로고

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เป็นปีที่ ๔ ในรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า ของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ และมาตรา ๓๗ ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เพื่อเพิ่มศักยภาพของระบบสุขภาพปฐมภูมิให้สามารถให้บริการสุขภาพแก่ประชาชนได้อย่าง ทั่วถึง มีคุณภาพ และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดี แห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้ ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้

ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒

โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยระบบสุขภาพปฐมภูมิ โดยการจำกัดสิทธิและเสรีภาพดังกล่าวเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญ

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติระบบสุขภาพปฐมภูมิ

พ.ศ. ๒๕๖๒”

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศ

ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้

“บริการสุขภาพปฐมภูมิ” หมายความว่า บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มุ่งหมาย ดูแลสุขภาพของบุคคลในพื้นที่รับผิดชอบในลักษณะองค์รวม ตั้งแต่เกิด และตลอด ครอบคลุมทั้งการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การวินิจฉัยโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสุขภาพ โดยหน่วยบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิที่จัดตั้งขึ้น * ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๔ ก หน้า ๔๕/๑๐ เมษายน ๒๕๖๒ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวและคณะผู้ให้บริการสุขภาพปฐมภูมิ รวมทั้งเชื่อมโยงกับครอบครัว ชุมชน และบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขระดับทุติยภูมิและตติยภูมิ “ระบบสุขภาพปฐมภูมิ” หมายความว่า กลไกและกระบวนการในการประสานความร่วมมือเพื่อจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิ โดยการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาชน รวมทั้งการส่งต่อบริการและการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยบริการพระราชบัญญัตินี้ ดูแลสุขภาพ และชุมชน “หน่วยบริการ” หมายความว่า

(ก)

สถานพยาบาลที่ดำเนินการโดยกระทรวง ทบวง กรม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษาของรัฐ หน่วยงานอื่นของรัฐ และสภากาชาดไทย

(ข)

สถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล

(ค)

หน่วยบริการตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

(ง)

หน่วยบริการอื่นตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด “หน่วยบริการปฐมภูมิ” หมายความว่า หน่วยบริการที่ได้ขึ้นทะเบียนเพื่อให้บริการสุขภาพปฐมภูมิตามพระราชบัญญัตินี้ “เครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ” หมายความว่า หน่วยบริการปฐมภูมิหรือหน่วยบริการที่รวมตัวกันและขึ้นทะเบียนในเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิเพื่อให้บริการสุขภาพปฐมภูมิตามพระราชบัญญัตินี้ “แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว” หมายความว่า แพทย์ที่ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเวชกรรม และผ่านการอบรมหรือฝึกอบรมเฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ครอบครัว “ผู้ประกอบวิชาชีพด้านการแพทย์และสาธารณสุข” หมายความว่า ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ผู้ประกอบวิชาชีพกายภาพบำบัด ผู้ประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน หรือผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น และได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตจากสภาวิชาชีพที่เกี่ยวข้องตามพระราชบัญญัติวิชาชีพนั้น หรือผู้ประกอบวิชาชีพตามมาตรา ๓๘ แห่งพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. ๒๕๔๒ “คณะผู้ให้บริการสุขภาพปฐมภูมิ” หมายความว่า ผู้ประกอบวิชาชีพด้านการแพทย์และสาธารณสุขซึ่งปฏิบัติงานร่วมกันในหน่วยบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ และให้ความร่วมมือรวมถึงเชื่อมโยงกับแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวเพื่อให้บริการสุขภาพปฐมภูมิในหน่วยบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการสุขภาพปฐมภูมิแห่งชาติ “สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพปฐมภูมิแห่งชาติ “ผู้อำนวยการสำนักงาน” หมายความว่า ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพปฐมภูมิแห่งชาติ “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ``` - ๓ -

มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ ที่ออกประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้

หมวด ๓

คณะกรรมการระบบสุขภาพปฐมภูมิ

มาตรา ๕ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการระบบสุขภาพปฐมภูมิ” ประกอบด้วย

(๑)

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานกรรมการ

(๒)

กรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม และเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

(๓)

กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวนหนึ่งคน ผู้บริหารเขตสุขภาพ จำนวนหนึ่งคน ผู้บริหารโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จำนวนหนึ่งคน และผู้บริหารองค์กรภาคประชาสังคมซึ่งเกี่ยวข้องกับกฎหมายฉบับนี้ จำนวนหนึ่งคน โดยให้รัฐมนตรีแต่งตั้ง จำนวนหนึ่งคน โดยให้รัฐมนตรีแต่งตั้งจากองค์กรภาคประชาสังคมที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในกฎหมายฉบับนี้

(๔)

กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้บริหารโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จำนวนหนึ่งคน และผู้บริหารองค์กรภาคประชาสังคมซึ่งเกี่ยวข้องกับกฎหมายฉบับนี้ จำนวนหนึ่งคน โดยให้รัฐมนตรีแต่งตั้งจากองค์กรภาคประชาสังคมที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในกฎหมายฉบับนี้

(๕)

กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด จำนวนหนึ่งคน และสาธารณสุขอำเภอ จำนวนหนึ่งคน โดยให้แพทย์สาธารณสุขจังหวัดและสาธารณสุขอำเภอ แล้วแต่กรณี คัดเลือกกันเอง

(๖)

กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้บริหารสถานพยาบาลที่เป็นหน่วยบริการปฐมภูมิ จำนวนหนึ่งคน และผู้บริหารสถานพยาบาลที่เป็นหน่วยบริการปฐมภูมิของกรุงเทพมหานคร จำนวนหนึ่งคน โดยให้ผู้บริหารของสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านและองค์กรภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายฉบับนี้

(๗)

กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนหนึ่งคน ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ในด้านการบริหารจัดการระบบสุขภาพปฐมภูมิ การแพทย์ การสาธารณสุข หรือการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิ และยังมีผู้ทรงคุณวุฒิจากองค์กรภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายฉบับนี้ จำนวนหนึ่งคน โดยให้รัฐมนตรีแต่งตั้งจากองค์กรภาคประชาสังคมที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในกฎหมายฉบับนี้ ให้รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขมอบหมาย เป็นกรรมการและเลขานุการ และให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ช่วยเลขานุการจำนวนสองคน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ การคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตาม (๓) (๔) (๕) และ (๖) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ```

มาตรา 6 กรรมการตามมาตรา 5 วรรคหนึ่ง (6) และ (7) ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้

(ก)

มีสัญชาติไทย

(ข)

ไม่เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต

(ค)

ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ

(ง)

ไม่เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ

(จ)

ไม่เคยถูกคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติหรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ

(ฉ)

ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง หรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงในวงราชการ

(ช)

ไม่เป็นกรรมการหรือผู้ดำรงตำแหน่งซึ่งรับผิดชอบการบริหารพรรคการเมือง ที่ปรึกษาพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่พรรคการเมือง ในการนี้เป็นกรรมการตามมาตรา 5 วรรคหนึ่ง (6) ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากบุคคลผู้มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ในเรื่องที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำหรือการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ รวมครอบครัว ต้องไม่มีพฤติการณ์ว่าถูกผูกพันโดยอาณัติของบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

มาตรา 7 กรรมการตามมาตรา 5 วรรคหนึ่ง (6) (ข) (ค) และ (ฉ) ซึ่งดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปีนับแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้ง ผู้ซึ่งพ้นจากตำแหน่งแล้วอาจได้รับการแต่งตั้งได้ แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระไม่ได้

เมื่อครบกำหนดตามวาระในวรรคหนึ่ง หากยังมิได้แต่งตั้งกรรมการขึ้นใหม่ ให้กรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้นยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่ากรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่ ในกรณีที่กรรมการตามมาตรา 5 วรรคหนึ่ง (6) พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ ให้มีการแต่งตั้งกรรมการแทน และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งได้เท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้พ้นตำแหน่ง เว้นแต่กรณีของกรรมการตามมาตรา 5 วรรคหนึ่ง (6) ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ และในการนี้ให้คณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการตามมาตรา 5 วรรคหนึ่ง (6)

มาตรา 8 นอกจากกรณีที่พ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 7 กรรมการตามมาตรา 5 วรรคหนึ่ง (6) (ข) และ (ค) พ้นจากตำแหน่งเมื่อ

(1) ตาย (2) ลาออก (3) คณะกรรมการมีมติไม่ไว้วางใจการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการที่พ้นตำแหน่งให้ออก เพราะทุจริตหรือไม่สุจริตต่อหน้าที่ มีความประพฤติผิดเสื่อมเสีย หรือขาดความสามารถ

(๕)

พ้นจากการเป็นผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้อำนวยการหรือผู้บริหารหน่วยบริการปฐมภูมิ ผู้อำนวยการหรือผู้บริหารหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิ หรือสารธารณสุขจังหวัด หรือสารธารณสุขอำเภอ ในกรณีที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการในฐานะนั้น

มาตรา ๙ นอกจากกรณีตามมาตรา ๘ แล้ว กรรมการตามมาตรา ๗ วรรคหนึ่ง (๒) และ (๓) พ้นจากตำแหน่งเมื่อมีคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๗ หรือพ้นจากการเป็นผู้ดำเนินการของสถานพยาบาลหรือผู้ดำเนินการของสถานพยาบาล อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรืออาสาสมัครสาธารณสุขอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๑๐ คณะกรรมการมีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้

(๑)

เสนอแนะนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนเกี่ยวกับบริการสุขภาพปฐมภูมิและระบบสุขภาพปฐมภูมิต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติ

(๒)

กำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ และนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนตาม (๑) รวมทั้งกำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการดังกล่าว

(๓)

เสนอแนวทางแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับบริการสุขภาพปฐมภูมิหรือระบบสุขภาพปฐมภูมิ และให้คำแนะนำต่อรัฐมนตรีในการออกประกาศและการแต่งตั้งเพิ่มเติมจากที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

