로고

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. เป็นปีที่ ๗๔ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าให้ประกาศว่า

ให้ไว้ ณ วันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒

โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการควบคุมคุณภาพอาหาร

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๖๒”

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ให้ยกเลิก

(๑)

พระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหาร พ.ศ. ๒๕๔๘

(๒)

ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๙๕ ลงวันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๕ บรรดากฎหมาย กฎ และข้อบังคับในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน

มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้

“อาหาร” หมายความว่า ของกินหรือเครื่องค้ำจุนชีวิต ได้แก่

(๑)

วัตถุทุกชนิดที่คนกิน ดื่ม สูบ หรือบริโภคเข้าสู่ร่างกายไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ๆ หรือในรูปลักษณะใด ๆ แต่ไม่รวมถึง วัตถุอันตรายหรือสิ่งเสพติดให้โทษตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย และกฎหมายว่าด้วยยา

(๒)

วัตถุที่มุ่งหมายสำหรับใช้หรือใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตอาหาร รวมถึงวัตถุเจือปนอาหาร สี และเครื่องปรุงแต่งกลิ่นรส *ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๖/ตอนที่ ๓๖/ฉบับพิเศษ หน้า ๙/๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒* ``` - ๒ - “อาหารควบคุมเฉพาะ” หมายความว่า อาหารที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดให้เป็นอาหารที่อยู่ในความควบคุมคุณภาพหรือมาตรฐาน “ฉลากอาหาร” หมายความว่า รายการของข้อความที่ใช้เป็นส่วนประกอบอาหารที่ระบุบน น้ำหนักหรือปริมาณของแต่ละรายการ “ภาชนะบรรจุ” หมายความว่า วัสดุที่ใช้บรรจุอาหารไม่ว่าด้วยการใส่หรือห่อหรือด้วยวิธีใด ๆ “ฉลาก” หมายความรวมถึงรูป รอยประดิษฐ์ เครื่องหมาย หรือข้อความใด ๆ ที่แสดงไว้ที่อาหาร ภาชนะบรรจุอาหาร หรือที่หีบห่อของภาชนะบรรจุอาหาร “ผลิต” หมายความว่า ทำ ผลิต ปรุงแต่งและหมายความรวมถึงแบ่งบรรจุด้วย “จำหน่าย” หมายความรวมถึง ขาย จ่าย แจก หรือแลกเปลี่ยน เพื่อประโยชน์ในทางการค้า หรือการมีไว้เพื่อจำหน่ายด้วย “นำเข้า” หมายความว่า นำหรือส่งเข้ามาในราชอาณาจักร “ส่งออก” หมายความว่า นำหรือส่งออกนอกราชอาณาจักร “โรงงาน” หมายความว่า โรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานที่ตั้งขึ้นเพื่อผลิตอาหาร “ผู้รับอนุญาต” หมายความว่า ผู้ได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ ในกรณีที่มีบุคคลเป็นผู้รับใบอนุญาตหลายคน ให้ถือว่าผู้รับใบอนุญาตแต่ละคนเป็นผู้รับอนุญาต “ผู้อนุญาต” หมายความว่า เจ้าพนักงานอาหารและยาที่รัฐมนตรีกำหนด เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา หมายความว่า เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการอาหาร “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๕ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ ออกกฎกระทรวงว่าด้วยการผลิตและการจำหน่ายอาหารตามพระราชบัญญัตินี้ อันเกี่ยวกับธรรมเนียมและหน้าที่กิจการอื่น ๆ กับออกประกาศ ทั้งนี้ เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

กฎกระทรวงและประกาศตามนี้เมื่อได้รับการลงนามในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้มีผลบังคับได้

มาตรา ๖ เพื่อประโยชน์แก่การควบคุมอาหาร ให้รัฐมนตรีมีอำนาจประกาศกำหนดกิจการบุคคล

(ก)

กำหนดอาหารควบคุมเฉพาะ

(ข)

กำหนดคุณภาพหรือมาตรฐานของอาหารควบคุมเฉพาะตามชนิด ประเภท ชนิด หรือลักษณะของอาหารนั้น ๆ ที่ผลิตเพื่อจำหน่าย นำเข้าเพื่อจำหน่าย หรือจำหน่ายตลอดจนหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการผลิตเพื่อจำหน่าย นำเข้าเพื่อจำหน่าย หรือจำหน่าย ``` (a) กำหนดคุณภาพหรือมาตรฐานของอาหารที่มิใช่เป็นอาหารตาม (๑) และจะกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการผลิตเพื่อจำหน่าย นำเข้าเพื่อจำหน่าย หรือจำหน่ายด้วยหรือไม่ก็ได้

(ข)

กำหนดข้อควรระวังของวัตถุที่ใช้เป็นส่วนผสมของอาหารแต่ละประเภท ชนิด หรือ ลักษณะของอาหารที่ผลิตเพื่อจำหน่าย นำเข้าเพื่อจำหน่าย หรือจำหน่าย รวมทั้งการใช้และเครื่องปรุงแต่งกลิ่นรส

(ค)

กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการใช้วัตถุเจือปนอาหาร การใช้วัตถุที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ การใช้วัตถุที่อาจมีผลต่อการป้องกันการเสื่อม การเจือสี หรือวัตถุอื่นในอาหารที่ผลิตเพื่อจำหน่าย นำเข้าเพื่อจำหน่าย หรือจำหน่าย

