로고

พระราชบัญญัติ การพัฒนานวัตกรรมเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๐ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นปีที่ ๒ ในรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการ โปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการพัฒนานวัตกรรมเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จึงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอม ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติการพัฒนานวัตกรรมเพื่อ

เศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๐”

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจา

นุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้

“ดิจิทัล” หมายความว่า เทคโนโลยีที่ใช้วิธีการนำสัญลักษณ์ศูนย์และหนึ่งหรือ สัญลักษณ์อื่นมาแทนค่าคลื่นสัญญาณ เพื่อใช้สร้าง หรือก่อให้เกิดระบบงาน ฯลฯ เพื่อให้มนุษย์ใช้ประโยชน์ “นวัตกรรมเพื่อเศรษฐกิจและสังคม” หมายความว่า ระบบงานหรือผลผลิตที่มีการ ติดต่อสื่อสาร การผลิต การขนส่งโลก การใช้งาน การจำหน่ายจ่ายแจก การพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์ การพัฒนาระบบทางอิเล็กทรอนิกส์ การคมนาคมขนส่ง การโลจิสติกส์ การศึกษา การเกษตรกรรม การอุตสาหกรรม การสาธารณสุข การเงินการลงทุน การธนาคาร การบริหาร การป้องกัน และแก้ไขปัญหาสาธารณภัยหรือการอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งในกิจการของรัฐ กิจการของเอกชน หรือการดำเนินงานทางสังคมหรือทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งในกิจการของรัฐ กิจการของเอกชน กิจการวิทยุและโทรทัศน์ กิจการโทรคมนาคม กิจการสื่อสารทางเสียง และการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยอาศัยโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมทั้งการพัฒนาระบบงาน หรือเทคโนโลยีในด้านต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา - 2 - “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน องค์กรอิสระและหน่วยงานอื่นของรัฐ และหมายความรวมถึงคณะกรรมการที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับกิจการใด ๆ ที่ได้รับประโยชน์จากดิจิทัล “รัฐวิสาหกิจ” หมายความว่า รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ “สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ “กองทุน” หมายความว่า กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม “คณะกรรมการบริหารกองทุน” หมายความว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม “คณะอนุกรรมการ” หมายความว่า ผู้ช่วยกรรมการที่แต่งตั้งเพื่อสนับสนุนการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมวด ๑ การพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

มาตรา ๕ เพื่อให้การพัฒนาดิจิทัลเกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเป็นส่วนรวม ให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมขึ้นตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ

การประยุกต์ใช้และการดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้และพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามนุษยบท เมื่อมีการประกาศใช้บังคับนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแล้วหน่วยงานของรัฐทุกหน่วยต้องดำเนินการต่าง ๆ ที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของตนให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนระดับชาติที่กล่าวมา

มาตรา ๖ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมีเป้าหมายและแนวทางอย่างน้อย ดังต่อไปนี้

การดำเนินการและการพัฒนาที่ทำให้การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใดที่ให้ผลการใช้รวมกันหรือโดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งที่ให้ผลการใช้ทรัพยากรอย่างเต็มศักยภาพต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งบประมาณประจำปี ```

6

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีดิจิทัลที่เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งต้องครอบคลุมถึงการติดต่อสื่อสาร แพร่เสียง แพร่ภาพในทุกรูปแบบไม่ว่าจะอยู่ในภาคพื้นดิน ใต้ดิน ใต้น้ำ ในอากาศ หรืออวกาศ และเป็นไปในการใช้คลื่นความถี่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และประโยชน์ของประชาชน

7

การส่งเสริมและสนับสนุนให้มีระบบการพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับประยุกต์ใช้งานด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

8

การส่งเสริมให้เกิดมาตรฐานหรือกฎเกณฑ์ในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้สอดคล้องกันเพื่อให้การทำงานระหว่างระบบสามารถทำงานเชื่อมโยงกันได้อย่างมีความปลอดภัย อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน รวมตลอดทั้งหาให้ระบบการบริหารความเสี่ยง และแนวทางการส่งเสริมให้เกิดการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และทางอิเล็กทรอนิกส์ และมีหลักประกันการเข้าถึงและใช้ประโยชน์ของประชาชนอย่างเท่าเทียมทั่วถึง และเป็นธรรม โดยไม่เลือกปฏิบัติ

9

การส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาให้เกิดอุตสาหกรรมและนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัลการพัฒนาให้เกิดการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อแพร่เสียงแพร่ภาพผ่านทางสื่อที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมและความมั่นคงของประเทศ

10

การส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตและพัฒนาเนื้อหาดิจิทัล ให้เกิดความพร้อมและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ รวมทั้งการพัฒนาและการส่งเสริมให้เกิดการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา การเรียนรู้ การวิจัย การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาสังคม การพัฒนาสุขภาพอนามัย การพัฒนาคุณภาพชีวิต การพัฒนาสิ่งแวดล้อม การพัฒนาการเกษตร การพัฒนาการท่องเที่ยว การพัฒนาการกีฬา การพัฒนาวัฒนธรรม การพัฒนาศิลปะ การพัฒนาความมั่นคง และการพัฒนาประเทศในด้านอื่น ๆ

11

การส่งเสริมเพื่อให้มีระบบที่เป็นศูนย์แห่งการเรียนรู้และให้บริการข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เหมาะสม ซึ่งเชื่อมต่อการนำไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบที่เหมาะสมกับยุคสมัย

หมวด 2

คณะกรรมการ

ส่วนที่ 1

คณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

มาตรา 7 ให้มีคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติขึ้นประกอบด้วย

1

นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ

2

รองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นรองประธานกรรมการ

3

กรรมการโดยตำแหน่ง ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ``` รัฐบาลมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

4

กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนไม่น้อยกว่าหกคนแต่ไม่เกินเก้าคน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง ให้ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นกรรมการและเลขานุการ และให้เลขาธิการเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามวรรคหนึ่ง ให้คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งมีความรู้ ความเชี่ยวชาญและความสามารถเป็นประจักษ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ด้านเศรษฐศาสตร์ ด้านสังคมศาสตร์ ด้านบริหารธุรกิจ ด้านกฎหมาย หรือด้านอื่นที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของคณะกรรมการ หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาบุคคลเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ รวมทั้งการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อดำรงตำแหน่งแทนผู้ที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบกำหนดตามมาตรา 8 วรรคสอง ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนดโดยการเสนอแนะของคณะกรรมการ

มาตรา 8 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้

1

มีสัญชาติไทย

2

มีอายุไม่เกินหกสิบห้าปี

3

ไม่เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต

4

ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ

5

ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ

6

ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานของเอกชนเพราะทุจริตต่อหน้าที่ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง

7

ไม่ประกอบอาชีพหรือกิจการหรือมีส่วนอื่นใด หรือเป็นกรรมการ ผู้จัดการ หรือ ลูกจ้างขององค์กรเอกชนใดที่มีส่วนได้เสียหรือมีผลประโยชน์ในลักษณะที่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งกรรมการ

8

ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น กรรมการหรือผู้ดำรงตำแหน่งอื่นในคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง ที่ปรึกษาพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง

มาตรา 9 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสามารถดำรงตำแหน่งติดต่อกันได้ไม่เกินสองวาระ ในกรณีที่มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มเติมเพื่อแทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบกำหนดตามมาตรา 8 วรรคสอง ให้ถือว่าการดำรงตำแหน่งในวาระดังกล่าวเป็นการดำรงตำแหน่งในวาระหนึ่งด้วย และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแทนอยู่ในตำแหน่งได้เท่ากับวาระที่เหลืออยู่

เมื่อครบกำหนดตามวาระในวรรคหนึ่ง หากยังมิได้มีการแต่งตั้งกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิใหม่ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งอยู่ในตำแหน่งเพื่อดำเนินงานต่อไป จนกว่าจะได้มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใหม่ เพื่อให้การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดใหม่สามารถปฏิบัติหน้าที่เพื่อสืบสานภาระของ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิม ให้ดำเนินการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดใหม่ก่อนครบวาระของ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมไม่น้อยกว่าสามเดือน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับแต่งตั้งได้ แต่ไม่เกิน สองวาระติดต่อกัน

มาตรา ๑๐ นอกจากกรณีพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา ๙ กรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งเมื่อ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) คณะรัฐมนตรีให้ออก (๔) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๘

มาตรา ๑๑ ให้คณะกรรมการมีหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (๑) จัดทำนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาวิสาหกิจเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติซึ่งต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา ๖ (๒) เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับทิศทางและกำหนดนโยบายระดับชาติ การส่งเสริม การลงทุน และการพัฒนาวิสาหกิจเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในรูปแบบที่เหมาะสมต่อการเปลี่ยนแปลง ของสภาพเศรษฐกิจและสังคม รวมตลอดถึงเสนอแนะมาตรการในการจัดทำหลักสูตร และ จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่สามารถบูรณาการและอุปสรรคในการพัฒนาวิสาหกิจเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ (๓) เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการดำเนินงานตามนโยบายและแผน ระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาวิสาหกิจเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (๔) ออกระเบียบเกี่ยวกับการบริหารกองทุน การจัดหาผลประโยชน์และการจัดการ กองทุนการบริหารเงินและการนำเงินและทรัพย์สินของกองทุน โดยพิจารณาให้สอดคล้องกับ กฎหมายว่าด้วยการบริหารทุนหมุนเวียน (๕) เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีในการจัดให้มีหรือปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ การพัฒนาวิสาหกิจเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (๖) รายงานคณะรัฐมนตรีเพื่อให้มีนโยบายอันเป็นขั้นตอนในการดำเนินการตามหน้าที่ให้เป็น ไปในทิศทางและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาวิสาหกิจเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (๗) ออกประกาศหรือระเบียบเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย (๘) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย หรือหน้าที่ที่ กฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการ

มาตรา ๑๒ ให้คณะที่ปรึกษาคณะหนึ่ง มีอำนาจหน้าที่ในการรวบรวมความคิดเห็นให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะ หรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่คณะกรรมการมอบหมาย

หลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้ง คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม องค์ประกอบและวิธีการปฏิบัติหน้าที่และการจัดทำแผนและการพัฒนาองค์ประกอบของคณะที่ปรึกษา ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด

ส่วนที่ ๒

คณะกรรมการเฉพาะด้าน

มาตรา ๑๓ ในการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการวิธีพิเศษเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตามมาตรา ๑๑ ให้มีคณะกรรมการเฉพาะด้าน เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่อง ดังต่อไปนี้

คณะกรรมการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล มีอำนาจหน้าที่ดังกล่าว เสนอแนะ และติดตามการดำเนินการตามนโยบายและแผนระดับชาติ ตามมาตรา ๑๓ (๑) และ (๒) และนโยบายและแผนระดับชาติอื่นที่คณะกรรมการกำหนด

คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพเศรษฐกิจและสังคม มีอำนาจหน้าที่จัดทำ เสนอแนะ และติดตามการดำเนินการตามนโยบายและแผนระดับชาติ ตามมาตรา ๑๓ (๒) และ (๓) และนโยบายและแผนระดับชาติอื่นที่คณะกรรมการกำหนด

คณะกรรมการเฉพาะด้านอื่น ซึ่งคณะกรรมการเห็นสมควรแต่งตั้งโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา ๑๔ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๓ ให้คณะกรรมการเฉพาะด้าน แต่ละคณะมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

รวบรวมข้อมูลและจัดทำนโยบายและแผนเฉพาะด้าน พร้อมทั้งแนวทางและมาตรการในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลที่คณะกรรมการเฉพาะด้านนั้นรับผิดชอบและเสนอคณะกรรมการเพื่อประกอบการจัดทำนโยบายและแผนระดับชาติด้านการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

เสนอแนะต่อคณะกรรมการเกี่ยวกับการดำเนินการตามนโยบายและแผนเฉพาะด้าน รวมทั้งแนวทางและมาตรการในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล

ติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามนโยบายและแผนเฉพาะด้านที่คณะกรรมการเฉพาะด้านนั้นรับผิดชอบ และรายงานผลต่อคณะกรรมการ

กำกับดูแลการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำนโยบายและแผนเฉพาะด้านของหน่วยงานของรัฐและการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลตามมาตรา ๑๓ ภายในขอบเขตอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐนั้น ๆ

เชิญหน่วยงานของรัฐหรือบุคคลใดมาให้ข้อเท็จจริง ความเห็น หรือคำแนะนำ ตลอดจนส่งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการดำเนินงานได้

ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่คณะกรรมการมอบหมาย หรือตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการเฉพาะด้าน ในการรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการกลาง (๑) หากคณะกรรมการเฉพาะด้านเห็นว่าผลการดำเนินงานดังกล่าวไม่บรรลุวัตถุประสงค์ หรือหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบไม่ดำเนินการ หรือดำเนินการไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดหรือก่อให้เกิดความเสียหายหรือผลกระทบต่อส่วนรวม คณะกรรมการเฉพาะด้านอาจเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางการดำเนินการต่อคณะกรรมการกลางเพื่อให้คณะกรรมการกลางเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีในอันที่จะให้ความเห็นชอบ ในกรณีจำเป็น คณะกรรมการกลางอาจสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทั้งหมดหรือบางส่วนตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนดก็ได้

มาตรา ๑๔ ให้คณะกรรมการเฉพาะด้านตามมาตรา ๑๓ (๑) และ (๒) แต่ละคณะประกอบด้วย

กรรมการคนหนึ่งในคณะกรรมการ ที่คณะกรรมการแต่งตั้ง เป็นประธานกรรมการ

กรรมการซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งจากผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ หน่วยงานละหนึ่งคน เป็นกรรมการ (ก) คณะกรรมการเฉพาะด้านตามมาตรา ๑๓ (๑) ได้แก่ ผู้แทนกระทรวงกลาโหม ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้แทนกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้แทนกระทรวงคมนาคม ผู้แทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้แทนกระทรวงพลังงาน ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนกระทรวงยุติธรรม ผู้แทนกระทรวงแรงงาน ผู้แทนกระทรวงวัฒนธรรม ผู้แทนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และผู้แทนสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (องค์การมหาชน) (ข) คณะกรรมการเฉพาะด้านตามมาตรา ๑๓ (๒) ได้แก่ ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้แทนกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ ผู้แทนกระทรวงยุติธรรม ผู้แทนกระทรวงวัฒนธรรม ผู้แทนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และผู้แทนสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล

กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งจำนวนไม่เกินห้าคน เป็นกรรมการ

เลขาธิการเป็นกรรมการและเลขานุการ หลักเกณฑ์และวิธีการสำหรับบุคคลที่แต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา ๑๖ ให้บังคับบัญญัติมาตรา ๘ มาตรา ๙ และมาตรา ๑๐ มาใช้บังคับกับกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการเพทด้านโดยอนุโลม

มาตรา ๑๗ ให้สำนักงานรับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการและคณะกรรมการเพทด้านและให้มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้

จัดทำร่างนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมตามเป้าหมายที่คณะกรรมการกำหนดเสนอต่อคณะกรรมการ

จัดทำร่างนโยบายและแผนเฉพาะด้านตามแนวทางที่คณะกรรมการเพทด้านกำหนดและสอดคล้องกับนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการเพทด้าน

ประสานและให้ความร่วมมือกับหน่วยงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลในการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลในอันจะจัดทำแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลระดับชาติ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล

เป็นศูนย์กลางประสานงานและสนับสนุนการปฏิบัติงานตามนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

สำรวจ เก็บรวบรวมข้อมูล ติดตามความก้าวหน้า และประเมินผลการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งจัดทำรายงานเกี่ยวกับการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอต่อคณะกรรมการและคณะกรรมการเพทด้าน

ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานตามนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แผนปฏิบัติการ แผนงาน รวมทั้งมาตรการที่เกี่ยวข้อง และรายงานผลต่อคณะกรรมการและคณะกรรมการเพทด้าน

ร่วมมือและประสานงานกับหน่วยงานของรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารและพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมตามพระราชบัญญัตินี้และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ศึกษา วิเคราะห์ และพิจารณา หรือดำเนินการอื่นใดตามที่คณะกรรมการ หรือคณะกรรมการเพทด้านมอบหมาย หรือที่เกี่ยวกับการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

อำนาจหน้าที่อื่นตามที่คณะกรรมการกำหนดหรืออนุมานได้ หรือตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงาน

มาตรา ๑๘ ให้คณะกรรมการเพทด้านแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่คณะกรรมการเพทด้านมอบหมาย

มาตรา ๑๙ การประชุมของคณะกรรมการ คณะกรรมการเพทด้าน คณะอนุกรรมการ และคณะกรรมการ ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา 20 ให้ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ กรรมการ ที่ปรึกษา กรรมการเฉพาะด้าน และอนุกรรมการ ได้รับเบี้ยประชุมหรือค่าตอบแทนตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด

หมวด 3

นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม

มาตรา 21 เมื่อประกาศใช้นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมตามความในมาตรา 4 แล้ว ให้หน่วยงานของรัฐทุกหน่วยดำเนินการตามนโยบายและแผนระดับชาติดังกล่าว และให้ดำเนินงบประมาณตั้งงบประมาณให้หน่วยงานของรัฐให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนระดับชาตินั้น

มาตรา 22 ให้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ดำเนินการตามภารกิจที่กำหนดในนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจัดทำหรือปรับปรุงแผนปฏิบัติการของแผนงานที่มีอยู่ให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และส่งให้คณะกรรมการพิจารณาตัดสินก่อนการแปลงแผนปฏิบัติการ

ในกรณีที่คณะกรรมการเฉพาะด้าน ที่คณะกรรมการมอบหมายแผนปฏิบัติการหรือแผนงานที่เกี่ยวข้องกับนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไม่สอดคล้องกับนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ให้หน่วยงานของรัฐมีความเห็นไม่สอดคล้องกันให้เสนอคณะกรรมการเพื่อวินิจฉัยชี้ขาด คำชี้ขาดของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด

หมวด 4

กองทุนพัฒนาศักยภาพเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

ส่วนที่ 1

การจัดตั้งกองทุน

มาตรา 23 ให้จัดตั้งกองทุนที่มีชื่อว่า "กองทุนพัฒนาศักยภาพเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ" เรียกว่า "กองทุนพัฒนาศักยภาพเพื่อเศรษฐกิจและสังคม" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้งบประมาณสำหรับการพัฒนาศักยภาพเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล

มาตรา 24 กองทุนประกอบด้วยเงินและทรัพย์สิน ดังต่อไปนี้

เงินทุนประเดิมที่รัฐบาลจัดสรรให้ตามมาตรา ๖๐

เงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้ตามงบประมาณรายจ่ายประจำปี

เงินที่ได้รับจากการจัดสรรคืนความเสียหายตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกิจการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม โดยให้จัดสรรให้แก่องค์กร กสทช. จัดสรรให้น้อยกว่าร้อยละสิบของรายได้จากการจัดสรรคืนความเสียหาย

เงินที่ได้รับการจัดสรรจากรายได้ของสำนักงาน กสทช. ตามมาตรา ๖๒ (๒) และ (๓) แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกิจการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ไว้แยกในส่วนที่เกี่ยวกับกองทุน โดยให้สำนักงาน กสทช. จัดสรรให้น้อยกว่าร้อยละสิบของรายได้ของสำนักงาน กสทช. ดังกล่าว

๑๐

เงินที่ กสทช. โอนให้กองทุนตามมาตรา ๕๔

๑๑

เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคหรือมอบให้

๑๒

ดอกผลของเงิน ค่าบริการ หรือรายได้จากการดำเนินการของสำนักงานกองทุน รวมทั้งผลประโยชน์จากการเพิ่มบัญชีที่เป็นของสำนักงานกองทุนหรือกองทุน

๑๓

ผลประโยชน์ หรือรายได้ที่เกิดขึ้นจากเงินหรือทรัพย์สินของกองทุน

๑๔

เงินหรือทรัพย์สินอื่นที่กฎหมายกำหนดให้เป็นของกองทุน เงินประจาปีและเงินที่ได้รับจากการจัดสรรตาม (๘) และ (๙) ให้ถือเป็นรายได้ของกองทุนประจาปีงบประมาณและไม่นำเงินที่เหลือจากงบประมาณ และให้ถือว่ารัฐบาลมีความรับผิดชอบในการบริหารจัดการให้มีเงินทุนสูงสุดให้กองทุนสามารถดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของกองทุนได้ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย เงินสะสมของกองทุนที่เหลือจากปีงบประมาณให้ถือเป็นเงินทุนสำรองของกองทุน ให้กองทุนไม่นำเงินส่วนนี้ไปใช้แต่ในกรณีฉุกเฉิน

มาตรา ๕๔ ให้ กสทช. มีอำนาจมอบหมายให้สำนักงานเป็นผู้ดำเนินการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมตามมาตรการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานทั่วถึงและบริการเพื่อสังคมตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกิจการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม ทั้งหมดหรือบางส่วนแทน กสทช. ได้ และให้สำนักงานดำเนินการดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกองทุนหรือผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมเพื่อนำไปใช้ดำเนินการตามมาตรการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานทั่วถึงและบริการเพื่อสังคมตามกฎหมายดังกล่าว โดยจัดส่งแผนบริการเพื่อสังคมให้ กสทช. พิจารณาอนุมัติ และให้สำนักงานดำเนินการเฉพาะเพื่อค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับกิจการที่ได้รับมอบหมาย

มาตรา ๕๕ เงินของกองทุน ให้ใช้เพื่อกิจการของกองทุน ได้แก่

ส่งเสริม สนับสนุน หรือให้ความช่วยเหลือเพื่อการวิจัยและพัฒนาแก่บุคคลทั่วไปในการดำเนินการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงการพัฒนาเพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจและการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน

ให้ทุนอุดหนุนหรือการวิจัยและพัฒนาแก่หน่วยงานของรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ข) จัดสรรเป็นเงินอุดหนุนแก่สำนักงานในการดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ นอกเหนือจากที่ได้รับจากงบประมาณแผ่นดิน (ค) จัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ตามที่คณะกรรมการบริหารกองทุนเห็นสมควร (ง) เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารกองทุน (จ) ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด

ส่วนที่ 2

การบริหารกองทุน

มาตรา 27 ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนา ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม” ประกอบด้วย

1

รองประธานกรรมการตามมาตรา 6 (2) เป็นประธานกรรมการ

2

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นรองประธาน กรรมการ

3

ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ ผู้อำนวยการสำนักงานงบประมาณ เป็นกรรมการ

4

กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา 6 (4) ซึ่งคณะกรรมการกำหนด จำนวนสามคน เป็นกรรมการ

5

เลขาธิการเป็นกรรมการและเลขานุการ

มาตรา 28 ให้คณะกรรมการบริหารกองทุนรับผิดชอบในการบริหารกองทุนให้ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนตามมาตรา 23 และมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

1

พิจารณาอนุมัติการส่งเสริม สนับสนุน หรือให้ความช่วยเหลือตามมาตรา 26 (4) และ (5) โดยไม่ก่อให้เกิดการดำเนินการซ้ำซ้อน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ คณะกรรมการกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ

2

พิจารณาแผนการบริหารกองทุนและการจัดสรรเงินกองทุนตามมาตรา 26 (1) (2) (3) (4) และ (5)

3

บริหารกองทุนและดำเนินการเกี่ยวกับการจัดหาผลประโยชน์ และการจัดการ กองทุนตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด

4

กำกับดูแลการใช้จ่ายเงินกองทุนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุน

5

จัดทำรายงานการบริหารกองทุนประจำปีเสนอต่อคณะกรรมการและรายงานต่อ คณะรัฐมนตรีภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชี และเปิดเผยรายงานดังกล่าว ต่อสาธารณชน

6

แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน หรือเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการหรือ ปฏิบัติการตามที่คณะกรรมการบริหารกองทุนมอบหมาย ```

ปฏิบัติหน้าที่อื่นที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของกองทุน

มาตรา ๒๙ การประชุมของคณะกรรมการบริหารกองทุน ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการบริหารกองทุนกำหนด

มาตรา ๓๐ ให้ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการบริหารกองทุน รวมทั้งอนุกรรมการ คณะทำงาน และที่ปรึกษา ที่คณะกรรมการบริหารกองทุนแต่งตั้งขึ้นตามมาตรา ๒๖ (๗) ได้รับเบี้ยประชุมหรือค่าตอบแทนตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด

มาตรา ๓๑ ให้สำนักงานรับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการบริหารกองทุน และดำเนินการในเรื่องต่อไปนี้ด้วย

จัดทำแผนการดำเนินงานประจำปี แผนการเงินและงบประมาณประจำปีของกองทุนเพื่อนำเสนอคณะกรรมการบริหารกองทุนให้ความเห็นชอบ

จัดให้บุคคลภายนอกที่เป็นอิสระประเมินผลการดำเนินการของกองทุนเพื่อเสนอคณะกรรมการบริหารกองทุน

ให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะแก่ผู้ได้รับการส่งเสริม สนับสนุน หรือช่วยเหลือตามมาตรา ๒๖

ติดตามและประเมินผลการส่งเสริม สนับสนุน และช่วยเหลือของกองทุน

รายงานผลการดำเนินงานของกองทุนต่อคณะกรรมการบริหารกองทุน

ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่คณะกรรมการบริหารกองทุนมอบหมาย

มาตรา ๓๒ ให้คณะกรรมการบริหารกองทุนจัดทำงบกองทุน งบการเงิน และบัญชีที่การผู้สอบบัญชีลงลายมือชื่อรับรองนั้นแต่ละสิ้นปีบัญชีทุกปี

ให้สำนักงานจัดการตรวจเงินแผ่นดินหรือผู้สอบบัญชีของกองทุนที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินให้ความเห็นชอบเป็นผู้สอบบัญชีกองทุนทุกกรณี แล้วทำรายงานผลการสอบบัญชีเสนอคณะกรรมการบริหารรายงานต่อคณะรัฐมนตรีหรือสภาผู้แทนราษฎรตามมาตรา ๒๖ (๒) ในรายงานดังกล่าวให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแสดงความเห็นเกี่ยวกับประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการใช้เงินของกองทุนด้วย

มาตรา ๓๓ ให้สำนักงานจ่ายเงินหรือจัดทำบัญชีของกองทุนอย่างถูกต้องและเหมาะสมต่อการดำเนินการของกองทุน และถูกต้องตามมาตรฐานการบัญชีที่รับรองทั่วไป

หมวด ๕ การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล

```

มาตรา ๑๔ ให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม และสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล พัฒนาและส่งเสริมให้เกิดการนำไปใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และความมั่นคงของประเทศ

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นหน่วยงานของรัฐและเป็นนิติบุคคล และไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน หรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณหรือกฎหมายอื่น กิจการของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการรวม กฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม และกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง แต่พนักงานและลูกจ้างของสำนักงานต้องได้รับประโยชน์ตอบแทนไม่ต่ำกว่าที่กำหนดไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม และกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน

มาตรา ๑๕ นอกจากอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตามมาตรา ๑๔ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ด้วย

จัดทำแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนระดับชาติด้านอุตสาหกรรมดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

ส่งเสริมและสนับสนุนการลงทุนหรือการประกอบกิจการอุตสาหกรรมดิจิทัลและนวัตกรรมดิจิทัล

ส่งเสริม สนับสนุน และดำเนินการเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลและนวัตกรรมดิจิทัล

เสนอแนะ เร่งรัด และติดตามการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายหรือกฎระเบียบหรือมาตรการเกี่ยวกับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของอุตสาหกรรมหรือ นวัตกรรมดิจิทัลต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่คณะกรรมการ คณะกรรมการเฉพาะด้าน หรือคณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลมอบหมาย หรือตามที่กฎหมายกำหนด การดำเนินการตาม (๒) (๓) (๔) และ (๕) ต้องสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล อุตสาหกรรมหรือนวัตกรรมดิจิทัล ให้หมายความถึงอุตสาหกรรมหรือนวัตกรรมในเทคโนโลยีดิจิทัลที่สรรค์สร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมหรือที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และความมั่นคงของประเทศด้วย

มาตรา ๑๖ ให้มีคณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลคณะหนึ่งประกอบด้วย ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง เป็นประธานกรรมการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง จำนวนไม่เกินห้าคน เป็นกรรมการกรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากตำแหน่งดังกล่าวเป็นกรรมการ

ให้ผู้อ่านอาคารที่ทำหน้าที่เลขานุการของคณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมาจากพระราชทาน ให้รัฐบาลแต่งตั้งจากบุคคล ซึ่งมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความสามารถเป็นประโยชน์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ด้านเศรษฐศาสตร์ ด้านสังคมศาสตร์ ด้านบริหารธุรกิจ ด้านกฎหมาย หรือด้านอื่นที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของมูลนิธิหรือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด ให้นำบทบัญญัติมาตรา 6 และมาตรา 10 มาใช้บังคับแก่ประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิโดยอนุโลม

มาตรา 37 ให้ประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปี

ในการนี้เมื่อครบกำหนดวาระดังกล่าวประธานกรรมการแทนประธานกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระครบสี่ปีตามวรรคหนึ่งจะดำรงตำแหน่งในตำแหน่งที่ว่างนั้น และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่างดำรงตำแหน่งได้เท่ากับวาระที่เหลืออยู่ ในการนี้เมื่อครบกำหนดวาระดังกล่าวกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระครบสี่ปีตามวรรคหนึ่งจะดำรงตำแหน่งในตำแหน่งที่ว่างนั้น และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแทนตำแหน่งที่ว่างดำรงตำแหน่งได้เท่ากับวาระที่เหลืออยู่ ประธานกรรมการหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งตามวาระ ให้ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งประธานกรรมการหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่ตามมาตรา 37 วรรคสองได้รับแต่งตั้งต่อไปแต่ไม่เกินสองวาระติดต่อกัน

มาตรา 38 การประชุมของคณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลกำหนด

มาตรา 39 ให้ประธานกรรมการ และกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลได้รับเบี้ยประชุมหรือค่าตอบแทนเท่าที่คณะกรรมการกำกับกำหนด

มาตรา 40 นอกจากอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 26 ให้คณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้

1

ให้ความเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลที่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลจัดทำตามมาตรา 45 (1)

2

ออกระเบียบหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล การเงิน และการอื่นอันจำเป็นในการบริหารงานสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ระเบียบหรือข้อบังคับดังกล่าวต้องไม่ก่อความล่าช้าหรือขัดต่อประสิทธิภาพและตรวจสอบได้

แต่งตั้งและถอดถอนผู้อำนวยการ และกำหนดอัตราเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนอื่นของผู้อำนวยการ

ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามพระราชบัญญัตินี้หรือตามที่คณะกรรมการมอบหมาย ในการปฏิบัติงานตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการอาจมอบหมายให้คณะอนุกรรมการหรือผู้อำนวยการกระทำแทนได้ และคณะอนุกรรมการหรือผู้อำนวยการที่ได้รับมอบหมายให้กระทำแทนดังกล่าว ให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา ๔๕ แผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลตามมาตรา ๔๕ (๔) ต้องสอดคล้องกับนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และอย่างน้อยต้องกำหนดเรื่องดังต่อไปนี้ด้วย

แนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างหรือเผยแพร่เนื้อหาผ่านทางสื่อที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และความมั่นคงของประเทศ

แนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดอุตสาหกรรมและนวัตกรรมหรืองานวิจัยด้านเทคโนโลยีดิจิทัล

แนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนการลดต้นทุน การลงทุน ระบบการผลิต และการให้บริการที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทัล

แนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนบุคลากรและพัฒนากำลังคนด้านอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัลให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศ

แนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้ให้ประชาชนใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างคุ้มค่า ปลอดภัย และประหยัด

แนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลตามหลักการออกแบบที่เป็นกลาง และการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างครอบคลุม

แนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษา ค้นคว้า วิจัย การถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่จำเป็นต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัล

มาตรา ๔๖ เมื่อคณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์ที่จัดทำขึ้นตามมาตรา ๔๕ (๔) แล้ว ให้ส่งแผนดังกล่าวให้คณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และเมื่อคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้ความเห็นชอบแล้ว ให้แผนดังกล่าวมีผลใช้บังคับเป็นแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลต่อไป

มาตรา ๔๓ นอกจากอำนาจในการดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตามมาตรา ๔๒ ให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ด้วย

ถือกรรมสิทธิ์ มีสิทธิครอบครองและทรัพย์สินต่าง ๆ

ก่อหนี้สิ้นหรือทำนิติกรรมทุกประเภทเพื่อประโยชน์ในการดำเนินกิจการของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล

หารายได้จากผลประโยชน์ของทรัพย์สิน การจัดงานอื่น ๆ การให้บริการ หรือการดำเนินการอื่นใดทั้งในประเทศและต่างประเทศในกิจการที่เกี่ยวกับการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล

ถือหุ้น เข้าเป็นหุ้นส่วน หรือเข้าร่วมทุนกับบุคคลอื่นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามมาตรา ๔๒

ยืมเงินเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล

เรียกเก็บค่าธรรมเนียม ค่าบำรุง ค่าตอบแทน หรือค่าอากรในการดำเนินกิจการต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และอัตราที่คณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลกำหนด

ดำเนินการอื่นใดที่จำเป็นหรือที่เกี่ยวเนื่องเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนตาม (๔) และการยืมเงินตาม (๕) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลกำหนด

มาตรา ๔๔ รายได้ของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลได้แก่

ทุนประเดิมที่รัฐจัดสรรให้ตามมาตรา ๒๐

เงินและทรัพย์สินที่รับโอนมาตามมาตรา ๒๖

เงินอุดหนุนทั่วไปที่รัฐจัดสรรให้ตามความเหมาะสมเป็นรายปี

เงินและทรัพย์สินที่ได้รับจากการยืมเงิน

ดอกผล และผลประโยชน์หรือรายได้อื่นที่ได้มาจากการดำเนินการของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ทรัพย์สินของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี เงินและทรัพย์สินของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ยกเว้นดอกผล และผลประโยชน์หรือรายได้อื่นตามวรรคหนึ่ง (๕) และให้อยู่ภายใต้อำนาจหน้าที่ของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์เป็นต้น

มาตรา ๔๕ ให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลมีผู้อำนวยการคนหนึ่ง ซึ่งคณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลแต่งตั้ง มีหน้าที่บริหารกิจการของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลตามนโยบายและวัตถุประสงค์ของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และอยู่ในความรับผิดชอบต่อคณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล

มาตรา 38 ผู้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้

1

มีสัญชาติไทย

2

สามารถทำงานให้แก่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลได้เต็มเวลา

3

มีคุณไม่เกินห้าสิบห้าปีบริบูรณ์ในวันที่ได้รับการแต่งตั้ง

4

มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรม หรือกิจการด้านเศรษฐกิจดิจิทัล และการบริหารจัดการ

5

ไม่เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต

6

ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ

7

ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ

8

ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจหรือจากหน่วยงานของเอกชน เพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง

9

ไม่เคยถูกสั่งให้ล้มละลายจากคำพิพากษาในคดีทางกฎหมาย

10

ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น กรรมการหรือผู้ดำรงตำแหน่งอื่นซึ่งมีลักษณะของการบริหารพรรคการเมือง ที่ปรึกษาพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง

11

ไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในกิจการที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือกิจการที่ต้องเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลในทางอ้อม

มาตรา 39 ผู้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปี และอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินสองคราวไม่ได้

ในกรณีที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบกำหนด ผู้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการที่แต่งตั้งขึ้นแทนอยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการเดิม ในกรณีเช่นนี้ให้คณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการขึ้นแทนในตำแหน่งดังกล่าวภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ตำแหน่งว่างลง

มาตรา 40 เพื่อประโยชน์ในการประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ตรวจการตามมาตรา 39 ให้คณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และตัวชี้วัดการประเมินภายในสามเดือนนับแต่วันที่มีการแต่งตั้งผู้ตรวจการ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลกำหนด

มาตรา 41 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา 39 ผู้ตรวจการพ้นจากตำแหน่งเมื่อ

1

ตาย

6

ลาออก

7

คณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลให้ออก เพราะไม่ผ่านการประเมินหรือไม่สามารถประเมินอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดไว้ติดต่อกัน หรือเมื่อคณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล เห็นว่าการที่บุคคลนั้นดำรงตำแหน่งต่อไปจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างร้ายแรง

8

ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก

9

ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 18

มาตรา 50 เมื่อผู้ดำรงตำแหน่งจากตำแหน่งไม่ว่าด้วยเหตุใด รองผู้อำนวยการพ้นจากตำแหน่งด้วยและในกรณีผู้ดำรงตำแหน่งจากตำแหน่งเพราะเหตุสุดความสามารถประเมินตามมาตรา 49 หรือมาตรา 44 (7) จะมีผลต่อรองผู้อำนวยการพ้นจากตำแหน่งนั้นไปด้วย

นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวรรคหนึ่ง รองผู้อำนวยการพ้นจากตำแหน่งเมื่อผู้อำนวยการสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง

มาตรา 51 ให้ผู้อำนวยการมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

1

บริหารงานของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามภารกิจของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และยุทธศาสตร์ที่คณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลกำหนด รวมทั้งให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ที่คณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลกำหนด

2

วางระเบียบเกี่ยวกับการดำเนินงานของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และเสนอระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศที่เกี่ยวกับการดำเนินงานของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลต่อคณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล

3

เป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างทุกตำแหน่ง เว้นแต่ผู้ตรวจตำแหน่งผู้ตรวจสอบภายในและประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานและลูกจ้างของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลทุกคนในกรณีระเบียบหรือข้อบังคับของคณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล

4

แต่งตั้งรองผู้อำนวยการที่มีคุณสมบัติและไม่เป็นลักษณะต้องห้ามตามที่คณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลกำหนด

5

บรรจุ แต่งตั้ง เลื่อนเงินเดือนหรือถอดจ้าง ลงโทษพนักงานและลูกจ้างของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ตลอดจนให้พ้นจากตำแหน่งและลูกจ้างออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ ตามระเบียบหรือข้อบังคับของคณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล

6

ปฏิบัติการอื่นใดตามระเบียบ ข้อบังคับ และมติของคณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล

มาตรา 52 ในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก ให้ผู้อำนวยการเป็นผู้แทนของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล เว้นแต่จะได้มอบหมายให้รองผู้อำนวยการหรือบุคคลอื่นเฉพาะรายอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลกำหนด

การรักษาการแทน และการปฏิบัติหน้าที่แทน ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลกำหนด

มาตรา ๕๓ การปฏิบัติราชการในสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ให้ดำเนินตามมาตรฐานการปฏิบัติแบบแผนและหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลกำหนด

มาตรา ๕๔ ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งอยู่ระหว่างการปฏิบัติราชการใช้ทุนการศึกษาที่ได้รับจากส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ที่ได้โอนย้ายตำแหน่งมาปฏิบัติราชการในสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลโดยได้รับความเห็นชอบจากผู้บังคับบัญชาตามลำดับ ให้ถือเป็นการชดใช้ทุนตามสัญญา และสิทธิต่าง ๆ ในระยะเวลาการปฏิบัติราชการในสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล เป็นระยะเวลาในการชดใช้ทุนตามสัญญาด้วย

มาตรา ๕๕ ให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลจัดทำทางบุคคล งบการเงิน และบัญชีทำการส่งผู้สอบบัญชีภายในกลับดำเนินการเป็นผู้อื่นเป็นผู้สอบบัญชี ให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินหรือผู้สอบบัญชีอื่น ๆ ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินให้ความเห็นชอบเป็นผู้สอบบัญชี และประเมินผลการปฏิบัติงานของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลประจำปี แล้วทำรายงานผลการสอบบัญชีเสนอคณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล

มาตรา ๕๖ ให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลจัดทำรายงานการดำเนินงานประจำปีรวมถึงรายงานเกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณในปีหนึ่ง ๆ เสนอคณะรัฐมนตรีภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณ และเผยแพร่รายงานดังกล่าวต่อสาธารณชน

รายงานการดำเนินงานประจำปีตามวรรคหนึ่ง ให้แสดงรายละเอียดของงบการเงินที่ผู้สอบบัญชีให้ความเห็นแล้ว พร้อมทั้งผลการประเมินของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลไปที่ความเห็น รายงานการประเมินผลการดำเนินงานของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลประจำปี และการประเมินผลการดำเนินการของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลตามวรรคสอง จะต้องดำเนินการโดยบุคคลภายนอกที่คณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลให้ความเห็นชอบ

มาตรา ๕๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมกำกับดูแลการดำเนินการของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลให้เป็นไปตามกฎหมายนี้และกฎหมายอื่น ๆ คณะรัฐมนตรีจะกำหนดข้อสั่งการ นโยบาย และแนวทางปฏิบัติให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลดำเนินการได้ตามความเหมาะสม

ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเห็นสมควร หรือจำเป็นต้องรายงานเกี่ยวกับการดำเนินงานของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลต่อคณะรัฐมนตรี ให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลจัดทำรายงานเกี่ยวกับการดำเนินงานของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมอาจมอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลดำเนินการในเรื่องอื่น ๆ เกี่ยวกับการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลได้ บทเฉพาะกาล

มาตรา ๕๘ ในวาระเริ่มแรก ให้คณะกรรมการประกอบด้วยคณะกรรมการตามมาตรา ๗ (๑) (๒) (๓) และวรรคสอง เพื่อปฏิบัติหน้าที่เท่าที่จำเป็นไปพลางก่อนแต่ไม่เกินกำหนดหกสิบวันนับตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

มาตรา ๕๙ ในวาระเริ่มแรก ที่ยังไม่มีคณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลตามพระราชบัญญัตินี้ ให้คณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลประกอบด้วย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานกรรมการ เลขาธิการ และผู้ทรงคุณวุฒิ ความเชี่ยวชาญ และความสามารถที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ด้านเศรษฐศาสตร์ ด้านบริหารธุรกิจ ด้านกฎหมาย หรือด้านอื่นที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของคณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง จำนวนสี่คน เป็นกรรมการ และให้มีผู้แทนที่ผู้ดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้แต่งตั้งจากคณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลตามพระราชบัญญัตินี้ ซึ่งต้องไม่เกินจำนวนหนึ่งร้อยคนเป็นคณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลตามพระราชบัญญัตินี้

ในระหว่างที่ยังไม่มีการแต่งตั้งคณะผู้ดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งผู้ที่เห็นสมควรให้ปฏิบัติหน้าที่แทนคณะผู้ดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ และการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลในระหว่างนี้ต้องไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

มาตรา ๖๐ ในวาระเริ่มแรก ให้คณะรัฐมนตรีจัดสรรทุนประเดิมให้แก่องค์ทุนและสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลตามความจำเป็น

มาตรา ๖๑ ในวาระเริ่มแรก ให้รัฐมนตรีเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อจัดสรรตำแหน่งข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานใดในหน่วยงานของรัฐ มาเป็นผู้ปฏิบัติงานเป็นพนักงานของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นการชั่วคราวภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนดได้

มาตรา ๖๒ เมื่อพระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับแล้ว ให้พระราชกฤษฎีกาตั้งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (องค์การมหาชน) ตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ เป็นนิติบุคคลและให้ทรัพย์สิน หนี้สิน และภาระผูกพัน รวมทั้ง รวมถึงทรัพย์สินที่เป็นของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ถือว่าเป็นของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๖๓ ให้โอนบำเหน็จบำนาญและค่าจ้างของพนักงานและเจ้าหน้าที่ของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (องค์การมหาชน) ตามพระราชกฤษฎีกาตั้งสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรม

ขออภัย, 다음은 이미지에서 추출한 텍스트입니다: --- สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา - ๒๒ - ของฟอร์มแห่งชาติ (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับไปเป็นพนักงานหรือลูกจ้างของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นการชั่วคราว ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลดำเนินการคัดเลือกเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ความสามารถหรือเหมาะสมเพื่อบรรจุเป็นพนักงานหรือลูกจ้างของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลต่อไป พนักงานหรือลูกจ้างผู้ใดได้รับการคัดเลือกและบรรจุตามวรรคสอง ให้ถือสิ้นสุดระยะเวลาการจ้างที่เคยทำงานอยู่ในสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ต่อเนื่องรวมถึงระยะเวลาทำงานในสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล เจ้าหน้าที่หรือบุคลากรผู้ใดที่มีความรู้ความสามารถหรือมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์การทำงานในสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลต่อไปหรือไม่ได้รับการคัดเลือกและบรรจุตามวรรคสอง ให้ถือว่าเป็นการเลิกจ้างและให้สิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญการเลิกจ้างตามประกาศ ระเบียบ หรือข้อบังคับของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลในส่วนที่เกี่ยวกับการเลิกจ้างและการได้รับบำเหน็จบำนาญการเลิกจ้างดังกล่าว ทั้งนี้ เว้นแต่การเลิกจ้างนั้นจะเป็นไปตามข้อยกเว้นกรณีความผิดร้ายแรงตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม กฎหมายว่าด้วยเงินบำนาญ หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือกรณีการไม่ผ่านการทดลองงานในสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ต้องแสดงความจำนงภายในสามสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

มาตรา ๕๔ ในระหว่างที่ยังมิได้มีการออกประกาศ ระเบียบ หรือข้อบังคับในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลตามพระราชบัญญัตินี้ ให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลสามารถกำหนดให้บังคับใช้ประกาศ ระเบียบ หรือข้อบังคับของสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ที่มีอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับไปพลางก่อน ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๕๕ การดำเนินการออกประกาศ ระเบียบ และข้อบังคับตามพระราชบัญญัตินี้ให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ หากไม่สามารถดำเนินการได้ให้รัฐมนตรีว่าการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี --- ``` หมเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในด้านดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งส่งผลต่อความรุ่งเรืองก้าวหน้าสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งมีความจำเป็นต้องมีการ บูรณาการส่งเสริมและพัฒนาระบบเทคโนโลยีดิจิทัลดังกล่าวไปใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจและ ประสิทธิภาพของการให้บริการ เพื่อประโยชน์ที่เป็นธรรมของประชาชนโดยให้บริการพัฒนาในทุกมิติทาง ธุรกิจทั้งของภาครัฐและเอกชน แต่ประเทศไทยยังขาดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบเทคโนโลยี ดิจิทัลอย่างเป็นระบบซึ่งสอดคล้องและตอบสนองความต้องการดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะ นำไปสู่การพัฒนาความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ดังนั้น เพื่อให้การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศครอบคลุมการดำเนินงานในลักษณะต่าง ๆ ที่มีส่วนสนับสนุนการพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมของประเทศและการวางโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศของประเทศในระบบเพื่อลดความ ซ้ำซ้อนในการดำเนินงานและส่งเสริมกิจกรรมในด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศทั้งของภาครัฐ และภาคเอกชน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ ``` สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พรวิภา/ปริญญช/จัดทำ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๐ ปริญสิริย์/ตรวจ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๐