(๔)

ให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี หน่วยงานของรัฐ และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวกับการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

(๕)

เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้มีการผลิตและพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขให้มีจำนวนเพียงพอกับการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งการวางแผนกำลังคน และการพัฒนาระบบสารสนเทศสำหรับเชื่อมโยงข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารจัดการระบบสุขภาพปฐมภูมิ

(๖)

เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้มีการกำหนดค่าตอบแทนสำหรับแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวและคณะผู้ให้บริการสุขภาพปฐมภูมิให้เหมาะสมกับการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัตินี้

(๗)

เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้มีการกำหนดมาตรการที่เป็นประโยชน์ต่อการจัดระบบสุขภาพปฐมภูมิให้มีมาตรฐานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดการสุขภาพของตนเองและครอบครัว

(๘)

ออกประกาศหรือคำสั่งเกี่ยวกับการดำเนินการในเรื่องระบบสุขภาพปฐมภูมิที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ หรือตามที่คณะรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีมอบหมาย

(๙)

ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ ประกาศหรือคำสั่งตาม (๘) เมื่อได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีแล้วให้มีผลบังคับใช้ได้

มาตรา ๑๑ การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม

ในการประชุมคณะกรรมการ ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้ามีคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงซึ่งเท่ากับให้การประชุมคณะกรรมการอาจเชิญบุคคลอื่นเข้าร่วมประชุมด้วยก็ได้

มาตรา 12 คณะกรรมการอาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่คณะกรรมการมอบหมายก็ได้

การประชุมคณะอนุกรรมการ ให้อนุโลมตามในมาตรา 11 มาใช้บังคับ

มาตรา 13 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้คณะกรรมการและคณะอนุกรรมการมีอำนาจขอให้ส่วนราชการ หน่วยงานอื่นของรัฐ หรือหน่วยงานเอกชนให้ข้อเท็จจริงแสดงความคิดเห็น หรือให้ส่งคำชี้แจง เอกสาร ข้อมูล หรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาได้

มาตรา 14 ให้สำนักงานรับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการและให้มีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้

(1) จัดทำนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนเกี่ยวกับบริการสุขภาพปฐมภูมิและระบบสุขภาพปฐมภูมิเสนอคณะกรรมการ รวมทั้งดำเนินการตามนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนดังกล่าว (2) ต้องกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรงบประมาณเกี่ยวกับบริการสุขภาพปฐมภูมิและระบบสุขภาพปฐมภูมิ หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยบริการอื่นที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งเสนอคณะกรรมการเพื่อพิจารณาอนุมัติ (3) เป็นศูนย์กลางฐานข้อมูลเกี่ยวกับบริการสุขภาพปฐมภูมิและระบบสุขภาพปฐมภูมิ และดำเนินการหรือสนับสนุนให้มีการศึกษาวิจัยในเรื่องดังกล่าว (4) จัดให้หน่วยทะเบียนรับรองบริการ หน่วยบริการปฐมภูมิ และเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ (5) พัฒนาระบบสารสนเทศศาสตร์ที่เชื่อมโยงข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารจัดการระบบสุขภาพปฐมภูมิให้มีประสิทธิภาพ (6) ส่งเสริมให้ประชาชนมีศักยภาพและมีความรู้ในการจัดการสุขภาพของตนเองและครอบครัว (7) ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการผลิตและพัฒนาบุคลากรหรือเครือข่ายบริการสุขภาพปฐมภูมิให้เพียงพอกับการให้บริการสุขภาพปฐมภูมิ และให้มีการพัฒนาหลักสูตรศึกษาอบรมและมาตรฐานวิชาชีพเกี่ยวกับบริการสุขภาพปฐมภูมิ รวมทั้งส่งเสริมให้บุคลากรดังกล่าวมีศักยภาพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งดำเนินการหรือสนับสนุนการศึกษาวิจัยในเรื่องดังกล่าว (8) จัดทำงบการดำเนินงานที่เป็นประโยชน์ต่อการจัดระบบสุขภาพปฐมภูมิเสนอคณะกรรมการ (9) ปฏิบัติการอื่นใดตามที่คณะรัฐมนตรี คณะกรรมการ หรือคณะอนุกรรมการมอบหมาย หรือกฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่และอำนาจของสำนักงาน

หมวด 2

การจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิ

มาตรา 15 บุคคลทุกคนมีสิทธิได้รับบริการสุขภาพปฐมภูมิโดยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวและคณะผู้ให้บริการสุขภาพปฐมภูมิในหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิประจำของตน ทั้งนี้ บริการสุขภาพปฐมภูมิมีบุคคลสิทธิได้รับ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

บริการสุขภาพปฐมภูมิตามวรรคหนึ่ง ต้องจัดให้มีการบันทึกข้อมูลด้านสุขภาพตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนดตามมาตรา 20

