로고

ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที, ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๒ เป็นปีที, ๓๔ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที,เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ-นไว้ โดยคําแนะนํา และยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี-

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี-เรียกว่า “พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.

๒๕๒๒”

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี-ให้ใช้บังคับเมื,อพ้นกําหนดเก้าสิบวันนับแต่

วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ให้ยกเลิก

พระราชบัญญัติจราจรทางบก พุทธศักราช ๒๔๗๗

พระราชบัญญัติจราจรทางบก แก้ไขเพิ,มเติม พุทธศักราช ๒๔๗๘ (๓) พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๓) พุทธศักราช ๒๔๘๑ (๔) พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๔) พ.ศ. ๒๕๐๘

ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที, ๕๙ ลงวันที, ๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๕ มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี-

“การจราจร” หมายความว่า การใช้ทางของผู้ขับขี, คนเดินเท้า หรือคน ที,จูง ขี, หรือไล่ต้อนสัตว์

“ทาง” หมายความว่า ทางเดินรถ ช่องเดินรถ ช่องเดินรถประจําทาง ไหล่ทาง ทางเท้า ทางข้าม ทางร่วมทางแยก ทางลาด ทางโค้ง สะพาน และลานที,ประชาชน ใช้ในการจราจร และให้หมายความรวมถึงทางส่วนบุคคลที,เจ้าของยินยอมให้ประชาชนใช้ ในการจราจรหรือที,หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*ได้ประกาศให้เป็นทางตามพระราชบัญญัติ นี-ด้วย แต่ไม่รวมไปถึงทางรถไฟ

“ทางเดินรถ” หมายความว่า พื-นที,ที,ทําไว้สําหรับการเดินรถไม่ว่าใน ระดับพื-นดิน ใต้หรือเหนือพื-นดิน

“ช่องเดินรถ” หมายความว่า ทางเดินรถที,จัดแบ่งเป็นช่องสําหรับการ เดินรถ โดยทําเครื,องหมายเป็นเส้นหรือแนวแบ่งเป็นช่องไว้

“ช่องเดินรถประจําทาง” หมายความว่า ช่องเดินรถที,กําหนดให้เป็น ช่องเดินรถสําหรับรถโดยสารประจําทางหรือรถบรรทุกคนโดยสารประเภทที,ผู้บัญชาการ ตํารวจแห่งชาติกําหนด

“ทางเดินรถทางเดียว” หมายความว่า ทางเดินรถใดที,กําหนดให้ผู้ขับ รถขับไปในทิศทางเดียวกันตามเวลาที,หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*กําหนด

“ขอบทาง” หมายความว่า แนวริมของทางเดินรถ

“ไหล่ทาง” หมายความว่า พื-นที,ที,ต่อจากขอบทางออกไปทางด้านข้าง ซึ,งยังมิได้จัดทําเป็นทางเท้า

“ทางร่วมทางแยก” หมายความว่า พื-นที,ที,ทางเดินรถตั-งแต่สองสาย ตัดผ่านกัน รวมบรรจบกัน หรือติดกัน

๑๐

“วงเวียน” หมายความว่า ทางเดินรถที,กําหนดให้รถเดินรอบ เครื,องหมายจราจรหรือสิ,งที,สร้างขึ-นในทางร่วมทางแยก

๑๑

“ทางเท้า” หมายความว่า พื-นที,ที,ทําไว้สําหรับคนเดินซึ,งอยู่ข้างใดข้าง หนึ,งของทาง หรือทั-งสองข้างของทาง หรือส่วนที,อยู่ชิดขอบทางซึ,งใช้เป็นที,สําหรับคนเดิน

๑๒

“ทางข้าม” หมายความว่า พื-นที,ที,ทําไว้สําหรับให้คนเดินเท้าข้ามทาง โดยทําเครื,องหมายเป็นเส้นหรือแนวหรือตอกหมุดไว้บนทาง และให้หมายความรวมถึงพื-นที, ที,ทําให้คนเดินเท้าข้ามไม่ว่าในระดับใต้หรือเหนือพื-นดินด้วย

๑๓

“เขตปลอดภัย” หมายความว่า พื-นที,ในทางเดินรถที,มีเครื,องหมาย แสดงไว้ให้เห็นได้ชัดเจนทุกเวลา สําหรับให้คนเดินเท้าที,ข้ามทางหยุดรอหรือให้คนที,ขึ-นหรือ ลงรถหยุดรอก่อนจะข้ามทางต่อไป

๑๔

“ที,คับขัน” หมายความว่า ทางที,มีการจราจรพลุกพล่านหรือมีสิ,ง กีดขวาง หรือในที,ซึ,งมองเห็นหรือทราบได้ล่วงหน้าว่าอาจเกิดอันตรายหรือความเสียหายแก่ รถหรือคนได้ง่าย ราง

๑๕

“รถ” หมายความว่า ยานพาหนะทางบกทุกชนิด เว้นแต่รถไฟและรถ

๑๖

“รถยนต์” หมายความว่า รถที,มีล้อตั-งแต่สามล้อและเดินด้วยกําลัง เครื,องยนต์ กําลังไฟฟJาหรือพลังงานอื,น ยกเว้นรถที,เดินบนราง

๑๗

“รถจักรยานยนต์” หมายความว่า รถที,เดินด้วยกําลังเครื,องยนต์ กําลังไฟฟJา หรือพลังงานอื,น และมีล้อไม่เกินสองล้อ ถ้ามีพ่วงข้างมีล้อเพิ,มอีกไม่เกินหนึ,งล้อ

๑๘

“รถจักรยาน” หมายความว่า รถที,เดินด้วยกําลังของผู้ขับขี,ที,มิใช่ เป็นการลากเข็น

๑๙

“รถฉุกเฉิน” หมายความว่า รถดับเพลิงและรถพยาบาลของราชการ บริหารส่วนกลาง ราชการบริหารส่วนภูมิภาค และราชการบริหารส่วนท้องถิ,น หรือรถอื,นที, ได้รับอนุญาตจากผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติให้ใช้ไฟสัญญาณแสงวับวาบ หรือให้ใช้เสียง สัญญาณไซเรนหรือเสียงสัญญาณอย่างอื,นตามที,จะกําหนดให้

๒๐

“รถบรรทุก” หมายความว่า รถยนต์ที,สร้างขึ-นเพื,อใช้บรรทุกสิ,งของ หรือสัตว์

๒๑

“รถบรรทุกคนโดยสาร” หมายความว่า รถยนต์ที,สร้างขึ-นเพื,อใช้ บรรทุกคนโดยสารเกินเจ็ดคน

๒๒

“รถโรงเรียน” หมายความว่า รถบรรทุกคนโดยสารที,โรงเรียนใช้รับ ส่งนักเรียน

๒๓

“รถโดยสารประจําทาง” หมายความว่า รถบรรทุกคนโดยสารที,เดิน ตามทางที,กําหนดไว้ และเรียกเก็บค่าโดยสารเป็นรายคนตามอัตราที,วางไว้เป็นระยะทาง หรือตลอดทาง

๒๔

“รถแท็กซี,” หมายความว่า รถยนต์ที,ใช้รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่ เกินเจ็ดคน

๒๕

“รถลากจูง” หมายความว่า รถยนต์ที,สร้างขึ-นเพื,อใช้สําหรับลากจูง รถหรือเครื,องมือการเกษตรหรือเครื,องมือการก่อสร้าง โดยตัวรถนั-นเองมิได้ใช้สําหรับ บรรทุกคนหรือสิ,งของ

๒๖

“รถพ่วง” หมายความว่า รถที,เคลื,อนที,ไปโดยใช้รถอื,นลากจูง

๒๗

“มาตรแท็กซี,” หมายความว่า เครื,องแสดงอัตราและค่าโดยสารของ รถแท็กซี, โดยอาศัยเกณฑ์ระยะทางหรือเวลาการใช้รถแท็กซี, หรือโดยอาศัยทั-งระยะทางและ เวลาการใช้รถแท็กซี,

๒๘

“ผู้ขับขี,” หมายความว่า ผู้ขับรถ ผู้ประจําเครื,องอุปกรณ์การขนส่ง ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่ง ผู้ลากเข็นยานพาหนะ

๒๙

“คนเดินเท้า” หมายความว่า คนเดินและให้รวมตลอดถึงผู้ใช้เก้าอี-ล้อ สําหรับคนพิการหรือรถสําหรับเด็กด้วย

๓๐

“เจ้าของรถ” หมายความรวมถึงผู้มีรถไว้ในครอบครองด้วย (๓๑) “ผู้เก็บค่าโดยสาร” หมายความว่า ผู้ซึ,งรับผิดชอบในการเก็บค่า โดยสาร และผู้ดูแลคนโดยสารที,อยู่ประจํารถบรรทุกคนโดยสาร

๓๒

“ใบอนุญาตขับขี,” หมายความว่า ใบอนุญาตขับรถตามกฎหมาย ว่าด้วยรถยนต์ และใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก

๓๓

“สัญญาณจราจร” หมายความว่า สัญญาณใด ๆ ไม่ว่าจะแสดงด้วย ธง ไฟ ไฟฟJา มือ แขน เสียงนกหวีด หรือด้วยวิธีอื,นใด สําหรับให้ผู้ขับขี, คนเดินเท้า หรือคนที, จูง ขี, หรือไล่ต้อนสัตว์ ปฏิบัติตามสัญญาณนั-น

๓๔

“เครื,องหมายจราจร” หมายความว่า เครื,องหมายใด ๆ ที,ได้ติดตั-งไว้ หรือทําให้ปรากฏในทางสําหรับให้ผู้ขับขี, คนเดินเท้า หรือคนที,จูง ขี, หรือไล่ต้อนสัตว์ ปฏิบัติ ตามเครื,องหมายนั-น

๓๕

“รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติ นี-

๓๖

(ยกเลิก)

๓๗

“เจ้าพนักงานจราจร” หมายความว่า หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร และข้าราชการตํารวจซึ,งดํารงตําแหน่ง ดังต่อไปนี- (ก) รองผู้กํากับการจราจร (ข) สารวัตรจราจร (ค) รองสารวัตรจราจร (ง) ผู้บังคับหมู่งานจราจร (จ) รองผู้บังคับหมู่งานจราจร (ฉ) ข้าราชการตํารวจตําแหน่งอื,นซึ,งหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรแต่งตั-งให้ ปฏิบัติหน้าที,ควบคุมการจราจร

๓๘

“หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร” หมายความว่า ผู้บัญชาการตํารวจ แห่งชาติ หรือข้าราชการตํารวจซึ,งดํารงตําแหน่งไม่ต°ากว่ารองผู้กํากับการหรือเทียบเท่าที, ได้รับแต่งตั-งจากผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ

๓๙

“อาสาจราจร” หมายความว่า ผู้ซึ,งผ่านการอบรมตามหลักสูตรอาสา จราจร และได้รับแต่งตั-งจากผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติให้ช่วยเหลือการปฏิบัติหน้าที,ของ เจ้าพนักงานจราจร*ตามที,บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี-

๔๐

“ผู้ตรวจการ” หมายความว่า ผู้ตรวจการตามกฎหมายว่าด้วยการ ขนส่งทางบกและผู้ตรวจการตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ [คําว่า “ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ” แก้ไขเพิ,มเติมโดยมาตรา ๔ แห่งพระ ราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙]

มาตรา ๔/๑

เพื,อประโยชน์ในการควบคุมดูแลและบังคับใช้กฎหมายให้ เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี-หรือตามกฎหมายอื,นอันเกี,ยวกับการจราจร ให้ สํานักงานตํารวจแห่งชาติและกรมการขนส่งทางบกจัดให้มีข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เกี,ยว กับประวัติและการกระทําความผิดตามกฎหมายของผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี, ข้อมูลทะเบียน รถ และข้อมูลอื,นที,เกี,ยวข้อง รวมทั-งให้มีการประสานข้อมูลดังกล่าว ทั-งนี- ตามระเบียบที,ผู้ บัญชาการตํารวจแห่งชาติและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกร่วมกันกําหนด

มาตรา ๕ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี- และมีอํานาจ ออกกฎกระทรวงเพื,อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี-

กฎกระทรวงนั-น เมื,อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้

ลักษณะ ๑ การใช้รถ หมวด ๑

ลักษณะของรถที,ใช้ในทาง

มาตรา ๖ ห้ามมิให้ผู้ใดนํารถที,มีสภาพไม่มั,นคงแข็งแรง หรืออาจเกิด อันตราย หรืออาจทําให้เสื,อมเสียสุขภาพอนามัยแก่ผู้ใช้ คนโดยสารหรือประชาชนมาใช้ใน ทางเดินรถ

รถที,ใช้ในทางเดินรถ ผู้ขับขี,ต้องจัดให้มีเครื,องยนต์ เครื,องอุปกรณ์และหรือ ส่วนควบที,ครบถ้วนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ กฎหมายว่าด้วยการขนส่ง กฎหมายว่า ด้วยล้อเลื,อน กฎหมายว่าด้วยรถลาก หรือกฎหมายว่าด้วยรถจ้าง และใช้การได้ดี สภาพของรถที,อาจทําให้เสื,อมเสียสุขภาพอนามัยตามวรรคหนึ,งและวิธี การทดสอบ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที,กําหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๗ ห้ามมิให้ผู้ใดนํารถที,มิได้ติดแผ่นปJายเลขทะเบียน แผ่นปJาย เครื,องหมายเลขทะเบียนหรือปJายประจํารถ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ กฎหมายว่าด้วย การขนส่ง กฎหมายว่าด้วยล้อเลื,อน กฎหมายว่าด้วยรถลาก หรือกฎหมายว่าด้วยรถจ้าง มา ใช้ในทางเดินรถ

มาตรา ๘ ห้ามมิให้ผู้ใดนํารถที,ผู้ขับขี,ไม่อาจแลเห็นทางพอแก่ความ ปลอดภัยมาใช้ในทางเดินรถ

เพื,อประโยชน์แห่งมาตรานี- ให้ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติมีอํานาจออก ระเบียบเกี,ยวกับการใช้วัสดุกรองแสงกับรถที,นํามาใช้ในทางเดินรถได้ โดยประกาศในราช กิจจานุเบกษา [คําว่า “ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ” แก้ไขเพิ,มเติมโดยมาตรา ๔ แห่งพระ ราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙]

มาตรา ๙ ห้ามมิให้ผู้ใดนํารถที,เกิดเสียงอื-ออึงหรือมีสิ,งลากถูไปบนทาง เดินรถมาใช้ในทางเดินรถ

มาตรา ๑๐ ห้ามมิให้ผู้ใดนํารถที,มีล้อหรือส่วนที,สัมผัสกับผิวทางไม่ใช่ยาง มาใช้ในทางเดินรถ เว้นแต่เป็นรถที,ได้รับยกเว้นตามที,กําหนดในกฎกระทรวง หรือเป็นรถที, ได้รับอนุญาตจากหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*

มาตรา ๑๐ ทวิ

ห้ามมิให้ผู้ใดนํารถที,เครื,องยนต์ก่อให้เกิดก๊าซ ฝุ'น ควัน

ละอองเคมี หรือเสียงเกินเกณฑ์ที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติกําหนดโดยประกาศในราชกิจ จานุเบกษา มาใช้ในทางเดินรถ

[คําว่า “ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ” แก้ไขเพิ,มเติมโดยมาตรา ๔ แห่งพระ ราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙]

หมวด ๒

การใช้ไฟหรือเสียงสัญญาณของรถ

มาตรา ๑๑ ในเวลาที,มีแสงสว่างไม่เพียงพอที,จะมองเห็นคน รถหรือสิ,ง กีดขวางในทางได้โดยชัดแจ้งภายในระยะไม่น้อยกว่าหนึ,งร้อยห้าสิบเมตร ผู้ขับขี,ซึ,งขับรถใน ทางต้องเป_ดไฟ หรือใช้แสงสว่างตามประเภท ลักษณะ และเงื,อนไขที,กําหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๑๒ รถแต่ละชนิดที,ใช้ในทางเดินรถ ผู้ขับขี,ต้องใช้เสียงสัญญาณ โดยเฉพาะดังต่อไปนี-

เสียงแตร สําหรับรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ และให้ได้ยินได้ในระยะ ไม่น้อยกว่าหกสิบเมตร

เสียงระฆัง สําหรับรถม้า และให้ได้ยินได้ในระยะไม่น้อยกว่าสามสิบ เมตร

เสียงกระดิ,ง สําหรับรถจักรยาน และให้ได้ยินได้ในระยะไม่น้อยกว่า สามสิบเมตร

ส่วนรถอื,นนอกจากที,กล่าวข้างต้น ผู้ขับขี,ต้องใช้เสียงสัญญาณตามที,ผู้ บัญชาการตํารวจแห่งชาติกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

[คําว่า “ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ” แก้ไขเพิ,มเติมโดยมาตรา ๔ แห่งพระ ราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙]

มาตรา ๑๓ ห้ามมิให้ผู้ขับขี,ซึ,งขับรถทุกชนิดในทางเดินรถใช้ไฟสัญญาณ แสงวับวาบ เสียงสัญญาณไซเรน เสียงสัญญาณที,เป็นเสียงนกหวีด เสียงที,แตกพร่า เสียง หลายเสียง เสียงดังเกินสมควร หรือเสียงสัญญาณอย่างอื,นตามที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่ง ชาติกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติมีอํานาจอนุญาตให้รถฉุกเฉิน รถในราชการ ทหารหรือตํารวจ หรือรถอื,นใช้ไฟสัญญาณวับวาบหรือใช้เสียงสัญญาณไซเรนหรือเสียง สัญญาณอย่างอื,นได้ ในการนี-ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติจะกําหนดเงื,อนไขในการใช้ไฟ สัญญาณหรือเสียงสัญญาณรวมทั-งกําหนดเครื,องหมายที,แสดงถึงลักษณะของรถดังกล่าว ด้วยก็ได้โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา [คําว่า “ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ” แก้ไขเพิ,มเติมโดยมาตรา ๔ แห่งพระ ราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙]

มาตรา ๑๔ การใช้เสียงสัญญาณ ผู้ขับขี,จะใช้ได้เฉพาะเมื,อจําเป็นหรือ ปJองกันอุบัติเหตุเท่านั-น แต่จะใช้เสียงยาวหรือซ엉าเกินควรไม่ได้

การใช้เสียงสัญญาณของรถหรือการกําหนดเงื,อนไขในการใช้เสียง สัญญาณในเขตหรือท้องที,ใด ให้ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติกําหนดโดยประกาศในราชกิจ จานุเบกษา [คําว่า “ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ” แก้ไขเพิ,มเติมโดยมาตรา ๔ แห่งพระ ราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙]

มาตรา ๑๕ รถที,บรรทุกของยื,นเกินความยาวของตัวรถ ขณะที,อยู่ในทาง เดินรถ และในเวลาต้องเป_ดไฟตามมาตรา ๑๑ หรือมาตรา ๖๑ ผู้ขับขี,ต้องจุดไฟสัญญาณ แสงแดง หรือในเวลากลางวันต้องติดธงสีแดงไว้ที,ตอนปลายสุดของสิ,งที,บรรทุกนั-น โดยจุด ไฟสัญญาณหรือติดธงไว้ให้มองเห็นได้ในระยะไม่น้อยกว่าหนึ,งร้อยห้าสิบเมตร

ไฟสัญญาณแสงแดงหรือธงสีแดงตามวรรคหนึ,ง จะใช้ชนิด ลักษณะ หรือ จํานวนเท่าใด ให้ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา [คําว่า “ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ” แก้ไขเพิ,มเติมโดยมาตรา ๔ แห่งพระ ราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙]

มาตรา ๑๖ ผู้ขับขี,ซึ,งขับรถบรรทุกของเหลวไวไฟที,มีจุดวาบไฟในอุณหภูมิ ยี,สิบเอ็ดองศาเซลเซียส หรือต°ากว่านั-น หรือที,บรรจุก๊าซไวไฟ ต้องปฏิบัติตามมาตรา ๑๕ และมาตรา ๕๖ แต่ไฟสัญญาณที,ใช้นั-นต้องมิใช่เป็นชนิดที,ใช้เชื-อเพลิง

มาตรา ๑๗ ผู้ขับขี,ซึ,งขับรถที,ใช้บรรทุกวัตถุระเบิด หรือวัตถุอันตรายชนิด อื,นใด ต้องจัดให้มีปJายแสดงถึงวัตถุที,บรรทุกและเครื,องดับเพลิง และต้องปฏิบัติตามเงื,อนไข ในการปJองกันอันตราย

ลักษณะและวิธีการติดปJายแสดงถึงวัตถุที,บรรทุกและเครื,องดับเพลิง ตลอดจนเงื,อนไขในการปJองกันอันตราย ให้เป็นไปตามที,กําหนดในกฎกระทรวง

หมวด ๓

การบรรทุก

มาตรา ๑๘

รถที,ใช้บรรทุกคน สัตว์ หรือสิ,งของ จะใช้บรรทุกในลักษณะ ใดโดยรถชนิดหรือประเภทใด ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที,กําหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๑๙ ในกรณีที,มีความจําเป็นจะต้องบรรทุกคน สัตว์ หรือสิ,งของ นอกเหนือไปจากหลักเกณฑ์และวิธีการที,กําหนดในกฎกระทรวง เมื,อเจ้าของรถร้องขอ หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*จะผ่อนผันโดยอนุญาตเป็นหนังสือเป็นการชั,วคราวเฉพาะราย

ก็ได้

มาตรา ๒๐ ผู้ขับขี,ซึ,งขับรถบรรทุกคน สัตว์ หรือสิ,งของ ต้องจัดให้มีสิ,ง ปJองกันมิให้ คน สัตว์ หรือสิ,งของที,บรรทุกตกหล่น รั,วไหล ส่งกลิ,น ส่องแสงสะท้อน หรือปลิว ไปจากรถ อันอาจก่อเหตุเดือดร้อนรําคาญ ทําให้ทางสกปรกเปรอะเป- 더อน ทําให้เสื,อมเสีย สุขภาพอนามัยแก่ประชาชน หรือก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน

ลักษณะ ๒ สัญญาณจราจรและเครื,องหมายจราจร

มาตรา ๒๑ ผู้ขับขี,ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาณจราจรและ เครื,องหมายจราจรที,ได้ติดตั-งไว้หรือทําให้ปรากฏในทาง หรือที,เจ้าพนักงานจราจร*แสดง ให้ทราบ

สัญญาณจราจร เครื,องหมายจราจร และความหมายของสัญญาณจราจร และเครื,องหมายจราจร ให้ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุ เบกษาและให้มีรูปตัวอย่างแสดงไว้ในประกาศด้วย [คําว่า “ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ” แก้ไขเพิ,มเติมโดยมาตรา ๔ แห่งพระ ราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙]

มาตรา ๒๒ ผู้ขับขี,ต้องปฏิบัติตามสัญญาณจราจรหรือเครื,องหมาย จราจรที,ปรากฏข้างหน้าในกรณีต่อไปนี-

สัญญาณจราจรไฟสีเหลืองอําพัน ให้ผู้ขับขี,เตรียมหยุดรถหลังเส้นให้ รถหยุดเพื,อเตรียมปฏิบัติตามสัญญาณที,จะปรากฏต่อไปดังกล่าวใน (๒) เว้นแต่ผู้ขับขี,ที,ได้ เลยเส้นให้รถหยุดไปแล้วให้เลยไปได้

สัญญาณจราจรไฟสีแดงหรือเครื,องหมายจราจรสีแดงที,มีคําว่า “หยุด” ให้ผู้ขับขี,หยุดรถหลังเส้นให้รถหยุด

สัญญาณจราจรไฟสีเขียวหรือเครื,องหมายจราจรสีเขียวที,มีคําว่า “ไป” ให้ผู้ขับขี,ขับรถต่อไปได้ เว้นแต่จะมีเครื,องหมายจราจรกําหนดไว้เป็นอย่างอื,น

สัญญาณจราจรไฟลูกศรสีเขียวชี-ให้เลี-ยวหรือชี-ให้ตรงไป หรือ สัญญาณจราจรไฟสีแดงแสดงพร้อมกับสัญญาณจราจรไฟลูกศรสีเขียวชี-ให้เลี-ยวหรือชี-ให้ ตรงไป ให้ผู้ขับขี,เลี-ยวรถหรือขับรถตรงไปได้ตามทิศทางที,ลูกศรชี- และต้องขับรถด้วยความ ระมัดระวัง และต้องให้สิทธิแก่คนเดินเท้าในทางข้ามหรือรถที,มาทางขวาก่อน

สัญญาณจราจรไฟกระพริบสีแดง ถ้าติดตั-งอยู่ที,ทางร่วมทางแยกใด เป_ดทางด้านใดให้ผู้ขับขี,ที,มาทางด้านนั-นหยุดรถหลังเส้นให้รถหยุด เมื,อเห็นว่าปลอดภัยและ ไม่เป็นการกีดขวางการจราจรแล้ว จึงให้ขับรถต่อไปได้ด้วยความระมัดระวัง

สัญญาณจราจรไฟกระพริบสีเหลืองอําพัน ถ้าติดตั-งอยู่ ณ ที,ใด ให้ผู้ ขับขี,ลดความเร็วของรถลงและผ่านทางเดินรถนั-นไปด้วยความระมัดระวัง ผู้ขับขี,ซึ,งจะขับรถตรงไปต้องเข้าอยู่ในช่องเดินรถที,มีเครื,องหมายจราจร แสดงให้ตรงไป ส่วนผู้ขับขี,ซึ,งจะเลี-ยวรถต้องเข้าอยู่ในช่องเดินรถที,มีเครื,องหมายจราจร แสดงให้เลี-ยว การเข้าอยู่ในช่องเดินรถดังกล่าวจะต้องเข้าตั-งแต่เริ,มมีเครื,องหมายจราจร แสดงให้ปฏิบัติเช่นนั-น

มาตรา ๒๓ ผู้ขับขี,ซึ,งขับรถในทางเดินรถที,มีสัญญาณจราจรไฟสีเขียวหรือ ไฟสีแดงติดตั-งไว้เหนือช่องเดินรถ มากกว่าสองช่องขึ-นไปต้องปฏิบัติดังต่อไปนี-

สัญญาณจราจรไฟสีแดงที,ทําเป็นรูปกากบาทเฉียงอยู่เหนือช่องเดินรถ ใด ห้ามมิให้ผู้ขับขี,ขับรถในช่องเดินรถนั-น

สัญญาณจราจรไฟสีเขียวที,ทําเป็นรูปลูกศรอยู่เหนือช่องเดินรถใด ให้ผู้ ขับขี,ซึ,งขับรถในช่องเดินรถนั-นขับรถผ่านไปได้

มาตรา ๒๔ ผู้ขับขี,ต้องปฏิบัติตามสัญญาณจราจรที,เจ้าพนักงาน จราจร*แสดงให้ปรากฏข้างหน้าในกรณีต่อไปนี-

เมื,อเจ้าพนักงานจราจร*ยืน และเหยียดแขนซ้ายออกไปเสมอระดับ ไหล่ ผู้ขับขี,ซึ,งขับรถมาทางด้านหลังของเจ้าพนักงานจราจร*ต้องหยุดรถ แต่ถ้าเจ้าพนักงาน จราจร*ลดแขนข้างที,เหยียดออกไปนั-นลงและโบกมือไปข้างหน้า ให้ผู้ขับขี,ซึ,งหยุดรถอยู่ทาง ด้านหลังขับรถผ่านไปได้

เมื,อเจ้าพนักงานจราจร*ยืน และเหยียดแขนข้างใดข้างหนึ,งออกไป เสมอระดับไหล่และตั-งฝ'ามือขึ-น ผู้ขับขี,ซึ,งขับรถมาทางด้านที,เหยียดแขนข้างนั-นของเจ้า พนักงานจราจร*ต้องหยุดรถ แต่ถ้าเจ้าพนักงานจราจร*พลิกฝ'ามือที,ตั-งอยู่นั-น แล้วโบกผ่าน ศีรษะไปทางด้านหลัง ให้ผู้ขับขี,ซึ,งหยุดรถอยู่นั-นขับรถผ่านไปได้

เมื,อเจ้าพนักงานจราจร*ยืน และเหยียดแขนทั-งสองข้างออกไปเสมอ ระดับไหล่และตั-งฝ'ามือขึ-น ผู้ขับขี,ซึ,งขับรถมาทางด้านที,เหยียดแขนทั-งสองข้างของเจ้า พนักงานจราจร*ต้องหยุดรถ

เมื,อเจ้าพนักงานจราจร*ยืน และยกแขนขวาท่อนล่างตั-งฉากกับแขน ท่อนบนและตั-งฝ'ามือขึ-น ผู้ขับขี,ซึ,งขับรถมาทางด้านหน้าของเจ้าพนักงานจราจร*ต้องหยุด รถ แต่ถ้าเจ้าพนักงานจราจร*พลิกฝ'ามือที,ตั-งอยู่นั-นโบกไปด้านหลัง ให้ผู้ขับขี,ซึ,งหยุดรถอยู่ ทางด้านหน้าของเจ้าพนักงานจราจร*ขับรถผ่านไปได้

