로고

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. เป็นปีที่ ๕๙ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๗

โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยโรงแรม

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗”

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ให้ยกเลิก

(ก)

พระราชบัญญัติโรงแรม พุทธศักราช ๒๔๗๘

(ข)

พระราชบัญญัติโรงแรม (ฉบับที่ ๒) พุทธศักราช ๒๕๐๒

(ค)

พระราชบัญญัติโรงแรม (ฉบับที่ ๓) พุทธศักราช ๒๕๐๔

(ง)

พระราชบัญญัติโรงแรม (ฉบับที่ ๔) พุทธศักราช ๒๕๐๗ หรือกฎหมายอื่นใดที่มีบทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติที่ให้ยกเลิกตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้

``` - 2 - “โรงแรม” หมายความว่า สถานที่พักที่จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในทางธุรกิจ เพื่อให้บริการที่พักชั่วคราวสำหรับคนเดินทางหรือบุคคลอื่นโดยคิดค่าตอบแทน ทั้งนี้ ไม่รวมถึง

(ก)

สถานที่พักที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้บริการที่พักชั่วคราวซึ่งดำเนินการโดยส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนของรัฐ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ หรือเพื่อการศึกษา ทั้งนี้ โดยมิใช่เป็นการแสวงหารายได้มาแบ่งปันกัน

(ข)

สถานที่พักที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้บริการที่พักชั่วคราวซึ่งดำเนินการโดยคิด ค่าบริการเป็นรายเดือนเป็นปกติเท่านั้น

(ค)

สถานที่พักที่จัดตั้งขึ้นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง “ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม” หมายความว่า ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม ตามพระราชบัญญัตินี้ “ผู้จัดการ” หมายความว่า ผู้จัดการโรงแรมตามพระราชบัญญัตินี้ “ผู้พัก” หมายความว่า คนเดินทางหรือบุคคลอื่นใดที่ใช้บริการที่พักชั่วคราวของโรงแรม “ใบอนุญาต” หมายความว่า ใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม “นายทะเบียน” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้เป็นนายทะเบียนตาม พระราชบัญญัตินี้ “พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัตินี้ โดยเฉพาะ

(ก)

ข้าราชการพลเรือนซึ่งดำรงตำแหน่งตั้งแต่ระดับ ๓ ขึ้นไป

(ข)

ข้าราชการพลเรือนซึ่งดำรงตำแหน่งตั้งแต่ระดับต่ำกว่าระดับ ๓ ลงมา ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่

(ค)

คณะกรรมการส่งเสริมและกำกับธุรกิจโรงแรม “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการส่งเสริมและกำกับธุรกิจโรงแรม “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ ออกกฎกระทรวงกำหนดกิจการหรือการดำเนินการที่ไม่เป็นการกระทำ ตามพระราชบัญญัตินี้ เป็นกิจการธรรมเนียม และกำหนดกิจการที่มิใช่กิจการโรงแรมเพื่อปฏิบัติการตาม พระราชบัญญัตินี้

กฎกระทรวงและประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้

หมวด ๑

คณะกรรมการส่งเสริมและกำกับธุรกิจโรงแรม

มาตรา ๕ ให้มีคณะกรรมการส่งเสริมและกำกับธุรกิจโรงแรมคณะหนึ่ง ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานกรรมการ และกรรมการอื่นซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้แทนกรมการปกครอง อธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น อธิบดีกรมการท่องเที่ยว อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผน

``` ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ผู้แทนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้แทนกระทรวงวัฒนธรรม นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ นายกสมาคมโรงแรมไทย ผู้แทนสมาคมโรงแรมไทย ผู้แทนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนห้าคน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชนซึ่งมีความรู้และประสบการณ์ด้านโรงแรมหรือด้านการท่องเที่ยว โดยคำนึงถึงความสมดุลของผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้และประสบการณ์ในแต่ละด้าน และให้มีสัดส่วนของผู้ทรงคุณวุฒิที่มีกำหนดไว้ในกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา ๖๓ เป็นกรรมการ ให้ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ผู้แทนสำนักงานสภาพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นผู้ช่วยเลขานุการ

มาตรา ๗ ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปี

ในกรณีที่มีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ ให้คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในประเภทเดียวกันเป็นกรรมการแทน และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งครบกำหนดวาระแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่แทน ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้นคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ แต่ต้องไม่เกินสองวาระติดต่อกัน

มาตรา ๘ นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่งเมื่อ

(ก)

ตาย

(ข)

ลาออก

(ค)

คณะรัฐมนตรีให้ออกเพราะไม่สุจริตต่อหน้าที่หรือมีความประพฤติเสื่อมเสีย

(ง)

เป็นบุคคลล้มละลาย

(จ)

เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ

(ฉ)

ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ

มาตรา ๙ การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม

ในการประชุมคณะกรรมการถ้าประธานกรรมการไม่อยู่ในที่ประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดในการประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งมีเสียงหนึ่งในการออกเสียงลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด

มาตรา ๑๐ ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

(๑)

ให้คำแนะนำรัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวงตามมาตรา ๓๑

(๒)

ให้คำแนะนำรัฐมนตรีในการออกประกาศกำหนดเขตพื้นที่หรือพื้นที่ซึ่งให้เป็นเขตผ่อนปรนอนุญาตตามมาตรา ๓๔

(๓)

พิจารณาอนุมัติยุทธศาสตร์และแผนตามพระราชบัญญัตินี้

(๔)

เสนอแนะและมาตรการต่าง ๆ เกี่ยวกับการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจโรงแรม

(๕)

เสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขกฎกระทรวงหรือประกาศตามพระราชบัญญัตินี้

(๖)

ปฏิบัติการอื่นใดตามที่พระราชบัญญัติหรือกฎหมายอื่นบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการหรือคณะผู้รับผิดชอบตามกฎหมาย

มาตรา ๑๑ ให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดแทนคณะกรรมการตามที่คณะกรรมการมอบหมายได้

ในกรณีที่คณะกรรมการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการในเรื่องหนึ่งเรื่องใด คณะกรรมการอาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการในเรื่องอื่นซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวด้วย เว้นแต่คณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งตามมาตรา ๑๐ (๖) ให้คณะกรรมการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการในเรื่องดังกล่าว