(ง)

กำหนดคุณภาพหรือมาตรฐานของภาชนะบรรจุและการใช้ภาชนะบรรจุ ตลอดจนการห้ามใช้วัตถุใดเป็นภาชนะบรรจุอาหารด้วย

(จ)

กำหนดวิธีการผลิต เครื่องมือ เครื่องใช้ในการผลิตและการเก็บรักษาอาหารเพื่อป้องกันมิให้อาหารที่ผลิตเพื่อจำหน่าย นำเข้าเพื่อจำหน่าย หรือจำหน่ายเป็นอันตรายต่อสุขภาพ พระราชบัญญัตินี้

(ฉ)

กำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย

(ช)

กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการตรวจ การเก็บตัวอย่าง การยึด การอายัด และการตรวจวิเคราะห์อาหาร

(ซ)

กำหนดประเภทและขอบเขตของการผลิตเพื่อจำหน่าย นำเข้าเพื่อจำหน่าย หรือจำหน่ายที่จะต้องมีฉลาก ข้อความในฉลาก เงื่อนไขและวิธีการแสดงฉลาก ตลอดจนลักษณะและวิธีการโฆษณาในลักษณะอื่น

หมวด ๑

คณะกรรมการอาหาร

มาตรา ๗ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการอาหาร”

ประกอบด้วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานกรรมการ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อธิบดีกรมอนามัย อธิบดีกรมการค้าภายใน อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมปศุสัตว์ อธิบดีกรมประมง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร อธิบดีกรมวิชาการเกษตร อธิบดีกรมการข้าว ผู้แทนกระทรวงกลาโหม ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง กับกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในด้านอาหาร ด้านโภชนาการ ด้านวิทยาศาสตร์การอาหาร ด้านการแพทย์ ด้านการเกษตร ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค หรือด้านอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของคณะกรรมการอาหาร จำนวนไม่เกินห้าคน เป็นกรรมการ ให้รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ซึ่งรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นกรรมการและเลขานุการ และให้ผู้อำนวยการ กองควบคุมอาหาร เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

มาตรา ๘ ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ให้เป็นไปตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้ หรือผู้อำนวยการ แล้วแต่กรณี ในเรื่องดังต่อไปนี้

(๑)

การออกประกาศตามมาตรา ๖

(๒)

การวินิจฉัยอุทธรณ์ตามมาตรา ๑๔

(๓)

การเพิกถอนทะเบียนรับรองตามมาตรา ๑๙

(๔)

การปฏิบัติการตามมาตรา ๔๘

(๕)

การพักใช้ใบอนุญาตหรือการเพิกถอนใบอนุญาตตามมาตรา ๖๑

มาตรา ๙ กรรมการรัฐธรรมนูญต้องไม่ดำรงอยู่ในตำแหน่งหรือตำแหน่งอื่นใดซึ่ง แต่ตั้งไว้

มาตรา ๑๐ นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา ๙ กรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ

(ก)

ตาย

(ข)

ลาออก

(ค)

เป็นบุคคลล้มละลาย

(ง)

เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ

(จ)

ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ในกรณีที่กรรมการพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ รัฐมนตรีแต่งตั้งผู้ซึ่งเป็นกรรมการแทนได้ และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งแล้ว ในกรณีที่กรรมการพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ และทำให้กรรมการมีจำนวนไม่ครบตามที่กำหนดไว้ ให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการเพิ่มเติมอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งแล้ว

มาตรา ๑๑ การประชุมคณะกรรมการ ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม

ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อยู่ในที่ประชุม ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งมีเสียงหนึ่งใน การลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด

มาตรา ๑๒ ให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติการตามที่คณะกรรมการมอบหมาย ให้มีความในมาตรา ๑๑ มาใช้บังคับกับการประชุมของคณะอนุกรรมการโดยอนุโลม

มาตรา ๑๓ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้คณะกรรมการมีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือเรียกให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดมาให้ถ้อยคำ และให้ส่งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องหรือมีผลในการประกอบการพิจารณาได้

หมวด ๒

การขออนุญาตและการออกใบอนุญาต

มาตรา ๑๔ ห้ามมิให้ผู้ใดตั้งโรงงานผลิตอาหารเพื่อจำหน่าย เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากผู้อนุญาต

การขออนุญาตและการออกใบอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๑๕ ห้ามมิให้ผู้ใดนำเข้าสิ่งอาหารเพื่อจำหน่าย เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากผู้อนุญาต

การขออนุญาตและการออกใบอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๑๖ (ก) บัญญัติในมาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๕ ไม่ให้ใช้บังคับกับ

(ก)

การผลิตอาหารหรือการนำเข้าสิ่งอาหารเพื่อจำหน่าย ซึ่งได้รับใบอนุญาตเฉพาะรายจากผู้อนุญาต

(ข)

การผลิตอาหารหรือการนำเข้าสิ่งอาหารเพื่อเป็นตัวอย่างสำหรับการขึ้นทะเบียนตำรับอาหารหรือเพื่อพิจารณาในการสั่งซื้อ ผู้ที่ได้รับการยกเว้นตาม (ก) และ (ข) ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๑๗ ใบอนุญาตที่ออกตามความในมาตรา ๑๔ มาตรา ๑๕ และมาตรา ๑๖

