로고

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า

ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นปีที่ ๔ ในรัชกาลปัจจุบัน

โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๖๒”

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้ “กองทุน” หมายความว่า กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง “น้ำมันเชื้อเพลิง” หมายความว่า น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล น้ำมันเตา น้ำมันที่มีลักษณะคล้ายน้ำมันสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน น้ำมันสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล น้ำมันสำหรับเครื่องบินเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ หรือก๊าซปิโตรเลียมเหลว

*ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๖/ตอนที่ ๖๔ ก/หน้า ๘/๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ในกรณีการผลิตหรือนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าวข้างต้น และให้หมายความรวมถึงกิจกรรมที่ถือเป็นการทำธุรกรรมจัดสำหรับขายปลีก หรือจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าวที่มีรูปแบบหรือรูปประการกำหนด “กิจปิโตรเลียมเหลว” หมายความว่า ก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่ประกอบด้วยโพรเพน โพรพิลีน นอร์มัลบิวเทน ไอโซบิวเทน หรือบิวทิลีน อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างผสมกันเป็นส่วนใหญ่ “กิจกรรมราชการสำหรับขายปลีก” หมายความว่า ก๊าซปิโตรเลียมที่ประกอบด้วย มีแน่นในส่วนที่อยู่ในรูปของเหลว “กิจการสถานีจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง” หมายความว่า สถานีขายน้ำมันเชื้อเพลิง มีการปรับราคาขายขึ้นอย่างรวดเร็วหรือเพื่อหลีกเลี่ยงจากข้อผิดพลาดของสถานีจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง หรือสถานการณ์ทำน้ำมันเชื้อเพลิงอาจขาดแคลนและไม่เพียงพอต่อการใช้อายในประเทศ ทั้งนี้ ตามที่ กำหนดในแผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง “โรงกลั่น” หมายความว่า โรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิง โรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และสารละลาย สถานที่ผลิตและจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง และโรงแยกก๊าซธรรมชาติที่ผลิตและจำหน่าย ก๊าซปิโตรเลียมเหลว “คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ” หมายความว่า คณะกรรมการนโยบาย พลังงานแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง “กองทุน” หมายความว่า กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง “กองทุนย่อย” หมายความว่า กองทุนย่อยที่จัดตั้งขึ้นตามมาตรา ๕ “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ ในส่วนที่เกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของตน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีบอกประกาศ เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ประกาศนี้ มิได้มีผลบังคับในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้

หมวด ๑

การจัดตั้งกองทุน

มาตรา ๕ ให้จัดตั้งกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่ง เรียกว่า “กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง”

ในสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในกรณีเกิดวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง การดำเนินงานของกองทุนให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนดโดยการบริหาร กองทุนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกำหนด

มาตรา 6 กองทุนประกอบด้วยเงินและทรัพย์สิน ดังต่อไปนี้

(ก)

เงินและทรัพย์สินที่ได้รับโอนมาตามมาตรา 54 และมาตรา 55

(ข)

เงินอุดหนุนที่รัฐจัดสรรให้ในกรณีที่มีเหตุอันควร

(ค)

เงินและเงินเพิ่มที่ส่งเข้ากองทุนตามมาตรา 27 มาตรา 28 และมาตรา 45

(ง)

เงินกู้ยืมตามมาตรา 26

(จ)

ดอกผลทรัพย์สินและผลประโยชน์อื่นใดของกองทุน

(ฉ)

เงินหรือทรัพย์สินที่ตกเป็นของกองทุนหรือที่กองทุนได้มาโดยกฎหมาย

(ช)

ดอกผลหรือผลประโยชน์ที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินของกองทุน

(ซ)

ค่าตอบแทน ค่าบริการ หรือรายได้จากการดำเนินงาน

(ฌ)

เงินได้จากการจำหน่ายทรัพย์สินของกองทุนหรือที่ได้จากการจัดการได้

มาตรา 7 รายได้ของกองทุนไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน

มาตรา 8 เงินกองทุนให้จ่ายได้เพื่อกิจการ ดังต่อไปนี้

(ก)

ค่าใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ตามมาตรา 4

(ข)

ค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของกองทุนหรือกิจการของกองทุนและกิจการอื่นที่เกี่ยวกับ หรือเกี่ยวเนื่องกับการจัดการกิจการของกองทุน

หมวด 2

การบริหารกิจการของกองทุน

มาตรา 9 ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า "คณะกรรมการบริหารกองทุน น้ำมันเชื้อเพลิง" ประกอบด้วย

(ก)

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานกรรมการ

(ข)

ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นรองประธานกรรมการ

(ค)

กรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา อธิบดีกรมการค้าภายใน อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน อธิบดีกรมสรรพสามิต และผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน

(ง)

กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนหกคน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ด้านการเงิน การคลัง การบัญชี การบริหารจัดการพลังงาน หรือด้านอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อการบริหารกิจการของกองทุน โดยอย่างน้อยหนึ่งคนต้องมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านการเงิน การคลัง หรือการบัญชี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

(จ)

ให้คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตาม (ง) ให้ดำเนินการสรรหาตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา 10 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้

(ก)

มีสัญชาติไทย (b) มีอายุไม่เกินเจ็ดสิบปี

(ค)

ไม่เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต

(ง)

ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ

(จ)

ไม่เป็นบุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล

(ฉ)

ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับ ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ

(ช)

ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น กรรมการหรือผู้ดำรงตำแหน่งที่รับผิดชอบในการบริหารในพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง

(ซ)

ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน เพราะร่ำรวยผิดปกติหรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ

(ฌ)

ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากงาน เพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือประพฤติ ไม่เหมาะสม

มาตรา ๑๒ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปี

เมื่อครบวาระกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งแต่ให้อยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่ ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ ให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่แทนตำแหน่งที่ว่างซึ่งผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งได้เท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ตนแทน ตำแหน่งว่างลงตามวรรคสองในระหว่างที่ยังมิได้มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่ ให้คณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการที่เหลืออยู่ และให้ถือว่าคณะกรรมการนั้นมีอำนาจกระทำการได้

มาตรา ๑๓ นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจาก

ตำแหน่ง เมื่อ

(ก)

ตาย

(ข)

ลาออก

(ค)

คณะรัฐมนตรีให้ออก เพราะขาดคุณสมบัติตามมาตรา ๑๑

(ง)

ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๑

มาตรา ๑๔ ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ ให้คณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการที่เหลืออยู่ และให้ถือว่าคณะกรรมการนั้นมีอำนาจกระทำการได้

มาตรา ๑๕ ให้คณะกรรมการมีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้

(๑)

เสนอแนะนโยบายและแนวทางการบริหารจัดการด้านน้ำและการจัดสรรทรัพยากรน้ำ ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายของรัฐ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบ

(ข)

รายงานผลการประเมินการปฏิบัติงานและการเสนอแนะมาตรการแก้ไขปัญหาอุปสรรคการปฏิบัติงานและรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิงและแผนยุทธศาสตร์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ

(ค)

กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกองทุน และกำกับดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และสอดคล้องกับนโยบายการบริหารกองทุนตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกำหนด

(ง)

กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการส่งเสริมให้กองทุนหรือได้รับเงินช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์เงินส่งเข้ากองทุนตามมาตรา 27 อัตราเงินส่งเข้าตามมาตรา 27 อัตราเงินชดเชยตามมาตรา 31 และอัตราเงินชดเชยกองทุนตามมาตรา 31 โดยอาจกำหนดตามประเภท การใช้ตามแหล่งที่มาของน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ได้ ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการกองทุนกำหนดหลักเกณฑ์ต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเพื่อพิจารณา

(จ)

อนุมัติการจ่ายเงินกองทุนเพื่อดำเนินการตามแผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมตามมาตรา 5

(ฉ)

ให้ความเห็นชอบรายงานการเงินของกองทุนตามมาตรา 26

(ช)

กำหนดระเบียบเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การบัญชีและการเก็บรักษาเงินกองทุนโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง

(ซ)

บริหารสินทรัพย์และหนี้สินของกองทุน ให้มีความคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ

(ฌ)

อนุมัติแผนงาน โครงการ และงบประมาณประจำปีของสำนักงานกองทุน

(ญ)

กำหนดระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้

(ฎ)

อนุมัติการจ่ายเงินกองทุนเพื่อชำระหนี้สินของกองทุนและค่าใช้จ่ายในการบริหารกองทุน รวมถึงการจ่ายปันผล การเงินและทรัพย์สิน และการดำเนินงานอื่นของกองทุนและสำนักงาน รวมถึงการกำหนดค่าตอบแทนหรือประโยชน์ หรือสวัสดิการต่าง ๆ ของผู้อำนวยการ เจ้าหน้าที่ และลูกจ้าง ทั้งนี้ โดยสอดคล้องกับกฎหมายที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารทุนหมุนเวียนกำหนด

(ฏ)

ปฏิบัติการอื่นใดตามพระราชบัญญัตินี้หรือตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติมอบหมาย การออกประกาศตาม (ส) ประธานกรรมการอาจมอบอำนาจให้ผู้อำนวยการเป็นผู้ออกแทนในประกาศนั้นก็ได้