มาตรา ๑๒ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา ๑๐ หรือมาตรา ๑๑ ให้คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการมีอำนาจเรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยคำหรือให้ส่งเอกสาร หลักฐานหรือวัตถุใด ๆ มาเพื่อประกอบการพิจารณาได้ตามที่เห็นสมควร

หมวด ๒

การประกอบธุรกิจโรงแรม

มาตรา ๑๓ เพื่อประโยชน์ในการกำหนดและควบคุมมาตรฐานของธุรกิจโรงแรม ส่งเสริมการประกอบธุรกิจโรงแรม และส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัย หรือความปลอดภัยของโรงแรม รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการมีอำนาจกำหนดประเภทของโรงแรม และกำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไขและข้อปฏิบัติสำหรับการประกอบธุรกิจโรงแรม หรือการดำเนินการประกอบธุรกิจโรงแรม ทั้งนี้ จะต้องไม่ขัดต่อกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

กฎกระทรวงตามวรรคหนึ่ง รัฐมนตรีจะต้องกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับสถานที่ตั้ง ขนาด ลักษณะ สิ่งอำนวยความสะดวก และการดำเนินการประกอบธุรกิจของโรงแรมแต่ละประเภทด้วย ประเภทให้แตกต่างกันได้ ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงลักษณะของห้องที่มีในโรงแรมตั้งอยู่หรือความจำเป็นในการควบคุมดูแลโรงแรมในแต่ละประเภท หรือความเหมาะสมกับลักษณะของโรงแรมในแต่ละประเภท

มาตรา ๑๕ ในกรณีที่จำเป็นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือความปลอดภัย รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการมีอำนาจออกประกาศกำหนดเขตท้องที่หนึ่งท้องที่ใดเป็นเขตห้ามประกอบธุรกิจโรงแรม

ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมที่ได้รับใบอนุญาตก่อนวันประกาศดังกล่าวมีผลใช้บังคับและประกอบธุรกิจโรงแรมที่ได้รับใบอนุญาตดังกล่าวในเขตดังกล่าวใช้อยู่ก่อนแล้ว

มาตรา ๑๖ ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบธุรกิจโรงแรม เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน

การขอใบอนุญาตและการออกใบอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา ๑๗ ผู้ขอรับใบอนุญาต ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้

(๑)

มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์

(๒)

มีภูมิลำเนาหรือที่อยู่ในราชอาณาจักรไทย

(๓)

ไม่เป็นผู้วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ

(๔)

ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ

(๕)

ไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่าเป็นผู้กระทำผิดในความผิดเกี่ยวกับเพศตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์และเด็ก หรือความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี

(๖)

ไม่เป็นผู้มีประวัติระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาต

(๗)

ไม่เป็นบุคคลที่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาต หรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตโดยเหตุอื่นไม่ใช่เหตุตาม (๖) แต่ได้รับใบอนุญาตใหม่ไม่เกินสามปี ถ้าผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลหรือเป็นบุคคล ผู้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ผู้จัดการ หรือผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลนั้น ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามวรรคหนึ่งด้วย

มาตรา ๑๘ ในกรณีที่ผู้ขอรับใบอนุญาตตามมาตรา ๑๗ ผู้ขอรับใบอนุญาตต้องยื่นคำขอรับใบอนุญาตตามแบบที่นายทะเบียนประกาศกำหนดต่อนายทะเบียนในท้องที่โรงแรมตั้งอยู่ในคราวเดียวกัน

เมื่อนายทะเบียนได้รับคำขอรับใบอนุญาตพร้อมเอกสารครบถ้วนแล้ว ให้นายทะเบียนตรวจสอบความถูกต้องและความสมบูรณ์ของคำขอ หากคำขอถูกต้องและครบถ้วนไม่มีเหตุขัดข้อง หลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในประกาศที่ออกตามมาตรา ๑๕ ให้ นายทะเบียนแจ้งผลการตรวจสอบให้ผู้ขอรับใบอนุญาตทราบภายในกำหนดระยะเวลาตามวรรคหนึ่งพร้อมทั้งกำหนดระยะเวลาให้ผู้ขอรับใบอนุญาตแก้ไข หากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้วผู้ขอรับใบอนุญาตไม่ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง ให้ นายทะเบียนสั่งไม่ออกใบอนุญาต ในกรณีที่นายทะเบียนพิจารณาแล้วเห็นว่า คำขอรับใบอนุญาตตามวรรคหนึ่งถูกต้องและครบถ้วนตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารหรือกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจโรงแรมไม่ขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้ นายทะเบียนออกใบอนุญาตได้ หากนายทะเบียนพิจารณาแล้วเห็นว่า คำขอรับใบอนุญาตตามวรรคหนึ่งไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารหรือกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจโรงแรมหรือขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้ นายทะเบียนแจ้งผลการพิจารณาและเหตุผลให้ผู้ขอรับใบอนุญาตทราบโดยไม่ชักช้า เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามวรรคสี่ หากผู้ขอรับใบอนุญาตไม่ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง ให้ นายทะเบียนสั่งไม่ออกใบอนุญาต ให้ถือว่าใบอนุญาตที่ออกให้แก่ผู้ขอรับใบอนุญาตซึ่งเกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจโรงแรมที่ผู้ขอรับใบอนุญาตยื่นคำขอรับใบอนุญาตไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับยังคงใช้ได้ต่อไปจนกว่าจะมีการออกใบอนุญาตใหม่ตามพระราชบัญญัตินี้ และให้เจ้าพนักงานในกรมการปกครองซึ่งปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการอนุญาตดังกล่าวเป็นนายทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้ด้วย ทั้งนี้ ในกรณีที่นายทะเบียนพิจารณาแล้วเห็นว่าใบอนุญาตดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเพิ่มเติมในสาระสำคัญ ให้ นายทะเบียนแจ้งให้ผู้ได้รับใบอนุญาตดำเนินการให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข หรือระยะเวลาที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารหรือกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจโรงแรมหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง หากผู้ได้รับใบอนุญาตไม่ดำเนินการให้ถูกต้องตามที่แจ้ง ให้ นายทะเบียนสั่งเพิกถอนใบอนุญาต

