로고

การรับขนของทางทะเล พ.ศ. ๒๕๔๘ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘ เป็นปีที่ ๖๐ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการรับขนของทางทะเล จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอม ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติการรับขนของทางทะเล พ.ศ.

๒๕๔๘”

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศ

ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้

“ผู้ส่งของ” หมายความว่า บุคคลซึ่งประกอบการรับขนของทางทะเลเพื่อจำนำหนึ่ง เป็นทางหลักปกติ โดยทำสัญญารับขนของทางทะเลกับผู้ส่งของ “ผู้ส่งอื่น” หมายความว่า บุคคลซึ่งได้เป็นผู้สัญญาผู้ส่งของในสัญญารับขน ของทางทะเล แต่ที่ประสงค์จะขนของทางทะเลให้ทำการส่งมอบของตามสัญญาเพียงเพื่อให้การ ขนส่งของนั้นสำเร็จ และให้หมายความรวมถึงบุคคลที่เป็นผู้ส่งอื่นซึ่งผู้ส่งของได้มอบหมายให้ทำการ ขนส่งของนั้นด้วย ไม่ว่าจะมีการมอบหมายอย่างใดก็ตามที่กฎหมาย แต่ทั้งนี้ ไม่รวมถึงบุคคลที่ได้รับ มอบอำนาจโดยตรงสำหรับวัตถุประสงค์บางประการในธุรกิจการรับขนของทางทะเล ให้เป็นไปตาม ข้อตกลงหรือเงื่อนไขในกรณีที่เป็นการขนส่งของทางทะเลที่มีการขนส่งต่อเนื่อง เช่น การขนส่ง เข้าเมือง พิธีการศุลกากร การนำส่ง การนำเข้า การออกจากท่า การบรรทุกของลงเรือ การถ่าย ของขึ้นจากเรือ หรือการส่งมอบของในลักษณะอื่นเป็นต้น “ผู้ส่งของ” หมายความว่า บุคคลซึ่งได้เป็นผู้สัญญาผู้ส่งของในสัญญารับขนของทาง ทะเล “ผู้รับตราส่ง” หมายความว่า (ก) บุคคลซึ่งมีชื่อระบุไว้ในใบตราส่งว่าเป็นผู้รับตราส่ง หรือผู้รับของสำหรับใบตราส่งที่ออกให้บุคคลดังกล่าว (ข) ผู้รับสลักหลังใบตราส่ง สำหรับใบตราส่งที่ออกให้แก่บุคคลเพื่อส่งต่อหรือใน ตราส่งต่อให้แก่บุคคลโดยนาม และไม่มีข้อห้ามการสลักหลังไว้ หรือ (ค) บุคคลซึ่งมีชื่อระบุเป็นผู้รับของ ในกรณีที่ไม่มีการออกใบตราส่งหรือออก เอกสารที่ชื่อเรียกอย่างอื่น “ของ” หมายความว่า สัตว์ทุกชนิด สิ่งมีชีวิต รวมทั้งพืช และหมายความรวมถึง ผู้จัดหามาเพื่อใช้ในการขนส่งด้วย “การขนส่ง” หมายความว่า ขนสินค้า ไม่ว่าจะบรรจุหีบห่อ หรือสิ่งอื่นที่ลักษณะทำนอง เดียวกันนี้ในระวางเรือหรือระวางรถ หรือใช้รวมหมายถึงการส่งของหลายท่านอย่างเดียวกัน เพื่อ ประโยชน์ในการขนส่งทางทะเล “หน่วยการขนส่ง” หมายความว่า หน่วยแห่งธุรกิจที่มีส่วนทางทะเลลำหนึ่งเป็นทรัพย์ และแต่ละหน่วยของการขนส่งไปมาจากจุดหนึ่ง เช่น ระวาง ชั้น ตู้ บิน ลัง ลูก ท่อ หรือ อื่น ๆ อัน หรือหน่วยที่เรียกชื่ออย่างอื่น “สัญญารับขนของทางทะเล” หมายความว่า สัญญาซึ่งผู้ขนส่งรับขนของทางทะเล จากท่าหนึ่งหรือในประเทศหนึ่งไปยังท่าหนึ่งหรือในประเทศหนึ่ง “ค่าตอบแทนค่าภาระ” หมายความว่า ค่าใช้จ่ายที่ผู้ขนส่งมีสิทธิได้รับโดยควร ในระหว่างการขนส่ง ซึ่งรวมถึงการเก็บค่าภาระและค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง และให้ หมายความรวมถึงเงินที่ผู้ขนส่งมีสิทธิได้รับในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขสัญญา ขนส่งทางทะเลซึ่งผู้ขนส่งจะเรียกได้ เช่น การรับราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเนื่องจาก ภาวะดัชนีของที่มีราคาสูงขึ้นหรือที่มีราคาต่ำลงอย่างยาวนาน หรือการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน เงินตราต่างสกุลเป็นต้น “ใบตราส่ง” หมายความว่า เอกสารที่ผู้ส่งออกให้แก่ผู้ส่งของเป็นตราสารแห่ง สัญญารับขนของทางทะเลแสดงว่าผู้ส่งของส่งทรัพย์ที่ระบุในใบตราส่งไว้ในความดูแลหรือได้ บรรทุกของลงเรือแล้ว และผู้ขนส่งที่ระบุชื่ออยู่ในตราสารดังกล่าวไม่อาจปฏิเสธการคืนเงิน ในตราส่ง

มาตรา ๖ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับกับการขนส่งทางทะเลจากที่แห่งหนึ่งใน ราชอาณาจักรไปยังที่อีกแห่งหนึ่งในราชอาณาจักร หรือจากที่แห่งหนึ่งในราชอาณาจักรไปยังที่ แห่งหนึ่งในราชอาณาจักร เว้นแต่การขนส่งในน่านน้ำไทยซึ่งเป็นการขนส่งระหว่างท่าเรือใน ราชอาณาจักรซึ่งอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกันหรือในเขตจังหวัดใกล้เคียงกัน ถ้าบุคคลที่มีส่วนได้เสียใน ใบตราส่งตกลงกันเป็นหนังสือว่าให้ใช้กฎหมายอื่นบังคับ ก็ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้บังคับเป็นอย่างอื่น

ในกรณีที่เป็นการขนส่งโดยไม่คิดค่าระวาง ผู้ขนส่งไม่ต้องรับผิดตามพระราชบัญญัตินี้ แต่ต้องมีการออกใบตราส่ง ใบรับของ หรือเอกสารอื่นที่กำหนดหลักฐานผู้ขนส่งต่อพยานไว้เป็นตราส่ง ใบรับของ หรือเอกสารอื่นนั้น ว่าผู้ส่งได้ส่งของนั้น จึงจะเป็นเอกสารที่ใช้ยืนยันบุคคลธรรมดาเป็นผู้รับตราส่ง หรือรับโอนสิทธิในตราส่ง ใบรับของ หรือเอกสารดังกล่าวได้