มาตรา 15 การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม

ในการประชุมคณะกรรมการ ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานกรรมการเป็นประธานในที่ประชุม แต่ถ้าพ้นรองประธานกรรมการและรองประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งมีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าเสียงแสดงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

มาตรา ๑๖ คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่คณะกรรมการมอบหมายได้ การประชุมคณะอนุกรรมการให้ถือความในมาตรา ๑๕ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

มาตรา ๑๗ ให้ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ กรรมการ และอนุกรรมการได้รับเบี้ยประชุมหรือประโยชน์ตอบแทนอื่นตามหลักเกณฑ์และอัตราที่คณะกรรมการกำหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง

หมวด ๓ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

มาตรา ๑๘ ให้มีสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐที่เป็นนิติบุคคลและไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณหรือกฎหมายอื่น และให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

กิจการของสำนักงานไม่อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ กฎหมายว่าด้วยประกันสังคม และกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน แต่ให้ลูกจ้างของสำนักงานได้รับค่าจ้างและสวัสดิการไม่ต่ำกว่าสิทธิที่พึงได้ตามกฎหมายดังกล่าวในกรณีที่มิได้มีการกำหนดไว้ในสัญญาจ้างหรือตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของสำนักงาน ทั้งนี้ ตามที่กำหนดในข้อบังคับของสำนักงาน

มาตรา ๑๙ ให้สำนักงานมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ (๑) รับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการ (๒) จัดทำแผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิงและแผนยุทธศาสตร์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงรวมทั้งการประเมินการปฏิบัติงานและการเสนอแนะมาตรการแก้ไขปัญหาอุปสรรคการปฏิบัติการตามแผนดังกล่าวเสนอคณะกรรมการ (๓) ดำเนินการตามมาตรา ๒๖ (๔) เสนอแผนการเงินและงบประมาณประจำปีต่อคณะกรรมการ (๕) จัดทำรายงานเกี่ยวกับการดำเนินงานและฐานะการเงินของกองทุนเสนอต่อคณะกรรมการ ด้านต่าง ๆ ของสำนักงาน รวมทั้งรายงานการเงินเสนอคณะกรรมการ (๖) จัดทำรายงานการเงินประจำปีของกองทุน เสนอต่อคณะกรรมการ (๗) เบิกจ่ายเงินของกองทุน และเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินอื่น ๆ ของกองทุนหรือของสำนักงาน (๘) ปฏิบัติการอื่นใดที่คณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือคณะกรรมการมอบหมาย (๙) ปฏิบัติการอื่นใดที่กฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ของสำนักงาน

มาตรา ๒๐ ให้สำนักงานมีผู้อำนวยการเป็นผู้รับผิดชอบบริหารกิจการของสำนักงานขึ้นตรงต่อคณะกรรมการ และจะไม่มีรองผู้อำนวยการหรือผู้ช่วยผู้อำนวยการเป็นผู้ช่วยสนับสนุนการปฏิบัติงานของผู้อำนวยการก็ได้

ให้คณะกรรมการเป็นผู้แต่งตั้ง ถอดถอน และกำหนดค่าตอบแทนต่อด้วยเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนอื่นของผู้อำนวยการ การกำหนดและวิธีการสรรหาผู้อำนวยการให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด กำหนด

มาตรา ๒๑ ผู้อำนวยการต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้

(๑)

มีอายุไม่เกินหกสิบปี

(๒)

เป็นผู้สามารถทำงานให้สำนักงานได้เต็มเวลา

(๓)

เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์เหมาะสมกับกิจการของสำนักงาน

(๔)

มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๑ (๑) (ก) (ข) (ค) (ง) (จ) (ฉ) (ช) และ (ซ)

มาตรา ๒๒ ผู้อำนวยการมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปี และอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระไม่ได้

มาตรา ๒๓ นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา ๒๒ ผู้อำนวยการพ้นจากตำแหน่งเมื่อ

(๑)

ตาย

(๒)

ลาออก

(๓)

คณะกรรมการให้ออก เพราะไม่ผ่านการประเมินผลการปฏิบัติงาน บกพร่องต่อหน้าที่ มีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือหย่อนความสามารถ

(๔)

ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๒๑ เมื่อคณะกรรมการให้ออกจะออกคำสั่งตามมาตรา (๓) ต้องประกอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนกรรมการที่มีอยู่ โดยไม่นับรวมผู้อำนวยการ

มาตรา ๒๔ ให้ผู้อำนวยการมีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้

(๑)

บริหารกิจการของสำนักงานให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ของกองทุน ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ นโยบาย หรือมติคณะกรรมการโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อให้คณะกรรมการบรรลุเป้าหมายตามมาตรา ๖ และมาตรา ๗

(๒)