มาตรา 16 บุคคลซึ่งมีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลหรือรับบริการสาธารณสุขตามสิทธิตามหรือความสมัครที่ได้รับตามกฎหมาย บุคคลดังกล่าวยังมีสิทธิได้รับบริการสุขภาพปฐมภูมิตามมาตรา 15 วรรคหนึ่ง ด้วย และให้การใช้สิทธินั้นไม่เป็นเหตุแห่งการได้รับสิทธิลดหรือสิทธิของบุคคลนั้น

ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลหรือค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขในการรับบริการสุขภาพปฐมภูมิตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด สำหรับองค์กรหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบการจัดบริการสาธารณสุขดังกล่าว ทั้งนี้ หากหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิที่ให้บริการดังกล่าวมีรายจ่ายที่ต้องดำเนินการเพื่อให้ได้รับค่าใช้จ่ายดังกล่าว ประเด็นปัญหา คณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขสำหรับการจัดสรรเงินแต่ละประเภทให้เหมาะสมกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อให้ได้รับค่าใช้จ่ายดังกล่าว

มาตรา 17 ให้นำสำนักงานจัดให้มีการขึ้นทะเบียนหน่วยบริการ เพื่อเป็นหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิหรือเครือข่ายบริการปฐมภูมิในเขตพื้นที่ตามที่คณะกรรมการกำหนด และประกาศให้ประชาชนทราบ

หน่วยบริการให้ได้รับการขึ้นทะเบียนผ่านหน่วยบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา 20 ในการให้บริการสุขภาพปฐมภูมิ

ลักษณะหน่วยงานของการเสนอเครือข่ายหน่วยบริการที่จะขึ้นทะเบียน การขึ้นทะเบียนการแบ่งเขตพื้นที่ และประกาศเขตพื้นที่บริการ รวมทั้งการรับเงิน การจัดสรรเงิน และการเรียกคืนเงินตามวรรคสอง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

มาตรา 18 ให้นำหน่วยงาน หน่วยบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิที่ระบุหมายเหตุ และกรณีหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิในเขตพื้นที่ของหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิ

ให้นำส่งบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ แจ้งให้ผู้รับบริการ ซึ่งมีรายชื่อตามทะเบียนการให้สิทธิรับบริการสุขภาพปฐมภูมิและแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว ซึ่งมีหน้าที่ดูแลผู้รับบริการตามมาตรา 26 เพื่อความสะดวกและความจำเป็นในการรับบริการสุขภาพปฐมภูมิ ผู้รับบริการอาจขอเปลี่ยนแปลงหน่วยบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิที่ตนมีรายชื่อได้ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามระเบียบและวิธีการที่คณะกรรมการประกาศกำหนด การจัดทำบัญชีรายชื่อผู้ตามทะเบียน การแจ้งตามวรรคสอง และการเปลี่ยนแปลงหน่วยบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิตามวรรคสาม ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

มาตรา 19 ให้หน่วยบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิมีสิทธิได้รับเงินค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิต่อไปนี้ จากสำนักงาน

(ก)

ค่าใช้จ่ายประจำเพื่อการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิและการพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้อง

(ข)

ค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนสิ่งก่อสร้างและครุภัณฑ์ที่ใช้ในการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิ

(ค)

ค่าใช้จ่ายเพื่อจัดหาเครื่องมืออุปกรณ์และครุภัณฑ์ที่ใช้ในการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิ

(ง)

ค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด ประกาศกำหนด โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี คณะกรรมการอาจกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และการเก็บรักษาเงินค่าใช้จ่ายดังกล่าว ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง ในกรณีที่มีความจำเป็น คณะกรรมการอาจกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจัดสรรเงินค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้แก่หน่วยบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิที่มีความพร้อมให้บริการสุขภาพปฐมภูมิได้

มาตรา 20 หน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิที่มีหน้าที่ดังต่อไปนี้

(ก)

ให้บริการสุขภาพปฐมภูมิ โดยให้ความสมบูรณ์และความชัดเจนในด้านการให้บริการ ตลอดจนการผลิตสนับสนุนบุคลากรที่มีศักยภาพและความพร้อมในการให้บริการ

(ข)

ให้ข้อมูลแก่ผู้รับบริการเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของผู้รับบริการ รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับหน่วยบริการอย่างเพียงพอ เพื่อให้ผู้รับบริการตัดสินใจเลือกใช้บริการหรือเข้ารับการส่งต่อ

(ค)

แจ้งข้อมูลแก่ผู้รับบริการ ญาติ หรือผู้ดูแลใกล้ชิดเกี่ยวกับบริการที่เกี่ยวกับบุคลากรด้านสาธารณสุข หรือผู้รับบริการดูแลต่อเนื่องในกรณีที่จำเป็น และด้านสังคมที่จะรับดูแลผู้รับบริการก่อนจำหน่ายผู้รับบริการออกจากหน่วยบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ

(๔)

จัดทำความสัมพันธ์ของผู้รับบริการการบันทึกหน้าที่ตาม (๒) และ (๓) อย่างเคร่งครัด เว้นแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงหน้าที่ของผู้รับบริการปฐมภูมิที่แตกต่างตามหลักเกณฑ์