มาตรา ๑๖ นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ขอรับใบอนุญาตได้ เมื่อเห็นว่า สถานที่ตั้ง ขนาด ลักษณะ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือมาตรฐานการประกอบธุรกิจของโรงแรมแต่ละประเภทเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา ๑๓

ให้ นายทะเบียนมีหนังสือแจ้งการออกใบอนุญาต หรือไม่ออกใบอนุญาตพร้อมด้วยเหตุผลให้ผู้ขอรับใบอนุญาตทราบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับผลการพิจารณาตามมาตรา ๑๕

มาตรา ๑๗ ใบอนุญาตฉบับนี้ให้ใช้กับโรงแรมที่ระบุชื่อไว้ในใบอนุญาตเท่านั้น และให้สิ้นสุดอายุทันทีเมื่อยกเลิกใบอนุญาต

(๑)

ห้ามมิให้ผู้ได้รับใบอนุญาตโอนใบอนุญาตให้แก่ผู้อื่น เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมเดิม

(๒)

ห้ามมิให้ผู้ได้รับใบอนุญาตแบ่งส่วนใบอนุญาตให้แก่ผู้อื่น

(๓)

ไม่มีสิทธิหรือสามารถทำนอกบทกฎหมาย

มาตรา ๒๐ การขอต่ออายุใบอนุญาต ให้ยื่นคำขอก่อนวันที่ใบอนุญาตสิ้นอายุ เมื่อได้ยื่นคำขอแล้วให้ถือว่าอยู่ในบังคับของใบอนุญาตจนกว่าจะมีคำสั่งที่สุดไม่อนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาต

ถ้าผลการตรวจสอบปรากฏว่าโรงแรมมีลักษณะถูกต้องตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงตามมาตรา ๑๕ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่พิจารณาเสนอความเห็นต่อนายทะเบียนสั่งให้ใบอนุญาตต่ออายุในระยะเวลาที่กำหนด แต่ถ้าเสนอให้ต่ออายุใบอนุญาตในระยะเวลาที่กำหนดให้คำสั่งไม่ต่ออายุใบอนุญาต ประกอบธุรกิจโรงแรมต่อไป และไม่ยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตในเวลาที่กำหนดการประกอบธุรกิจโรงแรมในระหว่างนั้นให้ถือเสมือนว่าเป็นการดำเนินการของผู้รับใบอนุญาต แต่เมื่อได้รับใบอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาต ผู้รับใบอนุญาตนั้นต้องชำระเงินค่าธรรมเนียมต่ออายุใบอนุญาต หากพนักงานตามคำสั่งดังกล่าวเห็นควรเสนอความเห็นต่ออายุใบอนุญาต การขอต่ออายุใบอนุญาตและการอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา ๒๑ ห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมดำเนินการดังต่อไปนี้ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน

(ก)

เปลี่ยนแปลงประเภทของโรงแรม

(ข)

เพิ่มหรือลดจำนวนห้องพักในโรงแรมหรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของโรงแรม

(ค)

เปลี่ยนชื่อโรงแรม การขอและการอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา ๒๒ ในกรณีที่ใบอนุญาตสูญหายหรือถูกทำลายในสาระสำคัญให้ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตตามทะเบียนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบการสูญหายหรือถูกทำลายดังกล่าว

มาตรา ๒๓ การยกใบอนุญาตให้แก่บุคคลอื่นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๖ ให้กระทำได้เมื่อได้รับอนุญาตตามกฎหมายเท่านั้น

การขอโอนใบอนุญาตและการอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา ๒๔ ในกรณีผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมถึงแก่ความตาย และการประกอบธุรกิจดังกล่าวมิได้ระบุไว้ในพินัยกรรมหรือมิได้มีการตกลงกันในหมู่ทายาทตามมาตรา ๑๖ หรือในกรณีที่ศาลสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมเป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น ให้ทายาทของผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๖ ยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตเพื่อรองรับ

ใบอนุญาตภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมตาย ถ้ามีเหตุจำเป็นภายในระยะเวลาดังกล่าวให้ต่ออายุใบอนุญาตดังกล่าว ถ้าผลการตรวจสอบปรากฏว่าผู้ยื่นคำขอมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๒ ให้ทยอยทะเบียนอนุญาตแก่ผู้ยื่นคำขอ ในระหว่างระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานหรือผู้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายอนุญาตตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจโรงแรม เสนอชื่อประกอบธุรกิจโรงแรม ทั้งนี้ จนกว่าการทะเบียนจะมีคำสั่งไม่อนุญาต การขอรับใบอนุญาตและการอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะรัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา ๒๖ ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมเป็นห้างหุ้นส่วนหรือนิติบุคคล ให้ใบอนุญาตสิ้นอายุในวันที่มีการเลิกห้างหุ้นส่วน หรือนิติบุคคลนั้นสิ้นสภาพ

มาตรา ๒๗ ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมผู้ใดประสงค์จะเลิกกิจการในระหว่างอายุใบอนุญาตหรือเมื่อใบอนุญาตหมดอายุ จะต้องแจ้งให้นายทะเบียนทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

เมื่อได้รับแจ้งตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้นายทะเบียนแจ้งการเลิกกิจการและยกเลิกทะเบียนแก่ผู้แจ้งให้เสร็จสิ้น ภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ทั้งนี้ โดยให้คำนึงถึงประโยชน์และผลได้เสียของผู้เกี่ยวข้องเป็นสำคัญ

มาตรา ๒๘ ในกรณีที่โรงแรมได้รับความเสียหายอันมีลักษณะที่ไม่อาจใช้เป็นโรงแรมได้ ให้ถือว่าใบอนุญาตสำหรับโรงแรมนั้นสิ้นอายุในวันที่ได้รับความเสียหาย

มาตรา ๒๙ ให้บทบัญญัติในมาตรา ๒๗ วรรคสอง วรรคสาม รวมทั้งกำหนดให้เกี่ยวข้องมาใช้บังคับกับกรณีใบอนุญาตสิ้นอายุตามมาตรา ๒๖ และมาตรา ๒๘ วรรคสาม และกรณีคำสั่งให้หยุดดำเนินกิจการตามมาตรา ๒๘ วรรคสอง โดยอนุโลม

หมวด ๓

การบริหารจัดการโรงแรม

มาตรา 30 ให้ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมจัดให้มีผู้จัดการคนหนึ่งเป็นผู้มีหน้าที่จัดการโรงแรม ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมและผู้จัดการในโรงแรมแห่งหนึ่ง ๆ จะเป็นบุคคลคนเดียวกันก็ได้

มาตรา 31 ห้ามมิให้ผู้ใดเป็นผู้จัดการ เว้นแต่จะเป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 33 ได้รับแต่งตั้งจากผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมแล้วแจ้งการแต่งตั้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามแบบที่รัฐมนตรีกำหนด ถ้าผู้แจ้งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 33 ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นรับจดแจ้งตามแบบที่รัฐมนตรีกำหนดเพื่อเป็นหลักฐานการแจ้งให้แก่ผู้แจ้งในวันที่ได้รับแจ้งและให้ผู้แจ้งรับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการได้แต่เฉพาะในโรงแรมที่แจ้ง

กรณีที่นายทะเบียนตรวจสอบใบแจ้งการจดแจ้งการแต่งตั้งผู้จัดการพบว่าข้อมูลหรือเอกสารไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วนหรือผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือผู้จัดการไม่มีคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 33 ให้แจ้งการดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องหรือครบถ้วนภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งดังกล่าว

มาตรา 32 ในกรณีที่ผู้จัดการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้เกินเจ็ดวัน ให้ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 33 ที่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมมอบหมายให้ทำหน้าที่แทนผู้จัดการในระหว่างที่ผู้จัดการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้แจ้งการมอบหมายให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นทราบตามแบบที่รัฐมนตรีกำหนด และให้ผู้ที่ได้รับมอบหมายทำหน้าที่แทนผู้จัดการได้เฉพาะในโรงแรมที่แจ้งการมอบหมาย

ผู้จัดการแทนและผู้จัดการที่โรงแรมเดิมพ้นจากหน้าที่ในขณะจดทะเบียนการจดแจ้งการแต่งตั้งผู้จัดการแทนแล้วให้ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมแจ้งการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการแทนที่ได้แต่งตั้งเป็นผู้จัดการไว้แล้ว ให้ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมแจ้งการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการให้จดทะเบียนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ทั้งนี้ ในกรณีที่ไม่อาจแต่งตั้งผู้จัดการได้ภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ผู้จัดการเดิมพ้นจากหน้าที่ ให้ขอความโปรดกรุณาเจ้าพนักงานท้องถิ่นเพื่อขยายเวลาใช้งานเป็นคับโดยอุปไมย ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมที่มิได้รับอนุญาตให้แต่งตั้งผู้จัดการแทนตามวรรคหนึ่งให้มีหน้าที่และความรับผิดชอบแต่เพียงคนเดียวกับผู้จัดการ

มาตรา 33 ผู้จัดการต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้

(ก)

มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์

(ข)

ไม่เป็นผู้มีจิตบกพร่องหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบหรือเป็นโรคจิตหรือโรคสมาธิ หรือคนเสื่อมไร้ความสามารถ

(ค)

ไม่เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง ติดยาเสพติดให้โทษ หรือเป็นโรคติดต่อที่คณะกรรมการกำหนด

(๔)

ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ

(๕)

ไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่าเป็นผู้กระทำผิดในความผิดเกี่ยวกับพฤตมาประกอบกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์และเด็ก หรือความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี

(๖)

ไม่เคยถูกพักถอนใบรับรองเป็นผู้บังคับการ หรือเคยถูกถอนใบรับรองเป็นผู้จัดการโดยเหตุอื่นซึ่งมิใช่เหตุตาม (๕) แต่เวลาได้ล่วงมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี

มาตรา ๔๙ ให้ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมและผู้จัดการมีหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกัน ดังต่อไปนี้

(ก)

จัดให้ป้ายชื่อโรงแรมตามมาตรา ๒๐ ติดไว้หน้าโรงแรม

(ข)

จัดให้หมายเลขใบอนุญาตไว้ในที่เปิดเผยเห็นได้ง่ายในโรงแรม

(ค)

จัดให้แผ่นอัตราค่าที่พักไว้ในที่เปิดเผยเห็นได้ง่ายในโรงแรม

(ง)

จัดให้แผ่นแสดงรายการค่าที่พักไว้ในที่เปิดเผยเห็นได้ง่ายในโรงแรมและห้องพักทุกห้อง

(จ)

จัดให้แผ่นแสดงรายการค่าบริการอื่นติดไว้ตามที่มาตรา ๕๔ แห่งพระราชกฤษฎีกานี้กำหนดและหากมีการเปลี่ยนแปลงอัตราค่าบริการอื่น ให้ปรับปรุงแผ่นรายการค่าบริการอื่นทุกห้อง

(ฉ)

ดูแลรักษาความสะอาดในโรงแรมให้ถูกสุขลักษณะ และต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุขและคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นหรือเจ้าพนักงานสาธารณสุข

(ช)

ดูแลรักษาสภาพของโรงแรมให้มีความมั่นคงแข็งแรง และระบบการป้องกันอัคคีภัยให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารและคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น

(ซ)

ดูแลรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ

(ฌ)

ดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับผู้พักในกรณีเกิดอัคคีภัย อุบัติเหตุ หรือเกิดอันตรายใด ๆ ขึ้นในโรงแรม การดำเนินการใดที่ผู้จัดการต้องได้รับอนุมัติจากผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม หากผู้จัดการไม่มีชื่อของอนุมัติแล้วผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมเพิกเฉยหรือไม่ดำเนินการ ผู้จัดการไม่ต้องรับผิด

มาตรา ๕๐ ผู้จัดการต้องดำเนินการให้มีการบันทึกรายการต่าง ๆ เกี่ยวกับผู้พักในแต่ละห้องลงในทะเบียนผู้พักในทันทีที่มีการเข้าพัก โดยให้ผู้พักคนใดคนหนึ่งในห้องนั้นลงลายมือชื่อในทะเบียนผู้พัก หากผู้พักผู้ใดอายุต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์ในวันเข้าพัก ให้ผู้จัดการบันทึกชื่อและอายุของผู้พักผู้นั้นลงในทะเบียนผู้พัก และในกรณีที่ผู้พักเป็นชาวต่างประเทศ ให้บันทึกรายการเกี่ยวกับหนังสือเดินทางของผู้พักผู้นั้นลงในทะเบียนผู้พักด้วย