(ก)

ให้มีอายุไม่เกินสามปีนับแต่วันที่ออกใบอนุญาต

(ข)

ให้ผู้รับใบอนุญาตยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตก่อนวันที่ใบอนุญาตจะสิ้นอายุไม่น้อยกว่าสามสิบวัน และเมื่อยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตแล้วให้สามารถประกอบกิจการต่อไปได้จนกว่าจะมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาต การขอต่ออายุใบอนุญาตและการอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๑๙ ในกรณีผู้อุทธรณ์ไม่ออกใบอนุญาต ไม่อนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาต หรือไม่อนุญาตให้ย้ายสถานที่ผลิต สถานที่นำเข้า หรือสถานที่เก็บอาหาร ผู้ขอต่ออายุใบอนุญาต หรือผู้ขออนุญาตย้ายสถานที่ดังกล่าวมีสิทธิจะแสดงเป็นหนังสือถึงรัฐมนตรีภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือของผู้อุทธรณ์ว่าไม่ออกใบอนุญาต ไม่อนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาต หรือไม่อนุญาตให้ย้ายสถานที่ดังกล่าว

คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด ในกรณีที่รัฐมนตรีไม่อนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาต ก่อนที่รัฐมนตรีจะพิจารณาอุทธรณ์ตามวรรคสอง รัฐมนตรีอาจสั่งอนุญาตให้ประกอบกิจการไปพลางก่อนได้ เมื่อมีคำขอของผู้อุทธรณ์

หมวด ๓

หน้าที่ของผู้รับอนุญาตเกี่ยวกับอาหาร

มาตรา ๒๐ ห้ามมิให้ผู้รับอนุญาตตามมาตรา ๑๔ หรือมาตรา ๑๕ ผลิต นำเข้า หรือเก็บอาหารนอกสถานที่ซึ่งระบุไว้ในใบอนุญาต

มาตรา ๒๑ ห้ามมิให้ผู้รับอนุญาตขายอาหารนอกสถานที่ผลิต สถานที่นำเข้าหรือสถานที่เก็บอาหารเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากผู้อนุญาต

การขออนุญาตและการอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๒๒ ถ้าใบอนุญาตหรือใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับอาหารสูญหายหรือถูกทำลาย ให้ผู้รับอนุญาตแจ้งต่อผู้อนุญาต และยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตหรือใบแทนใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับอาหารในลักษณะนั้นภายในกำหนดเวลาที่ผู้อนุญาตกำหนดดังกล่าว

การขอรับใบแทนใบอนุญาต หรือใบแทนใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับอาหาร และการออกใบแทนใบอนุญาตหรือใบแทนใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับอาหาร ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๒๓ ผู้รับอนุญาตต้องแสดงใบอนุญาตหรือใบแทนใบอนุญาต แล้วแต่กรณีไว้ในสถานที่ผลิต สถานที่นำเข้า หรือสถานที่เก็บอาหารที่ระบุไว้ในใบอนุญาต และต้องติดหรือวางไว้ในสถานที่ผลิต หรือสถานที่เก็บอาหารให้ปรากฏใบอนุญาตไว้ในทางที่เห็นได้โดยให้เห็นได้ง่าย

มาตรา ๒๔ เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ และเมื่อมีความจำเป็นเพื่อการควบคุมการผลิตอาหารควบคุมเฉพาะเพื่อสอบว่าเป็นอาหารควบคุมเฉพาะที่มีคุณภาพมาตรฐานหรือไม่ ผู้อนุญาตจะอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้ผู้รับอนุญาตผลิตอาหารควบคุมเฉพาะได้ตามที่มาตรฐานกำหนด

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ต่างประเทศหรือมาตรฐานระหว่างประเทศไม่ว่าจะต่ำกว่าหรือสูงกว่าคุณภาพหรือมาตรฐานตามที่ รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามมาตรา 6 ก็ได้ แล้วให้รายงานคณะกรรมการทราบ

หมวด 4

การควบคุมอาหาร

มาตรา 25 ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต นำเข้าเพื่อจำหน่าย หรือจำหน่ายซึ่งอาหารดังต่อไปนี้

(ก)

อาหารไม่บริสุทธิ์

(ข)

อาหารปลอม

(ค)

อาหารผิดมาตรฐาน

(ง)

อาหารอื่นที่รัฐมนตรีกำหนด

มาตรา 26 อาหารที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ให้ถือว่าเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์

(ก)

อาหารที่มีสิ่งที่น่าจะเป็นอันตรายแก่สุขภาพเจือปนอยู่ด้วย

(ข)

อาหารที่มีสารหรือวัตถุเคมีเจือปนอยู่ในอัตราที่อาจเป็นเหตุให้คุณภาพของ อาหารนั้นลดลง เว้นแต่กรณีอนุญาตให้เจือปนด้วยกรรมวิธีผลิต การผลิต และได้รับอนุญาตจาก พนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว

(ค)

อาหารที่ได้ผลิต บรรจุ หรือเก็บรักษาไว้โดยไม่ถูกสุขลักษณะ

(ง)