มาตรา ๕ พระราชบัญญัตินี้ไม่ใช้บังคับแก่การขนส่งของทางการทหารหรือทางการอื่นใดที่เหมาะสมควรบรรทุกของไว้ในลำเรือหรือรถยนต์ แต่ถ้ามีการออกใบตราส่งหรือเอกสารอื่นที่มีความหมายเป็นตราส่ง ให้ถือว่าเป็นการขนส่งที่อยู่ในบังคับแห่งพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๖ สัญญารับขนของที่มีการขนส่งทางทะเลและทางอื่นรวมอยู่ด้วยให้อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัตินี้เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการขนส่งทางทะเลเท่านั้น

มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมวด ๓

หน้าที่และสิทธิของผู้ขนส่ง

มาตรา ๘ ก่อนบรรทุกของลงเรือหรือก่อนเรืออื่นจะออกเดินทาง ผู้ขนส่งมีหน้าที่ที่ต้อง

ทำให้เรืออยู่ในสภาพที่สามารถเดินทะเลได้อย่างปลอดภัยในเส้นทางเดินเรือนั้น

จัดให้มีคนประจำเรือ เครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องอุปกรณ์ และสิ่งจำเป็นให้เหมาะสมแก่ความต้องการสำหรับเรือนั้น และ

จัดสรรความราบรื่นและส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับเรือของให้เหมาะสมและปลอดภัยตามสภาพแห่งของที่จะขนส่ง เช่น เครื่องปรับอากาศ ท่อเย็น เป็นต้น ในการปฏิบัติตามที่กำหนดมาตรานี้ ผู้ขนส่งต้องกระทำการทั้งในขั้นเริ่มแรกและระหว่างการขนส่งตามความจำเป็นสำหรับผู้ประกอบการขนส่งทางทะเลเท่านั้น

มาตรา ๙ ถ้าสัญญาขนส่งของใดอยู่ภายใต้บังคับแห่งมาตรา ๘ ให้ถือว่าผู้ขนส่งบรรทุกของลงเรือหรือเรืออื่นก่อนออกเดินทาง และผู้ขนส่งต้องปฏิบัติตามหน้าที่ดังกล่าว โดยเรือที่ผู้ขนส่งใช้ต้องมีสภาพที่พร้อมตามความจำเป็นของการขนส่งทางทะเล

มาตรา ๑๐ ผู้ขนส่งต้องใช้ความระมัดระวังและปฏิบัติตามหน้าที่ของตนในการบรรทุกของเรือ การถ่ายของ การเคลื่อนย้าย การเก็บรักษา การดูแลและการส่งมอบสิ่งของที่ตกเป็นหน้าที่ขนส่ง

มาตรา 13 ผู้ขนส่งมีสิทธิบรรทุกของบนภาชนะเฉพาะในกรณีที่ได้ตกลงกับผู้ส่งของ หรือเป็นการระทำตามที่กฎหมายบัญญัติ หรือเป็นการปฏิบัติตามประเพณีทางการค้าเกี่ยวกับการบรรทุกของเช่นนั้น

ถ้าผู้ขนส่งและผู้ส่งของตกลงกันให้บรรทุกหรือขนของบรรทุกของบนภาชนะใด ผู้ขนส่งต้องแจ้งข้อความดังกล่าวไปในตราสารหรือเอกสารอื่นอันเป็นหลักฐานแสดงข้อตกลงของทางฝ่ายใดในกรณีที่ไม่มีการออกใบตราส่ง ถ้าไม่มีการตกลงเช่นว่านั้นในใบตราส่งหรือเอกสารอื่นตามวรรคสอง หากผู้ขนส่งข้างส่งข้อความดังกล่าวในใบตราส่งที่ผู้อื่นซึ่งมิใช่ผู้ส่งของลงนามในฐานะผู้รับของหรือบุคคลอื่นอาจสันนิษฐานได้โดยสุจริตว่าข้อความนั้นเป็นจริง ถ้าการบรรทุกของบนภาชนะกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือในกรณีที่ไม่ได้ตกลงข้อความดังกล่าวในใบตราส่งหรือเอกสารอื่นตามวรรคสาม ให้เป็นไปตามบัญญัติในมาตรา 45

มาตรา 45 มาตรา 48 มาตรา 54 หรือมาตรา 62 มาใช้บังคับ

ถ้าผู้ขนส่งบรรทุกของขึ้นบนภาชนะตามที่ผู้ส่งของให้บรรทุกของในใบตราส่ง ถ้าผู้ขนส่งบรรทุกของขึ้นบนภาชนะตามที่ผู้ส่งของให้บรรทุกของในใบตราส่ง ให้ถือว่าผู้ส่งของยอมรับการจัดของในระหว่างการตามมาตรา 20 (2)

มาตรา 12

มาตรา 12 เมื่อผู้ขนส่งได้รับของไปในความดูแลแล้ว ถ้าผู้ส่งของเรียกเอาใบตราส่ง ผู้ขนส่งต้องออกให้

มาตรา 13 เมื่อได้บรรทุกของลงเรือเสร็จแล้ว ถ้าผู้ส่งของเรียกเอาใบตราส่งชนิด “บรรทุกแล้ว” ผู้ขนส่งต้องออกให้

มาตรา 14 เมื่อได้ขนของไปถึงท่าปลายทางหรือที่หมายปลายทางที่ตกลงกันไว้และพร้อมที่จะส่งมอบของนั้นแล้ว ผู้ขนส่งมีสิทธิได้รับค่าระวางและอุปกรณ์แห่งค่าระวาง เว้นแต่จะมีข้อความตกลงในใบตราส่งหรือในเอกสารที่ไม่ในสัญญารับขนของทางทะเล

มาตรา 15 ผู้ส่งของซึ่งชำระค่าระวางไว้ล่วงหน้าจงใจฉ้อฉลว่าค่าระวางและอุปกรณ์แห่งค่าระวาง หรือจำนวนผู้บรรทุกจะต้องให้เป็นไปประกันตามควร

มาตรา 16 เมื่อของไปถึงท่าปลายทางหรือที่หมายปลายทางที่ตกลงกันไว้แล้ว ผู้ขนส่งต้องบอกกล่าวแก่ผู้รับตราส่งโดยไม่ชักช้า

มาตรา 17 ข้อกำหนดใดในสัญญารับขนของทางทะเลซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อมิให้ได้ตรวจหรือโดยปริยายต้องไปใช้ ข้อกำหนดนั้นเป็นโมฆะ

1

ปิดล้อมสิทธิของเจ้าของเรือหรือความรับผิดใด ๆ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติ

2

กำหนดความรับผิดของผู้ขนส่งให้เหนือกว่าที่กำหนดไว้ในมาตรา 45 หรือมาตรา 20 (ล) ปิดกระดาษพิสูจน์ซึ่งพระราชบัญญัตินี้กำหนดให้เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชา ส่งจดหมายตอบกลับถึงผู้พิสูจน์ (ฉ) ให้บุคคลซึ่งมีผู้รับประโยชน์ในสัญญาประกันภัยและมีผลของสัญญาประกันภัยทางทะเลอันเป็นวัตถุที่ขอประกันภัย ความในส่วนละเว้นข้อกำหนดตามวรรคหนึ่งไม่กระทบต่อสิทธิ์ของความสมบูรณ์ของ ข้อกำหนดที่มิได้ละเว้น และให้ถือว่าข้อกำหนดที่มิได้ละเว้นนั้นมีผลบังคับใช้แยกจาก ข้อกำหนดที่ขัดไม่สมควรตามวรรคหนึ่ง บทบัญญัติในมาตรานี้ไม่ตัดสิทธิ์หรือข้อผูกพันของผู้รับประกันภัยที่จะได้รับการตอบสนองผู้รับผลกำไรภายใต้บทบัญญัติในพระราชบัญญัตินี้

หมวด 2

ใบตราส่ง

มาตรา 14 ในตราส่งแห่งใดตราสารการ ตั้งต่อไปนี้

(ก) ลักษณะหัวไปในแห่งของ เครื่องหมายที่จำเป็นเพื่อบ่งบอกตัวของ "ข้อความที่แจ้ง ลักษณะบ่งบอกแห่งของ ทางของเรือ จำนวนแห่งการบรรจุ และหน้าที่ของหรือวันเวลาของอื่นๆ ทั้งนี้ ตามผู้ส่งของหรือผู้จัดให้ (ข) สถานแห่งของเท่าที่เห็นได้จากกายภาพ (ค) ชื่อและสำนักงานของผู้ส่งมอบ (ง) ชื่อของผู้ส่งของ (จ) ชื่อของผู้รับตราส่ง ถ้าผู้ส่งของระบุไว้ (ฉ) ค่าระวางเท่าที่ผู้รับตราส่งจะต้องจ่าย หรือข้อความแสดงว่าผู้รับตราส่งเป็นผู้จ่าย ค่าระวางและค่าเรือเสียสละในการบรรทุกของและเรือ ณ ท่าต้นทาง (ช) ท่าปลายทางที่บรรทุกของลงเรือจากสัญญารับขนของทางทะเลและวันที่ผู้ส่งรับ ของเข้ามาอยู่ในความดูแล (ซ) ท่าปลายทางที่ซึ่งสายของเรือจากสัญญารับขนของทางทะเล (ฌ) ข้อความแห่งวรรคข้างบนนี้ในบรรทุกบนใบตราส่งหรือวรรคข้างบนในกระจาง ได้ (ญ) วันหรือระยะเวลาส่งมอบของ ณ ท่าปลายทางที่ซึ่งสายของเรือ ถ้า ผู้ส่งของได้ตกลงกันไว้ (ฎ) ข้อจำกัดความรับผิดชอบที่ทำหน้าที่ในใบตราส่งตามมาตรา 6 (ฏ) สถานที่และวันย่อยในตราส่ง (ฐ) จำนวนต้นฉบับในตราส่งที่ออก (ฑ) ลายมือชื่อผู้ส่งมอบหรือผู้นำส่ง

มาตรา 15 ในตราส่งที่เป็น "บรรทุกแต่ละ" ตามมาตรา 13 นอกจากข้อความตามมาตรา 14 แล้ว ให้ระบุชื่อเรือที่บรรทุกแต่ละและวันที่บรรทุกแต่ละเรือเสร็จสิ้นด้วย

มาตรา ๒๐ ในกรณีที่ผู้ขนส่งได้ออกใบตราส่งหรือเอกสารสิ่งอื่นที่เกี่ยวข้องกับของให้แก่ผู้ส่งของไว้ก่อนบรรทุกของลงเรือ ถ้าผู้ส่งของได้คืนหรือนำใบตราส่งชนิด “บรรทุกแล้ว” ผู้ขนส่งต้องคืนใบตราส่งหรือเอกสารดังกล่าวให้แก่ผู้ส่งของเพื่อแลกกับใบตราส่งชนิด “บรรทุกแล้ว” ในการนี้ผู้ขนส่งอาจทำให้บันทึกในใบตราส่งหรือเอกสารดังกล่าวให้เป็นใบตราส่งชนิด “บรรทุกแล้ว” ก็ได้ ถ้าในกรณีที่ตราส่งหรือเอกสารที่แก้ไขแล้วนั้นมีรายการต่าง ๆ ครบถ้วนตามที่ใบตราส่งชนิด “บรรทุกแล้ว” จะพึงมี

มาตรา ๒๑ ในตราส่งที่ออกโดยผู้ขนส่งมีรายการไม่ครบตามที่ระบุในมาตรา ๑๘ หรือมาตรา ๑๙ ในตราส่งนั้นย่อมมีสภาพถูกต้องตามกฎหมายเช่นเป็นใบตราส่ง ถ้ามีข้อความอื่นที่แสดงถึงการตราส่งตามมาตรา ๑๘

มาตรา ๒๒ ในตราส่งที่ได้ไม่มีข้อความตามมาตรา ๑๘ (๒) ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ขนส่งจะไม่ต้องนำส่งค่าระวางและค่าเรือเสียในกรณีบรรทุกของลงเรือ ณ ท่าเทียบเรือ แต่ถ้าในตราส่งนั้นได้บ่งไว้เป็นผู้รับตราส่งหรือบุคคลภายนอกซึ่งได้กระทำการโดยสุจริตโดยถือเป็นใบตราส่งนั้น ห้ามมิให้ผู้ขนส่งพิสูจน์เป็นอย่างอื่น

มาตรา ๒๓ ในกรณีที่ผู้ส่งของหรือผู้รับของหรือให้ส่งข้อความในใบตราส่งเกี่ยวกับลักษณะทั่วไปของของ เครื่องหมายที่อยู่บนหีบห่อ จำนวนแห่งหีบห่อ น้ำหนักของหรือปริมาณของของ ถ้าผู้ขนส่งมิได้ตรวจสอบโดยปกตินิยมอยู่แล้ว หรือมิได้ตรวจสอบจริงในกรณีที่มีการออกใบตราส่งชนิด “บรรทุกแล้ว” หรือไม่อาจตรวจสอบความถูกต้องแจ้งจริงของรายการดังกล่าวในใบตราส่งโดยวิธีการอันสมควรแล้วและพิสูจน์การเป็นความจริงนั้นไม่ได้ บุคคลผู้ส่งของนั้นย่อมรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้ขนส่งหรือผู้รับตราส่งหรือผู้ถือใบตราส่งที่ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าวแล้ว แต่บันทึกตราส่ง

มาตรา ๒๔ ถ้าผู้ขนส่งหรือบุคคลอื่นซึ่งออกใบตราส่งในนามของผู้ขนส่งมิได้บันทึกสถานะแห่งของเช่นที่เห็นได้จากภายนอกไว้ในใบตราส่ง ให้ถือว่าของตามใบตราส่งนั้นมีสภาพภายนอกเรียบร้อย