ถ้ารายการซึ่งจะต้องบันทึกลงในทะเบียนผู้พักตามวรรคหนึ่งซ้ำกับรายการวันก่อนให้บันทึกรายการดังกล่าวว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง การบันทึกรายการต่าง ๆ เกี่ยวกับผู้เข้าพักลงในทะเบียนผู้พักและทะเบียนผู้พักต้องบันทึกทุกรายการที่ให้ระบุ ห้ามมิให้ลบอย่างใดไว้ในไม่มีเหตุผลอันควร ผู้จัดการต้องเก็บรักษาบันทึกทะเบียนผู้พักและทะเบียนผู้พักไว้เป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งปี และต้องให้อยู่ในสภาพที่สามารถตรวจสอบได้ บัตรทะเบียนผู้พักและทะเบียนผู้พัก ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา ๒๗ ผู้จัดการต้องส่งสำเนาทะเบียนผู้พักในแต่ละวันไปให้นายทะเบียนทุกสัปดาห์แล้วให้นายทะเบียนประทับรับลงวันที่ได้รับสำเนาดังกล่าว หากโรงแรมใดอยู่ห่างไกลหรือไม่สามารถส่งได้ตามกำหนดดังกล่าว ให้นายทะเบียนพิจารณากำหนดระยะเวลาส่งสำเนาดังกล่าวแล้วแจ้งให้ผู้จัดการทราบ

มาตรา ๒๘ ในกรณีที่ทะเบียนผู้พักที่เก็บรักษาไว้ในโรงแรมสูญหายหรือถูกทำลาย ผู้จัดการต้องดำเนินการรายงานต่อนายทะเบียนผู้พักทันทีจากนายทะเบียนสั่งเก็บรักษาไว้แทน

มาตรา ๒๙ ผู้จัดการต้องมีหน้าที่

(ก)

ดูแลไม่ให้บุคคลใดหนีออกนอกหรือซ่อนผู้ในโรงแรมไม่ลักลอบซ่อนตัวหรือซ่อนตัวจะก่อความไม่สงบในบ้านเมือง หรือจะมีการกระทำความผิดอาญาในโรงแรม

(ข)

แจ้งให้นายทะเบียนทราบโดยด่วนหรือทันทีที่ทราบว่ามีการกระทำความผิดในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะมีการกระทำความผิดอาญาในโรงแรม สูญหายหรือถูกทำลายผู้จัดการต้องดำเนินการรายงานต่อนายทะเบียนผู้พักทันทีจากนายทะเบียนสั่งเก็บรักษาไว้แทน

มาตรา ๓๐ ผู้จัดการอาจปฏิเสธไม่รับบุคคลที่ประสงค์จะเข้าพักในโรงแรมได้ในกรณีดังต่อไปนี้

(ก)

มีเหตุอันควรสงสัยได้ว่าบุคคลนั้นจะเข้าไปก่อเหตุอันตราย มุ่งร้าย หรือกระทำการใดอันเป็นความผิดอาญาขึ้นในโรงแรม หรือก่อให้เกิดความรำคาญแก่ผู้พักอื่นในโรงแรม

(ข)

มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลนั้นจะนำสิ่งของต้องห้ามเข้ามาในโรงแรม

(ค)

มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลนั้นเป็นโรคติดต่ออันตรายหรือโรคติดต่อที่ตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ

(ง)

มีเหตุอันสมควรประกอบการอื่นตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด ในกรณี (ก) (ข) (ค) และ (ง) ผู้จัดการต้องรายงานให้นายทะเบียนทราบโดยด่วนและรายงานให้นายงานสารธารณสุขหรือเจ้าหน้าที่ที่ตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อทราบด้วย

หมวด ๔

การควบคุมและการดูแลกรณี

มาตรา 40 เมื่อความปรากฏต่อนายทะเบียนว่า ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือผู้จัดการผู้ได้รับมอบหมายจากผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมมีพฤติการณ์หรือการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งอันอาจสั่งให้ระงับการกระทำหรือดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องตามที่เห็นสมควร

(1) ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดหรือเงื่อนไขแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือกฎกระทรวงหรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ (2) ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้ หรือพฤติการณ์อย่างหนึ่งอย่างใดที่ขัดต่อพระราชบัญญัตินี้ ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือผู้จัดการได้รับการแจ้งให้ระงับการกระทำหรือดำเนินการแก้ไขตามคำสั่งของนายทะเบียนตามวรรคหนึ่ง ให้นายทะเบียนมีหนังสือแจ้งให้บุคคลดังกล่าวปฏิบัติให้ถูกต้องภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งต้องไม่เกินสามสิบวัน ถ้าไม่สามารถปฏิบัติถูกต้องได้ให้นำบทบัญญัติดังต่อไปนี้

(ก)

ในกรณีที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม ให้ยกเลิกทะเบียนตามคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตหรือคำสั่งจะไม่เกินสามครั้ง ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

(ข)

ในกรณีเป็นผู้จัดการ ให้ยกเลิกทะเบียนหรือแจ้งให้ผู้จัดการดังกล่าวพ้นจากตำแหน่งที่กำหนดไว้ในกฎหมาย ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือผู้จัดการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียนตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือผู้จัดการดังกล่าวต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย

มาตรา 41 เมื่อความปรากฏต่อนายทะเบียนว่า ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือผู้จัดการผู้ได้รับมอบหมายจากผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมมีพฤติการณ์หรือการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้

(ก)

เป็นผู้บุคคลสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 12 หรือมาตรา 13 แล้วกระทำ ยกเว้นลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 12 (ข) (ค)

(ข)

เคยถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตตามมาตรา 40 วรรคสอง (ก) หรือเคยได้รับคำเตือนตามมาตรา 40 วรรคสอง (ข) แล้ว และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 40 วรรคหนึ่ง วรรคสาม หรือวรรคสี่อีก (1) ใช้หรือยินยอมให้ใช้โรงแรมเป็นสถานที่กระทำความผิดเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือความผิดตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดดังกล่าว ให้นายทะเบียนมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตของผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมดังกล่าว และแจ้งให้ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือผู้จัดการดังกล่าวต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมและผู้จัดการเป็นบุคคลคนเดียวกันและมีพฤติการณ์ตาม (๒) หรือ (๓) ให้หมายเหตุในคำสั่งพักถอนหรือเพิกถอนใบอนุญาตโดยระบุถึงผู้จัดการ ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมเป็นหุ้นส่วนหรือคณะบุคคลและผู้เป็นหุ้นส่วน ผู้จัดการ ผู้จัดการ หรือผู้แทนที่บุคคลผู้มีพฤติการณ์ตามควรที่ให้หมายเหตุในคำสั่งพักถอนหรือเพิกถอนใบอนุญาต และแต่ละผู้หุ้นส่วนต้องรับผิดในฐานะผู้แทนในส่วนที่ตนมีส่วนในกิจการของหุ้นส่วนหรือคณะบุคคลนั้น และในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมเป็นนิติบุคคลและผู้มีพฤติการณ์ตามควรที่ให้หมายเหตุในคำสั่งพักถอนหรือเพิกถอนใบอนุญาต ให้หมายเหตุในคำสั่งพักถอนหรือเพิกถอนใบอนุญาตนั้น ให้หมายความในมาตรา ๔๘ วรรคสี่ รวมทั้งพฤติการณ์ที่ถูกต้องในกรณีที่เกี่ยวกับการเพิกถอนใบอนุญาต โดยอุปไมย

มาตรา ๔๙ คำสั่งพักใช้ใบอนุญาตและคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตหรือใบรับแจ้งเป็นผู้จัดการให้ทำเป็นหนังสือส่งทางไปรษณีย์ตอบรับให้ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือผู้จัดการแล้วแต่กรณี ณ โรงแรมที่บุคคลดังกล่าวประกอบธุรกิจหรือจัดการ และให้ถือว่าผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือผู้จัดการได้รับทราบคำสั่งแล้วครบกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันที่มีการพิสูจน์ได้ว่าไม่มีการได้รับหรือได้รับนอกเหนือจากวันนั้น

มาตรา ๕๐ ผู้ซึ่งรับใบอนุญาตหรือใบรับแจ้งเป็นผู้จัดการไม่อาจนำใบอนุญาตหรือใบรับแจ้งไปใช้ต่ออายุใบอนุญาต หรือผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมที่ไม่อาจนำใบอนุญาตหรือใบรับแจ้งไปใช้ต่ออายุใบอนุญาต ซึ่งหมายถึงใบอนุญาตตามมาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ หรือมาตรา ๕๑ หรือผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือผู้จัดการซึ่งถูกสั่งพักถอนใบอนุญาตหรือใบรับแจ้งเป็นผู้จัดการตามมาตรา ๔๘ มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของนายทะเบียนต่อคณะกรรมการในสินค้าบนต้นต้นที่ได้รับหรือรับทราบคำสั่งของนายทะเบียน

ให้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามข้อมูลอุทธรณ์ตามวรรคหนึ่งและในส่วนที่นับต้นนั้นต้นที่ให้มีการพิจารณาแจ้งเจ้าหน้าที่ของร้องด้วยเหตุผลในแผนสิ่งไปยังผู้พิจารณาและนายทะเบียน คำวินิจฉัยของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด ในกรณีที่มีการพิจารณาคำสั่งของนายทะเบียน ในระหว่างการพิจารณาอุทธรณ์ ให้ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม ผู้จัดการ หรือผู้รับใบอนุญาตหรือใบรับแจ้งเป็นผู้จัดการกระทำกิจการต่อไปได้ เว้นแต่กิจการอุทธรณ์คำสั่งพักถอนใบอนุญาตหรือใบรับแจ้งเป็นผู้จัดการจะมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๒ (๒) หรือ (๓) หรือมาตรา ๔๕ (๔) หรือ (๕) หรือพฤติการณ์ตามมาตรา ๔๘ ไม่เป็นการบรรเทาความเสียหายหรือเป็นการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างที่มีการพิจารณาอุทธรณ์ รวมทั้งพฤติการณ์ที่ถูกต้องในกรณีที่เกี่ยวกับการเพิกถอนใบอนุญาต โดยอุปไมย

มาตรา ๕๑ ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมต้องจัดทำรายงานการดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการและอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง แล้วส่งรายงานดังกล่าวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในเวลาที่กำหนดให้เสร็จไม่ล่วงเลยกำหนด และถ้ายังไม่อาจส่งรายงานดังกล่าวได้มีเหตุอันสมควรให้หมายเหตุในรายงานส่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบไว้ก่อนและได้เสร็จสิ้นการพิจารณา

และเงินเพิ่มครบจำนวน และให้นำความในมาตรา ๘๐ วรรคสี่ รวมทั้งบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้อง มาใช้บังคับโดยอนุโลม

หมวด ๕

พนักงานเจ้าหน้าที่

มาตรา ๕๔ ในการปฏิบัติหน้าที่ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นหนังสือจากนายทะเบียนส่วนกลาง มีอำนาจ ดังต่อไปนี้

(๑)

เข้าไปในโรงแรมในระหว่างเวลาทำการหรือภายในเวลาที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้ เพื่อ ตรวจสอบใบอนุญาต ทะเบียนผู้พัก บัตรทะเบียนผู้พัก สภาพและลักษณะของโรงแรม หรือตรวจสอบ ห้องพักที่ว่าจ้างหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของโรงแรมที่มิได้จ้างห้องพักซึ่งเข้าไปในโรงแรมในเวลาทำการเพื่อ ตรวจสอบข้อมูลและประวัตของพนักงานในโรงแรม ทั้งนี้ เพื่อความคุ้มให้การเป็นไปตาม พระราชบัญญัตินี้

(๒)

มีหนังสือเรียกผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม ผู้จัดการ หรือพนักงานที่เกี่ยวข้องในโรงแรมให้ ถ้อยคำหรือชี้แจงหรือส่งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องแก่เจ้าพนักงานในการดำเนินการ

(๓)