วางระเบียบเกี่ยวกับการบริหารงานของสำนักงานให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ของกองทุน ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ นโยบาย หรือมติคณะกรรมการโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อให้คณะกรรมการบรรลุเป้าหมายตามมาตรา ๖ และมาตรา ๗

(๓)

แต่งตั้งหรือจ้างพนักงาน ลูกจ้างของสำนักงาน และผู้ช่วยผู้อำนวยการ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

(๔)

บรรจุ แต่งตั้ง เลื่อน ลด ตัดเงินเดือนหรือค่าจ้าง ลงโทษทางวินัยเจ้าหน้าที่ และลูกจ้าง ตลอดจนให้เจ้าหน้าที่และลูกจ้างออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ ตามระเบียบหรือข้อบังคับ ที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา ๒๕ ในกิจการที่เกี่ยวกับบุคลากรของกองทุน ให้ผู้ว่าการเป็นผู้บังคับบัญชาของ สำนักงาน และเมื่อกรณี ผู้ว่าการอาจมอบอำนาจให้บุคคลใดปฏิบัติราชการแทนตนก็ได้ แต่ต้องเป็นไปตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด

หมวด ๔ การดำเนินงานของกองทุน

มาตรา ๒๖ กองทุนต้องมีจำนวนเงินเพียงพอเพื่อใช้ในการบริหารจัดการกองทุน อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเมื่อรวมกับเงินกองทุนสำรองแล้วต้องไม่น้อยกว่าหนี้สินทั้งหมด เมื่อกองทุนมีจำนวนเงินไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการของกองทุน ตามมาตรา ๕ ให้สำนักงานโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรีมีอำนาจ กู้ยืมเงินเป็นจำนวนเงินที่เกินกว่าหนี้สินทั้งหมด ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด

การบริหารจัดการของกองทุนต้องเป็นไปตามหลักการบริหารจัดการที่ดีและสอดคล้อง กับสถานการณ์เศรษฐกิจ ให้กระทรวงการคลังตรวจสอบการพระราชกฤษฎีกา

มาตรา ๒๗ ให้บุคคลดังต่อไปนี้เป็นผู้จัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงให้กองทุนอย่างต่อเนื่องตามประกาศกำหนด

(ก)

กรณีน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผลิตภายในราชอาณาจักร ให้ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมัน เชื้อเพลิงซึ่งเป็นโรงกลั่นส่งเงินเข้ากองทุนในแท่งกรมสรรพสามิต ตามปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผลิต และจำหน่าย ทั้งนี้ ตามระยะเวลาและวิธีการที่กรมสรรพสามิตประกาศกำหนด

(ข)

กรณีน้ำมันเชื้อเพลิงที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร ให้ผู้นำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง ส่งเงินเข้ากองทุนในแท่งศุลกากร ตามปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร ทั้งนี้ ตามระยะเวลาและวิธีการที่กรมศุลกากรประกาศกำหนด ผู้รับสัมปทาน หรือผู้รับสัมปทานช่วงในแหล่งปิโตรเลียมตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม ซึ่งมิใช่โรงกลั่นปิโตรเลียมที่ตั้งอยู่ในราชอาณาจักร ให้ส่งเงินเข้ากองทุนในแท่งกรมสรรพสามิต ตามปริมาณน้ำมันดิบที่ผลิตและขายในราชอาณาจักร ทั้งนี้ ตามระยะเวลาและวิธีการที่กรมสรรพสามิตประกาศกำหนด

มาตรา ๒๘ ในกรณีน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องส่งเงินเข้ากองทุน

(ก)

กรณีน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผลิตภายในราชอาณาจักรหรือที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในกระบวนการผลิต ในโรงกลั่นของบุคคลอื่น

(ข)

กรณีน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผลิตภายในโรงกลั่นของบุคคลอื่นหรือนำเข้าเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบ ในโรงกลั่นของบุคคลอื่น

(ค)

กรณีน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผลิตภายในราชอาณาจักรหรือนำเข้าเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบ ในโรงกลั่น

(๔)

การส่งน้ำมันเชื้อเพลิงออกนอกราชอาณาจักร หรือนำน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปในคลังสินค้าทัณฑ์บนหรือเขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร หรือเขตประกอบการเสรีตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

(๕)

การขายหรือจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้แก่ผู้ได้รับใบอนุญาตค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อจำไปขายหรือจำหน่ายให้แก่เรือประมงในเขตน่านน้ำของราชอาณาจักร

(๖)

การขายหรือจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้แก่ผู้ได้รับใบอนุญาตค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร

มาตรา ๒๙ เพื่อดำเนินการควบคุมประสงค์ตามมาตรา ๒๘ ให้บุคคลที่ขอมีสิทธิได้รับเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตามพระราชกฤษฎีกานี้ และให้ผู้นำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าเขตปลอดอากรหรือเขตประกอบการเสรี

เป็นผู้ส่งจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินชดเชย

(๑)

กรณีน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผลิตภายในราชอาณาจักร ให้ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าวเป็นผู้ส่งจ่ายเงินชดเชยตามปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าวที่จำหน่ายเพื่อใช้ในราชอาณาจักร

(๒)

กรณีน้ำมันเชื้อเพลิงที่นำเข้าในราชอาณาจักร ให้ผู้นำน้ำมันเชื้อเพลิงมีสิทธิได้รับเงินชดเชยตามปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่นำเข้าเพื่อใช้ในราชอาณาจักร

(๓)

กรณีน้ำมันเชื้อเพลิงที่ส่งออกนอกราชอาณาจักร ให้ผู้ส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงมีสิทธิได้รับเงินชดเชยตามปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ส่งออกนอกราชอาณาจักร การขอรับเงินชดเชย ให้ผู้มีสิทธิได้รับเงินชดเชยยื่นรายงานแจ้งชนิดและปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงต่อกรมสรรพสามิต กรมศุลกากร หรือกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีสิทธิได้รับเงินชดเชย และตามวิธีการที่หน่วยงานนั้นประกาศกำหนด

มาตรา ๓๐ น้ำมันเชื้อเพลิงใดที่มีการส่งเงินเข้ากองทุน หรือมีการขอรับเงินชดเชยจากกองทุนแล้ว หากมีการนำไปใช้ในโครงการส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน ให้ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงส่งเงินเข้ากองทุน หรือขอรับเงินชดเชยจากกองทุน เฉพาะในส่วนของปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น

มาตรา ๓๑ น้ำมันเชื้อเพลิงใดที่มีการส่งเงินเข้ากองทุนตามมาตรา ๒๙ หากมีการนำไปใช้ในกิจการที่ได้รับการยกเว้นเงินส่งเข้ากองทุนตามมาตรา ๒๘ ให้ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงขอรับเงินคืนจากกองทุน เฉพาะในส่วนของปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่นำไปใช้ในกิจการดังกล่าว