(๕)

จัดทำระบบข้อมูลสารสนเทศการให้บริการสุขภาพปฐมภูมิเพื่อรองรับการตรวจสอบด้านสุขภาพมาตรฐาน และการบริหารจัดการระบบข้อมูลด้านสุขภาพ

(๖)

ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานในด้านการให้บริการสุขภาพปฐมภูมิ ตามมาตรา ๒๔ การให้บริการสุขภาพปฐมภูมิตาม (๔) การให้ข้อมูลตาม (๕) และ (๖) การจัดทำ ระบบข้อมูลการให้บริการสุขภาพปฐมภูมิตาม (๔) และการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมคุณภาพ และมาตรฐานตาม (๖) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

มาตรา ๒๕ เพื่อประโยชน์ในการให้บริการสุขภาพปฐมภูมิ ให้คณะกรรมการประกาศ

กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการให้ข้อมูล การจัดการข้อมูล การจัดการข้อมูลด้านสุขภาพ ของผู้รับบริการ และการเข้าถึงข้อมูลของแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว รวมทั้งการใช้ข้อมูลการให้บริการ สุขภาพของผู้รับบริการในหน่วยบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ เพื่อให้หน่วยบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิให้ผู้รับบริการและสำนักงานเข้าถึง ด้านสุขภาพตามกฎหมายว่าด้วยสุขภาพแห่งชาติ

มาตรา ๒๖ ในการให้บริการสุขภาพปฐมภูมิตามมาตรา ๒๕ วรรคหนึ่ง ให้หน่วย

บริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิให้บริการสุขภาพปฐมภูมิในจำนวนที่เหมาะสม เพื่อทำหน้าที่ดูแลผู้รับบริการซึ่งมีภูมิลำเนาในเขตพื้นที่ของหน่วยบริการนั้นในลักษณะที่เหมาะสม ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวตามวรรคหนึ่ง ให้หน่วยบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิแจ้งให้ผู้รับบริการและสำนักงานทราบโดยเร็ว เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมสุขภาพ การควบคุมโรค การป้องกันโรค การตรวจ วินิจฉัยโรค การรักษาพยาบาล การฟื้นฟูสมรรถภาพ หน่วยบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วย ปฐมภูมิต้องจัดทำหลักเกณฑ์ วัน และเวลาในการให้บริการสุขภาพปฐมภูมิและเผยแพร่ให้ผู้รับบริการ แจ้งให้ผู้รับบริการเพื่อรับบริการสุขภาพปฐมภูมิตามหลักเกณฑ์ วัน และเวลาดังกล่าวได้ การให้บริการสุขภาพปฐมภูมิตามวรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

มาตรา ๒๗ ในกรณีที่หน่วยบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิส่งต่อผู้รับ

บริการไปยังหน่วยบริการอื่น ให้หน่วยบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิแจ้งข้อมูลด้านสุขภาพ ครอบครัวของผู้รับบริการให้กับหน่วยบริการอื่นเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการให้การส่งต่อผู้รับบริการเป็นไปตาม ดังกล่าว ให้หน่วยบริการปฐมภูมิ เครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ หรือหน่วยบริการที่รับการส่งต่อ ตามวรรคหนึ่ง ดำเนินการตามความเหมาะสมและจำเป็น ``` - ๑๐ - เพื่อประโยชน์ในการส่งต่อผู้รับบริการ ให้สำนักงานร่วมกับหน่วยบริการปฐมภูมิ และเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิให้มีระบบข้อมูลด้านสุขภาพของผู้รับบริการและการเชื่อมโยง เพื่อใช้ข้อมูลดังกล่าว โดยต้องปฏิบัติตามมาตรา ๒๐ วรรคหนึ่ง (๔) การส่งต่อผู้รับบริการตามวรรคหนึ่ง การดำเนินการตามวรรคสอง และการจัดระบบ และการเชื่อมโยงเพื่อใช้ข้อมูลด้านสุขภาพตามวรรคสาม ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

หมวด ๓

การควบคุมคุณภาพและมาตรฐานของหน่วยบริการปฐมภูมิ และเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ

มาตรา ๒๔ ให้คณะกรรมการกำหนดมาตรการควบคุมคุณภาพและมาตรฐาน ในการให้บริการสุขภาพปฐมภูมิ และจัดให้มีการตรวจสอบเพื่อควบคุมคุณภาพและมาตรฐานของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิอย่างสม่ำเสมอ โดยให้มีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบดังกล่าว ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

มาตรา ๒๕ ในกรณีพื้นที่บางแห่งที่พิพาทรณแล้วเห็นว่า หน่วยบริการปฐมภูมิ หรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิยังไม่มีมาตรการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานในการให้บริการสุขภาพปฐมภูมิตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด ให้กระทรวงสาธารณสุขแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามวรรคหนึ่ง