อาหารที่ผลิตจากสัตว์ที่เป็นโรคอันอาจติดต่อถึงคนได้

(จ)

อาหารที่มีลักษณะบรรจุในภาชนะที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

มาตรา 27 อาหารที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ให้ถือว่าเป็นอาหารปลอม

(ก)

อาหารที่ได้ผสมหรือปรุงแต่งบางส่วน หรือทั้งหมดด้วยวัตถุที่มีคุณค่าอาจเสีย ทั้งหมดหรือบางส่วน และทำให้อาหารนั้นหรือเชื่อว่าอาหารนั้น หรือใช้ชื่ออาหารนั้น

(ข)

วัตถุหรืออาหารที่ผลิตขึ้นเพื่อขายแทนอาหารอย่างหนึ่งแต่แสดงว่าเป็นอาหาร อย่างอื่นนั้น

(ค)

อาหารที่ผสมหรือปรุงแต่งด้วยวัตถุอื่น ๆ โดยประสงค์จะปิดซ่อนหรือเจือความ ชำรุดบกพร่องหรือความด้อยคุณภาพของอาหารนั้น

(ง)

อาหารที่ปลอมเพื่อขาย หรือขายของลวงผู้ซื้อให้เข้าใจผิดในเรื่องคุณภาพ ปริมาณ ประโยชน์ หรือข้อเท็จจริงอื่น หรือในลักษณะหรือแหล่งที่ผลิต

(จ)

อาหารที่แสดงฉลากหรือโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณหรือคุณภาพอันเป็นเท็จ ตามมาตรา 8 (ข) หรือ (ค) ถึงแม้ฉลากหรือโฆษณานั้นจะได้แสดงข้อความปฏิเสธ ความรับผิดชอบอันเกิดจากข้อความที่กล่าวอ้าง หรือแสดงว่าคุณภาพมาตรฐานที่ระบุ ไว้เท่านั้นก็ให้ถือว่าอาหารนั้นปลอม

มาตรา 28 อาหารผิดมาตรฐานได้แก่ อาหารที่ไม่ถูกต้องตามคุณภาพหรือมาตรฐาน ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามมาตรา 6 (ก) หรือ (ข) แต่ไม่ถึงลักษณะที่กำหนดไว้ในมาตรา 26 หรือ 27

มาตรา ๒๙ อาหารที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าเป็นอาหารตามมาตรา ๒๕ (๔)

(๑)

ไม่ปลอดภัยในการบริโภค หรือ

(๒)

มีสิ่งเจือปนไม่เป็นไปตามที่กำหนด หรือ

(๓)

มีคุณค่าหรือคุณประโยชน์ต่อร่างกายไม่ตรงกับที่ได้แสดงไว้

มาตรา ๓๐ เพื่อประโยชน์แก่การควบคุมอาหารให้ถูกสุขลักษณะหรือให้ปราศจากอันตรายแก่ผู้บริโภค ให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยามีอำนาจ

(ก)

ออกคำสั่งเป็นหนังสือให้ผู้รับอนุญาตผลิตหรือนำเข้าอาหาร ดัดแปลง แก้ไข สถานที่ผลิต หรือสถานที่เก็บอาหาร

(ข)

สั่งให้ผลิตภัณฑ์ หรืองดนำเข้าสิ่งอาหารที่ผลิตโดยไม่ได้รับอนุญาต หรืออาหารที่ปรากฏจากผลการตรวจพิสูจน์ว่าเป็นอาหารที่ไม่ครบถ้วนการบริโภค

(ค)

ประกาศผลการตรวจพิสูจน์อาหารให้ประชาชนทราบในกรณีที่ปรากฏผลจากการตรวจพิสูจน์ว่าอาหารนั้นเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ตามมาตรา ๒๖ หรือเป็นอาหารที่ไม่ปลอดภัยตามมาตรา ๒๗ หรือเป็นอาหารที่ผิดมาตรฐานตามมาตรา ๒๘ หรือเป็นอาหารที่ไม่ตรงกับข้อความต่อสุขภาพหรืออนามัยของประชาชน หรือก่อให้เกิดโรคอุบัติใหม่หรือโรคที่อาจเป็นอันตรายต่อการบริโภคอาหาร โดยให้ระบุชื่อผู้ผลิตหรือนำเข้าอาหารนั้นด้วย

(ง)

ในกรณีที่มีปรากฏลักษณะผิดโดยแน่ชัด ให้ระบุชื่อผู้ผลิตหรือผู้รับผิดชอบลักษณะของอาหารนั้นพร้อมทั้งชนิดและลักษณะของอาหารหรือภาชนะบรรจุภัณฑ์

หมวด ๕

การขึ้นทะเบียนและการโฆษณาเกี่ยวกับอาหาร

มาตรา ๓๑ ผู้รับอนุญาตตามมาตรา ๕ หรือมาตรา ๑๔ ผู้มีอาชีพผลิตหรือนำเข้าสิ่งอาหารควบคุมเฉพาะต้องนำอาหารนั้นมาขึ้นทะเบียนต่อผู้อนุญาตเสียก่อน และเมื่อได้รับใบสำคัญการขึ้นทะเบียนเกี่ยวกับอาหารแล้ว จึงจะผลิตหรือนำเข้าได้