กระทำการอื่นใดในขอบเขตที่จำเป็นต่อการตรวจสอบโรงแรมหรือการดำเนินการให้เป็นไปตาม พระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่แสดงบัตรประจำตัวและหนังสือแต่งตั้งต่อผู้ประกอบธุรกิจ โรงแรมหรือผู้ที่เกี่ยวข้องก่อนปฏิบัติหน้าที่ทุกครั้ง เว้นแต่จะมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนที่ไม่อาจแสดงบัตรประจำตัว หรือหนังสือแต่งตั้งได้ในขณะนั้น และในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงเอกสารหรือหลักฐานดังกล่าว ให้แจ้ง นายทะเบียนทราบโดยเร็ว

มาตรา ๕๕ ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวและ หนังสือมอบหมายจากนายทะเบียนแก่บุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง

บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา ๕๖ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้กระทรวงการส่งเสริมและ กำกับธุรกิจโรงแรม นายทะเบียน และพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

หมวด ๖

บทกำหนดโทษ

ส่วนที่ ๑

บททั่วไป

มาตรา ๕๗ ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดเป็นนิติบุคคล ถ้าการกระทำความผิดของนิติ บุคคลนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการไม่สั่งการหรือการกระทำอื่นใดในหน้าที่ของกรรมการผู้จัดการหรือ

บุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการประกอบธุรกิจโรงแรมของนิติบุคคลนั้น ผู้นั้นต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย

ส่วนที่ ๒

โทษปรับทางปกครอง

มาตรา ๔๕ ให้กำหนดเพียงมีอำนาจลงโทษปรับทางปกครองที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้

ในการลงโทษปรับทางปกครอง ให้หมายเลขทะเบียนคำนึงถึงความร้ายแรงแห่งพฤติกรรมที่กระทำผิด และในกรณีที่เห็นสมควร นายทะเบียนอาจกำหนดให้ผู้ฝ่าฝืนดำเนินการใด ๆ เพื่อแก้ไขให้ถูกต้องหรือเหมาะสมได้ หลักเกณฑ์ในการพิจารณาโทษปรับทางปกครองให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และถ้าผู้ถูกลงโทษปรับทางปกครองไม่ยอมชำระเงินค่าปรับทางปกครอง ให้เจ้าพนักงานดำเนินการกับบริษัทตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองในส่วนที่เกี่ยวข้อง และในกรณีไม่มีเจ้าพนักงานที่ดำเนินการกับบริษัทตามกฎหมายดังกล่าว ให้หมายเลขทะเบียนส่งคำร้องต่อศาลปกครองเพื่อพิจารณาและมีคำสั่งให้ชำระเงินค่าปรับทางปกครองนั้น และให้หมายเลขทะเบียนส่งคำร้องต่อศาลปกครองเพื่อพิจารณาและมีคำสั่งให้ชำระเงินค่าปรับทางปกครองนั้น และให้หมายเลขทะเบียนส่งคำร้องต่อศาลปกครองเพื่อพิจารณาและมีคำสั่งให้ชำระเงินค่าปรับทางปกครองนั้น

มาตรา ๔๖ ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือผู้ซึ่งอยู่ในอำนาจตามมาตรา ๒๔ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๒๒ (๑) หรือ (๒) มาตรา ๒๔ วรรคหนึ่ง หรือมาตรา ๓๐ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับทางปกครองไม่เกินห้าสิบบาท และปรับอีกวันละไม่เกินสองหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง

มาตรา ๔๗ ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือผู้ซึ่งอยู่ในอำนาจตามมาตรา ๒๔ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๔ (๓) ต้องระวางโทษปรับทางปกครองไม่เกินหนึ่งแสนบาท และปรับอีกวันละไม่เกินห้าหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง

มาตรา ๔๘ ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือผู้ซึ่งอยู่ในอำนาจตามมาตรา ๒๔ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๒๖ มาตรา ๒๗ วรรคหนึ่ง หรือมาตรา ๒๗ วรรคสี่ ต้องระวางโทษปรับทางปกครองตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงห้าหมื่นบาท

มาตรา ๔๙ ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือผู้ซึ่งอยู่ในอำนาจตามมาตรา ๒๔ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียนตามมาตรา ๒๙ วรรคสอง มาตรา ๓๐ วรรคสอง มาตรา ๓๓ วรรคสอง มาตรา ๓๔ วรรคสอง มาตรา ๓๕ วรรคสอง หรือมาตรา ๔๕ ต้องระวางโทษปรับทางปกครองไม่เกินสองแสนบาท และปรับอีกวันละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง

มาตรา ๕๔ ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม ผู้ขอรับโอนใบอนุญาตตามมาตรา ๒๕ หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายเป็นผู้จัดการที่มิได้ปฏิบัติตามมาตรา ๓๒ วรรคหนึ่ง หรือวรรคสอง ต้องระวางโทษปรับทางปกครองตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงสองแสนบาท

มาตรา ๕๕ ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม ผู้ขอรับโอนใบอนุญาตตามมาตรา ๒๕ ผู้จัดการหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายที่มิได้ปฏิบัติตามมาตรา ๓๒ วรรคสาม ต้องระวางโทษปรับทางปกครองตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงห้าแสนบาท และปรับรายวันอีกไม่เกินห้าหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง

มาตรา ๕๖ ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม ผู้ขอรับโอนใบอนุญาตตามมาตรา ๒๕ ผู้จัดการหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายที่มิได้ปฏิบัติตามมาตรา ๓๕ (๑๐) มาตรา ๓๕ วรรคหนึ่งหรือวรรคสี่ มาตรา ๓๖ มาตรา ๓๗ หรือมาตรา ๓๘ ต้องระวางโทษปรับทางปกครองตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท

มาตรา ๕๗ ผู้จัดการหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายที่มิได้ปฏิบัติตามมาตรา ๓๒ วรรคสี่ ต้องระวางโทษปรับทางปกครองไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

มาตรา ๕๘ ผู้จัดการหรือผู้ซึ่งไม่อำนวยความสะดวกแก่เจ้าพนักงานตามมาตรา ๓๒ ผู้ใดไม่ส่งใบเสร็จรับเงินตามที่ระบุไว้ในใบเสร็จรับเงินโดยไม่มีเหตุอันสมควร ต้องระวางโทษปรับทางปกครองตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสองหมื่นบาท