ให้คณะกรรมการสอบสวนตามวรรคหนึ่ง ประกอบด้วย ผู้แทนหน่วยงานของรัฐที่ปฏิบัติงานด้านการแพทย์หรือการสาธารณสุขจำนวนหนึ่งคน ด้านกฎหมายหรือระบบการยุติธรรมจำนวนหนึ่งคน ด้านการเงินหรือการคลังจำนวนหนึ่งคน ผู้แทนองค์กรเอกชนซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่ไม่ใช่แสวงหากำไรและดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคจำนวนหนึ่งคน และผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนหนึ่งคน เป็นกรรมการสอบสวน มีหน้าที่สอบสวนและรายงานให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ ต้องเป็นผู้ไม่มีส่วนได้เสียในเรื่องที่พิจารณา และให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขแต่งตั้งกรรมการสอบสวนคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการสอบสวนแต่งตั้งผู้ช่วยเลขานุการสำนักงานจำนวนไม่เกินสองคนเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานของกรรมการสอบสวน การสอบสวนต้องกระทำให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนดนับแต่วันที่ได้รับคำสั่งแต่งตั้งดำเนินการ ไม่แล้วเสร็จในเวลาที่กำหนดปลัดกระทรวงสาธารณสุขอาจขยายเวลาได้โดยไม่เกินกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ในครั้งแรก และในกรณีที่กรรมการสอบสวนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขแต่งตั้งกรรมการสอบสวนแทนเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปและรายงานต่อปลัดกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ โดยต้องแสดงเหตุผลไว้ด้วย ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้คณะกรรมการสอบสวนมีอำนาจเรียกพยานบุคคลตามที่เห็นสมควร และมีอำนาจสั่งเป็นหนังสือให้หน่วยบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิที่เกี่ยวข้องส่งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ``` หน่วยบริการปฐมภูมิ ผู้ร้องเรียน หรือบุคคลใดที่เกี่ยวข้องให้ข้อยคำ หรือให้ส่งคำชี้แจง เอกสาร ข้อมูล หรือหลักฐานที่จำเป็น เพื่อประกอบการพิจารณาได้ เมื่อคณะกรรมการสอบสวนดำเนินการสอบสวนเสร็จแล้ว ให้เสนอความเห็นต่อปลัดกระทรวงสาธารณสุขเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป ให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาออกคำสั่งตามมาตรา 27 ภายในเวลาสิบห้าวัน นับแต่วันที่ได้รับเรื่องจากคณะกรรมการสอบสวน

มาตรา 26 ในกรณีที่ผลการสอบสวนตามมาตรา 25 ปรากฏว่าหน่วยบริการปฐมภูมิ หรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการให้บริการสุขภาพปฐมภูมิตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด ให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการดังต่อไปนี้

(ก)

ในกรณีที่เป็นการกระทำโดยไม่เจตนา ให้มีคำสั่งแจ้งให้ปฏิบัติโดยถูกต้อง (ข) ในกรณีที่เป็นการกระทำโดยมีเจตนา ให้มีคำสั่งแจ้งให้ปฏิบัติโดยถูกต้องและสั่งให้หน่วยบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมินั้นชำระค่าใช้จ่ายในการจัดบริการทดแทนที่เกิดขึ้นจริง และให้เจ้าบ้านผู้มีสิทธิที่ย้ายการรับบริการไปจากเครือข่ายหมอประจำวิถีปฏิบัติการทางกฎหมายใช้บังคับ

(ค)

แจ้งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การสอบสวนและวินิจฉัยข้อเท็จจริงดำเนินการ หรือกล่าวโทษไปยังประธานองค์กรวิชาชีพการแพทย์และสาธารณสุขที่องค์กรนั้นรับผิดชอบในการกระทำตาม (ข) ของหน่วยบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมินั้นเพื่อให้การสอบสวนวินิจฉัยข้อเท็จจริงดำเนินการตามกฎหมาย

มาตรา 27 ในกรณีที่ผู้รับบริการผู้ใดไม่ได้รับบริการสุขภาพปฐมภูมิตามพระราชบัญญัตินี้จากหน่วยบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ หรือหน่วยบริการปฐมภูมิ หรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิเรียกเก็บค่าบริการจากตนโดยไม่มีสิทธิ ให้ผู้รับบริการนั้นร้องเรียนต่อคณะกรรมการประกาศกำหนดหรือร้องเรียนต่อผู้บริหารหน่วยบริการปฐมภูมิหรือหน่วยเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมินั้นเพื่อให้ปฏิบัติต่อผู้รับบริการให้เหมาะสมและถูกต้องตามพระราชบัญญัตินี้

ในกรณีที่ผู้บริหารหน่วยบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิไม่ดำเนินการ ให้ผู้รับบริการร้องเรียนต่อคณะกรรมการประกาศกำหนดหรือร้องเรียนต่อหน่วยงานที่กำหนดให้เพื่อให้การสอบสวนโดยให้ทำความในมาตรา 26 มาใช้บังคับโดยอนุโลม ผลการสอบสวนตามคำร้องเรียนที่หน่วยบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมินั้นไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการให้บริการสุขภาพปฐมภูมิตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด ให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามมาตรา 26 โดยอนุโลม ในกรณีที่ผลการสอบสวนตามคำร้องเรียนที่หน่วยบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมินั้นไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการให้บริการสุขภาพปฐมภูมิตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด ให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามมาตรา 26 โดยอนุโลม