การขอขึ้นทะเบียนและการออกใบสำคัญการขึ้นทะเบียนเกี่ยวกับอาหารให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๓๒ เมื่อได้รับใบสำคัญการขึ้นทะเบียนเกี่ยวกับอาหารตามมาตรา ๓๑ แล้ว ให้ผู้รับอนุญาตตามมาตรา ๑๔ ซึ่งผลิตอาหารควบคุมเฉพาะอยู่นอกท้องที่ที่ระบุไว้ในใบสำคัญการขึ้นทะเบียนต้องได้รับใบอนุญาตผลิตอาหารควบคุมเฉพาะในท้องที่นั้นด้วย ทั้งนี้ให้การผลิตต่อไปได้เป็นการชั่วคราว ภายในกำหนดเวลาตามที่เห็นสมควร

มาตรา ๑๓๓ เมื่อได้มีประกาศตามมาตรา ๖ (๑) แล้ว ให้ผู้รับอนุญาตตามมาตรา ๑๕ ซึ่งนำหรือส่งอาหารควบคุมเฉพาะเข้ามาในราชอาณาจักรอยู่ก่อนวันประกาศกำหนด นำอาหารนั้นมาขึ้นทะเบียนตำรับอาหารตามมาตรา ๑๓ ภายในกำหนดหกสิบวันนับแต่วันที่มีประกาศกำหนด วันเดียวกับอนุญาตต้องแสดงใบอนุญาตประกอบการตามกฎหมายอื่น

มาตรา ๑๓๔ ผู้รับอนุญาตตามมาตรา ๑๕ ซึ่งนำหรือส่งอาหารควบคุมเฉพาะเพื่อผลิตหรือ นำเข้าสิ่งอาหารควบคุมเฉพาะให้ตรงตามที่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับอาหารหรือการกำหนดใดๆ

มาตรา ๑๓๕ การขอขึ้นทะเบียนตำรับอาหารตามมาตรา ๑๓ ต้องแจ้งรายการหรือรายละเอียดดังต่อไปนี้

(ก)

ชื่ออาหาร

(ข)

ชื่อและปริมาณของวัตถุที่เป็นส่วนประกอบของอาหาร

(ค)

ขนาดบรรจุ

(ง)

ฉลาก

(จ)

ชื่อผู้ผลิตและสถานที่ผลิต

(ฉ)

ผลการตรวจวิเคราะห์อาหารจากส่วนราชการหรือสถาบันที่คณะกรรมการกำหนด

(ช)

รายการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขอขึ้นทะเบียนตำรับอาหาร

มาตรา ๑๓๖ การแก้ไขรายการทะเบียนตำรับอาหาร จะกระทำได้เมื่อได้รับอนุญาตจากผู้อนุญาต

การขอแก้ไขรายการทะเบียนตำรับอาหาร และการอนุญาตให้แก้ไขรายการทะเบียนตำรับอาหาร ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๑๓๗ ใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับอาหารให้ใช้ได้ตลอดไป เว้นแต่ทะเบียนตำรับอาหารที่ถูกสั่งเพิกถอนตามมาตรา ๑๓๘

มาตรา ๑๓๘ ในกรณีที่มีความจำเป็น เพื่อประโยชน์ในการควบคุมอาหาร เพื่อให้ อาหารนั้นปลอดภัยในการบริโภค หรือเพื่อป้องกันอันตรายต่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ผู้อนุญาตอาจสั่งให้แก้ไขทะเบียนตำรับอาหารที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ตามที่เห็นสมควรหรืออาจสั่งยกเลิก เพื่อให้อาหารนั้นปลอดภัยในการบริโภค

มาตรา ๑๓๙ อาหารที่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับอาหารไว้แล้ว หากภายหลังปรากฏว่า อาหารนั้นมีพิษหรือสิ่งปนเปื้อนที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค หรือเป็นอาหารปลอมปนตามมาตรา ๒๗ หรือเป็นอาหารที่ไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภคและไม่อาจแก้ไขได้ตามวิธีการที่กำหนดในกฎหมายนี้ ให้ผู้อนุญาตมีอำนาจสั่งให้เพิกถอนทะเบียนตำรับอาหารนั้นได้ การเพิกถอนให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

คำสั่งของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด

มาตรา ๑๔๐ ห้ามมิให้ใช้โฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหาร อันเป็นเท็จหรือเป็นการหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร

มาตรา ๑๔๑ ผู้ใดประสงค์จะโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพหรือสรรพคุณของอาหาร ทางวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ภาพยนตร์ หรือทางสื่ออื่นใด ต้องยื่นคำขอต่อ อย. ภาพยนตร์ หรือข้อความที่จะโฆษณา ผู้นั้นอาจโฆษณาตามข้อความที่ได้รับอนุญาตแล้วเท่านั้น

มาตรา ๑๔๒ เพื่อพิทักษ์ประโยชน์และความปลอดภัยของผู้บริโภคให้ผู้อำนวยการมีอำนาจสั่งเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้

(ก)

ให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า หรือผู้จำหน่ายอาหาร หรือผู้ทำการโฆษณาระงับการโฆษณาอาหารที่เห็นว่าเป็นการโฆษณาโดยไม่สมควร

