทนให้ ดําเนินการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใหม่ตาม มาตรา ๑๖ เว้นแต่วาระของกรรมการจะเหลือไม่ถึงเก้า สิบวันจะไม่ดําเนินการให้มีผู้ดํารงตําแหน่งแทนก็ได้ และในกรณีนี้ ให้คณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการ ที่เหลืออยู่ เมื่อครบกําหนดตามวาระในวรรคหนึ่ง หากยังมิได้มี การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่ ให้กรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตําแหน่งตามวาระนั้นอยู่ใน ตําแหน่งต่อไปจนกว่ากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้รับ แต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้น จากตําแหน่งตามวาระอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ แต่จะ ดํารงตําแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระไม่ได้
ประกาศตาม (๒) และข้อบังคับตาม (๗) ให้ประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา
ในการประชุมคณะกรรมการ ถ้าประธานกรรมการไม่ มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ให้รองประธาน กรรมการเป็นประธานในที่ประชุม ถ้ารองประธาน กรรมการไม่มาประชุม หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม ในการปฏิบัติหน้าที่ ถ้ามีการพิจารณาในเรื่องที่ประธาน กรรมการหรือกรรมการผู้ใดมีส่วนได้เสีย ประธาน กรรมการหรือกรรมการผู้นั้นไม่มีสิทธิเข้าร่วมประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้า คะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียง เพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
คณะอนุกรรมการตามวรรคหนึ่งให้มีอํานาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม วาระการดํารงตําแหน่ง และการพ้นจากตําแหน่งของอนุกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิ รวมทั้งการประชุมของคณะอนุกรรมการ ให้เป็นไป ตามที่คณะกรรมการกําหนด ทั้งนี้ ในการประชุม ต้อง จัดให้มีการประชุมอย่างน้อยทุกสองเดือน
ผู้จัดการต้องเป็นผู้สามารถทํางานให้แก่กองทุนได้เต็ม เวลา และต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ (ก) คุณสมบัติ (๑) มีสัญชาติไทย (๒) มีอายุไม่น้อยกว่าสามสิบห้าปีบริบูรณ์และต้องไม่ เกินหกสิบปีบริบูรณ์ในวันที่สมัครรับการคัดเลือก (๓) มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์เหมาะสม กับกิจการของกองทุน (ข) ลักษณะต้องห้าม (๑) เป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ในกิจการที่กระทํากับกองทุน หรือในกิจการที่ขัดหรือ แย้งกับวัตถุประสงค์ของกองทุน (๒) เป็นผู้มีพฤติกรรมที่ขัดหรือแย้งกับวัตถุประสงค์ ของกองทุน (๓) เป็นผู้ดํารงตําแหน่งในทางการเมือง สมาชิกสภา ท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น กรรมการ หรือผู้ดํารง ตําแหน่งที่รับผิดชอบในการบริหารพรรคการเมือง ที่ ปรึกษาพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่พรรคการเมือง (๔) เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลาย ทุจริต คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ ความสามารถ (๕) เคยได้รับโทษจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุดให้ จําคุก เว้นแต่เป็นโทษสําหรับความผิดที่ได้กระทําโดย ประมาทหรือความผิดลหุโทษ (๖) เคยเป็นผู้ต้องคําพิพากษาหรือคําสั่งศาลให้ ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ํารวยผิดปกติ หรือ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ
ให้ผู้จัดการได้รับเงินค่าจ้าง ค่าตอบแทน และเงินอื่น ตามที่คณะกรรมการกําหนด
ในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก ให้ผู้จัดการเป็น ผู้แทนของกองทุน เพื่อการนี้ ผู้จัดการจะมอบอํานาจให้ บุคคลใดปฏิบัติงานเฉพาะอย่างแทนก็ได้ แต่ต้อง เป็นไปตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกําหนด
ในการตรวจสอบภายใน ให้มีเจ้าหน้าที่ของสํานักงาน ทําหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบภายในและให้รับผิดชอบขึ้น ตรงต่อคณะกรรมการตามข้อบังคับที่คณะกรรมการ กําหนด
ให้คณะกรรมการประเมินผลแต่งตั้งบุคคลที่เห็นสมควร เป็นเลขานุการ ให้นํามาตรา ๑๘ มาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ มาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๔ มาใช้บังคับกับกรรมการประเมินผล และการประชุมของคณะกรรมการประเมินผลโดย อนุโลม
ให้คณะกรรมการประเมินผลมีอํานาจเรียกเอกสารหรือ หลักฐานที่เกี่ยวข้องกับกองทุนจากบุคคลใด หรือเรียก บุคคลใดมาชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อประกอบการพิจารณา ประเมินผลได้
ให้นํามาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๔ มาใช้บังคับกับการ ปฏิบัติหน้าที่ของคณะอนุกรรมการตามวรรคหนึ่งโดย อนุโลม
ให้ผู้จัดการประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการ พนักงานราชการ หรือลูกจ้างตามวรรคหนึ่ง เสนอต่อ หน่วยงานต้นสังกัด ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
พระราชบัญญัติ กองทุนพัฒนาสื่อ ปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. ๒๕๕๘ 2015년 안전하고 창의적인 미디어 개발 기금법
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นปีที่ ๗๐ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มี พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่ เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยกองทุนพัฒนาสื่อ ปลอดภัยและสร้างสรรค์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้น ไว้โดยคําแนะนําและยินยอมของ สภานิติบัญญัติ แห่งชาติ ดังต่อไปนี้ 푸미폰 아둔야뎃 국왕 폐하께서 재위 70년 째 해인 2015년 3월 20일에 하사하셨다. 푸미폰 아둔야뎃 국왕께서 안전·창의적미 디어개발기금에 관한 법률을 제정하는 것 이 마땅하다고 왕명을 내리신 바 이에 국왕께서는 의회의 조언과 동의를 받 아 다음의 법률을 제정하는 바이다.
"미디어"란 문자, 기호, 그림 또는 음성으 로 나타내는 것으로 문서, 인쇄물, 그림, 출 판물, 채화, 영상, 광고, 기호, 사진, 영화, 동영상, 공연, 컴퓨터 시스템의 컴퓨터 데 이터 또는 부령에서 정한 그 밖의 형태로 제작된 것을 말한다. "안전·창의적미디어"란 도덕, 윤리, 문화, 안보를 촉진하고 창의성을 증진하며 특히 어린이 및 청소년과 국민이 삶의 기술을 습 득하고 가족과 사회 간의 긍정적인 관계를 촉진하며 다양한 사회에서 국민이 화합하 고 행복하게 살 수 있도록 하는 내용을 담 고 있는 미디어를 말한다. "기금"이란 안전·창의적미디어개발기금을 말한다. "사무국"이란 안전·창의적미디어개발기금 사무국을 말한다. "위원회"란 안전·창의적미디어 개발위원회 를 말한다. "평가위원회"란 기금의 성과를 평가하는 위원회를 말한다. "기금관리자"란 안전·창의적미디어개발기 금의 관리자를 말한다. "장관"이란 이 법의 시행을 책임지고 관리 하는 주무장관을 말한다.
해당 부령과 고시는 관보에 고시한 날부터 시행한다.
기금은 법인으로 설립하며 다음 각 항을 목적으로 한다.
첫 번째 단락에 따라 벌금을 기금에 납입하 는 것은 재무부장관이 관보에 고시하여 제 정하는 규칙에 따른다.
기금관리자가 간사직을 맡으며 기금관리자 는 사무국의 담당자를 간사보로 임명한다.
문화부차관은 문화부 대리인 1명을 선출위원회의 위원 및 간사로 임명한다. 제(4)항, 제(5)항, 제(6)항, 제(7)항 및 제(8)항에 따른 선출위원은 해당 기관으로부 터 위임받은 대리인이어야 한다. 선출위원회는 선출위원 중에서 1명을 선출 위원회의 위원장으로 선출한다. 첫 번째 단락에 따른 선출위원이 없거나 직 무를 수행할 수 없는 경우, 선출사유가 발 생한 날부터 30일 이내에 선출위원회는 남 아있는 선출위원으로 구성하되, 최소 5명 이상으로 구성한다. 선출절차를 진행할 때 사무국이 행정기관 의 역할을 수행하도록 한다.
선출위원은 위원회의 전문가위원으로 지명 될 권리가 없다. 구체적인 선출 절차와 방법은 선출위원회 가 정한 바에 따른다.
내각이 전문가위원의 정원에 따라 임명을 완료한 경우, 선출위원회의 임무는 종료된 다.
