로고

ความลับทางการค้า พ.ศ. ๒๕๔๕ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นปีที่ ๕๗ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยความลับทางการค้า พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติความลับทางการค้า พ.ศ. ๒๕๔๕”

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้

“ความลับทางการค้า” หมายความว่า ข้อมูลการค้าที่มิได้อยู่ในสภาพที่รู้จักกันโดยทั่วไป หรือยังเข้าสืบค้นได้ในหมู่บุคคลที่เกี่ยวข้องโดยปกติแล้วต้องเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าว โดยเป็นข้อมูลที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจอันเนื่องจากการเป็นความลับ และเป็นข้อมูลที่ผู้ครอบครองความลับทางการค้าได้ใช้ความพยายามตามสมควรเพื่อรักษาไว้เป็นความลับ “ข้อมูลการค้า” หมายความว่า สิ่งซึ่งสื่อความหมายในรูปของความรู้ เรื่องราว ข้อเท็จจริง หรือสิ่งใดไม่ว่าการสื่อความหมายจะมีลักษณะวิธีการใด ๆ และไม่ว่าจะจัดให้มีรูปลักษณะความรวมถึงสูตร รูปแบบ งานที่ได้รวบรวมหรือประมวลขึ้น โปรแกรม วิธีการ เทคนิค หรือกรรมวิธีด้วย ``` - ๒ - “ผลิต” หมายความว่า ทำ ผสม ปรุงหรือแปรสภาพ และให้หมายความรวมถึงเปลี่ยนรูปหรือแบ่งบรรจุด้วย “ขาย” หมายความว่า จำหน่าย ขาย แจก หรือแลกเปลี่ยน เพื่อประโยชน์ในทางการค้า และให้หมายความรวมถึงการมีไว้เพื่อขายด้วย “ยา” หมายความว่า ยาตามกฎหมายว่าด้วยยา “ไม่มีสิทธิในทางการค้า” หมายความว่า สิทธิใด ๆ ที่มิใช่สิทธิในทางการค้า และให้หมายความรวมถึงสิทธิในทางการค้าในชีวิต หรือกิจการด้านใด ๆ หรือพืชที่อาจก่อความเสียหายแก่การเกษตรด้วย “เจ้าของกรรมสิทธิ์ทางการค้า” หมายความว่า ผู้ค้นพบ คิดค้น รวมรวม หรือสร้างสรรค์ข้อมูลการค้าเกี่ยวกับการค้าโดยมิใช่เป็นการละเมิดในทางกรรมสิทธิ์ในทางการค้าของผู้อื่น หรือมิใช่ด้วยโดยการทดสอบหรือข้อมูลการค้าที่ยินยอมจากการค้า และให้หมายความรวมถึงผู้รับโอนสิทธิจากพระราชบัญญัตินี้ด้วย “ผู้ควบคุมความลับทางการค้า” หมายความว่า เจ้าของความลับทางการค้า และให้หมายความรวมถึงผู้ครอบครอง หรือดูแลความลับทางการค้าด้วย “ศาล” หมายความว่า ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ และให้หมายความรวมถึงศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีตามพระราชบัญญัตินี้ด้วย “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการคุ้มครองความลับทางการค้า “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ “อธิบดี” หมายความว่า อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา และให้หมายความรวมถึงผู้ซึ่งอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญามอบหมายด้วย “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ในส่วนที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของแต่ละกระทรวง

กฎกระทรวงและระเบียบอื่น ๆ เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้

หมวด ๑ การคุ้มครองความลับทางการค้า

มาตรา ๕ ความลับทางการค้าต้องไม่เปิดเผยได้

``` เจ้าของความลับทางการค้าสิทธิที่จะเปิดเผย เอาไป หรือใช้ความลับทางการค้า หรืออนุญาตให้บุคคลอื่นเปิดเผย เอาไป หรือใช้ความลับทางการค้า โดยจะกำหนดเงื่อนไขอย่างใด เพื่อรักษาความลับทางการค้าก็ย่อมทำได้เป็นการสมควรต่อไปก็ได้ การโอนความลับทางการค้าตามวรรคหนึ่ง ซึ่งมิใช่ทางมรดกต้องทำเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอน ถ้าไม่ได้ทำตามระยะเวลาในสัญญาโอน ให้ถือว่าเป็นการโอนที่มีผลระยะเวลาสิ้นสุด