(ข)

ให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า หรือผู้จำหน่ายอาหาร หรือผู้ทำการโฆษณาอาหาร ระงับการผลิต การนำเข้า การจำหน่าย หรือการโฆษณาอาหารที่มีข้อความหรือการแสดงที่กล่าวอ้างไม่มีคุณประโยชน์ คุณภาพหรือสรรพคุณตามที่โฆษณา

หมวด ๖

พนักงานเจ้าหน้าที่

มาตรา ๑๔๓ ในการปฏิบัติหน้าที่ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดังนี้

(ก)

เข้าไปในสถานที่ผลิตอาหาร สถานที่เก็บอาหาร สถานที่จำหน่ายอาหาร หรือสถานที่ทำการของผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้จำหน่าย รวมทั้งสถานที่ทำการของผู้ที่นำหรือส่งเข้าไปในสถานที่จำหน่ายอาหาร ในระหว่างเวลาทำการเพื่อตรวจสอบ ควบคุมให้การเป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้

(ข)

ในกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า มีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ อาจเข้าไปในที่หรือยานพาหนะใด ๆ เพื่อรวบรวมอาหาร และของที่เกี่ยวข้องกับอาหาร และเครื่องมือเครื่องใช้ในการผลิตอาหารตลอดจนเอกสารหรือหนังสือบรรจุอาหารและเอกสารที่เกี่ยวกับการจัดจำหน่าย

(ค)

นำอาหารไปตรวจสอบหรือเก็บตัวอย่างอาหารเพื่อการตรวจสอบคุณภาพหรือความปลอดภัยของอาหารนั้น

(ง)

ยึดหรืออายัดอาหารที่มีเหตุอันควรเชื่อว่าเป็นอาหารที่ไม่ปลอดภัยต่อการบริโภคหรืออาหารที่มีการกระทำผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่แสดงบัตรประจำตัวต่อบุคคลที่เกี่ยวข้องก่อน

มาตรา 45 อาคารหรือสถานประกอบธุรกิจที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบแล้วว่า หรือเก็บตามมาตรา 43 เพื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจพิสูจน์เป็นที่แน่นอนว่าเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ตามมาตรา 26 เป็นอาหารปลอมตามมาตรา 27 หรือเป็นอาหารผิดมาตรฐานตามมาตรา 28 หรือเป็นอาหารที่มีรูปลักษณะตามที่กำหนดตามมาตรา 25 (4) หรือเป็นอาหารบรรจุที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพหรือความปลอดภัยของประชาชน หรืออาหารที่มีฉลากหรือการแสดงฉลากที่มีรูปลักษณะตามที่ระบุในประกาศกำหนดตามมาตรา 25 (5) ถ้ามีได้การฟ้องคดีต่อศาล ผู้อนุญาตโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีอำนาจสั่งห้ามขาย หรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่เห็นสมควร

มาตรา 46 ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวต่อผู้รับอนุญาตหรือผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย

บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง

หมวด 7 การพักใช้ใบอนุญาตและการเพิกถอนใบอนุญาต

มาตรา 48 เมื่อปรากฏต่อผู้อนุญาตว่าผู้รับอนุญาตไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงหรือประกาศตามพระราชบัญญัตินี้ หรือในการนี้มีการฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อนุญาตหรือคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือมีการผลิตหรือจำหน่ายอาหารที่ไม่บริสุทธิ์ตามมาตรา 26 เป็นอาหารปลอมตามมาตรา 27 เป็นอาหารผิดมาตรฐานตามมาตรา 28 หรือเป็นอาหารที่มีรูปลักษณะตามที่กำหนดตามมาตรา 25 (4) หรือเป็นอาหารบรรจุที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพหรือความปลอดภัยของประชาชน ผู้อนุญาตโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีอำนาจสั่งพักใช้ใบอนุญาตได้ โดยมีกำหนดครั้งละไม่เกินหกสิบวัน หรือในกรณีที่มีการพักใช้ใบอนุญาตต่อคราวใดครบกำหนดตามพระราชบัญญัตินี้ จะสั่งพักใช้ใบอนุญาตไว้รอคำพิพากษาของศาลก็ได้

ในกรณีมีการพักใช้ใบอนุญาตอย่างสิ้นเชิงที่สุด ผู้รับอนุญาตผู้ใดได้กระทำความผิดตามมาตรา 26 หรือมาตรา 27 ผู้อนุญาตโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีอำนาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตได้ คำสั่งพักใช้ใบอนุญาตและคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้เป็นหนังสือแจ้งให้ผู้รับอนุญาตทราบ ในกรณีที่เห็นว่าผู้รับอนุญาตหรือผู้รับอนุญาตไม่ยอมรับคำสั่ง ให้คำสั่งดังกล่าวไปปิดไว้ในที่เปิดเผยที่เห็นได้ง่าย ณ สถานที่ผลิต สถานที่นำเข้า สถานที่จำหน่าย หรือสถานที่ทำการของผู้รับอนุญาต และให้ถือว่าผู้รับอนุญาตได้รับทราบคำสั่งนั้นแล้ว ผู้รับอนุญาตซึ่งถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตหรือเพิกถอนใบอนุญาตมีสิทธิโต้แย้งหรืออุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบคำสั่ง รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งให้ยกหรือยืนตามคำสั่งของผู้อนุญาตได้โดยให้ถือคำสั่งของรัฐมนตรีเป็นที่สุด การอุทธรณ์ดังกล่าวรัฐมนตรีอาจมอบให้เป็นการพิจารณาของคณะกรรมการอุทธรณ์คำสั่งพักใช้ใบอนุญาตหรือคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต ให้ถือว่าการผลิต นำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายซึ่งอาหารควบคุม เฉพาะในระหว่างถูกสั่งให้ใช้ใบอนุญาตหรือถูกเพิกถอนใบอนุญาต เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 15 วรรคหนึ่ง หรือมาตรา 15 วรรคหนึ่ง แล้วแต่กรณี