(가) 자격 (1) 태국 국적일 것 (2) 최소 35세 이상일 것 (다) 결격사유
전문가위원이 임기만료 전에 전문가위원의 궐위가 발생한 경우, 제17조에 따라 동일 한 분야의 예비명단에 등록된 전문가가 해 당 공석의전문가위원이 된다. 보궐위원의 임기는 전임 위원의 잔여 기간으로 한다. 다만, 예비명단에 후보가 없거나 해당 후보 가 보궐위원을 원하지 아니하는 경우, 제 16조에 따라 전문가위원을 새로 선출한다. 다만, 위원의 임기가 90일 미만으로 남아 있는 경우에는 보궐위원을 임명하지 않을 수 있으며 이 경우 위원회는 남아있는 위원 으로 구성된다. 첫 번째 단락에 따른 임기가 만료된 시점에 전문가위원이 새로 임명되지 않는 경우, 궐 위된 위원은 새로운 전문가위원이 임명될 때까지 해당 위원직을 유지한다. 궐위된 위 원 대신 임명된 보궐위원은 재임이 가능하 나 연속하여 2회 이상 연임할 수 없다.
제(2)항에 따른 공고와 제(7)항에 따른 규칙은 관보에 고시한다.
위원회 회의에서는 위원장이 회의에 참석 하지 아니하거나 직무를 수행할 수 없는 경 우, 부위원장이 회의의 의장을 대리한다. 부위원장이 회의에 참석하지 아니하거나 직무를 수행할 수 없는 경우, 회의에서 1명 의 위원을 회의를 주재할 의장으로 선출한 다. 직무를 수행할 때 위원장 또는 위원이 이해 관계가 있는 사항을 심의할 경우, 해당 위 원장 또는 위원은 회의에 참석할 권리가 없 다. 회의에서의 결정은 다수결로 이루어진다. 각 위원에게는 1개의 표결권이 주어지며 가부동수인 경우에는 의장이 추가로 한 표 를 더 표결한다.
첫 번째 단락에 따른 소위원회는 다음 각 항의 권한과 의무가 있다.
소위원회 회의를 포함하여 전문가소위원의 자격, 결격사유, 임기 및 소위원직의 해임 은 위원회의 규정에 따른다. 회의는 최소 2 개월에 1회 이상 개최되어야 한다.
기금관리자는 기금을 위해 상근으로 근무 할 수 있는 자여야 하며 다음 각 항에 해당 하는 자격을 갖추고 결격사유가 없어야 한 다. (가) 자격 (1) 태국 국적 (2) 선출 신청일에 만 35세 이상 만 60세 이하 (3) 기금의 사업에 적합한 지식, 능력 및 경험 보유 (나) 결격사유 (1) 기금과 관련된 사업 또는 기금의 목적 에 반하거나 모순되는 사업에 직간접적인 이해관계인 (2) 기금의 목적에 반하거나 모순되는 행 위를 저지른 자 (3) 정치와 관련된 직책에 있는 자, 지방의 회 의원 또는 정무직 지방공무원, 정당 운 영 책임직에 있는 자, 정당의 고문 또는 정 당 관계자 (4) 파산자, 불법행위 때문에 파산한 자, 무능력자 또는 한정치산자 (5) 징역의 확정판결을 받은 자. 다만, 과 실에 의한 범죄 또는 경범죄는 제외한다. (6) 비정상적으로 부를 축적하거나 재산이 증가하여 재산을 국가에 귀속시키는 법원 의 판결 또는 명령을 받은 자
기금관리자는 위원회가 정한 바에 따라 임 금, 보수 및 그 밖의 수당을 수령한다.
외부인과 관련된 사업과 관련하여 기금관 리자는 기금의 대리인이 되며 이를 위하여 기금관리자는 위원회가 정한 규칙에 따라 자신을 대신하여 특정 업무를 수행하도록 다른 사람에게 권한을 위임할 수 있다.
내부감사에는 위원회가 정한 규칙에 따라 내부감사를 담당할 사무국의 담당자를 두 며 위원회에 직접 책임을 진다.
평가위원회는 간사로 적절하다고 판단되는 자를 임명한다. 제18조, 제19조, 제20조, 제22조 및 제24 조는 평가위원회와 평가위원회의 회의에 준용된다.
평가위원회는 평가 심사에 사용하기 위하 여 기금과 관련된 서류나 증거를 요구하거 나 사람을 소환하여 사실관계 진술을 제공 하게 할 수 있는 권한이 있다.
첫 번째 단락에 따른 소위원회의 직무 수행 에 대해서는 제22조 및 제24조을 준용한 다.
기금관리자는 첫 번째 단락에 따른 공무원, 계약직 공무원 또는 직원의 성과를 평가하 고 해당 성과를 소속 부서에 보고하여야 한 다. 부서 대장 쁘라윳 찬오차 총리