เมื,อเจ้าพนักงานจราจร*ยืน และยกแขนขวาท่อนล่างตั-งฉากกับแขน ท่อนบนและตั-งฝ'ามือขึ-น ส่วนแขนซ้ายเหยียดออกไปเสมอระดับไหล่ ผู้ขับขี,ซึ,งขับรถมาทาง ด้านหน้าและด้านหลังของเจ้าพนักงานจราจร*ต้องหยุดรถ การหยุดรถตามมาตรานี- ให้หยุดหลังเส้นให้รถหยุด ในกรณีที,ทางเดินรถ ใดไม่มีเส้นให้รถหยุด ให้ผู้ขับขี,หยุดรถห่างจากเจ้าพนักงานจราจร*ในระยะไม่น้อยกว่าสาม เมตร การแสดงสัญญาณจราจรของเจ้าพนักงานจราจร*ตามมาตรานี- เจ้า พนักงานจราจร*จะใช้ไฟฉายเรืองแสงหรืออุปกรณ์เรืองแสงอื,นด้วยก็ได้

มาตรา ๒๕ ผู้ขับขี,ต้องปฏิบัติตามสัญญาณจราจรที,เจ้าพนักงาน จราจร*ได้แสดงด้วยเสียงสัญญาณนกหวีดในกรณีต่อไปนี-

เมื,อเจ้าพนักงานจราจร*ใช้เสียงสัญญาณนกหวีดยาวหนึ,งครั-ง ให้ผู้ ขับขี,หยุดรถทันที

เมื,อเจ้าพนักงานจราจร*ใช้เสียงสัญญาณนกหวีดสั-นสองครั-งติดต่อกัน ให้ผู้ขับขี,ขับรถผ่านไปได้

มาตรา ๒๖ ในทางเดินรถที,มีสัญญาณจราจรหรือเครื,องหมายจราจรตาม มาตรา ๒๒ หรือสัญญาณจราจรตามมาตรา ๒๓ ถ้าเจ้าพนักงานจราจร*ผู้ควบคุมการ จราจรในทางเดินรถนั-น เห็นสมควรเพื,อความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจร จะให้ สัญญาณจราจรเป็นอย่างอื,นก็ได้ ในกรณีเช่นนี- ให้ผู้ขับขี,ปฏิบัติการเดินรถตามสัญญาณที, เจ้าพนักงานจราจร*กําหนดให้

มาตรา ๒๗ สัญญาณจราจรหรือเครื,องหมายจราจรตามที,บัญญัติไว้ใน พระราชบัญญัตินี- เมื,อมีเหตุอันสมควร ให้ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติมีอํานาจแก้ไข เปลี,ยนแปลงได้โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

[คําว่า “ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ” แก้ไขเพิ,มเติมโดยมาตรา ๔ แห่งพระ ราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙]

มาตรา ๒๘ ห้ามมิให้ผู้ใดนอกจากเจ้าพนักงานจราจร*หรือเจ้าพนักงาน ทํา ติดตั-ง หรือทําให้ปรากฏซึ,งสัญญาณจราจร หรือเครื,องหมายจราจรในทางที,ผู้ บัญชาการตํารวจแห่งชาติกําหนดตามมาตรา ๒๑

[คําว่า “ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ” แก้ไขเพิ,มเติมโดยมาตรา ๔ แห่งพระ ราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙]

มาตรา ๒๙ ห้ามมิให้ผู้ใดทําให้เสียหาย ทําลาย ซ่อนเร้น เปลี,ยนแปลง เคลื,อนย้าย ขีดเขียน หรือทําให้ไร้ประโยชน์ซึ,งสัญญาณจราจรหรือเครื,องหมายจราจรที,เจ้า พนักงานจราจร*หรือเจ้าพนักงานติดตั-งไว้ หรือทําให้ปรากฏในทาง

มาตรา ๓๐ สัญญาณจราจรหรือเครื,องหมายจราจรที,ทํา ติดตั-ง หรือ ทําให้ปรากฏในทางโดยฝ'าฝ더นมาตรา ๒๘ หรือมาตรา ๒๙ หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*มี อํานาจยึด รื-อถอน ทําลาย หรือทําให้สิ-นไปซึ,งสัญญาณจราจรหรือเครื,องหมายจราจรนั-นได้

ลักษณะ ๓ การใช้ทางเดินรถ หมวด ๑ การขับรถ

มาตรา ๓๑ นอกจากที,บัญญัติไว้เป็นพิเศษในลักษณะ ๔ ว่าด้วยการใช้ ทางเดินรถที,จัดเป็นช่องเดินรถประจําทาง การใช้ทางเดินรถให้เป็นไปตามที,บัญญัติไว้ใน

ลักษณะนี-

มาตรา ๓๑/๑

ในขณะขับรถในทางเดินรถ ผู้ขับขี,ต้องมีใบอนุญาตขับขี, อยู่กับตัวและต้องแสดงต่อเจ้าพนักงานจราจรเมื,อขอตรวจ ในกรณีที,ผู้ขับขี,แสดงใบอนุญาตขับขี,ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือสําเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับขี,ตามที,กรมการขนส่งทางบกกําหนด ให้ถือว่าผู้ขับขี,มีใบ อนุญาตขับขี,อยู่กับตัวตามวรรคหนึ,งแล้ว

มาตรา ๓๒ ในการใช้ทางเดินรถผู้ขับขี,ต้องใช้ความระมัดระวังไม่ให้รถชน หรือโดนคนเดินเท้าไม่ว่าจะอยู่ ณ ส่วนใดของทาง และต้องให้สัญญาณเตือนคนเดินเท้าให้ รู้ตัวเมื,อจําเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ,ง เด็ก คนชราหรือคนพิการที,กําลังใช้ทาง ผู้ขับขี,ต้องใช้ ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการควบคุมรถของตน

มาตรา ๓๓ ในการขับรถ ผู้ขับขี,ต้องขับรถในทางเดินรถด้านซ้ายและต้อง ไม่ล엉ากึ,งกลางของทางเดินรถ เว้นแต่ในกรณีต่อไปนี- ให้เดินทางขวาหรือล엉ากึ,งกลางของทาง เดินรถได้

ทางเดียว

ด้านซ้ายของทางเดินรถมีสิ,งกีดขวางหรือถูกป_ดการจราจร

ทางเดินรถนั-นหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*กําหนดให้เป็นทางเดินรถ

ทางเดินรถนั-นกว้างไม่ถึงหกเมตร

มาตรา ๓๔ ในการใช้ทางเดินรถที,ได้จัดแบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกัน ไว้ตั-งแต่สองช่องขึ-นไป หรือที,ได้จัดช่องเดินรถประจําทางไว้ในช่องเดินรถซ้ายสุด ผู้ขับขี,ต้อง ขับรถในช่องซ้ายสุดหรือใกล้กับช่องเดินรถประจําทาง เว้นแต่ในกรณีต่อไปนี- ให้เดินทาง ขวาของทางเดินรถได้

ในช่องเดินรถนั-นมีสิ,งกีดขวางหรือถูกป_ดการจราจร

ทางเดินรถนั-น หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*กําหนดให้เป็นทางเดินรถ ทางเดียว

จะต้องเข้าช่องทางให้ถูกต้องเมื,อเข้าบริเวณใกล้ทางร่วมทางแยก (๔) เมื,อจะแซงขึ-นหน้ารถคันอื,น

เมื,อผู้ขับขี,ขับรถด้วยความเร็วสูงกว่ารถในช่องเดินรถด้านซ้าย

มาตรา ๓๕

รถที,มีความเร็วช้าหรือรถที,มีความเร็วต°ากว่าความเร็วของ รถคันอื,นที,ขับในทิศทางเดียวกัน ผู้ขับขี,ต้องขับรถให้ใกล้ขอบทางเดินรถด้านซ้ายเท่าที,จะ กระทําได้ การขับรถบรรทุก รถบรรทุกคนโดยสาร หรือรถจักรยานยนต์ในทาง เดินรถ ซึ,งได้แบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั-งแต่สองช่องขึ-นไปหรือซึ,งได้จัดช่อง เดินรถประจําทางด้านซ้ายไว้โดยเฉพาะ ผู้ขับขี,ต้องขับรถในช่องเดินรถด้านซ้ายสุดหรือใกล้ เคียงกับช่องเดินรถประจําทาง และต้องขับรถให้ใกล้ขอบทางเดินรถด้านซ้ายเท่าที,จะ กระทําได้ เว้นแต่ในกรณีตามมาตรา ๓๔ (๑) (๓) หรือ (๔) ให้เดินรถทางขวาของทางเดินรถ ได้ตามที,จําเป็นแก่กรณี ความในวรรคสองมิให้ใช้บังคับแก่รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลที,มีน엉าหนักรถ ไม่เกินสองพันสองร้อยกิโลกรัม และรถยนต์นั,งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคน ตามกฎหมายว่าด้วย รถยนต์

มาตรา ๓๖ ผู้ขับขี,ซึ,งจะเลี-ยวรถ ให้รถคันอื,นผ่านหรือแซงขึ-นหน้า เปลี,ยน ช่องเดินรถ ลดความเร็วของรถ จอดรถ หรือหยุดรถ ต้องให้สัญญาณด้วยมือและแขนตาม มาตรา ๓๗ หรือไฟสัญญาณตามมาตรา ๓๘ หรือสัญญาณอย่างอื,นตามข้อบังคับของ หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*

ถ้าโดยสภาพของรถ สภาพของการบรรทุก หรือสภาพของทัศนวิสัย การ ให้สัญญาณด้วยมือและแขนตามวรรคหนึ,งไม่อาจทําให้ผู้ขับขี,ซึ,งขับรถสวนมาหรือตามมา ข้างหลังมองเห็นได้ ผู้ขับขี,ต้องให้ไฟสัญญาณ ผู้ขับขี,ต้องให้สัญญาณด้วยมือและแขน ไฟสัญญาณหรือสัญญาณอย่าง อื,นตามวรรคหนึ,งก่อนที,จะเลี-ยวรถ เปลี,ยนช่องเดินรถ จอดรถ หรือหยุดรถเป็นระยะทางไม่ น้อยกว่าสามสิบเมตร ผู้ขับขี,ต้องให้สัญญาณด้วยมือและแขน ไฟสัญญาณหรือสัญญาณอย่าง อื,นตามวรรคหนึ,ง ให้ผู้ขับขี,ซึ,งขับรถอื,นเห็นได้ในระยะไม่น้อยกว่าหกสิบเมตร

มาตรา ๓๗ การให้สัญญาณด้วยมือและแขน ให้ปฏิบัติดังต่อไปนี-

เมื,อจะลดความเร็วของรถ ให้ผู้ขับขี,ยื,นแขนขวาตรงออกไปนอกรถ เสมอระดับไหล่ และโบกมือขึ-นลงหลายครั-ง

เมื,อจะหยุดรถ ให้ผู้ขับขี,ยื,นแขนขวาตรงออกไปนอกรถเสมอระดับไหล่ ยกแขนขวาท่อนล่างตั-งฉากกับแขนท่อนบนและตั-งฝ'ามือขึ-น

เมื,อจะให้รถคันอื,นผ่านหรือแซงขึ-นหน้า ให้ผู้ขับขี,ยื,นแขนขวาตรงออก ไปนอกรถเสมอระดับไหล่ และโบกมือไปทางข้างหน้าหลายครั-ง

เมื,อจะเลี-ยวขวาหรือเปลี,ยนช่องเดินรถไปทางขวา ให้ผู้ขับขี,ยื,นแขนขวา ตรงออกไปนอกรถเสมอระดับไหล่

เมื,อจะเลี-ยวซ้ายหรือเปลี,ยนช่องเดินรถไปทางซ้าย ให้ผู้ขับขี,ยื,นแขนขวา ตรงออกไปนอกรถเสมอระดับไหล่ และงอข้อมือชูขึ-นโบกไปทางซ้ายหลายครั-ง เพื,อประโยชน์แห่งมาตรานี- ในกรณีที,รถยนต์นั-นมีเครื,องขับอยู่ทางด้าน ซ้าย ให้ผู้ขับขี,ใช้ไฟสัญญาณแทนการใช้สัญญาณด้วยมือและแขน

มาตรา ๓๘ การให้ไฟสัญญาณของผู้ขับขี,รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ให้

ปฏิบัติ ดังต่อไปนี-

เมื,อจะหยุดรถ ผู้ขับขี,ต้องให้ไฟสัญญาณสีแดงที,ท้ายรถ

เมื,อจะเลี-ยวรถ เปลี,ยนช่องเดินรถ หรือแซงขึ-นหน้ารถคันอื,น ผู้ขับขี, ต้องให้สัญญาณยกเลี-ยวสีเหลืองอําพัน หรือให้ไฟสัญญาณกระพริบสีขาวหรือสีเหลือง อําพันที,ติดอยู่หน้ารถหรือข้างรถ และไฟสัญญาณกระพริบสีแดงหรือสีเหลืองอําพันที,ติดอยู่ ท้ายรถไปในทิศทางที,จะเลี-ยว เปลี,ยนช่องเดินรถ หรือแซงขึ-นหน้ารถคันอื,น

เมื,อจะให้รถคันอื,นแซงขึ-นหน้า ผู้ขับขี,ต้องให้ไฟสัญญาณยกเลี-ยวสี เหลืองอําพัน หรือให้ไฟสัญญาณกระพริบสีแดงหรือสีเหลืองอําพันที,ติดอยู่ท้ายรถทางด้าน ซ้ายของรถ

มาตรา ๓๙ เมื,อขับรถสวนกัน ให้ผู้ขับขี,ขับรถชิดด้านซ้ายของทางเดินรถ โดยให้ถือกึ,งกลางของทางเดินรถเป็นหลัก แต่ถ้าทางเดินรถใดได้จัดแบ่งเป็นช่องเดินรถไว้ ให้ถือเส้นหรือแนวที,แบ่งนั-นเป็นหลัก

ในทางเดินรถที,แคบ เมื,อขับรถสวนกัน ผู้ขับขี,แต่ละฝ'ายต้องลดความเร็ว ของรถเพื,อให้รถสวนกันได้โดยปลอดภัย ในทางเดินรถที,แคบซึ,งไม่อาจขับรถสวนกันได้โดยปลอดภัย เมื,อขับรถสวน กัน ผู้ขับขี,ซึ,งขับรถคันที,ใหญ่กว่าต้องหยุดรถให้ชิดขอบทางเดินรถด้านซ้ายเพื,อให้ผู้ขับขี,ซึ,ง ขับรถคันที,เล็กกว่าผ่านไปได้ ในทางเดินรถที,มีสิ,งกีดขวางอยู่ข้างหน้า ผู้ขับขี,ต้องลดความเร็วของรถ หรือหยุดรถเพื,อให้รถคันที,สวนมาผ่านไปได้

มาตรา ๔๐ ผู้ขับขี,ต้องขับรถให้ห่างรถคันหน้าพอสมควรในระยะที,จะหยุด รถได้โดยปลอดภัยในเมื,อจําเป็นต้องหยุดรถ

ผู้ขับขี,ซึ,งขับรถขึ-นสะพานหรือทางลาดชันต้องใช้ความระมัดระวังไม่ให้รถ ถอยหลังไปโดนรถคันอื,น

มาตรา ๔๑ ทางเดินรถใดที,มีเครื,องหมายจราจรให้เป็นทางเดินรถทาง เดียว ให้ผู้ขับขี,ขับรถไปตามทิศทางที,ได้กําหนดไว้

มาตรา ๔๒ ทางเดินรถใดที,มีเครื,องหมายจราจรแบ่งทางเดินรถออกเป็น สองทาง สําหรับรถเดินขึ-นทางหนึ,ง ล่องทางหนึ,ง โดยมีช่องว่างคั,นกลาง หรือทํา เครื,องหมายจราจรกีดกั-นแสดงว่าทางเดินรถนั-นมีการแบ่งออกเป็นสองทางดังกล่าว ให้ผู้

ขับขี,ขับรถชิดด้านซ้ายของทางเดินรถ

มาตรา ๔๓

ห้ามมิให้ผู้ขับขี,ขับรถ

ในขณะหย่อนความสามารถในอันที,จะขับ (๒) ในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื,น

ในลักษณะกีดขวางการจราจร

โดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือ ทรัพย์สิน

ในลักษณะที,ผิดปกติวิสัยของการขับรถตามธรรมดา หรือไม่อาจแล เห็นทางด้านหน้าหรือด้านหลัง ด้านใดด้านหนึ,งหรือทั-งสองด้านได้พอแก่ความปลอดภัย หรือไม่คํานึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื,น

คร่อมหรือทับเส้นหรือแนวแบ่งช่องเดินรถ เว้นแต่เมื,อเปลี,ยนช่อง เดินรถ เลี-ยวรถ หรือกลับรถ

บนทางเท้าโดยไม่มีเหตุอันสมควร เว้นแต่รถลากเข็นสําหรับทารก คน ป'วยหรือคนพิการ

ในลักษณะที,เห็นได้ว่าไม่คํานึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกาย ของผู้อื,น

ในขณะใช้โทรศัพท์เคลื,อนที, เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื,อนที,โดยผู้ขับขี, ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื,อนที,นั-น ทั-งนี- ตามที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติประกาศ กําหนด

มาตรา ๔๓ ทวิ

ห้ามมิให้ผู้ขับขี,เสพยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายว่า ด้วยยาเสพติดให้โทษ หรือเสพวัตถุที,ออกฤทธิ'ต่อจิตและประสาทตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุ ที,ออกฤทธิ'ต่อจิตและประสาท ทั-งนี- ตามที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติกําหนดโดยประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา ให้หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร* พนักงานสอบสวน เจ้าพนักงานจราจร* หรือผู้ตรวจการมีอํานาจจัดให้มีการตรวจสอบผู้ขับขี,รถบางประเภทตามที,ผู้บัญชาการ ตํารวจแห่งชาติกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่าได้เสพยาเสพติดให้โทษหรือ เสพวัตถุที,ออกฤทธิ'ต่อจิตและประสาทตามวรรคหนึ,งหรือไม่ และหากผลการตรวจสอบใน เบื-องต้นปรากฏว่าผู้ขับขี,นั-นไม่ได้เสพก็ให้ผู้ขับขี,นั-นขับรถต่อไปได้ ในกรณีที,ผู้ขับขี,ตามวรรคสองไม่ยอมให้ตรวจสอบ ให้หัวหน้าเจ้าพนักงาน จราจร* พนักงานสอบสวน เจ้าพนักงานจราจร* หรือผู้ตรวจการมีอํานาจกักตัวผู้นั-นไว้ เพื,อ ดําเนินการตรวจสอบได้ภายในระยะเวลาเท่าที,จําเป็นแห่งกรณีเพื,อให้การตรวจสอบเสร็จสิ-น ไปโดยเร็ว และเมื,อผู้นั-นยอมรับการตรวจสอบแล้ว หากผลการตรวจสอบในเบื-องต้นปรากฏ ว่าไม่ได้เสพ ก็ให้ปล่อยตัวไปทันที การตรวจสอบตามมาตรานี-ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที,กําหนด ในกฎกระทรวง [คําว่า “ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ” แก้ไขเพิ,มเติมโดยมาตรา ๔ แห่งพระ ราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙]

มาตรา ๔๓ ทวิ/๑

ในกรณีที,มีอุบัติเหตุเกิดขึ-นและมีเหตุอันเชื,อได้ว่า ผู้ ขับขี,หรือบุคคลที,อาจเป็นผู้ขับขี, ได้กระทําการฝ'าฝ더นมาตรา ๔๓ ทวิ วรรคหนึ,ง หากบุคคลดัง กล่าวอยู่ในภาวะหมดสติหรือได้รับอันตรายแก่กายจนไม่อาจให้ความยินยอมในการตรวจ สอบการมีสารอยู่ในร่างกายตามมาตรา ๔๓ ทวิ วรรคสอง ให้พนักงานสอบสวนมีอํานาจขอ ให้แพทย์ที,เกี,ยวข้องทําการตรวจพิสูจน์บุคคลดังกล่าว ทั-งนี- ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที,ผู้ บัญชาการตํารวจแห่งชาติกําหนด การตรวจพิสูจน์ของแพทย์ตามวรรคหนึ,ง ให้ทําได้เท่าที,จําเป็นและสมควร โดยเก็บตัวอย่างเลือด ปัสสาวะ หรือของเสียอย่างอื,นจากร่างกายของบุคคลดังกล่าวด้วย วิธีทางการแพทย์และใช้วิธีการที,ก่อให้เกิดความเจ็บปวดน้อยที,สุดเท่าที,จะกระทําได้ ทั-งจะ ต้องไม่เป็นอันตรายอย่างอื,นต่อร่างกายหรืออนามัยของบุคคลนั-น ค่าใช้จ่ายในการตรวจพิสูจน์ตามวรรคหนึ,ง ให้สั,งจ่ายจากงบประมาณตาม ระเบียบที,สํานักงานตํารวจแห่งชาติกําหนดโดยได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง

มาตรา ๔๓ ตรี

ในกรณีมีเหตุอันควรเชื,อว่าผู้ขับขี,ผู้ใดฝ'าฝ더นมาตรา ๔๓

หรือ (๒) ผู้ตรวจการมีอํานาจสั,งให้ผู้นั-นหยุดรถและสั,งให้มีการทดสอบตามมาตรา ๑๔๒ ด้วย

มาตรา ๔๓ จัตวา

ในกรณีที,ผู้ตรวจการพบว่าผู้ขับขี,ผู้ใดฝ'าฝ더นมาตรา ๔๓ (๑) หรือ (๒) หรือมาตรา ๔๓ ทวิ วรรคหนึ,ง ให้ผู้ตรวจการส่งตัวผู้นั-นพร้อมพยานหลัก ฐานในเบื-องต้นแก่พนักงานสอบสวนผู้มีอํานาจโดยเร็ว แต่ต้องไม่เกินหกชั,วโมงนับแต่เวลาที, พบการกระทําความผิดดังกล่าว เพื,อดําเนินคดีต่อไป

มาตรา ๔๓ เบญจ

ในการปฏิบัติหน้าที,ตามมาตรา ๔๓ ทวิ และมาตรา ๔๓ ตรี ให้ผู้ตรวจการแสดงบัตรประจําตัวของตนซึ,งออกตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทาง บกหรือกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ต่อผู้ซึ,งเกี,ยวข้อง

หมวด ๒

การขับแซงและผ่านขึ-นหน้า

มาตรา ๔๔

ผู้ขับขี,ซึ,งประสงค์จะขับรถแซงเพื,อขึ-นหน้ารถอื,นในทาง เดินรถ ซึ,งไม่ได้แบ่งช่องทางเดินรถไว้ ต้องให้สัญญาณโดยกระพริบไฟหน้าหลายครั-ง หรือ ให้ไฟสัญญาณยกเลี-ยวขวา หรือให้เสียงสัญญาณดังพอที,จะให้ผู้ขับขี,ซึ,งขับรถคันหน้าให้ สัญญาณตอบตามมาตรา ๓๗ (๓) หรือมาตรา ๓๘ (๓) และเมื,อเห็นว่าไม่เป็นการกีดขวาง รถอื,นที,กําลังแซงแล้ว จึงจะแซงขึ-นหน้าได้ การแซงต้องแซงด้านขวาโดยมีระยะห่างจากรถที,ถูกแซงพอสมควร เมื,อ เห็นว่าได้ขับผ่านขึ-นหน้ารถที,ถูกแซงไปในระยะที,ห่างเพียงพอแล้วจึงจะขับชิดด้านซ้ายของ ทางเดินรถได้

มาตรา ๔๕ ห้ามมิให้ผู้ขับขี,ขับรถแซงเพื,อขึ-นหน้ารถอื,นด้านซ้าย เว้นแต่ใน

กรณีต่อไปนี-

รถที,จะถูกแซงกําลังเลี-ยวขวาหรือให้สัญญาณว่าจะเลี-ยวขวา

ทางเดินรถนั-นได้จัดแบ่งเป็นช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั-งแต่ สองช่องขึ-นไป การขับรถแซงด้านซ้ายตาม (๑) หรือ (๒) จะกระทําได้เมื,อไม่มีรถอื,นตาม มาในระยะกระชั-นชิดและมีความปลอดภัยพอ

มาตรา ๔๖ ห้ามมิให้ผู้ขับขี,ขับรถแซงเพื,อขึ-นหน้ารถอื,นในกรณีต่อไปนี-

เมื,อรถกําลังขึ-นทางชัน ขึ-นสะพาน หรืออยู่ในทางโค้ง เว้นแต่จะมี เครื,องหมายจราจรให้แซงได้

ภายในระยะสามสิบเมตรก่อนถึงทางข้าม ทางร่วมทางแยก วงเวียน หรือเกาะที,สร้างไว้ หรือทางเดินรถที,ตัดข้ามทางรถไฟ

เมื,อมีหมอก ฝน ฝุ'นหรือควัน จนทําให้ไม่อาจเห็นทางข้างหน้าได้ใน ระยะหกสิบเมตร

เมื,อเข้าที,คับขันหรือเขตปลอดภัย

มาตรา ๔๗ ห้ามมิให้ผู้ขับขี,ขับรถแซงหรือผ่านขึ-นหน้ารถอื,นล엉าเข้าไปใน เส้นกึ,งกลางของทางเดินรถที,กําหนดไว้ หรือที,มีเครื,องหมายจราจรแสดงเขตอันตราย หรือ เขตให้ใช้ความระมัดระวังบนทางเดินรถ

ในกรณีที,ทางเดินรถด้านซ้ายมีสิ,งกีดขวางที,เป็นอุปสรรคแก่การจราจร และทางเดินรถด้านขวามีความกว้างเพียงพอ ผู้ขับขี,จะขับรถหลีกสิ,งกีดขวางล엉าเข้าไปใน เส้นกึ,งกลางของทางเดินรถที,หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*กําหนดไว้ก็ได้ ในเมื,อไม่กีดขวาง การจราจรของรถที,สวนทางมา

มาตรา ๔๘ ห้ามมิให้ผู้ขับขี,ขับรถแซงหรือผ่านขึ-นหน้ารถคันอื,นล엉าเข้าไปใน ช่องเดินรถประจําทาง เว้นแต่ในกรณีที,มีสิ,งกีดขวางการจราจรในทางเดินรถข้างหน้าหรือ เมื,อต้องปฏิบัติตามคําสั,งของหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร* แต่ทั-งนี-จะขับรถอยู่ในช่องเดินรถ ประจําทางได้เพียงเท่าที,จําเป็นเท่านั-น

มาตรา ๔๙ เมื,อได้รับสัญญาณขอแซงขึ-นหน้าจากรถคันที,อยู่ข้างหลัง ผู้ ขับขี,ซึ,งขับรถที,มีความเร็วช้าหรือรถที,ใช้ความเร็วต°ากว่าความเร็วของรถอื,นที,ขับไปใน ทิศทางเดียวกัน ต้องยอมให้รถที,ใช้ความเร็วสูงกว่าผ่านขึ-นหน้า ผู้ขับขี,ที,ถูกขอทางต้องให้ สัญญาณตอบตามมาตรา ๓๗ (๓) หรือ มาตรา ๓๘ (๓) เมื,อเห็นว่าทางเดินรถข้างหน้า

ปลอดภัยและไม่มีรถอื,นสวนทางมาในระยะกระชั-นชิด และต้องลดความเร็วของรถและขับ รถชิดด้านซ้ายของทางเดินรถเพื,อให้รถที,จะแซงผ่านขึ-นหน้าได้โดยปลอดภัย

หมวด ๓

การออกรถ การเลี-ยวรถและการกลับรถ

มาตรา ๕๐ การขับรถออกจากที,จอด ถ้ามีรถจอดหรือมีสิ,งกีดขวางอยู่ข้าง หน้า ผู้ขับขี,ต้องให้สัญญาณด้วยมือและแขนตามมาตรา ๓๗ หรือไฟสัญญาณตามมาตรา ๓๘ และจะขับรถไปได้เมื,อเห็นว่าปลอดภัยและไม่เป็นการกีดขวางการจราจรของรถอื,น

มาตรา ๕๑ การเลี-ยวรถ ให้ปฏิบัติดังนี- (๑) ถ้าจะเลี-ยวซ้าย

(ก) ในกรณีที,ไม่ได้แบ่งช่องเดินรถไว้ ให้ผู้ขับขี,ขับรถชิดทางเดินรถด้าน ซ้าย (ข) ในกรณีที,มีการแบ่งช่องเดินรถไว้ และมีเครื,องหมายจราจรแสดง ให้เลี-ยวซ้ายได้ ให้ผู้ขับขี,ขับรถในช่องเดินรถสําหรับรถที,จะเลี-ยวซ้าย ทั-งนี- ก่อนถึงทางเลี-ยว ไม่น้อยกว่าสามสิบเมตร (ค) ในกรณีที,มีช่องเดินรถประจําทางอยู่ทางเดินรถด้านซ้ายสุด ให้ผู้ ขับขี,ขับรถชิดช่องเดินรถประจําทางก่อนถึงทางเลี-ยวไม่น้อยกว่าสามสิบเมตร และจะเลี-ยว รถผ่านเข้าไปในช่องเดินรถประจําทางได้เฉพาะในบริเวณที,มีเครื,องหมายจราจรให้เลี-ยวรถ ผ่านได้เท่านั-น

ถ้าจะเลี-ยวขวา (ก) สําหรับทางเดินรถที,ไม่ได้แบ่งช่องเดินรถไว้ ให้ผู้ขับขี,ขับรถชิดทาง ด้านขวาของแนวกึ,งกลางของทางเดินรถก่อนถึงทางเลี-ยวไม่น้อยกว่าสามสิบเมตร (ข) สําหรับทางเดินรถที,ได้แบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั-งแต่ สองช่องขึ-นไป ให้ผู้ขับขี,ขับรถชิดทางด้านขวาสุดของทางเดินรถหรือในช่องที,มีเครื,องหมาย จราจรแสดงให้เลี-ยวขวาได้ ทั-งนี- ก่อนถึงทางเลี-ยวไม่น้อยกว่าสามสิบเมตร (ค) ในกรณีที,มีช่องเดินรถประจําทางอยู่ทางเดินรถด้านขวาสุด ให้ผู้ ขับขี,ขับรถชิดช่องเดินรถประจําทางก่อนถึงทางเลี-ยวไม่น้อยกว่าสามสิบเมตร และจะเลี-ยว รถผ่านเข้าไปในช่องเดินรถประจําทางได้เฉพาะในบริเวณที,มีเครื,องหมายจราจรให้เลี-ยวรถ ผ่านได้เท่านั-น (ง) สําหรับทางเดินรถที,มีหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*หรือเจ้า พนักงานจราจร*แสดงสัญญาณจราจรด้วยมือและแขน ให้ผู้ขับขี,ขับรถเลี-ยวขวาผ่านไปได้ โดยไม่ต้องอ้อมหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*หรือเจ้าพนักงานจราจร* (จ) เมื,อรถอยู่ในทางร่วมทางแยก ผู้ขับขี,ต้องให้รถที,สวนมาในทาง เดินรถทางเดียวกันผ่านทางร่วมทางแยกไปก่อน เมื,อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงให้เลี-ยวขวาไป ได้

ถ้าจะเลี-ยวอ้อมวงเวียนหรือเกาะที,สร้างไว้ ให้ผู้ขับขี,ขับรถอ้อมไปทาง ซ้ายของวงเวียนหรือเกาะนั-น ในกรณีตาม (๑) และ (๒) ผู้ขับขี,ต้องใช้ความระมัดระวังและต้องหยุดให้ ทางแก่ผู้ที,กําลังข้ามทางและรถที,กําลังผ่านทางร่วมทางแยกจากทางด้านอื,นก่อน เว้นแต่ใน กรณีที,มีรถเลี-ยวซ้ายและเลี-ยวขวาพร้อมกัน ให้รถเลี-ยวซ้ายให้ทางแก่รถเลี-ยวขวาก่อน

มาตรา ๕๒

ในทางเดินรถที,สวนกันได้ ห้ามมิให้ผู้ขับขี,กลับรถหรือเลี-ยว รถทางขวาในเมื,อมีรถอื,นสวนหรือตามมาในระยะน้อยกว่าหนึ,งร้อยเมตร เว้นแต่เมื,อเห็นว่า ปลอดภัยและไม่เป็นการกีดขวางการจราจรของรถอื,น

มาตรา ๕๓ ห้ามมิให้ผู้ขับขี,

เลี-ยวรถหรือกลับรถในทางเดินรถที,มีเครื,องหมายห้ามเลี-ยวขวา ห้าม เลี-ยวซ้าย หรือห้ามกลับรถ

กลับรถที,เขตปลอดภัย ที,คับขัน บนสะพาน หรือในระยะหนึ,งร้อยเมตร จากทางราบของเชิงสะพาน

กลับรถที,ทางร่วมทางแยก เว้นแต่จะมีเครื,องหมายจราจรให้กลับรถใน บริเวณดังกล่าวได้

หมวด ๔ การหยุดรถและจอดรถ

มาตรา ๕๔ การหยุดรถหรือการจอดรถในทางเดินรถ ผู้ขับขี,ต้องให้ สัญญาณด้วยมือและแขนตามมาตรา ๓๗ หรือไฟสัญญาณตามมาตรา ๓๘ ก่อนที,จะหยุด รถหรือจอดรถในระยะไม่น้อยกว่าสามสิบเมตร และจะหยุดรถหรือจอดรถได้เมื,อผู้ขับขี,เห็น ว่าปลอดภัย และไม่เป็นการกีดขวางการจราจร

ผู้ขับขี,ต้องจอดรถทางด้านซ้ายของทางเดินรถ และจอดรถให้ด้านซ้ายของ รถขนานชิดกับขอบทางหรือไหล่ทางในระยะห่างไม่เกินยี,สิบห้าเซนติเมตร หรือจอดรถตาม ทิศทางหรือด้านหนึ,งด้านใดของทางเดินรถที,หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*กําหนดไว้ แต่ใน กรณีที,มีช่องเดินรถประจําทางอยู่ทางด้านซ้ายสุดของทางเดินรถ ห้ามมิให้ผู้ขับขี,จอดรถใน ลักษณะดังกล่าวในเวลาที,กําหนดให้ใช้ช่องเดินรถประจําทางนั-น

มาตรา ๕๕ ห้ามมิให้ผู้ขับขี,หยุดรถ

ในช่องเดินรถ เว้นแต่หยุดชิดขอบทางด้านซ้ายของทางเดินรถในกรณี ที,ไม่มีช่องเดินรถประจําทาง

บนทางเท้า

บนสะพานหรือในอุโมงค์ (๔) ในทางร่วมทางแยก

ในเขตที,มีเครื,องหมายจราจรห้ามหยุดรถ

ตรงปากทางเข้าออกของอาคารหรือทางเดินรถ (๗) ในเขตปลอดภัย

ในลักษณะกีดขวางการจราจร ความในวรรคหนึ,งมิให้ใช้บังคับแก่ผู้ขับขี,ซึ,งจําเป็นต้องหยุดรถเพราะมีสิ,ง กีดขวางอยู่ในทางเดินรถ หรือเครื,องยนต์หรือเครื,องอุปกรณ์ของรถขัดข้องหรือในกรณีที, ปฏิบัติตามสัญญาณจราจรหรือเครื,องหมายจราจร

มาตรา ๕๖ ในกรณีที,เครื,องยนต์หรือเครื,องอุปกรณ์ของรถขัดข้องจนต้อง จอดรถในทางเดินรถ ผู้ขับขี,ต้องนํารถให้พ้นทางเดินรถโดยเร็วที,สุด

ในกรณีตามวรรคหนึ,งถ้าจําเป็นต้องจอดรถอยู่ในทางเดินรถ ผู้ขับขี,ต้อง จอดรถในลักษณะที,ไม่กีดขวางการจราจร และต้องแสดงเครื,องหมายหรือสัญญาณตาม ลักษณะและเงื,อนไขที,กําหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๕๗ เว้นแต่จะได้มีบทบัญญัติ กฎ หรือข้อบังคับตามพระราช บัญญัตินี-กําหนดไว้เป็นอย่างอื,น ห้ามมิให้ผู้ขับขี,จอดรถ

บนทางเท้า

บนสะพานหรือในอุโมงค์

ในทางร่วมทางแยก หรือในระยะสิบเมตรจากทางร่วมทางแยก (๔) ในทางข้าม หรือในระยะสามเมตรจากทางข้าม

ในเขตที,มีเครื,องหมายจราจรห้ามจอดรถ (๖) ในระยะสามเมตรจากท่อน엉าดับเพลิง

ในระยะสิบเมตรจากที,ติดตั-งสัญญาณจราจร (๘) ในระยะสิบห้าเมตรจากทางรถไฟผ่าน

ซ้อนกันกับรถอื,นที,จอดอยู่ก่อนแล้ว

๑๐

ตรงปากทางเข้าออกของอาคารหรือทางเดินรถ หรือในระยะห้าเมตร จากปากทางเดินรถ

๑๑

ระหว่างเขตปลอดภัยกับขอบทาง หรือในระยะสิบเมตรนับจากปลาย สุดของเขตปลอดภัยทั-งสองข้าง

๑๒

ในที,คับขัน

๑๓

ในระยะสิบห้าเมตรก่อนถึงเครื,องหมายหยุดรถประจําทางและเลย เครื,องหมายไปอีกสามเมตร

๑๔

ในระยะสามเมตรจากตู้ไปรษณีย์ (๑๕) ในลักษณะกีดขวางการจราจร

มาตรา ๕๘ การจอดรถในทางเดินรถที,ผู้ขับขี,ไม่อาจอยู่ควบคุมรถนั-น ผู้ ขับขี,ต้องหยุดเครื,องยนต์และห้ามล้อรถนั-นไว้

การจอดรถในทางเดินรถที,เป็นทางลาดหรือชัน ผู้ขับขี,ต้องหันล้อหน้าของ รถเข้าขอบทาง

มาตรา ๕๙

หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*หรือเจ้าพนักงานจราจร*มี อํานาจสั,งให้ผู้ขับขี,เคลื,อนย้ายรถที,หยุดหรือจอดอยู่อันเป็นการฝ'าฝ더นบทแห่งพระราช บัญญัตินี-ได้ หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร* หรือเจ้าพนักงานจราจร* หรือผู้ที,ได้รับมอบ หมายจากหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*หรือเจ้าพนักงานจราจร*ภายใต้การควบคุมดูแลของ บุคคลดังกล่าว มีอํานาจเคลื,อนย้ายรถที,หยุดหรือจอดอยู่อันเป็นการฝ'าฝ더นบทบัญญัติแห่ง พระราชบัญญัตินี- หรือใช้เครื,องมือบังคับไม่ให้เคลื,อนย้ายรถดังกล่าวได้ตามหลักเกณฑ์และ วิธีการที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติกําหนด การเคลื,อนย้ายรถหรือใช้เครื,องมือบังคับให้รถที,หยุดหรือจอดอยู่ไม่ให้ เคลื,อนย้ายได้ตามวรรคสอง หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร* หรือเจ้าพนักงานจราจร* หรือผู้ที, ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*หรือเจ้าพนักงานจราจร* ไม่ต้องรับผิด สําหรับความเสียหายใด ๆ ที,เกิดขึ-นจากการปฏิบัติตามมาตรานี- เว้นแต่ความเสียหายนั-นจะ เกิดขึ-นจากการกระทําโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ เจ้าของรถหรือผู้ขับขี,ต้องชําระค่าใช้จ่ายในการที,รถถูกเคลื,อนย้ายหรือการ ใช้เครื,องมือบังคับไม่ให้เคลื,อนย้าย ตลอดจนค่าดูแลรักษารถระหว่างที,อยู่ในความครอบ ครองของหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*หรือเจ้าพนักงานจราจร* หรือผู้ที,ได้รับมอบหมาย จากหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*หรือเจ้าพนักงานจราจร* ทั-งนี- ตามอัตราที,กําหนดในกฎ กระทรวง เงินที,ได้จากเจ้าของรถหรือผู้ขับขี,ซึ,งชําระตามวรรคสี, เป็นรายได้ที,ไม่ต้อง นําส่งกระทรวงการคลัง และให้นํามาเป็นค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการตามมาตรานี-ตาม ระเบียบที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติกําหนด ในกรณีที,เจ้าของรถหรือผู้ขับขี,ไม่ชําระค่าใช้จ่ายและค่าดูแลรักษาตาม วรรคสี, หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*หรือเจ้าพนักงานจราจร*มีอํานาจยึดหน่วงรถนั-นไว้ได้ จนกว่าจะได้รับชําระค่าใช้จ่ายและค่าดูแลรักษาดังกล่าว โดยในระหว่างที,ยึดหน่วงนั-นให้ คํานวณค่าดูแลรักษาเป็นรายวัน ถ้าพ้นกําหนดสามเดือนแล้วเจ้าของรถหรือผู้ขับขี,ยังไม่ ชําระค่าใช้จ่ายและค่าดูแลรักษาดังกล่าว ให้หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*หรือเจ้าพนักงาน จราจร*มีอํานาจนํารถนั-นออกขายทอดตลาดได้ เงินที,ได้จากการขายทอดตลาด เมื,อได้หัก ค่าใช้จ่ายในการขายทอดตลาด ค่าใช้จ่ายและค่าดูแลรักษาที,ค้างชําระแล้ว เหลือเงินเท่าใด ให้คืนแก่เจ้าของหรือผู้มีสิทธิที,แท้จริงต่อไป [คําว่า “ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ” แก้ไขเพิ,มเติมโดยมาตรา ๔ แห่งพระ ราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙]

มาตรา ๖๐ การหยุดรถหรือการจอดรถในทางเดินรถนอกเขตเทศบาล ผู้ ขับขี,ต้องหยุดรถหรือจอดรถ ณ ที,ซึ,งผู้ขับขี,ซึ,งขับรถอื,นจะเห็นได้ในระยะไม่น้อยกว่าหนึ,งร้อย ห้าสิบเมตร

มาตรา ๖๑ ในเวลาที,มีแสงสว่างไม่เพียงพอที,ผู้ขับขี,จะมองเห็นรถที,จอดใน ทางเดินรถได้โดยชัดแจ้งในระยะไม่น้อยกว่าหนึ,งร้อยห้าสิบเมตร ผู้ขับขี,ซึ,งจอดรถในทาง เดินรถหรือไหล่ทางต้องเป_ดไฟหรือใช้แสงสว่างตามประเภท ลักษณะ และเงื,อนไขที,กําหนด ในกฎกระทรวง

มาตรา ๖๒ ในทางเดินรถตอนใดที,มีทางรถไฟผ่าน ถ้าปรากฏว่า

มีเครื,องหมายหรือสัญญาณระวังรถไฟแสดงว่ารถไฟกําลังจะผ่าน

มีสิ,งป_ดกั-นหรือมีเจ้าหน้าที,ให้สัญญาณแสดงว่ารถไฟกําลังจะผ่าน (๓) มีเสียงสัญญาณของรถไฟหรือรถไฟกําลังแล่นผ่านเข้ามาใกล้อาจเกิด อันตรายในเมื,อจะขับรถผ่านไป ผู้ขับขี,ต้องลดความเร็วของรถและหยุดรถให้ห่างจากทางรถไฟไม่น้อยกว่า ห้าเมตร เมื,อรถไฟผ่านไปแล้วและมีเครื,องหมายหรือสัญญาณให้รถผ่านได้ ผู้ขับขี,จึงจะขับ รถผ่านไปได้

มาตรา ๖๓ ในทางเดินรถตอนใดที,มีทางรถไฟผ่านไม่ว่าจะมีเครื,องหมาย ระวังรถไฟหรือไม่ ถ้าทางรถไฟนั-นไม่มีสัญญาณระวังรถไฟหรือสิ,งป_ดกั-น ผู้ขับขี,ต้องลด ความเร็วของรถและหยุดรถห่างจากทางรถไฟในระยะไม่น้อยกว่าห้าเมตร เมื,อเห็นว่า ปลอดภัยแล้วจึงจะขับรถผ่านไปได้

มาตรา ๖๔ ในขณะที,ผู้ขับขี,รถโรงเรียนหยุดรถในทางเดินรถเพื,อรับส่ง นักเรียนขึ-นหรือลง ให้ผู้ขับขี,ซึ,งขับรถอื,นตามมาในทิศทางเดียวกันหรือสวนกันกับรถ โรงเรียนใช้ความระมัดระวังและลดความเร็วของรถ เมื,อเห็นว่าปลอดภัยจึงให้ขับรถผ่านไป ได้

ลักษณะ ๔ การใช้ทางเดินรถที,จัดเป็นช่องเดินรถประจําทาง

มาตรา ๖๕ เมื,อหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*ได้ประกาศกําหนดให้ช่อง เดินรถใดเป็นช่องเดินรถประจําทาง ผู้ขับขี,รถโดยสารประจําทางและรถบรรทุกคนโดยสาร ตามประเภทที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติกําหนด ซึ,งอยู่ในระหว่างรับส่งหรือบรรทุกคน โดยสาร ต้องขับขี,รถภายในช่องเดินรถประจําทาง และจะขับขี,รถออกนอกช่องเดินรถ ประจําทางได้เมื,อมีสิ,งกีดขวางอยู่ในช่องเดินรถประจําทางนั-น หรือเมื,อต้องปฏิบัติตามคําสั,ง ของเจ้าพนักงานจราจร*

รถบรรทุกคนโดยสารประเภทใดจะต้องเดินในช่องเดินรถประจําทางให้ เป็นไปตามที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในการประกาศกําหนดให้ช่องเดินรถใดเป็นช่องเดินรถประจําทางตาม วรรคหนึ,ง จะกําหนดเวลาการใช้ช่องเดินรถประจําทางไว้ด้วยก็ได้ กรณีจําเป็นเกี,ยวกับการจราจร หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*มีอํานาจ ประกาศให้รถบรรทุกคนโดยสารประเภทหนึ,งประเภทใดที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ กําหนดตามวรรคสอง จะต้องเดินในช่องเดินรถประจําทางในทางสายใดตอนใดก็ได้ [คําว่า “ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ” แก้ไขเพิ,มเติมโดยมาตรา ๔ แห่งพระ ราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙]

มาตรา ๖๖ ห้ามมิให้ผู้ขับขี,รถอื,นนอกจากรถโดยสารประจําทางหรือรถ บรรทุกคนโดยสารประเภทที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติกําหนด ขับรถในช่องเดินรถประจํา ทาง เว้นแต่จะปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี-

[คําว่า “ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ” แก้ไขเพิ,มเติมโดยมาตรา ๔ แห่งพระ ราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙]

ลักษณะ ๕ ข้อกําหนดเกี,ยวกับความเร็วของรถ

มาตรา ๖๗ ผู้ขับขี,ต้องขับรถด้วยอัตราความเร็วตามที,กําหนดในกฎ กระทรวงหรือตามเครื,องหมายจราจรที,ได้ติดตั-งไว้ในทาง

เครื,องหมายจราจรที,ติดตั-งไว้ตามวรรคหนึ,ง จะกําหนดอัตราความเร็วขั-น สูงหรือขั-นต°าก็ได้ แต่ต้องไม่เกินอัตราความเร็วที,กําหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๖๘ ผู้ขับขี,ซึ,งจะเลี-ยวรถ ให้รถอื,นแซงหรือผ่านขึ-นหน้า จอดรถ หยุดรถ หรือกลับรถ ต้องลดความเร็วของรถ

มาตรา ๖๙ ผู้ขับขี,ซึ,งขับรถในทางเดินรถบนเนินเขา บนสะพาน ที,เชิง สะพาน ที,แคบ ทางโค้ง ทางลาด ที,คับขัน หรือที,มีหมอก ฝน ฝุ'น หรือควัน จนทําให้ไม่อาจ เห็นทางข้างหน้าได้ในระยะหกสิบเมตร ต้องลดความเร็วของรถในลักษณะที,จะให้เกิดความ ปลอดภัย

มาตรา ๗๐ ผู้ขับขี,ซึ,งขับรถเข้าใกล้ทางร่วมทางแยก ทางข้าม เส้นให้รถ หยุด หรือวงเวียน ต้องลดความเร็วของรถ

ลักษณะ ๖ การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกหรือวงเวียน

มาตรา ๗๑ ภายใต้บังคับมาตรา ๒๑ และมาตรา ๒๖ เมื,อผู้ขับขี,ขับรถมา

ถึงทางร่วมทางแยก ให้ผู้ขับขี,ปฏิบัติดังนี-

ถ้ามีรถอื,นอยู่ในทางร่วมทางแยก ผู้ขับขี,ต้องให้รถในทางร่วมทางแยก นั-นผ่านไปก่อน

ถ้ามาถึงทางร่วมทางแยกพร้อมกันและไม่มีรถอยู่ในทางร่วมทางแยก ผู้ขับขี,ต้องให้รถที,อยู่ทางด้านซ้ายของตนผ่านไปก่อน เว้นแต่ในทางร่วมทางแยกใดมีทาง เดินรถทางเอกตัดผ่านทางเดินรถทางโท ให้ผู้ขับขี,ซึ,งขับรถในทางเอกมีสิทธิขับผ่านไปก่อน

ถ้าสัญญาณจราจรไฟสีเขียวปรากฏข้างหน้า แต่ในทางร่วมทาง แยกมีรถอื,นหยุดขวางอยู่จนไม่สามารถผ่านพ้นทางร่วมทางแยกไปได้ ผู้ขับขี,จะต้องหยุดรถ ที,หลังเส้นให้รถหยุดจนกว่าจะสามารถเคลื,อนรถผ่านพ้นทางร่วมทางแยกไปได้

มาตรา ๗๒

ทางเดินรถทางเอกได้แก่ทางเดินรถ ดังต่อไปนี- ทางเอก

ทางเดินรถที,ได้ติดตั-งเครื,องหมายจราจรแสดงว่าเป็นทางเดินรถ

ทางเดินรถที,มีปJายหยุดหรือปJายที,มีคําว่า “ให้ทาง” ติดตั-งไว้ หรือทาง เดินรถที,มีคําว่าหยุดหรือเส้นหยุดซึ,งเป็นเส้นขาวทึบหรือเส้นให้ทางซึ,งเป็นเส้นขาวประบนผิว ทาง ให้ทางเดินรถที,ขวางข้างหน้าเป็นทางเดินรถทางเอก

ในกรณีที,ไม่มีเครื,องหมายจราจรตาม (๑) หรือไม่มีปJายหรือเส้นหรือ ข้อความบนผิวทางตาม (๒) ให้ทางเดินรถที,มีช่องเดินรถมากกว่าเป็นทางเดินรถทางเอก

ถนนที,ตัดหรือบรรจบกับตรอกหรือซอย ให้ทางเดินรถที,เป็นถนนเป็น ทางเดินรถทางเอก ทางโท ทางเดินรถอื,นที,มิใช่ทางเดินรถทางเอกตามวรรคหนึ,ง ให้เป็นทางเดินรถ

มาตรา ๗๓ ในกรณีที,วงเวียนใดได้ติดตั-งสัญญาณจราจรหรือ

เครื,องหมายจราจร ผู้ขับขี,ต้องปฏิบัติตามสัญญาณจราจรหรือเครื,องหมายจราจรนั-น ถ้าไม่มีสัญญาณจราจรหรือเครื,องหมายจราจรตามวรรคหนึ,ง เมื,อผู้ขับขี, ขับรถมาถึงวงเวียน ต้องให้สิทธิแก่ผู้ขับขี,ซึ,งขับรถอยู่ในวงเวียนทางด้านขวาของตนขับผ่าน ไปก่อน ในกรณีที,เจ้าพนักงานจราจร*เห็นสมควรเพื,อความปลอดภัยหรือความ สะดวกในการจราจรจะให้สัญญาณจราจรเป็นอย่างอื,นนอกจากที,บัญญัติไว้ในวรรคหนึ,ง หรือวรรคสองก็ได้ ในกรณีเช่นนี-ผู้ขับขี,ต้องปฏิบัติตามสัญญาณจราจรที,เจ้าพนักงาน จราจร*กําหนดให้

มาตรา ๗๔ ผู้ขับขี,ซึ,งขับรถออกจากทางส่วนบุคคลหรือทางเดินรถใน บริเวณอาคาร เมื,อจะขับรถผ่านหรือเลี-ยวสู่ทางเดินรถที,ตัดผ่านต้องหยุดรถเพื,อให้รถที, กําลังผ่านทางหรือรถที,กําลังแล่นอยู่ในทางเดินรถผ่านไปก่อน เมื,อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึง ขับรถต่อไปได้

ลักษณะ ๗ รถฉุกเฉิน

มาตรา ๗๕ ในขณะที,ผู้ขับขี,ขับรถฉุกเฉินไปปฏิบัติหน้าที, ผู้ขับขี,มีสิทธิดังนี-

ใช้ไฟสัญญาณแสงวับวาบ ใช้เสียงสัญญาณไซเรน หรือเสียงสัญญาณ อย่างอื,นตามที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติกําหนดไว้

หยุดรถหรือจอดรถ ณ ที,ห้ามจอด (๓) ขับรถเกินอัตราความเร็วที,กําหนดไว้

ขับรถผ่านสัญญาณจราจรหรือเครื,องหมายจราจรใด ๆ ที,ให้รถหยุด แต่ต้องลดความเร็วของรถให้ช้าลงตามสมควร

ไม่ต้องปฏิบัติตามบทแห่งพระราชบัญญัตินี-หรือข้อบังคับการจราจร เกี,ยวกับช่องเดินรถ ทิศทางของการขับรถหรือการเลี-ยวรถที,กําหนดไว้ กรณี ในการปฏิบัติตามวรรคหนึ,ง ผู้ขับขี,ต้องใช้ความระมัดระวังตามควรแก่ [คําว่า “ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ” แก้ไขเพิ,มเติมโดยมาตรา ๔ แห่งพระ ราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙]

มาตรา ๗๖ เมื,อคนเดินเท้า ผู้ขับขี, หรือผู้ขี,หรือควบคุมสัตว์เห็นรถฉุกเฉิน ในขณะปฏิบัติหน้าที,ใช้ไฟสัญญาณแสงวับวาบ หรือได้ยินเสียงสัญญาณไซเรน หรือเสียง สัญญาณอย่างอื,นตามที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติกําหนดไว้ คนเดินเท้า ผู้ขับขี, หรือผู้ขี, หรือควบคุมสัตว์ต้องให้รถฉุกเฉินผ่านไปก่อนโดยปฏิบัติดังต่อไปนี-

สําหรับคนเดินเท้าต้องหยุดและหลบให้ชิดขอบทาง หรือขึ-นไปบนทาง เขตปลอดภัย หรือไหล่ทางที,ใกล้ที,สุด

สําหรับผู้ขับขี,ต้องหยุดรถหรือจอดรถให้อยู่ชิดขอบทางด้านซ้าย หรือ ในกรณีที,มีช่องเดินรถประจําทางอยู่ทางด้านซ้ายสุดของทางเดินรถ ต้องหยุดรถหรือจอด รถให้อยู่ชิดช่องเดินรถประจําทาง แต่ห้ามหยุดรถหรือจอดรถในทางร่วมทางแยก

สําหรับผู้ขี,หรือควบคุมสัตว์ต้องบังคับสัตว์ให้หยุดชิดทาง แต่ห้ามหยุด ในทางร่วมทางแยก ในการปฏิบัติตาม (๒) และ (๓) ผู้ขับขี,และผู้ขี,หรือควบคุมสัตว์ต้องรีบ กระทําโดยเร็วที,สุดเท่าที,จะกระทําได้และต้องใช้ความระมัดระวังตามควรแก่กรณี [คําว่า “ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ” แก้ไขเพิ,มเติมโดยมาตรา ๔ แห่งพระ ราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙]

ลักษณะ ๘ การลากรถหรือการจูงรถ

มาตรา ๗๗ ห้ามมิให้ผู้ใดใช้รถทุกชนิดลากรถหรือจูงรถอื,นไปในทางเกิน หนึ,งคัน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ

วิธีลากรถหรือจูงรถ และการมีเครื,องหมายเพื,อความปลอดภัยในการลาก รถหรือจูงรถให้กําหนดในกฎกระทรวง [คําว่า “ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ” แก้ไขเพิ,มเติมโดยมาตรา ๔ แห่งพระ ราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙]

ลักษณะ ๙ อุบัติเหตุ

มาตรา ๗๘ ผู้ใดขับรถหรือขี,หรือควบคุมสัตว์ในทางซึ,งก่อให้เกิดความเสีย หายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื,นไม่ว่าจะเป็นความผิดของผู้ขับขี,หรือผู้ขี,หรือควบคุมสัตว์

หรือไม่ก็ตาม ต้องหยุดรถ หรือสัตว์ และให้ความช่วยเหลือตามสมควร และพร้อมทั-งแสดง ตัวและแจ้งเหตุต่อตํารวจ*ที,ใกล้เคียงทันที กับต้องแจ้งชื,อตัว ชื,อสกุล และที,อยู่ของตนและ หมายเลขทะเบียนรถแก่ผู้ได้รับความเสียหายด้วย ในกรณีที,ผู้ขับขี,หรือผู้ขี,หรือควบคุมสัตว์หลบหนีไปหรือไม่แสดงตัวต่อ ตํารวจ* ณ สถานที,เกิดเหตุ ให้สันนิษฐานว่าเป็นผู้กระทําความผิดและให้ตํารวจ*มีอํานาจ ยึดรถคันที,ผู้ขับขี,หลบหนีหรือไม่แสดงตนว่าเป็นผู้ขับขี, จนกว่าคดีถึงที,สุดหรือได้ตัวผู้ขับขี, ถ้าเจ้าของหรือผู้ครอบครองไม่แสดงตัวต่อตํารวจ*ภายในหกเดือนนับแต่วันเกิดเหตุ ให้ ถือว่ารถนั-นเป็นทรัพย์สินซึ,งได้ใช้ในการกระทําความผิดหรือเกี,ยวกับการกระทําความผิด และให้ตกเป็นของรัฐ

ลักษณะ ๑๐

รถจักรยาน

มาตรา ๗๙ ทางใดที,ได้จัดทําไว้สําหรับรถจักรยาน ผู้ขับขี,รถจักรยานต้อง

ขับในทางนั-น

มาตรา ๘๐ รถจักรยานที,ใช้ในทางเดินรถ ไหล่ทาง หรือทางที,จัดทําไว้

สําหรับรถจักรยาน ผู้ขับขี,รถจักรยานต้องจัดให้มี

กระดิ,งที,ให้เสียงสัญญาณได้ยินได้ในระยะไม่น้อยกว่าสามสิบเมตร (๒) เครื,องห้ามล้อที,ใช้การได้ดี เมื,อใช้สามารถทําให้รถจักรยานหยุดได้ ทันที

โคมไฟติดหน้ารถจักรยานแสงขาวไม่น้อยกว่าหนึ,งดวงที,ให้แสงไฟส่อง ตรงไปข้างหน้าเห็นพื-นทางได้ชัดเจนในระยะไม่น้อยกว่าสิบห้าเมตร และอยู่ในระดับต°ากว่า สายตาของผู้ขับขี,ซึ,งขับรถสวนมา

โคมไฟติดท้ายรถจักรยานแสงแดงไม่น้อยกว่าหนึ,งดวงที,ให้แสงสว่าง ตรงไปข้างหลังหรือติดวัตถุสะท้อนแสงสีแดงแทน ซึ,งเมื,อถูกไฟส่องให้มีแสงสะท้อน

มาตรา ๘๑ ในเวลาต้องเป_ดไฟตามมาตรา ๑๑ หรือมาตรา ๖๑ ผู้ขับขี,รถ จักรยานอยู่ในทางเดินรถ ไหล่ทาง หรือทางที,จัดทําไว้สําหรับรถจักรยานต้องจุดโคมไฟแสง ขาวหน้ารถเพื,อให้ผู้ขับขี,หรือคนเดินเท้า ซึ,งขับรถหรือเดินสวนมาสามารถมองเห็นรถ

มาตรา ๘๒ ผู้ขับขี,รถจักรยานต้องขับให้ชิดขอบทางด้านซ้ายของทาง เดินรถ ไหล่ทาง หรือทางที,จัดทําไว้สําหรับรถจักรยานให้มากที,สุดเท่าที,จะทําได้ แต่ในกรณี ที,มีช่องเดินรถประจําทางด้านซ้ายสุดของทางเดินรถต้องขับขี,รถจักรยานให้ชิดช่องเดินรถ

ประจําทางนั-น

มาตรา ๘๓ ในทางเดินรถ ไหล่ทาง หรือทางที,จัดทําไว้สําหรับรถจักรยาน ห้ามมิให้ผู้ขับขี,รถจักรยาน

ทรัพย์สิน

ขับโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือ (๑/๑) ขับในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื,น (๒) ขับโดยไม่จับคันบังคับรถ

ขับขนานกันเกินสองคัน เว้นแต่ขับในทางที,จัดไว้สําหรับรถจักรยาน (๔) ขับโดยนั,งบนที,อื,นอันมิใช่อานที,จัดไว้เป็นที,นั,งตามปกติ

ขับโดยบรรทุกบุคคลอื,น เว้นแต่รถจักรยานสามล้อสําหรับบรรทุกคน ทั-งนี- ตามเงื,อนไขที,หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*กําหนด

บรรทุก หรือถือสิ,งของ หีบห่อ หรือของใด ๆ ในลักษณะที,เป็นการ กีดขวางการจับคันบังคับรถหรืออันอาจจะเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน

เกาะหรือพ่วงรถอื,นที,กําลังแล่นอยู่

มาตรา ๘๔ เว้นแต่บทบัญญัติในลักษณะนี-จะได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื,น ให้ผู้ขับขี,รถจักรยานปฏิบัติตามมาตรา ๒๑ มาตรา ๒๒ มาตรา ๒๓ มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๕ มาตรา ๒๖ มาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๓๖ มาตรา ๓๗ มาตรา ๓๙ มาตรา ๔๐ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ มาตรา ๔๕ มาตรา ๔๖ มาตรา ๔๗ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ มาตรา ๕๐ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๒ มาตรา ๕๓ มาตรา ๕๔ มาตรา ๕๕ มาตรา ๕๖ มาตรา ๕๗ มาตรา ๕๙ มาตรา ๖๐ มาตรา ๖๑ มาตรา ๖๒ มาตรา ๖๓ มาตรา ๖๔ มาตรา ๖๙ มาตรา ๗๐ มาตรา ๗๑ มาตรา ๗๒ มาตรา ๗๓ มาตรา ๗๔ มาตรา ๗๖ (๒) มาตรา ๗๘ มาตรา ๑๒๕ มาตรา ๑๒๗ และมาตรา ๑๓๓ ด้วยโดยอนุโลม

ลักษณะ ๑๑ รถบรรทุกคนโดยสาร

มาตรา ๘๕ ห้ามมิให้เจ้าของรถบรรทุกคนโดยสารหรือผู้ขับขี,รถบรรทุกคน โดยสารรับบรรทุกศพหรือคนที,เป็นโรคเรื-อนหรือโรคติดต่อที,ต้องแจ้งความตามกฎหมายว่า ด้วยโรคติดต่อร่วมไปกับคนโดยสารอื,น เว้นแต่

ในกรณีที,รถบรรทุกคนโดยสารนั-นไม่ใช้บรรทุกคนโดยสารอื,น จะ บรรทุกคนที,เป็นโรคเรื-อนหรือโรคติดต่อที,ต้องแจ้งความตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อก็ได้

ในกรณีที,รถบรรทุกคนโดยสารนั-นไม่ใช้บรรทุกคนโดยสารอื,น จะ บรรทุกศพร่วมไปกับญาติหรือผู้มีหน้าที,เกี,ยวข้องกับศพนั-นก็ได้

มาตรา ๘๖ ห้ามมิให้เจ้าของรถบรรทุกคนโดยสาร ผู้ขับขี,รถบรรทุกคน โดยสาร ผู้เก็บค่าโดยสาร หรือบุคคลใดที,มีส่วนได้เสียเกี,ยวกับรถบรรทุกคนโดยสาร เรียก ให้คนขึ-นรถโดยส่งเสียงอื-ออึง หรือในลักษณะที,ก่อความรําคาญให้แก่คนโดยสารหรือผู้อื,น หรือต้อน ดึง เหนี,ยว หรือยึดยื-อ คนหรือสิ,งของของคนนั-นเพื,อให้คนขึ-นรถบรรทุกคนโดยสาร คันใดคันหนึ,ง

มาตรา ๘๗ ห้ามมิให้เจ้าของรถบรรทุกคนโดยสาร ผู้ขับขี,รถบรรทุกคน โดยสาร หรือผู้เก็บค่าโดยสาร ปฏิเสธไม่รับจ้างบรรทุกคนโดยสารโดยไม่มีเหตุอันสมควร

มาตรา ๘๘ ผู้ขับขี,รถบรรทุกคนโดยสารต้องหยุดรถและส่งคนโดยสารที, เครื,องหมายหยุดรถประจําทางหรือ ณ สถานที,ตามที,ตกลงกันไว้ แล้วแต่กรณี

มาตรา ๘๙ ห้ามมิให้ผู้ขับขี,รถบรรทุกคนโดยสารหรือผู้เก็บค่าโดยสารรับ บรรทุกคนโดยสารเกินจํานวนที,กฎหมายกําหนด

ในการนับจํานวนคนโดยสารให้ถือว่าเด็กอายุไม่เกินสิบปีจํานวนสองคน เท่ากับคนโดยสารหนึ,งคน

มาตรา ๙๐ ห้ามมิให้ผู้ขับขี,รถบรรทุกคนโดยสาร

ขับรถเที,ยวเร่หาคนขึ-นรถ

จอดรถเป็นคันหัวแถวของรถคันอื,นห่างจากเครื,องหมายจราจรเกิน หนึ,งเมตร

จอดรถห่างจากท้ายรถคันหน้าเกินหนึ,งเมตร

มาตรา ๙๑ ห้ามมิให้ผู้ขับขี,รถบรรทุกคนโดยสารหรือผู้เก็บค่าโดยสาร (๑) สูบบุหรี,หรือคุยกันในขณะขับรถหรือในขณะทําหน้าที,เก็บค่าโดยสาร

กล่าววาจาไม่สุภาพ เสียดสี ดูหมิ,น ก้าวร้าว หรือแสดงกิริยาใน ลักษณะดังกล่าวต่อคนโดยสารหรือผู้อื,น

มาตรา ๙๒ เมื,อจะเติมน엉ามันเชื-อเพลิงชนิดไวไฟที,มีจุดวาบไฟในอุณหภูมิ ยี,สิบเอ็ดองศาเซลเซียส หรือต°ากว่านั-น ผู้ขับขี,รถบรรทุกคนโดยสารต้องหยุดเครื,องยนต์และ ต้องให้คนโดยสารลงจากรถทุกคนด้วย

ลักษณะ ๑๒ รถแท็กซี,

มาตรา ๙๓ ห้ามมิให้ผู้ขับขี,รถแท็กซี,ปฏิเสธไม่รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร เว้นแต่การบรรทุกนั-นน่าจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ตนหรือแก่คนโดยสาร

ในกรณีที,ผู้ขับขี,รถแท็กซี,มีความประสงค์จะไม่รับจ้างบรรทุกคนโดยสารให้ แสดงปJายงดรับจ้างบรรทุกคนโดยสาร วิธีการแสดงปJายและลักษณะของปJายงดรับจ้างบรรทุกคนโดยสารให้เป็น ไปตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์

มาตรา ๙๔ ห้ามมิให้ผู้ขับขี,รถแท็กซี,รับบรรทุกคนโดยสารเกินจํานวนที,ได้ กําหนดไว้ในใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์

ในการนับจํานวนคนโดยสารให้ถือว่าเด็กอายุไม่เกินสิบปีจํานวนสองคน เท่ากับคนโดยสารหนึ,งคน

มาตรา ๙๕ ห้ามมิให้ผู้ใด

เรียกให้คนขึ-นรถแท็กซี,โดยส่งเสียงอื-ออึงหรือในลักษณะที,ก่อความ รําคาญให้แก่คนโดยสารหรือผู้อื,น

ต้อน ดึง เหนี,ยว หรือยึดยื-อคนหรือสิ,งของของคนนั-น เพื,อให้คนขึ-นรถ แท็กซี,คันใดคันหนึ,ง

มาตรา ๙๖ ห้ามมิให้ผู้ขับขี,รถแท็กซี,เรียกเก็บค่าโดยสารเกินอัตราที, ปรากฏจากมาตรแท็กซี,

ลักษณะและวิธีการใช้มาตรแท็กซี,ให้เป็นไปตามที,กําหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๙๗ คนโดยสารต้องชําระค่าโดยสารตามอัตราที,ปรากฏจาก

มาตรแท็กซี,

มาตรา ๙๘ บทบัญญัติมาตรา ๙๖ และมาตรา ๙๗ จะใช้บังคับในท้องที, ใด และจะใช้บังคับกับรถแท็กซี,ทุกประเภทหรือบางประเภทโดยมีเงื,อนไขอย่างใด ให้เป็นไป ตามที,กําหนดในพระราชกฤษฎีกา

ในท้องที,ใดที,มิได้มีพระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ,งใช้บังคับ ห้ามมิให้ผู้ ขับขี,รถแท็กซี,ในท้องที,นั-นเรียกเก็บค่าโดยสารเกินราคาที,ตกลงกันไว้กับคนโดยสาร และคน โดยสารต้องชําระค่าโดยสารตามที,ตกลงไว้นั-น บทบัญญัติในวรรคสองให้ใช้บังคับแก่กรณีของรถแท็กซี,ประเภทที,มิได้ กําหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ,งด้วย

มาตรา ๙๙ ในขณะขับรถ ห้ามมิให้ผู้ขับขี,รถแท็กซี,

สูบบุหรี, เป_ดวิทยุ หรือกระทําด้วยประการใด ๆ ในลักษณะที,ก่อความ รําคาญให้แก่คนโดยสาร

ยื,นมือ แขน หรือส่วนใดส่วนหนึ,งของร่างกายออกนอกรถ เว้นแต่ เป็นการกระทําเพื,อให้สัญญาณตามมาตรา ๓๗

จับคันบังคับรถด้วยมือเพียงข้างเดียว เว้นแต่มีเหตุจําเป็น

ใช้เสียงสัญญาณเมื,อเข้าไปในบริเวณโรงพยาบาล สถานที,ทํางาน หรือ สถานศึกษา

ใช้เสียงสัญญาณแตรเพื,อเร่งรถอื,น

แซงหรือตัดหน้ารถอื,นในลักษณะฉวัดเฉวียนเป็นที,น่าหวาดเกรงว่าจะ เกิดอันตราย

ขับรถเข้าในบริเวณบ้านของผู้อื,น

รับคนโดยสารภายในบริเวณที,หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*ได้กําหนด เครื,องหมายจราจรห้ามรับคนโดยสาร

กล่าววาจาไม่สุภาพ เสียดสี ดูหมิ,น ก้าวร้าว หรือแสดงกริยาใน ลักษณะดังกล่าวต่อคนโดยสารหรือผู้อื,น

มาตรา ๑๐๐ ผู้ขับขี,รถแท็กซี,ต้องพาคนโดยสารไปยังสถานที,ที,ว่าจ้างตาม

เส้นทางที,สั-นที,สุดหรือเส้นทางที,ไม่อ้อมเกินควร และต้องส่งคนโดยสาร ณ สถานที,ตามที, ตกลงกันไว้ ห้ามมิให้ผู้ขับขี,รถแท็กซี,พาคนโดยสารไปทอดทิ-งระหว่างทางไม่ว่าด้วย ประการใด ๆ

มาตรา ๑๐๑ ผู้ขับขี,รถแท็กซี,ต้องแต่งกายและมีเครื,องหมายเย็บติดหรือ

ปักไว้ที,เครื,องแต่งกาย

ลักษณะเครื,องแต่งกายและเครื,องหมายให้เป็นไปตามที,ผู้บัญชาการ ตํารวจแห่งชาติประกาศกําหนดในราชกิจจานุเบกษา

ความในวรรคหนึ,งให้ใช้บังคับเมื,อพ้นกําหนดหกสิบวันนับแต่วันที,ประกาศ ของผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติใช้บังคับ [คําว่า “ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ” แก้ไขเพิ,มเติมโดยมาตรา ๔ แห่งพระ ราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙]

มาตรา ๑๐๒ เมื,อรัฐมนตรีเห็นสมควร ให้ผู้ประกอบการรับจ้างบรรทุกคน โดยสารโดยใช้รถแท็กซี,ในท้องที,ใดต้องจอดพักรถ ณ สถานที,ที,ใดเป็นการเฉพาะก็ให้กระทํา ได้โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา

ในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ให้ระบุท้องที, และวิธีการเกี,ยวกับการจัดให้มี ที,จอดพักรถด้วย

ลักษณะ ๑๓ คนเดินเท้า

มาตรา ๑๐๓ ทางใดที,มีทางเท้าหรือไหล่ทางอยู่ข้างทางเดินรถ ให้คนเดิน เท้าเดินบนทางเท้าหรือไหล่ทาง ถ้าทางนั-นไม่มีทางเท้าอยู่ข้างทางเดินรถให้เดินริมทางด้าน ขวาของตน

มาตรา ๑๐๔ ภายในระยะไม่เกินหนึ,งร้อยเมตรนับจากทางข้าม ห้ามมิให้ คนเดินเท้าข้ามทางนอกทางข้าม

มาตรา ๑๐๕ คนเดินเท้าซึ,งประสงค์จะข้ามทางเดินรถในทางข้ามที,มีไฟ สัญญาณจราจรควบคุมคนเดินเท้า ให้ปฏิบัติตามไฟสัญญาณจราจรที,ปรากฏต่อหน้าดังต่อ ไปนี-

เมื,อมีสัญญาณจราจรไฟสีแดง ไม่ว่าจะมีรูปหรือข้อความเป็นการห้าม มิให้คนเดินเท้าข้ามทางเดินรถด้วยหรือไม่ก็ตาม ให้คนเดินเท้าหยุดรออยู่บนทางเท้า บน เกาะแบ่งทางเดินรถหรือในเขตปลอดภัย เว้นแต่ทางใดที,ไม่มีทางเท้า ให้หยุดรอบนไหล่ทาง หรือขอบทาง

เมื,อมีสัญญาณจราจรไฟสีเขียว ไม่ว่าจะมีรูปหรือข้อความเป็นการ อนุญาตให้คนเดินเท้าข้ามทางเดินรถด้วยหรือไม่ก็ตาม ให้คนเดินเท้าข้ามทางเดินรถได้

เมื,อมีสัญญาณจราจรไฟสีเขียวกระพริบทางด้านใดของทาง ให้คนเดิน เท้าที,ยังมิได้ข้ามทางเดินรถหยุดรอบนทางเท้า บนเกาะแบ่งทางเดินรถหรือในเขตปลอดภัย แต่ถ้ากําลังข้ามทางเดินรถ ให้ข้ามทางเดินรถโดยเร็ว

มาตรา ๑๐๖ คนเดินเท้าซึ,งประสงค์จะข้ามทางเดินรถในทางข้ามหรือทาง ร่วมทางแยกที,มีสัญญาณจราจรควบคุมการใช้ทางให้ปฏิบัติดังต่อไปนี-

เมื,อมีสัญญาณจราจรไฟสีแดงให้รถหยุดทางด้านใดของทาง ให้คน เดินเท้าข้ามทางเดินรถตามที,รถหยุดนั-น และต้องข้ามทางเดินรถภายในทางข้าม

เมื,อมีสัญญาณจราจรไฟสีเขียวให้รถผ่านทางด้านใดของทาง ห้ามมิ ให้คนเดินเท้าข้ามทางเดินรถด้านนั-น

เมื,อมีสัญญาณจราจรไฟสีเหลืองอําพันหรือไฟสีเขียวกระพริบทางด้าน ใดของทาง ให้คนเดินเท้าที,ยังมิได้ข้ามทางเดินรถหยุดรอบนทางเท้าบนเกาะแบ่งทางเดินรถ หรือในเขตปลอดภัย แต่ถ้ากําลังข้ามทางเดินรถอยู่ในทางข้าม ให้ข้ามทางเดินรถโดยเร็ว

มาตรา ๑๐๗ คนเดินเท้าซึ,งประสงค์จะข้ามทางเดินรถในทางที,มีเจ้า พนักงานจราจร*แสดงสัญญาณจราจรให้ปรากฏไม่ว่าจะเป็นสัญญาณด้วยมือและแขน หรือเสียงสัญญาณนกหวีด ให้ปฏิบัติตามมาตรา ๑๐๖ โดยอนุโลม

มาตรา ๑๐๘ ห้ามมิให้ผู้ใดเดินแถว เดินเป็นขบวนแห่ หรือเดินเป็นขบวน ใด ๆ ในลักษณะที,เป็นการกีดขวางการจราจร เว้นแต่

เป็นแถวทหารหรือตํารวจ ที,มีผู้ควบคุมตามระเบียบแบบแผน

แถวหรือขบวนแห่หรือขบวนใด ๆ ที,หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*ได้ อนุญาตและปฏิบัติตามเงื,อนไขที,หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*กําหนด

มาตรา ๑๐๙ ห้ามมิให้ผู้ใดกระทําด้วยประการใด ๆ บนทางเท้าหรือทาง ใด ๆ ซึ,งจัดไว้สําหรับคนเดินเท้าในลักษณะที,เป็นการกีดขวางผู้อื,นโดยไม่มีเหตุอันสมควร

มาตรา ๑๑๐ ห้ามมิให้ผู้ใดซื-อ ขาย แจกจ่าย หรือเรี,ยไรในทางเดินรถหรือ ออกไปกลางทางโดยไม่มีเหตุอันสมควรหรือเป็นการกีดขวางการจราจร

ลักษณะ ๑๔ สัตว์และสิ,งของในทาง

มาตรา ๑๑๑ ห้ามมิให้ผู้ใดขี, จูง ไล่ต้อน หรือปล่อยสัตว์ไปบนทางใน ลักษณะที,เป็นการกีดขวางการจราจร และไม่มีผู้ควบคุมเพียงพอ

มาตรา ๑๑๒ การขี, จูง หรือไล่ต้อนสัตว์ไปบนทาง ให้ผู้ขี,หรือควบคุมสัตว์ ปฏิบัติตามบทแห่งพระราชบัญญัตินี-ว่าด้วยรถโดยอนุโลม

มาตรา ๑๑๓ หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*มีอํานาจออกคําสั,งห้ามขี, จูง ไล่ ต้อน หรือปล่อยสัตว์ไปบนทางใด ๆ เมื,อพิจารณาเห็นว่าการขี, จูง ไล่ต้อน หรือปล่อยสัตว์ดัง กล่าวจะกีดขวางการจราจรหรือจะก่อให้เกิดความสกปรกบนทาง

มาตรา ๑๑๔ ห้ามมิให้ผู้ใดวาง ตั-ง ยื,น หรือแขวนสิ,งใดสิ,งหนึ,ง หรือกระทํา ด้วยประการใด ๆ ในลักษณะที,เป็นการกีดขวางการจราจร เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือ จากหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร* แต่หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*จะอนุญาตได้ต่อเมื,อมีเหตุ

อันจําเป็นและเป็นการชั,วคราวเท่านั-น ผู้ฝ'าฝ더นบทบัญญัติในวรรคหนึ,ง นอกจากจะมีความผิดตามมาตรา ๑๔๘ แล้ว หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*มีอํานาจสั,งให้ผู้ฝ'าฝ더นรื-อถอนหรือเคลื,อนย้ายสิ,งกีดขวาง ดังกล่าวได้ ถ้าไม่ยอมรื-อถอนหรือเคลื,อนย้าย ให้หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*มีอํานาจรื-อ ถอนหรือเคลื,อนย้ายได้

มาตรา ๑๑๕ ห้ามมิให้ผู้ใดแบก หาม ลาก หรือนําสิ,งของไปบนทางใน ลักษณะที,เป็นการกีดขวางการจราจร

ลักษณะ ๑๕ รถม้า เกวียนและเลื,อน

มาตรา ๑๑๖ ห้ามมิให้ผู้ขับขี,รถม้าหรือเกวียนหรือเลื,อนที,เทียมด้วยสัตว์ จอดรถม้าหรือเกวียนหรือเลื,อนในทางโดยไม่มีผู้ควบคุม เว้นแต่ได้ผูกสัตว์ที,เทียมนั-นไว้ไม่ให้ ลากรถม้าหรือเกวียนหรือเลื,อนต่อไปได้

มาตรา ๑๑๗ ห้ามมิให้ผู้ขับขี,รถม้าปล่อยสายบังเหียนในเวลาขับรถม้า มาตรา ๑๑๘ การขับรถม้าหรือเกวียนหรือเลื,อนที,เทียมด้วยสัตว์ ให้ผู้ขับขี,

ปฏิบัติตามบทแห่งพระราชบัญญัตินี-ว่าด้วยรถโดยอนุโลม

ลักษณะ ๑๖ เขตปลอดภัย

มาตรา ๑๑๙ ห้ามมิให้ผู้ขับขี,รถเข้าไปในเขตปลอดภัย เว้นแต่ในกรณี จําเป็นและได้รับอนุญาตจากหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*หรือเจ้าพนักงานจราจร*

ลักษณะ ๑๗ เบ็ดเตล็ด

มาตรา ๑๒๐ ห้ามมิให้ผู้ขับขี,ขับรถถอยหลังในลักษณะที,ไม่ปลอดภัยหรือ เป็นการกีดขวางการจราจร

มาตรา ๑๒๑ ผู้ขับขี,รถจักรยานยนต์ต้องนั,งคร่อมบนอานที,จัดไว้สําหรับ ให้ผู้ขับขี,รถจักรยานยนต์นั,ง ถ้าเจ้าพนักงานจราจร*ได้กําหนดไว้ในใบคู่มือจดทะเบียนให้ บรรทุกคนโดยสารได้ คนโดยสารจะต้องนั,งซ้อนท้ายผู้ขับขี,รถจักรยานยนต์ และนั,งบนอาน ที,จัดไว้สําหรับคนโดยสารหรือนั,งในที,นั,งพ่วงข้าง

มาตรา ๑๒๒

ผู้ขับขี,รถจักรยานยนต์และคนโดยสารรถจักรยานยนต์ ต้องสวมหมวกที,จัดทําขึ-นโดยเฉพาะเพื,อปJองกันอันตรายในขณะขับขี,และโดยสารรถ จักรยานยนต์ ห้ามมิให้ผู้ขับขี,รถจักรยานยนต์ตามวรรคหนึ,งขับขี,รถจักรยานยนต์ในขณะ ที,คนโดยสารรถจักรยานยนต์มิได้สวมหมวกที,จัดทําขึ-นโดยเฉพาะเพื,อปJองกันอันตราย

ลักษณะและวิธีการใช้หมวกเพื,อปJองกันอันตรายตามวรรคหนึ,ง ให้เป็นไป ตามที,กําหนดในกฎกระทรวง

ความในวรรคหนึ,งมิให้ใช้บังคับแก่ภิกษุ สามเณร นักพรต นักบวช หรือผู้ นับถือลัทธิศาสนาอื,นที,ใช้ผ้าหรือสิ,งอื,นโพกศีรษะตามประเพณีนิยมนั-น หรือบุคคลใดที, กําหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๑๒๓

ภายใต้บังคับมาตรา ๑๒๓/๑ ในขณะขับรถยนต์ ผู้ที,อยู่ ในรถยนต์ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื,อนไข ดังต่อไปนี-

ผู้ขับขี, ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที,นั,งตลอดเวลาในขณะ ขับรถยนต์

คนโดยสาร (ก) คนโดยสารที,นั,งแถวตอนหน้าและที,นั,งแถวตอนอื,น ต้องรัด ร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที,นั,งตลอดเวลาในขณะโดยสารรถยนต์ (ข) คนโดยสารที,เป็นเด็กอายุไม่เกินหกปี ต้องจัดให้นั,งในที,นั,งนิรภัย สําหรับเด็ก หรือนั,งในที,นั,งพิเศษสําหรับเด็กเพื,อปJองกันอันตราย หรือมีวิธีการปJองกัน อันตรายในกรณีที,เกิดอุบัติเหตุ (ค) คนโดยสารที,มีความสูงไม่เกินหนึ,งร้อยสามสิบห้าเซนติเมตร ต้อง รัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที,นั,ง หรือมีวิธีการปJองกันอันตรายในกรณีที,เกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะนั,งแถวตอนใด ในกรณีที,ผู้ขับขี,หรือคนโดยสารมีเหตุผลทางสุขภาพอันไม่สามารถรัด ร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที,นั,งได้ ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามวรรคหนึ,ง แต่ บุคคลนั-นต้องมีวิธีการปJองกันอันตรายในกรณีที,เกิดอุบัติเหตุ ที,นั,งนิรภัยสําหรับเด็กและที,นั,งพิเศษสําหรับเด็กเพื,อปJองกันอันตรายตาม (๒) (ข) และวิธีการปJองกันอันตรายในกรณีที,เกิดอุบัติเหตุตามที,บัญญัติไว้ในมาตรานี- ให้ เป็นไปตามที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติประกาศกําหนด บทบัญญัติตามมาตรานี-มิให้ใช้บังคับกับผู้ที,อยู่ในรถสามล้อ รถบดถนน รถ แทรกเตอร์ และรถใช้งานเกษตรกรรมตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และรถยนต์อื,นที,ไม่ต้อง ติดตั-งเข็มขัดนิรภัยตามที,อธิบดีกรมการขนส่งทางบกประกาศกําหนด

มาตรา ๑๒๓/๑

ในการใช้รถนั,งสองแถว รถบรรทุกคนโดยสารขนาด เล็กที,มีการจัดที,นั,งตามความยาวของรถ รถกระบะ รถกึ,งกระบะ หรือรถยนต์อื,นตามที,ผู้ บัญชาการตํารวจแห่งชาติประกาศกําหนด หากได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี- ให้คน โดยสารที,อยู่ในรถยนต์นั-นนอกจากคนโดยสารที,นั,งแถวตอนหน้า ได้รับยกเว้นไม่ต้องรัด ร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยตามมาตรา ๑๒๓

การบรรทุกคนโดยสาร ต้องไม่เกินจํานวนตามที,ผู้บัญชาการตํารวจ แห่งชาติประกาศกําหนดสําหรับรถยนต์แต่ละประเภท และการโดยสารนั-นต้องไม่มีการยืน หรือนั,งโดยสารในลักษณะที,เป็นการเสี,ยงภัยตามที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติประกาศ กําหนดสําหรับรถยนต์แต่ละประเภท และ

การขับรถยนต์ต้องใช้อัตราความเร็วตามที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่ง ชาติประกาศกําหนดซึ,งอาจกําหนดแยกตามประเภทรถยนต์ก็ได้ แต่ต้องไม่เกินแปดสิบ กิโลเมตรต่อชั,วโมง ให้นําความในวรรคหนึ,งมาใช้บังคับกับการใช้รถบรรทุกคนโดยสารที,เป็น รถประจําทางที,ไม่ต้องติดตั-งเข็มขัดนิรภัยตามที,อธิบดีกรมการขนส่งทางบกประกาศ กําหนด ในขณะขนส่งคนโดยสารในเส้นทางที,ได้รับอนุญาตประกอบการขนส่ง

มาตรา ๑๒๓/๒

ห้ามมิให้ผู้ขับขี, ขับรถยนต์ในขณะที,มีคนโดยสารนั,ง แถวตอนหน้าเกินสองคน หรือคนโดยสารที,นั,งแถวตอนหน้านั-นมิได้ปฏิบัติตามมาตรา ๑๒๓

มาตรา ๑๒๓/๓

ผู้ขับขี,รถยนต์สาธารณะตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ หรือรถที,ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารเพื,อสินจ้างตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ต้อง แจ้งเตือนหรือจัดให้มีการแจ้งเตือนด้วยวิธีการอื,น เพื,อให้คนโดยสารในรถนั-นปฏิบัติตาม มาตรา ๑๒๓ และมาตรา ๑๒๓/๑ (๑) ทุกครั-งก่อนการออกรถ ทั-งนี- ตามที,ผู้บัญชาการ ตํารวจแห่งชาติประกาศกําหนด

มาตรา ๑๒๔

ห้ามมิให้ผู้ใดกระทําด้วยประการใด ๆ อันเป็นเหตุให้ผู้ ขับขี,มองไม่เห็นทางด้านหน้าหรือด้านข้างของรถได้โดยสะดวกในขณะขับรถ หรือใน ลักษณะที,เป็นการกีดขวางการควบคุมบังคับรถ ห้ามมิให้ผู้ใดเกาะ ห้อยโหน หรือยื,นส่วนหนึ,งส่วนใดของร่างกายออกไป นอกตัวถังรถยนต์โดยไม่สมควร หรือนั,งหรือยืนในหรือบนรถยนต์ในลักษณะที,อาจก่อให้เกิด อันตราย ในขณะที,รถยนต์เคลื,อนที,อยู่ในทางเดินรถ ห้ามมิให้ผู้ใดขึ-นหรือลงรถโดยสารประจําทาง รถบรรทุกคนโดยสาร รถ โรงเรียน หรือรถแท็กซี, ในขณะที,รถดังกล่าวหยุดเพื,อรอสัญญาณไฟจราจรหรือหยุดเพราะ ติดการจราจร ห้ามมิให้ผู้ขับขี,หรือผู้เก็บค่าโดยสาร รถโดยสารประจําทาง รถบรรทุกคน โดยสาร รถโรงเรียน หรือรถแท็กซี, ยินยอมให้ผู้ใดกระทําการใด ๆ ตามวรรคสองหรือวรรค สาม

มาตรา ๑๒๕ การขับรถผ่านทางแคบระหว่างภูเขาหรือระหว่างเนิน หรือ การขับรถในทางเดินรถบนภูเขาหรือบนเนิน ผู้ขับขี,ต้องขับรถให้ชิดขอบทางด้านซ้าย และ เมื,อถึงทางโค้งผู้ขับขี,ต้องใช้เสียงสัญญาณเพื,อเตือนรถอื,นที,อาจสวนมา

มาตรา ๑๒๖ ห้ามมิให้ผู้ขับขี,ใช้เกียร์ว่างหรือเหยียบคลัทช์ในขณะที,ขับรถ ลงตามทางลาดหรือไหล่เขา

มาตรา ๑๒๗ ห้ามมิให้ผู้ขับขี,ขับรถ

ตามหลังรถฉุกเฉินซึ,งกําลังปฏิบัติหน้าที,ในระยะต°ากว่าห้าสิบเมตร (๒) ผ่านเข้าไปหรือจอดในบริเวณเขตปฏิบัติการดับเพลิง

ทับสายสูบดับเพลิงที,ไม่มีเครื,องปJองกันสายสูบในขณะเจ้าหน้าที,ดับ เพลิงปฏิบัติการตามหน้าที, เว้นแต่ได้รับความยินยอมจากเจ้าหน้าที,ดับเพลิงซึ,งปฏิบัติหน้าที, อยู่ในขณะนั-น

มาตรา ๑๒๘ ห้ามมิให้ผู้ใดวาง เท หรือทิ-งเศษแก้ว ตะปู ลวด น엉ามันหล่อ

ลื,น กระป+องหรือสิ,งอื,นใด หรือกระทําด้วยประการใด ๆ บนทางอันอาจทําให้เกิดอันตราย หรือเสียหายแก่ยานพาหนะหรือบุคคล หรือเป็นการกีดขวางการจราจร

มาตรา ๑๒๙ ผู้ใดรู้ว่ามีสิ,งใดสิ,งหนึ,งตามมาตรา ๑๒๘ อันอยู่ในความดูแล ของตน ตก หก หรือไหลอยู่บนทาง ผู้นั-นต้องจัดการเก็บกวาดของดังกล่าวออกจากทาง ทันที

มาตรา ๑๓๐ ห้ามมิให้ผู้ใดเผา หรือกระทําด้วยประการใด ๆ ภายในระยะ ห้าร้อยเมตรจากทางเดินรถ เป็นเหตุให้เกิดควันหรือสิ,งอื,นใดในลักษณะที,อาจทําให้ไม่ ปลอดภัยแก่การจราจรในทางเดินรถนั-น

มาตรา ๑๓๑ ผู้ใดเคลื,อนย้ายรถที,ชํารุดหรือหักพังออกจากทาง ผู้นั-นต้อง จัดการเก็บสิ,งของที,ตกหล่นอันเนื,องจากความชํารุดหรือหักพังของรถออกจากทางทันที

มาตรา ๑๓๒ ในขณะที,ใช้รถโรงเรียนรับส่งนักเรียน เจ้าของรถหรือผู้ขับขี, รถโรงเรียนต้องจัดให้มีข้อความ “รถโรงเรียน” ขนาดสูงของตัวอักษรไม่น้อยกว่าสิบห้า เซนติเมตรติดอยู่ด้านหน้าและด้านหลังของรถ

ถ้ารถโรงเรียนมีไฟสัญญาณสีแดงป_ดเป_ดเป็นระยะติดไว้ด้านหน้าและด้าน หลังของรถเพื,อให้รถที,สวนมาหรือตามหลังเห็นได้โดยชัดเจน เมื,อนํารถนั-นไปใช้ในทางโดย ไม่ได้ใช้รับส่งนักเรียน ให้งดใช้ไฟสัญญาณสีแดงและต้องป_ดคลุมข้อความว่า “รถโรงเรียน”

มาตรา ๑๓๓ รถที,เข้าขบวนแห่ต่าง ๆ หรือรถที,นํามาใช้เฉพาะเพื,อการ โฆษณาสินค้าหรือมหรสพที,แห่หรือโฆษณาไปตามทาง จะต้องรับอนุญาตจากหัวหน้าเจ้า พนักงานจราจร* เว้นแต่ขบวนแห่หรือการโฆษณานั-นเป็นของทางราชการ

รถที,ใช้โฆษณาสินค้าหรือมหรสพดังกล่าวในวรรคหนึ,ง ถ้าเข้าขบวนแห่ที, รับอนุญาตแล้ว และในการอนุญาตนั-นได้ระบุรถที,ว่านี-ไว้ด้วยแล้ว รถนั-นไม่จําต้องได้รับ อนุญาต

มาตรา ๑๓๔

ห้ามมิให้ผู้ใดแข่งรถในทางเว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็น หนังสือจากหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร ผู้ใดรวมกลุ่มหรือมั,วสุมกันในทางหรือสาธารณสถานใกล้ทาง พร้อมด้วย รถตั-งแต่ห้าคันขึ-นไป โดยมีการนัดหมายเพื,อแข่งรถในทาง หรือรถที,ใช้ในการรวมกลุ่มหรือ มั,วสุมกันมีการดัดแปลงหรือปรับแต่งรถให้มีสภาพไม่ถูกต้องตามมาตรา ๖ วรรคหนึ,ง หรือ มาตรา ๑๐ ทวิ หรือมีพฤติการณ์อย่างหนึ,งอย่างใดอันแสดงให้เห็นว่าจะทําการแข่งรถใน ทาง ให้ถือว่า ผู้นั-นพยายามแข่งรถในทาง เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่า เป็นการกระทําเพื,อการอื,น หรือตนมิได้ร่วมหรือมีส่วนรู้เห็นว่าจะมีการแข่งรถในทางนั-น

มาตรา ๑๓๔/๑

ห้ามมิให้ผู้ใดจัด โฆษณา ประกาศ ชักชวน หรือดําเนิน การด้วยวิธีการใดเพื,อให้มีการแข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา ๑๓๔

มาตรา ๑๓๔/๒

ผู้ใดรับดําเนินการดัดแปลงหรือปรับแต่งรถให้มีสภาพ ไม่ถูกต้องตามมาตรา ๖ วรรคหนึ,ง หรือมาตรา ๑๐ ทวิ ไม่ว่าจะมีสินจ้างหรือไม่ก็ตาม หาก รถนั-นได้ถูกนําไปใช้ในทางเดินรถ ให้ถือว่าผู้นั-นฝ'าฝ더นมาตรา ๖ วรรคหนึ,ง หรือมาตรา ๑๐ ทวิ แล้วแต่กรณี และหากรถนั-นได้ถูกนําไปใช้ในการแข่งรถในทางอันเป็นการฝ'าฝ더นมาตรา ๑๓๔ ให้ถือว่า ผู้นั-นเป็นผู้สนับสนุนการแข่งรถในทาง เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่า ตนมิได้มีส่วนรู้ เห็นหรือไม่มีเหตุอันควรรู้ว่าจะนํารถดังกล่าวไปใช้ในการแข่งรถในทาง

ลักษณะ ๑๘

อํานาจของเจ้าพนักงานจราจร*

มาตรา ๑๓๕ เพื,อความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจร หัวหน้า เจ้าพนักงานจราจร*มีอํานาจกําหนดให้บริเวณหรือพื-นที,ใดที,เจ้าของที,ดินได้เป_ดให้ ประชาชนใช้ในการจราจรเป็นทางตามพระราชบัญญัตินี-

มาตรา ๑๓๖ ให้ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติมีอํานาจแต่งตั-งผู้ซึ,งมี คุณสมบัติตามที,จะกําหนดและผ่านการอบรมตามหลักสูตรอาสาจราจร เพื,อให้ทําหน้าที, ช่วยเหลือการปฏิบัติหน้าที,ของเจ้าพนักงานจราจร*

คุณสมบัติของผู้ที,จะได้รับการอบรม รายละเอียดเกี,ยวกับการฝ국กอบรม หลักสูตรอาสาจราจร และหน้าที,ของอาสาจราจร ตลอดจนเครื,องแบบ เครื,องหมาย ให้เป็น ไปตามที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติกําหนด [คําว่า “ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ” แก้ไขเพิ,มเติมโดยมาตรา ๔ แห่งพระ ราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙]

มาตรา ๑๓๗ ในการปฏิบัติหน้าที,ที,ได้รับมอบหมายของอาสาจราจร ตามพระราชบัญญัตินี- ให้อาสาจราจรเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา ๑๓๘ ในกรณีที,มีเหตุฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุเกิดขึ-น ทําให้ไม่ปลอดภัย หรือไม่สะดวกในการจราจรในอาณาบริเวณใด หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*หรือเจ้า พนักงานจราจร*มีอํานาจดําเนินการได้ตามที,เห็นสมควรและจําเป็นเกี,ยวกับการจราจรใน อาณาบริเวณนั-นเพื,อให้เกิดความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจรดังต่อไปนี-

ห้ามรถทุกชนิดหรือบางชนิดหรือคนเดินเท้าเดินในทางสายใดหรือ เฉพาะทางตอนใด

ห้ามหยุดหรือจอดรถในทางสายใดหรือเฉพาะทางตอนใด

ห้ามเลี-ยวรถ กลับรถ หรือถอยหลังรถ ในทางสายใดหรือเฉพาะทาง ตอนใด

กําหนดทางสายใดหรือเฉพาะทางตอนใดให้รถเดินได้ทางเดียว ทั-งนี- ชั,วระยะเวลาเท่าที,จําเป็น

มาตรา ๑๓๙ ในทางสายใดหรือเฉพาะทางตอนใดที,หัวหน้าเจ้าพนักงาน จราจร*เห็นว่าถ้าได้ออกประกาศข้อบังคับหรือระเบียบเกี,ยวกับการจราจรแล้วจะเป็นการ ปลอดภัย และสะดวกในการจราจร ให้หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*มีอํานาจออกประกาศข้อ บังคับ หรือระเบียบดังต่อไปนี-

ห้ามรถทุกชนิดหรือบางชนิดเดิน (๒) ห้ามหยุดหรือจอด

ห้ามเลี-ยวรถ กลับรถ หรือถอยหลังรถ

กําหนดให้รถเดินได้ทางเดียว

กําหนดระยะเวลาจอดรถในทางแคบหรือที,คับขัน

กําหนดอัตราความเร็วของรถในทางภายในอัตราที,กําหนดในกฎ กระทรวง

กําหนดช่องหรือแนวทางเดินรถขึ-นและล่อง

กําหนดทางเดินรถทางเอกและทางเดินรถทางโท (๙) กําหนดการจอดรถหรือที,จอดพักรถ

๑๐

กําหนดระเบียบการใช้ทางหรือช่องเดินรถสําหรับรถบางประเภท (๑๑) กําหนดระเบียบเกี,ยวกับการใช้รถโรงเรียน

๑๒

กําหนดระเบียบเกี,ยวกับการบรรทุกคนโดยสารสําหรับรถจักรยาน (๑๓) ควบคุมขบวนแห่หรือการชุมนุมสาธารณะ

๑๔

ควบคุมหรือห้ามเลี-ยวรถในทางร่วมทางแยก

๑๕

ขีดเส้นหรือทําเครื,องหมายจราจรบนผิวทาง หรือติดตั-งสัญญาณ จราจร หรือเครื,องหมายจราจร

๑๖

กําหนดระยะทางตอนใดให้ขับรถล엉าเข้าไปในเส้นกึ,งกลางของทางที, หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*กําหนดไว้ได้

๑๗

กําหนดระเบียบเกี,ยวกับการจอดรถที,ชํารุด หักพัง ตลอดจนรถที, ซ่อมแซมในทาง

๑๘

กําหนดระเบียบการข้ามทางของคนเดินเท้าบนทางที,ไม่มีทางข้าม (๑๙) กําหนดการใช้โคมไฟ

๒๐

กําหนดการใช้เสียงสัญญาณ

๒๑

กําหนดระเบียบการอนุญาตและการใช้รถที,มีล้อหรือส่วนที,สัมผัสกับ ผิวทางไม่ใช่ยาง

มาตรา ๑๔๐

เมื,อปรากฏแก่เจ้าพนักงานจราจร ไม่ว่าพบด้วยตนเอง หรือโดยการใช้เครื,องอุปกรณ์ หรือโดยวิธีการอื,นใดว่า ผู้ขับขี,ผู้ใดฝ'าฝ더นหรือไม่ปฏิบัติตาม บทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี-หรือตามกฎหมายอื,นอันเกี,ยวกับรถหรือการใช้ทาง ที,เป็น ความผิดที,มีโทษปรับสถานเดียว หรือมีโทษจําคุกไม่เกินหนึ,งเดือนและมีโทษปรับ เจ้า พนักงานจราจรจะว่ากล่าวตักเตือนหรือออกใบสั,งให้ผู้ขับขี,ผู้นั-นชําระค่าปรับตามที,เปรียบ เทียบก็ได้ ในกรณีเจ้าพนักงานจราจรที,ออกใบสั,งไม่พบตัวผู้ขับขี, ให้ติด ผูก หรือ แสดงใบสั,งไว้ที,รถที,ผู้ขับขี,สามารถเห็นได้ง่าย หากไม่สามารถติด ผูก หรือแสดงใบสั,งไว้ที,รถ ได้ไม่ว่าด้วยเหตุใด ให้ส่งใบสั,งพร้อมด้วยพยานหลักฐานโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบ รับไปยังภูมิลําเนาของเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถเพื,อให้ชําระค่าปรับภายในระยะเวลาที, กําหนดในใบสั,งนั-น ทั-งนี- ตามระเบียบที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติกําหนด ให้นําความในวรรคสองมาใช้บังคับกับกรณีที,เจ้าพนักงานจราจรพบการก ระทําความผิดตามพระราชบัญญัตินี-หรือตามกฎหมายอื,นอันเกี,ยวกับรถหรือการใช้ทาง แต่ ไม่อาจทราบตัวผู้ขับขี,ด้วยโดยอนุโลม เกณฑ์การกําหนดจํานวนค่าปรับตามที,เปรียบเทียบและแบบของใบสั,งตาม วรรคหนึ,ง ให้เป็นไปตามที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติประกาศกําหนด

มาตรา ๑๔๐/๑

เมื,อเจ้าพนักงานจราจรได้ติด ผูก หรือแสดงใบสั,งไว้ที, รถหรือส่งใบสั,งทางไปรษณีย์ตามมาตรา ๑๔๐ วรรคสองและวรรคสาม แล้ว ให้ถือว่า เจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถได้รับใบสั,งเมื,อพ้นกําหนดสิบห้าวันนับแต่วันที,ได้ติด ผูก หรือ แสดงใบสั,งไว้ที,รถหรือส่งใบสั,งทางไปรษณีย์ดังกล่าว เว้นแต่จะมีการพิสูจน์ได้ว่าไม่มีการได้ รับหรือได้รับหลังจากวันนั-น เมื,อเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถได้รับใบสั,งดังกล่าวแล้ว ให้ สันนิษฐานว่าเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถนั-นเป็นผู้กระทําความผิดตามที,ระบุในใบสั,ง เว้นแต่เจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถจะได้แจ้งต่อพนักงานสอบสวนภายในสามสิบวันนับ แต่วันที,ได้รับใบสั,งว่าผู้อื,นเป็นผู้ขับขี, และผู้นั-นยอมรับว่าตนเป็นผู้ขับขี, หรือในกรณีที,ไม่มีผู้ ใดยอมรับว่าเป็นผู้ขับขี, เจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถซึ,งไม่ใช่นิติบุคคลจะต้องแสดงหลัก ฐานให้พนักงานสอบสวนเชื,อได้ว่าตนเองมิได้เป็นผู้ขับขี,นั-น

มาตรา ๑๔๐/๒

ในกรณีที,เจ้าพนักงานจราจรได้ว่ากล่าวตักเตือนหรือ ออกใบสั,งให้ผู้ขับขี,ผู้ใดตามมาตรา ๑๔๐ แล้ว หากเจ้าพนักงานจราจรเห็นว่าผู้ขับขี,ผู้นั-นอยู่ ในสภาพที,หากให้ขับรถต่อไปอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของตนเอง หรือผู้อื,น ให้เจ้าพนักงานจราจรมีอํานาจยึดใบอนุญาตขับขี,ของผู้ขับขี,ดังกล่าว หรือบันทึก การยึดใบอนุญาตขับขี,ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือระงับการใช้รถเป็นการ ชั,วคราวเพื,อมิให้ผู้นั-นขับรถ และให้เจ้าพนักงานจราจรคืนใบอนุญาตขับขี, หรือยกเลิกการ บันทึกการยึดใบอนุญาตขับขี,ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือยอมให้ผู้ขับขี,ขับรถ ได้เมื,อผู้ขับขี,นั-นอยู่ในสภาพที,สามารถขับรถต่อไปได้หรือเมื,อเจ้าพนักงานจราจรแน่ใจว่าผู้ ขับขี,จะไม่ขับรถในขณะที,อยู่ในสภาพดังกล่าว ทั-งนี- ตามระเบียบที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่ง ชาติและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกร่วมกันกําหนด

มาตรา ๑๔๐/๓

ในกรณีที,เจ้าพนักงานจราจรพบว่าผู้ขับขี,ผู้ใดเป็นผู้ ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการได้รับใบอนุญาตขับขี, ให้เจ้าพนักงานจราจรมี อํานาจยึดใบอนุญาตขับขี, หรือบันทึกการยึดใบอนุญาตขับขี,ด้วยวิธีการทางข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ของผู้ขับขี,ผู้นั-น โดยแจ้งการสั,งยึดใบอนุญาตขับขี,พร้อมด้วยเหตุผลในการสั,ง ยึดใบอนุญาตขับขี,ให้ผู้ขับขี,ดังกล่าวทราบ พร้อมทั-งมอบหลักฐานการสั,งยึดใบอนุญาตขับขี, นั-นให้แก่ผู้ขับขี,ไว้เป็นหลักฐาน ในกรณีที,เจ้าพนักงานจราจรยึดใบอนุญาตขับขี,ตามวรรคหนึ,ง ให้จัดทํา บันทึกการยึดใบอนุญาตขับขี, และให้ส่งบันทึกนั-นพร้อมด้วยใบอนุญาตขับขี,ของบุคคลดัง กล่าว ไปยังนายทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์หรือกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก เพื,อให้นายทะเบียนดําเนินการตามกฎหมายต่อไป

มาตรา ๑๔๑

เมื,อผู้ขับขี, เจ้าของรถ หรือผู้ครอบครองรถได้รับใบสั,ง ตามมาตรา ๑๔๐ แล้ว ให้ชําระค่าปรับภายในเวลาที,กําหนดไว้ในใบสั,ง ด้วยวิธีการอย่างหนึ,ง อย่างใด ดังต่อไปนี-

ชําระค่าปรับโดยการส่งธนาณัติหรือการส่งตั+วแลกเงินของธนาคาร โดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนสั,งจ่ายให้แก่ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ พร้อมด้วยสําเนา ใบสั,งไปยังสถานที,ที,ระบุไว้ในใบสั,ง หรือโดยวิธีการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ บัตรเครดิต หรือวิธีการอื,น โดยผ่านธนาคารหรือหน่วยบริการรับชําระเงิน ตามจํานวนที,ระบุไว้ในใบสั,ง ทั-งนี- ตามระเบียบที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติกําหนด

ชําระค่าปรับที,สถานีตํารวจ โดยชําระตามจํานวนที,กําหนดไว้ในใบสั,ง หรือตามจํานวนที,พนักงานสอบสวนเปรียบเทียบ และในกรณีนี- ให้พนักงานสอบสวนทุกท้อง ที,มีเขตอํานาจในการเปรียบเทียบปรับได้ทั,วราชอาณาจักร เมื,อผู้ได้รับใบสั,งได้ชําระค่าปรับครบถ้วนถูกต้องแล้ว ให้คดีเป็นอันเลิกกัน

มาตรา ๑๔๑/๑

ในกรณีที,ผู้ขับขี,หรือเจ้าของรถซึ,งได้รับใบสั,งไม่ปฏิบัติ ตามมาตรา ๑๔๑ ให้เจ้าพนักงานจราจร*และนายทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์หรือ กฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกมีหน้าที,และอํานาจ ดังต่อไปนี-

ให้เจ้าพนักงานจราจร*ตําแหน่งตั-งแต่สารวัตรขึ-นไปมีหนังสือแจ้งการ ไม่ปฏิบัติตามใบสั,งและจํานวนค่าปรับที,ค้างชําระให้ผู้ขับขี,หรือเจ้าของรถทราบภายในสิบห้า วันนับแต่วันที,ครบกําหนดชําระค่าปรับตามที,ระบุในใบสั,ง และให้ผู้ขับขี,หรือเจ้าของรถ ทําการชําระค่าปรับที,ค้างชําระด้วยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ,ง ตามมาตรา ๑๔๑ ภายในสิบ ห้าวันนับแต่วันที,ได้รับแจ้ง การแจ้งตามวรรคหนึ,ง ให้ทําเป็นหนังสือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน ตอบรับให้ผู้ขับขี,หรือเจ้าของรถ แล้วแต่กรณี ณ ภูมิลําเนาของผู้นั-น ทั-งนี- ตามแบบที,ผู้ บัญชาการตํารวจแห่งชาติกําหนดและให้ถือว่าผู้ขับขี,หรือเจ้าของรถได้รับแจ้งเมื,อพ้น กําหนดสิบห้าวันนับแต่วันที,ส่ง

ในกรณีที,ผู้ขับขี,หรือเจ้าของรถคันใดไม่ชําระค่าปรับตาม (๑) ให้ดําเนิน การ ดังต่อไปนี- (ก) ให้เจ้าพนักงานจราจร*แจ้งจํานวนค่าปรับที,ค้างชําระพร้อมหลัก ฐานตาม (๑) ไปยังนายทะเบียน และให้นายทะเบียนตรวจสอบข้อมูลและแจ้งให้ผู้มาติดต่อ ขอชําระภาษีประจําปีสําหรับรถคันนั-นทราบ เพื,อไปชําระค่าปรับที,ค้างชําระภายในสามสิบ วันนับแต่วันที,ได้รับแจ้ง ถ้าผู้มาติดต่อขอชําระภาษีประจําปีเป็นเพียงตัวแทนเจ้าของรถ ให้ผู้ มาติดต่อแจ้งให้เจ้าของรถทราบเพื,อไปชําระค่าปรับภายในระยะเวลาดังกล่าว ในการนี- ให้ นายทะเบียนรับชําระภาษีประจําปีสําหรับรถคันนั-นไว้โดยออกหลักฐานชั,วคราวแทนการ ออกเครื,องหมายแสดงการเสียภาษีประจําปีให้เจ้าของรถหรือตัวแทนเจ้าของรถแทน หลักฐานชั,วคราวตามวรรคหนึ,งให้ใช้แทนเครื,องหมายแสดงการ เสียภาษีประจําปีโดยให้มีอายุสามสิบวันนับแต่วันที,นายทะเบียนได้ออกให้ (ข) ในกรณีที,เจ้าของรถได้ชําระค่าปรับที,ค้างชําระครบถ้วนภายใน ระยะเวลาตามที,กําหนดใน (ก) ให้เจ้าของรถหรือตัวแทนเจ้าของรถนําหลักฐานแสดงการ ชําระค่าปรับที,ได้รับจากเจ้าพนักงานจราจร*มาแสดงต่อนายทะเบียนเพื,อให้ออก เครื,องหมายแสดงการเสียภาษีประจําปีสําหรับรถคันนั-น (ค) ในกรณีที,เจ้าของรถหรือตัวแทนเจ้าของรถที,ได้รับหนังสือแจ้งตาม (ก) ประสงค์จะชําระค่าปรับในวันที,มาติดต่อขอชําระภาษีประจําปี ให้นายทะเบียนมีอํานาจ รับชําระค่าปรับตามจํานวนที,ค้างชําระแทนได้ โดยให้นายทะเบียนรับชําระภาษีประจําปี สําหรับรถคันนั-นและออกเครื,องหมายแสดงการเสียภาษีประจําปีให้เจ้าของรถหรือตัวแทน เจ้าของรถ (ง) ในกรณีที,เจ้าของรถไม่ชําระค่าปรับที,ค้างชําระหรือชําระไม่ครบ ถ้วนภายในระยะเวลาที,กําหนดใน (ก) ให้เจ้าพนักงานจราจร*แจ้งนายทะเบียนให้งดการ ออกเครื,องหมายแสดงการเสียภาษีประจําปีสําหรับรถคันนั-น และแจ้งให้พนักงานสอบสวน ดําเนินการตามหน้าที,และอํานาจต่อไป ในกรณีที,ผู้ขับขี,หรือเจ้าของรถผู้ใดเห็นว่า ตนมิได้ฝ'าฝ더นหรือไม่ ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี-หรือกฎหมายอื,นอันเกี,ยวกับรถนั-น ให้ทํา หนังสือโต้แย้งข้อกล่าวหานั-นภายในสิบห้าวันนับแต่วันที,ได้รับแจ้งจากนายทะเบียนตาม (ก) ส่งไปยังสถานที,ที,ระบุไว้ในใบสั,งหรือสถานที,ที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติกําหนดโดย ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทั-งนี- การทําหนังสือโต้แย้งให้ใช้วิธีส่งทางไปรษณีย์ตอบรับ หรือสํานักงานตํารวจแห่งชาติจะกําหนดวิธีการอื,นใดด้วยก็ได้ เมื,อเจ้าพนักงานจราจร*หรือหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*ได้รับ หนังสือโต้แย้งตามวรรคสองหากเจ้าพนักงานจราจร*หรือหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*ยัง คงยืนยันและเห็นสมควรดําเนินคดีต่อผู้ขับขี,หรือเจ้าของรถผู้นั-นให้ส่งเรื,องไปยังพนักงาน สอบสวนเพื,อดําเนินการฟJองต่อศาลต่อไป แล้วแจ้งผลให้ผู้ขับขี,หรือเจ้าของรถทราบ เมื,อได้มีการชําระค่าปรับครบถ้วนถูกต้องแล้ว ให้คดีเป็นอันเลิกกัน และใน กรณีที,มีการเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี,ไว้ ให้ผู้ขับขี,นําหลักฐานการชําระค่าปรับไปขอรับใบ อนุญาตขับขี,คืนจากเจ้าพนักงานจราจร*ผู้เรียกเก็บ ทั-งนี- ในระหว่างที,ยังไม่ได้รับใบ อนุญาตขับขี,คืน ให้ถือว่าหลักฐานแสดงการชําระค่าปรับเป็นใบแทนใบอนุญาตขับขี,มี กําหนดสิบวันนับแต่วันที,ชําระค่าปรับ การรับชําระและการนําส่งเงินค่าปรับ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที, สํานักงานตํารวจแห่งชาติและกรมการขนส่งทางบกกําหนด เงินที,ได้รับตามวรรคหนึ,ง (๒) (ก) ให้อธิบดีกรมการขนส่งทางบกหรือผู้ที, ได้รับมอบหมายหักไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บหรือค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานในอัตรา ร้อยละห้าของจํานวนเงินที,ได้รับโดยให้นําไปใช้จ่ายได้เช่นเดียวกับเงินงบประมาณตาม ระเบียบที,อธิบดีกรมการขนส่งทางบกกําหนดส่วนเงินที,เหลือให้นําส่งสํานักงานตํารวจแห่ง ชาติ การดําเนินการใด ๆ ของเจ้าพนักงานจราจร*และนายทะเบียนตามมาตรา นี- สามารถใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือวิธีการอื,นใดตามที,สํานักงานตํารวจแห่งชาติ และกรมการขนส่งทางบกกําหนด

มาตรา ๑๔๒

อํานาจสั,งให้ผู้ขับขี,หยุดรถในเมื,อ หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*หรือเจ้าพนักงานจราจร*มี

รถนั-นมีสภาพไม่ถูกต้องตามที,บัญญัติไว้ในมาตรา ๖

เห็นว่าผู้ขับขี,หรือบุคคลใดในรถนั-นได้ฝ'าฝ더นหรือไม่ปฏิบัติตาม บทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี-หรือกฎหมายอันเกี,ยวกับรถนั-น ๆ ในกรณีที,มีพฤติการณ์อันควรเชื,อว่าผู้ขับขี,ฝ'าฝ더นมาตรา ๔๓ (๑) หรือ (๒) ให้หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร* พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานจราจร*สั,งให้มีการ ทดสอบผู้ขับขี,ดังกล่าวว่าหย่อนความสามารถในอันที,จะขับหรือเมาสุราหรือของเมาอย่าง อื,นหรือไม่ ในกรณีที,ผู้ขับขี,ตามวรรคสองไม่ยอมให้ทดสอบ ให้หัวหน้าเจ้าพนักงาน จราจร* พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานจราจร*มีอํานาจกักตัวผู้นั-นไว้ดําเนินการ ทดสอบได้ภายในระยะเวลาเท่าที,จําเป็นแห่งกรณีเพื,อให้การทดสอบเสร็จสิ-นไปโดยเร็ว หาก ผู้นั-นยอมให้ทดสอบและผลการทดสอบปรากฏว่าไม่ได้ฝ'าฝ더นมาตรา ๔๓ (๑) หรือ (๒) ก็ให้ ปล่อยตัวไปทันที ในกรณีที,มีพฤติการณ์อันควรเชื,อว่าผู้ขับขี,ขับรถในขณะเมาสุราหรือของ เมาอย่างอื,น หากผู้นั-นยังไม่ยอมให้ทดสอบตามวรรคสามโดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้ สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั-นฝ'าฝ더นมาตรา ๔๓ (๒) การทดสอบตามวรรคสองให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที,กําหนดใน กฎกระทรวง ในกรณีที,มีอุบัติเหตุเกิดขึ-นและมีเหตุอันเชื,อได้ว่า ผู้ขับขี,หรือบุคคลที,อาจ เป็นผู้ขับขี,ได้กระทําการฝ'าฝ더นมาตรา ๔๓ (๒) และบุคคลดังกล่าวอยู่ในภาวะหมดสติหรือได้ รับอันตรายแก่กายจนไม่อาจให้ความยินยอมในการทดสอบการมีสารอยู่ในร่างกายตาม วรรคสอง ให้นําความในมาตรา ๔๓ ทวิ/๑ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

มาตรา ๑๔๒/๑

เพื,อประโยชน์ในการควบคุมความประพฤติของผู้ได้ รับใบอนุญาตขับขี,ให้เกิดความปลอดภัยในการจราจร ในกรณีที,ผู้ขับขี,ผู้ใดกระทําความผิด ตามพระราชบัญญัตินี-หรือตามกฎหมายอื,นอันเกี,ยวกับรถหรือการใช้ทาง ให้สํานักงาน ตํารวจแห่งชาติจัดให้มีระบบการบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับรถของผู้ได้รับใบ อนุญาตขับขี, ระบบการบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับรถตามวรรคหนึ,ง อย่าง น้อยต้องประกอบด้วยการกําหนดคะแนน การตัดคะแนน และการคืนคะแนน โดยวิธีดําเนิน การดังกล่าวให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื,อนไขที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติและ อธิบดีกรมการขนส่งทางบกร่วมกันกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทั-งนี- ในการ กําหนดคะแนนความประพฤติในการขับรถให้คํานึงถึงประเภทของใบอนุญาตขับขี, และเหตุ แห่งการกระทําความผิดด้วย ในกรณีที,ผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี,ผู้ใดถูกตัดคะแนนความประพฤติในการ ขับรถจนหมดคะแนนตามที,กําหนดไว้ ให้ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติหรือผู้ซึ,งได้รับมอบ หมายจากผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติในแต่ละท้องที,สั,งพักใช้ใบอนุญาตขับขี,ของผู้ได้รับใบ อนุญาตขับขี,ผู้นั-นคราวละเก้าสิบวัน ทั-งนี- ตามระเบียบที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ กําหนด

มาตรา ๑๔๒/๒

คําสั,งพักใช้ใบอนุญาตขับขี,ตามมาตรา ๑๔๒/๑ วรรค สาม ให้ทําเป็นหนังสือและให้แจ้งคําสั,งพักใช้ใบอนุญาตขับขี,แก่ผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี,ทราบ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติประกาศกําหนดในราชกิจจานุ เบกษา เมื,อได้แจ้งคําสั,งพักใช้ใบอนุญาตขับขี,ตามวรรคหนึ,งแล้ว ให้แจ้งนาย ทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์หรือกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกทราบโดยเร็ว พร้อมทั-งบันทึกข้อมูลตามระเบียบที,กําหนดไว้ในมาตรา ๔/๑

มาตรา ๑๔๒/๓

ผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี,ซึ,งถูกตัดคะแนนความ ประพฤติในการขับรถหรือถูกสั,งพักใช้ใบอนุญาตขับขี,ตามมาตรา ๑๔๒/๑ วรรคสาม อาจ เข้ารับการอบรมความรู้เกี,ยวกับการขับรถและวินัยจราจรตามที,กรมการขนส่งทางบก กําหนดได้ ให้กรมการขนส่งทางบกจัดการอบรมความรู้เกี,ยวกับการขับรถและวินัย จราจร ตามหลักสูตรที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกร่วมกัน กําหนด การจัดให้มีการอบรมความรู้เกี,ยวกับการขับรถและวินัยจราจรตามวรรค สอง กรมการขนส่งทางบกอาจมอบหมายให้โรงเรียนสอนขับรถที,กรมการขนส่งทางบก รับรองดําเนินการก็ได้ ในการอบรมตามวรรคหนึ,ง ให้ผู้เข้ารับการอบรมเสียค่าใช้จ่ายตามที,อธิบดี กรมการขนส่งทางบกประกาศกําหนด

มาตรา ๑๔๒/๔

ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี,ซึ,งผ่านการอบรมตาม

มาตรา ๑๔๒/๓ มีสิทธิได้รับคืนคะแนนความประพฤติในการขับรถที,ถูกตัดไปอันเนื,องมา จากการกระทําความผิดตามพระราชบัญญัตินี-โดยยื,นคําขอต่อหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร

ทั-งนี- ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื,อนไขที,ประกาศกําหนดตามมาตรา ๑๔๒/๑ วรรคสอง

มาตรา ๑๔๒/๕

ในกรณีที,ผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี,ผู้ใดกระทําความผิด ตามพระราชบัญญัตินี-หรือตามกฎหมายอื,นอันเกี,ยวกับรถหรือการใช้ทาง หากการกระ ทําความผิดดังกล่าวมีเหตุหรือก่อให้เกิดหรือน่าจะก่อให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรงต่อ สาธารณะ หรือมีลักษณะเป็นภัยแก่ประชาชนอย่างร้ายแรง หรือมีพฤติการณ์หลบหนีเมื,อ ตนเองก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื,น ให้ผู้บัญชาการตํารวจแห่ง ชาติหรือผู้ซึ,งดํารงตําแหน่งไม่ต°ากว่าผู้บัญชาการหรือเทียบเท่าที,ได้รับมอบหมายจากผู้ บัญชาการตํารวจแห่งชาติมีอํานาจสั,งพักใช้ใบอนุญาตขับขี,ของผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี,ผู้นั-น ได้ไม่เกินเก้าสิบวัน คําสั,งพักใช้ใบอนุญาตขับขี,ตามวรรคหนึ,ง ให้ทําเป็นหนังสือ และให้แจ้งคํา สั,งพักใช้ใบอนุญาตขับขี,แก่ผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี,ทราบ พร้อมทั-งข้อหาในการกระทําความ ผิด กําหนดเวลาเริ,มต้นและสิ-นสุดการพักใช้ใบอนุญาตขับขี, โดยแนบพยานหลักฐานที, เกี,ยวข้องไปด้วย ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติประกาศกําหนด ในราชกิจจานุเบกษา พร้อมทั-งบันทึกข้อมูลตามระเบียบที,กําหนดไว้ในมาตรา ๔/๑

มาตรา ๑๔๒/๖

ในกรณีที,ผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี,ผู้ใดถูกสั,งพักใช้ใบ อนุญาตขับขี,ตามพระราชบัญญัตินี-เกินสองครั-งภายในระยะเวลาสามปีนับแต่วันที,ถูกสั,งพัก ใช้ใบอนุญาตขับขี,ครั-งแรก หากผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติหรือผู้ซึ,งดํารงตําแหน่งไม่ต°า กว่าผู้บัญชาการหรือเทียบเท่าที,ได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติเห็นว่า ผู้ ได้รับใบอนุญาตขับขี,ผู้นั-นสมควรถูกพักใช้ใบอนุญาตขับขี,เกินเก้าสิบวัน ให้แจ้งนายทะเบียน ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์หรือกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกพร้อมด้วยข้อหาในการก ระทําความผิดและพยานหลักฐานที,เกี,ยวข้อง เพื,อให้นายทะเบียนดําเนินการพิจารณาสั,งยึด หรือพักใช้ใบอนุญาตขับขี,ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์หรือกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทาง บก แล้วแต่กรณี พร้อมทั-งทําการบันทึกข้อมูลตามระเบียบที,กําหนดไว้ในมาตรา ๔/๑

มาตรา ๑๔๒/๗

ในกรณีที,ผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี,ผู้ใดเคยถูกสั,งยึดหรือ พักใช้ใบอนุญาตขับขี,ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์หรือกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ตามมาตรา ๑๔๒/๖ มาแล้ว และได้กระทําความผิดและถูกพักใช้ใบอนุญาตขับขี,ตามพระ ราชบัญญัตินี-อีกภายในระยะเวลาหนึ,งปีนับแต่วันที,พ้นกําหนดระยะเวลาที,ถูกสั,งยึดหรือพัก ใช้ใบอนุญาตขับขี,ตามมาตรา ๑๔๒/๖ หากผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติหรือผู้ซึ,งดํารง ตําแหน่งไม่ต°ากว่าผู้บัญชาการหรือเทียบเท่าที,ได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการตํารวจแห่ง ชาติเห็นว่า ผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี,ผู้นั-นสมควรถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับขี, ให้แจ้งนาย ทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์หรือกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก พร้อมด้วย ข้อหาในการกระทําความผิดและพยานหลักฐานที,เกี,ยวข้อง เพื,อให้นายทะเบียนดําเนินการ พิจารณาสั,งเพิกถอนใบอนุญาตขับขี,ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์หรือกฎหมายว่าด้วยการ ขนส่งทางบก แล้วแต่กรณี พร้อมทั-งทําการบันทึกข้อมูลตามระเบียบที,กําหนดไว้ในมาตรา ๔/๑

มาตรา ๑๔๒/๘

ผู้ได้รับคําสั,งพักใช้ใบอนุญาตขับขี,ตามมาตรา ๑๔๒/๑ หรือมาตรา ๑๔๒/๕ ให้มีสิทธิอุทธรณ์ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที,ได้รับแจ้งคําสั,ง ตามมาตรา ๑๔๒/๒ วรรคหนึ,ง หรือมาตรา ๑๔๒/๕ วรรคสอง แล้วแต่กรณี ดังต่อไปนี-

ในกรณีผู้ซึ,งดํารงตําแหน่งผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติเป็นผู้ออกคําสั,ง ให้อุทธรณ์ต่อรัฐมนตรี

ในกรณีผู้ซึ,งดํารงตําแหน่งไม่ต°ากว่าผู้บัญชาการหรือเทียบเท่าเป็นผู้ ออกคําสั,งให้อุทธรณ์ต่อผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ

ในกรณีผู้ซึ,งดํารงตําแหน่งอื,นนอกจาก (๑) และ (๒) เป็นผู้ออกคําสั,ง ให้อุทธรณ์ต่อผู้บังคับบัญชาเหนือขึ-นไปชั-นหนึ,ง ให้ผู้มีอํานาจพิจารณาอุทธรณ์ตามวรรคหนึ,ง พิจารณาอุทธรณ์ให้แล้ว เสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที,ได้รับอุทธรณ์ คําวินิจฉัยของผู้มีอํานาจพิจารณาอุทธรณ์ ให้เป็นที,สุด หลักเกณฑ์และวิธีการในการแจ้งสิทธิอุทธรณ์ การยื,นอุทธรณ์ และวิธี พิจารณาอุทธรณ์ ให้เป็นไปตามระเบียบที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติกําหนด

มาตรา ๑๔๓

ถ้าปรากฏว่าผู้ขับขี,ผู้ใดนํารถที,มีสภาพไม่เป็นไปตามที, บัญญัติไว้ในมาตรา ๖ วรรคหนึ,ง หรือมาตรา ๑๐ ทวิ ไปใช้ในทาง ให้เจ้าพนักงานจราจรมี อํานาจสั,งให้ผู้ขับขี,ผู้นั-นหยุดรถเพื,อทําการตรวจสอบ หากปรากฏว่ารถนั-นมีสภาพไม่ถูกต้อง ให้เจ้าพนักงานจราจรมีอํานาจดําเนินการ ดังต่อไปนี-

ในกรณีที,รถมีสภาพไม่มั,นคงแข็งแรงและหากให้ใช้รถต่อไปอาจเกิด อันตรายได้โดยชัดแจ้ง ให้เจ้าพนักงานจราจรสั,งห้ามการใช้รถ ในการนี- ผู้ขับขี,ต้องนํารถดัง กล่าวให้พ้นทางเดินรถโดยเร็วที,สุด หากผู้ขับขี,ไม่ดําเนินการ ให้เจ้าพนักงานจราจรหรือผู้ที, ได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานจราจรมีอํานาจเคลื,อนย้ายรถนั-น โดยให้นําความใน

มาตรา ๕๙ วรรคสอง วรรคสาม วรรคสี, วรรคห้า และวรรคหก มาใช้บังคับโดยอนุโลม

ในกรณีที,รถมีสภาพไม่ถึงกับไม่ปลอดภัยในการใช้ ให้เจ้าพนักงาน จราจรสั,งระงับการใช้รถเป็นการชั,วคราว โดยให้เจ้าของรถ ผู้ครอบครองรถ หรือผู้ขับขี,นํา รถดังกล่าวไปซ่อมแซมหรือปรับปรุงให้ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์หรือกฎหมายว่า ด้วยการขนส่งทางบก แล้วแต่กรณี ทั-งนี- ภายในระยะเวลาที,กําหนดแต่ต้องไม่น้อยกว่าสิบ ห้าวันและไม่เกินหกสิบวัน ตามสภาพความปลอดภัยของรถนั-น โดยในระหว่างระยะเวลาดัง กล่าวให้ใช้รถได้ไปพลางก่อน สภาพของรถที,ไม่มั,นคงแข็งแรงหรืออาจเกิดอันตราย ตาม (๑) ให้เป็นไป ตามหลักเกณฑ์และเงื,อนไขที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติและอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ร่วมกันกําหนด คําสั,งตาม (๑) และ (๒) ให้ถือว่าเป็นคําสั,งของนายทะเบียนตามกฎหมาย ว่าด้วยรถยนต์หรือกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก แล้วแต่กรณี และให้นําบทกําหนดโทษ ที,เกี,ยวข้องกับการฝ'าฝ더นคําสั,งของนายทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์หรือกฎหมายว่า ด้วยการขนส่งทางบก มาใช้บังคับกับผู้ฝ'าฝ더นคําสั,งตาม (๑) และ (๒) ด้วย ให้นําความในมาตรา ๑๔๒/๘ มาใช้บังคับกับการอุทธรณ์คําสั,งตาม (๑) หรือ (๒) โดยอนุโลม

มาตรา ๑๔๓/๑

ในการออกคําสั,งตามมาตรา ๑๔๓

คําสั,งห้ามการใช้รถ ตามมาตรา ๑๔๓ (๑) ให้เจ้าพนักงานจราจรติด เครื,องหมายแสดงคําสั,งห้ามการใช้รถนั-นไว้ที,ตัวรถในลักษณะที,เห็นได้อย่างชัดเจน

คําสั,งระงับการใช้รถเป็นการชั,วคราว ตามมาตรา ๑๔๓ (๒) ให้เจ้า พนักงานจราจรติดเครื,องหมายแสดงคําสั,งระงับการใช้รถนั-นไว้ที,ตัวรถในลักษณะที,เห็นได้ อย่างชัดเจน โดยเครื,องหมายแสดงคําสั,งดังกล่าวต้องแสดงระยะเวลาสิ-นสุดของการ อนุญาตให้ใช้รถเป็นการชั,วคราวไว้ด้วย แบบคําสั,งและตําแหน่งที,ติดเครื,องหมายแสดงคําสั,งตามมาตรา ๑๔๓ (๑) หรือ (๒) ให้เป็นไปตามที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติประกาศกําหนด

มาตรา ๑๔๓/๒

เมื,อเจ้าพนักงานจราจรได้ออกคําสั,งห้ามการใช้รถ ตามมาตรา ๑๔๓ (๑) หรือคําสั,งระงับการใช้รถเป็นการชั,วคราว ตามมาตรา ๑๔๓ (๒) แล้ว ให้แจ้งไปยังนายทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์หรือกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก แล้วแต่กรณี โดยเร็ว พร้อมด้วยเหตุผล ข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานที,เกี,ยวข้อง เพื,อให้ นายทะเบียนดําเนินการตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์หรือกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ต่อไป เมื,อรถที,ถูกสั,งห้ามการใช้รถ ตามมาตรา ๑๔๓ (๑) หรือถูกสั,งระงับการใช้ รถเป็นการชั,วคราว ตามมาตรา ๑๔๓ (๒) ได้มีการซ่อมแซมหรือปรับปรุงแก้ไขและผ่านการ ตรวจสภาพตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์หรือกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกแล้ว ให้นาย ทะเบียนมีคําสั,งอนุญาตให้ใช้รถนั-นต่อไปได้ และให้ปลดเครื,องหมายแสดงคําสั,งห้ามการใช้ รถหรือคําสั,งระงับการใช้รถเป็นการชั,วคราวนั-น

มาตรา ๑๔๔

(ยกเลิก)

มาตรา ๑๔๕

บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัตินี-นอกจากความผิด ที,กําหนดโทษไว้ในมาตรา ๑๕๓/๑ มาตรา ๑๕๖ มาตรา ๑๕๗/๑ มาตรา ๑๕๘/๑ มาตรา ๑๕๙ มาตรา ๑๖๐ มาตรา ๑๖๐ ทวิ และมาตรา ๑๖๐ ตรี ให้พนักงานสอบสวนตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามีอํานาจเปรียบเทียบหรือว่ากล่าวตักเตือนได้

มาตรา ๑๔๖ เงินค่าปรับตามพระราชบัญญัตินี-ที,ได้รับในกรุงเทพมหานคร หรือในจังหวัดใด หรือในท้องถิ,นที,กระทรวงมหาดไทยประกาศกําหนด ให้แบ่งให้แก่ กรุงเทพมหานครหรือเทศบาลในจังหวัดนั-นเพื,อใช้ในการดําเนินการเกี,ยวกับการจราจร ใน อัตราร้อยละห้าสิบของจํานวนเงินค่าปรับ หรือให้ตกเป็นของท้องถิ,นที,กระทรวงมหาดไทย

ประกาศกําหนดทั-งหมด

ลักษณะ ๑๙

บทกําหนดโทษ

มาตรา ๑๔๗

ผู้ใดฝ'าฝ더นหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๒ มาตรา ๗๙

มาตรา ๘๐ มาตรา ๘๑ มาตรา ๘๒ มาตรา ๑๐๓ มาตรา ๑๐๔ มาตรา ๑๐๕ มาตรา ๑๐๖ มาตรา ๑๑๕ มาตรา ๑๑๖ มาตรา ๑๑๗ มาตรา ๑๓๑ หรือมาตรา ๑๓๒ มีความผิดทางพินัย ต้องชําระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองร้อยบาท*

[*มาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี,ยนความผิดอาญาที,มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่า อัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย]

มาตรา ๑๔๘

ผู้ใดฝ'าฝ더นหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๖ วรรคหนึ,งหรือ วรรคสอง มาตรา ๘ วรรคหนึ,ง มาตรา ๙ มาตรา ๑๐ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๔ วรรคหนึ,ง มาตรา ๒๐ มาตรา ๓๖ มาตรา ๓๗ มาตรา ๓๘ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ มาตรา ๔๔ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๔ มาตรา ๕๕ วรรคหนึ,ง มาตรา ๕๗ มาตรา ๕๘ มาตรา ๖๐ มาตรา ๖๒ มาตรา ๖๓ มาตรา ๖๘ มาตรา ๖๙ มาตรา ๗๐ มาตรา ๗๑ มาตรา ๗๓ วรรคสอง มาตรา ๗๔ มาตรา ๗๖ มาตรา ๘๓ มาตรา ๘๔ มาตรา ๘๗ มาตรา ๘๘ มาตรา ๙๖ วรรคหนึ,ง มาตรา ๙๗ มาตรา ๑๐๑ มาตรา ๑๐๗ มาตรา ๑๐๘ มาตรา ๑๐๙ มาตรา ๑๑๐ มาตรา ๑๑๑ มาตรา ๑๑๒ มาตรา ๑๑๔ วรรคหนึ,ง มาตรา ๑๑๘ มาตรา ๑๑๙ มาตรา ๑๒๐ มาตรา ๑๒๑ มาตรา ๑๒๒ วรรคหนึ,งหรือวรรคสาม มาตรา ๑๒๓ มาตรา ๑๒๔ มาตรา ๑๒๖ มาตรา ๑๒๙ หรือมาตรา ๑๓๓ มีความผิดทางพินัยต้องชําระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าร้อยบาท* [*มาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี,ยนความผิดอาญาที,มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่า อัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย]

มาตรา ๑๔๙

ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๙๘ วรรคสองหรือวรรคสาม มี ความผิดทางพินัย ต้องชําระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินห้าร้อยบาท* [*มาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี,ยนความผิดอาญาที,มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่า อัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย]

มาตรา ๑๕๐

ผู้ใดกระทําการอย่างใดอย่างหนึ,งดังต่อไปนี-

ไม่ปฏิบัติตามระเบียบหรือประกาศที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ กําหนดตามมาตรา ๘ วรรคสอง หรือมาตรา ๑๔ วรรคสอง

ไม่ปฏิบัติตามเงื,อนไขที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติกําหนดตามมาตรา ๑๓ วรรคสอง

ไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงที,ออกตามมาตรา ๑๘

ฝ'าฝ더นคําสั,งหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรตามมาตรา ๑๑๓ หรือ

ขัดคําสั,งเจ้าพนักงานจราจรซึ,งสั,งตามมาตรา ๑๔๐/๒ หรือมาตรา ๑๔๐/๓ วรรคหนึ,ง ผู้กระทํามีความผิดทางพินัยต้องชําระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสองพันบาท* [*มาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี,ยนความผิดอาญาที,มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่า อัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย]

มาตรา ๑๕๑

ผู้ใดฝ'าฝ더นหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔

มาตรา ๓๙ มาตรา ๕๒ มาตรา ๖๑ หรือมาตรา ๖๖ มีความผิดทางพินัยต้องชําระค่าปรับ เป็นพินัยตั-งแต่สองร้อยบาทถึงห้าร้อยบาท*

[*มาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี,ยนความผิดอาญาที,มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่า อัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย]

มาตรา ๑๕๒

ผู้ใดฝ'าฝ더นหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๗) มาตรา ๑๐ ทวิ

มาตรา ๑๓ วรรคหนึ,ง มาตรา ๑๕ วรรคหนึ,ง มาตรา ๑๖ มาตรา ๒๑ วรรคหนึ,ง มาตรา ๒๒ มาตรา ๒๓ (๑) มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๕ มาตรา ๒๖ มาตรา ๒๙ มาตรา ๓๑/๑ มาตรา ๔๙ มาตรา ๕๐ มาตรา ๕๖ มาตรา ๖๔ มาตรา ๖๗ วรรคหนึ,ง มาตรา ๗๓ วรรคหนึ,งหรือวรรค สาม มาตรา ๗๗ วรรคหนึ,ง มาตรา ๘๕ มาตรา ๘๖ มาตรา ๘๙ วรรคหนึ,ง มาตรา ๙๐ มาตรา ๙๑ มาตรา ๙๒ มาตรา ๙๓ มาตรา ๙๔ วรรคหนึ,ง มาตรา ๙๕ มาตรา ๙๙ มาตรา ๑๒๗ มาตรา ๑๒๘ หรือมาตรา ๑๓๐ หรือไม่ปฏิบัติตามประกาศที,ผู้บัญชาการตํารวจแห่ง ชาติกําหนดตามมาตรา ๑๕ วรรคสอง หรือไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงที,ออกตามมาตรา ๗๗ วรรคสอง หรือมาตรา ๙๖ วรรคสอง มีความผิดทางพินัยต้องชําระค่าปรับเป็นพินัยไม่ เกินหนึ,งพันบาท*

[*มาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี,ยนความผิดอาญาที,มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่า อัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย]

มาตรา ๑๕๓

ผู้ประกอบการรับจ้างบรรทุกคนโดยสารโดยใช้รถแท็กซี, ผู้ใดไม่จอดรถ ณ สถานที, ที,กําหนดตามพระราชกฤษฎีกาซึ,งออกตามมาตรา ๑๐๒ มีความ ผิดทางพินัยต้องชําระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ,งพันบาท* [*มาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี,ยนความผิดอาญาที,มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่า อัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย]

มาตรา ๑๕๓/๑

ผู้ขับขี,รถยนต์สาธารณะตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ หรือรถที,ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารเพื,อสินจ้างตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกผู้ใด ฝ'าฝ더นหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๒๓/๒ หรือไม่มีการแจ้งเตือนหรือจัดให้มีการแจ้งเตือน ตามมาตรา ๑๒๓/๓ ตามสมควร เมื,อมีอุบัติเหตุเกิดขึ-นจนเป็นเหตุให้คนโดยสารในรถนั-นได้ รับอันตรายสาหัส ผู้ขับขี,ผู้นั-นต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ,งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื,น บาท หรือทั-งจําทั-งปรับ ถ้าการกระทําความผิดตามวรรคหนึ,งเป็นเหตุให้คนโดยสารในรถถึงแก่ ความตาย ผู้ขับขี,ผู้นั-นต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี,หมื,นบาท หรือทั-ง จําทั-งปรับ

มาตรา ๑๕๔

ผู้ใดกระทําการอย่างใดอย่างหนึ,งดังต่อไปนี-

ฝ'าฝ더นคําสั,งเจ้าพนักงานจราจรตามมาตรา ๑๓๘ วรรคหนึ,ง

ฝ'าฝ더นหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศ ข้อบังคับ หรือระเบียบที,หัวหน้าเจ้า พนักงานจราจรตาม มาตรา ๑๓๙

ฝ'าฝ더นคําสั,งให้หยุดรถของเจ้าพนักงานจราจรตามหัวหน้าเจ้าพนักงาน จราจร พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานจราจร*ตามมาตรา ๑๔๒ วรรคสอง หรือ

ฝ'าฝ더นคําสั,งหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร เจ้าพนักงานจราจร หรือผู้ ตรวจการตามมาตรา ๑๔๓ ทวิ ถ้าไม่เป็นความผิดที,กําหนดโทษไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี- ผู้กระทํามี ความผิดทางพินัยต้องชําระค่าปรับเป็นพินัยครั-งละไม่เกินหนึ,งพันบาท* [*มาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี,ยนความผิดอาญาที,มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่า อัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย]

มาตรา ๑๕๕

ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๔๑ โดยไม่มีเหตุอันสมควร มี ความผิดทางพินัย ต้องชําระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ,งพันบาท [*มาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี,ยนความผิดอาญาที,มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่า อัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย]

มาตรา ๑๕๖

ผู้ใดนํารถที,หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร เจ้าพนักงาน จราจร หรือผู้ตรวจการได้สั,งให้เจ้าของรถหรือผู้ขับขี,ซ่อมหรือแก้ไขตามมาตรา ๑๔๓ หรือ มาตรา ๑๔๓ ทวิ ไปใช้ในทางโดยยังมิได้รับใบตรวจรับรองตามมาตรา ๑๔๔ มีความผิดทาง พินัยต้องชําระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินหนึ,งพันบาท* และชําระค่าปรับเป็นพินัยรายวันอีกวัน ละห้าร้อยบาท*จนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง [*มาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี,ยนความผิดอาญาที,มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่า อัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย]

มาตรา ๑๕๖/๑

ผู้ใดเปลี,ยนแปลง ย้าย ทําลาย ป_ดบัง หรือกระทําให้ เสียหายด้วยประการใด ๆ แก่เครื,องหมายแสดงคําสั,งห้ามการใช้รถตามมาตรา ๑๔๓/๑ (๑) หรือเครื,องหมายแสดงคําสั,งระงับการใช้รถเป็นการชั,วคราวตามมาตรา ๑๔๓/๑ (๒) มีความ ผิดทางพินัย ต้องชําระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสี,พันบาท* [*มาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี,ยนความผิดอาญาที,มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่า อัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย]

มาตรา ๑๕๗

ผู้ใดฝ'าฝ더นหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๓๕ มาตรา ๔๓ (๓)

(๖) (๗) หรือ (๙) มาตรา ๔๕ มาตรา ๔๖ มาตรา ๔๗ มาตรา ๔๘ มาตรา ๕๓ มาตรา ๖๕ วรรคหนึ,ง หรือมาตรา ๑๒๕ มีความผิดทางพินัยต้องชําระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสี,พัน บาท * [*มาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี,ยนความผิดอาญาที,มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่า อัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย]

มาตรา ๑๕๗/๑

ผู้ขับขี,ผู้ใดฝ'าฝ더นหรือไม่ปฏิบัติตามคําสั,งของหัวหน้า เจ้าพนักงานจราจร พนักงานสอบสวน เจ้าพนักงานจราจร หรือผู้ตรวจการที,ให้มีการตรวจ สอบผู้ขับขี,ตามมาตรา ๔๓ ทวิ หรือฝ'าฝ더น หรือไม่ปฏิบัติตามคําสั,งของผู้ตรวจการที,ให้มีการ ทดสอบผู้ขับขี,ตามมาตรา ๔๓ ตรี มีความผิดทางพินัยต้องชําระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกินสี,พัน บาท * ผู้ขับขี,ผู้ใดฝ'าฝ더นมาตรา ๔๓ ทวิ วรรคหนึ,ง ต้องระวางโทษสูงกว่าที,กําหนด ไว้ในกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษหรือกฎหมายว่าด้วยวัตถุที,ออกฤทธิ'ต่อจิตและ ประสาทอีกหนึ,งในสาม และให้ศาลสั,งพักใช้ใบอนุญาตขับขี,ของผู้นั-นมีกําหนดไม่น้อยกว่า หกเดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี, ถ้าการกระทําความผิดตามวรรคสองเป็นเหตุให้ผู้อื,นได้รับอันตรายแก่กาย หรือจิตใจ ผู้กระทําต้องระวางโทษจําคุกตั-งแต่หนึ,งปีถึงห้าปี และปรับตั-งแต่สองหมื,นบาท ถึงหนึ,งแสนบาท และให้ศาลสั,งพักใช้ใบอนุญาตขับขี,ของผู้นั-นมีกําหนดไม่น้อยกว่าหนึ,งปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี, ถ้าการกระทําความผิดตามวรรคสองเป็นเหตุให้ผู้อื,นได้รับอันตรายสาหัส ผู้กระทําต้องระวางโทษจําคุกตั-งแต่สองปีถึงหกปี และปรับตั-งแต่สี,หมื,นบาทถึงหนึ,งแสน สองหมื,นบาท และให้ศาลสั,งพักใช้ใบอนุญาตขับขี,ของผู้นั-นมีกําหนดไม่น้อยกว่าสองปี หรือ เพิกถอนใบอนุญาตขับขี, ถ้าการกระทําความผิดตามวรรคสองเป็นเหตุให้ผู้อื,นถึงแก่ความตาย ผู้ กระทําต้องระวางโทษจําคุกตั-งแต่สามปีถึงสิบปี และปรับตั-งแต่หกหมื,นบาทถึงสองแสน บาท และให้ศาลสั,งเพิกถอนใบอนุญาตขับขี, [*มาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ บัญญัติให้เปลี,ยนความผิดอาญาที,มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัย และให้ถือว่า อัตราโทษปรับอาญาเป็นอัตราค่าปรับเป็นพินัย]

มาตรา ๑๕๘

ผู้ใดฝ'าฝ더นหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๗ วรรคหนึ,ง

มาตรา ๒๘ หรือมาตรา ๑๐๐ วรรคหนึ,งหรือวรรคสอง หรือไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงที,ออก ตามมาตรา ๑๗ วรรคสอง ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ,งเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพัน

บาท หรือทั-งจําทั-งปรับ

มาตรา ๑๕๘/๑

ผู้ใดฝ'าฝ더นมาตรา ๔๓ (๑) หรือ (๕) ต้องระวางโทษจํา คุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับตั-งแต่สองพันบาทถึงหนึ,งหมื,นบาท หรือทั-งจําทั-งปรับ ผู้ใดขับรถในลักษณะที,ไม่คํานึงถึงความปลอดภัยตามมาตรา ๔๓ (๘) ต้อง ระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ,งปี หรือปรับตั-งแต่ห้าพันบาทถึงสองหมื,นบาท หรือทั-งจําทั-งปรับ

มาตรา ๑๕๙

ผู้ขับขี,ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคําสั,งหัวหน้าเจ้าพนักงาน จราจร*หรือเจ้าพนักงานจราจร*ซึ,งสั,งตามมาตรา ๕๙ วรรคหนึ,ง หรือขัดขวางหัวหน้าเจ้า พนักงานจราจร*หรือเจ้าพนักงานจราจร*มิให้เคลื,อนย้ายรถ หรือมิให้ใช้เครื,องมือบังคับรถ มิให้เคลื,อนย้ายตามมาตรา ๕๙ วรรคสอง ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับ ไม่เกินห้าพันบาท หรือทั-งจําทั-งปรับ ผู้ใดทําให้เสียหาย ทําลาย ทําให้เสื,อมค่า หรือทําให้ไร้ประโยชน์ซึ,งเครื,อง มือบังคับรถมิให้เคลื,อนย้าย หรือเคลื,อนย้ายรถที,หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*หรือเจ้า พนักงานจราจร*ได้ใช้เครื,องมือบังคับมิให้เคลื,อนย้ายตามมาตรา ๕๙ วรรคสอง โดยไม่ได้ รับอนุญาตจากหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร*หรือพนักงานสอบสวน ต้องระวางโทษจําคุกไม่ เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั-งจําทั-งปรับ

มาตรา ๑๖๐

ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๗๘ วรรคหนึ,ง ต้องระวาง โทษจําคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับตั-งแต่สองพันบาทถึงหนึ,งหมื,นบาท หรือทั-งจําทั-งปรับ ในกรณีที,ศาลจะมีคําพิพากษาลงโทษผู้ขับขี,ในความผิดฐานขับรถโดย ประมาทเป็นเหตุให้บุคคลอื,นถึงแก่ความตายหรือได้รับอันตรายสาหัสตามมาตรา ๒๙๑ หรือมาตรา ๓๐๐ แห่งประมวลกฎหมายอาญา หากปรากฏว่าผู้ขับขี,ไม่ให้การช่วยเหลือตาม สมควรหรือไม่แสดงตัวต่อตํารวจ ณ สถานที,เกิดเหตุตามมาตรา ๗๘ วรรคหนึ,ง ให้ศาล พิพากษาเพิ,มโทษที,จะลงแก่ผู้นั-นอีกกึ,งหนึ,งของโทษที,ศาลกําหนดสําหรับความผิดนั-น

มาตรา ๑๖๐ ทวิ

ผู้ใดฝ'าฝ더นมาตรา ๑๓๔ วรรคหนึ,ง ต้องระวางโทษจํา คุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับตั-งแต่ห้าพันบาทถึงหนึ,งหมื,นบาท หรือทั-งจําทั-งปรับ และให้ ศาลสั,งพักใช้ใบอนุญาตขับขี,ของผู้นั-นมีกําหนดไม่น้อยกว่าสามสิบวัน แต่ไม่เกินหนึ,งร้อย แปดสิบวัน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี, ผู้ใดฝ'าฝ더นมาตรา ๑๓๔/๑ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับ ตั-งแต่หนึ,งหมื,นบาทถึงสองหมื,นบาท หรือทั-งจําทั-งปรับ

มาตรา ๑๖๐ ทวิ/๑

ในกรณีที,ศาลจะมีคําพิพากษาลงโทษผู้ขับขี,ใน ความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้บุคคลอื,นถึงแก่ความตายหรือได้รับอันตราย สาหัสตามมาตรา ๒๙๑ หรือมาตรา ๓๐๐ แห่งประมวลกฎหมายอาญา และผู้ขับขี,ได้ขับรถ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตขับขี, หรือขับรถในระหว่างถูกสั,งพักใช้ใบอนุญาตขับขี, ถูกเพิกถอนใบ อนุญาตขับขี, หรือถูกยึดใบอนุญาตขับขี, ให้ศาลพิพากษาเพิ,มโทษที,จะลงแก่ผู้นั-นอีกกึ,งหนึ,ง ของโทษที,ศาลกําหนดสําหรับความผิดนั-น

มาตรา ๑๖๐ ตรี

ผู้ใดฝ'าฝ더นมาตรา ๔๓ (๒) ต้องระวางโทษจําคุกไม่ เกินหนึ,งปี หรือปรับตั-งแต่ห้าพันบาทถึงสองหมื,นบาท หรือทั-งจําทั-งปรับ และให้ศาลสั,งพัก ใช้ใบอนุญาตขับขี,ของผู้นั-นมีกําหนดไม่น้อยกว่าหกเดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี, ถ้าการกระทําความผิดตามวรรคหนึ,งเป็นเหตุให้ผู้อื,นได้รับอันตรายแก่ กายหรือจิตใจ ผู้กระทําต้องระวางโทษจําคุกตั-งแต่หนึ,งปีถึงห้าปี และปรับตั-งแต่สองหมื,น บาทถึงหนึ,งแสนบาท และให้ศาลสั,งพักใช้ใบอนุญาตขับขี,ของผู้นั-นมีกําหนดไม่น้อยกว่าหนึ,ง ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี, ถ้าการกระทําความผิดตามวรรคหนึ,งเป็นเหตุให้ผู้อื,นได้รับอันตรายสาหัส ผู้กระทําต้องระวางโทษจําคุกตั-งแต่สองปีถึงหกปี และปรับตั-งแต่สี,หมื,นบาทถึงหนึ,งแสน สองหมื,นบาท และให้ศาลสั,งพักใช้ใบอนุญาตขับขี,ของผู้นั-นมีกําหนดไม่น้อยกว่าสองปี หรือ เพิกถอนใบอนุญาตขับขี, ถ้าการกระทําความผิดตามวรรคหนึ,งเป็นเหตุให้ผู้อื,นถึงแก่ความตาย ผู้ กระทําต้องระวางโทษจําคุกตั-งแต่สามปีถึงสิบปี และปรับตั-งแต่หกหมื,นบาทถึงสองแสน บาท และให้ศาลสั,งเพิกถอนใบอนุญาตขับขี, ถ้าผู้กระทําความผิดตามวรรคหนึ,ง วรรคสอง วรรคสาม หรือวรรคสี, เป็นการขับขี,รถยนต์สาธารณะหรือรถจักรยานยนต์สาธารณะตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ หรือเป็นการขับขี,รถที,ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารเพื,อสินจ้างตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่ง ทางบก ผู้กระทําต้องระวางโทษสูงกว่าที,กําหนดอีกหนึ,งในสาม

มาตรา ๑๖๐ ตรี/๑

ผู้ใดกระทําความผิดตามมาตรา ๑๖๐ ตรี วรรค หนึ,ง และได้กระทําความผิดซ엉าอีกภายในสองปีนับแต่วันที,กระทําความผิดครั-งแรก ต้อง ระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปี และปรับตั-งแต่ห้าหมื,นบาทถึงหนึ,งแสนบาท และให้ศาลสั,งพัก ใช้ใบอนุญาตขับขี,ของผู้นั-นมีกําหนดไม่น้อยกว่าหนึ,งปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี,

มาตรา ๑๖๐ ตรี/๒

ผู้ใดกระทําความผิดตามมาตรา ๑๖๐ ตรี วรรค หนึ,ง ถ้าผู้กระทําความผิดนั-นขับรถโดยไม่ได้รับใบอนุญาตขับขี, หรือถูกพักใช้หรือเพิกถอน ใบอนุญาตขับขี, ผู้กระทําต้องระวางโทษสูงกว่าที,กฎหมายกําหนดสําหรับความผิดนั-นอีก หนึ,งในสาม หากกรณีการกระทําผิดตามวรรคหนึ,ง เป็นเหตุให้ผู้อื,นได้รับอันตรายแก่ กายหรือจิตใจ อันตรายสาหัส หรือถึงแก่ความตาย ตามมาตรา ๑๖๐ ตรี วรรคสอง วรรค สาม หรือวรรคสี, ให้ศาลพิพากษาเพิ,มโทษที,จะลงแก่ผู้กระทําความผิดอีกกึ,งหนึ,งของโทษที, ศาลกําหนดสําหรับความผิดนั-น

มาตรา ๑๖๐ ตรี/๓

ผู้ใดกระทําความผิดตามมาตรา ๑๖๐ ตรี และได้ กระทําความผิดซ엉าอีกภายในสองปีนับแต่วันที,กระทําความผิดครั-งแรก ให้ศาลลงโทษจําคุก และปรับด้วยเสมอ ความในวรรคหนึ,งมิให้ใช้บังคับกับผู้กระทําความผิดที,มีอายุไม่เกินสิบแปด ปีในวันที,กระทําความผิดครั-งหลัง

มาตรา ๑๖๐

จัตวา ในกรณีที,เจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถที,ได้รับ ใบสั,งตามมาตรา ๑๔๐ วรรคสอง เป็นนิติบุคคล ให้ผู้แทนของนิติบุคคลนั-นมีหน้าที,แจ้งชื,อ ที, อยู่ พร้อมทั-งหลักฐานอื,นใดต่อพนักงานสอบสวนที,แสดงว่าผู้ใดเป็นผู้ขับขี,ในขณะที,พบการก ระทําความผิดตามที,ระบุไว้ในใบสั,งภายในสามสิบวันนับแต่วันที,ได้รับใบสั,ง หากผู้แทนของ นิติบุคคลไม่แจ้งภายในกําหนดระยะเวลาดังกล่าว ให้นิติบุคคลนั-นต้องระวางโทษปรับใน อัตราห้าเท่าของโทษปรับสูงสุดที,บัญญัติไว้สําหรับความผิดนั-น ในกรณีที,ผู้ขับขี,ที,กระทําความผิดเป็นบุคคลซึ,งไม่มีสัญชาติไทย และผู้แทน ของนิติบุคคลได้แจ้งต่อพนักงานสอบสวนตามวรรคหนึ,งแล้ว และผู้ขับขี,ไม่อยู่ในราช อาณาจักร ให้พนักงานสอบสวนแจ้งให้ผู้ขับขี,ที,กระทําความผิดนั-นทราบโดยทางไปรษณีย์ ลงทะเบียนหรือวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื,นตามที,เห็นสมควร ในกรณีที,ไม่อาจ แจ้งให้ผู้ขับขี,ที,กระทําความผิดทราบตามชื,อ ที,อยู่ พร้อมทั-งหลักฐานอื,นใดที,ผู้แทนของ นิติบุคคลแจ้งต่อพนักงานสอบสวนได้ ให้พนักงานสอบสวนแจ้งให้ผู้แทนของนิติบุคคล ทราบเพื,อประโยชน์ในการดําเนินการของนิติบุคคลนั-นต่อไป

มาตรา ๑๖๐ เบญจ

ในกรณีที,มีการกระทําการอันเป็นความผิดตาม

มาตรา ๑๓๔

หากผู้กระทํามีอายุต°ากว่ายี,สิบปี เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที,ฟJองผู้ต้องหา อาจมีคําร้องขอต่อศาลเพื,อให้ศาลพิจารณาวางข้อกําหนดให้บิดา มารดา หรือผู้ปกครอง ระวังผู้นั-นไม่ให้กระทําความผิดฐานแข่งรถในทางซ엉าอีก หากศาลเห็นสมควร ให้มีอํานาจ วางข้อกําหนดให้บิดา มารดา หรือผู้ปกครอง ระวังผู้นั-นไม่ให้กระทําความผิดฐานแข่งรถใน ทางซ엉าอีก ตลอดเวลาที,ศาลกําหนดซึ,งต้องไม่เกินสามปีและกําหนดจํานวนเงินตามที,เห็น สมควรซึ,งบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง จะต้องชําระต่อศาลไม่เกินครั-งละห้าหมื,นบาท ในเมื,อ ผู้นั-นกระทําความผิดฐานแข่งรถในทางซ엉าอีก ถ้าผู้นั-นอาศัยอยู่กับบุคคลอื,นนอกจากบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง และ ศาลเห็นว่าไม่สมควรจะเรียกบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง มาวางข้อกําหนดตามวรรคหนึ,ง ศาลจะเรียกตัวบุคคลที,ผู้นั-นอาศัยอยู่มาสอบถามว่า จะยอมรับข้อกําหนดทํานองที,บัญญัติ ไว้สําหรับบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง ดังกล่าวหรือไม่ก็ได้ ถ้าบุคคลที,ผู้นั-นอาศัยอยู่ยอมรับ ข้อกําหนดเช่นว่านั-น ก็ให้ศาลมีอํานาจวางข้อกําหนดดังกล่าว ในกรณีที,ศาลวางข้อกําหนดตามวรรคหนึ,งหรือวรรคสอง ถ้าผู้นั-นกระทํา ความผิดฐานแข่งรถในทางซ엉าอีกภายในระยะเวลาในข้อกําหนด ให้นํามาตรา ๗๗ แห่ง ประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับโดยอนุโลม

หากผู้กระทํามีอายุตั-งแต่สิบแปดปีขึ-นไป เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที,ฟJองผู้ ต้องหาอาจมีคําร้องขอต่อศาลเพื,อให้ศาลพิจารณาสั,งผู้กระทําการดังกล่าวให้ทําทัณฑ์บน หากศาลเห็นสมควรจะสั,งให้ทําทัณฑ์บน โดยกําหนดจํานวนเงินไม่เกินห้าหมื,นบาทว่าผู้นั-น จะไม่กระทําความผิดฐานแข่งรถในทางซ엉าอีก ตลอดเวลาที,ศาลกําหนดซึ,งต้องไม่เกินสองปี และจะสั,งให้มีประกันด้วยหรือไม่ก็ได้ ทั-งนี- ถ้าผู้ทําทัณฑ์บนกระทําผิดทัณฑ์บน ให้นํา

มาตรา ๔๗ แห่งประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับโดยอนุโลม

มาตรา ๑๖๑

(ยกเลิก)

มาตรา ๑๖๒

ในคดีที,ผู้ขับขี,ต้องคําพิพากษาว่าได้กระทําความผิด ตามพระราชบัญญัตินี-หรือกฎหมายอันเกี,ยวกับรถนั-น ๆ นอกจากจะได้รับโทษสําหรับการก ระทําดังกล่าวแล้ว ถ้าศาลเห็นว่าหากให้ผู้นั-นขับรถต่อไปอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคล หรือทรัพย์สินของผู้อื,น ให้ศาลมีอํานาจสั,งเพิกถอนใบอนุญาตขับขี,ของผู้นั-นได้ ในกรณีที,ศาลเห็นว่า พฤติกรรมของผู้กระทําผิดตามวรรคหนึ,งยังอยู่ใน วิสัยที,จะแก้ไขฟ- 더นฟูได้ ศาลอาจมีคําสั,งพักใช้ใบอนุญาตขับขี,ของผู้นั-นและให้ผู้นั-นทํางาน บริการสังคมหรือทํางานสาธารณประโยชน์ภายใต้เงื,อนไขและระยะเวลาที,ศาลกําหนด โดย ให้อยู่ในความดูแลของพนักงานคุมประพฤติ เจ้าหน้าที,ของรัฐ หน่วยงานของรัฐ หรือ องค์การซึ,งมีวัตถุประสงค์เพื,อการบริการสังคม การกุศลสาธารณะ หรือสาธารณประโยชน์ ที,ยินยอมรับดูแลด้วยก็ได้ และถ้าความปรากฏในภายหลังว่าผู้กระทําผิดดังกล่าวไม่ปฏิบัติ ตามคําสั,งหรือเงื,อนไขที,กําหนดไว้ให้ศาลมีอํานาจสั,งเพิกถอนใบอนุญาตขับขี,ของผู้นั-นตาม วรรคหนึ,ง ผู้ใดขับขี,รถในระหว่างที,ถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับขี,ตามคําสั,งของศาล ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปีและปรับไม่เกินสี,หมื,นบาท

มาตรา ๑๖๒/๑

ในกรณีที,ศาลสั,งพักใช้ใบอนุญาตขับขี,หรือเพิกถอนใบ อนุญาตขับขี,ตามพระราชบัญญัตินี- ให้ศาลแจ้งคําสั,งดังกล่าวให้นายทะเบียนตามกฎหมาย ว่าด้วยรถยนต์หรือกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก แล้วแต่กรณี

มาตรา ๑๖๓ คดีที,มีผู้กระทําการอย่างใดอย่างหนึ,งอันเป็นการฝ'าฝ더นหรือ ไม่ปฏิบัติตามบทแห่งพระราชบัญญัตินี-หรือกฎหมายอันเกี,ยวกับทางหลวงหรือกฎหมายอัน เกี,ยวกับรถนั-น ๆ ถ้าการฝ'าฝ더นหรือไม่ปฏิบัติตามนั-นก่อให้เกิดความเสียหายแก่สัญญาณ จราจรหรือเครื,องหมายจราจรที,เจ้าพนักงานจราจร*ได้ทําหรือติดตั-งไว้ เมื,อพนักงาน อัยการยื,นฟJองผู้กระทําความผิด ให้พนักงานอัยการเรียกราคาหรือค่าเสียหายสําหรับ สัญญาณจราจรหรือเครื,องหมายจราจรดังกล่าวด้วย

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก เกรียงศักดิ' ชมะนันทน์ นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี- คือ เนื,องจากการคมนาคมและ ขนส่งทางบกได้เจริญก้าวหน้าขยายตัวไปทั,วประเทศและเชื,อมโยงไปยังประเทศใกล้เคียง และจํานวนยานพาหนะในท้องถนนและทางหลวงได้ทวีจํานวนขึ-นเป็นลําดับ ประกอบกับ ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีในอนุสัญญาว่าด้วยการจราจรทางถนนและพิธีสารว่าด้วย เครื,องหมายและสัญญาณตามถนน สมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกซึ,ง ได้ใช้บังคับมากว่าสี,สิบปี ให้เหมาะสมกับสภาพการจราจรและจํานวนยานพาหนะที,เพิ,มขึ-น และเพื,อความปลอดภัยแก่ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชน จึงจําเป็นต้องตราพระ ราชบัญญัตินี-ขึ-น พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๒) พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี-ให้ใช้บังคับตั-งแต่วันถัดจากวันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี- คือ เนื,องจากได้มีการประกาศ ใช้พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ บางมาตรามีลักษณะไม่เหมาะสมและ บกพร่อง ขัดต่อการปฏิบัติในบางท้องที, จึงเห็นสมควรที,จะตราพระราชบัญญัติเพื,อแก้ไข เพิ,มเติมฉบับนี-ขึ-น พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๓) พ.ศ. ๒๕๒๙ มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี-ให้ใช้บังคับตั-งแต่วันถัดจากวันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี- คือ เนื,องจากพระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ,งใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน มีบทบัญญัติห้ามรถบรรทุกและรถ บรรทุกคนโดยสารแล่นในช่องทางเดินรถด้านขวามือ ข้อห้ามนี-รวมถึงรถบรรทุกเล็กที,มีน엉า หนักรถไม่เกินหนึ,งพันหกร้อยกิโลกรัมด้วย แต่รถดังกล่าวมิใช่รถที,มีความเร็วช้าหรือใช้ ความเร็วต°า จึงไม่จําเป็นต้องบังคับให้ขับรถในช่องทางเดินรถด้านซ้ายสุด การบังคับเช่นนี- ทําให้ผู้ใช้รถดังกล่าวไม่ได้รับความเป็นธรรม สมควรให้รถบรรทุกเล็กที,มีน엉าหนักไม่เกินหนึ,ง พันหกร้อยกิโลกรัม สามารถใช้ทางเดินรถขวามือได้ จึงจําเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี- ขึ-น ประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ฉบับที, ๓๙ เรื,อง การแก้ไขเพิ,มเติม กฎหมายว่าด้วยจราจรทางบก ลงวันที, ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๔ โดยที,คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติได้พิจารณาเห็นว่า ในปัจจุบันกฎหมายว่าด้วย จราจรทางบกได้บัญญัติให้อํานาจเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที,มีอํานาจ เคลื,อนย้ายรถที,จอดหรือหยุดโดยฝ'าฝ더นกฎหมายได้ แต่ยังไม่เป็นการเพียงพอที,จะให้ เจ้าของรถหรือผู้ขับขี,ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย สมควรเพิ,มมาตรการให้เจ้าของรถหรือผู้ ขับขี,ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเคลื,อนย้ายหรือไม่ให้เคลื,อนย้ายรถ รวมทั-งค่าดูแลรักษานั-น ด้วย ข้อ ๒ ประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติฉบับนี-ให้ใช้บังคับ ตั-งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี-ให้ใช้บังคับตั-งแต่วันถัดจากวันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี- คือ โดยที,พระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานานแล้ว บทบัญญัติบางประการแห่ง พระราชบัญญัติดังกล่าวไม่เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน สมควรแก้ไขเพิ,มเติม บทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ มากขึ-น เพื,อให้เกิดความสะดวกและความปลอดภัยในการจราจร จึงจําเป็นต้องตราพระ ราชบัญญัตินี- พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๕) พ.ศ. ๒๕๓๘ มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี-ให้ใช้บังคับตั-งแต่วันถัดจากวันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๔ ในกรณีของรถยนต์ที,ได้จดทะเบียนไว้แล้วก่อนวันที,พระราช บัญญัตินี-ใช้บังคับ ให้ผู้ขับขี,รถยนต์และคนโดยสารรถยนต์นั-น ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติ ตามมาตรา ๑๒๓ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ,งแก้ไขเพิ,ม เติมโดยพระราชบัญญัตินี- เป็นเวลาสองปีนับแต่วันที,พระราชบัญญัตินี-ใช้บังคับ มาตรา ๕ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราช บัญญัตินี- หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี- คือ โดยที,ในปัจจุบัน อุบัติเหตุ จากการจราจรทางบกมีผลต่อการพัฒนาประเทศโดยตรงและมีแนวโน้มที,จะเพิ,มจํานวนสูง ขึ-นเป็นอันมาก สมควรกําหนดมาตรการเพื,อสร้างความปลอดภัยและลดความรุนแรงของ อันตรายที,อาจเกิดขึ-นแก่ผู้ขับขี,รถยนต์และคนโดยสารรถยนต์ โดยกําหนดให้ผู้ขับขี,รถยนต์ ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที,นั,งในขณะขับขี,รถยนต์ และต้องจัดให้คนโดยสาร รถยนต์ ซึ,งนั,งที,นั,งตอนหน้าแถวเดียวกับที,นั,งผู้ขับขี,รถยนต์รัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้ กับที,นั,งในขณะโดยสารรถยนต์ และคนโดยสารรถยนต์ดังกล่าวต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัด นิรภัยไว้กับที,นั,งในขณะโดยสารรถยนต์ด้วย จึงจําเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี- พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๖) พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี-ให้ใช้บังคับตั-งแต่วันถัดจากวันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี- คือ โดยที,ในปัจจุบันอุบัติเหตุ ร้ายแรงที,เกิดขึ-นบนท้องถนนอันเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลต่าง ๆ นั-น มีสาเหตุส่วนหนึ,งเนื,องมาจากผู้ขับขี,เมาสุราหรือของเมาอย่างอื,นหรือเสพวัตถุที,ออก ฤทธิ'ต่อจิตและประสาทกลุ่มแอมเฟตามีนในขณะขับรถ แม้จะได้มีการจับกุมปราบปราม และปJองกันมิให้ผู้ขับขี,เสพหรือเมาสิ,งต่าง ๆ ดังกล่าวในขณะขับรถแล้วก็ตาม แต่ก็ปรากฏว่า ยังมีผู้ขับขี,ที,ฝ'าฝ더นอยู่อีก สมควรกําหนดให้ผู้ตรวจการตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทาง บกและผู้ตรวจการตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์มีอํานาจดําเนินการเกี,ยวกับการทดสอบหรือ การตรวจสอบของมึนเมาหรือสารเสพติดดังกล่าวในผู้ขับขี,ได้เช่นเดียวกับเจ้าพนักงาน จราจรและพนักงานเจ้าหน้าที,ตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกเพื,อเป็นการแบ่งเบา ภาระของเจ้าพนักงานดังกล่าวและปรับปรุงอํานาจหน้าที,ของเจ้าพนักงานจราจร พนักงาน สอบสวน พนักงานเจ้าหน้าที, และผู้ตรวจการให้สามารถดําเนินการทดสอบหรือตรวจสอบ ตลอดจนจับกุมปราบปราบผู้ขับขี,ซึ,งเมาสุราหรือของเมาอย่างอื,นหรือเสพวัตถุที,ออกฤทธิ'ต่อ จิตและประสาทกลุ่มแอมเฟตามีนในขณะขับรถให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และทําให้เกิด ความปลอดภัยในท้องถนนมากยิ,งขึ-น จึงจําเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี- พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๗) พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี-ให้ใช้บังคับตั-งแต่วันถัดจากวันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๓ ให้แก้ไขคําว่า “รถยนตร์” “รถจักรยานยนตร์” และ “เครื,อง ยนตร์” ในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ และที,แก้ไขเพิ,มเติม เป็นคําว่า “รถยนต์” “รถจักรยานยนต์” และ “เครื,องยนต์” ทุกแห่ง หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี- คือ โดยที,ในปัจจุบันการ โดยสารรถจักรยานยนต์เป็นที,นิยมกันอย่างแพร่หลาย และจํานวนอุบัติเหตุอันเนื,องจากรถ จักรยานยนต์ได้เพิ,มมากขึ-น ประกอบกับการเกิดอุบัติเหตุทางถนนอันเนื,องมาจากการขับรถ ในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื,น หรือเสพยาเสพติดให้โทษ หรือวัตถุที,ออกฤทธิ'ต่อจิต และประสาทได้เพิ,มสูงขึ-นด้วย สมควรกําหนดให้คนโดยสารรถจักรยานยนต์ต้องสวมหมวก ที,จัดทําขึ-นโดยเฉพาะเพื,อปJองกันอันตราย และกําหนดให้ความผิดของผู้ขับขี,ที,ได้ขับรถใน ขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื,น เป็นความผิดที,ไม่อาจว่ากล่าวตักเตือนหรือทําการเปรียบ เทียบได้ รวมทั-งปรับปรุงบทกําหนดโทษสําหรับความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุราหรือของ เมาอย่างอื,น หรือเสพยาเสพติดให้โทษหรือวัตถุที,ออกฤทธิ'ต่อจิตและประสาท ตลอดจน ปรับปรุงประเภทของรถที,ใช้บรรทุกคน สัตว์ หรือสิ,งของให้ครอบคลุมถึงการบรรทุกของรถ ทุกประเภทด้วย จึงจําเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี- พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๘) พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี-ให้ใช้บังคับเมื,อพ้นกําหนดเก้าสิบวันนับแต่วัน ประกาศในราชกิจจานุเบกษา หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี- คือ โดยที,ปัจจุบัน ผู้ขับขี,ใช้ โทรศัพท์เคลื,อนที,ในขณะขับรถ เป็นสาเหตุหนึ,งที,ก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนและก่อให้เกิด อันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคล สมควรแก้ไขเพิ,มเติมพระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ เพื,อกําหนดห้ามผู้ขับขี,ใช้โทรศัพท์เคลื,อนที,ในขณะขับรถ เว้นแต่ ในกรณีการใช้โทรศัพท์เคลื,อนที,โดยใช้อุปกรณ์เสริมสําหรับการสนทนา โดยผู้ขับขี,ไม่ต้องถือ หรือจับโทรศัพท์เคลื,อนที,นั-น จึงจําเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี- ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที, ๘๗/๒๕๕๗ เรื,อง การแก้ไขเพิ,มเติมผู้รักษา การตามกฎหมายที,เกี,ยวข้องกับอํานาจหน้าที,ของเจ้าพนักงานตํารวจ ลงวันที, ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ ข้อ ๔ ให้บรรดา กฎกระทรวง กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือคําสั,ง ที, ออกตามพระราชบัญญัติตามข้อ ๑ ข้อ ๒ และข้อ ๓ ที,ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที,ประกาศนี- ใช้บังคับ ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปจนกว่าจะมีการแก้ไขเพิ,มเติม พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๙) พ.ศ. ๒๕๕๗ มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี-ให้ใช้บังคับตั-งแต่วันถัดจากวันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี- คือ โดยที,ปัจจุบันเมื,อเจ้า พนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที,พบการกระทําความผิดของผู้ขับขี,ไม่ว่าด้วยตนเอง หรือด้วยเครื,องอุปกรณ์ใด ๆ แล้วแต่ไม่อาจออกใบสั,งให้ผู้ขับขี,ได้ในขณะนั-นเพราะไม่ สามารถเรียกให้ผู้ขับขี,หยุดรถได้ ซึ,งส่งผลให้การบังคับใช้กฎหมายไม่มีประสิทธิภาพเท่าที, ควร สมควรแก้ไขเพิ,มเติมมาตรา ๑๔๐ วรรคหนึ,ง แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ,งแก้ไขเพิ,มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื,อให้ เจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที,ที,พบการกระทําความผิดดังกล่าวสามารถส่ง ใบสั,งไปยังภูมิลําเนาของเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบ รับได้ จึงจําเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี- พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๑๐) พ.ศ. ๒๕๕๗ มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี-ให้ใช้บังคับตั-งแต่วันถัดจากวันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี- คือ โดยที,เป็นการสมควร กําหนดมาตรการในด้านความปลอดภัยเพื,อช่วยในการให้สัญญาณจราจรและสมควร กําหนดข้อสันนิษฐานว่าผู้ขับขี,ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื,น ในกรณีที,ไม่ยอม ให้ทดสอบโดยไม่มีเหตุอันควร อันจะเป็นมาตรการในการปJองกันการเกิดอุบัติเหตุที,เกิดจาก ผู้ขับขี,รถขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื,น จึงจําเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี- พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙ มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี-ให้ใช้บังคับตั-งแต่วันถัดจากวันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี- คือ โดยที,ในปัจจุบันได้มี การนําระบบการชําระเงินด้วยวิธีการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้เพื,อการชําระค่า สินค้าและบริการเพิ,มมากขึ-น สมควรเพิ,มช่องทางการชําระค่าปรับตามใบสั,งด้วยวิธีการดัง กล่าวในกรณีที,เจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที,ไม่เรียกเก็บใบอนุญาตขับขี, เพื,อ เป็นการอํานวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี,หรือเจ้าของรถในการชําระค่าปรับตามใบสั,ง ประกอบกับได้มีการโอนกรมตํารวจไปเป็นสํานักงานตํารวจแห่งชาติแล้ว สมควรแก้ไขการ ระบุชื,อตําแหน่ง “อธิบดีกรมตํารวจ” ตามกฎหมายว่าด้วยจราจรทางบก เป็น “ผู้บัญชาการ ตํารวจแห่งชาติ” ในคราวเดียวกัน จึงจําเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี- คําสั,งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที, ๑๔/๒๕๖๐ เรื,อง มาตรการเพิ,มประสิทธิภาพ การบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ข้อ ๔ บทบัญญัติในมาตรา ๑๔๑/๑ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ,งแก้ไขเพิ,มเติมโดยคําสั,งนี- มิให้ใช้บังคับกับใบสั,งที,เจ้าพนักงานจราจรหรือ พนักงานเจ้าหน้าที,ออกให้ก่อนวันที,คําสั,งนี-ใช้บังคับ โดยให้นําบทบัญญัติในมาตรา ๑๔๑ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ,งแก้ไขเพิ,มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจร ทางบก (ฉบับที, ๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ ที,ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที,คําสั,งนี-ใช้บังคับ มาใช้บังคับกับ ใบสั,งดังกล่าว ข้อ ๕ ในกรณีเห็นสมควรนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีอาจเสนอให้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติแก้ไขเปลี,ยนแปลงคําสั,งนี-ได้ ข้อ ๖ คําสั,งนี-ให้ใช้บังคับตั-งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๑๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี-ให้ใช้บังคับเมื,อพ้นกําหนดหนึ,งร้อยยี,สิบวัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป *มาตรา ๕ ให้แก้ไขคําว่า “เจ้าพนักงานจราจร” ในพระราชบัญญัติจราจร ทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ เป็นคําว่า “หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร” ทุกแห่ง ให้แก้ไขคําว่า “เจ้าพนักงานจราจรและพนักงานเจ้าหน้าที,” และ “พนักงานเจ้าหน้าที,” ในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ เป็นคําว่า “เจ้า พนักงานจราจร” ทุกแห่ง เว้นแต่ในมาตรา ๗๘ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ให้แก้ไขคําว่า “พนักงานเจ้าหน้าที,” เป็นคําว่า “ตํารวจ” มาตรา ๑๘ บรรดาบทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎกระทรวง ข้อบังคับ ข้อ กําหนด ระเบียบ ประกาศ กฎ หรือคําสั,งใดที,อ้างถึง “เจ้าพนักงานจราจร” หรือ “พนักงาน เจ้าหน้าที,” ให้ถือว่าอ้างถึง “เจ้าพนักงานจราจร” หรือ “หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร” ตามพ ระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ,งแก้ไขเพิ,มเติมโดยพระราชบัญญัตินี- แล้วแต่ กรณี มาตรา ๑๙ บรรดาใบรับแทนใบอนุญาตขับขี,ที,ออกตามมาตรา ๑๔๐ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ก่อนการแก้ไขเพิ,มเติมโดยพระ ราชบัญญัตินี- และยังมีผลใช้บังคับ ให้ใช้แทนใบอนุญาตขับขี,ได้จนกว่าจะครบระยะเวลา ตามที,กําหนดไว้ในใบรับแทนใบอนุญาตขับขี,นั-น มาตรา ๒๐ บรรดาคําสั,งยึดใบอนุญาตขับขี,ที,ออกตามมาตรา ๑๖๑ แห่ง พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ก่อนการแก้ไขเพิ,มเติมโดยพระราชบัญญัตินี- และยังมีผลใช้บังคับ ให้ใช้บังคับได้ต่อไปจนกว่าจะครบระยะเวลาตามที,กําหนดไว้ในคําสั,ง ยึดใบอนุญาตขับขี,นั-น ทั-งนี- ผู้ขับขี,ซึ,งถูกสั,งยึดใบอนุญาตขับขี,มีสิทธิอุทธรณ์ตามมาตรา ๑๖๑ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ก่อนการแก้ไขเพิ,มเติมโดยพระราช บัญญัตินี- และหากได้ยื,นอุทธรณ์คําสั,งยึดใบอนุญาตขับขี,ดังกล่าวภายในสิบห้าวันนับแต่วัน ที,ถูกสั,งยึดแล้ว ให้ถือว่าเป็นคําขออุทธรณ์ตามมาตรา ๑๖๑ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทาง บก พ.ศ. ๒๕๒๒ ก่อนการแก้ไขเพิ,มเติมโดยพระราชบัญญัตินี- คําขออุทธรณ์ตามมาตรา ๑๖๑ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ก่อนการแก้ไขเพิ,มเติมโดยพระราชบัญญัตินี- ที,ได้ยื,นไว้แล้วและพิจารณายังไม่แล้ว เสร็จอยู่ในวันที,พระราชบัญญัตินี-ใช้บังคับ และคําขออุทธรณ์ตามวรรคหนึ,ง ให้พิจารณาต่อ ไปตามมาตรา ๑๖๑ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ก่อนการแก้ไขเพิ,มเติม โดยพระราชบัญญัตินี-จนกว่าจะเสร็จสิ-น มาตรา ๒๑ บรรดาข้อบังคับ ข้อกําหนด ระเบียบ ประกาศ หรือกฎใดที, ออกตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ก่อนการแก้ไขเพิ,มเติมโดยพระราช บัญญัตินี- ที,ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที,พระราชบัญญัตินี-ใช้บังคับ ให้ใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที, ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ,งแก้ไขเพิ,มเติมโดยพระราช บัญญัตินี- จนกว่าจะมีข้อบังคับ ข้อกําหนด ระเบียบ ประกาศ หรือกฎ ที,ออกตามพระราช บัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ,งแก้ไขเพิ,มเติมโดยพระราชบัญญัตินี-ใช้บังคับ มาตรา ๒๒ การออกข้อบังคับ ข้อกําหนด ระเบียบ ประกาศ หรือกฎ ตาม มาตรา ๔/๑ มาตรา ๑๔๐ มาตรา ๑๔๐/๒ มาตรา ๑๔๑ มาตรา ๑๔๒/๑ มาตรา ๑๔๒/๒ มาตรา ๑๔๒/๕ และมาตรา ๑๔๒/๘ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ,ง แก้ไขเพิ,มเติมโดยพระราชบัญญัตินี-ให้ดําเนินการให้แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที, พระราชบัญญัตินี-ใช้บังคับ มาตรา ๒๓ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี- หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี- คือ โดยที,ในปัจจุบันการเกิด อุบัติเหตุทางถนนของประเทศมีจํานวนเพิ,มขึ-นอย่างต่อเนื,อง ซึ,งสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการ ที,ผู้ขับขี,ขาดวินัยในการใช้รถใช้ถนน และไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ประกอบกับพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานานแล้ว บทบัญญัติบางประการแห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน สมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์และกลไกในการออกใบสั,งสําหรับผู้ขับขี,ที,ฝ'าฝ더นหรือไม่ปฏิบัติ ตามกฎหมายการบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับขี, และมาตรการที,เกี,ยวข้องกับการ ควบคุมดูแลและบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ให้เหมาะสมและมี ประสิทธิภาพมากขึ-น เพื,อให้เกิดความสะดวกและความปลอดภัยในการจราจรทางบก จึง จําเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี- พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๑๓) พ.ศ. ๒๕๖๕ พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๑๓) พ.ศ. ๒๕๖๕ มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี-ให้ใช้บังคับเมื,อพ้นกําหนดหนึ,งร้อยยี,สิบวัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ ให้ยกเลิก (๑) คําสั,งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที, ๒๒/๒๕๕๘ เรื,อง มาตรการในการปJองกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทางและ การควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที,เป_ดให้บริการในลักษณะที,คล้ายกับสถาน บริการ ลงวันที, ๒๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ เฉพาะในข้อ ๑ ข้อ ๒ และข้อ ๓ ซึ,งเป็น ส่วนที,แก้ไขหรือเพิ,มเติมกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก (๒) คําสั,งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที, ๔๖/๒๕๕๘ เรื,อง มาตรการแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการขับขี,ยานพาหนะ ลงวันที, ๓๐ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ มาตรา ๓๖ มิให้นําบทบัญญัติตามมาตรา ๑๒๓ แห่งพระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ,งแก้ไขเพิ,มเติมโดยพระราชบัญญัตินี- มาใช้บังคับกับการใช้ รถยนต์ที,ไม่ต้องมีเข็มขัดนิรภัยเป็นเครื,องอุปกรณ์และส่วนควบ ตามประกาศซึ,งออกตามกฎ กระทรวงที,ออกตามมาตรา ๕ (๒) แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ และตาม ประกาศซึ,งออกตามกฎกระทรวงที,ออกตามมาตรา ๗๑ วรรคหนึ,ง แห่งพระราชบัญญัติการ ขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๓๗ บรรดาคําสั,งให้ซ่อมหรือแก้ไขรถตามมาตรา ๑๔๓ หรือคําสั,ง ระงับการใช้รถนั-นเป็นการชั,วคราวตามมาตรา ๑๔๓ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ที,ออกไว้ก่อนวันที,พระราชบัญญัตินี-ใช้บังคับ ให้คงมีผลใช้บังคับต่อไปจนสิ-น ระยะเวลาตามคําสั,งนั-น แต่ต้องไม่เกินหกเดือนนับแต่วันที,พระราชบัญญัตินี-ใช้บังคับ มาตรา ๓๘ บรรดาคําสั,งของเจ้าหน้าที,ที,ได้ออกตามคําสั,งหัวหน้าคณะ รักษาความสงบแห่งชาติที,มีผลใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที,พระราชบัญญัตินี-ใช้บังคับ ให้มีผล ดังต่อไปนี- (๑) คําสั,งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที, ๒๒/๒๕๕๘ เรื,อง มาตรการในการปJองกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทางและ การควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที,เป_ดให้บริการในลักษณะที,คล้ายกับสถาน บริการ ลงวันที, ๒๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ (ก) คําสั,งเกี,ยวกับการเก็บรักษารถเป็นการชั,วคราว ตามข้อ ๑ วรรค สอง ให้มีผลบังคับได้ต่อไปตามคําสั,งดังกล่าว แต่ต้องไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที,พระราช บัญญัตินี-ใช้บังคับ (ข) คําสั,งเกี,ยวกับการทําทัณฑ์บนหรือวางข้อกําหนด ไม่ว่าจะเป็น กรณีที,มีการวางเงินประกันหรือไม่ ตามข้อ ๒ วรรคสอง ให้มีผลบังคับได้ต่อไปตามคําสั,งดัง กล่าว แต่ต้องไม่เกินสองปีนับแต่วันที,พระราชบัญญัตินี-ใช้บังคับ (๒) คําสั,งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที, ๔๖/๒๕๕๘ เรื,อง มาตรการแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการขับขี,ยานพาหนะ ลงวันที, ๓๐ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ (ก) คําสั,งเกี,ยวกับการเก็บรักษารถเป็นการชั,วคราว ตามข้อ ๑ วรรค สอง (๒) ให้มีผลบังคับได้ต่อไปตามคําสั,งดังกล่าว แต่ต้องไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที,พระ ราชบัญญัตินี-ใช้บังคับ (ข) คําสั,งเกี,ยวกับการยึดใบอนุญาตขับขี, ตามข้อ ๑ วรรคสอง (๑) ให้มี ผลบังคับได้ต่อไปตามคําสั,งดังกล่าว แต่ต้องไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที,พระราชบัญญัตินี- ใช้บังคับ (ค) คําสั,งเกี,ยวกับการอบรมความประพฤติของผู้ขับขี, ตามข้อ ๑ วรรค สอง (๓) ให้มีผลบังคับได้ต่อไปตามคําสั,งดังกล่าว แต่ต้องไม่เกินสิบห้าวันนับแต่วันที,พระ ราชบัญญัตินี-ใช้บังคับ (ง) คําสั,งพักใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการขนส่งทางบกหรือคําสั,งป_ด กิจการขนส่งทางบกเป็นการชั,วคราว ตามข้อ ๓ ให้มีผลบังคับได้ต่อไปตามคําสั,งดังกล่าว แต่ต้องไม่เกินสิบห้าวันนับแต่วันที,พระราชบัญญัตินี-ใช้บังคับ มาตรา ๓๙ บรรดาข้อบังคับ ข้อกําหนด ระเบียบ ประกาศ กฎ หรือคําสั,ง ใดที,ออกตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ที,ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที,พระ ราชบัญญัตินี-ใช้บังคับ ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเพียงเท่าที,ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราช บัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ,งแก้ไขเพิ,มเติมโดยพระราชบัญญัตินี- จนกว่าจะมีข้อ บังคับ ข้อกําหนด ระเบียบ ประกาศ กฎ หรือคําสั,งที,ออกตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ,งแก้ไขเพิ,มเติมโดยพระราชบัญญัตินี-ใช้บังคับ มาตรา ๔๐ การออกข้อบังคับ ข้อกําหนด ระเบียบ ประกาศ กฎ หรือคําสั,ง ตามมาตรา ๔๓ (๙) มาตรา ๔๓ ทวิ/๑ มาตรา ๑๒๓ มาตรา ๑๒๓/๑ มาตรา ๑๒๓/๓ มาตรา ๑๔๓ และมาตรา ๑๔๓/๑ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ,งแก้ไข เพิ,มเติมโดยพระราชบัญญัตินี- ให้ดําเนินการให้แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที,พระ ราชบัญญัตินี-ใช้บังคับ มาตรา ๔๑ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี- หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี- คือ โดยที,ในปัจจุบันการเกิด อุบัติเหตุทางถนนของประเทศมีสาเหตุส่วนหนึ,งมาจากการที,ผู้ขับขี,ฝ'าฝ더นหรือไม่ปฏิบัติตาม หลักเกณฑ์เกี,ยวกับความปลอดภัยในการจราจรทางบก ประกอบกับพระราชบัญญัติจราจร ทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานานแล้ว บทบัญญัติบางประการแห่งพระราช บัญญัติดังกล่าวไม่เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน สมควรปรับปรุงมาตรการกฎหมาย เพื,อให้สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงในการใช้รถใช้ถนนได้อย่างปลอดภัยและให้การ ปJองกันการกระทําความผิดมีประสิทธิภาพยิ,งขึ-น ทั-งในเรื,องการใช้ช่องเดินรถ ลักษณะ ความผิดในการขับรถ การตรวจสอบหรือทดสอบผู้ขับขี, หน้าที,การใช้เข็มขัดนิรภัย การ ปJองกันการแข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาต และการควบคุมการใช้รถที,มีสภาพไม่ถูก ต้อง รวมทั-งปรับปรุงบทกําหนดโทษให้มีความเหมาะสม ซึ,งจะเป็นการลดการเกิดอุบัติเหตุ ทางถนนและส่งเสริมให้เกิดความสะดวกและความปลอดภัยในการจราจรทางบก จึง จําเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี- พระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี-ให้ใช้บังคับเมื,อพ้นกําหนดสองร้อยสี,สิบวันนับ แต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่บทบัญญัติแห่งมาตรา ๓๗ และ มาตรา ๓๘ วรรคหนึ,ง ให้ใช้บังคับตั-งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้น ไป มาตรา ๔ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี- และมีอํานาจ ออกกฎกระทรวงเพื,อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี- กฎกระทรวงนั-น เมื,อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ มาตรา ๓๙ เมื,อพ้นกําหนดสามร้อยหกสิบห้าวันนับแต่วันที,พระราช บัญญัตินี-ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้เปลี,ยนความผิดอาญาที,มีโทษปรับสถานเดียว ตามกฎหมายในบัญชี ๑ ท้ายพระราชบัญญัตินี- เป็นความผิดทางพินัยตามพระราชบัญญัติ นี- และให้ถือว่าอัตราโทษปรับอาญาที,บัญญัติไว้ในกฎหมายดังกล่าว เป็นอัตราค่าปรับเป็น พินัยตามพระราชบัญญัตินี- หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี- คือ โดยที,มาตรา ๗๗ ของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้บัญญัติให้รัฐพึงกําหนดโทษอาญาเฉพาะความผิด ร้ายแรง ประกอบกับแผนการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายได้กําหนดให้มีการปรับปรุง กฎหมายในการกําหนดโทษอาญาให้เหมาะสมกับสภาพความผิดหรือกําหนดมาตรการ ลงโทษให้เหมาะสมกับการกระทําความผิด และฐานะของผู้กระทําความผิดเพื,อมิให้บุคคล ต้องรับโทษหนักเกินสมควร หรือต้องรับภาระในการรับโทษที,แตกต่างกันอันเนื,องมาจาก ฐานะทางเศรษฐกิจที,แตกต่างกัน เนื,องจากกรณีที,กฎหมายกําหนดโทษปรับ ผู้มีฐานะทาง เศรษฐกิจดีย่อมสามารถชําระค่าปรับได้ แต่ผู้มีฐานะยากจนและไม่อยู่ในฐานะที,จะชําระค่า ปรับได้จะถูกกักขังแทนค่าปรับอันกระทบต่อศักดิ'ศรีความเป็นมนุษย์อย่างรุนแรง ประกอบ กับเมื,อคํานึงถึงข้อห้ามหรือข้อบังคับที,กฎหมายกําหนดให้ประชาชนต้องปฏิบัติหรือไม่ ปฏิบัติแล้ว จะพบว่ามีข้อห้ามหรือข้อบังคับจํานวนมากอาจรุกล엉าเข้าไปในสิทธิพื-นฐานหรือ สร้างภาระอันเกินสมควรแก่ประชาชน และนับวันจะมีกฎหมายตราออกมากําหนดการ กระทําให้เป็นความผิดมากขึ-น หลายกรณีทําให้ประชาชนกลายเป็นผู้กระทําความผิดเพรารู้ เท่าไม่ถึงการณ์ บางกรณีกระทําไปเพราะความยากจนเหลือทนทาน และเมื,อได้กระทํา ความผิดแล้ว ก็ต้องถูกนําตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางอาญา เช่น ถูกจับกุม คุมขัง พิมพ์ลายนิ-วมือ และลงบันทึกประวัติอาชญากรเป็นประวัติติดตัวตลอดไป และในที,สุดไม่ว่า ผู้นั-นจะเป็นผู้กระทําความผิดหรือไม่ กระบวนการที,กล่าวมาย่อมสร้างรอยด่างให้เกิดแก่ ศักดิ'ศรีความเป็นมนุษย์อย่างหลีกเลี,ยงไม่ได้ ถ้ามีทางใดที,จะปJองกันมิให้ประชาชนจะต้อง ตกเข้าสู่กระบวนการนั-นได้ จะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนและขจัดความเหลื,อมล엉าในสังคม ลงได้ตามสมควร แม้ว่าการกําหนดมาตรการอันเป็นโทษที,ผู้กระทําการอันเป็นการฝ'าฝ더น หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเป็นสิ,งจําเป็นที,จะต้องมีเพื,อให้กฎหมายมีสภาพบังคับ แต่โทษ นั-นก็ไม่จําเป็นต้องใช้โทษอาญาเสมอไป ซึ,งนานาประเทศได้เริ,มปรับเปลี,ยนบทลงโทษจาก ความผิดอาญาเป็นมาตรการอื,นที,มิใช่โทษอาญามากขึ-น รวมทั-งการใช้มาตรการอื,นแทน การลงโทษทางอาญา เช่น การคุมประพฤติกรณีจึงสมควรที,ประเทศไทยจะพัฒนากฎหมาย ไทยให้สอดคล้องกับนานาประเทศ และเกิดประโยชน์แก่ประชาชนยิ,งขึ-น โดยปรับเปลี,ยน โทษอาญาบางประการที,มุ่งต่อการปรับเป็นเงินตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติ เปลี,ยนเป็น มาตรการปรับเป็นพินัยที,สร้างขึ-นใหม่ไม่ให้มีสภาพเป็นโทษอาญา โดยกําหนดหลักเกณฑ์ให้ ใช้ดุลพินิจกําหนดค่าปรับที,ต้องชําระให้เหมาะสมกับสภาพความร้ายแรงแห่งการกระทํา และฐานะทางเศรษฐกิจของผู้กระทําความผิดให้สอดคล้องกัน และในกรณีที,ผู้กระทําความ ผิดไม่มีเงินชําระค่าปรับ อาจขอทํางานบริการสังคมหรือทํางานสาธารณประโยชน์แทนการ ชําระค่าปรับได้ โดยไม่มีการกักขังแทนค่าปรับดังเช่นที,เป็นอยู่ในคดีอาญา การเปลี,ยน สภาพบังคับไม่ให้เป็นโทษอาญาโดยกําหนดวิธีการดําเนินการขึ-นใหม่เป็นการเฉพาะนี- ย่อม จะช่วยทําให้ประชาชนที,ถูกกล่าวหาว่ากระทําความผิดไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการทางอาญา และไม่มีประวัติอาชญากรรมติดตัวอีกต่อไป การเปลี,ยนแปลงเช่นนี-จะเป็นกลไกทาง กฎหมายเพื,อสร้างความเป็นธรรมและขจัดความเหลื,อมล엉าทางสังคมและส่งเสริมการบังคับ ใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพยิ,งขึ-น ตามเจตนารมณ์ของมาตรา ๗๗ และมาตรา ๒๕๘ ค. ด้านกฎหมาย (๑) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและแผนการปฏิรูปประเทศด้าน กฎหมาย นอกจากนั-น สําหรับกฎหมายบางฉบับที,กําหนดให้มีโทษทางปกครอง แต่บัญญัติ ให้ฟJองคดีต่อศาลที,มีเขตอํานาจในการพิจารณาคดีอาญาเพื,อบังคับชําระค่าปรับทาง ปกครองไว้แล้ว สมควรเปลี,ยนโทษดังกล่าวเป็นมาตรการปรับเป็นพินัยเช่นเดียวกัน จึง จําเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี- บุณณดาพร / Maker 6 ตุลาคม 2566 ปรีดิเทพ / Checker 19 ตุลาคม 2566 ปรีดิเทพ / Authorizer 24 ตุลาคม 2566 ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๙๖/ตอนที, ๘/ฉบับพิเศษ หน้า ๑/๒๙ มกราคม ๒๕๒๒ มาตรา ๔ (๓๒) แก้ไขเพิ,มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๑๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๔ (๓๖) ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙ มาตรา ๔ (๓๗) แก้ไขเพิ,มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๑๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๔ (๓๘) แก้ไขเพิ,มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๑๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๔ (๔๐) แก้ไขเพิ,มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที, ๖) พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔/๑ เพิ,มโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบ