พระราชบัญญัติ การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. ๒๕๖๒ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นปีที่ ๔ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พระราชบัญญัติฉบับนี้เป็นบทบัญญัติทางประการเกี่ยวกับการพัฒนาศิลปะและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๔๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เพื่อให้การระงับข้อพิพาททางอาญาตามพระราชบัญญัตินี้เพื่อให้กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ไม่เป็นภาระและสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายของประชาชนและรัฐ และเพื่อให้การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเป็นไปโดยเที่ยงธรรมและคำนึงถึงผลประโยชน์ของคู่กรณีเป็นสำคัญ โดยกำหนดให้มีคณะกรรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทและการขึ้นทะเบียนผู้ไกล่เกลี่ย เพื่อจัดระเบียบการประกอบอาชีพผู้ไกล่เกลี่ยและคุ้มครองประโยชน์ของคู่กรณีและบุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อพิพาท ซึ่งการตราพระราชบัญญัตินี้สอดคล้องกับเงื่อนไขในบัญญัติมาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ประชุมเห็นชอบ ดังต่อไปนี้
"การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท" หมายความว่า การดำเนินการเพื่อให้คู่กรณีมีโอกาสเจรจาตกลงกันระงับข้อพิพาททางแพ่งและทางอาญาโดยสมัครใจและปราศจากการบังคับหรือข้อพิพาทที่มิใช่รวมถึงการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในขั้นตอนการไต่สวนและในขั้นตอนการพิจารณาคดี "ผู้ไกล่เกลี่ย" หมายความว่า บุคคลที่ได้รับการขึ้นทะเบียนและได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท "ข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐ" หมายความว่า ข้อพิพาทที่คู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายอาจเป็นหรือระหว่างหน่วยงานของรัฐหรือองค์กรใด ๆ ที่มีแต่ละฝ่ายมิใช่บุคคลผู้มีสิทธิและหน้าที่อิสระที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบเฉพาะในส่วนที่ตนได้รับมอบหมาย "หน่วยงานส่วนกลางในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท" หมายความว่า หน่วยงานของรัฐซึ่งดำเนินการระงับข้อพิพาทโดยวิธีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท "หน่วยงานของรัฐ" หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด หรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีฐานะเป็นกระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการ "นายทะเบียน" หมายความว่า หัวหน้าหน่วยงานของรัฐซึ่งดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ข้อพิพาท
หน่วยงานของรัฐสามารถจัดทำบันทึกข้อตกลงการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเพื่อเป็นหลักฐานในการปฏิบัติหน้าที่ได้
ในกรณีที่ศาลสั่งเลื่อนการพิจารณาคดีเพื่อการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทตามมาตรา ๖ ให้ดำเนินการในวาระหนึ่งแห่งการพิจารณาคดีโดยไม่ให้พ้นระยะเวลาที่กำหนดในวรรคหนึ่งหรือกำหนดให้เสร็จสิ้นในเวลาที่เหมาะสม
ให้หน่วยงานของรัฐแจ้งให้กระทรวงยุติธรรมทราบก่อน และเสนอให้รัฐบาล รัฐบาลหรือกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ข้อกำหนด กฎกระทรวง ระเบียบ และข้อบังคับนั้น เมื่อได้รับประกาศในราชกิจจา นุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
การออกใบอนุญาตผู้ไกล่เกลี่ย การสละสิทธิการของผู้ไกล่เกลี่ย และการเพิกถอนการเป็น ผู้ไกล่เกลี่ย ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกำหนด ในกฎกระทรวง
(ข) ช่วยเหลือ อำนวยความสะดวก และเสนอแนะคู่กรณีในการหาแนวทางยุติข้อพิพาท (ค) ดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้วยความเป็นกลาง (ง) จัดทำข้อยุติของกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทตามผลการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในกรณีที่ผู้ไกล่เกลี่ยยุติข้อพิพาทตามหน้าที่โดยสุจริต ย่อมได้รับการคุ้มครองไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา
ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และเสมอภาค