ส่วนที่ ๓ โทษอาญา

มาตรา ๕๙ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๔ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับรายวันอีกไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่

มาตรา ๖๐ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๖๑ ผู้ใดแจ้งรายการเท็จในข้อความซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้พักหรือระเบียนผู้พัก หรือข้อความหรือไม่ปฏิบัติตามความในใบแทนใบอนุญาตที่กำหนดไว้ในการปฏิบัติตามมาตรา ๔๕ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

บทเฉพาะกาล

มาตรา 26 ใบอนุญาตให้ดำเนินกิจการโรงแรมตามพระราชบัญญัติโรงแรม พุทธศักราช 2547 ให้ถือว่าเป็นใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ และให้ใช้ได้จนกว่าจะสิ้นอายุใบอนุญาต

มาตรา 27 ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ หรือใบอนุญาตที่ได้รับมาแล้วสิ้นอายุหรือถูกเพิกถอน ต้องยุติการประกอบธุรกิจโรงแรมนั้นโดยทันที ถ้าประสงค์จะประกอบธุรกิจโรงแรมต่อไป ต้องดำเนินการขอรับใบอนุญาตต่อนายทะเบียนภายในหนึ่งปีนับตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ และให้ใบอนุญาตที่ออกให้แก่บุคคลดังกล่าวมีอายุถึงกำหนดตามพระราชบัญญัตินี้ และให้ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมผู้นั้นไม่ต้องนำส่งค่าธรรมเนียมการขอใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้

ในกรณีที่บุคคลซึ่งขออนุญาตตามมาตรา 13 ดำเนินกิจการโรงแรมต้องมีสถานที่จอดรถเพียงพอตลอดทั้งจำนวนห้องพัก หรือกำหนดให้โรงแรมอยู่ในบริเวณใกล้กับสถานที่ใดที่กำหนดไว้ในกรณีที่มีพื้นที่พักอาศัยหรือพักผ่อนในบริเวณโรงแรมตามกรณี ผู้ขอรับใบอนุญาตต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามเงื่อนไขที่นายทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้กำหนดไว้ มิฉะนั้นให้ถือว่าใบอนุญาตนั้นเป็นอันสิ้นสุดนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งการไม่อนุญาต ในกรณีดังกล่าว นายทะเบียนต้องแจ้งให้ผู้ขอรับใบอนุญาตทราบถึงเหตุผลที่ไม่อนุญาตให้ดำเนินการต่อไป และให้ผู้ขอรับใบอนุญาตมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อคณะกรรมการภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งดังกล่าว ผู้ขอรับใบอนุญาตที่ไม่อุทธรณ์หรืออุทธรณ์แล้วคณะกรรมการมีคำสั่งยืนตามคำสั่งนายทะเบียน ต้องระงับการดำเนินการในส่วนที่ไม่ถูกต้อง

มาตรา 28 ผู้ควบคุมและจัดการโรงแรมตามพระราชบัญญัติโรงแรม พุทธศักราช 2547 หรือจัดการโรงแรมตามพระราชบัญญัตินี้อยู่แล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ถ้าประสงค์จะเป็นผู้จัดการต่อไป ให้แจ้งต่อนายทะเบียนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เมื่อได้แจ้งแล้วให้มีสิทธิประกอบกิจต่อไปดังกล่าวจนกว่าจะถูกแต่งตั้งเป็นผู้จัดการ โอกาสนี้มีให้ตามมาตรา 13 (2) ไปแล้ว

มาตรา 29 คำขออนุญาตให้ดำเนินกิจการโรงแรมที่ยื่นไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับและยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของนายทะเบียน ให้ถือว่าเป็นคำขออนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ และให้ดำเนินการพิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ให้ย้ายสถานที่ หรือให้มีหรือจัดสถานที่อย่างใดอย่างหนึ่งสำหรับพักให้ได้ตามพระราชบัญญัตินี้

ในกรณีที่ผู้ขออนุญาตไม่สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ได้ ให้ถือว่าใบอนุญาตนั้นเป็นอันสิ้นสุดนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งการไม่อนุญาตจากนายทะเบียน และให้ผู้ขออนุญาตมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อคณะกรรมการภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งดังกล่าว และให้ผู้ขออนุญาตที่ไม่อุทธรณ์หรืออุทธรณ์แล้วคณะกรรมการมีคำสั่งยืนตามคำสั่งนายทะเบียน ต้องระงับการดำเนินการในส่วนที่ไม่ถูกต้อง

มาตรา 26 บรรดากฎกระทรวง คำสั่งหรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัติโรงแรม พุทธศักราช 2478 ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเพียงเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้ จนกว่าจะมีกฎกระทรวง คำสั่งหรือประกาศตามพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ซึ่งต้องไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อัตราค่าธรรมเนียม ๑. ใบอนุญาต ฉบับละ ๕๐,๐๐๐ บาท ๒. ใบแทนใบอนุญาต ฉบับละ ๕๐๐ บาท ๓. การต่ออายุใบอนุญาตครั้งหนึ่งซึ่งอยู่ภายในเงื่อนไขใบอนุญาตประเภทนั้น ๑ เท่าของฉบับ ๔. ค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรม ปีละ ๘๐ บาทต่อห้อง โดยให้คิดค่าธรรมเนียมตามจำนวนห้องพักของโรงแรม ในการออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมจะกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมให้แตกต่างกันโดยคำนึงถึง ขนาด ลักษณะหรือประเภทของโรงแรมก็ได้ เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากพระราชบัญญัติโรงแรม พุทธศักราช 2478 ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานานและมีบทบัญญัติที่ไม่เหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลเศรษฐกิจและการประกอบธุรกิจโรงแรมให้พัฒนาและขยายตัวมากขึ้น ดังนั้น เพื่อส่งเสริมและยกมาตรฐานการประกอบธุรกิจโรงแรมและกำหนดหลักเกณฑ์ในการประกอบธุรกิจให้เหมาะสมกับสภาพของการประกอบธุรกิจโรงแรมแต่ละประเภท จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ ศิริพร/แก้ไข วศิน/ตรวจ 28 มิถุนายน 2546