มาตรา ๖ การละเมิดสิทธิในความลับทางการค้าหมายถึงการกระทำใดๆ โดยเจตนา หรือโดยประมาทเลินเล่อที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของความลับทางการค้า โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของความลับทางการค้านั้น ยังมีลักษณะต้องห้ามทางปฏิบัติในแง่ของศีลธรรมอันดี ทั้งนี้ ผู้ละเมิดจะต้องรู้หรือมีเหตุอันควรรู้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดตามความในวรรคหนึ่งเท่านั้น

การกระทำที่มีลักษณะเช่นนี้อาจแสดงในรูปแบบที่เป็นการขัดต่อศีลธรรมอันดี เช่น การแสวงหาความลับทางการค้าโดยการลักขโมย การแสวงหาความลับทางการค้าโดยการใช้วิธีการที่ไม่สุจริต การแสวงหาความลับทางการค้าโดยการใช้วิธีการที่เป็นการหลอกลวง การละเมิดสิทธิในความลับทางการค้าโดยการใช้วิธีการที่เป็นการบังคับ หรือการขอการกระทำ โดยใช้วิธีการที่เป็นการข่มขู่หรือวิธีการอื่นใดที่ผิดกฎหมาย

มาตรา ๗ การกระทำใดๆ โดยอย่างหนึ่งอย่างใดที่เป็นการละเมิดสิทธิในความลับทางการค้า (ก) การเปิดเผยหรือใช้ความลับทางการค้าโดยบุคคลที่ได้มาซึ่งความลับทางการค้านั้นในกรณีต่อไปนี้ (ก) ในกรณีจำเป็นเพื่อคุ้มครองสุขภาพอนามัยหรือความปลอดภัยของสารเคมี หรือ (ข) ในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างอื่นที่ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อการค้า และในกรณีดังกล่าว หน่วยงานของรัฐผู้ดูแลรักษาความลับทางการค้านั้น หรือหน่วยงานของรัฐหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งได้รับความลับทางการค้านั้นไป จะต้องดำเนินการเพื่อคุ้มครองความลับทางการค้าดังกล่าวมิให้เป็นการเปิดเผยต่อไปในบริบทอื่นใดที่ไม่เป็นธรรม

(ข) การดำเนินการโดยวิธีการซึ่งไม่เป็นการค้นพบความลับทางการค้าอย่างสุจริต โดยผู้ค้นพบใช้วิธีการกระทำซึ่งขัดต่อข้อกำหนดของกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองความลับทางการค้า (ค) การกระทำใดๆ ที่เป็นการละเมิดสิทธิในความลับทางการค้าโดยการผลิตหรือการจำหน่ายสินค้าหรือบริการที่ได้มาจากการละเมิดสิทธิในความลับทางการค้านั้น โดยผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายสินค้าหรือบริการนั้นจะต้องรู้หรือมีเหตุอันควรรู้ว่าสินค้าหรือบริการนั้นได้มาจากการละเมิดสิทธิในความลับทางการค้า การกระทำใดๆ ที่เป็นการละเมิดสิทธิในความลับทางการค้าในกรณีดังกล่าวจะต้องได้รับการพิจารณาและดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองความลับทางการค้าอย่างเคร่งครัด

มาตรา ๘ เมื่อมีหลักฐานเบื้องต้นชี้ให้ผู้ใดอาจเป็นหรือกำลังจะกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งอันเป็นการละเมิดสิทธิในความลับทางการค้า ผู้ควบคุมความลับทางการค้าผู้ถูก หรือกำลังจะถูกละเมิดสิทธินั้นมีสิทธิดังต่อไปนี้

ร้องขอให้ศาลสั่งให้ผู้กระทำระงับหรือชะลอในการละเมิดสิทธิในความลับทางการค้าเป็นการชั่วคราว และ

ฟ้องคดีต่อศาลเพื่อให้ศาลสั่งห้ามมิให้ผู้กระทำดังกล่าวละเมิดสิทธิในความลับทางการค้า และฟ้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งอันเกิดขึ้นจากการละเมิดสิทธิในความลับทางการค้า การใช้สิทธิตาม (๑) อาจกระทำได้ก่อนการฟ้องคดีตาม (๒)

มาตรา ๙ ก่อนที่จะใช้สิทธิตามมาตรา ๘ ผู้ควบคุมความลับทางการค้าผู้ถูก หรือกำลังจะถูกละเมิดสิทธิในความลับทางการค้าและคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งอาจตกลงกันเพื่อให้คณะกรรมการการค้าระหว่างประเทศหรือระบบระงับข้อพิพาทที่กำหนดในความตกลงระหว่างประเทศที่ไม่ขัดต่อสิทธิควบคุมความลับทางการค้าพิจารณาและวินิจฉัยข้อพิพาทดังกล่าวได้ แต่ทั้งนี้ต้องไม่ขัดต่อกฎหมายหรือข้อกำหนดที่เกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยหรือระงับข้อพิพาทดังกล่าวไม่ว่ากรณีใด