มาตรา ๓๒ น้ำมันเชื้อเพลิงใดที่มีการส่งเงินเข้ากองทุนตามมาตรา ๒๙ แต่มีการนำไปใช้ตามมาตรา ๒๘ (๔) หรือ (๖) ให้ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงขอรับเงินคืนจากกองทุน เฉพาะในส่วนของปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่นำไปใช้ในกิจการดังกล่าว

```

(๓)

ผู้ส่งน้ำมันเชื้อเพลิงนั้นออกนอกราชอาณาจักร หรือผู้ส่งน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น เข้าไปในคลังน้ำมันที่ขนส่งโดยท่อของกรมทางหลวงหรือท่อของกรมเจ้าท่า หรือโดยประกอบการเสรี ตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในกรณีตามมาตรา ๒๘ (๔)

(๔)

ผู้ประกอบการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงที่ขายหรือจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงนั้นให้แก่ เรือประมงในเขตต่อเนื่องของราชอาณาจักร ในกรณีตามมาตรา ๒๘ (๔)

(๕)

ผู้ขายหรือจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงนั้นให้แก่อากาศยานที่เดินทางออกนอกราชอาณาจักร เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ในกรณีตามมาตรา ๒๘ (๔) ให้บุคคลตามวรรคหนึ่งยื่นคำขอรับเงินคืนจากกองทุนต่อกรมสรรพสามิตหรือ กรมศุลกากร แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ภายในสามปีนับแต่วันที่มีสิทธิได้รับเงินคืนจากกองทุน และตามวิธีการ ที่หน่วยงานนั้นประกาศกำหนด

มาตรา ๒๙ น้ำมันเชื้อเพลิงใดที่การรับเงินชดเชยจากกองทุนแล้วตามมาตรา ๒๘ หากมีการคืนภาษีสรรพสามิตหรือภาษีอื่นใดที่จัดเก็บจากกองทุน ให้กองทุนมีสิทธิได้รับเงินคืนจากกองทุนของรัฐที่คณะกรรมการประกาศกำหนด ไม่ว่าผู้ใดจะเป็นผู้ได้รับเงินชดเชยหรือไม่ก็ตาม

(๑)

ผู้ส่งน้ำมันเชื้อเพลิงตามมาตรา ๒๘ (๓) หากนำไปจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงไปใช้ตาม มาตรา ๒๘ (๑)

มาตรา ๓๐ (๑) ผู้ใดเป็นบุคคลที่ไม่ผ่านกฎหมายว่าด้วยการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง หรือจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงไปใช้ในลักษณะผิดไปจากกลุ่มตามมาตรา ๒๘ (๒) หรือ (๓) หรือ (๔) หรือ (๕) ให้ถือว่าผู้นั้นไม่มีสิทธิได้รับเงินชดเชย

(๒)

ผู้ใดเป็นบุคคลที่ไม่ผ่านกฎหมายว่าด้วยการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง หรือจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงไปใช้ในลักษณะผิดไปจากกลุ่มตามมาตรา ๒๘ (๒) หรือ (๓) หรือ (๔) หรือ (๕) ให้ถือว่าผู้นั้นไม่มีสิทธิได้รับเงินชดเชย

(๓)

ผู้ใดเป็นบุคคลที่ไม่ผ่านกฎหมายว่าด้วยการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง หรือจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงไปใช้ในลักษณะผิดไปจากกลุ่มตามมาตรา ๒๘ (๒) หรือ (๓) หรือ (๔) หรือ (๕) ให้ถือว่าผู้นั้นไม่มีสิทธิได้รับเงินชดเชย ``` ของจำนวนเงินดังกล่าวนั้นจนถึงวันที่ครบกำหนดส่งเงินเข้ากองทุนจนกว่าจะครบ ทั้งนี้ เงินเพิ่มต้องมีจำนวนรวมไม่เกินจำนวนเงินที่ต้องชำระส่ง (8) ถ้าคณะกรรมการสมาชิก กรมศุลกากร หรือกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เป็นผู้ตรวจพบว่ามีกรณีบ่งชี้จากให้กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร หรือกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ แล้วแต่กรณี แจ้งเป็นหนังสือให้ผู้แทนที่ได้รับแต่งตั้งจากกองทุน ส่งเงินจากกองทุนตามที่ต้องส่ง หรือจากกองทุนอื่นๆ พร้อมทั้งเงินเพิ่มโดยตรงภายในระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ เงินเพิ่มต้องมีจำนวนรวมไม่เกินจำนวนเงินที่ต้องชำระส่ง เงินเพิ่มตามวรรคหนึ่ง เป็นเงินที่ต้องส่งเข้ากองทุนหรือกองทุนอื่นๆ แล้วแต่กรณี ในการกำหนดระยะเวลาพิจารณาการชำระเงินเพิ่มตามวรรคหนึ่ง หากมีเศษของเดือนให้นับเป็นหนึ่งเดือน ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งหรือแก้ไขการชำระเงินเพิ่มตามวรรคหนึ่งได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

หมวด ๕

พนักงานเจ้าหน้าที่

มาตรา ๕๔ เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจ ดังต่อไปนี้

(ก)

เข้าไปในสถานที่ทำการ โรงกลั่น สถานที่เก็บ และสถานีจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงในระหว่างเวลาทำการของพระราชบัญญัติ หรือในสถานการณ์ของสถานที่นั้น เพื่อตรวจสอบเอกสารหรือหลักฐานเกี่ยวกับชื่อ รวมทั้งการกระทำใดที่ต้องสงสัยว่าเป็นการไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้

(ข)

มีหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ หรือให้ส่งบัญชีเอกสารหรือหลักฐาน หรือวัตถุใดๆ มาเพื่อประกอบการพิจารณาตรวจสอบการกระทำที่ต้องเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๕๕ ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้บุคคลที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกตามสมควร

มาตรา ๕๖ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง

บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานประกาศกำหนด

มาตรา ๕๗ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

การบัญชี การตรวจสอบ และการประเมินผล

มาตรา ๓๙ การบัญชี การตรวจสอบ และการประเมินผลของกองทุน ให้นำกฎหมายว่าด้วยการบริหารทุนหมุนเวียนมาใช้บังคับ

มาตรา ๔๐ ให้คณะกรรมการกำหนดระเบียบว่าด้วยการบัญชีและการตรวจสอบของกองทุนและรัฐมนตรีสั่งการให้มีการตรวจสอบเพื่อทราบสถานะการเงินและผลการดำเนินงานของกองทุน โดยให้ผู้สอบบัญชีรายงานให้คณะกรรมการและรัฐมนตรีที่กำกับดูแลทราบ และให้ส่งสำเนารายงานดังกล่าวให้กระทรวงการคลังทราบด้วย

หมวด ๗ บทกำหนดโทษ

มาตรา ๔๑ ผู้มีหน้าที่ส่งเงินเข้ากองทุนซึ่งไม่ส่งเงินเข้ากองทุนหรือส่งเงินเข้ากองทุนไม่ครบจำนวนที่ต้องส่งตามมาตรา ๒๗ หรือไม่ส่งเงินเข้าตามจำนวนที่ต้องคืนกองทุนไม่ครบจำนวนที่ต้องคืนตามมาตรา ๓๖ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาทหรือปรับไม่เกินห้าเท่าของจำนวนที่ต้องส่งหรือจำนวนที่ต้องคืน แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า