ไม่กระทำการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททุกกรณี ในกรณีที่ไม่อาจเข้าร่วมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทได้ด้วยเหตุผลและความจำเป็นอันทำให้เห็นว่าอาจมีเหตุขัดกันในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบ ไม่ทำให้การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทที่ดำเนินอยู่นั้นเสียหาย
รักษาความลับและไม่กระทำหรือรับสินจ้างหรือประโยชน์อื่นใดจากคู่กรณีหรือบุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อพิพาท
ปฏิบัติหน้าที่ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้วยความสุภาพ
รักษาความลับเกี่ยวกับเรื่องที่ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
ไม่กระทำการในลักษณะที่เป็นการเรียกรับหรือขอทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดที่คู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยื่นข้อเสนอระหว่างกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
กรณีข้อพิพาทที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกำหนดในกฎกระทรวง
เป็นคู่สมรสหรือคู่สมรส
เป็นบุตรหรืออยู่ในลำดับญาติใกล้ชิดใด ๆ หรือเป็นพี่น้องหรือลูกพี่ลูกน้อง นั้นได้เพียงภายในสามปี หรือเป็นญาติสนิทที่ผ่านมาหรือพ้นมาแล้วเพียงสองปี
เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาหรือร่วมบิดาหรือร่วมมารดา หรือเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดา
เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องหรือคู่กรณี หรือเป็นนายจ้างหรือลูกจ้าง
ในกรณีที่คู่กรณีไม่สามารถตกลงกันได้ การดำเนินการดังกล่าวจะต้องได้รับความเห็นชอบจากทุกฝ่ายก่อน
กระทำการหรือแสดงพฤติการณ์ที่ขัดต่อจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
ไม่ปฏิบัติหน้าที่ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทโดยไม่สุจริต โดยไม่เป็นกลาง หรือโดยไม่รอบคอบ
ขาดจริยธรรมตามมาตรา ๑๒
ถูกสั่งให้ออกจากตามมาตรา ๑๔
(ก) ตาย (ข) ลาออก (ค) สิ้นสภาพการเป็นผู้ไกล่เกลี่ยหรือถูกเพิกถอนการเป็นผู้ไกล่เกลี่ย (ง) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๐
การไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางแพ่ง
กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางแพ่ง
การไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางแพ่งตามวรรคหนึ่ง ต้องอยู่ในเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (ก) ต้องเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าหรือเกี่ยวกับทรัพย์สิน (ข) ต้องมีการพิจารณาคดีในศาลหรือเกี่ยวกับการพิจารณาคดี (ค) ต้องมีข้อตกลงที่สามารถทำให้บังคับได้ (ง) ต้องมีจำนวนคู่กรณีไม่เกินในพระราชบัญญัติ (จ) และ (ฉ) ต้องเป็นทรัพย์สินในลักษณะตามกฎหมาย หรือไม่เกินจำนวนที่กำหนดในพระราชบัญญัติ
คำร้องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงเกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ให้ยื่นคำร้องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ให้หน่วยงานซึ่งดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทสอบถามความสมัครใจของคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งที่จะเข้าร่วมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ถ้าคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งไม่สมัครใจเข้าร่วมกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ให้หน่วยงานซึ่งดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทบันทึกคำร้องไกล่เกลี่ยข้อพิพาทนั้น และแจ้งให้คู่กรณีผู้ยื่นคำร้องไกล่เกลี่ยข้อพิพาททราบ ในกรณีที่คู่กรณีสมัครใจเข้าร่วมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท และคู่กรณีไม่สามารถไกล่เกลี่ยข้อพิพาทได้ ให้หน่วยงานดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระงับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทไว้ รวมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทได้ การยื่นคำร้องขอไกล่เกลี่ยข้อพิพาท รายละเอียดของคำร้อง และระยะเวลาในการพิจารณาคำร้องขอไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่หน่วยงานซึ่งดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทประกาศกำหนด
การแต่งตั้งผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทให้คำนึงถึงความเป็นกลาง ความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ของผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทนั้น ๆ รวมทั้งความสมัครใจของคู่กรณีที่จะได้รับการแต่งตั้ง ให้หน่วยงานดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแจ้งคู่กรณีทราบก่อนการแต่งตั้งผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ความเป็นอิสระของผู้ไกล่เกลี่ยในการปฏิบัติหน้าที่นั้นอยู่ไกล่เกลี่ยตามมาตรา ๒๓ และคู่กรณีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดคัดค้านการหรือผู้ไกล่เกลี่ยที่แต่งตั้งตามมาตราดังกล่าว ให้ผู้ไกล่เกลี่ยนั้นหยุดการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทไว้ก่อน และแจ้งให้หน่วยงานซึ่งดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททราบ เพื่อที่หน่วยงานจะพิจารณาดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทดังกล่าวจะได้ดำเนินต่อไป การยื่นคำคัดค้าน การพิจารณาคำคัดค้าน และการให้ผู้ไกล่เกลี่ยยุติการปฏิบัติหน้าที่ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกระทรวงกำหนดในกฎกระทรวง
การแจ้งข้อจำกัดดังกล่าวให้คู่กรณีทราบ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่หน่วยงานซึ่งดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทกำหนด
ในกรณีไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เมื่อผู้ไกล่เกลี่ยสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อพิพาท ความประสงค์ของคู่กรณีที่มีระยะข้อพิพาท และข้อเท็จจริงอื่นที่เกี่ยวข้องกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแล้ว ให้ผู้ไกล่เกลี่ยอธิบายให้คู่กรณีเข้าใจถึงขั้นตอนและกำหนดเงื่อนไขร่วมกันก่อนนำไปสู่การตกลงระงับข้อพิพาทกันได้
(ก) ความประสงค์หรือความสมัครใจของคู่กรณีในการเข้าร่วมไกล่เกลี่ยข้อพิพาท (ข) ความเห็นหรือข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางหรือวิธีการในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของคู่กรณี (ค) การยอมรับหรือความคิดเห็นที่ระบุโดยคู่กรณีในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท (ง) ข้อเสนอใด ๆ ที่เสนอโดยผู้ไกล่เกลี่ย (จ) ข้อเท็จจริงที่แสดงให้เห็นถึงความสมัครใจหรือยอมรับข้อเสนอในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท (ฉ) เอกสารที่จัดทำโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจะใช้หรือใช้ในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท โดยเฉพาะ พยานหลักฐานหรือข้อเท็จจริงใดที่มีอยู่แล้วก่อนกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของศาล กระบวนการอนุญาโตตุลาการ หรือกระบวนการพิจารณาอื่นใด ย่อมไม่ต้องห้ามตามพระราชบัญญัตินี้ และคู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สามารถใช้ในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
บันทึกหรือเอกสารของวรรณะหนึ่ง อย่างน้อยต้องมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
ชื่อและที่อยู่ของคู่กรณี
ข้อพิพาททางกฎหมาย
ความสมัครใจเข้าร่วมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
สาระสำคัญของข้อมูลการเจรจาเพื่อประยุกต์การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เช่น การเสนอใช้ เยียวยาความเสียหาย หรือแนวทางการปฏิบัติระหว่างคู่กรณี ระยะเวลาในการดำเนินการ หรือวิธีการอื่น ไม่ติดใจที่จะรับการไกล่เกลี่ยเยียวยาความเสียหาย
คู่กรณีตกลงระงับข้อพิพาทกันได้
คู่กรณีถอนตัวจากการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทตามมาตรา ๒๗
ผู้ไกล่เกลี่ยเห็นว่าการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทต่อไปจะไม่เป็นประโยชน์และให้ยุติ การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
การรับคําร้องการระงับข้อพิพาท
ระงับข้อพิพาทแล้ว แต่คู่กรณีฝ่ายที่ถูกเรียกร้องนั้นไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงระงับข้อพิพาท คู่กรณี ฝ่ายที่เรียกร้องอาจยื่นคำร้องของตนต่อให้ได้รับคำตามข้อตกลงระงับข้อพิพาท การร้องขอตามวรรณะหนึ่งให้ยื่นต่อศาลยุติธรรมที่มีการทำข้อตกลงระงับข้อพิพาท ในเขตตามนั้นหรือศาลยุติธรรมที่คู่กรณีสมัครใจเลือกในเขตตามนั้นมีอำนาจ หรือศาลยุติธรรม ที่มีเขตอำนาจจากการพิจารณาข้อพิพาทที่มิได้การไกล่เกลี่ยนั้น และให้ศาลดำเนินการโดย กฎหมายวิธีการพิจารณาความแพ่งในชั้นบังคับคดีหรือของให้ศาลดำเนินการของมูลคดีการ ในประเทศ
แก่ศาลหรือคู่กรณีมีเหตุอันคู่ขัดขวางข้อตกลงนั้นให้เป็นที่ยุติได้
คู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมิได้ปฏิบัติตามข้อในส่วนอันมีความสามารถในการบังคับ ระงับข้อพิพาท
มูลเหตุแห่งข้อพิพาทหรือข้อกำหนดระงับข้อพิพาทสิ้นสุดและเป็นการพิจารณาแจ้ง โดยกฎหมาย เป็นการพิจารณา หรือวิธีการอื่น ๆ ที่มิได้ระบุไว้ในข้อกำหนดระงับข้อพิพาท
ข้อกำหนดระงับข้อพิพาทเกิดจากการฉ้อฉล บังคับ ขู่เข็ญ หรือกระทำการโดยมิชอบ ด้วยประการใด ๆ
มีเหตุเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้ไกล่เกลี่ยตามมาตรา ๒๔ ที่มีผลต่อการดำเนินบันทึกข้อตกลงอย่างสำคัญ ห้ามมิให้ยกข้อคัดค้านตามวรรคหนึ่ง เว้นแต่ (ก) ศาลสั่งไม่รับบันทึกข้อตกลงระงับข้อพิพาท (ข) ศาลสั่งไม่เป็นไปตามบันทึกข้อตกลงระงับข้อพิพาท (ค) ศาลสั่งเพิกถอนบันทึกข้อตกลงระงับข้อพิพาท คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลดังกล่าวข้างต้นให้เป็นที่สุด
การไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญา
ความผิดยอมความได้
ความผิดตามกฎหมายตามมาตรา ๓๕๖ มาตรา ๓๕๗ มาตรา ๓๕๘ มาตรา ๓๕๙ มาตรา ๓๖๐ มาตรา ๓๖๑ มาตรา ๓๖๒ และมาตรา ๓๖๓ แห่งประมวลกฎหมายอาญา และความผิดตามกฎหมายอื่นที่ประธานศาลฎีกาโดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกากำหนด การไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาตามวรรคหนึ่งเมื่อคู่กรณีทำข้อตกลงระงับข้อพิพาททางอาญากันแล้ว ให้ถือว่ามีสิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับเฉพาะคู่กรณีที่มีข้อพิพาทดังกล่าว
เมื่อการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาสิ้นสุดแล้ว ให้พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ หรือศาลพิจารณาคดีหรือการพิจารณาคดีที่แล้วแต่กรณี หากคู่กรณีทำข้อตกลงระงับข้อพิพาทหรือกรณีคู่กรณีระงับข้อพิพาทแล้ว ให้พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ หรือศาลในกรณีที่คู่กรณีตกลงระงับข้อพิพาททางอาญากันได้ ให้สั่งระงับการสอบสวนหรือพิจารณาคดีต่อไป ในกรณีที่การไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาไม่เป็นผล ให้พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ หรือศาล สั่งคดี หรือพิจารณาคดีต่อไป
ในกรณีที่ศาลตรวจสำนวนแล้วเห็นว่าข้อพิพาทที่ได้ระงับไปแล้วมีลักษณะไม่ใช่เรื่องประโยชน์แห่งส่วนตนในการปฏิบัติตามข้อตกลง ให้มีความในมาตรา 36 มิให้ใช้บังคับในกรณีที่คู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง
“คู่กรณี” หมายความว่า ผู้ต้องหาและผู้เสียหายในคดีอาญา แต่ไม่หมายความรวมถึงคดีอาญาที่รัฐหรือหน่วยงานของรัฐเป็นผู้เสียหาย
พนักงานสอบสวนมีผู้ต้องหาออกคำสั่งให้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญา ให้ดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาร่วมกับเจ้าหน้าที่ บังคับการตำรวจ ปลัดกระทรวงมหาดไทย หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อประโยชน์ในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาในชั้นการสอบสวน การไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาในชั้นการสอบสวนต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง รวมทั้งการจัดทำบันทึกข้อตกลงระงับข้อพิพาททางอาญาในชั้นการสอบสวนมาใช้บังคับ ที่มีความในมาตรา 36 หรือระงับข้อพิพาทตามข้อกำหนดที่แนบไว้ในระยะเวลาเท่าที่จำเป็น กระบวนพิจารณา และการดำเนินการอื่นใดที่เป็นไป. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กรณีตามวรรคสาม ถ้าผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวระหว่างในการสอบสวน มีให้บังคับบัญญัติในเรื่องระยะเวลาตามมาตรา ๑๓ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาใช้บังคับ
