로고

พ.ศ. ๒๕๕๘ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. เป็นปีที่ ๗๐ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘

โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการยกเว้นและสนับสนุนการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร

มาตรา ๑ พระราชกำหนดนี้เรียกว่า "พระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร พ.ศ. ๒๕๕๘"

มาตรา ๒ พระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป

มาตรา ๓ ในพระราชกำหนดนี้

"การปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากร" หมายความว่า การปฏิบัติการเกี่ยวกับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีชำระภาษีหรือขอคืนภาษีตามหมวด ๓ หมวด ๔ ภาษีธุรกิจเฉพาะตามหมวด ๖ และอากรแสตมป์ตามหมวด ๗ แห่งประมวลรัษฎากร

มาตรา 4 ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดบุคคล ซึ่งมีรายได้ไม่เกินห้าร้อยล้านบาทที่เกิดขึ้นในรอบระยะเวลาบัญชีที่ผ่านมานับแต่วันสุดท้ายของรอบสิบสองเดือน โดยวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีสุดก่อนหรือในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2565 ได้รับยกเว้นจากการตรวจสอบ ใดๆ รวม ประเมินหรือสั่งให้เสียภาษีอากร และความผิดทางอาญาตามประมวลรัษฎากร สำหรับรายได้ที่เกิดขึ้นในรอบระยะเวลาบัญชีที่มีวันเริ่มต้นก่อนวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 หรือมูลค่าของฐานภาษี รายรับ หรือการกระทำตราสารที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566

ความในวรรคหนึ่งไม่ใช้บังคับแก่กรณีดังต่อไปนี้

(ก)

บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดบุคคลอยู่ระหว่างการตรวจสอบภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร โดยมีหมายเรียกก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ

(ข)

บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดบุคคลอยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา 88/4 แห่งประมวลรัษฎากร ที่ดำเนินการก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ

(ค)

บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดบุคคลเกี่ยวข้องกับการป้องกันหรือปราบปรามการฟอกเงิน หรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดบุคคลกระทำการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร โดยมีผลกระทบอย่างเป็นนัยสำคัญต่อกรมสรรพากร

(ง)

บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดบุคคลอยู่ในระหว่างการดำเนินคดีในชั้นพนักงานสอบสวน ชั้นพนักงานอัยการ หรือชั้นศาล "รายได้" ตามวรรคหนึ่ง หมายความว่า รายได้จากการประกอบกิจการหรือเนื่องจากการประกอบกิจการ ซึ่งตามความหลักเกณฑ์ตามบัญญัติในมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร การได้รับยกเว้นตามวรรคหนึ่ง จะต้องปรากฏด้วยว่า เจ้าพนักงานยังไม่ได้เริ่มดำเนินการประเมินหรือสั่งให้เสียภาษีอากร หรือยังไม่ได้ดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับภาษีอากรนั้น ๆ

มาตรา 5 ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดบุคคลที่ได้รับยกเว้นตามมาตรา 4 ยื่นคำร้องขอคืนภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร ที่เกี่ยวกับรายได้ มูลค่าของฐานภาษี รายรับ หรือการกระทำตราสารที่ได้รับยกเว้น เพื่อประโยชน์ในการคืนภาษีอากร ให้เจ้าพนักงานประเมินมีสิทธิพิจารณาภาษีอากรเมื่อจำเป็นจากการตรวจสอบภาษีอากรที่เกี่ยวข้องกับคำร้องขอคืนภาษีอากรนั้น โดยถือว่าเป็นการประเมิน หรือสั่งให้เสียภาษีอากร ทั้งนี้ ตามที่ประมวลรัษฎากรกำหนดไว้ แล้วแต่กรณี

มาตรา 6 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดบุคคลที่ขอใช้สิทธิตามมาตรา 4 ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังต่อไปนี้

(ก)

ทำการลงทะเบียนแจ้งการใช้สิทธิภายในกำหนดระยะเวลาที่กรมสรรพากรกำหนด ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด

(ข)

ยื่นรายการในการคำนวณภาษีอากรที่กรมสรรพากรกำหนดสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดบุคคล พร้อมชำระภาษีสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่มีวันสุดท้ายก่อนกำหนดเวลาการยื่นรายการ ในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป (3) ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มหรือภาษีธุรกิจเฉพาะ แล้วแต่กรณี ในกรณีบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนที่ต้องยื่นตามที่ประมวลรัษฎากรกำหนดไว้ พร้อมชำระภาษี ถ้ามี ทั้งนี้ สำหรับการยื่นแบบแสดงรายการที่ต้องกระทำในเดือนมกราคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป (4) ยื่นแบบขอเสียอากรเป็นตัวเงิน สำหรับตราสารที่ซื้ออากรแสตมป์ตามกฎหมายว่าด้วยอากรแสตมป์ เป็นตัวเงินแทนการปิดอากร และต้องชำระเงินเพื่อพิมพ์งานเจ้าหน้าที่อากรแสตมป์ตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป (5) มีการจัดทำบัญชีและงบการเงินให้สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป (6) ไม่กระทำการใด ๆ ที่เป็นการหลีกเลี่ยงภาษีอากร นับแต่วันที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับ

มาตรา 7 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรา 6 ให้อธิบดีกรมสรรพากรมีคำสั่งเพิกถอนการได้รับยกเว้นตามมาตรา 4 ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนนั้น และให้ถือว่าการเพิกถอนการได้รับยกเว้นดังกล่าวมีผลตั้งแต่ต้น ทั้งนี้ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนที่ไม่เคยได้รับยกเว้นการใด ๆ ตามพระราชกำหนดนี้ และให้เจ้าพนักงานประเมินอากรในการตรวจสอบให้ถือว่า บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนนั้นมิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการยกเว้นภาษีอากร และดำเนินการตามกฎหมายเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีอากรต่อไป

มาตรา 8 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีอำนาจในการออกกฎกระทรวงเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการปฏิบัติตามพระราชกำหนดนี้ รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการแสดงต่อกรมสรรพากรในการยื่นรายการภาษีเงินได้ในหลักฐานในการทำธุรกรรมทางการเงินและการขออนุมัติสินเชื่อกับสถาบันการเงิน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป

มาตรา 9 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกำหนดนี้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกําหนดฉบับนี้ คือ โดยที่มีความจําเป็นต้องมีกฎหมายเพื่อกํากับ และสนับสนุนการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร เพื่อให้ระบบการจัดเก็บภาษีอากรมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเป็นการสนับสนุนให้มีการจัดทําบัญชีให้สอดคล้องกับ สภาพข้อเท็จจริงของกิจการ ซึ่งหากไม่ดําเนินการโดยเร่งด่วน จะส่งผลให้รัฐต้องสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษี อันจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ ประกอบกับเป็นกฎหมายเกี่ยวด้วยการเงินที่ต้อง พิจารณาโดยด่วนแล้ว จึงจําเป็นต้องตราพระราชกําหนดนี้