มาตรา ๒๕ ถ้าได้บันทึกกับข้อความในใบตราส่งตามมาตรา ๒๓ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ขนส่งได้รับของไว้พร้อมในสภาพของลงเรือในสภาพที่เป็นไปในใบตราส่งชนิด “บรรทุกแล้ว” ทั้งนี้ ตามรายการที่แก้ไขไว้ในใบตราส่งนั้น แต่ถ้าใบตราส่งได้บ่งไว้เป็นผู้รับตราส่งหรือบุคคลภายนอกซึ่งได้กระทำการโดยสุจริต โดยถือข้อความในใบตราส่งนั้นแล้ว ห้ามมิให้ผู้ขนส่งพิสูจน์เป็นอย่างอื่น

มาตรา 26 ในกรณีที่ให้ออกใบตราส่งให้แก่กันไว้ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขนส่งกับผู้รับตราส่งในเรื่องที่หายเกี่ยวกับการขนส่งของที่ระบุไว้ในใบตราส่งนั้น ให้เป็นไปตามข้อกำหนดในใบตราส่ง

มาตรา 27 ใบตราส่งในแม้จะให้ออกให้แก่บุคคลใดโดยมาสลักหลังโอนใบให้ได้โดยการสลักหลัง เงินแทนจะถือว่าผู้ที่ตามหลังการสลักหลังได้เป็นเจ้าของนั้น

มาตรา 28 เมื่อของในใบตราส่งให้แก่กันไว้แล้ว ผู้รับตราส่งจะร้องขอให้ส่งของของให้ต่อมือเองคนในใบตราส่งแทนผู้ส่งหรือให้ประกันตามควร

มาตรา 29 ในกรณีที่ให้ออกใบตราส่งให้แก่กันไว้โดยมีต้นฉบับมากกว่าหนึ่งฉบับและของได้ถึงที่ปลายทางหรือที่หมายปลายทางแล้ว

(ก) แม้ผู้รับตราส่งจะนำต้นฉบับใบตราส่งมาแสดงคืนเพียงฉบับเดียว ผู้ขนส่งก็ต้องส่งมอบของให้ และเมื่อผู้ส่งของขอใบตราส่งฉบับอื่น ๆ ที่ยังไม่คืนฉบับนั้นเป็นอันผล (ข) ก่อนที่จะถึงในระหว่างการส่งมอบของ ถ้ามีกรณีว่าผู้รับตราส่งนำต้นฉบับที่มีมากกว่าหนึ่งฉบับมาแสดงคืน ผู้ขนส่งจะต้องส่งมอบของให้แก่ผู้ที่นำต้นฉบับใบตราส่งมาแสดงคืนก่อน และถ้าผู้ขนส่งส่งมอบของให้แก่ผู้ที่นำใบตราส่งมาแสดงคืนในภายหลัง ผู้ขนส่งจะต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้ที่นำใบตราส่งมาแสดงคืนก่อน

มาตรา 30 ในกรณีที่ผู้ส่งของส่งของไปโดยที่ยังไม่ได้รับใบตราส่งทั้งหมด ผู้ส่งของต้องรับผิดต่อผู้รับตราส่งถึงสิ่งของในใบตราส่งที่ยังไม่ได้คืน

หมวด 3

หน้าที่และสิทธิของผู้ส่งของ

มาตรา 31 ผู้ส่งของไม่ต้องรับผิดเกี่ยวกับการที่ผู้ขนส่งหรือผู้รับส่งอื่นได้รับความเสียหายหรือการที่สิ่งเสียหาย เว้นแต่จะเป็นเหตุจากความผิดของผู้ส่งของหรือตัวแทนหรือผู้ทำการของผู้ส่งของหรือความยินยอมของผู้ส่งของ โดยผู้ส่งของไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือประเพณีการค้ากลเกี่ยวกับการส่งของนั้น

มาตรา 32 ผู้ส่งของต้องให้ข้อความหรือข้อมูลตามมาตรา 6 เพื่อให้ผู้ส่งบันทึกข้อความนั้นไว้ในใบตราส่ง และเมื่อได้บันทึกข้อความนั้นไว้แล้ว ผู้ส่งของต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้ขนส่งหรือผู้รับตราส่งเนื่องมาจากข้อความหรือข้อมูลนั้นไม่ถูกต้อง

ถ้ามีความเสียหายใด ๆ เกิดขึ้นเนื่องจากความไม่ถูกต้องแท้จริงของข้อความตามวรรคหนึ่ง ผู้ส่งของต้องรับผิดชดใช้ความเสียหายให้แก่ผู้รับส่ง แม้ว่าผู้ส่งของจะได้แจ้งในตราสารนั้นให้แก่บุคคลภายนอกในลักษณะใดก็ตาม แต่ทั้งนี้ ผู้ส่งของยังคงต้องรับผิดตามสัญญาของตนตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๓๓ ขอให้มีสาระสำคัญที่จะต้องทำให้เกิดความเข้าใจ เช่น ไว้ใน หรือขอให้มีการแจ้ง หรืออาจเป็นอันตรายโดยประการใด ผู้ส่งของต้องทำคำชี้แจงความจำเป็นตามพระราชบัญญัตินี้ไว้ว่า ขอบังคับบรรยาย

เมื่อส่งของตามตราสารหนึ่งให้แก่บุคคลส่งหรือผู้รับส่งของ ผู้ส่งของต้องแจ้งเหตุแห่งการส่งหรือผู้รับส่งของในสาระสำคัญของตราสารแห่งนั้น และในกรณีที่ผู้ส่งของส่งของนั้นถึงผู้รับส่งของ ให้ผู้ส่งของแจ้งข้อความระบุนั้นและชื่อป้ายกับอันตรายให้ทราบด้วย

มาตรา ๓๔ ถ้าผู้ส่งของไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๓๓ และผู้รับส่งของหรือผู้ส่งของอื่นไม่ทราบถึงสภาพอันตรายแห่งของนั้น สิทธิและหน้าที่ของผู้ส่งของ ผู้รับส่งของ และผู้ส่งของอื่นให้เป็นไปดังต่อไปนี้ (๑) ไม่ว่าเวลาใด ๆ ผู้รับส่งหรือผู้ส่งของอื่นอาจขายของนั้นในลักษณะเร่งรีบ ทำลาย หรือทำให้หมดฤทธิ์ ตามความจำเป็นแห่งกรณี โดยไม่ต้องขอให้ศาลสั่งในกรณีที่ (๒) ผู้รับส่งของหรือผู้ส่งของอื่นต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นอันเป็นผลเนื่องจากการขายของนั้น ตามความจำเป็นแห่งกรณีต่าง ๆ

มาตรา ๓๕ แม้ผู้ส่งของจะได้ปฏิบัติตามมาตรา ๓๓ แล้ว หรือผู้รับส่งของหรือผู้ส่งของอื่นได้รับบรรยายความตามมาตรา ๓๓ วรรคหนึ่ง โดยรู้ถึงความจำเป็นแห่งกรณีแล้วก็ตาม แต่ในกรณีที่สาระสำคัญของของนั้นเกินไปจนจะก่ออันตรายต่อชีวิตหรือทรัพย์สินอย่างแน่ชัด ผู้รับส่งหรือผู้ส่งของอื่นอาจขายของนั้นขึ้นจากเรือ ทิ้งทะเล หรือทำให้หมดฤทธิ์ตามความจำเป็นแห่งกรณีได้ โดยไม่ต้องขอให้ศาลสั่งในเหมือนกัน เว้นแต่ในกรณีที่ผู้ส่งของรับผิดตามมาตรา ๓๓ โดยไม่อาจอ้างข้อความในความรับผิดตามมาตรา ๓๔ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ หรือมาตรา ๓๗ ได้