คดีความผิดข้อยอมความได้
คดีความผิดที่โทษทางมาตรา ๓๙ ตามมาตรา ๓๙ ตรี มาตรา ๓๙ จัตวา มาตรา ๓๙ เบญจ มาตรา ๓๔ มาตรา ๓๕ และมาตรา ๓๗ แห่งประมวลกฎหมายอาญา และคดีความผิดที่มิใช่กรณีของความผิดตามมาตรา ๓๙ แห่งประมวลกฎหมายอาญา (ก) ความผิดที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกินสามปีตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้
ผู้ต้องหาไม่เคยได้รับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาตามพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่เป็นคดีความผิดที่เกิดกระทำโดยประมาท คดีความผิดลหุโทษ ซึ่งในระยะเวลาเกินสิบปีนับแต่มีคำสั่งสุดท้ายคดี และ
ผู้ต้องหาไม่อยู่ระหว่างการต้องหาคดีหรือถูกฟ้องในคดีใดๆ ที่ได้กระทำโดยเจตนาแล้ว เกินกว่าหนึ่ง เว้นแต่เป็นคดีความผิดที่เกิดกระทำโดยประมาท คดีความผิดลหุโทษ หรือคดีความผิดที่ผู้ต้องหาได้กระทำในระยะเวลาที่อยู่ห่างกันเกินสิบปี
การยื่นคำร้องขอไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญา การพิจารณาและระยะเวลาการดำเนินการ และการแจ้งผลการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาให้คู่กรณีทราบ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในประกาศกระทรวงยุติธรรม หรือข้อบังคับกระทรวงยุติธรรม หรือข้อบังคับกระทรวงยุติธรรม หรือข้อบังคับกระทรวงยุติธรรม หรือข้อบังคับกระทรวงยุติธรรม หรือข้อบังคับกระทรวงยุติธรรม หรือข้อบังคับกระทรวงยุติธรรม หรือข้อบังคับกระทรวงยุติธรรม หรือข้อบังคับกระทรวงยุติธรรม หรือข้อบังคับกระทรวงยุติธรรม หรือข้อบังคับกระทรวงยุติธรรม หรือข้อบังคับกระทรวงยุติธรรม หรือข้อบังคับกระทรวงยุติธรรม หรือข้อบังคับกระทรวงยุติธรรม หรือข้อบังคับกระทรวงยุติธรรม หรือข้อบังคับกระทรวงยุติธรรม
ผู้ไกล่เกลี่ย
ผู้ไกล่เกลี่ยตามวรรคหนึ่งต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๐
กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาในขั้นการสอบสวน
ให้ผู้เสียหายและผู้กระทำความผิดมีสิทธิแต่งตั้งบุคคลใด ๆ เข้าร่วมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาได้ตามความเหมาะสม ให้ผู้เสียหายแจ้งความประสงค์ในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาได้ ถ้าผู้เสียหายแจ้งความประสงค์ไม่ขอไกล่เกลี่ย ให้ถือว่า มาตรา ๑๓ ผู้มีอำนาจ นักจิตวิทยาหรือ นักสังคมสงเคราะห์มีสิทธิแจ้งความประสงค์แทนผู้เสียหาย การไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาตามพระราชบัญญัตินี้กระทำเป็นการลับ
กรณีที่คู่กรณีไม่สามารถตกลงกันได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าการไกล่เกลี่ยสิ้นสุดลงตามมาตรา ๕๕ ระยะเวลาการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาให้ไม่นับรวมเป็นระยะเวลาการดำเนินคดีในศาลหรือการสอบสวนของพนักงานสอบสวน
บันทึกข้อตกลงตามวรรคแรกต้องมีข้อความอย่างน้อยดังต่อไปนี้
ชื่อและที่อยู่ของคู่กรณี
พฤติการณ์แห่งคดี
ความตกลงและเงื่อนไขการปฏิบัติตามความตกลงที่คู่กรณีได้กระทำ
ลายมือชื่อผู้ไกล่เกลี่ยและคู่กรณี
สาระสำคัญของข้อตกลงอันเป็นผลของการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญา เช่น การชดใช้เยียวยาความเสียหาย การขอโทษ การบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม การให้คำมั่นว่าจะไม่กระทำผิดอีก หรือข้อตกลงใดที่ก่อให้ผู้กระทำความเสียหาย
การยุติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาในชั้นการสอบสวน
ในกรณีที่คู่กรณีมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับผลการขอถอนตัวเพื่อยุติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาของคนใดคนหนึ่งหรือหลายคน ย่อมไม่กระทบการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาของคู่กรณีที่เหลืออยู่ทั้งสองฝ่าย
คู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายไม่เข้าร่วมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาโดยไม่แจ้งหรือโดยไม่มีเหตุอันสมควร หรือมีพฤติการณ์ที่ไม่ให้ความร่วมมือในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญา
มีเหตุอันควรสงสัยว่าความตกลงนั้นมิได้เป็นไปโดยสมัครใจ
การไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาไม่อาจบรรลุผลได้โดยแน่แท้
คู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายกระทำการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาโดยไม่เป็นการจัดทำความตกลงที่ชอบด้วยกฎหมาย
คู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายไม่สามารถปฏิบัติตามข้อตกลงหรือไม่อาจเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นได้
เมื่อได้รับรายงานการยุติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญา ให้พนักงานสอบสวนผู้รับรายงานออกคำสั่งสิ้นสุดคดีนั้นต่อไป
ผลการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาในชั้นการสอบสวน
ในกรณีที่มีการปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงไม่ครบถ้วน ให้คู่กรณีแจ้งให้พนักงานสอบสวนทราบ เพื่อพิจารณาดำเนินการสอบสวนต่อไป หรือแจ้งให้พนักงานสอบสวนทราบถึงเหตุแห่งการไม่ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลง เพื่อให้คู่กรณีแจ้งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตรวจสอบกรณีนี้
การไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาประชาชน
การไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาประชาชนต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวง และไม่กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายของผู้เสียหายหรือผู้ต้องหา ต้องทำตามมาตรา 17 ให้ถือเป็นการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายของผู้เสียหายหรือผู้ต้องหา จากประชาชน สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา - 16 - ให้การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพที่หน้าที่และอำนาจกำกับดูแลการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชนให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
ข้อพิพาททางแพ่งที่มีมูลหนี้ไม่เกินห้าแสนบาทหรือไม่เกินจำนวนที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา
ข้อพิพาททางแพ่งอื่นนอกจาก (1) ตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา
ข้อพิพาทอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ในกรณีที่การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพที่หน้าที่และอำนาจกำกับดูแลการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชนมิได้ดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ และออกหนังสือรับรองให้แล้ว ให้ถือว่าการระงับข้อพิพาทนั้นบังคับได้หรือให้ถือเป็นคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลตามพระราชบัญญัตินี้
บทกำหนดโทษ
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บัญชีท้ายพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. ๒๕๖๒ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาดังนี้ (๑) ความผิดฐานเข้าร่วมในการชุมนุมอันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดของทางการชุมนุม ต่อผู้อื่น ตามมาตรา ๒๔๕ วรรคหนึ่ง (๒) ความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ตามมาตรา ๒๙๕ (๓) ความผิดฐานทำร้ายร่างกายโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายได้รับอันตรายสาหัส ตามมาตรา ๒๙๖ วรรคหนึ่ง (๔) ความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามมาตรา ๓๐๐ (๕) ความผิดฐานลักทรัพย์ ตามมาตรา ๓๓๔ หมาเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ปัจจุบันข้อพิพาททางแพ่งและ ทางอาญาเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก เห็นควรให้กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางแพ่งซึ่งมีฐานะทรัพย์สิน ไม่มากนักและข้อพิพาททางอาญาบางประเภทมาทดแทนกับกฎหมายลักษณะอื่นให้มีความชอบธรรมรู้ถึง พนักงานสอบสวน หรือผู้เสียหายเกี่ยวข้องพิจารณาควบประชาชนไปในลักษณะที่มีการชี้หรือจะบังคับพนักงานสอบสวน โดยคำสั่งหรือความยินยอมของคู่กรณีเป็นสำคัญ ที่ให้มีริมเกลาศูนย์สาธารณข้อสง ลดปัญหาความล่าช้า เพื่อให้ความสะดวกแก่ประชาชน ลดภาระของประชาชนและศาลให้มีความรวดเร็วอย่างมีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พัชราภรณ์/ธนบดี/จัดทำ 23 พฤษภาคม 2562 พิมพ์/ตรวจ 10 มิถุนายน 2562