พระราชบัญญัติ ความรับผิดทางแพ่งต่อความเสียหายจากมลพิษน้ำมันอันเกิดจากเรือ พ.ศ. ๒๕๖๐ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ให้ไว้ ณ วันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นปีที่ ๒ ในรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการ โปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางแพ่งต่อความเสียหายจาก มลพิษน้ำมันอันเกิดจากเรือ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอม ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่ประชุมรัฐสภา ต่อไปนี้
เสียหายจากมลพิษน้ำมันอันเกิดจากเรือ พ.ศ. ๒๕๖๐”
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
“เรือ” หมายความว่า เรือเดินทะเลใด ๆ รวมทั้งยานพาหนะทางทะเลแบบใด ๆ ซึ่ง ใช้เพื่อหรือตั้งใจเพื่อขนส่งน้ำมันเป็นประจำหรือเพื่อขนส่งน้ำมันและสินค้าอื่น ๆ โดยที่ น้ำมันและสินค้าอื่น ๆ นั้นจะต้องเป็นเรื่องความหมายที่เกี่ยวเนื่องกันในระหว่างการขนส่ง สินค้า และให้ถือว่าเป็นเรืออยู่ในขณะใดในระหว่างการเดินทางจากหลักฐานน้ำมันจากจุดพิสูจน์ ให้ว่าไม่เป็นน้ำมันหรืออยู่ในระวาง “บุคคล” หมายความว่า บุคคลธรรมดา กลุ่มบุคคล หรือหน่วยงานของรัฐหรือ เอกชนไม่ว่าจะมีฐานะเป็นนิติบุคคลหรือไม่ และให้หมายความรวมถึงรัฐหรือหน่วยงานของรัฐ “เจ้าของเรือ” หมายความว่า บุคคลซึ่งได้จดทะเบียนเป็นเจ้าของเรือในกรณีที่ ไม่มีการจดทะเบียนให้หมายถึงบุคคลซึ่งได้เป็นเจ้าของเรือในกรณีที่มีการซื้อหรือการเช่าเรือ และดำเนินการโดยบริษัทหรือบุคคลซึ่งได้เป็นเจ้าของเรือในประเทศที่ไม่มีระบบทะเบียนเรือ คำว่า “เจ้าของเรือ” ให้หมายความรวมถึงผู้เช่าเรือด้วย “น้ำมัน” หมายความว่า น้ำมันดิบ แต่ไม่รวมถึงสิ่งเจือปน *ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนที่ ๖๐ ก/หน้า ๑๔/๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ "น้ำมัน" หมายความว่า น้ำมันแร่ไฮโดรคาร์บอนซึ่งสกัดด้วยตน เช่น น้ำมันดิบ น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล น้ำมันเตา น้ำมันหล่อลื่น ไม่ว่าจะบรรทุกบนเรืออย่างลำเดียวหรือไม่ถึงน้ำมันเชื้อเพลิงของเรือดังกล่าว "ความเสียหายทางสิ่งแวดล้อม" หมายความว่า (ก) การสูญเสียหรือความเสียหายที่เกิดกับสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากการปนเปื้อนที่มีผลกระทบต่อการไหลหรือการเปลี่ยนแปลงของน้ำหรือทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อมในลักษณะใด ๆ ทั้งนี้ รวมถึงค่าใช้จ่ายตามเสียหายของสิ่งแวดล้อมและการสูญเสียประโยชน์จากความเสียหายของสิ่งแวดล้อม (ข) ค่าใช้จ่ายหรือรวมค่าใช้จ่ายในการป้องกัน และการดูแลรักษาความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทำดังกล่าว "มาตรการในการป้องกัน" หมายความว่า มาตรการที่มีเหตุผลซึ่งดำเนินการโดยบุคคลใด ๆ ภายหลังที่เกิดอุบัติการณ์ เพื่อป้องกันหรือบรรเทาความเสียหายทางสิ่งแวดล้อม "อุบัติการณ์" หมายความว่า เหตุการณ์หรือเหตุการณ์ต่อเนื่องใด ๆ อันเป็นผลจากเหตุเดียวกันที่นำไปสู่ความเสียหายทางสิ่งแวดล้อม หรือที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบหรือเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม "หน่วยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ" หมายความว่า หน่วยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ หมายความว่าอำนาจหรือหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสิ่งแวดล้อม "ค่าเสียหายทางสิ่งแวดล้อม" หมายความว่า ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการป้องกันและการดูแลรักษาความเสียหายทางสิ่งแวดล้อม "ศาล" หมายความว่า ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ "หน่วยงานเจ้าหน้าที่" หมายความว่า ผู้ซึ่งมีอำนาจหรือการกระทำการตามแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนี้ เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
บททั่วไป
(ก) ความเสียหายทางกายภาพที่เกิดขึ้น (ข) ในกรณีความเสียหายที่รวมถึงทรัพยากรเฉพาะถิ่น (ค) ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของราชอาณาจักรไทย (ข) ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการใช้มาตรการในการป้องกันไม่ให้ความเสียหายในพื้นที่ตาม (ก) ทั้งนี้ ไม่ว่าจะได้ดำเนินมาตรการนั้น ณ ที่ใด
พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับกับเรือรบหรือเรืออื่นใดที่รัฐธรรมนูญใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในเชิงพาณิชย์ด้วย โดยรัฐภาคีที่เกี่ยวข้องจะต้องยินยอมอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นอยู่ในคณะไม่
ความรับผิด
(ก) เป็นผลมาจากการกระทำของบุคคลที่ปฏิบัติการ สงคราม การก่อการร้าย หรือปรากฏการณ์ธรรมชาติที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และป้องกันมิได้ (ข) เกิดขึ้นทั้งหมดจากความผิดหรือการละเลยของบุคคลที่ได้รับการช่วยเหลือให้เกิดความเสียหายตามนั้น (ค) เกิดขึ้นจากการกระทำหรือการละเลยของหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลหรือรักษาอาคารหรือทรัพย์สินที่อยู่ในความดูแลในกรณีที่ดังกล่าว
ห้ามเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายตามพระราชบัญญัตินี้นี้หรือกฎหมายอื่นจาก
ลูกจ้าง ต้นหนเจ้าของเรือ หรือคนประจำเรือ
ผู้บังคับหรือบุคคลอื่นที่ปฏิบัติหน้าที่ในส่วนประจำเรือแต่ต่างหากให้วิกรชนเรือ
ผู้แทนเรือ
ผู้จัดการเรือหรือผู้ประกอบกิจการเดินเรือ
บุคคลใด ๆ ซึ่งดำเนินการช่วยเหลือกู้ภัยทางทะเลโดยความยินยอมของเจ้าของเรือหรือภายใต้คำสั่งของหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจ
บุคคลใด ๆ ซึ่งดำเนินมาตรการในการป้องกัน
ลูกจ้างหรือพนักงานของบุคคลซึ่งระบุใน (1) (2) (3) (4) (5) และ (6) ความในวรรคสองนี้ไม่รวมถึงค่าสินไหมทดแทนที่ความเสียหายตามผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการกระทำหรือความบกพร่องกระทำโดยบุคคลดังกล่าว ซึ่งได้กระทำโดยเจตนาหรือเล็งเห็นไม่ว่าใจใส่ที่มีความเสียหายตามนั้นย่อมเกิดขึ้นได้ บทบัญญัตินี้ไม่กระทบต่อสิทธิหรือสิทธิใด ๆ ของเจ้าของเรือที่มีต่อบุคคลตามวรรคสอง และบุคคลที่สาม
4. 5 ล้านหน่วยสิทธิพิเศษถอนเงิน สำหรับเรือที่มีขนาดไม่เกิน 5,000 ตันกรอส
4. 5 ล้านหน่วยสิทธิพิเศษถอนเงิน สำหรับเรือที่มีขนาดเกินกว่า 5,000 ตันกรอส และให้คำนวณอีกตันกรอสละ 223 หน่วยสิทธิพิเศษถอนเงิน สำหรับจำนวนส่วนที่เกินจาก 5,000 ตันกรอส แต่จำนวนรวมของความรับผิดทั้งหมดจะต้องไม่เกิน 89. 77 ล้านหน่วยสิทธิพิเศษถอนเงิน การจำกัดความรับผิดนี้อยู่ภายใต้การเปลี่ยนแปลงตามอนุสัญญาวิธีที่ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีได้ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา
การแปลงหน่วยสิทธิพิเศษถอนเงินให้เป็นเงินสกุลบาท ให้คำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยนที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศกำหนด
ขนาดของเรือให้ใช้ขนาดของตัวเลขในใบจดทะเบียนเรือซึ่งเป็นตัวเลขที่คำนวณตามอนุสัญญาว่าด้วยการวัดขนาดของเรือ ค.ศ. 1969
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ของเจ้าของเรือ ซึ่งให้กระทำโดยจงใจหรือสะเพรอไม่เอาใจใส่ทั้งที่รู้ว่าความเสียหายจากผลพิษนั้นอาจเกิดขึ้นได้
การประกันภัยหรือหลักประกันทางการเงิน
การจัดทำประกันภัยหรือหลักประกันทางการเงินตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
เรือที่จดทะเบียนในประเทศไทย
เรือที่จดทะเบียนในต่างประเทศซึ่งมีเจ้าของเรือ (ก) มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย หรือ (ข) มีสำนักงานตั้งอยู่ในประเทศไทย และได้จัดทำประกันภัยหรือหลักประกันทางการเงินตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง ใบรับรองดังกล่าวให้มีข้อความตามที่กำหนดในกฎกระทรวง และมีอายุไม่เกินกว่าระยะเวลาของการประกันภัยหรือหลักประกันทางการเงิน ใบรับรองให้ทำขึ้นเป็นภาษาไทย และให้จัดทำแปลภาษาอังกฤษกำกับไว้ด้วย หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอใบรับรอง การออกใบรับรอง ตลอดจนการสิ้นผลของใบรับรอง ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา อำนาจของรัฐสภาแห่งอนุสัญญาสำหรับเรือซึ่งจดทะเบียนหรือที่จดทะเบียนในรัฐธรรมนูญ และมีสาระในทำนองเดียวกันที่กำหนดไว้ในมาตรา ๒๑ ในกรณีที่กรมเจ้าท่ามีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ประกันภัยจะมิอาจปฏิบัติให้ครบถ้วนตามการเงินตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญสามารถที่จะขอให้เจ้าท่ารับความเสียหายทางกฎหมายตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ ให้กรมเจ้าท่าหรือฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการในรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสมโดยเร็ว
การวางหลักประกันตามวรรคหนึ่งจะวางเป็นเงินสดหรือหนังสือประกันของธนาคารหรือหลักประกันอื่น ๆ โดยเจ้าหน้าที่หรือศาลอย่างรวมกัน ตามที่ศาลเห็นสมควร ทั้งนี้ในการยอมรับหลักประกัน จะต้องเป็นหลักประกันที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดหรือให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องได้โดยสะดวกและรวดเร็ว หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการวางหลักประกันให้เป็นไปตามที่กำหนดในข้อกำหนดของศาล
ห้ามผู้มีสิทธิเรียกร้องเพื่อความเสียหายทางกายพิการซึ่งเกิดจากอุบัติเหตุนั้น ใช้สิทธิเรียกร้องต่อทรัพย์สินส่วนของเจ้าของเรือ
ให้สิทธิของเจ้าของเรือหรือทรัพย์สินอื่นของเจ้าของเรือที่ได้ถูกทำให้จำนองหรือจำนำ เนื่องมาจากสิทธิเรียกร้องเพื่อความเสียหายทางกายพิการซึ่งเกิดจากอุบัติเหตุนั้น และให้สิทธิของการจำนอง หรือจำนำประกันหรือหลักประกันอื่นใดที่ได้ให้เพื่อให้มีหลักทรัพย์คุ้มครองสิทธิเรียกร้องนั้นด้วย
ผู้รับประกันภัยหรือผู้ให้หลักประกันการเงินตามวรรคหนึ่งซึ่งตกเป็นจำเลยอาจ ยกข้อยกเว้นในเรื่องดังต่อไปนี้ได้
การจำกัดค่าความรับผิดตามที่ระบุในมาตรา ๑๒ แล้วเจ้าของเรือจะไม่มีสิทธิ จำกัดความรับผิดของตนตามมาตราดังกล่าว
ข้อที่ผู้รับเจ้าของเรืออาจยกขึ้นว่าได้ ยกเว้นการรับผิดต่อผลที่การเลิก กิจการเจ้าของเรือเอง
การอุทธรณ์ต่อให้ศาลวินิจฉัยว่าเจ้าของเรือจะต้องรับผิดในเหตุให้เกิดความ เสียหายจากมลพิษนั้น จำเลยอาจยกข้อยกเว้นดังต่อสู้อื่นตามที่มีต่อเจ้าของเรือซึ่งผู้เสียหายเรียกร้องเพื่อ ความเสียหายจากมลพิษ
ในการดำเนินการดังกล่าวพนักงานอัยการมีอำนาจเรียกให้เจ้าของเรือหรือผู้ให้หลัก ประกันการเงินให้ส่งเอกสารหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเรียกร้องค่าเสียหายจากมลพิษ นั้น ทั้งนี้ไม่ว่าเจ้าของเรือหรือผู้ให้หลักประกันการเงินจะเป็นคู่ความในคดีหรือไม่ เจ้าของเรือหรือผู้ให้หลักประกันการเงินต้องปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานอัยการ ตามวรรคสองโดยไม่มีข้อยกเว้น
เขตอำนาจศาล
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โอกาสตามสมควรสำหรับการต่อสู้คดี ทั้งนี้ อธิบดีผู้พิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางโดยมติของที่ประชุมคณะผู้พิพากษาอาวุโสอาจออกข้อกำหนดใด ๆ เกี่ยวกับการดำเนินกระบวนพิจารณาได้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่การขนส่งน้ำมันส่วนใหญ่ของ ขนส่งทางเรือเป็นจำนวนมาก เรือบรรทุกน้ำมันเหล่านี้ที่เกิดให้น้ำมันรั่วลงสู่ทะเลจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยน้ำมันลงในทะเล การรั่วไหลของน้ำมัน หรือการประสบอุบัติเหตุ ของเรือบรรทุกน้ำมันแล้วก่อให้เกิดความเสียหาย มลพิษน้ำมันในทะเลไม่เพียงก่อความเสียหายใน ประเทศที่เกิดเหตุเท่านั้น แต่ยังอาจขยายไปสู่รัฐอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงด้วย องค์การทางทะเลระหว่าง ประเทศ (International Maritime Organization) จึงได้จัดทำอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วย ความรับผิดทางแพ่งสำหรับความเสียหายจากมลพิษน้ำมัน พ.ศ. ๒๕๓๕ (International Convention on Civil Liability for Oil Pollution Damage, 1992) ขึ้น เพื่อให้มีการชดใช้ความ เสียหายจากมลพิษน้ำมัน โดยกำหนดให้เจ้าของเรือต้องรับผิดอย่างเคร่งครัดและต้องเอาประกันภัย หรือจัดหาหลักประกันทางการเงินอื่นใดเพื่อชดใช้ความเสียหายและประเทศที่ได้รับความเสียหายก็ อนุสัญญาดังกล่าว จึงสมควรมีกฎหมายที่มีมาตรการเกี่ยวกับความรับผิดทางแพ่งต่อความเสียหาย จากมลพิษน้ำมันอันเกิดจากเรือให้สอดคล้องกับอนุสัญญานั้นด้วย จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พรวิชา/ภรณรรณ์/จัดทำ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ทิพาพร/ตรวจ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