หมวด 8 บทกำหนดโทษ

มาตรา 47 ผู้ใดฝ่าฝืนประกาศที่ออกตามมาตรา 5 (2) (4) หรือ (5) ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท

มาตรา 48 ผู้ใดฝ่าฝืนประกาศที่ออกตามมาตรา 5 (3) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 49 ผู้ใดฝ่าฝืนประกาศที่ออกตามมาตรา 5 (6) ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

มาตรา 50 ผู้ใดฝ่าฝืนประกาศที่ออกตามมาตรา 5 (8) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีและปรับไม่เกินห้าหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 51 ผู้ใดฝ่าฝืนประกาศที่ออกตามมาตรา 5 (10) ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามหมื่นบาท

มาตรา 52 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการตามมาตรา 13 หรือขัดขวาง หรือไม่อำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติการตามมาตรา 13 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 53 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 15 วรรคหนึ่ง หรือมาตรา 15 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 54 ผู้ใดผลิตหรือนำเข้าซึ่งอาหารเฉพาะคราวโดยมิได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 16 (1) หรือไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 16 วรรคสอง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท

มาตรา 55 ผู้รับอนุญาตผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 20 วรรคหนึ่ง หรือมาตรา 22 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท

มาตรา ๔๕ ผู้รับอนุญาตผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง หรือมาตรา ๒๓ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

มาตรา ๔๖ ผู้รับอนุญาตผู้ใดนำอาหารควบคุมเฉพาะที่ผลิตเพื่อส่งออกไปจำหน่ายนอกราชอาณาจักรจากที่ระบุไว้ในรายการที่จดทะเบียนไว้ตามมาตรา ๒๔ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินสามแสนบาท

มาตรา ๔๗ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๕ (๑) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๔๘ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๕ (๒) ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงห้าแสนบาท

มาตรา ๔๙ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๕ (๓) ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท

มาตรา ๕๐ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๕ (๔) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๕๑ ผู้รับอนุญาตผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อำนวยการซึ่งสั่งตามมาตรา ๓๐ (๑) ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

มาตรา ๕๒ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อำนวยการซึ่งสั่งตามมาตรา ๓๐ (๒) ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท และปรับเป็นรายวันอีกวันละห้าร้อยบาทตลอดเวลาที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว

มาตรา ๕๓ ผู้รับอนุญาตผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๓๑ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๕๔ ผู้ใดจำหน่ายอาหารควบคุมเฉพาะที่ผลิตขึ้นโดยไม่จดทะเบียนตามมาตรา ๓๑ ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท

มาตรา ๕๕ ผู้รับอนุญาตผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๓๓ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๒๘ ผู้รับอนุญาตผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อนุญาตซึ่งสั่งตามมาตรา ๘ ต้องระวางโทษปรับเป็นรายวันละห้าร้อยบาทตลอดเวลาที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว

มาตรา ๒๙ ผู้ใดผลิต นำเข้าเพื่อจำหน่าย หรือจำหน่ายอาหารที่รัฐมนตรีสั่งเพิกถอนทะเบียนตำรับอาหารตามมาตรา ๔ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๓๐ ผู้ใดโฆษณาอาหารโดยฝ่าฝืนมาตรา ๔๐ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๓๑ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๔ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท

มาตรา ๓๒ ผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อนุญาตซึ่งสั่งตามมาตรา ๔๖ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับเป็นรายวันวันละไม่ น้อยกว่าห้าร้อยบาทแต่ไม่เกินหนึ่งพันบาท ตลอดเวลาที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว

มาตรา ๓๓ ถ้าการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นความผิดตามมาตรา ๔๕ มาตรา ๔๖ มาตรา ๔๗ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ หรือมาตรา ๕๐ และเป็นการกระทำโดยมิใช่การค้าโดยปกติผู้กระทำความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท แต่ถ้าผู้กระทำความผิดเป็นผู้เยาว์ซึ่งมีอายุไม่เกินสิบห้าปีบริบูรณ์ และได้กระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือโดยประมาท ผู้ปกครองหรือผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์นั้นต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ให้ผู้ปกครองหรือผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์นั้นมีสิทธินำสืบเพื่อพิสูจน์ว่าตนมิได้รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้เยาว์กระทำความผิดนั้น

มาตรา ๓๔ ผู้รับอนุญาตผู้ใดผลิตหรือจำหน่ายอาหารภายหลังที่ใบอนุญาตสิ้นอายุ แล้วโดยมิได้ยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาต ต้องระวางโทษปรับเป็นรายวันวันละไม่เกินห้าร้อยบาท แต่ไม่เกินหนึ่งพันบาทตลอดเวลาที่ใบอนุญาตขาดอายุ