มาตรา 28 ในกรณีที่การกระทำของหน่วยบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิตามมาตรา 26 หรือมาตรา 27 เป็นการกระทำที่ร้ายแรงหรือเกิดซ้ำหลายครั้ง ให้คณะกรรมการสาธารณสุขชุมชนดำเนินการ ดังต่อไปนี้

(1) สั่งให้คณะกรรมการขึ้นทะเบียนของหน่วยบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมินั้น (2) แจ้งต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงตามกฎหมายว่าด้วยสภาวิชาชีพทางการแพทย์เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยสภาวิชาชีพทางการแพทย์ในกรณีที่เป็นสถานพยาบาลของรัฐ (3) แจ้งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้พิจารณาอนุมัติและจัดตั้งหรือยกเลิกคำขอทำหรือยกเลิกคำขอประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขซึ่งมีส่วนรับผิดชอบในการกระทำของหน่วยบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมินั้น และให้การดำเนินการดังกล่าวในกรณีที่ผู้กระทำความผิดเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ

มาตรา 29 หน่วยบริการปฐมภูมิ เครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ ผู้ขอรับ หรือผู้ซึ่งคณะกรรมการประกาศกำหนด ได้รับคำสั่งจากคณะกรรมการสาธารณสุขชุมชนตามวรรคหนึ่ง ให้แจ้งเหตุหรือรายงานต่อคณะกรรมการในเวลาที่กำหนดในลักษณะหรือวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

หมวด 4

การส่งเสริมและพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิ

มาตรา 30 เพื่อให้การบริหารสุขภาพปฐมภูมิเป็นไปตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ให้คณะกรรมการประกาศกำหนดหลักเกณฑ์และหลักเกณฑ์ในการส่งเสริมและพัฒนาให้ระบบสุขภาพปฐมภูมิสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามพระราชบัญญัตินี้ และส่งเสริมและพัฒนาการมีส่วนร่วมของภาครัฐ องค์กรภาคส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาชนในพื้นที่ เพื่อบรรลุเป้าหมาย ยุทธศาสตร์ และแผนตามมาตรา 10

(1) โดยบูรณาการการดำเนินงานของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รายการค่าใช้จ่ายตามวรรคหนึ่ง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการเรียกคืนเงินค่าใช้จ่ายตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง

มาตรา ๑๓ ให้หน่วยรับงบประมาณจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้รับบริการ หน่วยบริการปฐมภูมิ เครือข่ายบริการปฐมภูมิ และผู้เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริม ปรับปรุง และพัฒนาการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิและระบบสุขภาพปฐมภูมิให้มีคุณภาพและมาตรฐานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

การรับฟังความคิดเห็นตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

หมวด ๕

หน้าที่ความรับผิดชอบ

มาตรา ๑๔ เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจ ดังต่อไปนี้

(๑)

เข้าไปในสถานที่ของหน่วยบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายบริการปฐมภูมิในเวลาราชการหรือสถานที่ซึ่งมีทรัพย์สินหรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ เพื่อรวบรวมข้อมูล สอบถามข้อเท็จจริง ตรวจสอบ หรือเรียกเอกสารหรือสิ่งอื่นที่เกี่ยวข้องมา ติดตาม หรือบันทึกเอกสารที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบ หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ได้

(๒)

ในการดำเนินการตาม (๑) ถ้าพบการระทำเกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจยึดหรืออายัดเอกสารหรือหลักฐาน ทรัพย์สินหรือสิ่งของเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาดำเนินการต่อไป

(๓)

ออกคำสั่งเป็นหนังสือเรียกให้บุคคลใดมาให้ถ้อยคำหรือให้ส่งคำชี้แจง เอกสาร ข้อมูล หรือหลักฐานอื่นที่แสดงประกอบการพิจารณาของพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา ๑๔ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการ

มาตรา ๑๕ ให้บุคคลซึ่งเกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา ๑๔ ตามความจำเป็น

มาตรา ๑๖ ในกรณีปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่แสดงบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ต่อผู้เกี่ยวข้อง

บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา ๑๗ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

หมวด 6

บทกำหนดโทษ

มาตรา 37 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการตามมาตรา 25 คำสั่งของคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 25 วรรคสี่ หรือคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 33 วรรคหนึ่ง (3) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 38 ผู้ใดขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 33 วรรคหนึ่ง (1) หรือ (2) หรือไม่อำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 34 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 39 ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดเป็นนิติบุคคล ถ้าการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น หรือในกรณีที่บุคคลดังกล่าวมีหน้าที่สั่งการหรือควบคุมและละเลยไม่สั่งการหรือไม่กระทำการจนเป็นเหตุให้เกิดการกระทำความผิดดังกล่าว ผู้นั้นต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับการกระทำความผิดนั้น ๆ ด้วย

มาตรา 40 ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดตามมาตรา 37 หรือมาตรา 38 ได้ให้คำมั่นว่าจะสาธารณสุขหรือผู้ได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานสาธารณสุขดำเนินการแก้ไข วิธีการ หรือป้องกันการกระทำความผิดนั้น เมื่อผู้ต้องหาได้ชำระเงินค่าปรับตามจำนวนที่เปรียบเทียบภายในระยะเวลาที่กำหนดแล้ว ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

บทเฉพาะกาล

มาตรา 41 ในวาระเริ่มแรก ให้คณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการตามมาตรา 5 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) โดยให้รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขซึ่งปลัดกระทรวงสาธารณสุขมอบหมายเป็นกรรมการและเลขานุการ ปฏิบัติหน้าที่แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งยังมิได้แต่งตั้งตามมาตรา 5 วรรคหนึ่ง (3) (ก) (ข) (ค) (ง) และ (จ) ทั้งนี้ จนกว่าจะมีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา 5 วรรคหนึ่ง (3) (ก) (ข) (ค) (ง) และ (จ) หรือจนกว่าจะครบกำหนดหกสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน

มาตรา 42 ให้ดำเนินการจัดตั้งกองทุนตามพระราชบัญญัตินี้ได้เสร็จภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ในระหว่างที่ยังมิได้มีการจัดตั้งกองทุนตามมาตรา 15 วรรคสาม ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ทั้งนี้ หากไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากมีเหตุผลที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ต้องจัดตั้งกองทุนให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด

เมื่อมีการออกประกาศเพื่อกำหนดบริการสุขภาพปฐมภูมิตามมาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง แล้ว ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องขยายหรือจัดสรรสิทธิของบุคคลที่มีสิทธิได้รับบริการรักษาพยาบาล หรือรับบริการสาธารณสุขตามสวัสดิการหรือสิทธิของบุคคลนั้นโดยกฎหมาย ให้คณะกรรมการดำเนินการตามมาตรา ๑๖ เพื่อขยายหรือจัดสรรสิทธิของบุคคลดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปี นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

มาตรา ๑๕ ภายในกำหนดระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้สำนักงานเขตพื้นที่บริการปฐมภูมิจัดตั้งหน่วยบริการปฐมภูมิในเขตพื้นที่บริการปฐมภูมิให้แล้วเสร็จตามจำนวนผู้รับบริการ ให้หน่วยบริการปฐมภูมิไม่มีหรือมีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวไม่เพียงพอเท่ากับจำนวนผู้รับบริการ ให้หน่วยบริการดังกล่าวดำเนินการเพื่อส่งเสริมการอบรมด้านเวชศาสตร์ครอบครัว ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด เพื่อเพิ่มจำนวนแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวในเขตพื้นที่ของหน่วยบริการปฐมภูมิตามมาตรา ๒๖ รวมทั้งหลักเกณฑ์สุขภาพตามมาตรา ๒๖

ภายในกำหนดระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและสถาบันอุดมศึกษาดำเนินการเพื่อเพิ่มแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวและผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขปฐมภูมิในระดับตำบลให้เพียงพอ ในกรณีที่มีเหตุจำเป็น ให้คณะกรรมการสามารถขยายระยะเวลาตามวรรคหนึ่งเพื่อให้การขยายระยะเวลาการใช้บังคับตามวรรคหนึ่ง ออกไปอีกเป็นระยะเวลาหนึ่งที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หมายนเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๔๗ วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐ และมาตรา ๕๕ บัญญัติให้รัฐต้องดำเนินการให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ อย่างทั่วถึง เสริมสร้างให้ประชาชนมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค โดยบริการสาธารณสุขดังกล่าวต้องครอบคลุมถึงการส่งเสริมสุขภาพ การควบคุมและป้องกันโรค การฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายและจิตใจ การคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ การแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือกอื่นด้วย ประกอบกับในปี พ.ศ. ๒๕๔๕ ที่ผ่านมา (๒) ทศวรรษ (๒๐) ปีที่ผ่านมา การปฏิรูประบบสุขภาพโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมเป็นพลังสำคัญในการสร้างระบบสุขภาพที่เหมาะสม ดังนั้น สมควรมีกฎหมายเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติดังกล่าว โดยการจัดระบบสุขภาพปฐมภูมิ ซึ่งมีคณะกรรมการระบบสุขภาพปฐมภูมิทำหน้าที่เป็นองค์กรกำกับดูแลที่เกิดจากการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาชน ทั้งนี้ เพื่อให้การบริหารจัดการระบบสุขภาพปฐมภูมิมีประสิทธิภาพทั่วประเทศ และให้ประชาชนชาวไทยมีสิทธิได้รับบริการสุขภาพปฐมภูมิที่เป็นธรรม มีคุณภาพ และมีมาตรฐาน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ วิจารณ์/ธนบดี/จัดทำ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ทิพย์มณี/วิทยพร/ตรวจ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