มาตรา ๔๒ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๓๔ (๑) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๔๓ ผู้ใดไม่ให้ถ้อยคำ หรือไม่ส่งบัญชี เอกสารหรือหลักฐาน หรือวัตถุใดแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา ๓๔ (๒) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๔๔ ผู้ใดไม่อำนวยความสะดวกตามสมควรตามมาตรา ๓๓ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท

มาตรา ๔๕ ผู้ใดแจ้งความเท็จหรือยื่นหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือคณะกรรมการเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินกองทุนหรือประโยชน์อื่นใดจากกองทุน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลมีอำนาจสั่งให้คืนเงินหรือประโยชน์อื่นใดที่ได้รับจากกองทุนพร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดจุดห้าต่อปีของจำนวนเงินหรือมูลค่าของประโยชน์อื่นใดที่ได้รับจากกองทุน

มาตรา ๔๖ ความผิดตามมาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ มาตรา ๔๓ และมาตรา ๔๔ ให้คณะกรรมการเปรียบเทียบผู้กระทำความผิดและกำหนดค่าปรับได้ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนดโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีที่กำกับดูแล

คณะกรรมการเปรียบเทียบต้องมีกรรมการจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์คนหนึ่งซึ่งเป็นข้าราชการในสังกัดกระทรวงดังกล่าวเป็นกรรมการ ในกรณีที่พนักงานสอบสวนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่พบว่าผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้และผู้บังคับบัญชาของผู้ให้เปรียบเทียบ ให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ แล้วแต่กรณี ส่งเรื่องให้คณะกรรมการเปรียบเทียบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่มีหนังสือความบังคับบัญชาอนุมัติให้เปรียบเทียบ เมื่อผู้ต้องหาได้ชำระเงินค่าปรับตามจำนวนที่เปรียบเทียบภายในระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในหนังสือเปรียบเทียบ ให้ถือว่าคดีความผิดนั้นเป็นอันระงับไป เว้นแต่จะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นตามกฎหมาย ถ้าผู้ต้องหาไม่ยอมชำระเงินตามที่เปรียบเทียบ หรือเมื่อพนักงานสอบสวนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้เปรียบเทียบคดีเห็นสมควรไม่เปรียบเทียบความผิด ให้ดำเนินคดีต่อไป

มาตรา ๔๙ ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดเป็นนิติบุคคล ถ้าการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในกรณีการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น หรือโดยการละเว้นการสั่งการหรือการกระทำดังกล่าว ให้ถือว่ากรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลนั้นกระทำความผิดด้วย และต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย

บทเฉพาะกาล

มาตรา ๔๙ ได้โอนทรัพย์สิน ทรัพย์สิน สิทธิ และหนี้สิน ของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๔๕ เรื่อง กำหนดการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและป้องกันการกระทบต่อเสถียรภาพราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งมีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ไปเป็นของกองทุนตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๕๐ เมื่อพระราชกฤษฎีกากำหนดการยุบเลิกสำนักงานบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (องค์การมหาชน) ใช้บังคับ ให้โอนบรรดาเงิน ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้สิน รวมทั้งมอบหมายของสำนักงานบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (องค์การมหาชน) ไปเป็นของกองทุน โดยให้ใช้จ่ายเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานกองทุนหรือการบริหารกองทุน

มาตรา ๕๑ ให้ผู้ที่ปฏิบัติราชการสำนักงานบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เป็นผู้ปฏิบัติราชการในสำนักงานบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (องค์การมหาชน) ต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งหรือการจัดระเบียบการบริหารงานของสำนักงานบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (องค์การมหาชน) ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

มาตรา ๕๒ ให้โอนเจ้าหน้าที่และลูกจ้างของสำนักงานบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (องค์การมหาชน) ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งมีอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ไปเป็นเจ้าหน้าที่และลูกจ้างสำนักงานบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

ให้เจ้าหน้าที่และลูกจ้างตามวรรคหนึ่งได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้าง รวมทั้งสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เท่ากับที่เคยได้รับอยู่เดิมในทางก่อน จนกว่าจะได้รับบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในสำนักงาน การโอนเป็นไปในวันหน้าที่หรือลูกจ้างของสำนักงานตามวรรคหนึ่ง ไม่ถือว่าเป็นการออกจากงานเพราะเหตุเลิกจ้าง และให้ถือว่าระยะเวลาทำงานในขณะเป็นเจ้าหน้าที่หรือลูกจ้างของสถานประกอบการทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) เป็นระยะเวลาทำงานที่สำนักงาน

มาตรา ๕๒ ข้าราชการ พนักงานราชการ หรือลูกจ้างตามวรรคหนึ่งของมาตรา ๕๑ กรมพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมธุรกิจพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมปิโตรเลียม กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมธุรกิจพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมปิโตรเลียม กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมธุรกิจพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมปิโตรเลียม กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมธุรกิจพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมปิโตรเลียม กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมธุรกิจพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมปิโตรเลียม กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมธุรกิจพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมปิโตรเลียม กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมธุรกิจพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมปิโตรเลียม กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมธุรกิจพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมปิโตรเลียม กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมธุรกิจพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมปิโตรเลียม กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมธุรกิจพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมปิโตรเลียม กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมธุรกิจพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมปิโตรเลียม กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมธุรกิจพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมปิโตรเลียม กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมธุรกิจพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมปิโตรเลียม กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมธุรกิจพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมปิโตรเลียม กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมธุรกิจพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมปิโตรเลียม กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมธุรกิจพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมปิโตรเลียม กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมธุรกิจพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมปิโตรเลียม กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมธุรกิจพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมปิโตรเลียม กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมธุรกิจพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมปิโตรเลียม กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน

คืนจากกองทุนไว้แล้วก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ แต่ยังไม่ได้รับเงินชดเชย หรือเงินคืนจากกองทุน ให้บุคคลดังกล่าวยังคงมีสิทธิได้รับเงินชดเชยหรือเงินคืนจากกองทุนตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๕๔ ในกรณีที่มีการจ่ายเงินชดเชยให้แก่เจ้ามันน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของ เชื้อเพลิงชีวภาพอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้เจ้ามันน้ำมันเชื้อเพลิงดำเนินการจัดทำ บัญชีตามที่กำหนดในระเบียบของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ และให้เจ้ามันน้ำมันเชื้อเพลิง ส่งบัญชีดังกล่าวให้แก่คณะกรรมการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงภายในระยะเวลาที่กำหนดในระเบียบดังกล่าว การดำเนินงานของกองทุน และตามข้อ ๑ บทกำหนดโทษ ที่เกี่ยวข้อง ให้เจ้ามันน้ำมันเชื้อเพลิงดำเนินการให้แล้ว เสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดในระเบียบดังกล่าว ให้คณะกรรมการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตรวจสอบบัญชีดังกล่าว และให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบ

ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการตามวรรคหนึ่งต่อไป ให้คณะรัฐมนตรีโดย คำแนะนำของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกำหนดระยะเวลาที่ดำเนินการกองทุนหนึ่ง ได้อีกไม่เกินสองครั้ง ครั้งละไม่เกินสองปี

มาตรา ๕๕ ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติ น้ำมันเชื้อเพลิง (องค์การกองทุน) พ.ศ. ๒๕๔๔ ที่ใช้บังคับก่อนวันที่ พระราชบัญญัตินี้กำหนดให้ยกเลิกบัญชีขององค์การกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (องค์การกองทุน) ให้บัญชีดังกล่าว โดยคณะกรรมการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงดำเนินการตามระเบียบ ข้อบังคับ และประกาศตาม พระราชบัญญัตินี้ต่อไป

มาตรา ๕๖ การดำเนินการออกระเบียบ ข้อบังคับ และประกาศตามพระราชบัญญัติ นี้ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ หากไม่สามารถ ดำเนินการได้ ให้รัฐมนตรีรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการได้ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ

มาตรา ๕๗ บทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งใดที่ขัดหรือ แย้งกับพระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้บังคับ

ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นปีที่ ๘ ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หมาเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาอย่างต่อเนื่องกระทบต่อระดับราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ หรืออาจเกิดสถานการณ์ที่น้ำมันเชื้อเพลิงขาดแคลนและไม่เพียงพอต่อการใช้ภายในประเทศ ดังนั้น เพื่อเป็นการรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและบังคับการอำนวยความสะดวกและเพิ่มให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศให้น้อยที่สุด สมควรกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมอบคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นผู้กำหนดให้ในการบริหารกิจการของกองทุนให้มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งกองทุน รวมทั้งกำหนดโทษทางอาญาสำหรับการกระทำบางประเภทเพื่อให้กฎหมายมีสภาพบังคับอันจะส่งผลให้การจัดเงินเข้าสู่กองทุนเป็นไปอย่างสม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ชาญชัย/รามณี/จัดทำ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ปิยนิษฐ์/ตรวจ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๒