มาตรา ๓๕ บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ที่มีโทษปรับสถานเดียว ให้เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา หรือผู้ซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยามอบหมายมีอำนาจเปรียบเทียบปรับได้

บทเฉพาะกาล

มาตรา ๓๖ ในอนุญาตประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอาหารตามกฎหมายว่าด้วยการ ควบคุมคุณภาพอาหารก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ถือใช้ได้ต่อไปจนครบอายุที่กำหนดไว้ในใบอนุญาตนั้น เว้นแต่จะมีบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ต่อไปในใบอนุญาตนั้นๆ หรือระหว่างที่ผู้

อนุญาตให้แจ้งให้ทราบถึงการไม่อนุญาต และในกรณีที่ได้รับใบอนุญาตใหม่ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัตินี้แล้วเสร็จภายในหนึ่งหรือแปดสิบวันนับแต่วันที่ได้รับใบอนุญาต

มาตรา ๑๗๗ ในรายละเอียดของอาหารที่ได้รับอนุญาตให้ และออกกำหนดให้ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมคุณภาพอาหารก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้มีผลใช้ได้เสมือนกับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้บังคับ

มาตรา ๑๗๘ ให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าส่งอาหารอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับมาขออนุญาตตามมาตรา ๑๔ หรือมาตรา ๑๕ ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เมื่อได้ยื่นคำขออนุญาตแล้วให้ดำเนินกิจการต่อไปได้จนกว่าจะได้รับใบอนุญาตหรือถึงวันที่ผู้อนุญาตได้แจ้งให้ทราบถึงการไม่อนุญาต

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ส. โหตระกิตย์ รองนายกรัฐมนตรี อัตราค่าธรรมเนียม

(๑)

ใบอนุญาตผลิตอาหาร ฉบับละ ๑๐,๐๐๐ บาท

(๒)

ใบอนุญาตนำหรือสั่งอาหารเข้ามาในราชอาณาจักร ฉบับละ ๒๐,๐๐๐ บาท

(๓)

ใบอนุญาตผลิตอาหารเป็นการเฉพาะคราว ฉบับละ ๒,๐๐๐ บาท

(๔)

ใบอนุญาตนำหรือสั่งอาหารเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะคราว ฉบับละ ๒,๐๐๐ บาท

(๕)

ใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับอาหาร ฉบับละ ๕,๐๐๐ บาท

(๖)

ใบแทนใบอนุญาต

(ก)

ใบแทนใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับอาหาร ฉบับละ ๕๐๐ บาท

(ข)

ใบแทนใบอนุญาต ฉบับละ ๕๐๐ บาท

(๗)

การต่ออายุใบอนุญาตครั้งละเท่ากับค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประเภทนั้น ๆ แต่ละฉบับ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้คือ โดยที่กฎหมายว่าด้วยการควบคุมคุณภาพอาหารที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีบทบัญญัติที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันและยังไม่มีบทบัญญัติที่ครอบคลุมป้องกันอันตรายอันเกิดจากคุณภาพอาหาร สมควรปรับปรุงเสียใหม่ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา 284 ในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 ให้แก้ไขคำว่า "อธิบดีกรมควบคุมโรคติดต่อ" เป็น "อธิบดีกรมควบคุมโรค"

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 ได้บัญญัติให้ยกเลิกส่วนราชการที่เป็นกรมโดยการกำหนดให้ ซึ่งไม่มีฐานะเป็นนิติบุคคลเป็นส่วนราชการในกระทรวง ทบวง กรม และเมื่อมีพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม แล้วแต่ยังไม่มีบทบัญญัติที่กล่าวถึงการโอนอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจที่ยกเลิกไปให้ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจอื่นที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลในกระทรวง ทบวง กรม เดียวกันหรือในกระทรวง ทบวง กรม อื่น สมควรแก้ไขบทบัญญัติของกฎหมายให้สอดคล้องกับการโอนส่วนราชการ เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องมีความชัดเจนในการใช้กฎหมายโดยไม่ต้องไปค้นหาในกฎหมายโอนอำนาจหน้าที่ที่ว่าด้วยกฎหมายใดให้มีการโอนอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจของส่วนราชการที่ยกเลิกไปเป็นของกรม หน่วยงานในกระทรวงอื่นแล้ว โดยแก้ไขบทบัญญัติของกฎหมายให้สามารถเปลี่ยนชื่อส่วนราชการ รัฐมนตรี ผู้ดำรงตำแหน่งหรือผู้ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการแทนหรือราชการให้ตรงกับอำนาจหน้าที่ และแต่งตั้งแทนส่วนราชการในคณะกรรมการให้ตรงตามการจัดตั้งส่วนราชการที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลในกระทรวง ทบวง กรม เดียวกันหรือในกระทรวง ทบวง กรม อื่นที่มีการโอนอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการในส่วนราชการที่ยกเลิกไปแล้ว ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติราชการและพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ``` พรพิศล/แก้ไข ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ปริญสุภัสร์/แก้ไข วศิน/ตรวจ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๓ ```