มาตรา ๓๖ ในระหว่างที่ของอยู่ในความดูแลของผู้รับส่ง ผู้รับส่งของจะต้องให้ผู้ส่งของเกิดการเสียหายอันเป็นลักษณะผิดพลาด รับทราบและแจ้งให้ผู้รับส่งทราบ หรือจัดการเก็บรักษาไว้ในลักษณะหรือวิธีอื่น ๆ แต่ต้องแจ้งความผิดพลาดนั้นให้ผู้ส่งของทราบโดยไม่ชักช้า ในกรณีที่ของนั้นเสียหายได้รับค่าใช้จ่ายที่ได้เสียไปเพื่อจัดการในการบอกแจ้ง หรือความเสียหายของผู้ส่งของและเสียค่าใช้จ่ายตามส่วนแห่งระยะทางที่ได้จัดการขนส่งไปแล้ว

ถ้าได้จัดการไปตามคำสั่งของผู้ส่งของ ผู้รับส่งของย่อมไม่ต้องรับผิดในกรณีทั้งหลายทั้งปวง ผู้ส่งของต้องรับผิดต่อผู้รับส่งตามส่วนที่ได้บรรยายไว้ในตราสารส่งของนั้นไม่ได้แก้ไข

มาตรา ๓๗ ถ้าผู้ส่งหรือผู้ส่งของอื่นได้รับความเสียหายเนื่องจากการผิดพลาดประมาทเลินเล่อของผู้รับส่ง ผู้รับส่งต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ส่งของหรือผู้ส่งของอื่นตามความเสียหายที่เกิดขึ้นในกรณีนั้นและผู้รับส่งต้องจัดให้มีความสะดวกพร้อมทั้งแจ้งให้ทราบถึงสภาพโดยทั่วไปของความเสียหายที่กล่าวมาในคำบอกนั้นเป็นต้นแต่ในกรณีที่ได้ความเสียหาย หรือขัดแย้งต่อ

มาตรา ๔๐ แล้วแต่กรณีใจจะเชื่อวันหลัง มิฉะนั้นให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ขนส่งหรือผู้ขนส่งอื่นไม่ได้รับความเสียหายนั้น

มาตรา ๔๗ ในกรณีที่ผู้ส่งของให้ผู้ขนส่งหรือแทนออกใบตราส่งให้แก่ตนโดยไม่ต้องรับใบตราส่งมาเกี่ยวกับรายการใด ๆ ในใบตราส่งและให้ใบตราส่งถือว่าผู้ขนส่งหรือผู้ส่งของได้แจ้งหรือจัดให้ หรือถือเป็นเรื่องตามที่เกี่ยวกับรายการในใบตราส่งนั้น คำรับรองหรือคำรับรองหรือกล่าวยินยอมต่อใต้ลายลักษณ์อักษรอันเกิดจากการออกใบตราส่งนั้น คำรับรองหรือข้อความดังกล่าวจะใช้ยืนยันหรือรับรองการออกใบตราส่งนั้นในปราศจากนี้

หมวด ๔

ความรับผิดของผู้ขนส่ง

มาตรา ๔๘ ภายใต้บังคับมาตรา ๔๕ มาตรา ๔๖ มาตรา ๔๗ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ผู้ขนส่งที่ต้องรับผิดเพื่อความเสียหายอันเนื่องจากการที่ของซึ่งได้รับมอบจากผู้ขนส่ง สูญหาย เสียหาย หรือมีการล่าช้าของการขนส่ง ผู้ขนส่งต้องชดใช้ค่าเสียหาย เสียหาย หรือการส่งมอบช้าอันเป็นไปตามที่กำหนดในสัญญาหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อประโยชน์ของผู้ขนส่ง ให้ถือว่าผู้ขนส่งได้ส่งมอบของซึ่งผู้ส่งของส่งให้แก่ผู้ขนส่งได้รับมอบไว้ในสภาพที่สมบูรณ์ หรือความเสียหายที่เกิดขึ้นในระหว่างการขนส่งอันเกิดจากเหตุที่อยู่ในอำนาจของผู้ขนส่งหรือผู้แทนของผู้ขนส่งเอง หรือผู้ขนส่งได้ส่งมอบของซึ่งผู้ส่งของส่งให้แก่ผู้ขนส่งได้รับมอบไว้ในสภาพที่สมบูรณ์ หรือความเสียหายที่เกิดขึ้นในระหว่างการขนส่งอันเกิดจากเหตุที่อยู่ในอำนาจของผู้ขนส่งหรือผู้แทนของผู้ขนส่งเอง

มาตรา ๔๙ ในกรณีดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าผู้ขนส่งได้ส่งมอบของซึ่งตนได้รับไว้แล้ว

ผู้ขนส่งได้มอบของให้แก่ผู้รับตราส่งแล้ว

ในกรณีที่ผู้รับตราส่งไม่สามารถรับของจากผู้ขนส่ง ผู้ขนส่งได้วางของที่แห่งหนึ่งตามที่กำหนดไว้ในสัญญาระหว่างทางและ หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือประเทศที่ทางการกำหนดที่เกี่ยวปฏิบัติการนั้น ผู้ขนส่งยกเว้นความเสียหายแล้ว หรือ

ผู้ขนส่งได้มอบของไว้ในตำแหน่งที่หรือบุคคลใด ๆ ซึ่งกฎหมายหรือกฎข้อบังคับที่ใช้อยู่ ณ ที่ปลายทางกำหนดให้ผู้ขนส่งต้องมอบของซึ่งตนส่งมอบไว้ให้แก่ตำแหน่งที่หรือบุคคลดังกล่าว

มาตรา ๕๐ การส่งมอบซึ่งกำหนดมาตรา ๔๙ ได้แก่

ในกรณีที่ได้กำหนดเวลาส่งมอบไว้ให้ผู้ขนส่ง ผู้ขนส่งไม่มีสิทธิขอขยายในกำหนดเวลานั้น

ในกรณีที่ไม่ได้กำหนดเวลาส่งมอบไว้ ผู้ขนส่งให้ได้ส่งมอบของภายในกำหนดเวลาซึ่งควรจะมีอยู่ตามลักษณะของหน้าที่หรือปฏิบัติได้ ทั้งนี้ โดยคำพิพากษาแห่งกระบวนการประกอบด้วย