การพิจารณาและวินิจฉัยข้อพิพาทดังกล่าวให้เป็นไปตามระเบียบหรือข้อพิจารณาของคณะกรรมการการค้าระหว่างประเทศ หรือระบบระงับข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องตามที่ตกลงกัน

มาตรา ๑๐ การใช้สิทธิตามมาตรา ๘ ให้กระทำได้ภายในอายุความสองปีนับจากวันที่ผู้ควบคุมความลับทางการค้าทราบถึงการละเมิดสิทธิในความลับทางการค้า แต่ทั้งนี้ ต้องไม่เกินสิบปีนับแต่วันที่มีการละเมิด

หมวด ๒

การพิจารณาคดีเกี่ยวกับความลับทางการค้า

มาตรา ๑๑ เมื่อผู้ควบคุมความลับทางการค้าฟ้องคดีขอให้ศาลมีคำสั่งตามมาตรา ๘ (๒) หากศาลมีเหตุอันควรเชื่อว่าการละเมิดสิทธิในความลับทางการค้า แต่เพื่อคุ้มครองสิทธิที่ไม่สมควรออกคำสั่งตามคำขอได้ ศาลอาจพิจารณากำหนดให้ผู้ยื่นคำขอเสียค่าตอบแทนในจำนวนที่เหมาะสมสำหรับการให้ผู้ถูกฟ้องคดีได้รับความลับทางการค้าต่อไปตามกำหนดเวลาที่ศาลเห็นสมควรได้

ในกรณีที่ศาลสั่งดังกล่าวมาตรา ๘ (๒) ห้ามมิให้มีการละเมิดสิทธิในความลับทางการค้าเพิ่มเติมไปอีก ถ้าความลับทางการค้านั้นมิได้ถูกเปิดเผยเป็นการทั่วไปเสียจากการเป็นความลับทางการค้าในภายหลัง ให้ผู้ยื่นคำขอชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ถูกฟ้องคดีในความลับทางการค้าส่วนที่ยังคงคำขอให้ศาลสั่งคุ้มครองนั้นส่วนหนึ่งได้ ในคำขอให้ศาลสั่งเลิกคำสั่งตามมาตรา ๘ (๒) ผู้ควบคุมความลับทางการค้าจะขอให้ศาลสั่งทำลายหรือริบสิ่งของ เครื่องมือ เครื่องใช้ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ได้ใช้ในการละเมิดสิทธิในความลับทางการค้าด้วยก็ได้ ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้เกิดการกระจายเผยแพร่หรือการเปิดเผยความลับทางการค้าและยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ละเมิดให้แก่คนในแวดวงหรือผู้ควบคุมความลับทางการค้าตามคำสั่งศาลที่สั่ง หรือการมีผลตัดสินที่เห็นได้ชัดว่าเป็นความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิในความลับทางการค้า

มาตรา ๑๒ ในกรณีที่ผู้ควบคุมความลับทางการค้าตามคำสั่งศาลที่สั่งนั้นได้กระทำการละเมิดกรรมสิทธิ์ของผู้ละเมิดสิทธิในความลับทางการค้าแล้วแต่ผู้ควบคุมความลับทางการค้าซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดผลดีต่อความลับทางการค้าโดยใช้กรรมวิธีการผลิตหรือเป็นการสร้างของตน ให้ศาลมีอำนาจสั่งห้ามผู้ละเมิดได้ใช้ความลับทางการค้านั้นในการผลิตผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เช่นเดียวกับกรณีพิสูจน์ให้เห็นถึงการเบียดเบียน

มาตรา ๑๓ ในการกำหนดค่าเสียหายในคดีประเภทนี้ซึ่งการฟ้องศาลตามมาตรา ๘ (๒) ศาลมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

นอกจากค่าเสียหายตามค่าเสียหายแท้จริงและในความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริงแล้ว ศาลอาจกำหนดค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการเสียประโยชน์ในทางค้า หรือที่เป็นผลจากการละเมิดโดยตรงหรือในรูปแบบใดก็ตามแต่

ในกรณีที่ศาลเห็นว่าการละเมิดดังกล่าว (ก) ได้ทำการกำหนดค่าเสียหายการกระทำโดยจงใจหรือเหตุการณ์อื่นแล้ว เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายจากการเป็นความลับทางการค้า ให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ผู้ละเมิดจ่ายค่าเสียหายแทนเพื่อการลงโทษเพิ่มขึ้นจากจำนวนที่ศาลกำหนดตาม (๑) หรือ (๒) ได้ แต่ต้องไม่เกินสองเท่าของค่าเสียหายตาม (๑) หรือ (๒)

