로고

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา _____________________ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นปีที่ ๔ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า บุคคล ซึ่งมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๗ และมาตรา ๔๐ ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทําได้โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เพื่อให้การสงวน อนุรักษ์ ฟื้นฟู และคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในเขตอุทยานแห่งชาติ และอุทยานแห่งชาติทางทะเลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อันจะยังประโยชน์แก่รัฐและประชาชนส่วนรวม กับเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติทําหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้

ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒

โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒”

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกําหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่

วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ให้ยกเลิก

(ก)

พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔

(ข)

พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ พ.ศ. ๒๕๐๙

มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้

* ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๖/ตอนที่ ๓๓ ก/หน้า ๔๕/๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ``` - ๒ - “ไม้” หมายความว่า ไม้ทุกชนิดที่เกิดขึ้นหรือมีอยู่ในอุทยานแห่งชาติ รวมตลอด สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ ทั้งที่มีลักษณะเป็นต้น ท่อน หรือแปร และหมายความรวมถึงราก ปุ่ม ตอ หน่อ กิ่ง ตา หัว เถา ฝอย ส่วนหนึ่งส่วนใดของไม้ ไม่ว่าจะถูกตัด ฟัน เลื่อย ผ่า ถาก ทอน ขุด หรือกระทำโดยวิธีการอื่นใด “สัตว์ป่า” หมายความว่า สัตว์ป่าตามกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ที่มีอยู่ในอุทยานแห่งชาติ รวมตลอด ซากของสัตว์ป่า “อุทยานแห่งชาติ” หมายความว่า พื้นที่ที่มีสภาพโดดเด่นสวยงามตามธรรมชาติ เป็นเอกลักษณ์หรือมีความหลากหลายทางชีวภาพ ระบบนิเวศ หรือทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ หรือพึงประสงค์ในทางวิชาการหรือโภคสุขนิสัย หรือโดดเด่นด้านธรณีวิทยา หรือมีคุณค่าทางจิตใจ ที่สมควรสงวนหรือบำรุงรักษาไว้เพื่อประโยชน์ของคนในชาติหรือเพื่อเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ทางธรรมชาติ หรือเป็นทางการของประชาชนอย่างยั่งยืน “วนอุทยาน” หมายความว่า พื้นที่ที่มีสภาพธรรมชาติสวยงามเหมาะแก่การสงวน รักษาไว้ให้เป็นแหล่งสมบูรณ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือเพื่อเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ ทางธรรมชาติหรือเป็นทางการของประชาชน “สมบูรณ์พฤกษชาติ” หมายความว่า พื้นที่ที่มีทรัพยากรธรรมชาติไม่ใช่ป่า รวมถึงแยก พระธรณีออกเป็นหมวดหมู่ตามหลักทางพฤกษศาสตร์ตามหลักอนุกรมวิธานเพื่อเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ ทางธรรมชาติและเป็นทางการของประชาชน หรือเพื่อการอนุรักษ์ และให้เป็นไปตามความประสงค์ ของผู้อนุญาต “สวนรุกขชาติ” หมายความว่า พื้นที่ที่มีไม้ยืนต้นหรือไม้พุ่มที่มีอยู่ในป่า และการพัฒนา หรือปลูกไม้ยืนต้นหรือไม้พุ่มที่มีอยู่ในป่า เพื่อให้ได้ทรัพยากรที่มีอยู่ในป่า และการพัฒนา หรือปลูกไม้ยืนต้นหรือไม้พุ่มที่มีอยู่ในป่า เพื่อให้ได้ทรัพยากรที่มีอยู่ในป่า และการพัฒนา หรือปลูกไม้ยืนต้นหรือไม้พุ่มที่มีอยู่ในป่า เพื่อให้ได้ทรัพยากรที่มีอยู่ในป่า และการพัฒนา “พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตาม พระราชบัญญัตินี้ “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ “อธิบดี” หมายความว่า อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรักษาการ

ตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ ที่ออกกฎกระทรวงกำหนด ค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้ ตลอดจนถึงการยกเว้น และการปฏิบัติการอื่น หรือออกประกาศและระเบียบ เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ การออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมดังกล่าว ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของ ค่าธรรมเนียมในลักษณะที่คำนึงถึงค่าใช้จ่าย ลักษณะ ประเภทกิจการหรือกิจกรรม หรือชนิดทรัพยากร ที่ขอตัดในอุทยานแห่งชาติ กฎกระทรวงและประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้

หมวด ๑

อุทยานแห่งชาติ ```

ส่วนที่ 1

การกำหนดอุทยานแห่งชาติ

มาตรา 6 เมื่อปรากฏว่าพื้นที่ใดมีลักษณะเหมาะสมที่จะกำหนดเป็นอุทยานแห่งชาติ ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยการนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับแบบที่พระราชบัญญัติกำหนด

เมื่อพระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่งมีผลใช้บังคับแล้ว ให้มาตรการบังคับหรือมาตรการคุ้มครองในพื้นที่ดังกล่าวเป็นไปตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่กฎหมายอื่นจะได้กำหนดมาตรการในเรื่องดังกล่าวไว้ไม่ขัดกับมาตรการที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้

มาตรา 7 การยกเลิกหรือการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ให้กระทำโดยพระราชกฤษฎีกา และในกรณีที่เป็นการยกเลิกหรือการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติบางส่วน ให้แผนที่แสดงแนวเขตที่เปลี่ยนแปลงไปซึ่งจัดทำโดยระบบสารสนเทศหรือระบบอื่นที่มีลักษณะใกล้เคียงกันแนบท้ายพระราชกฤษฎีกาด้วย

มาตรา 8 พื้นที่ที่จะกำหนดให้เป็นอุทยานแห่งชาติตามมาตรา 7 ต้องไม่มีโฉนดที่ดิน หรือหนังสือแสดงสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินตามกฎหมายที่ดิน

เว้นแต่เป็นที่ดินของหน่วยงานของรัฐ การกำหนดพื้นที่ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ให้คำนึงถึงขอบเขต ดูแลรักษา และการใช้ประโยชน์ หรือมีหน่วยงานของรัฐได้รับอนุญาตให้การใช้หรือทำประโยชน์ ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชขอความเห็นชอบจากหน่วยงานของรัฐนั้นก่อน ในการกำหนดพื้นที่ให้พื้นที่บริเวณใดเป็นอุทยานแห่งชาติ การยกเลิกอุทยานแห่งชาติ หรือการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ให้กรมรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียและชุมชนที่เกี่ยวข้อง และประชาชน เพื่อป้องกันปัญหาการบริหารจัดการในพื้นที่ ตามประกาศที่รัฐมนตรีกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ พื้นที่ที่กำหนดให้เป็นอุทยานแห่งชาติให้มีเขตติดต่อหรือครอบคลุมพื้นที่ซึ่งอาจกำหนดเป็นวนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ

มาตรา 9 ให้พื้นที่ที่กำหนดให้เป็นอุทยานแห่งชาติติดตั้งหลักเขต ป้าย เครื่องหมายแสดงแนวเขต และอุปกรณ์แสดงแนวเขตอื่นๆ เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

ในการกำหนดพื้นที่ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ให้กรมจัดทำแผนที่แสดงแนวเขตโดยวิธีการสำรวจรังวัดจากระบบดาวเทียม ปักเครื่องหมายแสดงแนวเขต และเครื่องหมายแสดงแนวเขตตามสมควร หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และรูปแบบในการจัดให้มีหลักเขต ป้าย เครื่องหมายแสดงแนวเขต และเครื่องหมายอื่นๆ ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีกำหนด

ส่วนที่ 2

คณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ

มาตรา 10 ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ” ประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นรองประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อธิบดีกรมป่าไม้ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อธิบดีกรมการท่องเที่ยว อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง หากคณะสงฆ์ส่ง อธิบดีกรมศิลปากร อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนไม่เกินเจ็ดคน และสิ่งแวดล้อม เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนไม่เกินเจ็ดคน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือมีประสบการณ์ด้านอุทยานแห่งชาติ ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านการท่องเที่ยวและนันทนาการ หรือด้านกฎหมาย เป็นกรรมการ

ให้อธิบดีเป็นกรรมการและเลขานุการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามวรรคหนึ่ง ให้แต่งตั้งจากบุคคลภายนอกโดยที่จำนวนไม่น้อยกว่า กึ่งหนึ่ง

มาตรา 11 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องมีสัญชาติไทยและมีประสบการณ์หรือทำงานด้านที่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่าสิบปี และไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้

(ก)

เป็นผู้ดำรงตำแหน่งหรือเคยดำรงตำแหน่งคณะสงฆ์

(ข)

เป็นผู้เคยได้รับการลงโทษถึงที่สุดในคดีอาญา เว้นแต่เป็นความผิดลหุโทษหรือความผิดที่กระทำโดยประมาท

(ค)

เป็นข้าราชการการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น กรรมการหรือผู้ดำรงตำแหน่งอื่นเช่นเดียวกันในกรณีบริหารพรรคการเมือง หรือเป็นเจ้าหน้าที่พรรคการเมือง

มาตรา 12 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสามปี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับแต่งตั้งได้ ในกรณีที่มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแทนตำแหน่งที่ว่างลงตามวาระ แต่ยังมิได้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใหม่ ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้นปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะได้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใหม่

มาตรา 13 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ

(ก)

ตาย

(ข)

ลาออก

(ค)

คณะรัฐมนตรีให้ออก เพราะขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม หรือทุจริตต่อหน้าที่ มีความประพฤติเสื่อมเสีย

(๔)

ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๓

มาตรา ๑๔ ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ หรือในกรณีที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มเติมระหว่างที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิยังมีตำแหน่ง และยังมีอายุอยู่ในตำแหน่ง ให้ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งแทนหรือเพิ่มเติมเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในตำแหน่งเดียวกันกับกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ยังมีอายุอยู่ในตำแหน่งนั้น สำหรับระยะเวลาที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในตำแหน่งนั้น แต่ทั้งนี้วาระที่เหลืออยู่ในตำแหน่งดังกล่าวจะไม่นับเป็นวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในตำแหน่งเดิมอีกต่อไป

มาตรา ๑๕ การประชุมคณะกรรมการหรือคณะกรรมการชุดใดชุดหนึ่งของสำนักงานกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม

ในการประชุมคณะกรรมการ ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานกรรมการเป็นประธานในที่ประชุม ถ้าประธานกรรมการและรองประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งให้ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งมีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้ามีคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงซึ่งชี้ขาด

มาตรา ๑๖ คณะกรรมการมีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้

(๑)

กำหนดนโยบายการบริหารงานอุทยานแห่งชาติ อนุรักษ์ สวนพฤกษศาสตร์ และสวนรุกขชาติ

(๒)

เสนอแนะการกำหนดทิศทางการดำเนินงานอุทยานแห่งชาติ การขอพระราชทานถอดถอนอุทยานแห่งชาติ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรของประเทศ

(๓)

พิจารณาให้ความเห็นชอบการกำหนดพื้นที่ให้เป็นอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ และสวนรุกขชาติ รวมทั้งการขยายหรือการเพิกถอนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ และสวนรุกขชาติ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรของประเทศ

(๔)

พิจารณาให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับการออกกฎกระทรวง ประกาศ หรือระเบียบที่พระราชบัญญัตินี้กำหนดให้ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ

(๕)

ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่นหรือตามที่คณะรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีมอบหมาย

มาตรา ๑๗ ให้คณะกรรมการอำนวยการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่คณะกรรมการมอบหมาย

การประชุมของคณะอนุกรรมการ ให้บังคับตามในมาตรา ๑๕ มาใช้บังคับกับคณะอนุโลม

ส่วนที่ ๓

การคุ้มครอง บำรุง ดูแล และรักษาอุทยานแห่งชาติ

มาตรา ๑๘ ในการคุ้มครอง บำรุง ดูแล รักษา และการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติ ให้จัดให้มีแผนการบริหารจัดการพื้นที่อุทยานแห่งชาติแต่ละแห่งพร้อมแผนที่แสดงรายละเอียดและแนวเขตการบริหารพื้นที่เพื่อเสนอขออนุมัติให้ความเห็นชอบ เมื่อขออนุมัติให้ความเห็นชอบแผนการบริหารจัดการพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ให้หน่วยงานอุทยานแห่งชาติที่รับผิดชอบในอุทยานแห่งชาตินั้นปิดประกาศแผนที่แสดงแนวเขตการบริหารจัดการพื้นที่ดังกล่าว ณ สถานที่ที่เปิดเผย และดำเนินการจัดการพื้นที่อุทยานแห่งชาตินั้นไปตามแผนการบริหารจัดการพื้นที่ดังกล่าว

การจัดทำแผนการบริหารจัดการพื้นที่อุทยานแห่งชาติต้องมีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ที่อุทยานแห่งชาติตั้งอยู่และพื้นที่ใกล้เคียงที่อาจได้รับผลกระทบจากการบริหารจัดการพื้นที่อุทยานแห่งชาติดังกล่าว ทั้งนี้ โดยต้องคำนึงถึงความหลากหลายทางชีวภาพและทรัพยากรธรรมชาติ หรือการใช้ประโยชน์ของชุมชนในพื้นที่ดังกล่าว และต้องรักษาไว้ซึ่งสภาพความเป็นอุทยานแห่งชาติด้วย แผนการบริหารจัดการพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ต้องประกอบด้วยวิธีการดำเนินการ แนวทางการจัดการ และการกำหนดการใช้พื้นที่ โดยต้องรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย ชุมชนที่เกี่ยวข้อง และประชาชนด้วย ในการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย ชุมชนที่เกี่ยวข้อง และประชาชนตามวรรคสาม ให้เป็นไปตามระเบียบหรือกฎหมายที่ออกตามความในมาตรา ๖ วรรคสาม มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม

มาตรา ๑๙ ภายในอุทยานแห่งชาติ ห้ามมิให้บุคคลใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้

(๑)

ยึดถือหรือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ไปจากเดิม

(๒)

เก็บหา นำออกไป กระทำด้วยประการใด ๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพ ซึ่งไม้ ต้น กิ่ง กรวด ทราย แร่ ปิโตรเลียม หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่น หรือกระทำการอื่นอันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

(๓)

ส่งหรือปล่อยสัตว์ป่าออกไป หรือกระทำให้เป็นอันตรายหรือรบกวนสัตว์ป่าด้วยประการใด ๆ

(๔)

เปลี่ยนแปลงทางน้ำหรือทำให้เกิดน้ำเน่าเสีย ดักน้ำ ขวาง หนอง บึง ห้วย ทะเล ทะเลสาบ หรือแหล่งน้ำอื่น หรือเป็นพิษ

(๕)

ขับเคลื่อนหรือทำให้ติดตามเส้นทางที่กำหนดหรือทางเกษตร

(ก)

เข้าไปในอุทยานแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาต

(ข)

เข้าไปในอุทยานแห่งชาติ โดยฝ่าฝืนเงื่อนไขที่กำหนดไว้

(ค)

เข้าไปในอุทยานแห่งชาติ โดยไม่ได้ชำระค่าธรรมเนียม

(ง)

เข้าไปในอุทยานแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปตั้งแคมป์หรือพักแรม

(จ)

เข้าไปในอุทยานแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปประกอบกิจกรรมอื่นใด

(๖)

กระทำการอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือรบกวนต่อทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อมตามพระราชบัญญัตินี้ เช่น การล่าสัตว์ การเก็บของป่า หรือการขุดหาของป่า หรือการกระทำอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือรบกวนต่อทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม

มาตรา ๒๐ บุคคลที่จะเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ตั้งไว้ให้สอดคล้องกับระเบียบหรือข้อกำหนด

มาตรา ๒๓ บุคคลใดนำหรือปล่อยสัตว์เข้าไปในอุทยานแห่งชาติ ต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการอนุญาตตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด

มาตรา ๒๔ พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจอนุญาตให้บุคคลกระทำการตามมาตรา ๑๘ (๒) (๔) (๕) หรือ (๖) ได้ตามลักษณะของการกระทำที่พนักงานเจ้าหน้าที่เห็นสมควร โดยอยู่ในความควบคุมดูแลของพนักงานเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ การอนุญาตดังกล่าวต้องไม่กระทบต่อการรักษาความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ การบำรุงรักษาโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน หรือเพื่อความมั่นคงทางพลังงาน หรือการท่องเที่ยวที่เป็นประโยชน์ และไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุทยานแห่งชาติ

หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการอนุญาตและการควบคุมดูแลตามวรรคหนึ่ง การต่อใบอนุญาต การยกเลิกใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาต ให้เป็นไปตามระเบียบที่อธิบดี กำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ

มาตรา ๒๕ เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครอง ดูแลรักษา หรือบูรณะทรัพยากรธรรมชาติ หรือการสำรวจ การศึกษา การวิจัย หรือการทดสอบทางวิชาการ หรือเพื่ออำนวยความสะดวกในการพัฒนาและการพัฒนาระบบในการจัดการ หรือเพื่อป้องกันอันตรายต่อชีวิต หรือให้ความรู้แก่ประชาชนโดยทั่วไป ในอุทยานแห่งชาติ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจจัดทำโครงการหรือกิจกรรมดังกล่าวได้ โดยต้องจัดทำแผนงานและโครงการให้ชัดเจน และต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการก่อน

มาตรา ๒๖ ในอุทยานแห่งชาติต้องจัดให้มีการประชาสัมพันธ์ การดูแลรักษาความปลอดภัย การให้คำแนะนำ หรือการจัดระบบการเดินทางเป็นประโยชน์แก่ประชาชน

การดำเนินการตามวรรคหนึ่ง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติต้องร้องขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

มาตรา ๒๖ ให้รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประกาศกำหนดบริเวณพื้นที่ใดเป็นวนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ โดยให้แสดงแผนที่แสดงแนวเขตซึ่งจัดทำด้วยระบบภูมิสารสนเทศหรือระบบอื่นซึ่งอาจแสดงในลักษณะเดียวกันแนบท้ายประกาศนั้นด้วย ความในวรรคหนึ่งให้ใช้บังคับกับการขยายหรือการเพิกถอนเขตวนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ โดยให้ทำแผนที่หรือรายละเอียดแนบท้ายประกาศด้วย

เมื่อประกาศตามวรรคหนึ่งมีผลใช้บังคับแล้ว ให้คณะกรรมการจัดการหรือการคุ้มครองในพื้นที่ดังกล่าวเป็นไปตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่กฎหมายอื่นจะได้กำหนดมาตรการในเรื่องดังกล่าวไว้แล้วตามมาตรการที่กำหนดในพระราชบัญญัตินั้น

มาตรา ๒๗ ภายในวนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ ห้ามมิให้บุคคลใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา ๘๗ และมาตรา ๘๘ วรรคหนึ่ง

ในกรณีที่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายอื่น (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) หรือ (๖) หรือยกเว้นวรรคหนึ่ง พนักงานเจ้าหน้าที่จะอนุญาตให้กระทำได้โดยต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้ในกฎกระทรวงหรือข้อบังคับกำหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการอนุญาตและการควบคุมดูแลการตรวจสอบอยู่ในอุทยานแห่งชาติให้เป็นไปตามกฎกระทรวง ให้เป็นไปตามระเบียบที่อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ

มาตรา ๒๘ ให้บังคับใช้บทบัญญัติมาตรา ๒๓ มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๕ และมาตรา ๒๖ มาใช้บังคับแก่วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติโดยอนุโลม

หมวด ๓

เงินค่าบริการหรือเงินค่าตอบแทน

มาตรา ๒๙ เพื่อประโยชน์ในการรักษาสภาพ ความปลอดภัย ความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย การให้บริการ และการอำนวยความสะดวกต่างๆ ในอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะเรียกเก็บค่าบริการหรือค่าตอบแทนสำหรับการบริการก็ได้

หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการเรียกเก็บค่าบริการหรือค่าตอบแทน และอัตราค่าบริการหรือค่าตอบแทน ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง หรือระเบียบที่อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ

มาตรา ๓๐ ให้เงินเงินค่าบริการไม่เป็นรายได้ของส่วนราชการ เงินที่เรียกเก็บได้ตามมาตรา ๒๙ นำไปใช้เพื่อการพัฒนาวนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติในด้านต่างๆ ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

หรือการอนุรักษ์ บำรุงรักษา และฟื้นฟูอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ ที่อยู่ในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง ในกรณีที่อุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติอยู่ในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบของเทศบาลหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น ให้แบ่งเงินในเทศบาลและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นนั้น แต่เมื่อรวมจำนวนเงินแล้วต้องไม่เกินร้อยละห้าสิบของเงินในวรรคหนึ่ง

มาตรา 31 เงินที่เรียกเก็บได้ตามมาตรา 29 เงินที่มีผู้บริจาค และเงินอื่นที่ได้รับตามวัตถุประสงค์ของกองทุนให้เก็บรักษาไว้เป็นเงินเพื่อการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ ตามมาตรา 30 ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เก็บรักษาไว้เป็นเงินเพื่อการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ

มาตรา 32 เงินเพื่อการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติตามมาตรา 31 ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นำไปใช้จ่ายเพื่อกิจการ ดังต่อไปนี้

(1) การดูแล ครอบครอง ดูแล บำรุงรักษา หรือฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ สวนรุกขชาติ หรือพื้นที่ซึ่งคณะกรรมการเห็นชอบให้เตรียมการกำหนดเป็นอุทยานแห่งชาติ ตลอดจนเป็นเงินช่วยเหลือและสนับสนุนกิจการใดที่เกี่ยวกับการส่งเสริมสนับสนุนและรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ (2) เงินรางวัล เงินสินจ้าง หรือเงินช่วยเหลือให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ หรืออาสาสมัครที่ได้รับอันตราย บาดเจ็บ เสียชีวิต หรือเป็นเงินช่วยเหลือในการต่อสู้คดีการปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลครอบครอง ดูแลรักษาอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ สวนรุกขชาติ หรือพื้นที่ซึ่งคณะกรรมการเห็นชอบให้เตรียมการกำหนดเป็นอุทยานแห่งชาติ (3) การบำรุงรักษาอาคารสถานที่ หรือการจัดหาสิ่งจำเป็นหรือเป็นประโยชน์ต่อการอำนวยความสะดวก ความปลอดภัย การให้ความรู้ การเผยแพร่ การพัฒนา หรือการวิจัย (4) การฝึกอบรม การศึกษา หรือการวิจัยของพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด้านอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ (5) ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ รวมถึงการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายในอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ (6) ค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ ให้เป็นไปตามระเบียบที่อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ เงินค่าอากรหรือเงินค่าตอบแทนที่ได้รับตามมาตรา 29 ให้จัดทำรายงานทางการเงินและผลการปฏิบัติงานเสนอคณะกรรมการ และเผยแพร่ให้ประชาชนทราบ

หมวด ๔

การใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ

มาตรา ๑๑ ผู้ใดเก็บ จัดหา หรือรวบรวมพันธุ์ไม้ พันธุ์สัตว์ หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของพันธุ์ไม้หรือพันธุ์สัตว์จากสิ่งแวดล้อมธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติ สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ เพื่อการศึกษาวิจัยอันเป็นประโยชน์ต่อการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ จะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ

การแบ่งปันผลประโยชน์จากผลการศึกษาวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพในอุทยานแห่งชาติ สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น

หมวด ๕

พนักงานเจ้าหน้าที่

มาตรา ๑๒ ในกรณีที่มีการกระทำฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้

(๑)

สั่งให้บุคคลออกจากอุทยานแห่งชาติ อุทยานเฉพาะ สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ หรือให้พ้นจากการกระทำใด ๆ ในเขตนั้น

(๒)

สั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองสัตว์หรือซากสัตว์ หรือสิ่งอื่นใดที่ได้มาโดยการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ออกจากอุทยานแห่งชาติ อุทยานเฉพาะ สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ ภายในเวลาที่กำหนด

(๓)

ยึด ทำลาย รื้อถอน แก้ไข หรือทำประการอื่นใดเมื่อมีผู้กระทำฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม (๒) หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ดังกล่าว

(๔)

ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดที่เห็นสมควร เพื่อป้องกัน ระงับ หรือบรรเทาความเสียหายในอุทยานแห่งชาติ อุทยานเฉพาะ สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉิน

มาตรา ๑๓ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้

(๑)

มีหนังสือเรียกบุคคลมาให้ถ้อยคำ หรือให้ส่งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาเพื่อประกอบการพิจารณาในการดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้

(๒)

เข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ อุทยานเฉพาะ สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ หรือในสถานที่อื่นในเวลาใด ๆ ในเวลาราชการหรือนอกราชการ เพื่อสำรวจหรือเก็บรวบรวมข้อมูล หรือเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการควบคุมให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้

(๓)

ตรวจค้นพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติ อุทยานเฉพาะ สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ หรือสถานที่อื่นที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดตามพระราชบัญญัตินี้ และเมื่อมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าการกระทำผิดดังกล่าวมีการซุกซ่อน ส่ง หรือจำหน่ายสัตว์ หรือซากสัตว์ หรือทรัพย์สิน วัตถุ สิ่งของ หรือเอกสารที่เกี่ยวข้อง

(๔)

ยึดหรืออายัดทรัพย์สิน วัตถุ สิ่งของ หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการกระทำ ความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เพื่อประโยชน์ในการรวบรวมพยานหลักฐาน เมื่อตรวจค้น ยึด หรืออายัดตาม (๓) หรือ (๔) แล้ว ถ้ายังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ จะกระทำต่อไปในเวลาภายหลังหรือบอกกล่าวการตรวจสอบที่นั้นก็ได้

มาตรา ๓๗ พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการให้หรือร้องขอให้มีการดำเนินการตาม มาตรา ๓๖ และมาตรา ๓๗ ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือขอให้รับรองผลหรือขอให้ตอบ คำถามใดๆ รวมทั้งวิธีการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่แสดง บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับมอบหมายทันที เพื่อแสดงต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง

มาตรา ๓๘ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่แสดง บัตรประจำตัวบุคคลที่เกี่ยวข้อง บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด

มาตรา ๓๙ การจับกุมปราบปรามผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงาน เจ้าหน้าที่ที่เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

หมวด ๖ บทกำหนดโทษ

มาตรา ๔๐ ผู้ใดกระทำการหรือจงใจกระทำการไม่ว่าด้วยใจหรือประมาทเลินเล่อ โดยมีเจตนาด้วยกฎหมาย และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ ผู้ฝ่าฝืนจะรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่รัฐตามมูลค่า ทั้งหมดของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลาย สูญหาย หรือเสียหายไปนั้น ในกรณีที่ทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลาย สูญหาย หรือเสียหายไปนั้นยังมีมูลค่าตาม ระบบบันทึกทรัพยากรธรรมชาติ หรือความตกลงทางกฎหมายอื่นๆ อันเป็นผลมาจากการกระทำ หรือจงใจในการทำการของบุคคลใดตามกรณี ให้ผู้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่เจ้าหน้าที่ดำเนินการ ดำกล่าวด้วย

มูลค่าของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลายหรือเสียหายดังกล่าวจะต้องอ้างอิงราคาที่ อธิบดีศักดิ์กำหนดโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี

มาตรา ๔๑ ผู้ใดแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน หรือสร้างหลักฐาน เท็จ หรือทำ ด้วยประการใด ๆ ให้เสียหายแก่การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานในเขตอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา ๓๖ (๔) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน สิบปีหรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ

ในกรณีความผิดตามวรรคหนึ่ง ถ้าได้กระทำในพื้นที่ชั้นที่ ๓ หรือพื้นที่ชั้นน้ำ ชั้นที่ ๒ ตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด หรือพื้นที่ที่ประกอบด้วยธรรมชาติอันมีลักษณะหลากหลายทางชีวภาพ ผู้กระทำต้องระวางโทษหนักกว่าที่กฎหมายบัญญัติไว้ในวรรคหนึ่งดังนี้

มาตรา ๕๗ ผู้ใดเก็บหา นำออกไป ประกอบด้วยกระทำการใด ๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพ ซ่อนเร้น ขโมย ครอบครอง แปร ใช้โดยเสื่อม หรือเพียงการรวบรวม การซื้อ การขาย การขนส่ง การส่งออกนอกราชอาณาจักร ความหลากหลายทางชีวภาพ หรือทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในอุทยานแห่งชาติ อาจยึดทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดนั้นได้

มาตรา ๕๘ (๑) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ในกรณีของความผิดตามวรรคหนึ่ง ถ้ามีการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ไม้ เกิดใหม่หมดแก่นผิดกฎหมายและมีมูลค่ารวมกันไม่เกินสองพันบาท ผู้กระทำต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท ในกรณีของความผิดตามวรรคหนึ่ง ถ้ามีการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ไม้ที่เป็นต้นหรือเป็นส่วนย่อยโดยอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกันเกินสองพันบาท หรือรวมปริมาณครอบครองเกินกำหนด ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาทถึงสองล้านบาท

มาตรา ๕๙ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๕๘ (๑) หรือ (๒) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๖๐ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๕๘ (๒) (๓) หรือ (๔) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๖๑ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๕๘ (๗) ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

มาตรา ๖๒ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๕๘ (๑๐) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๖๓ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๒๐ หรือมาตรา ๒๖ หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในใบอนุญาตตามมาตรา ๒๐ มาตรา ๒๖ หรือมาตรา ๒๗ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท

มาตรา ๖๔ ผู้ใดกระทำการอย่างใด ๆ วรรคหนึ่ง หรือวรรคสอง หรือวรรคหนึ่งโดยไม่มีใบอนุญาต ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท

ในกรณีที่เกิดผลกระทบต่อธรรมชาติอันมีลักษณะหลากหลายทางชีวภาพ หรือระบบนิเวศ หรือระบบภูมิคุ้มกัน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๔๙ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๔๕ (๑) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากต้องระวางโทษตามวรรคหนึ่งแล้ว ผู้บังคับต้องระวางโทษปรับรายวันละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทจนกว่าจะได้ปฏิบัติถูกต้อง

มาตรา ๕๐ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๔๕ (๒) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากต้องระวางโทษตามวรรคหนึ่งแล้ว ผู้บังคับต้องระวางโทษปรับรายวันละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทจนกว่าจะได้ปฏิบัติถูกต้อง

มาตรา ๕๑ ผู้ใดไม่อำนวยความสะดวกให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๓๖ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท

มาตรา ๕๒ บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ที่มีโทษปรับสถานเดียว หรือเป็นความผิดที่มีโทษปรับหรือจำคุกไม่เกินหนึ่งปี ให้อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายมีอำนาจเปรียบเทียบได้ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด เมื่อผู้ต้องหาได้ชำระค่าปรับตามจำนวนที่เปรียบเทียบภายในเวลาสิบห้าวันนับแต่วันที่การเปรียบเทียบเสร็จ ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

มาตรา ๕๓ ในกรณีที่มีการกล่าวหาว่าผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นคดีอาญา ถ้าการกระทำผิดนั้นเกิดจากการจัดการทรัพย์สินของนิติบุคคล ให้ถือว่ากรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของนิติบุคคลนั้นต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้นด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดนั้น

มาตรา ๕๔ ในกรณีที่มีข้อกล่าวหาว่าผู้ใดในหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ เมื่อพนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาล ให้เรียกค่าเสียหายตามมาตรา ๔๐ ในคราวเดียวกัน

มาตรา ๕๕ การที่ผู้เสียหายซึ่งมีข้อกล่าวหาว่าผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานอัยการร้องต่อศาล และให้ศาลมีคำพิพากษาให้ชำระเงินเป็นจำนวนเงินค่าปรับตามที่ผู้บังคับต้องไม่เกินกึ่งหนึ่งของจำนวนเงินปรับตามที่พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลนั้น หรือศาลจะมีคำพิพากษาให้ชำระเงินค่าปรับตามที่พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลนั้น หรือศาลจะมีคำพิพากษาให้ชำระเงินค่าปรับตามที่พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลนั้น หรือศาลจะมีคำพิพากษาให้ชำระเงินค่าปรับตามที่พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลนั้น หรือศาลจะมีคำพิพากษาให้ชำระเงินค่าปรับตามที่พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลนั้น หรือศาลจะมีคำพิพากษาให้ชำระเงินค่าปรับตามที่พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลนั้น หรือศาลจะมีคำพิพากษาให้ชำระเงินค่าปรับตามที่พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลนั้น หรือศาลจะมีคำพิพากษาให้ชำระเงินค่าปรับตามที่พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลนั้น หรือศาลจะมีคำพิพากษาให้ชำระเงินค่าปรับตามที่พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลนั้น หรือศาลจะมีคำพิพากษาให้ชำระเงินค่าปรับตามที่พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลนั้น หรือศาลจะมีคำพิพากษาให้ชำระเงินค่าปรับตามที่พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลนั้น หรือศาลจะมีคำพิพากษาให้ชำระเงินค่าปรับตามที่พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลนั้น หรือศาลจะมีคำพิพากษาให้ชำระเงินค่าปรับตามที่พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลนั้น หรือศาลจะมีคำพิพากษาให้ชำระเงินค่าปรับตามที่พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลนั้น หรือศาลจะมีคำพิพากษาให้ชำระเงินค่าปรับตามที่พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลนั้น หรือศาลจะมีคำพิพากษาให้ชำระเงินค่าปรับตามที่พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลนั้น หรือศาลจะมีคำพิพากษาให้ชำระเงินค่าปรับตามที่พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลนั้น หรือศาลจะมีคำพิพากษาให้ชำระเงินค่าปรับตามที่พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลนั้น หรือศาลจะมีคำพิพากษาให้ชำระเงินค่าปรับตามที่พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลนั้น หรือศาลจะมีคำพิพากษาให้ชำระเงินค่าปรับตามที่พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลนั้น หรือศาลจะมีคำพิพากษาให้ชำระเงินค่าปรับตามที่พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลนั้น หรือศาลจะมีคำพิพากษาให้ชำระเงินค่าปรับตามที่พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลนั้น หรือศาลจะมีคำพิพากษาให้ชำระเงินค่าปรับตามที่พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลนั้น หรือศาลจะมีคำพิพากษาให้ชำระเงินค่าปรับตามที่พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลนั้น หรือศาลจะมีคำพิพากษาให้ชำระเงินค่าปรับตามที่พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลนั้น หรือศาลจะมีคำพิพากษาให้ชำระเงินค่าปรับตามที่พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลนั้น หรือศาลจะมีคำพิพากษาให้ชำระเงินค่าปรับตามที่พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลนั้น

ความผิดตามมาตรา 14 (1) (2) (4) (5) (7) หรือ (10) ให้ริบเสียทั้งสิ้น โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้เป็นเจ้าของ ผู้กระทำความผิดและมีผู้ตกลงให้พกพาอาวุธหรือพาหนะหรือเอกสารหรือไม่ ให้พนักงานอัยการร้องขอให้ศาลสั่งริบทรัพย์สินตามวรรคหนึ่ง และเมื่อพนักงานอัยการได้รับรองต่อศาลแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปิดประกาศ ณ ที่ว่าการอำเภอ ที่ทำการกำนัน ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน และที่ทำการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกิดเหตุ ทั้งนี้ ในประกาศดังกล่าวให้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ศาลสั่งริบ และให้เจ้าของทรัพย์สินตามวรรคหนึ่ง หรือผู้มีส่วนได้เสียยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอรับทรัพย์สินคืนได้ภายในกำหนดเวลาที่ศาลกำหนด ในกรณีที่ไม่มีผู้ใดดำรงตนเป็นเจ้าของก่อนคำพิพากษาของศาลชั้นต้น หรือเจ้าของแต่เจ้าของไม่สามารถพิสูจน์ให้ศาลเชื่อได้ว่าตนไม่มีโอกาสทราบหรือไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะมีการนำทรัพย์สินนั้นไปใช้ในการกระทำความผิดดังกล่าว อีกทั้งไม่ได้มีการป้องกันระวังตามสมควรแล้ว ที่จะป้องกันมิให้ทรัพย์สินของตนถูกนำไปกระทำความผิดหรือไม่สามารถพิสูจน์ให้ศาลเชื่อได้ว่าตนไม่มีโอกาสทราบหรือไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะมีการนำทรัพย์สินนั้นไปใช้ในการกระทำความผิดดังกล่าวตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ศาลสั่งริบทรัพย์สินดังกล่าวได้เมื่อพนักงานอัยการร้องขอ วันที่ปิดประกาศ ในกรณีที่ปรากฏหลักฐานว่าบุคคลใดเป็นเจ้าของทรัพย์สินหรือเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินดังกล่าว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งสำเนาประกาศดังกล่าวให้แก่บุคคลนั้นโดยเร็วที่สุด และในกรณีนี้ให้เจ้าของทรัพย์สินหรือผู้มีส่วนได้เสียยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอรับทรัพย์สินคืนได้ภายในกำหนดเวลาที่ศาลกำหนด และในกรณีนี้ให้ศาลพิจารณาและมีคำสั่งตามกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาความแพ่งบังคับ บทเฉพาะกาล

มาตรา 47 ในระยะเริ่มแรก ในระหว่างที่ยังไม่มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ

ตามมาตรา 10 ให้คณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นรองประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมการท่องเที่ยว อธิบดีกรมป่าไม้ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นกรรมการและเลขานุการ ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ไปพลางก่อนจนกว่าจะมีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและกรรมการอื่นตามพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป แนะนำสัมภาษณ์ในฐานะบุคคล และพิจารณาให้คำปรึกษาแนะนำ และใช้อำนาจตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ เพื่อให้การดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้เป็นไปโดยเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพียงเท่ากำหนดอายุของอาชญาบัตร ประทานบัตร และใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยแร่ และสัมปทานในอาชญาบัตร และหนังสืออนุญาตทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยตามกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาตินั้น ๆ

มาตรา ๒๐ บรรดาใบอนุญาตหรือหนังสืออนุญาตที่ออกให้แก่บุคคลตามกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติถึงวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ยังคงใช้ได้ต่อไปจนสิ้นอายุ

มาตรา ๒๑ ให้เงินในกองทุนตามพระราชบัญญัติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ไปใช้จ่ายได้เพื่อบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติตามมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๔ หรือสมทบทุนตามมาตรา ๓๖ ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ หรือสมุทรฐานาตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๒๒ บรรดาระเบียบประกาศใด ๆ ที่ออกตามความในพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ และใช้อยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ จนกว่าจะมีระเบียบหรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

การออกระเบียบหรือประกาศตามความในมาตรา ๑ ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

มาตรา ๒๓ ให้อุทยานแห่งชาติ สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนสัตว์ ที่กำหนดให้ขึ้นก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าเป็นอุทยานแห่งชาติตามพระราชบัญญัตินี้ และให้พันธุ์พืช จัดทำแผนที่แสดงเขตของพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นไปตามมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้แล้วเสร็จภายในสองร้อยสี่สิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

มาตรา ๒๔ ให้อุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สำรวจการถือครองที่ดินของประชาชนที่อยู่ในที่ดินหรือทำกินในอุทยานแห่งชาติต่อเนื่องให้แล้วเสร็จภายในสองร้อยสี่สิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

เมื่อพ้นระยะเวลาตามมาตรา ๒๔ และรัฐมนตรีแผนงานและนโยบายในการช่วยเหลือประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกินและได้อยู่อาศัยหรือทำกินในอุทยานแห่งชาติที่มีการประกาศกำหนดก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีจัดทำโครงการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินในพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้ ให้ดำเนินการตามมาตรา ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๐ เรื่อง การแก้ไขปัญหาที่ดินในพื้นที่ป่าไม้ หรือคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๖/๒๕๕๘ เรื่อง เพิ่มเติมมาตรการในการปราบปราม หยุดยั้งการบุกรุกทำลายป่า ทรัพยากรป่าไม้ และนโยบายการปฏิบัติงานเป็นการชั่วคราวในสภาวการณ์ปัจจุบัน ลงวันที่ 17 มิถุนายน พุทธศักราช 2545 โดยต้องให้แผนที่แสดงเขตโครงการที่ขอเข้ามาในกรณีดังกล่าว ด้วยระบบภูมิสารสนเทศหรือระบบอื่นที่มีลักษณะใกล้เคียงกันแสดงทรัพยากรธรรมชาติ และมีระยะเวลาการบังคับใช้ชัดเจรจะไม่เกินสิ้นปี และอย่างน้อยต้องมีสาระสำคัญเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การพิจารณาและคุณสมบัติของบุคคลผู้ขอที่พึงหรือจำกัดในชุมชนภายในได้รับการกำหนดไว้ในบทบัญญัติแห่งกฎหมาย หลักเกณฑ์การพิจารณาอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดิน และการจัดทำระบบบันทึกผลความหลากหลายทางชีวภาพภายในพื้นที่ดำเนินโครงการภาคเกษตรใดๆ วิธีการ และเงื่อนไขการอยู่ภายใต้หรือกำกับ และการสิ้นสุดเกี่ยวกับทรัพยากรที่ดิน และการติดตาม และการประเมินผลการดำเนินโครงการ ในกรณีบุคคลที่อยู่ในที่ดินดังกล่าวได้ครอบครองที่ดิน ถือสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประกาศใดๆ ให้ถือสมควรเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ไปจากเดิม เก็บกวาด นำออกไป กระทำด้วยประกาศใดๆ ให้ถือเป็นอันตราย หรือทำให้เสียสมบัติ ซึ่งไม่ ตัด ขึ้น กรวด ทราย แร่ ปิโตรเลียม หรือทรัพยากรธรรมชาติ หรือทรัพยากรอื่นโดยมีผลกระทบต่อระบบนิเวศหลากหลายทางชีวภาพ หรือทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมที่พระราชบัญญัติว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 กำหนดไว้ หากการกระทำดังกล่าวเป็นไปเพื่อการกระทำซึ่งอยู่เป็นกติกาธรรม และได้ปฏิบัติตามที่เป็นไปตามระเบียบที่อนุมัติอีกฉบับที่กำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการแล้ว บุคคลนั้นจึงได้รับสิทธิ

มาตรา 14 เพื่อประโยชน์ในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู บำรุงรักษา และควบคุมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ที่ได้รับการกำหนดให้เป็นเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ หรือเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ หรือเขตพื้นที่ป่าชุมชน หรือเขตพื้นที่ป่าตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ให้แล้วเสร็จภายในสองร้อยสี่สิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

ในกรณีพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่เกี่ยวกับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ตามวรรคหนึ่งแห่งใด มีทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถเกิดใหม่ทดแทนได้ตามฤดูกาลที่มีศักยภาพเหมาะสมและเพียงพอในการเก็บหรือนำหรือการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาตินั้นโดยไม่ส่งผลกระทบต่อสมดุลทรัพยากรธรรมชาติสัตว์ป่า ความหลากหลายทางชีวภาพ และระบบนิเวศ และเป็นการเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุรักษ์ ฟื้นฟู บำรุงรักษา และควบคุมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติอย่างเคร่งครัด ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาอนุญาตให้ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาตินั้นได้ตามความเหมาะสม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลการฟื้นฟูรักษาและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติ เขตโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล หรือเขตพื้นที่ป่าชุมชน ให้ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำหนดพื้นที่ดังกล่าว และจัดทำแผนปฏิบัติการและแผนบริหารจัดการพื้นที่ที่อยู่ในเขตพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มเติม และอย่างน้อยต้องมีข้อกำหนดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โครงการที่จะดำเนินการ หน้าที่ของบุคคลที่ได้รับอนุญาตในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู ดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพภายในเขตพื้นที่ดำเนินโครงการประเภท ชนิด จำนวน หรือปริมาณของทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถเกิดใหม่ทดแทนได้ตามฤดูกาลที่อนุญาตให้เก็บหรือนำไปใช้ประโยชน์จะระบุไว้ในคำบรรยายที่แนบท้าย มาตรการตรวจสอบและควบคุมผลกระทบ และการฟื้นฟูสภาพพื้นที่หรือทรัพยากรธรรมชาติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขมาตรการในการกำกับดูแล การตรวจสอบติดตาม การรวบรวมมูลค่าผลกระทบและการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ หรือทรัพยากรธรรมชาติ และการประเมินผลดำเนินโครงการ รวมทั้งการจัดทำบัญชีทรัพยากรธรรมชาติที่ลดลงในเขตพื้นที่ดำเนินโครงการ การเก็บหรือนำไปใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถเกิดใหม่ทดแทนได้ตามฤดูกาลของบุคคลที่ได้รับอนุญาตในเขตพื้นที่โครงการตามประกาศกระทรวงที่ออกตามมาตรานี้ หากเป็นการเก็บหรือนำไปใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติตามประเภท ชนิด และจำนวนตามที่ได้รับอนุญาต และเป็นไปเพื่อการดำรงชีพอย่างเป็นปกติสุข และไม่เป็นปฏิปักษ์ไปตามระเบียบที่อธิบดีกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการแล้ว ผู้เก็บไม่ต้องรับโทษ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อัตราค่าธรรมเนียม

(๑)

ใบอนุญาตนำหรือปล่อยสัตว์น้ำไปตามมาตรา ๒๐ หรือ มาตรา ๒๒๑ ฉบับละ ๑๐,๐๐๐ บาท

(๒)

ใบอนุญาตเพื่อดำเนินกิจกรรมตามมาตรา ๒๒๒ นอกจาก (๓) และ (๔) ฉบับละ ๑๐,๐๐๐ บาท

(๓)

ใบอนุญาตเพื่อการสร้างสวน การศึกษา การวิจัย หรือการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ฉบับละ ๑๐,๐๐๐ บาท

(๔)

ใบอนุญาตเพื่อการถ่ายทำภาพยนตร์ วีดิทัศน์ สารคดี การถ่ายภาพ ฉบับละ/วัน ๑๐๐,๐๐๐ บาท

(๕)

ใบอนุญาตการบริการนำเที่ยวแก่นักท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ ฉบับละ ๕๐,๐๐๐ บาท

(๖)

ใบอนุญาตให้เข้าไปเก็บรับหรือรับอีกเช่น สัปปทานละ ๕๐,๐๐๐ บาท

(๗)

ใบอนุญาตเพื่อดำเนินกิจกรรมตามมาตรา ๒๒๓ ฉบับละ ๑๐,๐๐๐ บาท

(๘)

การต่ออายุใบอนุญาต ครั้งละเท่ากับค่าธรรมเนียมใบอนุญาต

(๙)

ใบแทนใบอนุญาต ฉบับละ ๑๐,๐๐๐ บาท

หมวดเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันได้บังคับใช้มานานมาก ทำให้บทบัญญัติบางประการไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันในการสงวน อนุรักษ์ คุ้มครอง และบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ เช่น พันธุ์ไม้ สัตว์ป่า ตลอดจนดินหิน น้ำ และภูเขา ให้คงอยู่ในสภาพธรรมชาติเดิมให้คงค่าไว้ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของประเทศในการเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ทรัพยากรธรรมชาติของประชาชน และเพื่อให้การสงวน อนุรักษ์ คุ้มครอง และบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับอัธยาศัยของประเทศตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเป็นหลักกำหนด จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

พิมพ์คำสั่ง/ตรวจ/จัดทำ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๒ นุสรา/ตรวจ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๒