มาตรา ๔๕ ถ้าเวลาได้ล่วงพ้นไปแล้วไม่น้อยกว่าหกสิบวันนับตั้งแต่วันที่เจ้าหนี้ตามผล มอบหรือกำหนดเวลาตามควรส่งมอบตามมาตรา ๑๔ (๑) หรือ (๒) แล้วในกรณี บุคคลซึ่งมีสิทธิเรียก ค่าสินไหมทดแทนจะเรียกชอบด้วยและเรียกที่เสียหายอันเนื่องมาจากการละเมิด หรือจะเรียกค่า สินไหมทดแทนส่วนต่างนั้นให้ดูตามสินค้าสินนั้นก็ได้ ในกรณีนี้ให้ทำบาญบัญญัติมาตรา ๒๒ แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยการขนส่งบกไปใช้บังคับโดยอนุโลม

มาตรา ๔๖ แม้ว่าเจ้าหนี้จะได้มอบหมายให้ผู้ขนส่งอื่นทำการขนส่งช่วงที่ถึงจุดหมาย ผู้ขนส่งก็ยังคงต้องรับผิดเพื่อการสูญหาย เสียหาย หรือส่งมอบล่าช้าของสินค้า และต้องรับผิดเพื่อ การกระทำของผู้ขนส่งช่วงรวมทั้งลูกจ้างและตัวแทนของผู้ขนส่งช่วงซึ่งได้กระทำไปภายในขอบการที่ จ้าง หรือภายในขอบอำนาจของการรับเป็นตัวแทนนั้นด้วย

มาตรา ๔๗ ให้บาญบัญญัติมาตรานี้ด้วยความรับผิดของผู้ขนส่งไปใช้บังคับแก่ผู้ขนส่ง เฉพาะการขนส่งในส่วนที่ผู้ขนส่งนั้นได้รับมอบหมายด้วย

มาตรา ๔๘ เมื่อมีกรณีที่ผู้ขนส่งต้องรับผิดและผู้ส่งอื่นต้องรับผิดในกรณี เดียวกันนั้นด้วย ให้ผู้ขนส่งและผู้ส่งอื่นร่วมกันรับผิดในฐานะลูกหนี้ร่วม

มาตรา ๔๙ ภายใต้บังคับมาตรา ๔๘ และมาตรา ๔๙ ถ้ามีเรื่องร้องค่าเสียหาย เพื่อการสูญหาย เสียหาย หรือส่งมอบล่าช้าของสินค้าที่ขนส่งที่ขนส่งทางทะเล ถ้าไม่ได้ ฟ้องร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจในระยะเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่ส่งมอบสินค้าหรือวันที่ควรส่งมอบสินค้า หรือถ้าไม่ได้มีการส่งมอบบันทึกขึ้นใหม่แล้วจะถือเสมือนว่าหมดสิทธิเรียกร้องในกรณีดังกล่าวเลยถ้า หมดระยะเวลานับตามอันสมควรตามมาตรา ๔๕ (๓) หรือเป็นวันที่ กล่าวเลยกำหนดเวลานับตามอันสมควรตามมาตรา ๔๕ (๒) ให้เป็นอันว่าหมดอายุความ

มาตรา ๕๐ ก่อนอายุความตามมาตรา ๔๙ จะครบบริบูรณ์ ถ้าฝ่ายที่ถูกเรียกร้อง ยินยอมโดยทำบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างอื่นฝ่ายที่เรียกร้องจะไม่ยกอายุความขึ้นบังคับในกรณีที่ ฝ่ายที่มีสิทธิเรียกร้องหรือผู้จัดทำคำสาระสำคัญเพื่อทำให้อยู่ในดุลการพิจารณา ความยินยอมดังนี้ให้ บังคับได้

มาตรา ๕๑ สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเป็นผลจากการส่งมอบล่าช้าย่อมสิ้นไป ถ้า ผู้รับตราส่งมิได้สำแดงคำบอกกล่าวเป็นหนังสือต่อผู้ขนส่งภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับมอบของ

มาตรา ๕๒ เมื่อผู้รับตราส่งได้รับมอบของจากผู้ขนส่งหรือจากผู้ตามมาตรา ๑๔ (๑) ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้รับตราส่งได้รับของซึ่งมีสภาพ จำนวน น้ำหนัก และ รายละเอียดอื่น ๆ ตรงตามที่ระบุไว้ในใบตราส่ง หรือใบกำกับสินค้าในกรณีที่สินค้านั้น ๆ ได้ส่งมอบของซึ่งมีสภาพดีตามที่ระบุไว้ในเอกสารดังกล่าว

ผู้รับตราส่งหรือบุคคลตามมาตรา ๑๔ (๑) และผู้ขนส่งได้ทำการสำรวจ หรือ ตรวจสภาพของร่วมกันและตกลงการสูญหายหรือเสียหายไม่เกี่ยวกับผู้รับตราส่งหรือรับมอบของ

ในกรณีที่ไม่มีการสำรวจหรือการตรวจสภาพของร่วมกันตาม (๑) ผู้รับตราส่งให้ส่งคำบอกกล่าวเป็นหนังสือแก่ผู้ขนส่ง ณ ท่าเรือภายในกำหนดระยะเวลาตามที่ หรือภายในกำหนดที่ชี้แจงทำการจัดการกับรับมอบของว่ามีของสูญหายหรือเสียหาย พร้อมทั้งแจ้งลักษณะการสูญหายหรือเสียหายนั้น ๆ ด้วย หรือในกรณีที่การสูญหายหรือเสียหายนั้นปรากฏชัดแจ้งในขณะทำการตรวจสภาพภายนอกแห่งของนั้น ผู้รับตราส่งได้ส่งคำบอกกล่าวภายในวันทำการนั้นแต่วันรับมอบของ

มาตรา ๕๐ ในกรณีที่ข้อส่งคำบอกกล่าวเกินกว่ากำหนดตามมาตรา ๔๘ หรือมาตรา ๔๙

ถ้าได้ส่งคำบอกกล่าวโดยตรงแก่คนเดินเรือแห่งผู้ขนส่ง หรือพนักงานประจำเรือซึ่งเป็นผู้ควบคุมเรือซึ่งผู้ขนส่งใช้ทำการขนส่ง ให้ถือว่าได้ส่งคำบอกกล่าวนั้นในกำหนดแล้ว

ถ้าได้ส่งคำบอกกล่าวแก่คนเดินเรือแห่งผู้ขนส่ง หรือพนักงานประจำเรือซึ่งเป็นผู้ควบคุมเรือซึ่งผู้ขนส่งใช้ทำการขนส่ง ให้ถือว่าได้ส่งคำบอกกล่าวนั้นในกำหนดแล้ว

ถ้าผู้ขนส่งหรือพนักงานประจำเรือของผู้ขนส่งตามมาตรา ๔๙ มิได้ทำการบันทึกข้อความนั้นให้แสดงในสมุดบันทึกของเรือหรือเอกสารอื่น ๆ และการส่งคำบอกกล่าวนั้นมิได้มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร ให้ถือว่ามิได้มีการส่งคำบอกกล่าวนั้น

หมวด ๕

ข้อยกเว้นความรับผิดของผู้ขนส่ง

มาตรา ๕๑ ผู้ขนส่งไม่ต้องรับผิดเพื่อการสูญหาย เสียหาย หรือส่งมอบช้าอันเกิดขึ้นจากการไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๔๘ วรรคหนึ่ง ถ้าผู้ขนส่งได้ทำตามปฏิบัติตามที่กำหนดมาตรา ๔๘ วรรคสอง หรือมาตรา ๔๙ แล้ว

มาตรา ๕๒ ผู้ขนส่งไม่ต้องรับผิดเพื่อการสูญหาย เสียหาย หรือส่งมอบช้า ถ้าพิสูจน์ได้ว่าการสูญหาย เสียหาย หรือส่งมอบช้านั้น เกิดขึ้นจากเหตุหนึ่งเหตุใดดังต่อไปนี้

เหตุสุดวิสัย

ถ้าผู้ตราส่งหรือผู้รับตราส่งหรือผู้แทนของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเป็นต้นเหตุได้

สงครามการแย่งชิง การจลาจล การก่อการร้าย หรือการก่อการวุ่นวายในบ้านเมือง

การนัดหยุดงาน การงดทำงานเนื่องจากการชุมนุม การล็อกเอาต์ ฯลฯ ซึ่งมีผลต่อเรือ โดยมิใช่ความประสงค์หรือการจัดเตรียมของผู้ขนส่ง

การใช้มาตรการป้องกันและปราบปรามโจรสลัด

การเคลื่อนย้าย การขนถ่าย การจัดเก็บ การบรรจุ การตรวจปล่อย หรือการปฏิบัติการอื่นที่ท่าเรือ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นอุปสรรคในการบรรทุกหรือขนถ่ายของหรือเป็นอุปสรรคในการที่เรือจะเข้าหรือออกจากท่าเรือนั้น

การกระทำของโจรสลัด

ความผิดของผู้ส่งของหรือผู้รับตราส่ง เช่น การบรรจุหีบห่อ หรือรวมถึงไม่แน่นหนา หรือไม่เหมาะสมกับสภาพแห่งของ การทำเครื่องหมายที่ของหรือบนใบตราส่งไม่ชัดเจนหรือไม่เพียงพอ

๑๐

สภาพแห่งของนั้นเอง

๑๑

ความชำรุดทรุดโทรมของของที่ส่งซึ่งเกิดขึ้นอยู่ตามปกติไม่ว่าเพราะเหตุใดก็ตาม การตรวจสอบอย่างสมควรนั้นและโดยใช้ฝีมือที่เป็นธรรมดาและสมควรต้องถือว่าใช้กระทำอยู่ประกอบอาชีพควรเชื่อ

๑๒

ความผิดพลาดในการเดินเรืออันเกิดจากความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่หรือตามคำสั่งของผู้ส่งของ

๑๓

เหตุอื่นใดที่ไม่ใช่ความผิดหรือประมาทเลินเล่อหรืออยู่ในความรู้เห็นของผู้รับส่งและมิใช่ความผิดหรือประมาทเลินเล่อของตัวแทนหรือผู้ทำการของผู้รับส่ง

มาตรา ๕๔ ผู้ขนส่งไม่ต้องรับผิดเพื่อการสูญหาย เสียหาย หรือส่งมอบชักช้า อันเกิดจากภัยทั้งนี้ เว้นแต่ผู้ใช้สิทธิเช่นว่านั้นพิสูจน์ได้ว่า อันตรายนั้นเกิดขึ้นจากความผิด หรือประมาทเลินเล่อของผู้ขนส่งหรือผู้ทำการของผู้ขนส่ง

มาตรา ๕๕ ผู้ขนส่งไม่ต้องรับผิดเพื่อการสูญหาย เสียหาย หรือส่งมอบชักช้า อันเป็นผลจากการใช้มาตรการเพื่อช่วยชีวิตมนุษย์ หรือจากการใช้มาตรการที่สมควรเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญหายหรือเสียหายต่อทรัพย์สิน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล หากได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้ว

มาตรา ๕๖ ผู้ขนส่งไม่ต้องรับผิดเพื่อการสูญหาย เสียหาย หรือส่งมอบชักช้า ถ้าพิสูจน์ได้ว่าการสูญหาย เสียหาย หรือส่งมอบชักช้านั้นมิได้มาจากการใช้มาตรการทั้งปวง เพื่อช่วยชีวิตมนุษย์ในทะเล หรือจากการใช้มาตรการเพื่อสมควรเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายในทะเล แต่ผู้ขนส่งยังคงต้องรับผิดตามส่วนแห่งความเสียหายที่แท้จริง

มาตรา ๕๗ ในการขนส่งสัตว์มีชีวิต ผู้ขนส่งไม่ต้องรับผิดเพื่อการสูญหาย เสียหาย หรือส่งมอบชักช้าอันเป็นผลจากอันตรายที่มีลักษณะประจำตัวในกระบวนการส่งสัตว์มีชีวิตหรือจากสภาพของตัวสัตว์เอง ถ้าพิสูจน์ได้ว่า

(ก) ผู้ส่งได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ตกลงกันอันเกี่ยวกับการที่ผู้ส่งจะได้ให้ไว้แก่ตนแล้ว และ (ข) ในเหตุการณ์นั้นเหตุการณ์นั้น การสูญหาย เสียหาย หรือส่งมอบชักช้า อาจเกิดจากภัยหรือสภาพของสัตว์ดังกล่าวได้ ความในวรรคแรกนี้มิให้ใช้บังคับถ้าพิสูจน์ได้ว่า การสูญหาย เสียหายหรือส่งมอบชักช้านั้นเกิดจากความผิดหรือประมาทเลินเล่อของผู้ขนส่งหรือของตัวแทนหรือผู้ทำการของผู้ขนส่ง

มาตรา ๕๕ ถ้าของที่ส่งมอบเป็นเงินตรา ธนาคารบัตร ตั๋วเงิน พันธบัตร ใบหุ้น ใบหุ้นกู้ ประทวนสินค้า อัญมณีหรือของมีค่าอย่างอื่น ผู้ขายไม่ต้องรับผิดเพราะสูญหายหรือเสียหายแห่งของดังกล่าว เว้นแต่ผู้ซื้องจะได้แจ้งให้ผู้ขายทราบถึงสถานะและราคาของนั้นในเวลาที่นำของมา มอบให้

ในกรณีที่แจ้งราคาของไว้ ให้ผู้ขายรับผิดเพียงไม่เกินราคานั้นไว้เช่นกัน

หมวด ๖

ข้อจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งและการคิดค่าเสียหาย _________________________

มาตรา ๕๖ ภายในกำหนดหกสิบวัน ในกรณีที่ของซึ่งผู้ขนส่งได้รับมอบหมายสูญหายหรือเสียหายไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ให้ทำคำคความรับผิดของผู้ขนส่งไว้เพียงหนึ่งพันบาทต่อหนึ่งหน่วยการขนส่ง หรือถ้าโกลิกรมละสามสิบบาทต่อหนึ่งหน่วยการขนส่ง แล้วแต่เป็นจำนวนใดจะมากกว่า

ในกรณีที่ค่าขนราคาของซึ่งผู้ขนส่งทราบถึงสถานะและราคาของนั้นในเวลาที่นำของมา มอบให้ ราคาของนั้นมีกำหนดค่าที่ต่ำกว่าความรับผิดได้ตามวรรคหนึ่ง ให้ถือเอาตามราคาค่าของนั้นได้ ในกรณีที่มีการส่งมอบของซึ่งผู้ขนส่งทราบถึงสถานะและราคาของนั้นในเวลาที่นำของมา มอบให้ ของค่าระวางแห่งของแต่ละหน่วยที่ส่งมอบให้ แต่รวมถึงของไม่เกินค่าระวางที่ผู้ส่งมอบได้ตกลงกับผู้รับขนส่งในสัญญา ของทางทะเล ในกรณีนี้ผู้ส่งมอบต้องรับผิดชอบค่าระวางทั้งหมดและรวมถึงค่าระวางที่ตกลงกันไว้ในสัญญาเป็นรูปแบบของการขนส่งที่ผู้ส่งมอบต้องชำระค่าระวางตามที่ตกลงตามวรรคหนึ่ง

มาตรา ๕๗ ในการกำหนดจำนวนเงินจำนวนใดจะมากกว่าตามมาตรา ๕๖ วรรคหนึ่ง ให้ใช้หลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

ในกรณีที่มีการรวมของหลายหน่วยการขนส่งเป็นหน่วยการขนส่งเดียวกัน ไม่ว่า จะมีการใช้ตารางแสดงบรรจุหรือรวมรับหรือไม่ก็ตาม ถ้าระบุจำนวนและลักษณะของหน่วยการขนส่ง ที่รวมกันนั้นไว้ในตารางนี้ ให้ถือเอาจำนวนหน่วยการขนส่งที่รวมกันนั้นเป็นหน่วยการขนส่งที่ระบุไว้ในนั้น แต่ถ้าไม่มีระบุไว้ ให้ถือเอาจำนวนหน่วยที่บรรจุในตารางแสดงบรรจุหรือรวมรับนั้นเป็นหน่วยการขนส่ง

ในกรณีที่มีความเสียหายต่อสูญหายหรือเสียหาย ถ้าผู้ส่งมอบไม่ได้แจ้งในเวลากับผู้ จัดการตามขนส่งนั้น ให้ถือว่าการขนส่งนั้นเป็นของหนึ่งหน่วยการขนส่งที่มาจากทางของ ที่อยู่ในหรือบนสายพานส่งนั้น

มาตรา ๖๐ การจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งตามมาตรา ๕๖ มิให้ใช้บังคับในกรณีดังต่อไปนี้

การสูญหาย เสียหาย หรือชำรุดของบรรจุภัณฑ์ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการบรรจุหีบห่อ หรือจัดบรรจุหีบห่อที่ชำรุดของผู้ส่งมอบหรือจัดบรรจุหีบห่อที่ชำรุดโดยเจตนา หรือให้เกิดการสูญหาย ``` เสียหาย หรือส่งมอบซ้ำคำ หรือโดยละเลยหรือไม่เอาใจใส่ ทั้งนี้รู้ว่าการสูญหาย เสียหาย หรือส่งมอบซ้ำคำอันน่าจะเกิดขึ้นได้

ผู้ส่งของและผู้ขนส่งตกลงกันตามความรับผิดของผู้ขนส่งไว้มากกว่าที่กำหนดไว้ในมาตรา ๔๕ โดยระบุไว้ในบัตรส่ง

ผู้ขนส่งได้จดแจ้งรายการใด ๆ ไว้ในบัตรส่งตามที่ผู้ส่งของแจ้ง หรือจัดให้โดยไม่ขัดกับข้อความเกี่ยวกับรายการนั้นไว้ในบัตรส่ง ทั้งนี้ โดยไม่ตัดทอนสิทธิของผู้รับตราส่งหรือบุคคลภายนอกที่จะทราบโดยชื่อรายการในบัตรส่งนั้น

ผู้ส่งของได้แจ้งรายการของที่ส่งแก่ผู้ขนส่งทราบและแสดงสิ่งของส่ง โดยแสดงราคาของนั้นไว้ในบัตรส่ง ในกรณีตาม (๔) นี้ ถ้าราคาที่กำหนดไว้ตามมาตรา ๒๐ ต่ำกว่าราคาที่แสดงไว้ในบัตรส่ง ให้ผู้ขนส่งรับผิดเพียงเท่าราคาที่กำหนดไว้นั้น และถ้าราคาที่กำหนดไว้ตามมาตรา ๒๐ สูงกว่าราคาที่แสดงไว้ในบัตรส่ง ให้ผู้ขนส่งรับผิดเพียงเท่าราคาที่แสดงไว้ในบัตรส่ง

มาตรา ๒๐ การคำนวณราคาของที่สูญหายหรือเสียหายตามมาตรา ๔๕ ให้ได้หลักเกณฑ์ดังนี้

ถ้าของสูญหายหรือเสียหายทั้งหมด ให้คำนวณเท่ากับราคาที่ของนั้นจะมีในเวลาที่ส่งมอบ ณ สถานที่ส่งมอบ

ถ้าของสูญหายหรือเสียหายบางส่วน ให้คำนวณตามสัดส่วนโดยเทียบกับราคาของอย่างเดียวกันและคุณภาพเท่ากันที่ยังเหลืออยู่ในเวลาส่งมอบ ณ สถานที่ส่งมอบ

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรี ``` หมาเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ประกาศกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๔ ลักษณะ ๖ เรื่องรับขน มาตรา ๘๙๘ วรรคสอง บัญญัติว่า “การรับขนของทางทะเลที่มิได้บังคับตามกฎหมายและอนุสัญญาว่าด้วยการขนส่ง” จึงจำเป็นต้องบัญญัติกฎหมายว่าด้วยการรับขนของทางทะเลขึ้นโดยเฉพาะ แต่ในทางปฏิบัติยังต้องกำหนดหลักเกณฑ์การรับขนของทางทะเลโดยทำให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจในภารส่งของและรับขนของทางทะเลไม่สามารถปฏิบัติได้ตามที่สมควร และทำให้เกิดปัญหา เมื่อมีการตีความหรือวินิจฉัยการใช้บังคับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรับขนของทางทะเล ดังความรับผิดของผู้รับขน อันมี การขนของทางทะเลในระยะเวลาที่ผ่านมาทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียความได้เปรียบทางด้านการหรือค่าใช้จ่ายของคนไทยในฐานะผู้รับขนและผู้ส่งของทางทะเลที่ต้องจ่ายค่าขนส่งสินค้าของมหาสมุทรทะเลไทยที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี สมควรที่ประเทศไทยจะต้องมีกฎหมายว่าด้วยการรับขนของทางทะเลให้เป็นการเฉพาะแบบบัญญัติของประกาศกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อันจะเป็นผลให้การประกอบธุรกิจการขนของทางทะเลเป็นไปโดยราบรื่นและจัดขึ้นซึ่งจะเกิดขึ้นแก่ทุกฝ่าย ทั้งจะเป็นการส่งเสริมการพัฒนากิจการพาณิชยนาวีของประเทศสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ กองกฎหมายไทย ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