มาตรา ๑๔ การใช้สิทธิตามศาลเพื่อคุ้มครองความลับทางการค้าและการพิจารณาคดีเกี่ยวกับความลับทางการค้าของกรณีที่ไม่อยู่ในพระราชบัญญัตินี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการวิธีพิจารณาคดีหรือกฎหมายว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ และวิธีพิจารณาคดีสำหรับการค้าระหว่างประเทศ

หมวด ๓

การดูแลรักษาความลับทางการค้าโดยหน่วยงานของรัฐ

มาตรา ๑๕ ในกรณีที่มีกฎหมายกำหนดให้ต้องขออนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก หรือขายซึ่งผลิตภัณฑ์หรือสิ่งที่เกี่ยวข้องที่ใช้สิทธิตามสิทธิบัตรใหม่ ต้องแสดงข้อมูลเกี่ยวกับความลับทางการค้าซึ่ง หากข้อมูลนั้นไม่จำเป็นหรืออาจจะเป็นความลับทางการค้า ผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องเก็บรักษาไว้

การทดสอบหรือข้อมูลอื่นใดที่การจัดทำ ค้นพบ หรือสร้างสรรค์ ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก และผู้ขออนุญาตได้ขอแจ้งให้หน่วยงานของรัฐดูแลรักษาความลับทางการค้าอันสำคัญสำหรับ ให้หน่วยงานของรัฐดังกล่าวรับหน้าที่ดูแลรักษาความลับทางการค้านับจากการเปิดเผย เอาไป หรือเปิดเผยในลักษณะที่ไม่เป็นธรรม ทั้งนี้ ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด รายละเอียดความลับทางการค้าที่ต้องมีไว้กำหนดดังต่อไปนี้

ชื่อหรือลักษณะของหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลรักษาความลับทางการค้า

รายละเอียดของผลการทดสอบหรือข้อมูลอื่นที่เป็นความลับทางการค้า

กำหนดเวลาในการดูแลรักษาความลับทางการค้า

วิธีการจัดเก็บความลับทางการค้าโดยคำนึงถึงระดับของเทคโนโลยี และผลการทดสอบหรือข้อมูลอื่นที่เป็นความลับด้วย และ

หน้าที่และความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ของรัฐในการดูแลรักษาความลับทางการค้า

หมวด ๔

คณะกรรมการความลับทางการค้า

มาตรา ๑๒ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการความลับทางการค้า” ประกอบด้วย

ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานกรรมการ

อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เป็นกรรมการ

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร และเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เป็นกรรมการ กรรมการ

กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้ซึ่งมีความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในสาขานิติศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นิติศาสตร์ พาณิชยศาสตร์ แพทยศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เกษตรศาสตร์ อุตสาหกรรม หรือสาขาอื่นที่เป็นประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้จำนวนไม่เกินสิบสองคน โดยในจำนวนนี้ให้แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในภาคเอกชนอย่างน้อยสองคน ให้คณะกรรมการแต่งตั้งผู้หนึ่งซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอเป็นเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการ

มาตรา ๑๓ (ยกเลิก)

มาตรา ๑๔ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสี่ปี

ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ หรือในกรณีที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการเพิ่มเติมระหว่างที่กรรมการอื่นซึ่งได้รับแต่งตั้งมาก่อนยังดำรงตำแหน่ง ให้ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนหรือเพิ่มเติม อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งได้แต่งตั้งในลำดับ เมื่อครบกำหนดตามวาระในวรรคหนึ่ง หากยังมิได้มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใหม่ ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้น ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ามาแทนที่ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระ อาจได้รับการแต่งตั้งอีกได้ แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระไม่ได้

มาตรา ๑๙/๑ นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งเมื่อ

ตาย

ลาออก

คณะรัฐมนตรีให้ออก

บกพร่องหรือไม่สุจริตต่อหน้าที่หรือหย่อนความสามารถ

เป็นบุคคลล้มละลาย

เป็นคนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ

ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ

มาตรา ๒๐ การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม

ให้ประธานกรรมการเป็นประธานในที่ประชุม ในกรณีที่ประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานกรรมการเป็นประธานในที่ประชุม ถ้าประธานกรรมการ และรองประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม มติของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งมีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด กรรมการผู้ใดมีส่วนได้เสียในเรื่องที่พิจารณา ห้ามมิให้ผู้นั้นเข้าร่วมประชุมและลงมติในเรื่องดังกล่าว *มาตรา ๑๙/๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓ *มาตรา ๒๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕

มาตรา 21 คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้

1

เสนอความเห็นเกี่ยวกับนโยบายและมาตรการในการคุ้มครองความลับทางการค้าและนโยบายเกี่ยวกับการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับความลับทางการค้าต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เพื่อพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรี

2

ให้คำแนะนำหรือปรึกษาแก่รัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวงและระเบียบตามพระราชบัญญัตินี้

3

ไกล่เกลี่ยหรือประนีประนอมข้อพิพาทเกี่ยวกับความลับทางการค้าตามที่คู่กรณีร้องขอ

4

ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ

มาตรา 22 คณะกรรมการจะแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณา วินิจฉัย หรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่คณะกรรมการมอบหมายก็ได้

ให้บังคับมาตรา 20 มาใช้บังคับแก่การประชุมของคณะอนุกรรมการโดยอนุโลม

มาตรา 23 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ในแต่ละกรณีตามมาตรา 21

1

ให้คณะกรรมการมีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือเรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยคำด้วยวาจา หรือให้ส่งเอกสาร หรือวัตถุใด ๆ มาให้ ทั้งนี้ ตามที่จำเป็นเพื่อประโยชน์แก่การพิจารณาของคณะกรรมการ คำสั่งของคณะกรรมการดังกล่าว ต้องระบุรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่บุคคลหรือเจ้าของเอกสารหรือวัตถุจะต้องมาให้ถ้อยคำหรือส่งเอกสารหรือวัตถุให้ชัดเจน

2

ให้คณะกรรมการมีอำนาจมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อประโยชน์แก่การพิจารณาของคณะกรรมการ

มาตรา 24 การปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ถือโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ณ ภูมิลำเนา ถิ่นที่อยู่ หรือสถานที่ทำการของบุคคลนั้น หรือโดยวิธีการอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด

ในกรณีที่ไม่สามารถส่งหรือดำเนินการดังกล่าวในวรรคหนึ่งได้ หรือบุคคลนั้นออกไปนอกราชอาณาจักร ให้ถือเอาที่อยู่ตามที่แจ้งไว้แก่เจ้าพนักงาน ณ ภูมิลำเนา ถิ่นที่อยู่ หรือสถานที่ทำการของบุคคลนั้น หรือที่ทำงานที่บุคคลนั้นอยู่เป็นที่อยู่ในเขตอำนาจตามกฎหมาย หรือหากไม่สามารถส่งหรือดำเนินการดังกล่าวได้ ให้ถือเอาที่อยู่ในทะเบียนราษฎร หรือที่อยู่ใด หรืออะไรก็ตามที่อาจอยู่ในแฟ้มข้อมูลที่เจ้าพนักงานมีในขณะนั้นเป็นที่อยู่ เมื่อได้ปฏิบัติการดังกล่าวแล้ว ให้ถือว่าบุคคลนั้นได้รับหนังสือหรือเอกสารหรือสิ่งอื่นใด หรือได้รับทราบคำสั่งหรือคำวินิจฉัยของคณะกรรมการแล้ว

ส่วนใดให้ถือเป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา 25 ให้กรรมการพ้นจากบัญชีผู้มีอำนาจหน้าที่ในการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ เมื่อมีความลับทางการค้าหรือการดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความลับทางการค้า หรือการศึกษา การทำข้อมูล และดำเนินกิจการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับงานของคณะกรรมการ ตลอดจนการปฏิบัติการในที่เป็นไปตามมติของคณะกรรมการ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้การปฏิบัติหน้าที่ของผู้มีอำนาจและปฏิบัติการดังกล่าวที่คณะกรรมการอนุญาต

มาตรา ๒๖ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้กรรมการเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

หมวด ๕

พนักงานเจ้าหน้าที่

มาตรา ๒๗ ในการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับกฎหมายพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดังต่อไปนี้

เข้าไปในอาคาร สถานที่ทำการ สถานที่ผลิต สถานที่เก็บสินค้า หรือยานพาหนะใด เพื่อตรวจค้น หรือตรวจสอบ เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าอาจมีสิ่งของที่ได้มา หรือได้มาโดยการกระทำความผิด หรือได้ไปในการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ประกอบกับมีเหตุอันควรเชื่อว่าเอกสารหรือวัตถุอื่นอาจเป็นพยานหลักฐานในการกระทำความผิด หรือเพื่อการดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ ในเวลาระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของสถานที่นั้น

ยึดหรืออายัดเอกสาร หรือสิ่งของที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดได้ในกรณีมีเหตุอันควรเชื่อว่าเป็นการกระทำความผิด ในกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่าการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๒๘ ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้บุคคลที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกตามสมควร

มาตรา ๒๙ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา ๒๗ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง

บัตรประจำตัวตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๓๐ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

หมวด ๖

บทกำหนดโทษ

มาตรา ๓๑ ผู้ใดขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๒๗ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 32 ผู้ใดไม่อำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 29 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 33 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งโดยชอบในประการที่เกี่ยวกับการดำเนินการกับสินค้าหรือบริการที่เป็นอันตรายต่อการค้า โดยเจตนาอันเป็นเหตุให้ผู้ควบคุมความลับทางการค้าได้รับความเสียหายในการประกอบธุรกิจ ไม่ว่าจะกระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร การกระจายเสียง หรือการแพร่ภาพ หรือการเปิดเผยด้วยวิธีอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 34 ผู้ใดโดยเหตุที่ตนมีตำแหน่งหน้าที่ในการดูแลรักษาความลับทางการค้าตามระเบียบที่ออกตามความในมาตรา 4 วรรคหนึ่ง เปิดเผยหรือใช้ความลับนั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 35 ผู้ใดเปิดเผยหรือใช้ความลับทางการค้าของผู้อื่นโดยมิชอบจากการกระทำความผิดตามมาตรา 33 หรือมาตรา 34 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 36 ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดเป็นนิติบุคคล ถ้าการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้นเกิดจากการสั่งการ การกระทำ หรือไม่สั่งการหรือไม่กระทำการอันเป็นหน้าที่ที่พึงกระทำของกรรมการผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น ให้ถือว่าบุคคลตามที่บัญญัติไว้สำหรับการกระทำผิดนั้น ๆ ด้วย

มาตรา 37 ความผิดตามมาตรา 33 และมาตรา 34 เป็นความผิดอันยอมความได้

มาตรา 38 ความผิดตามมาตรา 33 และมาตรา 34 คณะกรรมการอาจมีคำสั่งเปรียบเทียบได้ และในกรณีนี้ ให้คณะกรรมการมอบอำนาจให้เลขาธิการหรือรองเลขาธิการคนหนึ่งคนใด หรือพนักงานสอบสวน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการเปรียบเทียบได้ โดยอาศัยหลักเกณฑ์ในการเปรียบเทียบ หรือเงื่อนไขประการใด ๆ ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติความลับทางการค้า (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 ภายใต้บังคับกระบวนการสอบสวน ถ้าพนักงานสอบสวน พบว่าบุคคลใดกระทำ ความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ และบุคคลนั้นยินยอมเปรียบเทียบ ให้พนักงานสอบสวนส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการพิจารณาการเปรียบเทียบตามพระราชบัญญัตินี้ และในกรณีเช่นนั้น แทนที่ผู้นั้นแสดงความยินยอมให้เปรียบเทียบ เมื่อผู้กระทำความผิดได้ชำระค่าปรับตามจำนวนเปรียบเทียบภายในระยะเวลาที่ กำหนดแล้ว ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามพระราชบัญญัตินี้ และให้ส่งเงินค่าปรับดังกล่าวให้กระทรวงการคลัง ถ้าผู้กระทำความผิดไม่ยอมตามที่เปรียบเทียบ หรือยินยอมแล้วแต่ไม่ชำระ ค่าปรับภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ดำเนินคดีต่อไป บทเฉพาะกาล

มาตรา ๑๙ พระราชบัญญัตินี้ไม่ใช้บังคับแก่การเปิดเผย เอาไป หรือโฆษณาความลับ ทางการค้าก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ สินค้าสำเร็จรูป เข้าไป หรือส่งออกก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ และเป็นสินค้า ที่ได้สมัครพระราชบัญญัติ ให้ผู้ครอบครองขายหรือส่งออกให้ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ ใช้บังคับ

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ``` - ๒ - สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ประเทศไทยมีนโยบายการส่งเสริมการประกอบธุรกิจให้เป็นไปอย่างเสรี และป้องกันมิให้เกิดการกระทำที่ไม่เป็นธรรมในการประกอบธุรกิจ ประกอบกับกฎหมายที่ว่าด้วยการแข่งขันทางการค้าในประเทศไทยไม่ครอบคลุมถึงความรับผิดในการละเมิดความลับทางการค้า จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๔๒ มีบทบัญญัติบางประการที่เป็นอุปสรรคต่อการแต่งตั้งและการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการการแข่งขันทางการค้า ดังที่ปรากฏในรายงานของผู้ดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของการแข่งขันทางการค้าและผู้ปฏิบัติงานโดยเฉพาะ ซึ่งส่งผลให้ไม่สามารถอำนวยความสะดวกในการบริหารงานตามพระราชบัญญัตินี้ ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน สมควรปรับปรุงบทบัญญัติดังกล่าวให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ กฤษฎาอุทัย/รัชฎาภรณ์ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ ```